War sovereign Soaring The Heavens 2272-2277
ตอนที่ 2,272 : ใต้เท้าต้วนหลิงเทียน!
ฟั่ฟฟฟ
แว่วเสียงกระบี่หอนดังขึ้นสั้นๆในหู
หลังจากนั้นอาวุโสวังเซียนสัญจร หลินหย่วน ที่ไล่ตามต้วนหลิงเทียนอยู่ก็รู้สึกเสมือน ถูกกลิ่นอายอันร้ายกาจหนึ่งสะกดกัก!
“แย่แล้ว!!”
สีหน้าหลินหย่วนเปลี่ยนไปในฉับพลัน พลังเซียนต้นกำเนิดทั้งไอมารอันชั่วร้ายปะทุออกเต็มกำลัง ควบรวมผนึกก่อเกิดม่านพลังป้องกันไว้เบื้องหน้า!
ม่านพลังป้องกันของมันแลดูหนาแน่นทั้งแข็งแกร่งปานจะสามารถยืนหยัดต่อต้านฟ้าดิน!
“พลังฝีมือของเจ้าหากเทียบกับอาวุโสวังเซียนสัญจรที่ตายด้วยมือข้าเมื่อปีก่อน…ที่เห็นว่ามันเป็นบิดาเหอเซินเจี๋ยอะไรนั่น…ยังเหมือนจะเทียบมันไม่ได้ด้วยซ้ำ…”
หลินหย่วนที่ได้ยินเสียงกระบี่หอนแว่วดังทั้งเร่งเร้าม่านพลังไม่ทันไร ก็ได้ยินเสียงกล่าวเฉยเมยหนึ่งส่งตรงเข้าหู
เป็นเสี่ยงผ่านพลังของต้วนหลิงเทียน!
บิดาของเหอเซินเจี๋ย?
นั่นไม่ใช่ เหอฉิง หรอกหรือ?!
“เหอฉิงถูกมันฆ่า…”
ในขณะที่หลินหย่วนเหม่อคิดถึงวาจาประโยคดังกล่าว
ก็ปรากฏเสียงหนึ่งรบกววนความคิดของมัน
และก่อนที่มันจะทันได้ตอบสนองสิ่งใด เบื้องหน้าก็ปรากฏประกายแสงกระบี่เล่มหนึ่ง
เปรี๊ยงงง!!
หลังจากนั้นม่านพลังที่มันเร่งเร้าพลังชั่วชีวิตมาควบรวมสร้าง ก็แตกเป็นเสี่ยงๆด้วยพลังอำนาจของประกายกระบี่เล่มนั้น!
หลังทำลายม่านพลังอันแข็งแกร่งไปแล้ว กระบี่พลังก็หาได้สิ้นสภาวะดุร้ายไม่! ยังคงทะยานเข่นฆ่าสังหารจี้เข้าใส่หลินหย่วน!!
“ไม่….!”
หลินหย่วนได้แต่คำรามเสียงต่ำออกมาด้วยความสิ้นหวัง คิดทำอะไรตอนนี้เพื่อกันกระบี่ก็สายไป!กระบี่พลังพุ่งแหวกฟ้ามาฉับไว เจาะทะลวงหว่างคิ้วทะลุออกหลังหัว สร้างหลุมโลหิตอันน่าสยดสยองที่มีทั้งเลือดทั้งเนื้อสมองทะลักพรั่งพรูกระเซ็น!!
ซูวววว!
ทว่าแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่หว่างคิ้วของหลินหย่วนถูกเจาะ ปรากฏเงาร่างหนึ่งอันแลคล้ายกับหลินหย่วนไม่มีผิดพุ่งทะยานออกจากร่างของหลินหย่วนได้ทันเวลา!
น่าตื่นตาตื่นใจนัก! ที่แท้เสี้ยววินาทีก่อนที่หลินหย่วนกำลังจะตาย มันกลับเลือกใช้ความสามารถถอดจิตลี้ร่างอันเป็นเอกลักษณ์ของเซียนสวรรค์ 8เปลี่ยนได้ทันท่วงที หมายให้วิญญาณของมันหลบหนีความตาย!!
แต่มันจะหนีพ้นหรือ?
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
ดั่งมหาพายุพัดผ่าน เป็นต้วนหลิงเทียนที่อุ้มต้วนซือหลิงทั้งหอบหิ้วคนอื่น ได้ย่ำอากาศออกไปก้าวหนึ่งก่อนกระบี่พลังจะเจาะหว่างคิ้วหลินหย่วนเช่นกันพริบตาก็บรรลุถึงเบื้องหน้าร่างหลินหย่วน!
“ถอดจิตลี้ร่าง?”
เมื่อเห็นวิญญาณของหลินหย่วนพุ่งออกจากร่างมา ต้วนหลิงเทียนกลับดูไม่ได้แปลกใจอะไรเลย เพียงยิ้มเย้ยออกมาแทน
ดุจอัสนีวาบลั่น ต้วนหลิงเทียนที่อุ้มลูกสาวด้วยแขนซ้ายพลันกระชับวงแขนขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะสะบัดมือขวาตบฟาดไปยังอากาศว่างเปล่าทิศทางที่ร่างและวิญญาณของหลินหย่วนอยู่!
ทันใดนั้นเอง
ปงงง!!
เสียงสนั่นปานฟ้าระเบิดดังขึ้น!
ขณะเดียวกันจากฝ่ามือขวาของต้วนหลิงเทียน ก็ปรากฏคลื่นพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดอันสุดไพสาลทะลักออกไปปานน้ำหลาก ยังเป็นสายน้ำหลากที่ราวกับจะถาโถมออกมาอย่างไร้สิ้นสุด!
“ไม่…!!”
เผชิญหน้ากับมวลพลังทำลายล้างที่โถมมาปานคลื่นสมุทรลูกเขื่อง วิญญาณหลินหย่วนที่พึ่งละทิ้งร่างหลบหนีออกมา ก็ได้แต่ร่ำร้องด้วยความสิ้นหวังอีกครั้ง!
พริบตาต่อมาไม่ว่าจะเป็นร่างที่เสมือนเปลือกว่างเปล่าหรือวิญญาณของหลินหย่วน ก็ไม่ต่างใดจากเรือใบลำน้อยที่เผชิญหน้ากับทะเลคลั่ง สุดท้ายก็ถูกคลื่นยักษ์อันเกรี้ยวกราดกลืนหายไป…
และในกระบวนการสังหารดังกล่าว กระทั่งละอองโลหิตใดก็ไม่ปรากฏให้เห็น…
หลินหย่วน อาวุโสวังเซียนสัญจรชนชั้นเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน…
ตาย!
มันยังเป็นอาวุโสวังเซียนสัญจรขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนคนแรกที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าทิ้งไปในปีนี้…
“ตะ…ตายตกแล้ว”
ในปัจจุบันมีเพียงอาวุโสวังเซียนสัญจรอย่างเผิงไหลแค่คนเดียวเท่านั้นที่เห็นฉากสังหารอันหมดจดของต้วนหลิงเทียน
ทำให้มันตื่นตระหนกทั้งตกตะลึงกับฉากที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าหลินหย่วนมากนัก!
‘ต้วนหลิงเทียนผู้นี้…หรือตอนแรกคิดหยอกล้ออาวุโสหลินหย่วนให้มีความหวังก่อนจะดับมันทิ้ง?’
เมื่อเผิงไหลดึงสติกลับคืน ยามมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในลูกตาก็หลงเหลือแต่ความหวาดกลัวทั้งสยดสยอง!
‘ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ที่มีความเร็วไม่น้อยไปกว่าอาวุโสหลินหย่วน ไม่เพียงไม่คิดหลบหนี แต่ยังเลือกที่จะหยุดร่างแล้วหันกลับมาลงมือใส่ผู้อาวุโสหลินหย่วนอย่างกะทันหันปานฟ้าผ่า…’
‘และทันทีที่มันลงมือก็สามารถเข่นฆ่าอาวุโสหลินหย่วนได้ง่ายดาย กระทั่งอาวุโสหลินหย่วนใช้ถอดจิตลี้ร่างของเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนแล้ว มันยังสามารถทำลายทั้งร่างทั้งวิญญาณของอาวุโสหลินหย่วนได้ด้วยพลังอันเหนือชั้น!’
คิดถึงฉากเรื่องราวที่พึ่งเกิดขึ้นอีกครั้ง ใจเผิงไหลยิ่งมาก็ยิ่งฝ่อ
น่ากลัว!
น่ากลัวเกินไป!!
อาวุโสหลินหย่วนของวังเซียนสัญจรผู้นั้น จะอย่างไรก็เป็นผู้เข้มแข็งขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน!!
มองไปทั่วทั้งวังเซียนสัญจร ผู้ที่มีพลังสามารถพอจะเข่นฆ่าหลินหย่วนได้หมดจดง่ายดายเช่นนี้ เห็นทีจะมีเพียงจ้าววังเซียนสัญจรไม่ใช่หรือไร?
‘แม้ข้ามิอาจบอกได้ชัดว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้ใช่เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนจริงๆหรือไม่…หากแต่มีเรื่องหนึ่งที่แน่ชัด ต้วนหลิงเทียนผู้นี้หลังใช้ออกด้วยเวทย์พลังสนับสนุนแล้ว กลับมีพลังอำนาจมากพอจะรับมือเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน!’
‘พลังฝีมือระดับนี้…มองไปทั่วทั้งวังเซียนสัญจรของพวกเราเห็นทีจะมีแต่ท่านจ้าววังเท่านั้นที่จะรับมือมันไหว!’
ทันทีที่คิดถึงจุดนี้ใจของเผิงไหลก็กระตุกไปทันที
และในช่วงเวลาเดียวกันกับที่เผิงไหลใจสั่นอยู่นั้น
อีกด้านหนึ่ง เหล่าศิษย์ลาดตระเวนของวังเซียนสัญจรรวมถึงติงเจี้ยนหง แม้พวกมันจะไม่อาจแลเห็นความเคลื่อนไหวใดๆของต้วนหลิงเทียนและหลินหย่วนเลย แต่ตอนนี้พวกมันยังรับทราบได้จากกลิ่นอายพลัง ว่าบัดนี้อาวุโสหลินหย่วนของพวกมันสมควรถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตายไปแล้ว
“นิ…นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่?!”
“ไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ถูกอาวุโสหลินหย่วนไล่ล่าจนทำอะไรไม่ได้ไม่ใช่หรือไร ไยอยู่ดีๆไม่เพียงรับมืออาวุโสหลินหย่วนได้ กระทั่งฆ่าท่านตายได้เล่า?”
“ท่านอาวุโสหลินหย่วน ตกตาย…ง่ายดายเพียงเท่านี้?”
“มันใช้เวลาเพียงเสี้ยวอึดใจกลับสังหารท่านอาวุโสหลินหย่วนได้…หรือที่แท้ต้วนหลิงเทียนนั่นมันจักเป็นเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนกัน?”
“เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน? บ้าไปแล้ว นัน่มิใช่ตัวตนระดับเดียวกันกับท่านจ้าววังของพวกเรารึไร?”
…
เมื่อเห็นร่างต้วนหลิงเทียนยกมือขึ้นใช้พลังเก็บแหวนพื้นที่ของหลินหย่วนที่เหลือไว้หลังตายตก ใจของเหล่าศิษย์ลาดตระเวนของวังเซียนสัญจรก็สะท้านไปอย่างแรงเช่นกัน
จากนั้นพวกมันก็เริ่มสนทนากันอย่างแตกตื่น
นอกจากแตกตื่นเพราะตกใจกับเรื่องราวที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าหลินหย่วนได้ง่ายดายในเวลาชั่วพริบตาแล้ว พวกมันยังเริ่มสงสัยว่าต้วนหลิงเทียนใช่เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนปลอมตัวมาหรือไม่?
หาไม่แล้วไฉนถึงได้ฆ่าอาวุโสหลินหย่วนได้ง่ายดายนัก!?
“ผู้อาวุโสหลินหย่วนของเรา ต่อให้เป็นเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนที่ร้ายกาจที่สุดอันได้ชื่อว่าเป็นอันดับ 1 ใต้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนของเผ่าปีศาจมนุษย์อย่างรองจ้าววังวิญญาณอสุรา ชิงหยวนป้า…ก็ไม่อาจฆ่าอาวุโสหลินหย่วนได้ในเวลาสั้นๆแบบนี้แน่!!”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น ชิงหยวนป้าผู้นั้นแม้จะแข็งแกร่งเพียงใดแต่ด่านพลังก็ยังอยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน…ยอดฝีมือเช่นมันยังไม่อาจฆ่าอาวุโสหลินหย่วนเราได้ในเวลาสั้นๆ”
ศิษย์ลาดตระเวนของวังเซียนสัญจรค่อยๆกล่าวความเห็นออกมาทีละคน
ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงยืนยันได้ว่า
ชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียน นั่น สมควรเป็นตัวตนที่มีพลังทัดเทียมเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยน!
จังหวะนี้เหล่าคนของวังเซียนสัญจรไม่อาจไม่ตื่นตระหนก!
ส่วนอีกด้านนั้น ไม่ว่าจะเป็นเค่อเอ๋อหรือก่านหรูเยี่ยน ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร สีหน้ายังคงสงบนัก
นั่นเพราะพวกนางรู้แต่แรกแล้วว่าพลังของต้วนหลิงเทียนเทียบได้กับเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนทั่วๆไป
เรื่องฆ่าตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนได้ง่ายๆ หาใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรเลย
“ด้วยพลังฝีมือของมัน หากมันยังต้องการเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจรของพวกเราอยู่ ลองท่านจ้าววังได้รู้เกรงว่าคงรีบออกมาต้อนรับด้วยตัวเองด้วยซ้ำ…แต่ตอนนี้ไม่เพียงวังเซียนสัญจรเราปฏิเสธผู้อื่น ยังกระทั่งหาเรื่องลงมือกับผู้อื่นเขาก่อน”
ติงเจี้ยนหงถอนหายใจออกมาอย่างสะทกสะท้อน กล่าวพึมพำเบาๆกับตัว
เสียงพึมพำของมันเบาเสียจนศิษย์ลาดตระเวนอีก 3 คนไม่ได้ยิน
อย่างไรก็ตามอาวุโสวังเซียนสัญจรอย่างเผิงไหล ที่พลังฝึกปรือบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนย่อมได้ยินชัดถนัดหู!
“เมื่อครู่เจ้าว่าอะไร ต้วนหลิงเทียนนั่นมันอยากเข้าร่วมวังเซียนสัญจรของพวกเรางั้นหรือ?”
หลังได้ยินวาจาดังกล่าว ลูกตาของเผิงไหลก็หดหยีลง เร่งส่งเสียงผ่านพลังไปถามเรื่องราวติงเจี้ยนหงทันที
ก่อนหน้านี้ที่มันมาที่นี่ เพราะได้รับสัญญาณจากป้ายหยกสื่อสารของติงเจี้ยนหง และรู้เพียงว่ามีคนฆ่าศิษย์วังเซียนสัญจรอย่างเฉินอันเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนคิดเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจร
มันหลงคิดว่าต้วนหลิงเทียนจงใจมายั่วยุท้าทายศักดิ์ศรีของวังเซียนสัญจร!!
แต่ไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าอีกฝ่ายคิดจะมาเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจร!
“ใช่ใต้เท้า”
เผชิญหน้ากับวาจาผ่านพลังไถ่ถามของเผิงไหล ไหนเลยติงเจี้ยนหงจะกล้ารอช้า เร่งส่งเสียงตอบกลับทันที
“ในเมื่อมันมาเพื่อเข้าร่วมวังเซียนสัญจรของพวกเรา…แล้วไฉนถึงได้ฆ่าเฉินอันนั่นเล่า?”
เผิงไหลสับสนไม่น้อย
“สมควรเป็นเพราะเฉินอันไปลามปามสตรีของมันก่อน…ท่านผู้อาวุโสเผิงไหลอาจเคยได้ยินเรื่องนิสัยเฉินอันมาบ้างว่ามันหมกมุ่นราคะเพียงใด…พอได้เห็นสตรีที่งามล้ำอย่างแม่นางทั้ง 2 นั่น ไหนเลยจะอดใจไหว ย่อมเป็นปกติที่มันจะกล่าววาจาเหลวไหลจนเกินไป…”
ติงเจี้ยนหงส่งเสียงกล่าวด้วยรอยยิ้มเบี้ยวๆ
“บัดซบ! ที่แท้เรื่องกลับเป็นเช่นนี้!”
ได้ยินคำของติงเจี้ยนหง สีหน้าเผิงไหลก็ดำราวถ่าน
วาจาติงเจี้ยนหงนั้นมันไม่สงสัยแม้แต่น้อย
เพราะสุดท้ายแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่ยอดฝีมือระดับต้วนหลิงเทียนจะฆ่าศิษย์ของวังเซียนสัญจรอย่างไร้เหตุผล หากอีกฝ่ายคิดมาเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจรจริง!
สมควรเป็นศิษย์วังเซียนสัญจรของมันอย่างเผิงอัน ไปแตะขีดจำกัดล่างของอีกฝ่ายเข้าก่อน!
‘ตายได้ดี! ตายได้ดี! มารดามันสมควรตายนัก!!’
‘เฉินตงนั่นอีกคน…เลี้ยงดูบุตรอุบาทว์ออกมาได้ สมควรตาย!!’
จังหวะนี้เผิงไหลรู้สึกว่า…
เฉินตงกับเฉินอันที่ตกตายไปนั้น…ช่างสมควรตายนัก! เพราะพวกมันทำตัวเองแท้ๆ!!
‘น่าเสียดายก็แต่อาวุโสหลินหย่วน…หากได้ล่วงรู้พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนก่อนตอนที่อีกฝ่ายทดสอบเพื่อเข้าร่วมวังเซียนสัญจร ต่อให้มีความแค้นอันใด มันที่รู้หนักเบายกได้วางได้ไหนเลยจะกล้าลงมือกับต้วนหลิงเทียนอีก!’
คิดถึงเรื่องที่หลินหย่วนต้องตกตายด้วยน้ำมือของต้วนหลิงเทียน เผิงไหล อดเสียดายไม่ได้
มันเชื่อมั่นว่า…
ต่อให้หลินหย่วนกับต้วนหลิงเทียนจะมีความแค้นที่ต้องฆ่ากันให้ตายจริงๆ แต่ถ้ารู้แต่แรกว่าต้วนหลิงเทียนมีพลังฝีมือร้ายกาจถึงขั้นสะกดข่มหลินหย่วนได้ทุกทาง หลินหย่วนย่อมไม่คิดสั้นลงมือแก้แค้นต้วนหลิงเทียนอย่างเสียสติแน่นอน
ความตาย ไม่ว่าผู้ใดย่อมหวาดกลัว
ไม่ต้องกล่าวถึงตายอย่างไร้ค่าแบบนี้!
“ต้วน…ใต้เท้าต้วนหลิงเทียนท่าน…ท่านคิดจะเข้าร่วมวังเซียนสัญจรของพวกเราจริงๆหรือ?”
สูดลมหายใจเข้าลึกๆคราหนึ่ง เผิงไหล ที่สงบสติอารมณ์ลงได้ ก็หันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยทีท่าสุภาพมากเคารพ
ตอนที่ 2,273 : ข้อมูลผิดเพี้ยนที่เริ่มแพร่ออกไป…
“ใต้เท้าต้วนหลิงเทียน?”
เรียกว่าเผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ท่าทีของเผิงไหลได้แปรเปลี่ยนไปราวหน้ามือเป็นหลังมือ เรื่องนี้นับว่าสร้างความตกใจให้ศิษย์ลาดตระเวนทั้ง 4 ไม่เว้นติงเจี้ยนหงครั้งใหญ่
อย่างไรก็ตาม พอคิดอีกทีพวกมันก็พอจะเข้าใจได้ ในเมื่อพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนร้ายกาจถึงขนาดนี้
‘หากต้วนหลิงเทียนผู้นี้ไม่ได้ล้อเล่น และคิดเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจรของพวกเราจริงๆ…แม้ท่านจ้าววังจะทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่เกรงว่าคงไม่คิดตำหนิต้วนหลิงเทียนเรื่องฆ่าเฉินอันกับเฉินตงรวมถึงอาวุโสหลินหย่วนแน่…’
ติงเจี้ยนหงลอบกล่าวในใจ ‘อย่างไรเสียคุณค่าของเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนเช่นมัน ให้เอาเฉินอันเฉินตงกับหลินหย่วนมามัดรวมกันก็ยังมิอาจเทียบได้!’
สำหรับหัวหน้าหน่วยชราที่ถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าทิ้งหลังเฉินตงตายตก ไม่ว่าจะเผิงไหลหรือติงเจี้ยนหงก็ไม่แยแสแม้แต่น้อย
เพราะนั่นเป็นแค่สมาชิกทั่วไปของวังเซียนสัญจร ไม่ได้มีภูมิหลังใดๆ
ในขณะที่ติงเจี้ยนหงลอบสูดลมหายใจเข้าลึกๆเสร็จ มันก็หันไปโค้งคำนับให้ต้วนหลิงเทียนเช่นกัน ยังกล่าวคำทักทายออกด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“คารวะใต้เท้าต้วน!”
ได้เห็นเผิงไหลรวมถึงติงเจี้ยนหงโค้งคารวะทักทายต้วนหลิงเทียนอย่างงสุภาพ ไหนเลยศิษย์ลาดตระเวนที่เหลือจะกล้ายืนหัวโด่ ต่างเร่งโค้งคารวะทักทายต้วนหลิงเทียนออกมาทันที
“คารวะใต้เท้าต้วน!”
หลังสิ้นเสียงคารวะอย่างพร้อมเพรียง 3 เสียง ฉากเรื่องราวก็กลายเป็นเงียบงันอีกครั้ง
ได้ยินคำถามของเผิงไหล ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวออกมาเสียงค่อย “ใจจริง ข้าเองก็อยากเข้าร่วมวังเซียนสัญจรของเจ้า…แต่ดูเหมือนว่าคนวังเซียนสัญจรของเจ้าจะไม่อยากต้อนรับข้าสักเท่าไหร่…”
หลังกล่าวจบต้วนหลิงเทียนก็มองลึกไปยังเผิงไหล
“เข้าใจผิด! ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจกันผิด!!”
เผิงไหลเร่งโบกไม้โบกมือปฏิเสธทันทีที่เห็นต้วนหลิงเทียนมองจ้องมาตาเขม็ง
หลังกล่าวปฏิเสธแล้ว เผิงไหลยังเร่งกล่าวสืบต่อว่า “หากใต้เท้าต้วนหลิงเทียนยังคิดเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจรของพวกเราอยู่ พวกเราวังเซียนสัญจรย่อมยินดีต้อนรับท่าน…ข้าเชื่อมั่นว่าหากท่านจ้าววังเซียนสัญจรของพวกเราได้รู้เรื่องดีงามนี้ ท่านจ้าววังย่อมยินดีต้อนรับใต้เท้าต้วนหลิงเทียนแน่!!”
“อ้อ จริงรึ? แต่ข้าพึ่งฆ่าคนวังเซียนสัญจรของพวกเจ้าไปนี่?”
ลูกตาต้วนหลิงเทียนหรี่ลง
“คนที่ใต้เท้าต้วนหลิงเทียนฆ่าไปนั้น พวกมันล้วนสมควรตายแล้ว! หากพวกมีตาแต่ไร้แววนั่นไม่ไปตอแยใต้เท้าต้วนหลิงเทียนก่อน ไหนเลยใต้เท้าต้วนหลิงเทียนจะแยแสพวกมัน?”
เผิงไหล พยายามปั้นยิ้มถึงขีดสุดกล่าวออกด้วยน้ำเสียงสุภาพ
ฟังแล้ววาจามันคล้ายประจบเอาใจต้วนหลิงเทียน แต่จริงๆแล้วมันกล่าววาจาออกมาจากใจ!
“ผู้น้อยขอเป็นธุระต้อนรับใต้เท้าต้วนหลิงเทียนกับภรรยาทั้งสองรวมถึงคุณหนูเถอะ เชิญใต้เท้ากับทุกท่านตามข้าน้อยมา ข้าน้อยจักไปจัดแจงที่พักให้ท่าน…และหลังจากข้าน้อยไปรายงานเรื่องราวให้ท่านจ้าววังทราบแล้ว ท่านจ้าววังย่อมมาพบใต้เท้าต้วนหลิงเทียนเป็นการส่วนตัว และมอบตำแหน่งให้ใต้เท้าต้วนหลิงเทียนด้วยความยินดีเป็นแน่”
เผิงไหล เร่งกล่าวออกด้วยน้ำเสียงสุภาพ ก่อนที่จะผายมือเชื้อเชิญ
ก่านหรูเยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินเผิงไหลกล่าวคำว่า “ภรรยาทั้งสอง” แต่สุดท้ายนางก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา
“นางไม่ใช่ภรรยาของข้า”
อย่างไรก็ตามเมื่อเสียงเผิงไหลดังจบคำ ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวแทรกออกมา ยังผายมือไปทางก่านหรูเยี่ยนทั้งกล่าวอธิบายเสียงเข้มว่า “นางเป็นพี่สาวฝาแฝดของภรรยาข้า”
“ขอภัยด้วยใต้เท้าต้วนหลิงเทียน ขออภัยภรรยาใต้เท้าต้วน เป็นผู้น้อยเข้าใจผิด ขอใต้เท้าอย่าได้ถือสาข้าน้อยเลย…”
“ขออภัยแม่นางท่านนี้ด้วย…”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน เผิงไหลก็เร่งหันไปขอขมาต้วนหลิงเทียนกับเค่อเอ๋อ รวมถึงหันไปประสานมือกล่าวขอขมาก่านหรูเยี่ยนด้วยอีกคน
หลังกล่าวคำขอขมาจบแล้วว เผิงไหล ก็มองต้วนหลิงเทียนอย่างระวัง ด้วยกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะติดใจเอาความ
อย่างไรก็ตามพอเห็นต้วนหลิงเทียนไม่ถือสาหาความ มันก็อดระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกไม่ได้
หลังจากนั้นมันก็นำทางด้วยตัวเอง
อีกด้านนั้น หลังได้ยินวาจาปฏิเสธเสียงแข็ง ทั้งเร่งอธิบายแก้ไขของต้วนหลิงเทียน สีหน้าก่านหรูเยี่ยนกลายเป็นบึ้งตึงขึ้นมาทันที ยังพึมพำกับตัวเบาๆว่า “คิดว่าผู้อื่นอยากเป็นภรรยาเจ้าตายล่ะ…”
เห็นเผิงไหลโรยตัวเข้าเขตวังเซียนสัญจรไป ต้วนหลิงเทียนที่อุ้มซือหลิงอยู่ก็โรยตัวตามมันลงไปทันที
คราวนี้เขาไม่ได้หอบหิ้วเค่อเอ๋อกับก่านหรูเยี่ยนไปด้วย
เพราะมันไม่จำเป็น
เผิงไหลนั้นเดินทางเชื่องช้านัก คล้ายกลัวต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นตามไม่ทัน ดังนั้นต้วนหลิงเทียนจึงเพียงอุ้มลูกสาวและปล่อยให้ทั้ง 2 คนโรยตัวลงไปเอง
ไม่นานต้วนหลิงเทียนกับพวก ก็ตามเผิงไหลหายเข้าไปในวังเซียนสัญจร
ศิษย์ลาดตระเวนทั้ง 4 ไม่เว้นติงเจี้ยนหง ต่างรู้สึกโล่งอกไม่น้อย ยังถอนหายใจออกมาอย่างพร้อมเพรียง หากแต่ในใจยังตกใจทั้งหวาดกลัวไม่หาย แผ่นหลังต่างชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อกาฬเย็นฉ่ำ
“หากใต้เท้าต้วนหลิงเทียนเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจรของพวกเราจริง…ด้วยพลังฝีมือระดับนั้นมิใช่ว่าจักได้ตำแหน่งรองจ้าววังทันทีเลยหรือไร?”
ติงเจี้ยนหงกล่าวพึมพำออกมาเบาๆ
ถึงแม้ว่าเสียงพึมพำของมันจะค่อนข้างเบา แต่ก็ดังพอให้ศิษย์ลาดตระเวนอีก 3 คนได้ยิน และต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดดังกล่าว
“ด้วยพลังฝีมือของใต้เท้าต้วนหลิงเทียน ได้เป็นรองจ้าววังก็เหมาะสมแล้ว!”
“หากใต้เท้าต้วนเข้าร่วมวังเซียนสัญจรของพวกเราจริง…พลังรบโดยรวมของวังเซียนสัญจรของพวกเราย่อมเพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล! อาวุโส 2 คนที่ตายไปด้วยน้ำมือใต้เท้า ความสูญเสียดังกล่าวจักไม่นับเป็นอะไรทันที!”
“หากใต้เท้าเข้าร่วมวังเซียนสัญจรเรา…ตำแหน่งรองจ้าววังไม่พ้นต้องหล่นใส่หัวใต้เท้าแน่แล้วล่ะ…”
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว!”
……
ศิษย์ลาดตระเวนยังคงจ้อกันถึงเรื่องนี้ไม่หยุด ในวาจาของพวกมันยังคาดเดากันไปว่าต้วนหลิงเทียนต้องได้รับตำแหน่งรองจ้าววังแน่นอน
“แต่เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ข้าเกรงว่าคงปิดเอาไว้ยาก…”
ขณะเดียวกันติงเจี้ยนหงคล้ายจะพบบางสิ่ง หลังหันมองไปรอบๆพักหนึ่งก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้
เพราะบนฟ้าหลังม่านเมฆนั้นมีร่างมากมายที่ซ่อนตัวอยู่
ไม่ต้องเดามันก็รู้ ว่าที่กำลังซ่อนตัวดูเรื่องราวอยู่ล้วนแล้วแต่เป็นหน่วยลาดตระเวนหน่วยอื่น กระทั่ง 9 ใน 10 สมควรเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกๆ
อีกด้านนั้น
ภายใต้การจัดการของ ‘เผิงไหล’ อาวุโสวังเซียนสัญจร ต้วนหลิงเทียนกับพวกก็ได้เข้าไปอยู่อาศัยในคฤหาสน์ว่างหลังหนึ่ง
ขณะเดียวกัน เผิงไหล ก็จัดแจงสาวใช้ 2-3 ให้มาคอยดูแลรับใช้กลุ่มของต้วนหลิงเทียน
‘เผิงไหลผู้นี้นับว่าฉลาดไม่เบา’
หลังเผิงไหลจากไป ต้วนหลิงเทียนพลันคิดขึ้นมาในใจ
หลังเขาฆ่าอาวุโสวังเซียนสัญจรอย่างหลินหย่วนไปเผิงไหลผู้นี้ไม่เพียงไม่มีทีท่าไม่พอใจ ยังสนทนากับเขาด้วยวาจาสุภาพท่าทางมากเคารพ
นอกจากนั้นต้วนหลิงเทียนยังมองเห็นได้ชัด
ความเคารพที่เผิงไหลเผยออกนั้น มันมาจากใจ หาได้เสแสร้งแกล้งทำไม่!
เรียกว่าวันนี้ตั้งแต่มาถึงวังเซียนสัญจร มีเพียงเผิงไหลคนเดียวที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจ
‘หากคิดจะปักหลักอยู่ที่วังเซียนสัญจร มีผู้ช่วยไว้ค่อยใช้งานก็ย่อมดี เผิงไหลผู้นี้ก็นับว่าใช้การได้…อย่างไรก็ตามก่อนเผยเรื่องราวให้มันรู้ จำต้องให้มันสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าเสียก่อน…’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวอย่างลับๆ
ถึงแม้จะมีคำกล่าวว่า ‘ใช้คนไม่สงสัย ถ้าสงสัยไม่ใช้’ แต่ในโลกที่มากอันตรายเช่นนี้ หากคิดได้รับความภักดีจากคนอื่นจริงๆ คำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้านั้นตรงไปตรงมาและเรียบง่ายที่สุด!
สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ เจตนาของต้วนหลิงเทียนนั้น ในสายตาของเผ่าปีศาจมนุษย์แล้วมันเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง!
เรื่องแบบนี้เป็นธรรมดาที่ต้องระวัง!
“ท่านพ่อ ท่านพ่อ…คนที่นี่แปลกยิ่ง ตอนแรกก็มาดุพวกเรา แต่พอท่านพ่อทุบตีพวกมันจนหนีไป คนพวกนี้ก็กลายเป็นใจดีทั้งสุภาพกับพวกเราเฉยเลย”
ต้วนซือหลิงที่ถูกต้วนหลิงเทียนอุ้มไวในอ้อมแขนพูดขึ้นมากับต้วนหลิงเทียน
“ใช่แล้วซือหลิง คนพวกนี้มันดื้อ…หากพวกเราไม่ทุบตีพวกมันจะไม่ค่อยเชื่อฟัง…”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มพลางพยักหน้า
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน เค่อเอ๋อ ไม่ได้ว่าอะไร เพียงยิ้มเฉยเมย
ส่วนก่านหรูเยี่ยนนั้นชักสีหน้าแปลกๆ
ในระหว่างที่อาวุโสวังเซียนสัญจรอย่างเผิงไหลไปเข้าพบจ้าววังเซียนสัญจรนั้น ข่าวอันน่าอัศจรรย์ใจก็เริ่มแพร่ไปทั่ววังเซียนสัญจร!
และทันทีที่ข่าวนี้แพร่ออกมา ก็สร้างความตื่นตระหนกครั้งใหญ่ให้คนของวังเซียนสัญจรนัก!
“ศิษย์ลาดตะเวนนามเฉินอัน ถูกสังหารหน้าวังเซียนสัญจรของพวกเราอย่างอุกอาจงั้นเรอะ?!”
“บิดาของเฉินอันอย่างอาวุโสเฉินตงคิดล้างแค้นให้เฉินอัน แต่ก็ถูกคนร้ายฆ่าทิ้งไปด้วย?”
ทั้ง 2 ข่าวดังกล่าวเมื่อแพร่ออกมา ย่อมไม่น่าแปลกใจที่จะสร้างความตื่นตระหนกให้กับวังเซียนสัญจร
ในประวัติศาสตร์ของวังเซียนสัญจรไม่ได้มีคนที่หาญกล้าถึงขั้นลงมือเข่นฆ่าคนของวังเซียนสัญจรหน้าวังปรากฏตัวขึ้นบ่อยๆ นับประสาอะไรกับถึงขั้นลงมือฆ่าชนชั้นอาวุโสของวังเซียนสัญจรแบบนี้!
นี่ยังต่างอะไรกับตบหน้าผู้คน!
ยังตบหน้าผู้คนทั้งวังเซียนสัญจร!
“ผู้ใดมันช่างกล้า!?”
“เจ้านั่นมันใช่เสียสติไปหรือไม่ หรือมันเบื่อจะมีชีวิตแล้ว?”
……
ทันใดนั้นผู้คนในวังเซียนสัญจรมากมายที่ได้รับทราบข่าวดังกล่าวก็โมโหเป็นฟืนไฟ ใคร่รู้นักว่า ‘ผู้เสียสติ’ ที่ว่านั่นเป็นใครกันแน่…
อย่างไรก็ตามพอมีอีกข่าวหนึ่งมาเสริม พวกมันก็ถึงกับปิดปากกันเงียบกริบไปกัหใหญ่…
“ผู้อาวุโสหลินหย่วนหลังได้รับทราบข่าวจากศิษย์ลาดตระเวนหน้าวัง ก็เร่งรุดออกไปจัดการเรื่องราว…แต่สุดท้ายกับถูกคนเสียสติผู้นั้นฆ่า?”
“นะ…นี่มัน เป็นไปได้ยังไงกัน!? อาวุโสหลินหย่วนมิใช่เซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนหรอกหรือ? ไฉนถึงได้ถูกผู้อื่นฆ่าเอาได้ง่ายๆเล่า?”
“ยิ่งไปกว่านั้นยามสังหารอาวุโสหลินหย่วน เจ้านั่นยังใช้แค่สองกระบวนท่าเหมือนกับตอนที่ฆ่าอาวุโสเฉินตง!”
“ว่าอะไร อาศัย 2 กระบวนท่าฆ่าอาวุโสหลินหย่วน?เจ้าตลกเรอะ?”
“นี่มิใช่เรื่องล้อเล่น! เห็นว่าคนร้ายที่เสียสติผู้นั้นไม่ได้รีบร้อนฆ่าอาวุโสหลินหย่วนด้วยซ้ำ มันหยอกล้ออาวุโสหลินหย่วนอยู่พักหนึ่งโดยการอุ้มเด็กหญิงทั้งสตรี 2 คนเหินหนีไปหนีมาให้ผู้อาวุโสหลินหย่วนไล่ตามอยู่นาน! สุดท้ายคนเสียสตินั่นก็เลิกละเล่น หันกลับมาฆ่าอาวุโสหลินหย่วนใน 2 กระบวนท่า!!”
“จริงรึ? เรื่องนี้เจ้าไปรู้มาจากผู้ใดกัน?”
“ย่อมจริงแท้! เป็นสหายข้าที่เข้าเวรลาดตระเวนพื้นที่หน้าวังวันนี้เห็นมากับตา! มันซ่อนตัวหลังเมฆชมดูเรื่องราวแต่ต้นจนจบเลยเถอะ!!”
……
วาจาทำนองดังกล่าว แทบจะได้ยินกันทั่วในวังเซียนสัญจร
และคำพูดพวกนี้ก็เริ่มลุกลามจนได้ยินไปถึงหูหน่วยลาดตระเวนด้านนอกอย่างพวกติงเจี้ยนหงด้วย ทำให้พวกมันได้แต่ขมวดคิ้วหน้านิ่ว
“บัดซบ! ไอพวกหน่วยลาดตระเวนหน่วยอื่นที่ซ่อนตัวดูเรื่องราวหลังเมฆพวกมันรู้ตื้นลึกหนาที่ไหนกลับเอาไปเล่ากันผิดๆ…ยังผิดเพี้ยนจากเรื่องจริงไปไกลนัก!!”
ติงเจี้ยนหงกล่าวบ่นออกมาด้วยสีหน้าตึงเครียด
ข่าวที่กำลังแพร่กระจายไปทั่ววังเซียนสัญจรตอนนี้ ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับต้วนหลิงเทียนเลย
อย่างไรก็ตาม ‘พยาน’ ปากเอกเช่นมันที่อยู่ในเหตุการณ์แต่ต้นจนจบ ย่อมรู้เบื้องลึกเบื้องหลังดี!
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะฆ่าเฉินอัน เฉินตง และหลินหย่วนจริง แต่ทุกการกระทำล้วนมีเหตุผลรองรับ หาใช่ลงมืออุกอาจตามอำเภอใจดั่งคนเสียสติไม่!
“ไม่ได้การแล้ว…ข้าต้องเอาเรื่องจริงไปประกาศบอกทุกคน! หาไม่แล้วหากใต้เท้าต้วนหลิงเทียนบังเกิดความไม่พอใจ กระทั่งเข้าใจผิดอันใดก็ย่ำแย่แล้ว ล้วนไม่ใช่เรื่องดีสำหรับวังเซียนสัญจรเราทั้งสิ้น!”
ไม่นานติงเจี้ยนหงก็ตัดสินใจได้
ตอนที่ 2,274 : พบหวงฉี่หลิงอีกครั้ง!
ในขณะที่ข่าวผิดเพี้ยน อันไม่เอื้ออำนวยต่อสถานการณ์ของต้วนหลิงเทียนกำลังแพร่ไปทั่ววังเซียนสัญจรนั้น
พลันปรากฏข่าวใหญ่อีก 2 ข่าวแพร่ตามออกมาฉับไว ไม่นานก็เริ่มได้ยินไปทั่ววังเซียนสัญจร
“หืม? สาเหตุที่เฉินอันถูกฆ่าตาย…เป็นเพราะเฉินอันมันไม่เพียงแต่จะดูแคลน กระทั่งยังไปกล่าววาจาแทะโลมสตรีของยอดฝีมือผู้นั้นก่อนงั้นเหรอ?”
“สาเหตุที่เฉินตงตกตายเป็นเพราะคับแค้นที่ลูกชายถูกฆ่าตาย มันจึงลงมือกับยอดฝีมือผู้นั้นโดยไม่สนใจเรื่องราวอันใด…”
หลังจากที่ 2 ข่าวนี้แพร่ออกมา ก็นับว่าสร้างความฮือฮาไปทั่ววังเซียนสัญจรอีกครั้ง
ต้องทราบด้วยว่า
ก่อนหน้านี้เป็นพวกมันมองว่าเฉินอันนั้นเป็นดั่งคนอ่อนแอที่ถูกผู้อื่นหาเรื่องรังแกจนตาย และบิดาของเฉินตงที่คิดล้างแค้นอย่างชอบธรรมกลับถูกเข่นฆ่าทิ้งไปอย่างอำมหิต! จึงทำให้คนของวังเซียนสัญจรย่อมเข้าข้างพวกมันสองพ่อลูกเป็นธรรมดา!!
แต่ตอนนี้พอมีข่าวเรื่องราวใหม่แพร่ออกมา ทำให้คนวังเซียนสัญจรมากมายเปลี่ยนทัศนคติทันที หลายคนไม่คิดเข้าข้างพ่อลูกสกุลเฉินอีกต่อไป
“ว่าแต่สองข่าวที่ออกมาใหม่นี่…เป็นความจริงแน่รึ?”
หลายคนยังกังขากับความเป็นจริงของข่าว
เพราะสุดท้าย 2 ข่าวใหม่ก็แพร่กระจายตามชุดแรกมาติดๆ ราวกับมีคนจงใจเผยแพร่มันออกมา
“สมควรเป็นความจริง…เพราะ 2 ข่าวล่าสุดที่แพร่ออกมานั้น เป็นผู้ที่อยู่ในหน่วยลาดตระเวนเดียวกันกับเฉินอันเผยแพร่ออกมาเอง เทียบกับคนที่ซ่อนตัวดูเรื่องราวอยู่ไกลๆย่อมมีความน่าเชื่อถือมากกว่า”
“อืม คนวงในย่อมรู้แจ้งเห็นจริงกว่าคนวงนอก”
ทันใดนั้นเรื่อราวก็แพร่กันปากต่อปากจากสิบเป็นร้อยจากร้อยเป็นพัน…
สุดท้ายแทบทุกคนในวังเซียนสัญจรก็ได้รับทราบเรื่องราวดังกล่าว
การกระทำของพ่อลูกสกุลเฉิน กล่าวได้ว่ารนหาที่ตายแท้ๆ…!
แต่แน่นอนว่ายังมีบางคนที่ยังเข้าข้างพ่อลูกสกุลเฉินโดยไม่สนข้อเท็จจริง ด้วยเห็นว่าอย่างไรนี่ก็คนในส่วนอีกฝ่ายนั้นเป็นคนนอก!!
“เฮอะ! เรื่องราวจะเป็นเช่นไรยังจะสนทำอะไร ที่แน่ๆคือสหายวังเซียนสัญจรของพวกเราถูกผู้อื่นเข่นฆ่า…กระทั่งยังเข่นฆ่ากันหน้าวัง! เจ้านั่นกล้าลงมือเช่นนี้…ใช่มันยังเห็นหัววังเซียนสัญจรของพวกเราอยู่หรือไม่!?”
“ถูกแล้ว! อย่าปล่อยให้ตัวเสียสตินั่นรอดพ้นไปได้ง่ายๆ!!”
“ความผิดเพียงเล็กน้อยกลับฆ่าคน! หากตัวเสียสติที่กล้าฆ่าคนไม่เห็นหัววังเซียนสัญจรเราไม่ชดใช้ด้วยชีวิต ต่อไปวังเซียนสัญจรเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด?”
“ฝีมือมันร้ายกาจแล้วจะอย่างไร พวกเราส่งรายชื่อไปร้องขอความเป็นธรรมกับท่านจ้าววังเถอะ! ให้ท่านจ้าววังออกหน้าฆ่ามันเสีย!!”
……
ในขณะที่ข่าวเรื่องราวข้อเท็จจริงพึ่งแพร่ออกไปและทำให้เสียงในวังเซียนสัญจรแตกแยกไม่ได้เห็นพ้องต้องกันเป็นเอกฉันท์ ก็มีข่าวใหญ่อีกข่าวแพร่ออกมา
“ยอดฝีมือหนุ่มที่ฆ่าพ่อลูกสกุลเฉินยังเป็นคนเผ่าปีศาจมนุษย์สายเลือดแท้…และที่มายังวังเซียนสัญจรของพวกเราคราวนี้เพราะคิดเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจรของพวกเรา? หากแต่กลับได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมจากเฉินอัน จึงบังเกิดความไม่พอใจจนฆ่าเฉินอันที่เป็นศิษย์ลาดตระเวนของวังเซียนสัญจรเราทิ้ง?”
ได้รับทราบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ทำให้ปากเสียงทั้งหลายในวังเซียนสัญจรเริ่มสงบลง
คนเสียสติที่พวกมันว่ากันปาวๆ เป็นเผ่าปีศาจมนุษย์ที่มีสายเลือดบริสุทธิ์เหมือนกัน?
เป็นพวกเดียวกันงั้นเหรอ?
อีกทั้งที่อีกฝ่ายดั้นด้นมาถึงวังเซียนสัญจร ล้วนเพราะคิดเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจรแต่แรก?
หลังเงียบไปพักหนึ่ง ไม่นานทั่ววังเซียนสัญจรก็ฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง
“สวรรค์! ยอดฝีมือผู้นั้นที่แท้เป็นมนุษย์แท้เหมือนพวกเรา? อีกทั้งยังตั้งใจมาเข้าร่วมวังเซียนสัญจรของพวกเราแต่แรก? แต่คนของพวกเรากลับไปหาเรื่องอีกฝ่ายเขาก่อน?”
“ให้ตายเถอะ! นั่นมันยอดฝีมือที่ฆ่าอาวุโสหลินหย่วนได้ง่ายๆ เห็นชัดว่าสมควรเป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนไม่ผิดแน่…ต่อให้พลังฝีมือของคนผู้นั้นอาจเทียบท่านจ้าววังของพวกเราไม่ได้ แต่ข้าเกรงว่าคงมิได้อ่อนด้อยกว่าท่านจ้าววังมากใช่หรือไม่?”
“บัดซบ! ยอดฝีมือเช่นนี้อุตส่าห์เดินมาหาถึงหน้าประตูบ้าน แต่พ่อลูกสกุลเฉินพวกมันกลับ…บัดซบ! โง่! โง่งมนัก! พวกมันล้วนเป็นตัวโง่งมนัก!!”
“เฮอะ! พ่อลูกสกุลเฉินใช่รับประทานหญ้าแทนข้าวหรือไม่? ตายไปก็สมควรแล้ว! หากพวกมันจะโทษก็จงโทษตัวเองเถอะ!!”
……
เรียกว่าจังหวะนี้ไม่เหลือผู้ที่ถือหางพ่อลูกสกุลเฉินหลงเหลืออยู่ในวังเซียนสัญจรอีกต่อไป
และเหตุผลสำคัญของเรื่องนี้ก็คือ
เพราะชายหนุ่มคนนั้นไม่เพียงแต่เป็นอาจจะเป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน หากแต่ยังเป็นมนุษย์สายเลือดบริสุทธิ์ดุจเดียวกับพวกมัน…!
แน่นอนว่าที่สำคัญที่สุดก็คือ ยอดฝีมือผู้นั้นตั้งใจมาเข้าร่วมวังเซียนสัญจรของพวกมัน…
ตัวตนที่มีพลังฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน หากเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจรของพวกมัน มิใช่กำลังรบของวังเซียนสัญจรของพวกมันจะเพิ่มขึ้นครั้งมโหฬารหรือไร!?
นั่นเป็นเรื่องอันดีงามสำหรับทุกชีวิตในวังเซียนสัญจร!!
ถึงแม้คนในววังเซียนสัญจรมักเรียกหาตัวเองว่าเป็นเผ่าปีศาจมนุษย์ แต่ลึกๆแล้วทุกคนต่างรู้ตัวกันดี ว่าพวกมันหาใช่ปีศาจอันใดทั้งสิ้น แต่เป็นมนุษย์มิเกี่ยวอันใดกับปีศาจ! เลือดในกายทั้ง 10 ส่วนล้วนเป็นเลือดมนุษย์บริสุทธิ์!!
ไม่ต้องกล่าวถึงเผ่าปีศาจอันใด กระทั่งนับแค่เผ่าปีศาจมนุษย์ พวกมันยังรู้สึกเสมือนเป็นคนนอกที่ไร้สิทธิ์ไร้เสียงอันใดทั้งสิ้น…
มีเพียงแต่วังเซียนสัญจรเท่านั้น ที่พวกมันรู้สึกว่าเสมือนเป็นบ้านของพวกมัน และพวกมันมีสิทธิ์มีเสียงเต็มที่
ด้วยเพราะความรู้สึกเสมือนคนนอกในเผ่าปีศาจนี้เอง ทำให้ทุกคนที่อยู่ในวังเซียนสัญจรล้วนทุ่มเทให้วังเซียนสัญจรและหวังให้วังเซียนสัญจรที่เป็นบ้านหลังเดียวของพวกมันแข็งแกร่งและเจริญยิ่งๆขึ้นไป!
และสำหรับคนของวังเซียนสัญจรแล้ว หากอยากแข็งแกร่งขึ้นไปกว่านี้ ก็จำต้องมียอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนคนที่สอง!
ถึงตอนนั้นย่อมมีอำนาจทัดทานขุมกำลังอื่นในเผ่าปีศาจมนุษย์ได้อย่างไม่เสียเปรียบและมีสิทธิ์มีเสียงขึ้นมา!
มาวันนี้พอได้รู้ว่าผู้มีพลังฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนกำลังจะเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจรของพวกมัน แต่กลับถูกพ่อลุกสกุลเฉินทำงามหน้าไปมีเรื่องมีราวกับผู้อื่นเขา!!
การเคลื่อนไหวงามหน้าของพ่อลูกสกุลเฉินครานี้ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าเสมือนขัดขวางหนทางสู่ความเจริญของวังเซียนสัญจรโดยแท้!
ไปทำกริยางามหน้าขัดขวางผู้อื่นที่เป็นยอดฝีมือไม่ให้เข้าร่วมไม่พอ ยังไปแทะโลมภรรยาผู้อื่นเขาอีก!!
เช่นนี้จะให้ยอดฝีมือที่อุตส่าห์พาครอบครัวมาเข้าร่วมวังเซียนสัญจรไม่โกรธได้อย่างไรไหว! ยังไม่ให้พวกมันคนวังเซียนสัญจรด้วยกันไม่โกรธได้อย่างไรไหว!!
เพราะสุดท้ายแล้วเรื่องราวนี้กลับเกี่ยวพันถึงความเจริญรุ่งเรืองของวังเซียนสัญจร บ้านของพวกมันทุกคน! ผลประโยชน์ของพวกมันทุกคน!!
“พ่อลูกสกุลเฉินไม่เพียงแต่ไปมีเรื่องราวกับยอดฝีมือที่ตั้งใจมาข้าร่วมวังเซียนสัญจร หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนชรานั่นก็ชราแต่ตัวสมองไม่พัฒนาหรือไร…สุดท้ายอาวุโสหลินหย่วนก็พลอยติดร่างแหถูกฆ่าตายไปด้วยอีกคน! พวกมันช่างประเสริฐ ประเสริฐแท้ ไฉนไม่รีบตายๆไปให้เร็วกว่านี้!!”
ไม่นานหลายๆคนก็เห็นพ้องต้องกัน วาจาดาท่อเริ่มดังขึ้นไปทั่ว
“พวกเจ้าผิดแล้ว”
ทว่าตอนนี้เองคนวงในที่อยู่ในเหตุการณ์อีกคนพลันเร่งกล่าวอธิบายเรื่องราวที่แท้จริง “การตายของท่านผู้อาวุโสหลินหย่วนมิได้เกี่ยวใดกับพ่อลูกสกุลเฉินรวมถึงหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนชราหรอก…แต่เป็นเพราะอาวุโสหลินหย่วนมีความแค้นส่วนตัวกับยอดฝีมือที่คิดเข้าร่วมวังเซียนสัญจรของพวกเราผู้นั้นมาก่อน! ด้วยคิดสะสางความแค้นส่วนตัวอาวุโสหลินหย่วนไม่เพียงแต่จะขัดขวาง…ยังคิดฆ่ายอดฝีมือผู้นั้น…”
“เอ๋? ความแค้นส่วนตัวหรือ? เป็นความแค้นส่วนตัวอันใดเจ้ารู้หรือไม่?”
ทันใดนั้นหลายคนก็เริ่มสงสัยในเรื่องนี้
“หากจะกล่าวถึงแค้นส่วนตัวนั่น ข้าจำต้องกล่าวถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วก่อน…เมื่อปีที่แล้วหลานชายของอาวุโสหลินหย่วน หลินฉีกัง ลูกชายของอาวุโสเหอฉิง เหอซินเจี๋ย รวมถึงหลานชายของอาวุโสหลู่เวย ซือถูอวี่จี๋ ได้ตกตายตอนไปยังมรดกสถานของปรมาจารย์จารึกเซียน พวกเจ้าทุกคนยังจดจำกันได้หรือไม่?”
“ย่อมจำได้เป็นธรรมดา เรื่องราวนี้ใหญ่โตนัก…ว่ากันว่าทั้ง 3 ล้วนถูกเผ่าปีศาจมนุษย์คนหนึ่งที่มีนามว่า ต้วนหลิงเทียน ฆ่า”
“ช้าก่อน! ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นข้าจำได้ว่าก็เป็นมนุษย์สายเลือดแท้เหมือนพวกเราด้วยไม่ใช่เหรอ…อย่าบอกข้านะว่า…ต้วนหลิงเทียนที่แท้ก็คือ…”
“มิผิด เป็นยอดฝีมือที่สังหารพ่อลูกสกุลเฉินกับอาวุโสหลินหย่วนวันนี้”
“สวรรค์! เป็นต้วนหลิงเทียนคนนั้นเองเหรอเนี่ย!!”
……
วาจาทำนองดังกล่าวไม่นานก็เริ่มแพร่ไปทั่ววังเซียนสัญจร ยังประหนึ่งแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ทำให้หัวจิตหัวใจคนทั้งวังเซียนสัญจรสะท้านกันไปไม่น้อย
ยอดฝีมือผู้นั้นมิคาดที่แท้ก็คือ ต้วนหลิงเทียน ฆาตกรที่สังหารลูกหลานของอาวุโสทั้ง 3 เมื่อปีที่แล้ว!
“ไม่คิด…ไม่คิดเลย…ไม่คิดเลยจริงๆว่าจักเป็นคนๆเดียวกันกับเมื่อปีก่อน!!”
“หากเป็นเช่นนี้…ที่อาวุโสหลินหย่วนลงมือก็นับเป็นเรื่องปกติ น่าเสียดายก็แต่ที่อาวุโสหลินหย่วนกลับไม่ล่วงรู้พลังฝีมือที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียน หาไม่แล้วคงไม่วู่วามลงมืออย่างผลีผลามเช่นนี้”
“นั่นน่ะสิ…หากอาวุโสหลินหย่วนล่วงรู้พลังฝีมือผู้อื่นแต่แรก ต่อให้มีความแค้นฆ่าหลานชายจริง ให้หัวร้อนตายอาวุโสหลินหย่วนก็ไม่ลงมือกับผู้อื่นเขาหรอก”
“เฮ่อ สรุปได้ว่าที่ตายวันนี้ล้วนแล้วแต่กลายเป็นผีโง่งมทั้งสิ้น…”
……
เรียกว่าวันนี้วังเซียนสัญจรนั่งไม่ค่อยจะติดที่กันแล้วจริงๆ
“ต้วนหลิงเทียน? น้องหลิงเทียนงั้นหรือ?”
ภายในเคหะสถานใหญ่โตของวังเซียนสัญจรอันเป็นที่พักของชนชั้นรองจ้าววัง ชายหนุ่มในชุดหรูหรามีระดับผู้หนึ่งพอได้รับทราบข่าวเรื่องราว มันก็ถึงกับต้องลุกขึ้นยืน! ใบหน้าของมันเผยความประหลาดใจทั้งตกใจไม่น้อย!!
ต้วนหลิงเทียน นามนี้ย่อมคุ้นหูมันอย่างดี!
เมื่อปีที่แล้วหากไม่ได้เจ้าของนามนี้ช่วยเหลือเอาไว้ เกรงว่ามันคงไม่อาจเก็บกู้ชีวิตน้อยๆหนึ่งเดียวนี้กลับมาจากมรดกสถานของปรมาจารย์จารึกเซียนได้!
อย่างไรก็ตามมันไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลย…
หลังผ่านไป 1 ปี คนผู้นั้นกลับปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง กระทั่งยังปรากฏตัวขึ้นที่วังเซียนสัญจรด้วยพลังอำนาจอันเหนือชั้น!!
“แค่สามารถฆ่าอาวุโสเฉินตงได้ในสองกระบวนท่าก็ร้ายกาจมากแล้ว…แต่นี่ยังฆ่าอาวุโสหลินหย่วนได้ในสองกระบวนท่าด้วยหรือ…ช่างน่ากลัวยิ่ง! พลังฝึกปรือของน้องหลิงเทียนทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนแล้ว?”
พอคิดถึงจุดนี้ใจของชายหนุ่มในชุดคุณชายจ๋าก็เริ่มเต้นรัวไปไม่เป็นจังหวะ
อาวุโสหลินหย่วนนั่น อย่างไรก็เป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนในวังเซียนสัญจรของมัน แม้จะไม่ใช่ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน แต่ก็ถือว่าเป็นเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนที่เข้มแข็งคนหนึ่ง
ชายหนุ่มในชุดหรูหรามาดคุณชายผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น นอกจาก หวงฉี่หลิง ศิษย์วังเซียนสัญจรที่ต้วนหลิงเทียนเคยเจอเมื่อปีที่แล้ว!
ตอนนั้นด้วยหวงฉี่หลิงสัมผัสได้ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นมนุษย์สายเลือดบริสุทธิ์หากแต่ไม่คุ้นหน้า จึงเข้ามาทักทายหมายชักชวนให้อีกฝ่ายเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจร
ต่อมาด้วยเพราะเรื่องส่วนตัวของมันเอง ต้วนหลิงเทียน จึงได้จับพลัดจับผลูไปปะทะกับนายน้อยสวะทั้ง 3 ของวังเซียนสัญจร…
ทว่าภายใต้การกลุ้มรุมของนายน้อยสวะทั้ง 3 ต้วนหลิงเทียนกลับเข่นฆ่าอีกฝ่ายจนตายเหี้ยน!
แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ นายน้อยสวะทั้ง 3 นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นลูกหลานของชนชั้นผู้อาวุโสในวังเซียนสัญจร!
“ตอนนี้ดูเหมือนน้องหลิงเทียนจะอยู่ในวังเซียนสัญจรแล้วสินะ…”
นึกถึงจุดนี้หวงฉี่หลิงก็ไร้ซึ่งความลังเลใดๆ มันเหินร่างลอดหน้าต่างขึ้นไปบนฟ้า ก่อนที่จะเหินไปจากเขคคฤหาสน์เบื้องล่างทันที
ยังเหินไปเขตที่พักสำหรับรับรองแขกของวังเซียนสัญจร
พื้นที่รับแขกยังแบ่งออกเป็นส่วนๆ
แขกผู้มีเกียรตินั้นจะถูกจัดให้เข้าพักยังคฤหาสน์ส่วนตัวหลังใหญ่
เมื่อมาถึงเขตนี้หวงฉี่หลิงเพียงถามศิษย์ที่รับหน้าที่เฝ้าระวังไม่กี่คำ ก็ได้รับทราบที่อยู่ของต้วนหลิงเทียน
“น้องหลิงเทียน!”
เมื่อมาถึงคฤหาสน์ส่วนตัวที่ต้วนหลิงเทียนอยู่ หวงฉี่หลิงก็ไม่ได้รีบร้อนเข้าไป เพียงแต่ทักทายออกไปเสียงที่ไม่ดังมาก หากแต่ผสานไว้ด้วยพลังเซียนต้นกำเนิดทำให้ดังไปทั่วคฤหาสน์
“เข้ามาสิ”
พอได้ยินเสียงคุ้นเคยเป็นกันเอง หวงฉี่หลิงพลันคลี่ยิ้มออกกมาทันที
เพราะมันฟังแล้วก็รู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่ลืมมัน!
“ท่านรู้ได้อย่างไรเล่าว่าข้าพักอยู่ที่นี่?”
ได้เห็นหวงฉี่หลิงอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มกล่าวทัก ด้วยเพราะเขาเองก็ประทับใจศิษย์วังเซียนสัญจรผู้นี้เหมือนกัน
ตอนที่ 2,275 : ตัดรากถอนโคน!
“น้องหลิงเทียนตอนนี้เจ้ากลายเป็นคนดังของวังเซียนสัญจรแล้วรู้ตัวหรือไม่…ไม่เชื่อเจ้าลองเดินออกไปถามดูสิ ว่ายังมีใครไม่รู้จักเจ้าอีกบ้าง?”
หวงฉี่หลิงกล่าวแซวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ตอนแรกมันเองก็กังวลไม่น้อย ด้วยกลัวว่าท่าทีของต้วนหลิงเทียนที่มีต่อมันจะเปลี่ยนไป
เพราะสุดท้ายแล้วต้วนหลิงเทียนก็ไม่ใช่อย่างที่เคยเป็น อีกฝ่ายกลับกลายเป็นตัวตนที่อาจบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนไปเสียแล้ว!
อย่างไรก็ตามพอได้เห็นต้วนหลิงเทียนทักทายมันด้วยรอยยิ้ม มันก็รู้ได้ทันที
น้องหลิงเทียนเบื้องหน้า ยังคงเป็นน้องหลิงเทียนคนเดิมกับเมื่อปีที่แล้ว!
“หืม?”
ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจเล็กน้อยหลังได้ยินคำหวงฉี่หลิง
จากคำพูดของหวงฉี่หลิง ต้วนหลิงเทียนก็พอเข้าใจได้ว่าเรื่องราวที่เขากก่อวันนี้ มันทำให้วังเซียนสัญจรแตกตื่นกันไม่น้อย
“ท่านพ่อ…เขาเป็นผู้ใดหรือ?”
ตอนนี้เองต้วนซือหลิงพลันเดินออกมาจากห้อง ก่อนจะเดินเข้าไปหาต้วนหลิงเทียน สองตากลมใสกระพริบปริบๆขณะมองไปยังหวงฉี่หลิง
“เขาเป็นสหายของพ่อเอง เรียก ท่านลุง สิลูก”
เมื่อซือหลิงเดินเข้ามาใกล้ ต้วนหลิงเทียนก็ช้อนตัวนางขึ้นมาอุ้มไว้ ค่อยกล่าวแนะนำลูกสาวให้รู้จักอีกฝ่าย
“ท่านลุง”
ต้วนซือหลิงมองหวงฉี่หลิงตาแป๋วค่อยเรียกออกมาเสียงหวาน
หวงฉี่หลิงยิ้มรับทันที ในใจยังรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
ทั้งหมดเกิดจากคำที่ต้วนหลิงเทียนเรียกหามันว่า ‘สหาย’
ต้วนหลิงเทียนเห็นมันเป็น ‘สหาย’ คนหนึ่ง
“อั้ยหยา! ไม่คิดเลยว่าจะเจอหลานน่ารักเช่นนี้ ลุงจึงมิได้เตรียมของขวัญมาให้เป็นพิเศษ…จี้หยกชิ้นนี้ลุงได้มาโดยบังเอิญเมื่อหลายปีก่อน ลุงให้หลานสาวตัวน้อยเป็นของขวัญแรกพบแล้วกัน”
หวงฉี่หลิงค้นหาสิ่งของในแหววนพืนที่ครูหนึ่ง ค่อยหยิบจี้หยกกลมมนที่แลดูมีราคาค่างวดออกมา
และทันทีที่จี้หยกนี้ปรากฏออกมา อากาศโดยรอบกลับกลายเป็นอบอุ่นทันที ราวกับมันมีอำนาจวิเศษ
เมื่อเห็นหวงฉี่หลิงยื่นจี้หยกมาให้ ต้วนซือหลิงแม้จะทำตาลุกวาว แต่ก็มองไปยังต้วนหลิงเทียนก่อนราวกับจะรอคำอนุญาตจากต้วนหลิงเทียน
“ท่านลุงอุตส่าห์ให้ของขวัญซือหลิงคนเก่งของพ่อ ซือหลิงก็รับไว้สิลูก”
ต้วนหลิงเทียนลูบหัวน้อยๆของซือหลิงอย่างอ่อนโยนค่อยกล่าวอนุญาต
“ขอบคุณค่าท่านลุง”
แทบจะพร้อมกันกับที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ ต้วนซือหลิงพอกกล่าวขอบคุณจบก็เอื้อมมือน้อยๆไปคว้าหมับจี้หยกมาจากกมือหวงฉี่หลิงทันที ก่อนที่จะยกขึ้นมาลูบๆคลำๆเล่น “ว้าวท่านพ่อ! อันนี้มันทำให้อุ่นสบายมากเลย!!”
“ไม่คิดเลยว่าน้องหลิงเทียนกลับมีลูกสาวน่ารักโตขนาดนี้แล้ว…”
หวงฉี่หลิงถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
ขณะเดียวกันในใจก็อดนึกถึงอัจฉริยะรุ่นเยาว์อันดับ 1 ของวังเซียนสัญจรอย่าง หวงเหวินจิ้ง ขึ้นมาไม่ได้
หลังจากกลับจากมรดกสถานวันนั้น ด้วยความที่หวงเหวินจิ้งคิดว่าตัวมันสนิทสนมกับต้วนหลิงเทียน จึงมาถามไถ่เรื่องราวของต้วนหลิงเทียนจากมัน…
และวันนั้นมันก็ตระหนักได้ทันทีว่า…
หวงเหวินจิ้งไม่เพียงหวั่นไหว แต่สมควรมีใจให้ต้วนหลิงเทียนเสียแล้ว
‘ไม่รู้น้องเหวินจิ้งรู้แล้วหรือไม่ว่าน้องหลิงเทียนมีภรรยากับลูกโตขนาดนี้แล้ว…หากรู้แล้ว เกรงว่าป่านนี้คงเสียใจอยู่กระมัง?’
‘อย่างไรเสียข่าวเรื่องน้องหลิงเทียนคงแพร่ไปทั่ววังเซียนสัญจรแล้ว หากนางไม่ได้ปิดด่านก็คงทราบเรื่องราวดี…’
คิดถึงจุดนี้หวงฉี่หลิงก็ได้แต่ลอบทอดถอนในใจ
ไหนเลยมันจะไม่รู้จักอัจฉริยะรุ่นเยาว์อันดับ 1 ของวังเซียนสัญจรคนนี้ กระทั่งยังเห็นอีกฝ่ายตั้งแต่เด็ก!และตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ทราบมีบุรุษมากมายเท่าไหร่มีใจให้นาง แต่นางล้วนแล้วแต่ผลักไสทั้งหลายออกไปอย่างเย็นชา ไม่เคยแยแสผู้ใดทั้งสิ้น…
ด้วยเหตุนี้พอเห็นหวงเหวินจิ้งมาถามหาต้วนหลิงเทียนวันนั้น และมองออกได้ไม่ยากว่าสมควรมีใจให้ต้วนหลิงเทียนแล้ว มันจึงตกใจไม่น้อย กระทั่งยังอึ้งไปอยู่นานสองนานกว่าจะหาย
‘ข้าเกรงว่าคงมีแต่คนอย่างน้องหลิงเทียนเท่านั้นที่คู่ควรกับอัจฉริยะมากพรสวรรค์เช่นน้องเหวินจิ้ง…’
ยิ่งคิดหวงฉี่หลิงก็ยิ่งทอดถอนในใจ
เพราะตอนนี้มันรู้ดี
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะคู่ควรกับหวงเหวินจิ้ง แต่ระหว่างทั้งคู่ล้วนเป็นไปไม่ได้ เพราะต้วนหลิงเทียนมีภรรยากับลูกเสียแล้ว
ถึงแม้ในโลกที่ยึดถือพลังเป็นใหญ่เช่นนี้ นับเป็นเรื่องปกติที่บุรุษอันเข้มแข็งทรงอำนาจจะมี 3 ภรรยา 4 สนม แต่มันที่เห็นหวงเหวินจิ้งมาแต่เด็กไหนเลยจะไม่เข้าใจนิสัยของนาง เป็นไปไม่ได้ที่คนอย่างนางจะแบ่งปันบุรุษกับสตรีใด!
ในขณะที่หวงฉี่หลิงกับต้วนหลิงเทียนกำลังสนทนาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันนั้น…
ณ พื้นที่แห่งหนึ่งของวังเซียนสัญจร ภายในเคหะสถานของผู้อาวุโส…
เปรี๊ยงงง!!
หญิงชราผมขาวโพลนนางหนึ่งพลันยกมือตบฟาดโต๊ะหินอ่อนเบื้องหน้าจนแหลกเป็นผง!
ระหว่างทุบฟาดโต๊ะ สองตาหญิงชรายังทอประกายดุร้ายแหลมคมรปานมีดดาบที่สามารถผ่าทำลายได้ทุกสิ่ง!
“ต้วน! หลิง! เทียน!”
จากนั้นหญิงชราก็คำรามออกมาด้วยน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟัน
ในน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟันของนางยังสุมไว้ด้วยความเคียดแค้นชิงชังอันไร้สิ้นสุด!
แน่นอนว่านอกเหนือจากนั้นยังมีความอับจนทดท้อเจือปนอยู่จางๆ
“อวี่จี๋…ยายไม่เอาไหน ตอนนี้สัตรูมาถึงที่แล้ว แต่ยายกลับมิอาจล้างแค้นให้เจ้าได้!”
หญิงชราถลึงตามองเหม่ออย่างอาฆาตแค้น กล่าวรำพันเสียงทุ้ม “แต่หลานรักเจ้ามิต้องเป็นกังวล…แม้ยายจักมิอาจฆ่าสารเลวต้วนหลิงเทียนนั่นได้ แต่ยายสามารถฆ่าคนสำคัญของมันได้!!”
“ยายชราผู้นี้ได้ยินมาว่านอกจากเมียแล้วมันยังพาลูกสาวมาด้วย…ยายมิเชื่อว่ามันจะอยู่กับลูกเมียได้ตลอดเวลา! ตราบใดที่ยายไม่เอาไหนผู้นี้เห็นโอกาส ยายจะให้ลูกเมียมันต้องถูกดินกลบหน้าเหมือนเจ้า!!”
“ยายจักให้ต้วนหลิงเทียนมันทุกข์ทรมาณไปชั่วชีวิต ให้มันสำนึกเสียใจเรื่องที่มันกล้าฆ่าหลานรักของยาย!!”
ขณะหญิงชราพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงอาฆาตแค้น ทั่วร่างยังปรากฏพลังเซียนต้นกำเนิดทั้งไอมารมหาศาลลุกโชนขึ้นมาดั่งเพลิงไฟ สีหน้าท่าทางแลดูวิกลจริตจิตเบี้ยวนัก!
ฟังจากคำพูดของหญิงชราผู้นี้ ตัวตนของนางก็ได้เฉลยออกมาแล้ว…
ที่แท้นางก็คือยายของซือถูอี่จวี๋ 1 ใน 3 นายน้อยสวะของวังเซียนสัญจรที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าทิ้งไปก่อนเข้ามรดกสถานเมื่อปีที่แล้ว! ยังเป็นอาวุโสของวังเซียนสัญจรด่านพลังฝึกปรือขอบเขตเซียนสวรรค์ 8เปลี่ยน!!
ในบรรดาอาวุโสวังเซียนสัญจรที่อยู่เบื้องหลังนายน้อยสวะทั้ง 3 นั้น ต้วนหลิงเทียนฆ่าทิ้งไปแล้ว 2คน…
หลงเหลือก็แต่นาง อาวุโสวังเซียนสัญจร หลู่เวย
วันนี้ข้ารับใช้ทยอยกันเข้ามารายงานข่าวแต่ละข่าวให้นางรับทราบอย่างต่อเนื่อง จึงได้รู้ว่า ต้วนหลิงเทียน ที่ฆ่าหลานชายคนเดียวของนางได้ปรากฏตัวขึ้นที่วังเซียนสัญจรแห่งนี้แล้ว
แต่พอได้ยินว่าต้วนหลิงเทียนมีพลังฝีมือร้ายกาจถึงขั้นฆ่าหลินหย่วนอาวุโสขอบเขตเซียนสวรรค์ 8เปลี่ยนที่แข็งแกร่งทัดเทียมกับนางได้ใน 2 กระบวนท่า นางก็ระงับความคิดฆ่าฟันต้วนหลิงเทียนเอาไว้ทันที!
เพราะนางรู้ดีว่าต่อให้นางบุกไปฆ่าต้วนหลิงเทียนล้างแค้น แต่เกรงว่าคนที่ตายจะเป็นตัวนางเอง!
เช่นนั้นนางจึงเลือกหนทางการล้างแค้นในอีกรูปแบบหนึ่ง
เพียงเฝ้ารอโอกาสเข่นฆ่าภรรยาทั้งลูกสาวต้วนหลิงเทียนให้ตาย ให้อีกฝ่ายรับทราบถึงความเจ็บปวดเสมือนตายทั้งเป็น และต้องสำนึกเสียใจไปชั่วชีวิต!!
ทว่าโอกาสที่นางเฝ้ารอนั้นจะมีวันมาถึงหรือไม่?
“ที่นี่ล่ะน้องหลิงเทียน”
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งจากนอกลานดังเข้าหูหลู่เวย ทำให้สีหน้าของหลู่เวยเปลี่ยนไปอย่างมาก
น้องหลิงเทียน?
‘ใช่ต้วนหลิงเทียนหรือไม่?’
จังหวะนี้สีหน้าหลู่เวยถึงกับแปรเปลี่ยนไปมหันต์ ลูกตานางยังหดหยีลงทันใด
ฟุ่บ!
และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ลูกตาของหลู่เวยหดหยีลง เสียงแหวกอากาศหนึ่งพลันแว่วดังเข้าหูนาง พาลให้ลูกตาของนางหดเล็กลงอีกครั้ง
ตอนนี้นางยังไม่อาจตอบสนองได้ว่านี่มันเรื่องราวอันใด
ตุบ!
และแทบจะทันทีที่นางตอบสนองเรื่องราว นางก็ได้แลเห็นร่างหนึ่งมาหยุดยืนเบื้องหน้า
เป็นชายหนุ่มในชุดสีม่วง
ถึงแม้ว่านางจะได้เห็นตัวจริงของชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้เป็นครั้งแรก แต่ทว่านางไม่ทราบเห็นรูปเหมือนของอีกฝ่ายมากี่ครั้งแล้วตลอดปีที่ผ่าน ทำให้นางสามารถจดจำอีกฝ่ายได้ทันทีตั้งแต่แรกเห็น!
ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้ ก็คือฆาตกรฆ่าหลานชายของนาง ซือถูอวี่จี๋! ศัตรูที่ชั่วชีวิตนี้นางไม่มีวันเลิกรา!!
ต้วนหลิงเทียน!
ฟุ่บ!
ทันใดนั้นปรากฏเสียงแหวกฝ่าสายลมดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ผู้ที่ปรากฏตัวมาในชุดหรูหราปานคุณชายผู้ร่ำรวย หวงฉี่หลิง!
“ต้วนหลิงเทียน เจ้ามาที่นี่ทำอะไร ข้ามิได้คิดแก้แค้นอันใดเจ้า!”
หลู่เวยมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงหนัก
ในสายตาของหลู่เวย ในเมื่อนางยังไม่ทันได้เผยเจตนาฆ่าฟันต่อต้วนหลิงเทียนกระทั่งยังมิได้ริเริ่มทำอะไรสักอย่าง เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนก็ไม่มีเหตุผลให้ฆ่านาง!
เพียงแต่เรื่องราวบางประการจำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ?
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่คิดฆ่าข้าล้างแค้น…”
ได้ยินคำของหลู่เวยต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวตอบเสียงเย็นไร้แยแส “ก็แค่ข้ามีนิสัยอย่างหนึ่ง…ข้าไม่ชอบปล่อยให้มีภัยซ่อนเร้นที่สามารถคุกคามคนสำคัญของข้าเหลืออยู่บนโลกใบนี้!”
ฟังคำของต้วนหลิงเทียนแล้ว ก็เผยเจตนาออกชัด
เขาคิดตัดรากถอนโคน!
กำจัดภัยซ่อนเร้นอย่างหลู่เวย!
“หวงฉี่หลิง! เป็นเจ้านำมันมาฆ่าข้างั้นเหรอ!?”
ได้ยินวาจาของต้วนหลิงเทียน ลูกตาหลู่เวยหดเล็กลงอีกครั้ง ยังมองหวงฉี่หลิงด้วยใบหน้าน่ากลัว “อย่าได้ถือดีว่าเจ้ามีบิดาเป็นรองจ้าววังเซียนสัญจรให้ท้าย…เจ้ากลับนำพาคนนอกมาทำร้ายข้าเช่นนี้นับว่าผิดกฏของวังเซียนสัญจรอย่างใหญ่หลวง!!”
“ผู้อาวุโสหลู่เวย…นี่ท่านกำลังกล่าวอันใดของท่านอยู่กัน?”
ได้ยินคำของหลู่เวย หวงฉี่หลิงก็โค้งคิ้วขึ้น ปั้นหน้ามึนกล่าวตอบไปด้วยน้ำเสียงเสแสร้ง “วันนี้ข้าแค่พาน้องหลิงเทียนมาเดินเล่นชมนกชมไม้เท่านั้นเอง…ข้าไปช่วยคนนอกมาทำร้ายท่านตั้งแต่เมื่อใดเล่า? ท่านใช่กำลังเข้าใจอันใดผิดอยู่หรือไม่?”
“อย่าได้แกล้งโง่!!”
หลู่เวยกล่าวออกเสียงเย็น “เจ้าทำอันใด! เจ้าย่อมรู้ดีแก่ใจ!!”
อันที่จริงที่หลู่เวยพูดก็ไม่ผิดเพี้ยนแม้ครึ่งคำ
ที่ต้วนหลิงเทียนมาปรากฏตัวที่นี่ได้ เป็นเพราะคำชี้นำของหวงฉี่หลิงทั้งสิ้น
“น้องหลิงเทียน จากเรื่องการลงมือของเจ้าวันนี้ ข้าเชื่อว่ายายของซือถูอวี่จี๋ อาวุโสวังเซียนสัญจรของเรา หลู่เวย ย่อมไม่กล้ามาหาเจ้าเพื่อล้างแค้นให้หลานรักของนางแน่…”
“แต่หญิงชราผู้นี้หาได้ง่ายดายไม่…แม้หลังจากนี้นางจะไม่มาหาเจ้าเพื่อล้างแค้น แต่นางสมควรต้องคิดลงมือทำอะไรบางอย่างเพื่อทำให้เจ้าเสียใจไปชั่วชีวิตแน่นอน กระทั่งยังจะพยายามทำโดยไม่สนว่าจะต้องจ่ายราคาเท่าใด…ตัวอย่างก็เช่นทำร้ายคนสำคัญของเจ้า”
“และนี่ยังเป็นนิสัยของนางมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว…สมัยที่นางยังเยาว์นางเคยมีสมญานามที่โด่งดังไม่น้อยว่า แม่ม่ายดำ…”
“แม่ม่ายดำ ยินดีกระทำทุกวิถีทางเพื่อล้างผลาญศัตรู!”
“ข้าจะขอแนะอะไรเจ้าอย่าง…หากเจ้าคิดจะอยู่ในวังเซียนสัญจรจริงๆ เป็นการดีเสียกว่าที่จะไปหานางแล้วกำจัดทิ้งไปเสียแต่เนิ่นๆ…จักได้หลีกเลี่ยงปัญหาในภายภาคหน้า”
…
ทั้งหมดเป็นคำพูดที่หวงฉี่หลิงเอ่ยกับต้วนหลิงเทียน ก่อนจะมาที่นี่
หลังได้ยินคำของหวงฉี่หลิงแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงความสำคัญของเรื่องราว และไม่ลังเลเลยที่จะให้หวงฉี่หลิงนำเขามาหาอาวุโสวังเซียนสัญจรนามหลู่เวย!
ภรรยากับลูกสาวของเขา สำหรับตัวเขาแล้วยังสำคัญยิ่งกว่าชีวิตตัวเองเสียอีก!
เขาไม่มีวันปล่อยให้คนที่จะเป็นภัยต่อครอบครัวเขามีลมหายใจอยู่บนโลก!
ขวับ!
ต้วนหลิงเทียนพลันยกมือขึ้น ปรากฏกระบี่พันอาคมเซียนผุดขึ้นจากความว่างเปล่าเข้ามือ
เขามองสบตาหลู่เวยไม่วาง สายตายังเย็นชาไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
“ใจกระบี่เหิน!”
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่สีหน้าท่าทีของหลู่เวยเปลี่ยนไปมหันต์และเตรียมปะทุพลังหลบหนี กระบี่พันอาคมเซียนของต้วนหลิงเทียนก็อันตรธานหายไปจากมือ! พุ่งทะยานเข่นฆ่าสังหารไปปานลำแสง!!
และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่กระบี่พันอาคมเซียนของเขาเหินทะยานออกไปปานลำแสงนั้นเอง
“หยุดมือ!!”
เสียงสนั่นปานฟ้าร้องหนึ่งพลันดังขึ้น เสียงนี้ยังดังมาแต่ไกลหากแต่กำลังใกล้เข้ามา ราวกับเจ้าของเสียงกำลังจะมาถึงในไม่ช้า!
ตอนที่ 2,276 : พบจ้าววังเซียนสัญจร อวี่เหวินฮ่าวเฉิน!
ฟั่ฟฟฟฟ!!
กระบี่พันอาคมเซียนปะทุพลังทะยานข้ามฟ้าราวกับดาวตก คงเหลือเพียงประกายแสงที่ตัดขวางฟ้าไปวาบหนึ่ง!
สึบ!
เสียงเบาๆดังขึ้น เป็นอาววุโสวังเซียนสัญจรหลู่เวยที่ปะทุพลังหลบหนีไป ถูกกระบี่พันอาคมเซียนเจาะท้ายทอยทะลุออกหว่างคิ้ว บังเกิดเป็นสายธารโลหิตซ่านกระเซ็น ต้องสะท้อนแสงตะวันระยิบระยับ
เรื่องราวทั้งหมดอุบัติขึ้นในชั่วพริบตา!
ยามกระบี่พันอาคมเซียนทะลวงเข้าศีรษะนาง มันยังทะลวงทำลายดวงจิตของนางจนแหลกพินาศ ให้คิดใช้การถอดวิญญาณหลบหนีก็เป็นไปไม่ได้ ดับชีวิตนางลงอย่างหมดจด
หนีไม่พ้น!
หลู่เวย อาวุโสวังเซียนสัญจร ขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนแห่งวังเซียนสัญจร…
ถูกกระบี่ต้วนหลิงเทียนดับชีวิต! ไร้ซึ่งเวลาแม้แต่จะใช้ถอดจิตลี้ร่าง!
และไฉนต้วนหลิงเทียนถึงได้ลงมือสังหารคนได้อย่างหมดจดแลดูง่ายดายนัก? นั่นเพราะก่อนที่เขาจะมาถึงคฤหาสน์แห่งนี้ เขาได้ใช้ปฐมเวทย์กลืนกินดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินระหว่างทางมา จนพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดในร่างของเขาบรรลุถึงจุดสูงสุดแล้ว!
ด้วยพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดในกายบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน กอปรกับใช้ออกด้วยเคล็ดพลังขอบเขตที่ 3 ของยอดใจกระบี่ กระบี่อยู่ที่ใจ…
คิดฆ่าตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน ย่อมเป็นเรื่องราวอันง่ายดายเป็นธรรมดา!
“เอ่อ…”
ห่างออกไปไม่ไกล หวงฉี่หลิงยืนอึนมองร่างหลู่เวยที่ถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าในชั่วพริบตาปากอ้าตาค้างพูดอะไรไม่ออก แม้มันจะเตรียมใจมาไว้แล้ว แต่ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ
“กระบี่เดียว…แค่กระบี่เดียว…”
จังหวะนี้เรียกว่าใจของหวงฉี่หลิงกระตุกสะท้านอย่างแรง!
ต้วนหลิงเทียนบทจะลงมือก็ลงมือจบชีวิตอาวุโส หลู่เวย แห่งวังเซียนสัญจรขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนได้ในกระบี่เดียว! กระบวนการทั้งหมดราบรื่นไม่ต่างตัดหญ้าฆ่าไก่!!
เข่นฆ่าเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนได้ราวกับตัดหญ้าฆ่าไก่!
เกรงว่านี่จะมีแต่ตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่กระทำได้ไม่ใช่เหรอ!?
“เจ้าคือต้วนหลิงเทียนงั้นรึ?”
ตอนนี้เองเสียงเปี่ยมโทสะหนึ่งดังขึ้น ก่อนที่จะปรากฏร่างหนึ่งที่คล้ายจะผุดออกมาจากอากาศว่างเปล่า
ร่างที่ดูราวกับจะผุดโผล่ออกมาจากอากาศว่างเปล่านี้ พอปรากฏตัวออกมา หวงฉี่หลิงก็อดไม่ได้ที่จะใจสะท้านจนตัวแข็ง จากนั้นมันก็เร่งก้มหัวโค้งคารวะทักทายออกไปด้วยความคำรพ บ่งบอกฐานะของอีกฝ่ายทันที
“คารวะท่านจ้าววัง!!”
เมื่อครู่ตอนต้วนหลิงเทียนลงมือ ก็เป็นเสียงจ้าววังเซียนสัญจรผู้นี้ที่กล่าวให้เขาหยุดมือ
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่แยแส ยังคงลงมือเข่นฆ่าสังหารหลู่เวยสืบต่อ
เมื่อรู้สึกได้ถึงความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากร่างจ้าววังเซียนสัญจรหลังปรากฏตัว หวงฉี่หลิง ก็รู้ได้ทันทีว่าจ้าววังเซียนสัญจรของมันกำลังมีโมโหแล้ว!
ยังโมโหหนักมาก!
‘ก็สมควรอยู่ แต่ไม่เป็นไรหรอก…หากน้องหลิงเทียนเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจรของเราจริง ท่านจ้าววังไหนเลยจะปฏิบัติกับน้องหลิงเทียนไม่ดี เพราะอย่างไรหากจะเทียบระหว่างน้องหลิงเทียนกับอาวุโสหลู่เวยแล้ว คุณค่าของน้องหลิงเทียนก็สูงกว่ามาก…’
หวงฉี่หลิงกล่าวปลอบตัวเองในใจ
“ท่านจ้าววัง?”
หลังเก็บกระบี่พันอาคมเซียนทั้งริบแหวนพื้นที่ของหลู่เวยเรียบร้อย ต้วนหลิงเทียนก็หันไปสนใจร่างที่คล้ายจะผุดโผล่ออกกมาจากความว่างเปล่า และพอได้ยินเสียงทักของหวงฉี่หลิง เขาก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือ จ้าววังเซวียนสัญจร อวี่เหวินฮ่าวเฉิน!!
ต้วนหลิงเทียนหันมองอีกฝ่ายไปไม่ทันไร อีกฝ่ายก็วูบร่างมาหยู่เบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนไม่ไกล
จ้าววังเซียนสัญจรผู้นี้มาในชุดคลุมสีน้ำเงิน ลักษณะเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างปานกลางแม้จะแลดูไม่มีใดน่าประทับใจเป็นพิเศษ แต่หว่างคิ้วยังคงเผยความสง่างามน่าเกรงขาม กอปรทั้งอำนาจบารมีออกมา
และตอนนี้จ้าววังเซียนสัญจรก็กำลังมองจ้องเขาตาเขม็ง ทั่วร่างเปล่งกกลิ่นอายเยียบเย็นออก
“เจ้าคือต้วนหลิงเทียนงั้นรึ?”
ในที่สุเจ้าวววังเซียนสัญจรก็กล่าวถามซ้ำคำเดิมอีกรอบ หากแต่คราวนี้บรรยากาศโดยรอบกลับเย็นลงปานอยู่ท่ามกลางพายุหิมะ
“ใช่”
แม้จะเผชิญหน้ากับจ้าววังเซียนสัญจร ผู้เป็นยอดฝีมือลือชื่อคนหนึ่งของเผ่าปีศาจมนุษย์ หากแต่ต้วนหลิงเทียนยังแลดูสงบนิ่ง ตอบกลับออกไปเสียงเบาด้วยท่าทางไม่ถือตัวแต่ก็ไม่อ่อนน้อม
เพราะสุดท้ายแล้วตอนนี้พลังของเขาก็เทียบได้กับตัวตนขอบเขตเซียนสววรรค์ 9 เปลี่ยน
เช่นนั้นอาศัยเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนคนหนึ่ง ยังไม่มีบารมีมากพอให้เขาลดตัวกล่าวยกย่อง
“อาวุโสหลินหย่วนเป็นฝ่ายลงมือต่อเจ้าก่อน เจ้าเข่นฆ่าอีกฝ่ายไปจึงนับเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้…แต่อาวุโสหลู่เวยยังมิได้ลงมือลงไม้อันใดกับบเจ้าเลยมิใช่หรือไร แล้วไฉนเจ้าถึงเข่นฆ่านางเช่นนี้…หรือเจ้าคิดว่าวังเซียนสัญจรของเรานั้นผู้ใดก็สามารถเข้ามารังแกกันได้ง่ายๆ?”
จ้าววังเซียนสัญจรกล่าวออกเสียงเย็น หลังกล่าวจบคำบรรยากาศก็คล้ายจะเย็นลงอีกหลายองศา
กระทั่งหวงฉี่หลิงที่ยืนอยู่ไม่ไกล ตอนนี้มันได้แต่ทำตัวลีบทั้งยังสั่นกลัว หน้ามันเปลี่ยนสีไปไม่น้อยเรียกว่าเสียงของจ้าววังที่มันได้ยิน แทบทำให้มันเสมือนตกไปอยู่ในหล่มน้ำแข็งแล้วจริงๆ!
ทว่าคนที่ข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรงอย่างต้วนหลิงเทียน กลับยังคงมีสีหน้าสงบแลคล้ายไม่ได้รับผลกระทบใดๆทั้งสิ้น ขณะเดียวกันก็กล่าวตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “จ้าววังเซียนสัญจรท่านก็กล่าวเกินไปอยู่บ้าง…”
“ข้าต้วนหลิงเทียนนั้นยึดถือหลักการใครไม่ตอแยข้า ข้าก็ไม่ยุ่งวุ่นวายกับมัน…กระทั่งข้ายังไม่เคยฆ่าคนโดยไร้เหตุผล! คนที่ข้าฆ่าล้วนแล้วแต่เป็นคนที่สมควรตายในสายตาของข้า! ส่วนหญิงชราเมื่อครู่…นางเป็นผู้ใดมีนิสัยแบบไหนหรือจ้าววังอวี่เหวินท่านไม่รู้?”
หลังกล่าวจบคำต้วนหลิงเทียนก็หยีตามองสบตาจ้าววังเซียนสัญจรไม่วางตา ราวกับไม่กลัวหากจะต้องสนทนาด้วยกำปั้น!
หลังจากมาถึงเมืองเหรินโม่เชิ่งได้ไม่นาน ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบข้อมูลของตัวตนที่เป็นชนชั้นผู้นำ 3 วัง 6 ตำหนักอันเป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้าของเผ่าปีศาจมนุษย์ดี
จ้าววังเซียนสัญจรนั้นเรียกว่า อวี่เหวินฮ่าวเฉิน และคนส่วนใหญ่มักเรียกหามันว่า จ้าววังอวี่เหวิน
“ใครไม่ตอแยข้า ข้าก็ไม่ยุ่งวุ่นวาย…กระทั่งยังไม่เคยฆ่าคนโดยไร้เหตุผล! ดี ดี….ดีมาก!!!”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนอวี่เหวินฮ่าวเฉินก็โกรธมาก ยังหัวเราะเสียงดังทั้งกล่าวตะคอกออกมาด้วยโทสะ “วันนี้ข้าอยากรู้นัก ว่าต้วนหลิงเทียนเจ้าอาศัยอะไรถึงกล้าลงมืออย่างอุกอาจ บุกมาเข่นฆ่าอาวุโสวังเซียนสัญจรของข้าถึงที่ตามอำเภอใจ!!”
กล่าวจบคำร่างอวี่เหวินฮ่าวเฉินก็อันตรธานหายไปทันที!
อย่างน้อยๆในสายตาของหวงฉี่หลิง ร่างอวี่เหวินฮ่าวเฉินก็ราวกับจะอันตรธานหายไปในอากาศว่างเปล่า!
หากแต่ในสายตาของต้วนหลิงเทียนนั้น อวี่เหวินฮ่าวเฉินกลับพุ่งมาด้วยความเร็วปานกระสุนปืนใหญ่!
และในระหว่างที่พุ่งเข้ามา ร่างอวี่เหวินฮ่าวเฉินยังคล้ายจะขยายใหญ่ขึ้น
“นี่มันอะไรกัน?”
เมื่อเห็นอวี่เหวินฮ่าวเฉินที่แต่เดิมเป็นชายวัยกลางคนที่มีขนาดร่างกายไม่เล็กไม่ใหญ่ อยู่ดีๆ ก็กลายเป็นสูงใหญ่ขึ้นในพริบตา ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะตกใจอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่มัวมาสนใจเรื่องพิกลนานนัก เร่งทุ่มความสนใจไปยังวิกฤตที่เผชิญอยู่ทันที
“ปีกอีกาทองคำ!”
ในขณะที่อวี่เหวินฮ่าวเฉินที่ร่างขยายใหญ่ขึ้นพุ่งมาเจียนบรรลุถึง ต้วนหลิงเทียนพลันสำแดงเวทย์พลังที่มีอย่างไร้ซึ่งความลังเลใดๆ พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดที่โคจรรอไว้พลันปะทุระเบิดออกมาทั้งหมด!
ฟู่ม! พรึ่บ!!
พริบตาต่อมา กลางหลังต้วนหลิงเทียนพลันปรากฏปีกมหึมาสีทองคู่หนึ่งที่คล้ายจะกำลังลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิงลุกโชน!
ทันทีที่ปีกคู่เขื่องสะบัดกระพือ ร่างคนก็วูบหลบอววี่เหวินฮ่าวเฉินที่พุ่งมาจู่โจมด้วยสภาวะดุร้ายทันที!
“น้องหลิงเทียนก็หายไปอีกคนแล้ว!”
ทันใดนั้นในสายตาของหวงฉี่หลิง ร่างต้วนหลิงเทียนเสมือนอยู่ดีๆ คนก็หายวับไปเช่นกัน
“เร็วอะไรกันจะขนาดนี้!”
แน่นอนว่าหวงฉี่หลิงย่อมรู้ดีแก่ใจ
ไม่ว่าจะเป็นจ้าววังเซียนสัญจรของมัน หรือน้องหลิงเทียนของมัน หาได้หายวับไปไหนไม่! เพียงแค่เมื่อบรรลุถึงความเร็วระดับหนึ่ง สายตาของมันก็ไม่อาจมองจับความเคลื่อนไหวใดๆได้เลย!!
‘จ้าววังเซียสัญจรผู้นี้ มันกระทั่งพลังฝีมือร้ายกาจกว่าจ้าวลัทธิบูชาไฟกับผู้อาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬในภูมิภาคเบื้องบนเสียอีก!!’
หลังใช้ปีกอีกาทองคำหลบอวี่เหวินฮ่าวเฉินที่พุ่งมาอย่างเกรี้ยวกราด ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าร่างอวี่เหวินฮ่าวเฉินพลันเปลี่ยนทิศทางพุ่งจี้เข้าใส่เขาด้วยความเร็วสูง กระทั่งระยะทางยังหดกระชั้นเข้ามาทุกขณะ
สีหน้าท่าทีของต้วนหลิงเทียนแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจังทันใด
‘ถึงจะทิ้งระยะออกมาก่อน…แต่ไม่นานมันไล่ทันแน่!’
‘ดูเหมือนต้องปะทะกับมันอย่างเลี่ยงไม่ได้!’
คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนนที่เหินร่างถอยมาก็ม้วนตัวหันกลับมาทันทีมือยกขึ้น กระบี่พันอาคมเซียนพลันผุดโผล่จากความว่างเข้ามืออีกครั้ง!
‘ใจกระบี่เหิน!’
เพียงใจคิด กระบี่พันอาคมเซียนก็พุ่งทะยานแหวกฟ้าไปฉับไว คงเหลือเพียงเสียงหอนของกระบี่ดังขึ้นในอากาศสั้นๆ
‘กระบี่ไวอะไรจะขนาดนี้!!’
‘ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนมันถึงฆ่าอาวุโสหลู่เวยได้ง่ายดายนัก กระทั่งถึงขั้นอาวุโสหลู่เวยไม่มีเวลาแม้แต่จะถอดวิญญาณออกจากร่าง!!’
แม้กระบี่พันอาคมเซียนของต้วนหลิงเทียนจะพุ่งทะยานออกมาด้วยความเร็วอันน่ากลัว แต่สำหรับอวี่เหวินฮ่าวเฉินแล้ว ความเร็วระดับนี้ยังอยู่ในขอบเขตที่มันรับมือไหว!
การจู่โจมระดับนี้ยังไม่เป็นภัยคุกคามมัน!
‘เจ้าหนุ่มต้วนหลิงเทียนผู้นี้สมควรพึ่งทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนได้ไม่นาน ความแข็งแกร่งยังถือว่าอ่อนด้อยที่สุดในบรรดาเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน…อย่างไรก็ตามแม้จะอ่อนด้อย หากแต่มันก็ถือเป็นเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนคนหนึ่ง!’
ความคิดมากมายแล่นพล่านในหัวอวี่เหวินฮ่าวเฉินก่อนที่มันจะยกมือขึ้นมา พลังเซียนต้นกำเนิดขุมหนึ่งพลันปะทุออกที่ฝ่ามือ!
และในขั้นตอนดังกล่าวพลังเซียนต้นกำเนิดของมันยามปะทุออก ก็ราวกับมันมีความเชื่องโยงอันลี้ลับกับสวรรค์และโลกประการหนึ่ง
การเชื่อมโยงอันลี้ลับนี้ ทำให้พลังเซียนต้นกำเนิดของมันคล้ายสั่นพ้องกับฟ้าดิน ราวกับจะมีพลังอำนาจของฟ้าดินหนุนเสริม!
และทันใดนั้นเอง!
วู้มมม!!
มือขวาของอวี่เหวินฮ่าวเฉินเพียงสะบัดเพียงเอื้อมออกมากอบกุม พลังเซียนต้นกำเนิดลักษณะฝ่ามือที่ราวกับจะสั่นพ้องกับฟ้าดินก็ปะทุทะยานออกมาปานขุนเขา 5 นิ้ว ความจับไปยังความว่างเปล่าเบื้องหน้า!
การลงมือของมันราบรื่น ให้สภาวะประหนึ่งน้ำไหลเมฆเคลื่อน
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
เสียงระเบิดลั่นดัง
เป็นฝ่ามือพลังของอวี่เหวินฮ่าวเฉินที่คว้าออกไปยังความว่างเปล่าเบื้องหน้า กลับคว้าจับเอากระบี่พันอันฉับไวของต้วนหลิงเทียนเอาไว้ชะงัด!
พลังทำลายจากตัวกระบี่เริ่มปะทุออกมาหักหาญกับฝ่ามือพลังอันเขื่องกลางหาว ตัวกระบี่ยังสั่นสะท้านไปอย่างแรงคล้ายพยายามจะดิ้นให้หลุดพ้นการจับกุมของฝ่ามือพลังอวี่เหวินฮ่าวเฉิน!
อย่างไรก็ตาม แม้มันจะดิ้นรนเพียงใด ก็ไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือของอวี่เหวินฮ่าวเฉินไปได้!
มือพลังของอวี่เหวินฮ่าวเฉินนั้นประหนึ่งคีมเหล็กหนีบแน่น ไม่ไหวติง!
กระบี่ที่ว่าแน่นอนว่าย่อมเป็นกระบี่พันอาคมเซียนที่ต้วนหลิงเทียนผสานพลังเซียนต้นกำเนิดมหาศาลทั้งใช้ออกด้วยเคล็ด ‘กระบี่อยู่ที่ใจ’ ขอบเขตที่ 3 ของยอดใจกระบี่!
‘สำนึกรู้ฟ้าดินของมันมาถึงระดับนี้แล้วงั้นเหรอ!?’
ฉากเรื่องราวเบื้องหน้าทำให้สองตาต้วนหลิงเทียนหดหยีลงทันที
ตอนที่ 2,277 : สมปราถนา
ต้วนหลิงเทียนเพียงมองหนึ่งก็รู้ถึงสิบ
การลงมือของอวี่เหวินฮ่าวเฉินแม้คล้ายเรียบง่ายไม่มีอะไร หากแต่ฝ่ามือพลังนั่นกลับเต็มไปด้วยพลังอำนาจลี้ลับของฟ้าดิน อานุภาพยังเหนือล้ำยิ่งกว่าวรยุทธ์เซียนทั้งเวทย์พลังใดๆ!
อีกทั้งการคว้าจับที่แลดูเรียบง่ายไม่มีอะไรนี้ กลับสามารถหยุดยั้งกระบี่พันอาคมเซียนที่เผาผนึกพลังทั้งหมดเอาไว้ได้ชะงัด!
กระทั่งทำให้กระบี่พันอาคมเซียนไม่ว่าดิ้นรนเท่าไหร่ ก็ไม่อาจเคลื่อนไปข้างหน้าได้แม้องคุลี ราวกับถูกหนีบไว้ด้วยคีมเหล็กก็ไม่ปาน!
ต้องทราบด้วยว่ากระบี่นี้เขาใช้ออกด้วยสำนึกพลังของขอบเขตที่ 3 ยอดใจกระบี่ อย่างกระบี่อยู่ที่ใจเอาไว้!
แต่กระนั้นกลับถูกอวี่เหวินฮ่าวเฉินหยุดไว้อย่างง่ายดาย!
กระทั่งอีกฝ่ายยังลงมือด้วยกลวิธีอันเรียบง่ายไร้เรื่องราว!!
‘พลังเซียนต้นกำเนิดของมันคล้ายสั่นพ้องกับพลังฟ้าดิน…แถมสภาวะของพลังเซียนต้นกำเนิดของมันแทบจะผสานหลอมรวมกับพลังฟ้าดินอยู่แล้ว…เข้าใกล้ขอบเขตคนฟ้ารวมเป็นหนึ่งเต็มที!’
ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียน ก็ตระหนักถึงเหตุผลที่ไฉนการลงมือของอวี่เหวินฮ่าวเฉินถึงได้ทรงพลังนัก!
สำนึกรู้ฟ้าดินของอวี่เหวินฮ่าวเฉิน มิคาดบรรลุถึงระดับนี้แล้ว!
หากมีคำกล่าวที่ว่า พลังอำนาจในอีกขอบเขตหนึ่ง…
เช่นนั้นพลังเซียนต้นกำเนิดของอวี่เหวินฮ่าวเฉินก็เข้าถึงสภาวะนั้นแล้ว!
อาศัยแค่ฝ่ามือพลังไร้เรื่องราวคว้าจับกระบี่พันอาคมเซียนที่เขาผสานพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดเต็มสิบส่วน กอปรทั้งยังผสานด้วยสำนึกพลังของกระบี่อยู่ที่ใจเอาไว้ได้โดยง่าย…
เรื่องนี้มันหมายความว่าอย่างไร?
ส่วนอีกด้านนั้น กระบี่พันอาคมเซียนที่ถูกฝ่ามือพลังของอวี่เหวินฮ่าวเฉินคว้าจับไว้ หลังดิ้นรนต่อต้านอยู่พักหนึ่ง พลังทั้งหลายที่ผนึกควบไว้ในตัวกระบี่ก็ค่อยๆสิ้นอานุภาพ สุดท้ายพลังทั้งหมดก็ดับหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ครู่ต่อมาอวี่เหวินฮ่าวเฉิน ก็เอื้อมมือออกไปหมายคว้ากระบี่พันอาคมเซียนที่สิ้นพลังเบื้องหน้า
ทว่าทันใดนั้นเอง
ติ๊ง!!
เสียงเล็กแหลมดังสนั่นขึ้นอย่างแรง เป็นอวี่เหวินฮ่าวเฉินใช้งอนิ้วชี้แล้วดีดกระบี่พันอาคมเซียน ให้มันเหินบินย้อนกลับไปหาต้วนหลิงเทียน!!
ฟู่มมม!!
กระบี่พันอาคมเซียนที่ถูกดีดออกมาพุ่งไปดั่งลำแสง ทั้งยังราวกับมันมีดวงตางอกเงย พุ่งจี้เข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างแม่นยำ!
ต้วนหลิงเทียนเร่งปะทุพลังเซียนต้นกำเนิดออกมาทั่วร่างก่อนจะรวมรั้งไปผนึกไว้ที่มือ สองมือยกขึ้นระดับอกหนึ่งคว่ำหนึ่งหงายป้องไว้กลางอก สร้างห้วงพลังอ่อนหยุ่นเพื่อรับกระบี่พันอาคมเซียน!!
ทว่าแม้จะผนึกพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดทั่วร่างไว้ที่สองมือแล้ว กระบี่พันอาคมเซียนที่พุ่งกลับมาก็มิใช่รับไว้ได้อย่างไร้เรื่องราว พลังอำนาจของมันสะท้านสะเทือนมวลพลังในฝ่ามือต้วนหลิงเทียนไม่น้อย!
ยังทำให้มือเขาถึงกับชา!
‘พลังอะไรมันจะขนาดนี้!’
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดตกใจไม่ได้
อวี่เหวินฮ่าวเฉินเพียงใช้นิ้วดีดกระบี่พันอาคมเซียนของเขากลับมาอย่างไร้เรื่องราวเท่านั้น ไม่ได้ใช้วรยุทธ์เซียนทั้งเวทย์พลังอันใดทั้งสิ้น แต่แค่หนึ่งนิ้วดีดกลับทำให้กระบี่อัดแน่นไปด้วยพลังอันน่ากลัว!
พริบตานี้ต้วนหลิงเทียนก็สำเหนียกถึงพลังอำนาจอันลึกล้ำของตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่บังเกิดสำนึกรู้ต่อฟ้าดินทันที!
‘หากมองจากระดับพลังเซียนต้นกำเนิดของจ้าววังเซียนสัญจร สำนึกรู้ฟ้าดินของมันต้องบรรลุไประดับหนึ่งแล้ว…ถึงแม้จะยังไม่ถึงขั้นชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ให้ปรากฏ แต่เกรงว่าคงห่างจากขั้นนั้นอีกไม่ไกล!’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าว
“ไม่เลว! ต้วนหลิงเทียน ลองรับฝ่ามือข้าดู!”
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนสามารถรับกระบี่พันอาคมเซียนได้โดยที่ร่างไม่ผงะถอยไปแม้แต่น้อย สองตาของอวี่เหวินพลันลุกวาวขึ้นมาวาบหนึ่ง ทันใดนั้นพลังเซียนต้นกำเนิดที่สั่นพ้องกับพลังฟ้าดินก็ปะทุขึ้นในฝ่ามืออีกครั้ง คนคำรามออกเสียงต่ำ!
วูบ!
สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปมหันต์ เมื่อได้ยินเสียงคำรามต่ำของอวี่เหินฮ่าวเฉิน
ล้อเล่นรึไง!
ด้วยระดับพลังของอวี่เหินฮ่าวเฉินและสำนึกรู้ฟ้าดินของมันตอนนี้ กระทั่งลงมืออย่างไร้เรื่องราวไม่ต้องใช้ทักษะวรยุทธ์เวทย์พลังอันใด ก็ดีดกระบี่พันอาคมเซียนกลับมาให้เขารับจนมือชา!
หากอีกฝ่ายตบฟาดฝ่ามือออกมาด้วยวรยุทธ์หรือเวทย์พลังอันใด หรือแม้จะใช้ออกแค่วรยุทธ์เซียนทั่วไป เขาก็รับไว้ไม่ไหวแล้ว!!
‘ให้ตาย ดูเหมือนได้แต่ต้องใช้ตราผนึกมารรับมือมันอย่างเดียว…’
เมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความเป็นตาย ต้วนหลิงเทียนพลันนึกถึงยอดศาสตราเซียนอย่าง ตราผนึกมาร ขึ้นมาเป็นอันดับแรก!
นั่นคือที่พึ่งสุดท้ายของเขา!
แม้ไม่ทราบว่ามันจะใช้ได้ผลกับตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนเจียนชักนำทัณฑ์สวรรค์อย่างอวี่เหวินฮ่าวเฉินหรือไม่…
แต่นี่เป็นโอกาสเดียวของเขา!
หากอวี่เหวินฮ่าวเฉินถูกเขาฆ่าตาย เช่นนั้นเขาก็สามารถรับตำแหน่งจ้าววังเซียนสัญจรได้ทันที สามารถบีบคั้นให้ทุกคนสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์และคอยรับใช้เขาได้!
แต่ถ้าเขาฆ่าอวี่เหวินฮ่าวเฉินไม่ได้ เช่นนั้นวันนี้เขาก็ถึงวาระแล้ว…
อย่างไรก็ตามหากไม่ใช้ตราผนึกมาร หนทางเบื้องหน้าก็มีแต่ 9 ตาย 1 รอด! ต้วนหลิงเทียนจึงตัดสินใจใช้ตราผนึกมารเข้าเข่นฆ่ากับอีกฝ่ายทันที!!
“ท่านจ้าววังโปรดเมตตาด้วย!!”
เมื่อเห็นว่าอวี่เหวินฮ่าวเฉินกำลังจะตบฟาดฝ่ามือใส่ต้วนหลิงเทียน สีหน้าหวงฉี่หลิง เปลี่ยนไปอย่างมาก มันเร่งตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความร้อนใจ
“ท่านอาจารย์โปรดยั้งมือไว้ไมตรีด้วย!!”
และแทบจะทันทีที่คำของหวงฉี่หลิงดังจบคำ ก็มีอีกเสียงหนึ่งดังตามติด
เสียงหลังนั้นเป็นของสตรีไม่ผิดแม่ ในน้ำเสียงนั้นเจือไว้ด้วยความเย็นชาเล็กน้อย หากแต่ในความเย็นชาก็แฝงไว้ด้วยความห่วงใย
“หือ?”
ได้ยินเสียงดังกล่าว อวี่เหวินฮ่าวเฉินที่กำลังจะตบฟาดฝ่ามือก็ชะงักไปทันที คิ้วยังขมวดขึ้นมาเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้
วูบ!
ขณะเดียวกันด้านต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเสมือนมีสายลมหอบหนึ่งพัดผ่านหน้า ไม่นานก็แลเห็นร่างงามอันเย็นชาหนึ่งปรากฏตัวขึ้นขวางไว้ด้านหน้าปกป้องเขาไว้ด้านหลัง
‘เป็นนาง!’
เพียงเห็นแค่แผ่นหลัง ต้วนหลิงเทียนก็จดจำได้ทันทีว่าร่างบางในชุดขาวที่ปรากฏตัวขึ้นเป็นใคร!
เป็นรุ่นเยาว์อัจฉริยะอันดับ 1 ของวังเซียนสัญจร และโฉมงามอันดับหนึ่งแห่งเผ่าปีศาจมนุษย์…หวงเหวินจิ้ง!
กล่าวไปแล้วเขากับหวงเหวินจิ้งคนนี้ก็เคยประมือกัน
นอกจากนั้นเมื่อหนึ่งปีที่แล้วในมรดกสถานของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับเทียมสวรรค์ชนชั้นครึ่งก้าวเซียนอมตะ หวงเหวินจิ้งก็ยินดีมอบโอกาสใช้ถ้ำกาลเวลาให้แก่เขาโดยไม่เรียกร้องสิ่งใด จนทำให้เขารู้แจ้งปฐมเวทย์กลืนกินถึงขั้นตอนไร้ตำหนิ…
ต้วนหลิงเทียนยังขอบคุณนางสำหรับเรื่องนี้ไม่น้อย
ต่อมาเพื่อจอบแทนบุญคุณ เขาจึงช่วยยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณของหวงเหวินจิ้งให้กลายเป็นรากวิญญาณสีม่วง
ถึงแม้จะเป็นแค่รากวิญญาณสีม่วงอ่อน แต่อานุภาพของมันก็มากพอให้นางบดขยี้ทุกอัจฉริยะใดๆในเผ่าปีศาจ!
ผ่านไป 1 ปี ไม่คิดเลยว่าเขาจะได้พบเจอกับหวงเหวินจิ้งอีกครั้งในลักษณะนี้
‘หวงเหวินจิ้งเรียกอวี่เหวินฮ่าวเฉินว่าอาจารย์งั้นเหรอ…จริงสิ! ปีก่อนยังเคยได้ยินว่าหวงเหวินจิ้งคนนี้เป็นศิษย์ปิดสำนึกของจ้าววังเซียนสัญจร อีกทั้งจ้าววังเซียนสัญจรยังรักและเอ็นดูนางนัก…’
ใจต้วนหลิงเทียนเริ่มนึกย้อนเรื่องราว ไม่นานก็จดจำเรื่องเมื่อปีก่อนได้
“เหวินจิ้งเจ้าคิดทำอะไร?”
อวี่เหวินฮ่าวเฉินพอเห็นศิษย์รักมาขวางทางแบบนี้ สีหน้ามันมืดลงทันใดยังกล่าวถามออกไปเสียงหนัก
น้ำเสียงของมันยังแข็งกร้าวไม่น้อย
“ท่านอาจารย์ ชายผู้นี้มาเพื่อเข้าร่วมวังเซียนสัญจรของพวกเรา…หากท่านฆ่าเขาเช่นนี้ ข้าเกรงว่าต่อไปจะทำให้ผู้ที่คิดเข้าร่วมวังเซียนสัญจรของพวกเรารู้สึกหวาดกลัวจนหนาวใจไม่กล้ามา…”
กลิ่นอายที่แผ่ออกทั่วร่างของหวงเหวินจิ้งยังคงความเย็นชาไม่เปลี่ยน หากแต่ในวาจาที่กล่าวกับเผยความมุ่งมั่นดื้อรั้นไม่น้อย!
“เจ้า…”
เมื่อได้ยินถึงความดื้อรั้นที่แฝงเร้นในน้ำเสียงรวมถึงแลเห็นสายตาแน่วแน่ของหวงเหวินจิ้ง อวี่เหวินฮ่าวเฉินที่รู้ดีว่านิสัยศิษย์มันคนนี้ดื้อดึงเพียงใด ก็ได้แต่ลดมือลงอย่างช่วยไม่ได้
ชั่วชีวิตมันไร้ภรรยาและบุตรธิดาอันใด จึงปฏิบัติต่อศิษย์ปิดสำนักคนนี้ไม่ต่างอะไรจากลูกสาวแท้ๆ
ดังนั้นพอตระหนักได้ว่าหวงเหวินจิ้งคิดยืนกรานปกป้องต้วนหลิงเทียน มันก็ทำได้แค่หยุดมือเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นมันเองก็ไม่ได้มีความคิดจะฆ่าต้วนหลิงเทียนทิ้งแต่แรก!
แม้มันจะกล่าวบอกต้วนหลิงเทียนให้รับฝ่ามือ…แต่มันก็ไม่ได้คิดใช้พลังจริงจัง! มันแค่คิดจะทดสอบขีดจำกัดของต้วนหลิงเทียนดูเท่านั้น ว่าต้วนหลิงเทียนที่แท้แข็งแกร่งถึงขนาดไหน
ตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน ทั้งยังเป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่คิดเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจรของมัน ในฐานะที่มันเป็นจ้าววังเซียนสัญจรไหนเลยจะปล่อยให้มือดีเช่นนี้เสียไปง่ายๆ? ว่ากันตรงๆมันยังดีใจกว่าใครด้วยซ้ำ!!
อย่างไรก็ตามมันไม่คิดเลยว่าเรื่องราวจะกลายเป็นแบบนี้ เช่นนั้นจึงได้แต่ปัดตกความคิดทดสอบทิ้งไป
‘ไม่เป็นไร…อย่างน้อยๆก็สามารถยืนยันได้แล้วว่าเจ้าหนุ่มนี่มีความแข็งแกร่งของขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนจริง แค่นี้ก็ดียิ่งแล้ว!’
ความคิดดังกล่าวในหัวของอวี่เหวินฮ่าวเฉิน ได้บ่งบอกชัดเจนว่ามันไม่คิดลงมือกับต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป
ยังดีที่ต้วนหลิงเทียนไม่ล่วงรู้ความคิดในหัวอวี่เหวินฮ่าวเฉิน
ไม่งั้นเขาได้กลัวใจจนแทบตายแน่ๆ
เพราะอวี่เหวินฮ่าวเฉินที่บอกจะฟาดฝ่ามือใส่เขานั้น เพียงแค่คิดจะทดสอบเขาเท่านั้น ไม่ได้จะลงมือจริงจังอะไร! แต่เขากลับคิดใช้ตราผนึกมารเข่นฆ่าสังหารผู้อื่นเขาแล้ว!!
ย่อมนึกภาพออกได้ทันที
หากตราผนึกมารเปิดเผยออกมา อวี่เหวินฮ่าวเฉินแต่เดิมที่คิดว่าจะทดสอบเขาเท่านั้น พอได้เห็นตราผนึกมารอีกฝ่ายต้องฉุกคิดได้แน่ว่าเขาไม่ใช่คนของเผ่าปีศาจ กระทั่งไม่ใช่เผ่าปีศาจมนุษย์แต่เป็นมนุษย์จากดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าจริงๆ ต่อให้อีกฝ่ายไม่คิดฆ่าเขามาก่อน ก็จำต้องบังเกิดความคิดฆ่าฟันเขาขึ้นมาจริงๆแล้ว!!
เพราะไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็คือจ้าววังเซียนสัญจรแห่งเผ่าปีศาจมนุษย์ แม้ในกายจะมีสายเลือดมนุษย์บริสุทธิ์เหมือนกันกับเขา แต่ป้ายยี่หอของอีกฝ่ายยังเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจอยู่!
เมื่อเห็นอวี่เหวินฮ่าวเฉินรามือ หวงฉี่หลิงก็อดระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกไม่ได้ หวงเหวินจิ้งเองก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกในใจ
สำหรับต้วนหลิงเทียน เขามองแผ่นหลังของร่างสตรีในชุดขาวเบื้องหน้าด้วยความสำนึกขอบคุณ กล่าวออกเสียงเบา “ขอบคุณเจ้า”
“ต้วนหลิงเทียน!”
และแทบจะพอดีกันกับที่เสียงขอบคุณต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ อวี่เหวินฮ่าวเฉินพลันกล่าวออกมาอีกครั้ง ยังเรียกหาเขาด้วยชื่อตรงๆ
ฟุ่บ!
และในขณะที่อวี่เหวินฮ่าวเฉินเรียกต้วนหลิงเทียน ขณะเดียวกันมันก็สะบัดมือออกเบาๆ ปรากฏลำแสงสายหนึ่งพุ่งเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน
ลำแสงนี้หาได้มีพลังโจมตีอันใดแฝงเร้น ต้วนหลิงเทียนจึงรับมันเอาไว้ได้ง่ายๆ
“นี่มัน…”
พอลดมือลงมาแบออก ต้วนหลิงเทียนก็พบว่ามันเป็นป้ายๆหนึ่ง และมองจากอักษรที่เขียนไว้บนป้ายเขาก็รู้ดีว่ามันคือป้ายประจำตัว
“รองจ้าววัง?”
อักษร 3 ตัวที่ รองจ้าววัง ที่เขียนไว้บนป้ายประจำตัว ทำให้สองตาต้วนหลิงเทียนลุกวาวขึ้นมาทันที
กระทั่งจังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนถึงกับอดผงะไปไม่ได้!
อารมณ์ของเขาเสมือนคนที่พึ่งเคยขึ้นรถไฟเหาะครั้งแรกจริงๆ!
“นับตั้งแต่วันนี้ไป…ต้วนหลิงเทียน ก็คือรองจ้าววังคนใหม่ของวังเซียนสัญจรเรา!!”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนอึ้งกับอักษร 3 ตัวจนผงะไปสองตาลุกวาว อวี่เหวินฮ่าวเฉินพลันกล่าวออกมาอีกครั้ง
และคราวนี้ยามมันกล่าวคำ น้ำเสียงคล้ายมีเวทมนตร์ก็ไม่ปาน ไม่เพียงแต่จะดังก้องไปทั่วพื้นที่คฤหาสน์ของหลู่เวยเท่านั้น แต่ยังกังวานออกไปกว้างไกลจนครอบคลุมไปทั่วทั้งเขตพื้นที่ของวังเซียนสัญจรในเวลาอันสั้น!
เรียกว่าทุกคนที่อาศัยอยู่ในวังเซียนสัญจรล้วนได้ยินคำพูดดังกล่าวชัดเจน!
“ต้วนหลิงเทียน…รองจ้าววังคนใหม่!?”
“โอ้! ท่านจ้าววังถึงกับประกาศออกมาด้วยตัวเอง! ตั้งแต่วันนี้ไปต้วนหลิงเทียนเป็นรองจ้าววังคนใหม่ของวังเซียนสัญจรเราแล้วจริงๆ!!”
“สวรรค์! ต้วนหลิงเทียนเป็นรองจ้าววังเซียนสัญจรคนใหม่เราแล้วแบบนี้…มิใช่ว่าวังเซียนสัญจรของเรามีตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนเพิ่มขึ้นอีกคนรึไร!!”
“ฮ่าๆๆ ประเสริฐ! ประเสริฐยิ่ง!!”
……
คนวังเซียนสัญจรทั้งหมดที่พึ่งจะสงบลงจากข่าวลือได้ไม่นาน พลันคึกคักขึ้นมาเสมือนเลือดเดือดพล่านอีกครั้ง!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น