War sovereign Soaring The Heavens 2266-2271

 ตอนที่ 2,266 : ไม่เปรียบเทียบ ย่อมไม่เป็นอะไร


 


ในขณะเดียวกันกับที่เด็กน้อยทั้ง 3 ลอบตามซูหลี่ที่อาการบาดเจ็บสาหัสอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆนั้น


 


ด้านต้วนหลิงเทียนก็ได้ยอนกลับมาถึงเมืองเหรินโม่เชิ่ง และกลับไปถึงโรงเตี๊ยมที่พักอันเป็นกิจการของ วังอัคคีสีชาด 1 ใน 3 วัง 6 ตำหนักเป็นที่เรียบร้อย


 


ทันทีที่กลับมาถึงเรือนที่พักส่วนตัว ต้วนหลิงเทียนก็ได้แลเห็นร่างบางที่ยืนเหม่อลอยอยู่ในลาน


 


ร่างบางที่ยืนเหม่อลอยอยู่ในนั้น ในแววตามากล้นไปด้วยความคำนึง ราวกับกำลังเฝ้ารอคอยอะไรบางอย่าง


 


และพอเห็นเขาปรากฏตัว สองตางามงดดั่งสารทฤดูก็ฉายออกถึงความตื่นเต้นยินดี


 


“พี่เทียน”


 


เรียกกว่าทันทีที่เห็นต้วนหลิงเทียนเปิดประตูเข้ามา ร่างบางก็ราวกกับจะแปรเปลี่ยนไปเป็นสายลมหอบหนึ่ง พัดโผเข้าอ้อมอกเขาทันที ยังกอดเขาเอาไว้แนบแน่นราวกับกลัวจะสูญเสียเขาไปอีก


 


“เค่อเอ๋อ พี่กลับมาแล้ว…”


 


ต้วนหลิงเทียนก็ยื่อนมือออกไปกอดร่างบางตรงหน้าไว้ในอ้อมอก มือหนึ่งยังตบแผ่นหลังนางเบาๆ กล่าวออกเสียงค่อย


 


วินาทีนี้เขาย่อมสัมผัสได้ถึงความคิดถึงทั้งโหยหาจากร่างบางในอ้อมอกได้ชัดใจ


 


“พี่เทียนต่อไปข้าไม่อยากห่างท่านอีกแล้ว…”


 


หลังที่กอดรับความอบอุ่นพักหนึ่ง เค่อเอ๋อก็เงยหน้าขึ้นมามองต้วนหลิงเทียนพลางกล่าว


 


ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ บนใบหน้าอันดงามของเค่อเอ๋อกลับเต็มไปด้วยน้ำตา เห็นได้ชัดว่านางร้องไห้แล้ว


 


“เค่อเอ๋อ เจ้าร้องไห้ทำไม…”


 


เมื่อเห็นหยาดน้ำไสๆที่ไหลรินรดแก้มเค่อเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเสมือนหัวใจร่วงตกลงหุบเหว เร่งกระชับร่างบางในอ้อมอกไว้แนบแน่น กล่าวออกอย่างไม่กล้ารอช้า “ไม่ต้องห่วง…จากนี้ไปพวกกเราจะไม่มีวันแยกจากกันอีก”


 


“อะแฮ่ม…”


 


ในขณะที่สองร่างกกอดกันอย่างอบอุ่นจนคล้ายลืมเลือนเวลานั้น พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้น


 


เป็นก่านหรูเยี่ยนที่ไม่ทราบออกจากห้องของนางมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ได้เห็นฉากหวานชื่นนี้เข้าพอดี


 


สุดท้ายนาก็เลือกกระแอมเตือนทั้งคู่


 


ทันใดนั้นเค่อเอ๋อก็เร่งผละออกจากอ้อมอกต้วนหลิงเทียนทันที ท่าทางราวกับนกหวาดเกาทัณฑ์ สีแดงระเรื่อเริ่มผุดขึ้นบนแก้มบาง


 


ขณะเดียวกันนางก็หันไปกล่าวทักก่านหรูเยี่ยน “พี่หญิง…”


 


ด้านต้วนหลิงเทียน แววตาที่ใช้มองก่านหรูเยี่ยนตอนนี้ฉายความแปลกใจเล็กน้อย


 


เพราะตอนนี้ความรู้สึกที่แผ่ออกจากร่างก่านหรูเยี่ยน มันต่างออกไปจากก่กอนหน้าอย่างสิ้นเชิง


 


เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้ประการเดียวเท่านั้น…


 


“เจ้าทะลวงด่านพลังแล้วงั้นเหรอ?”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ


 


“ใช่แล้ว”


 


แลเห็นความประหลาดใจของต้วนหลิงเทียน ก่านหรูเยี่ยนคล้ายพึงพอใจมาก เร่งพยักหน้ากล่าวตอบ “ความเร็วในการบ่มเพาะของรากวิญญาณสีม่วงเข้มนับว่ายอดเยี่ยมจริงๆ แม้ภูมิภาคเบื้องล่างจะมีสภาพแวดล้อมย่ำแย่ขนาดนี้…แต่วัดจากความเร็วในการบ่มเพาะของข้าตอนนี้ ยังเหนือกว่าตอนอยู่ภูมิภาคเบื้องบนมาก!”


 


ก่อนหน้านี้หลังจับพลัดจับผลูถูกส่งมาอยู่ภูมิภาคเบื้องล่างอย่างไม่รู้ตัว ก่านหรูเยี่ยนก็ใจหายไม่น้อย ด้วยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับไปยังภูมิภาคเบื้องบนอีก


 


เพราะสุดท้ายแล้ววสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะของภูมิภาคเบื้องล่างก็น่าสังเวชสำหรับนางนัก หากต้องติดอยู่ที่นี่นานเข้า ย่อมไม่ต่างใดจากเสียเวลาชีวิตไปเปล่าๆ


 


แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่านางกลับได้รับวาสนาอันยิ่งใหญ่ในภูมิภาคเบื้องล่างที่ชิงชัง!


 


“แน่อยู่แล้ว พรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้ามันไม่ใช่รากวิญญาณสีม่วงธรรมดา แต่เป็นสีม่วงเข้ม…ด้วยระดับรากวิญญาณเลิศล้ำขนาดนี้ หากความเร็วในการบ่มเพาะของเจ้าที่นี่ยังเทียบกับตอนอยู่ภูมิภาคเบื้องบนแต่มีรากวิญญาณสีครามไม่ได้ นั่นถึงจะแปลก…”


 


ต้วนหลิงเทียนไม่ได้แปลกใจอะไรกับคำของก่านหรูเยี่ยน


 


“และต้องรู้ด้วยว่าตอนนี้เจ้าอยู่ภูมิภาคเบื้องล่าง…หากเจ้าอยู่ในลัทธิบูชาไฟของภูมิภาคเบื้องบน ด้วยพรสวรรค์รากวิญญาณนั่น ความเร็วในการบ่มเพาะของเจ้าจะเพิ่มขึ้นกกว่านี้มาก”


 


ต้วนหลิงเทียนกกล่าวสืบต่อ


 


ได้ยินดังกล่าวสองตาก่านหรูเยี่ยนก็ทอแสงจ้าทันที ใบหน้ายังเผยความคาดหวังอย่างปิดไม่มิด


 


เรื่องที่ก่านหรูเยี่ยนกำลังคาดหวังอยู่ ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้ดีเป็นธรรมชาติ หากแต่เขายังกล่าวเสียงเรียบทำลายฝันนางอย่างไร้ปราณี “แต่ถ้าไม่มียอดฝีมือของเผ่าปีศาจที่มีความสามารถเชิงอาคมถึงขั้นจัดตั้งมหาค่ายกกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง…เรื่องกลับไปภูมิภาคเบื้องบนคงยาก”


 


แน่นอนว่าทันทีที่ได้ยินววาจาบั่นทอนของต้วนหลิงเทียน ใบหน้าเปี่ยมความหวังของก่านหรูเยี่ยนก็สลดลงทันใด กลับไปหดหู่อีกครั้ง


 


“แต่เจ้าไม่ต้องห่วงนักหรอก…ตอนนี้พวกปีศาจได้ตั้งรกรากถิ่นฐานกันเกือบหมดแล้ว อีกไม่นานพวกมันก็คงเริ่มจัดตั้งมหาค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคเพื่อบุกขึ้นไปแน่ ถึงตอนนั้นพวกเราย่อมกลับไปได้เป็นธรรมดา…”


 


เห็นก่านหรูเยี่ยนหดหู่ไปด้วยความผิดหวัง ต้วนหลิงเทียนก็จุดไฟแห่งความหวังให้นางอีกครั้ง


 


จังหวะนี้ก่านหรูเยี่ยนอดมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยท่าทีโกรธเคืองไม่ได้!


 


นางสงสัยอยู่ในใจ ว่าใช่บุรุษผู้นี้จงใจแกล้งนางเล่นหรือไม่?


 


แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนจงใจแกล้งนางจริงๆ


 


ก่านหรูเยี่ยนดันทะลึ่งมาขัดจังหวะที่เขากำลังหวานกับเค่อเอ๋อทำให้เขาไม่พอใจนัก ผู้คนกำลังมีบรรยากาศอันดีงามแท้ๆนางกลับทำตัวเป็นมารผจญ!


 


“พี่หญิงท่านออกจากการปิดด่านแล้วก็ดี…คราวนี้พอซือหลิงตื่น พวกเราจะได้ไปวังเซียนสัญจรกับพี่เทียนด้วยกัน”


 


เค่อเอ๋อย่อมเห็นความขัดแย้งเล็กๆระหว่างพี่สาวฝาแฝดกับชายคนรักได้ชัดเจน แม้จะรู้สึกอึดอัดใจแต่ก็เร่งกล่าวเปลี่ยนเรื่องออกมา คลายบรรยากาศน่าอึดอัดลงไปมาก


 


“หา? ไปวังเซียนสัญจรเนี่ยนะ? ไปทำอะไรเล่า!?”


 


แน่นอนว่าความสนใจของก่านหรูเยี่ยนก็ถูกคำของเค่อเอ๋อหันเหไปได้ทันที


 


“ข้าจะไปวังเซียนสัญจรและเอาตำแหน่งรองจ้าววังมาครองให้ได้ หากมีโอกาส…ในอนาคตข้าคิดจะแทนที่จ้าววังเซียนสัญจรคนปัจจุบัน ยึดอำนาจในวังเซียนสัญจรนั่นมาอยู่ในกำมือ…ให้ทั้งวังเซียนสัญจรฟังคำสั่งข้าแต่เพียงผู้เดียว!”


 


แววตาต้วนหลิงเทียนเผยประกายเยียบเย็น ยังกล่าวทำนองวังเซียนสัญจรเป็นของเขาแน่แล้ว!


 


ก่านหรูเยี่ยนย่อมไม่สงสัยในพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน


 


ท้ายที่สุดแล้วยามยังอยู่ที่ภูมิภาคเบื้องบน ต้วนหลิงเทียนก็สามารถสยบเหาฉ่วง ตัวตนที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นอันดับ 1 ใต้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนในกระบี่เดียว!


 


อาศัยพลังฝีมือสูงส่งระดับนี้ คิดเป็นรองจ้าววังเซียนสัญจรย่อมไม่ใช่เรื่องยากอะไร


 


“นี่เจ้าคิดยึดอำนาจวังเซียนสัญจรไว้ในกำมือจริงๆเหรอ…ใช่วันหน้ายามวังเซียนสัญจรยกทัพบุกขึ้นไปภูมิภาคเบื้องบน เจ้าหมายให้ทั้งหมดแปรพักตร์หันไปตลบหลังพวกปีศาจหรือไม่?”


 


พอได้ยินว่าต้วนหลิงเทียนคิดยึดวังเซียนสัญจรไว้ในมือ ก่านหรูเยี่ยนย่อมคาดเดาเจตนาที่ต้วนหลิงเทียนวางแผนไว้ได้ทันที ยังอดสูดลมหายใจเข้าลึกๆด้วยความตกใจไม่ได้!


 


เจ้าผู้นี้คิดก่อกการอุกอาจเสียจริง! วังเซียนสัญจรนั่นคือ 1 ในขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าปีศาจมนุษย์เชียวนะ!!


 


แต่ถ้าหากสามารถยึดอำนาจได้จริง แล้วฉวยโอกาสตลบหลังพวกปีศาจได้จริงๆล่ะก็…


 


แม้นางไม่กล้าพูดว่าเรื่องนี้จะส่งผลต่อกองทัพปีศาจอย่างใหญ่หลวง หากแต่ย่อมสร้างความเสียหายครั้งใหญ่อย่างที่พวกมันไม่ทันตั้งตัวได้แน่!!


 


“ถูกต้อง”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า


 


“อาศัยพลังฝีมือเจ้าตอนนี้เรื่องคิดเป็นรองจ้าววังเซียนสัญจรย่อมมิเป็นปัญหา…แต่ข้าได้ยินมาว่าจ้าววังเซียนสัญจรนั่นจะอย่างไรก็เป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน…เกรงว่าตอนนี้เจ้าคงไม่ใช่คู่ต่อสู้มันกระมัง?”


 


หลังจากที่ก่านหรูเยี่ยนกล่าวถึงจุดนี้ นางก็กล่าวแนะออกมาเสียงเบา “ข้าขอบังอาจแนะนำให้เจ้าออกไปไล่ล่าปีศาจในภูมิภาคเบื้องล่างให้มากๆหน่อย จะได้ยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าให้กลายเป็นรากวิญญาณสีดำ”


 


“พอถึงตอนนั้น แม้ภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้จะมีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะย่ำแย่ แต่พลังฝึกปรือของเจ้าสมควรก้าวหน้าขึ้นได้อย่างรวดเร็ว…ด้วยเหตุนี้เจ้ายังพอมีหวังเอาชนะจ้าววังเซียนสัญจร และยึดอำนาจมันมาได้”


 


กก่านหรูเยี่ยนกกล่าวแนะนำยืดยาวจนจบ


 


“พรสวรรค์รากวิญญาณของข้าตอนนี้ ได้กลายเป็นรากวิญญาณสีดำแล้ว…”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเบา


 


“ห๊ะ! ว่าอะไร!?”


 


และพอกก่านหรูเยี่ยนได้ยินดังนั้น นางย่อมตกใจเป็นธรรมดา!


 


สำหรับเค่อเอ๋อนั้นไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะนางรู้แต่แรกว่าที่ต้วนหลิงเทียนออกไปครั้งนี้เพราะไปยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณโดยเฉพาะ


 


“เจ้า…รากวิญญาณของเจ้ากลับกลายเป็นรากวิญญาณสีดำแล้วจริงๆ!?”


 


ก่านหรูเยี่ยนเบิกตากว้างปานลูกวัวแรกเกิดมองต้วนหลิงเทียนอย่างอึ้งๆ สีหน้าแววตายังฉายถึงความหวาดกลัวประการหนึ่ง


 


“ใช่”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ “ตอนแรกข้าก็ห่างแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น…ข้าออกไปรอบนี้ เมื่อไม่มีใดผิดพลาดย่อมก้าวผ่านครึ่งก้าวสุดท้าย สามารถยกระดับรากพรสวรรค์รากวิญญาณให้กลายเป็นรากวิญญาณสีดำได้อย่างราบรื่น”


 


หลังต้วนหลิงเทียนกล่าวยำความชัดเจน ก่านหรูเยี่ยนตะลึงด้วยความประหลาดใจต่ออีกพักหนึ่งค่อยคืนสติ


 


“เค่อเอ๋อ…”


 


ทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียนคล้ายนึกกอะไรขึ้นได้ จึงหันไปมองกล่าวกับเค่อเอ๋อทันที “มีบางเรื่องที่ลืมบอกเจ้า…รากวิญญาณของเจ้า…เกรงว่าคงไม่อาจยกระดับมันให้เป็นรากวิญญาณสีดำได้อีกพักใหญ่”


 


ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน เค่อเอ๋อพยักหน้ารับ ไม่คิดสงสัยอะไรทั้งสิ้น


 


ในสายตานาง


 


ทุกกสิ่งอย่างที่บุรุษของนางกระทำให้นางนั้น ล้วนหวังดีกับนางทั้งสิ้น


 


นางย่อมเชื่อใจบุรุษของนางอย่างไร้เงื่อนไข


 


“อ้าว ทำไมเล่า?”


 


เค่อเอ๋อเชื่อใจต้วนหลิงเทียนอย่างไร้เงื่อนไข แต่ไม่ได้หมายความว่าก่านหรูเยี่ยนจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน ทำให้หลังได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนแล้ว นางก็อดขมวดคิ้วกล่าวถามออกมาไม่ได้


 


ความเชื่อใจของเค่อเอ๋อนั้นย่อมทำให้ต้วนหลิงเทียนมีความสุขเป็นธรรมดา


 


อย่างไรก็ตามพอได้ยินคำจี้ถามด้วยสงสัยของก่านหรูเยี่ยน อารมณ์ดีงามของเขาก็ถูกนางทำลายไปทันที


 


“ก็ไม่ทำไม”


 


เมื่อถูกอีกฝ่ายทำลายความรู้สึกดีๆ แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมไม่คิดสนใจจะตอบคำอะไรนาง


 


“เจ้า…ไฉนเจ้าทำแบบนี้เล่า!?”


 


เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนจงใจเพิกเฉยนางต่อหน้าต่อตา ก่านหรูเยี่ยนย่อมฮึดฮัดขึ้นมาไม่น้อย ฟันไปกกล่าวกับบเค่อเอ๋อด้วยความไม่พอใจทันที “เค่อเอ๋อดูผู้ชายของเจ้าสิ…ดูมันทำเข้า! นิสัย!!”


 


“พี่หญิง…ในเมื่อพี่เทียนบอกมาแบบนี้ ข้าเชื่อว่าพี่เทียนย่อมมีเหตุผลสำคัญ…เช่นนั้นท่านอย่าได้ถามเลย”


 


เค่อเอ๋อมองก่านหรูเยี่ยนค่อยกล่าวออกด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ


 


“เจ้า…เจ้าถูกมันวางยาเสน่ห์มารึไง?!”


 


ก่านหรูเยี่ยนย่อมโมโหท่าทีเข้าข้างอย่างออกหน้าออกตานี้ของเค่อเอ๋อนัก แต่นางก็ทำอะไรไม่ได้


 


ถึงแม้ว่าเค่อเอ๋อจะเป็นน้องสาวฝาแฝดของนาง แต่ตัวนางรู้ดีว่าน้ำหนักของนางในใจเค่อเอ๋อนั้น ยังน้อยกว่าบุรุษตรงหน้ามากนัก!


 


แต่แน่นอนนี่ไม่ได้หมายความว่าเค่อเอ๋อจะไม่สนใจไยดีนาง


 


ที่สำคัญที่สุดก็คือการเปรียบเทียบ


 


ไม่เป็นอะไร หากไม่เปรียบเทียบ


 


หากเกิดอะไรขึ้นกับพวกนางทั้งคู่พร้อมๆกันแล้วจำต้องเลือกให้ใครคนหนึ่งอยู่รอดล่ะก็…


 


นางเชื่อว่าน้องสาวของนางยินดีรับเคราะห์แทนนางแน่! ไม่มีทางปล่อยให้พี่สาวเช่นนางต้องตกอยู่ในอันตราย!!


 


นั่นเพราะน้องสาวของนางเป็นคนอ่อนโยนจิตใจดีงาม เห็นพี่สาวเช่นนางสำคัญกว่าตัวเองเสียอีก


 


แต่แน่นอนว่าถ้าถามว่าในใจเค่อเอ๋อผู้ใดสำคัญที่สุด ก็เห็นทีจะเป็นบุรุษเบื้องหน้า!


 


“ฮ้า! ท่านพ่อกลับมาแล้วเหรอ!?”


 


ไม่ทราบตั้งแต่ตอนไหน ทว่าต้วนซือหลิงที่เปิดประตูห้องออกมา พอเห็นต้วนหลิงเทียน ร่างนางก็คล้ายกลายเป็นสายลมหอบหนึ่ง โผเข้าอ้อมอกกต้วนหลิงเทียนทันที


 


หลังถูกต้วนหลิงเทียนอุ้มแล้วหัวเราะคิกคักดึงแก้มบิดาเล่นอยู่พักหนึ่ง ต้วนซือหลิงจึงค่อยสังเกตเห็นก่านหรูเยี่ยนอยู่ข้างๆ “อ้าว…ท่านป้าก็ออกจากการปิดด่านแล้วเหรอ?”


 


เมื่อเห็นว่ากระทั่งหลานสาวของนาง ตอนนี้ก็คล้ายจะใส่ใจบุรุษเบื้องหน้ามากกว่านาง ก่านหรูเยี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงสิ่งหนึ่งขึ้นมาในใจ…ความสูญเสีย


 


ราวกับนางได้สูญเสียสิ่งสำคัญไปต่อหน้าต่อตา…


ตอนที่ 2,267 : ฆ่า อย่างอุกอาจ!


 


ถึงแม้ว่าก่านหรูเยี่ยนจะยังมีครอบครัวอยู่ หากแต่นางก็ไม่ค่อยได้ข้องแวะกับครอบครัวและตระกูลสักเท่าไหร่


 


ด้วยระดับพรสวรรค์รากวิญญาณ ทำให้นางกับน้องสาวฝาแฝดได้เข้าร่วมลัทธิบูชาไฟตั้งแต่แรกเกิด


 


ตอนนั้นน้องสาวนางก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นธิดาเทพ


 


นางเองก็ถูกอาจารย์รับไปเลี้ยงตั้งแต่แบเบาะ


 


เช่นนั้นตลอดหลายปีที่ผ่าน ในโลกของนางเสมือนมีแต่ลัทธิบูชาไฟ อาจารย์ และก็การบ่มเพาะพลังเท่านั้น แทบไม่ค่อยได้ข้องแวะหรือผูกพันกับใครในลัทธิบูชาไฟอีก


 


หลังจากนั้นไม่นานนางก็พบว่าน้องสาวของตัวเองที่หายตัวไป ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องล่าง ซึ่งนางก็ได้สัมผัสกับคำว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำเป็นครั้งแรก


 


ต่อมาลูกของน้องสาวนางก็ลืมตาดูโลก


 


สำหรับเด็กน้อยคนนี้นางทั้งรักและหวงแหนมาก เรียกว่าเลี้ยงดูอีกฝ่ายอย่างดีประหนึ่งลูกแท้ๆของนางเอง ให้ความสำคัญเหนือสิ่งใด


 


“ซือหลิง…”


 


ถึงแม้ก่านหรูเยี่ยนจะรู้ดีว่าระหว่างต้วนหลิงเทียนกับซือหลิงนั้นคือเลือดที่ข้นกว่าน้ำ และเป็นอะไรที่นางไม่อาจเทียบได้ หากแต่ก่านหรูเยี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความรู้สึกสูญเสียขึ้นมาในใจ


 


ความรู้สึกนี้เสมือนมีคนๆหนึ่งที่ต้องการนางมาก หากทว่าอยู่ดีๆก็ไม่ต้องการนางอีกต่อไป


 


“ซือหลิงลูกไปเล่นกับท่านป้าก่อนดีหรือไม่…แม่มีเรื่องจะหารือกับพ่อเจ้าในห้อง”


 


ตอนนี้เองเค่อเอ๋อพลันหันไปมองซือหลิงพร้อมกล่าวออก


 


ต้วนซือหลิงก็ผละออกจากอ้อมอกต้วนหลิงเทียนอย่างไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่ สองตากลมโตยังคล้ายจะเริ่มเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา เมื่อพบว่าบิดาที่คิดถึงถูกมารดาพรากเข้าห้องไปเสียแล้ว


 


“ท่านป้า…”


 


อย่างไรก็ตามโลกของเด็กน้อยนั้นเรียบง่ายนัก เมื่อเห็นบิดามารดาหายเข้าห้องไป ความสนใจของต้วนซือหลิงก็เปลี่ยนไปทันที หันกลับมาให้ความสนใจก่านหรูเยี่ยนแทน


 


“เค่อเอ๋อ เจ้ามีอะไรหรือ?”


 


ต้วนหลิงเทียนถามเค่อเอ๋อด้วยใบหน้าสงสัยทันทีที่ปิดประตูห้องหับ


 


“พี่เทียนข้าไม่ได้มีใด”


 


เค่อเอ๋อส่ายหัวไปมาค่อยยิ้มเจื่อนๆ “เมื่อครู่ข้าเห็นว่าพี่หญิงคล้ายใจเสีย ข้าจึงอยากให้ซือหลิงไปเล่นกับนาง…ตั้งแต่ซือหลิงเกิดมาพี่หญิงก็ดีกับซือหลิงมาก ยังเห็นซือหลิงไม่ต่างใดจากลูกสาวแท้ๆ”


 


“ข้าย่อมรู้ดี…ในสายตาของพี่หญิง ซือหลิงยังสำคัญกว่าตัวนางเองเสียอีก”


 


“เมื่อครู่ตอนที่ซือหลิงออกมาแล้วเรียกหาท่านเป็นคนแรก ข้าเห็นได้ชัดว่านางรู้สึกเสียใจนัก”


 


ในฐานะสตรีคนหนึ่ง บางเรื่องเค่อเอ๋อย่อมมีความละเอียดอ่อนกว่าต้วนหลิงเทียน


 


เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่อาจเทียบได้


 


“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง”


 


ต้วนหลิงเทียนพอนึกขึ้นได้ ก็กล่าวโทษตัวเอง “ข้าไม่รู้ว่านางจะดีกับซือหลิงขนาดนี้…หากรู้แต่แรกข้าคงไม่แกล้งนางหรอก”


 


ด้วยเพราะก่านหรูเยี่ยนเคยพรากเค่อเอ๋อไปจากเขา ต้วนหลิงเทียนย่อมมีอคติกับนางเป็นธรรมดา


 


มาตอนนี้พอได้รู้จากปากเค่อเอ๋อว่าอีกฝ่ายดีกับลูกน้อยของตัวเองเพียงไหน ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด อคติยังหายไป


 


พอคิดไปแล้วเรื่องที่เขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งกลับไปทำร้ายจิตใจสตรีอ่อนแอนางหนึ่งก็นับว่าเหลวไหลใช้ไม่ได้จริงๆ!


 


“พี่เทียนพี่หญิงเป็นคนดียิ่ง…ที่นางพาตัวข้ามาล้วนเพราะกลัวคนอื่นในลัทธิบูชาไฟเจอตัวข้า นางไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ หากนางคิดร้ายกับข้าจริง นางคงพาตัวข้าไปส่งให้หอคุมกฏของลัทธิบูชาไฟด้วยตัวเองเพื่อเอาผลงานแต่แรกแล้ว”


 


เค่อเอ๋อกล่าว


 


“เรื่องนี้ข้าก็รู้”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “ไม่ต้องกังวล…วันหน้าข้าจะไม่อคติกับนางอีกแล้ว”


 


“อื้อ”


 


เค่อเอ๋อแย้มยิ้มทั้งพยักหน้า เห็นได้ชัดว่าตอนนี้นางอารมณ์ดีขึ้นมาก


 


เพราะสุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็คือครอบครัวที่นางห่วงใยมากกที่สุด


 


นางแน่นอนว่าย่อมไม่อยากให้ระหว่างทั้งคู่มีช่องว่างแบบนี้


 


ต้วนหลิงเทียนอยู่ในห้องหับสนทนากับเค่อเอ๋อสักพักก่อนที่จะออกมา


 


ด้านต้วนซือหลิงก็คล้ายลืมเลือนบิดาไปชั่วขณะ นางเล่นกับก่านหรูเยี่ยนอย่างร่าเริง แก้มอมชมพูแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้มีอาการสลดเหมือนก่อนหน้าหลงเหลือ


 


โลกของเด็กน้อยช่างเรียบง่ายนัก


 


“เอ่อ…”


 


หลังออกจากห้อง ต้วนหลิงเทียนก็เดินมาหาก่านหรูเยี่ยน และพอเห็นก่านหรูเยี่ยนมองเขาด้วยสายตารังเกียจเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกละอายเล็กน้อย


 


อย่างไรก็ตามไม่นานเขาก็ละเรื่องละอายใจแล้วมองกล่าวกับก่านหรูเยี่ยนตรงๆ “เหตุผลที่ข้าบอกว่าคงไม่อาจช่วยยกกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณเค่อเอ๋อให้กลายเป็นรากวิญญาณสีดำได้ในเวลาอันสั้น นั่นเพราะเรื่องนั้นจะทำให้นางตกอยู่ในอันตราย”


 


“ก่อนหน้านี้ไม่นาน หลังจากที่พรสวรรค์รากวิญญาณของข้าได้ยกระดับกลายเป็นรากวิญญาณสีดำนั้น…”


 


หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เริ่มบอกก่านหรูเยี่ยนถึงการเผชิญหน้ากับหายนะทัณฑ์สวรรค์ที่อุบัติขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว สีหน้ายามกล่าวถึงความรุนแรงของอัสนีลงทัณฑ์ยังเคร่งขรึมจริงจัง


 


“หากคิดจะข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์อย่างปลอดภัย อย่างน้อยๆก็ต้องมีความแข็งแกร่งถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนทั่วไป!?”


 


ต้องกล่าวเลยว่าเรื่องราวที่ต้วนหลิงเทียนเล่ามันทำให้ก่านหรูเยี่ยนหวาดกลัวไม่น้อย


 


ดังนั้นแล้วก่านหรูเยี่ยนถึงขั้นไม่ทันเอะใจว่าไฉนอยู่ๆต้วนหลิงเทียนถึงเปลี่ยนใจและมาเล่าเรื่องนี้ให้นางฟัง


 


เรียกว่าตอนนี้ความสนใจของนางหันไปจดจ่อกับเรื่องหายนะทัณฑ์สวรรค์ ที่จะถูกชักนำลงมาหลังจากพรสวรรค์รากวิญญาณได้ยกระดับกลายเป็นรากวิญญาณสีม่วงหมดสิ้น


 


“ต้องแข็งแกร่งระดับเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนทั่วๆไปเชียวหรือ หากคิดจะเอาชนะหายนะทัณฑ์สวรรค์…”


 


ก่านหรูเยี่ยนตกใจอยู่นาน กว่าจะหาย


 


แต่เมื่อนางสงสติอารมณ์ลงได้แล้ว นางก็อดมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยความตกใจไม่ได้ “เจ้า…ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเจ้าเทียบได้กับเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนทั่วๆไปแล้วงั้นเหรอ!?”


 


“ความแข็งแกร่งของข้าตอนนี้ เทียบได้กับเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่พึ่งทะลวงผ่านเท่านั้น”


 


ต้วนหลิงเทียนตอบ


 


ด้วยเหตุนี้ทำให้ก่านหรูเยี่ยนถึงกับตกตะลึง ยังรู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้าง สายตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนก็เริ่มซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ


 


ย้อนกกลับไปตอนนั้น วันที่นางพบเจอตัวน้องสาวแล้วชิงตัวกลับมาจากภูมิภาคเบื้องล่าง บุรุษเบื้องหน้ายังอ่อนแอดั่งมดในสายตาของนาง


 


หากทว่าตอนนี้อีกฝ่ายทิ้งห่างนางไปไกลลิบ


 


“ไปวังเซียนสัญจรกันเถอะ”


 


ต้วนหลิงเทียนเรียกหาทุกคน จากนั้นก็เดินทางออกจากโรงเตี๊ยมที่พัก มุ่งหน้าไปยังวังเซียนสัญจร


 


ในฐานะที่เป็นหนึ่งในขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของ 3วัง 6 ตำหนัก พื้นที่ตั้งของวังเซียนสัญจรในเมืองเหรินโม่เชิ่งก็มีอาณาบริเวณกกว้างขวางนัก


 


หากมองลงมาจากฟากฟ้า วังเซียนสัญจรนั้นแทบไม่ต่างจากพระราชวังของมนุษย์แม้แต่น้อย


 


หากแต่วังเซียนสัญจรนั้นมีขนาดใหญ่โตกว่าพระราชวังของมนุษย์เสียอีก


 


เรียกว่าให้เป็นวังหลวงของราชอาณาจักรต้าอั่นที่ต้วนหลิงเทียนเคยไป ในแง่ของพื้นที่แล้วยังด้อยกว่าที่นี่มาก


 


วังเซียนสัญจรนั้นตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเหรินโม่เชิ่ง ยังเป็นพื้นที่ๆค่อนข้างสันโดษเล็กน้อย ไม่ค่อยมีปีศาจแวะเวียนผ่านมาสักเท่าไหร่


 


มีเพียงศิษย์ของวังเซียนสัญจรเท่านั้น ที่คอยเดินลาดตระเวนรอบๆวังเซียนสัญจร


 


“ที่นี่เป็นเขตของวังเซียนสัญจร คนนอกไม่ได้รับอนุญาตให้มาวุ่นวาย!”


 


ต้วนหลิงเทียนเดินเข้ามาใกล้ๆประตูวังเซียนสัญจรได้ไม่ทันไร ก็มีเสียงตวาดดังมาแต่ไกล


 


จากนั้นไม่นานก็ปรากฏร่าง 3 ร่างวิ่งมาแต่ไกล ก่อนที่จะหยุดขวางต้วนหลิงเทียนเอาไว้


 


ผู้ที่ตะโกนกล่าวเป็นชายวัยกลางคนที่ท่าทางจะเป็นหัวหน้าของ 3 คนตรงหน้า ใบหน้าของมันช่างเฉยเมยนัก! คล้ายหน้ามันเป็นอัมพาตก็ไม่ปาน!!


 


เพราะถึงแม้มันจะแลเห็นเค่อเอ๋อกับก่านหรูเยี่ยนสองแฝดที่งามพิลาศล้ำ แต่ตามันก็ไม่แม้แต่จะกระพริบ!


 


กลับกันชายหนุ่มทั้ง 2 ที่ติดตามอยู่ด้านหลังของมันเรียกว่าถูกความงามของสองพี่น้องฝาแฝดสะกดใจทันที พวกมันเหม่อมองทั้งคู่จนตาลอยพักหนึ่ง ค่อยหันมามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอิจฉา


 


“ข้ามาเข้าร่วมวังเซียนสัญจร”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเบา


 


ได้ยินวาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน สีหน้าของชายวัยกลางคนก็ยังไม่แปรเปลี่ยน กล่าวถามออกมาประหนึ่งเครื่องจักร “คิดเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจรเราจำต้องมีผู้แนะนำมา…เจ้ามีผู้ใดแนะนำมาหรือไม่?”


 


ผู้แนะนำ?


 


ได้ยินคำของชายวัยกลางคน ต้วนหลิงเทียนก็ถึงกับผงะ


 


คิดเข้าร่วมวังเซียนสัญจรต้องมีใครแนะนำด้วยงั้นเหรอ?


 


“ไม่ใช่ว่า…แค่มีสายเลือดมนุษย์บริสุทธิ์ก็เข้าร่วมวังเซียนสัญจรได้เลยรึไง?”


 


ต้วนหลิงเทียนถาม


 


“เฮอะ!”


 


ไม่ทราบว่าด้วยความที่ไม่พอใจเพราะเห็นต้วนหลิงเทียนมีสาวงามล่มเมือง 2 คนเดินเคียงมาหรือไม่ หากแต่หนึ่งในชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังชายวัยกลางคนพลันกล่าวออกเสียงเย็น “วังเซียนสัญจรจะเปิดรับสมัครสมาชิกที่เป็นมนุษย์สายเลือดบริสุทธิ์เพียงปีละครั้งเท่านั้น…”


 


“และครั้งล่าสุดที่พวกเราเปิดรับคนก็พึ่งผ่านไปแค่ 3เดือน หากเจ้าคิดจะเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจรของพวกเราจริง หากไม่มีผู้แนะนำที่เชิญเจ้ามา เจ้าก็จำต้องรออีก 9 เดือน!”


 


ชายหนุ่มกล่าว ยังเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดี


 


และแทบจะทันทีที่มันกล่าวจบคำมันก็ส่งเสียงผ่านพลังไปถึงต้วนหลิงเทียน “แต่หากเจ้าเต็มใจส่งตัวสตรีงามทั้ง 2 นั่นมาให้ข้าสักคืน…ข้าจะเป็นคนพาเจ้าเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจรเอง”


 


เสียงผ่านพลังมานั้น ไม่ได้มีความสุภาพเกรงใจแม้แต่น้อย


 


ในสายตาของมันตอนนี้ยังลุกโชนไปด้วยไฟปรารถนา


 


“หาที่ตาย!”


 


แทบจะทันทีที่วาจาผ่านพลังของชายหนุ่มดังเข้าหูต้วนหลิงเทียน สองตาต้วนหลิงเทียนก็หดเล็กลง แค่นคำออกมาเสียงเย็น


 


และทันใดนั้นกลิ่นอายพลังยะเยือกก็เริ่มแผ่ซ่านออกมาจากร่างต้วนหลิงเทียน


 


ราวกับอุณหูภูมิโดยรอบจะลดต่ำลงหลายองศา!


 


และแทบจะพร้อมกันกับที่ต้วนหลิงเทียนแค่นเสียงเย็นออกมานั้น พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดก็แล่นพล่านผ่านชีพจรเซียน 99 สายฉับไวปานสายฟ้าแล่บ พุ่งออกจากร่างเขาเข่นฆ่าสังหารไปยังชายหนุ่มด้วยความเร็วอันน่ากลัว


 


วูบ!


 


ทันใดนั้นชายวัยกลางคนที่ใบหน้าเฉยเมยปานเป็นนอมพาตก็ไม่อาจเฉยได้อีกต่อไป สีหน้าของมันเปลี่ยนไปอย่างมาก


 


“หยุด!”


 


ชายวัยกลางคนแทบจะตะโกนออกมาในเวลาเดียวกันกับที่พลังอันน่าสะพรึงของต้วนหลิงเทียนปะทุออกจากร่าง คลื่นพลังนั่นโถมไปดั่งคลื่นสมุทรสุดไพศาล ป่นทำลายร่างชายหนุ่มทันที!


 


เรื่องราวช่างรวบรัดหมดจดนัก


 


ยกเว้นแหวนพื้นที่ๆลอยล่องอยู่กลางหาวอันเป็นสิ่งพิสูจน์ว่าชายหนุ่มเคยมีตัวตนมาก่อน ก็ไม่เหลือร่องรอยใดๆอีก


 


ชายหนุ่มที่เป็นคนในหน่วยลาดตระเวนของวังเซียนสัญจร กลับถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าในพริบตา!


 


จังหวะนี้ไม่เพียงแต่ชายวัยกลางคนเท่านั้น ชายหนุมอีกคนก็หน้าเปลี่ยนสีไปอย่างใหญ่หลวง สายตายามมองไปที่ต้วนหลิงงเทียนอีกครั้ง ราวกับเห็นมารอำมหิต


 


“กล้าลามปามสตรีของข้าต้วนหลิงเทียน ตาย!”


 


หลังจากที่ป่นร่างชายหนุ่มหน่ววยลาดตระเวนของวังเซียนสัญจรไปแล้ว เสียงเยียบเย็นของต้วนหลิงเทียนก็คล้ายลมหนาวหอบหนึ่ง พัดผ่านร่างศิษย์ลาดตระเวนทั้ง 2 ของวังเซียนสัญจรให้หนาวจนร่างสะท้าน


 


และตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นเค่อเอ๋อหรือก่านหรูเยี่ยนก็ได้รับทราบเหตุผลในการลงมือของต้วนหลิงเทียน


 


“เจ้า…เจ้ากล้าฆ่าศิษย์วังเซียนสัญจรของเรา?!”


 


ครู่ต่อมาศิษย์ลาดตระเวนวัยกลางคนของวังเซียนสัญจรกก็คืนสติ กล่าวออกอีกครั้งเสียงมันยังสั่นไปไม่น้อย


ตอนที่ 2,268 : อาวุโสวังเซียนสัญจร!


 


ชายวัยกลางคนผู้นำหน่วยลาดตระเวนของวังเซียนสัญจรมองต้วนหลิงเทียนอย่างเลื่อนลอย ลึกลงไปในแววตาของมันนอกจากความหวาดกลัวแล้วยังเผยความหวาดผวาเหลือเชื่อ!


 


ความหวาดกลัวนั้นเกิดจากพลังฝีมืออันร้ายกาจของชายหนุ่มชุดม่วง


 


ความหวาดผวาเหลือเชื่อเกิดจากเรื่องที่เห็นอีกฝ่ายหาญกล้าฆ่าคนวังเซียนสัญจร หน้าวังเซียนสัญจรแบบนี้


 


นี่เป็นครั้งแรกเลยจริงๆที่มันเห็นคนกล้าฆ่าศิษย์วังเซียนสัญจรหน้าวังอย่างอุกอาจแบบนี้!


 


ถึงแม้ว่าในประวัติศาสตร์ของวังเซียนจะมีคนบ้าคลั่งเช่นนี้อยู่บ้าง แต่ไร้ซึ่งข้อยกเว้นใด้ๆคนบ้าคลั่งเหล่านั้นล้วนถูกยอดฝีมือของวังเซียนสัญจรฆ่าหมดสิ้น!


 


‘เฉินอันไม่พ้นต้องกล่าววาจาใดไม่เข้าหูเจ้าหนุ่มผู้นี้แน่…สิ่งที่ทำให้เจ้าหนุ่มชุดม่วงผู้นี้มีโมโหมิพ้นฝาแฝดคู่นั้น’


 


‘หรือ…ฝาแฝดคู่นั้นจะเป็นสตรีของมัน’


 


ศิษย์หนุ่มที่เหลือฉุกคิดได้ถึงบางสิ่ง


 


มันย่อมรู้จักนิสัย เฉินอัน ศิษย์วังเซียนสัญจรที่ถูกฆ่าตายไปดี ด้วยเหตุนี้มันจึงรู้ว่าไม่พ้นอีกฝ่ายบังเกิดตัณหาหลังได้เห็นสตรีงามหมดจดทั้ง 2 แน่


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพวกไร้ภูมิหลังแล้ว เฉินอัน ไม่เคยเห็นหัวใดๆ…


 


‘เฉินอันมันคงเห็นว่า ในเมื่อคนพวกนี้คิดมาเข้าร่วมวังเซียนสัญจร ไม่พ้นพวกเจ้าหนุ่มชุดม่วงคงเป็นแค่ปีศาจมนุษย์ไร้ภูมิหลัง…แต่เกรงว่าร้อยพันหมื่นคาดมันก็ไม่เคยคิดว่าวันนี้จะเตะเอาเข้าเตอเหล็ก!’


 


ศิษย์หนุ่มหน่วยลาดตระเวนที่เหลือของวังเซียนสัญจรได้แต่ลอบไว้อาลัยให้เฉินอันที่ตกตายอย่างลับๆ


 


ขณะเดียวกัน ยามมองไปยังชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าอีกครั้ง แววตาก็เผยความหวาดกลัวจับใจ


 


ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้ร้ายกาจมาก!


 


มันไม่เห็นว่าอีกฝ่ายลงมืออย่างไรด้วยซ้ำ อาศัยแค่การแผ่พุ่งพลังออกจากร่างกลับเข่นฆ่าเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนได้อย่างง่ายดาย ไม่ต่างใดจากตัดหญ้าฆ่าไก่!


 


‘ชายหนุ่มชุดม่วงคนนี้กระทั่งพี่เจี้ยนหงยังไม่มีแม้แต่เวลาจะตอบโต้…แถมพี่เจี้ยนหงก็นับเป็นยอดฝืมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน ในเมื่อไม่อาจตอบสนองใดได้แบบนี้…น่ากลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ใช่แค่ยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน!’


 


‘เช่นนั้นเกรงว่าชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้อาจจะเป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน กระทั่งเผลอๆอาจจะเป็นถึงเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน!’


 


ศิษย์หนุ่มหน่วยลาดตระเวนลอบอนุมานในใจ


 


‘อย่างไรก็ตามต่อให้มันเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนก็เท่านั้น…กล้าฆ่าศิษย์วังเซียนสัญจรอย่างอุกอาจหน้าวังเซียนสัญจรแบบนี้ อย่างไรวันนี้มันก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต! ไม่มีทางรอดพ้นความตายไปได้!!’


 


คิดถึงตรงนี้ ศิษย์หนุ่มวังเซียนก็ไม่คิดสงสัยแม้แต่น้อย


 


ยามมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง แววตายังฉายชัดถึงความเวทนาสงสาร


 


ปกติแล้วหากเป็นยอดฝีมือที่มีพลังฝึกปรือตั้งแต่เซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนขึ้นไป ขอเพียงมีใจอยากเข้าร่วมวังเซียนสัญจร และเป็นมนุษย์สายเลือดบริสุทธิ์ย่อมสามารถเข้าร่วมได้ทันที!


 


กระทั่งสำหรับผู้เข้มแข็งเช่นนี้ วังเซียนสัญจรยังให้การต้อนรับและดูแลอย่างดี


 


อนิจจาการกระทำของชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้า ในระดับหนึ่งเสมือนตบหน้าลูบคมวังเซียนสัญจรเข้าให้แล้ว หากวังเซียนสัญจรไม่ฆ่าอีกฝ่ายเสีย ก็เสมือนถูกหมิ่นหยามศักดิ์ศรีให้อัปยศอดสูแล้วไม่ตอบโต้!หากเรื่องนี้แพร่ออกไปไม่พ้นได้เสื่อมเสียชื่อเสียง!!


 


เช่นนั้นมันไม่คิดว่าวันนี้ชายหนุ่มชุดม่วงจะรอดชีวิตไปได้


 


“หากเจ้าคิดจะเรียกใครมา ก็รีบๆเรียกเข้าเถอะ…ป้ายหยกสื่อสารนั่นไม่ใช่เจ้ากำมันอยู่นานแล้วหรือไง?”


 


ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองศิษย์วังเซียนสัญจรที่เป็นชายวัยกลางคนด้วยสายตาเฉยเมย กล่าวออกเสียงเรียบ ราวกับพูดถึงเรื่องธรรมดาๆ


 


ในเผ่าปีศาจนั้นไร้ผู้บำเพ็ญเต๋า จึงไม่มียันต์สื่อสารอะไร


 


อย่างไรก็ตามเผ่าปีศาจยังมีสิ่งของอย่างป้ายหยกสื่อสาร


 


แม้นี่จะไม่ใช่สิ่งที่เผ่าปีศาจผลิตขึ้นมาเอง แต่ในเมื่อตอนนี้อีกฝ่ายได้ยึดครองภูมิภาคเบื้องล่างเอาไว้แล้ว ของแบบนี้ไหนเลยจะหายาก


 


“เจ้า…”


 


ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ลูกตาชายวัยกลางคนศิษย์วังเซียนสัญจรก็หดเล็กลงทันที มันไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะพบเห็นเรื่องที่มันลอบกำป้ายหยกสื่อสารไว้ในมือ!!


 


เหตุผลที่มันไม่ใช้ป้ายหยกสื่อสารนี่เพื่อเรียกคนมาแต่แรก ไม่ใช่ว่าไม่อยากใช้! แต่มันกลัวว่าจะถูกอีกฝ่ายพบเห็นยามที่มันบดขยี้ป้ายหยก!!


 


ถึงตอนนั้นด้วยพลังฝีมืออันร้ายกาจของชายหนุ่ม ไม่เพียงแต่จะทำลายพลังอาคมสื่อสารที่พุ่งออกไปได้ทัน กระทั่งชีวิตของมันคงไม่อาจรักษาเอาไว้ได้!


 


ความแข็งแกร่งของชายหนุ่มเบื้องหน้าสูงต่ำเพียงใดมันก็ได้เห็นกับตา!


 


พลังระดับนั้นคิดฆ่ามันย่อมง่ายดายดั่งตัดหญ้าฆ่าไก่!


 


ด้วยกริ่งเกรงพลังฝีมือของชายหนุ่มชุดม่วง มันจึงไม่กล้าทำลายป้ายหยกสื่อสาร เพียงรอเวลาให้หน่วยลาดตระเวนอื่นผ่านมาทางนี้และดึงความสนใจของชายหนุ่มชุดม่วงไป มันค่อยบดป้ายหยกสื่อสาร กระทั่งยังจะส่งเสียงผ่านพลังให้อีกหน่วยรู้เรื่อง


 


ทั้งหมดเพื่อป้องกันไม่ใหชายหนุ่มชุดม่วงหยุดสัญญาณอาคมที่จะส่งไป


 


แต่ไม่คิดเลย


 


ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้ได้ค้นพบว่ามือมันถือป้ายหยกสื่อสารไว้แต่แรก เพียงแค่ยังไม่ได้ใช้…


 


“หากเจ้าคิดจะเรียกใครมา ก็รีบๆเรียกเข้าเถอะ”


 


ขณะเดียวกันวาจาสบายๆของต้วนหลิงเทียนพลันดังขึ้นในหูมันอีกครั้ง


 


แต่มันก็ยังไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆ


 


ผู้ใดจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายจะหยุดสัญญาณอาคม แล้วฆ่ามันทันทีหรือไม่?


 


“ติงเจี้ยนหง ไฉนพวกเจ้าเหลือกันอยู่สองคนเล่า  หืม? แล้วเจ้าพวกนี้เป็นผู้ใดกัน?”


 


ในขณะที่ศิษย์ชายวัยกลางคนของวังเซียนสัญจร ติงเจี้ยนหง กำลังลำบากใจ เสียงชราหนึ่งพลันดังมาแต่ไกล ทำให้ติงเจี้ยนหงบังเกิดความโล่งใจไม่น้อย


 


ในที่สุดหน่วยลาดตระเวนหน่วยอื่นของวังเซียนสัญจรก็มาถึงเสียที!


 


วูบ! วูบ! วูบ!


 


พร้อมกันกับเสียงของสายลมแว่วดัง ปรากฏร่าง 3ร่างขึ้น เป็นชายชรา ชายกลางคน และชายหนุ่ม


 


ในบรรดาทั้ง 3 มีชายชราเป็นหัวหน้า และผู้ที่กล่าวถามเมื่อครู่ก็เป็นมัน


 


แกร่ก!


 


ในขณะที่ต้วนหลิเทียนหันไปมอง 3 ร่างผู้มาใหม่อย่างไม่รู้ตัว ติงเจี้ยนหงที่เฝ้ารอโอกาสนี้มานานก็เร่งบดขยี้ป้ายหยกสื่อสารในมือทันที! เมื่อป้ายหยกดังกล่าวแตกก็ปรากฏพลังอาคมขุมหนึ่ง พุ่งทะยานขึ้นฟ้าไปดั่งลำแสงเลี้ยวหายไปในวังเซียนสัญจร!!


 


วูบ! วูบ! วูบ!


 


ความเคลื่อนไหวของแสงอาคมสื่อสารไม่ใช่เรื่องเล็ก ทำให้หน่วยลาดตระเวน 3 คนผู้มาใหม่หน้าเปลี่ยนสีไปทันที


 


และตอนนี้พอเห็นว่าติงเจี้ยนหงที่บดขยี้ป้ายหยกไปก็แลดูสีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่ ผู้มาใหม่จึงเห็นชัดว่าอีกฝ่ายสมควรตกที่นั่งลำบาก!


 


นอกจากนั้นปกติแล้วหน่วยลาดตระเวนจะมีทั้งสิ้น 3คน ทว่าตอนนี้นอกจากหัวหน้าอย่างติงเจี้ยนหงแล้ว ก็เหลือคนในหน่วยลาดตระเวนแค่คนเดียวเท่านั้น…


 


“ทุกคน…เจ้าหนุ่มชุดม่วงผู้นี้พึ่งฆ่าเฉินอัน!”


 


ตอนนี้เองเสียงของติงเจี้ยนหงพลันดังขึ้นในหูของหน่วยลาดตระเวนทั้ง 3 ที่พึ่งมาถึง


 


น้ำเสียงไม่แปลกปลอมของติงเจี้ยนหง ย่อมทำให้หน้าทั้ง 3 เปลี่ยนสีไปทันที


 


“ตอนมันลงมือ ข้าไม่มีแม้แต่โอกาสจะตอบโต้ด้วยซ้ำ…กว่าข้าจะรู้ตัวร่างเฉินอันก็แหลกสลายไปไม่เหลือแม้แค่ซาก จะเหลือก็แต่แหวนพื้นที่เท่านั้น”


 


“อีกทั้งแต่ต้นจนจบมันเพียงยืนนิ่งๆมิได้เคลื่อนไหวอันใด…ข้าสงสัยว่าอย่างน้อยๆมันจะเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน…กระทั่งอาจเป็นได้ถึงเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน!”


 


ก่อนที่ทั้ง 3 ผู้มาใหม่จะทันได้ฟื้นตัว ติงเจี้ยนหงก็ส่งเสียงผ่านพลังไปกล่าวบอกพวกมันอีกรอบ


 


ยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน?


 


เซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน!?


 


จังหวะนี้ทั้ง 3 พากันตกใจนัก ร่างของพวกมันแข็งเกร็งขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เพราะในบรรดาพวกมันผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างชายชราผู้เป็นหัวหน้าหน่วย ก็เป็นแค่ยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 3  เปลี่ยนเท่านั้น


 


ไม่ต้องกล่าวถึงตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนเลย กระทั่งแค่ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 5เปลี่ยนก็ฆ่าพวกกมันได้ง่ายๆแล้ว!


 


ตอนนี้เองสายตาของต้วนหลิงเทียนพลันละจากทั้ง 3 หันกลับมามองติงเจี้ยนหง


 


เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนมองมา ติงเจี้ยนหงก็รู้สึกหวาดกลัวอีกครั้ง แต่มันก็อดถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกไม่ได้ พอคิดว่าอย่างไรก็ได้ส่งสัญญาณออกไปแล้ว


 


ตอนนี้แม้มันจะตาย แต่มันก็ตายอย่างคุ้มค่า


 


ในขณะที่ติงเจี้ยนหงคิดว่าคงเหลือเพียงหนทางตายสถานเดียว และทำได้แค่รอเวลาตายนั้น


 


เสียงเกียจคร้านของต้วนหลิงเทียนพลันดังขึ้น และสร้างความตกตะลึงให้ติงเจี้ยนหงนัก


 


“ข้าให้เจ้าบดป้ายหยกสื่อสารนั่นตั้งนานแล้ว แต่เจ้าพึ่งมาทำมันตอนนี้…หรือเจ้ากังวลว่าข้าจะขัดขวางอาคม? หรือเจ้าคิดว่าข้าจะฆ่าเจ้าถ้าทำแบบนั้น?”


 


นี่คือคำพูดของต้วนหลิงเทียน


 


‘อะไร…มันไม่กลัวข้าส่งข่าวงั้นเหรอ?’


 


จังหวะนี้ต่อให้ความรู้สึกติงเจี้ยนหงจะช้าเพียงใด มันก็ยังตระหนักได้ถึงเรื่องนี้


 


ด้วยเหตุนี้ใจของติงเจี้ยนหงจึงเต้นไปไม่เป็นจังหวะในใจยังอดสับสนไมได้


 


‘เจ้านี่มันไม่กลัวตายหรือไร?’


 


‘ที่แท้มันไปเอาความมั่นใจมากจากที่ใดกันแน่ ถึงได้กล้ากระทำเช่นนี้?’


 



 


ในขณะที่ติงเจี้ยนหงกำลังงุนงง เสียงปานฟ้าร้องหนึ่งก็ดังมาแต่ไกล


 


“อันเอ๋อ!!”


 


เสียงที่ดังปานฟ้าร้องนี้นอกจากโทสะแล้วยังเต็มไปด้วยความเศร้าโศกถึงขีดสุด


 


‘จริงสิ ไฉนข้าถึงลืมมันไปได้?’


 


ได้ยินเสียงดังกล่าว สองตาติ้งเจี้ยนหงพลันลุกวาวขึ้นมาทันที ราวกับมันพึ่งนึกอะไรขึ้นได้


 


บิดาของ เฉินอัน คนในหน่วยลาดตระเวนที่ถูกชายหนุ่มชุดม่วงฆ่าตายไป จะอย่างไรก็คือชนชั้นอาวุโสของพวกมัน!


 


อีกทั้งยังเป็นผู้อาวุโสที่พลังฝึกปรือบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนแล้ว!


 


“อาวุโสเฉินตง!”


 


“อาวุโสเฉินตง!”


 



 


ไม่นานชายวัยกลางคนรูปร่างปานกลางที่เหินมาจากกฟ้าไกล ก็บรรลุถึงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ มันหันไปมองติ้งเจี้ยนหงและคนอื่นๆของวังเซียนสัญจรเป็นการทักทายทันที


 


สาเหตุที่ชายวัยกลางคนผู้นี้รุดร่างมาที่นี่ นอกจากเรื่องลูกชายที่ตายตกแล้ว เพราะการรวมตัวของคนกลุ่มนี้ดึงดูดสายตาของมัน


 


และชายวัยกลางคนผู้นี้ก็คืออาวุโสวังเซียนสัญจร เฉินตง!


 


นอกจากนั้นมันยังเป็นบิดาของเฉินอันที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าทิ้งไปก่อนหน้า


 


“ติงเจี้ยนหง! ข้าจำได้ว่าลูกชายของข้าอยู่หน่วยลาดตระเวนเดียวกันกับเจ้าไม่ใช่หรือไร…แล้วลูกข้าไปอยู่ที่ใด?”


 


เฉินตงเพิกเฉยการทักทายทั้งหมด เพียงมองจี้ถามติงเจี้ยนหงออกมาเสียงเย็น สายตายังมากอำมหิตนัก


 


“เรียนอาวุโสเฉินตง…เฉินอันถูกฆ่าตายแล้ว”


 


สายตาเยียบเย็นของเฉินตง ย่อมทำให้ติงเจี้ยนหงรู้สึกเหน็บหนาวนัก ราวกับตกลงไปในหล่มน้ำแข็งก็ไม่ปาน หากแต่มันยังกัดฟันตอบกลับไป


 


ขณะที่มันกัดฟันตอบ ศีรษะยังหันไปชำเลืองมองต้วนหลิงเทียน


 


“เจ้า…ฆ่าลูกชายของข้างั้นเหรอ!?”


 


ทันใดนั้นสายตาของเฉินตงก็ละออกไปทำให้ติงเจี้ยนหงรู้สึกโล่งใจนัก และขณะที่ติงเจี้ยนหงรู้สึกโล่งใจ เฉินตงก็หันไปมองจ้องต้วนหลิงเทียน!


ตอนที่ 2,269 : ยืมหอกคืนสนองผู้ใช้!


 


“เจ้า…ฆ่าลูกชายของข้างั้นเหรอ?!”


 


หลังมองไปยังต้วนหลิงเทียน อาวุโสวังเซียนสัญจรเฉินตงก็ตะโกนออกมาเสียงเย็น ยังดังลั่นปานฟ้าร้อง! พาลให้แก้วหูหลายคนโดยรอบปวดแปลบไม่น้อย!!


 


ต้วนหลิงเทียนไม่ทันได้ตอบคำอะไรเฉินตง


 


ชายชราที่เป็นผู้นำหน่วยลาดตระเวนใหม่ที่พึ่งมาถึง ก็เร่งกล่าวรายงานเฉินตงหมายเอาหน้าออกมาทันที


 


“เรียนอาวุโสเฉินตง มันเป็นคนฆ่าเฉินอันบุตรชายท่านจริงๆขอรับ…ทั้งฟังจากรายงานของติงเจี้ยนหง เห็นชัดว่ามันมิได้เคลื่อนไหวอะไร หากแต่อาศัยการแผ่พุ่งพลังป่นร่างเฉินอันลูกท่านจนไม่เหลือแม้แต่ซาก!!”


 


เรียกว่าผู้นำหน่วยลาดตระเวนใหม่คนนี้ คล้ายกลัวโลกหล้ายังวุ่นวายไม่พอจริงๆ


 


“อาวุโสเฉินตง ชายคนนี้หาญกล้าฆ่าเฉินอันลูกท่านหน้าวังเซียนสัญจรเรา เห็นชัดว่าไม่เพียงแต่มันไม่แยแสวังเซียนสัญจรของพวกเรา แต่ยังไม่เห็นท่านอยู่ในสายตา”


 


นอกจากชายชราผู้นำหน่วยแล้ว คนในหน่วยยังเร่งราดรดน้ำมันลงกองเพลิงเพิ่มไปอีก!


 


ทันใดนั้นลูกตาเฉินตงก็หดเล็กลง ใบหน้ายิ่งมายิ่งมืดมนดำคล้ำ!


 


ทั่วร่างปรากฏกลิ่นอายพลังเยียบเย็นแผ่ออก ทำให้ทุกคนโดยรอบรู้สึกเสมือนตกอยู่ในหล่มน้ำแข็ง!


 


“ไอ้หนู! เจ้ามันรนหาที่ตาย!!”


 


แววตาที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนของเฉินตง ฉายชัดถึงเจตนาฆ่าฟัน มันตะคอกออกมาเสียงเย็นด้วยอำมหิต พลังเซียนต้นกำเนิดเริ่มลุกโชนขึ้นมาท่วมร่างดั่งเพลิงไฟ!


 


“ท่านพ่อ…เสียงคนผู้นี้น่ารำคาญยิ่ง…”


 


ทว่าทันใดนั้นเอง พลันมีเสียงเจื้อยแจ้วหนึ่งดังขึ้น ดึงดูดความสนใจของทุกคนไปทันที


 


เป็นต้วนซือหลิงที่ถูกอุ้มอยู่ในวงแขนต้วนหลิงเทียนกล่าวออก หน้าตายังมุ่ยลงคล้ายกกำลังขุ่นเคืองใจ


 


ตอนนี้ต้วนซือหลิงชักสีหน้าคล้ายผู้ใหญ่ตัวน้อย ขมวดคิ้วย่นเป็นปมมองเฉินตงด้วยสีหน้าท่าทีรำคาญ


 


“ซือหลิงคนดีรำคาญมันหรือ…เช่นนั้นพ่อทุบตีมันให้หนีไปเลยดีหรือไม่?”


 


ได้ยินคำของต้วนซือหลิง ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองกล่าวเสียงเบากับลูกน้อยพลางลูบหัวนางอย่างอ่อนโยน


 


แต่ต้นจนจบต้วนหลิงเทียนไม่ได้เหลือบแลเฉินตงเลย ทำราวกับมันเป็นอากาศธาตุ!


 


“โอหังนัก!!”


 


และแทบจะพอดีกับที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ ชายชราผู้นำหน่วยลาดตระเวนพลันมองต้วนหลิงเทียนพร้อมตะโกนกล่าวออกเสียงเหี้ยม!


 


“ไอ้หนู เจ้าอาศัยว่าเจ้าเป็นยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 5เปลี่ยนหรือเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนแล้วจักสามารถเพิกเฉยท่านผู้อาวุโสเฉินตงแห่งวังเซียนสัญจรของพวกเราได้หรือ?”


 


“เจ้ามันช่างโง่เขลาเบาปัญญานัก หารู้ไม่ว่าท่านผู้อาวุโสเฉินตงของพวกเราคือยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน…อย่าได้กล่าวถึงเรื่องเจ้าเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนเลย วันนี้ต่อให้เจ้าเป็นยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนเจ้ากก็หนีความตายไม่พ้น!!”


 


ฟังจากคำของชายชราผู้นำหน่วยลาดตระเวนแล้ว เห็นได้ชัด…มันคิดว่าต้วนหลิงเทียนต้องถูกฆ่าตายวันนี้แน่ๆ!


 


“เฮอะ! มิน่าแปลกใจเลยที่มันหาญกล้าก่อการอุกอาจเช่นนี้ ที่แท้พลังฝึกปรืออยู่เหนือเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน”


 


ขณะเดียวกัน เฉินตงก็อดไม่ได้ที่จะพ่นลมสบถออกมาอย่างดูแคลน กล่าวปรามาสค่อนแคะออกว่า “วันนี้ต่อให้เจ้าเป็นยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน…ข้าก็อาศัยเพียงกระบวนท่าเดียวฆ่าเจ้า!!”


 


อาศัยเพียงกระบวนท่าเดียวฆ่าเจ้า!


 


ต้องกล่าวเลยว่าคำพูดของเฉินตงนั้นอหังการมาก!


 


อย่างไรก็ตามสำหรับศิษย์วังเซียนสัญจรแล้ว ล้วนเป็นวาจาไม่แปลกปลอมอันใด เพราะพวกมันเชื่อว่าเฉินตงมีพลังสามารถกระทำเช่นนั้นได้จริงๆ


 


‘หากข้ารู้ว่าอาวุโสเฉินตงจะมาที่นี่ ข้าคงไม่บดขยี้ป้ายหยกสื่อสารนั่นเพื่อแจ้งให้อาวุโสคนอื่นทราบให้เปลืองหรอก…’


 


ติงเจี้ยนหงลอบกล่าวในใจ


 


“สารเลวน้อยตายเสีย!!”


 


สิ้นคำ ร่างเฉินตงก็ปะทุพลังเหี้ยมหาญ มวลอากาศรอบกายแตกระเบิดออกทันใด!


 


พร้อมกันกับเสียงแหวกฝ่าอากาศฉับไว ยังปรากฏพายุใต้ฝุ่นลูกเขื่องหนึ่งที่สภาวะคล้ายดั่งมังกรพิโรธ พุ่งเข่นฆ่าสังหารไปทางต้วนหลิงเทียนอย่างเกรี้ยวกราด!!


 


และเหนือพายุใต้ฝุ่นที่ดั่งมงกกรพิโรธนี้ กลับปรากฏกร่างเฉินตงยืนสองมือไพร่หลังเหยียบลมท่องวายุไปอย่างสง่างามน่าเกรงขาม ประหนึ่งจักพรรดิทอดตามองใต้หล้า!!


 


ทั้งหมดอุบัติขึ้นในเวลาชั่วพริบตาเท่านั้น!


 


ขณะที่ร่างเฉินตงไหววูบเลือนหายไป ศิษย์วังเซียนสัญจรเพียงรู้สึกเสมือนมีสายลมแรงตีปะทะใบหน้า


 


และพริบตาต่อมาร่างเฉินตงก็ไปผุดโผล่อยู่ไม่ไกลต้วนหลิงเทียนแล้ว พลังเซียนต้นกำเนิดยังปะทุออกมาอย่างมหาศาล ผนึกควบรวมเป็นมวลพลังน่าพรั่นพรึงในฝ่ามือ!


 


ทันใดนั้น!


 


ปงงงงง!!


 


เสียงดังสนั่นจากการตบฟาดฝ่ามือออกดังขึ้น!ปรากฏมวลพลังมหาศาลปานน้ำป่าไหลหลากโถมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนด้วยพลังทำลายล้างหาใดเปรียบอย่างเกรี้ยวกราด!!


 


ฝ่ามือสังหารกระบวนนี้ สภาวะพลังมาได้รุนแรงนัก!!


 


ปง! ปง! ปง! ปง!


 



 


มวลพลังเซียนต้นกำเนิดทำลายล้างมหาศาลถาโถมมาปานน้ำป่าไหลหลาก! นอกจากเสียงระเบิดดังสนั่นตอนแรกแล้ว ยังพาลให้อากาศตามรายทางแตกระเบิดส่งเสียงดังสนั่นลั่น!!


 


เมื่อเห็นมวลพลังเซียนต้นกำเนิดทำลายล้างอันน่ากลัวห่างร่างต้วนหลิงเทียนไม่ไกล


 


ติงเจี้ยนหงผู้นำหน่วยลาดตระเวนหน่วยหนึ่งของวังเซียนสัญจรอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ‘นับว่ากรรมตามสนองแท้ๆ…ก่อนหน้านี้เจ้าหนุ่มชุดม่วงนั่นป่นร่างเฉินอันจนไม่เหลือแม้แต่ซาก คราวนี้บิดาของเฉินอันก็กำลังจักป่นร่างมันจนไม่เหลือแม้แต่ซาก…’


 


‘ไม่เพียงแต่มันจักตาย…กระทั่งลูกสาวกับสตรีทั้ง 2ก็ไม่พ้นตายตกไปกับมันด้วย เวรกรรม…’


 


ในขณะที่ความคิดดังกล่าวผุดขึ้นในหัวติงเจี้ยนหงและดวงตาของมันกกำลังเจือไปด้วยความเวทนาสงสารนั้น…


 


อยู่ดีๆสองตาของมันก็จำต้องเบิกโพลง ความเวทนาสงสารสลายหาย…ถูกแทนที่ด้วยความประหลาดใจอึ้งทึ่ง!


 


และตอนนี้ไม่ใช่แค่เพียงติงเจี้ยนหงเท่านั้น


 


ลูกตาศิษย์วังเซียนสัญจรในหน่วยลาดตระเวนทั้งหมด ไม่เว้นชายชราผู้นำอีกหน่วยก็หดหยีลงทันที เผยออกถึงความตกใจและไม่อยากจะเชื่อพร้อมเพรียง!!


 


ไฉนอาการของพวกมันจึงเป็นเช่นนี้น่ะหรือ?


 


ทั้งหมดเพราะเรื่องราวที่อุบัติขึ้นในชั่วพริบตาก่อนที่มวลพลังทำลายล้างของติงเจี้ยนหงจะโถมทำลายร่างต้วนหลิงเทียน!


 


ในช่วงเวลาที่มวลพลังทำลายร้างของเฉินตงเจียนถล่มใส่ร่างต้วนหลิงเทียนนั้น อยู่ดีๆรอบกายต้วนหลิงเทียนก็อุบัติวังวนพลังหนึ่งขึ้นจากความว่างเปล่า


 


วังวนพลังดังกล่าวยังหมุนคว้างเร็วรี่ เปล่งพลังดูดรั้งอันน่าพรั่นพรึงประหนึ่งจะกลืนกินได้ทั้งสวรรค์และโลก!


 


และมวลพลังที่โถมมาปานน้ำป่าไหล่หลากของเฉินตงนั้น ไม่ทันได้โถมทำลายใส่ร่างต้วนหลิงเทียนก็ถูกวังวนพลังดูดรั้งอันน่ากลัวนั่นสูบกลืนเข้าไปฮวบๆ!


 


“เป็นไปได้ยังไง!?”


 


ฉากเรื่องราวเบื้องหน้าทำให้สีหน้าเฉินตงเปลี่ยนไปมหันต์ มันพยายามกระตุ้นพลังเซียนต้นกำเนิดในร่างให้ปะทุขึ้นอีกครั้ง ตาบฟาดพลังฝ่ามือระลอกสองไปหมายหนุนเสริมมวลพลังเบื้องหน้า!!


 


ยังปะทุพลังชั่วชีวิตออกไป!


 


พลังเซียนต้นกำเนิดหลั่งไหลออกจากร่างเฉินตงไปหนุนเสริมปานห่าพิรุณกระหน่ำ ไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด!


 


‘เกือบได้แล้ว…’


 


หลังดูดกลืนพลังของเฉินตงไปพักหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนอาศัยหนึ่งห้วงคิดก็ควบคุมวังวนพลังดูดรั้งอย่างแยบคาย ทันใดนั้นเอง วังวนพลังดูดรั้งท่ามกลางความว่างเปล่าก็หมุนคว้างทวนทิศทันที!!


 


และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่วังวนพลังดังกล่าวหมุนคว้างทวนทิศ คลื่นพลังมหาศาลที่โถมมาดั่งห่าพุริณกระหน่ำระลอกที่สองของเฉินตง ก็จำต้องปะทะกับมวลพลังมหาศาลขุมหนึ่งทันที!!


 


ทันใดนั้น


 


เปรี๊ยงงงงงงงงง!!


 


เสียงระเบิดดังขึ้น พื้นเบื้องล่างถึงกับปริแตก มวลพลังอันมหาศาลสองขุมปะทะกันอย่างจัง ความว่างเปล่า ณ จุดปะทะสะท้านสะเทือนปานจะปริฉีกได้ทุกเวลา!


 


พร้อมกันกับที่มวลพลังปะทะกันอย่างจัง ก็อุบัติสายลมรุนแรงกวาดพัดออกไปรอบทิศทางดั่งมหาพายุ!!


 


ปง! ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!


 



 


หลังเสียงดังสนั่นลั่นขึ้นในอากาศ พลังเซียนต้นกำเนิดระลอกที่ 2 ของเฉินตงก็กำลังจะแพ้พ่ายมวลพลังมหาศาลที่ถูกคายออกมาจากวังวนพลังที่หมุนทวนทิศนั่นของต้วนหลิงเทียน!!


 


และอันที่จริงมวลพลังมหาศาลที่วังวนพลังทวนทิศคายออก ก็คือพลังกระบวนท่าทั้งหมดของเฉินตง!!


 


นี่เป็นการลงมือที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งฉุกคิดขึ้นมาและลองใช้ออก!


 


เมื่อพลังของเฉินตงเข้าถึงระยะสำแดงเดชของปฐมเวทย์กลืนกิน ต้วนหลิงเทียนก็ลองใช้วังวนพลังดูดรั้งเพื่อกลืนกินพลังของอีกฝ่าย!


 


ตอนแรกต้วนหลิงเทียนคิดจะกลืนกินพลังกระบวนท่าของเฉินตงมาเพิ่มพูนพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดในร่าง


 


แต่ไม่ทันไรเขาก็พบว่า


 


พลังของศัตรูนั้น ช่างแตกต่างจากพลังวิญญาณฟ้าดินบริสุทธิ์ เขาไม่อาจใช้พลังเหล่านั้นมาแปรเปลี่ยนหนุนเสริมพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดของเขาได้เลยจึงได้แต่อาศัยเคล็ด ‘ยืมหอกคืนสนองผู้ใช้’ เท่านั้น!!


 


ยิ่งไปกว่านั้นมวลพลังที่ปฐมเวทย์กลืนกินจากพลังของศัตรู ก็ไม่ได้คงอยู่ตลอดไป มันจะเริ่มสลายหายไปทุกขณะ…


 


สุดท้ายต้วนหลิงเทียนจึงได้แต่ใช้ปฐมเวทย์กลืนกินในรูปแบบใหม่ ยืมหอกสนองคืนผู้ใช้ และแน่นอนว่าเมื่อใช้ในรูปแบบนี้ก็ทำให้พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดของเขาไม่ได้เพิ่มพูนอะไร ทำให้ระดับพลังของเขาเสียเปรียบอีกฝ่ายอยู่บ้าง จึงมีพลังบางส่วนที่กลืนกินไม่หมด!!


 


ทว่าแม้จะเสียเปรียบ แต่การกระทำเช่นนี้ก็ทำให้สภาวะพลังกระบวนท่าของเฉินตงสูญสิ้นไปไม่น้อย


 


“ปราการเต่าทมิฬ!”


 


ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็เร่งใช้เวทย์พลังป้องกันสืบต่อ เงาร่างเต่าทมิฬตัวเขื่องปรากฏกคลุมครอบต้วนหลิงเทียนกับพวกเอาไว้ทันที หยุดพลังฝ่ามือของเฉินตงที่หลงเหลือจากการกลืนกินไม่หมดได้อย่างง่ายดาย…


 


“แย่แล้ว!!”


 


เมื่อเห็นว่าพลังเซียนต้นกำเนิดในร่างลดฮวบๆไปเจียนไม่เหลือ หากแต่อีกฝ่ายคล้ายไม่ได้รับอันตรายใดๆแม้แต่น้อย กระทั่งคล้ายไม่ได้สูญเสียพลังไปมากกมาย หน้าเฉินตงก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง!!


 


จังหวะนี้หากมันยังไม่รู้ว่าได้เตะ ‘ตอเหล็ก’ เข้าให้แล้ว เกรงว่าชีวิตที่อยู่มาหลายปีคงสูญเปล่า!!


 


ชายหนุ่มผู้นี้ไหนเลยจะเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนหรือขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนได้!!


 


อีกฝ่ายสมควรเป็นตัวตนที่พลังฝึกปรืออยู่เหนือขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน!!


 


หาไม่แล้วคงไม่สามารถใช้วิธีการลงมืออันน่ากลัว ดูดกลืนพลังของมันให้ย้อนมาทำร้ายมันเองได้แบบนี้!!


 


“ข้าคือผู้อาวุโสของวังเซียนสัญจร! หากเจ้ากล้าฆ่าข้า…วังเซียนสัญจรไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่!!”


 


เมื่อเห็นสายตาเย็นชาที่ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองมาทางมัน สีหน้าเฉินตงก็เปลี่ยนเป็นหวาดผวา เร่งคำรามออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ!!


 


ตอนนี้เฉินตงเสมือนคนกำลังจะจมน้ำ พยายามไขว่คว้าฟางเส้นสุดท้าย


 


และฟางช่วยชีวิตของมันก็คือวังเซียนสัญจร


 


“อ่อ วังเซียนสัญจรจะปล่อยข้าไปหรือไม่ ข้าไม่ลำบากให้อาวุโสเฉินตงเป็นห่วงหรอก…”


 


ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มออกมาบางๆหลังได้ยินคำของเฉินตง


 


ทันใดนั้นเขาพลันยกมือขึ้น ปรากฏพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดปะทุออกขุมใหญ่ มวลพลังควบรวมก่อเกิดกระบี่พลังมีสภาพฉับไว พุ่งทะยานเข้าใส่เฉินตงอย่างดุร้าย!!


 


วินาทีนี้หลังปะทุพลังออกไป 2 ระลอก พลังเซียนต้นกำเนิดในร่างเฉินตงก็ตกฉวบไปไม่มีเหลือ กระทั่งเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนก็สามารถฆ่ามันได้!!


 


นับประสาอะไรกับกระบี่พลังมีสภาพอันร้ายกาจจากต้วนหลิงเทียน!!


 


เปรี๊ยงงงง!!


 


ยามเมื่อกระบี่พลังมีสภาพพุ่งทะยานแหวกความว่างไปฉับไวทะลวงเข้าร่างเฉินตงจนเกิดการระเบิดขึ้น ความว่างเปล่า ณ จุดนั้นก็สะเทือนจนภาพเรื่องราวบิดเบือน!


 


ส่วนด้านเฉินตงนั้น ได้อันตรธานหายไปกับแรงระเบิดอย่างไร้ร่องรอย…


 


คงเหลือก็แต่แหวนพื้นที่วงหนึ่ง ที่กำลังร่วงตกลงมาในอากาศ…


 


วูบ!


 


พลังไร้สภาพขุมหนึ่งฉกแหวนที่กกำลังร่วงตก ให้ลอยเข้าไปหาต้วนหลิงเทียน…


 


มองไปยังร่างชายหนุ่มชุดม่วงที่หงายมือรับแหวนพื้นที่อย่างไร้เรื่องราว ศิษย์วังเซียนสัญจรในจุดเกิดเหตุได้แต่เผยสีหน้าหวาดผวาพรั่นกลัวเท่านั้น…


ตอนที่ 2,270 : เจอโจทย์!!


 


“ปะ…เป็นไปได้อย่างไร!?”


 


“อะ…อาวุโสเฉินตง ยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 7เปลี่ยน…เพียงพริบตา กลับถูกมันฆ่าอย่างไร้หนทางต่อต้าน?”


 


“ก่อนลงมืออาวุโสเฉินตงกล่าวไว้ว่าจะฆ่าเจ้าหนุ่มชุดม่วงในกระบวนท่าเดียว…ทว่าผลลัพธ์กลับเป็นอาวุโสเฉินตกถูกเจ้าหนุ่มนั่นใช้ออกด้วยกระบวนท่าพิสดารหนึ่ง กับกระบี่อีกเล่มหนึ่งสังหาร…”


 


“นั่นมันทักษะอันใดกันแน่…เจ้าหนุ่มชุดม่วงมันจะร้ายกาจเกินไปแล้ว!!”


 


“เหอๆ…ฆ่ายอดเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนได้ง่ายดายราวตัดหญ้าฆ่าไก่ ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้ ยังมิใช่ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนกระทั่งเหนือกว่านั้นอีกหรือ?”


 


……


 


เหล่าศิษย์วังเซียนสัญจรในหน่วยลาดตระเวนทั้งหลาย ยามนี้พอมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตาคงเหลือแต่ความหวาดกลัวสุดขีด


 


มีบางคนถึงขั้นเอื้อมมือไปบิดเหนือต้นขาดูว่าเจ็บปวดหรือไม่ ราวกับกำลังจะตรวจสอบว่าเรื่องราวเบื้องหน้าเป็นความจริงหรือฝันไป…


 


“เจ้าหนุ่มนั่น…ร้ายกาจถึงขั้นนี้เชียวหรือ?”


 


ผู้นำหน่วยลาดตระเวนของวังเซียนสัญจรวัยกลางคนนาม ติงเจี้ยนหง ตอนแรกก็คิดว่าชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าต้องตายแน่แท้ กระทั่งยังคิดว่าคงถูกเฉินตงเข่นฆ่าจนไม่เหลือแม้แต่ขี้เถ้า…


 


อนิจจาความเป็นจริงตรงหน้ากลับทำให้มันเสมือนต้องถูกอัสนียามแล้ง!


 


เป็นการเข่นฆ่าอยู่ฝ่ายเดียว ยังเข่นฆ่าจนไม่เหลือแม้แต่ซากจริงๆ!!


 


เพียงแต่ผู้ที่ตกตายหาใช่ชายหนุ่มในชุดสีม่วงไม่!กลับเป็นเฉินตง อาวุโสวังเซียนสัญจรพลังฝึกปรือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนที่ริเริ่มลงมือจู่โจมเข้าใส่ชายหนุ่มชุดม่วงก่อน!!


 


ติงเจี้ยนหงไม่เคยคิดเคยฝันเลย


 


ว่าชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าจะทรงพลังร้ายกาจถึงขั้นนี้


 


“มันมิใช่เซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนหรือเซียนสวรรค์ 6เปลี่ยนอันใด…หากแต่เป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน!!”


 


จังหวะนี้ติงเจี้ยนหงย่อมตระหนักถึงเรื่องราวได้กระจ่าง


 


และไม่ใช่แค่ติงเจี้ยนหงที่ตระหนักได้ถึงเรื่องดังกล่าว


 


เหล่าศิษย์ในหน่วยลาดตระเวนที่เหลือไม่เว้นชายชราผู้นำหน่วยลาดตระเวนก็ตระหนักได้เช่นเดียวกัน


 


“ใต้เท้าได้โปรดเมตตาละเว้นข้าด้วย! ขอใต้เท้าได้โปรดเมตตาละเว้นข้าด้วย!!”


 


พอเห็นต้วนหลิงเทียนกวาดตาเหลือบแลมา ผู้นำหน่วยลาดตระเวนชราถึงกับร่างสั่นสะท้านไปอย่างแรง มันเร่งคุกกเข่าลงกลางอากาศ ก้มหัวลงไปเผยหลังคอ หมายร้องขอความเมตตาต่อต้วนหลิงเทียน


 


ได้เห็นพลังความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนกับตา ไหนเลยผู้นำหน่วยลาดตระเวนชราของวังเซียนสัญจรจะเหลือความคิดต่อต้าน?


 


ล้อเล่นหรือไร!?


 


อาวุโสเฉินตง ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7เปลี่ยน กลับถูกอีกฝ่ายใช้ 2 กระบวนก็ฆ่าได้อย่างไม่ยากเย็น แล้วจะนับประสาอะไรกับเซียนสวรรค์ 3เปลี่ยนเช่นมัน!!


 


ด้วยเหตุนี้มันจึงทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมดไว้เบื้องหลัง หวังให้เพียงชายหนุ่มชุดม่วงเมตตาละเว้นชีวิตมันเท่านั้น


 


“หึ!”


 


อย่างไรก็ตามสิ่งที่หัวหน้าน่วยลาดตระเวนชราได้รับก็คือ การสบถพ่นลมเสียงเย็นของต้วนหลิงเทียน!


 


ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนสบถออกเสียงเย็น หัวหน้าหน่วยชราก็ตัวค้างร่างแข็งไปทันใด ลูกตายังหดหยีลง สีหน้าฉายชัดถึงความสิ้นหวัง!


 


ปงงง!!


 


ภายใต้สายตาของทุกคน ไม่เห็นว่าต้วนหลิงเทียนเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น ทั้งหมดเพียงรู้สึกเสมือนมีสายลมหอบหนึ่งพัดผ่านเข้าใส่หัวหน้าน่วยลาดตระเวนชรา ก่อนจะปรากฏเสียงระเบิดดังปานฟ้าร้อง…


 


หลังจากสิ้นเสียงที่ว่า ร่างหัวหน้าหน่วยชราก็อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับคนสาบสูญไปในอากาศว่างเปล่า!


 


ที่หลงเหลือไว้ก็มีเพียงแหวนพื้นที่วงหนึ่ง…


 


ทันใดนั้นจุดเกิดเหตุกลับกลายเป็นเงียบงันปานคนตาย


 


ศิษย์ในหน่วยลาดตระเวนที่เหลืออีก 4 คนโดยมีติงเจี้ยนหงเป็นผู้นำ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ยังได้แต่ก้มหัวลงไปไม่แม้แต่จะกล้าสบตากับต้วนหลิงเทียน ประหนึ่งรอให้ต้วนหลิงเทียนพิพากษาโทษทัณฑ์


 


“ว้าว! ท่านพ่อร้ายกาจยิ่ง ทุบตีคนชั่วจนหนีไปหมดเลย!!”


 


ต้วนซือหลิงที่เห็นเรื่องราวก็ชูมือชูไม้อย่างซุกซนในวงแขนต้วนหลิงเทียน ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น


 


ในสายตาของนางบิดาเพียงทุบตีผู้อื่นจนรีบหายตัวหนีไป ไม่ได้เข่นฆ่าสังหารอะไร


 


“ทุบตีจนหนีหาย?”


 


พอวาจานี้ของต้วนซือหลิงดังเข้าหูศิษย์ลาดตระเวนทั้งหลาย ต่างได้แต่เผยยิ้มขื่นขม


 


ท่านย่าน้อยท่านล้อเล่นหรือ?


 


ทุกผู้คนล้วนหายไปอย่างไม่เหลือซากเช่นนี้ ไหนเลยยังแค่ถูกทุบตีหนีไปได้?


 


“หืม?”


 


ทันใดนั้นคล้ายต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง สายตาของเขาหันมองไปยังวังเซียนสัญจรทันที


 


หลังจากนั้นไม่นาน


 


ฟู่ว! ฟู่ว!


 


พร้อมกับเสียงหวีดหวิวของสายลมอันแผ่วเบาสองเสียง ปรากฏร่างที่วูบมาดั่งภูตผีจากไกลๆ


 


ความเร็วของหนึ่งในนั้น รวดเร็วกว่าอีกคนมาก


 


และยังมาถึงจุดเกิดเหตุที่ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆอยู่ก่อนอีกคน


 


“ผู้ใดหาญกล้าฆ่าคนวังเซียนสัญจรของข้า!?”


 


ผู้มาใหม่ พอมาถึงก็กล่าวถามออกมาเสียงเข้มทันที


 


“อาวุโสหลินหย่วน!”


 


“อาวุโสหลินหย่วน!”


 


……


 


แทบจะพร้อมกันกับที่ร่างคนผู้นี้ปรากฏตัว ติงเจี้ยนหงและศิษย์ลาดตระเวนอีก 4 คนก็เร่งประสานมือโค้งคารววะทักทายมันด้วยความเคารพอย่างถึงที่สุดทันที


 


ผู้มาเป็นชายชราที่เส้นผมขนคิ้วเป็นสีขาวโพลน ใบหน้าของมันแลดูอ่อนวัยปานทารก มีขนนกกระเรียนประดับไว้ตามชุดคลุม แลดูคล้ายเทพเซียนอมตะ


 


เหตุผลที่ไฉนศิษย์ลาดตระเวนของวังเซียนสัญจรถึงโค้งคารวะอีกฝ่ายด้วยท่าทีมากเคารพขนาดนี้ นั่นเพราะชายชราเบื้องหน้าของพวกมัน ก็คือยอดฝีมือที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาผู้อาวุโสของวังเซียนสัญจร และยังเป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน!


 


ฟุ่บ!


 


หลังอาวุโสวังเซียนสัญจรนามหลินหย่วนมาถึง อีกคนที่เหินตามหลังมาก็ลุถึงจุดเกิดเหตุตามติด


 


“อาวุโสเผิงไหล”


 


“อาวุโสเผิงไหล”


 


……


 


ศิษย์ลาดตระเวนทั้ง 4 ก็เร่งทักทายผู้ที่ตามมาอย่างไม่กล้ารอช้าเช่นกัน


 


คนผู้นี้ยังเป็นอาวุโสวังเซียนสัญจรเช่นกัน มันมีนามว่า เผิงไหล เป็นชายวัยกลางคนที่รูปร่างเตี้ย หากแต่ตัวหนาแลดูแข็งแรง


 


แน่นอนว่าพลังฝึกปรือของมันนั้นอ่อนด้อยกว่าหลินหย่วน เพราะมันเป็นเพียงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนเท่านั้น


 


“ติงเจี้ยนหง เจ้าบดขยี้ป้ายหยกเพราะมีคนฆ่าเฉินอันศิษย์วังเซียนสัญจรของพวกเรางั้นหรือ?”


 


เผิงไหลหันไปมองติงเจี้ยนหงก่อนใดอื่น กล่าวถามออกมาเสียงเข้ม


 


ได้ยินดังนั้น ติงเจี้ยนหงก็ได้แต่หันไปมองชายหนุ่มชุดม่วงที่อุ้มเด็กหญิงตัวน้อยไม่ไกล


 


ทันใดนั้นไม่ว่าจะเป็นเผิงไหลหรือหลินหย่วน ก็หันมองตามไปจนเห็นต้วนหลิงเทียน


 


“ต้วนหลิงเทียน!!”


 


ทันใดนั้นลูกตาของหลินหย่วนก็หดหยีลง จากนั้นก็ตะโกนออกมาเสียงกร้าว ฟังแล้วยังคล้ายมีโทสะอัดแน่น!


 


แววตาของมันยังเริ่มฉายชัดถึงความเคียดแค้นชิงชัง ราวกับจะแผดเผาได้ทุกสิ่ง!


 


ตอนนี้ท่าทางของหลินหย่วนไม่คล้ายมองคนฆ่าศิษย์วังเซียนสัญจร หากแต่ราวกับกำลังมองศัตรูฆ่าบิดาถล่มมารดาจับน้องสาวไปขายหอนางโลมมากกว่า


 


“นี่…”


 


“ที่แท้เป็นเรื่องอะไรกันแน่?”


 


“อาวุโสหลินหย่วน…รู้จักชายหนุ่มในชุดสีม่วงผู้นี้ด้วยหรือ?”


 


……


 


ทันทีที่หลินหย่วนเผยทีท่าอาฆาตแค้นออกมา ไม่ว่าจะเผิงไหลหรือศิษย์วังเซียนสัญจรอีก 4 คนล้วนสับสนด้วยไม่ทราบว่าเป็นเรื่องราวอะไรกันแน่


 


เพราะหากมองจากท่าทีอาฆาตแค้นของหลินหย่วนแล้ว คล้ายรู้จักชายหนุ่มชุดม่วงคนนี้มานาน และสมควรมีความแค้นกันอย่างถึงที่สุด!


 


“ต้วนหลิงเทียน?”


 


ครู่ต่อมาเผิงไหลก็คืนสติ เพราะรู้สึกว่าชื่อนี้คุ้นหูมันนัก


 


สุดท้ายมันก็คล้ายจะนึกอะไรได้ออก สองตาทอประกายเรืองวูบ “ข้าจำได้ว่า…เหมือนคนที่ฆ่าหลานของผู้อาวุโสหลินหย่วน หลินฉีกัง จักเรียกว่าต้วนหลิงเทียนมิใช่หรือ?”


 


“หรือว่า…เป็นมัน?”


 


มองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง เผิงไหลก็อดไม่ได้ที่จะคาดเดาไปทำนองนี้


 


“เจ้ารู้จักข้าด้วย?”


 


ด้านต้วนหลิงเทียนรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง


 


อาวุโสวังเซียนสัญจรคนนี้พึ่งมาถึงและได้เจอเขาเป็นครั้งแรกแท้ๆ แต่ไม่เพียงจะเรียกชื่อเขาถูก ทว่าทีท่ายังเผยความอาฆาตแค้นกับเขาอย่างถึงที่สุด


 


แววตานั้นราวกับมีความแค้นเพราะถูกเขาฆ่าบุตรธิดาหรือถล่มมารดามัน!


 


ต้วนหลิงเทียนมั่นใจอย่างยิ่ง


 


ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจออาวุโสวังเซียนสัญจรคนนี้แน่นอน


 


“แน่นอนว่าข้าย่อมรู้จักเจ้า!”


 


หลินหย่วนที่มีโทสะแค้นถึงขีดสุด ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างอำมหิต แววตาฉายชัดถึงจิตฆ่าฟัน “ปีที่แล้วหลานชายของข้าหลินฉีกังตกตายด้วยน้ำมือของเจ้า! ข้าไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าหลังจากย่ำจนรองเท้าสึกไม่พบพานกว่า 1 ปี สุดท้ายเจ้าจักส่งตัวเองถึงหน้าประตูข้าเช่นนี้…ดูเหมือนสวรรค์ยังไม่ใจร้ายกับข้า!!”


 


หลังจากนั้นหลินหย่วนก็เริ่มปลดปล่อยพลังเซียนต้นกำเนิดทั้งไอมารออกมามหาศาลปานเพลิงไฟลุกโชนเร่าๆ เพลิงพลังดังกล่าวยังพวยพุ่งสูงขึ้นไม่หยุดยั้งปานจะแผดเผาไปทั่วแผ่นฟ้า!


 


“หลินฉีกัง?”


 


ต้วนหลิงเทียนรู้สึกคุ้นๆหูอยู่บ้าง แต่ยังนึกไม่ออก


 


ยกเว้นก็แต่เผิงไหลที่รู้เรื่องราวแต่แรก ศิษย์ลาดตระเวนของวังเซียนสัญจรคนอื่นๆได้แต่หยีตาลงด้วยความตกตะลึง สีหน้าเผยให้เห็นความตกใจยกใหญ่


 


“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้…คือคนที่ฆ่าหลานชายของผู้อาวุโสหลินหย่วนงั้นหรือ?”


 


“ข้าได้ยินมาว่าหลานชายของผู้อาวุโสหลินหย่วนได้ถูก ‘สัตว์ประหลาด’ ที่ร้ายกาจกวว่าแม่นางหวงเหวินจิ้ง ฆ่าตายยามไปสำรวจมรดกสถานของปรมาจารย์จารึกเซียนเมื่อปีก่อน! ไม่คิดเลยว่าสัตว์ประหลาดตนนั้นที่แท้จักเป็นเจ้าหมอนี่ไปได้!!”


 


“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ใช่สมองมีปัญหาอันใดหรือไม่ มันฆ่าหลานผู้อาวุโสหลินหย่วนไปทั้งคน แต่ยังกล้าคิดเข้าร่วมวังเซียนสัญจรของพวกเราอีกหรือ?”


 


“หึ! เจ้าอย่าได้ลืมไปว่ามันเองก็เป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนด้วย!”


 


“ตอนนี้ปัญหาก็คือ…ในเมื่อมันเป็นคนฆ่าหลินฉีกังหลานชายของผู้อาวุโสหลินหย่วน เช่นนั้นก็สมควรเป็นผู้ที่ลงมือสังหารลูกชายของอาวุโสเหอฉิง เหอซินเจี๋ย รวมถึงหลานของอาวุโสหลู่เวยอย่างซือถูอวี่จี๋ด้วย!!”


 


“สวรรค์ กลับเพาะสร้างความแค้นบาดหมางกับอาวุวโสขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนของวังเซียนสัญจรเราถึง 3 ท่าน แต่ยังกล้ามาวังเซียนสัญจรเราอีกหรือ…มันจะไม่ขวัญกล้าเทียมฟ้าไปหน่อยหรือ?”


 


……


 


แม้เสียงกระซิบคุยกันของเหล่าศิษย์ลาดตระเวนของวังเซียนสัญจรจะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่ก็ดังเข้าหูต้วนหลิงเทียนชัดทุกถ้อยคำ


 


“อาวุโสเหอฉิง?”


 


ได้ยินเสียงกระซิบของศิษย์ลาดตระเวน อาวุโสเผิงไหลอดไม่ได้ที่จะลอบส่ายหัวไปมาเบาๆ


 


อาวุโสเหอฉิงนั้นตกตายไปตั้งแต่เมื่อ 1 ปีก่อนแล้ว


 


ยามพบว่าไข่มุกวิญญาณของอีกฝ่ายแตกเป็นเสี่ยงๆ ทางวังเซียนสัญจรก็ได้ส่งอาวุโสหลายคนไปตรวจสอบสาเหตุการตาย แต่ทว่าทุกคนกลับไม่พบร่องรอยอะไรเลย


 


อย่างไรก็ตามอาวุโสเหอฉิงนั้นเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน จึงกล่าวได้วว่านับเป็นกระดูกสันหลังของวังเซียนสัญจรคนหนึ่ง เช่นนั้นแม้มันจะตกตายไปแล้ว แต่วังเซียนสัญจรก็ได้แต่ปกปิดการตายของมันเอาไว้


 


เช่นนั้นเหล่าศิษย์ระดับล่างทั้งหลายจึงไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเหอฉิงตกตายไปแล้ว!


 


“ที่แท้เจ้าก็เป็นปู่ของเจ้านั่นนี่เอง…”


 


หลังได้ยินคำกระซิบกกระซาบของเหล่าศิษย์ลาดตระเวน ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงใบหน้าหนึ่งในใจ มองไปยังหลินหย่วนอีกครั้ง เขาก็ทราบอัตลักษณ์ของมันทันที


 


‘อาวุโสหลินหย่วนนี่สมควรเป็นปู่ของหลินฉีกัง…ส่วนอาวุโสเหอฉิงที่พวกมันว่า สมควรเป็นบิดาของเหอเซินเจี๋ยที่ข้าฆ่าตายไปปีก่อน…’


 


‘แต่ฟังจากวาจาของพวกมันแล้ว คล้ายยังไม่มีใครรู้ว่าเหอฉิงนั่นตกตายไปแล้ว…’


 


ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจอย่างสงสัย


ตอนที่ 2,271 : ตบตา!


 


“เซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน?”


 


ขณะเดียวกันไม่ว่าจะเป็นหลินหย่วนหรือเผิงไหล อาวุโสวังเซียนสัญจร ก็ได้ยินวาจากระซิบคุยกันของเหล่าศิษย์ลาดตระเวนด้วย คิ้วพวกมันอดไมไดที่จะขมวดย่นเป็นปม


 


หลังถามด้วยการส่งเสียงผ่านพลังทั้งคู่จึงได้รับทราบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น


 


อาวุโสวังเซียนสัญจร เฉินตง ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน ถูกต้วนหลิงเทียนคนนี้ฆ่าตายใน 2 กระบวนท่า!


 


“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้รายกาจถึงเพียงนั้นเชียว?”


 


สีหน้าเผิงไหลเปลี่ยนไปอย่างมาก


 


ถึงแม้ว่ามันจะเคยได้ยินมานานแล้วว่าพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนร้ายกาจกว่าแม่นางหวงเหวินจิ้งยอดอัจฉริยะของวังเซียนสัญจรที่บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน แต่อย่างไรหวงเหวินจิ้งก็แค่เซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนธรรมดาไม่ได้ร้ายกาจเท่าชนชั้นยอดฝีมืออย่างเฉินตง!


 


ทว่าวันนี้ต้วนหลิงเทียนอาศัย 2 กระบวนท่าฆ่าเฉินตง!


 


จะไม่ให้มันแปลกใจได้อย่างไรไหว…!!


 


‘ด่านพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนผู้นี้สมควรทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนแล้วจริงๆ’


 


เผิงไหลลอบกล่าวอย่างลับๆ


 


‘อย่างไรเสียแม้มันจะทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 8เปลี่ยน แต่พลังฝีมือของมันสมควรด้อยกว่าอาววุโสหลินหย่วน…เพราะหากต้องเข่นฆ่ากันจริงๆ อาวุโสหลินหย่วนสมควรจบชีวิตเฉินตงได้ในท่าเดียว!’


 


‘ทว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้จำต้องอาศัย 2 กระบวนท่าฆ่าเฉินตง…’


 


พอคิดได้ดังนี้เผิงไหลก็มั่นใจในตัวอาวุโสหลินหย่วน


 


“ถึงต้วนหลิงเทียนผู้นี้จะเป็นเซียนสวรรค์ 8เปลี่ยน…แต่ก็ไม่น่าจะเทียบกับอาวุโสหลินหย่วนได้!”


 


“มิผิด ต่อให้อาวุโสหลินหย่วนมิใช่ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนที่ร้ายกาจที่สุด แต่ท่านก็ทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนมานานแล้ว…พลังฝีมือย่อมเหนือกว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้แน่นอน!”


 


“ด้วยความแข็งแกร่งของอาวุโสหลินหย่วน คิดฆ่าอาวุโสเฉินตงจริง เกรงว่าคงลำบากลงมือแค่กระบวนท่าเดียวเท่านั้น…กลับกัน ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ทำไม่ได้ เช่นนั้นต้องอ่อนด้อยกว่าเป็นแน่!”


 



 


เหล่าศิษย์ลาดตระเวนของวังเซียนสัญจรกระซิบคุยกันอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าพวกมันเองก็มั่นใจในตัวหลินหย่วน


 


ตัวหลินหย่วนเองก็คิดดุจเดียวกัน


 


“ต้วนหลิงเทียน!”


 


หลินหย่วนมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเยียบเย็นปานใบมีด


 


“ที่แท้ด่านพลังฝึกปรือของเจ้าถึงกับบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน หากแต่มันก็เท่านั้น! ข้าจักฆ่าเจ้าเพื่อปลอบประโลมวิญญาณหลานชายของข้าที่อยู่บนสวรรค์!!”


 


สิ้นเสียงตะโกนเย็นชาร่างหลินหย่วนก็ปลดปล่อยไอพลังดุร้ายรุนแรง กลิ่นอายพลังเซียนต้นกำเนิดสุดไพศาลทั้งไอมารอันอำมหิตน่าพรั่นพรึงพวยพุ่งสู่ฟ้าประหนึ่งไอน้ำเดือด!


 


“เหอะ!”


 


แทบจะทันทีที่หลินหย่วนตะโกนจบคำ ต้วนหลิงเทียนพลันสบถออกมาด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์


 


พริบตาต่อมา


 


“ปฐมเวทย์กลืนกิน!”


 


แทบจะพร้อมกันกับที่หลินหย่วนเร่งเร้าพลังเซียนต้นกำเนิดทั้งไอมาร ต้วนหลิงเทียนเองก็ปะทุพลังใช้ออกด้วยปฐมเวทย์กลืนกิน! วังวนพลังอุบัติขึ้นรอบกายเขาอย่างไว!!


 


จากจุดนี้เห็นได้ชัดว่าต้วนหลิงเทียนมีเปรียบเพราะชีพจรเซียนทั้ง 99 สายขนาดไหน


 


ก่อนที่หลินหย่วนจะเร่งเร้าพลังออกมาแล้วเสร็จ ต้วนหลิงเทียนสามารถทำสิ่งเดียวกันได้ในชั่วพริบตา กระทั่งไม่เพียงเร่งเร้าพลังได้สูงสุดก่อน ยังสามารถใช้เวทย์พลังสนรับสนุนอย่างปฐมเวทย์กลืนกินออกมาได้ก่อนหลินหย่วนจะทันได้ทำอะไร!!


 


ทันทีที่ปฐมเวทย์กลืนกินสำแดงเดช พลังวิญญาณฟ้าดินในอาณาบริเวณโดยรอบก็ถูกสูบกลืนอย่างบ้าคลั่ง พริบตาพวกมันที่หลั่งไหลเข้าร่างต้วนหลิงเทียนก็ได้แปรเปลี่ยนไปเป็นพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดในร่างชั่วคราว!


 


ดุจละอองไฟวาบ พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดในร่างต้วนหลิงเทียนก็ยกระดับขึ้นมาทัดเทียมกับพลังเซียนต้นกำเนิดของตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน!


 


เทียบกับระดับพลังของหลินหย่วนยามนี้ไม่ได้ด้อยกว่ากันแม้แต่น้อย!


 


ไม่เพียงจะไม่ได้ด้อยกว่ากันเท่านั้น ยังเหนือกว่ามันเล็กน้อย!!


 


ในขณะที่คนวังเซียนสัญจรในจุดเกิดเหตุเห็นต้วนหลิงเทียนสามารถปะทุพลังกล้าแข็งออกมาได้ในเวลาอันสั้น และคิดว่าสมควรปะทะแตกหักกับหลินหย่วนนั้นเอง


 


ฉากเรื่องราวที่ทำให้พวกมันพูดไม่ออกพลันบังเกิดขึ้น!


 


“ปีกอีกาทองคำ!”


 


ภายใต้สายตาของทุกคน กลางหลังต้วนหลิงเทียนปรากฏมวลพลังมหาศาลปะทุออกดั่งเพลิงไฟ ก่อนที่จะควบรวมเป็นปีกเพลิงคู่หนึ่ง เปลวเพลิงยังลุกโชนโหมกระหน่ำอย่างน่าเกรงขาม!


 


ทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนที่อุ้มลูกสาวรวมถึงเค่อเอ๋อกับก่านหรูเยี่ยน ยามเมื่อปีกเพลิงสะบัดโบกจนก่อให้เกิดการแตกออกของอากาศ คนก็อันตรธานหายวับไปในพริบตา!


 


แน่นอนว่าไม่ว่าจะเป็นลูกสาว เค่อเอ๋อ หรือก่านหรูเยี่ยน ทั้งหมดถูกต้วนหลิงเทียนหอบหิ้วไปด้วยกัน!


 


“มันคิดหนีรึ?”


 


เห็นฉากดังกล่าว ความคิดดุจเดียวกันก็ผุดขึ้นในหัวของคนวังเซียนสัญจรที่แลชมเรื่องราว


 


“คิดจะหนีงั้นเหรอ!?”


 


ตอนนี้เองหลินหย่วนที่พึ่งเร่งเร้าพลังแล้วเสร็จ ก็เผยเจตนาฆ่าฟันออกมาล้นปรี่ มุมปากยกแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมค่อยหัวเราะออกมาอย่างอำมหิต ใช้ออกด้วยเวทย์พลังทั้งวรยุทธ์เซียนที่ฝึกปรือทันที!


 


ก่อนอื่นใดมันก็ใช้เวทย์พลังสนับสนุนยกระดับพลังในร่าง ค่อยใช้ออกด้วยเวทย์พลังเสริมเคลื่อนไหว!


 


ซุ่มมม!


 


ร่างหลินหย่วนไหววูบ ก่อนจะเลือนหายไปในพริบตา!


 


ปง! ปง! ปง! ปง!


 



 


เมื่อหลินหย่วนปะทุพลังเคลื่อนร่างทะยานออกไป เสียงอากาศแตกระเบิดจากการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงก็ดังสะท้านออกมา


 


“อาวุโสหลินหย่วนเหนือกว่าต้วนหลิงเทียนจริงๆ!”


 


พริบตานี้อาวุโสวังเซียนสัญจรอย่างเผิงไหล ย่อมแลเห็นได้ไม่ยากว่าความเร็วของหลินหย่วนเหนือล้ำกว่าต้วนหลิงเทียน!!


 


อย่างไรก็ตามคล้ายมันจะลืมเลือนเรื่องสำคัญไปเรื่องหนึ่ง…


 


ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนหาได้เคลื่อนไหวเพียงลำพังไม่ แต่ยังหอบหิ้วผู้อื่นที่ไม่ต่างตัวภาระไปอีกถึง 3!


 


ทว่าครู่ต่อมาลูกตาของเผิงไหลก็อดไม่ได้ที่จะหดหยีลง แววตากกลายเป็นจริงจังทั้งตึงเครียด


 


นั่นเพราะมันเห็นว่าต้วนหลิงเทียนที่หอบหิ้วผู้คนไปไกลห่างนั้น อยู่ดีๆ ความเร็วก็กลายเป็นเพิ่มพูนสูงขึ้นจนทัดเทียมกับหลินหย่วนอย่างอัศจรรย์!


 


“มัน…มันหอบหิ้วผู้คนไปด้วยถึง 3!!”


 


ขณะเดียวกัน ในที่สุดมันก็ตระหนักได้ถึงเรื่องดังกล่าว ยังอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก!


 


“หลังเจ้านั่นมันเปลี่ยนที่ไป คล้ายพลังวิญญาณฟ้าดินบริเวณนั้นก็สาบสูญไปเหมือนเมื่อครู่…หรือเวทย์พลังสนับสนุนของมันจำต้องอาศัยการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินปริมาณมหาศาล?”


 


อย่างไรเสียเผิงไหลก็เป็นชนชั้นเซียนสวรรค์ 7เปลี่ยนคนหนึ่ง จากสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า…ไม่นานมันก็ค้นพบความผิดปกติดังกล่าว…


 


เมื่อมันสามารถค้นพบได้ หลินหย่วนย่อมสังเกตเห็นดุจเดียวกัน!


 


“เป็นไปได้อย่างไร?!”


 


ในขณะที่ลูกตาหลินหย่วนหดหยี สังหรณ์อัปมงคลหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจ


 


อย่างไรก็ตามสุดท้ายด้วยความแค้นที่สุมอกมานับปี ก็บดบังลางสังหรณ์ดังกล่าวจนหมดสิ้น!


 


‘ตอนนี้เวทย์พลังของมันสมควรเพิ่มพูนพลังของมันได้ถึงขีดสุดแล้ว…แม้ตอนนี้ข้ายังไล่มันไม่ทัน แต่มันก็มิอาจหนีพ้นเงื้อมมือข้าไปได้ตลอด! เมื่อใดที่เวทย์พลังสนับสนุนของหมดหมดสิ้นระยะเวลาแสดงผล มันตาย!!’


 


พอคิดได้เช่นนี้ หลินหย่วนจึงไล่ล่าต้วนหลิงเทียนไม่หยุด!


 


ในระหว่างไล่ล่าหลินหย่วนก็พบว่าต้วนหลิงเทียนยังคงสูบกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินหลายต่อหลายที่ พลังวิญญาณฟ้าดินในจุดที่ต้วนหลิงเทียนย้ายไปปรากฏล้วนถูกสูบเกลี้ยงไม่มีเหลือ!


 


ตอนแรกมันก็บังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา เพราะคิดว่าพลังของต้วนหลิงเทียนจะเพิ่มพูนจนกลายเป็นเหนือล้ำกว่ามันเพราะเวทย์พลังสนับสนุนนั่น


 


อย่างไรก็ตามพอมันพบว่าความเร็วของต้วนหลิงเทียนไม่ได้เพิ่มพูนขึ้นด้วยเลย และยังคงทัดเทียมกับความเร็วของมันอยู่ มันก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะทั้งกล่าวออกเสียงดัง “สารเลว! เจ้าล้างคอรอความตายเถอะ!!”


 


ตราบใดที่พลังของต้วนหลิงเทียนยังไม่เหนือกว่า ไฉนมันหลินหย่วนถึงต้องหวาดกลัว?


 


อย่างไรก็ตามพลังของต้วนหลิงเทียนไม่ได้เพิ่มขึ้นจริงๆหรือ?


 


คำตอบคือ ไม่ เป็นธรรมชาติ!


 


อันที่จริงตั้งแต่ต้วนหลิงเทียนย้ายไปดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินในจุดที่สอง ระดับพลังในร่างของเขาก็เพิ่มพูนจนเหนือกว่าหลินหย่วนไปไม่น้อยแล้ว กระทั่งหากเอาจริงยังสามารถหอบหิ้วทั้ง 3 ไปด้วยความเร็วที่เหนือกว่าหลินหย่วนได้ง่ายๆ


 


หากแต่เขาไม่ได้ทำแบบนั้น


 


เพราะเขารู้สึกว่าไม่จำเป็น!


 


ตราบใดที่เขาประคองความเร็วให้อยู่ในระดับเดียวกันกับหลินหย่วน อีกฝ่ายก็ไม่มีทางไล่ตามเขาได้ทันอยู่ดี ขณะเดียวกันเขาก็สามารถยกระดับพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดในร่างด้วยปฐมเวทย์กลืนกินอย่างสบายใจเฉิบ!


 


รอให้พลังเซียนสุริยันในร่างของเขาบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน!!


 


ซู่มม! ซู่มม!


 


ฉากหลินหย่วนไล่ล่าต้วนหลิงเทียนดั่งแมวไล่จับหนู ย่อมสร้างความตื่นตาตื่นใจให้เหล่าศิษย์วังเซียนสัญจรที่แลดูอยู่นัก


 


ถึงแม้พวกมันจะไม่มีใครมองเห็นร่างต้วนหลิงเทียนกับหลินหย่วนได้ชัดเจน แต่พวกมันก็ตระหนักได้รางๆ ว่าความเร็วของทั้งคู่สมควรทัดเทียมกัน!


 


หาไม่แล้วหลินหย่วนต้องไล่ตามต้วนหลิงเทียนได้ทัน ไม่ก็ต้วนหลิงเทียนสมควรนำพาผู้คนหลบหนีไปนานแล้ว!


 


“ความเร็วของต้วนหลิงเทียนดูเหมือนจักเหนือกว่าตอนแรกมาก…”


 


“ฮึ่ม! ความเร็วของมันล้วนขึ้นอยู่กับเวทย์พลังสนับสนุนประหลาดนั่น รอให้เวทย์พลังของมันสิ้นระยะเวลาแสดงผลจนระดับพลังมันตกไปอยู่ในระดับเดิมก่อนเถอะ! เดี๋ยวรู้เรื่อง!!”


 


“แต่อย่างไร ก็ต้องยอมรับว่าเวทย์พลังผีสางนี้ของมันร้ายกาจยิ่ง! กระทั่งหอบหิ้วร่างผู้คนไปด้วยถึง 3แต่มันกลับมีความเร็วทัดเทียมกับอาวุโสหลินหย่วนได้!!”


 


“เรื่องนี้ข้าเห็นด้วย!”


 


……


 


ศิษย์ลาดตระเวนไม่เว้นติงเจี้ยนหงตอนนี้สนทนากันอย่างออกรสนัก


 


ขณะเดียวกันพวกมันก็แหงนมองเรื่องราบนฟ้าอย่างใจจดใจจ่อ


 


ถึงแม้พวกมันจะไม่อาจแลเห็นสิ่งใดได้ชัด แต่อาศัยเสียงจากการเคลื่อนที่แหวกอากาศอย่างแผ่วเบาที่ดังขึ้นไม่หยุด ก็ทำให้พวกมันตั้งใจชมดูเรื่องราวอย่างไม่วางตา


 


ราวกับกลัวจะพลาดฉากเรื่องราวสำคัญ!


 


และตอนนี้พวกมันก็กำลังมองข้ามเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไปอย่างที่ไม่มีใครทันได้รู้สึกตัว…


 


หากผลของเวทย์พลังสนับสนุนหมดลง จนระดับพลังต้วนหลิงเทียนสมควรตกไปอยู่เท่าเดิมในตอนแรกจริง และทำให้หลินหย่วนสามารถไล่ตามทันได้ในที่สุด…


 


แล้วไฉนต้วนหลิงเทียนยังไม่หนีไปอีก?


 


ไยจึงทำแค่เหินวนไปเรื่อยแถวๆนี้?


 


ผ่านพ้นไปราวๆสิบกว่าลมหายใจจากตอนที่ต้วนหลิงเทียนได้ใช้เวทย์พลังปีกอีกาทองคำ…


 


“ได้เสียที!”


 


ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็สามารถยกระดับพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดในร่างให้ทัดเทียมกับเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนได้สำเร็จ!


 


ด้วยทั่วร่างอัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาลปานจะระเบิดได้ทุกเวลา ทำให้ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความมั่นใจถึงขีดสุด!


 


ฟุ่บ!


 


ร่างเขาพร้อมคนอื่นๆพลันหยุดลงกลางหาวทันที ก่อนที่จะหันกลับมามองหลินหย่วนที่ไล่ตามมาจากไกลๆ


 


“มันคิดทำอะไร?”


 


“หรือเพราะมันรู้ดีว่าผลจากเวทย์พลังสนับสนุนกำลังจะหมดลง อย่างไรก็มิอาจหนีรอดไปได้ จึงไม่คิดหลบหนีสืบต่อ หากแต่เลือกจะปะทะกับอาวุโสหลินหย่วนซึ่งๆหน้า?”


 


“อาจเป็นได้”


 



 


ตอนนี้ไม่เพียงศิษย์ลาดตระเวนไม่กี่คนที่คิดแบบนี้ กระทั่งอาวุโสเผิงไหลเองก็คิดไปทำนองเดียวกัน


 


มีเพียงผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวโดยตรงอย่างหลินหย่วนที่บังเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา


 


ขวับ!


 


ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน ต้วนหลิงเทียนพลันยกมือขวาขึ้นก่อนจะปรากฏกระบี่ 3 ฉื่อกระชับเข้ามือ…เป็นกระบี่พันอาคมเซียน!


 


‘รวม!’


 


เพียงห้วงคิดเดียวในใจ พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดมหาศาลพลันไหลเชี่ยวดั่งน้ำหลากถ่ายทอดลงสู่กระบี่พันอาคมเซียน รวมถึงเริ่มใช้ออกด้วยเคล็ดพลังหนึ่ง


 


ครู่ต่อมา


 


‘ไป!!’


 


ต้วนหลิงเทียนสั่งการในใจ


 


ทันใดนั้น


 


ฟั่ฟฟฟ!!


 


เสียงหอนกระบี่กรีดอากาศแว่วดังขึ้นสั้นๆ กระบี่พันอาคมเซียนในมือต้วนหลิงเทียนพลันเหินทะยานออกจากมือ!


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)