War sovereign Soaring The Heavens 2256-2260

 ตอนที่ 2,256 : เป้าหมาย ปรากฏ!


 


เหตุผลที่ต้วนหลิงเทียนถามปีศาจสุกรตนนี้ถึงเรื่องอัจฉริยะนั้น เพราะเขาคิดจะกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณมากคุณภาพของพวกมันโดยตรง จะได้ยกระดับเป็นรากวิญญาณสีดำได้ทันที!


 


ทำแบบนี้มันจะประหยัดเวลาเขาได้มาก!


 


หากเขามัวไปดูดกลืนพรสวรรค์รากวิญญาณของปีศาจสุกกรชั้นปลายแถว ต่อให้จะยกระดับเป็นรากวิญญาณสีดำได้เหมือนกัน ทว่ามันก็ต้องใช้เวลานานมากแน่


 


แต่เขาไม่อยากเสียเวลา!


 


เค่อเอ๋อไม่อยากแยกจากเขาไปไหนนาน แล้วไหนเลยเขาจะไม่คิดแบบนั้น?


 


ตอนนี้เขาแค่อยากจัดการเรื่องราวให้จบๆ จะได้รีบกลับไปหาเค่อเอ๋อ!


 


‘3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่นั่น ไม่เพียงเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ แต่พวกมันยังเป็นผู้ฝึกตนอิสระอีกด้วย?’


 


สองตาต้วนหลิงเทียนส่องแสงสว่างจ้าออกมาทันทีเมื่อได้รู้ฐานะของ 3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าปีศาจสุกร ลมหายใจยังเริ่มถี่รัวขึ้นมาทันที


 


3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าปีศาจสุกร เป็นผู้ฝึกตนอิสระหมายความว่าอะไรน่ะหรือ?


 


หมายความว่ามันไม่ได้อยู่ในเผ่าย่อยใดใน 3 เผ่าย่อยที่ทรงพลังกล้าแข็งของปีศาจสุกร และนั่นหมายความว่ามันไม่มีเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนคุ้มกะลาหัว!


 


“อาณาเขตเผ่าปีศาจสุกรของเจ้าจะว่าไปแม้ไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็ก…แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าพวก 3 นักรบนั่นมันอยู่ไหน?”


 


ต้วนหลิงเทียนมองถามปีศาจสุกรที่คุกเข่ากลางหาวเสียงเย็น


 


“ใต้เท้า…หากข้าน้อยบอกใต้เท้าไป ใต้เท้าจักเมตตาละเว้นชีวิตของข้าน้อยได้หรือไม่?”


 


คราวนี้ปีศาจสุกรไม่รีบตอบคำของต้วนหลิงเทียน หากแต่พยายามไขว่คว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายด้วยการกล่าวถามเรื่องสำคัญออกมา


 


“อะไร? เจ้ากล้าตั้งแง่กับข้า?”


 


ต้วนหลิงเทียนมองปีศาจสุกรด้วยรอยยิ้มแสยะ “หรือเจ้าคิดว่า…ในเผ่าปีศาจสุกรมีเจ้าคนเดียวที่รู้ที่อยู่ของ 3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่นั่น?”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ จิตสังหารเยียบเย็นก็แผ่ไปปกคลุมร่างปีศาจสุกรทันที


 


เมื่อสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าฟันที่แผ่ออกมาจากร่างต้วนหลิงเทียน ปีศาจสุกรก็หน้าเปลี่ยนสีเร่งปฏิเสธออกมาอย่างร้อนรน “มิใช่! มิใช่! ใต้เท้าข้าน้อยมิได้หมายความเช่นนั้น…ข้าจะพาใต้เท้าไป ข้าจะพาใต้เท้าไปเดี๋ยวนี้!”


 


กล่าวจบปีศาจสุกรก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาหวาดผวาหวั่นใจ ด้วยกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะลงมือฆ่ามันทิ้งจริงๆ


 


เพราะในเผ่าปีศาจสุกกรนั้น ส่วนใหญ่แล้วก็รู้สถานที่บ่มเพาะของ 3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น


 


เช่นนั้นมันย่อมไม่อาจใช้เรื่องนี้มาสร้างข้อต่อรองอะไรกับอีกฝ่ายได้


 


“นำไป!”


 


ต้วนหลิงเทียนแค่นคำเสียงเย็น


 


ทันใดนั้นปีศาจสุกรก็กุลีกุจอลุกขึ้นด้วยความตื่นตระหนก เร่งเหินร่างนำต้วนหลิงเทียนไปยังสถานที่บ่มเพาะของ 3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่ทันที


 


สถานที่บ่มเพาะของ 3 นักรบผ็ยิ่งใหญ่นั้น แยกตัวออกมาจากเขตปกครองของ 3 เผ่าย่อยอย่างสันโดษ ทำให้แถบนี้ไร้ปีศาจสุกรสัญจรผ่านไปมา


 


“ใต้เท้าสถานที่บ่มเพาะของ 3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหน้า…เหินร่างข้ามสันเขาลูกนั้นไปก็ถึงแล้วใต้เท้า…”


 


ปีศาจสุกรที่นำอยู่ด้านหน้าหันมากล่าวบอกต้วนหลิงเทียน


 


ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้ารับเบาๆ


 


สถานที่บ่มเพาะของพวกมันห่างไกลจากชุมชนแบบนี้ เป็นอะไรที่เขาพึงพอใจถึงที่สุด!


 


ตอนแรกเขาก็กังวลไม่น้อยด้วยกลัวว่าสถานที่บ่มเพาะของมันจะอยู่ใกล้เผ่าใดเผ่าหนึ่งมากเกินไป


 


เพราะสุดท้ายแล้วหากปีศาจสุกรขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่เป็นผู้นำแต่ละเผ่าสอดมือเข้ามา เรื่องกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของพวกมันก็คงไม่ราบรื่นแล้ว


 


ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ตามปีศาจสุกรข้ามเขาไป


 


“หืม?”


 


ทันใดนั้นคล้ายแลเห็นสิ่งใดบางอย่าง ต้วนหลิงเทียนจึงหยีตามองลงไปยังพื้นที่หุบเขาเบื้องล่างทันที


 


ตูม! ตูม!


 


แทบจะพร้อมกันกับที่ต้วนหลิงเทียนก้มลงไปมอง เสียงระเบิดภูผาก็ดังขึ้นสนั่นติดต่อ


 


จากนั้นร่าง 2 ร่างก็ปรากฏสู่สายตาต้วนหลิงเทียน


 


เป็นปีศาจสุกร 2 ตัว


 


ปีศาจสุกรสองตัวนี้ 1 ในนั้นอ้วนตั้บพุงโต ลักษณะแทบไม่ต่างใดจากตือโป๊ยก่าย ในตำนานโบราณที่โลกเก่าของต้วนหลิงเทียนเลย!


 


ส่วนอีกตนนั้น ร่างกายของมันกำยำแลดูแข็งแกร่ง ศีรษะหมูๆของมันไม่โตใหญ่ทั้งยังออกจะเรียวเล็ก อาจกล่าวได้ว่ามันแลดูหน้าตาดีอย่างหาได้ยากของเผ่าปีศาจสุกร


 


“ฉงเจี้ย! เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้พาปีศาจมนุษย์ล่วงล้ำเข้ามาในเขตของพวกเรา! ช่างบังอาจนัก!!”


 


ปีศาจสุกรที่อ้วนพุงโลปานตือโป๊ยก่ายตะคอกคำกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด สองตาดุร้ายมองสลับระหว่าง ฉงเจี้ยที่พาต้วนหลิงเทียนมากับต้วนหลิงเทียนอย่างเอาเรื่อง ร่างอ้วนกลมดั่งลูกบอลของมันโจนทะยานเข้ามาทันทีที่กล่าวจบ!


 


ในวาจายังแฝงความไม่พอใจไว้ถึงที่สุด


 


“ใต้เท้า…เจ้านี่เป็นหนึ่งในศัตรูของข้าน้อย..ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะอยู่ที่นี่ด้วย”


 


เห็นปีศาจสุกรที่อ้วนกลมดั่งตือโป๊ยก่ายโจนทะยานเข้ามาอย่างดุร้าย ฉงเจี้ย ที่นำต้วนหลิงเทียนมาได้แต่หันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มขื่นขม


 


หากแต่ในขณะที่มันเผยยิ้มขื่นขม ในแววตากก็ลอบฉายประกายเจ้าเล่ห์


 


ในสายตาของมัน


 


ตัวบัดซบมีตาแต่ไร้แววผู้นี้ ได้ตายไปแล้ว!


 


“เฮอะ!”


 


ต้วนหลิงเทียนย่อมสังเกตเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของฉงเจี้ยได้เป็นธรรมดา ยังคาดเดาความคิดในหัวมันได้ไม่ยาก


 


อย่างไรก็ตามแม้จะรู้แต่เขาก็ยังลงมืออยู่ดี


 


ครืน! ครืน! ครืน! ครืน!


 



 


ไม่เห็นต้วนหลิงเทียนลงมือใดๆทั้งสิ้น หากแต่คลื่นพลังมหาศาลไร้ต้านทานขุมหนึ่ง กลับปะทุระเบิดออกจากร่างเขาดั่งสัตว์ร้ายอ้าปากกกระหายเลือด ขย้ำไปยังร่างปีศาจสุกรตัวอ้วนคล้ายตือโป๊ยก่ายที่พุ่งเข้ามาอย่างอำมหิต!


 


อีกฝ่ายไม่มีแม้แต่เวลาจะทันได้ตอบสนองสิ่งใดทั้งสิ้น มวลพลังมหาศาลของต้วนหลิงเทียนก็ครอบงำกลืนร่าง พริบตาร่างหมูอ้วนของมันก็ป่นสลายเป็นละอองโลหิต ไม่เหลือแต่ซาก!


 


กลางหาวคงเหลือเพียงแหวนพื้นที่วงหนึ่งปลิวไปตามแรงเฉื่อย


 


วูบ!


 


พริบตาที่แหวนพื้นที่คล้ายจะร่วงตก ฉงเจี้ยก็เร่งเหินร่างออกไปคว้าแหวนพื้นที่เอาไว้ แล้วมาประเคนมอบให้ต้วนหลิงเทียนด้วยทีท่านอบน้อม “ใต้เท้า”


 


หลังรับแหวนมาแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองปีศาจสุกรร่างกำยำหน้าเรียวที่เหลือ


 


“ใต้เท้า เจ้านี่เป็นสหายสนิทของเจ้านั่นมิอาจปล่อยมันเอาไว้ได้ขอรับ! หาไม่แล้วข่าวเรื่องใต้เท้ามาที่นี่ต้องแพร่กระจายออกไปยังเผ่าปีศาจสุกรในเวลาอันสั้นแน่นอน!!”


 


ฉงเจี้ยเร่งกล่าวบอกต้วนหลิงเทียน


 


หากแต่ลึกลงไปในแววตายังฉายความเจ้าเล่ห์อำมหิตไม่น้อย


 


ปีศาจสุกรที่เหลืออยู่ กล่าวได้ว่าเป็นอริของมันเช่นกัน!


 


‘หนี!!’


 


ด้านปีศาจสุกรร่างกำยำพอได้ยินวาจาของฉงเจี้ยมันก็ฟื้นสติทันที ยังคิดหนีไปอย่างไร้ลังเล!


 


ล้อกันเล่นหรือไร!?


 


ในเมื่อปีศาจมนุษย์เบื้องหน้าเข่นฆ่าสหายของมันได้ง่ายดายเพียงนั้น ย่อมหมายความว่าคิดฆ่ามันก็เป็นเรื่องราวที่ง่ายดายไม่ต่าง!


 


เพราะสุดท้ายแล้วความแข็งแกร่งของมันก็พอๆกันกับสหายที่ตายตก


 


เห็นสหายร่างแหลกสลายเป็นหมอกเลือดในเวลาไม่ถึงลมหายใจแบบนี้ มันย่อมหวาดกลัวและไม่คิดต่อต้าน!


 


ฟัฟฟฟ!


 


ต้วนหลิงเทียนเพียงยกนิ้วขึ้นมาจี้ชี้ไปส่งๆ


 


หากทว่าปีศาจสุกรที่กำลังหันร่างระเบิดพลังชั่วชีวิตหลบหนีก็สะท้านไปกลางหาว ปรากฏแสงหนึ่งพุ่งทะลวงท้ายทอยทะลุหว่างคิ้ว…เป็นดัชนีกระบี่ของต้วนหลิงเทียน!


 


ตาย!


 


ปีศาจสุกรทั้ง 2 ถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าในพริบตา!


 


ด้านปีศาจสุกรนามฉงเจี้ย แม้จะรู้แต่แรกว่าต้วนหลิงเทียนสมควรร้ายกาจ แต่พอเห็นต้วนหลิงเทียนลงมือฆ่าโจทย์เก่าของมัน 2 ตนที่มีพลังฝีมือไม่ห่างจากมันได้ง่ายดาย ร่างหมูๆของมันก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านขึ้นมา


 


อย่างไรก็ตาม พอมันดึงสติกลับมาได้ มันก็เร่งเหินร่างออกไปเก็บแหวนพื้นที่กลับมายื่นประเคนให้ต้วนหลิงเทียนด้วยท่าทีเคารพทันที


 


จากนั้นไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนพูดอะไร มันก็เร่งเหินร่างนำไปต่ออย่างรู้งาน


 


แม้จะยังหวาดกลัวต้วนหลิงเทียน แต่พอนึกถึงเรื่องที่โจทย์เก่าของมันทั้ง 2 ถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตาย มันก็อดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มร่าในใจ


 


หากไร้ศัตรูอย่างทั้ง 2 …ชีวิตมันในวันหน้าย่อมสุขสบายขึ้นมาก!


 


“ใต้เท้า พวกเรามาถึงแล้ว”


 


พร้อมเสียงกล่าวฉงเจี้ย หุบเขากว้างใหญ่พลันปรากฏสู่สายตาต้วนหลิงเทียน


 


บริเวณชายขอบหุบเขาเบื้องหน้า ปรากกฏบ้านไม้ 3 หลังตั้งตระหง่านอยู่


 


เพียงห้วงคิดสำนึกเทวะต้วนหลิงเทียนก็แผ่ไปครอบคลุมบ้านไม้ทั้ง 3 ตรวจสอบเรื่องราวทันที


 


“ผู้ใด!?”


 


ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงสำนึกเทวะที่ทรงพลังยิ่งกว่าของเขา 3 ขุม กำลังพุ่งมาหมายกระแทกเข้าใส่สำนึกเทวะของเขา!


 


อย่างไรก็ตามคล้ายต้วนหลิงเทียนจะเตรียมตัวรับมือมาดี


 


ทันทีที่สำนึกเทวะทั้ง 3 ขุมเจียนแตะกับสำนึกเทวะของเขา สำนึกเทวะของต้วนหลิงเทียนก็ถูกรั้งกลับอย่างแยบคาย หวนคืนสู่ดวงจิต


 


สำนึกเทวะนั้นแข็งแกร่งหรือไม่ขึ้นอยู่กับพลังวิญญาณ


 


และพลังวิญญาณก็ขึ้นอยู่กับระดับบ่มเพาะ


 


ด่านพลังของต้วนหลิงเทียนตอนนี้ยังอยู่แค่เซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนเท่านั้น ระดับพลังวิญญาณย่อมเป็นเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนด้วยเช่นกัน ทำให้สำนึกเทวะเขาก็มีพลังอำนาจระดับนี้


 


ทว่าจากกลิ่นอายเมื่อครู่ สำนึกเทวะทั้ง 3 นั้นล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งกว่าเขาทั้งสิ้น อย่างน้อยๆก็อยู่ในระดับเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน!


 


“3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่งั้นเหรอ…”


 


ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็ยืนยันได้ทันทีว่าทั้ง 3 เบื้องหน้ามีระดับพลังบบ่มเพาะเท่าไหร่ นับว่าปีศาจสุกรที่นำทางมาไม่ได้หลอกเขาจริงๆ


 


ตูม! ตูม! ตูม!!


 


แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนคิดจบ บ้านไม้ทั้ง 3 หลังก็ระเบิดออก ปรากฏร่างอันน่าเกรงขาม 3 ร่างโจนทะยานจากซากบ้านขึ้นฟ้ามาฉับไว!


 


พริบตาร่างทั้ง 3 ก็บรรลุถึงเพดานบินระดับเดียวกับต้วนหลิงเทียน ยังหยุดลอยห่างต้วนหลิงเทียนไม่ไกล แต่ละตนมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดุร้าย


 


เป็นปีศาจสุกร 3 ตน ที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกันทุกประการ!


 


ปีศาจสุกรทั้ง 3 แต่ละตนสูงราว 2 หมี่ ไอมารในร่างทั้งกลิ่นอายพลังยังน่ากลัวไม่น้อย


 


และปีศาจสุกรทั้ง 3 ก็คือนักรบผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าปีศาจสุกร!!


 


“หืม!? ปีศาจมนุษย์รึ?”


 


หลังมองสบตาต้วนหลิงเทียน สีหน้า 3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าปีศาจสุกรก็มืดดำลงปานจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก!


 


“ช่างบังอาจนัก! กล้านำปีศาจมนุษย์มายังที่อยู่ของพวกข้างั้นเหรอ!?”


 


ในขณะที่ฉงเจี้ยกำลังตกใจจนหน้าเปลี่ยนสีกับการปรากฏตัวอย่างดุร้ายของปีศาจสุกรแฝด 3 หนึ่งในนั้นพลันตะโกนกล่าวทั้งมองจ้องฉงเจี้ยเขม็ง!


 


ทันใดนั้นเองปรากฏไอพลังกล้าแกร่งขุมหนึ่งปะทุออกจากร่าง ควบผนึกกลายเป็นฝ่ามือพลังอันเขื่อง ฟาดตบไปทางร่างฉงเจี้ยทันที!


 


ปงงงง!!


 


ฝ่ามือพลังอันเขื่องตบฟาดมาด้วยสภาวะพลังอันเกรี้ยวกราด ประหนึ่งขุนเขาถล่มมาก็ไม่ปาน!


 


ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วขึ้นเล็กน้อยหากแต่ก็ไม่ได้ลงมือใดๆ


 


สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงอย่างฉงเจี้ย มันไม่ทันได้ตอบสนองต่อสิ่งใดก็ถูกฝ่ามือพลังอันเขื่องที่โถมมาดั่งขุนเขาฟาดตบจนตัวแตกตาย!


ตอนที่ 2,257 : ปะทะ 3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่!


 


ปีศาจสุกรนามฉงเจี้ยนั้น หลังจากเห็นโจทย์เก่าถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตาย มันก็เผยสีหน้ายินดีมีสุขไม่น้อย ด้วยคิดว่าหลังจากนี้ชีวิตของมันคงได้สุขสบาย ไร้คืนวันอันน่ารำคาญจากการรังควาญของทั้ง 2 เป็นแน่แท้…


 


อนิจจามันไม่เคยคิด กระทั่งหลับยังไม่อาจฝันถึง


 


มันกลับถูกเข่นฆ่าตายตก ก่อนที่จะได้พบพานคืนวันอันดี!


 


กระทั่งยังตกตายด้วยน้ำมือของเผ่าปีศาจสุกรเหมือนกัน!


 


ในขณะที่ 1 ใน 3 ปีศาจสุกรเบื้องหน้าลงมือหมายสังหารฉงเจี้ยนั้น แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนมีเวลามากพอจะหยุดอีกฝ่าย


 


หากแต่เขาไม่ได้ทำแบบนั้น


 


เพียงเพราะถึงแม้ 3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่จะปล่อยฉงเจี้ยไป เขาก็ไม่คิดละเว้นมันแต่แรก!


 


มันกล้ายืมมีดฆ่าคน อาศัยเขาให้สังหารศัตรูเก่าทั้ง 2! ถึงแม้มันจะว่าง่ายพาเขามาหา 3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่จริง แต่วันนี้มันก็ไม่อาจรอดพ้นความตายไปได้!!


 


เผ่าปีศาจพวกนี้ไม่ทราบเข่นฆ่าสังหารมนุษย์อย่างเขาไปแล้วเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ เขาไหนเลยจะคิดปราณีมัน!


 


“ไอ้หนูปีศาจมนุษย์เช่นเจ้า กล้าดีอย่างไรถึงได้ล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขตปีศาจสุกรเรา! ดูเหมือนว่าเจ้าจะเบื่อชีวิตมากนักสินะ!?”


 


1 ใน 3 ปีศาจสุกรที่พึ่งฆ่าฉงเจี้ยไป มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเอาเรื่อง กล่าวออกเสียงเหี้ยม!


 


“เบื่อชีวิต?”


 


ต้วนหลิงเทียนอดหัวเราะออกมาไม่ได้หลังได้ยินคำของปีศาจสุกรเบื้องหน้า


 


ต่อมาก็ไม่ทันรอให้อีกฝ่ายตอบสนองสิ่งใด สองตาต้วนหลิงเทียนก็ฉายแววเยียบเย็น รอยยิ้มเย้ยหยันยกแสยะที่มุมปาก “ที่ข้าถ่อมาถึงที่เผ่าปีศาจสุกรนี่ เพราะคิดหาตัวพวกเจ้าทั้ง 3 เป็นพิเศษ…ตอนนี้พวกเจ้าทั้ง 3 ตัวก็ลงนรกตามสหายปีศาจสุกรนั่นไปเถอะ!”


 


แทบจะพร้อมกันกับที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ


 


วู้ม! วู้ม! วู้ม!


 


……


 


ในความว่างเปล่าบังเกิดวังวนพลังหนึ่งอุบัติขึ้นจากอากาศเบาบาง เปล่งพลังดูดรั้งอันน่าพรั่นพรึงปานจะกลืนได้ทั้งสวรรค์และโลก!


 


ยามเมื่อวังวนพลังดูดรั้งรอบกายต้วนหลิงเทียนสำแดงอานุภาพ พลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบก็ถูกกลืนกินจนสาบสูญไปจนหมดสิ้นในพริบตา!


 


ชั่วพริบตาดุจละอองไฟวาบ พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดของต้วนหลิงเทียนก็พุ่งทะยานขึ้นมาทัดเทียมกับพลังเซียนต้นกำเนิดของตัวตนเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน!


 


กระทั่งระดับพลังยังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุด แม้จะเชื่องช้าลงก็ตามที


 


“โอหัง!”


 


3 ปีศาจสุกรพลันตะคอกคำออกมาเสียงเย็น


 


ขณะเดียวกันพวกมันก็ดึงสติกลับมาเตรียมรับมือ


 


“ปีกอีกาทองคำ!”


 


ภายใต้สายตามองจ้องของ 3 ปีศาจสุกรที่พึ่งฟื้นสติ ต้วนหลิงเทียนพลันสำแดงเวทย์พลังเสริมเคลื่อนไหวออกมาทันที!


 


และทันทีที่ปีกเพลิงสีทองดั่งตะวันควบรวมปรากฏ มันก็สะบัดกระพือลงฉับไว!


 


ทันใดนั้น!


 


ปง! ปง! ปง! ปง!


 


……


 


พร้อมด้วยเสียงอากาศแตกระเบิดสนั่นรัวดั่งกลองศึก ร่างต้วนหลิงเทียนที่ถูกผลักดันด้วยพลังของปีกอีกาทองคำก็ฉากออกไปด้านข้างไกลห่างในพริบตา!


 


และรอบๆจุดที่เขามาถึงก็เป็นจุดที่ยังมีพลังวิญญาณฟ้าดินบริบูรณ์ ให้เขากลืนกินได้อีก!


 


“ปฐมเวทย์กลืนกิน!”


 


ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็สูบกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบทันที


 


“บัดซบ! เจ้านั่นมันกำลังใช้เวทย์พลังสนับสนุนกลืนกินพลังวิญญาณฟ้าดินเพื่อเพิ่มพลังเซียนต้นกำเนิดในร่าง!”


 


ทันใดนั้นไม่ทราบเป็นใคร หากแต่ 1 ใน 3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าปีศาจสุกรได้ตระหนักถึงการกระทำของเขา มันคำรามออกดังลั่นด้วยน้ำเสียงเร่งร้อน!


 


ทันใดนั้นปีศาจสุกรอีก 2 ตนก็รู้สึกตัว


 


ในฐานะเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน สัมผัสต่อพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบของพวกมันค่อนข้างไวกว่าคนธรรมดามากนัก จึงค้นพบเรื่องราวของต้วนหลิงเทียนทันที!


 


อยู่ดีๆพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบก็สาบสูญ!


 


ราวกับมีบางสิ่งสูบกลืนจนหายไป!


 


“ฆ่ามัน!!”


 


3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่ตะโกนออกลั่นฟ้า


 


กระแสจิตเชื่อมใจของ 3 แฝดสื่อถึงกันในพริบตา สิ้นคำร่างทั้ง 3 ก็โจนทะยานจี้เข้าใส่ต้วนหลิงเทียน!


 


ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!


 


ความเร็วของพวกมันนับว่ารวดเร็วฉับไวนัก มองจากที่ไกลๆเสมือนดั่งลำแสง 3 สายพุ่งยิงเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน!


 


หากแต่แม้ความเร็วของทั้ง 3 จะฉับไวไม่ใช่ชั่ว แต่ก็เพียงเทียบได้กับความเร็วในการเคลื่อนที่ของต้วนหลิงเทียนเท่านั้น!


 


กระทั่งแม้พวกมันจะปะทุพลังใช้ออกด้วยเวทย์พลังเสริมเคลื่อนไหวที่ต่างเชี่ยวชาญกันแล้ว หากแต่ยังไม่อาจมีเปรียบต้วนหลิงเทียนในด้านความเร็ว!


 


สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ดั่งมัจฉาท่องคลื่น พลิ้วร่างวูบไปวูบมาหลายตำแหน่ง กลืนกินพลังวิญญาณฟ้าดินอย่างไม่หยุดยั้ง แม้พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดของเขาจะยังไม่บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน แต่ก็ขาดอีกไม่ไกลแล้ว!


 


“ปฐมเวทย์กลืนกิน!”


 


หลังกลืนกินพลังวิญญาณฟ้าดินในอีกที่หนึ่งจนหมดสิ้น ต้วนหลิงเทียนก็ฉากร่างไปกลืนกินยังจุดอื่นต่อ!


 


“ปฐมเวทย์กลืนกิน!”


 


เปลี่ยนที่!


 


“ปฐมเวทย์กลืนกิน!”


 


เปลี่ยนที่!


 


……


 


“บัดซบ! ระดับพลังเซียนต้นกำเนิดของมันจะเพิ่มไปถึงไหนกัน!?!”


 


เมื่อพบว่าพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดในร่างต้วนหลิงเทียนยิ่งมายิ่งมาก ความเร็วก็ย่อมเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน 1 ใน 3 ปีศาจสุกรหน้าเสียไปไม่น้อย ขณะที่คำรามออกมาเสียงดังในน้ำเสียงยังฉายถึงความร้อนใจ!


 


แน่นอน…


 


อีก 2 ตนก็หน้าเสียไปไม่ต่าง เมื่อพบว่าระดับพลังในร่างต้วนหลิงเทียนยังคงเพิ่มพูนขึ้นไม่หยุดยั้ง!


 


และตอนนี้เองปีศาจสุกรแฝด 3 ก็พลันตระหนักถึงความผิดปกติบางสิ่ง!


 


ทันใดนั้นเอง…


 


“ในที่สุด!!”


 


หลังจากฉากร่างย้ายตำแหน่งไปไม่หยุดยั้ง กลืนกินพลังวิญญาณฟ้าดินอย่างตะกละตะกราม พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดในร่างต้วนหลิงเทียน ก็อยู่ในระดับที่ทัดเทียมกับพลังเซียนต้นกำเนิดของตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนเป็นที่เรียบร้อย! อารมณ์ยังฮึกเหิมขึ้นมามากโข!!


 


ตอนนี้พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดในร่างเขา ได้บดขยี้พลังเซียนต้นกำเนิดของ 3 ปีศาจสุกรทุกทาง!


 


‘ได้ยินคำร่ำลือมานานว่า 3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าปีศาจสุกรยามรวมพลัง พวกกมันเทียบได้กับตัวตนเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน…วันนี้ให้ข้าดูชมหน่อยเถอะ’


 


เมื่อพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดในร่างบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน ในใจต้วนหลิงเทียนก็บังเกิดความเชื่อมั่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ร่างหยุดลงทั้งหันมาเผชิญหน้ากับปีศาจสุกรทั้ง 3 ทันที!


 


“ปีกอีกาทองคำ!”


 


ด้วยตอนนี้พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดในร่างต้วนหลิงเทียนเทียบได้กับพลังของเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน ยามเร่งเร้าใช้ออกด้วยปีกอีกาทองคำอีกครั้ง ความเร็วย่อมเพิ่มขึ้นเป็นธรรมชาติ! กระทั่งบัดนี้ยังเหนือกว่าความเร็วสูงสุดของ 3 ปีศาจสุกรถึง 2 เท่า!


 


“ระยำ! เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนจริงๆ!!”


 


เห็นต้วนหลิงเทียนหันกลับมาโจนทะยานจี้เข้าใส่แบบนี้ สีหน้าปีศาจสุกรทั้ง 3 แปรเปลี่ยนไปทันที!


 


อีกทั้งตอนนี้เพียงพวกมันมองจากความเร็วของชายหนุ่มเผ่าปีศาจมนุษย์เบื้องหน้า พวกมันก็ตระหนักได้จากกลิ่นอายพลังบนร่างอีกฝ่าย…


 


ว่าบัดนี้ปีศาจมนุษย์ตนนี้ ระดับพลังได้แตะถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนแล้ว!


 


นอกจากนั้นความเร็วยังเทียบได้กับยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน!


 


ห่างไกลเกินกว่าที่พวกมันจะเทียบได้!


 


“กางม่านพลังป้องกันเร็วเข้า! รอให้เวทย์พลังสนับสนุนของมันสิ้นระยะเวลาแสดงผลก่อน ค่อยลงมือฆ่ามัน!”


 


ขณะเดียวกัน 3 ปีศาจสุกรก็หยุดร่างลงกลางหาวอย่างพร้อมเพรียง


 


และแทบจะทันทีที่พวกมันหยุดลง


 


ไอมารทั่วร่างของมันก็เริ่มผสานหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ นอกจากนั้นพลังเซียนต้นกำเนิดของพวกมันก็หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันในพริบตา ร่างสุกร 2 หมี่แต่ละตน ปลดปล่อยพลังออกมาพร้อมเพรียง ก่อเกิดเป็นม่านพลังทรงกลมสีดำหนึ่ง!


 


และหากมองใกล้ๆจะพบว่า…


 


บริเวณผิวหน้าของม่านพลังทรงกลมสีมืดนี้ มีอัสนีสีแดงเลือดแล่นวาบแปลบปลาบ!


 


ทุกคราที่อัสนีแล่นวาบแปลบปลาบ ไอมารอันน่าพรั่นพรึงพลันกำจายออกมาในบรรยากาศ!


 


ในห้วงเวลาสำคัญ 3 แฝดเผ่าปีศาจสุกรไม่คิดปะทะแตกหัก กลับเลือกป้องกันตัวเป็นสิ่งแรก!


 


และในฐานะพี่น้องฝาแฝด ทั้ง 3 ดั่งจะเชื่อมจิตประสานใจ ใช้ออกด้วยวรยุทธ์เซียนทั้งเวทย์พลังสายป้องกันออกมาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว พลังป้องกันเรียกว่าเพิ่มพูนเป็นทบเท่าทวี! สามารถต้านรับพลังทำลายของเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนได้อย่างหมดจดในชั่วระยะเวลาหนึ่ง!!


 


เว้นเสียแต่จะเป็นเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่เจียนรับหายนะทัณฑ์สวรรค์…


 


หาไม่แล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนธรรมดาจะสามารถทลายฝ่าม่านพลังป้องกัน 3 ประสานของพวกมันได้ในเวลาอันสั้น!


 


ในความคิดของพวกมัน…


 


ชายหนุ่มเผ่าปีศาจมนุษย์เบื้องหน้าแม้พลังในร่างจะเทียบได้กับเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน แต่ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นเพราะเวทย์พลังสนับสนุนส่งเสริมทั้งสิ้น!


 


ขอเพียงเวทย์พลังดังกล่าวของอีกฝ่ายสิ้นสุดระยะเววลาสำแดงเดช พลังย่อมตกฮวบลงไปเหมือนตอนแรก!


 


ถึงตอนนั้นพวกมันจะลงมือเข่นฆ่าเสียให้ตาย!


 


“บัดซบ! ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไอ้เจ้าหนูเผ่าปีศาจผู้นี้กลับมีเวทย์พลังผีสางที่ยกระดับพลังให้ถึงขั้นเทียบได้กับเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนได้จริงๆ!”


 


แม้ปีศาจสุกรแฝด 3 จะมั่นใจในม่านพลังป้องกัน 3 ประสาน หากแต่พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจเพราะเรื่องนี้


 


“เฮอะ! ตราบใดที่พวกเราต้านทานรับคลื่นการโจมตีของมัน จนเวทย์พลังมันสิ้นอานุภาพได้เมื่อไหร่ สารเลวนี่ยังต่างใดจากปลาบนเขียงให้พวกเราแล่สับ?”


 


“ตอนนี้มันเต็มที่ก็แค่มีพลังทัดเทียมกับเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนทั่วไป ย่อมเป็นไปมิได้ที่จะฝ่าม่านพลังป้องกันของพวกเราได้ในเวลาสั้นๆ!”


 


……


 


เห็นชัดว่า 3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่าสุกร มั่นใจในพลังป้องกันของพวกมันนัก


 


“น่าสนใจดีนี่…”


 


เมื่อเห็นว่า 3 ปีศาจหัวหมูผนึกกำลังสร้างม่านพลังป้องกัน ต้วนหลิงเทียนที่ห้อตะบึงจี้เข้าใส่พวกมันทั้ง 3 ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ค่อยหยิบกระบี่พันอาคมเซียนออกมา


 


“เซียนอมตะข้ามภพ!”


 


“ใจกระบี่เหิน!”


 


พริบตาต่อมาต้วนหลิงเทียนพลันปะทุกระบวนท่าจู่โจมที่รุนแรงที่สุดออกมา!


 


เวทย์พลังจู่โจมขั้นสูงสำแดงพลังอำนาจ! ยังผสานไปด้วยสำนึกพลังกระบี่อันลึกล้ำจากขั้นที่ 3 ของยอดใจกกระบี่!!


 


ร่างต้วนหลิงเทียนที่โจนทะยานเข้ามากลับกลายเป็นเงาเลือนวูบหนึ่งก็แตกตัวออกเป็นร่างแยกกหลายร่าง


 


ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!


 


……


 


ร่างแยกแต่ละร่างที่ถือไว้ด้วยกระบี่พันอาคมเซียน พลันใช้ออกด้วยเคล็ดกระบี่อยู่ที่ใจ ควบคุมกระบี่บินให้เหินพุ่งออกไปประหนึ่งมีชีวิต! กระบี่แต่ละเล่มอัดแน่นไว้ด้วยพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดจนเปลงแสงสีทองสว่างจ้า!!


 


กระบี่พันอาคมเซียนแต่ละเล่มที่บึ่งทะยานออกไปฉับไว ส่งเสียงหอนกรีดอากาศแผ่วเบา มองไปดั่งลำแสงทองพุ่งตัดฟ้า สภาวะประหนึ่งจะทะลวงได้ทุกสิ่งอย่าง!


 


“กระบี่ไวอะไร!?”


 


“พลังกล้าแข็งยิ่ง!”


 


ขณะเดียวกันด้านแฝดปีศาจสุกรทั้ง 3 ก็ตระหนักได้ถึงพลังอำนาจของกระบี่บินแต่ละเล่มที่พุ่งทะยานเข้ามา


 


ในสายตาของพวกมัน กระบี่บินทั้งหลายสร้างความตื่นตระหนกครั้งใหญ่ให้พวกมันแล้วจริงๆ!


 


พริบตา กระบี่จากร่างแยกรวมถึงร่างจริงของต้วนหลิงเทียนก็พุ่งปะทะเข้าม่านพลัง 3 ประสานในจุดเดียว! รวมศูนย์พลังจู่โจมหมายทะลวงฝ่าม่านพลังสีมืดในคราเดียว!


 


เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!


 


……


 


เสียงระเบิดของพลังดังสนั่นประหนึ่งฟ้าถล่ม พื้นใต้เท้าเบื้องล่างยังสะเทือนไปปานแผ่นดินไหว!


 


แต่ละกระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนจู่โจมออก ปะทะเข้าม่านพลังสีมืดอย่างรุนแรง ยังผลให้ม่านพลังของพวกมันกระเพื่อมสั่นไหวไปโย้ไปเย้มา!


 


มองไปยังคล้ายหยาดพิรุณกระหน่ำลงผิวทะเลสาบอันเงียบสงบอยู่บ้าง!


ตอนที่ 2,258 : หยั่งถึงสวรรค์และโลก


 


อย่างไรก็ตามแม้การจู่โจมของต้วนหลิงเทียนจะทั้งเร็วทั้งแรง หากแต่ก็ยากจะฝ่าปราการป้องกันของ 3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าปีศาจสุกรไปได้!


 


“ให้มันได้ยังงี้สิ…”


 


เห็นฉากดังกล่าวต้วนหลิงเทียนได้แต่ทอดถอนใจออกมาเบาๆ


 


ฉากเรื่องราวก่อนหน้าเขาเองก็มีคิดไว้แล้วหากแต่ก็แค่คิดเท่านั้น พอได้เห็นมันเกิดขึ้นจริงๆ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา…


 


เขาได้ลงมือด้วยพลังทั้งหมดอย่างไม่มีการออมรั้งแล้ว


 


ทว่ากลับไม่อาจเจาะม่านพลังป้องกัน 3 ประสานของพวกมันได้!


 


‘แม้พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดของข้าจะแตะถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน แต่เพราะอย่างไรข้าก็ไม่ใช่เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนจริงๆ จึงไม่อาจสำแดงพลังอำนาจที่แท้จริงของขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนได้’


 


ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ


 


อันที่จริงจุดนี้เขาก็สังเกตเห็นตั้งแต่ตอนที่ทดลองใช้ปฐมเวทย์กลืนกินจนระดับพลังแตะขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนแบบนี้ตั้งแต่วันก่อนแล้ว


 


อนิจจาแม้เขาจะยกระดับพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดให้บรรลุถึงขอบเขตนี้ได้ แต่เขาก็ยังไม่อาจใช้พลังอำนาจที่แท้จริงของด่านพลังเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนได้…


 


ความเปลี่ยนแปลงจากเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนไปยังขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนนั้น ไม่เพียงแต่พลังเซียนต้นกำเนิดในร่างจะยกระดับพัฒนาขึ้นเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความเข้าใจต่อสวรรค์และโลกอีกด้วย


 


แม้ฟังดูจะลี้ลับ แต่ก็ไม่ใช่กล่าวลอยๆ!


 


เปลี่ยนที่ 9 ของขอบเขตเซียนสวรรค์บางคนก็เรียกว่าเปลี่ยนสู่สวรรค์


 


บางคนก็อาจจะเรียกว่าเปลี่ยนสู่เซียนอมตะ เพราะคิดว่าเมื่อบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนแล้ว ต่อไปที่ต้องเจอคือข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์กลายเป็นเซียนอมตะ และขึ้นสู่แดนสวรรค์


 


อันที่จริงแล้วหากคิดแบบนี้ล้วนผิดไปอยู่บ้าง


 


ก็จริงอยู่ที่เปลี่ยนที่ 9 ของขอบเขตเซียนสวรรค์อาจเรียกว่าเปลี่ยนสู่เซียนอมตะ เพราะหลังก้าวข้ามหายนะทัณฑ์สวรรค์จะได้เป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะ… แต่ก็ไม่ใช่เพราะเหตุนี้ทั้งหมด


 


และเปลี่ยนที่ 9 ของขอบเขตเซียนสวรรค์นั้น ก็ไม่ใช่ว่าบรรลุถึงแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์แน่นอน…


 


ระหว่างกระบวนการดังกล่าว ยังต้องอาศัยถึงการทำความเข้าใจต่อสวรรค์และโลก


 


จนเมื่อหยั่งถึงสวรรค์และโลกรู้แจ้งในฟ้าดินถึงระดับหนึ่ง จึงจะชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ลงมาได้!


 


หาไม่แล้วต่อให้พลังเซียนต้นกำเนิดในร่างจะบรรลุถึงขีดจำกัดขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน ก็ไม่มีทางชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ลงมาได้!


 


เมื่อไม่อาจชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ เช่นนั้นยังจะกล่าวถึงเรื่องข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์กลายเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะได้อย่างไร? ยังเลิกหวังเรื่องขึ้นสวรรค์ไปได้เลย!


 


และในกระบวนการทำความเข้าใจสวรรค์และโลกของเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน ก็จะทำให้สามารถใช้พลังเซียนต้นกำเนิดขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนในร่างกายได้ดั่งแขนขา…เสมือนพลังสถิตย์อยู่ทุกห้วงลมหายใจ!


 


นอกเหนือจากนั้นวรยุทธ์เซียน และเวทย์พลังทั้งหลายก็จะเปล่งอานุภาพได้มากยิ่งขึ้น!


 


ด้วยเพราะเหตุนี้


 


ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะเร่งเร้าพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดให้บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนได้ก็จริง แต่เขาก็ไม่อาจใช้พลังได้อย่างลึกซึ้งแตกฉานเหมือนตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนจริงๆ!!


 


‘ในวันนั้นตอนที่ถังซวนจ้าวลัทธิบูชาไฟกับหล่างเชียนจินอาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬสู้กัน แม้ระดับพลังเซียนต้นกำเนิดในร่างงพวกมันจะยังไม่บรรลุถึงขีดจำกัดขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน ยิ่งไปกว่านั้นเวทย์พลังของพวกมันก็มีระดับไม่ได้เหนือไปกว่าข้า…’


 


‘แต่พลังที่พวกมันใช้ออกได้ ยังเหนือกว่าการลงมือเต็มพลังของข้าในตอนนี้ไม่น้อย…’


 


‘ที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น…ล้วนเพราะพวกมันมีความชำนาญในการใช้พลังเซียนต้นกำเนิดในร่างมากกว่า หลังได้ทำความเข้าใจสวรรค์และโลก กระทั่งพลังในร่างยังประหนึ่งแขนขาของพวกมัน ระดับความควบคุมพลังกลายเป็นแยบคายลึกล้ำ ไม่ใช่อะไรที่ข้าในตอนนี้จะเทียบได้เลย’


 


ในวันนั้นต้วนหลิงเทียนได้เห็นฉากที่ถังซวนกับหล่างเชียนจินประมือกันด้วยสองตาของตัวเอง


 


เรียกว่าฉากเรื่องราวยังสดใหม่ในใจ


 


เช่นนั้นแล้วเขาจึงตระหนักได้ถึงช่องว่างความต่างระหว่างเขากับพวกมันทั้งสองได้ทันที…


 


‘หากข้าบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนจริงๆ ไม่ใช่ยกระดับพลังขึ้นมาจากเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน…ขอเพียงทำความเข้าใจฟ้าดินสักหน่อย พลังที่ข้าสามารถปะทุออกมาได้ สมควรไม่ใช่แค่ทำให้ม่านพลังของพวกมันกระเพื่อมรุนแรงแบบนี้แน่…’


 


มองไปยังม่านพลังที่ห้อมล้อมคลุมร่าง 3 ฝาแฝดปีศาจสุกกรเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะลอบทอดถอนในใจ


 


มีเพียงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนเท่านั้น ถึงจะมีความสามารถในการสัมผัสและทำความเข้าใจสวรรค์และโลกกอย่างแท้จริง


 


ดังนั้นแล้วต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะทอดถอนในใจมากเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าเขายังไม่อาจทำความเข้าใจสวรรค์และโลกได้…


 


“ไอหนูปีศาจมนุษย์! อาศัยตอนที่เวทย์พลังของเจ้ายังมีอำนาจอยู่เจ้าอยากจะทำอะไรก็รีบๆทำเข้าเถอะ…หาไม่แล้วรอเวลาที่เวทย์พลังของเจ้าหมดลงเมื่อใด พวกเรา 3 พี่น้องจะให้เจ้าได้ตายไร้ที่ฝัง!”


 


ตอนนี้เอง 1 ใน 3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าปีศาจสุกร ก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าแววตาเย้ยหยัน กล่าวค่อนแคะออกมา


 


“คิดไม่ถึงจริงๆว่าในปีศาจมนุษย์ยังมีตัวตนเช่นเจ้าดำรงอยู่ด้วย…อาศัยพลังจากกระบวนท่าจู่โจมของเจ้าเมื่อครู่ กระทั่งชิงหยวนป้า อันดับ 1 ใต้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนของเผ่าปีศาจมนุษย์ก็เทียบเจ้าไม่ได้!”


 


“น่าเสียดายที่ต่อให้เจ้าจะร้ายกาจกว่าชิงหยวนป้ามากแค่ไหน แต่วันนี้เจ้าก็ต้องตาย!”


 


……


 


อีก 2 ใน 3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าปีศาจสุกร ก็เริ่มกล่าววาจาค่อนแคะต้วนหลิงเทียนเช่นกัน


 


ม่านพลังที่ห่อหุ้มคลุมร่างของพวกมัน 3 พี่น้องเอาไว้ หลังรับการโจมตีของต้วนหลิงเทียนแล้ว แม้จะกระเพื่อมและแลดูเบาบางลง แต่ก็ไม่ได้ชัดเจนเท่าไหร่นัก


 


เห็นได้ชัดว่าแม้จะรับการโจมตีของต้วนหลิงเทียนไปแล้ว ความเข้มแข็งของพลังก็ยังไม่ได้อ่อนโทรมลงสักเท่าไหร่


 


ได้ยินวาจาค่อนแคะถากถางของ 3 ปีศาจหัวหมู สองตาต้วนหลิงเทียนก็หรี่ลง คิ้วโค้งขึ้น


 


ทันใดนั้นสองตาที่หรี่ลงก็เบิกโพลงเผยประกายเยียบเย็นหนึ่ง


 


“ดูเหมือนพวกเจ้าคิดว่าจะจัดการข้าได้แล้วสินะ?”


 


ในขณะที่สองตาต้วนหลิงเทียนเบิกขึ้นเต็มตา เสียงกล่าวคำไม่รีบไม่ร้อนหนึ่งก็ดังขึ้น ฟังจากน้ำเสียงแล้วคล้ายไม่ได้ร้อนรนใจอะไรแม้แต่น้อย ถึงจะได้ยินวาจาปรามาสระคนข่มขู่ของพวกมันก็ตามที


 


คนสงบดั่งเมฆเคลื่อนน้ำไหล ไม่ยี่หระ!


 


“หือ?”


 


ความสงบดังกล่าว นับว่าทำให้ 3 พี่น้องเผ่าปีศาจสุกรแปลกใจในระดับหนึ่ง


 


อย่างไรก็ตามพวกมันเพียงแปลกใจอยู่ครู่เดียว ก่อนที่สีหน้าจะฉายชัดถึงความเย้ยหยันออกมามากกว่าเดิม


 


“เฮอะ! คิดเล่นลูกไม้วางมาดลึกลับรึ?”


 


“เจ้าเห็นพวกกข้าโง่งมถึงขั้นจะติดกับลูกไม้ตื้นๆนี่ของเจ้าจริงๆ?”


 


“น่าขันนัก!”


 


3 นักรบผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าปีศาจสุกรกล่าวออกอีกครั้ง น้ำเสียงก็ค่อนข้างเดียจฉันท์ต้วนหลิงเทียนไม่น้อย!


 


“วางมาดลึกลับ? พวกเจ้าก็ช่างคิดไปได้..”


 


เจอการเย้ยหยันถากถางของ 3 ปีศาจสุกร สีหน้าต้วนหลิงเทียนยังคงไม่เปลี่ยนแปลงอะไร เสียงกล่าวก็ยังคงสงบเฉยเมยนัก “หากข้ายังลงมือเต็มกำลังต่อไป บางทีคงต้องใช้เวลาอีกสักพักถึงจะฝ่าการป้องกันของพวกเจ้าได้…แต่ไม่พ้นผลของเวทย์พลังสนับสนุนข้าคงได้หมดลงก่อนที่จะฆ่าพวกเจ้าได้…”


 


“ถึงตอนนั้นพลังของข้าคงตกไปอยู่ในระดับเดิม…”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวแฉความในใจของพววกมันออกมา


 


“แต่ว่า…พวกเจ้าไม่คิดบ้างเหรอว่าข้าอาจอาศัยจังหวะที่พลังยังไม่ถดถอยหลบหนีไป? พวกเจ้าคิดว่าอาศัยพลังของพวกเจ้าตอนนี้จะมีปัญญาตามข้าได้ทัน?”


 


เสียงกล่าววาจาประโยคท้ายของต้วนหลิงเทียน ไม่ขาดการเย้ยหยันแม้แต่น้อย


 


ได้ยินคำพูดนี้ของต้วนหลิงเทียน 3 แฝดหัวหมูอดหน้าเปลี่ยนเป็นมืดคล้ำไม่ได้


 


ยามพวกมัน 3 คนผนึกกำลังกันลงมือ ที่ร้ายกาจที่สุดก็คือพลังโจมตีกับพลังป้องกัน


 


หากแต่ความเร็วนั้นยังคงเป็นจุดอ่อนของพวกมัน!


 


หากต้วนหลิงเทียนคิดหลบหนีจริงๆ ตอนนี้ให้พวกมันทั้ง 3 พยายามบินไล่ให้ตายจนมันหมูย้อย ก็ไม่มีวันตามทัน!


 


“ขี้ขลาด! ไอ้พวกเผ่าปีศาจมนุษย์เจ้าล้วนแล้วแต่เป็นพวกขี้ขลาด!!”


 


“ไอ้หนู เจ้ามันช่างสร้างความเสื่อมเสียให้เผ่าปีศาจมนุษย์ยิ่ง! เจ้ายังมีหน้าคิดหนีอีกงั้นเหรอ!?”


 


“ตัวขี้ขลาดเอ๊ย!”


 


……


 


หลังได้ยินวาจาเตือนสติของต้วนหลิงเทียน ปีศาจสุกรแฝด 3 ก็เร่งกล่าวคำเย้ยเยาะถากถางออกมาทันที เป้าหมายของพวกมันก็ใช่ใดอื่น เพียงคิดยั่วโทสะต้วนหลิงเทียน! ทำให้ต้วนหลิงเทียนขาดสติยั้งคิด!!


 


ด้วยวิธีนี้พวกมันถึงจะมีโอกาสฆ่าปีศาจมนุษย์หน้าละอ่อนเบื้องหน้า!


 


หากปีศาจเผ่ามนุษย์เบื้องหน้าคิดหลบหนีไปจริงๆ พวกมันยอมรับว่าไม่มีปัญญาไล่ทัน!


 


“หึ!”


 


ต้วนหลิงเทียนไหนเลยจะมองไม่เห็น เจตนา ของปีศาจสุกรทั้ง 3 “พวกหัวหมูเจ้าทั้ง 3 ไม่ต้องห่วงไป…ตอนนี้ต่อให้ข้าจะหนีไปได้อย่างง่ายดาย แต่ข้าก็ไม่คิดจะหนีไปไหนหรอก…”


 


“นั่นเพราะ…อาศัยพวกเจ้าทั้ง 3 ไม่มีคุณสมบัติพอให้ข้าต้องหนี!”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเข้ม ในวาจาแฝงความนัยประการหนึ่ง


 


และ 3 ปีศาจสุกรตอนนี้กก็เสมือนถูกระเบิดลูกหนึ่งถล่มใส่ทันที พวกมันกลายเป็นอื้ออึงไม่เข้าใจ ด้วยไม่ทราบว่าต้วนหลิงเทียนไปพกพาความมั่นใจมาแต่ไหนกันแน่ ทำไมถึงกล้าพูดออกมาแบบนี้!


 


“แต่ข้าต้องบอกไว้ก่อนเลย…พลังป้องกันของพวกหัวหมูเจ้าทั้ง 3 มันร้ายจริงๆ…กระทั่งยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนก็ไม่น่าจะทำลายลงได้ในเวลาสั้นๆ…”


 


ก่อนที่ 3 ยอดนักรบของเผ่าปีศาจสุกรจะทันได้ฟื้นตัว ต้วนหลิงเทียนยังคงกล่าวสืบต่อออกมา


 


“น่าเสียดายก็แต่ วันนี้ที่พวกเจ้าเจอเป็นข้า…”


 


สิ้นคำกล่าววาจาประโยคนี้ของต้วนหลิงเทียน มือขวาเขาก็ยกขึ้นช้าๆ พลันปรากฏป้ายศิลามุมแหว่งหนึ่งผุดขึ้นจากความว่างเปล่า


 


ตอนแรกเมื่อป้ายศิลามุมแหว่งนี้ปรากฏ ก็แลดูไม่ได้มีอำนาจขู่ขวัญอะไร


 


นอกจากกลิ่นอายพลังผันผวน รวมถึงอักขระโบราณที่สลับซับซ้อนบนตัวแผ่นศิลาแล้ว มันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ไม่ได้มีจุดเด่นอะไรทั้งสิ้น…


 


ทว่าทันใดนั้นเอง


 


วู้ม! วู้ม! วู้ม!!


 


……


 


ปรากฏเสียงพลังหนึ่งดังกังวาลออก! ป้ายศิลามุมแหว่งในมือต้วนหลิงเทียน พลันลอยขึ้นไปเล็กน้อยกก่อนจะปะทุไอมารอันยิ่งใหญ่สุดไพศาลออกมา คลื่นพลังอันน่าเกรงขามเริ่มกำจายไปในบรรยากาศจนทัศนียภาพโดยรอบเริ่มบิดเบือน!!


 


ไอมารที่ปะทุออกมาดั่งเพลิงไฟสีดำนั้น ยิ่งมายิ่งพวยพุ่งลุกโชนปานจะหลอมฟ้า!


 


ทั้งหมดเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนจ่ายพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดลงไป เผยพลังอำนาจของมัน!


 


‘ไม่คิดเลยว่าตอนจ่ายพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดขีดสุดขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนลงไป ตราผนึกมารจะแลดูทรงพลังขึ้นมาถึงขนาดนี้…ดูจากกระดับพลังของมันท่าทางคิดทำลายม่านพลังป้องกันของพวกกหัวหมูทั้ง 3 คงไม่เป็นปัญหาอะไร…’


 


ตอนแรกต้วนหลิงเทียนก็อดสะดุ้งไปไม่น้อยเมื่อเห็นปฏิกิริยาของตราผนึกมาร เพราะมันแลดูทรงพลังทั้งเกรี้ยวกราดกว่าทุกที! ยังคึกคักไม่ต่างใดจากฉีดเลือดไก่!!


 


อย่างไรก็ตามครู่ต่อมาพอต้วนหลิงเทียนหายอึ้ง มุมปากพลันปรากกฏรอยยิ้มแสยะเหี้ยมเกรียม


 


ตอนนี้เองนอกจากไอมารมหาศาลดั่งเพลิงทมิฬหลอมโลกแล้ว


 


หากสังเกตให้ดีจะพบว่า…


 


ในไอมารมหาศาลนั้น ปรากฏอัสนีสีม่วงแล่นวาบแปลบปลาบ มองไปยังคล้ายมังกรเทพพยาดาสีม่วงแหวกว่ายวนเวียน!


 


อีกทั้งทุกคราที่อัสนีสีม่วงแลบลั่นออก โดยรอบกลับมีพลังลึกลับอีกขุมหนึ่ง เปล่งกลิ่นอายเก่าแก่โบราณออกมาบิดเบือนบรรยากาศ ราวกับจะประกาศศักดิ์ดา!


 


แน่นอนว่าป้ายศิลามุมแหว่งที่ต้วนหลิงเทียนหยิบออกมาและกำลังเผยพลังอำนาจอันน่าครั่นคร้ามนี้ก็ไม่ใช่ใดอื่น….มันคือตราผนึกมารที่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้นำออกมาใช้เนิ่นนาน!


 


และทันทีที่ไอมารมหาศาลเริ่มปะทุลุกโชนออกมาท่วมตราผนึกมารดั่งเพลิงไฟ กอปรทั้งแลเห็นอัสนีพลังสีม่วงแลบลั่นวูบวาบ สีหน้าเย้ยหยันดูแคลนของ 3แฝดปีศาจสุกรก็มลายหายไป กลายเป็นเคร่งขรึมจริงจัง!


 


นั่นเพราะป้ายศิลาประหลาดที่ปรากฏขึ้นในมือปีศาจมนุษย์หนุ่มเบื้องหน้า กลับทำให้พวกมันรู้สึกหวั่นหวาดในใจ ทั้งเหมือนถูกสะกดข่มไปถึงก้นบึ้งของวิญญาณ!


 


ราวกับในป้ายศิลาเล็กๆนั่น อัดแน่นไว้ด้วยพลังล้างโลก!


ตอนที่ 2,259 : ทัณฑ์สวรรค์?


 


ทันใดนั้นเอง


 


ซู่มมม!!


 


เสียงอากาศแตกระเบิดดังสนั่นลั่นขึ้น เป็นยอดศาสตราเซียน ตราผนึกมาร ของต้วนหลิงเทียนที่ลอยล่องอยู่เหนือมือของต้วนหลิงเทียน อยู่ดีๆก็ระเบิดไอมารมหาศาล ทั้งอัสนีสีม่วงเองก็แลบลั่นออกมาไม่หยุด!


 


“เอ่อ…”


 


กระทั่งต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่ทราบว่าไฉนอยู่ดีๆถึงได้เกิดเหตุเปลี่ยนแปลงแบบนี้ขึ้นมาได้


 


ทันใดนั้นเองพลังอ่อนโยนไร้สภาพหนึ่งพลันเอ่อล้นออกมาจากตราผนึกมาร มันผลักมือเขาออกไปโดยที่ไม่ทำร้ายอะไร


 


และตราผนึกมารก็คล้ายจะได้รับอิสระภาพแล้วในเวลานี้


 


เมื่อตราผนึกมารลอยล่องขึ้นไปอยู่เหนือการควบคุมของต้วนหลิงเทียน ไอมารที่ทะลักออกมาดั่งเพลิงไฟก็ยิ่งลุกโชนเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ ประหนึ่งมันจะแผดเผาท้องฟ้าก็ไม่ปาน!


 


เพราะยามนี้หากมองไกลๆ ประหนึ่งมีเพลิงทมิฬกำลังลุกท่วมแผ่นฟ้า!


 


และในชั่วเวลาพริบตาดุจฟ้าแลบนั้นเอง


 


ซู่ม! ซู่ม!! ซัวววว! วู้มมมม!!


 


……


 


เสียงพลังระเบิดลั่นขึ้นในอากาศอีกรอบ ก่อนที่จะบังเกิดเสียงกู่ร้องหนึ่งปานภูตครวญ ทันใดนั้นไอมารสีมืดที่ดั่งเพลิงทมิฬผลาญฟ้า ก็ค่อยๆหดวูบหายเข้าไปในตราผนึกมาร!


 


ทันใดนั้นกลิ่นอายพลังมหาศาลหนึ่งก็เอ่อล้นออกมาจากตราผนึกมาร บังเกิดระลอกพลังซัดกวาดออกไปทุกทิศทางเป็นวงคลื่น!


 


บรึม! บรึม! บรึม! บรึม!


 


……


 


คลื่นพลังที่ซัดกระแทกออกมาจากตัวตราผนึกมารระเบิดดังสนั่นปานฟ้าร้อง เมฆลมกลายเป็นปั่นป่วน ก่อเกิดเป็นมรสุมสายลมหนึ่งพัดกวาดออกไปปานจะชำระโลก!


 


จังหวะนี้เหล่าปีศาจสุกรทั้ง 3 ที่อยู่ในม่านพลังอันแข็งแกร่งก็สัมผัสได้ชัดเจน


 


ป้ายศิลามุมแหว่งที่ลอยอยู่เหนือร่างชายหนุ่มเผ่าปีศาจมนุษย์เบื้องหน้านั้น กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมา กลับทำให้ร่างพวกมันบังเกิดความหวาดกลัวจนตัวสั่น ยังให้ความรู้สึกเสมือนถูกเพ่งเล็ง


 


ราวกับพวกมันไม่อาจหลีกหนีการเพ่งเล็งนี้ได้…ต่อให้จะหนีไปสุดขอบโลกก็ตาม!


 


“นะ…นั่นมัน”


 


“มะ…ไม่ผิดแน่..”


 


“ตะ..ตรา ตราผนึกมาร!”


……


 


จังหวะนี้ให้ความรู้สึกของ 3 แฝดปีศาจสุกรจะเชื่องช้าเพียงใด แต่ก็ยังคาดเดาได้ว่าป้ายศิลามุมแหว่งนั่นคืออะไร และไฉนถึงทำให้จิตวิญญาณพวกมันสะท้านไปปานนี้…


 


เป็นยอดศาสตราเซียน ตราผนึกมาร ดาวข่มของหมู่มารปีศาจอย่างพวกมัน!


 


ในขณะเดียวกันกับที่สีหน้าของปีศาจสุกรทั้ง 3 ซีดลง พลังของตราผนึกมารก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นคลื่นพลังมหาศาลก็ระเบิดออกอีกครา!เป็นตราผนึกมารพุ่งทะยานแหวกฟ้ามาด้วยความเร็วน่าขนลุก!!


 


ตราผนึกมารผ่านไปที่ใดความว่างถึงกับสะท้านสะเทือน ราวกับจะปริฉีกได้ทุกเวลา!


 


เปรี๊ยงงงง!!


 


พริบตาต่อมา กว่าปีศาจสุกรจะทันได้ตอบสนองสิ่งใด ตราผนึกมารก็พุ่งกระแทกเข้ากับม่านพลังป้องกัน 3 ประสานของพวกมันแล้ว ยังผลให้ร่างพวกมันทั้ง 3 สั่นสะท้านไปอย่างแรง!


 


ม่านพลังป้องกัน 3 ประสานที่พวกมันพี่น้องใช้ออก เป็นการป้องกันสุดพลังของพวกมันทั้ง 3 แล้ว!สามารถต้านทานรับการโจมตีเต็มพลังของเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนทั่วไปได้ง่ายดาย!!


 


กระทั่งให้ต้วนหลิงเทียนลงมือสุดตัว ยังทำได้แค่ทำให้ม่านพลังกระเพื่อมไหวเท่านั้น


 


ทว่าตอนนี้…


 


ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!


 


……


 


หลังตราผนึกมารกระแทกเข้าใส่ม่านพลังป้องกันแล้ว เสียงระเบิดดังก็สนั่นขึ้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้ง!


 


พริบตาต่อมา ม่านพลัง 3 ประสานอันแกร่งกล้าของ 3 แฝดปีศาจสุกร ก็แหลกสลายลงเป็นเสี่ยงๆ เปราะบางประหนึ่งไก่สุนัข!


 


ต่อหน้าตราผนึกมาร ม่านพลังป้องกันของพวกมันคล้ายเรื่องน่าขัน!


 


“ไม่ ไม่…ไม่จริง!!”


 


เมื่อเห็นตราผนึกมารทลายปราการป้องกันสุดชีวิตของพวกมันลงได้ ลูกตากลมโตดั่งเพชรเม็ดใหญ่ของพวกมันก็หดหยีลงอย่างพร้อมเพรียง สีหน้ายังเปลี่ยนไปมหันต์ อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาเสียงหลงด้วยความตื่นกลัว


 


“วิ่ง!!”


 


หลังตะโกนออกมาแล้ว ในใจของทั้ง 3 ก็บังเกิดความคิดดุจเดียวกัน!


 


จังหวะนี้นอกเหนือจากเร่งรุดหลบหนีแล้ว พวกมันไม่อาจคิดสิ่งใดได้ออก!!


 


ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่พวกมันไม่ทันคิดว่าไฉนไอ้หนูเผ่าปีศาจมนุษย์มีตราผนึกมารในครอบครอง พวกมันยังไม่ทันคิดด้วยซ้ำว่าไฉนไอ้หนูเผ่าปีศาจมนุษย์เบื้องหน้าถึงใช้ตราผนึกมารได้ โดยที่ไม่ถูกตราผนึกมารแว้งกัด!


 


เพราะสุดท้ายแล้วตราผนึกมารไม่เพียงเป็นดาวข่มของเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งมวล ยังสมควรเป็นดาวข่มของผู้ฝึกมารอีกด้วย! ขอแค่ใช้ไอมารเพียงเสี้ยวก็ไม่พ้นถูกตราผนึกมารจัดการ!!


 


“คิดหนีงั้นเหรอ?”


 


เมื่อเห็นร่างปีศาจสุกรทั้ง 3 คล้ายจะแยกย้ายกันหนีไปคนละทิศละทาง มุมปากต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มแสยะ กล่าวเย้ยพวกมันออกมา


 


ต่อหน้าตราผนึกมารที่เขาใช้พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนกระตุ้น แต่พวกปีศาจขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนเช่นพวกมันยังคิดถึงเรื่องหลบหนี?


 


และผลลัพธ์ก็เป็นดั่งที่ต้วนหลิงเทียนคาดเอาไว้ไม่มีผิด


 


ปง! ปง! ปง!


 


เสียงระเบิดสนั่นดังขึ้นกึกก้องไปทั่วแผ่นฟ้าอีกครั้ง


 


เป็นตราผนึกมารสำแดงพลังดุร้าย ไม่ทันที่ทั้ง 3 จะหลบหนีไปไหนได้ทัน มันก็คล้ายแปรเปลี่ยนเป็นเส้นสายอัสนีวูบไปฟาดกระหม่อม 3 ปีศาจสุกรอย่างจังในชั่วพริบตา!


 


หลังตราผนึกมารฟาดทุบ 3 ปีศาจแล้ว ไอพลังมหาศาลทั้งอัสนีสีม่วงที่แลบลั่นแปลบปลาบก็สลายหายไป กลับมาอยู่ในรูปลักษ์ป้ายศิลามุมแหว่งเก่าๆ ไม่คล้ายมีพิษมีภัยต่อสรรพสัตว์…


 


กลับกัน สองตาของปีศาจสุกรทั้ง 3 ได้เปลี่ยนเป็นเลื่อนลอย ราวกับได้สูญเสียไปแล้วซึ่งจิตวิญญาณ!


 


และพวกมันก็เสียวิญญาณไปแล้วจริงๆ!


 


ตอนนี้วิญญาณของพวกมันทั้ง 3 ได้ถูกตราผนึกมารดูดไปเป็นที่เรียบร้อย หากแต่จะกักขังหรือย่อยสลาย ก็คงมีเพียงแต่ตราผนึกมารเท่านั้นที่รู้…


 


ฟุ่บ!


 


ต้วนหลิงเทียนวูบร่างมาถึงจุดที่ 3 ปีศาจตายตกในบัดดล ใช้ออกด้วยปฐมเวทย์กลืนกินดูดกลืนพรสวรรค์รากวิญญาณจากร่างไร้วิญญาณของปีศาจสุกรทั้ง 3 อย่างไม่รอช้า


 


ถึงแม้ว่าพรสวรรค์รากวิญญาณจะอาศัยอยู่ในดวงจิต และผูกพันกับวิญญาณ ทว่ายามตราผนึกมารลงมือนั้น เป้าหมายของมันคือดูดกลืนวิญญาณเท่านั้น ไม่ได้แตะต้องอะไรรากวิญญาณของพวกมันเลย


 


เช่นนั้นก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อต้วนหลิงเทียนที่คิดกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของพวกมัน


 


“รากวิญญาณของพวกมัน 3 ตนเป็นรากวิญญาณสีครามจริงๆ…”


 


ในระหว่างที่กลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของปีศาจสุกรทั้ง 3 ต้วนหลิงเทียนย่อมพบได้ทันทีว่ารากวิญญาณของพวกมันทั้ง 3 เป็นดั่งที่เขาคาดไว้แต่แรก…รากวิญญาณสีคราม!


 


และทั้ง 3 ล้วนเป็นรากวิญญาณสีครามปกติ!


 


“ด้วยระดับพรสวรรค์รากวิญญาณของพวกมัน…ย่อมส่งเสริมให้รากวิญญาณของข้ายกระดับไปอีกขั้นได้อย่างราบรื่นแน่นอน!”


 


คิดถึงจุดนี้อารมณ์ของต้วนหลิงเทียนก็ปั่นป่วนพุ่งพล่านขึ้นมาทันที


 


หลังจากอารมณ์พุ่งพล่านไปพักหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็สงบใจลงได้ เร่งกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของพวกมันให้เสร็จสิ้น


 


สำหรับต้วนหลิงเทียนนั้น การกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณเป็นอะไรที่คุ้นเคยอย่างถึงที่สุด เช่นนั้นจึงไร้ซึ่งปัญหาใดๆ กระบวนการทั้งหมดดำเนินไปอย่างราบรื่น


 


“ได้แล้ว!”


 


เมื่อพรสวรรค์รากวิญญาณทั้ง 3 ถูกกลืนกินหมดสิ้น และกำลังจะผสานหลอมรวมเข้ากับรากวิญญาณของเขา ใจต้วนหลิงเทียนก็สะท้านไปไม่เป็นจังหวะ คนยังตื่นเต้นถึงขั้นลืมหายใจ!


 


ไม่นานนักพรสวรรค์รากวิญญาณของทั้ง 3 ก็ผสานเข้ากับรากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนอย่างสมบูรณ์


 


รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนก็มาถึงจุดวิกฤตแต่แรกแล้ว ขาดเพียงครึ่งก้าวก็จะบรรลุถึงรากวิญญาณสีดำ อันเป็นรากวิญญาณสูงสุด


 


และทันทีที่พรสวรรค์รากวิญญาณของทั้ง 3 หลอมรวมเข้ากับรากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนเสร็จสิ้น รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนก็สามารถก้าวผ่านครึ่งก้าวสุดท้าย บังเกิดความเปลี่ยนแปลงไปอย่างราบรื่น!


 


“รากวิญญาณสีดำ!”


 


ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็พบว่า…


 


พรสวรรค์รากวิญญาณของเขาตอนนี้ ได้แปรเปลี่ยนไปเป็นรากวิญญาณสีดำอย่างสมบูรณ์


 


“ฮ่าๆๆๆๆ…!!!”


 


เมื่อพบว่าในที่สุดพรสวรรค์รากวิญญาณของตัวเอง ในที่สุดก็แปรเปลี่ยนเป็นรากวิญญาณสีดำอันเป็นรากวิญญาณสูงสุดได้เสียที ต้วนหลิงเทียนก็บังเกิดความปิติยินดีนัก อดหัวเราะดังลั่นออกมาไม่ได้ ในเสียงหัวเราะยังเต็มไปด้วยความปลอดโปร่งโล่งใจไร้กังวล


 


“ไม่รู้หลังพรสวรรค์รากวิญญาณข้าเปลี่ยนไปเป็นรากวิญญาณสีดำแล้ว ความเร็วในการบ่มเพาะจะเหนือกว่าเมื่อก่อนมากขนาดไหน…”


 


ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็สงบอารมณ์ และเริ่มจับสัมผัสพลังวิญญาณฟ้าดินหมายดูดซับเข้าร่างเริ่มต้นกระบวนการบ่มเพาะ


 


หากทว่าไม่ทันที่เขาจะได้จับสัมผัสพลังวิญญาณฟ้าดินเพื่อดูความไวต่อสัมผัสพลังวิญญาณฟ้าดินและความเร็วในการดูดซับอะไร พลันบังเกิดความเปลี่ยนแปลงหนึ่งเกิดขึ้นเสียก่อน


 


ครืน! ครืน! ครืน! ครืน!


 


……


 


ไอพลังวิญญาณฟ้าดินนั้น เริ่มปรากฏรอบกายต้วนหลิงเทียนแล้ว แต่ไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะได้ดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเข้าร่างเพื่อบ่มเพาะ สูงขึ้นไปเหนือร่างต้วนหลิงเทียน…เมฆหมอกบนฟ้าบัดนี้กลับกลายเป็นวิปริตแปรปรวน! เสียงฟ้าร้องเริ่มดังสนั่นขึ้นมาปานเสียงคำรามของเทพเจ้าสายฟ้า!!


 


“เกิดอะไรขึ้น?”


 


เสียงที่ได้ยินนั้นคล้ายปรากฏการณ์ก่อนที่อัสนีสวรรค์จะฟาดผ่าลงมายามกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้ายิ่งนัก ทำให้ต้วนหลิงเทียนละเรื่องดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเพื่อบ่มเพาะ และแหงนขึ้นไปมองฟ้าก่อนทันที


 


และเมื่อไอพลังวิญญาณฟ้าดินที่แห่แหนมาปกคลุมทั่วร่างต้วนหลิงเทียนสลายหายไป ต้วนหลิงเทียนก็แลเห็นเรื่องราวได้ชัดถนัดตา


 


ตอนนี้สูงขึ้นไปเหนือศีรษะเขาบนฟ้า เริ่มปรากฏมวลเมฆแห่แหนกันมาจากทั่วสารทิศ อีกทั้งเมฆที่ว่ายังเป็นเมฆฝนสีดำทะมึน พวกมันยิ่งมาก็ยิ่งเกาะกลุ่มหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ!


 


นอกจากนั้นมองไปยังคล้ายแลเห็นอสรพิษสีม่วงวูบวาบแปลบปลาบ ชวนให้ขนลุกนัก!


 


หากมองให้ดีจะพบว่า…


 


อสรพิษสีม่วงนั่น ที่แท้ก็คือสายฟ้าสีม่วงเส้นเขื่องที่แลบลั่นออกมาจากเมฆสีดำ!


 


“นี่มัน…หายนะ…ทัณฑ์สวรรค์?”


 


ฉากเรื่องเรื่องเบื้องหน้านั้น พาลให้ความคิดจิตใจต้วนหลิงเทียนล่องลอยย้อนกลับไปสมัยครั้งที่เขาอยู่ในทวีปเมฆาล่องนัก วันนั้นเป็นวันที่เขาทะลวงด่านพลังมาถึงขอบเขตแรกสัมผัสธรรมชาติ และเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับหายนะทัณฑ์สวรรค์


 


อีกทั้งตอนนั้นหายนะทัณฑ์สวรรค์ที่เขาผ่านพ้นยังเรียกว่า ทัณฑ์อัสนีสวรรค์หกเก้า


 


ทัณฑ์อัสนีสวรรค์หกเก้า คือตัวตนที่บรรลุถึงขอบเขตแรกสัมผัสธรรมชาติทุกคนต้องพบเจอ ยามที่ทะลวงถึงด่านพลังดังกล่าว


 


เรียกว่าทันทีที่ทะลวงถึงขอบเขตแรกสัมผัสธรรมชาติ ผู้ฝึกตนก็จะมีความสามารถโบยบินไปบนท้องฟ้า ซึ่งสิ่งนี้ขัดกับเจตจำนงค์สวรรค์ เช่นนั้นสวรรค์จึงส่งอัสนีสวรรค์ลงมาเพื่อลงทัณฑ์…


 


‘ในระนาบโลกียะ…โดยทั่วไปแล้วจะมีหายนะทัณฑ์อัสนี 3 ประเภท…ประเภทแรกคือทัณฑ์สวรรค์หกเก้าซึ่งทุกคนต้องเผชิญหน้ากับมันยามบรรลุถึงขอบเขตแรกสัมผัสธรรมชาติ…อย่างที่สองก็คือทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า ที่จะเกิดขึ้นเมื่อกระทำผิดคำสาบาน…’


 


‘ส่วนประเภทที่ 3 ก็เป็นหายนะทัณฑ์สวรรค์จากตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยน ที่แตกฉานสวรรค์และโลก จึงชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ลงมา เพื่อข้ามผ่านไปแลบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ…’


 


ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ


 


‘แล้วนี่มันหายนะทัณฑ์สวรรค์อะไรกันแน่ ใช่เพราะข้าทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนหรือไม่? อย่างไรเสียการมีชีวิตยืนยาวไร้ที่สิ้นสุด ก็ขัดต่อเจตจำนงสวรรค์และฝ่าฝืนวิถีฟ้าดินเช่นกัน!’


 


ความคิดนี้ผุดขึ้นในหัวไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนก็ปัดมันตกไปทันที


 


นั่นเพราะมันเป็นไปไม่ได้!


 


‘หากเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนต้องเผชิญหน้ากับหายนะทัณฑ์สวรรค์จริง เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน…ไม่เคยได้ยินใครพูดถึงสักคนว่าเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน จะชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ลงมาเพื่อทดสอบได้…’


 


‘และถ้าหากหายนะทัณฑ์สวรรค์นี้ไม่ได้ถูกชักนำมาจากการบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนจริง แล้วนี่มันหายนะทัณฑ์สวรรค์อะไรกันแน่…’


 


ต้วนหลิงเทียนรู้สึกงุนงงไม่น้อย


ตอนที่ 2,260 : ความน่าพรั่นพรึงของหายนะทัณฑ์สวรรค์!


 


เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!!


 



 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังสับสนงุนงง เหนือขึ้นไปบนฟ้า…เสียงอัสนีแลบลั่นฟาดผ่าก็ดังขึ้นถี่รัวไม่หยุด!


 


ในสายตาของต้วนหลิงเทียน บนฟ้าสูงยามนี้เมฆดำทะมึนได้รวมตัวเป็นแพหนากว้างใหญ่ไพศาล พาลให้ผู้คนรู้สึกเสมือนเมฆมืดแผ่มาปกคลุมไปทั่วเมือง…


 


ราวกับวันแห่งจุดจบกำลังใกล้เข้ามา…


 


ท่ามกลางเมฆหมอกดำทะมึนนั่น ไม่เพียงแต่อัสนีม่วงยังเพิ่มจำนวนแลบลั่นไม่หยุดยั้ง กระทั่งเส้นสายอัสนีแต่ละเส้นยังเริ่มหนา ให้ความรู้สึกถึงพลังอำนาจที่เหนือชั้นขึ้นเรื่อยๆ


 


หากจะบอกว่าก่อนหน้ามันแลคล้ายอสรพิษสีม่วงล่ะก็…


 


เช่นนั้นอัสนีสีม่วงยามนี้ก็ประหนึ่งงูหลามตัวเขื่อง!


 


งูหลามสีม่วงตัวเขื่องเลื้อยขนดไปมาท่ามกลางเมฆดำทะมึน บางคราวก็พุ่งลงมาเย้ยฟ้าก่อนจะวูบหายเข้ามวลเมฆ ราวกับจะอวดอ้างพลังอำนาจต่อปุถุชนตัวกระจ้อยเบื้องล่าง..


 


“หายนะทัณฑ์สวรรค์นี่…พลังของมันไม่ใช่เล่นๆแล้ว…”


 


ถึงแม้ว่าทัณฑ์สวรรค์เบื้องหน้าจะยังไม่ชัดเจนด้วยก่อตัวไม่ถึงขีดสุด หากแต่ต้วนหลิงเทียนก็ประมาณพลังอำนาจทำลายของมันได้คร่าวๆ


 


ห่างไกลกว่าที่หายนะทัณฑ์สวรรค์หกเก้าที่เขาเคยประสบมาจะเทียบเทียมได้นัก!


 


หากจะเปรียบเทียบกันจริงๆ หนึ่งเสมือนธุลีดินไร้สำคัญ อีกหนึ่งดั่งผืนฟ้าสุดไพศาล!


 


ต่างกันราวฟ้ากับดิน!


 


“หากไม่ใช่ทัณฑ์สวรรค์ก่อเกิดเพราะเรื่องทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน…เช่นนั้นก็เหลือความเป็นไปได้เพียงประการเดียวเท่านั้น…”


 


ทันใดนั้นในหัวต้วนหลิงเทียนปรากฏแสงความคิดสว่างวาบ


 


“รากวิญญาณสีดำ!”


 


ต้วนหลิงเทียนย่อมตระหนักได้ ว่าที่ฟ้าเปลี่ยนไปเป็นวิปริตแปรปรวน เมฆหายนะทัณฑ์สวรรค์ก่อตัวนั้น มันบังเกิดขึ้นหลังจากที่พรสวรรค์รากวิญญาณของเขากลับกลายเป็นรากวิญญาณสีดำ!


 


บางที่สิ่งนี้อาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ!


 


‘รากวิญญาณสีดำ…จะว่าไปมันก็เป็นดั่งพรสวรรค์รากวิญญาณฝืนฟ้า…หรือเพราะการที่ข้ายกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณให้กลายเป็นรากวิญญาณสีดำจะทำให้สวรรค์พิโรธ จนชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ลงมาจริงๆ…’


 


ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มาเท่าไหร่ ต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นเท่านั้น


 


ขณะนั้นเองต้วนหลิงเทียนก็สะบัดมือเก็บตราผนึกมารที่ไม่ทราบกลับมาลอยใกล้ๆเขาตอนไหนกลับคืน ค่อยแหงนมองไปยังเมฆดำทะมึนเบื้องบน จับจ้องไปยังเส้นสายอัสนีสีม่วงดังงูหลามตัวเขื่องที่แลบลั่นแปลบปลาบไม่วางตา


 


‘ไม่รู้…ว่าพลังของหายนะทัณฑ์สวรรค์คราวนี้จะร้ายกาจขนาดไหน?’


 


สีหน้าท่าทีต้วนหลิงเทียนอดขึงขังทั้งตึงเครียดขึ้นมาไม่ได้เมื่อเผชิญหน้ากับหายนะทัณฑ์สวรรค์ที่กำลังใกล้เข้ามา


 


เพราะสุดท้ายแล้วสำหรับเขา หายนะทัณฑ์สวรรค์ที่กำลังก่อตัวขึ้นตรงหน้า ก็เป็นอะไรที่เขาไม่รู้จักมันเลย!


 


สิ่งที่ไม่รู้ย่อมน่ากลัวที่สุด!


 


หลังเฝ้ารอด้วยความหวาดกลัว ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็เห็นว่าเมฆหายนะได้ก่อตัวแล้วเสร็จ


 


แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนไม่คิดหลบหนีไปที่ใดให้วุ่นวาย เพราะหากนี่เป็นหายนะทัณฑ์สวรรค์ที่เขาชักนำมาจริง ต่อให้จะทะยานไปสุดหล้าฟ้าเขียว เมฆหายนะเบื้องบนก็จะไล่ตามเขาไป


 


พยายามหนีให้ตาย ก็หนีไม่พ้น!


 


เช่นนั้นเขาก็ทำได้แค่เฝ้ารอให้หายนะมันก่อเกิดเท่านั้น!


 


หลังจากที่ทัณฑ์อัสนีเริ่มก่อตัว จำนวนเมฆดำทะมึนบนฟ้าก็ไม่เพิ่มขึ้นอีกต่อไป หากแต่ยามนี้สายฟ้าที่แลคล้ายงูหลามสีม่วงตัวเขื่องคล้ายจะทวีความเกรี้ยวกราดมากยิ่งขึ้น


 


เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!


 



 


ขณะเดียวกันเสียงอัสนีฟาดผ่ารุนแรงอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ก็เริ่มดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ


 


จากนั้นทันทีที่สิ้นเสียงอัสนีฟาดผ่าอันถี่ราวประทัด…


 


‘มันมาแล้ว!!’


 


ราว 2 เค่อต่อมาต้วนหลิงเทียนที่ยังคงจับจ้องมองไปบนฟ้าอย่างไม่วางตา ลูกตาเขาก็เริ่มหดหยีลงเมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงบนเมฆทะมึน


 


แทบจะทันทีที่เขาคิดจบ


 


หายนะทัณฑ์สวรรค์ที่ก่อตัวมานาน ในที่สุดก็เผยให้เห็นเขี้ยวเล็บเสียที!


 


เปรี๊ยงงง!!!


 


เสียงดังสะท้านแดนดินกระทั่งพาลให้ปฐพีสั่นไหว ก็สนั่นก้องลงมาจากนภาลัยเบื้องบนประหนึ่งเสียงคำรามของเทพเจ้าสายฟ้า!


 


ยามนี้ปฐพีโดยรอบสั่นสะท้านอย่างแรงประหนึ่งบังเกิดแผ่นดินไหว!


 


ซุ่มมมม!!


 


นอกจากเสียงดังสนั่นลั่นหล้าแล้ว อัสนีสีม่วงเส้นเขื่องเท่าตัวเด็ก ก็ฟาดผ่าลงมาจากฟากฟ้า เล็งจี้ไปยังร่างต้วนหลิงเทียน!


 


ทัณฑ์สวรรค์เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ!


 


“ปฐมเวทย์กลืนกิน!!”


 


“ปีกอีกาทองคำ!!”


 


เผชิญกับอัสนีลงทัณฑ์สายแรก ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่คิดนั่งรอความตาย เลือกที่จะใช้ออกด้วยเวทย์พลังที่มี!


 


เมื่อใช้ปฐมเวทย์กลืนกินดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบ เพื่อยกระดับพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดให้เทียบได้กับเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน ต้วนหลิงเทียนก็ใช้ออกด้วยปีกอีกาทองคำ หมายหลบเลี่ยงอัสนีที่ฟาดผ่าลงมา!


 


ถึงแม้อัสนีทัณฑ์สายแรกจะไม่ได้ทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายมากมายอะไร แต่หากเขาหลีกเลี่ยงมันได้ ก็เป็นการดีกว่าที่เขาจะหลบมัน!


 


ในฐานะผู้ที่ผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์หกเก้ามาก่อน ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้ดีเป็นธรรมดาว่าอัสนีลงทัณฑ์สายต่อไปจะแข็งแกร่งรุนแรงยิ่งกว่าก่อนหน้า


 


เช่นนั้นหากเขาสามารถรักษาพลังรวมถึงความแข็งแกร่งของร่างกายไว้ได้ เขาก็ยินดีที่จะกระทำ!เพื่อรับมืออัสนีทัณฑ์สายหลังๆ!!


 


กล่าวได้ว่าพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดที่ใช้ไปกับเวทย์พลังเสริมท่าร่าง มันน้อยกว่าที่จะนำไปใช้กับการจู่โจมทำลายสายฟ้าโดยตรง!


 


ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!


 



 


ต้วนหลิงเทียนที่ใช้ออกด้วยปีกอีกาทองคำ ดั่งวิหกว่องไว พุ่งร่างไปมาหมายหลีกหลบอัสนีลงทัณฑ์ที่ฟาดผ่า!


 


อย่างไรก็ตามสายฟ้าสวรรค์คล้ายมีดวงตางอกเงยก็ไม่ปาน


 


ไม่ว่าเขาจะพุ่งร่างวูบไปที่ใด มันก็หักเลี้ยวไล่จี้เข้าใส่เขาไปทุกที่!


 


ราวกับหากมันไม่อาจฟาดผ่าลงร่างต้วนหลิงเทียนได้มันจะไม่หยุด


 


“บ้าจริง…ดูเหมือนข้าจะหลบมันไม่ได้สินะ…”


 


จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนย่อมตระหนักได้ว่าเขาไม่อาจหลบเลี่ยงอัสนีฟ้าได้ ทำให้เขาหยุดร่างลงไม่คิดหลบหนีสืบไป


 


หลังจากหยุดร่างลง มือต้วนหลิงเทีนนก็ยกขึ้น เร่งเร้าพลังเซียนสุริยันให้ควบแน่นเบื้องหน้า


 


พริบตามวลพลังก็กลายเป็นกระบี่พลัง 3 ฉื่อ!


 


“ใจกระบี่เหิน!”


 


ทันทีที่กระบี่พลัง 3 ฉื่อควบแน่นจนมีสภาพ ต้วนหลิงเทียนก็จี้มือออกไปตามอำเภอใจ กระบี่พลังมีสภาพพลันวูบหายไปในอากกาศว่างเปล่า ยังอันตรธานหายไปอย่างไร้ซึ่งร่องรอย!


 


ฟั่ฟฟฟฟ!


 


ทันใดนั้นเสียงหอนของกระบี่แหวกอากาศฉับไวก็ลั่นดังขึ้นในอากาศ พริบตาก็เห็นเป็นประกายแสงสายหนึ่งสว่างวาบจี้เข้าใส่อัสนีสวรรค์อันน่ากลัว!


 


เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!


 



 


ยามเมื่อกระบี่พลังที่ฉับไวจนเป็นดั่งประกายแสงปะทะเข้ากับเส้นสายอัสนีลงทัณฑ์ พวกมันก็ไม่ส่งเสียงระเบิดดังอะไร หากแต่บังเกิดเสียงการปะทะกันของพลังแหลมสูง พาลให้ผู้คนที่ได้ยินอดเจ็บแก้วหูไม่ได้!


 


ไม่ต้องสงสัยเลย อัสนีลงทัณฑ์นั้นทรงพลังนัก!


 


ถึงแม้ที่ต้วนหลิงเทียนกำลังเผชิญหน้าอยู่จะเป็นแค่อัสนีลงทัณฑ์สายแรก แต่พลังทำลายของมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าการโจมตีสุดตัวของเซียนสวรรค์ 6เปลี่ยนแม้แต่น้อย!


 


ทว่าอาศัยพลังอำนาจของเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน ต่อหน้าต้วนหลิงเทียนตอนนี้ก็ไม่คู่ควรให้กล่าวถึง!


 


กระบี่พลัง 3 ฉื่อที่ควบแน่นจากพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิด ทั้งใช้ออกด้วยเคล็ดกระบี่อยู่ที่ใจ อันเป็นขอบเขตที่ 3 ของยอดใจกระบี่ ก็สามารถทำลายอัสนีลงทัณฑ์สายแรกได้อย่างง่ายดาย พลังอำนาจยังเหนือชั้นกว่ากันอย่างทาบไม่ติด!


 


กระบี่แสงพุ่งทะลวงแหวกอัสนีลงทัณฑ์สายแรก ทำลายมันลงได้อย่างสิ้นซาก!


 


อัสนีลงทัณฑ์สายแรก ก็จบลงไปเช่นนั้น…


 


อย่างไรก็ตาม แม้จะทำลายอัสนีลงทัณฑ์สายแรกไปได้ สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็หาได้มีความยินดีฉายอยู่ไม่ กลับจริงจังขรึมเคร่งนัก


 


“เพียงอัสนีลงทัณฑ์สายแรกกก็มีพลังทัดเทียมกับการลงมือสุดตัวของยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนเข้าไปแล้ว…ถ้างั้นอัสนีลงทัณฑ์สายที่สองไม่ทัดเทียมกับพลังของเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนเลยหรือไง…”


 


“ซ้ำนั่นยังแค่สายที่ 2 เท่านั้น…สายฟ้าเส้นหลังๆยังจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ข้าจะรับมันได้ทั้งหมดแน่เหรอ?”


 


พึมพำถึงจุดนี้ไม่เพียงแต่สีหน้าต้วนหลิงเทียนจะเคร่งขรึมจริงจัง แววตายังฉายชัดถึงความกังวลล้นปรี่


 


เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!


 



 


สูงขึ้นไปบนฟ้า เสียงอัสนียังคงสนั่นลั่นฟ้าดิน สภาวะพลังยิ่งมายิ่งน่าเกรงขาม


 


เปรี๊ยงงงงงง!!


 


ทันใดนั้นเสียงอัสนีระเบิดผ่าดังสนั่นลั่นหล้าพลันอุบัติขึ้นอีกครั้ง!


 


พร้อมกับเสียงที่กังวาลสะท้านใจ อัสนีลงทัณฑ์สายที่ 2 พลันฟาดผ่าลงมาจากฟากฟ้าสู่แดนดิน!


 


อีกทั้ง อัสนีลงทัณฑ์สายที่ 2 นี้…ยังมีความรุนแรงยิ่กว่าสายแรกมากนัก!


 


อดีตหนาเท่าเด็กน้อย


 


อย่างหลังกลับหนาทัดเทียมกับสตรีแรกกรุ่น!


 


แถมไม่ว่าจะความเร็วหรือความแรงก็เหนือล้ำเกินกว่าสายแรก!


 


“ใจกระบี่เหิน!!”


 


ต้วนหลิงเทียนยกมือขึ้นผนึกพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิด ควบแน่นก่อเกิดกระบี่พลัง 3 ฉื่ออีกครา จากนั้นก็ลงมือจู่โจมออกเช่นเดิมหมายทำลายอัสนีทัณฑ์ฟ้าสายที่ 2!


 


อย่างไรก็ตามครานี้ กระบี่พลังเหินบินของเขากับอัสนีฟ้ากลับมีพลังอำนาจทัดเทียมกัน ยากแยะแยะผลลัพธ์ได้!


 


ครู่ต่อมาแม้กระบี่พลังของเขาจะสิ้นอานุภาพไปแล้ว หากแต่อัสนีทัณฑ์สวรรค์กลับยังหลงเหลือพลังอำนาจ ฟาดผ่าเข่นฆ่าลงมาที่เขาสืบต่อ!!


 


สภาวะสายฟ้ายังคงไว้ซึ่งความเกรี้ยวกราด ปานจะผ่าทำลายได้ทุกสิ่ง!


 


‘พลังของอัสนีลงทัณฑ์สายที่ 2 เทียบได้กับการลงมือเต็มกำลังของเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนทั่วๆไป!’


 


ทันใดนั้นสีหน้าท่าทางของต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งจริงจังมากขึ้น


 


ถึงแม้เขาจะไม่ได้ดูเบาอัสนีสายที่ 2 แต่แรก ทว่าอย่างไรกระบี่ที่เกิดจากพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดนั้น ก็เทียบได้กับการโจมตีของเซียนสวรรค์ 8เปลี่ยน!


 


กระนั้นมันยังไม่อาจหยุดยั้งอัสนีลงทัณฑ์สายที่ 2!


 


ถึงแม้ว่ากระบี่พลังนั่น จะไม่ใช่พลังทั้งหมดของเขาก็ตามที…


 


อย่างไรก็ตามพลังของอัสนีลงทัณฑ์สายที่ 2 ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนต้องตกใจยังตกใจไม่น้อย!


 


วู้มม!!


 


ต้วนหลิงเทียนที่เผชิญหน้ากกับอัสนีลงทัณฑ์สายที่ 2ที่ฟาดผ่าลงมาด้วยสภาวะดุร้าย แม้ตกใจแต่ไม่ได้แตกตื่น เพียงยกมือขึ้น พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดจากไหลเชี่ยวผ่านชีพจรเซียน 99 สาย รวมรั้งควบแน่นก่อเกิดเป็นกระบี่พลัง 3 ฉื่ออีกเล่มฉับไว!


 


ฟั่ฟฟฟ!!


 


แม้รูปแบบการลงมือจะยังคงเดิม หากแต่กระบี่พลัง 3 ฉื่อครานี้ประหนึ่งได้รับอำนาจหนุนเสริมจากทวยเทพก็ไม่ปาน!


 


ไม่ว่าจะพลังหรือความเร็วล้วนเหนือชั้นกว่าเดิมหนึ่งขีดขั้น!


 


รอบนี้ต้วนหลิงเทียนได้ใช้พลังทั้งหมด!


 


แน่นอนว่าผลลัพธ์ย่อมต่างไปจากเดิม


 


กระบี่พลังครานี้สามารถทำลายอัสนีลงทัณฑ์สายที่ 2 ลงได้!


 


หลังจากอัสนีลงทัณฑ์สายที่ 2 ไม่นานอัสนีลงทัณฑ์สายที่ 3 ก็หล่นฟ้าฟาดมาน่าพรั่นพรึง!


 


และพลังอำนาจทำลายล้างที่ปะทุออกมา ก็เทียบได้กับการลงมือเต็มกำลังของเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนทั่วไป!


 


ต้วนหลิงเทียนเลือกที่จะหยิบกระบี่พันอาคมเซียนออกมา เพื่อทำลายอัสนีลงทัณฑ์สายที่ 3


 


อัสนีลงทัณฑ์สายที่ 4 ที่ฟาดลง พลังอำนาจทัดเทียมกับเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนชนชั้นยอดฝีมือ!


 


และคราวนี้ก่อนที่จะปะทะกับอัสนีฟ้า ต้วนหลิงเทียนได้เหินบินย้ายที่เพื่อใช้ปฐมเวทย์กลืนกินดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินไม่กี่ที่ เร่งเร้าพลังเพื่อต้านทานอัสนีทัณฑ์สายที่ 4!


 


เปรี๊ยงงงงง!!


 


เสียงฟ้าผ่าสนั่นล่นหล้าปรากฏอีกครา เป็นอัสนีทัณฑ์สายที่ 5 แหวกฟ้าลงมาอย่างน่าเกรงขาม!


 


“อัสนีทัณฑ์สายนี้กลับเทียบได้กับการลงมือเต็มกำลังของเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนทั่วไป! ให้ข้าลงมือเต็มกำลังก็ไม่แน่ว่าจะต้านทานได้ไหว!”


 


สัมผัสได้ถึงพลังอำนาจทำลายล้างของอัสนีทัณฑ์สวรรค์สายที่ 5 สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็มืดดำคล้ำลง


 


เพราะอัสนีทัณฑ์สายนี้ เขาแทบทานรับมันไม่ไหว!


 


แล้วอัสนีลงทัณฑ์สายต่อไปเขาจะรับมือมันยังไง?

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)