War sovereign Soaring The Heavens 2186-2192
ตอนที่ 2,186 : ความแข็งแกร่งของเหลิ่งอิง!
เดิมทีต่งหยวนจิ้นคิดว่า พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนสมควรแข็งแกร่งเทียบได้กับเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนชนชั้นสุดยอดฝีมือ ซึ่งแข็งแกร่งพอๆกันกับจ้าวหอคุมกฏอย่างเหลิ่งอิงของมัน…
เช่นนั้นแล้ว พอมันพบว่าจ้าวหอคุมกฏอย่าง เหลิ่งอิง ประสบความสำเร็จในการทะลวงไปยังขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน มันจึงคิดไปว่าเหลิ่งอิงสมควรกำราบต้วนหลิงเทียนได้อย่างง่ายดาย!
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ดูเหมือนเรื่องที่มันคิดไว้จะผิดถนัด!
ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนไม่ใช่แค่เทียบได้กับสุดยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนเท่านั้น!
หากกความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนมีเท่านั้นจริงๆ ไฉนอีกฝ่ายถึงสะบั้นแขนมันต่อหน้าต่อตาเหลิ่งอิงได้อย่างง่ายดาย?
ถึงขั้นที่กระทั่งเหลิ่งอิงยังไม่แม้แต่จะทันได้ตอบสนอง!!
“ใต้เท้าจ้าวหอ!!”
ชั่วพริบตาดุจละอองไฟวาบ ต่งหยวนจิ้นไม่มีเวลาแม้แต่จะหยิบแขนที่ขาดสะบั้นกลับมามันทำได้แค่ห้ามเลือดแล้วเร่งทะยานร่างออกไปด้วยความเร็วสุดชีวิต!
จนเมื่อมันไปหลบอยู่ด้านหลังเหลิ่งอิงได้แล้ว จึงค่อยระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
สำหรับมัน…
จ้าวหอคุมกฏ เหลิ่งอิง คือฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย!
หากกระทั่งจ้าวหอคุมกฏเหลิ่งอิงยังช่วยมันไม่ได้ วันนี้มันได้ตายแน่!!
“ต้วนหลิงเทียน!!”
ทันใดนั้นเหลิ่งอิงก็คำรามออกมาด้วยโทสะดังลั่น เรียกว่าตอนนี้มันโกรธถึงขีดสุดแล้วจริงๆ!
ครู่ต่อมาพลังเซียนต้นกำเนิดอันยิ่งใหญ่สุดไพศาลของเหลิ่งอิงก็ระเบิดออกมาปานฟ้าฟาด กลิ่นอายพลังอันน่าพรั่นพรึงทะลักทลายออกจากร่าง! ก่อให้เกิดคลื่นพลังอันน่าหวั่นหวาดกวาดซัดออกไปดั่งพายุ โถมกระหน่ำใส่ทุกผู้คนเหนือฟ้า!!
บางคนที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อยก็ถูกพัดปลิวละลิ่วปานเส้นฟางบางเบาต้องพายุ! จำต้องล่าถอยออกไปไกลห่าง!!
“นะ…นี่น่ะหรือ พลังความแข็งแกร่งของเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน!”
หลังจากที่ทุกคนไม่ว่าจะกระเด็นไปหรือล่าถอยออกไปเอง…อยู่ห่างออกมาพอสมควรแล้ว ทั้งหมดก็หันไปมองจ้องเหลิ่งอิงจ้าวหอคุมกฏกอีกครั้ง! ในแววตานอกจากความเคารพยำเกรง ยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว!!
“ท่านจ้าวหอ…โมโหแล้วจริงๆ!”
จังหวะนี้พวกมันย่อมรับทราบอารมณ์ของจ้าวหอคุมกฏของพวกมันได้ชัดเจน
เหลิ่งอิงถลึงตามองต้วนลิงเทียนด้วยสายตาที่เย็นลงทุกขณะ
ต้วนหลิงเทียนหาญกล้าตัดแขนรองจ้าวหอคุมกฏต่อหน้าต่อตาจ้าวหอคุมกฏเช่นมัน เรื่องนี้นับว่าทำให้มันมีโทสะอย่างถึงขีดสุด!
ถึงแม้กระบี่บินเมื่อครู่ของต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจมาก แต่ก็ยังไม่ถึงจุดที่ทำให้มันหวาดกลัวจนไม่กล้าสู้!
หากเป็นก่อนหน้าวันนี้ หากมันต้องเผชิญหน้ากับกระบี่บินเมื่อครู่ของต้วนหลิงเทียน เกรงว่ามันคงหวาดกลัวจนไม่กล้าสู้ด้วยแล้วจริงๆ!
แต่วันนี้ด่านพลังฝึกปรือของมัน ได้บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนแล้ว!
ด้วยเวทย์พลังที่มันเชี่ยวชาญ ทั้งความมั่นใจในพลังฝีมือของตัวเอง มันเชื่อว่า ณ เวลานี้ มันกระทั่งยังเหนือล้ำกว่าผู้พิทักษ์หงอวิ๋น 1 ใน 3 ผู้พิทักษ์เสียอีก!
และมันมั่นใจว่าสามารถต่อกรรับมือยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนได้อย่างไม่เสียเปรียบ!
สำหรับเรื่องที่ไฉนเมื่อครู่มันอาจตอบสนองต่อกระบี่ของต้วนหลิงเทียนได้ทัน เป็นเพราะมันไม่คิดไม่ฝันว่าต้วนหลิงเทียนจะกล้าลงมืออุกอาจแบบนี้!
พอมันรู้ตัว คิดจะช่วยต่งหยวนจิ้นก็สายไปเสียแล้ว…
ซู่มมม!!
หลังคำรามออกมา ร่างเหลิ่งอิงก็วูบหายไปทันที!!
ปงงง!!
และทันทีที่ร่างของมันอันตรธานหายไป เสียงสนั่นปานอุกกาบาตถล่มโลกพลันอุบัติขึ้น เป็นมันพุ่งร่างแหวกอากาศด้วยความเร็วสูงล้ำจนอากาศแตกระเบิด!
สำหรับผู้ที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อย บัดนี้ปรากฏโลหิตไหลออกจากหู ท่าทางแก้วหูของพวกมันทั้ง 2 ข้างถึงกับแตกเพราะเสียงนั่น!
และในขณะที่ทะยานร่างออกไปด้วยความเร็วปานฟ้าผ่า เหลิ่งอิงยังใช้ออกด้วยเวทย์พลังสนับสนุนทันที! กลิ่นอายพลังเซียนต้นกำเนิดทั่วร่างของมันพลันยกระดับ ทวีความร้ายกาจขึ้นในชั่วพริบตา!!
หลังจากที่เสร็จสิ้นกระบวนการยกระดับเพิ่มพูนพลังแล้ว บัดนี้กลิ่นอายพลังที่แผ่ซ่านออกมาทั่วร่างเหลิ่งอิง แม้จะยกไปเปรียบเทียบกับเซียนสวรรค์ 8เปลี่ยน ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันมากนัก!
นอกจากนั้นไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อใด ในมือของเหลิ่งอิง ยังปรากฏหอกยาว 7 ฉื่อขึ้นมา! พลังเซียนต้นกำเนิดอันสุดไพศาลยังหลั่งไหลถ่ายทอดลงสู่ตัวหอกปานน้ำเชี่ยว…
ฮึง! ฮึง! ฮึง! ฮึง! ฮึง!
…
ตัวหอกเริ่มสั่นสะท้านไปอย่างแรง ความถี่ในการสั่นสะเทือนยังรวดเร็วจนบังเกิดเสียงอื้ออึงดังฝูงผึ้ง!
พริบตากลิ่นอายพลังทำลายล้างอันน่าพรั่นพรึง ยังเริ่มกำจายออกมาสะท้านในบรรยากาศ!
“หอกพันอาคมเซียน!”
ต้วนหลิงเทียนหยีตาลงเล็กน้อย เขาทราบได้ทันทีว่าหอกในมือเหลิ่งอิงเป็นศาสตราพันอาคมเซียนเล่มหนึ่ง
“ต้วนหลิงเทียน แม้ข้ามิทราบว่าไฉนเจ้าถึงได้ถือครองพลังความแข็งแกร่งขอบเขตเซียนสวรรค์ 7เปลี่ยนได้ในเวลาไม่กี่ปี…แต่หากเจ้าคิดว่าอาศัยพลังฝีมือนี้ของเจ้า จักสามารถวางท่าไม่เห็นหัวหอคุมกฏของข้าได้ เจ้านับว่าผิดแล้ว!!”
วาจาของเหลิ่งอิงที่กล่าวช่างเย็นเยียบนัก ผู้คนที่ได้ยินรู้สึกเสมือนมีไอเย็นวาบผ่านร่างจนทำให้ร่างคล้ายจะกลายเป็นน้ำแข็ง!!
บางคนที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อย ยังตื่นตระหนกไป ด้วยคิดว่ากฤดูหนาวมาเยือนเสียแล้ว!
และพร้อมกันกับที่วาจาเยียบเย็นดังขึ้น ท่าร่างของมันก็แปรเปลี่ยนเป็นลี้ลับปานภูตผี หอกยังทิ่มแทงออกมาด้วยสภาวะดุดันอหังการประหนึ่งมังกรเกรี้ยวกราด!!
ซู่มมม! วู้มมม!!
หอกพันอาคมเซียนยามทิ่มทะลวงเข้ามา สภาวะมันนับว่าไม่ต่างมังกรพิโรธที่กำลังเกรี้ยวกราดแล้วจริงๆ! กระบวนหอกอันเปี่ยมล้นไปด้วยความกระหายเลือด ทั้งอำมหิตถาโถมไปดั่งคลื่นทะเลหมายกลืนกินร่างต้วนหลิงเทียน!!
ฉากลักษณ์พลังฉาบหอกที่ไม่ต่างใดจากมังกรพิโรธทะยานข้ามฟ้าจี้เข้ามาอย่างเกรี้ยวกราด พาลให้สีสันในโลกคล้ายจะหม่นหมองลงถนัดตา!
‘ไม่แปลกเลยที่จ้าวหอคุมกฏจะมั่นใจในตัวเองขนาดนี้…ถึงจะยกไปเทียบกับผู้พิทักษ์หงอวิ๋น ก็มีเพียงแต่จะแข็งแกร่งไม่มีอ่อนด้อยกว่า!’
‘สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะเวทย์พลังสนับสนุนนั่นของมันดูท่าจะร้ายกาจกว่าเวทย์พลังสนับสนุนของผู้พิทักษ์หงอวิ๋น!’
‘บางทีตอนที่มันยังไม่ทันได้ทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน พลังฝีมือของมันยังห่างชั้นเกินกว่าจะเทียบหงอวิ๋นได้…แต่ตอนนี้มันทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนแล้ว ดูท่าหากมันเอาจริงแม้แต่หงอวิ๋นก็ไม่ใช่คู่มือมัน!’
ทันทีที่เหลิ่งอิงจู่โจมเข้ามา ต้วนหลิงเทียนก็ทราบต้นตอความมั่นใจของอีกฝ่ายทันที
เขาวัดพลังฝีมือของเหลิ่งอิงจากพลังฝีมือของหงอวิ๋น 1 ใน 3 ผู้พิทักษ์ที่เขาประมือด้วยก่อนหน้านี้และเอาชนะมาได้ เขาก็ทราบได้ทันทีว่าพลังฝีมือของเหลิ่งอิงสมควรเหนือกว่าหงอวิ๋น!
อย่างน้อยๆจากสภาวะร่างของเหลิ่งอิงตอนนี้ พลังอานุภาพก็นับว่ากล้าแข็งกว่าหงอวิ๋นไม่น้อย!!
‘ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนมันถึงได้กล้าลงมืออยู่อีก หลังจากที่เห็นข้าใช้กระบี่บินอันมีพลังอำนาจทัดเทียมกับพลังสูงสุดของเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนตัดแขนต่งหยวนจิ้น…ที่แท้เพราะมันมั่นใจในพลังอำนาจของเวทย์พลังสนับสนุนนี้นี่เอง’
ห้วงเวลาเสี้ยวพริบตานี้ ความสงสัยมากมายในใจของต้วนหลิงเทียนล้วนได้รับกการเฉลยหมดสิ้น
พลังความแข็งแกร่งของตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับเวทย์พลังที่เชี่ยวชาญ!หากเวทย์พลังที่เพาะสร้างเอาไว้ร้ายกาจ ก็ย่อมทำให้พลังฝีมือร้ายกาจขึ้นตามไปอย่างเห็นได้ชัด
และหากจะเทียบกันจนถึงรากฐานแล้ว ดูเหมือนเวทย์พลังทุกชนิดที่เหลิ่งอิงเพาะสร้าง น่ากลัวว่ายังมีระดับสูงยิ่งกว่าเวทย์พลังที่หงอวิ๋นเพาะสร้างเสียอีก
‘ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรที่ไฉนก่อนหน้านี้ จ้าวหอคุมกฏเหลิ่งอิงถึงได้รับการกล่าวขานว่า ต่ำกว่าเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนไม่แพ้ สามารถถือครองอันดับ 1ขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนได้อย่างไร้ข้อกังขา…มันไม่ธรรมดาจริงๆ!’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!
…
ยิ่งร่างเหลิ่งอิงโจนทะยานแทงหอกเข้ามาใกล้มากเท่าไหร่ หอกพันอาคมเซียน ในมือของมัน ก็ยิ่งลี้ลับพิสดารมากขึ้นเท่านั้น แถมยังให้ความรู้สึกเสมือนตั้งอยู่ตรงหน้าแต่ไม่อาจจับต้อง! ความเร็วยิ่งมาก็ยิ่งกลายเป็นน่าสะพรึงกลัวนัก!!
ทุกที่ทางที่หอกทะลวงผ่าน ความว่างเปล่าราวกับถูกทะลวงจนระเบิดดังสนั่น!
เรียกว่าสภาวะร่างยามเหลิ่งอิงโจนทะยานจ้วงหอกออกมาเช่นนี้ ประหนึ่งมีเทพหอกจุติลงมายังโลกมนุษย์เพื่อเข่นฆ่าผู้คนแล้วจริงๆ!
ในห้วงเวลาเสี้ยวพริบตาดั่งอัสนีวาบฟ้า ประกายหนึ่งพลันแล่นผ่านความคิดต้วนหลิงเทียน แววตาแปรเปลี่ยนเป็นคมกล้าหาใดเปรียบ
‘วรยุทธ์หอกที่เหลิ่งอิงสำแดง ต่อให้ไม่ใช่วรยุทธ์เซียนที่ร้ายกาจที่สุดในระนาบโลกียะแต่ก็ยังคงห่างอีกไม่ไกล เข้าถึงความเรียบง่ายแต่ร้ายกาจ…พอผนวกเข้ากับเวทย์พลังจู่โจมรูปแบบเน้นเสริมพลังทะลวง ทำให้อานุภาพหอกถูกเสริมจุดเด่นไปถึงขีดสุด! เรียกว่าหอกนี้คงมีผู้ที่อยู่ใต้ขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนแค่ไม่กี่คนที่กล้ารับมันตรงๆ…’
ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่สองตาต้วนหลิงเทียนหดหยีลง ในตาซ้ายยังปรากฏประกายแสงให้ความรู้สึกลี้ลับพิสดาร
แสงดังกล่าวนั้นมองไปคล้ายมังกรเทพยดากำลังหมุนวนรอบม่านตาเร็วจี๋ไม่รู้เหนื่อย
เป็นพลังอำนาจของม่านตาพิสดาร! สรรพสิ่งเสมือนกลายเป็นเชื่องช้าลงจนแทบหยุด ดั่งตกอยู่ในห้วงเวลาจักรพรรดิ! หอกที่ทิ่มทะลวงมาดั่งมังกรพิโรธอันเกรี้ยวกราด กลับช้าลงจนต้วนหลิงเทียนมีเวลามองออกถึงกลพลัง!!
“จ้าวหอเหลิ่ง ลงมือเต็มกำลังแล้ว!!”
ขณะเดียวกันด้านรองจ้าวหอคุมกฏ เจียงฉิน ไม่เว้นรองจ้าวหอคนอื่นๆ ก็เผยความเคร่งเครียดจริงจังออกมา ทั้งหมดแม้จะมองเรื่องราวตรงหน้าแทบไม่ทัน แต่จากกลิ่นอายพลัง พวกมันก็บอกได้ทันทีว่าบัดนี้จ้าวหอคุมกฏของพวกมันสมควรลงมือเต็มกำลัง!!
หากเป็นเมื่อก่อนมีใครมาบอกพวกมันว่า…
กับศิษย์ที่แท้จริงคนหนึ่ง แต่ เหลิ่งอิง จ้าวหอคุมกฏ ของพวกมันถึงกับต้องลงมือเต็มกำลังใช้ออกด้วยทุกสิ่งล่ะก็…
ให้เอามีดมาปาดคอพวกมันจนใกล้ตาย พวกมันก็ไม่มีทางเชื่อเรื่องราวเหลวไหลพรรค์นั้นเด็ดขาด!
ทว่าบัดนี้ความจริงตั้งอยู่ตรงหน้า ต่อให้พวกมันไม่อยากเชื่อเพียงใด แต่ก็ต้องเชื่อ!
“ใต้เท้าจ้าวหอ…”
ลอยร่างอยู่ด้านหลังเหลิ่งอิงที่โจนทะยานออกไปไม่ไกลนัก รองจ้าวหอคุมกฏ ต่งหยวนจิ้น บัดนี้มองฉากเรื่องราวเบื้องหน้าด้วยทีท่าเคร่งเครียดทั้งเป็นกังวลถึงขีดสุด ในใจยังลอบภาวนาให้จ้าวหอคุมกฏหล่งอิง สยบต้วนหลิงเทียนให้ได้ กระทั่งให้พลั้งมือแทงต้วนหลิงเทียนจนตายไปเลยได้ยิ่งดี!!
เพราะหากจ้าวหอเหลิ่งอิงชนะ มันก็รอด…
ถ้าต้วนหลิงเทียนชนะ มันตายสถานเดียว!!
‘ข้าเกลียดมันนัก! ไฉนก่อนหน้านี้ข้าไม่ลงมือฆ่ามันให้ตายๆไปเสีย! ทำไม!!’
วินาทีนี้ในใจของต่งหยวนจิ้นเต็มไปด้วยความเสียใจถึงที่สุด
ในกาลก่อนต้วนหลิงเทียนนั้นเป็นตัวตนที่ไม่คู่ควรให้มันกล่าวถึง ไม่แม้แต่จะอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ
กระทั่งในตอนนั้นมันยังคิดว่า การต้องลงมือกับต้วนหลิงเทียนด้วยตัวเอง ยังเป็นความเสื่อมเสียอย่างถึงที่สุด!
ทว่าตอนนี้อดีต มด ตัวกระจ้อยในสายตาของมัน กลับมีพลังอำนาจที่สามารถบดขยี้มันจนแหลกได้อย่างง่ายดาย!
หากสวรรค์มอบโอกาสให้มันอีกสักครั้ง เพื่อให้มันย้อนกกลับไปในไม่กี่ปีที่แล้วล่ะก็…
มันจะลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้ โดยไม่สนว่าจะต้องจ่ายราคาออกไปมากมายเพียงใด! เพื่อตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม ไม่ให้อีกฝ่ายกลายเป้นภัยคุกคามในอนาคต อย่างตอนนี้!!
อนิจจาใต้หล้าไม่มีโอสถรักษาอาการเสียใจ…โอกาสทั้งกาลเวลาก็เป็นดั่งสายน้ำที่ผ่านเลยไปแล้วไม่มีวันหวนคืน
และตอนนี้มันก็ทำได้แค่หวัง…ยังถึงกับต้องฝากความหวังทั้งหมดไว้กับจ้าวหอคุมกฏเหลิ่งอิง! หวังว่าอีกฝ่ายจะสามารถสยบต้วนหลิงเทียนลงได้ หาไม่แล้ววันนี้มันคงยากจะรอดพ้นชะตาดับอนาถ!!
“ท่านจ้าวหอเหลิ่ง กระบวนหอกท่านี้ของท่านนับว่าร้ายกาจจริงๆ…ข้าเชื่อว่าภายใต้ขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนคงมีเพียงแค่ไม่กี่คนที่หาญกล้ารับกระบวนท่านี้ของท่าน…”
ทันใดนั้นเอง เสียงต้วนหลิงเทียนพลันดังขึ้นเข้าหูทุกผู้คน…
“น่าเสียดาย…ที่ในบรรดาตัวตนใต้เซียนสวรรค์ 8เปลี่ยนที่ไม่อาจรับกระบวนท่านี้ของท่านได้ ไม่รวมข้า…”
สองประโยคนั้น ดังขึ้นแทบจะติดกันในห้วงเวลาชั่วพริบตา
และทันทีที่วาจาดังจบคำ พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดอันได้รับการยกระดับเพิ่มพูนด้วยปฐมเวทย์กลืนกินทั่วร่างของต้วนหลิงเทียนจนบรรลุถึงจุดสูงสุด พลันไหลเชี่ยวปานน้ำหลากผ่านชีพจรเซียน 99 สายถ่ายทอดลงสู่กระบี่พันอาคมเซียน…ที่ไม่ทราบหวนกลับสู่มือของเขาตั้งแต่ตอนไหน!
ตอนที่ 2,187 : คิดหนี?
“เซียนอมตะข้ามภพ!”
ทันทีที่พลังเซียนสุริยันหลั่งไหลถ่ายทอดลงสู่กระบี่พันอาคมเซียน ต้วนหลิงเทียนพลันใช้ออกด้วยเวทย์พลังสายจู่โจมประเภทกระบี่ที่ไม่ได้ใช้ออกมาเสียนาน!
ต้องทราบด้วยว่ากระทั่งยามประมือกับ 1 ใน 3 ผู้พิทักษ์อย่างหงอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ใช้เวทย์พลังดังกล่าว!
เรื่องนี้เผยให้เห็นชัด
ว่าจ้าวหอคุมกฏเหลิ่งอิงนั้น สามารถสร้างแรงกดดันให้เขาได้มากกว่าผู้พิทักษ์หงอวิ๋น! หาไม่แล้วเขาคงไม่จำเป็นต้องใช้ออกด้วยเวทย์พลังดังกล่าว!!
วู้มมม! ซัวว! ซัวว!!
…
ภายใต้สายตาของทุกคน ต้วนหลิงเทียนที่ถือกระบี่พันอาคมเซียนอยู่ดีๆร่างก็สั่นไหวพริบตาคนคล้ายเป็นเงาเลือน ก่อนที่จะปรากฏเงาร่างมากมายผุดแยกออกมา กลับกลายเป็นร่างแยกที่เหมือนกับต้นแบบไม่มีผิดเพี้ยน!
เรียกว่าชั่วพริบตา ก็ปรากฏร่างต้วนหลิงเทียนอีกหลายคนผุดโผล่ขึ้นมากลางอากาศ!
ทว่าแม้ร่างต้วนหลิงเทียนจะปรากฏขึ้นมาหลายคน แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้แยกย้ายกระจายตัวออกไป
ราวกับไม่มีแผนจะใช้การล้อมโจมตีจากหลายทิศทาง
“ใจกระบี่เหิน!”
และแทบจะพร้อมกันกับที่ร่างแยกอวตารปรากฏขึ้น ใจต้วนหลิงเทียนพลันปรากฏหนึ่งห้วงคิด สำแดงเคล็ดควบคุมกระบี่ผสานออกด้วยขอบเขตที่ 3 ของยอดใจกระบี่ กระบี่อยู่ที่ใจทันที!
ฟั่ฟฟฟ! ฟั่ฟฟฟ! ฟั่ฟฟฟ!
…
พริบตานั้นเองไม่ว่าจะเป็นกระบี่พันอาคมเซียนในมือต้วนหลิงเทียนตัวจริง หรือกระบี่พันอาคมเซียนในมือร่างแยกอวตาร พวกมันทั้งหมดก็คล้ายมีชีวิตจิตใจพากันพุ่งออกจากมือ เหินทะลวงทำลายไปยังหอกที่แทงเข้ามาอย่างน่ากลัวปานมังกรพิโรธอันเกรี้ยวกราดของเหลิ่งอิง!!
อีกทั้งยามเมื่อกระบี่หลายเล่มเหินบินออกไป พวกมันก็เรียงตัวเป็นแถวตรง ราวกับทหารที่ฝึกฝนมาอย่างดี!
เพียงเวลาชั่วพริบตาดุจละอองไฟตั้งแต่ต้วนหลิงเทียนเริ่มจ่ายพลังเซียนสุริยันลงกระบี่ กระบี่บินที่เรียงแถวตอน ก็ปะทะเข้ากับหอกที่ทะลวงแทงมาด้วยพลังสูงสุดของเหลิ่งอิง!
บรึม! ซัว ซัวว!
…
ยามเมื่อการปะทะครั้งแรกบังเกิดขึ้น ผลกระทบกลับไม่ได้มากมายอะไร เพียงบังเกิดคลื่นพลังสะท้อนซัดกวาดออกมาอย่างรุนแรงเท่านั้น ราวกับพลังสองขุมแทบจะมีพลังอานุภาพพอๆกัน
ทว่าครู่ต่อมา…
ทันใดนั้นเอง!
เปรี๊ยงงงง!!
เสียงระเบิดดังยิ่งกว่าการปะทะกันรอบแรกดังขึ้น ยังดังเสียจนสะท้านสะเทือนแก้วหูผู้คน! พาลให้ทั้งหมดใจสั่นไปอย่างไม่อาจห้าม!!
ปง! ปง! ปง!
…
หลังจากเสียงสนั่นลั่นขึ้น ก็บังเกิดเสียงระเบิดดังติดต่อกันไม่หยุด!
เป็นกระบี่พันอาคมเซียนเล่มแรกที่นำขบวนปะทะเข้ากับหอกของเหลิ่งอิงอย่างจัง! มวลพลังที่อัดแน่นอยู่ในศาสตราพันอาคมเซียนทั้งสองปะทะกันจนแตกระเบิดออกมาอย่างรุนแรง มวลอากาศโดยรอบคล้ายถูกผนึกแข็งไปชั่วขณะ ก่อนที่จะสะท้านสะเทือนไปอย่างแรง
ลมคล้ายมังกรม้วนตัว ซัดกวาดออกมา!
ยังเป็นคลื่นลมอันรุนแรงปานมหาพายุกรรโชกออกไปทุกทิศทาง!!
และในที่สุด กระบี่พันอาคมเซียนเล่มแรกที่ปะทะเข้ากับหอกของเหลิ่งอิงก็แพ้พ่าย! พลังที่บรรจุไว้เสมือนถูกเผาผลาญจนสาบสูญ ไม่อาจต้านทานหอกพันอาคมเซียนของเหลิ่งอิงได้อีกต่อไป!
พลังแพ้พ่าย กระบี่ดังกล่าวก็ถูกหอกแทงเข้าอย่างจัง จนแตกสลายกลับกลายเป็นละอองพลังสาบสูญไปในสวรรค์และโลก!
ฉากเรื่องราวชวนให้ผู้คนโดยรอบพิศวงงงงวยนัก นั่นเพราะกระบี่เล่มนี้เป็นเพียงกระบี่พลังมีสภาพเสมือนจริง ที่ถูกสร้างขึ้นพร้อมร่างแยกอวตาร!!
เซียนอมตะข้ามภพนั้น เป็นเวทย์พลังสายจู่โจมประเภทกระบี่อันร้ายกาจ ยามใช้ออกไม่เพียงแต่จะปรากฏร่างแยกอวตารของต้วนหลิงเทียนเท่านั้น ยังสร้างกระบี่อวตารขึ้นมาอีกด้วย และอันที่จริงพลังของเวทย์พลังนี้ก็มุ่งเน้นไปที่กระบี่อวตารที่สร้างขึ้นเป็นหลัก!!
แต่แน่นอนว่าพลังอำนาจของกระบี่อวตาร ย่อมอ่อนด้อยกว่ากระบี่ที่แท้จริง!
แม้กระบี่อวตารเล่มแรกของต้วนหลิงเทียนจะแพ้พ่ายสลายไป หากแต่มันก็บั่นทอนพลังสภาวะในหอกของเหลิ่งอิงลงไปไม่น้อย!!
ปงงง! ปงงง!!!
เสียงกระบี่ปะทะหอกอย่างรุนแรงดังสะท้านลั่นไปในอากาศอีก 2 ครั้งติดต่อ และกระบี่อวตารทั้ง 2 เล่มนี้ ก็ทำให้พลังสภาวะของหอกเหลิ่งอิงสาบสูญไปแทบไม่มีเหลือ…
“ไม่จำเป็นต้องใช้กระบี่อวตารเล่มที่ 4 แล้วมั้ง…”
ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวพึมพำออกมาเบาๆ
และทันใดนั้นเอง ประหนึ่งได้รับพลังอำนาจหนุนเสริมจากทวยเทพ กระบี่พันอาคมเซียนเล่มสุดท้ายที่อยู่หลังสุดในแถวตอนกระบี่ พลันปะทุความเร็วขึ้นอย่างน่าพรั่นพรึง! เหินทะยานขึ้นมาด้วยความเร็วสูงแซงกระบี่ 2 เล่มอื่นที่อยู่ด้านหน้าในชั่วพริบตา!!
เป็นกระบี่พันอาคมเซียนที่แท้จริง ไม่ได้เกิดจากเวทย์พลังเซียนอมตะข้ามภพ!!
ฟั่ฟฟฟฟ!!
ทันทีที่กระบี่พันอาคมเซียนที่แท้จริงปะทุความเร็ว เสียงกรีดอากาศแหลมเล็กพลันดังขึ้นอย่างแผ่วเบา!!
และทันทีที่กระบี่พันอาคมเซียนเล่มนี้ปะทุความเร็วอันเหนือล้ำขึ้นมา สีหน้าเหลิ่งอิงที่เดิมทีก็ซีดลงจากการปะทะกับ 3 กระบี่แรกไปแล้ว ก็แทบจะไร้สีสันไปทันใด แถมลูกตายังจำต้องหดหยีลงอย่างตื่นตระหนก!!
เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะเหลิ่งอิงตระหนักได้ชัดเจน!
ว่ากระบี่ที่พุ่งทะยานเข้ามาดั่งประกายแสงเล่มนี้ มันแข็งแกร่งยิ่งกว่ากระบี่ 3 เล่มแรกไม่น้อย!!
“แย่แล้ว!!”
เพียงเวลาชั่วพริบตาที่ปลายกระบี้จี้ปะทะเข้าปลายหอก เหลิ่งอิงก็สัมผัสได้ถึงพลังงานอันมหาศาลที่บรรจุไว้ในตัวกระบี่ ยังทราบว่าด้วยสภาวะพลังในหอกที่ถดถอยลงดั่งศรสิ้นแรงส่ง มันไม่อาจต้านรับไว้ได้แน่!!
ทันใดนั้นเหลิ่งอิงตัดสินใจอย่างดุดัน ฝืนรีดเค้นพลังทั่วร่างออกมา 12 ส่วน ถ่ายทอดลงสู่หอกพันอาคมเซียนอย่างลืมตาย หมายสู้สุดใจไม่ท้อถอย!
อนิจจา แม้กระนั้นแล้วก็ยังไม่มีประโยชน์อันใด
กระบี่สุดท้ายของต้วนหลิงเทียนทะลวงทำลายมาได้รุนแรงเกินไป ทรงพลังเกินไป ทั้งฉับไวเกินไป! พลังในกระบี่บดขยี้ทำลายพลังที่หลงเหลืออยู่ในหอกรวมถึงธารพลังที่ทะลักเข้ามาหนุนเสริมจนย่อยยับไม่มีชิ้นดี!
ปง! ปง! ปง! ปง!!
…
เสียงระเบิดดังถล่มทลายขึ้นมาก้องฟ้าอีกครั้ง ความว่างเปล่าสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับพร้อมจะพังทลายลงได้ทุกเวลา
กระบี่พันอาคมเซียนของต้วนหลิงเทียนยามนี้คล้ายอัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาลไร้ผู้ต้าน ทำลายพลังในหอกเหลิ่งอิงจนราบคาบ ยังทำให้หอกเหล่งอิงปลิวกระเด็นไปพร้อมกันกับเสียงระเบิดครั้งสุดท้าย!
และจังหวะที่หอกของเหลิ่งอิงถูกระเบิดจนปลิวกระเด็นไป ง่ามมือของเหลิ่งอิงก็ปริฉีกอย่างรุนแรง
โลหิตสาดกระจายพร่างพราวไปในอากาศ
“อั๊คคค!!”
ร่างเหลิ่งอิงเองก็สะท้านไปอย่างแรงเพราะพลังสะท้อน เลือดลมตีกลับจนแน่นหน้าอก สุดท้ายก็ไม่อาจห้ามได้ไหวสืบไป โลหิตแดงสดเป็นลิ่มกระอักออกมาอย่างแรง!
เนื่องเพราะก่อนหน้านี้เหลิ่งอิงรีดเค้นพลังสุดตัวถ่ายทอดลงสู่หอก ร่างกายจึงแทบไม่เหลือพลังคุ้มครอง! อาศัยพลังสะท้อนจากการซัดหอกปลิวก็ทำให้อวัยวะภายในของมันได้รับบาดเจ็บสาหัส!!
“ปีกอีกาทองคำ!!”
แทบจะพร้อมกันกับที่เหลิ่งอิงกระอักโลหิตออกมาคำโต แผ่นหลังต้วนหลิงเทียนปรากฏมวลพลังมหาศาลปะทุออก ก่อนที่จะควบรวมเป็นปีกมหึมาคล้ายมีเปลวเพลิงลุกโชน! ปีกเพลิงมหึมายังสะบัดลงฉับไว ส่งร่างให้พุ่งทะยานแหวกฟ้าไปดั่งลำแสง พริบตาก็บรรลุถึงเบื้องหน้าเหลิ่งอิง!!
ปงงง!!
ต้วนหลิงเทียนที่บรรลุมมาถึงไร้ซึ่งจิตเมตตาอันใด ฝ่ามือตบฟาดเข้ากลางอกเหลิ่งอิงอย่างจัง!
ทันใดนั้นร่างเหลิ่งอิงก็ปลิดปลิวกระเด็นไปดั่งลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศร สภาพดูไม่ได้!!
เพราะระหว่างทางมันยังกระอักโลหิตออกมาเป็นสาย ที่สำคัญโลหิตที่กระอักออกครานี้ยังมีสีดำคล้ำ ชวนให้ผู้คนขวัญผวานัก!
ซู่มมม!
ทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนพลันสะบัดมือคราหนึ่ง รับกระบี่พันอาคมเซียนที่ย้อนกลับมา พร้อมหอกพันอาคมเซียนที่ใช้พลังดูดรั้งมาเช่นกันกลับเข้าแหวนพื้นที่ไปหน้าตาเฉย…
ครู่ต่อมาทั่วร่างต้วนหลิงเทียนพลันสลายพลังทั้งหมด ลอยร่างอย่างสงบมองร่างเหลิ่งอิงที่ตอนนี้กำลังพยายามประคองตัวกลางหาวอย่างสุดกำลังด้วยสายตาไร้แยแส พลางกล่าวออกว่า “จ้าวหอเหลิ่ง…ตอนนี้ท่านยังคิดคุ้มกะลาหัวต่งหยวนจิ้นไม่ให้ถูกข้าฆ่าอยู่อีกหรือไม่?”
วาจาพอดังจบคำ…ไม่ทันที่เหลิ่งอิงจะได้ตอบอะไรกลับมา ก็เป็นต้วนหลิงเทียนที่กล่าวขัดขึ้นมาเสียงเรียบอีกรอบ
“แต่ข้าขอบอกไว้ก่อน…ถ้าตอนนี้ท่านยังกล้าขยับอีกแม้แต่องคุลีเดียว ข้าจะไม่ปราณีผู้ที่อยู่ใต้บัญชาของท่านแม้แต่คนเดียว…”
ถึงแม้ว่าเสียงของต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่ก็ชัดเจนในหูของุทกคนกลางฟ้า พาลให้ทั้งหมดร่างสะท้านไปด้วยความหนาวเหน็บ!
“นะ…น่ากลัวยิ่ง!”
“พะ…พลังฝีมือต้วนหลิงเทียน ไฉนกลายเป็นน่ากลัวถึงขนาดนี้!?”
“เพียงเวลาแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น ที่แท้ต้วนหลิงเทียนไปพบพานวาสนาปาฏิหาริย์อันใดมากันแน่!?”
“ปะ…เป็นไปได้หรือไม่ ว่าข่าวลือเรื่องที่มันฆ่าจ้าวราชสีห์ขนทอง 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬใน 3 กระบี่ จะมิใช่ข่าวปลอม…ตอนนี้มันสามารถเอาชนะใต้เท้าจ้าวหอได้ และดูเหมือนจะใช้เพียงไม่กี่กระบี่เช่นกัน”
…
เหล่าผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์พอกลับมามีสติ มองต้วนหลิงเทียนอีกกครั้งสายตายังเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อตกตะลึง
คนที่กระซิบคุยกันก็ลดเสียงให้เบาลงกว่าเดิม ราวกับกลัวว่าเสียงพูดมันจะทำให้ต้วนหลิงเทียนรำคาญ
“ปะ…เป็นไปได้อย่างไร?!”
ห่างออกไปไม่ไกล ต่งหยวนจิ้น ถึงกับหน้าเสียเมื่อได้เห็นความพ่ายแพ้ของจ้าวหอคุมกฏเหลิ่งอิง ยังเป็นการพ่ายแพ้อย่างย่อยยับคามือต้วนหลิงเทียน!ทำให้มันรู้สึกสิ้นหวังนัก!
มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ…
ว่าต้วนหลิงเทียนนจะทรงพลังขนาดนี้!
กระทั่งจ้าวหอคุมกฏเหลิ่งอิงที่ทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวนสวรรค์ 7 เปลี่ยน กลายเป็นผู้ที่มีอายุขัยตราบชั่วฟ้าดินไปแล้วยังไม่ใช่คู่ต่อสู้!
“ต้วนหลิงเทียน…”
ขณะเดียวกันจ้าวหอคุมกฏ เหลิ่งอิง ที่ลอยร่างด้วยสีหน้าซีดเซียวสภาพย่ำแย่ อดไม่ได้ที่จะหน้าถอดสีเมื่อได้ยินวาจาของต้วนหลิงเทียน มันมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาจริงจังกล่าวออกเสียงเข้ม
“ข้ายอมรับว่าข้าสู้เจ้าไม่ได้…แต่เจ้าคิดว่าอาศัยกำลังของเจ้าเพียงคนเดียวมากพอจะไม่เห็นหัวลัทธิบูชาไฟหรือไร…คิดว่าลัทธิบูชาไฟไร้ผู้ใดจัดการเจ้าได้?”
“อีกทั้งเจ้าก่อเรื่องถึงขนาดนี้ หรือไม่กลัวท่านจ้าวลัทธิเอาเรื่องเจ้า?”
วาจาท้ายประโยค เหลิ่งอิง เลือกจะยกอ้างจ้าวลัทธิบูชาไฟออกมา เพราะอย่างไรนั่นก็คือตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน เปลี่ยนสู่เซียนอมตะ! มันหวังว่าต้วนหลิงเทียนจะกริ่งเกรงและยอมรามือ!!
“คิดหนีงั้นเหรอ?”
ทว่าแทบจะพร้อมกันกับที่เหลิ่งอิงกล่าวจบคำ โดยที่ต้วนหลิงเทียนไม่ทันได้ตอบอะไร เขาพลันพบว่ารองจ้าวหอคุมกฏ ต่งหยวนจิ้น กำลังเหินร่างจากไปอย่างรีบร้อน! ท่าทางมันคิดหนีไม่ผิดแน่!!
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็สะบัดปีกอีกาทองคำที่ยังไม่ทันได้ยกเลิก
ซู่มมม!!
ต่อมาร่างต้วนหลิงเทียนคล้ายแปรเปลี่ยนไปเป็นสายลมหอบหนึ่ง พัดกรรโชกกไปดักขวางอยู่เบื้องหน้าต่งหยวนจิ้นในพริบตา!
เมื่อต่งหยวนจิ้นเห็นต้วนหลิงเทียนวูบร่างมาขวางทาง หน้ามันก็เปลี่ยนสีไปทันที ต้วนหลิงเทียนที่เห็นดังนั้นก็กล่าวออกมาเสียงเรียบว่า “ไม่ใช่ว่าเมื่อครู่เจ้ายึดถือจ้าวหอเหลิ่งว่าเป็นฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายหรือไง ตอนนี้เจ้าว่าอย่างไรเล่า?”
“อ่อ หากข้าจำไม่ผิดไม่ใช่ข้าบอกเจ้าไว้แต่แรกแล้วรึไง…ว่าวันนี้ข้าจะให้เจ้าตายต่อหน้าคนที่เจ้าคิดว่ามีปัญญาช่วยเจ้…!”
ต้วนหลิงเทียนยังกล่าวคำ ‘เจ้าได้’ ไม่ทันจบ ร่างต่งหยวนจิ้นเบื้องหน้าพลันคุกเข่าลงกลางอากาศ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงวิงวอนร่างสั่นระริก “ต้วนหลิงเทียนได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย! ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย!!”
“บุตรไม่รักดีของข้าอย่างไรก็ถูกเจ้าฆ่าตายไปแล้ว แถมระหว่างเราก็มิเคยมีเรื่องบาดหมางอันใด เช่นนั้นเลิกแล้วต่อกันเถอะ…เช่นนี้ดีหรือไม่!?”
“ได้โปรด! ละเว้นเข้าเถอะ ข้ามิได้ทำอันใดเจ้าเลย!!”
ต่งหยวนจิ้นที่กำลังสิ้นหวัง เมื่อเผชิญกับความตายตรงหน้า ไม่เพียงแต่มันจะก้มหัวอันหยิ่งผยองลง ยังคุกเข่าให้กับคนที่มันเคยดูเบาไม่ต่างอะไรจาก มด ในสายตาเพื่อวิงวอนร้องขอชีวิต!
ตอนนี้ในใจมันเหลือเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น
เอาตัวรอด!
“งามหน้านัก! มันทำให้หอคุมกฏเสียหน้าผู้คนแทบตายแล้ว!!”
เมื่อเห็นรองจ้าวหอคุมกฏอย่างต่งหยวนจิ้นถึงกับคุกเข่าก้มหัววิงวอนร้องขอชีวิตผู้อื่น เหลิ่งอิงก็โกรธจนแทบกระอัก!
ตอนที่ 2,188 : เบาะแสเค่อเอ๋อแม่ลูก
“ระหว่างเราก็ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางอันใด?”
ได้ยินประโยคนี้ของต่งหยวนจิ้น ต้วนหลิงเทียนอดยิ้มไม่ได้ “เจ้าส่งคนไปหาโอกาสฆ่าข้า…แต่มาตอนนี้เจ้าบอกว่าระหว่างเราไม่มีเรื่องบาดหมาง? หรืเจ้าคิดว่า…ทั้งหมดนี่เกิดจาก ต่งหลิน ลูกชายเจ้าคนเดียว? ดังนั้นระหว่างเจ้ากับข้าจึงถือว่าไม่มีเรื่องบาดหมาง?”
“ใช่ๆ!”
ต่งหยวนจิ้นเร่งพยักหน้ารับ
“ต่งหยวนจิ้น หากเจ้ายอมรับความตายอย่างมีศักดิ์ศรี บางทีข้าอาจจะยังให้ความเคารพเจ้าบ้าง…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเบา และเมื่อพูดจบเขาก็ลงมือทันที
ซู่มม!!
เป็นต้วนหลิงเทียนยกมือขึ้นมาสะบัดออกไปเบาๆราวปัดแมลงวัน หากแต่พลังเซียนสุริยันมหาศาลขุมหนึ่งพลันปะทุระเบิดออกจากฝ่ามือ ก่อเกิดเป็นหัตถ์พลังมีสภาพสีทองสว่างเจิดจ้า แหวกอากาศตรงเข้าใส่ร่างต่งหยวนจิ้น!
“ไม่..!!”
กว่าต่งหยวนจิ้นจะทันได้ตอบสนองเรื่องราว หัตถ์พลังมีสภาพของต้วนหลิงเทียนก็อยู่เบื้องหน้าเจียนถึงตัวมันอยู่รอมร่อ! และไม่ทันที่มันจะได้กล่าวจบคำ หัตถ์พลังก็ตบฟาดเข้าร่างมันทันที!!
ตูมมมมมม!!
เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วแผ่นฟ้า ร่างต่งหยวนจิ้นถูกพลังฝ่ามือของต้วนหลิงเทียนระเบิดสังหารตกตายคาที่!
ทันใดนั้นฉากเรื่องราวเหนือฟ้ากลายเป็นเงียบงันไร้สำเนียง…
ถึงแม้ว่าหลายต่อหลายคนจะเตรียมใจรับฉากเรื่องราวเบื้องหน้าไว้บ้างแล้ว…
อย่างไรก็ตามพอได้เห็นภาพต้วนหลิงเทียนป่นร่างต่งหยวนจิ้นในฝ่ามือเดียวจริงๆ พวกมันก็อดตื่นตระหนกกันไม่ได้
ต่งหยวนจิ้นคนนั้น จะพูดอย่างไรมันก็คือรองจ้าวหอคุมกฏ เป็นตัวตนระดับสูงคนหนึ่งของลัทธิบูชาไฟ สถานะของมันเรียกว่าเทียบได้กับผู้อาวุโสเพลิงทอง มีหน้ามีตาเหนือกว่าต่งหลินบุตรชายนัก
อย่างไรก็ตาม ตัวตนเช่นนี้เพียงแค่ต้วนหลิงเทียนบอกว่ามันต้องตาย มันก็ต้องตายจริงๆ!
“ต้วนหลิงเทียน! เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นวันนี้ข้าจะเข้าพบท่านจ้าวลัทธิเพื่อรายงานโดยตรง! ให้ท่านจ้าวลัทธิออกหน้าเพื่อหอคุมกฏของพวกเราเป็นการส่วนตัว!!”
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนยังคงฆ่าต่งหยวนจิ้นรองจ้าวหอคุมกฏของมันอย่างไม่เกรงกลัว ในฐานะจ้าวหอคุมกฏแล้ว เหลิ่งอิงย่อมบังเกิดความคับแค้นใจถึงขีดสุด มันมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเย็นชาปานมีดดาบ!!
เรียกว่าหากสายตาของมันฆ่าคนได้ ไม่ทราบต้วนหลิงเทียนจะตายไปกี่รอบ!
“ตามใจท่าน”
อย่างไรก็ตาม ได้ยินคำพูดของเหลิ่งอิง ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงไม่หวั่นเกรง ยังยักไหล่กล่าวตอบไปด้วยสีหน้าสบายๆ คล้ายไม่ได้แยแสแม้แต่น้อย ว่าจ้าวหอคุมกฏจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องถังซวนหรือไม่…
และอันที่จริงเขาก็ไม่กลัวแม้แต่นิดเดียว!
“หึ!”
เห็นทีท่าดังกล่าวเหลิ่งอิงก็ได้แต่พ่นลมออกจมูกเสียงเย็น จากนั้นก็เหินร่างขึ้นฟ้าหายลับไปในม่านเมฆ
หลังม่านเมฆบนฟ้าสูงสุด ย่อมเป็นสถานที่อยู่ของจ้าวลัทธิบูชาไฟ…
“เจียงฉิน!”
หลังจากที่เหลิ่งอิงจากไป สายตาต้วนหลิงเทียนก็เบนไปตกยังร่างเจียงฉินอีกครั้ง ก่อนที่จะเรียกชื่อมันออกมาเสียงดัง
ด้านเจียงฉินได้ยินดังนั้นก็หวาดกลัวจนตัวสั่น หน้ามันซีดลงแทบไร้สีเลือด มันไม่ทราบจริงๆว่าไฉนดาวมฤตยูดวงนี้ถึงได้เรียกชื่อมัน? อีกฝ่ายคิดทำอะไรมันกันแน่?
ในใจมันได้แต่ลอบภาวนาอธิษฐานให้ตัวเอง…
หวังว่าดาวมฤตยูดวงนี้จะทุบตีมันเบาๆพอหอมปากหอมคอ
มันทำใจเตรียมพร้อมรับการทุบตีเรียบร้อย…
อย่างไรก็ตามวินาทีต่อมามันก็พบว่าเป็นมันคิดมากไปเอง อีกฝ่ายไม่ได้คิดจะทำร้ายมันแต่จากสายตาไม่พ้นคิดจะใช้มันทำงานอะไรบางอย่าง
“ข้าอยากพบก่านหรูเยี่ยน”
ต้วนหลิงเทียนที่มองเจียงฉินอย่างเฉยเมย พลันกล่าวออกเบาๆ ด้วยน้ำเสียงไม่อนุญาตให้ขัดใจ
“ก่านหรูเยี่ยน?”
ได้ยินคำสั่งของต้วนหลิงเทียน ลูกตาเจียงฉินก็หดเล็กลงทันใด จากนั้นมันก็ถามออกมาอย่างไม่รู้ตัว “เจ้า…เจ้ารู้จักก่านหรูเยี่ยนด้วยหรือ?”
“นางเป็นสหายข้า”
ต้วนหลิงเทียนมองจ้องเจียงฉินเขม็งพลางกล่าว
ทันใดนั้น เจียงฉินคล้ายถูกอัสนีฟาดผ่า คนนิ่งอึ้งไปทันใด
ต้วนหลิงเทียนคนนี้ ที่แท้เป็นสหายกับก่านหรูเยี่ยนงั้นเหรอ!?
มาตอนนี้…
มันพลันตระหนักได้ทันทีว่า…ไม่พ้น 9 ใน 10 ส่วนที่ต้วนหลิงเทียนทุบตีทำร้ายมันก่อนหน้า ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเห็นหน้ามันแล้วขัดใจขวางหูขวางตาอะไรหรอก! แต่เป็นเพราะมันเป็นคนที่จับก่านหรูเยี่ยนไปขังในหอคุมกฏ!!
ถึงแม้ว่ามันจะกระทำตามหน้าที่ และไม่ได้ทำเพราะความต้องการส่วนตัว
ทว่าเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนคิดทำอะไรสักอย่างเพื่อสหายก็เป็นอะไรที่เข้าใจได้ไม่ยาก
“นำทางไป!”
เมื่อเห็นเจียงฉินนิ่งค้างตัวแข็งทื่อไปราวท่อนไม้ ต้วนหลงเทียนก็กล่าวสั่งออกมาเสียงแข็งปานตะคอกด้วยความรำคาญ
เสียงต้วนหลิงเทียนพอดังเข้าหูเจียงฉิน ก็เสมือนน้ำเย็นถังใหญ่ราดรดลงหัว ปลุกสติเจียงฉินทันที พอมันรู้สึกตัวมันก็เร่งมองไปยังต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวออกด้วยรอยยิ้มขื่นขมอับจน “เรื่องของก่านหรูเยี่ยนค่อนข้างซับซ้อนอยู่บ้าง…นางถูกใต้เท้าจ้าวลัทธินำตัวออกจากหอคุมกฏเมื่อไม่นานมานี้เอง…”
“ท่านจ้าวลัทธิพาตัวนางไปหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วกล่าวถามออกมาเสียงเข้ม “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เจียงฉินย่อมรู้เป็นธรรมชาติ ว่าสายตาที่มองมาเยียบเย็นนี้ของต้วนหลิงเทียนหมายความว่าอะไร…เป็นสายตาเดียวกันกับที่อีกฝ่ายใช้มองต่งหยวนจิ้นก่อนฆ่าคน! เช่นนั้นมันจึงไม่กล้าละเลย เร่งตอบคำถามของต้วนหลิงเทียนอย่างไม่กล้ารอช้าหรือคิดปิดบังอะไร “ข้าได้ยินมาว่า ธิดาเทพเป็นคนขอให้ท่านจ้าวลัทธิพาตัวนางไป…ส่วนรายละเอียดอื่นใด ข้าเองก็ไม่รู้ชัด…”
“ธิดาเทพ?”
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วเป็นปม “ธิดาเทพคนไหนอีก?”
แวบแรกเขาก็คิดว่าธิดาเทพที่เจียงฉินกล่าวสมควรเป็น เค่อเอ๋อ ภรรยาเขา แต่พอคิดอีกทีก็พบว่าไม่น่าใช่เพราะเค่อเอ๋อเองก็สมควรถูกขังอยู่ในหอคุมกฏเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้นฟังจากที่เจียงฉินกล่าว ดูเหมือนก่านหรูเยี่ยนจะถูกจ้าวลัทธิบูชาไฟพาตัวไป เพราะคำสั่งของธิดาเทพคนนั้นด้วยซ้ำ…!
แต่ทว่าพอฉุกคิดได้ว่าสำหรับลัทธิบูชาไฟตอนนี้ เค่อเอ๋อ ภรรยาเขาสมควรเป็นคนบาป! คงยากที่จะได้รับการนับหน้าถือตาหรือมีสิทธิ์มีเสียงอะไรอีก นับประสาอะไรกับเรียกร้องอะไรแบบนี้จากจ้าวลัทธิบูชาไฟ…
เกรงว่าแม้นางจะเรียกร้อง แต่จ้าวลัทธิบูชาไฟก็คงไม่สนใจ
“เจียงฉิน ระวังปากของเจ้า!”
รองจ้าวหอคนอื่นๆเมื่อเห็นว่าเจียงฉินกำลังจะเปิดเผยเรื่องของธิดาเทพออกมา ก็หน้าเปลี่ยนสีเร่งกล่าวตะโกนออกมาเสียงเข้มทันที
ต้องทราบด้วยว่า เรื่องที่ธิดาเทพถูกจ้าวลัทธิพาตัวออกจากหอคุมกฏนั้น เป็นเรื่องที่รู้กันในหมู่ระดับสูงของลัทธิบูชาไฟแค่ไม่กี่คนเท่านั้น…
ถึงแม้ว่าตัวถังซวนเองจะไม่ได้กำชับว่าห้ามแพร่งพรายเรื่องราวนี้ออกไป
ทว่าต่อให้ไม่ต้องมีการกล่าวเตือนไว้แต่แรก ทั้งหมดก็รู้ดีว่าเรื่องพรรค์นี้ไม่ควรเปิดเผยต่อสาธารณะ!
ในลัทธิบูชาไฟรู้กันดีว่าธิดาเทพที่หายตัวไปเมื่อหลายปีก่อนนั้น ตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากคนบาป และก่อนหน้านี้นางก็ถูกขังไว้ในหอคุมกฏเพื่อรอให้จ้าวลัทธิบูชาไฟออกจากการปิดด่านเพื่อตัดสินโทษของนาง
ทว่าตอนนี้แม้จ้าวลัทธิบูชาไฟจะออกจากการปิดด่านมาสักพักแล้ว แต่ก็ไม่มีวี่แววจะตัดสินโทษนางแต่อย่างไร…
ไม่เพียงไม่ตัดสินโทษ…
กระทั่งยังพาธิดาเทพออกจากหอคุมกฏด้วยตัวเองด้วยซ้ำ…!
หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป แน่นอนว่าต้องส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของจ้าลัทธิบูชาไฟอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ถึงตอนนั้นไม่พ้นต้องมีคนกล่าวนินทาลับหลังแน่นอน ว่าจ้าวลัทธิบูชาไฟไม่สนใจกฏอันใด ใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อความต้องการส่วนตัว นู่นนี่นั่น ฯลฯ
ถึงแม้ว่าในฐานะจ้าวลัทธิบูชาไฟ ถังซวนเองคิดจะทำอะไรย่อมไม่มีใครในลัทธิบูชาไฟกล้าขัดใจ ทั้งตัวมันเองก็ไม่มีใครมาบังคับให้ทำตามกฏได้…แต่นี่ก็เป็นเรื่องราวภายใน! หากเรื่องแบบนี้ล่วงรู้ถึงหูคนนอก ไม่ทราบทุกคนจะมองลัทธิบูชาไฟเป็นอะไร…
ในฐานะ 1 ใน 3 ลัทธิอันเป็นมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบน ลัทธิบูชาไฟเองก็ต้องรักษาภาพพจน์และชื่อเสียงอันดีงามไว้เช่นกัน
“ขะ…ข้าเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว!”
เมื่อได้ยินคำเตือนของรองจ้าวหอคุมกฏอีกคน เจียงฉิน ก็นึกถึงความสำคัญเรื่องนี้ขึ้นมาได้ สีหน้าจึงเปลี่ยนไปทันที
เมื่อครู่ด้วยเพราะตัวมันหวาดกลัวต้วนหลิงเทียนจับใจ พอถูกต้วนหลิงเทียนจี้ถาม มันก็เผลอตอบไปตามตรง โดยที่ไม่ทันได้คิดอะไรทั้งสิ้น…
ตอนนี้พอได้ยินเสียงเตือนของรองจ้าวหอคุมกฏที่เหลือ มันจึงรู้ตัวทันทีว่าเมื่อครู่เป็นมันวู่วามไปขนาดไหน
“ธิดาเทพ? ธิดาเทพอันใดหรือ?”
เช่นนั้นมันก็ได้แต่ตีหน้ามึนกับคำถามของต้วนหลิงเทียนออกมา…
“เฮอะ!”
เมื่อเห็นว่าเจียงฉินหาเรื่องบ่ายเบี่ยงกันต่อหน้าต่อตา ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงเย็นด้วยความไม่พอใจ ทำให้เจียงฉินบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาอีกครั้ง ยังคิดจะรีบกล่าวอธิบายให้ต้วนหลิงเทียนฟังด้วยการส่งเสียงผ่านพลังทันที
อย่างไรก็ตามไม่ทันที่เจียงฉินจะได้ส่งเสียงอะไร มันก็พบว่าร่างต้วนหลิงเทียนวูบหายไปจากสายตามันเสียแล้ว
ไปปรากฏตัวอีกที ก็อยู่เบื้องหน้ารองจ้าวหอคุมกฏที่ตะโกนเตือนเมื่อครู่
“ในเมื่อเจ้าไม่ให้มันพูด…เช่นนั้นก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว!”
ต้วนหลิงเทียนมองรองจ้าวหอคุมกฏเบื้องหน้าด้วยสายตาเฉยชา เสียงกล่าวยังเยียบเย็นจับใจ
ขณะเดียวกันจิตสังหารอำมหิตอันน่าสะพรึงกลัวขุมหนึ่งก็เอ่อล้นออกจากร่าง แผ่ไปปกคลุมครอบร่างรองจ้าวหอผู้นั้นทันที
รองจ้าวหอคุมกฏที่เหลือไม่คิดไม่ฝันเลยว่าการตะโกนกล่าวเตือนเจียงฉินเมื่อครู่ จะทำให้มันประสบเภทภัยเหนือคาดคิดแบบนี้!
เมื่อสบสายตาเย็นชาราวไม่เห็นมันเป็นตัวอะไร ทั้งน้ำเสียงเยียบเย็นกับจิตสังหารที่แผ่ออกจากร่างต้วนหลิงเทียน มันก็หวาดกลัวจนตัวสั่น ยิ่งนึกถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนลงมือฆ่าคนอย่างไรก่อนหน้า ความกล้าสุดท้ายในใจก็ไม่มีเหลือ…
จากนั้นมันก็ได้แต่ยอมกล่าวทุกอย่างออกมาแต่โดยดี
“ธิดาเทพที่ว่า…ก็เป็นธิดาเทพคนเดียวกันกับที่ถูกขังในหอคุมกฏเมื่อหลายปีก่อน”
“นางเป็นคนที่ขอให้จ้าวลัทธิบูชาไฟช่วยก่านหรูเยี่ยนออกจากที่คุมขังแล้วพาไปอยู่กับนาง…”
แน่นอนว่าถึงแม้มันจะยอมคายเรื่องราวออกมาแต่โดยดี แต่มันก็ไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ เลือกที่จะใช้การส่งเสียงผ่านพลังบอกต้วนหลิงเทียน
‘เค่อเอ๋อ?’
ได้ยินคำของรองจ้าวหอคุมกฏคนนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ขมวดคิ้วหน้านิ่ว กล่าวออกเสียงต่ำว่า “อย่าได้คิดโกหกข้า…เท่าที่ข้ารู้มาธิดาเทพเองก็ไม่ใช่ถูกขังอยู่ในหอคุมกฏด้วยรึไง? ตอนนี้เจ้ายังกล้าบอกว่าเป็นนางที่ขอให้จ้าวลัทธิบูชาไฟช่วยก่านหรูเยี่ยนจากหอคุมกฏ?”
“ขะ..ข้ามิได้โกหก! ข้าไม่กล้าโกหกเจ้า!!”
รองจ้าวหอคุมกฏเร่งกล่าวตอบออกมาอย่างร้อนใจ “เป็นธิดาเทพคนนั้นจริงๆ และตอนนี้นางก็มิได้ถูกขังอยู่ในหอคุมกฏแล้ว…”
หลังจากนั้นพักหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบสถานการณ์ความเป็นไปของเค่อเอ๋อกับลูกสาวคร่าวๆ จากรองจ้าวหอคุมกฏ
‘ตกลงตอนนี้พวกนางแม่ลูกอยู่ในสถานที่บ่มเพาะของถังซวน…ก่านหรูเยี่ยนเองก็อยู่ที่นั่นด้วย?’
ต้วนหลิงเทียนไม่คิดไม่ฝันเลย
ว่าภรรยาและลูกสาวที่เขาฝันถึงทุกค่ำคืนนั้นอยู่ในสถานที่ๆเขาพึ่งแวะไปมา…แน่นอนว่าไม่อาจกล่าวว่าแวะไปได้ เอาเป็นว่าเขาไปหยุดหน้าประตูที่นั่นพักหนึ่งแล้วกัน
สถานที่แห่งนั้นก็คือสถานที่บ่มเพาะของจ้าวลัทธิบูชาไฟ
เกาะที่ลอยอยู่สูงสุดเหนือน่านฟ้ากลางดินแดนศักดิ์สิทธิ์!
‘ถ้างั้นหมายความว่า…ตอนที่ข้าตะโกนเรียกถังซวน พวกนางก็สมควรได้ยินเสียงข้าด้วยเช่นกัน?’
คิดถึงจุดนี้ ลมหายใจต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนเป็นเร่งร้อนขึ้นมา
ฟุ่บบ!
เมื่อรู้ว่าเค่อเอ๋อกับลูกสาวไม่ได้อยู่ในหอคุมกฏแต่เป็นเกาะส่วนตัวของถังซวน ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะรั้งอยู่สืบไป คนทะยานร่างขึ้นฟ้าไปทันที มุ่งหน้าไปยังเกาะสูงสุดไล่หลังจ้าวหอคุมกฏเหลิ่งอิงไปติดๆ…
และเมื่อต้วนหลิงเทียนเหินร่างทะยานผ่านทะเลเมฆไปสักพัก จนมาถึงด้านนอกเกาะส่วนตัวของถังซวน
เขาก็ทันได้เห็นเหลิ่งอิงที่กำลังกล่าวฟ้องเรื่องเขากับจ้าวลัทธิบูชาไฟพอดี
“ท่านจ้าวลัทธิ ศิษย์ที่แท้จริงต้วนหลิงเทียนก่อการอุกอาจบุกรุกเข้าเขตหวงห้ามหอคุมกฏ กระทั่งฆ่ารองจ้าวหอคุมกฏของข้าแบบนี้! นับว่าพฤติกรรมของมันเลวร้ายเกินเยียวยา!!”
ตอนที่ 2,189 : ต้วนหลิงเทียนถูกสงสัย…
“ขอให้ท่านจ้าวลัทธิออกหน้าคืนความเป็นธรรมให้หอคุมกฏของข้าด้วย!”
เหลิ่งอิงมองไปยังเคหาสน์บนเกาะสูงกลางฟ้า พร้อมกล่าวออกมาชัดถ้อยชัดคำ
ฟังจากน้ำเสียงของมันแล้วเห็นชัดว่าเจือโทสะทั้งความคับแค้นไม่น้อย
แต่แน่นอนว่าเป้าโทสะความแค้นดังกล่าวไม่ใช่จ้าวลัทธิบูชาไฟ แต่เป็นต้วนหลิงเทียนที่กล้าสังหารต่งหยวนจิ้นรองจ้าวหอคุมกฏต่อหน้าต่อตามัน!!
เมื่อเหลิ่งอิงกล่าวจบคำ มันก็พลันสังเกตเห็นว่าต้วนหลิงเทียนเหินร่างมาถึงพอดี จึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองด้วยสายตารังเกียจ กล่าวเย้ยเยาะออกมา “หึ!ต้วนหลิงเทียน! มิใช่ว่าเมื่อครู่เจ้าท้าให้ข้ามาฟ้องท่านจ้าวเองหรือไร! อันใดเล่าตอนนี้เจ้ากลัวแล้วรึ?”
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนเหินร่างตามขึ้นมาแบบนี้ เหลิ่งอิงคิดว่าไม่พ้นต้วนหลิงเทียนต้องเป็นกังวลกลัวว่าจ้าวลัทธิบูชาไฟจะเอาเรื่องแน่นอน
“จ้าวหอเหลิ่งอย่าได้ฟุ้งซ่านมากไป…”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองเหลิ่งอิงด้วยสายตาเฉยเมยกกล่าวออกเสียงค่อย “ข้ามาหาจ้าวลัทธิเพราะเรื่องอื่น”
แทบจะทันทีที่ได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียน สีหน้าเหลิ่งอิงก็มืดคล้ำลงทันใด
วูบบ!
แว่วเสียงสายลมหนึ่งดังขึ้นแผ่วเบา ต่อมากลางอากาศว่างเปล่าพลันปรากฏร่างถังซวนขึ้นต่อหน้าต่อตาเหลิ่งอิงและต้วนหลิงเทียน ราวกับเจ้าของร่างไม่ใช่ผู้คนแต่เป็นภูตผี!
“คารวะท่านจ้าวลัทธิ”
เมื่อเห็นถังซวนปรากฏตัว เหลิ่งอิงก็ป้องมือประสานคารวะทักทายด้วยเคารพ
“จ้าวลัทธิ”
พอมองทางต้วนหลิงเทียน ก็แค่เพียงพยักหน้าทักทายด้วยรอยยิ้มเท่านั้น แลดูเป็นกันเองนัก!
เทียบกันแล้วในสายตาของถังซวน เรียกว่าเหลิ่งอิงเคารพนอบน้อม ส่วนต้วนหลิงเทียนนั้นต้องเรียกว่าสบายๆไม่ถือพิธีการ
ตอนแรกพอเห็นต้วนหลิงเทียนวางตัวเป็นกันเองกับถังซวน เหลิ่งอิงก็ลอบยิ้มกริ่ม! ด้วยคิดว่าต้วนหลิงเทียนกล้าทำตัวเหลวไหลไม่เคารพแบบนี้ต่อหน้าถังซวน เดี๋ยวได้โดนดีเป็นแน่…!!
แต่ทว่าพอมันเห็นถังซวนพยักหน้าตอบกลับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มอย่างไม่มีทีท่าว่าจะถือสาอะไร รอยยิ้มกริ่มของมันก็จำต้องค้างเติ่ง ความย่ามใจบนใบหน้าพลันสาบสูญกลายเป็นความงุนงงไม่เข้าใจทันที
เท่าที่มันรู้…
จ้าวลัทธิบูชาไฟของพวกมัน ไม่ใช่คนพูดง่ายไม่ใช่หรือไร?
(คนพูดง่าย = คนง่ายๆอะไรก็ได้,ไม่ค่อยถือพิธีรีตรอง)
หรือว่าจ้าวลัทธิบูชาไฟของมัน หลังทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนแล้ว นิสัยใจคอกลับบังเกิดความเปลี่ยนแปลงไปไม่ยึดติด?
“จ้าวหอเหลิ่ง ขอแสดงความยินดีด้วยที่ท่านทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนได้อย่างราบรื่น”
หลังพยักหน้าให้ต้วนหลิงเทียนอย่างเป็นมิตรแล้ว ถังซวนก็หันมามองกล่าวับเหลิ่งอิงด้วยรอยยิ้มยินดี “ตามกฏของลัทธิบูชาไฟเราที่มีมาแต่โบราณ ผู้ใดก็ตามในลัทธิบูชาไฟที่สามารถทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนได้ จักกลายเป็นผู้พิทักษ์ทันที…”
“เช่นนั้นตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ท่านจ้าวหอคุมกฏ เหลิ่งอิง มิเพียงมีตำแหน่งจ้าวหอคุมกฏเท่านั้น แต่ท่านยังควบตำแหน่งผู้พิทักษ์คนที่ 5 ของลัทธิบูชาไฟเราอีกด้วย!”
ถังซวนกล่าวแต่งตั้งออกมาอย่างเป็นทางการ
แม้จะรู้อยู่แล้วแต่เหลิ่งอิงย่อมรู้สึกตื่นเต้นยินดีไม่น้อย เมื่อได้ยินคำแต่งตั้งของถังซวนกับหู
เพราะสุดท้ายแล้ว ที่มันพยายามอย่างหนักจนถึงทุกวันนี้ ก็เพื่อที่จะได้เป็นผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟ!
ฐานะผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟนั้น เสมือนอยู่ใต้หนึ่งแต่อยู่เหนือนับหมื่น!
นี่เป็นเป้าหมาย ที่เหลิ่งอิงมุ่งมั่นแสวงหามาโดยตลอด!
ด้วยเหตุนี้ทันทีที่มันได้ยินวาจาแต่งตั้งจากถังซวนว่ามันได้กลายเป็นผู้พิทักษ์แล้ว เหลิ่งอิงจึงรู้สึกเสมือนประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต!
อย่างไรก็ตาม พอมันนึกถึงวาจาแต่งตั้งของถังซวนอีกครั้ง เหลิ่งอิงก็กลายเป็นตกตะลึงไปทันที
“ช้าก่อน…ผู้พิทักษ์คนที่ 5 หรือท่านจ้าวลัทธิ?”
เหลิ่งอิงมองถามถังซวนด้วยสีหน้าสับสนงุนงง
เท่าที่มันรู้ ตอนนี้ไม่ใช่ว่าลัทธิบูชาไฟมีผู้พิทักษ์แค่ 3คนหรือไง?
ในเมื่อพลังฝึกปรือของมันทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 7เปลี่ยนได้สำเร็จ แน่นอนว่ามันก็ต้องได้เป็นผู้พิทักษ์สมใจหมาย
ทว่ามันเป็นผู้พิทักษ์ได้จริง แต่ไม่ใช่ว่ามันสมควรเป็นผู้พิทักษ์คนที่ 4 หรือไร? แล้วไฉนมันถึงกลายเป็นผู้พิทักษ์คนที่ 5 ของลัทธิบูชาไฟได้?
เมื่อเห็นอาการประหลาดใจทั้งตกตะลึงของเหลิ่งอิง คล้ายถังซวนจะล่วงรู้ว่าเพราะอะไร จึงหันไปมองทางต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวแนะให้เหลิ่งอิงรู้เรื่องทันที
“ก่อนหน้าท่าน ลัทธิบูชาไฟของพวกเราได้คลอดผู้พิทักษ์คนที่ 4 ออกมาแล้ว…เป็นผู้พิทักษ์หลิงเทียน!”
“ข้ายังวางแผนว่าจะประกาศเรื่องราวให้ทั้งลัทธิบูชาไฟเราได้รู้กันในอีก 3 วันหลังจากนี้ ว่าลัทธิบูชาไฟของพวกเรามีผู้พิทักษ์คนที่ 4 แล้ว…แต่ดูเหมือนหลังจากนี้อีก 3 วัน ไม่เพียงแต่ลัทธิบูชาไฟเราจะมีผู้พิทักษ์คนที่ 4 แต่ยังมีผู้พิทักษ์คนที่ 5 อันควบตำแหน่งจ้าวหอคุมกฏอีกด้วย!”
“และเรื่องนี้ไม่เพียงแต่คนในลัทธิบูชาไฟเราจะได้รู้เท่านั้น เรื่องราวยังต้องป่าวประกาศให้ทั้งภูมิภาคตะวันตกรับทราบ…ว่าลัทธิบูชาไฟของพวกเราปรากฏผู้พิทักษ์อันเข้มแข็งขึ้นอีก 2 คนพร้อมๆกัน!!”
ยิ่งกล่าวมากเท่าไหร่มุมปากของถังซวนยิ่งฉีกยิ้มกว้างขึ้นเท่านั้น เห็นชัดว่าตอนนี้มันอารมณ์ดีนัก!
“ผะ…ผู้พิทักษ์หลิงเทียน?!”
ได้ยินวาจาของถังซวน ลูกตาเหลิ่งอิงพลัดหดเล็กลงทันใด มันยังหันไปมองต้วนหลิงเทียนอย่างไม่รู้ตัว แววตาฉายออกชัดถึงความประหลาดใจทั้งเหลือเชื่อ
อย่างไรก็ตาม มันเข้าใจเรื่องราวได้ไม่ยาก พอนึกขึ้นได้ว่าความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนยังสูงล้ำกว่ามันเสียอีก เช่นนั้นอีกฝ่ายก็สามารถเป็นผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟได้เช่นกัน
เหตุผลที่มันยังอื้ออึงและไม่ทันคิดเรื่องนี้ เพราะแต่ต้นจนจบมันยังมองว่าต้วนหลิงเทียนเป็นแค่ศิษย์ที่แท้จริงเท่านั้น
ถึงแม้ว่าพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนจะก้าวข้ามมันไปแล้ว แต่มันก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่าศิษย์ที่แท้จริงคนหนึ่งจะยกระดับฐานะข้ามขั้นไปเป็นผู้พิทักษ์ได้ทันทีแบบนี้…
“ถูกแล้ว”
ถังซวนพยักหน้าเบาๆ ค่อยกล่าวออกมาว่า “จ้าวหอเหลิ่ง เรื่องที่เกิดขึ้นที่เขตหวงห้ามของหอคุมกฏเมื่อครู่ ข้ารับทราบผ่านสำนึกเทวะหมดสิ้นแล้ว…สิ่งที่ผู้พิทักษ์หลิงเทียนกระทำนั้นกล่าวได้ว่าเป็นการสะสางความแค้นในอดีตจึงไม่นับเป็นความผิดอะไร เพราะอย่างไรก็เป็นพ่อลูกสกุลต่งที่คิดเอาชีวิตผู้พิทักษ์หลิงเทียนก่อน…”
“เช่นนั้นให้เรื่องราวมันจบลงแต่เพียงเท่านี้…จ้าวหอเหลิ่งเห็นว่าเป็นเช่นไรบ้าง”
ถังซวนมองถามเหลิ่งอิง
ทว่าได้ยินคำนี้ของถังซวน ด้านต้วนหลิงเทียนลอบสะท้านในใจทันใด
รับรู้ได้? เช่นนั้นไม่ใช่ว่าจ้าวลัทธิบูชาไฟแผ่สำนึกเทวะครอบคลุมไปทั่วอาณาเขตของลัทธิบูชาไฟตลอดเวลารึไง?!
“ในเมื่อท่านจ้าวลัทธิกล่าวเช่นนี้ ข้าเหลิ่งอิงเคารพมิสู้เชื่อฟัง!”
เมื่อได้รับทราบว่าต้วนหลิงเทียนก็มีฐานะเป็นผู้พิทักษ์คนหนึ่งของลัทธิบูชาไฟ เหลิ่งอิงก็รู้ดีว่าคิดเอาผิดต้วนหลิงเทียนเรื่องบุกมาฆ่าคนในเขตหวงห้ามต่อไปคงไร้ประโยชน์…เพราะในฐานะผู้พิทักษ์แล้ว ต้วนหลิงเทียน มีอภิสิทธ์มากมาย!
อย่าว่าแต่ต้วนหลิงเทียนมีความแค้นกับพ่อลูกสกุลต่งมาก่อนแบบนี้เลย…
ต่อให้ต้วนหลิงเทียนกับพ่อลูกสกุลต่งจะไม่เคยมีเรื่องราวบาดหมางและความแค้นส่วนตัวกันมาก่อน อาศัยฐานะ ผู้พิทักษ์ ของต้วนหลิงเทียน คิดฆ่าพ่อลูกสกุลต่งทิ้งเพราะขวางหูขวางตาก็ไม่มีใครกล้าหืออือ…
สำหรับลัทธิบูชาไฟแล้ว…
ความสำคัญของ ผู้พิทักษ์ นั้น ไม่ใช่อะไรที่พ่อลูกสกุลต่งจะเทียบได้เลย!
คนอย่างพ่อลูกสกุลต่งให้มีสักสิบคู่ ก็ไม่นับว่ามีราคาค่างวดอันใด…
ทว่าสำหรับตัวตนชนชั้นผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟนั้น หากขาดไปเสียคน ย่อมเสมือนลัทธิบูชาไฟถูกเลาะกระดูกสันหลังออกไป!
“ผู้พิทักษ์หลิงเทียน ท่านกับจ้าวหอเหลิ่งก็ล้วนเป็นดั่ง เสาหลัก ของลัทธิบูชาไฟ…เช่นนั้นเรื่องราวในวันนี้ให้ข้าตัดสินเถอะ เอาเป็นว่าท่านกับผู้พิทักษ์เหลิ่งให้เลิกแล้วต่อกันเพียงเท่านี้…ท่านคิดว่าอย่างไร?”
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่ถังซวนหันมามองจ้องต้วนหลิงเทยน ด้วยสายตาคมกล้าปานพญาอินทรีย์
ถึงแม้ว่าน้ำเสียงจะฟังดูสงบราบเรียบ หากแต่ไม่เว้นช่องให้โต้แย้งแม้แต่นิดเดียว ทำให้ใจต้วนหลิงเทียนกับเหลิ่งอิงสะท้านไปทันใด
“ท่านจ้าวลัทธิคิดมากไปแล้ว แต่ไหนแต่ไรข้ากับจ้าวหอเหลิ่งก็ไม่เคยมีเรื่องราวบาดหมางอะไรกัน…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
และในความเป็นจริงเขาก็ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกับเหลิ่งอิงจริงๆ เหตุผลที่เหลิ่งอิงกับเขาประมือกัน ล้วนเป็นเพราะเรื่องราวความแค้นระหว่างเขากับพ่อลูกสกุลต่งทั้งสิ้น
ตอนนี้ในเมื่อพ่อลูกสกุลต่งตกตายไปแล้ว หลังจากนี้หากเหลิ่งอิงไม่คิดหาเรื่องอะไรเขาอีก เขาก็คร้านจะสนใจอะไรเหลิ่งอิง
“ขอท่านจ้าวลัทธิโปรดวางใจ เหลิ่งอิง รู้ดีว่าต้องทำอย่างไร!”
หลังต้วนหลิงเทียนตอบ ด้านเหลิ่งอิงก็รีบตอบคำเช่นกัน
เมื่อกล่าวจบคำ เหลิ่งอิงก็ประสานมือกล่าวอำลาถังซวนแล้วเหินร่างจากไปทันที โดยไม่แม้แต่จะหันไปมองต้วนหลิงเทียนสักครั้ง! จากท่าทางเผยให้เห็นชัด ว่าแม้มันจะไม่ถือว่ามีเรื่องราวกับต้วนหลิงเทียนแล้ว แต่มันก็ไม่คิดจะญาติดีกับต้วนหลิงเทียน!!
การกระทำดังกล่าวของมันคล้ายการประชดอย่างหนึ่ง…ดื้อเงียบ!
เห็นแบบนี้ถังซวนก็อดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ แต่ก็ไม่ว่าอะไร
มันเองก็พอเข้าใจอารมณ์ของเหลิ่งอิงอยู่บ้าง บางทีตอนนี้เหลิ่งอิงสามารถอยู่กับต้วนหลิงเทียนได้อย่างสันติ แต่ถ้าจะให้เหลิ่งอิงปฏิบัติกับต้วนหลิงเทียนด้วยท่าทีเป็นมิตร เกรงว่าคงต้องใช้เวลาอีกนาน
เรื่องบางเรื่องก็ไม่อาจรีบร้อนได้
“ผู้พิทักษ์หลิงเทียน เมื่อครู่ท่านพึ่งกล่าวบอกจ้าวหอเหลิ่งว่าท่านมีเรื่องคิดหาข้าหรือ?”
ถังซวนหันไปมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ถามออก
“ไม่ผิด”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ค่อยพูดออกมาตรงๆ “จ้าวลัทธิ ข้ากับก่านหรูเยี่ยนศิษย์ส่วนตัวของผู้พิทักษ์ชิงหั่วนับว่ามีสัมพันธ์อันดีต่อกัน…ตอนนี้พอข้าได้ยินมาว่านางไม่ได้ถูกขังอยู่ในหอคุมกฏแต่อยู่ในสถานที่บ่มเพาะของท่าน ไม่ทราบจ้าวลัทธิจะปล่อยให้นางออกมาสนทนาเรื่องเก่าๆกับข้าตามประสาสหายได้หรือไม่?”
“ผู้พิทักษ์หลิงเทียน ที่แท้เป็นเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้…”
ถังซวนกล่าวตอบออกมาแบบนี้ ทำให้สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายสว่างจ้าขึ้นมาทันที
“อย่างไรก็ตาม เกรงว่าวันนี้ผู้พิทักษ์หลิงเทียนต้องผิดหวังแล้ว…นังหนูหรูเยี่ยนนั่นพึ่งจะปิดด่านบ่มเพาะหมายทะลวงด่านพลังให้ได้พอดี เช่นนั้นข้าเกรงว่านางคงไม่ออกจากการปิดด่านเร็วๆนี้…คงอีกพักใหญ่ผู้พิทักษ์หลิงเทียนถึงจะได้พบนาง…”
ถังซวนกล่าวสืบต่อออกมา และคำพูดของมันก็ทำให้ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดลงทันที รอยยิ้มบนใบหน้าที่พึ่งจะเริ่มคลี่กางก็ค้างเติ่งไปทั้งยังงั้น…
เขาไม่คิดเลยว่าวาจาประโยคหลังของถังซวนจะเป็นแบบนี้
ปิดด่าน?
เขาย่อมไม่เชื่อเป็นธรรมดา!
ใตหล้ามีเรื่องบังเอิญพรรค์นี้ด้วย?
อย่างไรก็ตามถึงแม้เขาจะไม่เชื่อแล้วยังไง เขายังจะทำอะไรได้อีก?
ตอนนี้หากเขาวู่วามทำอะไรดื้อรั้นขึ้นมา เกรงว่าไม่พ้นถูกอีกฝ่ายต่อต้านอย่างแน่นอน…
“อ้อ นางปิดด่านเพื่อทะลวงพลังหรือ เช่นนั้นข้าจะรอให้นางออกจากการปิดด่านค่อยมาสนทนาเรื่องเก่าๆแล้วกัน”
ต้วนหลิงเทียนที่สงบสติอารมณ์กล่าวออกมาอีกครั้ง
เนื่องจากไม่อาจพบก่านหรูเยี่ยนได้ ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเค่อเอ๋อกับลูกสาวอยู่ในสถานที่บ่มเพาะของถังซวน ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกอับจนหนทางนัก ‘ตอนนี้ข้าได้แต่หาวิธีอื่น…’
เพื่อป้องกันไม่ให้ถังซวนบังเกิดความสงสัยอะไร หลังจากกกล่าวคำอำลากับถังซวนแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างจากมาโดยไม่หันหลังกลับไปมอง…
“หรือจะเป็นข้าคิดมากไปเองแล้วจริงๆ…”
ถังซวนที่ไม่อาจพบ พิรุธ ใดๆจากต้วนหลิงเทียนได้เลย อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเบาๆ “ดูเหมือนว่าข้าสมควรคิดไปเองมากกว่า…แต่ช่วยไม่ได้ เหตุผลที่ทำให้ข้าคิดมากนั้น…เพราะต้วนหลิงเทียนไม่เพียงมาจากภูมิภาคเบื้องล่าง แต่ยังรู้จักกันกับนังหนูหรูเยี่ยน…”
ก่อนหน้านี้ มันที่ใช้สำนึกเทวะแผ่ปกคลุมไปทั่วลัทธิบูชาไฟ ย่อมรับทราบได้แต่แรกว่าต้วนหลิงเทียนไปหอคุมกฏเพราะคิดพบก่านหรูเยี่ยน ทว่าอยู่ๆไม่รู้อะไรดลใจให้มันนึกถึงลูกสาวของธิดาเทพกกับบุรุษในภูมิภาคเบื้องล่างขึ้นมา
เพราะวันที่มันเห็นต้วนหลิงเทียนครั้งแรก มันพบว่าหว่างคิ้วทั้งดวงตาต้วนหลิงเทียน กลับให้ความรู้สึกละม้ายคล้ายกับ ลูกสาว ของธิดาเทพอย่างประหลาด…
ตอนแรกมันก็ยังไม่ได้คิดมากกอะไร
แต่ตั้งแต่วินาทีที่สำนึกเทวะของมันพบว่า ต้วนหลิงเทียนไปหอคุมกฏเพื่อพบเจอก่านหรูเยี่ยน มันก็บังเกิดความระแวงสงสัยขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
“บุรุษที่ธิดาเทพมีความสัมพันธ์ด้วยในภูมิภาคเบื้องล่าง…คงไม่บังเอิญเป็นต้วนหลิงเทียนที่มาจากภูมิภาคเบื้องล่างหรอกนะ?”
ตอนที่ 2,190 : กาลครั้งหนึ่งความทรงจำ…ชั่วอายุคน
เป็นธรรมดาว่าจ้าวลัทธิบูชาไฟ แค่บังเกิดความสงสัยเล็กๆในตัวต้วนหลิงเทียนเท่านั้น เพราะทุกอย่างมันเป็นเรื่องบังเอิญเกินไป
ยิ่งพอเห็นต้วนหลิงเทียนจากไปง่ายดาย ไม่แม้แต่จะเหลียวหลังลังเลอะไร กระทั่งตัวถังซวนเองยังลอบคิดไปว่าใช่มันเข้าใจผิดไปเองหรือไม่…
“ข้าหวังว่าจะไม่ใช่เจ้า…หาไม่แล้ว…”
ประกายเยียบเย็นอันน่าสะพรึงกลัวหนึ่งทอประกายเรืองวูบขึ้นมาในลูกตาถังซวน
ประกายเยียบเย็นนี้ ยังให้ความรู้สึกเสียดคมราวมีดดาบประหนึ่งมันสามารถผ่าทำลายได้ทุกสิ่ง..!
หากตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเป็นแค่ศิษย์ที่แท้จริงของลัทธิบูชาไฟล่ะก็ มันจะบังคับให้ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เพื่อไขข้อข้องใจไปแล้ว!
ทว่าต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ไม่ใช่ลูกศิษย์ธรรมดาๆ แต่เป็นถึงผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟ!
ในฐานะผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟ พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนนับว่ามีสำคัญต่อลัทธิบูชาไฟอย่างใหญ่หลวง
ก่อนที่มันจะมั่นใจเต็ม 10 ส่วน ต่อให้มันสงสัยต้วนหลิงเทียนมากมายเพียงใด และถึงพลังฝีมือมันจะเหนือกว่าต้วนหลิงเทียนมากแค่ไหนก็ตามที แต่มันไม่มีวันบีบคั้นหรือบังคับให้ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เด็ดขาด!
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ตอนนี้กระทั่งตัวมันเองก็ไม่มั่นใจในข้อสงสัยของตัวเองว่า มันจริงหรือไม่
ถ้าถูกก็แล้วไป…
แต่ถ้าผิดขึ้นมา…เกรงว่าคงต้องผิดใจกับต้วนหลิงเทียน! กระทั่งไม่พ้นทำให้ต้วนหลิงเทียนมีใจคิดออกห่าง บังเกิดความชืดชากับลัทธิบูชาไฟและตัวมัน ถึงขั้นออกจากลัทธิบูชาไฟเอาได้ง่ายๆ…!
และการจากไปของต้วนหลิงเทียน ไม่ใช่แค่มันเสียผู้พิทักษ์ไป 1 คน แต่นั่นหมายถึงสูญเสียตราผนึกมารไปด้วย!!
เผ่าพันธุ์ปีศาจจะบุกมาวันไหนก็ไม่รู้ ทว่าลัทธิบูชาไฟของมันกลับเสียไพ่ตายที่ร้ายกาจที่สุดในการต่อกรกับเผ่าพันธุ์ปีศาจไป? นี่มันเป็นความสูญเสียระดับใดกัน!? หากไม่จำเป็นมันไม่มีวันยอมให้เรื่องพรรค์นี้เกิดขึ้น!!
ด้วยเหตุนี้ถังซวนจึงไม่อาจบังคับขู่เข็ญให้ต้วนหลิงเทียนกลาวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เพื่อยันยันข้อสงสัยมันได้เลย ในโลกใบนี้…เรื่องราวบางประการมีบ้างที่ทำได้แค่คิด แต่ไม่อาจกระทำ!
“ยังมีเวลาอีกนาน…หากมันเป็น ‘บุรุษ’ ของธิดาเทพจริง ไม่ช้าก็เร็วมันก็ต้องเผยพิรุธอันใดออกมาแน่”
หลังกล่าวพึมพำอีกเล็กน้อย ร่างถังซวนก็วูบหายจากฟ้าหววนกลับไปสถานที่บ่มเพาะบนเกาะส่วนตัวทันที
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนไมได้รู้เรื่องราวใดๆเลย
ตอนนี้หลังจากที่เขาจากมา เขาก็ได้แต่ครุ่นคิดว่าจะหาทางช่วยเหลือพวกเค่อเอ๋อแม่ลูกอย่างไร ใจเขาอยากช่วยพวกนางให้เร็วที่สุดนัก ด้วยเพราะกริ่งเกรงวิกาลยาวนานฝันยุ่งเหยิง
(วิกาลยาวนานฝันยุ่งเหยิง = หากปล่อยให้เรื่องราวล่าช้ายืดเยื้อ เกรงว่าอาจเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นมาได้)
หลังออกจากพื้นที่ใกล้เคียงเกาะส่วนตัวของถังซวน ต้วนหลิงเทียนก็ย้อนกลับไปยังเกาะส่วนตัวของเขา บ้านหลังเดิมที่เขาเคยอาศัยอยู่ในฐานะศิษย์ที่แท้จริง…เมื่อมาถึงทุกสิ่งอย่างนั้นยังคงเหมือนในวันวานไม่มีใครแตะต้อง ภาพจำยังชัดเจนในใจนัก
ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือ หวนกลับมาบัดนี้ ความแข็งแกร่ง ทั้ง ฐานะ ของเขาได้ต่างออกไปแล้ว…ยังบังเกิดความเปลี่ยนแปลงถึงขั้นพลิกฟ้าคว่ำดิน!
ไม่กี่ปีที่แล้วกระทั่งเขาเองก็คงไม่คิดไม่ฝัน…
ว่าหลังจากผ่านไปไม่กี่ปี ความแข็งแกร่งของเขาจะบรรลุถึงขีดขั้นที่สามารถเป็นได้ถึงผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟ…ทุกสิ่งอย่างในวันวาน คงเหลือเพียงคำอธิบายสั้นๆว่า…กาลครั้งหนึ่ง!
หลังจากผ่านไปไม่ทันถึงครึ่งวัน ก็บังเกิดเรื่องราวฮือฮาขึ้นในลัทธิบูชาไฟครั้งใหญ่! ทั้งหมดเป็นเพราะการกลับมาของต้วนหลิงเทียน การกระทำของเขาที่แท่นบูชาพยัคฆ์ขาว เรื่องราวอุกอาจที่บุกไปเข่นฆ่าทำร้ายผู้คนถึงเขตหวงห้ามหอคุมกฏ!
ต้วนหลิงเทียนลอบหลบออกจากลัทธิบูชาไฟไปแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น…
ทว่าการกลับมาครั้งนี้ ประหนึ่งพบเทพฆ่าเทพพบพระสงฆ์ฆ่าพระสงฆ์! จ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวผู้ประเดิมรายแรก ออกมาด้วยความตั้งใจขัดขวางต้วนหลิงเทียน อนิจจาเพียงหนึ่งฝ่ามืออันง่ายดายก็ทำให้มันคล้ายลูกไก่ในกำมือ! จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด จากนั้นก็เพียงหนึ่งตบก็ส่งร่างมันร่วงตกฟ้าจนมีสภาพเอนจอนาถไม่เหลือความน่าเกรงขาม….
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนที่ก่อการเขย่าขวัญก็ได้บุกไปสร้างเรื่องสยองขวัญที่เขตหวงห้ามของหอคุมกฏสืบต่อ! แรกสุดเลยก็สังหาร ผู้เฒ่าหยาง ข้ารับใช้ที่มีฝีมือร้ายกาจของต่งหยวนจิ้นในหมัดเดียว หลังจากนั้นก็ ต่งหลิน สุดท้ายก็ระเบิดร่าง ต่งหยวนจิ้น เป็นละอองเลือด…และเรื่องนี้เอง ก็นำไปสู่การปะทะกับเหลิ่งอิงจ้าวหอคุมกฏ!
ที่สำคัญที่สุดคือการประมือกับเหลิ่งอิงคราวนี้ พลังฝึกปรือของเหลิ่งอิงยังได้ทะลวงไปถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว…
เรียกว่าทันทีที่ข่าวเรื่องราวดังกล่าวแพร่ออกมา ทำให้ผู้คนทั้งลัทธิบูชาไฟรู้สึกว่ารสชาติในปากช่างยากรับประทานนัก
“เท่าที่ข้ารู้มา…จ้าวหอคุมกฏเหลิ่งอิงนั้นเชี่ยวชาญเวทย์พลังระดับสูงอันน่ากลัวนัก ถึงขั้นที่ท่านผู้พิทักษ์หงอวิ๋นเคยบอกไว้ด้วยซ้ำ ว่าขอเพียงจ้าวหอเหลิ่งบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน นางจะมิใช่คู่มือจ้าวหอเหลิ่งทันที”
“ใช่! ข้าเองก็เคยได้ยินมา ท่านผู้พิทักษ์หงอวิ๋นกล่าวไว้เช่นนี้จริงๆ…”
“ว่ากันว่า…ต้วนหลิงเทียนสามารถสยบจ้าวหอคุมกฏเหลิ่งอิงได้ใน 3 กระบี่งั้นรึ!?”
“ว่าอะไรนะ!? เพียง 3 กระบี่เอาชนะจ้าวหอเหลิ่งได้งั้นเรอะ!?”
“ให้ตายเถอะ…ตอนนี้ดูเหมือนข่าวที่แพร่ออกมาจากนครแห่งบาปจะเป็นความจริง…จากพลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนเผยให้เห็น ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าเซี่ยคังฉวิน จ้าวราชสีห์ขนทองนั่นของลัทธิอารามทมิฬได้ใน 3 กระบี่…”
“ไม่ผิด พลังฝีมือของจ้าวราชสีห์ขนทอง 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬกล่าวไปยังอ่อนด้อยกว่าผู้พิทักษ์หงอวิ๋นของพวกเราเสียอีก! ในเมื่อต้วนหลิงเทียนเอาชนะจ้าวหอเหลิ่งที่ผู้พิทักษ์หงอวิ๋นกล่าวไว้ว่าเหนือกว่านางใน 3 กระบี่ เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนสมควรฆ่ามันได้ใน 3 กระบี่จริงๆ!!”
…
บทสนทนาทำนองดังกล่าวถูกยกมาพูดคุยกันไปทั่วหย่อมหญ้าของลัทธิบูชาไฟ ตอนนี้ทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับพลังฝีมืออันร้ายกาจอย่างน่าเหลือเชื่อของต้วนหลิงเทียน
“ข้าไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าในบรรดาศิษย์ที่แท้จริงของลัทธิบูชาไฟของพวกเรา จะปรากฏสัตว์ประหลาดดั่งต้วนหลิงเทียนขึ้นมาได้…”
“นั่นสิ กระทั่งตลอดทั้งประวัติศาสตร์ของลัทธิบูชาไฟ ยังไม่เคยมีตัวตนเช่นนี้เลยใช่หรือไม่?”
“ไหนเลยยังมีได้! ศิษย์ที่แท้จริงนั้นจะเป็นได้ก็ต้องมีอายุอยู่ในข้อกำหนดด้วย ทว่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนนั้น อายุยังไม่ได้เลยกำหนด แต่กลับมีพลังฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนแล้ว…ต่อให้เป็นอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ในดินแดนเทพยุทธ์ของผู้ฝึกตนอิสระอย่าง เผยซื่อไห่ อะไรนั่น มันก็พึ่งทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนก่อนอายุครบ 100 ปีไม่กี่วันเท่านั้น! ทว่าอย่างมันพอมาอยู่ต่อหน้าศิษย์พี่ต้วนยังคู่ควรให้กล่าวถึงรึ?”
“ฮึ่ม! ต้องศิษย์พี่ต้วนต่างหากถึงจะเป็นอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าตัวจริง!!”
…
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อใด แต่ตอนนี้ผู้คนเริ่มยกอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอย่างเผยซื่อไห่มาเปรียบเทียบกับต้วนหลิงเทียน…
แถมทั้งหมดยังเห็นพ้องต้องกัน…
ต่อให้เผยซื่อไห่จะเป็นอย่างที่ผู้ฝึกตนอิสระกล่าวไว้จริงๆว่าบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนก่อนอายุครบ 100 ปี ทว่าหากจะยกมาเทียบกับต้วนหลิงเทียนที่แข็งแกร่งเทียบได้กับเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนทั้งที่อายุไม่ถึง 50 ปี ก็ยังไม่คู่ควรใช่หรือไม่?
กระทั่งต้วนหลิงเทียนที่ยังอายุไม่ถึงครึ่งร้อยตอนนี้ ผู้คนยังเชื่อว่าพลังฝีมือเทียบได้กับเซียนสวรรค์ 8เปลี่ยนแล้วด้วยซ้ำ!
เผยซื่อไห่จะเอาอะไรมาสู้!?
เทียบกันไม่ได้เลย!!
“ใช่แล้ว! ต้องศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนของพวกเรา ถึงจะคู่ควรกับอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!!”
สุดท้ายทุกคนจึงกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน
….
“อัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า?”
ในแท่นบูชามังกรคราม ณ สถานที่พักอาศัยของจ้าวแท่นบูชามังกรคราม หลูเถี่ย ปู้หงแทบลมจับ! เมื่อได้รับทราบการกระทำของต้วนหลิงเทียนหลังอีกฝ่ายกลับมาถึงลัทธิบูชาไฟวันแรก…!!
มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ
ว่าศิษย์ที่แท้จริงที่เคยทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของมันในกาลก่อน จะกลายเป็นตัวตนอันทรงพลังน่าหวาดหวั่นถึงขั้นนี้ยามหวนกลับมาอีกครั้ง…
“หงเอ๋อ…ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าขอให้เจ้าลืมเลือนเรื่องราวบาดหมางระหว่างมันกับเจ้าเสีย…หาไม่แล้วเจ้าก็มีแต่รังจะสร้างปัญหาให้ตัวเองเท่านั้น”
หลูเถี่ยกล่าวเตือนศิษย์ด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว เพราะแม้จะเป็นตัวมันเอง จ้าวแท่นบูชามังกรคราม บัดนี้หากเจอต้วนหลิงเทียนก็ยังต้องก้มหัวลง…!
ล้อกันเล่นหรือไร!
ต้วนหลิงเทียนอาศัยเพียงพลิกฝ่ามืออย่างไร้เรื่องราวก็จัดการจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวจนไร้หนทางสู้!แล้วมันที่มีพลังฝีมือทัดเทียมกับจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวจะเอาอะไรไปสู้!?
ด้วยพรสวรรค์อันน่ากลัวของต้วนหลิงเทียน ตอนนี้ยังร้ายกาจกว่ามันขนาดนี้ แล้วต่อไปในภายภาคหน้าจะยิ่งร้ายกาจกว่ามันขนาดไหน!?
นอกจากนี้การกระทำของต้วนหลิงเทียนที่เขตหวงห้ามของหอคุมกฏยังบอกเรื่องราวประการหนึ่งต่อทุกคนชัดเจน…ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนใจอ่อน! หากมันกับปู้หงยังตอแยหาเรื่องต้วนหลิงเทียนไม่เลิก 9ใน 10 ไม่พ้นพวกมันต้องพบชะตากรรมอนาถเหมือนพ่อลูกสกุลต่งแน่!!
“ข้าทราบดีท่านอาจารย์…”
ปู้หงก้มหน้ารับคำ แต่หากสังเกตให้ชัด จะพบว่า…
ในแววตาของมันคล้ายยังเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจถึงขีดสุด ยังเต็มไปด้วยความคับแค้นนัก มันไหนเลยจะยินยอมให้ทุกสิ่งอย่างกลายเป็นเพียงความทรงจำ…ที่จำต้องลบเลือน
และแล้ววันเวลาก็ผ่านเลยไปจนครบ 3 วัน…
หลังจากผ่านมาครบ 3 วัน บริเวณจัตุรัสกลางของเกาะศักดิสิทธิ์ ปรากฏร่าง ถังซวน จ้าวลัทธิบูชาไฟขึ้น! เรื่องนี้ย่อมทำให้ทั้งเกาะศักดิ์สิทธิ์สะเทือนแทบแตกเป็นธรรมดา! เหล่าศิษย์ทั้งชนชั้นอาวุโสทั้งหลายเร่งรุดมารวมตัวกันที่จัตุรัสกลางกันอุ่นหนาฝาคั่ง ไม่มีใครที่ทราบเรื่องราวแล้วจะไม่รีบมา!!
เพราะสุดท้ายแล้วนี่ก็คือการปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะชนครั้งแรกของจ้าวลัทธิบูชาไฟ ถังซวน หลังจากที่มันทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยน! เปลี่ยนสู่เซียนอมตะ!!
“ท่านจ้าวลัทธิ!!”
“ท่านจ้าวลัทธิ!!”
…
เหล่าศิษย์ที่มารวมตัวกันในจัตุรัสกลางของเกาะศักด์สิทธิ์ตื่นเต้นยินดีนัก ที่มีโอกาสได้พบเจอจ้าวลัทธิบูชาไฟ
ในขณะเดียวกันก็มีหลายคนสังเกตเห็นว่า ด้านหลังของถังซวนยามนี้ มีร่าง คน 2 คนยืนอยู่
คนที่มากอาวุโสหน่อยก็จดจำได้ทันทีว่าหนึ่งในนั้นที่เป็นผู้ชราก็คือ เหลิ่งอิง จ้าวหอคุมกฏ!
ส่วนอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังถังซวนก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นผู้ที่กกำลังเป็นประเด็นการสนทนาอย่างร้อนแรงในช่วงนี้ ต้วนหลิงเทียน!
“เงียบ!”
ทันทีที่ถังซวนกล่าวออกมา ทั้งจัตุรัสกลางก็ตกอยู่ในความเงียบทันที
และเมื่อทั้งจัตุรัสเงียบไปจนไร้แม้กระทั่งเสียงลมหายใจ ถังซวน ก็เปิดประตูเห็นภูผาประกาศเรื่องราวสำคัญทันที
“วันนี้ข้า ถังซวน จ้าวลัทธิบูชาไฟขอประกาศอย่างเป็นทางการ…ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปลัทธิบูชาไฟของพวกเราจักมี ผู้พิทักษ์ เพิ่มขึ้นอีก 2 คน นั่นคือ ผู้พิทักษ์หลิงเทียน และ ผู้พิทักษ์เหลิ่งอิง ที่ยืนอยู่ด้านหลังข้า!”
ถังซวนกวาดตามองเหล่าศิษย์ทั้งอาวุโส พลางกล่าวประกาศออกมาชัดถ้อยชัดคำ
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ลัทธิบูชาจะไม่ได้มีผู้พิทักษ์อีก 3 คนต่อไป แต่เป็น 5 คน!
เมื่อเสียงประกาศของถังซวนดังจบคำ มันก็ส่งมอบป้ายประจำตำแหน่งให้ต้วนหลิงเทียนกับเหลิ่งอิง ดั่งการแต่งตั้งอวยยศสวมมงกุฏให้ต้วนหลิงเทียนและเหลิ่งอิงรับตำแหน่งผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟอย่างเป็นทางการ!
ฉากเรื่องราวนับว่าสะท้านสะเทือนจิตใจผู้คนนัก!
ถึงแม้ว่าหลายๆคนที่มาวันนี้จะเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้แล้ว!
แต่พอได้เห็นเหตุการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่นานๆจะเกิดขึ้นในลัทธิบูชาไฟอุบัติขึ้นตรงหน้า พวกมันก็รู้สึกปลื้มปิติที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์! กระทั่งสำหรับบางคนแล้วเรื่องราวนี้เสมือนเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวตลอดชั่วอายุของพวกมัน!!
หลังจากนั้นไม่นาน ต้วนหลิงเทียนกับเหลิ่งอิงก็ก้าวออกมาแสดงตัวต่อทุกคน เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายในลัทธิบูชาไฟก็ก้าวออกมาจากฝูงชนอย่างมีระเบียบ ต่างประสานมือคารวะแสดงความยินดีต่อต้วนหลิงเทียน
“ข้าน้อยคารวะผู้พิทักษ์หลิงเทียน ทั้งขอแสดงความยินดีกับผู้พิทักษ์หลิงเทียนด้วย!!”
“คารวะผู้พิทักษ์หลิงเทียน! ขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย!!”
…
ในบรรดาผู้ที่ออกมากล่าวคำแสดงความยินดีกับต้วนหลิงเทียน ก็มีคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาเขาเช่นกัน
ตัวอย่างเช่นอาวุโสเพลิงเงินของแท่นบูชาเต่าทมิฬ กัวฉง และ เถิงชาน ไม่เว้นผู้อาวุโสที่ดูแลวิหารเป็นตายอย่างอาวุโสเนี่ยสุ้ย ยังมีผู้อาวุโสเพลิงทองแดงบางคนทั้งอาวุโสคุมกฏที่เคยรู้จักกับเขาที่ประสานมือคารวะอยู่ด้านหลัง
สาเหตุที่คนเหล่านี้อยู่ด้านหลังก็เพราะฐานะต่ำต้อยเกินไป ไม่อาจเบียดขึ้นมาอยู่เบื้องหน้ากับเหล่าอาวุโสเพลิงเงินเพลิงทองได้
ตัวตนระดับสูงของลัทธิบูชาไฟมารวมตัวกันในจัตุรัสกลางทั้งนั้น เช่นนั้นแล้วแถวหน้าย่อมเป็นของอาวุโสเพลิงทอง…
ในบรรดาอาวุโสเพลิงทองที่มายังมีจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว หลูชิ่ง ที่ถูกต้วนหลิงเทียนตบร่วงฟ้าไปเมื่อ 3 วันก่อน กระทั่งจ้าวแท่นบูชามังกรครามอย่าง หลูเถี่ย ก็มา
“ขอบคุณทุกท่าน”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับการคารวะทักทายและการแสดงความยินดีด้วยใบหน้าสงบเฉยเมย เสมือนอยู่พ้นโลกกีย์วิสัย ไม่นำพาชื่อเสียงลาภยศแต่อย่างไร
คนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาตอนนี้ กล่าวไปแล้วในอดีตล้วนเป็นตัวตนที่เขาเคยต้องแหงนมองพวกมันทั้งสิ้น…
ทว่าตอนนี้พวกมันที่อยู่เบื้องหน้าเขา ไม่ใช่อะไรที่เขาต้องแหงนมองอีกต่อไป…เป็นทั้งหมดจำต้องคารวะทักทายเขาด้วยความเคารพอย่างสุภาพ…
ตอนที่ 2,191 : เริ่มเคลื่อนไหว
อันที่จริงแล้วตอนนี้ไม่ใช่แค่ต้วนหลิงเทียนเท่านั้น ที่รู้สึกเสมือนเรื่องราวมันเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจนเหมือนฝัน กระทั่งเหล่าอาวุโสแทบทุกคนในที่นี้ก็รู้สึกไม่ต่างกัน!
คนมากมายโค้งคารวะทักทายต้วนหลิงเทียนในฐานะ ‘ผู้พิทักษ์’ ด้วยความเคารพ หลายคนที่เคยรู้จักกับต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเสมือนต้วนหลิงเทียนได้ห่างออกไปแสนไกลเกินกว่าที่พวกมันจะเอื้อมถึงได้อีกต่อไป…
ไม่กี่ปีที่ผ่านมาต้วนหลิงเทียนยังเป็นเพียงศิษย์ที่แท้จริงของลัทธิบูชาไฟเท่านั้น ให้โดดเด่นมากแค่ไหนก็ยังเป็นเพียงแค่ศิษย์…
แต่ใครจะไปคิด…
หลังจากผ่านไปไม่กี่ปี ศิษย์ที่แท้จริงคนนั้นกลับกลายเป็นตัวตนที่ทรงพลังถึงระดับนี้! ยังเป็นถึงผู้พิทักษ์ลัทธิบูชาไฟ!!
และในลัทธิบูชาไฟ ฐานะผู้พิทักษ์ก็คือ ตัวตนอันดับ 2 รองจากจ้าวลัทธิเท่านั้น!
กล่าวได้อีกอย่างว่า อยู่ใต้หนึ่งแต่อยู่เหนือนับหมื่น!
“อาวุโสกัวฉงที่ข้าเคยรับปากท่านไว้วันนั้น ยังคงมีผลอยู่…หากท่านมีสิ่งใดให้ข้าช่วยเหลือ วันหน้าท่านเพียงแค่กล่าวออกมาเท่านั้น…”
สายตาต้วนหลิงเทียนมองไปยังอาวุโสคุมกฏประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬ กัวฉิง ค่อยส่งเสียงผ่านพลังถึงอีกฝ่ายในเวลาที่เหมาะสม หากมีโอกาสเขาย่อมทดแทนบุญคุณอีกฝ่ายแน่นอน!
ในตอนนั้นเขาได้ขอให้กัวฉงช่วยนำหยกบันทึกเสียงไปมอบให้จูลู่ฉี กระทั่ยงยังขอให้ลอบพาจูลู่ฉีออกจากลัทธิบูชาไฟไปส่งข่าวให้เขาครอบครัวเขาอย่างปลอดภัย ถือได้ว่าเขาติดหนี้บุญคุณกัวฉงในเรื่องนี้
“ขอบคุณท่านมากผู้พิทักษ์หลิงเทียน”
ได้ยินเสียงผ่านพลังของต้วนหลิงเทียน กัวฉงก็รู้สึกยินดีนัก! เร่งตอบรับกลับมาเร็วไวน้ำเสียงยังตื่นเต้นไม่น้อย!!
เพราะสุดท้ายแล้ว ต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ก็ไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนในอดีตอีกต่อไป
ตอนนี้ในลัทธิบูชาไฟ ต้วนหลิงเทียนเป็นคนที่อยู่ใต้หนึ่งแต่อยู่เหนือนับหมื่น!
มันย่อมตระหนักได้ทันที…
ว่าคำสัญญานี้ของต้วนหลิงเทียน จากอะไรที่มันไม่เคยใส่ใจ…ได้แปรเปลี่ยนเป็นอะไรที่ประเมินค่าไม่ได้ไปเสียแล้ว…
หลังจากที่อาวุโสทั้งหลายของลัทธิบูชาไฟแสดงความเคารพและร่วมแสดงความยินดีกับต้วนหลิงเทียนเสร็จ ต่อมาพวกมันก็หันไปแสดงความยินดีกับเหลิ่งอิง…
และจากลำดับรวมถึงทีท่าของทุกคนนั้นเผยให้เห็นเรื่องราวประการหนึ่งชัดเจน…
ในสายตาของพวกมัน ‘สถานะ’ ของต้วนหลิงเทียนนั้นสูงกว่าเหลิ่งอิงอย่างที่ไม่ต้องสงสัยเลย!
เหตุผลก็เป็นเพราะ พวกมันได้รับทราบจากข่าวลือเมื่อ 3 วันก่อนว่า…ต้วนหลิงเทียนสามารถเอาชนะเหลิ่งอิงได้ใน 3 กระบี่! ทำให้พวกมันรู้ว่าพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนสูงส่กว่าเหลิ่งอิงมาก!!
ในเมื่อนี่คือโลกที่ผู้เข้มแข็งได้รับการนับหน้าถือตา ก็เข้าใจได้ไม่ยากว่าไฉนพวกมันกระทำเช่นนี้
อย่างน้อยเหลิ่งอิงก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไรกับทีท่าดังกล่าวของทุกคน
ในเรื่องนี้ตัวมันยังกล่าวได้ว่าไม่เพียงเข้าใจ แต่ยังรู้ดีกว่าใครด้วยซ้ำ!
“ศิษย์พี่หลิวอวิ๋น ศิษย์พี่หลิวมู่…ไม่เจอกันนานแล้ว พวกท่านสบายดีนะ”
เมื่อถึงคราวเหล่าศิษย์ทั้งหลายร่วมแสดงความเคารพและแสดงความยินดี สายตาต้วนหลิงเทียนก็เบนไปตกยังร่าง 2 ร่างท่ามกลางบรรดาเหล่าศิษย์มากมาย ค่อยส่งเสียงผ่านพลังไปทักทั้งคู่
หลิวอวิ๋น หลิวมู่!
ทั้ง 2 คนถือได้ว่าเป็น ‘สหาย’ ที่ต้วนหลิงเทียนมีน้อยคนนักในลัทธิบูชาไฟ
เมื่อหลิวอวิ๋นกับหลิวมู่ได้ยินเสียงของต้วนหลิงเทียน พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น กระทั่งตื่นเต้นมากถึงขั้นพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะเลยทีเดียว! ต่างมองสบตาต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าปิติยินดีถึงที่สุด!!
ศิษย์น้องหลิงเทียนในวันวาน…ยังไม่ลืมพวกมัน!
“เอาไว้เดี๋ยวเสร็จเรื่องนี้แล้ว พวกเราค่อยไปดื่มด้วยกัน…ท่านเตรียมสุราไว้ได้เลย”
ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังกล่าวสืบต่อ และนั่นทำให้หลิวอวิ๋นกับหลิวมู่ยินดีถึงที่สุด เร่งพยักหน้างึกๆราวลูกเจี๊ยบจิกข้าวเปลือก
ตอนนี้ในเมื่อเรื่องราวของพ่อลูกสกุลต่งถูกเขาสะสางเรียบร้อย กอปรด้วยสถานะของเขาในลัทธิบูชาไฟตอนนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีใครปองร้ายตระกูลหลิวเพราะคิดเล่นงานเขาอีกต่อไป
เช่นนั้นเขาก็ไม่ต้องเล่นละครแสดงว่าแตกหักอะไรกับสหายอีก
ถึงแม้ว่าจ้าวลัทธิบูช่าไฟจะถือว่าเป็นภัยซ่อนเร้น กระทั่งวันหนึ่งเขาอาจมีปัญหากับจ้าวลัทธิบูชาไฟเพราะเรื่องเค่อเอ๋อแม่ลูกก็ตาม แต่คนอย่างจ้าวลัทธิบูชาไฟย่อมไม่ไปข้องแวะกับสกุลหลิวเพราะเขาแน่นอน
อย่างไรสกุลหลิวก็เป็นศิษย์ของลัทธิบูชาไฟมานาน
และวันนี้ข่าวเรื่องราวที่ลัทธิบูชาไฟปรากฏผู้พิทักษ์อันร้ายกาจเพิ่มขึ้นทีเดียว 2 คนก็แพร่กระจายออกไปดั่งมหาพายุ ไม่นานก็กระจายไปทั่วภูมิภาคตะวันตกกทั้งหมด
“ต้วนหลิงเทียน ผู้พิทักษ์ลัทธิบูชาไฟ!?”
“ช้าก่อน…มิใช่ว่าหากจะเป็นผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟอย่างน้อยๆพลังฝึกปรือต้องอยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนหรือไร…หาไม่แล้วย่อมไม่มีทางเป็นผู้พิทักษ์อะไรได้เลยนี่?”
“เรื่องพลังไม่มีปัญหาแน่ !ข้ายังได้ยินมาว่าต้วนหลิงเทียนถึงกับสยบผู้พิทักษ์คนใหม่เหมือนกันอย่างเหลิ่งอิงใน 3 กระบี่!”
“จริงรึ! สวรรค์ช่วย! เพียงเวลาแค่ไม่กี่ปีไฉนต้วนหลิงเทียนเติบโตร้ายกาจได้ถึงขั้นนี้เล่า!?”
“ข้าเกรงว่าข่าวลือจากนครแห่งบาปที่พวกเรามองว่าเป็นเรื่องเหลวไหลก่อนหน้า มารดามันสมควรเป็นเรื่องจริงแล้ว! 9 ใน 10 ส่วน ต้วนหลิงเทียนต้องฆ่าจ้าวราชสีห์ขนทองนั่นได้ใน 3 กระบี่แน่นอน!!”
… …
ทั่วทั้งภูมิภาคตะวันตก ตอนนี้ไปไหนก็ได้ยินแต่เรื่องของต้วนหลิงเทียน
แน่นอนว่ายังมีเรื่องอื่นๆด้วย
ตัวอย่างเช่น…
จ้าวลัทธิบูชาไฟ ถังซวน ได้ออกแถลงการณ์เป็นการส่วนตัวเรื่องเชื้อเชิญต้วนหลิงเทียนกลับลัทธิบูชาไฟตั้งแต่แรก ได้กลายเป็นความเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาดนัก! เพราะเสมือนมันได้รับผู้พิทักษ์ฝีมือดีเพิ่มอีกคน! ร่ำลือกันว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้พิทักษ์อย่างสื่อเฟิงอีกด้วย!!
“ครั้งนี้นับว่าจ้าวลัทธิบูชาไฟเดินหมากได้หมดจดยิ่ง…ในช่วงที่ข่าวลือเรื่องต้วนหลิงเทียนฆ่าจ้าวราชสีห์ขนทองแพร่ออกมา ขณะที่ผู้อื่นแคลงใจบ้าง มองว่าเหลวไหลดั่งผายลมบ้าง…มันกลับเลือกที่จะออกแถลงการณ์เชิญต้วนหลิงเทียนกลับลัทธิ! นับว่าเฉลียวฉลาดทั้งมองการณ์ไกลนัก!!”
“จ้าวลัทธิบูชาไฟไหนเลยยังเป็นชนชั้นธรรมดา ผู้ที่ทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนได้ย่อมเป็นตัวตนที่มองเรื่องราวได้ขาดเช่นนี้! ด้วยมีมันเป็นจ้าวลัทธิ ข้าเชื่อว่าลัทธิบูชาไฟต้องรุ่งโรจน์ไปอีกนับร้อยๆปี กระทั่งอาจรุ่งโรจน์เหนือกว่าอีก 2 ลัทธิก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้”
…
แม้ในภูมิภาคตะวันตกกเรื่องนี้จะเป็นเรื่องน่ายินดีเพียงใด ทว่ายามแพร่ออกไปภูมิภาคอื่น เรื่องราวกลับต่างออกไปแล้ว…
เรียกได้ว่าหลังจากที่เรื่องราวมันแพร่ออกจากภาคตะวันตกไปยังภาคอื่นนั้น…ทำให้ทั้งหมดตื่นตัวขึ้นมา!
ยิ่งภาคกลางกับภาคใต้เรียกว่าเริ่มบังเกิดความเคลื่อนไหวตอบรับสถานการณ์ก่อนใคร
“ต้วนหลิงเทียนมันย้อนกลับไปลัทธิบูชาไฟแล้วรึ?”
“อืม…เห็นว่าถังซวนนั่น ถึงกับออกแถลงการณ์ด้วยตัวเองเพื่อเชิญมันกลับไป!”
“ตอนนี้รายนามยอดเซียนฉบับใหม่ยังไม่แพร่ไปในภูมิภาคตะวันตกด้วยซ้ำ…แต่เจ้าถังซวนนั่น แม้จะยังไม่อาจยืนยันพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนได้ มันกลับชิงลงมือเคลื่อนไหวแบบนี้ออกมาก่อน…”
“นี่เจ้าถังซวนนั่นมันจะไม่ฉลาดเป็นกรดไปหน่อยหรือไร”
“ฉลาดเป็นกรด? ข้าว่าพวกเจ้าประเมินมันสูงไปแล้ว ข้าว่ามันไม่ได้สนพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนแต่แรก! ที่มันเชิญต้วนหลิงเทียนกลับเพราะหวังผลเลิศล้ำจากตราผนึกมารเท่านั้น!!”
“เรื่องนี้ดูออกง่ายนัก จากการที่มันยอมสัญญาว่าจะกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์ในเรื่องนี้ หากมันไม่ต้องการตราผนึกมารแต่แรก ไฉนมันต้องออกมาสาบานว่าจะไม่มีใครในลัทธิทำร้ายต้วนหลิงเทียนเพื่อชิงของด้วย?”
“มันย่อมไม่คิดอยากให้ใครได้ตราผนึกมารไป…เพราะเมื่อเผ่าพันธุ์ปีศาจบุกรุกขึ้นมา ไหนเลยต้วนหลิงเทียนยังจะไม่ให้มันยืมตราผนึกมาร? คราวนี้หากเกิดสงครามมนุษย์ปีศาจจริง ลัทธิบูชาไฟย่อมกลายเป็นความหวังสูงสุดของใต้หล้า เป็นดั่งพลังขั้นสูงของภูมิภาคเบื้องบน!”
…
หากเทียบกับความรู้สึกตื่นเต้นยินดีเพราะพลังฝีมืออันร้ายกาจของต้วนหลิงเทียนในภูมิภาคตะวันตกแล้ว…
ผู้คนในภูมิภาคอื่นที่ยืนยันได้แต่แรกว่าต้วนหลิงเทียนฆ่าเซี่ยคังฉวินจริงจากรายนามยอดเซียนฉบับล่าสุด ไม่ได้แปลกใจเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเผยพลังฝีมือในลัทธิบูชาไฟเลย…
พวกมันประหลาดใจเรื่องความเคลื่อนไหวอันรวดเร็วของถังซวน ที่ออกแถลงการณ์เชิญต้วนหลิงเทียนกลับลัทธิบูชาไฟ ก่อนที่จะทันได้รู้ข้อมูลนี้ต่างหาก!
และไม่นานหลังจากนั้น รายนามยอดเซียนฉบับล่าสุดก็เริ่มแพร่กระจายมาถึงภูมิภาคตะวันตก…
“อดีตยอดฝีมืออันดับที่ 18 ในรายนามยอดเซียน จ้าวราชสีห์ขนทอง เซี่ยคังฉวิน 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ ถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตายใน 3 กระบี่!”
“อีกทั้งพยานหลายคนในเหตุการณ์ยังกล้ากล่าวคำสาบานว่าจากที่พวกมันเห็น หากต้วนหลิงเทียนคิดฆ่าเซี่ยคังฉวิน คงลำบากแค่กระบี่เดียวเท่านั้น!”
“หลังฆ่าเซี่ยคังฉวินแล้ว ต้วนหลิงเทียนจึงชิงอันดับที่ 18 ในรายนามยอดเซียนมาได้สำเร็จอย่างไร้ข้อกังขา…”
นี่คือเนื้อหารายงานเรื่องราวส่วนหนึ่งของรายนามยอดเซียนฉบับล่าสุด
“มารดาช่วย! จ้าวราชสีห์ขนทองผู้นั้นถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าจริงๆด้วย!!”
“นิ…นี่คือรายนามยอดเซียนฉบับใหม่ล่าสุด! ไม่มีทางแปลกปลอมแน่!!”
“หึ! ด้วยพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน อย่าว่าแต่อันดับที่ 18 เลย…ต่อให้เป็นยอดฝีมืออันดับที่ 15 ในรายนามยอดเซียน หากต้วนหลิงเทียนคิดฆ่าก็ง่ายดายนัก!!”
“จริงอย่างที่เจ้าว่า…เพราะข่าวที่ได้จากลัทธิบูชาไฟ ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่มีพลังฝีมือร้ายกาจกว่าเหลิ่งอิงเท่านั้น ยังมีพลังฝีมือสูงส่งกว่าผู้พิทักษ์หงอวิ๋นอีกด้วย…และพวกเจ้าต้องทราบว่าผู้พิทักษ์หงอวิ๋นคืออันดับที่ 16!”
…
เมื่อรายนามยอดเซียนฉบับใหม่ล่าสุดแพร่ไปทั่วภูมิภาคตะวันตก สถานการณ์บทสนทนาทำนองเดียวกันนี้ก็ดังขึ้นไปทั่ว
เรียกว่าทั่วภูมิภาคตะวันตกแตกตื่นฮือฮากันใหญ่
“ตัดสินจากความสำเร็จของผู้พิทักษ์หลิงเทียนในตอนนี้…พวกเราสามารถเรียกขาน ผู้พิทักษ์หลิงเทียนว่าเป็น ‘อัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า’ ได้เต็มปาก!!”
“ถูกต้อง! ต่อให้เป็นอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ที่ผู้ฝึกตนอิสระยกหางอย่างเผยซื่อไห่ ข้าเกรงว่ามันยังไม่กล้าออกมาอวดอ้างอันใดเพื่อโต้แย้งด้วยซ้ำ…เพราะมันด้อยกว่าผู้พิทักษ์หลิงเทียนมาก!”
“ผู้พิทักษ์หลิงเทียน อัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ในดินแดนเทพยุทธืเซียนเต๋า! ช่างน่าภาคภูมิใจยิ่ง!!”
…
หลังเรื่องราวทั้งหมดกระจ่าง ไม่นานก็ไม่ใช่แค่คนในภูมิภาคตะวันตกเท่านั้นที่ยอมรับว่าต้วนหลิงเทียนคืออัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า แต่คนจากภูมิภาคอื่นๆก็ยอมรับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน!
เพราะสุดท้ายทุกคนก็สามารถยืนยันความเป็นมาของต้วนหลิงเทียนได้เต็มสิบส่วน!
“อายุยังไม่ทันถึง 50 ปีแต่กลับประสบความสำเร็จถึงขนาดนี้…ผู้พิทักษ์หลิงเทียนนับเป็นตัวตนอัจฉริยะที่มิมีผู้ใดเสมอเหมือนจริงๆ!”
“จะว่าไปในประวัติศาสตร์ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าพวกเรา…ก็เหมือนว่าจะไม่เคยปรากฏตัวตนอันน่าอัศจรรย์เช่นนี้มาก่อนเลยใช่หรือไม่?”
“มิผิด กระทั่งให้ย้อนกลับไปในยุคสมัยของท่านบรรพชนเซียนกระบี่ลือนามผู้นั้น ก็ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จด้อยกว่าต้วนหลิงเทียน…”
“ลัทธิบูชาไฟคราวนี้นับว่าพบพานกับสมบัติล้ำค่าเข้าแล้วจริงๆ”
…
วาจาทำนองดังกล่าวดังไปทั่วภูมิภาคเบื้องบน
“เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่น มันย้อนกลับไปลัทธิบูชาไฟแล้วแบบนี้…พวกเราลัทธิอารามทมิฬก็ไม่อาจปล่อยวางเรื่องราวที่มันฆ่าเซี่ยคังฉวินไปได้ง่ายๆ!!”
“ใช่! หากลัทธิอารามทมิฬเราไม่เคลื่อนไหวเพื่อตอบสนองใดกับการลงมือครั้งนี้ของมัน ผู้คนทั้งแดนดินจะมองว่าพวกเราลัทธิอารามทมิฬกลัวลัทธิบูชาไฟ!!”
“พวกเราต้องไปเรียกร้องความเป็นธรรมให้จ้าวราชสีห์ขนทอง!!”
…
ลัทธิอารามทมิฬเองก็อยู่ไม่สุขแล้วเช่นกัน!
ถึงแม้พวกมันจะยืนยันได้แต่แรกว่าจ้าวราชสีห์ขนทอง 1 ใน 4 มหาธรรมราชาตกตายด้วยน้ำมือต้วนหลิงเทียนจริง แต่ตอนนั้นพวกมันไม่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนอยู่แห่งหนตำบลใด พวกมันจึงไร้หนทางระบายแค้น!
ตอนนี้พอพวกมันได้รู้ว่าต้วนหลิงเทียนคนนั้น ย้อนกลับไปยังลัทธิบูชาไฟ กระทั่งนั่งตำแหน่งผู้พิทักษ์อย่างเป็นทางการ…
เหล่าตัวตนระดับสูงของลัทธิอารามทมิฬก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที!!
ตอนที่ 2,192 : มรสุมเริ่มตั้งเค้า..
เมื่ออาวุโสระดับสูงของลัทธิอารามทมิฬเริ่มออกตัวเรื่องนี้
ทั่วทั้งลัทธิอารามทมิฬก็เสมือนถูกปลุกเร้าอารมณ์เดือดแค้น เหล่าศิษย์ทั้งหลายเริ่มลุกฮือขึ้นมาเรียกร้องโวยวาย ยากจะระงับอารมณ์กันได้สืบไป…
สุดท้ายก็ทำให้จ้าวอารามถึงกับนั่งไม่ติดเก้าอี้!
ผู้นำของลัทธิอารามทมิฬหรือจ้าวอารามนั้น เป็นชายชราร่างผอม ตอนนี้มันที่อยู่ในชุดดำสนิท ได้มายืนตัวตรงด้วยสีหน้าที่ซีดเซียวราวกับผีดิบในห้องโถงใหญ่หลังหนึ่ง รูปลักษณ์ของมัน มองแล้วพาลให้ผู้คนรู้สึกหดหู่ทั้งอึมครึมอย่างไรไม่ทราบ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุดสีดำสนิทที่มันสวมใส่นั้น ยังมีการปักลายหัวกระโหลกด้วยด้ายสีเลือด แลแล้วให้ความรู้สึกน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก!
เรียกว่ามองผ่านแวบแรก จ้าวอารามผู้นี้ดูไม่คล้ายผู้คน!
และตอนนี้มันก็กำลังเผชิญหน้ากับ มหาธรรมราชา 2 คนที่เหลืออยู่ของลัทธิ ป้องมือประสานไว้เบื้องหน้า กล่าววาจาออกมาด้วยน้ำเสียงเคารพ
“ท่านมหาธรรมราชาทั้ง 2…หากพวกเรามิเร่งหาทางออกเรื่องนี้ ข้ากลัวว่าผู้อาวุโสและเหล่าศิษย์สาวกจะไม่ยอมเลิกรา”
“นอกจากนี้กล่าวไปที่พวกมันเรียกร้องก็ถูก ในเมื่อต้วนหลิงเทียนนั่นมันย้อนกลับไปลัทธิบูชาไฟแล้ว หากลัทธิอารามทมิฬของพวกเราไม่ทำอะไรเลย ไม่เพียงแต่พวกเราจะทำให้เหล่าอาวุโสรวมถึงเหล่าศิษย์ตีตัวออกห่าง กระทั่งยังทำให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะเอาได้!”
จ้าวอารามที่กล่าวรายงานเรื่องราวด้วยทีท่ากริ่งเกรงในตอนแรก พอกล่าวถึงกลางประโยคแววตาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นแหลมคมดุร้าย เอาเรื่องขึ้นมาไม่น้อย!
เห็นได้ชัดจากจุดนี้ ว่าจ้าวอารามผู้นี้ก็เคียดแค้นต้วนหลิงเทียนเข้าไส้เช่นกัน!
อันที่จริงเรื่องนี้ก็เข้าใจได้ไม่ยาก
เพราะท้ายที่สุดแล้ว เซี่ยคังฉวิน ที่ถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตายก็คือ จ้าวราชสีห์ขนทอง 1 ใน 4 มหาธรรมราชา ที่เป็นดั่งเสาหลักของลัทธิอารามทมิฬ!
เมื่อ 3 ปีก่อน จ้าวค้างคาวปีกเขียว เหวยสั่ว 1 ใน 4 มหาธรรมราชาก็ตกตายในกับดักที่ 3 ปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะเหลือทิ้งไว้ ทำให้พวกมันพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ไปทีนึงแล้ว…
แต่อย่างไรการตายของเหวยสั่วก็กล่าวได้ว่าตกตายเพราะความโลภส่วนตัว แม้เรื่องนี้จะน่าเศร้าเพียงใด แต่มันก็ทำได้แค่กล้ำกลืนฝืนทนเท่านั้น
ทว่าการตายของจ้าวราชสีห์ขนทองนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
ถูกคนสังหาร!!
ยิ่งไปกว่านั้นมือสังหารเป็นใคร พวกมันต่างรู้ดี!
ต้วนหลิงเทียน! ผู้ที่โชคดีได้รับตราผนึกมารมาครอง…สุดยอดอัจฉริยะในภูมิภาคเบื้องล่าง! ต่อมาก็ถูกเซี่ยจงอาวุโสคนหนึ่งของลัทธิอารามทมิฬ บุกลงไปช่วงชิงตราผนึกมารถึงภูมิภาคเบื้องล่าง…แต่สุดท้ายต้วนหลิงเทียนคนนั้น ก็ได้ขึ้นมายังภูมิภาคเบื้องบน จนได้เข้าร่วมกับลัทธิบูชาไฟ…
หลังเข้าสู่ลัทธิบูชาไฟแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ได้สร้างตำนานขึ้นมาบทแล้วบทเล่า…จนใช้เวลาไม่นานก็ได้กลายเป็นศิษย์อัจฉริยะท้าทายสวรรค์ของลัทธบูชาไฟ!
ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ได้ลอบออกจากลัทธิบูชาไฟ และไปปรากฏตัวแถวนครแห่งบาป ลงมือฆ่าเซี่ยจงช่วงชิงตราผนึกมารกลับคืน!
หลังจากนั้นก็ได้เข้าไปในกับดัก ของ 3 ปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะเหมือนคนอื่น!
แต่ทว่า…กับดักที่คร่าชีวิตมือดีของแดนดินไปมากมายนั้น กลับไม่อาจเอาชีวิตต้วนหลิงเทียนได้! กระทั่งต้วนหลิงเทียนยังก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่หลังจากใช้เวลาอยู่ในนั้น 3 ปี…!!
ถึงขั้นที่…เมื่อออกมาก็สามารถสังหารเซี่ยคังฉวิน จ้าวราชสีห์ขนทอง 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬได้อย่างง่ายดาย!!
ไม่รอให้มหาธรรมราชาทั้ง 2 กล่าวตอบอะไร จ้าวอารามก็เริ่มกล่าวโน้มน้าวสืบต่อ
“นอกจากนี้ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นสมควรเก็บงำความลับสะท้านฟ้าไว้กับตัว…อย่างน้อยๆก็เรื่องที่ไฉนมันถึงรอดชีวิตอยู่ในกับดักของ 3 ปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะได้!”
“ไฉนพลังฝีมือของมันถึงประสบกับความก้าวหน้าครั้งมโหฬารได้ขนาดนั้น!? เพียงเวลาแค่ 3 ปีมันกลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน! นี่ใช่เกี่ยวข้องอันดับกับความลับที่ซุกซ่อนอยู่ในระนาบเทียมที่ 3 ปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะนั่นสร้างไว้หรือไม่?”
“หากมีส่วนเกี่ยวข้องกับระนาบเทียมแห่งนั้นจริง ถ้าพวกเราสามารถง้างความลับนี้ออกจากปากมันได้ล่ะก็…ยิ่งถ้าสิ่งที่มันเผชิญมาเป็นวาสนาที่กระทำซ้ำได้ ความแข็งแกร่งของพวกเราก็สามารถเพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาลได้เช่นกัน!!”
วาจ้าประโยคท้ายของจ้าวอาราม เผยให้เห็นถึงความโลภที่แฝงเร้นเอาไว้ชัดเจน
หลังได้ยินคำของจ้าวอาราม มหาธรรมราชาที่เหลืออยู่ 2 คนของลัทธิอารามทมิฬ พญามังกรเสื้อม่วง กับ จ้าวพยัคฆ์ขาว ก็ตาลุกวาวขึ้นมาทันที
(จ้าวพยัคฆ์ขาวจริงๆ ไม่ใช่อินทรีย์คิ้วขาว 55+)
พญามังกรเสื้อม่วงนั้นเป็นสตรี ทั้งยังเป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวในบรรดามหาธรรมราชาตั้งแต่แรก
นอกจากนั้นนางยังเป็นผู้นำมหาธรรมราชา และกระทั่งวันนี้ก็ยังเป็นอยู่
ชุดผ้าอาภรณ์ของนางนั้นมีสีม่วง แม้จะไม่ใช่ชุดรัดรูปอะไร แต่ก็ยากที่จะปกปิดรูปร่างอันสมบูรณ์โค้งเว้าเข้ารูปนั่นได้มิด
ผมยาวสลวยสีดำทอดยาวอยู่ด้านหลังดั่งม่านน้ำตก ใบหน้ามีผ้าสีม่วงปกปิดเอาไว้ ยากจะเห็นแก้มกระจ่างของนางได้ชัด แต่ด้วยคิ้วบางอันตอบรับกลับดวงตากระจ่างกลมใสงามหมดจดดั่งประกายดารา ก็มากพอให้ผู้คนคาดเดาได้ว่ารูปโฉมที่ปิดซ่อนอยู่นั้น ต้องเป็นโฉมงามล่มเมืองนางหนึ่ง…
เพียงนางยืนอยู่เฉยๆก็ให้ความรู้สึกเยือกเย็นเหินห่าง ปานจะผลักไสผู้คนให้ล่าถอยไปพันลี้…
ส่วนจ้าวพยัคฆ์ขาวนั้น เป็นชายหนุ่มที่แลดูแข็งแกร่งทรงพลัง มันเคยเป็นอดีตผู้นำมหาธรรมราชาก่อนที่พญามังกรเสื้อม่วงจะทะลวงด่านพลังจนทัดเทียมกับมัน รูปร่างของมันแลดูกำยำล่ำสันนัก ท่าทางร้ายกาจไม่ใช่ชั่ว
แน่นอนว่าในลัทธิอารามทมิฬต่างรู้กันดี…
ว่าพลังฝีมือของจ้าวพยัคฆ์ขาวนั้นไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าพญามังกรเสื้อม่วงเลย
หลายคนยังรู้สึกว่าเป็นมันจงใจอ่อนข้อให้พญามังกรเสื้อม่วงมีชัย หลายต่อหลายครั้งที่ได้ประมือกันด้วยซ้ำ!
และเรื่องที่มันไม่สมหวังในรัก เป็นฝ่ายแอบชอบพญามังกรเสื้อม่วงอยู่ข้างเดียว ก็ไม่ใช่ความลับอะไรในลัทธิอารามทมิฬ…
ถึงจ้าวพยัคฆ์ขาวผู้นี้แม้ร่างกายจะแข็งแกร่งบึกบึน แต่ใบหน้าของมันกลับคมเข้มหล่อเหลานัก! หว่างคิ้วให้ความดุดันดั่งพยัคฆ์ ชุดสีขาวให้ความรู้สึกสง่ามากราศี แลดูเข้มแข็งร้ายกาจแต่ไม่ดิบเถื่อน
เพียงมันยืนอยู่เฉยๆ ก็ให้ความรู้สึกดั่งพยัคฆ์ทรงพลังยากตอแย ไม่ใช่คนที่ใครจะสามารถล่วงเกินได้ง่ายๆ
“จ้าวอาราม ข้าเองก็เห็นด้วย เรื่องราวครั้งนี้พวกเราลัทธิอารามทมิฬมิอาจปล่อยผ่านไปได้…เพราะไม่เพียงแต่จะทำให้อาวุโสเหล่าศิษย์ชืดชาเอาใจออกห่าง ยังทำให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะพวกเราได้ว่าพวกเราหวาดกลัวลัทธิบูชาไฟจนไม่กล้าทำอะไร! อีกทั้งยังเป็นความจริงที่พวกเราต้องง้างปากต้วนหลิงเทียนให้มันคายความลับออกมาให้ได้!!”
พญามังกรเสื้อม่วง หลังไตร่ตรองอยู่พักหนึ่งก็ประกาศจุดยืนออกมา
และในขณะที่ประกาศทีท่า แววตาของนางก็ฉายประกายแห่งความโลภให้เห็นออกชัด
“ข้าก็เห็นด้วย”
จ้าวพยัคฆ์ขาวก็เห็นด้วยอย่างไม่ลังเล
แต่สำหรับทีท่าของจ้าวพยัคฆ์ขาวนั้น จ้าวอารามไม่ได้สนใจมากมายแต่แรก
เพราะทันทีที่พญามังกรเสื้อม่วง ผู้นำมหาธรรมราชาประกาศจุดยืนออกมา จ้าวพยัคฆ์ขาวก็ไม่มีทางคิดเห็นเป็นอื่นแน่นอน เรื่องนี้ทุกคนรู้กันดี…ไหนเลยจ้าวพยัคฆ์ขาวจะกล้าขัดใจพญามังกรเสื้อม่วงได้!!
เพราะจ้าวพยัคฆ์ขาวคอยตามไล่เกี้ยวเอาอกเอาใจพญามังกรเสื้อม่วงมาโดยตลอด! หากนางให้มันไปซ้าย มันก็ไม่กล้าเลี้ยวไปขวา!!
“เนื่องจากท่านมหาธรรมราชาทั้ง 2 เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เช่นนั้นพวกท่านควรไปพบท่านผู้อาวุโสสูงสุดกับข้า…พวกเราจะได้หารือกันต่อว่าจะไปหาความกับลัทธิบูชาไฟอย่างไรดีหรือไม่?”
จ้าวลัทธิอารามทมิฬ เร่งกล่าววาจาชักชวนออกมา และนี่คือ ‘เป้าหมาย’ สูงสุดของมัน!
มันต้องการให้มหาธรรมราชาทั้ง 2 สนับสนุนมัน และไปพบอาวุโสสูงสุดด้วยกัน เพื่อหารือเรื่องระดมกำลังบุกลัทธิบูชาไฟ! หาทางจับตัวต้วนหลิงเทียนมาเค้นความลับทั้งชำระแค้นให้ได้!!
เหตุผลที่ไฉนมันต้องการให้ผู้อาวุโสสูงสุดออกโรงนั้น…ก็เพราะการคงอยู่ของจ้าวลัทธิบูชาไฟ!
แม้จ้าวลัทธิบูชาไฟ ถังซวน พึ่งจะประสบความสำเร็จในการทะลวงถึงขอบเขตเซียนสววรรค์ 9 เปลี่ยน เปลี่ยนสู่เซียนอมตะได้ไม่นาน…แต่มองไปทั่วทั้งลัทธิอารามทมิฬ ก็เห็นทีจะมีแต่อาวุโสสูงสุดคนเดียวเท่านั้นที่รับมือถังซวนได้!!
หากพวกมันบุกไปหาความที่ลัทธิบูชาไฟโดยไร้ผู้อาวุโสสูงสุด เกรงว่าพวกมันคงได้แต่คว้าน้ำเหลวกลับมา!
จ้าวลัทธิอารามทมิฬย่อมรู้เรื่องนี้ดี
“อืม นำไปสิ”
พญามังกรเสื้อม่วงพยักหน้า หลังจากนั้นก็ติดตามจ้าวอารามเพื่อเข้าพบอาวุโสสูงสุด!
นางเองก็รู้ดีแก่ใจเช่นกัน
หากคิดบุกไปที่ลัทธิบูชาไฟเพื่อหาความจากต้วนหลิงเทียนล่ะก็ มีแต่ต้องให้อาวุโสสูงสุดออกโรงสะกดถังซวนเอาไว้ไม่ให้เคลื่อนไหวกับพวกนางได้ หาไม่แล้วพวกนางคงไม่อาจสร้างแรงทัดทานอันใดให้กับลัทธิบูชาไฟได้เลย
เห็นพญามังกรเสื้อม่วงเดินตามจ้าวอารามไป จ้าวพยัคฆ์ขาวก็เดินตามหลังนางไปต้อยๆ…
ลัทธิอารามทมิฬนั้นแตกต่างจากลัทธิบูชาไฟ
ในลัทธิบูชาไฟ จ้าวลัทธิคือผู้ที่ได้รับความเคารพยำเกรงสูงสุด
หากแต่ในลัทธิอารามทมิฬนั้น จ้าวลัทธิอารามทมิฬนั้นไม่นับเป็นตัวอะไรต่อหน้าอาวุโสสูงสุดเลย กระทั่งยังไม่นับเป็นตัวอะไรต่อหน้าพญามังกรเสื้อม่วงและจ้าวพยัคฆ์ขาวด้วยซ้ำ!
ทั้งหมดนี้เพียงเพราะว่า พลังฝีมือของจ้าวอารามผู้นี้ มองทั่วทั้งลัทธิอารามทมิฬแล้ว ตอนนี้มันก็มีความแข็งแกร่งรั้งอยู่ในอันดับที่ 4 เท่านั้น
พลังฝึกปรือของมัน แค่เพียงบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนสุดปลายด่านพลัง จัดว่าเป็นชนชั้นสุดยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนคนหนึ่ง!
ทว่าพญามังกรเสือม่วง กับจ้าวพยัคฆ์ขาวนั้น เป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน
ส่วนอาวุโสสูงสุดยิ่งร้ายกาจกว่าใคร เพราะมันเป็นผู้ที่บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน! นอกจากนี้พลังฝีมือยังรั้งอยู่ในอันดับที่ 2 ของรายนามยอดเซียน เป็นรองก็แต่เพียง เนี่ยอู๋เทียน อันดับ 1 ในรายนามยอดเซียนเท่านั้น!!
เมื่อมีจ้าวอารามกับมหาธรรมราชาที่เหลือทั้ง 2 ไปเชิญอาวุโสสูงสุด ก็ไม่แปลกอะไรที่อาวุโสสูงสุดจะออกโรง
ไม่นานหลังจากนั้น ก็ปรากฏร่างคนกลุ่มหนึ่งเหินออกจากลัทธิอารามทมิฬ มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วสูงล้ำ…
เป้าหมายของพวกมันก็คือ ลัทธิบูชาไฟ ที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันตก!!
การเคลื่อนไหวของลัทธิอารามทมิฬคราวนี้ ทั้งหมดมุ่งเป้าไปที่ ต้วนหลิงเทียน ผู้พิทักษ์คนใหม่ของลัทธิบูชาไฟ!
และทั้งหมดนี้ ต้วนหลิงเทียนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรงไม่ได้รู้เลย
ด้านต้วนหลิงเทียนนั้น…ตอนนี้สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นอักลักษณ์ปั้นยากนัก!
นั่นเพราะเขาพึ่งได้รับทราบถึงข่าวร้ายหนึ่ง ที่ถูกประกาศออกมาล่าสุด “หลังจากนี้อีก 3 เดือน…ซือหลิงจะถูกตัดสินประหารชีวิต?”
และข่าวที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งได้รับทราบ ก็เป็นถังซวนออกประกาศด้วยตัวเอง!
อีก 3 เดือนหลังจากนี้…ลูกสาวของเขากับเค่อเอ๋อ ต้วนซือหลิง จะถูกประหารชีวิตต่อหน้าสาธารณชน!
“3 เดือน…ไม่พอ! เวลาแค่ 3 เดือนมันไม่พอ!!”
ต้วนหลิงเทียนกังวลจนหน้ามืดดำปานจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก
เวลาแค่ 3 เดือนนั้น ต่อให้เขาบ่มเพาะพลังบนชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนได้ทัน…
และการที่เขาไม่อาจทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนได้ทันเวลา…นั่นหมายความว่าเขาไม่อาจช่วยเหลือเค่อเอ๋อแม่ลูกด้วยกำลังตรงๆได้!
“ต้องมี…มันต้องมีสักทางที่ข้าสามารถช่วยเค่อเอ๋อกับลูกได้ในเวลาแค่ 3 เดือน!!”
ตอนนี้สีหน้าต้วนหลิงเทียนเคร่งเครียดนัก
ยังเป็นกังวลแทบบ้า!
ลูกสาวของเขาที่ไม่แม้แต่จะเคยได้เห็นหน้า กำลังจะถูกประหารในอีก 3 เดือนหลังจากนี้!
แต่ตอนนี้เขายังคิดหาหนทางช่วยนางไม่ได้!
ช่างเป็นบิดาที่ไม่เอาไหนนัก!
ไร้ค่ายิ่ง!!
ต้วนหลิงเทียนที่กังวลทั้งร้อนรนใจได้แต่เหินร่างออกจากบ้าน และมุ่งหน้าไปยังเกาะศักดิ์สิทธิ์ด้วยสภาพวิญญาณหลุดลอย คล้ายจะไปสืบเสาะหาทางอย่างลมแล้งๆ!
ซูววว!
ทว่าทันใดนั้นเอง พลันมีร่างหนึ่งที่กำลังเหินผ่านมาในอากาศ และบังเอิญผ่านหน้าต้วนหลิงเทียนที่กำลังเหินมาพอดี
ผู้ที่เหินร่างมานั้น พอเห็นว่าเบื้องหน้าไม่ไกลเป็นต้วนหลิงเทียน สีหน้าก็แปรเปลี่ยนไปใหญ่หลวง ความหวาดกลัวเริ่มฉายชัดขึ้นบนใบหน้าของ ‘นาง’
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น