War sovereign Soaring The Heavens 2179-2185

 ตอนที่ 2,179 : อัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า?


 


เป็นธรรมดาที่จะมีแค่ผู้ฝึกตนอิสระไร้สังกัดเท่านั้นที่ยอมรับว่า เผยซื่อไห่ คืออัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!


 


ส่วนขุมพลังทั้งหลายในแดนดินไม่เว้น 3 ลัทธินั้น ไม่มีใครยอมรับว่าเผยซื่อไห่คืออัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเลย!นั่นเพราะไม่มีผู้ใดสามารถยืนยันได้ว่าเผยซื่อไห่ยังอายุไมถึงร้อยปีดั่งข่าวลือจริง!!


 


ทว่าต้วนหลิงเทียนนั้นต่างกัน!


 


อายุของต้วนหลิงเทียนเป็นอะไรที่คนทั้งแดนดินล่วงรู้!


 


นั่นเพราะเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนมาจากภูมิภาคเบื้องล่าง รวมไปถึงวีรกรรมต่างๆที่ต้วนหลิงเทียนสร้างไว้ในภูมิภาคเบื้องล่าง ต่างถูกคนขุดคุ้ยขึ้นมาจนหมดตั้งนานแล้ว…


 


เรียกว่าตั้งแต่ที่ทุกคนทราบเรื่องการปรากฏของตราผนึกมารที่ภูมิภาคเบื้องล่าง และผู้ถือครองเป็นเพียงรุ่นเยาว์ที่พลังฝึกปรือต่ำต้อยไม่ถึงขอบเขตเซียนคนหนึ่ง ทั้งหมดก็ส่งคนไปสืบค้นข้อมูลอย่างละเอียดทั้งสิ้น ด้วยคิดช่วงชิงตราผนึกมารมาให้ได้


 


ในขณะเดียวกันทั้งหมดก็ย่อมสืบพบ ความเป็นมาของต้วนหลิงเทียนที่เป็นเจ้าของตราผนึกมารเช่นกัน หนึ่งในนั้นรวมไปถึงอายุของต้วนหลิงเทียนด้วย!


 


อีกทั้งการสืบค้นข้อมูลของพวกมันยังขุดคุ้ยจนย้อนไปถึงช่วงที่ต้วนหลิงเทียนยังอยู่ในทวีปมนุษย์ โยงไปถึงดินแดนในการปกครองของ 10 ราชวงศ์ ที่อยู่ในซอกหลืบอันห่างไกลของทวีปมนุษย์ ยังลงลึกถึงจักรวรรดิศิลาทมิฬ อาณาจักรพนาคราม กระทั่งไปจบลงที่อาณาจักรนภาล่อง อันเป็นอาณาจักรที่ถือว่าเป็นระดับต่ำต้อยที่สุดในแดนดิน…


 


และต้วนหลิงเทียนก็ถือกำเนิดในอาณาจักรเล็กๆที่ว่า…


 


เช่นนั้นอายุของต้วนหลิงเทียนจึงได้รับการยืนยันอย่างแน่ชัด ข้อมูลยังมีความน่าเชื่อถือและถูกต้องอย่างมาก


 


“อายุน้อยกว่า 50 ปี…ต้วนหลิงเทียน ยังมีอายุไม่ถึง 50 ปี!”


 


ตอนที่อ่านประวัติของต้วนหลิงเทียนที่ฝ่ายข้อมูลของลัทธิสรุปมาวันก่อน กระทั่งเป็นตัวจ้าวลัทธิบูชาไฟอย่างถังซวนเอง ก็อดไม่ได้ที่จะสะท้านสะเทือนใจครั้งใหญ่!


 


อายุยังไม่ถึง 50 ปีที ทว่าพลังความแข็งแกร่งกลับเทียบได้กับเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนแล้ว!?


 


อย่าได้กล่าวถึงเรื่องเผยซื่อไห่ยังมีอายุไม่ถึงร้อยปีอีกเลย ให้ 10 เผยซื่อไห่มายืนอยู่ต่อหน้าต้วนหลิงเทียนก็ยังไม่นับเป็นอะไร!


 


เผยซื่อไห่ ผู้ฝึกตนที่มีอายุน้อยกว่า 100 ปี เป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน?


 


ขออภัยด้วย…


 


ต้วนหลิงเทียนของลัทธิบูชาไฟเรา อายุไม่ถึง 50 ปี ก็บรรลุความแข็งแกร่งขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนเช่นกัน!


 


อายุไม่ถึง 100 ปีกับ อายุไม่ถึง 50 ปีนั้น เป็นอะไรที่ต่างกันคนละโลก…


 


“จ้าวลัทธิกล่าวชมข้าเกินไปแล้ว”


 


ได้ยินวาจาชมเชยนี้ของจ้าวลัทธิบูชาไฟ ว่าเขาเป็นอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ต้วนหลิงเทียนที่แม้จะฝ่าลมฝนชื่อเสียงเกียรติยศอะไรมาไม่น้อย ก็รู้สึกเก้อเขินอยู่บ้าง


 


อัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า?


 


นี่ไม่ใช่อะไรที่ใครก็จะสามารถเป็นได้!


 


มีเพียงตัวตนที่โดดเด่นที่สุดในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเท่านั้น ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจะรับตำแหน่งนี้


 


ด้วยเหตุนี้แม้ต้วนหลิงเทียนจะผ่านอะไรมามาก ทั้งยังสามารถสงบใจได้ในทุกสถานการณ์ แต่พอได้ยินวาจากล่าวชมนี้ของจ้าวลัทธิบูชาไฟ ก็ยังยากที่เขาจะยังเฉยอยู่ได้


 


“มันมิใช่แค่กล่าวชมเกินไป…หากแต่ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องจริง”


 


ถังซวนยิ้มจนตาหยี จังหวะนี้ยิ่งมองต้วนหลิงเทียนมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งรู้สึกพึงพอใจมากเท่านั้น


 


“เอาล่ะท่านจ้าวลัทธิ…หากไม่มีเรื่องอื่นใดแล้ว ข้าต้องขอตัวก่อน”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวตัดบทถังซวน ทั้งกล่าววาจาปลีกตัวอย่างมีมารยาท เมื่อถังซวนพยักหน้ารับแล้วเขาจึงเหินร่างลงมาจากฟ้าสูง มุ่งหน้าไปยังเกาะศักดิ์สิทธิ์ด้านล่าง


 


เขายังไม่ลืม ‘จุดประสงค์’ ในการย้อนกลับมาลัทธิบูชาไฟ…


 


ช่วยเค่อเอ๋อแม่ลูก!


 


ทว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้เลย ว่าเค่อเอ๋อกับลูกสาวของเขานั้นไม่ได้ถูกขังอยู่ในหอคุมกฏอีกต่อไป ทว่าอยู่ในเคหาสน์บนเกาะเหนือฟ้าสูงสุด อันเป็นเกาะส่วนตัวของถังซวน!


 


นั่นย่อมหมายความว่าพวกนางอยู่ภายใต้ความควบคุมของถังซวนโดยตรง!


 


การที่ต้วนหลิงเทียนไม่รู้เรื่องนี้ก็ไม่นับว่าแปลกอะไร


 


ปัจจุบันยังมีน้อยคนนักในลัทธิบูชาไฟที่รู้เรื่องนี้


 


นอกจากตัวถังซวนเองแล้ว ก็มีจ้าวหอคุมกฏ กับรองจ้าวหอคุมกฏแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้


 


‘น่าเสียดายนักที่ธิดาเทพถูกใครบางคนในภูมิภาคเบื้องล่างทำให้แปดเปื้อนมลทิน…หาก ‘ท่านผู้นั้น’ ปรากฏตัว ไม่พ้นคงต้องมีโทสะเพราะเรื่องนี้แน่ และคงยากที่จะไม่เอาโทสะมาลงที่ข้า…เพราะหากข้าดูไม่ผิด ชาติที่แล้วของธิดาเทพน่ากลัวว่าจะเป็นมากกว่าลูกพี่ลูกน้องของ ‘ท่านผู้นั้น’…’


 


หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนจากไป ถังซวนก็พึมพำกล่าวในใจอย่างหวั่นหวาด สายตายังฉายออกชัดถึงความกลัว…


 


และมันหวาดกลัว ‘ท่านผู้นั้น’ ที่มันนึกถึงจับใจจริงๆ


 


‘หากไม่เกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้น ข้าอาจลองแนะนำต้วนหลิงเทียนคนนี้ให้ท่านผู้นั้นรู้จัก…ทว่าตอนนี้ข้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะรักษาชีวิตตัวเองไว้ได้หรือไม่ ไหนเลยยังจะสามารถแนะนำต้วนหลิงเทียนให้ท่านผู้นั้นรู้จักอะไรได้?’


 


เมื่อนึกถึงจุดนี้ถังซวนก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน ความหวาดกลัวยังฉายชัดอยู่ในแววตาแต่ต้นจนจบไม่จางหาย


 


หลังส่ายหัวอย่างอับจนหนทางอีกไม่กี่ครั้ง ถังซวนก็ย้อนกลับไปยังเกาะส่วนตัว


 


โชคดีที่ไม่มีใครมาเห็นฉากนี้


 


หาไม่แล้วคงได้ตกใจจนตาย


 


ผู้ใดกันแน่ที่ทำให้ถังซวนที่พลังฝึกปรือบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนถึงกับหวาดกลัวแบบนี้ กระทั่งทำได้แค่ยอมรับชะตากรรมว่าจะถูกตำหนิ…


 


ก่อนหน้านี้ที่ต้วนหลิงเทียนประมือกับหงอวิ๋น ต้องบอกเลยว่าการปะทะกันของพลังนั้นสร้างผลกระทบไม่น้อย


 


ต่อให้เป็นก่านหรูเยี่ยน ที่อยู่ในคฤหาสน์ของถังซวนก็ยังได้ยินเสียงระเบิดของพลังจากการลงมือชัดเจน


 


“เงียบไปแล้ว…”


 


และตอนนี้นางก็พบว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวสงบลงแล้ว…


 


“นายน้อยเขา…จักไม่เป็นไรใช่หรือไม่”


 


ใบหน้างามหมดจดของเค่อเอ๋อที่ยืนข้างๆนางฉายความกังวลออกมาไม่น้อย


 


เค่อเอ๋อเอก็ได้ยินเสียงดังจากการปะทะกันด้านนอกเช่นกัน นางยังตระหนักได้อย่างคลุมเครือว่าสมควรเกี่ยวข้องกับนายน้อยของนาง ทำให้ใจแทบจะหยุดเต้นไปเพราะความกังวล


 


“เจ้าไม่ต้องห่วง…”


 


ก่านหรูเยี่ยนกล่าวปลอบออกมาในเวลาที่เหมาะสม “ท่านจ้าวลัทธิได้ออกแถลงการณ์เป็นการส่วนตัวเพื่อเชิญมันกลับมา เช่นนั้นก็มากพอจะอธิบายความสำคัญของมันแล้ว…จากเรื่องนี้เจ้าเชื่อได้เลยว่าบุรุษของเจ้าต้องปลอดภัยดีแน่!”


 


แน่นอนว่ามีอีกประโยคที่ก่านหรูเยี่ยนลอบกล่าวในใจ


 


‘แต่นั่นไม่รวมถึงหากฐานะของมันที่เป็น ‘บุรุษ’ ของเจ้าถูกเปิดเผยนะ…’


 


เพราะตอนที่จ้าวลัทธิมาถามนางเรื่อง ‘บุรุษ’ ของเค่อเอ๋อนั้น ก่านหรูเยี่ยนสัมผัสได้ถึงโทสะที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงของจ้าวลัทธิบูชาไฟชัดเจน


 


หากให้ถังซวนรู้ว่าต้วนหลิงเทียนคนนี้คือบุรุษของน้องสาวนางล่ะก็ ต่อให้ต้วนหลิงเทียนไม่ตายแต่อย่างน้อยๆต้องถูกจับถลกหนังทั้งเป็นแน่!


 


“อื้อ”


 


อย่างไรก็ตามเค่อเอ๋อไม่รู้เรื่องนี้


 


เช่นนั้นภายใต้วาจากล่าวปลอบของก่านหรูเยี่ยน นางจึงสบายใจขึ้นไม่น้อย


 


แน่นอนว่าความปรารถนาที่จะได้พบหน้าบุรุษที่รักอีกครั้งในใจยังคงมากมายเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน


 


ไม่เพียงแต่นางอยากพบหน้าอีกฝ่ายเท่านั้น ยังอยากพาลูกสาวไปอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับอีกฝ่ายด้วย…


 


นี่คือสิ่งที่นางใฝ่ฝันมาตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่าน


 


ในขณะเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนโรยตัวลงไปยังเกาะสักดิ์สิทธิ์นั้นเอง


 


ความจริงที่ว่าเขาหวนกลับมายังลัทธิบูชาไฟแล้ว กระทั่งข้ามเขตแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวมาโต้งๆจนรวมไปถึงทุบตีสยบจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว หลูชิ่ง ได้อย่างง่ายดายก็เริ่มแพร่กระจายออกจากแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวไปยังแท่นบูชาจตุรลักษณ์ทั้งหมด


 


ไม่ว่าจะเป็นแท่นบูชานกไฟ เต่าทมิฬ หรือมังกรคราม ข่าวนี้ลุกลามมาไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง!


 


“จากไปเพียงไม่กี่ปี…การกลับมาครั้งนี้ของต้วนหลิงเทียน กลับกลายเป็นร้ายกาจจนน่ากลัว กระทั่งจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวยังถูกทุบตีถ่ายเดียว สิ้นท่าได้ง่ายๆเลยหรือ?”


 


“เรื่องนี้…สาบานเถอะว่าเป็นความจริง นี่มันจะไม่เหลือเชื่อเกินไปหน่อยหรือไร?”


 


“ข้าเองก็คิดว่ามันเหลือเชื่อเกินไปเหมือนเจ้า…อย่างไรจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวก็คืออาวุโสเพลิงทอง เซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนอันร้ายกาจ!”


 


“สวรรค์ หากเรื่องนี้เป็นความจริง…ในเมื่อต้วนหลิงเทียนกำราบเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนได้ง่ายดายแบบนี้ ไม่ใช่ว่าพลังของต้วนหลิงเทียนอาจอยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนหรือเหนือกว่านั้นรึไง?”


 


“ให้ตายเถอะ! ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนไปทำอะไรมากันแน่ ไฉนเวลาเพียงไม่กี่ปีกลับแข็งแกร่งขึ้นมากขนาดนี้เล่า!?”


 


……


 


แท่นบูชาอื่นๆล้วนแล้วแต่อึกทึกครึกโครมกันไม่น้อย เหล่าศิษย์และอาวุโสทั้งหลายล้วนคุยกันเรื่องการกลับมาอย่างน่ากลัวของต้วนหลิงเทียนไม่หยุด


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่งแท่นบูชาเต่าทมิฬ ตอนนี้ทั้งลูกศิษย์ทั้งผู้อาวุโสล้วนตื่นตะลึงกันยกใหญ่


 


“ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนจากแท่นบูชาเต่าทมิฬของพวกเรา…เพียงเวลาไม่กี่ปีสามารถเอาชนะอาวุโสเพลิงทองได้แล้ว?”


 


“ศิษย์พี่หลิงเทียนจงเจริญ!!”


 


“ศิษย์พี่ต้วนช่างยอดเยี่ยมยิ่ง! พี่ท่านเป็นเทพจุติลงมาหรือไร! ไฉนถึงได้ร้ายกาจเหนือมนุษย์นักเล่า แค่ไม่กี่ปีทุบตีอาวุโสเพลิงทองจนยับเนี่ยนะ สวรรค์!!”


 


……


 


เมื่อได้ทราบข่าวเรื่อง ต้วนหลิงเทียนจัดการหลูชิ่งอย่างไร ตบจนร่วงฟ้าอย่างไร เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬทั้งหลายต่างพากันคึกคักอักโข ทั้งบังเกิดความฮึกเหิมลำพองนัก


 


พวกมันทำราวกับคนที่ทุบตีหลูชิ่งคือพวกมันเองไม่ใช่ต้วนหลิงเทียน


 


“เพียงผ่านไปไม่กี่ปี…เจ้าหนูนั่นเติบโตขึ้นถึงขนาดนี้เชียวหรือ?”


 


ภายในแท่นบูชาเต่าทมิฬ ผู้อาวุโสคุมกฏ กัวฉง ที่คุ้นเคยกับต้วนหลิงเทียนดี อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจจนสติหลุดลอยเมื่อได้รับทราบข่าวดังกล่าว  จนเมื่อดึงสติกลับมาได้แล้วยังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่


 


“อย่าได้บอกเชียว…ว่าข่าวจากนครแห่งบาปเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนสังหาร เซี่ยคังฉวิน จ้าวราชสีห์ขนทอง 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬนั่นจะเป็นเรื่องจริง?”


 


และตอนนี้คนในแท่นบูชาจตุรลักษณ์หลายคนก็เริ่มฉุกคิดถึงข่าวลือก่อนหน้าอีกครั้ง


 


ในตอนนั้นแทบทุกคนล้วนปักใจเชื่อว่านี่เป็นข่าวเหลวไหล ไม่มีมูลความจริงแน่นอน


 


อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนกลับมาลัทธิบูชาไฟวันนี้ อาศัยแค่พลิกฝ่ามืออย่างไร้เรื่องราวก็สยบหลูชิ่ง จ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวได้อย่างง่ายดาย! บอกให้รู้ชัดว่าต้วนหลิงเทียนกลายเป็นตัวตนอันทรงพลังสุดที่พวกมันจะคาดคิดไปแล้ว


 


“ข้าคิดว่า…ข่าวลือนั่น สมควรเป็นเรื่องจริงไม่ผิดแน่!”


 


บางคนกล่าวขึ้นมาอย่างมั่นใจ


 


“แต่ข้ายังคิดว่ามันยังไม่น่าจะใช่เรื่องจริง…ถึงต้วนหลิงเทียนจะเอาชนะจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวได้ง่ายดาย แต่ทว่าก็บอกให้รู้ชัดว่าพลังความแข็งแกร่งสมควรอยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 6เปลี่ยนหรือเหนือกว่าเท่านั้น…”


 


“แต่พวกเจ้าอย่าได้ลืมไปว่า จ้าวราชสีห์ขนทอง ไม่ใช่แค่เซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนธรรมดา…แต่มันยังเป็นยอดฝีมืออันดับที่ 18 ในรายนามยอดเซียนอีกด้วย!”


 


บางคนยกอ้างเรื่องนี้ขึ้นมากล่าว และก็มีคนเห็นด้วยกับมันไม่น้อย


 


สุดท้ายแล้วก็ยังมีผู้คนอีกมาก ที่ไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจถึงขั้นฆ่าจ้าวราชสีห์ขนทองที่มีชื่อเสียงมานานของลัทธิอารามทมิฬได้ง่ายดายแบบนั้น


 


ล้วนตัดสินว่าสมควรเป็นข่าวลวง…


 


ในขณะที่ข่าวของต้วนหลิงเทียนแพร่ไปทั่วแท่นบูชาจตุรลักษณ์ ไม่นานมันก็เริ่มแพร่เข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เนื่องเพราะมีหลายคนนักที่มีสหายอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และหยกสื่อสารก็ไม่ใช่ของที่มีราคาสูงมากมายอะไร


 


ณ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์


 


เมื่อต้วนหลิงเทียนมาถึงเกาะศักดิ์สิทธิ์แล้ว เขาก็มุ่งหน้าไปยังหอคุมกฏทันทีโดยไม่คิดจะแวะเวียนไปที่ไหนก่อน


 


“เค่อเอ๋อ…เจ้ารอข้านะ”


 


ขณะที่ร่างเหินเข้าใกล้หอคุมกฏ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกร้อนใจขึ้นมา และอยากไปให้ถึงไวๆนัก…


ตอนที่ 2,180 : ต่งหยวนจิ้น! ไสหัวเจ้าออกมา!!


 


ต้วนหลิงเทียนมุ่งหน้าไปยังหอคุมกฏก็เพื่อหาทางพบหน้าเค่อเอ๋อ…


 


กล่าวให้ละเอียดก็เพื่อเค่อเอ๋อและลูกสาว


 


หากสบโอกาสเหมาะและมั่นใจว่าสามารถทำสำเร็จได้แน่ เขาจะไม่ลังเลอะไรและพาเค่อเอ๋อแม่ลูกหลบหนีออกจากหอคุมกฏทันที ยังจะออกจากลัทธิบูชาไฟเพื่อไปอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง!


 


แต่แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าเรื่องนี้ยากที่จะกระทำได้


 


ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ถังซวนบรรลุเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยน และสำนึกเทวะของมันสมควรแผ่มาตรวจสอบเรื่องราวถึงหอคุมกฏด้วยซ้ำ…


 


ต่อให้ถังซวนจะไม่ได้เฝ้าตรวจสอบหอคุมกฏอยู่ แต่คนในหอคุมกฏก็สามารถติดต่อมันได้ในเวลาชั่วพริบตา


 


ต้วนหลิงเทียนรู้ดีแก่ใจ ว่าถ้าหากถังซวนสอดมือเข้ามาวุ่นวายล่ะก็ ถึงแม้เขาจะชิงตัวเค่อเอ๋อแม่ลูกออกมาจากหอคุมกฏได้ แต่เขาก็ยากจะรอดพ้นออกจากลัทธิบูชาไฟได้อยู่ดี


 


‘หากเค่อเอ๋อกับลูกสาวข้ายังคงปลอดภัยดี และไม่มีทีท่าว่าจะได้รับอันตรายใดๆในช่วงนี้…ข้าสามารถหมั่นเข้าไปบ่มเพาะพลังในชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง7 สมบัติ เพื่อทะลวงให้ถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7เปลี่ยนให้ได้โดยเร็วที่สุด!’


 


ในระหว่างเหินร่างไปยังหอคุมกฏ ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวในใจเป็นมั่นเหมาะ ‘ตราบใดที่ข้าทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน ด้วยกระบี่นิลสวรรค์ ต่อให้เป็นจ้าวลัทธิบูชาไฟอย่างถังซวน ข้าก็ไม่กลัว!’


 


ฟังจากความคิดแล้ว ต้วนหลิงเทียนมั่นใจในเรื่องนี้นัก


 


ตอนนี้เขาพึ่งทะลวงมาถึงเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน หากทว่ายามใช้ออกด้วยพลังทั้งหมด กระบี่นิลสวรรค์ก็สามารถเปล่งอานุภาพอันร้ายกาจแทบสยบสิ้นทุกตัวตนที่อยู่ภายใต้ขอบเขตเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยน! คงมีน้อยคนนักที่สามารถหยุดหนึ่งกระบี่สังหารของเขาได้!!


 


และหากด่านพลังฝึกปรือของเขาทะลวงไปถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนล่ะก็ ด้วยมีพลังอำนาจของกระบี่นิลสวรรค์ การปะทุพลังสังหารของเขาสมควรทวีความร้ายกาจขึ้นมากแน่นอน!


 


ถึงตอนนั้นต่อให้เป็นเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน อย่างถังซวน ก็เกรงว่าจะรับกระบี่เขาไม่ได้!


 


ไม่นานนักร่างต้วนหลิงเทียนก็บรรลุถึงอาณาเขตของหอคุมกฏ ‘จะยังไงก็แล้วแต่มาหอคุมกฏวันนี้คิดพบเจอเค่อเอ๋อก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องพยายามหาข้ออ้างดีๆเพื่อไม่ให้ใครโยงไปถึงเรื่องที่ข้ารู้จักนางได้…’


 


‘เห็นทีคงได้แต่ยกอ้างก่านหรูเยี่ยนอีกครั้ง ในเมื่อข้าเคยมาหานางแล้วครั้งหนึ่ง คิดพบอีกครั้งก็ไม่น่าสงสัยอะไร…จริงสิ’


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังคิดในใจว่าจะใช้ก่านหรูเยี่ยนมาเป็นข้ออ้าง เขาก็ฉุกคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาก่อน เรื่องดังกล่าวยังเป็นแรงบันดาลใจให้เขาหาข้ออ้างดีๆขึ้นมา


 


“ข้าเกือบลืมมันไปแล้วเชียว…วันนั้นหากข้าไม่มีคนคอยช่วย เกรงว่าคิดจะเล็ดลอดหูตามันออกไปนอกลัทธิบูชาไฟคงไม่ใช่เรื่องง่ายด้วยซ้ำ! ในเมื่อวันนี้ข้าได้กลับมาทั้งทีเช่นนั้นก็ต้อง ‘ขอบคุณ’ มันให้หนักๆหน่อย! ไม่งั้นคงไม่สมกับที่มันทำกับข้าเอาไว้!!”


 


ต้วนหลิงเทียนยิ่งกล่าวพึมพำเสียงกล่าวก็ยิ่งเยียบเย็น แววตายังทอประกายดุร้ายขึ้นมาน่ากลัว


 


ไม่กี่ปีที่แล้วตอนที่เขาหลบออกจากลัทธิบูชาไฟนั้น เรียกว่าเขาต้องเสี่ยงครั้งใหญ่ หากพลาดขึ้นมาก็มีแต่ตายกับตาย…


 


และทั้งหมดล้วนเป็นเพราะ ‘ของขวัญ’ จากผู้อื่น!


 


และ ‘ของขวัญ’ ที่ว่า ก็คือการเฝ้าจับตาความเคลื่อนไหวของเขาทุกฝีก้าว! จากรองจ้าวหอคุมกฏต่งหยวนจิ้น บิดาของอาวุโสเพลิงทองแดงในหอคุมกฏ ต่งหลิน ที่เคยมีเรื่องบาดหมางกับเขา!


 


ถึงแม้ว่าเขายังไม่เคยเห็นหน้าต่งหยวนจิ้นด้วยซ้ำ แต่อีกฝ่ายก็สั่งคนให้มาจับตาเขาเพื่อหาโอกาสฆ่าเขาไม่เลิก! เรียกว่าเขาเห็นมันเป็นศัตรูที่ต้องฆ่าให้ตายในสักวันมาตลอด!!


 


หากมีโอกาสเขาไม่มีวันปล่อยให้มันรอดไปได้แน่!


 


“ปีกอีกาทองคำ!”


 


เมื่อเหินร่างเข้าเขตหอคุมกฏแล้ว ก่อนที่อาวุโสลาดตระเวนของหอคุมกฏจะทันได้ตอบสนองสิ่งใด ต้วนหลิงเทียนก็เร่งเร้าพลังเซียนสุริยันในร่างใช้ออกด้วยเวทย์พลังเสริมเคลื่อนไหวทันที มองจากไกลๆ แผ่นหลังเขาคล้ายมีมวลเพลิงขนาดมหึมาลุกไหม้ขึ้นมา!


 


ในเวลาชั่วพริบตาดุจอัสนีวาบ มวลเพลิงมหึมาที่ลุกโชนอยู่กลางหลังอย่างร้อนแรงของต้วนหลิงเทียน ก็เริ่มควบรวมกลายเป็นปีกเพลิงคู่หนึ่ง!


 


เมื่อมันควบรวมเป็นปีกแล้ว มันก็สะบัดกระพือทันที!


 


ทันใดนั้น


 


ปง! ปง! ปง!


 



 


เสียงแตกระเบิดดังสนั่นลั่นขึ้น ร่างต้วนหลิงเทียนพลันพุ่งทะยานล่วงล้ำลึกเข้าไปในเขตหอคุมกฏทันที มองไปยังประหนึ่งลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศร!


 


ความเร็วในขณะที่ร่างเขาเหินทะยานข้ามฟ้านั้น ไม่ได้ด้อยไปกว่าเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนแม้แต่น้อย!


 



 


“ผู้ใด!?”


 


“ใครกัน!?”


 



 


แทบจะเป็นวินาทีเดียวที่ร่างต้วนหลิงเทียนคล้ายกลับกลายเป็นสายลมกรรโชกพัดหายไป ร่างผู้อาวุโสลาดตระเวนมากมายก็มาหยุดลงในจุดที่เขาเหินอยู่ก่อนหน้า


 


ทว่าเมื่อพวกมันมาถึงก็พบเจอแต่ความว่างเปล่า ต้วนหลิงเทียนไม่อยู่แล้ว…


 


และตอนนี้ร่างต้วนหลิงเทียนก็ทะยานข้ามฟ้ามาฉับไวจนบรรลุถึงน่านฟ้าส่วนตะวันออกของหอคุมกฏ เมื่อตอนที่เขามาทำงานที่หอคุมกฏเมื่อไม่กี่ปีก่อน เขาก็ได้รับทราบมาว่าพื้นที่แถบนี้เป็นเขตหวงห้าม!


 


ว่ากันว่าชนชั้นจ้าวหอคุมกฏ รวมถึงรองจ้าวหอคุมกฏหลายคนมักบ่มเพาะพลังอยู่ในเขตหวงห้ามดังกล่าว


 


เหตุผลที่ไฉนมันถึงกลายเป็นเขตหวงห้าม ก็เพราะมันถูกจำกัดไว้ให้เข้าออกได้ก็แต่อาวุโสระดับสูงของหอคุมกฏเท่านั้น อาวุโสทั่วไปไม่ได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าไป


 


แน่นอนว่ายังมีข้อยกเว้น


 


อย่างเช่นหากเป็นลูกของจ้าวหอคุมกฏ ลูกของรองจ้าวหอคุมกฏไม่เว้นศิษย์ส่วนตัว ย่อมมีอิสระในการผ่านเข้าออก ไม่มีใครคิดจะพูดอะไรมากกับการผ่านเข้าออกของพวกมัน!


 


หลังเข้าสู่เขตหวงห้ามของหอคุมกฏ ร่างต้วนหลิงเทียนก็หยุดลง


 


“ต่งหยวนจิ้น ไสหัวของเจ้าออกมา!!”


 


ทันใดนั้นสองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายดุร้าย ควบพลังส่งเสียงกล่าวออกมาดังสนั่นลั่นไปทั่ว!


 


เสียงตะโกนอันเกรี้ยวกราดนี้บรรจุไว้ด้วยพลังเซียนสุริยันอันแข็งแกร่ง ทำให้ดังกึกก้องครอบคลุมเขตหวงห้ามของหอคุมกฏแน่นอน!


 


ภายในเขตหวงห้ามของหอคุมกฏ…มีหุบเขาเล็กๆหนึ่งอันเงียบสงบ และภายในหุบเขาเล็กๆอันเงียบสงบนี้ ก็มีกลิ่นหอมสดชื่นของมวลบุปผานานาพรรณ ยังแว่วเสียงน้ำตกเคล้าคลอไปกับเสียงสกุณาเจื้อยแจ้วกลายเป็นสำเนียงกล่อมใจให้ผ่อนคลายสบายอารมณ์


 


และในบริเวณพื้นที่ราบลุ่มใกล้ๆน้ำตก ก็มีคฤหาสน์หลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่


 


คฤหาสน์หลังนี้ตั้งอยู่ในหุบเขา รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ ข้างคฤหาสน์ก็เป็นสายธารน้ำตก บรรยากาศร่มรื่นฟุ้งไปด้วยละอองน้ำเย็นฉ่ำ จนคล้ายมีหมอกสลัวๆปกคลุมตลอดเวลา ให้บรรยากาศดั่งวิมานฟ้าบนแดนสรวงอยู่บ้าง…


 


ทว่าเมื่อเสียงตะโกนต้วนหลิงเทียนดังขึ้นมา ความสงบเงียบของหุบเขาเล็กๆแห่งนี้ก็ถูกทำลายทันที


 


“ผู้ใด!?”


 


ภายในคฤหาสน์ที่ตั้งอยู่ในหุบเขาเล็กๆอันเงียบสงบ อาวุโสของหอคุมกฏ ต่งหลิน สีหน้าถึงกับเปลี่ยนเป็นอึมครึมทันใดเมื่อได้ยินเสียงตะโกนโอหังดังกล่าว


 


มันไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่ายังมีใครขวัญกล้าเทียมฟ้าถึงกับตะโกนเรียกหาบิดามันอย่างโอหังถึงเพียงนี้ในลัทธิบูชาไฟ ถึงกับสั่งให้บิดามันที่เป็นถึงรองจ้าวหอคุมกฏ ไสหัวออกไป!!


 


นอกจากนั้นมันยังรู้สึกว่าเสียงนี้คลับคล้ายคลับคลานัก ราวกับมันเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน แต่มันยังไม่อาจนึกได้ออก


 


ขณะเดียวกัน คนอื่นๆที่อยู่ในหุบเขาแห่งนี้ก็ตื่นตระหนกตกใจเช่นกัน


 


“ผู้ใดหาญกล้ามาสร้างปัญาหาที่หอคุมกฏเรา!”


 


“ฟังจากเสียงตะโกนดุร้ายนั่นแล้ว สมควรเป็นศัตรูของท่านรองจ้าวหอต่ง…แต่ศัตรูของรองจ้าวหอต่งผู้นี้ใช่ขวัญกล้าไปหรือไม่! ถึงกับกล้าล่วงเกินชนชั้นรองจ้าวหอคุมกฏของลัทธิบูชาไฟถึงเพียงนี้ กระทั่งยังสั่งให้รองจ้าวหอค่งไสหัวออกไป?”


 


“ข้าอยากรู้นัก ว่าผู้มาเป็นเทพยดาองค์ใดกันแน่!”


 



 


คนที่ตื่นตระหนกก็เป็นรองจ้าวหอคุมกฏคนอื่นๆ ยังมีลูกหลานรวมถึงศิษย์ส่วนตัว


 


พอได้ยินเสียงยั่วยุท้าทายแบบนี้ ทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความอยากกรู้อยากเห็นนัก ต่างเร่งเหินร่างออกจากสถานที่พักอาศัยขึ้นไปบนฟ้า มุ่งหน้าไปยังต้นเสียงทันที ด้วยอยากเห็นหน้าค่าตาของผู้ที่มาตะโกนอย่างดุร้ายนั่น


 


หลังจากตะโกนออกไปอย่างดุร้ายแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ลอยร่างค้างกลางหาวอย่างสงบ ใบหน้าปลอดโปร่งไร้ซึ่งความกังวลใดๆทั้งสิ้น


 


ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!


 



 


ทันใดนั้นเองพลันปรากฏเสียงแหวกอากาศมาฉับไว ทั้งสายลมพัดมาหลายสาย เป็นเงาร่างคนกลุ่มหนึ่งที่มุ่งหน้าขึ้นฟ้ามาด้วยความเร็ว พริบตาก็ลุมาถึงพื้นที่ว่างใกล้ๆจุดที่ต้วนหลิงเทียนลอยอยู่


 


คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็เป็นลูกหลานทั้งศิษย์ของรองจ้าวหอคุมกฏ


 


ทั้งหมดเร่งรุดออกมาจากเขตหวงห้ามของหอคุมกฏที่ตั้งอยู่บนพื้นดินใต้เท้าต้วนหลิงเทียน


 


“หือ? ไฉนคนผู้นี้ถึงได้แลดูคุ้นๆนักล่ะ?”


 


“มองจากชุดเสื้อผ้าแล้วสมควรเป็นศิษย์ที่แท้จริงคนหนึ่งของลัทธิบูชาไฟเรา! แต่ศิษย์ที่แท้จริงหาญกล้าเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน? ถึงกับบุกเข้ามาในเขตหวงห้ามแถมสั่งให้รองจ้าวหอต่งไสหัวออกมาแบบนี้?”


 


“เอ ไฉนข้ารู้สึกคุ้นๆหน้าศิษย์ที่แท้จริงผู้นี้จัง…พวกท่านจำมันได้หรือไม่?”


 


“ข้าเองก็รู้สึกคุ้นๆเช่นกัน…ยิ่งมองข้ายิ่งรู้สึกว่าเคยเห็นมันมาก่อนที่ไหนแน่ๆ ติดอยู่ที่ปากเท่านั้น!”


 


“งั้นข้าก็ไม่ได้คุ้นหน้ามันคนเดียวสินะ…”


 



 


กลุ่มคนที่พึ่งมาถึง พยายามมองสำรวจต้วนหลิงเทียนตั้งแต่หัวจรดเท้า หลายคนรู้สึกคุ้นหน้าต้วนหลิงเทียน ทว่าครุ่นคิดจนคิ้วย่นเป็นปมสักพักก็ยังนึกกันไม่ออก


 


“ฮ้า! ข้าจำได้แล้ว!”


 


ทันใดนั้นเองพลันมีเสียงอุทานหนึ่งดังขึ้น ทำให้คนรอบๆสะดุ้งตกใจทันที


 


และทันใดนั้นทุกสายตาก็หันไปมองจ้องผู้ที่โพล่งดังออกมา


 


ผู้ที่โพล่งออกมาเสียงดังเมื่อครู่เป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง เมื่อเห็นว่าทุกคนหันมาสนใจแล้ว มันก็เชิดหน้ากล่าวออกเสียงดังฟังชัดว่า “มันคือต้วนหลิงเทียน!”


 


“ต้วนหลิงเทียน!!”


 


ทันทีที่ชายหนุ่มกล่าวนามนี้ออกมา ทุกคนก็ถึงกับเงียบไปทันที


 


หลังจากกนั้นไม่นานทุกคนก็ดึงสติกลับมาได้สำเร็จ ต่างหันไปมองศิษย์ที่แท้จริงที่ลอยร่างกลางฟ้าอยู่คนเดียวอีกครั้งด้วยสายตาจริงจัง


 


“ข้าจำได้แล้ว! เป็นต้วนหลิงเทียนจริงๆ! ข้าเคยเห็นรูปเหมือนของมัน!!”


 


“ข้าก็นึกออกแล้วเช่นกัน! ข้าเคยเห็นรูปเหมือนต้วนหลิงเทียนเมื่อ 3 ปีก่อน มิน่าล่ะข้าถึงได้รู้สึกคุ้นหน้ามันนัก!”


 


“ข้าด้วย!”


 


“มันคือต้วนหลิงเทียนจริงๆหรือ! ไฉนถึงได้กลับมารวดเร็วนักเล่า ไม่ใช่ว่าท่านจ้าวลัทธิพึ่งออกแถลงการณ์ไปได้แค่ 3 วันหรือไร?”


 



 


ไม่นานผู้คนที่มาชมดูเรื่องราวก็จดจำต้วนหลิงเทียนได้หมด


 


“ว่าแต่ต้วนหลิงเทียนมีเรื่องราวบาดหมางกับรองจ้าวหอต่งด้วยหรือ?”


 


พอนึกถึงเสียงตะโกนอย่างดุร้ายก่อนหน้าต้วนหลิงเทียน บางคนที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย


 


“ข้าก็ไม่แน่ใจนัก…แต่หากข้าจำไม่ผิด เหมือนต้วนหลิงเทียนจะเคยมีเรื่องกับต่งหลิน บุตรชายของรองจ้าวหอต่ง…แถมเรื่องนั้นนับว่าสร้างความบาดหมางให้ทั้งคู่ไม่น้อยเลยด้วย”


 


ยังมีคนที่พอจดจำเรื่องราวได้


 


“ต้วนหลิงเทียน!!”


 


ทันใดนั้นเองปรากฏเสียงคำรามด้วยความเกรี้ยวกราดหนึ่งดังขึ้นจากด้านล่าง


 


ภายใต้สายตาที่หันไปจับจ้องมองของทุกคน ปรากฏร่างหนึ่งเหินทะยานขึ้นมาจากด้านล่าง ไม่นานก็หยุดค้างกลางหาวไม่ไกลจากต้วนหลิงเทียนเท่าไหร่ ยังจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง


 


“เป็นอาวุโสต่งหลิน!”


 


ทันทีที้ผู้มาใหม่มาถึง ทุกคนก็จดจำมันได้ทันที


 


ต่งหลิน อาวุโสเพลิงทองแดงของหอคุมกฏ บุตรชายของรองจ้าวหอคุมกฏ ‘ต่งหยวนจิ้น’


 


แทบไม่มีใครในหอคุมกฏไม่รู้จักมัน


 


“ต้วนหลิงเทียน เจ้าอย่าได้หลงคิดไปว่าเพียงเพราะท่านจ้าวลัทธิเชิญเจ้ากลับมาแล้ว…เจ้าจะมีป้ายอาญาสิทธิ์ละเว้นโทษตาย!”


 


ต่งหลินมองจ้องต้วนหลิงด้วนด้วยสายตาดุร้าย กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น ประหนึ่งจะผุดแทรกขึ้นมาจากหล่มน้ำแข็ง!


ตอนที่ 2,181 : โทษที


 


ต่งหลินเองก็ถือว่าเป็นอดีตคนคุ้นเคยสำหรับต้วนหลิงเทียนเช่นกัน…


 


และหากจะกล่าวไปแล้วก็เป็นเพราะต่งหลินคนเดียว ถึงทำให้ต้งหยวนจิ้นมีปัญหากับเขา! ถึงขั้นที่มันเห็นเขาเป็นหนามตำตา จนแทบรอฆ่าเขาเพื่อกำจัดให้พ้นหูพ้นตาของมันไม่ไหว…!!


 


“ป้ายอาญาสิทธิ์ละเว้นโทษตาย?”


 


ได้ยินคำของต่งหลิน ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะหันไปเหลือบมองมันด้วยสายตาเฉยเมย มุมปากยกยิ้มแสยะด้วยความรังเกียจ “โทษที…กับคนอื่นข้าไม่รู้ แต่กับเจ้าต่งหลิน…ข้าต้วนหลิงเทียนไม่ต้องใช้อะไรพรรค์นั้นหรอก”


 


โอ! อา!


 


วาจานี้ของต้วนหลิงเทียนทำให้ผู้คนที่มาชมดูเรื่องราวถึงกับฮือฮาขึ้นมาทันที! ทุกคนยังหันไปมองต่งหลินเป็นสายตาเดียวกัน!!


 


เพราะสุดท้ายแล้ววาจานี้ของต้วนหลิงเทียนก็เห็นชัดว่าเหยียบย่ำกดหัวต่งหลินชัดเจน!


 


แน่นอนว่าทั้งหมดรู้ดีว่าสำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว คงไม่ต้องการป้ายอาญาสิทธิ์ละเว้นโทษตายอะไรนั่นไว้ใช้กับต่งหลินจริงๆ…


 


เพราะแต่ไหนแต่ไรมา ต่งหลินก็ไม่เคยเป็นคู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนเลย!


 


เรียกว่าอยู่กันคนละระดับอย่างสิ้นเชิง!


 


นี่เป็นบทสรุปตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน…


 


จากการเปรียบเทียบ พลังสามารถของทั้งสองนานวันมีแต่จะยิ่งห่างไกล…ไม่มีวันที่ต่งหลินจะไล่ตามได้ทันตลอดชั่วชีวิต!!


 


“เจ้า!!”


 


ได้ยินวาจาไม่เห็นหัวตัวเองนี้ของต้วนหลิงเทียน ต่งหลินโมโหจนควันแทบออกหูกรามยังขบดังแทบแตก! หากแต่มันก็ไม่มีคำไหนจะเถียง!!


 


นั่นเพราะต้วนหลิงเทียนพูดเรื่องจริง! กับมันต่งหลิน…ต้วนหลิงเทียนไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ป้ายเว้นโทษตายอะไร เพราะมันไม่ใช่คู่มือของต้วนหลิงเทียนเลย!!


 


อย่างไรก็ตามถึงแม้นี่จะเป็นเรื่องจริง แต่การที่ถูกต้วนหลิงเทียนเอามาพูดด้วยสีหน้าไม่เห็นมันอยู่ในสายตาแบบนี้ มันรับไม่ได้!


 


และยิ่งมาถูกทุกคนมองมาซ้ำเติม ต่งหลินก็ยิ่งรู้สึกอับอายขายหน้านัก!


 


ทว่าทันใดนั้นเอง เสียงดังสนั่นปานฟ้าร้องหนึ่ง พลันดังขึ้นก้องฟ้าอย่างประจวบเหมาะ…


 


“ต่อหน้ามันเจ้าต้วนหลิงเทียนไม่ต้องใช้ป้ายเว้นโทษตาย…แล้วถ้าเป็นต่อหน้าข้าเล่า!?”


 


พร้อมๆกันกับที่เสียงนี้ดังขึ้น ก็ปรากฏร่างหนึ่งเหินทะยานขึ้นมาหยุดลอยค้างกลางฟ้าในชั่วพริบตา เป็นชายวัยกลางคนหนึ่งที่วูบมาปรากฏเบื้องหน้าต่งหลิน! ปกป้องต่งหลินและคนคุ้มกันต่งหลินเอาไว้ด้านหลัง!!


 


และฟังจากวาจาของชายวัยกลางคนเมื่อครู่แล้ว


 


ชายวัยกลางคนเบื้องหน้าต่งหลินคนนี้ สมควรมาเพื่อปกป้องต่งหลิน ร่างคนยังลอยตระหง่านให้ความรู้สึกเหมือนปราการเหล็ก!


 


ซู่มมม!


 


หลังชายวัยกลางคนปรากฏขึ้นได้ไม่นานนัก ก็ปรากฏสายลมหอบหนึ่งพัดกรรโชกมาอย่างแรง


 


ขณะเดียวกันก็ปรากฏร่างชายชราคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังชายวัยกลางคน คอยประกบอยู่ด้านข้างต่งหลินอย่างเงียบงัน คล้ายข้ารับใช้ของชายวัยกลางคน!


 


“เป็นรองจ้าวหอต่ง!”


 


“ด้านหลังรองจ้าวหอต่งที่ยืนอยู่ข้างๆต่งหลินนั่นสมควรเป็นผู้เฒ่าหยาง…ว่ากันว่าผู้เฒ่าหยางคนนี้เป็นเซียนสรรค์ 5 เปลี่ยน ที่มิได้มีพลังฝีมือด้อยไปกว่ารองจ้าวหอต่งเลย!”


 


“ใช่ ข้าเองก็เคยได้ยินท่านอาจารย์บอกมาเหมือนกัน ว่าผู้เฒ่าหยางคนนี้…พลังฝีมือมิได้ด้อยไปกว่าท่านอาจารย์เลย!”


 


“อาจารย์ของเจ้า…ใช่รองจ้าวหอเจียงหรือไม่?”


 


“ใช่แล้ว”


 


……


 


เมื่อชายวัยกลางคนทั้งชายชราปรากฏขึ้น ผู้ที่มาชมเรื่องราวก็อดไม่ได้ที่จะกระซิบกระซาบคุยกัน


 


ในวาจาก็เผยตัวตนของผู้มาใหม่ทั้ง 2 หมดสิ้น


 


“ต่งหยวนจิ้น?”


 


ได้ยินเสียงกระซิบของผู้คนโดยรอบ แววตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายดุร้ายเอาเรื่องทันที หันไปมองจ้องตาต่งหยวนจิ้น ด้วยสายตาทำราวกับจะฉีกร่างผู้คนด้วยมือเปล่า


 


ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขายึดถือคติ หากคนอื่นไม่หาเรื่องเขา เขาก็จะไม่ไปหาเรื่องผู้อื่น!


 


ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่นใดให้มาก ที่เขามีเรื่องกับต่งหลินลูกต่งหยวนจิ้นนั้น เป็นเพราะอีกฝ่ายมายุ่งวุ่นวายกับเขาเอง หากอีกฝ่ายไม่มายุ่งกับเขาไหนเลยเขาจะเสียเวลาไปสนใจมัน!


 


อย่างไรก็ตามต่งหลินเป็นคนที่มีเรื่องกับเขาแท้ๆ…แต่ต่งหยวนจิ้นผู้นี้กลับเป็นคนคิดฆ่าเขาเพื่อเห็นแก่ลูกชาย?


 


จะให้เขาทนได้อย่างไรไหว!


 


“ต้วนหลิงเทียน เจ้านับเป็นศิษย์ที่แท้จริงที่กล้าหาญที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมาในประวัติศาสตร์ของลัทธิบูชาไฟจริงๆ!”


 


แม้นี่จะเป็นครั้งแรกเช่นกันที่ต่งหยวนจิ้นได้เห็นต้วนหลิงเทียนตัวเป็นๆ แต่มันก็เผยทีท่าเป็นศัตรูออกมาชัดเจน


 


“ศิษย์ที่แท้จริงเช่นเจ้าไม่เพียงแต่กล้าบุกรุกเข้ามาพื้นที่ของหอคุมกฏเท่านั้น แต่ยังกล้าบุกรุกเข้ามาในเขตหวงห้ามของหอคุมกฏด้วย…แถมแค่นั้นยังไม่พอ หลังเจ้าบุกรุกเข้ามาในเขตหวงห้ามของหอคุมกฏแล้ว ยังกล้าตะโกนเสียงดังท้าทายข้า รองจ้าวหอคุมกฏอย่างสามหาวให้ไสหัวออกมา!”


 


ขณะกล่าวถึงคำ ไสหัวออกมา น้ำเสียงของต่งหยวนจิ้นก็เข้มนัก


 


ถึงแม้ว่าแต่ต้นจนจบต่งหยวนจิ้นจะแลดูสงบใจเย็น


 


ทว่าผู้คนในที่นี้สัมผัสได้ชัดเจนถึงเจตนาฆ่าฟัน ที่เอ่อล้นออกมาทั่วร่าง ยังเป็นเจตนาฆ่าฟันที่เกิดจากการโมโหถึงขีดสุด!


 


พวกมันเองก็รู้ดีว่าตอนนี้รองจ้าวหอต่งของพวกมันสมควรโกรธมาก!


 


“ก็จริง…ในประวัติศาสตร์ลัทธิบูชาไฟเราไม่เคยมีศิษย์ที่แท้จริงอย่างต้วนหลิงเทียนมาก่อน…”


 


“อย่าว่าแต่ในประวัติศาสตร์ลัทธิบูชาไฟเราเลย ให้เป็นขุมพลังไหนก็ไม่สมควรมีตัวตนเช่นนี้ปรากฏออกมาก่อนหรอก…”


 


“แต่ข้าไม่รู้จริงๆว่าต้วนหลิงเทียนไปพกพาความกล้ามาแต่ที่ใด…ไม่เพียงแต่กล้าล่วงเกินหอคุมกฏเราด้วยการบุกรุกเขตหวงห้าม แต่ยังกล้าใช้วาจาสามหาวสั่งให้รองจ้าวหอต่งออกมาอย่างโอหังแบบนั้น….”


 


“นี่มันรู้หรือไม่ว่าอาศัยความผิดระดับนี้ของมัน มากพอที่จะให้หอคุมกฏพิพากษาโทษหนักให้มันทันที?”


 


“นั่นสิ ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะเป็นเพราะจ้าวลัทธิเชื้อเชิญต้วนหลิงเทียนให้กลับมาด้วยการออกแถลงการณ์…แต่ด้วยความผิดทั้งหมดที่ต้วนหลิงเทียนกระทำตอนนี้ ต่อให้โทษตายละเว้นได้แต่โทษเป็นยังอยู่ มันต้องถูกทุบตีเจียนตายแน่!!”


 


“ข้าไม่รู้จริงๆว่าต้วนหลิงเทียนคิดอะไรอยู่…”


 


……


 


ฟังจากวาจาของผู้ที่มามุงชมเรื่องราว ต่างเห็นว่าต้วนหลิงเทียนก่อการอุกอาจเกินไป หาเรื่องเกินไป! จนกำลังจะซวยแล้ว!!


 


“อา นี่เจ้ากล่าวชมข้าหรือ? มิกล้าๆ ข้ามิกล้ารับ…”


 


ได้ยินวาจาแฝงความนัยของต่งหยวนจิ้น ต้วนหลิงเทียนเพียงทำตาโต ค่อยยักไหล่พลางกล่าวตอบออกไปอย่างไม่แยแส


 


และทีท่าวาจาตอบกลับมาครั้งนี้ของเขา นับว่าทำให้โทสะอารมณ์ของต่งหยวนจิ้นแทบจะพุ่งทะลุจุดระเบิด! ลูกตาเผยจิตสังหารเยียบเย็น ยังดุร้ายปานจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คนสดๆ!!


 


“กล่าวชม?”


 


“ให้ดิ้นตายเถอะ…นี่ต้วนหลิงเทียนไม่รู้หรือว่ารองจ้าวหอต่งประชด?”


“ข้าว่ามันรู้แหล่ะ เป็นมันจงใจแน่ๆ…ท่ามันยียวนกวนเท้าเสียขนาดนั้น”


 


… …


 


การตอบสนองของต้วนหลิงเทียน นับว่าสร้างความปั่นป่วนให้ผู้คนนัก


 


พวกมันไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าถึงขั้นนี้แล้วต้วนหลิงเทียนยังจะ ‘ใจกล้า’ กวนอารมณ์ของต่งหยวนจิ้นอยู่อีก…


 


หรือนี่ต้วนหลิงเทียนไม่รู้ตัวจริงๆหรือไร…ว่าตอนนี้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายขนาดไหน?


 


“ฮ่าๆๆๆ….”


 


ทันใดนั้นเองต่งหยวนจิ้นพลันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นปานคุ้มคลั่ง ยังหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังไปพักหนึ่ง


 


หลังจากที่หยุดหัวเราะ สายตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนก็เย็นชาเหลือเกิน


 


“ต้วนหลิงเทียน…เจ้าเชื่อหรือไม่? ว่าต่อให้เจ้าจะเป็นคนที่ท่านจ้าวลัทธิเชิญกลับมาด้วยตัวเอง แต่ข้าก็ยังมีสิทธิ์จับเจ้าเข้าห้องลงทัณฑ์ของหอคุมกฏ…ทั้งยังจะสามารถลงทัณฑ์เจ้าได้ทุกรูปแบบ ให้เจ้าได้รู้สึกเสมือนอยู่ไม่สู้ตาย!?”


 


กล่าวถึงท้ายประโยคเสียงของต่งหยวนจิ้นก็เย็นยะเยือกนัก ยามดังเข้าหูผู้คนโดยรอบ ยังทำให้ทุกคนรู้สึกเสมือนอุณหภูมิรอบกายลดต่ำลงหลายองศา!


 


นอกจากนั้นพวกมันยังสัมผัสได้ถึงโทสะของต่งหยวนจิ้นชัดเจน


 


และในขณะที่สายตาของทุกคนหันไปจับจ้องมองร่างต้วนหลิงเทียน ด้วยอยากรู้ว่าต้วนหลิงเทียนจะตอบสนองต่งหยวนจิ้นอย่างไรนั้นเอง


 


“โทษที…แต่พอดีข้าไม่เชื่อ”


 


ภายใต้ทุกสายตา ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมยไร้แยแส ท่วงท่าแลดูสงบใจเย็นไม่แปรเปลี่ยน


 


ในขณะที่ต่งหยวนจิ้นกำลังมีโมโหเพราะคำตอบนี้จนใบหน้าเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยาก ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวสืบต่อออกมาอีกว่า “อ่อ ข้ายังจำได้ ดูเหมือนตอนมาเจ้ายังถามข้าอีกเรื่องด้วยนี่?”


 


“ถ้างั้นตอนนี้ข้าตอบให้เจ้าฟังเลยแล้วกัน ต่อหน้าลูกชายเจ้าต่งหลินข้าไม่ต้องการป้ายเว้นโทษตายต่อหน้าเจ้าต่งหยวนจิ้น ข้าเองก็ไม่ต้องใช้ป้ายอาญาสิทธิ์ละเว้นโทษตายอะไรเช่นกัน!”


 


“สำหรับคนอื่นข้าต้วนหลิงเทียนอาจหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่สำหรับเจ้าต่งหยวนจิ้น? ขอโทษที..แต่เจ้ายังไม่มีคุณสมบัติพอให้ข้าต้องกลัว”


 


วาจากล่าวตอบประโยคแรกของต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่จะไม่กลัวคำขู่ของต่งหยวนจิ้นเท่านั้น วาจาประโยคหลังยังถึงกับกล่าวย้ำกับต่งหยวนจิ้นต่อหน้า ว่าไม่กลัวมัน!!


 


และทันทีที่เสียงต้วนหลิงเทียนดังออกมา ฉากเรื่องราวก็กลายเป็นเงียบงันทันใด คงเหลือเพียงเสียงสูดลมหายใจเข้าอย่างรุนแรงทั้งเร่งร้อน…


 


ทั้งหมดรู้สึกว่าวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน ช่างไม่ไว้หน้าผู้คนสิ้นดี! พาลให้พวกมันตะลึงงันไปแล้วจริงๆ!!


 


และไม่ใช่แค่เหล่าคนที่มาชมดูเรื่องราวจะตะลึงไปเพราะคำกล่าวนั่นเท่านั้น…


 


แม้แต่รองจ้าวหอคุมกฏอย่างต่งหยวนจิ้น กับต่งหลินลูกชายมัน ก็ถูกวาจาของต้วนหลิงเทียนทำให้อึ้งตะลึงค้างไปแล้วจริงๆ!


 


พวกมันกระทั่งหลับ ยังไม่เคยฝัน…


 


ว่าต้วนหลิงเทียนจะหาญกล้าถึงขั้นนี้!


 


“หยิ่ง! ทั้งหยิ่งผยองทั้งจองหองเกินไป!!”


 


จังหวะนี้ผู้ชมที่คืนสติรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนทั้งหยิ่งทั้งจองหองนัก!


 


“ต้วนหลิงเทียน เจ้ามันรนหาที่ตาย!!”


 


หลังจากรู้สึกตัว ต่งหลินก็ชักสีหน้าดุร้ายกล่าวตะคอกออกมาเสียงเย็น


 


แม้ต่งหยวนจิ้นจะไม่พูด แต่แววตาของมันก็เย็นลง ทั้งรอบกายคล้ายจะแผ่รังสียะเยือกออกมาขุมหนึ่ง พาลให้ผู้คนโดยรอบอยู่ๆดีๆก็รู้สึกเหน็บหนาวจับไขสันหลัง!


 


ไอเย็นดังกล่าว…ปานจะแช่ร่างผู้คนให้เป็นน้ำแข็งแล้วจริงๆ!


 


และในขณะที่บรรยากาศเริ่มเย็นยะเยือกทั้งฟุ้งตลบไปด้วยกลิ่นดินปืนนั้นเอง…


 


“กล้าหมิ่นหยามนายท่าน! เจ้ามันสมควรตาย!!”


 


เสียงตะโกนเยียบเย็นด้วยอำมหิตหนึ่งพลันลั่นดังก้องฟ้า พร้อมกันนั้นร่างชราที่ลอยอยู่ข้างๆต่งหลินพลันอันตรธานหายไปจากข้างกายต่งหลินทันที!


 


ร่างมันปรากฏอีกครั้งก็พบว่ากำลังโจนทะยานเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วสูง!


 


ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!


 


พร้อมกันกับเสียงสนั่นปานฟ้าคำรามก้องดังไม่หยุด ปรากฏร่างชายชราจู่โจมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนปานสายฟ้า! ด้วยพลังฝึกปรือชั่วชีวิตที่ปะทุระเบิดออกของชายชรา! ทำให้ความเร็วในการลงมือของมัน…สุดที่ผู้ชมอันมีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยไม่ถึงขั้นจะมองตามได้ทัน!!


 


นอกจากนั้นกระบวนท่าที่มันจู่โจมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน ยังเป็นกระบวนท่าสังหาร! เห็นชัดว่าคิดฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตาย!!


 


คล้ายเวลานี้มันไม่คิดจะสนใจเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนถูกจ้าวลัทธิออกแถลงการณ์เชื้อเชิญให้กลับมาเป็นการส่วนตัวแม้แต่น้อย


 


“สมควรตาย? โทษที…แต่อาศัยพลังฝีมือเพียงเท่านี้ของเจ้าไม่พอฆ่าข้าหรอก…”


 


วาจาเฉยเมยไม่แยแสต้วนหลิงเทียนดังขึ้นอีกครั้ง


 


แม้กำลังเผชิญหน้ากับกระบวนท่าสังหารด้วยพลังฝึกปรือชั่วชีวิตของชายชรา แต่ต้วนหลิงเทียนก็ยังคงลอยร่างแน่นิ่งไม่ไหวติงปานขุนเขา


 


ทุกคนได้ยินวาจาเรียบเฉยของต้วนหลิงเทียน แต่ก่อนที่พวกมันจะทันได้ตอบสนองอะไร พวกมันก็ได้แลเห็น…


 


ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างนิ่งเฉย พลันยกมือขวาขึ้นมากำหมัดอย่างไม่รีบไม่ร้อน ก่อนที่กำปั้นจะพุ่งวูบหายไปในอากาศ!


 


ปังงงง!!


 


พริบตาที่หมัดขวาต้วนหลิงเทียนคล้ายจะอันตรธานหายไป ทุกคนพลันได้ยินเสียงสนั่นปานฟ้าถล่มดังเข้าหู


 


ครู่ต่อมาพวกมันก็ได้แลเห็นฉากอันตระการตาหนึ่ง…


 


ข้ารับใช้ชรา ผู้เฒ่าหยาง ตัวตนที่มีพลังฝึกปรือไม่ได้ด้อยไปกว่าต่งหยวนจิ้น รองจ้าวหอคุมกฏที่พลังฝึกปรือบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน…


 


กลับกลายเป็นหมอกโลหิต…เพราะหนึ่งหมัดของต้วนหลิงเทียน!


ตอนที่ 2,182 : ทุบตีผู้คนจมดิน!


 


ร่างชายชราที่ปะทุพลังชั่วชีวิตโจนทะยานเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนนั้น สภาวะของมันเรียกว่าทรงพลังอย่างเกรี้ยวกราด ทั้งยังฉับไวปานอัสนีฟาดผ่า อนิจจาร่างทั้งร่างของมันกลับต้องถูกพลังมหาศาลซัดเข้าอย่างจัง! จนคนทั้งคนระเบิดกลายเป็นละอองเลือด…!!


 


ปงงงง!!


 


เสียงระเบิดดังสนั่นลั่นแก้วหูนี้ กล่าวไปมันพึ่งดังเข้าหูทุกผู้คน หลังจากที่ทั้งหมดได้แลเห็นคนทั้งคนกลับกลายเป็นละอองโลหิตไปแล้ว…


 


ความเร็วของเสียงนั้นช้ากว่าแสง…


 


เช่นนั้นพวกมันจึงเห็นร่างชายชราถูกป่นเป็นละอองเลือดก่อนที่จะทันได้ยินเสียงระเบิดของพลัง…


 


ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!


 



 


หลังจากที่ฉากเรื่องราวเหนือฟ้ากลายเป็นเงียบงันไร้สำเนียงไปพักหนึ่ง ในที่สุดเสียงสูดอากาศเข้าอย่างขวัญผวาก็ดังขึ้น


 


ขวับ! ขวับ! ขวับ! ขวับ!


 



 


ขณะเดียวกันทุกผู้คนก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนอย่างพร้อมเพรียง ลึกลงไปในแววตาของพวกมันฉายชัดออกถึงความหวาดหวั่นพรั่นกลัวระคนไปด้วยความเหลือเชื่อ!


 


พวกมันย่อมรู้ดีแก่ใจว่าชายชราผู้นั้นเป็นใคร…


 


เป็นข้ารับใช้เก่าแก่ของรองจ้าวหอคุมกฏต่งหยวนจิ้น! พลังฝึกปรือบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน แถมพลังฝีมือยังติดอยู่ใน 100 อันดับแรกของรายนามยอดเซียนด้วยซ้ำ…


 


ทว่าตัวตนเช่นนี้ กลับสลายกลายเป็นหมอกเลือดเพราะหนึ่งหมัดของต้วนหลิงเทียน…


 


เรื่องนี้จะให้พวกมันกล่าวอย่างไรดี?


 


เพราะนั่นมันหมายความว่า ต่อหน้าต้วนหลิงเทียน…ตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนนั้นไม่นับเป็นอะไร! ยังแสนเปราะบาง สามารถบดขยี้ทำลายได้ง่ายดายนัก!!


 


“ไม่…ไม่จริง…ระ..เรื่องพรรค์นี้…ดะ…ได้ยังไง เป็นไปไม่ได้!!”


 


เสียงสั่นเครือได้วยความตื่นตระหนกทั้งหวาดกลัวดังขึ้น เป็นอาวุโสเพลิงทองแดงของหอคุมกฏ ต่งหลิน ที่ร่ำร้องออกมาอย่างเสียขวัญ เพราะมันเองก็เห็นว่าต้วนหลิงเทียนเพียงต่อยชายชราแค่หมัดเดียวเท่านั้น ชายชราก็กลายเป็นละอองเลือดไปแล้ว นั่นทำให้มันถึงกับตะลึงตาค้างไปทันที


 


หลังจากกลับมาครองสติ มันยังอดคิดว่าตัวเองฝันไปไม่ได้ ถึงกับยกมือขึ้นมาตบแก้มตัวเองฉาดหนึ่ง พร้อมกันกับที่มืออีกข้างบิดหยิกเนื้อต้นขา


 


และจากความเจ็บปวดแสบสันที่แล่นวาบจากใบหน้าต้นขา ก็เสมือนการบอกความจริงให้มันทราบอย่างไร้ความปราณี…


 


ว่ามันได้ฝันไป!


 


ทุกสิ่งที่มันกำลังเห็นอยู่เบื้องหน้าคือความจริง!


 


ต้วนหลิงเทียนอาศัยเพียงหนึ่งหมัด ก็ป่นร่าง ‘ผู้เฒ่าหยาง’ ที่พลังฝีมือไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าบิดามันมาก…


 


และแทบจะพร้อมกันกับที่ต่งหลินกล่าวออกมาเสียงสั่นด้วยความหวาดผวาเสียขวัญ


 


ความเยียบเย็นปานม่านน้ำแข็งที่ฉายทับบนใบหน้าต่งหยวนจิ้นก็สลายหายไปอย่างสมบูรณ์ ถูกแทนที่ด้วยใบหน้าตื่นตระหนกตกใจทั้งไม่เข้าใจ!


 


ฉากเบื้องหน้าสองตานับว่าสะท้านสะเทือนจิตใจยังสั่นไปถึงวิญญาณ!


 


ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก…นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยจริงๆ ที่มันบังเกิดความรู้สึกตื่นตระหนกขนาดนี้!


 


“ฆ่าผู้เฒ่าหยางในหมัดเดียวโดยที่ผู้เฒ่าหยางไม่มีแม้แต่โอกาสจะตอบโต้…กระทั่งเซียนสวรรค์ 6เปลี่ยน ข้าเกรงว่ายังไม่อาจกระทำเช่นนี้ได้!”


 


จังหวะนี้ร่างต่งหยวนจิ้นอดไม่ได้ที่จะสั่นเทิ้มไปทั้งตัว


 


ขณะเดียวกันความรู้สึกหวาดกลัวก็เริ่มเข้าครอบงำกัดกินในใจของมัน


 


อีกทั้งเมื่อถูกความหวาดกลัวเข้าครอบงำกัดกินใจแล้ว ก็ยากที่มันจะกลับมาฮึกเหิมลำพองต่อหน้าต้วนหลิงเทียนได้อีก เรียกว่าตอนนี้มันเสมือนสูญเสียจิตต่อสู้ไปแล้ว…


 


ยามมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตาของมันคงเหลือแต่เพียงหวาดกลัวทั้งไม่เข้าใจ สับสนไปหมด


 


ต้วนหลิงเทียนกลับเผยพลังฝีมืออันน่าสะพรึงกลัวขู่ขวัญมันกระเจิง จนทำให้มันไม่กล้าคิดตอแยต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป


 


แข็งแกร่งนัก!


 


ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียน มันร้ายกาจเกินไป!


 


กาลครั้งหนึ่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่าน ต้วนหลิงเทียนยังไม่ต่างอะไรจากมดในสายตามัน เรียกว่ามันจะบดบี้ให้ตายเมื่อใดก็ได้ กระทั่งยังลำบากแค่ส่งคนไปฆ่าต้วนหลิงเทียนโดยตรงโดยที่มันไม่ต้องลงมือด้วยตัวเองก็ยังได้…


 


ทว่าวันนี้หลังจากผ่านไปแค่ไม่กี่ปี พลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกก็ทำให้มันรับทราบสัจธรรมข้อหนึ่งทันที…


 


30 ปีเหอตง 30 ปีเหอซี …


(30 ปีอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำ 30 ปีอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำ = อุปมาว่าเรื่องราวในโลกมีเปลี่ยนแปลง รุ่งเรืองตกต่ำไม่แน่นอน)


 


ต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนเมื่อไม่กี่ปีก่อนอีกต่อไป…


 


วันนี้ต้วนหลิงเทียนมีพลังความแข็งแกร่งมากพอจะบดขยี้มัน ต่งหยวนจิ้น ได้อย่างง่ายดาย!


 


ถึงแม้ว่ามันจะไม่อยากยอมรับความจริงข้อนี้มากแค่ไหนแต่มันก็ต้องยอมรับ! เพราะมันคือความจริงที่ไม่อาจแปรเปลี่ยน!!


 


ความเสียใจเริ่มเอ่อล้นขึ้นมาท่วมท้นภายในใจของมัน


 


แน่นอนว่ามันไม่ได้เสียใจที่มีเรื่องบาดหมางกับต้วนหลิงเทียน แต่เสียใจที่มันไม่ได้ฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายคามือตั้งแต่เนิ่นๆ…


 


ในความคิดของมัน…


 


หากไม่กี่ปีที่แล้วมันเลือกที่จะเสี่ยงสักหน่อย ลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนทิ้งด้วยตัวเอง วันนี้ลัทธิบูชาไฟ คงไม่มีคนที่เรียกว่าต้วนหลิงเทียนอยู่อีกต่อไป!


 


“ระ..ร้ายกาจ! ช่างร้ายกาจนัก!!”


 


“จริง ช่างร้ายกาจยิ่ง! อาศัยเพียงหมัดเดียวก็ระเบิดร่างเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนให้ตกตายได้ง่ายๆ…ข้าเกรงว่าต่อให้เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 6เปลี่ยนทั่วไป ก็ยังไม่มีพลังทำลายน่ากลัวถึงขนาดนี้”


 


“ในลัทธิบูชาไฟของพวกเรา…ตัวตนที่มีพลังฝึกปรือด้อยกว่าเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนที่สามารถฆ่าผู้เฒ่าหยางได้ในหมัดเดียว ข้าเกรงว่าคงมีเพียงใต้เท้าจ้าวหอคุมกฏเท่านั้น…”


 


“เช่นนั้นหมายความว่า…พลังของต้วนหลิงเทียนไม่ได้ตกเป็นรองพลังของใต้เท้าจ้าวหอคุมกฏของพวกเราแล้วน่ะสิ?”


 


“ถึงข้าจะไม่อยากกเชื่อเรื่องนี้ก็ตามที…แต่ดูเหมือนความจริงมันเป็นเช่นนั้น!”


 


……


 


เหล่าผู้ที่มาชมดูเรื่องราวเมื่อรู้สึกตัวแล้วต่างก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกเฮือกใหญ่ น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความตกใจทั้งสับสน


 


ด้วยสถานการณ์เรื่องราวเบื้องหน้ามันเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเกินไป ยังเปลี่ยนไปเสียจนพวกมันไม่อาจตั้งตัวได้ทัน


 


ต้วนหลิงเทียนที่พวกมันไม่ได้ดูดำดูดีอะไรสักเท่าไหร่ กลับเผยพลังอำนาจอันน่าพรั่นพรึงอย่างที่พวกมันไม่กล้าคิดฝันออกมา สามารถป่นร่างผู้เฒ่าหยาง ข้ารับใช้ของต่งหยวนจิ้นจนแหลกเป็นหมอกโลหิตในหมัดเดียว…


 


ต้องทราบด้วยว่าข้ารับใช้ชราผู้นี้ของต่งหยวนจิ้นไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน!


 


ตัวตนระดับนี้ขอเพียงเต็มใจ ย่อมกลายเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสเพลิงทองของลัทธิบูชาไฟได้ทันที!


 


และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ…


 


ความแข็งแกร่งของข้ารับใช้ชราข้างกายต่งหยวนจิ้นผู้นี้ ให้เทียบกับตัวต่งหยวนจิ้นเองแล้ว…ก็ไม่ได้ด้อยกว่ากันมากนัก!


 


ในเมื่อต้วนหลิงเทียนมีพลังอำนาจมากพอจะฆ่าข้ารับใช้ชราของมันได้ในหมัดเดียว นั่นหมายความว่าหากต้วนหลิงเทียนต้องการก็อาจจะฆ่ามัน ต่งหยวนจิ้น ได้ในหมัดเดียวเช่นกัน


 


และถึงแม้หากหมัดเดียวฆ่ามันไม่ได้ ถ้า 2 หมัดเล่า?3 หมัดเล่า?


 


“หืม? ไฉนมีคนอยู่ตรงนี้กันเยอะนัก?”


 


ในขณะที่ฉากเรื่องราวกลับกลายเป็นเงียบงันลงอย่างประหลาด พลันมีเสียงผู้ใดก็ไม่ทราบดังขึ้น และเสียงดังกล่าวก็ทำลายความเงียบชวนให้อึดอัดใจไปทันที


 


พร้อมกันนั้น ก็มีร่างหนึ่งวูบมาปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนด้วยความเร็วสูง


 


“รองจ้าวหอเจียง!”


 


ทันใดนั้นแทบทุกคนในที่เกิดเหตุก็จดจำผู้มาใหม่ได้ทันที อีกฝ่ายก็คือ 1 ใน รองจ้าวหอคุมกฏ ของหอคุมกฏ เจียงฉิน!


 


“รองจ้าวหอเจียง?”


 


สายตาต้วนหลิงเทียนละออกจากพ่อลูกสกุลต่งหันไปมองจ้องผู้มาใหม่ทันทีหลังได้ยินคำทักของคนที่มุงดูอยู่โดยรอบ ยังกล่าวถามผู้มาใหม่ออกไปเสียงดังฟังชัดด้วยว่า “เจ้าคือรองจ้าวหอคุมกฏของหอคุมกฏ เจียงฉิน?”


 


เจียงฉิน เป็นคนที่มาจับตัวภรรยาและลูกสาวของเขาไปกักขังที่หอคุมกฏในกาลก่อน


 


ไม่กี่ปีที่แล้วตอนที่เขาเข้าไปทำงานในหอคุมกฏ เขาได้ยินแค่ชื่อของมันเท่านั้น แต่ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้ามันแต่อย่างไร


 


อย่างไรก็ตามเขาได้รับทราบมาว่า…


 


รองจ้าวหอคุมกฏนั้น มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ใช้แซ่เจียง!


 


“เจ้าคือ….”


 


ได้ยินเสียงกล่าวถามเย็นชาของต้วนหลิงเทียน เจียงฉินก็รู้สึกตัวทั้งหันไปมองถามต้วนหลิงเทียนทันที


 


มันพบว่าหน้าตาต้วนหลิงเทียนให้ความรู้สึกคุ้นตาอยู่บ้าง


 


และพอมันนึกถึงข่าวที่พึ่งได้ยินมา ประกายแสงหนึ่งก็ส่องสว่างในใจ และภาพบุคคลผู้หนึ่งที่เคยเห็นในอดีตก็ซ้อนทับกับร่างตรงหน้าได้อย่างสมบูรณ์


 


“…ต้วนหลิงเทียน!?”


 


เจียงฉินอดไม่ได้ที่จะสูดอากาศเข้าเฮือกหนึ่งเมื่อทราบแล้วว่าบุคคลเบื้องหน้าเป็นใคร


 


มันพึ่งกลับมาจากด้านนอก เช่นนั้นย่อมได้ยินเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนจัดการจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวมาพอดี! ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่ทำให้มันตกใจอย่างมาก!!


 


ถึงแม้มันจะไม่เคยพบเคยเห็นต้วนหลิงเทียนตัวจริงมาก่อน แต่มันได้ยินชื่อเสียงต้วนหลิงเทียนมามากกว่าหนึ่งครั้ง…


 


ผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่ปี ไฉนศิษย์ที่แท้จริงคนหนึ่งของลัทธิบูชาไฟ กลายเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งทรงพลังขนาดนี้ได้?


 


เรื่องนี้ทำให้มันตื่นตระหนกตกใจครั้งยิ่งใหญ่แล้วจริงๆ!


 


‘หรือว่าที่แท้แล้ว…ข่าวจากนครแห่งบาปเรื่องต้วนหลิงเทียนฆ่า เซี่ยคังฉวิน จ้าวราชสีห์ขนทอง 1 ใน 4มหาธรรมราชาได้จะเป็นความจริงกัน?’


 


ทันทีที่ได้รับทราบเรื่องราวที่จ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวพ่ายแพ้ต้วนหลิงเทียนอย่างไร้ทางสู้ เรื่องนี้ก็ผุดขึ้นในหัวของมันอยู่หลายครั้ง


 


และพอเริ่มคิดถึงความเป็นไปได้ขึ้นมา ก็ไม่อาจห้ามใจไม่ให้เชื่อได้อีกต่อไป…


 


ตอนนี้เหลือเพียงแค่ยืนยันเท่านั้น


 


“ต้วนหลิงเทียน…เจ้า…นี่เจ้าคิดจะทำอะไร?”


 


ทันใดนั้นเจียงฉินพลันพบว่าแววตาที่ต้วนหลิงเทียนใช้มองมายังมัน ยิ่งมายิ่งกลายเป็นเย็นลงทุกขณะ!ที่สำคัญมันยังพบว่าอยู่ๆต้วนหลิงเทียนก็ยกมือขวาขึ้นมาทั้งเริ่มผนึกพลัง! กลิ่นอายพลังอังนเยียบเย็นขุมหนึ่งแผ่ซ่านออกมา!!


 


และเป้าหมายของกลิ่นอายพลังเยียบเย็นนั่นดูท่าแล้วเป็นมันไม่ผิดแน่!!


 


แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่เจียงฉินกล่าวถามจบคำ พลังเซียนสุริยันในมือขวาที่ต้วนหลิงเทียนผนึกควบรวมก็เปล่งแสงสว่างจ้าขึ้นมาทันใด


 


มือขาวต้วนหลิงเทียนพลันสะบัดตบลงอีกครั้ง!!


 


ซัววว!!


 


เสียงพลังแผ่พุ่งดังสะท้านไปในอากาศ มวลพลังเซียนสุริยันมหาศาลขุมหนึ่งที่แผ่พุ่งออกจากมือขวาต้วนหลิงเทียน พลันพุ่งไปควบรวมเป็นฝ่ามือพลังมีสภาพขนาดมหึมาเหนือร่างเจียงฉินก่อนที่จะฟาดตบลงมาอย่างแรง!!


 


และทันทีที่หัตถ์พลังมีสภาพของต้วนหลิงเทียนตบฟาดเข้าร่างเจียงฉิน มวลพลังเซียนต้นกำเนิดที่มันเร่งเร้าออกมาป้องกัน ก็แหลกสลายเป็นละอองทันที!


 


ปงงงง!!


 


เสียงสนั่นลั่นดังขึ้น เป็นเจียงฉินถูกหัตถ์พลังมีสภาพของต้วนหลิงเทียนตบฟาดอย่างแรง แถมฝ่ามือกดทับร่างคนร่วงตกฟ้าไปกระแทกพื้นดินในเขตหวงห้ามของหอคุมกฏอย่างแรง! คนทั้งคนยังจมหายลงไปในดิน!!


 


เมื่อหัตถ์พลังมีสภาพที่ถูกควบแน่นด้วยพลังเซียนสิรุยินต้นกำเนิดสลายหายไป บนพื้นดินเบื้องล่างก็ปรากฏรอยฝ่ามือมหึมาประทับเอาไว้ ใจกลางฝ่ามือก็ปรากฏร่างคนสภาพยับเยินฝังร่างอยู่ในดิน สภาพแลดูยับเยิน ชวนให้เวทนาสงสารนัก


 


ฉากเรื่องราวทำนองเดียวกันที่บังเกิดขึ้นกับจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวหลูชิ่ง คล้ายจะปรากฏขึ้นอีกครั้งกับเจียงฉิน…เว้นเสียแต่เจียงฉินดูเหมือนจะโดนหนักกว่า! เพราะรอบนี้หัตถ์พลังมีสภาพของต้วนหลิงเทียนถึงกับตบทับร่างมันจนจมดิน!!


 


อย่างไรก็ตาม แม้ฉากเรื่องราวจะชวนให้ทุกคนอยากขบขันเพียงใด แต่ไม่มีผู้ใดขำออก! ทุกคนยังรู้สึกเสมือนมีไอเย็นแล่นวาบไปจับไขสันหลัง!!


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่งรองจ้าวหอคุมกฏอย่างต่งหยวนจิ้น ลูกตาของมันกลมโตแทบถลนออกจากเบ้า


 


มันเองก็เป็นรองจ้าวหอคุมกฏเช่นกัน เช่นนั้นแล้วพลังฝีมือเจียงฉินเป็นเช่นไร เกรงว่าไม่มีใครรู้ดีไปกว่ามันอีกแล้ว…


 


ถึงแม้พลังฝีมือเจียงฉินจะเทียบมันไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าข้ารับใช้ชราของมันเลย!


 


หากเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนต่อยผู้เฒ่าหยางจนร่างแหลกเป็นธุลีอาจเป็นเรื่องบังเอิญ เช่นนั้นฉากตรงหน้าก็ยืนยันความจริงให้มันรู้ชัด…ว่ายากจะเป็นเรื่องบังเอิญได้อีกสืบไป!!


 


“อั๊คค!”


 


เจียงฉินที่ค่อยๆแงะร่างตัวเองออกมาจากหลุมรูปคนที่อยู่ใจกลางหลุมรูปฝ่ามืออันเขื่อง กระอักโลหิตดำคล้ำออกมาคำโต ตอนนี้ร่างของมันเจ็บปวดรวดร้าวไปทั่วกาย สภาพยับเยินมอมแมมปานขอทานคลุกฝุ่น ไม่เหลือความสง่ามีชีวิตชีวาเหมือนก่อนหน้าอีกต่อไป แลดูน่าสังเวชนัก…


 


“ต้วนหลิงเทียน!!”


 


หลังจากลุกขึ้นมายืนได้แล้ว มันก็เงยหน้าขึ้นฟ้าพร้อมคำรามออกด้วยน้ำเสียงโอดครวญ “เจ้าทำอันใดของเจ้า! ข้าเจียงฉินลองถามตัวเองว่าเคยไปทำอันใดเป็นการล่วงเกินให้เจ้าไม่พอใจหรือก็ไม่! นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเจอเจ้าด้วยซ้ำ! แล้วเจ้ามาตีข้าทำไม!?”


 


จังหวะนี้ในใจเจียงฉินทั้งตื่นตระหนกตกตะลึง หวาดกลัว ทั้งคับข้องใจเหลือแสน!


 


เพราะมันไม่ทราบจริงๆว่ามันทำผิดอะไร ไฉนอยู่ๆต้วนหลิงเทียนต้องมาทุบตีมันด้วย!!


ตอนที่ 2,183 : โอกาสสุดท้าย!


 


“ทำไมต้องตีเจ้า?”


 


ได้ยินคำถามของเจียงฉิน ต้วนหลิงเทียนหันไปเหลือบมองมัน ค่อยกล่าวออกอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ก็ไม่ทำไม ข้าเห็นหน้าเจ้าแล้วรู้สึกขัดตา…แค่นั้น”


 


วาจาเฉยเมยนี้ของต้วนหลิงเทียน ทำให้ผู้คนอึ้งไปอีกรอบ


 


ตอนแรกพอทุกคนเห็นว่าเจียงฉินปรากฏตัวไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนพอยืนยันตัวคนเสร็จก็ลงมือลงไม้ทันที ทำให้ทั้งหมดคิดว่า…ไม่พ้นเจียงฉินต้องเคยทำให้ต้วนหลิงเทียนไม่พอใจอะไรมาก่อนในอดีตแน่นอน!


 


แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะลงมือกับเจียงฉินเพราะสาเหตุนี้! ขัดตา!?


 


“เอ่อ…เพียงเห็นรองจ้าวหอเจียงขัดตา ก็ลงมือทำร้ายผู้คนเลยหรือ?”


 


“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้…ไม่เอาแต่ใจไปหน่อยหรือไร?”


 


“แม้มันจะเอาแต่ใจแล้วอย่างไร มันมีทุนรอนให้เอาแต่ใจ…ตอนนี้ข้าเห็นชัดตาแล้ว ด้วยพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนเกรงว่าคงมีแต่จ้าวหอคุมกฏเราเท่านั้นที่อาจจะควบคุมมันได้ แต่ก็แค่ ‘อาจจะ’เท่านั้น”


 


“นั่นสิความแข็งแกร่งที่มันเผยออกมาช่างร้ายกาจยิ่ง…อาศัยหมัดเดียวสังหารเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน ยังแค่พลิกฝ่ามือก็ทุบตีเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนจนสิ้นท่าได้ง่ายๆ หากเป็นก่อนหน้ามีคนมาเล่าเรื่องนี้ ข้าคงคิดไปว่าผู้ลงมือถ้าไม่ใช่ท่านจ้าวลัทธิก็เป็นท่านจ้าวหอคุมกฏ หรือไม่ก็ท่านผู้พิทักษ์ทั้ง 3 เท่านั้น…”


 


“ข้าด้วย”


 



 


เหล่าผู้มามุงชมเริ่มกล่าวกระซิบกกระซาบกันอีกครั้ง วาจาของพวกมันเผยให้เห็นว่าทึ่งกับความแข็งแกร่งอันทรงพลังที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกมาแค่ไหน


 


ส่วนอีกด้าน…


 


เจียงฉินที่ยังคิดไปว่ามันได้เผลอไปล่วงเกินต้วนหลิงเทียนตอนไหนมากันแน่ ต้วนหลิงเทียนถึงได้ลงมือทันทีที่ยืนยันตัวมันได้แบบนี้


 


เพราะหากเป็นแบบนั้นจริง ที่ต้วนหลิงเทียนลงมือทำร้ายมันแบบนี้ มันก็ยังพอทำใจรับได้


 


เพราะสุดท้ายเป็นเพราะมันมีสายตาไม่ยาวไกลพอ ถึงได้พลาดไปล่วงเกินดาวมฤตยูดวงนี้เข้า…


 


ทว่าตอนนี้พอมันมาได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียน มันก็ถึงกับผงะไปแทบหงายหลัง จากนั้นมันก็มีโมโหนัก ยังโกรธจนตัวสั่น ถึงขั้นกระอักเลือดออกมาอีกคำ!


 


“เจ้า…เจ้า…เจ้า”


 


เจียงฉินโกรธจนแทบกระอักเลือดตาย มือชี้ไปยังต้วนหลิงเทียนทั้งกล่าวออกมาเสียงสั่นเอ่ยคำ ‘เจ้า’อยู่นาน แต่ก็พูดอะไรต่อไม่ออกสักคำ


 


มันยังจะพูดอะไรได้?


 


แล้วมันต้องพูดว่าอะไร?


 


จังหวะนี้เจียงฉินรู้สึกหนังศีรษะชาด้าน ไม่อาจนึกสิ่งใดได้ออก


 


สำหรับเรื่องแก้แค้นเอาคืนนั้น มันไม่กล้าพอ!


 


หากจะกล่าวว่า…การที่ได้ยินมาว่าต้วนหลิงเทียนสามารถสยบจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวในหนึ่งฝ่ามือ ทำให้มันไม่ทราบว่าที่แท้พลังฝีมือต้วนหลิงเทียนร้ายกาจเพียงใดล่ะก็…


 


ตอนนี้พอต้วนหลิงเทียนลงมือกับมันบ้าง ทำให้มันซึ้งไปถึงทรวงทันที ว่าความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนน่ากลัวถึงเพียงใด ‘บัดซบ มันไปทำอันใดมากันแน่…พลังระดับนี้ให้เป็นจ้าวหอก้ยังไม่แน่ว่าจะสู้มันได้ด้วยซ้ำ!’


 


‘ด้วยพลังฝีมือของมันระดับนี้ต่อให้จ้าวหอรับทราบเรื่องราวทั้งหมด ก็ไม่มีปัญญาทำอะไรมันได้แน่! ต่อให้รู้ว่ามันมีความผิดแต่จะตัดสินโทษมันอย่างไร…ไม่พ้นได้แต่เพิกเฉยการกระทำนี้ของมันแล้วทำเป็นหลับหูหลับตามองไม่เห็น…’


 


‘บางทีเผลอๆต่อให้วันนี้มันฆ่าข้าทิ้ง แต่มันก็อาจไม่เป็นอะไรด้วยซ้ำ…เพราะจากพลังฝีมือของมันน่ากลัวว่าจะไม่ได้ด้อยไปกว่าจ้าวหอคุมกฏ ที่สำคัญมันยังเป็นอัจฉริยะที่อายุไม่ถึง 50 ปีทีด้วยซ้ำ…แล้วใครจะเอาเรื่องมันเพื่อร้องขอความยุติธรรมให้ข้า…’


 


‘เทียบกับข้าแล้ว สำหรับลัทธิบูชาไฟแล้วคนอย่างมันถือเป็นตัวตนที่สำคัญอย่างยิ่ง…กระทั่งต่อให้มันจะฆ่ารองจ้าวหอคุมกฏทั้งหมดทิ้ง เผลอๆจ้าวหอคุมกฏ กับท่านจ้าวลัทธิยังไม่คิดตำหนิมันด้วยซ้ำ’


 


‘ส่วนคนอื่นๆ เกรงว่าคุณสมบัติจะตำหนิมันก็คงไม่มี….’


 


จังหวะนี้ในใจของเจียงฉิน ครุ่นคิดเรื่องราวไปมากมาย


 


และยิ่งคิดมากเท่าไหร่ ความโกรธในใจของมันก็ยิ่งจางหายไปเร็วไวเท่านั้น


 


เพราะมันรู้ดีแก่ใจว่าให้มันโกรธจนดิ้นตาย มันก็ไม่มีปัญญาทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้! ไม่มีหนทางจัดการใดๆได้เลย!!


 


“ทำไม? รองจ้าวหอเจียงยังมีปัญหาอะไรกับข้าหรือ?”


 


ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองเจียงฉินอีกครั้งค่อยกล่าวถามเสียงเรียบ


 


ถึงแม้น้ำเสียงเขาจะเรียบเฉย ทว่ายามดังเข้าหูเจียงฉิน เสมือนฟ้าผ่าดังเปรี๊ยงทำให้เจียงฉินสะดุ้งตกใจ ดึงสติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวได้ทันที เร่งส่ายหัวระรัวพลางกล่าวว่า “ไม่! ไม่มี! ไม่มีใด!!”


 


จังหวะนี้มันยังจะกล้าพูดว่า ‘มี’ หรือ?


 


หากมันกล้าตอบว่า มีปัญหา แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากต้วนหลิงเทียนฆ่ามันทิ้งเพราะโมโห?


 


ทนอยู่อย่างอับอาย…ยังดีกว่าตายอย่างโง่งม!


 


เรื่องง่ายๆเพียงเท่านี้เจียงฉินย่อมรู้ดี


 


หลังกล่าวตอบออกไปด้วยความกลัว เจียงฉินก็สัมผัสได้ทันทีว่าตอนนี้มีสายตาแปลกๆหลายคู่กำลังมองมาที่มัน


 


จังหวะนี้มันรู้สึกอับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีนัก! แต่มันก็ทำได้แค่อดทนกล้ำกลืนเท่านั้น!!


 


แต่ตอนนี้เจียงฉินคงไม่อาจคิด กระทั่งหลับยังไม่แม้แต่จะฝันถึง


 


ที่ต้วนหลิงเทียนทุบตีมันนั้น…ไม่ใช่เพราะเห็นมันแล้ว ‘ขัดตา’ อะไร แต่เป็นเพราะมันเป็นคนที่ไปจับเค่อเอ๋อและลูกสาวไปขังไว้ที่หอคุมกฏ ถือเป็นเกี่ยวข้องที่ทำให้เขาไม่ได้เห็นหน้าลูกเมีย!


 


หากไม่ใช่ว่าทั้งหมดที่เจียงฉินกระทำเป็นเพราะมันทำตามหน้าที่เพื่อรักษากฏของลัทธิบูชาไฟล่ะก็ เขาจะตีมันให้ตาย!


 


“เช่นนั้นก็ดี”


 


ต้วนหลิงเทียนมองจ้องเจียงฉินด้วยสายตาเย็นๆอีกครั้ง ก่อนที่จะเลิกสนใจมันแล้วหันไปกล่าวคำกับต่งหยวนจิ้นเสียงเบา “รองจ้าวหอต่ง…ตอนนี้ได้เวลาสะสางเรื่องราวระหว่างข้ากับเจ้าแล้ว”


 


ต้วนหลิงเทียนเปิดประตูเห็นภูผากล่าวออกทันที!


 


ทันใดนั้นทุกสายตาก็หันไปตกยังร่างต่งหยวนจิ้น


 


จุดประสงค์การมาที่นี่ของต้วนหลิงเทียนนั้น…ทั้งหมดรู้กันดีว่าจงใจมาหาต่งหยวนจิ้นโดยเฉพาะ! ก็ต้วนหลิงเทียนตะโกนลั่นเขตหวงห้ามถึงขนาดนั้น!


 


“ต้วนหลิงเทียน เจ้าอย่าลำพองใจให้มันมากนัก!”


 


ต่งหยวนจิ้นไม่ทันได้กล่าวคำอะไร ก็เป็นต่งหลินโพล่งคำออกมาเสียงดังปานคำราม


 


“ถึงข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะไปทำอะไรมาในช่วงไม่กี่ปีถึงได้มีพลังฝีมือสูงขึ้นขนาดนี้…แต่เจ้าคิดจริงๆหรือว่าพลังฝีมือของเจ้าจะร้ายกาจมากพอจะครอบงำได้ทั้งลัทธิบูชาไฟ?”


 


“ไม่ต้องกล่าวใดให้มาก ข้าบอกเจ้าไว้ตรงนี้เลยว่าหอคุมกฏของพวกเราไม่กลัวเจ้า! ขอเพียงใต้เท้าจ้าวหอเหลิ่งอิง จ้าวหอคุมกฏของพวกเรามาถึง เจ้าก็ไม่มีวันได้หยิ่งผยองอวดดีทำเป็นวางท่าอันใดได้อีก!”


 


ขณะที่กกล่าวปรามต้วนหลิงเทียน ต่งหลิน ก็ยกจ้าวหอคุมกฏอย่างเหลิ่งอิงขึ้นมาข่มขู่ต้วนหลิงเทียน


 


“จ้าวหอคุมกฏ เหลิ่งอิง?”


 


ได้ยินคำจองต่งหลิน สองตาต้วนหลิงเทียนก็หดหยีลงทันใด ยังเรืองประกายขึ้นมาวูบหนึ่ง


 


ไม่กี่ปีที่แล้วตอนที่เขามาทำงานที่หอคุมกฏ เขาเองก็ได้ยินเรื่องราวของจ้าวหอคุมกฏเหลิ่งอิงมาไม่น้อย จึงได้ทราบ่วาจ้าวหอคุมกฏเหลิ่งอิงคนนี้ พลังฝีมือแข็งแกร่งที่สุดรองจากจ้าวลัทธิและผู้พิทักษ์ทั้ง 3พลังฝึกปรือของมันอาจทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 7เปลี่ยนได้ทุกเมื่อ


 


“มิผิด! ใต้เท้าจ้าวหอเหลิ่งอิงของหอคุมกฏพวกเรา คือสุดยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน!!”


 


เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนหรี่ตาลง ต่งหลิน ก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนหวาดกลัว จึงบังเกิดความมั่นใจขึ้นมาอีกครั้ง กกล่าวประกาศออกมาอย่างภาคภูมิ


 


“แล้วไง?”


 


ทว่าตอนนี้เองสายตาต้วนหลิงเทียนกลับมาเฉยเมยทั้งแฝงความดูแคลน มุมปากยกยิ้มหยันหนึ่งพลางกล่าวว่า “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จ้าวหอคุมกฏเหลิ่งอิงไม่ได้อยู่ที่นี่ตอนนี้…ต่อให้มันอยู่ที่นี่จริง แต่เจ้าคิดหรือว่าข้าต้วนหลิงเทียนต้องกลัวมันด้วย?”


 


“วันนี้ต่อให้มันมาจริง ก็ไม่อาจเปลี่ยนชะตากรรมของพวกเจ้าพ่อลูกสกุลต่งได้!”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาเสียงแข็งแบบนี้ ทำให้สีหน้าของต่งหลินเปลี่ยนไปทันที


 


ต่งหยวนจิ้นเองก็อดไม่ได้ที่จะหยีตาลง ในใจสะท้านไปไม่น้อย


 


หรือพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนจะสูงถึงขั้นไม่เห็นหัวจ้าวหอคุมกฏของพวกมัน?


 


จังหวะนี้อดไม่ได้ที่ต่งหยวนจิ้นจะลอบสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ ยังอดคิดไปในแง่ร้ายไม่ได้


 


ขณะเดียวกันต่งหยวนจิ้นก็คล้ายตัดสินใจอะไรได้ มันมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยทีท่าจริงจังเสียงเข้ม “ต้วนหลิงเทียนข้าจำได้ว่า แม้เจ้ากับลูกชายข้าจะมีเรื่องบาดหมางกันจริง ทว่ามิใช่ความบาดหมางนั่นก็แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆไม่ได้ร้ายแรงอันใดไม่ใช่หรือ…ข้าเองก็ไม่ได้ลงมือออกหน้าแทนลูกชายสักครั้ง”


 


“ที่เจ้ามาวันนี้สมควรเป็นเพราะคิดสะสางบัญชีหนี้แค้นเก่าก่อนใช่หรือไม่? แต่ว่านี่เจ้าคิดจะขุดคุ้ยเรื่องราวบาดหมางเล็กๆในอดีตขึ้นมา…เพื่อทำให้มันเป็นเรื่องราวใหญ่โตจริงๆ?”


 


วาจาต่งหยวนจิ้น นับว่าทำให้ทุกคนมองเรื่องราวต่างออกไปจากเดิมทันที


 


“อะไรกัน…ที่ต้วนหลิงเทียนบุกมายังเขตหวงห้ามของหอคุมกฏวันนี้ สุดท้ายเป็นเพราะความบาดหมางเล็กๆน้อยๆในอดีตที่เคยมีเรื่องมีราวกับอาวุโสต่งหลินงั้นหรือ?”


 


“นี่จะไม่ทำเกินไปหน่อยหรือไร? ความบาดหมางในกาลก่อน…มันร้ายแรงถึงต้องทำกันขนาดนี้เลย?”


 


“อาจเป็นเพราะเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว พลังฝีมือต้วนหลิงเทียนไม่สูงพอจะทำอะไรรองจ้าวหอต่งได้ จึงทำได้แค่เลือกที่จะอดทนเก็บงำความแค้นเอาไว้…ตอนนี้พอพลังฝีมือสูงพอที่จะเอาคืนรองจ้าวหอต่งได้ ความแค้นที่บ่มเพาะมาหลายปีย่อมระเบิดออกมาเป็นธรรมดา!”


 


“ฮึ่ม! หากรองจ้าวหอต่งเห็นว่าเรื่องราวความบาดหมางอะไรนั่น มันใหญ่โตถึงขั้นต้องฆ่ากันไปข้างจริงๆ ไม่สู้ออกหน้าลงมือฆ่ามันทิ้งไปตั้งแต่เมื่อไม่กี่ปีที่แล้วดีกว่าหรือ? หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ วันนี้มันยังจะมีลมหายใจอยู่ได้?”


 


“ตอนนี้ไม่ใช่ว่ารองจ้าวหอต่งกำลังเสียใจที่ไม่ได้ลงมือเก็บเรื่องราวให้เรียบร้อย…จนก่อให้เกิดภัยซ่อนเร้นครั้งใหญ่เช่นนี้อยู่หรอกนะ?”


 



 


เรียกว่าหลังจากที่ได้ยินคำพูดของต่งหยวนจิ้น ทำให้ทุกคนมีมุมมองต่อต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปทันที ทั้งหมดคิดว่าต้วนหลิงเทียนคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องหยุมหยิมในอดีต ล้างแค้นด้วยจิตใจคับแคบ!


 


“เป็นคนจิตใจคับแคบเช่นนี้ ให้มีพรสวรรค์สูงส่งแล้วจะอย่างไร…”


 


“นั่นสิ แม้จะมีพลังฝีมือสูงส่ง…แต่ข้าไม่เห็นชอบกับนิสัยใจคอเช่นนี้จริงๆ”


 


“ใช่ นี่มันไม่ทำกันเกินไปหน่อยหรือ…มันไม่คิดบ้างหรือไร ถ้าไม่กี่ปีที่แล้วรองจ้าวหอต่งคิดฆ่ามันจริงๆ มันจะยังมีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้ได้?”


 



 


จังหวะนี้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะกระซิบกระซาบคุยกันอีกครั้ง ฟังจากวาจาของพวกมันยังคล้ายจะเข้าข้างต่งหยวนจิ้นมากกว่า


 


นี่มากพอจะเผยให้เห็นว่า…


 


วาจาก่อนหน้าของต่งหยวนจิ้น นับว่าประสบความสำเร็จในการชี้นำชักจูงความคิดผู้คนแล้วจริงๆ!เปลี่ยนจากมันที่ประมาทตัดหญ้าไม่ถอนรากถอนโคน เป็นต้วนหลิงเทียนที่จิตใจคับแคบ คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องราวบาดหมางไม่เป็นเรื่องในอดีต ทว่ากลับวางท่าราวกับจะมาล้างแค้นอย่างชอบธรรม…!


 


ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะไม่แยแสว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรก็ตามที


 


ทว่าการที่ต่งหยวนจิ้นพูดไม่กี่คำแล้วทำให้เกิดผลแบบนี้ก็ทำให้เขาไม่พอใจอยู่ดี


 


“ต่งหยวนจิ้น ข้าไม่คิดเลยว่าจะตายอยู่แล้วเจ้ายังจะดิ้นรนมาไม้นี้…”


 


ต้วนหลิงเทียนมองต่งหยวนจิ้นด้วยสายตาเย็นชา มุมปากยกยิ้มแสยะกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเย้ยเยาะ “เอาสิ ในเมื่อเจ้าพูดราวกับเจ้ามันน่าเวทนาสงสารนัก…เช่นนั้นข้าจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง!”


 


“และถ้าหากเจ้าคว้าโอกาสนี้เอาไว้ได้สำเร็จ วันนี้ข้าจะไม่ฆ่าพวกเจ้าพ่อลูกทิ้ง…แต่ถ้าไม่ ก็อย่าได้โทษข้าต้วนหลิงเทียนว่าอำมหิต!”


 


เสียงต้วนหลิงเทียนนับว่าดังฟังชัดให้ทุกคนได้ยินถนัดหู


 


“โอกาสอะไร?”


 


ปากต่งหยวนจิ้นแม้กล่าวถามออกมา ทว่าในใจกลับบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลประการหนึ่ง


 


และครู่ต่อมา ก็ต้องบอกเลยว่าลางสังหรณ์นี้ของมันแม่นจริงๆ


 


“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่…ตราบใดที่เจ้ากล้าสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าต่อหน้าทุกคนในที่นี้ ว่าในอดีตครั้งที่ข้ายังอยู่ในลัทธิบูชาไฟ เจ้าไม่เคยส่งคนให้มาจับตาดูข้าเพื่อหาโอกาสฆ่าข้าทิ้ง! วันนี้ข้าจะไว้ชีวิตสุนัขของพวกเจ้าพ่อลูก!!”


 


เสียงกล่าวต้วนหลิงเทียนที่ดังสืบต่อออกมา ทำให้หน้าต่งหยวนจิ้นเปลี่ยนไปอย่างมาก!


ตอนที่ 2,184 : อวดดี!!


 


“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่…ตราบใดที่เจ้ากล้าสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าต่อหน้าทุกคนในที่นี้ ว่าในอดีตครั้งที่ข้ายังอยู่ในลัทธิบูชาไฟ เจ้าไม่เคยส่งคนให้มาจับตาดูข้าเพื่อหาโอกาสฆ่าข้าทิ้ง! วันนี้ข้าจะไว้ชีวิตสุนัขของพวกเจ้าพ่อลูก!!”


 


วาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ยังคงดังก้องซ้ำไปซ้ำมาในหูต่งหยวนจิ้น


 


กล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์?


 


ว่า…ในกาลก่อนตอนที่ต้วนหลิงเทียนยังอยู่ลัทธิบูชาไฟ มันไม่เคยสงใครไปเฝ้าจับตาดูเพื่อหาโอกาสฆ่าต้วนหลิงเทียน?


 


เรียกว่าทันทีที่ได้ยินวาจาประโยคนี้ของต้วนหลิงเทียน หน้าของต่งหยวนจิ้นพลันเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำทันที


 


สาบานกับมารดาเจ้า!


 


หากมันกล่าวคำสาบานนั่นจริงๆ ไม่ใช่ว่าจะถูกฟ้าผ่าตายทันทีรึไง?!


 


ต่อหน้าผู้ที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของเรื่องราว จะใช้วาจาพลิกลิ้นกลับดำเป็นขาวอย่างไรก็อาจกระทำได้…


 


แต่กับคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์นั้น…


 


ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น!


 


ตอนนี้ต่งหยวนจิ้นได้รับทราบแล้ว ว่าการ ‘ทุ่มหินทับเท้า’ มันเจ็บปวดเพียงใด


 


ก่อนหน้านี้มันกล่าววาจาออกมาอย่างชอบธรรม เรียกร้องความเห็นใจให้ผู้คนสงสารเข้าข้าง…


 


ทว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนอาศัยคำพูดให้มันสาบานแค่ไม่กี่คำ ก็ทำให้มันต้องตกอยู่ในสถานะจนตรอก ยังต้องอับอายหนักข้อเพราะวาจาผายลมของตัวเอง!


 


“อะไร? รองจ้าวหอต่งไม่กล้ารึ?”


 


เมื่อเห็นหน้าต่งหยวนจิ้นเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะปล่อยไปง่ายๆ เร่งกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงล้อเลียน “หรือว่า…รองจ้าวหอต่งกลัวความผิด?”


 


เผชิญกับวาจาจี้ถามของต้วนหลิงเทียน ต่งหยวนจิ้นย่อมไม่อาจตอบกลับได้เป็นธรรมดา


 


มันยังจะตอบอะไรได้อีก


 


หากพูดไปไม่ใช่ว่ายอมรับว่าทั้งหมดที่มันพูด…เป็นเพียงวาจาผายลม ที่คิดใส่ร้ายต้วนหลิงเทียนหรือไร!


 


ขณะเดียวกัน ต่งหยวนจิ้นก็ตระหนักได้ชัดเจนในใจ


 


ต้วนหลิงเทียนมาที่นี่วันนี้เพื่อสะสางความแค้นในอดีตจริงๆ น่าเสียดายที่ในอดีตมันไม่ได้พยายามฆ่าต้วนหลิงเทียนให้มากพอ จนเป็นดั่งเขวี้ยงงูไม่พ้นคอตัวเองแบบนี้…


 


“ไฉนรองจ้าวหอต่งไม่ยอมสาบานตามคำที่ต้วนหลิงเทียนบอกเล่า?”


 


หลายคนที่รอดูชมเรื่องราวอยู่อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความผิดหวังเล็กน้อยที่เห็นต่งหยวนจิ้นเงียบไปไม่พูดไม่จา


 


“ไม่ใช่ว่ามันพูดเองหรือไรว่าความบาดหมางระหว่างต้วนหลิงเทียนกับลูกชายมันเป็นแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ และมันไม่เคยยุ่งวุ่นวายอะไร…แล้วไฉนในเวลาสำคัญเช่นนี้ มันกลับไม่กล้าเอ่ยคำสาบานออกมาเล่า?”


 


เริ่มมีคนสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ


 


“พวกเจ้ายังมองไม่ออกเหรอ ว่าทั้งหมดล้วนเป็นวาจาผายลมคิดเอาตัวรอดของมันทั้งสิ้น…ทั้งหมดเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง เรียกร้องความเห็นใจจากพวกเรา ให้พวกเราหันไปอยู่ข้างมันและรุมประนามต้วนหลิงเทียน….”


 


บางคนที่เข้าใจอะไรง่ายๆ ก็รู้ได้ทันทีตั้งแต่วินาทีแรกที่ต่งหยวนจิ้นยึกยัก


 


“ที่แท้เป็นเช่นนี้! บัดซบ! ข้าอุตส่าหลงเชื่อคำของมันเพราะความตำแหน่งรองจ้าวหอคุมกฏอันมีเกียรติ…แต่สุดท้ายมันแค่ปั้นน้ำเป็นตัวคิดหลอกใช้พวกเรา!”


 


“รองจ้าวหอต่งนับว่าไร้ขีดจำกัดล่างยิ่ง…”


 


“เหอะๆ ที่แท้เป็นรองจ้าวหอต่งส่งคนไปเฝ้าจับตาดูต้วนหลิงเทียนเพื่อหาโอกาสฆ่าคนนี่เอง…ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนต้วนหลิงเทียนถึงบุกกมายังเขตหวงห้ามของหอคุมกฏเราหลังมีพลังฝีมือสูงส่ง แถมยังข่มขู่ว่าจะไม่ละเว้นรองจ้าวหอต่ง!”


 


“หากข้าเป็นต้วนหลิงเทียนข้าเองก็จะทำแบบนี้เหมือนกัน! มารดามันเถอะ…คิดฆ่าผู้อื่นเขาก่อนแท้ๆยังกล้าทำเป็นพูดเรียกร้องขอความเห็นใจ!!”


 



 


เมื่อเห็นว่าต่งหยวนจิ้นไม่กล้ากล่าวคำสาบานตามที่ต้วนหลิงเทียนพูดเสนอออกมา ทุกคนก็เสมือนได้รู้เช่นเห็นชาติต่งหยวนจิ้นทันที ยังตระหนักได้ว่าพวกมันถูกต่งหยวนจิ้นหลอกเข้าเสียแล้ว!


 


เสียอะไรเสียได้ แต่เสียหน้าไม่ได้! ทั้งหมดกลายเป็นโกรธแค้นต่งหยวนจิ้นและหันไปเข้าข้างต้วนหลิงเทียนกันหมดทันที!!


 


แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้สนใจแต่แรกว่าคนเหล่านี้จะอยู่ข้างเขาหรือไม่


 


ที่เขาให้ต่งหยวนจิ้นมีโอกาสกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์ เพราะเขารู้สึกขัดใจพฤติกรรมของต่งหยวนจิ้น ที่ทำเป็นพูดยกอ้างความชอบธรรมเอาดีเข้าตัวเอาชั่วเข้าคนอื่นต่อหน้าผู้คนที่มามุงชม


 


“เฮอะ! ต้วนหลิงเทียน เจ้ามันนับเป็นตัวอะไร คู่ควรให้บิดาของข้าลดตัวลงไปกล่าวคำสาบานตามเจ้าพูดด้วย?”


 


ในขณะที่ต่งหยวนจิ้นอับจนสิ้นทาง ต่งหลิน พลันก้าวออกมามองจ้องต้วนหลิงเทียนอย่างถือดี โพล่งคำออกมาอย่างหยิ่งผยอง!


 


เรียกว่าการกระทำนี้ของต่งหลิน เสมือนตัวโง่งมที่ไม่ได้ดูสถานการณ์แม้แต่น้อย!


 


“หลินเอ๋อ!”


 


เมื่อต่งหลินก้าวออกมากล่าวคำ สีหน้าต่งหยวนจิ้นเปลี่ยนไปมหันต์ มันรีบกล่าวเพื่อหยุดลูกชายตัวเองทันที อนิจจายังสายเกินไป…


 


จังหวะนี้อยู่ๆใจของมันก็บังเกิดความรู้สึกหวิวๆขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ


 


เพราะตั้งแต่วินาทีที่ต้วนหลิงเทียนเสนอเรื่องให้มันเอ่ยคำสาบาน มันก็สัมผัสได้ถึงการหมดความอดทนที่แฝงเร้นอยู่ในน้ำเสียงของต้วนหลิงเทียนได้อย่างชัดเจน


 


ราวกับต้วนหลิงเทียนหมดความอดทนกับพวกมันแล้ว…


 


“เหอะ!”


 


แทบจะเป็นวินาทีเดียวกันกับที่ต่งหลินกล่าวจบคำ เสียงเย็นหนึ่งพลันแค่นสบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์


 


และพร้อมกันกับที่เสียงไม่สบอารมณ์นั่นดังขึ้น มือขวาต้วนหลิงเทียนที่ไม่ทราบยกขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่พลันสะบัดโบกออกไปตามอำเภอใจคล้ายปัดแมลงวัน…


 


ทว่าพริบตานั้นเอง มวลพลังเซียนสุริยันอันยิ่งใหญ่สุดไพศาลของต้วนหลิงเทียน พลันปะทุระเบิดออกไปดั่ง มังกรพิโรธ อันเกรี้ยวกราด! ถล่มโถมเข้าใส่ต่งหลินด้วยความเร็วเหนือล้ำ!!


 


ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!


 


……


 


มังกรพิโรธทะยานผ่านไปที่ใด เสียงแตกระเบิดของอากาศพลันดังสนั่นออกมาที่นั่น


 


แล้วในเวลาเพียงชั่วพริบตาดุจอัสนีวาบจ้า มังกรพิโรธดังกล่าวก็บรรลุถึงเบื้องหน้าต่งหลิน! มันยังทำราวกับอ้าปากกระหายเลือดออกกว้างขย้ำไปที่ต่งหลิน!!


 


“ไม่!!”


 


ต่งหยวนจิ้นที่ดึงสติกลับมา ร่ำร้องออกเสียงหลงด้วยความเสียใจ ร่างปะทุพลังชั่วชีวิตโจนทะยานออกไปหมายช่วยเหลือลูกชายตัวเอง


 


อนิจจาร่างมันเพียงโจนทะยานมาได้ถึงครึ่งทาง มังกรพิโรธ ดังกล่าวก็กลืนต่งหลินไปเรียบร้อย


 


ปงงงง!!


 


เสียงหนึ่งดังสนั่นลั่นฟ้า ก่อนที่กลิ่นสนิมเหล็กคาวคลุ้งพร้อมหมอกโลหิตจะกระจายออกไปในบรรยากาศ ส่วนมังกรพิโรธเมื่อครู่…ทำราวกับรับประทานมากเกินไปจนท้องแตกตาย หายไปในความว่างเปล่าอย่างไร้ร่องรอย…


 


ต่งหลิน ร่างแหลกสลายไม่เหลือซาก!


 


ราวกับในโลกนี้ ไม่เคยมีมันอยู่แต่แรก


 


ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!


 



 


หลังจากฉากเรื่องราวเหนือฟ้ากลายเป็นเงียบงันได้พักหนึ่ง เสียงสูดลมหายใจเข้าด้วยความเสียขวัญก็ดังขึ้น


 


เมื่อเสียงแรกดังขึ้น เสียงต่อๆมาก็ดังขึ้นตามๆกัน


 


เพียงโบกมือตามอำเภอใจ ก็ลบผู้คนให้หายไปได้แล้ว?


 


ยามเมื่อผู้ชมโดรอบมองมาที่ต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง นอกจากความหวาดกลัวแล้วในแววตาของพวกมันยังฉายชัดถึงความตื่นตระหนก!


 


“โชคดีที่มันไม่คิดฆ่าข้า…”


 


เจียงฉินที่ลอยร่างอยู่ไม่ไกลพอเห็นต้วนหลิงเทียนฆ่าต่งหลินทิ้งอย่างไม่ยี่หระ กอปรกับหลังได้ทราบว่าต้วนหลิงเทียนฆ่า ‘ผู้เฒ่าหยาง’ ข้ารับใช้ของต่งหยวนจิ้นในหมัดเดียวจากลูกศิษย์ที่ในเหตุการณ์มันก็ตระหนักได้ทันทีว่าตัวมันโชคดีแค่ไหน…


 


ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ดั่งเทพสังหารก็ไม่ปาน ฆ่าคนเยี่ยงมดปลวก!


 


“ต้วน! หลิง! เทียน!!”


 


เมื่อเห็นลูกชายตัวเองถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าทิ้งต่อหน้าต่อตา ต่งหยวนจิ้นก็คำรามออกมาราวกับสัตว์ร้ายคุ้มคลั่ง!


 


ลูกตาของมันกลายเป็นสีแดงฉาน จิตสังหารปะทุออกท่วมร่างอย่างไม่ติดจะกักเก็บ!


 


เสียงคำรามของมันยังเยียบเย็นชวนให้ผู้คนหนาวสะท้านนัก


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนหันไปเหลือบมองต่งหยวนจิ้นด้วยสายตาเยียบเย็น และคิดจะส่งเคราะห์บิดาให้ลงนรกตามลูกชายไปนั้น…


 


วูววว! ซัววว!!


 



 


พลันปรากฏสายลมกรรโชกพัดผ่านมาอย่างแรงทำให้ทุกคนที่ลอยร่างอยู่สัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งกำลังมา! ทั้งสายลมนี้คล้ายจะพัดมาจากส่วนลึกสุดของเขตหวงห้าม! ชุดเสื้อคลุมของพวกมันโบกสะบัดตามแรงลมดังพั่บๆ!!


 


ขณะเดียวกันกลิ่นอายพลังอันน่าเกรงขามทั้งยิ่งใหญ่สุดไพศาลขุมหนึ่ง ก็เริ่มแผ่มากดดันไปทั่วบรรยากาศ


 


ที่สำคัญก็คือกลิ่นอายพลังยิ่งใหญ่สุดไพศาลและน่าเกรงขามดังกล่าว ไม่ใช่กลิ่นอายพลังแปลกปลอมอะไรสำหรับทุกคน!


 


“เป็นใต้เท้าจ้าวหอ!”


 


ลูกตาหลายๆคนส่องแสงจ้าขึ้นมาทันที


 


“ใต้เท้าจ้าวหอ…แต่กลิ่นอายพลังระดับนี้มัน ใต้เท้าจ้าวหอทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนแล้วหรือ!?”


 


นอกจากจะเป็นรองจ้าวหอคุมกฏแล้ว เจียงฉิน จะอย่างไรก็เป็นผู้ที่ทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน มันย่อมสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของกลิ่นอายพลังจ้าวหอคุมกฏที่มันเคยรู้จัก…


 


กลิ่นอายพลังของ ‘เหลิ่งอิง’ จ้าวหอคุมกฏนั้น ได้ก้าวหน้าขึ้นไปอีกระดับ!


 


และเหลิ่งอิงแต่เดิมก็เป็นสุดยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน! การที่กลิ่นอายพลังของมันยกระดับขึ้นมาอีกขั้น ย่อมหมายความว่ามันสามารถทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนได้สำเร็จ!!


 


เจียงฉินสามารถตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ ยังนับประสาอะไรกับต่งหยวนจิ้นที่มีพลังฝีมือเหนือมันเล็กน้อย ย่อมตระหนักได้ทันทีเช่นกัน!


 


“ใต้เท้าจ้าวหอ!”


 


ต่งหยวนจิ้นสงบอารมณ์กล่าวคำทักทายออกไปทันทีแม้คนจะยังมาไม่ทันถึงก็ตาม ตอนนี้มันระงับโทสะในใจเอาไว้ชั่วคราว


 


‘ด้วยความแข็งแกร่งของข้าคิดจัดการต้วนหลิงเทียนย่อมเป็นไปไม่ได้เลย…หากคิดจะแก้แค้นมันข้ามีแต่ต้องพึ่งจ้าวหอคุมกฏเท่านั้น!’


 


ต่งหยวนจิ้นลอบกล่าวในใจ


 


หลังตระหนักได้ว่าเหลิ่งอิงทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนได้สำเร็จแล้ว ต่งหยวนจิ้น ก็รู้สึกเสมือนเอื้อมมือไปคว้าจับฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายได้สำเร็จ มันเร่งอ้าปากกล่าววาจาออกมาเสียงดังทันทีด้วยกลัวว่าหากชักช้าจะไม่มีโอกาสสืบไป


 


“เรียนใต้เท้าจ้าวหอ! ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ไม่เพียงแต่บุกรุกเข้ามาเขตหวงห้ามของหอคุมกฏเราอย่างอุกอาจ! ยังไร้สัมมาคารวะไม่เห็นผู้อาวุโสอยู่ในสายตา ลงมือทำร้ายคนของหอคุมกฏของพวกเรา!กระทั่งยังฆ่าคนของหอคุมกฏของพวกเราอย่างไร้ปราณี! ขอให้ใต้เท้าจ้าวหอออกหน้าเพื่อรักษาเกียรติของหอคุมกฏพวกเราด้วย!!”


 


เสียงตะโกนนี้ของต่งหยวนจิ้น ยังผสานไปด้วยพลังเซียนต้นกำเนิดชั่วชีวิต ทำให้เสียงของมันขจรขจายไปไกลนัก!


 


เรียกว่าเสียงของมันไม่ใช่แค่ดังไปทั่วเขตหวงห้ามของหอคุมกฏ แต่ยังก้องไปทั่วอาณาเขตของหอคุมกฏ


 


“อะไรนะ!? ต้วนหลิงเทียนบุกรุกเข้ามาในเขตหอคุมกฏเราเรอะ!!”


 


“ไม่เพียงแต่บุกรุกเข้ามาในเขตหอคุมกฏ แต่ถึงกับบุกรุกเข้าไปในเขตหวงห้ามของหอคุมกฏเราด้วย!แถมไม่ใช่แค่ทำร้ายคนเฉยๆ ยังสังหารอาวุโสของหอคุมกฏเรา!?”


 


“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้จะไม่ก่อการอุกอาจเกินไปหน่อยหรือ!?”


 


“เสียงนี้ฟังแล้วคุ้นหูยิ่ง…สมควรเป็นเสียงของรองจ้าวหอต่งใช่หรือไม่!?”


 



 


ทั่วทั้งหอคุมกฏตกอยู่ในความวุ่นวายทันที


 


ถึงแม้จะมีมากมายหลายคนที่คิดไปชมดูเรื่องราวที่เขตหวงห้ามของหอคุมกฏ แต่ทว่าด้วยกฏเกณฑ์ข้อบังคับอันเข้มงวด แม้พวกมันจะอยากไปดูแค่ไหน แต่ก็ไม่กล้าล่วงล้ำเข้าไปให้เป็นการฝ่าฝืนกฏ!


 


“ช้าก่อน…ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น คงไม่ใช่คิดจะทำกับหอคุมกฏเราเหมือนที่มันทำกับแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวหรอกนะ?”


 


“มันคงไม่คิดใช่หรือไม่…ว่าใต้เท้าจ้าวหอคุมกฏของพวกเรา อ่อนแอทั้งเปราะบางเหมือนจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว?”


 


“เรื่องนี้ ก็ไม่แน่…”


 


“ฮึ่ม! มันไม่รู้หรือไรว่าใต้เท้าจ้าวหอของพวกเรามิใช่อันใดที่คนอย่างจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวจะเทียบได้เลย! หากใต้เท้าจ้าวหอพวกกเราต้องการ คิดจะสยบจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวในหนึ่งฝ่ามือก็นับเป็นเรื่องราวอันง่ายดายนัก!!”


 



 


วาจาทำนองเดียวกันนี้เริ่มดังไปทั่วเขตของหอคุมกฏ


 


กล่าวได้ว่าเหล่าอาวุโสของหอคุมกฏทั้งหมด ล้วนแล้วแต่เชื่อมั่นในพลังฝีมือของจ้าวหอคุมกฏ เหลิ่งอิง ถึงที่สุด!


 


ณ น่านฟ้าเขตหวงห้ามของหอคุมกฏ


 


“เจ้าคิดว่า…หากจ้าวหอคุมกฏ เหลิ่งอิง ของเจ้ามาถึงแล้ว จะสามารถช่วยชีวิตเจ้าได้งั้นหรือ?”


 


ต้วนหลิงเทียนมองต่งหยวนจิ้นด้วยสายตาเย้นหยันกล่าวประชดมันออกมาว่า “เช่นนั้นข้าจะให้โอกาสเจ้า…ข้าจะฆ่าเจ้าหลังจากจ้าวหอคุมกฏเหลิ่งอิงมาถึง ให้เจ้าได้ตายต่อหน้าคนที่เจ้าคิดว่าจะมีปัญญาช่วยเจ้าได้”


 


เขาอยากให้ต่งหยวนจิ้นได้รับทราบ…


 


ว่ารสชาติของความ ‘สิ้นหวัง’ เป็นอย่างไร!


 


ได้ยินวาจาของต้วนหลิงเทียน ใจต่งหยวนจิ้นถึงกับสั่นไหวไปทันที


 


และในขณะที่คำพูดของต้วนหลิงเทียนกำลังทำให้ต่งหยวนจิ้นรู้สึกไม่สบายใจนั้นเอง


 


“อวดดี!!”


 


เสียงตะโกนดังลั่นอันแฝงเร้นไว้ด้วยโทสะหนึ่ง พลันดังขึ้นมาจากส่วนลึกของเขตหวงห้ามหอคุมกฏ!


ตอนที่ 2,185 : ไม่เห็นหัวเหลิ่งอิง!


 


“อวดดี!!”


 


แทบจะพร้อมกันกับที่เสียงตะโกนด้วยโทสะดังขึ้น ในสายตาต้วนหลิงเทียนพลันมีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ


 


ตั้งแต่ที่เสียงดังขึ้น ต้วนหลิงเทียนก็รับทราบได้แต่แรกว่าผู้มาเป็นชายชรา…


 


ครู่ต่อมาชายชราคนดังกล่าวก็เหินร่างมาหยุดเผชิญหน้ากับเขา ยังมองมาด้วยสายตาดุร้ายเอาเรื่อง


 


เป็นชายชราแลดูมอซอคนหนึ่ง เรียกว่าเสื้อผ้ายับยู่ยี่ทั้งเก่าราวกับไม่ได้เปลี่ยนมานานแทบไม่ต่างอะไรจากขอทาน!


 


อย่างไรก็ตามชายชราที่ดูไม่ต่างอะไรจากขอทานเฒ่าในสายตาเขานั้น กลับทำให้คนอื่นๆถึงกับตกตะลึงทันทีที่ปรากฏตัว!


 


“คารวะใต้เท้าจ้าวหอ!!”


 


เสียงทักทายด้วยความเคารพไม่กี่เสียงดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ยังดังชัดถนัดหูต้วนหลิงเทียน ทำให้เขาสามารถยืนยันตัวตนผู้มาใหม่ที่สารรูปคล้ายขอทานเฒ่าผู้นี้ได้ทันที!


 


จ้าวหอคุมกฏ เหลิ่งอิง!


 


“ขอแสดงความยินดีกับใต้เท้าจ้าวหอด้วย ที่ท่านประสบความสำเร็จในการทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน เปลี่ยนท้าทายสวรรค์ และจักดำรงอยู่คู่ฟ้าดินตลอดไป!!”


 


รองจ้าวหอคุมกฏเจียงฉิน เป็นผู้นำกล่าวแสดงความยินดีกับเหลิ่งอิง


 


ขณะกล่าวแสดงความยินดี น้ำเสียงของมันก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดีอย่างหาที่สุดไม่ได้!


 


เพราะในที่สุดหอคุมกฏของพวกมันก็ปรากฏตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนเสียที!!


 


“ขอแสดงความยินดีด้วยใต้เท้าจ้าวหอ”


 


ต่งหยวนจิ้น ที่เป็นรองจ้าวหอคุมกฏเช่นกัน รวมถึงรองจ้าวหอคุมกฏอีกคนที่ชมดูเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ ก็กล่าวคำแสดงความยินดีออกมาตามๆกัน


 


หากเจียงฉินสามารถตระหนักถึงความก้าวหน้าของเหลิ่งอิงได้ เช่นนั้นรองจ้าวหอคุมกฏคนอื่นๆก็สามารถตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้เช่นกัน


 


เช่นนั้นรองจ้าวหอทั้งหลายจึงเร่งแสดงความยินดีกับเหลิ่งอิงอย่างออกหน้าออกตา ที่อีกฝ่ายสามารถทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนได้สมปรารถนา!!


 


ทันใดนั้นคนทั้งหมดที่เหลือที่ลอยร่างค้างฟ้าก็ตะลึงไปด้วยความตกใจ ทั้งยินดี


 


ใต้เท้าจ้าวหอของพวกมัน…บังเกิดความก้าวหน้าแล้ว! ทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนได้สำเร็จ…เป็นตัวตนที่มีอายุขัยตราบชั่วฟ้าดินสลายอีกคน!?


 


“ใต้เท้าจ้าวหอ…ทะลวงผ่านหรือ!”


 


“ในเมื่อรองจ้าวหอทั้งหมดเร่งแสดงความยินดีขนาดนี้ สมควรไม่ใช่เรื่องแปลกปลอม!!”


 


“ใต้เท้าจ้าวหอบังเกิดความก้าวหน้าเช่นนี้ หมายความว่าลัทธิบูชาไฟของพวกเรา มียอดฝีมือที่พลังฝึกปรืออยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนทั้งเหนือกว่านั้นเป็น 5 คนแล้วสิ! ที่สำคัญคือในที่สุดหอคุมกฏของพวกเราก็มีเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนเสียที!!”


 



 


ฟังจากวาจากระซิบกระซาบของพวกมันแล้ว ทั้งหมดต่างแสดงความยินดีกับความก้าวหน้าของเหลิ่งอิงจากใจ รู้สึกตื่นเต้นกันนัก!


 


จังหวะนี้สายตาที่ทุกคนใช้มองไปยังเหลิ่งอิง ยังทวีความเคารพมากขึ้นกว่าเดิม!


 


ยอดฝีมือที่บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน เปลี่ยนท้าทายสวรรค์ ไม่เพียงแต่จะมีพลังฝีมือสูงขึ้นกว่าเดิม แต่ยังมีอายุขัยไร้สิ้นสุด สามารถดำรงอยู่ตราบชั่วฟ้าดินสลาย เรียกว่ากลายเป็นตัวตนที่อยู่เคียงตะวันจันทรา!!


 


ได้รับการแสดงความยินดีจากใจของทุกคน เหลิ่งอิง ก็พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ


 


“เจียงฉิน ไฉนสารรูปเจ้าถึงดูไม่ได้เช่นนั้นเล่า?”


 


ทันใดนั้นเหลิ่งอินพลันพบว่า เจียงฉิน ที่ประสานมือด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดีนั้น ทั่วร่างกลับเต็มไปด้วยฝุ่นดินแถมยังถลอกปอกเปิด ชุดขาดวิ่นดั่งผ้าขี้ริ้ว แลมีสภาพอนาถายิ่งกว่ามันหลายขุม จึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมาด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด


 


และก่อนที่เจียงฉินจะทันได้ตอบคำอะไร ก็เป็นต่งหยวนจิ้น ที่เร่งกล่าวบอกเหลิ่งอิงออกมาก่อน “เรียนใต้เท้าจ้าวหอ ที่รองจ้าวหอเจียงมีสภาพเช่นนี้ เป็นเพราะถูกต้วนหลิงเทียนผู้นั้นทำร้าย! นอกจากนั้นบุตรชายของข้า ต่งหลิน อาวุโสคนหนึ่งของหอคุมกฏเรา ก็ตกตายด้วยน้ำมือของต้วนหลิงเทียนเช่นกัน กระทั่งยังไม่เหลือแม้แต่ซากศพ!!”


 


วาจาท้ายประโยคของต่งหยวนจิ้นนั้น แฝงเร้นไปด้วยความเคียดแค้นชิงชังอันไร้สิ้นสุด


 


ลูกตาของมันยามนี้กลมกว้างปานจะถลนออกเบา ยังมีสีแดงฉานปานยักษ์มาร


 


ต่งหลินเป็นลูกชายคนเดียวของมัน


 


มันทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อต่งหลินเสมอมา แต่ความพยายามทั้งหมดของมันคล้ายหมอกควันบางเบาต้องลมแรงก็ไม่ปาน เพราะต่งหลินถูกฆ่าตายเสียแล้ว…


 


‘สามารถทำร้ายรองจ้าวหอเจียงได้ถึงขนาดนี้…ดูเหมือนในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา ต้วนหลิงเทียนผู้นี้สมควรพบพานวาสนาปาฏิหาริย์อันใดมาไม่น้อย หาไม่แล้วคงเป็นไปมิได้เลยที่พลังฝีมือของมันจะกล้าแข็งเหนือรองจ้าวหอเจียงได้ในช่วงเวลาสั้นๆเช่นนี้!’


 


ได้ยินคำของต่งหยวนจิ้น เหลิ่งอิงอดไม่ได้ที่จะลอบกล่าวในใจ


 


“เจ้าคือศิษย์ที่แท้จริง ต้วนหลิงเทียนงั้นหรือ?”


 


เมื่อเหลิ่งอิงหันไปมองจ้องต้วนหลิงเทียน รอยยิ้มพึงพอใจบนใบหน้าก็สลายหายไปไม่มีเหลือ ถูกแทนที่ด้วยความเฉยเมยไร้แยแสปานจะผลักไสผู้คนให้ไกลห่างไปนับพันลี้


 


“เจ้าคือจ้าวหอคุมกฏ เหลิ่งอิง?”


 


ต้วนหลิงเทียนที่เผชิญหน้ากับคำถามของเหลิ่งอิง ไม่เพียงแต่จะไม่ตอบคำ ยังถามกลับไปด้วยท่าทีเฉยเมย


 


และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่สีหน้าเหลิ่งอิงเปลี่ยนเป็นมืดมนลงหลังได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน


 


“บังอาจ!!”


 


ต่งหยวนจิ้นที่ลอยร่างอยู่ไม่ห่าง พลันก้าวออกมาตะคอกคำดุร้าย สองตาถลึงมองต้วนหลิงเทียนอย่างเอาเรื่อง “ต้วนหลิงเทียน! เจ้าคิดว่าอาศัยพลังฝีมือเหนือกว่ารองจ้าวหอเจียงเข้าหน่อย…แล้วเจ้าจักทำตัวยิ่งใหญ่จนมิเห็นหัวผู้ใดได้หรือ!?”


 


“ต่อหน้าใต้เท้าจ้าวหอคุมกฏเหลิ่งอิง มิใช่อันใดที่ศิษย์ที่แท้จริงเช่นเจ้าจะมาวางท่าโอหัง ประพฤติตัวจองหองไม่เห็นหัวผู้ใดได้!!”


 


หลังจากที่เหลิ่งอิงปรากฏตัวขึ้นมา ความรู้สึกไม่สบายใจที่เกิดขึ้นเพราะต้วนหลิงเทียนของต่งหยวนจิ้นก็สลายหายไปทันที


 


เพราะในความคิดของมัน


 


ด้วยพลังความแข็งแกร่งของเหลิ่งอิง จ้าวหอคุมกฏของมัน ย่อมสามารถบดขยี้ต้วนหลิงเทียนได้อย่างง่ายดาย!


 


อย่างไรก็ตามแม้ต่งหยวนจิ้นจะคำรามออกมาอย่างดุร้ายใส่ต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ทว่าต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้แยแสอะไรมันทั้งสิ้น


 


ไม่ว่ามันจะตะโกนโวยวายหรือตีโพยตีพายอะไร แต่ต้นจนจบต้วนหลิงเทียนก็ไม่เหลือบแลมันแม้แต่หางตา


 


“ต้วนหลิงเทียน เจ้ากล้าดีอย่างไร!?”


 


ได้ยินคำฟ้องของต่งหยวนจิ้น สีหน้าเหลิ่งอิงยิ่งมาก็ยิ่งมืดลงทุกขณะ มันหันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงเย็น “บุกรุกเขตหวงห้าม ทั้งฆ่าคนในลัทธิ! ตามกฏของลัทธิบูชาไฟเจ้าต้องได้รับโทษตาย! ต้วนหลิงเทียน…วันนี้ในเมื่อเจ้ากล้าบุกมาก่อเรื่องอุกอาจถึงเขตหวงห้ามหอคุมกฏ เช่นนั้นเจ้าก็อย่าได้หวังจะรอดชีวิตกลับไปอีกเลย!!”


 


วาจาที่เหลิ่งอิงกล่าวออกนั้น น้ำเสียงของมันเปี่ยมล้นไปด้วยอำนาจที่ไม่อนุญาตให้ใครปฏิเสธ


 


และฟังจากคำพูดของมัน มันคิดจะให้ชะตาของต้วนหลิงเทียนขาดลงที่นี่แน่แล้ว!


 


“เรียนใต้เท้าจ้าวหอ…”


 


ตอนนี้เองรองจ้าวหอคุมกฏอีกคนนอกจากเจียงฉินกกับต่งหยวนจิ้น พลันส่งเสียงผ่านพลังไปถึงเหลิ่งอิงด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ ท่านจ้าวลัทธิได้ออกแถลงการณ์เป็นการส่วนตัวเมื่อ 3 วันก่อนเพื่อเชื้อเชิญมันกลับมา…หอคุมกฏเรา หากยังมิได้รับอนุญาตจากท่านจ้าวลัทธิ ข้าเกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องดีที่จะมอบโทษตายให้มัน”


 


“หืม? เจ้าว่าอันใด? ท่านจ้าวลัทธิออกแถลงการณ์เมื่อ 3 วันก่อนเป็นการส่วนตัวรึ? เป็นเรื่องราวใด?”


 


เนื่องจากก่อนหน้าเหลิ่งอิงปิดด่านบ่มเพาะพลังอยู่ มันจึงไม่รู้เรื่องราวความเป็นไปใดๆที่เกิดขึ้นในลัทธิบูชาไฟ


 


อย่างไรก็ตามฟังจากน้ำเสียงกล่าวรายงานที่จริงจังเคร่งเครียดของรองจ้าวหอคุมกฏผู้นี้ เหลิ่งอิงก็ตระหนักได้ถึงความสำคัญของเรื่องราว


 


มันเองก็ตระหนักได้ทันที


 


ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แต่ต้วนหลิงเทียนไม่อาจตายได้ หากยังไม่ได้รับอนุญาตจากจ้าวลัทธิ!


 


‘ท่านจ้าวลัทธิแถลงการณ์ออกมาเช่นนั้นไม่พ้นคิดหยิบยืมตราผนึกมารในมือต้วนหลิงเทียนเป็นแน่…หากเผ่าพันธุ์ปีศาจบุกมาภูมิภาคเบื้องบนจริง ตราผนึกมารที่ต้วนหลิงเทียนมีจักกลายเป็นยอดศาสตราเซียนที่สำคัญอย่างยิ่งยวด หากข้าพลั้งมือฆ่าต้วนหลิงเทียนตกตายไปขึ้นมา…โดยที่ตราผนึกมารยังถูกมันซุกซ่อนไว้ด้านนอก เช่นนี้ย่อมเป็นข้าที่ทำลายแผนการใหญ่ของท่านจ้าวลัทธิแล้ว!!’


 


คิดถึงจุดนี้ เหลิ่งอิงก็ตัดสินใจได้ทันที


 


มันสามารถลงโทษต้วนหลิงเทียนได้ แต่มิอาจมอบโทษประหารให้ต้วนหลิงเทียนได้!


 


“จ้าวหอเหลิ่งอิง หากคิดจัดการข้าก็ต้องดูว่าท่านมีปัญญาสามารถมากพอหรือไม่…”


 


ได้ยินวาจาของเหลิ่งอิง ต้วนหลิงเทียนเพียงฉีกยิ้มกล่าวตอบ ไม่ได้แลดูโกรธเคืองอะไร


 


แถมฟังจากคำพูดที่กล่าวออก คล้ายไม่ได้เห็น เหลิ่งอิง จ้าวหอคุมกฏคนนี้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย


 


พอได้ยินคำตอบกลับมาของต้วนหลิงเทียน เหลิ่งอิงก็ถึงกับต้องอึ้งไปอีกรอบ ด้วยมันไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะหาญกล้ากล่าววาจาทำนองนี้กับมัน!


 


ตอนนี้มันเป็นถึง เซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนเชียวนะ!


 


เมื่อต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ เขาก็ไม่ได้รอให้เหลิ่งอิงตอบอะไร เพียงหันไปมองต่งหยวนจิ้นด้วยสายตาเฉยชา กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “ต่งหยวนจิ้น ข้าบอกเจ้าไปแล้ว…ว่าข้าจะฆ่าเจ้าต่อหน้าคนที่เจ้าคิดว่ามีปัญญาคุ้มกะลาหัวเจ้าได้! วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้รู้…ว่า ‘ความสิ้นหวัง’ ที่แท้มีรสชาติเช่นไร”


 


เสียงกล่าวของต้วนหลิงเทียนยิ่งมายิ่งเยียบเย็น ท้ายประโยคยังยะเยือกปานจะผุดแทรกขึ้นมาจากหล่มน้ำแข็ง!


 


“ใต้เท้าจ้าวหอ! ท่านเห็นหรือไม่ ต้วนหลิงเทียนผู้นี้หยิ่งผยองลำพองนัก! ตอนแรกมันก็ฆ่าอาวุโสของหอคุมกฏเราทีนึงแล้ว ตอนนี้มันยังคิดจะฆ่าข้าต่อหน้าท่านอีก!!”


 


ได้ยินวาจาเยียบเย็นของต้วนหลิงเทียน หน้าต่งหยวนจิ้นก็เปลี่ยนสีทันที มันเร่งหันไปฟ้องเหลิ่งอิงเสียงดัง


 


ขณะเดียวกัน ด้านเหลิ่งอิงที่ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนก็โมโหจนหน้าเขียว ทั่วร่างเริ่มสั่นสะท้านไปอย่างแรง


 


“จองหอง! จองหองนัก!!”


 


หลังสบถออกมาอย่างฮึดฮัด 2 ครั้ง เหลิ่งอิงก็ถลึงตามองต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวว่า “ต้วนหลิงเทียน เห็นแก่ที่ท่านจ้าวลัทธิเชิญเจ้ากลับมาด้วยตัวเอง ข้าจักไม่เอาชีวิตของเจ้า…ทว่าโทษตายละเว้นได้แต่โทษเป็นยังอยู่! วันนี้ด้วยความผิดที่เจ้าก่อเจ้าอย่าได้คิดหวังว่าจะหนีไปที่ใดได้! วันนี้ไม่เพียงแต่ข้าจะตีเจ้าให้ขาหัก ยังจะมัดเจ้าไปลงโทษที่โถงลงทัณฑ์ให้เจ้าได้สำนึก!!”


 


“ปฐมเวทย์กลืนกิน!”


 


แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่เหลิ่งอิงกล่าวประกาศว่าจะลงโทษต้วนหลิงเทียนออกมาอย่างดุร้าย ต้วนหลิงเทียนก็ใช้ออกด้วยเวทย์พลังสนับสนุนอย่างปฐมเวทย์กลืนกิน สูบกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินเหนือฟ้าจนสาบสูญไปชั่วขณะหนึ่ง เร่งเร้ายกระดับพลังเซียนสุริยันในกายจนบรรลุถึงจุดสูงสุดเท่าที่จะทำได้!


 


ฟั่ฟฟฟฟ!!


 


และแทบจะพร้อมกันกับที่เหลิ่งอิงกล่าวจบคำ ‘กระบี่พันอาคมเซียน’ ที่อยู่ในมือพลันพุ่งทะยานออกไปฉับไว! คงเหลือแต่เพียงเสียงหอนของกระบี่ดังขึ้นในอากาศเบาๆ!!


 


ประกายกระบี่พุ่งวาบตัดฟ้าไปด้วยความเร็วอันน่าพรั่นพรึง ราวกับดาวตกลัดฟ้ายามค่ำคืน!


 


ฉับบบ!!


 


“หยุด!!”


 


เสียงกระดูกเลือดเนื้อถูกสะบั้นดังขึ้นแทบจะพร้อมๆกันกับเสียงตะโกนกล่าวห้ามอย่างเกรี้ยวกราด


 


สองสำเนียงนี้ยามดังเข้าหูผู้คนโดยรอบ ก็ทำให้หัวใจของพวกมันอดไม่ได้ที่จะสั่นไหว


 


และในขณะที่ทุกคนมองไปตามต้นเสียงตามสัญชาตญาณอย่างไม่รู้ตัว


 


พวกมันก็พบว่าแขนของต่งหยวนจิ้น ได้ถูกกระบี่พันอาคมเซียนของต้วนหลิงเทียนตัดจนขาดด้วนเสมอไหล่! โลหิตพุ่งกระฉูดออกมาดังปรี๊ดๆ ก่อนจะกลายเป็นบุปผาเบ่งบานกลางหาว ค่อยแตกกระจายเป็นละอองร่วงฟ้า…!!


 


กระบี่ของต้วนหลิงเทียนนั้นรวดเร็วเกินไป! รวดเร็วเสียจนกระทั่งแขนต่งหยวนจิ้นขาดกระเด็นไปแล้ว แต่เหลิ่งอิงยังไม่ทันได้ตอบสนองเรื่องราวอันใด!!


 


นับประสาอะไรกับคนที่ชมดูเรื่องราวคนอื่นๆ!


 


สำหรับต่งหยวนจิ้นนั้น มันตกตะลึงถึงขั้นหลงลืมความเจ็บปวด!


 


ต่อหน้าจ้าวหอคุมกฏเหลิ่งอิง ตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน ทว่าต้วนหลิงเทียนยังสามารถตัดแขนของมันได้อย่างอุกอาจปานไม่เห็นหัวเหลิ่งอิง?


 


ยิ่งไปกว่านั้นตั้งแต่ต้นจนจบดูเหมือนกระทั่งเหลิ่งอิงเองก็ยังไม่มีเวลาจะตอบสนองอะไรได้ทัน…


 


‘ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียน…หรือจะไม่ได้ด้อยไปกว่าตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน?’


 


คิดถึงจุดนี้ ลูกตาของต่งหยวนจิ้นก็หดหยีลง ใบหน้าของมันเริ่มเผยให้เห็นถึงความสิ้นหวังทั้งไม่เต็มใจ!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)