War sovereign Soaring The Heavens 2137-2143

 ตอนที่ 2,137 : ทางเข้าปิดตัว!


 


ฟืด!


 


พอได้ฟังคำยืนยันจากปากผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าดังเฮือก ใบหน้าฉายชัดถึงความประหลาดใจ!


 


เดิมทีเขาคิดว่า ระนาบเทียมแห่งนี้เป็นคลังสมบัติที่เหลือทิ้งไว้โดยยอดคนเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ ก็ยอดเยี่ยมแล้ว!


 


เพราะแค่นี้ก็มากพอให้เขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นทั้งกระหาย!


 


ทว่าตอนนี้ผู้เฒ่ากลับบอกเขาว่า…


 


ผู้ที่สร้างระนาบเทียมแห่งนี้…กลับไม่ใช่ยอดคนเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์แค่คนเดียว…แต่เป็นยอดคนระดับนั้นถึง 3 คน!


 


ระนาบเทียมแห่งนี้กลับเป็นอะไรที่ทั้ง 3 ยอดคนร่วมมือกัน!!


 


‘ระนาบเทียมที่ถูก 3 เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ไปแล้วร่วมมือกันสร้างขึ้นงั้นเหรอ…ถ้างั้นก็คงไม่ธรรมดาเหมือนคลังสมบัติของคนๆเดียวแน่!’


 


พอคิดถึงจุดนี้ลมหายใจของต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ถี่จะถี่รัวขึ้นมา


 


จังหวะนี้ไม่ให้เขาตื่นเต้นก็คงไม่ได้!


 


เพราะสุดท้ายแล้วสถานที่ๆเขาอยู่ตอนนี้ ก็ไม่ใช่ธรรมดาเหมือนคลังสมบัติของเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยนแค่คนเดียว! และยังไม่ธรรมดาเหมือนคลังสมบัติของเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์แค่คนเดียว…!


 


แต่มันคือคลังสมบัติที่เหลือทิ้งไว้โดยเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ ถึง 3 คน!!


 


‘ในเมื่อทั้ง 3 คนนั่นร่วมมือกันสร้างระนาบเทียมนี่ ก็มากพอจะชี้ให้เห็นว่าทั้ง 3 สมควรมีสัมพันธ์อันดีต่อกัน…อีกทั้งการที่พวกมันลงทุนทำถึงขนาดนี้ ไม่พ้นเพราะคิดเหลือมรดกวิชา เวทย์พลัง กระทั่งสมบัติล้ำค่าที่สะสมมาชั่วชีวิตแต่ไม่อาจนำขึ้นไปในแดนสวรรค์ไว้ให้ผู้มีวาสนามาพบแน่!’


 


‘บางทีในสายตาทั้ง 3…สิ่งของที่พวกมันเหลือไว้คงเป็นได้แค่ของไร้ค่าที่ไม่อาจเอาติดตัวไปได้ แต่สำหรับคนที่ยังไม่บรรลุถึงขั้นนั้น ขอเพียงเป็นสมบัติดีๆสักชิ้นของพวกมัน…เกรงว่าหากไปโผล่ในระนาบโลกียะปกติ คงเป็นของหายากแน่!!’


 


พอนึกถึงจุดนี้อารมณ์ต้วนหลิงเทียนที่สงบลงบ้างก่อนหน้าก็ปั่นป่วนขึ้นมาอีกครั้ง


 


กระทั่งการทดสอบหลังจากนั้นอีกหลายด่าน ต้วนหลิงเทียนยังยากจะสงบอารมณ์ที่พุ่งพล่านขึ้นมาลงได้ ยังเผลอสู้ไปทั้งใจลอยอยู่หลายครั้ง!


 


โชคดีที่บททดสอบที่เกิดขึ้นไม่ได้ยากเย็นเกินความสามารถของเขา


 


“ยิ่งมายิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ…หากยังไม่จบลงง่ายๆ เกรงว่าการทดสอบหลังจากนี้น่ากลัวจะยิ่งยากจนไม่อาจผ่านได้แน่ แล้วนี่มันจะจบเมื่อไหร่กัน!?”


 


หลังผ่านบททดสอบได้อีกด่าน ต้วนหลิงเทียนก็ไม่กล้าใจลอยสืบไป ตอนนี้เขาเริ่มจริงจังขึ้นมาบ้างแล้ว


 


ตั้งแต่ที่เข้ามาจนถึงตอนนี้เขาเองก็จำไม่ได้แล้วว่าเผชิญหน้ากับบททดสอบมากี่ด่าน


 


และตั้งแต่ที่วูบร่างเข้ามาในระนาบเทียมแห่งนี้ ศัตรูอันเป็นบททดสอบทั้งหมดก็ผุดโผล่ขึ้นมาอย่างกะทันหันไม่หยุดหย่อน ยากที่เขาจะหลีกเลี่ยงอะไร ทำได้แค่เผชิญหน้ากับพวกมันมาตลอด


 


ตอนแรกก็ง่ายเสียจนไม่อยู่ในสายตา แต่ยิ่งมาก็ยิ่งหนักแรงขึ้นเรื่อยๆ!


 


จนมาตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกว่าตึงๆบ้างแล้ว ไม่อาจลงมือสบายๆได้อีกต่อไป!


 


แน่นอนว่าสาเหตุที่เขารู้สึกตึงมืออยู่บ้าง เพราะเขาเพียงลงมืออย่างเรียบง่าย ไม่ได้ใช้ทักษะทั้งหมดที่มีเพียงลงมือเท่าที่จำเป็นเพื่อสงวนพลัง และฟื้นพลังที่พร่องไปก่อนหน้า…


 


“มาต่อ!”


 


ความว่างเริ่มสะท้านสะเทือนอีกครั้ง เป็นสัญญาณว่าบททดสอบครั้งต่อไปกำลังจะมาถึงแล้ว และครู่ต่อมาก็ปรากฏสัตว์ร้ายตัวเขื่องจากความว่างเปล่านับสิบๆ!


 


เห็นฉากนี้สองตาต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหดหยีลง ทีท่าเปลี่ยนเป็นขึงขังแววตาจริงจังเอาเรื่อง


 


ตอนนี้เขาไม่กล้าคิดอะไรฟุ้งซ่านหรือใจลอยอีก


 


กับสัตว์ร้ายพวกนี้ หากประมาทเพียงครั้ง ไม่พ้นถูกกำจัดแน่!


 


สำหรับความเป็นไปคร่าวๆในระนาบเทียมแห่งนี้ผู้เฒ่าหั่วก็ได้เตือนเขาไว้แล้ว  ยังกล่าวถึงผลที่จะตามมาหลังพ่ายแพ้…เขาจะถูกระนาบเทียมนี่ขับออกไปทันที!


 


และเมื่อถูกขับออกไปแล้ว ก็จะไม่สามารถย้อนกลับเข้ามาได้อีก!


 


ถ้าเป็นแบบนั้น ก็หมายความว่าเขาจะชวดสมบัติทั้งหลายในนี้…สมบัติที่ยอดคนเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนผู้ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ทั้ง 3 เหลือไว้!!


 


แค่คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกปวดตับอย่างแรง


 


เช่นนั้นเมื่อศัตรูเริ่มเอาเรื่อง เขาย่อมไม่กล้าประมาทอะไรอีกต่อไป ยังจริงจังถึงที่สุด


 


ฮู่ม! ฮู่ม! ฮู่ม! ฮู่ม! ฮู่ม!


 



 


แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่สัตว์ร้ายตัวเขื่องนับสิบปรากฏตัว พวกมันก็คำรามเสียงดังอย่างดุรร้าย มวลพลังมหาศาลปะทุเร่งเร้าขึ้นมาทั่วร่างอย่างน่ากลัว! ดั่งกองไฟนับสิบลุกโชนขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง!!


 


บรรยากาศถึงกับสั่นสะเทือน สายลมแรงพัดสาดออกมาปานคมมีด ต้วนหลิงเทียนเองก็ถึงกับต้องขมวดคิ้วด้วยเพราะสัมผัสได้ว่า…สัตว์ร้ายของบททดสอบรอบนี้ มาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร พวกอ้าปากควบแน่นบอลพลังเตรียมยิงใส่เขาทันที!!


 


“ปราการเต่าทมิฬ!!”


 


ต้วนหลิงเทียนไม่กล้ารอช้า พลังเซียนสุริยันปะทุออกฉับไว ใช้ออกด้วยเวทย์พลังสายป้องกันเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เข้ามาในระนาบเทียมแห่งนี้!


 


และเวทย์พลังป้องกันที่เขาใช้ ก็คือเวทย์พลังสายป้องกันที่ได้ชื่อว่ายอดเยี่ยมที่สุดของลัทธิบูชาไฟ…ปราการเต่าทมิฒ!


 


ทันทีที่เวทย์พลังสำแดงเดช ก็ปรากฏมวลพลังขุมใหญ่ ค่อยๆก่อลักษณ์มหึมาดั่งสัตว์ร้ายในยุคบรรพกาล ห่อหุ้มคลุมครอบร่างต้วนหลิงเทียนเอาไว้อย่างมิดชิด!


 


หากคิดทำร้ายต้วนหลิงเทียน ก็ต้องฝ่าการป้องกันของสัตว์ร้ายตัวเขื่องนี่ให้ได้เสียก่อน!


 


“ฮู่มมมม!!”


 


“ซู่มมมม!!”


 



 


เสียงคำรามสนั่นดังขึ้นอีกครา ร่างสัตว์ร้ายทั้ง 10 ที่ควบแน่นพลังมหาศาลไม่รอช้าอะไร พวกมันโจนทะยานเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน พร้อมยิงบอลพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ควบแน่นไว้ออกมาอย่างพร้อมเพรียง!!


 


บอลพลังแต่ละลูกอัดแน่นไว้ด้วยขุมพลังอันน่าสะพรึงกลัว บรรยากาศยังถึงกับบิดเบี้ยว ก้อรพลังสังหารพุ่งแหวกอากาศมาอย่างแรงจนก่อให้เกิดการแตกออกของอากาศเสียงดัง! สายลมแรงดั่งมหาพายุกวาดสะท้านออกไปโดยรอบทันที!!


 


ด้วยมีก้อนพลังทำลายล้างนับสิบ คลื่นกระแทกที่เกิดขึ้นพาลให้โลกทั้งใบเสมือนถูกเขย่า! อากาศสะท้านสะเทือนราวกับจะพังทลายลงได้ทุกเวลา!!


 


อีกทั้งเมื่อบอลพลังนับสิบพุ่งเข้ามาได้พักหนึ่ง พวกมันกลับควบรวมผสานเข้าด้วยกันเป็นมวลพลังก้อนมหึมา! โลกหล้าคลายมืดลง ก้อนพลังดั่งเมฆดำปิดฟ้าโถมมาเตรียมกลืนร่างต้วนหลิงเทียน!!


 


ต้วนหลิงเทียนหยีตาลง ทัวร่างปรากฏแสงพลังสว่างไสวดั่งดวงตะวัน เงาร่างเต่าทมิฬตัวเขื่องทอประกายสว่างจ้า! เร่งเร้าพลังเตรียมรับการปะทะ!!


 


ทันใดนั้น


 


ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!


 



 


เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นปานฟ้าถล่ม เงาร่างเต่าทมิฬถึงกับบิดเบี้ยวกระเพื่อมไปอย่างแรง แลคล้ายเรือที่โอนเอียงยามเผชิญคลื่นสมุทรโหมกระหน่ำเจียนอัปปางโย้ไปเย้มา!


 


ยิ่งมาม่านพลังลักษณ์เต่าทมิฬก็บิดๆเบี้ยวจนแทบไม่อาจคงตัวได้ไหว! พวกมันคล้ายจะแตกสลายลงได้ทุกเวลา กลิ่นอายพลังเริ่มแผ่วลง สภาวะพลังคล้ายศรที่ยิงไปสุดสาย!!


 


อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เต่าทมิฬกำลังจะสิ้นท่าดั่งเรืออัปปาง มวลพลังมหาศาลของสัตว์ร้ายนับสิบก็สิ้นพลังอำนาจลงแล้วเช่นกัน!!


 


“โอ…หยุดได้จริงๆ!”


 


เห็นฉากนี้ต้วนหลิงเทียนที่เตรียมพร้อมลงมือเพิ่มเติมก็อดไม่ได้ที่จะตาลุกวาวขึ้นมา “สมแล้วที่ถูกเรียกว่าเวทย์พลังป้องกันอันดับ 1 ของลัทธิบูชาไฟ แม้จะพึ่งสำเร็จขั้นตอนเริ่มต้นแต่กลับให้พลังป้องกันที่แข็งแกร่งขนาดนี้…”


 


เมื่อคิดอย่างยินดีจบ เงาพลังลักษณ์เต่าทมิฬที่ดั่งศรสุดสายก็เริ่มจางหายไปช้าๆ ก่อนที่จะอันตรธานหายไปไม่มีเหลือ ราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน


 


ขวับ


 


ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ยกมือขึ้นเบาๆ กระบี่พันอาคมเซียนพลันผุดโผล่จากความว่างเข้ามือ


 


และทันทีที่เขาคลายมือที่ถือกระบี่พันอาคมเซียน ก็คล้ายมีพลังอำนาจที่มองไม่เห็นขุมหนึ่งชักนำกระบี่ให้พุ่งไปทะลวงสังหารสัตว์ร้ายตัวเขื่องที่โถมเข้ามานับสิบทันที!


 


เป็นต้วนหลิงเทียนใช้ออกด้วยเคล็ดกระบี่อยู่ที่ใจ ขอบเขตที่ 3 ของยอดใจกระบี่…


 


ขอบเขตที่ 3 ของยอดใจกระบี่ เคล็ดกระบี่อยู่ที่ใจนี้ ดั่งจะบรรลุจุดสูงสุดของวิชาควบคุมกระบี่บิน เพียงใจคิดกระบี่จี้ถึง! เรียกว่าเพียงต้วนหลิงเทียนคิดจะทะลวงร่างสัตว์ร้ายตัวเขื่อง กระบี่ก็บินไปทะลวงสังหารพวกมันด้วยความเร็วสูงสุดเรียบร้อย!!


 


“ตอนนี้พลังจากเคล็ดกระบี่อยู่ที่ใจขอบเขตที่ 3 ของใจกระบี่…ต่อให้เป็นวรยุทธ์เซียนสายกระบี่ระดับนภาโดดเด่นที่ร้ายกาจที่สุดในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าก็สู้ไม่ได้!”


 


ต้วนหลิงเทียนมั่นใจในเรื่องนี้นัก


 


ฟั่ฟฟฟ!!


 


และตอนนี้เองเสียงหอนของกระบี่แหวกกรีดอากาศก็พึ่งดังขึ้น ทว่ากระบี่ในมือต้วนหลิงเทียนนั้น ได้พุ่งไปแทงร่างสัตว์ร้ายตัวเขื่องนับสิบและตีวงโค้งยอดกลับมาเข้ามือเรียบร้อยแล้ว…


 


หลังจากนั้นร่างสัตว์ร้ายตัวเขื่องนับสิบก็สลายหายไปดั่งอากาศธาตุ…


 


ไม่เพียงบ่งบอกว่าพวกมันตายตก ยังหมายความว่าต้วนหลิงเทียนผ่านการทดสอบด่านนี้เรียบร้อย


 


“มันปิดแล้ว…”


 


ทว่าตอนนี้เองเสียงของผู้เฒ่าหั่วพลันดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนพอดี พอรู้สึกตัวก็ส่งเสียงถามกลับไปด้วยสงสัย “มันปิดแล้ว? อะไรปิดหรือผู้เฒ่าหั่ว?”


 


“ทางเข้าของระนาบเทียมแห่งนี้…รอยแยกนั่น มันปิดแล้ว”


 


ผู้เฒ่าหั่วกล่าวตอบ


 


“หืม? ทางเข้าระนาบเทียมปิดแล้ว?”


 


สองตาต้วนหลิงเทียนทอแสงสว่างเรืองขึ้นมาวูบหนึ่ง “ผู้เฒ่าหั่วท่านหมายความว่า…หลังจากนี้จะไม่มีใครเข้ามาในระนาบเทียมแห่งนี้ได้อีก?”


 


“เป็นเช่นนั้น”


 


ผู้เฒ่าหั่วกล่าวตอบ


 


หลังได้รับคำยืนยันจากผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกหัวใจพองโตขึ้นมาทันที


 


ทางเข้าปิดตัวลงแบบนี้ หมายความว่าจะไม่มีหน้าใหม่เข้ามาแข่งขันอะไรกับเขาได้อีก เสมือนไม่มีคู่แข่งที่คิดแย่งส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น!


 


สำหรับเขานี่นับว่าเป็นเรื่องดีที่เกี่ยวพันถึงผลกำไร และไม่มีข้อเสียใดๆ


 


“แต่อย่างไรข้าก็เข้ามาตั้งนานกว่าทางเข้านั่นจะปิด ท่าทางคนของนครแห่งบาปจะเข้ามากันหมดแล้ว เผลอๆคนของลัทธิอารามทมิฬกับขุมพลังใกล้นครแห่งบาปก็น่าจะเข้ามาแล้วเช่นกัน เพราะยังไงพวกมันก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก…ส่วนขุมพลังอื่นๆที่อยู่ห่างจากนครแห่งบาป ก็คงมีแต่สุดยอดฝีมือที่มาทัน…”


 


คิดถึงเรื่องนี้ คิ้วต้วนหลิงเทียนเพียงขมวดยู่ย่นเล็กน้อย แต่ไม่นานก็คลายลง


 


ครู่ต่อมาก็ปรากฏสายลมแรงหนึ่งพัดปะทะร่างต้วนหลิงเทียน…สัตว์ร้ายชุดใหม่ที่พลังเข้มแข็งกว่า และจำนวนมากกว่าเดิมก็ปรากฏตัวขึ้น


 


….


 


ในขณะเดียวกัน บริเวณด้านนอกเหล่าผู้ที่ถูกขับออกมาเพราะไม่อาจผ่านบดทดสอบ รวมถึงผู้ที่ยังคงรออะไรบางอย่าง ก็จำต้องอึ้ง เพราะอยู่ดีๆรอยแยกกลางหาวนั่นก็หุบลงปิดตัว! อันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตา!!


 


“ทะ…ทางเข้าหายไปแล้ว!!”


 


จังหวะนี้เรียกว่าลูกตาของผู้ชมดูเรื่องราวอยู่ด้านนอกอดไม่ได้ที่จะหดหยีลง!


 


ครู่ต่อมาก็มีเสียงอุทานออกเสียงดังด้วยความเจ็บใจ เป็นผู้ที่รีบเร่งรุดออกมาจากนครแห่งบาป หากทว่ากลับไม่ทันได้เข้าไปในรอยแยกนั่น มันก็ดันปิดตัวลงเสียก่อน ยังปิดลงต่อหน้าต่อตา!“บัดซบ! อีกแค่ไม่ถึง 10 ก้าว!!”


 


“มารดามัน…ข้าขออีกแค่สองลมหายใจ ไม่สิแค่ลมหายใจเดียวข้าก็มาทันแล้ว!”


 


“เพียงครึ่งลมหายใจ กลับห่างกันเหมือนไกลแสนไกล…”


 


“โอย ไฉนฟ้าถึงกลั่นแกล้งข้าพเจ้าเช่นนี้ นั่นมันคลังสมบัติของยอดคนเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ พันปียากจะพบพานสักครั้ง!หากหายไปก่อนข้าพเจ้ามิว่ามิบ่น แต่กลับมาหายไปต่อหน้าต่อตาข้าพเจ้าเนี่ยนะ!? ถุยชีวิต…”


 



 


หลังจากนั้นไม่นาน ก็ปรากฏแสงมากมายลากผ่านฟ้ามาแต่ไกล เป็นผู้คนที่รีบมาหลังได้รับข่าว อนิจจาพอทั้งหมดมาถึงก็ได้รับทราบข่าวร้าย…ทางเข้าปิดตัวลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดรู้สึกเสียดายนัก ที่ไม่อาจมาถึงให้เร็วกว่านี้


 


วูบ! วูบ!!


 


ทว่าทันใดนั้นเองไม่ทันที่จะมีใครได้บ่นอะไร พลันปรากฏความเคลื่อนไหวบางอย่าง สายลมพัดแรงออกมาโชยกระทบหน้าผู้คน 2 สาย เป็นชายหนุ่ม 2คนที่อยู่ๆก็ผุดโผล่ขึ้นมาจากความว่างเปล่าต่อหน้าต่อตาทุกคน


 


“นายน้อย!”


 


“นายน้อย!!”


 


ทันทีที่ชายหนุ่ม 2 คนนี้ปรากฏตัวขึ้น เหล่ากลุ่มคนที่ลอยร่างอยู่ด้วยกันก็ตะโกนเรียกหาพวกมันทันที


 


ชายหนุ่มทั้ง 2 คนนี้ คนหนึ่งมาในชุดที่สมควรเคยหรูหรามีระดับมาก่อน ทว่าตอนนี้กลับขาดวิ่นดั่งผ้าขี้ริ้ว ส่วนอีกคนนั้นชุดคลุมสีน้ำเงินที่แลคล้ายบัณฑิต ตอนนี้เสมือนถูกอันธพาลข้างถนนทุบตีมาจนยู่ยี่ ไม่เหลือเค้าความสง่างามแม้แต่น้อย


 


ทั้ง 2 คนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นนายน้อยของพันธมิตร 7 สังหารโอวฉิง และนายน้อยของพันธมิตรพันสารท ตงกั๋วจื่อ!


 


ทั้ง 2 ถูกกำจัดออกจากระนาบเทียมแทบจะพร้อมเพรียงกัน!!


ตอนที่ 2,138 : พื้นที่พันธนาการ!


 


“เป็นนายน้อยพันธมิตร 7 สังหารโอวฉิง กับนายน้อยพันธมิตรพันสารท ตงกั๋วจื่อ! ทั้งคู่ถูกกำจัดออกมางั้นเหรอ!?”


 


การปรากฏตัวของโอวฉิงและตงกั๋วจื่อย่อมดึงดูดความสนใจของผู้คนรอบๆไม่น้อย คนที่ไม่ได้เข้าไปและคนที่ถูกขับออกมา มีหลายคนที่จดจำพวกมันทั้งคู่ได้


 


เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาที่มองมาจากโดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นโอวฉิง หรือตงกั๋วจื่อ ก็ชักสีหน้าอัปลักษณ์ปั้นยากขึ้นมาทันที


 


เกือบแล้วเชียว!


 


อีกแค่นิดเดียวพวกมันก็จะผ่านการทดสอบอยู่แล้ว!


 


อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาสำคัญ พวกมันกลับพลาดท่าเสียที!


 


พวกมันย่อมไม่เต็มใจถึงที่สุด ไม่ยินยอมพร้อมใจถึงที่สุด…


 


แต่แน่นอนว่าหากพวกมันยังรู้ว่าหลังบททดสอบที่พวกมันล้มเหลว ยังมีบททดสอบอีกมากมายเป็นกระบุง พวกมันคงไม่คิดแบบนี้…


 


“เฮ่ๆ ตงกั๋วจื่อ เจ้าถูกเตะออกมาแทบจะพร้อมๆกันกับข้าเลยนี่นา…ฮัยยา ดูเหมือนว่าที่แท้นายน้อยของพันธมิตรพันสารทก็ไม่เท่าไหร่เลยนี่นา จึกๆๆๆ”


 


หลังได้เห็นว่าตงกั๋วจื่อก็ถูกขับออกมาพร้อมๆกันกับมัน โอวฉิงก็ไม่เสียใจอะไรอีก


 


กระทั่งมันยังมองตงกั๋วจื่อด้วยสายตาล้อเลียน ยกยิ้มเย้ยกล่าวเสียดสีเสียงดังว่า “ไม่ใช่แต่ก่อนเจ้าชอบหาว่าข้าเป็นพวกนายน้อยรุ่น 2 ที่ไม่เอาไหนรึไงหา? แล้วทำไมนายน้อยคนเก่งของพันธมิตรพันสาทรถึงไม่ได้ดีไปกว่าข้าเลยเล่า? ถุย! ที่แท้เจ้ามันก็แค่นี้ล่ะว้า ทีหลังอย่ามาทำเป็นพูดว่าข้า…ตัวไม่เอาไหน!!”


 


ในที่สุดก็มีโอกาสให้กล่าวแขวะตงกั๋วจื่อมาทั้งที โอวฉิงย่อมไม่พลาดโอกาสดีงามนี้เป็นธรรมดา


 


“โอวฉิง!!”


 


ได้ยินวาจาเสียดสีจากโอวฉิง ตงกั๋วจื่อถึงกับหัวร้อนขึ้นมาทันที!


 


เพราะไม่ใช่แค่มันเท่านั้นที่ดูถูกโอวฉิงว่าไม่เอาไหนมาตลอด ทั้งนครแห่งบาปก็ล้วนดูถูกโอวฉิง และคิดว่ามัน ตงกั๋วจื่อ แข็งแกร่งกว่าโอวฉิงมากทั้งนั้น!


 


เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาแปลกๆที่มองจ้องมาจากผู้คนรอบๆ ตงกั๋วจื่อก็รู้สึกอับอายนัก ยังอยากจะขุดหลุมแล้วมุดเข้าไปหลบหน้าผู้คนให้รู้แล้วรู้รอด! ขายขี้หน้าเหลือเกิน!!


 


เห็นหน้าตงกั๋วจื่อบิดเบี้ยว โอวฉิงก็ถูกใจนัก! มันหัวร่อดังลั่นอย่างสาแก่ใจ กระทั่งยังคิดว่า มีโอกาสได้ถล่มโอวฉิงแบบนี้ถึงถูกกำจัดก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว…


 


ขวับ! วูบ! วุบ!


 


……


 


หลังจากนั้นไม่นานก็มีผู้คนที่ถูกขับออกเรื่อยๆคนแล้วคนเล่า


 


คนที่ถูกขับออกมาตอนแรกๆก็เป็นแค่เซียนสวรรค์ 1เปลี่ยนหรืออ่อนด้อยกว่านั้น ต่อมาก็เริ่มมีเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยน สักพักกระทั่งเซียนสวรรค์ 3เปลี่ยนก็ถูกขับออกมา!


 


“ตาแก่อวี๋!”


 


“ผู้เฒ่าเซียว!”


 


เมื่อร่างเห็นร่าง 2 ร่างที่ปรากฏตัวขึ้นแทบจะพร้อมกันล่าสุด โอวฉิงกับตงกั๋วจื่อก็โพล่งดังออกมาพร้อมๆกัน


 


และคนที่ทำให้โอวฉิงกับตงกั๋วจื่อถึงกับหลุดอุทานออกมาแบบนี้ ก็คืออาวุโสของพันธมิตร 7 สังหาร และอาวุโสของพันธมิตรพันสารท!


 


แน่นอนว่าหากเป็นอาวุโสธรรมดาๆ คงไม่ทำให้พวกมันแปลกใจถึงขั้นต้องอุทานอะไรออกมาแบบนี้


 


แต่เหตุผลที่พวกมันถึงกับต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจนั้น เป็นเพราะอาวุโสทั้งคู่ถือว่าเป็นตัวตนที่ไม่ธรรมดาอยู่บ้างในพันธมิตรของพวกมัน!


 


“นั่นมิใช่อาวุโสอวี๋จงของพันธมิตร 7 สังหารหรือไร?”


 


“ส่วนคนผู้นั้น หากจำมิผิดก็คือ อาวุโสเซียวเผิงของพันธมิตรพันสารท!”


 


“ให้ตายเถอะ อวี๋จงกับเซียวเผิงนั่นมิใช่เป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนหรือไร…กระทั่งยังติดอยู่ใน 200 อันดับแรกของรายนามยอดเซียนด้วยซ้ำ!”


 


“มิผิด…ทั้งคู่นับเป็นสุดยอดฝีมือของขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนจริงๆ กระทั่งฉุนหวู่ของพันธมิตรร้อยวิญญาณที่ว่าแน่ก็สู้ทั้งคู่ไม่ได้ เผลอๆจะถูกทั้งคู่สยบเอาได้ในไม่กี่ท่า! ไม่คิดเลยว่ากระทั่งฝีมือระดับนี้ยังถูกขับออกมา!!”


 


“โอย…นับว่าความยากของบททดสอบในคลังสมบัติของยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนคนนี้มีไม่น้อยจริงๆ…หากมิใช่ชนชั้นยอดฝีมือจริงๆน่ากลัวยากจะคาดหวังอะไรได้…ข้าคิดว่าสุดท้ายแล้วผู้ที่จะแสวงโชคในนั้นได้คงมีไม่มาก”


 


“ข้าก็คิดเหมือนเจ้า…”


 


……


 


เหล่าผู้ที่ถูกคัดออกได้แต่กล่าวบ่นด้วยความเสียดาย


 


เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ที่ถูกคัดออกก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ


 


และคนที่ถูกคัดออกนั้น ก็มีจุดร่วมเหมือนกันก็คือ…


 


ทั้งหมดล้วนอยู่ใต้ขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน!


 


“ตอนนี้ผู้ที่พลังฝึกปรือไม่ถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 4เปลี่ยนของพันธมิตร 7 สังหาร พันธมิตรพันสารท และพันธมิตรหมื่นโบราณเหมือนจะถูกขับออกมาถ้วนหน้า…นอกจากนั้นยังมีเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนของพันธมิตรอำนาจทรราช และพันธมิตรร้อยวิญญาณถูกขับออกมาเช่นกัน…”


 


“เซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนของพันธมิตรอื่นๆก็ถูกขับออกมาเช่นกัน…ดูเหมือนตอนนี้คนที่จะอยู่ด้านในได้พลังฝึกปรือล้วนต้องบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน แถมพลังฝีมือต้องร้ายพอตัว…”


 


“อืม…เซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนที่ยังไม่ถูกขับออกมา มีแค่ของพันธมิตรใหญ่ กับคนของลัทธิอารามทมิฬทั้งนั้น…ที่พวกมันไม่ถูกขับออกมาแสดงว่ายังรับมือกับบททดสอบด้านในไหวอยู่…”


 


“สมควรเป็นเช่นนั้น”


 


……


 


ในขณะที่ผู้ฝึกตนพเนจรทั้งหลายกล่าวถึงเรื่องนี้ ก็มีเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนที่ไม่ใช่คนของพันธมิตรใหญ่และลัทธิอารามทมิฬถูกขับออกมาเรื่อยๆคนแล้วคนเล่า


 


“ให้ตายเถอะ…”


 


“โอย กระทั่งเจ้านั่นยังถูกขับออกมา…นี่ถ้ามิใช่เซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนที่พลังฝีมือพอตัว ไม่อาจต้านทานได้ไหวจริงๆหรือเนี่ย?”


 


“เหอะๆ คลังสมบัตินี่นับว่ามีเกณฑ์การประเมินสูงลิบนัก…ดูเหมือนถ้าไม่ใช่เซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนชนชั้นมากฝีมือ อย่าได้คิดจะมีโอกาสได้เห็นสมบัติอันใด”


 


“ธรณีประตูนี้…สูงเกินไป! ผู้คนข้ามกันไม่ได้แล้ว!!”


 


……


 


ตอนนี้คนที่อยู่ด้านนอกอดไม่ได้ที่จะบ่นโอดครวญกันยกใหญ่ ทั้งหมดรู้สึกอับจนหนทางไม่น้อย


 


ให้กล่าวจากใจ พวกมันไหนเลยจะอยากถูกขับออกมาแบบนี้


 


อนิจจาบางสิ่งก็ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของพวกมัน


 


“อย่างไรก็ตามบททดสอบด้านในมันวิปริตเกินไป…แต่ละด่านยิ่งมายิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับจะไม่มีจุดสิ้นสุดอย่างไรอย่างนั้น!”


 


“นั่นสิ ตอนที่ข้าถูกขับออกมาก็ยากเย็นยิ่ง หากยังมีอีกสักด่านสองด่าน น่ากลัวเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนทั่วไปก็ไม่พ้นถูกขับออกมาหมดสิ้น!!”


 


……


 


เหล่าเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนออกความเห็นกันไม่หยุด พวกมันมองเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนที่ถูกขับออกมาด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ


 


หากจะถามว่าในบรรดาผู้ที่ถูกขับออก เป็นพวกไหนที่รู้สึกขื่นขมที่สุด ก็คือพวกสุดยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนเหล่านี้


 


ตอนแรกที่ยังไม่มีเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนถูกขับออกมา พวกมันก็คิดว่าบททดสอบที่พวกมันเผชิญอาจจะเป็น บททดสอบ 2-3 ด่านสุดท้ายแล้ว


 


กระทั่งอาจจะเป็นบททดสอบรองสุดท้ายก็เป็นได้


 


‘ชายในชุดคลุมลมดำ…สมควรเป็นเซียนสวรรค์ 4เปลี่ยนที่ไม่ธรรมดาจริงๆ!’


 


ผู้นำกองกำลังพันธมิตรอีกาทมิฬหันมองไปรอบๆ ทั้งหลังจากสอบถามเล็กน้อยมันก็พบว่า ศัตรูของพันธมิตรอีกาทมิฬอย่างชายชุดดำผู้นั้น…ยังไม่ถูกขับออกมา! และสมควรเป็นอย่างที่มันคาดเดาไว้ไม่มีผิด ชายชุดดำเป็นเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน!!


 


ตอนแรกที่คาดเดา มันยังคงแอบหวังไว้ในใจอยู่บ้าง


 


แต่ตอนนี้ความหวังสุดท้ายในใจได้หายไปแล้ว เรียกว่าไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวความหวังอันใดอีกเลย


 


“ตั้งแต่วันนี้ไปพวกเจ้าทั้งหมดต้องละวางความแค้น และความเกลียดชังต่อชายชุดดำนั่นให้หมด…อีกทั้งหลังจากนี้พวกเราพันธมิตรอีกาทมิฬจะไม่ประพฤติตัวเป็นนกขมิ้นอีกต่อไป!!”


(นกขมิ้นในที่นี้มาจาก…’ตั๊กแตนจ้องจับจั๊กจั่น ไม่รู้ภัยนกขมิ้นอยู่ด้านหลัง’ )


 


เมื่อตระหนักได้ว่ามันและพันธมิตรอีกาทมิฬไม่มีหนทางต่อกรกับชายชุดดำได้เลย ผู้เฒ่าเฮยหยาก็หันไปกล่าวสั่งคนของพันธมิตรอีกาทมิฬด้วยเสียงผ่านพลังทันที…


 


และคำสั่งที่ดั่งประกาศิตนี้ ก็ไม่มีคนของอีกาทมิฬคนใดคัดค้าน!


 


พลังฝีมือของชายชุดดำกระทั่งผ็นำที่ร้ายกาจที่สุดยังกลัว ยังนับประสาอะไรกับพวกมัน?


 


กลุ่มคนที่อยู่ด้านนอกนั้นไม่ได้รู้เลย…


 


ว่าตอนนี้ภายในคลังสมบัติที่เหลือทิ้งไว้ด้วยฝีมือของเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จนั้น…มีคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเบื่ออย่างหนัก!


 


คนกลุ่มที่ว่า…มีต้วนหลิงเทียนรวมอยู่ด้วย


 


“โอย เมื่อไหร่ข้าจะออกไปจากที่นี่ได้สักที”


 


ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนอยู่ในพื้นที่ปิดสนิท โดยมี่พื้นที่ปิดสนิทที่ว่า มีพื้นที่ราวๆให้ผู้ใหญ่ 2 คนเบียดกันเท่านั้น ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกหดหู่อย่างมาก


 


ตอนแรกต้วนหลิงเทียนเองก็พยายามหาวิธีดิ้นรนให้หลุดออกจากพื้นที่ปิดสนิทดั่งกรงขังนี่แล้ว


 


แต่ถึงแม้เขาจะลงมือโดยไร้ซึ่งการออมรั้งพลังใดๆ โดยใชกระบี่นิลสวรรค์ เขาก็ไม่อาจทำอะไรได้เลย เรียกว่ามันไม่สะเทือนด้วยซ้ำ!


 


พื้นที่ปิดสนิทนี้แข็งแกร่งเกินไป มันเป็นอะไรที่ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ไม่อาจทำอะไรได้เลย ผนึกกักเขาไว้ราวกรงขัง ไม่อาจไปไหนได้


 


“ผู้เฒ่าหั่ว พื้นที่นี่มันอะไรกันแน่ ทำไมพลังของข้าไม่ระคายมันเลยล่ะ?”


 


ต้วนหลิงเทียนได้กล่าวถามผู้เฒ่าหั่วออกมาทันทีหลังจากลองใช้พลังทำลายแล้วไม่เป็นผล


 


“พื้นที่ดังกล่าวเป็นผลพวงจากการสร้างระนาบเทียม…ตราบใดที่เจ้ายังอยู่ในระนาบเทียมแห่งนี้ เจ้าถูกกำหนดให้ต้องถูกส่งตัวมาติดอยู่ที่นี่ และไม่อาจหลุดออกไปได้ไม่ว่าเจ้าจะพยายามอย่างไรก็ตาม…”


 


“แน่นอนว่าหากเจ้าเป็นเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จแล้ว กระทั่งคิดออกจากระนาบเทียมแห่งนี้เจ้ายังใช้กำลังฝ่าไปได้ กับอีแค่พื้นที่พวกนี้ย่อมไม่อาจขังเจ้าไว้ได้เป็นธรรมดา”


 


นี่คือคำตอบที่ผู้เฒ่าหั่วมอบให้เขา


 


และฟังจากคำของผู้เฒ่าหั่ว…


 


ต่อให้เป็นเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน แต่หากยังไม่ได้ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ ยังไม่มีปัญญาหลุดออกจากพื้นที่ผีสางนี้ด้วยซ้ำ!


 


ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ไปแล้ว กับผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ยังไม่ผ่านทัณฑ์สวรรค์ ต่างกันอย่างสิ้นเชิง!


 


ช่องว่างระหว่างทั้ง 2 ต่างกันราวกับอยู่คนละโลก!


 


หลังได้ฟังคำตอบของผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนก็ล้มเลิกความคิดดิ้นรนให้หลุดออกจากพื้นที่แห่งนี้ทันที


 


ล้อกันเล่นหรือไง?


 


ไม่ได้ยินที่ผู้เฒ่าหั่วบอกเหรอ กระทั่งเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยนที่ยังไม่ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ยังไม่อาจทำได้ แล้วเขาจะเอาปัญญาที่ไหนมาแหกพื้นที่ผีสางนี่เพื่อหลบหนี?


 


กระทั่งตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ยังไม่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ ยังเป็นอะไรที่ลำบากแค่ยกนิ้วก็ฆ่าเขาได้…เกรงว่าถ้าเป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์มา แค่ใช่สำนึกเทวะกดดัน เขาก็ตายแล้ว!!


 


“จะว่าไปบททดสอบก่อนที่จะมาติดแหง็กที่พื้นที่ผีสางนี่ก็ช่างยากเหลือเกิน…ถ้าไม่ใช่ว่าพลังเซียนสุริยันพอได้ฟื้นฟูขึ้นมาหลังเข้าระนาบเทียมหลายส่วน… ด่านสุดท้ายนั่นถึงจะใช้กระบี่นิลสวรรค์ก็คงไม่มีทางผ่านมาได้แน่…”


 


นึกถึงบททดสอบสุดท้ายก่อนหน้านี้ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหวาดเสียวอยู่บ้าง


 


บททดสอบสุดท้ายนั่น หากไม่ใช้กระบี่นิลสวรรค์ด้วยพลังเซียนสุริยันกว่า 7 ส่วนเขาไม่อาจผ่านมันมาได้แน่!


 


หลังจากผ่านการทดสอบสุดท้าย ต้วนหลิงเทียนก็เห็นว่ารอบข้างมืดลงไปวูบหนึ่ง รู้ตัวอีกทีเขาก็ถูกส่งมาในพื้นที่ประหลาดแห่งนี้เสียแล้ว


 


อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้เลย


 


ตอนนี้ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่ติดอยู่ในพื้นที่พันธนาการเช่นนี้


 


กระทั่งคนอื่นๆที่ผ่านบททดสอบมาแล้วก็คิดแหง็กเหมือนเขาเช่นกัน


 


ผู้นำพันธมิตร 7 สังหาร ผู้นำพันธมิตรพันสารทและผู้นำพันธมิตรหมื่นโบราณ ไม่เว้นเมิ่งฮ่าวและแม่เฒ่าอสรพิษ…สองคนที่บรรลุขอบเขตเซียนสวรรค์ 7เปลี่ยน ก็ติดแหง็กอยู่ในพื้นที่แบบนี้เหมือนกัน!


 


เรียกว่าใครที่ผ่านบททดสอบมาจะถูกกักไว้ในพื้นที่พันธนาการดังกล่าวโดยไร้ซึ่งข้อยกเว้น!


 


ราวกับต้องรอให้คนทั้งหมดทดสอบเสร็จสิ้น…


 


“ยินดีด้วยเจ้าผ่านการทดสอบ…วัดคุณสมบัติแล้ว”


 


หลังจากที่ผ่านไปนานเท่าไรก็ไม่ทราบ อยู่ๆพลันมีเสียงหนึ่งดังเข้าหูต้วนหลิงเทียน


 


เสียงนี้ประหนึ่งหมอกสลัว ไร้ตัวตน ยากจับต้อง ไม่ทราบมาจากไหน…


ตอนที่ 2,139 : การทดสอบรอบที่ 2


 


“ใคร!?”


 


พอได้ยินเสียง ต้วนหลิงเทียนก็เร่งหันมองไปรอบๆทันที ทว่าเขากลับไม่เห็นใครเลย เสียงนี้คล้ายจะผุดดังขึ้นมาในอากาศก็ไม่ปาน


 


“ข้ารู้ว่าตอนนี้พวกเจ้ามิพ้นต้องกำลังอยากรู้ว่าข้าเป็นผู้ใด…ข้าเป็น 1 ในผู้สร้าง ‘ระนาบเทียม’ แห่งนี้ขึ้นมา…”


 


เจ้าของเสียงคล้ายได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน มันพูดต่อออกมาว่า “อีกทั้งตอนนี้ พวกเจ้าสมควรสงสัยว่าไฉนข้าถึงกล่าวคำว่า 1 ใน ผู้สร้าง ระนาบเทียมแห่งนี้…”


 


กล่าวถึงจุดนี้เสียงดังกล่าวก็หยุดลง


 


อย่างไรก็ตามพอได้ยินวาจาประโยคแรกแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้อยากฟังที่เหลือต่อสักเท่าไหร่


 


ด้วยมีผู้เฒ่าหั่วกล่าวบอก เขาจึงรู้แต่แรกแล้ว…


 


ระนาบเทียม ที่เขาอยู่ตอนนี้มันถูกสร้างขึ้นมาด้วยฝีมือของ 3 ยอดคนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จแล้ว!


 


อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่อยากรู้ แต่ไม่ใช่ว่าคนอื่นๆจะไม่อยากรู้ด้วยเช่นกัน


 


“หนึ่งในผู้สร้าง? เจ้าของเสียงกล่าวว่าตัวมันคือ 1 ใน ผู้สร้างที่นี่งั้นเหรอ!?”


 


ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนคนไหน ตั้งแต่ผู้ฝึกตนที่มีพลังฝึกปรือขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนขึ้นไป จวบจนชนชั้นแนวหน้าระดับขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนหรือเหนือกว่านั้นจากนครแห่งบาปรวมถึงลัทธิอารามทมิฬ ทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง


 


ก่อนหน้านี้ทั้งหมดเพียงคิดว่าพื้นที่ๆพวกมันอยู่ คือระนาบเทียมที่ยอดคนเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ 1 คนสร้างขึ้น….


 


อย่างไรก็ตามฟังจากเสียงกล่าวเมื่อครู่แล้ว พวกมันก็ได้รับทราบ…


 


ที่พูดอยู่คือ 1 ในคนที่ร่วมมือกันสร้างสถานที่แห่งนี้เท่านั้น!


 


และเมื่อเสียงนี้ดังขึ้น ก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ผู้ฝึกตนที่ผ่านการทดสอบทั้งหมด ได้ถูกส่งให้มาติดกันอยู่ในพื้นที่พันธนาการประหลาดๆนี่เหมือนกัน เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ


 


ตอนนี้ผู้ที่ยังอยู่ในระนาบเทียมแห่งนี้ ถ้าไม่ติดอยู่ในพื้นที่ปิดดังกล่าว ก็ถูกขับออกไปหมดสิ้นแล้ว…


 


“เหตุผลเดียวที่ข้าพูดว่าข้าคือ 1 ในผู้สร้างนั่นเพราะ…ข้ามิได้สร้างสถานที่แห่งนี้ขึ้นมาเพียงลำพัง”


 


เสียงที่ผุดดังจากความว่าง ยังคงกึกก้องเข้าหูต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ


 


“ถึงตอนนี้ขอให้ข้าได้แนะนำตัวก่อน…ข้าเรียกว่า เจิ้งตงจี๋ ก่อนที่ข้าจะสร้างระนาบเทียมแห่งนี้ขึ้น ข้าก็ได้ทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนกระทั่งข้ามผ่านทันณฑ์สวรรค์เรียบร้อย และกำลังเตรียมตัวขึ้นสู่สวรรค์!”


 


เสียงปริศนากล่าวเรื่องนี้ออกมาก็ไม่ได้ทำให้ต้วนหลิงเทียนแปลกใจอะไร นั่นเพราะเขารู้แต่แรกแล้ว


 


แต่คนอื่นที่ยังไม่รู้ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตกใจทั้งประหลาใจกันยกใหญ่


 


เรื่องนี้ช่างน่าตกใจนัก!


 


ที่แท้ตัวตนที่สร้างพื้นที่แห่งนี้ กลับเป็นถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จจริงๆ!


 


และที่น่าประหลาดใจก็คือ


 


ในเมื่อสถานที่แห่งนี้สมควรเป็นคลังสมบัติ เช่นนั้นสมบัติของตัวตนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้แล้ว ย่อมเป็นสิ่งที่ล้ำค่าอย่างถึงที่สุด!


 


ล้อกันเล่นหรือไร!?


 


สมบัติที่เหลือไว้โดยตัวตนเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้แล้ว ยังจะเป็นอะไรที่ธรรมดาได้อีกหรือ?


 


“ข้าได้บอกไปแล้วก่อนหน้าว่าข้าเป็น 1 ในผู้สร้าง…ระนาบเทียมแห่งนี้ถูกสร้างด้วยฝีมือข้ากับสหายอีก 2 คน! และสหายทั้ง 2 คนของข้าก็ล้วนเป็นเหมือนกันกับข้า เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ!”


 


เสียงนั่นดังขึ้นอีกครั้ง


 


คราวนี้นอกเหนือจากต้วนหลิงเทียน ทุกคนก็ตกตะลึงพรึงเพริดกันแล้วจริงๆ


 


เรียกว่าตัวตนทรงพลังมากอำนาจที่มีพลังฝึกปรือเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนกระทั่งเหนือกว่านั้นจากนครแห่งบาป ไม่เว้นตัวตนระดับสูงจากลัทธิอารามทมิฬยังถึงกับต้องตะลึงตาตั้ง แล้วจะนับประสาอะไรกับผู้ที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อย…พวกมันตอนนี้ให้พูดว่าวิญญาณหลุดออกจากร่างยังไม่เกินเลย!


 


แน่นอนว่ายังมียอดคนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าไม่กี่คนที่สามารถสงบอารมณ์ได้ในเวลาอันสั้น


 


แต่แม้จะสงบอารมณ์ได้ พวกมันก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกใจทั้งประหลาดใจ “เช่นนั้นไม่ได้หมายความว่าคลังสมบัติแห่งนี้ คือคลังสมบัติของ 3 เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์หรือ?”


 


“กล่าวอีกอย่าง มันคือสมบัติชั่วชีวิตของตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ไปได้…รวมถึงมรดกตกทอดของพวกมัน 3 คน!”


 


พอนึกถึงเรื่องนี้ กระทั่งยอดคนขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนและเหนือกว่านั้นก็อดไม่ได้ที่จะหายใจถี่เร็วขึ้น


 


ส่วนคนอื่นๆอย่างผู้นำพันธมิตร 7 สังหาร พันธมิตรพันสารท พันธมิตรหมื่นโบราณ อาวุโสจากลัทธิอารามทมิฬ รวมไปถึงผู้ฝึกตนจากขุมพลังอื่นๆ หลังอึ้งไปพักใหญ่ ในที่สุดพวกมันก็ค่อยๆดึงสติกลับเข้าร่างได้สำเร็จ


 


“ที่แท้…ที่นี่กลับเป็นคลังสมบัติของ 3 ตัวตนเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรต์ได้สำเร็จ?”


 


“ฮ่าๆๆๆ…ข้าไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้ของข้าจะมีวันได้พบเรื่องดีๆเช่นนี้!”


 


“ครั้งนี้ข้านับว่าถูกรางวัลใหญ่แล้วจริงๆ ร่ำรวยแน่ๆ!!”


 



 


เหล่าผู้ฝึกตนมากมายที่ติดในพื้นที่พันธนาการอดไม่ได้ที่จะร่ำร้องออกมาอย่างดีใจ


 


จนกระทั่งเสียงในความว่างเปล่าดังขึ้นอีกครั้ง พวกมันจึงค่อยสงบลง


 


“พวกเราทั้ง 3 ได้ทิ้งสมบัติที่สะสมมาชั่วชีวิต บันทึกประสบการณ์รวมถึงเคล็ดบ่มเพาะไว้ในสถานที่แห่งนี้…แน่นอนว่ามีเพียงผู้ที่สามารถผ่านไปถึงบททดสอบสุดท้ายเท่านั้น ที่จะได้รับทุกสิ่งที่พวกเราเหลือทิ้งไว้…”


 


“อย่างไรก็ตามพวกเจ้าทุกคนล้วนมีโอกาสด้วยกันทั้งสิ้น…เพราะตอนนี้พวกเจ้านับว่าผ่านทดสอบวัดคุณสมบัติขั้นต่ำที่พวกเราตระเตรียมเอาไว้แล้ว! นอกจากพวกเจ้านั้นคนอื่นๆล้วนถูกขับออกไปด้านนอกหมดสิ้น!!”


 


“แต่แน่นอนวว่าพวกเจ้าอย่าพึ่งดีใจกันไปนัก…ที่เรียกว่าทดสอบวัดคุณสมบัตินั่นก็คือบททดสอบแรกอันเป็นเกณฑ์ต่ำสุดของพวกเราเท่านั้น”


 


หลายคนไม่เว้นต้วนหลิงเทียน พอได้ยินเรื่องนี้ถึงกับกระพริบตาปริบๆ


 


“อะไร…บททดสอบมากมายหลายด่านก่อนหน้านี้…แค่การทดสอบรอบแรกเรอะ?”


 


มุมปากต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกระตุกขึ้นมาตงิดๆ สักพักก็ได้แต่คลี่ยิ้มขื่นขมออกมา


 


คนอื่นๆถึงกับพูดอะไรไม่ออกก็มี


 


หลังพูดไม่ออกไปสักพัก ก็ดั่งพายุเข้า!


 


“บ้าน่า! ล้อกันเล่นรึไง!? ไอ้ที่ข้าสู้มาแทบตายนั่น…แค่การทดสอบแรกเรอะ!? หยอกข้าใช่มั้ย?”


 


“เหอะๆ…จากความลำบากที่ข้าเผชิญมา…เกรงว่าหากไม่ใช่เซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนที่ฝีมือเกินค่าเฉลี่ยเกรงว่าคงมิอาจทนทานรับไหววแน่ ทว่านั่นเป็นแค่การทดสอบแรกรึ?”


 


“แค่การทดสอบแรกหรือ…แต่แค่นี้ด้านในนี่ก็มิน่าเหลือผู้ฝึกตนที่ด่านพลังต่ำกว่าเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนแล้วกระมัง”


 


……


 


แม้จะเพียงไม่กี่คนที่โอดครวญออกมา แต่วาจาที่บ่นของพวกมันก็ล้วนบังเอิญเป็นทำนองเดียวกันทั้งนั้น


 


แน่นอนว่าก็มีเป็นที่ยกเว้นอยู่บ้าง


 


อย่างต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น


 


เหตุผลที่เขาไม่ได้คิดเหมือนคนพวกนี้เพราะพลังฝึกปรือของเขาเองยังถือว่าห่างจากขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนอีกไกล


 


ตอนนี้พลังฝึกปรือของเขาเพียงเจียนบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนเท่านั้น ยังไม่ทันทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนที


 


เขายังเป็นแค่ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนอยู่เลย!


 


นี่คือพลังฝึกปรือในปัจจุบันของต้วนหลิงเทียน หลังเขาใช้เวลาบ่มเพาะอยู่ในนครแห่งบาปครึ่งปี


 


ในสายตาคนอื่นความเร็วในการบ่มเพาะนี้นับว่าน่ากลัวมากแล้ว แต่ในสายตาเขามันยังไวไม่พอ!


 


‘อ่อนแอเกินไป พลังข้ายังน้อยนิดเกินไป…ตอนนี้ต่อให้ใช้กระบี่นิลสวรรค์ อย่างดีก็ฆ่าได้แค่เซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนชนชั้นยอดฝีมือกลายๆเท่านั้น…’


 


‘แต่หากเป็นเซียนสวรรค์ชนชั้นสุดยอดฝีมือที่บรรลุถึงสุดปลายขอบเขตพลังเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนจริงๆ น่ากลัวว่าอย่างดีข้าก็ทำได้แค่ทำให้มันบาดเจ็บสาหัส แต่คงฆ่ามันไม่ตาย…หากเป็นเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนคงยากจะสู้อะไรพวกมันได้’


 


หลังได้ฟังยอดคนเจ้าของเสียงที่อ้างว่าชื่อ เจิ้งตงจี๋ กล่าวบอกว่าเมื่อครู่เป็นเพียงการทดสอบแรกเพื่อวัดคุณสมบัติ ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกกดดันไม่น้อย


 


นั่นเพราะแค่การทดสอบแรกก็บีบให้เขาใช้พลังทั้งหมดแล้ว


 


แล้วการทดสอบรอบที่ 2 มันจะยากขนาดไหนกัน?


 


แล้วหลังผ่านการทดสอบที่ 2 มันยังจะมีการทดสอบที่ 3 หรือการทดสอบที่ 4 อยู่อีกไหม?


 


นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ใจต้วนหลิงเทียนก็จมดิ่งลงไปทันที


 


“หลังจากนี้พวกเจ้าจะถูกส่งตัวออกจากที่นี่ไปยังสถานที่แห่งอื่น…ในสถานที่แห่งนั้นเจ้าจักได้พบกับคนอื่นๆ แน่นอนว่าคนที่เจ้าจักได้พบล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ผ่านมาถึงจุดนี้ได้เท่านั้น”


 


“พวกเจ้าทั้งหมดจะถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม แต่ละกลุ่มจะแยกกันเผชิญกับบททดสอบ หลังจากการทดสอบรอบที่ 2 จบลงแล้ว จะหลงเหลือเพียงแค่ 2 กลุ่มเท่านั้น…หนึ่งกลุมต้องถูกคัดออก!”


 


ได้ยินเสียงของ เจิ้งตงจี๋ กล่าวแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆก็เฉยๆไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร


 


เพราะสุดท้ายแล้วก็เป็นเรื่องปกตินัก ที่จะมีการคัดคนออกในการทดสอบรอบที่ 2


 


อย่างไรก็ตาม วาจาประโยคต่อมาของเจิ้งตงจี๋ทำให้ทุกคนหน้าเปลี่ยนสีไปทันที…


 


“อย่างไรก็ตามการทดสอบรอบที่ 2 ที่กำลังจักเริ่มต้นขึ้นในอีกมินานหลังจากนี้นั้น…ผู้ที่ถูกคัดออกจักมิได้ถูกขับออกไปด้านนอกแต่อย่างไร แต่พวกมันทุกคนหลงเหลือเพียงหนทางเดียวเท่านั้น…ตาย!”


 


เรียกว่าพอประโยคนี้กล่าวจบ ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆรู้สึกรับไม่ได้ทันที


 


ในการทดสอบรอบที่ 2 มี 1 กลุ่มต้องตาย?


 


เรียกว่าจังหวะนี้เหล่าผู้ฝึกตนที่พลังฝีมือยังไม่ถึงขั้น รู้สึกเสียใจที่เข้ามาในสถานที่ผีสางแห่งนี้ทันที


 


อนิจจาโลกใบนี้ไม่มีโอสถรักษาอาการเสียใจ


 


อาศัยพลังฝีมือในปัจจุบันของต้วนหลิงเทียน เทียบกับเหล่าผู้ที่หลงเหลือในการทดสอบแล้ว จัดว่าเขาอยู่ในระดับล่างๆก็ว่าได้ หากแต่เขาไม่ได้เสียใจหรือหวั่นใจอะไรเรื่องนี้ เพียงติดใจเรื่องหนึ่ง…


 


‘จากที่เจิ้งตงจี๋อะไรนั่นมันพูด การทดสอบรอบที่ 2 นี้ทั้งหมดจะถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม…แต่จะมี 1 กลุ่มที่ต้องตาย? งั้นหมายความว่าจะรอดก็รอดด้วยกันหมด จะตายก็ต้องตายด้วยกันหมด?’


 


‘ไม่รอดทั้งกลุ่ม ก็ตายยกก๊วน?’


 


ได้ยินเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะโล่งใจไปเปราะหนึ่ง


 


เพราะหากการทดสอบมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับพลังฝีมือของคนแค่คนเดียว นั่นหมายความว่าเขายังมีโอกาสผ่านการทดสอบอยู่ กระทั่งยังมีโอกาสผ่านมากกว่าหวังพึ่งพลังฝีมือส่วนตัวด้วยซ้ำ


 


และไม่นานก็มีคนที่คิดเหมือนกันกับเขาไม่น้อย


 


“ขอสวรรค์ทรงโปรด…ให้ข้าได้อยู่ในกลุ่มของสุดยอดฝีมือด้วยเถอะ! เช่นนี้ข้าถึงจะได้มีโอกาสผ่านการทดสอบรอบที่ 2!!”


 


“ข้าแต่สวรรค์…ข้ามิขออันใดท่านมาก เพียงส่งสุดยอดฝีมือมาอยู่ในกลุ่มข้าเยอะๆเถอะ! ขอให้มีแค่ขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนขึ้นไปทั้งหมดยิ่งดี!!”


 



 


หลายคนที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อยได้แต่ภาวนาอธิษฐานออกมาอย่างวาดหวัง


 


ส่วนผู้ที่พลังฝึกปรือเข้มแข็งและมั่นใจก็ไม่ได้แยแสอะไร ในความคิดเพียงจะใครก็ได้ เพราะอาศัยพลังฝีมือส่วนตัวย่อมผ่านพ้นได้ไม่มีปัญหา


 


พวกที่ไม่มั่นใจก็ได้แต่ฝากความหวังไว้กับโชคชะตา


 


เพราะหากถูกจัดให้อยู่กับกลุ่มที่มีแต่สหายอ่อนแอเหมือนกันหมดล่ะก็ ไม่พ้นต้องตกตายสถานเดียว!


 


“เอาล่ะ ตอนนี้ข้าขอประกาศให้พวกเจ้าทั้งหมดรับทราบ…”


 


เสียงเจิ้งตงจี๋ดังขึ้นอีกครั้ง และทำให้ทุกคนไม่เว้นต้วนหลิงเทียนรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที “การทดสอบรอบที่ 2 ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว…”


ตอนที่ 2,140 : อันดับที่ 9 ในรายนามยอดเซียน!


 


“การทดสอบรอบที่ 2 ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ!”


 


แทบจะพร้อมกันกับที่เสียงของเจิ้งตงจี๋ดังจบคำ ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทันที อยู่ๆฉากเบื้องหน้าของเขาก็กลับกลายเป็นมืดดำสนิท!


 


เมื่อมีแสงสว่างเข้าตาอีกครั้ง เขาก็พบว่าตอนนี้เขาถูกเคลื่อนย้ายมาอยู่ในถ้ำที่กว้างใหญ่แห่งหนึ่งเสียแล้ว…


 


เพียงปราดมองไปรอบๆครู่เดียวเขาก็ตระหนักได้ทันทีว่ามันเป็นถ้ำตัน ไร้ช่องทางเข้าออกใดๆ ทั้งยังรกร้างแลดูแห้งแล้งนัก…


 


ที่กล่าวว่ารกร้างแห้งแล้งนั้นไม่ใช่ใดอื่น แต่เพราะในถ้ำแห่งนี้มองไปทางใดก็เห็นแต่พื้นที่เป็นดินทราย ไม่อาจแลเห็นสีเขียวใดๆ ไม่มีแม้แต่ความชื้นในอากาศ เรียกว่าช่างรกร้างและแห้งแล้งเหลือเกิน…


 


วูบ! วูบ! วูบ! วูบ! วูบ! วูบ!


 


……


 


และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวขึ้นในถ้ำ ก็บังเกิดการกระเพื่อมของสายลมหลายจุด ร่างคนจำนวนมากปรากฏขึ้นในถ้ำแห่งนี้แทบจะพร้อมๆกันกับเขา!


 


และเมื่อทุกคนปรากฏตัวออกมา สิ่งแรกที่กระทำก็คือมองสำรวจไปรอบๆเหมือนกันกับต้วนหลิงเทียน


 


ถ้ำนี้แม้จะกว้างใหญ่อยู่บ้าง แต่ด้วยความที่มันรกร้างว่างเปล่าทั้งแห้งแล้งจึงแลเห็นขอบเขตได้ง่ายดาย มองเห็นสุดปลายถ้ำทั้ง 2 ด้านได้ชัดเจน


 


อย่างไรก็ตามแม้จะเห็นที่ทางในถ้ำชัดถนัดตา แต่ก็หาได้ลดทอนแรงกดดันในใจของใครหลายๆคนไม่! แรงกดดันที่ว่ายังทำให้พวกมันแทบจะเป็นลม!!


 


เพราะสุดท้ายแล้วนี่ก็คือการทดสอบรอบที่ 2!


 


แค่การทดสอบรอบแรกก็เป็นอะไรที่ยากมากสำหรับพวกมันหลายคน บางคนถึงขั้นผ่านมาได้เพราะโชคช่วยด้วยซ้ำ!!


 


การทดสอบรอบที่ 2 ย่อมยากกว่าเดิมเป็นธรรมดา!


 


เช่นนั้นแล้วในถ้ำโล่งๆที่ไม่คล้ายจะมีอะไรนี่ ต้องมีอันตรายใหญ่หลวงใดๆซุกซ่อนอยู่แน่นอน!


 


และสิ่งที่ไม่รู้เป็นอะไรที่น่ากลัวที่สุดเสมอ…


 


ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงอดไม่ได้ที่จะหวั่นใจ


 


‘ไม่รู้คนที่ถูกส่งมาให้อยู่กลุ่มเดียวกับข้าจะมีใครบ้าง…’


 


นึกถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็ดึงสติกลับมาจากการสังเกตที่ทางโดยรอบ และหันมาจดจ่อผู้ฝึกตนที่ถูกส่งมาอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับเขาทันที


 


คนเหล่านี้จะเป็น ‘สหาย’ ที่ร่วมฟันฝ่าบดทดสอบรอบที่ 2 ไปพร้อมกันกับเขา…


 


และการทดสอบรอบที่ 2 นี้ ก็อิงผลงานของกลุ่ม! จะรอดก็รอดไปด้วยกัน จะตายก็ตายด้วยกันทั้งหมด!!


 


ประหนึ่งทุกคนถูกจับมัดให้มาอยู่ในเรือลำเดียวกัน!


 


และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังมองสำรวจคนอื่นๆ คนอื่นๆก็กำลังหันมองสำรวจผู้คนในถ้ำแห่งนี้เช่นกัน


 


ความในใจของพวกมันที่กำลังครุ่นคิดอยู่ ก็ไม่ต่างอะไรจากความในใจต้วนหลิงเทียน


 


ในการทดสอบครานี้ คุณภาพของ ‘สหาย’ จะส่งผลโดยตรงว่าพวกมันจะอยู่หรือไป…และหากพวกมันล้มเหลวในการทดสอบรอบที่ 2 นี้ล่ะก็ หนทางเดียววที่รออยู่ก็คือความตายเท่านั้น! ทำให้ทุกคนบังเกิดความรู้สึกกดดันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!!


 


“ใต้เท้าไป๋ลี่”


 


ทันใดนั้นเองชายวัยกลางคนร่างผอมในชุดคลุมสีเขียวพลันกล่าวออกมาเสียงดังฟังชัด ให้ทุกคนในกลุ่มไม่เว้นต้วนหลิงเทียนได้ยินกันถ้วนหน้า ทำให้ต่างหันมองไปที่มัน ก่อนจะมองตามสายตามันไปตกยังร่างในชุดขาวทันที


 


ฟังจากวาจาที่กล่าวออก ดูเหมือนผู้กล่าวจะตกใจไม่น้อยที่ได้พบพานคนๆนี้ที่นี่!


 


‘ใต้เท้าไป๋ลี่?’


 


ขณะที่ชายวัยกลางคนร่างผอมชุดเขียวมองทักชายชุดขาวด้วยความตกใจ ทุกคนไม่เว้นต้วนหลิงเทียนก็มองพินิจร่างในชุดขาวทันที


 


เป็นชายหนุ่มมาในชุดขาวปลอด รูปร่างสมส่วนแลดูมากสง่ามีราศีจับ ด้วยใบหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ พร้อมความสงบนิ่งดั่งขุนเขาพาลให้รอบกายคล้ายมีพลังที่มองไม่เห็นขุมหนึ่งคอยผลักไสผู้คนให้ไกลห่างออกไปนับพันลี้ ยากจะเข้าหานัก…


 


และตรงกลางหน้าผากของชายหนุ่มชุดขาวผู้นี้ มีปานสีแดงแต้มอยู่ แลดูโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ชวนให้สะดุดตานัก


 


มันเพียงยืนอยู่เฉยๆ กลับให้ความรู้สึกเลื่อนลอยไม่อาจจับต้อง ประหนึ่งมันเป็นเทพเซียนอมตะที่อยู่เหนือโลกีย์วิสัย


 


“ปะ…เป็นใต้เท้าไป๋ลี่จริงๆ!”


 


ผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งจากนครแห่งบาปคนหนึ่ง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือหลังจากยืนยันตัวบุคคลได้แล้ว เห็นชัดว่ามันตื่นเต้นไม่น้อย


 


มันเองก็อยู่ในนครแห่งบาปมาหลายร้อยปีแล้ว เคยได้มีวาสนาพบพานชายหนุ่มชุดขาวผู้นี้ครั้งหนึ่ง และมันก็ประทับใจอีกฝ่ายมากจึงจดจำอีกฝ่ายได้ทันทีตั้งแต่แรกเห็น สามารถระบุตัวคนได้ชัดเจน


 


“ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าข้าจะถูกส่งมาให้อยู่กลุ่มเดียวกับใต้เท้าไป๋ลี่แบบนี้…นับว่าโชคข้ายังดีอยู่นัก!”


 


“ด้วยมีใต้เท้าไป๋ลี่อยู่ทั้งคน การทดสอบรอบที่ 2 นี่ไม่นับเป็นอะไรแน่!”


 


สำหรับผู้ฝึกตนเหล่านี้แล้ว


 


ไป๋ลี่เป็นตัวตนที่เปรียบได้ดั่งเทพเจ้า!


 


“ใต้เท้าไป๋ลี่…เช่นนั้นคนผู้นั้นก็คือ ไป๋ลี่ ของนครแห่งบาป!”


 


หลายคนหยีตาหดเล็ก ในแววตายังฉายชัดถึงความหวาดกลัว ใบหน้ายังเผยความหวั่นเกรงให้เห็นจางๆ ราวกับตื่นตระหนกอยู่บ้าง


 


‘เจ้านั่นน่ะหรือ ไป๋ลี่ 1 ใน 3 เทพผู้พิทักษ์ที่พลังฝีมือร้ายกาจที่สุดของนครแห่งบาป ทั้งยังทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน…ยอดฝีมืออันดับที่ 9 ในรายนามยอดเซียน?’


 


ในขณะที่ทุกคนมองไป๋ลี่ด้วยความสนใจ สายตาต้วนหลิงเทียนก็ตกอยู่บนร่างไป๋ลี่ด้วยเช่นกัน ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจอยู่บ้าง


 


หากคนตรงหน้าคือไป๋ลี่ที่เขารู้จักจริงๆ


 


เช่นนั้นชายเบื้องหน้าผู้นี้ สมควรเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด ที่เขาเคยได้พบพานมาตลอดชั่วชีวิตนอกเหนือจาก ผู้เฒ่าหั่ว!


 


ไป๋ลี่ 1 ใน 3 สุดยอดฝีมือ ที่ยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของนครแห่งบาป และเป็นหนึ่งในผู้ฝึกตนที่ร้ายกาจที่สุดระดับแนวหน้าของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ผู้ที่บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน!


 


อันดับในทำเนียบสุดยอดฝีมือของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอย่างรายนามยอดเซียนก็คือ อันดับที่ 9!


 


อันดับ 9 ในรายนามยอดเซียน เรื่องนี้หมายความว่าอะไร?


 


“ใต้เท้าไป๋ลี่”


 


“ใต้เท้าไป๋ลี่”


 


……


 


หลังจากที่ทุกคนในถ้ำยืนยันตัวตนของไป๋ลี่ได้แล้ว พวกมันหลายคนถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น เร่งทักทายไป๋ลี่ด้ววยความเคารพราวกับขุนนางถวายบังคมฮ่องเต้!


 


“จ้าวค้างคาวปีกเขียว!”


 


ในขณะที่สายตามากมายจับจ้องไปยังร่างไป๋ลี่และก้มหัวทักทายไป๋ลี่นั้นเอง มีบางคนที่ไม่ได้สนใจไป๋ลี่หากแต่ให้ความสนใจกับชายวัยกลางคนในชุดสีเขียวคนหนึ่ง…


 


ชายวัยกลางคนในชุดสีเขียวผู้นี้เป็นคนแรกที่สังเกตเห็นไป๋ลี่ และเอ่ยทักไป๋ลี่ก่อนใคร


 


ตอนนี้ไป๋ลี่เองก็หันมองไปที่มัน ค่อยพยักหน้าทักมันกลับด้วยความสุภาพ


 


“เป็นผู้ใดกันที่ทำให้ใต้เท้าไป๋ลี่ไว้ท่าทีเช่นนี้…”


 


ในขณะที่ไป๋ลี่หันไปมองทักชายวัยกลางคนชุดเขียวว หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจทั้งสงสัย


 


“จ้าวค้างคาวปีกเขียว?”


 


และทันทีที่เสียงของไป๋ลี่ดังจบคำ คนส่วนใหญ่ไม่เว้นต้วนหลิงเทียน ก็อดไม่ได้ที่จะสะท้านอยู่ในใจ!


 


ทันใดนั้นสายตามากมายหลายคู่ก็หันไปจับจ้องชายวัยกลางคนชุดเขียวผู้นั้นทันที


 


เป็นชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมหากแต่ไม่ถือว่าอ้วนคนหนึ่ง ด้วยศีรษะที่มีขนาดค่อนข้างเล็กแลดูไม่เข้ากับขนาดตัว ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะนึกถึง หนูขี้โขมย’ อยู่บ้าง


 


แม้มันจะยืนอยู่เฉยๆ แต่ให้ความรู้สึกลี้ลับยากหยั่งถึง


 


“มัน…มันคือ 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ จ้าวค้างคาวปีกเขียว เหวยสั่ว!?”


 


บางคนดึงสติกลับมาหลังจากอึ้งไปวูบหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกหลังสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ


 


“ไม่ผิด!”


 


ตอนนี้เองพลันมีชายคนหนึ่งกล่าวออกด้วยความมาดมั่นแลดูภาคภูมิใจถึงที่สุด “นี่คือจ้าวค้างคาวปีกเขียว 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬเรา! ใต้เท้าเหวยสั่ว!!”


 


และผู้ที่กล่าวออกมาอย่างมาดมั่นนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น มันเป็นอาวุโสคนหนึ่งของลัทธิอารามทมิฬ!


 


‘จ้าวค้างคาวปีกเขียวเหวยสั่วผู้นี้ คือ 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ…แม้พลังฝีมือของมันจะจัดว่าต้อยต่ำที่สุดในบรรดา 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ แต่ก็ไม่ใช่ชนชั้นต่ำทรามอันใด…’


 


‘เพราะมันไม่เพียงแต่จะเป็นถึงผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน แต่พลังฝีมือยังติดอยู่ในอันดับที่ 24 ของรายนามยอดเซียน!’


 


จังหวะนี้ความคิดในหัวต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงข้อมูลของ 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬที่เขารับทราบมา และหนึ่งในนั้นอย่าง จ้าวค้างคาวปีกเขียว ก็ระบุไว้เช่นกัน


 


“ใต้เท้าไป๋ลี่ ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งข้ากับท่านต้องมาร่วมมือกันแบบนี้…นับเป็นโชคชะตาจริงๆ”


 


เมื่ออยู่ต่อหน้าไป๋ลี่ แม้แต่มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬอย่างเหวยสั่วก็ยังต้องไว้หน้า ไม่กล้าละเลย


 


ล้อกันเล่นหรือ!


 


ไป๋ลี่ไม่ใช่แค่ เซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน แต่พลังฝีมือยังรั้งอยู่ในอันดับที่ 9 ของรายนามยอดเซียน! อาศัยพลังฝีมือนี้ยังร้ายกาจยิ่งกว่า พญามังกรเสื้อม่วง มหาธรรมราชาที่แข็งแกร่งที่สุดใน 4 มหาธรรมราชาเสียอีก!


 


ในลัทธิอารามทมิฬของพวกมัน เห็นทีจะมีแต่จ้าวลัทธิเท่านั้นที่สามารถเอาชนะไป๋ลี่ได้!


 


ต้องเผชิญหน้ากับตัวตนเช่นนี้มันยังกล้าไม่สุภาพหรือละเลยอีกฝ่ายได้หรือ?


 


แม้ล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนขึ้นไปไม่ต่าง แต่เหวยสั่วก็กระจ่างแจ้งแก่ใจ ว่าพลังฝีมือของมันยังห่างชั้นหากคิดจะวัดกับไป๋ลี่!


 


“อืม”


 


ไป๋ลี่พยักหน้ารับเบาๆ แม้จะอยู่ต่อหน้าเหวยสั่ว 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ ที่เป็นเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน แต่มันยังคงเย็นชาไม่แยแส


 


หากแต่ความเฉยเมยไม่ใส่ใจนี้ของมัน เหวยสั่วย่อมไม่ถือ


 


ยอดฝีมือที่เข้มแข็งย่อมมีความหยิ่งและความถือดีในตัว!


 


ด้วยพลังฝีมือของไป๋ลี่ แค่มันไม่เพิกเฉยต่อเหวยสั่ว ก็นับว่าเป็นการไว้หน้ามากแล้ว


 


เรื่องนี้เหวยสั่วย่อมรู้ดี


 


“ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าข้าจะถูกส่งมาอยู่กลุ่มเดียวกันกับใต้เท้าไป๋ลี่และใต้เท้าเหวยสั่ว…มีใต้เท้าทั้ง 2 ท่านเช่นนี้ การทดสอบรอบที่ 2 ยังมิใช่การเดินเล่นอีกหรือ?”


 


ไม่นานก็มีคนกล่าวออกมาอย่างสบายใจ


 


และวาจาของมันก็ได้รับความเห็นชอบจากใครหลายๆคนทันที


 


“เดินเล่น?”


 


ทว่าต้วนหลิงเทียนกลับลอบส่ายหัวเบาๆ…


 


อย่างที่ เจิ้งตงจี๋ 1 ใน 3 เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ผู้สร้างระนาบเทียมแห่งนี้กล่าว…การทดสอบรอบที่ 2 นั่นจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม!


 


และทั้ง 3 กลุ่มก็จะทดสอบพร้อมๆกัน


 


กลุ่มที่แพ้ก็เสมือนเจอทางตัน


 


มีเพียง 2 กลุ่มเท่านั้นที่สามารถผ่านการทดสอบรอบที่ 2 จึงจะได้ไปต่อ และเข้ารับบดทดสอบรอบที่ 3…


 


‘ทั้ง 3 กลุ่มไม่มีทางสุ่มคนมามั่วๆแน่นอน…อาจเป็นการจัดกลุ่มตามระดับพลังฝีมือโดยรวม นั่นหมายความว่ากำลังรบโดยรวมของทั้ง 3 กลุ่มสมควรถูกเฉลี่ยให้เท่าๆกัน’


 


คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะถามผู้เฒ่าหั่วทันที


 


และผู้เฒ่าหั่วตอบกลับเขามาอย่างรวดเร็ว


 


“กฏเกณฑ์ในระนาบเทียมแห่งนี้ล้วนถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมือของผู้สร้างทั้งสิ้น…โดยทั่วไปแล้วการทดสอบแบบแบ่งกลุ่มเช่นนี้ สมควรมีความยุติธรรม ไม่มีผู้ใดได้เปรียบเสียเปรียบแน่นอน…นั่นหมายความว่าพลังฝีมือรบโดยรวมของทั้ง 3 กลุ่มย่อมเฉลี่ยมาเท่าๆกัน”


 


และคำตอบของผู้เฒ่าหั่ว ก็ยืนยันข้อสันนิษฐานของต้วนหลิงเทียนได้ชัดเจน


 


ในกลุ่มเขามียอดฝีมืออย่างไป๋ลี่กับเหวยสั่ว


 


เช่นนั้นหมายความว่าอีก 2 กลุ่มที่เหลือก็ต้องมีตัวตนทรงพลังระดับนี้อยู่เช่นกัน


 


ดังนั้นความคิดที่ว่ากลุ่มนี้จะผ่านการทดสอบรอบที่ 2 แน่ๆเป็นความคิดที่ตื้นเขินและด่วนสรุปเกินไป…


 


ในเมื่อพลังรบโดยรวมของอีก 2 กลุ่มที่เหลือไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน นั่นหมายความว่าผลลัพธ์สุดท้ายก็ไม่แน่ว่ากลุ่มนี้จะเป็นผู้ที่ได้ไปต่อ!


ตอนที่ 2,141 : อยู่หรือตายไปด้วยกัน!


 


“พวกเจ้าด่วนยินดีกันเกินไปแล้ว…”


 


ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนเดียวที่กระจ่าง ชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ในชุดคลุมสีเงินผู้หนึ่ง พลันกล่าวออกด้วยใบหน้าเคร่งเครียดคิ้วย่นเป็นปมว่า “ในกลุ่มพวกเรามียอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนกับ 8 เปลี่ยนจริง แต่พวกเจ้าคิดหรือว่าอีก 2 กลุ่มที่เหลือจักไม่มีตัวตนระดับนี้?”


 


“ถึงแม้ตอนนี้ทางเข้าจักปิดไปแล้ว…แต่พวกเจ้าคิดหรือว่าก่อนที่มันจะปิดตัวลง ไม่มียอดฝีมือคนใดเข้ามาอีกแล้ว? คิดว่าตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนหรือเหนือกว่านั้นมีแค่ใต้เท้าไป๋ลี่กับมหาธรรมราชาเหวยสั่วแค่ 2 คนจริงๆ?”


 


ชายวัยกลางคนพูดจาฉะฉาน และวาจาที่มันกล่าวออกนั้นก็เสมือนถังน้ำเย็นราดรดลงหัวทุกคนที่กำลังฝันกลางวันให้ตื่นขึ้นมาทันที


 


“มันพูดถูก! คนที่เข้ามาในนี้ มีมากกว่า 2 คนที่บรรลุเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนหรือเหนือกว่านั้น”


 


“ใช่ ไม่ต้องพูดถึงลัทธิอารามทมิฬ เอาแค่ในนครแห่งบาปเรา ก็มีผู้ฝึกตนสันโดษราว 10 คนที่บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนกระทั่งเหนือกว่านั้น…และเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้ ไม่พ้นทั้งหมดต้องมาที่นี่ด้วยแน่!”


 


“อย่าได้บอกเชียวนะว่าทุกคนมาด้วยกันหมด…แต่ไฉนในกลุ่มพวกเรากลับไม่มีใครเลยนอกจากใต้เท้าไป๋ลี่กับใต้เท้าเหวยสั่วเล่า? เช่นนั้น…มิได้หมายความว่าคนอื่นๆกระจายกันไปอยู่กับอีก 2 กลุ่มรึ!?”


 


“เจ้าจะบอกว่า…การทดสอบรอบที่ 2 นี้ กลุ่มของพวกเราก็ไม่แน่ว่าจะได้เปรียบผู้อื่นงั้นหรือ?!”


 


“ถึงตัวข้าเองจะไม่อยากยอมรับแค่ไหน…แต่ไม่ผิด! สมควรเป็นเช่นนั้นจริงๆ”


 


……


 


เมื่อทุกคนได้ข้อสรุปแล้ว ต่างก็เงียบไปทันที บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นมาไม่น้อย


 


‘เจ้านั่น…ดูๆไปหน้าตามันก็คล้ายๆนายน้อยพันธมิตรพันสารทตงกั๋วจื่ออยู่บ้าง’


 


ในขณะที่คนอื่นๆกำลังกระซิบกระซาบกันนั้น สองตาต้วนหลิงเทียนก็มองจ้องไปยังชายวัยกลางคนที่มองเห็นถึงเรื่องนี้และกล่าวออกมาตรงๆ หว่างคิ้วของมันกลับให้ความรู้สึกละม้ายคล้ายนายน้อยพันะมิตรพันสารท ตงกั๋วจื่อไม่น้อย


 


‘แถมภาวะผู้นำของมันมาเต็มแบบนี้…ไม่พ้นต้องรับตำแหน่งผู้นำหรือตำแหน่งระดับสูงๆมาเป็นเวลานาน! หรือว่ามันจะเป็น…’


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังคาดเดาตัวตนของชายวัยกลางคนผู้นี้ พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของเขา…


 


“นั่นมิใช่ผู้นำพันธมิตรพันสารท ตงกั๋วอี้ หรอกรึ!?”


 


นี่เป็นคำอุทานที่ดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของต้วนหลิงเทียน เจ้าของเสียงเป็นผู้ฝึกตนอิสระคนหนึ่งจากนครแห่งบาป


 


ทันใดนั้นก็มีคนจดจำชายวัยกลางคนได้มากขึ้น


 


‘เป็นมันจริงๆ…’


 


และเสียงนี้ก็ยืนยันข้อสันนิษฐานของต้วนหลิงเทียนได้พอดี


 


เขาเองก็พึ่งคุ้นๆตาว่าชายคนนี้ละม้ายคล้ายตงกั๋วจื่อไม่ทันไร และท่าทีของมันก็แลดูมีภาวะผู้นำสูงเขาจึงคาดเดาตัวตนของมันขึ้นมาในใจ


 


ผู้นำพันธมิตรพันสารท ตงกั๋วอี้!


 


เซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน!


 


ผู้ที่ติดอยู่ในอันดับที่ 51 ของรายนามยอดเซียน!


 


อันที่จริงในถ้ำแห่งนี้มีหลายคนที่สามารถจดจำตงกั๋วอี้ได้ทันทีตั้งแต่แรกเห็น แต่ทว่าด้วยความที่มีผู้ยิ่งใหญ่อย่างไป๋ลี่และเหวยสั่วอยู่ ทำให้มันถูกละเลยไป…


 


โดยปกติแล้ว ด้วยฐานะของผู้นำพันธมิตรพันสารท 1 ใน 3 กองกำลังพันธมิตรผู้ฝึกตนอิสระที่แข็งแกร่งที่สุดในนครแห่งบาป พร้อมฐานะยอดฝีมืออันดับที่ 51 ในรายนามยอดเซียน ตงกั๋วอี้ สมควรเป็นจุดสนใจของผู้คน


 


อนิจจาต่อหน้าไป๋ลี่ ผู้ฝึกตนอสระที่เป็นดั่งตัวตนระดับเทพของนครแห่งบาป และ 1 ใน 4 มหาธรรมราชาอย่าง จ้าวค้างคาวปีกเขียวเหวยสั่ว ตงกั๋วอี้ล้วนถูกรัศมีทั้งคู่กลบมิด…ไม่คู่ควรให้กล่าวถึง!


 


เช่นนั้นจึงมีหลายคนที่ไม่ทันสังเกตเห็นมัน ที่เห็นก็มองข้ามมันไปหมด


 


หลายอย่างที่น่ากลัว คนกลัวสุดคือถูกเปรียบเทียบ…คำนี้จริงดังวว่า ตงกั๋วอี้ นั้น ต่อหน้าไป๋ลี่กับเหวยสั่วมันแทบกลายเป็นมดตัวกระจ้อย…เลือกได้มันย่อมไม่อยากมาอยู่ในสถานที่เดียวกับทั้งคู่ให้ถูกกลบรัศมีเช่นนี้


 


“หืม? นี่มิใช่ประมุขพรรคธุลีลืมเลือน เหอเฟยยี่ หรอกรึ?!”


 


หลังจากนั้นไม่ทันไรความสนใจของผู้คนก็ละออกจากตงกั๋วอี้ผู้นำพันธมิตรพันสารท ไปหยุดยังร่างคนอีกคน


 


ชายผู้นี้มีรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคนแต่งตัวคล้ายนักวิชาการมากความรู้ หน้าตาแลดูธรรมดา ดั่งธุลีคลีไร้สำคัญ ทว่ายามมองไปกลับให้ความรู้สึกไร้ร่องรอยดั่งสายลมยามวสันต์อยู่บ้าง


 


‘ประมุขพรรคธุลีลืมเลือน เหอเฟยยี่ งั้นหรือ…ไม่ธรรมดาอีกคนแล้ว?’


 


ในขณะที่สายตาหลายคู่หันไปจับจ้องยังร่างชายวัยกลางคนที่แลคล้ายนักวิชาการนั่น ต้วนหลิงเทียนก็มองสำรวจมันเช่นกัน


 


ประมุขพรรคธุลีลืมเลือน เหอเฟยยี่ คนนี้ ต้วนหลิงเทียนก็เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของมันมาเช่นกัน จึงรู้ด้วยว่าไม่เพียงแต่มันจะเป็นประมุขพรรคที่จัดได้ว่าเป็นขุมพลังชั้น 1 แต่พลังฝีมือยังรั้งอยู่ในอันดับที่ 55 ของรายนามยอดเซียน นับว่าไม่ใช่ตัวตนที่อ่อนด้อยอีกคน!


 


ด่านพลังฝึกปรือของมันก็ทัดเทียมกับผู้นำพันธมิตรพันสารทตงกั๋วอี้…เซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน!


 


อย่างไรก็ตามพลังฝีมือโดยรวมของมัน นับว่าอ่อนด้อยกว่าตงกั๋วอี้อยู่เล็กน้อย


 


และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมอันดับของมันในรายนามยอดเซียนถึงไม่อาจเทียบตงกั๋วอี้ได้


 


นอกเหนือจากเป็นผู้นำขุมพลังชั้น 1 แล้ว พรรคธุลีลืมเลือนของมันก็ตั้งรกรากอยู่ไม่ห่างจากนครแห่งบาปมากเท่าไหร่ เช่นนั้นการที่ เหอเฟยยี่ จะมาปรากฏตัวที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร


 


และเหอเฟยยี่ก็รีบมาที่นี่ทันทีที่ได้รับทราบข่าว


 


หลายคนอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเมื่อพบว่าเหอเฟยยี่อยู่ในกลุ่มด้วยเช่นกัน


 


เช่นนั้นแล้วในกลุ่มของพวกมันก็มีเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนอยู่อีก 2 คน!


 


“ชายชุดดำ! นั่นชายชุดดำนี่!!”


 


ทันใดนั้นเองพลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นทำลายความสงบที่พึ่งจะคงอยู่ได้ไม่ทันไร และเป็นผู้ฝึกตนอิสระคนหนึ่งของนครแห่งบาปที่กำลังมองมาทางต้วนหลิงเทียนพร้อมกล่าวโพล่งออกมาด้วยความแปลกใจ


 


“ชายชุดดำ?”


 


ทันใดนั้นผู้ฝึกตนในถ้ำก็หันมาให้ความสนใจต้วนหลิงเทียนทันที ใบหน้าทั้งหลายเผยความประหลาดใจไม่น้อย “ชายชุดดำผู้นี้สามารถผ่านการทดสอบรอบแรกมาได้ แถมยังอยู่ในกลุ่มพวกเราด้วย!?”


 


“เดิมทีข้าคิดว่าชายชุดดำที่ออกพิทักษ์คุณธรรมในนครแห่งบาป อย่างมากก็มีพลังฝึกปรืออยู่ที่ขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนเสียอีก…ตอนนี้ดูเหมือนเป็นข้าที่ดูเบาผู้กล้าผิดไป พลังฝีมือชายชุดดำสมควรอยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนขึ้นไป!!”


 



 


ยามผู้ฝึกตนกล่าวถึงต้วนหลิงเทียน ฟังดูก็พบว่าพวกมันประหลาดใจกันอยู่บ้าง


 


“ชายชุดดำ?”


 


ในขณะที่คนอื่นๆมองไปยังต้วนหลิงเทียนนั้น เหล่าผู้มีชื่อเสียงก่อนหน้าก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจเช่นกัน


 


แน่นอนว่าไป๋ลี่กับเหวยสั่วเองก็ด้วย


 


และในขณะที่สายตาของทั้ง 2 คนหันไปตกยังร่างต้วนหลิงเทียนนั้นเอง เป็นเหวยสั่วที่เปล่งพลังกดดันไร้สภาพขุมหนึ่งโถมถันไปครอบร่างต้วนหลิงเทียนเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าเจตนาทดสอบ!


 


‘ไอหน้าหนูนี่!’


 


ต้วนหลิงเทียนสบถด่าคนอยู่ในใจ ขณะเดียวกันก็เริ่มโคจรพลังวิญญาณตามเคล็ดบำเพ็ญจิตเต๋ากระบี่สูงสุด ‘ยอดใจกระบี่’ ทันที! สภาวะคนเปลี่ยนไปในฉับพลัน คล้ายกลับกลายเป็นกระบี่ไร้ฝักอันแหลมคมหนึ่ง ตั้งตระหง่านท้าฟ้าดิน สะบั้นทำลายแรงกดดันไร้สภาพของเหวยสั่วได้อย่างไม่ยากเย็น!!


 


และร่างเขาที่ยืนตระหง่านหลังตรงนี้ ให้ความรู้สึกราวต่อให้ไท่ซันถล่มลงตรงหน้าก็ไม่แยแส


 


“หืม!?”


 


เหวยสั่วที่ตระหนักได้ทันทีว่าพลังกดดันที่แผ่พุ่งออกไปกลับไร้ผลกระทบใดๆทั้งสิ้น ก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกเฮือกหนึ่ง ค่อยมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้งพลางกล่าวว่า “ข้าได้ยินเรื่องชายชุดดำในนครแห่งบาปมานานแล้ว…วันนี้ได้พบพานนับว่าช่างสมคำร่ำลือนัก!”


 


“มหาธรรมราชาเหวย ท่านกล่าวชมข้าเกินไปแล้ว…”


 


ถึงแม้ในใจต้วนหลิงเทียนจะบังเกิดความไม่พอใจทีท่าเสมือนตบหัวแล้วลูบหลังของเหวยสั่วอยู่บ้าง ทว่าตอนนี้เขาก็ได้แต่อดทนระงับโทสะในใจ แสร้งปั้นหน้ายิ้มกล่าวตอบคำออกไปเท่านั้น


 


เหวยสั่วไม่เพียงแต่จะเป็น จ้าวค้างคาวปีกเขียว 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ แต่ยังเป็นถึงผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนอีกด้วย!


 


อาศัยพลังฝึกปรือของเขาในตอนนี้ คิดงัดกับอีกฝ่ายย่อมไม่ต่างใดกับเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง ลูกผู้ชายยืดได้หดได้ เพียงฝากไว้ก่อนเถอะ!


 


ไม่ว่าจะโมโหแค่ไหนตอนนี้ทำได้แค่จำทน!


 


“การทดสอบรอบที่ 2 นี้เรียกว่า…อยู่หรือตายไปด้วยกัน!”


 


ทันใดนั้นเองเสียงของ เจิ้งตงจี๋  1 ใน 3 ผู้สร้างระนาบเทียมแห่งนี้พลันดังขึ้นชัดถนัดหูต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ


 


อยู่หรือตายไปด้วยกัน!


 


จังหวะนี้ใจต้วนหลิงเทียนและคนในถ้ำอดไม่ได้ที่จะสะท้านขึ้นมา


 


“การทดสอบรอบที่ 2 นี้ มีการทดสอบหลายชุด…และแต่ละชุดหากมีใครในกลุ่มตายตก คนที่เหลือก็จะถูกค่ายกลสังหาร ที่พวกข้าจัดตั้งไว้ในพื้นที่แห่งนี้ฆ่าตายด้วย!”


 


“จนเมื่อมีกลุ่มหนึ่งถูกฆ่าตายหมดสิ้นแล้ว อีก 2 กลุ่มจึงจะผ่านเข้าสู่การทดสอบรอบที่ 3 ได้!”


 


“ก่อนที่จะมีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งตายตก การทดสอบรอบที่ 2 จักดำเนินต่อไปเรื่อยๆไม่หยุด!”


 


เสียงของเจิ้งตงจี๋กล่าวถึงตรงนี้แล้วก็เงียบไป…


 


ทันใดนั้นผู้คนในถ้ำก็เงียบกริบ…


 


สีหน้าท่าทางของทุกคนไม่เว้นต้วนหลิงเทียนกลายเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาทันที


 


แม้จะเป็นยอดฝีมืออย่างไป๋ลี่และเหวยสั่ว ก็อดไม่ได้ที่จะหน้าตึงขึงขังไม่ต่าง ลูกตายังเผยความหนักใจไม่น้อย


 


หากให้พวกมันฉายเดี่ยว ย่อมไร้ซึ่งแรงกดดันอันใด


 


อย่างไรก็ตามฟังจากวาจาของเจิ้งตงจี๋แล้ว การทดสอบรอบที่ 2 นี้ไม่เพียงต้องดูแลตัวเอง ยังต้องคอยดูแลผู้อื่นอีกด้วย!


 


หากมีคนในกลุ่มตกตายสักคน ที่เหลือล้วนต้องกอดคอกันลงนรกไปตามๆกัน!!


 


และการทดสอบจะดำเนินต่อไปไม่หยุดจนกว่า จะมีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งใน 3 กลุ่มตายตกหมดสิ้น!


 


หลังจากนั้นอีก 2 กลุ่มถึงจะผ่านเข้าสู่การทดสอบรอบที่ 3!


 


“พวกเจ้าทุกคนคอยอยู่ใกล้ๆข้ากับใต้เท้าไป๋ลี่ไว้ให้ดี อย่าได้แยกตัวไปลงมือคนเดียวเด็ดขาด!!”


 


เหวยสั่วกวาดตามองคนทั้งหมดในถ้ำไม่เว้นต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวออกเสียงเข้ม


 


เมื่อต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆในถ้ำได้ยินน้ำเสียงจริงจังของมัน ต่างก็ไม่คิดโต้แย้งอะไร แถมยังเห็นด้วยทันที เพราะตอนนี้เสมือนทุกคนลงเรือลำเดียวกัน เมื่อการทดสอบรอบที่ 2 เป็นการอยู่หรือตายด้วยกันแบบนี้ หมายความว่าเส้นชีวิตของทุกคนเสมือนถูกผูกเข้าด้วยกันแล้ว…


 


หนึ่งตาย ที่เหลือก็ต้องตายตกร่วมกัน!


 


“หลังจากนี้มิว่าเจอกับบททดสอบอันใด…ยกเว้นข้า ใต้เท้าไป๋ลี่ ผู้นำตงกั๋ว และประมุขเหอ ลงมือ…คนอื่นๆไม่จำเป็นอย่าได้คิดเปิดฉากลงมือทำอันใดเด็ดขาด!”


 


หลังต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆเริ่มขยับเข้าไปยืนใกล้ๆเหวยสั่วและป๋ายลี่ เหวยสั่วก็กล่าวสั่งออกมาอีกครั้ง


 


ทุกคนไม่มีใครเห็นค้านการตัดสินใจนี้ของเหวยสั่ว


 


เพราะสุดท้ายแล้วการทดสอบนี้เกี่ยวพันถึงความเป็นตายของทุกคน และประเด็นสำคัญคือเอาตัวให้รอด ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่จะผ่านบททดสอบเร็วหรือช้า


 


สิ่งที่ทุกคนต้องกระทำคืออดทนให้มากที่สุด รักษาชีวิตให้นานจนกว่าอีก 2 กลุ่มจะมีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งตกตาย!


 


และไม่ว่าการทดสอบใดๆที่กำลังจะเกิดขึ้น เป็นการดีที่สุดที่จะให้ผู้เข้มแข็งทั้ง 4 ผนึกกำลังกันรับมือ!


 


“มาแล้ว!”


 


ทันใดนั้นเองเสียงเข้มของไป๋ลี่พลันดังขึ้น ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นที่กังวลและหวั่นใจอยู่เป็นทุน พอได้ยินเสียงเคร่งเครียดของไป๋ลี่ดังขึ้น ประสาททุกคนก็ขึงตึงทันที ยิ่งกังวลหนักข้อขึ้นไปอีก!


 


ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!


 



 


ทันใดนั้นเองเสียงกลองหนักๆให้จังหวะบีบคั้นหัวใจ พลันดังขึ้นมาแต่ไกล


ตอนที่ 2,142 : มีคนตาย!


 


พร้อมกันกับที่เสียงดั่งกลองศึกลั่นดังขึ้นมาเป็นทำนองอันบีบคั้นหัวใจนั้นเอง


 


ในถ้ำอันกว้างใหญ่พลันปรากฏร่างจำนวนมาก ผุดโผล่ออกมาจากอากาศว่างเปล่า


 


ร่างเหล่านี้เริ่มปรากฏจากส่วนหัว เพียงแลจากขนาดหัวก็รู้ว่าคนสมควรสูงใหญ่เข้มแข็ง เมื่อร่างเริ่มปรากฏถึงส่วนอกก็เห็นได้ชัดเจนว่าพวกมันเป็นทหาร! เพราะแต่ละคนล้วนมีชุดเกราะครบเครื่อง ในมือกำชับหอกยาวให้กลิ่นอายฆ่าฟันเหี้ยมหาญ ปลายหอกเปล่งประกายคมกล้าเยียบเย็นเสียดใจ!


 


หลังจากร่างทหารปรากฏออกมาได้ครึ่งตัว ต่อมาพลันปรากฏร่างม้าตัวเขื่องที่ถูกควบขี่! ม้าพวกมันไม่เหมือนม้าทั่วไป แต่ละตัวแลดูแข็งแกร่งบึกบึนทั้งดุร้าย ชุดเกราะถูกติดตั้งพร้อมรบ กีบเท้าหุ้มด้วยเกือกเหล็ก หากถูกย่ำลงน่ากลัวจะบาดเจ็บไม่ใช่เล่น!


 


เพียงเวลาชั่วพริบตา ทัพม้าก็ปรากฏเรียงรายเป็นแถวมีระเบียบ หอกตั้งขึ้นเผยประกายแหลมคมน่ากลัว


 


ถึงแม้พวกมันจะไม่ได้พูดหรือขยับอะไรมากมาย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ให้ความรู้สึกบีบคั้นประการหนึ่ง ปานมีมือที่มองไม่เห็นกอบกุมหัวใจคนทั้งหมดในถ้ำ


 


‘ทหารม้าพวกนี้…มีเป็นกองร้อยเลย!’


 


เพียงมองปราดเดียวต้วนหลิงเทียนก็กะจำนวนทหารม้าคร่าวๆได้ทันที เขาตระหนักได้ว่าพวกมันสมควรมีหนึ่งกองร้อย!


 


‘แถมม้าของพวกมันก็ตัวใหญ่กว่าม้าศึกทั่วไปมาก ท่าทางจะไม่ง่ายแล้ว!’


 


ต้วนหลิงเทียนที่สังเกตม้าตัวเขื่องใต้ร่างทหารแต่ละนายอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะเคร่งเครียดขึ้นมา เพราะการที่ม้าศึกแข็งแกร่งหมายถึงอะไรเขารู้ดี…พลังบุกทะลวงสมควรร้ายกาจแน่แล้ว!


 


“ฆ่า!!”


 


ทันใดนั้นเสียงอำมหิตพลันดังขึ้นพร้อมเพรียง ทัพม้าหนึ่งกองร้อยชูหอกแหลมขึ้น ทั้งหมดควบม้าบึ่งทะยานจี้หอกมาเบื้องหน้า สภาวะทะลวงเข่นฆ่าพุ่งเข้ามาทางต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆอย่างเกรี้ยวกราด ความเร็วยังน่ากลัวปานสายฟ้าฟาด!


 


ครู่ต่อมาทัพม้าหนึ่งกองร้อยนี้ ก็แปรขบวนทัพแยกออกไปดั่งปีกทั้ง 2 ข้างเปิดกาง แลไปคล้ายคิดกระหนาบพวกต้วนหลิงเทียนจากทั้งซ้ายขวาปานห่อเกี๊ยว!


 


อีกทั้งในระหว่างที่พวกมันบึ่งทะยานเข่นฆ่าสังหารเข้ามานั้น ความเร็วในการบุกทะลวงของมันยังเหนือกกว่าที่ต้วนหลิงเทียนคาดเดาไว้เสียอีก!


 


เรียกว่าความเร็วในการบุกทะลวงเข้ามาของทหารม้าแต่ละคน เทียบได้กับผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนทั่วไปเลยทีเดียว!


 


ทหารม้าหนึ่งกองร้อย บึ่งทะยานเข้ามาปานสายฟ้า ชั่วเวลาแค่พริบตาพวกมันก็เข่นฆ่าสังหารเข้ามาห่างจากพวกต้วนหลิงเทียนไม่ถึง 10 หมี่!


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆกำลังชักหน้าเข้มด้วยความตึงเครียดนั้นเอง


 


ปงงง!


 


เสียงอากาศแตกกระเบิดพลันดังสนั่นลั่นขึ้น เป็นไป๋ลี่ ที่ลงมือ!


 


ฟุ่บ!


 


มองไปเห็นไป๋ลี่ทะยานร่างขึ้นไปในอากาศปานลูกเกาทัณฑ์ยิงส่องฟ้า เพียงชั่วพริบตาก็ปรากฏตัวอยู่เหนือศีรษะของคนทั้งกลุ่ม คนหยุดยืนค้างกลางหาวด้วยท่วงท่าราวกับเทพสงครามไร้พ่าย


 


ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนเพียงเห็นว่าไป๋ลี่สะบัดมือออกไปส่งๆเท่านั้น


 


ชิ้งงงง!!


 


ช่วงเวลาเสี้ยวพริบตาดุจอัสนีวาบลั่น เสียงคมมีดหนึ่งพลันดังสะท้านเสียดหูขึ้นในอากาศ และเพียงห้วงเวลาชั่วพริบตานั้นเอง ก็เสมือนมีประกายแหลมคมหนึ่งวาบสว่าง คล้ายบางสิ่งทะยานออกไปอย่างไร้ร่องรอย!


 


“เร็วจริง!”


 


ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดหยีลง ให้เห็นความตื่นตาตื่นใจไม่น้อย


 


เขารู้ดีแก่ใจว่าไฉนถึงไม่อาจแลเห็นร่องรอยใดๆได้ ทั้งหมดเสมือนมีเพียงประกายแสงของบางสิ่งพุ่งวาบออกไปเท่านั้น …นั่นเป็นเพราะความเร็วของ ‘รังสีพลังสะบั้น’ ที่พุ่งวาบออกจากฝ่ามือของไป๋ลี่มันรวดเร็วเกินกว่าที่สองตาของเขาจะแลเห็นได้ทัน!


 


ถึงแม้ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนจะทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์แล้ว อีกทั้งด้วยการทะลวงจุดชีพจรดวงตากอปรกับใช้พลังของเนตรพิสดาร ทำให้สายตาเขาเลิศล้ำเหนือคนทั่วไปหลายเท่าถึงขั้นแลเห็นการลงมือของเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนได้ชัดตาแม้ยังอยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนก็ตาม…


 


ทว่าอย่างไรสายตาเขาก็ยังมิอาจสู้เนตรวิญญาณที่จะได้รับการขัดเกลาตอนบรรลุขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนได้! เช่นนั้นแล้วสายตาของเขายังอ่อนด้อยอยู่บ้าง!


 


อย่าได้กล่าวถึงไป๋ลี่ที่เป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนเลย…ต่อให้ไป๋ลี่เป็นแค่เซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจมองตามสิ่งใดได้ทันแล้ว


 


ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!


 



 


แทบจะพร้อมกันกับห้วงเวลาที่รังสีพลังสะบั้นพุ่งไปดั่งประกายไฟวาบ ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงของมีคมเฉือนหั่นกระดูกเลือดเนื้อตามติดมาทันที ทำให้เขาดึงสติกลับคืนทันใด ตายังเร่งมองตามเสียงไปอย่างไม่รู้ตัว


 


ครู่ต่อมาฉากเรื่องราวเบื้องหน้าก็เผยให้เห็นคาตา เป็นร่างทหารม้าทั้งกองร้อย…ถูกบางสิ่งเฉือนสะบั้นกลางลำตัวไปพร้อมๆกันกับหัวม้า…!


 


ในเวลาไม่ถึงครึ่งลมหายใจหลังจากไป๋ลี่ลงมือ ทัพม้าทั้ง 1 กองร้อยก็สลายกกลายเป็นละอองพลัง อันตรธานหายไปเช่นนี้…


 


แต่เห็นฉากดังกล่าวต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้แปลกใจอะไรนัก เพราะตอนที่เผชิญหน้ากับคลื่นทัพศัตรูที่ประดังเข้ามาในการทดสอบรอบแรก เขาไม่ใช่แค่เจอกับสัตว์ร้ายเท่านั้น ยังมีศัตรูที่รูปลักษณ์เป็นมนุษย์อีกด้วย และเมื่อพวกมันถูกฆ่าตาย พวกมันก็จะสลายกลายเป็นละอองพลังทันที


 


ฟังจากที่ผู้เฒ่าหั่วกล่าวบอก


 


มนุษย์หรือสัตว์ร้ายเหล่านั้น ล้วนเป็นการขึ้นรูปก่อร่างของพลังงานเท่านั้น ทั้งหมดเกิดจากค่ายกลบางประการที่ถูกจัดตั้งไว้ในระนาบเทียมแห่งนี้


 


พวกมันนั้นมีสภาพจับต้องได้แถมความแข็งแกร่งยังไม่ใช่ชั่ว แต่หากถูกฆ่าตายก็จะอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอยทันที ราวกับพวกมันไม่เคยปรากฏออกมาก่อน


 


‘ความแข็งแกร่งของเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนช่างร้ายกาจจริงๆ!’


 


เห็นการลงมือของไป๋ลี่ ใจต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ ‘ทหารม้าทั้งกองร้อยนี่ ตั้งแต่ที่พวกมันปรากฏตัวก็ทำให้ข้าสัมผัสได้ถึงแรงกดดันบางอย่าง…’


 


‘จากสิ่งนี้บอกให้รู้ว่าพลังของพวกทหารม้าแต่ละคนในกองร้อย ล้วนเป็นขอบเขตเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนหรือเหนือกว่านั้นแน่นอน…’


 


เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนค่อนข้างมั่นใจมาก


 


หากทัพม้าหนึ่งกองร้อยเมื่อครู่เป็นแค่เซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยน เป็นไปไม่ได้ที่ต้วนหลิงเทียนจะรู้สึกดดันแบบนี้


 


เพราะอย่างไรพลังฝึกปรือของเขาก็บรรลุถึงสุดปลายขอบเขตเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนแล้ว


 


หลังจากนั้นไม่นาน การทดสอบระลอกที่ 2 ก็ตามมาติดๆ


 


คราวนี้เป็นจ้าวค้างคาวปีกเขียวที่เป็นผู้ลงมือ ไม่ทันที่ไป๋ลี่จะทันได้ทำอะไร ก็เป็นมันชิงโจนทะยานออกไปใช้ออกด้วยพลังสังหารแยบคายบางอย่าง สะกดทั้งระเบิดร่างศัตรูในระลอกที่ 2 ทิ้งจนหมด


 


ตั้งแต่ต้นจนจบ มันใช้เวลาลงมือไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น


 


ด้วยพลังอำนาจของขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน ย่อมเข่นฆ่าสังหารศัตรูชุดแรกๆแบบนี้ได้ในพริบตา!


 


หลังจากนั้นศัตรูในระลอกที่ 3 ก็มาถึง


 


หลังผ่านไปอย่างราบรื่น คลื่นทัพศัตรูรอบที่ 4 ก็มาถึง…


 


ตอนแรกเหวยสั่วก็ลงมือฉายเดี่ยวอยู่คนเดียว เข่นฆ่ามาทุกกระลอกคลื่นทัพของศัตรูด้วยทีท่าปลอดโปร่ง


 


แต่หลังจากนั้นกระทั่งเหวยสั่วเองก็รู้สึกตึงมือขึ้นมาบ้างแล้ว


 


และตอนนี้เองไป๋ลี่ก็ลงมืออีกครั้ง


 


พอทั้งคู่ช่วยกันลงมือ เรื่องราวก็จบลงง่ายดาย


 


อย่างไรก็ตาม ต่อมาเมื่อระลอกทัพศัตรูหลังๆปรากฏขึ้น กระทั่งให้ทั้งคู่ร่วมมือกันก็เริ่มรู้สึกยากลำบากบ้างแล้ว


 


“ผู้นำตงกั๋ว ประมุขเหอ!”


 


ทันใดนั้นเหวยสั่วพลันหันไปสังการตงกั๋วอี้และเหอเฟยยี่ ผู้นำพันธมิตรพันสารทและประมุขพรรคธลุลืมเลือนทันที! ถึงเวลาแล้วที่พวกมันต้องเข้ามาช่วยสนับสนุน!!


 


ด้วยมีตงกั๋วอี้และเหอเฟยยี่ช่วยเก็บงาน ทำให้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นมาก


 


ด้วยมีทั้ง 4 ช่วยกันลงมือ ระลอกทัพของศัตรูมากมายหลายระลอกก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี


 


หนึ่งเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน หนึ่งเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน กับอีก 2 เซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน…เมื่อ 4 ตัวตนระดับนี้ผนึกกำลังกัน ศัตรูของการทดสอบรอบที่ 2 ก็ไม่อาจหยุดยั้งได้ดั่งลำไผ่แตก


 


เวลาค่อยๆผ่านไปอย่างเงียบงัน


 


บัดนี้ แม้จะเป็นไป๋ลี่ เหวยสั่ว ตงกั๋วอี้ และเหอเฟยยี่ที่ผนึกกำลังกัน ทั้ง 4 ก็เริ่มรู้สึกว่าเรื่องราวชักตึงมือบ้างแล้ว!


 


กระทั่งบางครั้ง ศัตรูบางส่วนก็ดั่งปลาเล็ดลอดร่างแห หลุดแนวต้านของพวกมันทั้ง 4 พุ่งเข้าไปจู่โจมพวกต้วนหลิงเทียนด้านหลัง!


 


จังหวะนี้คนที่เหลือเองก็ต้องลงมือกันแล้ว


 


แน่นอนว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่สะดวกใช้กระบี่นิลสวรรค์ลงมือแม้แต่น้อย ทำให้ยากจะเร่งเร้าพลังรบให้ทัดเทียมกับขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนได้


 


ตอนแรกก็ไม่ได้สำคัญอะไร ว่าเขาจะลงมือหรือไม่ลงมือเต็มกำลัง


 


อย่างไรก็ตามยิ่งเวลาผ่านไปนานเข้าทั้งกลุ่มเริ่มบังเกิดแรงกดดันมากขึ้นเรื่อยๆไม่หยุด…


 


“บัดซบ! นานขนาดนี้แล้ว แต่อีก 2 กลุ่มยังไม่มีใครตายอีกงั้นเหรอ!!”


 


ผู้ฝึกตนคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียนกล่าวสบถออกมาหลังมันปะทุพลังชั่วชีวิตซัดออกไปเข่นฆ่าศัตรูที่หลุดมาจากแนวหน้ายอดฝีมือทั้ง 4 ตอนนี้มันปรารถนาให้อีก 2 กลุ่มที่เหลือมีคนตายเร็วๆเหลือเกิน


 


เพราะมีเพียงแต่วิธีนี้ พวกมันจะได้ผ่านการทดสอบรอบที่ 2 นี่และเข้าสู่การทดสอบรอบที่ 3 ได้อย่างราบรื่นเสียที


 


วูบบ!!


 


ทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียนพลันสัมผัสได้ถึงสายลมหอบหนึ่งตีปะทะเข้าหน้าเขา แถมตอนนี้ทุกคนก็ตึงมือกันหมด ไม่มีใครว่างจะช่วยเหลือหรือปกป้องต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป!


 


และสิ่งที่พุ่งกระโจนเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนก็เป็นอสูรกายตัวเขื่องตัวหนึ่ง ที่ไม่ค่อยแข็งแกร่งสักเท่าไหร่


 


แน่นอนว่าไม่ค่อยแข็งแกร่งในที่นี้เพราะมันถูกนำไปเทียบกับอสูรกายที่ปรากฏในคลื่นทัพระลอกปัจจุบัน! แต่จะอย่างไรพลังของมันก็เทียบได้กับยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน!!


 


‘บ้าจริง! ไอ้เจ้านี่มันร้ายกาจยิ่งกว่า หวังติ่งชัน อาวุโสของพันธมิตรพันสารทที่ข้าฆ่าไปนั่นอีก!’


 


สีหน้าต้วนหลิงเทียนกลายเป็นตึงเครียดขึ้นมาทันที เมื่อเผชิญหน้ากับอสูรกายตัวเขื่องที่แลดูดุร้ายเบื้องหน้า!


 


ทันใดนั้นเขาเร่งสะบัดมือออกฉับไว ปรากฏเป็นบรรทัดจักรวาล ที่เตรียมไว้แต่แรกกระชับเข้ามือ ไม่กล้ารอช้า เร่งโบกสะบัดบรรทัดออกไปเบื้องหน้า


 


เมื่ออสูรกายตัวเขื่องกระโจนมาเจียนบรรลุถึงตัวต้วนหลิงเทียน ความว่างเปล่าโดยมีร่างต้วนหลิงเทียนเป็นจุดศูนย์กลางก็เริ่มกระเพื่อมสั่นไหวทันที มองจากสายตาคนอื่น คล้ายพื้นที่กำลังบิดเบือน ฉากเรื่องราวคล้ายถูกบิดพับไปพับมา ดั่งผิวสระสงบที่ปรากฏคลื่นแรงหลังหินใหญ่ร่วงตก!


 


“เคลื่อนย้ายจักรวาล!”


 


ไร้ซึ่งความลังเลใดๆ ต้วนหลิงเทียนใช้พลังวิเศษเฉพาะของบรรทัดจักรวาลออกไปทันที ทำให้ร่างอสูรกายตัวเขื่องที่โจนทะยานเข้ามาความเร็วตกฮวบลง!


 


อย่างไรก็ตาม มันแค่ช้าลงเท่านั้นไม่ได้หยุดลงอย่างสมบูรณ์!


 


‘ปฐมเวทย์กลืนกิน’


 


พริบตาดุจฟ้าผ่า ต้วนหลิงเทียนใช้ออกด้วยเวทย์พลังสนับสนุน เพื่อเสริมพลังเซียนสุริยัน ยกระดับพลังเซียนสุริยันให้มากเท่าที่จะมากได้ในเวลาอันสั้น!


 


แน่นอนว่าแม้พลังเซียนสุริยันของเขาจะถูกเพิ่มพูนถึงขีดสุด แต่พลังอำนาจของมันก็เทียบได้กับเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนเท่านั้น


 


ด้วยสภาพแวดล้อมพิเศษของระนาบเทียมแห่งนี้ กอปรด้วยความว่างเปล่าที่บิดเบือนไปเพราะพลังของบรรทัดจักรวาล ทำให้ไม่มีใครทันได้สัมผัสถึงผลจากเวทย์พลังปฐมเวทย์กลืนกินของต้วนหลิงเทียน


 


ครู่ต่อมาอสูรกายตัวเขื่องก็หลุดออกจากพลังอำนาจของบรรทัดจักรวาล มันยังคงโจนทะยานเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนไม่ลดละ


 


ปากกระหายเลือดอ้าออกกว้างราวคิดจะเขมือบต้วนหลิงเทียนลงไปในหนึ่งคำ


 


วูบ!


 


ช่วงเวลาพริบตาดุจละอองไฟ ยอดสมบัติอีกชิ้นพลันปรากฏขึ้นในมือต้วนหลิงเทียน เป็นกระบี่นิลสวรรค์! และเมื่อมันปรากฏ พลังเซียนสุริยันทั้งเคล็ดกระบี่อยู่ที่ใจก็ถูกใช้ออกเต็มกำลัง พาลให้กระบี่เหินบินทะยานออกไปด้วยความเร็วอันน่าสะพรึงกลัว!


 


กลิ่นอายพลังคมกล้าที่ฉาบทั่วกระบี่นิลสวรรค์ยามนี้ ราวกับจะทะลุทะลวงผ่านได้สามพันโลก!


 


อสูรกายตัวเขื่องแม้โจนทะยานมาด้วยสภาวะอันดุร้ายเกรี้ยวกราด อนิจจาภายใต้พลังของกระบี่นิลสวรรค์ ร่างมันก็ถูกเสียบทะลวง กระทั่งโดนคลื่นพลังคมกล้ารอบตัวกระบี่สับสะบั้นเป็นชิ้นๆ แหลกสลายกลับกลายเป็นละอองแสงอันตราธานหายไปในพริบตา!


 


เหมือนมันไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน!


 


หนึ่งกระบี่อันน่ากลัวนัก! หากผู้คนแลเห็นคงได้หนาวสะท้านจับใจ!!


 


ไม่มีอะไรรวบรัดไปกว่านี้อีกแล้ว!


 


‘ให้ตายเถอะ ด้วยปริมาณพลังเซียนสุริยันที่เหลืออยู่ ถ้าลงมือแบบเมื่อครู่อีกครั้ง…พลังเซียนสุริยันในร่างคงไม่มีเหลือถึงตอนนั้น…ไม่ต้องถึงขั้นตัวเมื่อครู่แค่ตัวอะไรข้าก็ตายอนาถแน่!’


 


พอคิดถึงจุดนี้อารมณ์เขาก็กลายเป็นหนักอึ้งทันที


 


ทันใดนั้นเอง!


 


“ไม่!!!”


 


เสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวหนึ่งพลันดังขึ้น ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเหมือนมีไอเย็นเยียบขุมหนึ่งแล่นวาบไปทั้งสรรพางค์กาย พาลให้ต้วนหลิงเทียนหนาวสะท้านจับไขสันหลัง ไม่ต้องหันไปมองเขาก็ตระหนักได้ว่าเป็นเสียงร้องของประมุขพรรธุลีลืมเลือน เหอเฟยยี่


 


และตอนนี้เหอเฟยยี่ที่กรีดร้องก็กำลังจับจ้องมองไปยังทิศทางหนึ่งด้วยสองตาตื่นกลัว


 


“ฉิบหายแล้ว!”


 


ใจต้วนหลิงเทียนสมัผัสได้ถึงสังหรณ์อัปมงคลโดยไม่ต้องหันไปมองด้วยซ้ำ ส่วนคนอื่นๆนั้นพอหันมองไปตามทิศทางสายตาของเหอเฟยยี่ ก็หน้าซีดลงทันที


 


เพราะต่างเห็นว่า มีผู้ฝึกตนอิสระคนหนึ่ง กำลังถูกอสูรกายร้ายขย้ำจนหัวหลุดขาด ร่างไร้หัวชักกระตุกไม่หยุดโลหิตฉีดพุ่งออกจากลำคอที่ขาดวิ่นปานน้ำพุ…


 


ให้มีเทพยาดามาปรากฏกายก็ช่วยไม่ได้!!


 


“มันตายแล้ว!!”


 


สีหน้าไป๋ลี่เปลี่ยนไปมหันต์ สีหน้าเหวยสั่วเองก็บิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก


 


ต่อให้พวกมันเก่งกล้าสามารถมากกว่านี้ ร้ายกาจมากกว่านี้ พวกมันก็ไม่มีปัญญาชุบชีวิตคนตาย!


 


“มารดาของมัน…”


 


ผู้นำพันธมิตรพันสารทตงกั๋วอี้ สบถออกมาอย่างเลื่อนลอย ตอนนี้คล้ายมันชราลงนับสิบปี คนแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้จะยืน…


 


การทดสอบรอบที่ 2 ‘อยู่หรือตายไปด้วยกัน’ ตราบใดที่ใครคนใดคนหนึ่งในกลุ่มตาย คนที่เหลือก็จะถูกฉุดลากลงสู่หุบเหวแห่งความตายไปด้วยกัน…!


ตอนที่ 2,143 : วาสนาในคราวเคราะห์


 


ตอนนี้ในอีก 2 กลุ่มยังไม่มีใครตาย


 


ทว่าในกลุ่มของเขากลับมีคนตาย!


 


มีคนตาย!!


 


วินาทีนี้ไม่ใช่แค่ ไป๋ลี่ เหวยสั่ว ตงกั๋วอี้ และเหอเฟยยี่เท่านั้นที่หน้าเปลี่ยนสีไปอย่างมหันต์…


 


กระทั่งต้วนหลิงเทียน และคนอื่นๆที่รับทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็หน้าเปลี่ยนสีไปทันทีเช่นกัน


 


คนในกลุ่มของเขากลับตกตายก่อนคนของอีก 2 กลุ่มที่เหลือ นั่นหมายความว่า…กลุ่มของเขาจะเป็นกลุ่มที่ถูกกำจัดทิ้ง!


 


และจุดจบของการถูกคัดออกนี้…คือความตาย!


 


วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!


 



 


ในขณะที่มีคนในกลุ่มของต้วนหลิงเทียนตกตาย และคนที่เหลือกำลังหน้าเปลี่ยนสีนั้นเอง ภายในถ้ำปิดอันกว้างใหญ่แห่งนี้พลันบังเกิดเสียงหนึ่งดังขึ้นไม่หยุด!


 


อีกทั้งเสียงดังกล่าวยิ่งมายังยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ!


 


ได้ยินเสียงที่อยู่ๆก็ดังขึ้นมาจากสภาพแวดล้อมโดยรอบ ใจต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆก็สั่นสะท้านไปทันใด


 


และทันใดนั้นเอง


 


“รีบเข้ามาในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเร็ว!!”


 


“เร็วเข้า!!”


 


เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนติดๆกันสองรอบ น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความร้อนใจทั้งกังวลนัก!


 


ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนไม่ทันตอบสนองต่อเสียงของผู้เฒ่าหั่วแต่อย่างไร เพียงวูบร่างเข้าเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไปตามสัญชาตญาณทันที เขาไม่มัวมาคิดว่าไฉนอยู่ๆผู้เฒ่าหั่วต้องให้เขารีบเข้าเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติอย่างกะทันหัน! เพียงห้วงคิดร่างก็วูบเข้ามาอยู่ในเจย์หลิงหลง 7 สมบัติที่มีขนาดเท่าเม็ดฝุ่นและซุกซ่อนอยู่ในหูของเขาเรียบร้อย!!


 


แม้เขารู้ดีว่าการกระทำเช่นนี้จะทำให้เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเปิดเผยต่อคนทั้งหมดในที่นี้ แต่ต้วนหลิงเทียนไม่มัวคิดถึงอะไรหยุมหยิมทั้งสิ้น


 


นี่เป็นครั้งแรกเลยจริงๆที่เขาได้ยินเสียงกล่าวสั่งให้ทำอะไรบางอย่างด้วยความร้อนใจของผู้เฒ่าหั่ว!


 


เช่นนั้นทันทีที่เสียงของผู้เฒ่าหั่วดังขึ้นในหู ต้วนหลิงเทียนจึงเร่งเข้าเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไปในหนึ่งห้วงคิดทันที! ไม่คิดเรื่องอื่นใด กระทั่งยังไม่มีเวลาให้คิดเรื่องใดอื่น…


 


วูบ!


 


การที่ร่างของต้วนหลิงเทียนอยู่ดีๆก็อันตรธานหายไปในอากาศย่อมดึงดูดความสนใจของผู้คนเป็นธรรมดา แต่ทว่าในที่นี้มีเพียงแค่ไป๋ลี่กับเหวยสั่วเท่านั้น ที่สัมผัสได้ถึงการหายตัวไปอย่างกะทันหันของต้วนหลิงเทียน


 


ทว่าเรื่องราวมันบังเกิดขึ้นฉับไวดั่งฟ้าแลบ


 


คนอื่นๆนั้นไม่อาจมีใครทันได้ตระหนักถึงการหายตัวไปของต้วนหลิงเทียนแม้แต่นิดเดียว


 


ตูมมม!


 


ทว่าทันใดนั้นเอง ไม่ทันที่ไป๋ลี่จะได้ทำอะไร เสียงหนึ่งพลันระเบิดดังลั่นก้องไปทั่วทั้งถ้ำ!


 


พร้อมกันนั้น ปรากฏพลังทำลายล้างมหาศาลยากจะหาใดเปรียบขุมหนึ่งกวาดทำลายไปทั่วโถงถ้ำ! ในเวลาชั่วพริบตาดุจละอองไฟวาบดับนี้ ทุกผู้คนในถ้ำถูกมวลพลังมหาศาลระเบิดออกมาครอบคลุมทุกคนทันที และกระทั่งตัวตนที่มีพลังฝึกปรือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนหรือเหนือกว่านั้นอย่างไป๋ลี่กับเหวยสั่ว ยังถูกพลังทำลายล้างน่ากลัวดังกล่าวป่นร่างจนแหลกสลายเป็นเศษธุลีในชั่วพริบตา!


 


เรียกว่าเผชิญกับพลังอำนาจทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวนี้ กระทั่งตัวตนขอบเขตเซวียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนอย่าง ไป๋ลี่ ยังไม่อาจต้านทานใดๆได้เลย ถูกฆ่าทันที!


 


ไป๋ลี่ที่ทรงพลังกล้าแข็งที่สุดยังตายตกร่างสลายในชั่วพริบตา…แล้วยังนับประสาอะไรกับคนอื่นๆ?


 


อย่างไรก็ตามแม้พลังอำนาจทำลายล้างนี้อยู่ๆจะปะทุระเบิดไปทั้งถ้ำ จนสรรพสิ่งสลายหายหลงเหลือแต่ความว่างเปล่า…กลับมีธุลีเล็กๆหนึ่ง ลอยล่องอยู่กลางความว่างเปล่านั้นโดยไม่ถูกทำลาย!


 


อีกด้านหนึ่งนั้น


 


ร่างต้วนหลิงเทียนที่พึ่งวูบเข้ามาในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ เรียกว่าคนผุดโผล่ในชั้น 1 ของเจดีย์ได้ไม่ทันไร กระทั่งร่างยังไม่ทันตกลงถึงพื้นชั้น 1 ของเจดีย์ด้วยซ้ำ เขาก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอันมหาศาล ปานมีอะไรบางอย่างกำลังเขย่าเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติอย่างแรง!!


 


เช่นนั้นพริบตาต่อมาร่างต้วนหลิงเทียนก็ถูกพลังอำนาจของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติถล่มเข้าร่างทันที!


 


“โอย ปวดตัวเวียนหัวแทบตาย…!”


 


ต้วนหลิงเทียนรู้สึกราวกับมีวัตถุหนักแข็งทุบฟาดเข้าศีรษะอย่างจัง รวมทั้งทั่วทั้งร่างยังเสมือนถูกบีบอัดจนแทบแหลก! เป็นพลังอำนาจของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติถล่มเข้าร่างเขาเพื่อขับไล่ออกจากเจดีย์เพราะความไร้เสถียรของห้วงมิติ! เรียกว่าตอนนี้เขาวิงเวียนศีรษะทั้งอยากอาเจียนถึงที่สุด ร่างยังบอบช้ำราวกับได้รับบาดเจ็บภายใน!!


 


แน่นอนว่าอาการบาดเจ็บภายในดังกล่าวไม่ได้ร้ายแรงอะไร เพียงอยู่นิ่งๆสักครู่ ก็สามารถฟื้นตัวได้แล้ว


 


“นี่มัน…”


 


อย่างไรก็ตามเมื่อต้วนหลิงเทียนดึงสติกลับมาอยู่กับร่องกับรอยได้สำเร็จ และพบว่ารอบกายคงเหลือแต่เพียงความว่างเปล่าไร้ซึ่งสิ่งใด เขาก็เหวอไปทันที!


 


‘ถ้ำ’ ก่อนหน้านี้ไม่มีอีกแล้ว…


 


คนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับเขาก็หายไปหมดไม่มีเหลือ…


 


“กะ…เกิดอะไรขึ้นกัน!?”


 


อยู่ๆเจออะไรแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนจึงรู้สึกงุนงงไม่เข้าใจอยู่บ้าง


 


ทั้งหมดเป็นเพราะ…


 


ในชั่วเวลาเสี้ยวพริบตาก่อนที่พลังทำลายล้างมหาศาลจะปะทุระเบิดทำลายไปทั่วถ้ำนั้น ผู้เฒ่าหั่วกลับสั่งให้ต้วนหลิงเทียนเข้าสู่เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ! ซึ่งต้วนหลิงเทียนเองก็เชื่อฟังคำของผู้เฒ่าหั่ววูบร่างเข้าไปทันที จึงรอดพ้นหายนะตกตายจากแรงระเบิดสังหารนั่นมาได้!


 


ช่วงเวลานั้นช่างแม่นยำและเหมาะเจาะเหลือเกิน!


 


เพราะในเสี้ยวพริบตาที่ร่างต้วนหลิงเทียนหายเข้าเจดีย์ไป พลังมหาศาลนั่นก็ปะทุระเบิดป่นทำลายทุกสิ่งอย่างในถ้ำ!!


 


พลังทำลายล้างนั่น มันน่าสะพรึงกลัวถึงขั้นที่กระทั่งตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนอย่างไป๋ลี่ หรือต่อให้เป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ยังไม่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ ก็ยังไม่อาจรอดพ้น!!


 


นั่นเพราะมันเป็นพลังอำนาจที่เกิดจาก ค่ายกลสังหารที่ ‘ครึ่งก้าวเซียนอมตะ’ ผู้ข้ามผ่านหกายนะทัณฑ์สวรรค์ถึง 3 คนร่วมกันจัดตั้ง!!


 


ยังเป็นค่ายกลสังหารที่น่ากลัวนัก!


 


ปะทุมวลพลังสังหารทั้งหมดออกมาในชั่วพริบตา!!


 


และมวลพลังสังหารที่ปะทุระเบิดออกมา อย่างต่ำๆก็เทียบได้กับพลังทั้งหมดที่ตัวตนขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะผู้ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สววรรค์ไปแล้วลงมือ!!


 


ดังนั้นอย่าว่าแต่ตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ยังไม่ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์เลย ต่อให้เป็นตัวตนขอบเขต ครึ่งก้าวเซียนอมตะ หรือก็คือเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้แล้ว มาเจอเข้า ก็เกรงว่าต่อให้ไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส!!


 


เช่นนั้นก็รับทราบได้


 


ว่าค่ายกลสังหารที่ 3 ครึ่งก้าวเซียนอมตะร่วมกันจัดตั้งนี้ มันทรงอานุภาพร้ายกาจถึงเพียงใด!


 


“รีบไปกลืนพรสวรรค์รากวิญญาณที่ยังหลงเหลืออยู่เร็ว! อย่าให้พวกมันกระจัดกระจายหายไปอย่างเสียเปล่า!!”


 


และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังอื้ออึงกับเรื่องราวโดยรอบ เสียงผู้เฒ่าหั่วก็แผดดังในหูอีกครั้ง


 


เป็นผู้เฒ่าหั่วบอกให้เขากลืนพรสวรรค์รากวิญญาณที่หลงเหลืออยู่รอบๆ!


 


ต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินคำของผู้เฒ่าหั่ว ก็แผ่สำนึกเทววะออกไปทันที และเขาก็สัมผัสได้ถึงเศษเสี้ยววิญญาณที่กำลังจะกระจัดกระจายไปในความว่างเปล่าจำนวนมาก และนั่นทำให้เขาถึงกับตกใจไม่น้อย


 


“ปฐมเวทย์กลืนกิน!!”


 


ไร้ซึ่งความลังเลใดๆ และไม่คิดถึงเรื่องที่มีววิญญาณกำลังจะสลายหายไปรอบๆ ต้วนหลิงเทียนรู้แค่หากเขาไม่กลืนพรสวรรค์รากวิญญาณที่เหลืออยู่เดี๋ยวนี้ อีกไม่กี่อึดใจพวกมันต้องสลายหายไปในสวรรค์และโลกหมดสิ้นแน่!


 


ถึงตอนนั้นเขาอยากรับประทาน ก็ไม่มีให้รับประทานแล้ว!!


 


“รากวิญญาณสีน้ำเงิน!”


 


“พระช่วยนี่ก็รากวิญญาณสีน้ำเงิน!!”


 


“น้องสาวมันเถอะ! รากวิญญาณสีครามก็มี!!”


 


ต้วนหลิงเทียนรู้สึกตื่นตระหนกตกใจไม่น้อย เพราะในขณะที่เขาปลดปล่อยพลังดูดรั้งออกมากลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณที่หลงเหลือในความว่างเปล่า เขาก็สัมผัสได้ว่าพวกมันคือพรสวรรค์รากวิญญาณสีใดบ้าง…และนั่นทำให้เขาตกใจไม่น้อย!


 


เพราะเขาพบว่าพรสวรรค์รากวิญญาณที่เหลือให้เขารับประทานเปล่านี้ มีรากวิญญาณสีน้ำเงินถึง 5 ราก รากวิญญาณสีคราม 2 ราก และก็มีรากวิญญาณสีเขียวอีกมากมาย!


 


“ระ…รากวิญญาณแต่กำเนิดของข้า…”


 


หลังจากกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณทั้งหมดที่หลงเหลืออยู่ในความว่างเปล่าหมดแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็พบว่า…


 


รากวิญญาณสีครามของเขาได้แปรเปลี่ยนสีไปอย่างใหญ่หลวง ตอนนี้มันกลายเป็นสีครามเข้มแล้ว!


 


รากวิญญาณสีครามเข้ม ย่อมหมายความว่า…มันห่างจากรากวิญญาณสีม่วงอีกแค่ก้าวเดียว!


 


‘หากข้าได้กลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณจำนวนมากและมีคุณภาพแบบเมื่อครู่อีกสักชุดล่ะก็…พรสวรรค์รากวิญญาณแต่กำเนิดของข้าไม่เปลี่ยนเป็นรากวิญญาณสีม่วงข้าให้คนถีบจนตายยังได้!’


 


เมื่อได้ลิ้มรสความหอมหวานจากการกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณชุดใหญ่ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะแลบลิ้นเลียริมฝีปากอันแห้งผากอย่างกระหาย สองตาฉายประกายโหยหิวอยู่บ้าง


 


หลังจากนั้นไม่นาน ต้วนหลิงเทียนก็ฟื้นคืนความรู้สึก และหันมาสนใจเรื่องราวรอบๆอีกครั้ง จึงพบว่าตอนนี้ทั้งถ้ำและผู้คนล้วนอันตรธานหายไปหมดสิ้นแล้ว


 


ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งรู้ตัว ก็อดไม่ได้ที่จะร่างสะท้านไปวูบหนึ่ง


 


“ผะ…ผู้เฒ่าหั่ว…พะ….พรสวรรค์รากวิญญาณที่ข้าพึ่งกลืนกินไปเมื่อครู่…หรือจะเป็นพรสวรรค์รากวิญญาณของคนในกลุ่มเดียวกับข้า?”


 


จังหวะนี้เสียงต้วนหลิงเทียนที่ส่งไปถามผู้เฒ่าหั่วยังสั่นไปไม่น้อย


 


หากพรสวรรค์รากวิญญาณที่เขาพึ่งกลืนกินไป มันเป็นพรสวรรค์รากวิญญาณของ ไป๋ลี่ เหวยสั่ว ตงกั๋วอี้ และเหอเฟยยี่และคนในกลุ่มจริง เรื่องที่ไฉนพวกมันมีระดับสูงก็ย่อมไม่แปลกอะไร


 


อย่างไรไป๋ลี่ก็คือตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน!


 


เหวยสั่วก็เป็นถึงผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน!


 


ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านั้น หากผู้ใดคิดบ่มเพาะพลังถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนล่ะก็ อย่างน้อยๆก็ต้องมีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงิน!


 


แน่นอนว่ายังมีกรณีพิเศษอยู่บ้าง


 


ในประวัติศาสตร์ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า เคยมีผู้ฝึกตนคนหนึ่งที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเขียวเท่านั้น ทว่ามันกลับทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนได้สำเร็จ ทว่ากรณีพิเศษเช่นนี้ยากที่จะพบพานได้ในรอบพันปี!


 


“อืม เป็นพรสวรรค์รากวิญญาณของพวกมัน’


 


ผู้เฒ่าหั่วกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงสงบ


 


“ใช่จริงๆ!”


 


หลังได้รับคำยืนยันจากนผู้เฒ่าหั่วแล้ว ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล้กลงโดยพลัน ร่างยังสะท้านไปอย่างแรง สีหน้าท่าทีเผยความไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง “เป็นไปได้ยังไงกัน…พวกมัน…พวกมัน…”


 


“หลังจากที่ข้าเรียกให้เจ้าเข้ามาในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้ไม่ทันไร พวกมันก็ถูกพลังของค่ายกลสังหารฆ่าตายกันหมด…”


 


ตอนนี้เองเสียงผู้เฒ่าหั่วพลันดังขึ้นอีกครั้ง “ยังโชคดีนักที่เจ้าไม่ลังเลรั้งรออันใด หาไม่เจ้าคงได้ตายไปแล้ว…พลังทำลายล้างเมื่อครู่ แทบจะเป็นพลังอำนาจทำลายล้างสูงสุดเท่าที่คนในระนาบโลกียะจะบรรลุได้แล้ว…”


 


“ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน ทว่าหากยังไม่อาจข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ ก็ไม่อาจทานรับพลังทำลายล้างเมื่อครู่ได้แม้แต่นิดเดียว!”


 


“กระทั่งให้เป็นตัวตนขอบเขต ครึ่งก้าวเซียนอมตะ ที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์มาได้แล้ว หากต้องมาต้านรับพลังทำลายล้างจากค่ายกลเมื่อครู่เพียงลำพัง เกรงว่าถึงไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส!”


 


“พลังนั่นเกิดจากการบีบอัดมวลพลังมหาศาลที่สั่งสมมานาน แล้วปะทุปลดปล่อยออกมาคราวเดียว เช่นนั้นจึงมีพลังอำนาจทำลายล้างอันน่ากลัวนัก…ที่สำคัญยังเป็นพลังอำนาจที่เกิดจากค่ายกลที่ 3 ครึ่งก้าวเซียนอมตะร่วมมือกันจัดตั้ง พลังทำลายจึงแทบบรรลุถึงจุดสูงสุดของพลังในระนาบโลกียะ…”


 


จากวาจาของผู้เฒ่าหั่ว ทำให้ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ถึงอันตรายใหญ่หลวงที่พึ่งผ่านพ้นมาทันที


 


“อย่างไรก็ตามแม้พลังอำนาจนั่นแทบจักบรรลุถึงจุดสูงสุดเท่าที่ระนาบโลกียะจะบรรลุถึงได้ แต่มันก็ทำได้แค่ทำลายล้างสรรพสิ่งในระนาบโลกียะเท่านั้น แหวนพื้นที่หรือยอดศาสตราเซียนใดๆไม่อาจรอดพ้น…ทว่าเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัตินั้นเป็นยอดสมบัติสวรรค์ พลังทำลายล้างเพียงเท่านี้ ยังไม่พอจะสร้างรอยขีดข่วนให้มัน…”


 


ผู้เฒ่าหั่วกล่าวสืบต่อ


 


หลังได้ยินเรื่องราวที่ผู้เฒ่าหั่วกล่าวบอก ต้วนหลิงเทียนรู้สึกกลัวจนเหงื่อแตกพลั่ก!


 


ที่แท้มันเป็นแบบนี้นี่เอง!


 


‘โชคดี…นับว่าโชคดีจริงๆ ที่ได้ผู้เฒ่าหั่วกล่าวเตือนทันเวลา อีกทั้งเป็นข้าที่เชื่อใจผู้เฒ่าหั่วอย่างไร้เงื่อนไข จึงเร่งเข้าเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทันที ถึงสามารถหลบเลี่ยงพลังทำลายล้างที่อาจจะร้ายแรงที่สุดนระนาบโลกียะนั่นมาได้…’


 


จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะคิดในใจอย่างหวาดเสียว ลมหายใจยังถี่รัวขึ้น รู้สึกแน่นหน้าอก ตกใจไม่หาย!


 


ตอนนี้เขาพลันตระหนักได้ ว่าเมื่อครู่เข้าใกล้ ‘ประตูผี’ มากขนาดไหน…


 


“ผู้เฒ่าหั่ว ขอบคุณท่านมาก”


 


ครู่ต่อมาหลังจากสงบสติอารมร์ลงได้แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เร่งขอบคุณผู้เฒ่าหั่วก่อนสิ่งใด


 


“วาสนาในคราวเคราะห์…ครั้งนี้เจ้านับว่าได้พบวาสนาในคราวเคราะห์แล้วจริงๆ”


 


ผู้เฒ่าหั่วกล่าว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)