War sovereign Soaring The Heavens 2130-2136

 ตอนที่ 2,130 : รอยแยกท่ามกลางความว่างเปล่า!


 


ทางตอนเหนือของนครแห่งบาปตอนนี้ นับว่ามีผู้คนมารวมกันอุ่นหนาฝาคั่งนัก


 


ทั้งหมดลอยร่างอยู่รอบๆเขาลูกหนึ่ง


 


กล่าวให้ชัดคือมารวมตัวกันรอบๆ ‘ความว่างเปล่า’ จุดหนึ่งของขุนเขา


 


ในความว่างเปล่าที่ว่า ยามนี้คล้ายมีรอยปริแตก! มองไปคล้ายประตูที่แหวกเปิดท่ามกลางความว่างก็ไม่ปานปรากฏอยู่!!


 


และหากผู้ใดอยากทราบว่าภายในรอยแตกดังกล่าวมีอะไร คงยากที่จะล่วงรู้ได้ เพราะไม่อาจแลเห็นสิ่งใดได้ทั้งสิ้น


 


“ข้างในรอยแยกนี้คือคลังสมบัติของยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่เหลือทิ้งไว้จริงๆหรือ…ไฉนข้ารู้สึกใจไม่ค่อยดีอย่างไรก็ไม่ทราบยามมองไปยังรอยแยกน่าขนลุกนั่น”


 


ท่ามกลางผู้คนมากมาย ชายวัยกลางคนที่แลดูไม่โดดเด่นคนหนึ่งกล่าวออก สองตาหยีมองไปยังรอยแตกท่ามกลางความว่างเปล่าด้วยคววามหวั่นกลัว


 


“ข้าเองก็รู้สึกสังหรณ์ใจอย่างไรชอบกล…รอยแยกนี่กลับอยู่กลางอากาศ มองไปยังคล้ายปากกระหายเลือดของสัตว์ร้ายที่กำลังรอกลืนกินผู้คน!”


 


ชายอีกคนที่อยูข้างๆชายวัยกลางคน กล่าวออกด้วยความหวั่นใจ


 


“คลังสมบัติที่ยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนเหลือทิ้งไว้ในอดีต ทางเข้าของพวกมันเป็นเช่นนี้ด้วยหรือ?”


 


หลายคนอดไม่ได้ที่จะพึมพำด้วยสงสัย


 


“เมื่อร้อยปีก่อนข้ามีวาสนาได้เข้าไปแสวงโชคในคลังสมบัติที่ยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนเหลือทิ้งไว้ ด้านในนั้นมีสมบัติเลิศล้ำสมกับเป็นสิ่งของๆเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนจริงๆ อย่างไรก็ตามแม้ด้านในจะเต็มไปด้วยค่ายกลอันใดมากมาย ทว่าทางเข้าของมันกลับธรรมดานัก ห่างจากรอยแยกกลางอากาศที่แลดูน่ากลัวอย่างที่เห็นกันอยู่มาก”


 


ชายชราที่แลดูผ่านอะไรมามากคนหนึ่งกล่าวออก ในวาจายังเผยความหวาดกลัวต่อรอยแยกเบื้องหน้าชัดเจน


 


“ข้าว่าพวกเจ้ากังวลกันไปเกิดเหตุหรือไม่?”


 


ทันใดนั้นชายวัยกลางคนพลันกล่าวแทรกขึ้นมา “พวกเจ้ามิเห็นหรือว่าผู้นำพันธมิตรระดับสูงอย่าง พันธมิตร 7 สังหาร พันธมิตรพันสารท และพันธมิตรหมื่นโบราณ ยังกล้าเข้าไปโดนไม่กลัวอันใด หากมีอันตรายอันใดอยู่ด้านหลังรอยแยกนั่นจริง มีหรือตัวตนระดับนั้นจะกล้าเข้าไปง่ายๆ?”


 


และวาจานี้ของมันก็เป็นที่เห็นด้วยของผู้คนไม่น้อย “ใช่…หากกระทั่งผู้นำพันธมิตรที่มีฐานะสูงส่งทั้ง 3 ของนครแห่งบาปยังเข้าไปแสวงโชค…เช่นนั้นพวกเรายังจะกลัวอันใด?”


 


“นั่นสิ มิใช่หากยอดฝีมือที่ร้ายกาจระดับแนวหน้าของนครแห่งบาปเหล่านั้นเข้าไป อันตรายใดๆก็ไม่พ้นต้องถูกจัดการหมดสิ้นหรือไร ยังจะเหลือมาถึงพวกเราอีกหรือ?”


 


“ข้าก็ว่างั้น”


 



 


มีคนเห็นด้วยกับเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ หากแต่ยังไม่มีใครกล้าประเดิมเข้าไปในรอยแยกเป็นคนแรก


 


เพราะสุดท้ายแล้วรอยแยกเบื้องหน้า ก็เป็นอะไรที่ทุกคนคาดเดากันไปเองว่าอาจจะเป็นทางเข้าของคลังสมบัติยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนเท่านั้น


 


จะใช่แน่หรือไม่ก็ไม่มีใครมั่นใจ


 


และสิ่งที่ไม่รู้ย่อมน่ากลัวที่สุด


 


ทุกคนรู้ความจริงข้อนี้ดี


 


ด้วยเหตุนี้ถึงแม้จะมีคนมารวมตัวกันที่นี่มากมาย แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไป


 


‘สมบัติ’ ในคลังสมบัติของยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนนั้นล้ำค่าน่าสนใจ แต่หากให้เทียบกับหนึ่งชีวิตของตัวเองแล้ว เกรงว่าจะยังไม่สำคัญพอ…


 


ไม่เป็นไรหากไม่ร้ายแรงถึงตาย


 


แต่ถ้าตกตายไปแล้วย่อมไม่เหลืออะไรเลย!


 


“เฮ่! ในเมื่อพี่ชายท่านนี้กล่าวว่าพวกเราอย่าได้กังวลจนเกินเหตุ…เช่นนั้นใยพี่ท่านไม่เปิดคนแรกเลยเล่า! ทันทีที่พี่ท่านโดดเข้าไป ข้าจักโดดตามเข้าไปเลยเป็นไร?”


 


ทันใดนั้นพลันมีชายหนุ่มคนหนึ่งหันไปกล่าวาคำกับชายวัยกลางคนที่เอ่ยถึงเรื่องกังวลเกินเหตุขึ้นมา


 


และวาจาของมันก็ชักนำสายตาของมวลชนที่ได้ยินเรื่องราว ให้หันไปจับจ้องมองชายวัยกลางคนๆดังกล่าวเพื่อรอฟังคำตอบทันที “ใช่ๆ เมื่อครู่เจ้าถามว่าพวกเราใช่กังวลเกินเหตุหรือไม่…เช่นนั้นใยผู้กล้าเช่นเจ้ามิเข้าไปประเดิมก่อนเล่า?”


 


“เอ้า! รออันใดยังไม่เข้าไปอีก! มิใช่เมื่อครู่เจ้ากล่าวราวกับมันไม่มีอันใดน่ากังวลมิใช่หรือไร?!”


 


“นั่นสิ มิใช่เจ้าบอกว่ายอดฝีมือชนชั้นผู้นำ 3 พันธมิตรใหญ่ของนครแห่งบาปเรายังเข้าไปอย่างไม่กลัวอันตรายหรือไร? ไฉนเจ้าไม่เข้าไปด้วยเลยเล่า?”


 


“อะไรๆ…ที่แท้เจ้าไม่กล้าหรอกรึ?!”


 


“ผายลมสุนัขมารดาเจ้า! ทีหลังหากตัวเจ้าเองยังกลัวอยู่ก็อย่าได้สะเออะมาบอกผู้อื่นว่าอย่าได้กังวล! กล้าพูดมาได้ไม่อายปาก!!”


 



 


เรียกว่ามวลชนต่างถล่มวาจาใส่ชายวัยกลางคนที่กล่าวออกมาก่อนหน้าปานระเบิดลง


 


เจอกับวาจาดุร้ายเผ็ดร้อนที่ประดังถล่มเข้ามา ชายวัยกลางคนที่ทำเป็นพูดดีก่อนหน้าถึงกับหน้าซีด ที่มันกล่าวออกไปแบบนั้นเพียงคิดให้ผู้อื่นเข้าไปกันก่อนเท่านั้น จะได้รู้ว่าที่แท้ปลอดภัยหรือไม่


 


เพราะจนถึงตอนนี้ ก็มีเพียงแค่ยอดฝีมือระดับสูงๆจากกองกำลังพันธมิตรที่ร้ายกาจของนครแห่งบาปเท่านั้นที่หาญกล้าเข้าไปในรอยแยกดังกล่าว รอยแยกที่พวกมันคิดว่าสมควรเป็นทางเข้าของคลังสมบัติยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน


 


ส่วนผู้ฝึกตนพเนจรจากพันธมิตรที่ไม่เข้มแข็ง ทั้งผู้ที่ไร้สังกัด ไม่กล้าเข้าไปทั้งสิ้น


 


สุดท้ายแม้จะโดนผู้คนกล่าววาจาเสียดสีทั้งหัวเราะเยาะจนไม่มีชิ้นดี แต่ชายวัยกลางคนที่กล่าวห้าวหาญเมื่อครู่ก็ได้แต่ทำตัวลีบๆไม่พูดไม่จา และไม่บ้าจี้โดดเข้าไปในรอยแยกนั่น…


 


ถึงแม้มันจะรู้สึกอายจนอยากแทรกแผ่นดีหนีที่โดนถล่มคำหยันหยามใส่ แต่อับอายเพียงเท่านี้ก็ไม่อาจเทียบได้กับชีวิตมัน…


 


“เฮ่! นั่นชายชุดดำ!!”


 


ทันใดนั้นเองพลันมีเสียงหนึ่งโพล่งขึ้นมาดังลั่น ทำให้ผู้ฝึกตนพเนจรที่มามุงออกรอบๆรอยแยกท่ามกลางความว่างเปล่าตกใจอยู่บ้าง


 


หลังจากนั้นทุกคนก็ไม่คิดเยาะเย้ยชายวัยกลางคนหน้าเสียอีกต่อไป เพียงหันไปมองเจ้าของเสียงที่โพล่งออกมาดังลั่นเมื่อครู่ ก่อนที่จะหันมองไปตามสายตาของมัน…


 


มีร่างหนึ่งกำลังโรยตัวลงมาจากม่านเมฆ


 


คนผู้นี้มาในชุดคลุมลมดำที่ปกปิดร่างกายมิดชิดนัก กระทั่งใบหน้าก็ไม่อาจแลเห็นได้ชัดเจน


 


“ข้ามิรู้ว่านั่นจักใช่ชายชุดดำตัวจริงหรือไม่?”


 


หลายคนอดไม่ได้ที่จะสงสัย


 


“หากเป็นชายชุดดำตัวจริง…ไม่รู้ว่าจะกล้าเข้าไปในรอยแยกนั่นรึเปล่า?”


 


บางคนก็กล่าวออกมาด้วยสงสัย


 


ชายชุดดำที่พึ่งปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนที่มุงล้อมรอยแยกกลางอากาศ ย่อมไม่ใช่ใครที่ไหนเป็น ต้วนหลิงเทียน เอง


 


ต้วนหลิงเทียนนั้นมาถึงที่นี่ได้สักพักแล้ว หากแต่เขาเลือกจะเงี่ยหูฟังบทสนทนาโดยรอบก่อน จนได้รู้ว่าตอนนี้ผู้นำพันธมิตร 7 สังหาร ผู้นำพันธมิตร พันสารท และผู้นำพันธมิตรหมื่นโบราณ ได้เข้าไปในรอยแยกที่บังเกิดขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่าที่ทุกคนสงสัยว่าเป็นคัลงสมบัติของยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนนั่นแล้ว


 


และกลุ่มคนที่ยังออมุงกันอยู่ไม่กล้าเข้าไปนั้น ล้วนแต่ไม่มั่นใจทั้งสิ้น ว่ารอยแยกท่ามกลางความว่างนี้ ที่แท้จะใช่ทางเข้าคลังสมบัติยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนจริงๆหรือไม่…


 


‘ถ้าพวกมันกลัวตายแล้วจะถ่อมาที่นี่ทำอะไร?’


 


ต้วนหลิงเทียนถึงกับพูดไม่ออกอยู่บ้าง


 


ก่อนที่เขาจะปรากฏตัวออกมา เขาก็ได้ขอให้ผู้เฒ่าหั่วช่วยตรวจสอบดูแล้ว


 


“รอยแตกกลางอากาศนั่นคือรอยแยกมิติที่จักนำเจ้าไปสู่ระนาบเทียม”


 


และนี่คือคำตอบที่ผู้เฒ่าหั่วกล่าวบอกเขา


 


พอได้ยินคำตอบนี้ของผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา ยังอดไม่ได้ที่จะยิงคำถามกลับไปยังผู้เฒ่าหั่วทันที “ท่านผู้เฒ่าหั่วข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้ท่านก็เคยบอกข้าว่า…ภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ก็คือระนาบเทียมไม่ใช่หรือ?”


 


“ก็ใช่”


 


สำหรับคำถามนี้ ผู้เฒ่าหั่วก็ตอบกลับมาทันทีเช่นกัน “ภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ เป็นระนาบเทียมที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ…สำหรับระนาบเทียมที่อยู่ด้านหลังรอยแตกนั่นมิใช่ระนาบเทียมที่เกิดขึ้นเองแต่เป็นระนาบเทียมจากฝีมือของมนุษย์…”


 


“ในระนาบโลกียะทั้งมวล เมื่อใดก็ตามที่มีคนข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ พลังในร่างก็จักเปลี่ยนแปลงไป… ถึงแม้มันจะยังมิได้เป็นพลังอมตะก่อนกำเนิดโดยสมบูรณ์ แต่ก็มีอำนาจมากพอจะสร้างระนาบอิสระบนระนาบโลกียะที่อาศัยอยู่ได้อย่างไม่ยากเกินแรง….”


 


“และระนาบอิสระนั่นมินานก็จักพัฒนาไปเป็นระนาบเทียมไปในที่สุด…เช่นนั้นจึงกล่าวได้ว่าระนาบเทียมที่อยู่เบื้องหลังรอยแยกมิตินี้ก็เป็นระนาบเทียมที่เกิดขึ้นจากเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ได้ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์จริงๆ”


 


“อย่างไรก็ตามระนาบเทียมเบื้องหลังรอยแยกมิตินั่น ก็มิใช่ว่าจะเป็นคลังสมบัติที่มันเหลือทิ้งไว้เสมอไป”


 


“แต่แน่นอนว่า มิใช่ว่าจะเป็นก็มิได้หมายความว่าจะมิใช่ อย่างไรก็มีโอกาสไม่น้อยที่มันอาจจะเป็นคลังสมบัติที่เหลือไว้จริงๆ…เพราะเจ้าต้องทราบด้วยว่าแม้จะข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้แล้ว แต่คิดใช้พลังฉีกเปิดห้วงมิติและสร้างระนาบเทียมเช่นนี้ก็ต้องทุ่มเทลงแรงมิใช่น้อย”


 


“โดยปกติแล้ว ผู้ที่ยินดีทุ่มเทลงแรงทำถึงขนาดนี้ ก็สมควรทำเพื่อเก็บมรดกชั่วชีวิตของตัวไว้ให้ชนรุ่นหลังทั้งผู้สืบทอด และแน่นอนว่าสิ่งของบางชิ้นที่มันเหลือทิ้งไว้ ก็อาจเป็นสมบัติชั้นยอดสำหรับผู้คนในระนาบโลกียะ”


 


นี่คือคำตอบของผู้เฒ่าหั่ว


 


หลังได้ยินคำตอบของผู้เฒ่าหั่วแล้ว ต้วนหลิงเทียนจึงโรยตัวลงมาจากฟ้าเหนือเมฆ และเตรียมเหินร่างเข้าสู้รอยแตกท่ามกลางความว่างที่เป็นรอยแยกมิตินำไปสู่ระนาบเทียมที่ผู้เฒ่าหั่วว่า


 


และจากคำของผู้เฒ่าหั่วเขาก็ได้รับรู้ข้อมูลสำคัญมากเรื่องหนึ่ง…


 


ยอดฝีมือที่ทิ้งระนาบเทียมแห่งนี้เอาไว้ ไม่ใช่แค่เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน หากแต่เป็นเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์เรียบร้อยแล้ว!


 


ต้องทราบด้วยว่าเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ยังไม่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ กับเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่สามารถข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ไปแล้วนั้น…เป็นอะไรที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!


 


อย่างแรกนั้นเพียงมีพลังอำนาจใกล้เคียงกับเซียนอมตะในแง่ของระดับพลังบ่มเพาะ


 


หากทว่าอย่างหลังนั้น ถือเป็นเซียนอมตะไปแล้วครึ่งหนึ่ง!


 


และกว่า 9 ส่วนของระนาบเทียมแห่งนี้ที่ตัวตนดังกล่าวลงแรงสร้างขึ้น สมควรเป็นคลังสมบัติของมันก่อนที่จะขึ้นสู่ระนาบเทวโลกแล้วจริงๆ!


 


และในคลังสมบัติย่อมมี ‘มรดก’ และทรัพยากรรวมถึงสมบัติคู่กายอยู่เช่นกัน


 


“พวกเจ้าว่า…ชายชุดดำจะกล้าเข้าไปในรอยแยกนั่นหรือไม่?”


 


“เรื่องนี้มันก็พูดยาก…ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่มิรู้ว่านั่นจักใช่ชายชุดดำตัวจริงหรือไม่ ต่อให้เป็นตัวจริงก็มิน่าจะกล้าเข้าไปในรอยแยกท่ามกลางความว่างเปล่านี่หรอก!”


 


“ข้าว่ามันก็น่าจักเป็นเช่นนั้น”


 


“พวกเจ้ามิเห็นหรือว่ากระทั่งชนชั้นผู้นำและตัวตนระดับสูงของพันธมิตรอำนาจทรราชก็ยังมิกล้าเข้าไปในรอยแยกนั่นเลย แล้วพวกเจ้าคิดว่าชายในชุดดำผู้นี้จะมีความกล้าหาญเหนือผู้นำพันธมิตรอำนาจทรราชหรือไร?”


 



 


บทสนทนาของผู้คนเหล่านี้ ต้วนหลิงเทียนย่อมได้ยินผ่านหูหมดสิ้น


 


คนส่วนใหญ่กำลังตั้งคำถามกัน ว่าเขาใช่ชายชุดดำตัวจริงหรือไม่ กระทั่งยังอยากรู้นักว่าเขาจะกล้าเข้าไปในรอยแยกท่ามกลางความว่างนี่รึเปล่า


 


‘ผู้นำพันธมิตรอำนาจทรราชงั้นเหรอ?’


 


มีบางถ้อยคำที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกสนใจ หลังได้ยินเขาจึงหันไปมองตามเป้าสายตาของคนกลุ่มใหญ่ทันที


 


ที่นั่นปรากฏคนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่


 


ผู้ที่ลอยร่างนำหน้ากลุ่มคนดังกล่าวเป็นชายร่างสูงแลดูกำยำแข็งแกร่ง หนวดเคราดกเฟิ้ม มาในชุดผ้าแพรแวววับ หว่างคิ้วไร้โทสะอารมณ์ใดๆแต่ให้ความรู้สึกเข้มแข็งน่าเกรงขาม เพียงมองก็บอกได้ว่าเป็นคนที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่งมานาน


 


‘เจ้านั่นน่ะเหรอผู้นำพันธมิตรอำนาจทรราช เฉินเฉวียนป้า!’


 


ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ


 


เฉินเฉวียนป้า ผู้นำพันธมิตรอำนาจทรราช ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน พลังฝีมือติดอยู่ในอันดับที่ 50 ของรายนามยอดเซียน!


 


นอกจากนี้ในนครแห่งบาป พันธมิตรอำนาจทรราชยังเป็นกองกำลังพันธมิตรของผู้ฝึกตนไร้สังกัดที่ทรงพลังไม่น้อย เพียงอ่อนแอกว่าก็แค่ พันธมิตร 7 สังหาร พันธมิตรพันสารท และพันธมิตรหมื่นโบราณเท่านั้น…


 


ต้วนหลิงเทียนยังคงจดจำได้ดี


 


ว่าโรงเตี๊ยมที่เขเข้าพักแห่งแรกอันเรียกว่า ‘โรงเตี๊ยมยินดีต้อนรับ’ นั้น มันก็เป็นกิจการที่อยู่ภายใต้การดูแลของพันธมิตรอำนาจทรราช!!


ตอนที่ 2,131 : พันธมิตรร้อยวิญญาณ หยินเฉวี่ยนหมิง!


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนหันไปมองพินิจร่างเฉินเฉวียนป้า ผู้นำพันธมิตรทรราช อีกฝ่ายก็คล้ายจะรู้ตัวหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ มันหันมามองเขาเช่นกัน สองตายังทอประกายสว่างวาบขึ้นมา


 


“ท่านผู้นำ”


 


เมื่อเฉินเฉวียนป้าหันมองไปทางต้วนหลิงเทียน คนที่อยู่ด้านหลังเฉินเฉวียนป้า ก็สังเกตเห็นทีท่านี้เช่นกัน กล่าวออกมาว่า “ชายชุดดำที่ร่ำลือกันในนครแห่งบาปพักหลังมานี้…แต่งกายเช่นนี้มิผิดแน่”


 


กล่าวถึงจุดนี้มันก็หยุดลงเล็กน้อย “แต่อย่างไรก็ตามในนครแห่งบาปผู้คนพากันแต่งตัวแบบนี้มากมายนัก…เช่นนั้นก็ไม่แน่ว่ามันจะเป็นชายชุดดำตัวจริง อาจเป็นเพียงผู้คนที่เห่อตามกระแส”


 


“มันเป็นตัวจริง”


 


เฉินเฉวียนป้ากล่าวออกตัดบทคนด้านหลัง


 


และวาจาตัดบทนี้ของมันก็ทำให้กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังถึงกับหน้าเหวอไปทันที


 


พวกมันไม่อาจทราบได้


 


ว่าไฉนผู้นำกองกำลังพันธมิตรของพวกมันถึงได้มั่นใจนัก ว่าชายที่มาในชุดคลุมลมดำผู้นี้ ก็คือชายชุดดำตัวจริง!


 


หากพวกมันไม่รู้ดีกว่าใครว่าผู้นำของพวกมันไม่ชมชอบการพูดเล่นไร้สาระ และมักจริงจังอยู่เสมอ พวกมันคงคิดว่าวันนี้ผู้นำมันมีอารมณ์ขันขึ้นมาแล้ว!


 


“ท่านผู้นำ ท่านรู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นชายชุดดำตัวจริง…ท่านบอกได้อย่างไร?”


 


ชายชราที่อยู่ด้านหลังเฉินเฉวียนป้าอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมาด้วยความอยากรู้


 


ชายชราที่อดสงสัยไม่ได้ผู้นี้เป็น 1 ใน 3 รองผู้นำกองกำลังพันธมิตรอำนาจทรราช อีกทั้งในพันธมิตรอำนาจทรราชพลังฝีมือมันก็เป็นรองแค่เฉินเฉวียนป้าเท่านั้น บรรลุถึงขอบเขตเซียนสรรค์ 4 เปลี่ยนแล้ว


 


หากแต่มันที่บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน พลังฝีมือไม่อาจนำไปเปรียบกับหวังติ่งชันของพันธมิตรพันสารท ที่ตกตายด้วยน้ำมือของต้วนหลิงเทียนไปก่อนหน้านี้ได้เลย


 


แม้หวังติ่งชันผู้นั้นจะมีพลังฝึกปรืออยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนเช่นเดียวกับมัน ทว่าอันดับในรายนามของหวังติ่งชันกลับอยู่เลยอันดับที่ 150 ขึ้นไปแล้ว


 


ทว่ารองผู้นำพันธมิตรอำนาจทรราชคนนี้ กลับมีพลังฝีมือติดอยู่ใน 100 อันดับแรกของรายนามยอดเซียน!


 


เรียกว่าต่อให้มองไปในบรรดายอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนทั้งหลาย พลังฝีมือของมันก็จัดว่าอยูในอันดับต้นๆเลยทีเดียว!


 


รองผู้นำพันธมิตรอำนาจทรราชคนนี้ กลับมีนามที่ฟังดูสามัญไม่ต่างอะไรกับหน้าตาที่แลดูธรรมดา


 


ซุนหัว!


 


“สัญชาตญาณ”


 


กลุ่มคนของพันธมิตรอำนาจทรราชไม่เว้นซุนหัวมองมายังเฉินเฉวียนป้าเพื่อรอฟังคำตอบด้วยความสนใจไม่นาน เฉินเฉวียนป้าก็กล่าวตอบออกมาเสียงเรียบ!


 


สัญชาตญาณ?


 


ได้ยินคำตอบนี้ชุนหัวกับคนอื่นๆถึงกับตะลึง


 


หากพวกมันไม่ได้มายินกับหู ให้ตายพวกมันก็ไม่เชื่อว่าผู้นำของพวกมันเป็นคนพูดวาจาประโยคนี้ออกมา!


 


แต่อันที่จริง สัญชาตญาณของเฉินเฉวียนป้าก็แม่นยำจริงๆ


 


ชายในชุดคลุมลมดำเบื้องหน้า เป็นชายชุดดำที่กำลังมีชื่อเสียงในนครแห่งบาปจริงๆ!


 


ตอนนี้แทบทุกคนในนครแห่งบาปล้วนรู้ถึงการคงอยู่ของชายชุดดำ หากแต่ชื่อเสียงของชายชุดดำนั้นหาได้ฉาวโฉ่เลวร้ายอะไร ยังเป็นชื่อเสียงอันดีงาม!


 


ในระยะเวลากว่าครึ่งปีที่ผ่านมา ผู้ที่ตายตกด้วยน้ำมือของชายชุดดำคนนี้หากไม่ถึงพันคนก็ต้องมีแปดร้อย!


 


อย่างไรก็ตามผู้ที่ตายตกด้วยน้ำมือของชายชุดดำ ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่สมควรตายทั้งสิ้น!


 


ในบรรดาทุกคนที่ถูกฆ่าตายตก หากไม่ใช่ตัวบัดซบที่ประพฤติตัวต่ำช้าไร้ยางอายรอฆ่าผู้อื่นหลังสิ้นแรง ก็เป็นผู้ฝึกมารที่ชั่วช้า บ่มเพาะพลังด้วยวิธีที่สวรรค์ยังไม่อาจให้อภัย


 


และเพราะปรากฏตัวของชายชุดดำตลอดครึ่งปีหลังมานี้ ทำให้บรรยากาศในนครแห่งบาปเปลี่ยนไปไม่น้อย คนชั่วเริ่มลดน้อยลงถนัดตา


 


กระทั่งในนครแห่งบาปยังมีหลายคนขนานนามชายชุดดำคนนี้ว่า ผู้พิทักษ์!


 


แม้ฟังแล้วจะคล้ายเย้ยเยาะ หากแต่ทั้งหมดก็รู้สึกเช่นนั้นจริงๆ


 


ฟุ่บ!


 


ราวกับสายลมหอบหนึ่งพัดกรรโชกมา ต้วนหลิงเทียนที่กำลังจะเหินร่างเข้าไปในรอยแยก สัมผัสได้ถึงร่างหนึ่งที่วูบเข้ามาทางเขา ทำให้จำต้องชะงักฝีเท้าลงชั่วคราว หันมองไปยังคนที่พึ่งมาใหม่ทันที


 


“ผู้นำพันธมิตรอำนาจทรราช!”


 


เมื่อเห็นหน้าค่าตาผู้ที่วูบมาปรากฏเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน ผู้คนโดยรอบอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงฮือฮาออกมา


 


มันไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น เฉินเฉวียนป้า ผู้นำพันธมิตรอำนาจทรราชนั่นเอง!


 


“ท่านชุดดำ…ข้าได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของท่านมาไม่น้อย วันนี้ในที่สุดก็มีวาสนาได้พบแล้ว”


 


เฉินเฉวียนป้าที่พึ่งปรากฏเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนก็เร่งกล่าวคำทักทายออกไปด้วยรอยยิ้มทันที


 


“ผู้นำเฉิน”


 


มีคำกล่าวที่ว่า ยากตบหน้าคนกำลังยิ้ม


 


“ท่านชุดดำข้าได้รับทราบพลังฝีมือทั้งการกระทำของท่านมานาน…ไม่ทราบท่านสนใจเข้าร่วมพันธมิตรอำนาจทรราชหรือไม่ หากท่านยินดีเข้าร่วมข้าจักเสนอตำแหน่งรองผู้นำคนที่ 4 ให้ท่านทันที!”


 


เฉินเฉวียนป้ากล่าวถามต้วนหลิงเทียนออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ยังฟังสุภาพนัก


 


ต้วนหลิงเทียนถึงกับสะดุ้งโหยงหลังได้ยินคำชวนของเฉินเฉวียนป้า


 


นี่เป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายของเขาจริงๆ


 


ในขณะที่คนอื่นๆกำลังสงสัยตัวตนของเขาว่าใช่ชายชุดดำจริงหรือไม่ ทว่าผู้นำผู้นำพันธมิตรอำนาจทรราชคนนี้ไม่เพียงแต่จะไม่สงสัยเขา ยังเป็นฝ่ายเข้ามาทักทายด้วยวาจาสุภาพรื่นหู!


 


ยังไม่ใช่แค่นั้น


 


หลังทักทายอย่างมากมารยาทแล้ว ผู้นำพันธมิตรอำนาจทรราชคนนี้ กลับกล่าวชวนเขาเข้าร่วมกองกำลังพันธมิตรออกมาตรงๆ ยังให้คำมั่นอีกว่าหากเข้าร่วมจะได้เป็นถึงรองผู้นำคนที่ 4!


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังอึ้งไปกับคำชวนของเฉินเฉวียนป้า ฉากเรื่องราวโดยรอบก็เงียบงันปานคนตาย


 


ไม่เพียงแต่ระดับสูงๆของพันธมิตรอำนาจทรราชเท่านั้นที่ตะลึง ผู้คนรอบๆที่ได้ยินเรื่องราวก็ถึงกับตะลึงตาค้างไปด้วยเช่นกัน สีหน้าทั้งหลายทั้งอื้ออึงทั้งเหลือเชื่อ ราวกับไม่อยากกจะเชื่อว่าที่หูได้ยินจะเป็นความจริง


 


“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้นกัน?”


 


“หรือ…คนผู้นั้นจักเป็นชายชุดดำตัวจริง? หาไม่แล้วไหนเลยผู้นำเฉินจะกล่าวเชื้อเชิญให้เข้าร่วมพันธมิตรอำนาจทรราชอย่างสุภาพเช่นนั้น! ยังจะให้เป็นถึงรองผู้นำคนที่ 4 อีกด้วย!!”


 


“ไฉนผู้นำเฉินถึงใจเร็วด่วนได้เช่นนี้ หรือว่าจดจำคนได้จริงๆ?”


 


“อย่าพูดให้ขำหน่า! ชายชุดดำผู้นั้นซ่อนตัวอยู่ในชุดคลุมลมดำมาตลอด กระทั่งยังปกปิดกลิ่นอายพลัง…แล้วจะยังมีผู้ใดจดจำได้?”


 


“นั่นสิ แล้วนี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน หรือเจ้าจะบอกว่าผู้นำเฉินเพียงกล่าวชวนไปเล่นๆ?”


 


“ข้าจะไปรู้หรือ…”


 


……


 


ผู้คนที่ชมดูเรื่องราวไม่นานก็ดึงสติกลับคืน เร่งสนทนากันอย่างออกรส


 


พวกมันรู้สึกว่าฉากเรื่องราวเบื้องหน้าเป็นอะไรที่ยากจะชมมองให้กระจ่างนัก


 


และในความเป็นจริงแล้วพวกมันจะมีปัญญามองให้กระจ่างได้อย่างไร?


 


เพราะกระทั่งคนของพันธมิตรอำนาจทรราชเองยังไม่อาจเข้าใจได้จริงๆ


 


ยิ่งมาได้ยินคำชวนของผู้นำกองกำลังของพวกมันแล้ว หนังศีรษะก็เสมือนอื้ออึงชาด้านไปหมด ก่อนหน้าพวกมันยังคิดไปว่า…นี่ใช่ผู้นำของพวกมันกำลังเล่นมุขตลกอย่างหาได้ยากอันใดอยู่หรือไม่?


 


แต่คิดไม่ถึงจริงๆว่าผู้นำของพวกมันจะไม่ได้ล้อเล่น!


 


เพราะหากเป็นเรื่องล้อเล่นจริง ไหนเลยผู้นำของพวกมันจะกล่าวชวนชายชุดดำด้วยท่าทีจริงจังถึงขนาดนั้น แถมยังให้คำมั่นว่าจะยกตำแหน่งรองผู้นำคนที่ 4 ให้อีก!


 


ต้องทราบด้วยว่าไม่ใช่ทุกคนจะสามารถเป็นรองผู้นำคนที่ 4 ของพันธมิตรอำนาจทรราชได้


 


ยกตัวอย่างเช่นทั้ง 3 รองผู้นำที่มีอยู่เดิม ทุกคนล้วนบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน! หากพลังฝึกปรือยังไม่บรรลุเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน ก็อย่าได้ฝันจะเป็นรองผู้นำพันธมิตรอำนาจทรราชเลย!


 


“หรือเจ้านั่นจักเป็นชายชุดดำตัวจริง…”


 


“หากมันเป็นชายชุดดำตัวจริง ก็เข้าใจได้ว่าไฉนท่านผู้นำถึงได้กล่าวเชิญชวนมันเข้ากองกำลังพันธมิตรของพวกเราแบบนี้ กระทั่งยังจะยกมอบตำแหน่งรองผู้นำให้ทันที…”


 


“แต่ข้าพเจ้านึกคิดอย่างไรก็มิอาจทราบได้…ท่านผู้นำที่แท้ยืนยันตัวตนมันได้อย่างไรกันแน่?”


 



 


ระดับสูงๆของพันธมิตรอำนาจทรราช เริ่มกระซิบกระซาบสนทนากันยกใหญ่ ทั้งหมดยากทำความเข้าใจเรื่องราวตรงหน้าได้จริงๆ ไม่รู้ผู้นำมันอาศัยอะไรระบุตัวคนกันแน่


 


และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะกล่าวคำปฏิเสธความหวังดีของเฉินเฉวี่ยนป้านั้นเอง


 


“ฮ่าๆๆๆ!!!”


 


เสียงหัวเราะห่ามๆหนึ่งพลันดังขึ้น ขัดจังหวะต้วนหลิงเทียนที่คิดจะปริปากกล่าวคำ และทำให้ต้วนหลิงเทียนหันมองไปที่ต้นเสียงอย่างไม่รู้ตัว


 


เห็นว่าห่างออกไปไม่ไกล พลันมีชายหนุ่มในชุดจอมยุทธ์สีดำ รูปร่างสมส่วนไม่อ้วนไม่ผอม หน้าตาแลดูเจ้าเล่ห์ชั่วร้าย กลิ่นอายทั่วร่างให้ความรู้สึกเยียบเย็น กำลังย่ำอากาศเข้ามาพร้อมคนกลุ่มหนึ่ง


 


และไม่ว่ามันกับกลุ่มคนของมันผ่านไปที่ใด ผู้คนบริเวณนั้นจะหลีกหนีออกไปให้ห่างอย่างเร็วไว


 


ทำราวกับมันและกลุ่มเป็นเทพโรคห่าอย่างไรอย่างนั้น!


 


และเจ้าของเสียงหัวเราะไม่เกรงใจผู้ใดนั้นก็มาจากชายหนุ่มในชุดจอมยุทธ์สีดำดังกล่าว


 


หลังจากที่มันหยุดหัวเราะ ไม่นานร่างมันกับกลุ่มผู้ติดตามก็เหินมาหยุดลงบริเวณใกล้ๆกับที่ต้วนหลิงเทียนและเฉินเฉวียนป้าลอยร่างอยู่


 


มันไม่ได้ให้ความสนใจอะไรกับต้วนหลิงเทียนมากมาย หากทว่ามองไปยังเฉินเฉวียนป้าด้วยสายตาหยอกล้อ กล่าวค่อนแคะออกมาว่า “อะไรกันท่านผู้นำเฉิน นี่ท่านคิดชวนชายชุดดำผู้นี้เข้าร่วมพันธมิตรอำนาจทรราชของท่านไม่พอ ทั้งยังคิดจะยกตำแหน่งรองผู้นำคนที่ 4 ให้มันแล้ว? นี่ท่านไม่กลัวว่ามันจะเป็นตัวปลอมบ้างหรือไร?”


 


“เพราะเท่าที่ข้าทราบในนครแห่งบาปของพวกเรา มีผู้คนนิยมแต่งชุดคลุมลมดำเลียนแบบชายชุดดำกันมากมายนัก”


 


กล่าวจบรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าอันเต็มไปด้วยความเย้ยหยันของชายหนุ่มก็ยิ่งยกกว้างขึ้น ทำราวกับมันคิดว่าตัวมันฉลาดที่สุดในโลกก็ไม่ปาน


 


‘หืม? ผู้นำพันธมิตรร้อยวิญญาณ หยินเฉวี่ยนหมิง?’


 


ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินวาจาซุบซิบจากโดยรอย ทำให้เขาได้รับทราบอัตลักษณ์ของชายหนุ่มชุดจอมยุทธ์สีดำผู้นี้ทันที


 


ผู้นำพันธมิตรร้อยวิญญาณ!


 


‘พันธมิตรร้อยวิญญาณ นับว่าเป็นพันธมิตรผู้ฝึกตนอิสระที่เป็นที่รู้จักกันดีในนครแห่งบาป พลังรบโดยรวมทัดเทียมกับพันธมิตรอำนาจทรราชได้เลย…นอกจากนั้นจากที่เคยได้ยินมาเหมือนทั้งสองพันธมิตรจะไม่ถูกกัน ดูท่าจะเป็นความจริง’


 


ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าว


 


“หยินเฉวี่ยนหมิง ข้าเฉินเฉวียนป้าคิดทำสิ่งใด ยังต้องให้เจ้าสอดด้วยหรือ?”


 


เฉินเฉวียนป้าขมวดคิ้วค่อยโบกมือปัดๆอย่างรำคาญ “หากเจ้าคิดจะเข้าไปในคลังสมบัติของเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่น่าสงสัยด้านหลังนั่น เจ้าก็รีบเข้าไปเสีย…หากไม่คิดจะเข้าไปก็หลีกไปข้างๆ อย่าได้รบกวนข้ากับท่านชุดดำ”


 


“ท่านชุดดำ?”


 


ได้ยินวาจาดังกล่าวของเฉินเฉวียนป้า หยินเฉวี่ยนหมิงก็ไม่ได้นำพาอะไร เพียงหันตาไปหยุดมองต้วนหลิงเทียน


 


ทันใดนั้นลูกตาหยินเฉวี่ยนหมิงก็หดหยีหลง กล่าวออกเสียงเบา “ข้าอยากเห็นนัก…ว่าเจ้ามันจะใช่ชายชุดดำตัวจริงหรือไม่…”


 


“ฉุนหวู่!”


 


ครู่ต่อมาคิ้วหยินเฉวี่ยนหมิงก็โค้งขึ้น ค่อยปริปากกล่าวคำออกมา 2 พยางค์เบาๆ


 


“ข้าอยู่ ท่านผู้นำ!”


 


ทันใดนั้นชายคนหนึ่งจากกลุ่มคนด้านหลังพลันก้าวออกมายืนข้างหยินเฉวี่ยนหมิง เป็นชายร่างเตี้ยหากแต่ร่างหนาบึ๊กแลดูแน่นและแข็งแกร่งไม่เบา กลิ่นอายทั่วร่างยังเยียบเย็นไม่ธรรมดา พาลให้ผู้ที่อยู่ใกล้รู้สึกเสมือนติดอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง


 


“ท่านผู้นำเฉิน หากผลออกมาว่าเจ้านี่มันไม่ใช่ชายชุดดำตัวจริง…ข้าเกรงว่าวันนี้ท่านต้องอับอายขายขี้หน้าผู้คนครั้งใหญ่แล้ว!!”


 


หลังจากนั้นหยินเฉวี่ยนหมิงก็หันไปมองเฉินเฉวี่ยนป้าด้วยสายตาดูแคลน แสยะยิ้มกล่าวออกด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ


ตอนที่ 2,132 : ตัวตลกโดดออกมาเล่นจำอวด


 


ตอนนี้เองทุกคนก็ตระหนักได้แล้วว่าไฉนหยินเฉวี่ยนหมิง ผู้นำพันธมิตรร้อยวิญญาณต้องเข้ามาสอดเรื่องเฉินเฉวียนป้าด้วย


 


ที่แท้มันอยากทำให้ผู้นำพันธมิตรอำนาจทรราชอย่างเฉินเฉวียนป้าต้องขายหน้าประชาชี!


 


“ข้าได้ยินมานานว่าพันธมิตรร้อยวิญญาณกับพันธมิตรอำนาจทรราชนั้นไม่ถูกกัน…มาวันนี้นับว่าได้เห็นชัดถนัดตาจริงๆ”


 


ชายวัยกลางคนระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน


 


“ความบาดหมางระหว่างพันธมิตรร้อยวิญญาณกับพันธมิตรอำนาจทรราชนั้น ทั่วทั้งนครแห่งบาปต่างรู้กันหมด…หากแต่พวกมันทั้ง 2 พันธมิตรก็ไม่กล้ารบรากันจนบาดเจ็บล้มตายแต่อย่างใด เพราะกลัวจะเปิดช่องให้พันธมิตรอื่นฉกฉวยโอกาสตอนพวกมันอ่อนกำลัง หาไม่แล้วป่านนี้พวกมันคงสู้กันจนตายไปข้าง!!”


 


ชายชรากล่าว


 


“อย่างไรก็ตามผู้นำพันธมิตร้อยวิญญาณนั่นช่างร้ายกาจเสียจริง…ไม่ว่ามันจะระบุได้หรือไม่ว่าชายชุดดำผู้นั้นเป็นตัวจริงหรือตัวปลอมกันแน่! แต่การเข้ามาสอดมือแบบนี้ ก็นับว่าสร้างปัญหาให้ผู้นำเฉินแล้วจริงๆ กระทั่งหากพบว่าที่แท้ชายชุดดำเป็นตัวปลอม ยังจะทำให้ผู้นำเฉินขายหน้าครั้งใหญ่!!”


 


ไม่ทราบว่าใครเป็นคนกล่าวประโยคนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา


 


หากทว่ามีผู้คนไม่น้อยที่ได้ยินคำพูดของมัน แถมยังเห็นด้วยกันใหญ่


 


ขณะเดียวกันผู้ชมโดยรอบก็หันไปให้ความสนใจและเฝ้าติดตามเรื่องราวอย่างใจจดจ่อ


 


ตอนนี้ชายที่เดินออกมาจากกลุ่มคนด้านหลังหยินเฉวี่ยนหมิง ในที่สุดก็มาหยุดเผชิญหน้ากับชายชุดดำ!


 


ยังมองใบหน้าที่มีโม่งคลุมด้วยสายตาดูแคลนถึงที่สุด!


 


“เมื่อครู่ใช่ข้าได้ยินผิดไปหรือไม่ ผู้นำพันธมิตรร้อยวิญญาณหยินเฉวี่ยนหมิงเรียกหาคนผู้นั้นว่า ‘ฉุนหวู่’ หรือ…อย่าบอกนะว่ามันคืออาวุโสลำดับ 1 ของพันธมิตรร้อยวิญญาณ!!”


 


จังหวะนี้ไม่ทราบใครที่เป็นคนร้องโพล่งออกมาคนแรก แต่นับว่าทำให้สติคนอื่นถูกปั่นแล้วจริงๆ


 


“อะไร!? มันคืออาวุโสลำดับที่ 1 ของพันธมิตรร้อยวิญญาณ?”


 


“ไม่ผิดแน่ เพราะข้าเองก็จดจำได้ว่าอาวุโสลำดับ 1 ของพันธมิตรร้อยวิญญาณเรียกว่า ฉุนหวู่…ดูเหมือนจะเป็นมันจริงๆ”


 


“ว่ากันว่าอาวุโสลำดับ 1 ของพันธมิตรร้อยวิญญาณ พลังฝีมือก็ทะลวงไปถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนสุดปลาย แถมอันดับของมันในรายนามยอดเซียนยังอยู่ใน 200 อันดับแรก!”


 


“สวรรค์…ด่านพลังเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน แถมรั้งอยู่ใน 200 อันดับแรกของทำเนียบสุดยอดฝีมือ…!”


 


“เหอะๆ…ด้วยพลังฝีมือระดับนี้มองไปทั่วทั้งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ยังถือเป็นชนชั้นสุดยอดฝีมือของเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน! ยากจะหาคนด่านพลังเดียวกันเอาชนะมันได้!!”


 


……


 


หลังระบุตัวตนที่กำลังเผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียนได้แล้ว ผู้ชมโดยรอบบ้างก็ตื่นเต้นกันยกใหญ่ บ้างก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน มีไม่น้อยที่ยังคงอึ้งกับคำสั่งของหยินเฉวี่ยนหมิง!


 


นั่นเพราะหยินเฉวี่ยนหมิงสั่งให้ฉุนหวู่ลงมือ!


 


“ลองอาวุโสอันดับ 1 ของพันธมิตรร้อยวิญญาณลงมือเองแบบนี้…ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ชายชุดดำคนนี้อาจมิใช่ตัวจริงเลย ข้ากลัวว่าต่อให้จะเป็นชายชุดดำตัวจริงก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคู่มือฉุนหวู่ได้!”


 


ในไม่ช้าก็มีคนกล่าววาจานี้ขึ้นมา


 


“นั่นสิทุกวันนี้ในนครแห่งบาปก็มักลือกันหนาหู…ว่าพลังฝีมือของชายชุดดำนั้นอยู่ในราวๆขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนเท่านั้น แต่ต่อให้พลังฝึกปรือชายชุดดำอยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนจริง ยังจะสู้ฉุนหวู่ อาวุโส 1 ของพันธมิตรร้อยวิญญาณได้หรือ?”


 


“ข้าว่าคงยาก…”


 


“นั่นมันแน่อยู่แล้ว! อาวุโส 1 ของพันธมิตรร้อยวิญญาณ ฉุนหวู่ผู้นี้ ติด 200 อันดับแรกในรายนามยอดเซียน…ถือเป็นสุดยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน มิใช่อะไรที่เซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนทั่วไปจะรับมือได้เลย”


 



 


ในขณะที่บริเวณรอบๆจุดที่ปรากฏรอยแยกท่ามกลางความว่างเปล่ากำลังอื้ออึงไปด้วยเสียงคนคุยกัน พลันมีร่าง 3 ร่างมาถึงน่านฟ้าสูงขึ้นไปเหนือเมฆ


 


ขณะเดียวกันสายตาแต่ละคนก็มองทะลุม่านเมฆหมอกมาจับจ้องเรื่องราวความวุ่นวายเบื้องล่าง


 


“เหอะๆ อาวุโส 1 ของพันธมิตรร้อยวิญญาณมันรนหาที่ตายหรือไร…”


 


หนึ่งในบรรดา 3 คนที่ถึ่งมาถึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมา “อยู่ดีไม่ว่าดี ถึงกับกล้าไปตอแย ‘ดาวมฤตยู’ ผู้นั้นเข้าได้…”


 


ในขณะที่กล่าวถึงคำดาวมฤตยู ลึกลงไปในแววตาของมันก็ฉายให้เห็นความหวาดกลัวชัดเจน


 


หากต้วนหลิงเทียนอยู่ตรงนี้คงจำได้ทันที


 


คนที่หัวเราะเยาะแล้วกล่าววาจาดูแคลนไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นโอวฉิง นายน้อยพันธมิตร 7 สังหาร ที่ปัสสาวะราด 2 รอบด้วยความหวาดกลัว!!


 


และคนที่มาถึงน่านฟ้าเหนือรอยแยกพร้อมๆกันกับโอวฉิง ก็คือลู่จิ้นอาวุโสพันธมิตร 7 สังหาร กับตงกั๋วจื่อ นายน้อยพันธมติรพัรสารท


 


ตอนนี้เมื่อทุกคนแลเห็นชายชุดดำกำลังมีเรื่องราวอยู่เบื้องล่างใต้ม่านเมฆหมอก พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดอาการขนลุกขึ้นมา เพราะคิดถึงเรื่องราวความบาดหมางก่อนหน้า…


 


ขณะเดียวกันพวกมันยังอดไม่ได้ที่จะลอบไว้อาลัยให้แก่คนที่กำลังเผชิญหน้ากับชายชุดดำนั่นด้วย!


 


“น่ากลัวตัวโง่งมนั่นมันยังไม่รู้ ว่ามันกำลังตอแยอยู่กับคนที่สามารถฆ่าได้กระทั่งตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนในชั่วพริบตา…”


 


ตงกั๋วจื่อส่ายหัวไปมาเบาๆ


 


เรื่องราวใต้ม่านเมฆนั้นนับว่าคึกครื้นและมีผู้คนให้ความสนใจมากจริงๆ


 


กระทั่งคนของนครแห่งบาปที่พึ่งมาถึง ก็เร่งรุดเข้ามามุงล้อมชมดูเรื่องราวเช่นกัน


 


ในบรรดาคนเหล่านั้นก็รวมถึงพันธมิตรอีกาทมิฬด้วย


 


“ท่านผู้นำ เจ้านั่นคือชายชุดดำ”


 


ทันทีที่คนของพันธมิตรอีกาทมิฬมาถึง สีหน้าพวกมันก็มืดดำลงทันใด บางคนในกลุ่มยังกล่าวทักผู้นำเสียงหนัก


 


“ข้าเห็นแล้ว”


 


หน้าผู้นำพันธมิตรอีกาทมิฬจมลง สายตาที่ใช้มองคนในชุดคลุมลมดำยังเผยความไม่แน่ใจเหมือนผู้อื่น ด้วยไม่ทราบว่าที่ยืนอยู่นั่นใช่ชายชุดดำตัวจริงหรือไม่…


 


หากอีกฝ่ายเป็นชายชุดดำตัวจริง ก็คือศัตรูตัวฉกาจของพันธมิตรอีกาทมิฬของพวกมัน!


 


วันนั้นมันกลับมาถึงนครแห่งบาปได้ไม่ทันไร มันก็ได้รับทราบข่าวร้ายว่ามีชายในชุดคลุมลมดำไล่ฆ่าคนของมันไปมากมาย กระทั่งยังฆ่าเจียวจ้านรองผู้นำ ที่ไม่เพียงแต่จะเปนมือดีแต่ยังเป็นสหายของมันอีกด้วย!


 


และเพราะความตายของเจียวจ้าน ก็ทำให้มันไม่ค่อยมั่นใจว่าจะสู้ชายชุดดำที่ว่าได้หรือไม่ อีกทั้งตอนนี้จุดรอคอยของมันก็เริ่มกรุยออกแล้ว อีกไม่กี่ปีสมควรทะลวงด่านพลังได้สำเร็จ เช่นนั้นมันจึงเลือกที่จะรอคอยให้ทะลวงด่านพลังสำเร็จค่อยไปเอาคืน!


 


มันยังสั่งให้คนของอีกาทมิฬพยายามเก็บตัว ไม่ออกไปก่อเรื่องราวอะไรเป็นการชั่วคราว


 


วันใดที่มันทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนล่ะก็ มันจะออกตามล่าชายชุดดำแล้วฆ่าให้ตายระบายแค้น!!


 


นี่คือแรงผลักดัน ที่กระตุ้นให้มันขยันบ่มเพาะฝึกปรือเป็นบ้าเป็นหลังตลอดช่วงหลังๆมานี้


 


‘ที่แท้นั่นคือฉุนหวู่ อาวุโส 1 ของพันธมิตรร้อยวิญญาณ…ข้าหวังให้เจ้านั่นมันเป็นชายชุดดำตัวจริง! หากเป็นแบบนั้นข้าก็ไม่ต้องดิ้นรนเพื่อฆ่ามันอีกต่อไป! ต่อหน้าอาวุโส 1 พันธมิตรร้อยวิญญาณต่อให้เป็นชายชุดดำก็ไม่ใช่คู่มือ!!’


 


หลังจากที่รับทราบว่าผู้ที่กำลังเผชิญหน้ากับชายชุดดำอยู่เป็นใคร สองตาผู้นำพันธมิตรอีกาทมิฬก็ทอแสงสว่างจ้า ลอบภาวนาในใจ


 


หวังว่าชายชุดดำคนนี้จะเป็นตัวจริงไม่ใช่ตัวปลอม!!


 


เพราะถึงแม้มันจะมั่นใจมาก ว่าพลังฝึกปรือของมันกำลังจะทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนในอีกไม่กี่ปีหลังจากนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพลังฝีมือของมันตอนนี้จะกล้าแข็งมากพอ


 


เรียกว่าก่อนที่มันจะทะลวงผ่าน น่ากลัวว่ามันคงไม่อาจสู้กับชายชุดดำได้!


 


นั่นเพราะแม้จะอยู่ในด่านพลังเดียวกัน แต่พลังฝีมือของผู้คนก็ขึ้นอยู่กับวรยุทธ์เซียนที่ฝึกปรือ ยังมีเวทย์พลังที่ทำความเข้าใจ ไม่เว้นศาสตราเซียน ยันต์เต๋า และโอสถ…


 


สำหรับพลังฝีมือของชายชุดดำนั้น หลังมันอนุมานจากเรื่องราวการลงมือของอีกฝ่ายที่ไล่ฆ่าคนไปมากในนครแห่งบาป มันก็พอกะพลังฝีมือชายชุดดำได้ ว่าสมควรพอๆกันกับมัน


 


อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่แน่ใจว่าจะเอาขนะชายชุดดำได้


 


แต่ถ้าเป็นอาวุโส 1 ของพันธมิตรร้อยวิญญาณที่แม้จะเป็นขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนเหมือนมัน ทว่าอีกฝ่ายนั้นกลับมีพลังฝีมือร้ายกาจถึงขั้นติด 200 อันดับแรกในรายนามยอดเซียนได้! เช่นนั้นมันก็มั่นใจได้เลย…ว่าพลังฝีมือฉุนหวูเหนือกว่าชายชุดดำแน่นอน!!


 


มันเลยลอบกล่าวภาวนาในใจ ขอให้ชายชุดดำเบื้องหน้าเป็นตัวจริง และถูกฉุนหวู่ฆ่าทิ้งไปจะดีมาก!!


 


“ไม่สำคัญว่าเจ้าจะใช่ชายชุดดำตัวจริงหรือไม่…แต่เมื่อเจ้าต้องเจอกับข้าฉุนหวู่ เช่นนั้นเจ้าต้องตาย!!”


 


ทันใดนั้นอาวุโส 1 ของพันธมิตรร้อยวิญญาณที่เผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียนก็ประกาศกร้าวออกมาอย่างอหังการ


 


ฟังแล้วช่างหยิ่งผยองถือดีเป็นที่สุด!!


 


นอกจากนั้นยังทำให้ผู้คนโดยรอบเลิกสนทนากันทันที ต่างหันไปจับจ้องมองเรื่องราวอย่างตั้งใจ ด้วยกลัวว่าจะพลาดฉากสนุกสนานอันใด


 


“ผู้นำเฉินขอบคุณในความหวังดีของท่านที่เชิญข้าเข้าร่วมพันธมิตรอำนาจทรราชของท่าน…แต่ข้าเป็นดั่งวิหกที่คุ้นชินกับฟ้ากว้างเมฆเสรี หากข้าเข้าร่วมพันธมิตรอำนาจทรราชของท่าน ข้าคงไม่คุ้นชิน”


 


ภายใต้สายตาของทุกผู้คน ต้วนหลิงเทียนกลับไม่แยแสฉุนหวู่ที่ประกาศคำสังหารอย่างถือดี หันไปกล่าววาจากับเฉินเฉวียนป้าอย่างสุภาพ น้ำเสียงยังไม่เผยความร้อนใจอะไรแม้แต่น้อย ทำราวกับไม่เห็นฉุนหวู่อยู่ในสายตา


 


เผชิญหน้ากับทีท่าไม่เห็นหัวนี้ของต้วนหลิงเทียน ฉุนหวู่ถึงกับของขึ้น! หน้าเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากทันที!!


 


บรรดาผู้ฝึกตนที่มุงชมก็อึ้งไปเป็นแถบ!


 


ชายชุดดำผู้นี้…เป็นชายชุดดำตัวจริงงั้นหรือ!?


 


หาไม่แล้วไหนเลยยังใจเย็นอยู่ได้ในเวลาแบบนี้ กระทั่งกำลังเผชิญหน้ากับฉุนหวู่แท้ๆแต่ยังทำเป็นไม่เห็นหัวผู้คนได้!?


 


ทว่าต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้เห็นหัวฉุนหวู่จริงๆ!


 


“เช่นนั้นก็น่าเสียดายนัก…”


 


ได้ยินคำปฏิเสธอย่างสุภาพของต้วนหลิงเทียน เฉินเฉวียนป้าก็อดไม่ได้ที่จะเสียดาย จากนั้นมันก็หันมองไปทางฉุนหวู่ค่อยกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม “อย่างไรก็ตามปัญหาของท่านชุดดำล้วนเกิดขึ้นเพราะข้า เช่นนั้นให้ข้าจัดการให้ท่านเถอะ…”


 


ทันทีที่เฉินเฉวียนป้ากล่าววาจานี้ออกมา หน้าฉุนหวู่ก็เปลี่ยนสีทันที มันที่กำลังจะลงมือเล่นงานต้วนหลิงเทียนถึงกับตัวค้างร่างแข็ง ยังล้มเลิกความคิดโจมตีใดๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวล้นใจ!


 


มันต้องกลัว!


 


ยอดฝีมือระดับเฉินเฉวียนป้า อาศัยแค่นิ้วเดียวก็บดขยี้มันได้ง่ายๆ!


 


ฮึ่ม!


 


พร้อมกันกับเสียงพ่นลมเย็นเยือกหนึ่ง ปรากฏร่างที่วูบมาดั่งภูตผี ขวางกั้นระหว่างเฉินเฉวียนป้ากับ ฉุนหวู่เอาไว้


 


“ท่านผู้นำเฉินมันมิใช่คนของพันธมิตรอำนาจทรราชท่าน…เช่นนั้นเรื่องนี้ท่านอย่าสอดมือเสียจะดีกว่า!”


 


ด้วยทีท่าการแสดงออกของต้วนหลิงเทียน ทำให้หยินเฉวี่ยนหมิงเริ่มเชื่อแล้วว่าชายชุดดำตรงหน้าสมควรเป็นชายชุดดำตัวจริง


 


อย่างไรก็ตามมันไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะมีพลังฝีมือสูงพอเป็นคู่มือให้อาวุโส 1 ของพันธมิตรร้อยวิญญาณมันอย่างฉุนหวู่ได้ เช่นนั้นมันไม่คิดจะให้การประมือระหว่างฉุนหวู่กับชายชุดดำเลิกรา เพียงไปขวางเฉินเฉวียนป้าไว้ไม่ให้ลงมือ


 


ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!


 



 


เหล่าระดับสูงของพันธมิตรร้อยวิญญาณ พอเห็นหยินเฉวี่ยนหมิงเผชิญหน้ากับเฉินเฉียนป้เ พวกมันก็รีบวูบร่างมาหยุดด้านหลังรอสนับสนุนทันที


 


ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!


 



 


สมาชิกระดับสูงของพันธมิตรอำนาจทรราชก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน วูบร่างไปเสริมกำลังให้เฉินเฉวียนป้าทันที


 


เรียกว่าตอนนี้เหล่าตัวตนระดับแนวหน้าของพันธมิตรอำนาจทรราชและร้อยวิญญาณกำลังประจัญหน้ากันอย่างไม่ยิ่งหย่อน สถานการณ์เริ่มลุกลามใหญ่โต!


 


และในขณะที่ผู้ชมโดยรอบถึงกับหยุดหายใจ เพราะบรรยากาศตอนนี้ช่างตึงเครียดนั้นเอง…


 


“ผู้นำเฉินเกรงใจไปแล้ว…กับอีแค่ตัวตลกโดดออกมาเล่นจำอวด ไฉนต้องลำบากให้ผู้นำเฉินลงมือ?”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ


 


เสียงเขาไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่ทว่ามันสามารถทำลายบรรยากาศตึงเครียดได้ในทันที และดั่งหินใหญ่ร่วงสระสงบ ก่อเกิดพันระลอกคลื่น


 


“ตัวตลก…โดดออกมาเล่นจำอวด?”


 


“เหอๆ…มารดามันเถอะ ชายชุดดำผู้นี้ถึงกับกล้าเรียกฉุนหวู่ว่าตัวตลกที่โดดออกมาเล่นจำอวด!”


 


“ดูเหมือนว่ามันัจกเป็นชายชุดดำจริงๆ! มีเพียงเป็นชายชุดดำตัวจริงเท่านั้นถึงจะกล้าหยิ่งยโสขนาดนี้!!”


 


“ข้าก็คิดว่าสมควรเป็นชายชุดดำตัวจริง…แต่ต่อให้มันเป็นชายชุดดำตัวจริง มันจะใช่คู่มือฉุนหวู่แน่หรือ?”


 



 


หลังจากฉากตึงเครียดสลายไปได้ไม่ทันไร เสียงสนทนาก็ดังขึ้นอีกครั้ง


ตอนที่ 2,133 : เขย่าขวัญผู้คน!


 


เฉินเฉวียนป้ากับคนอื่นๆถึงกับต้องทึ่งไปกับ ‘ความอวดดี’ ของต้วนหลิงเทียน!


 


ตัวตลก? โดดออกมาเล่นจำอวด?


 


ได้ยินคำที่กล่าวเปรียบเทียบแบบนี้ รองผู้นำพันธมิตรร้อยวิญญาณ ฉุนหวู่ ไม่อาจระงับโทสะได้ไหวสืบไป สองตาฉายแววดุร้าย ปานจะมีไฟลุกท่วมได้ทุกเวลา!


 


“รนหาที่ตาย!!”


 


ครู่ต่อมา ฉุนหวู่คำรามออกเสียงดัง ร่างวูบไหวดั่งสายลม พลังเซียนต้นกำเนิดปะทุลุกโชน คนคล้ายอัสนีสายหนึ่งฟาดผ่าไปทางต้วนหลิงเทียน!


 


ฟุ่บ!


 


เสี้ยวพริบตาร่างฉุนหวู่ก็โจนทะยานเข้าใกล้ต้วนหลิงเทียน เหลืออีกเพียงไม่กี่ก้าวก็บรรลุถึง


 


ในขณะที่ทุกผู้คนกำลังดูชมเรื่องราวเบื้องหน้าอย่างใจจดใจจ่อ


 


“มาได้ดี!”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเบาจากนั้นก็ลงมือทันที มือขวาสะบัดเบาๆเรียกบรรทัดจักรวาลถือไว้ในมือ พลังเซียนสุริยันถ่ายทอดฉับไว ค่อยโบกสะบัดบรรทัดเบาๆ ปานจะพัดลม


 


‘เคลื่อนย้ายจักรวาล’


 


ต้วนหลิงเทียนคิดในใจเบาๆ ยอดสมบัติสวรรค์ บรรทัดจักรวาลก็สำแดงพลังวิเศษออกมาทันที!


 


ในชั่วพริบตายึดร่างต้วนหลิงเทียนเป็นจุดศูนย์กลาง ความว่างในอาณาบริเวณคล้ายจะถูกพลังมหาศาลขุมหนึ่งบิดพับ พาลให้ความว่างเปล่าทั้งหมดสะเทือนสะท้าน


 


ราวกับทะเลสาบถูกหินถล่มใส่ก็ไม่ปาน!


 


ความว่างที่บิดเบือนนั่นไม่เพียงคลุมต้วนหลิงเทียนยังครอบคลุมไปถึงฉุนหวู่ ที่โจนทะยานมาเจียนบรรลุถึงตัวต้วนหลิงเทียนเช่นกัน


 


“พะ..พลังอะไรกัน!?”


 


ทันใดนั้นฉุนหวู่รู้สึกเสมือนมีพลังไร้สภาพมหาศาลขุมหนึ่งโถมทับไปทั่วร่าง สายตากลายเป็นพร่าเบลอ ในหัวมึนงงราวกับถูกจับเขย่าพร้อมหมุน พาลให้ตื่นตระหนกถึงขีดสุด ร่ำร้องในใจว่า ‘แย่แล้ว’รีบเร่งเร้าพลังแข็งขืนต้านทานทันที!


 


และนั่นก็เป็นความคิดสุดท้ายในใจของมัน…


 


ฉัวะ!


 


เสียงปานวัตถุมีคมสับเฉือนเลือดเนื้อดังขึ้น เป็นต้วนหลิงเทียนที่ใช้บรรทัดจักรวาลฉาบพลังเซียนสุริยันทั้งความลึกล้ำของยอดใจกระบี่ ผ่าร่างฉุนหวู่ให้แยกออกเป็นสองเสี่ยง…


 


ครู่ต่อมาเขาก็สะบัดมือริบแหวนพื้นที่ของฉุนหวู่ ก่อนที่จะเริ่มกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของมันทันที


 


“นี่มันเกิดอันใดขึ้นกัน?! ข้างในเป็นอย่างไรแล้ว?”


 


ขณะเดียวกันผู้คนมากมายที่อยู่รอบๆ ก็ได้แต่มองไปยังความว่างเปล่าที่บิดเบือนจนแทบไม่อาจแลเห็นสิ่งใดเบื้องหน้าด้วยความสงสัย


 


กระทั่งตัวตนระดับสูงอย่างผู้นำพันธมิตรอำนาจทรราชเฉินเฉวียนป้า กับผู้นำพันธมิตรร้อยวิญญาณอย่างหยินเฉวี่ยนหมิง ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วยู่ย่น จับจ้องความว่างเปล่าที่แลดูบิดเบือนเบื้องหน้าอย่างไม่วางตา


 


ด้วยปรากฏการณ์ผิดแปลกเหนือธรรมชาติที่อยู่ๆก็อุบัติขึ้น ทำให้พวกมันไม่เพียงไม่อาจแลเห็นสิ่งใด กระทั่งยังไม่อาจได้ยินเสียงอะไรด้วยซ้ำ!


 


ตอนนี้พวกมันได้แต่เฝ้ารอจนแทบลืมหายใจ


 


“นี่เป็นเวทย์พลังอันใดกันแน่?”


 


หลายคนอดไม่ได้ที่จะสงสัย


 


“สมควรเป็นเวทย์พลังจู่โจมมิผิดแน่! อีกทั้งยังเป็นเวทย์พลังจู่โจมอันร้ายกาจ! กระบวนท่าก้นหีบของชายชุดดำ!!”


 


ในบรรดาผู้ที่มามุงชมเรื่องราว ก็มีบางคนที่เคยเห็นการลงมือของต้วนหลิงเทียนตอนใช้บรรทัดจักรวาลอยู่บ้าง มันจึงเคยเห็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากพลังพิเศษ ‘เคลื่อนย้ายจักรวาล’ อันร้ายกาจทำให้อดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมาดังลั่น


 


“ข้าเองก็มีโชคเคยเห็นชายชุดดำใช้เวทย์พลังนี้ครั้งหนึ่ง…สามารถใช้ออกด้วยเวทย์พลังพิสดารที่บิดเบือนได้กระทั่งความว่างเปล่าเช่นนี้ สมควรเป็นชายชุดดำตัวจริงไม่ผิดแน่!!”


 


“ใช่! เป็นชายชุดดำตัวจริง ไม่แปลกปลอม!”


 


มีคนไม่น้อยที่เคยเห็นต้วนหลิงเทียนใช้บรรทัดจักรวาลและพลังพิเศษเคลื่อนย้ายจักรวาลในคราบชายชุดดำ ทำให้รอบด้านเริ่มฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง


 


“เท่าที่ข้ารู้…ทุกครั้งที่ชายชุดดำใช้เวทย์พลังพิสดารนี่ คู่ต่อสู้ล้วนตกตายหมดสิ้น! พอผลกระทบของเวทย์พลังที่ทำให้พื้นที่บิดเบือนเช่นนี้หายไปแล้ว ก็เหลือแต่ศพผู้คนเท่านั้น…”


 


“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะคราวนี้เป็นข้อยกเว้นหรือไม่…เพราะอย่างไรคู่ต่อสู้รอบนี้ก็มิใช่ธรรมดา แต่เป็นถึงอาวุโสลำดับที่ 1 ของพันธมิตรร้อยวิญญาณ ฉุนหวู่ ที่ติด 200 อันดับแรกในรายนามยอดเซียน…”


 


“เรื่องนี้มันก็พูดยาก”


 


……


 


หลายคนที่เคยเห็นผลลัพธ์หลังต้วนหลิงเทียนใช้เคลื่อนย้ายจักรวาลมาแล้ว ก็พยายามบอกกล่าวต่อคนอื่นๆ ให้ได้ตระหนักถึงความน่ากลัวของเวทย์พลังที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออก


 


แน่นอนว่าถึงแม้พวกมันจะพบว่าหลังต้วนหลิงเทียนใช้เวทย์พลังดังกล่าว จะไม่เคยมีใครเคยรอดชีวิตมาได้สักครั้ง…ทว่าคราวนี้พวกมันกลับไม่ได้มั่นใจว่าผลจะออกมาอีหร็อบเดิม!


 


เพราะจะอย่างไรคราวนี้คู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนก็ไม่ธรรมดา! ไม่อาจนำไปเทียบกับไก่กาหมาแมวที่ต้วนหลิงเทียนเคยฆ่าทิ้งในอดีต!!


 


หากทว่าคนกลุ่มนี้กลับไม่ได้รู้เลย


 


ว่าความสามารถพิเศษของบรรทัดจักรวาลที่ต้วนหลิงเทียนใช้นั้น แม้ผลกระทบของมันจะแลดูน่ากลัวราวกับเวทย์พลังอันร้ายกาจ หากแต่มันก็ไม่ได้มีอานุภาพจู่โจมทำร้ายคนอะไร เพียงส่งผลต่อประสาทสัมผัสเท่านั้น


 


แต่แน่นอนว่าสำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ เคลื่อนย้ายจักรวาล ก็คือการที่มันสามารถปกปิดเรื่องราวจากสายตาผู้คนได้!


 


เพื่อปกปิดตัวตนเขาในฐานะ ‘ต้วนหลิงเทียน’ เขาจึงไม่อาจใช้เขตแดนหมื่นกระบี่ปิดกั้นสายตาผู้คนได้อีกต่อไป เพราะทันทีที่ใช้เขตแดนหมื่นกระบี่ออกมา ก็เหมือนเขาแปะป้ายชื่อตัวเองเด่นหราไว้กลางหน้าผาก…


 


“มันเป็นชายชุดดำจริงๆ…”


 


เมื่อทราบแล้วว่าชายชุดดำเบื้องหน้า สมควรเป็ชายชุดดำตัวจริงที่ฆ่าคนของพันธมิตรอีกาทมิฬไปมากมายไม่เว้นเจียวจ้านรองผู้นำมือดีที่สุด ผู้นำพันธมิตรอีกาทมิฬก็จับจ้องมองไปยังความว่างที่บิดเบือนเขม็ง ยังลอบอธิษฐานอย่างลับๆ


 


‘พี่หวู่ ด้วยพลังฝีมือของท่านต้องฆ่ามันได้แน่…ข้าเชื่อท่าน!’


 


ผู้นำอีกาทมิฬได้แต่ภาวนาซ้ำแล้วซ้ำเล่า


 


ตราบใดที่ฉุนหวู่สามารถฆ่าชายชุดดำได้ ก็เสมือนล้างแค้นให้พันธมิตรอีกาทมิฬทางอ้อม! หลังจากนี้พวกมันจะได้ไม่ต้องประพฤตตัวเป็น ‘เต่าหดหัว’ อีกต่อไป!!


 


เมื่อชายชุดดำถูกฆ่า คราวนี้พันธมิตรอีกาทมิฬจะได้เดินในนครแห่งบาปอย่างสะดวก! ก่อกรรมทำชั่วได้ตามใจเหมือนเดิม!!


 


ด้วยเหตุนี้ไม่เพียงแต่ผู้นำพันธมิตรอีกาทมิฬเท่านั้น แต่สมาชิกคนอื่นๆของพันธมิตรอีกาทมิฬเองก็กำลังอธิษฐานกันจ้าละหวั่น ต่างขอให้ชายชุดดำนั่นถูกฉุนหวู่ อาวุโส 1 ของพันธมิตรร้อยวิญญาณฆ่าให้ตายๆไปเสีย!


 


หากจะถามว่าตอนนี้ใครที่ยังคงความสงบอยู่ได้ ก็เห็นทีจะเป็น ร่าง 3 ร่างที่ลอยอยู่เหนือเมฆ


 


นายน้อยพันธมิตร 7 สังหาร โอวฉิง อาวุโสพันธมิตรพันสารท ลู่จิ้น และสุดท้ายนายน้อยพันธมิตรพันสารท ตงกั๋วจื่อ


 


พวกมันทั้ง 3 เห็นต้วนหลิงเทียนฆ่าอาวุดสของพันธมิตรพันสารทอย่าง หวังติ่งชัน มากับตา! ซึ่งด่านพลังของหวังติ่งชันนั่นก็บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนแล้ว…


 


ส่วนฉุนหวู่นั่นต่อให้จะเป็นสุดยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนอย่างไร แต่ก็ยังห่างชั้นกันไม่น้อยหากจะยกไปเทียบกับเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน!


 


หากกระทั่งหวังติ่งชันยังตายตกด้วยน้ำมือชายชุดดำ…แล้วฉุนหวู่จะเอาปัญญาที่ไหนไปรอด!


 


“จบแล้ว”


 


ทันใดนั้นโอวฉิง ลู่จิ้นและตงกั๋วจื่อก็เห็นได้ชัดเจนว่าความว่างเปล่าที่บิดเบือนปานถูกพับไปมาใต้ม่านเมฆก็เริ่มหวนคืนสู่สภาพเดิม ฉากเรื่องราวในนั้นเผยให้เห็นอีกครา


 


ร่างหนึ่งยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์


 


ส่วนอีกร่างนั้นถูกผ่ากลางแยกเป็นสองเสี่ยง ตกตายอย่างที่ไม่อาจตกตายมากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว…


 


ผู้ที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ก็คือต้วนหลิงเทียน หรือก็คือ ชายชุดดำ ในสายตาของพวกโอวฉิงทั้ง 3 เหนือเมฆและคนอื่นๆในที่นี้!


 


สำหรับผลลัพธ์ดังกล่าวพวกโอวฉิงทั้ง 3 นั่นคาดเดาได้แต่แรกแล้วจึงไม่ได้แปลกใจอะไร


 


ทว่าการที่พวกมันทั้ง 3 ไม่แปลกใจ ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่แปลกใจเหมือนกับพวกมันด้วย!


 


เมื่อความว่างที่บิดเบือนนั่นสงบลง และฉากเรื่องราวเผยให้เห็นกระจ่างชัด ทุกผู้คนไม่เว้นผู้นำพันธมิตรอำนาจทรราช เฉินเฉวียนป้า กับผู้นำพันธมิตรร้อยวิญญาณหยินเฉวี่ยนหมิง ก็ได้แต่ยืนมองเรื่องราวเบื้องหน้าด้วยสายตาอื้ออึงไม่เข้าใจ


 


ในเวลาเพยีงแค่ไม่กี่ลมหายใจ หลังเวทย์พลังพิสดารของชายชุดดำแสดงผล…


 


ฉุนหวู่ อาวุโสลำดับที่ 1 ของพันธมิตรร้อยวิญญาณ ก็ตกตายเสียแล้ว?


 


กระทั่งร่างยังถูกผ่ากลางแยกเป็น 2 เสี่ยง!


 


กลับกัน ด้านชายชุดดำไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน


 


ร้ายกาจถึงขนาดไหนกัน!?


 


“เซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน? หรือยังเหนือกว่านั้น?”


 


นี่เป็นความคิดที่ผุดขึ้นมาในใจของผู้คนเกือบทั้งหมดในที่นี้ และความคิดดังกล่าวก็เรียกว่าผุดออกมาจากจิตใต้สำนึกจริงๆ ยากจะลบเลือนได้อยู่นาน คราวนี้พวกมันถูกเขย่าขวัญสั่นประสาทครั้งใหญ่!


 


ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!


 


……


 


ใครบางคนสามารถดึงสติให้กลับมาอยู่กับร่องกับรอยได้สำเร็จสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ หลายๆคนที่มุงล้อมอยู่บริเวณรอยแยกกลางอากาศก็เริ่มสูดอากาศเข้าดังฟืดตามเช่นกัน


 


ฟุ่บ!


 


ในขณะที่คนส่วนใหญ่ยังคงตะลึงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นจนพูดไม่ออก เสียงแหวกอากาศฉับไวพลันดังขึ้นให้ได้ยิน ดึงสติผู้คนไม่น้อยให้กลับคืนมาทันที…


 


หลังจากที่พวกมันรู้สึกตัวแล้ว พวกมันก็ได้เห็นชัดถนัดตา


 


ชายชุดดำที่สังหาร อาวุโส 1 ของพันธมิตรร้อยวิญญาณ ได้โจนทะยานเข้าไปในรอยแยกมิติกลางอากาศนั่นอย่างไร้ซึ่งความหวาดกลัว!


 


พริบตารอยแยกมิติกลางหาว ที่มองไปให้ความรู้สึกคล้ายปากของสัตว์ร้ายกระหายเลือด ก็ราวกับจะเขมือบกลืนร่างชายชุดดำหายไปทั้งตัว…


 


“มันเข้าไปแล้ว!”


 


“นี่มันไม่กลัวตายบ้างเลยหรือไร?”


 


……


 


เหล่าผู้คนที่มุงดูชมอยู่ ก็ค่อยๆดึงสติให้ฟื้นจากอาการตกตะลึง เพราะการกระทำดังกล่าวของต้วนหลิงเทียนทำให้พวกมันตกใจแล้วจริงๆ


 


หลังฆ่าอาวุโส 1 ของพันธมิตรร้อยวิญญาณได้ง่ายดาย คนคล้ายคร้านสุงสิงกล่าววาจาอวดอ้างกับผู้ใด โดดเข้ารอยแยกมิติไปหน้าตาเฉย!


 


ตัวตนเช่นนี้ทำให้พวกมันรู้สึกเลื่อมไสไม่น้อย!


 


สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว การเข้าไปในรอยแยกแบบนี้ก่อนที่จะมีใครตั้งตัวได้ทัน ล้วนมีแต่ประโยชน์!


 


นั่นเพราะพลังเซียนสุริยันในร่างของเขาแทบหมดเต็มที!!


 


ตอนนี้หากพันธมิตรร้อยวิญญาณลงมืออะไรขึ้นมาล่ะก็ ไม่ต้องเป็นชนชั้นยอดฝีมืออาวุโสอะไร แค่ผู้อาวุโสธรรมดาๆต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจต่อกรด้วยได้ เพราะพลังเซียนสุริยันในร่างเขาตอนนี้แทบไม่มีเหลือ จำต้องพักผ่อนเพื่อฟื้นตัวสักพัก…


 


ตอนแรกนั้นเพื่อเพื่อฆ่าหวังติ่งชันอาวุโสของพันธมิตรพันสารทขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน เขาก็ได้จ่ายพลังเซียนสุริยันเพื่อใช้บรรทัดจักรวาลรวมถึงกระบี่นิลสวรรค์ไปหลายส่วน


 


แม้จะมีเวลาในการเหินร่างมาที่นี่ แต่พลังในร่างก็ยังไม่ทันได้ฟื้นตัวอะไร


 


มาตอนนี้ยังต้องจ่ายพลังเซียนสุริยันสังหารฉุนหวู่อาวุโสลำดับ 1 ของพันธมิตรร้อยวิญญาณไปอีก ทำให้พลังเซียนสุริยันของเขาเรียกว่าพร่องไปกว่า 9ใน10 ส่วน! คนดั่งศรสิ้นแรงส่งแล้ว!!


 


เช่นนั้นเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง หลังฆ่าฉุนหวู่แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็อาศัยจงหวะที่ทุกคนยังไม่ทันฟื้นตัวดี เร่งเร้าพลังเซียนสุริยันหนึ่งส่วนสุดท้ายที่เหลือ โจนร่างเข้าไปในรอยแยกกลางความว่างเปล่าทันที


 


เข้าสู่ระนาบเทียบที่ตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยนที่สามารถข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ!


 


แม้เขาไม่รู้ว่าภายในระนาบเทียมแห่งนี้จะมีสิ่งใดรอคอยเขาอยู่ แต่เขาเลือกจะเพิกเฉยมันทั้งหมด เพราะตอนนี้เขาไร้หนทางเลือกอื่นใดที่ดีกว่า…ทำได้แค่เท่านี้เท่านั้น!


 


เพราะหากเขายังคงฝืนตัวรั้งอยู่ด้านนอก ไม่ต้องกล่าวถึงคนของพันธมิตรร้อยวิญญาณคนอื่น แต่หยินเฉวี่ยนหมิง ผู้นำพันธมติร้อยวิญญาณต้องสังเกตเห็นได้แน่นอนว่าพลังเขาพร่องไปแทบหมด!


 


ถึงตอนนั้นจะอยู่หรือตายก็เกรงว่าเขาจะไม่มีสิทธิ์ตัดสินชะตาตัว!!


ตอนที่ 2,134 : เข้าไปคนแล้วคนเล่า!


 


ในห้วงเวลาคับขันนับว่าต้วนหลิงเทียนได้ตัดสินใจเลือกตัวเลือกที่ดีที่สุดได้ในพริบตา…


 


อีกทั้งหลังจากเข้าไปในระนาบเทียมแล้ว เขาก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกคนของพันธมิตรร้อยวิญญาณตามมาแต่อย่างไร


 


เพราะจากที่ผู้เฒ่าหั่วบอก เมื่อเข้าสู่ระนาบเทียมประเภทนี้โดยปกติแล้วจะถูกส่งให้ไปโผล่ยังสถานที่ต่างๆในนั้นแบบสุ่ม


 


นั่นหมายความว่า…


 


เว้นเสียแต่จะมีคนสองคนหรือมากกว่านั้นก้าวผ่านรอยแยกมิติเพื่อเข้าสู่ระนาบเทียมในเวลาเดียวกัน


 


หาไม่แล้วยากนักที่จะถูกส่งไปที่เดียวกัน!


 


และเมื่อครู่ ไม่ทันที่คนของพันธมิตรร้อยวิญญาณและคนอื่นๆจะทันได้รู้สึกตัว ต้วนหลิงเทียนก็ชิงเข้าสู่รอยแยกมิตินั่นคนเดียวเรียบร้อย


 


ต่อให้คนของพันธมิตรร้อยวิญญาณจะฉุกคิดอะไรได้และเร่งรุดติดตามเข้าเข้ารอยแยกมา แต่โอกาสที่พวกมันจะไปโผล่ที่เดียวกันกับเขาในระนาบเทียมก็น้อยนิดจนแทบไม่มี เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนจึงไม่กลัวแม้แต่น้อย ว่าหลังเขาเข้ามาแล้วจะถูกคนของพันธมิตรร้อยวิญญาณตามมาเอาเรื่อง


 


การเข้าสู่รอยแยกกลางอากาศอย่างปุบปับของต้วนหลิงเทียน ก็ทำให้ผู้คนด้านนอกตกใจอีกครั้ง


 


ที่ด้านนอกมีกลุ่มคนมารวมตัวกันหนาตาแบบนี้ไม่ใช่เพราะสาเหตุอื่นใด ทั้งหมดทั้งมวลล้วนกลัวตายทั้งสิ้น! พวกมันไม่รู้ว่ารอยแยกน่ากลัวนั่นที่แท้คืออะไรกันแน่…เข้าไปแล้วจะโดนดีอะไรหรือไม่แล้วจะไปโผล่ที่ใด?


 


สุดท้ายพวกมันก็มีแค่ชีวิตเดียว ไม่มีโอกาสให้เลี้ยวกลับ!


 


พวกมันจึงไม่คิดเข้าสู่รอยแยกอย่างวู่วาม เพียงมั่นใจว่าไม่มีอันตรายถึงตายแล้วค่อยลงมือ


 


“ชาย ชุด ดำ!!”


 


ขณะเดียวกันนั้นเอง ด้านผู้นำพันธมิตรร้อยวิญญาณก็กลับมารู้สึกตัวในที่สุด


 


ทันทีที่มันรู้ตัวมันก็คำรามออกด้วยน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟัน


 


เสียงเยียบเย็นทั้งบรรยากาศยะเยือกปานจะผลักไสผู้คนให้ห่างไปหมื่นลี้ พาลให้คนที่อยู่ใกล้ๆ รู้สึกเสมือนร่วงตกลงไปในหุบเหวไร้ก้นบึ้ง


 


นอกจากมัน สีหน้าของคนพันธมิตรร้อยวิญญานก็ไม่ใช่ว่าจะสู้ดีสักเท่าไร!


 


ฉุนหวู่…อาวุโสลำดับที่ 1 ของพวกมัน กลับต้องมาตกตายคาตา!!


 


การตายของฉุนหวู่ ไม่เพียงแต่จะทำให้พันธมิตรร้อยวิญญาณของพวกมันเสียหน้าผู้คนเท่านั้น แต่ยังทำให้กำลังรบโดยรวมของพวกมันอ่อนลง!


 


ตอนนี้ตราบใดที่พันธมิตรอำนาจทรราชยินดีจ่ายราคามากหน่อย คิดทำลายพันธมิตรร้อยวิญญาณของพวกมันก็สมควรทำได้อย่างที่ไม่ต้องสงสัยเลย!


 


“ท่านชุดดำกล่าวถูกแล้วจริงๆ…อาวุโส 1 ของพันธมิตรร้อยวิญญาณเป็นแค่ตัวตลกที่โดดออกมาเล่นจำอวดให้ผู้คนดูชมเท่านั้น!!”


 


เฉินเฉวียนป้ากล่าววาจาออกมาอย่างสนุกสนานค่อยหัวเราะออกมาดังร่า ตอนนี้นับว่ามันมีความสุขทั้งสะใจจริงๆ


 


ระดับสูงๆของอำนาจทรราชเองก็หัวเราะชอบใจเช่นกัน หากแต่ในแววตาของพวกมันก็ฉายถึงความเสียดายอยู่บ้าง


 


ทว่าที่แววตาของพวกมันฉายความเสียดายนั้น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความตายฉุนหวู่ แต่เสียดายที่ชายชุดดำเลือกจะปฏิเสธผู้นำพวกมัน ไม่รับข้อเสนอเป็นรองผู้นำคนที่ 4 ของพันธมิตรอำนาจทรราช…


 


อาศัยพลังฝีมือที่ชายชุดดำเผยออกมาให้เห็นเมื่อครู่ พวกมันย่อมตระหนักได้ทันทีว่า…


 


ชายชุดดำผู้นั้น มีคุณสมบัติครบถ้วนและคู่ควรเป็นรองผู้นำพันธมิตรอำนาจทรราชของพวกมัน!


 


หลังจากนั้นไม่นานสายตาของคนพันธมิตรอำนาจทรราชก็เริ่มมองไปยังคนของพันธมิตรร้อยวิญญาณ แน่นอนว่าแต่ละคนเย้ยเยาะออกหน้าออกตา


 


ถึงแม้พวกมันจะไม่มีใครพูดทับถมซ้ำเติมอะไร แต่อาศัยสายตาเย้ยเยาะมุมปากยิ้มกรุ้มกริ่มก็มากพอทำให้คนของพันธมิตรร้อยวิญญาณรู้สึกอับอายขายหน้าแทบทนไม่ไหว ใคร่ขุดหลุมแล้วมุดหัวหลบลงไปให้รู้แล้วรู้รอด!


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวผู้นำพันธมิตรร้อยวิญญาณ หยินเฉวี่ยนหมิง ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นเพราะมันคิดอาศัยต้วนหลิงเทียนเพื่อทำให้เฉินเฉวียนป้าเสียหน้าแท้ๆ! แต่ไม่คิดเลยจริงๆว่ามันไม่เพียงขโมยไก่ไม่สำเร็จ ยังต้องเสียข้าวสารไปอีกกำมือ!


 


ฉุนหวู่ อาวุโสลำดับที่ 1 ของพันธมิตรร้อยวิญญาณ และยังเป็นสุดยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 3เปลี่ยน! เรียกว่าพลังฝีมือกล้าแข็งร้ายกาจ เป็นรองก็แต่มันและรองผู้นำทั้ง 3 เท่านั้น!!


 


ทว่ามือดีของกองกำลังมัน กลับต้องมาตกตายอย่างไร้ค่า!


 


อย่างน้อยๆสำหรับมัน ก็ถือว่าตายเปล่า!


 


“เฉินเฉวียนป้า เจ้าอย่าได้ย่ามใจให้มันมากนักรอดูกันไปเถอะ!!”


 


เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาเย้ยเยาะล้อเลียนจากเฉินเฉวียนป้าและคนอื่นๆโดยรอบ หยินเฉวี่ยนหมิงก็สูดอากาศเข้าเฮือกๆระงับอารมณ์ ก่อนที่จะหันไปถลึงตามองใส่เฉินเฉวียนป้าอย่างดุร้ายอีกครั้ง ทิ้งวาจาดุดันไว้อีกหนึ่งประโยค ค่อยกลับไปยืนอย่างสงบเสงี่ยมกับกลุ่มพันธมิตรร้อยวิญญาณ


 


“แล้วข้าจะรอ”


 


เฉินเฉวียนป้ากล่าวตอบคำอย่างไม่แยแส มันไม่ได้ให้ค่าอะไรหยินเฉวี่ยนหมิงแม้แต่น้อย


 


แต่ไหนแต่ไรมันไม่เคยกลัวพันธมิตรร้อยวิญญาณ


 


ตอนนี้อีกฝ่ายมาเสียมือดีอย่างฉุนหวู่ไปอีก พลังรบก็ยิ่งถดถอยด้อยลง มันก็ยิ่งไม่กลัว!!


 


“ผู้นำหยิน เจ้านับว่ากล้าดีไม่เบาที่ปล่อยให้มือดีใต้บัญชาเจ้าไปหาเรื่องชายชุดดำนั่น!”


 


หลังจากที่คนของพันธมิตรอำนาจทรราชกับพันธมิตรร้อยวิญญาณแยกย้ายต่างคนต่างอยู่ ฉากเรื่องราวก็เงียบลงไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะปรากฏเสียงไม่แยแสหนึ่งดังลงมาจากฟ้าเบื้องบน ดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที


 


ภายใต้สายตาที่แหงนมองขึ้นไปของทุกคนชายหนุ่มหน้าตาซีดเซียวขอบตาดำคล้ายอมโรค ในชุดเสื้อผ้าหรูหรามีระดับ ก็ปรากฏตัวลงมาจากม่านเมฆ


 


ด้านหลังยังมีชายวัยกลางคนติดตามลงมาอย่างใกล้ชิด


 


“นายน้อย!”


 


ชายหนุ่มในชุดหรูหราปรากฏตัวได้ไม่ทันไร ผู้นำจากพันธมิตรอำนาจทรราชและพันธมิตรร้อยวิญญาณ เฉินเฉวียนป้า กับหยินเฉวี่ยนหมิง ก็เร่งก้าวออกมาประสานมือคารวะทักทายทันที


 


ชายหนุ่มในชุดหรูหราผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากนายน้อยพันธมิตร 7 สังหาร โอวฉิง!


 


โดยปกติแล้วนายน้อยที่สารรูปเหมือนนายน้อยรุ่น 2 ที่ร่ำรวยและไม่มีอะไรดีอย่าง โอวฉิง คงไม่มีค่ามากพอให้ผู้นำพันธมิตรอำนาจทรราชและผู้นำพันธมิตรร้อยวิญญาณต้องทักทายด้วยสุภาพขนาดนี้


 


ทว่าพันธมิตรอำนาจทรราชกับพันธมิตรร้อยวิญญาณนั้นค่อนข้างมีภาวะจำยอม ด้วยเพราะพวกมันล้วนเป็นกองกำลังพันธมิตรที่อยู่ใต้ความคุ้มครองของพันธมิตร 7 สังหารอีกที!


 


ในนครแห่งบาปนั้นเหล่าผู้ฝึกตนไร้สังกัดมากมายต่างรวมกลุ่มกลายเป็นกองกำลังพันธมิตรนับไม่ถ้วน แต่ทว่ามีกองกำลังพันธมิตรร้ายกาจแค่ 3 กองกำลังเท่านั้น ที่อยู่บนจุดยอดของปิรามิด!


 


พันธมิตร 7 สังหาร พันธมิตรพันสารท และพันธมิตรหมื่นโบราณ!


 


ในบรรดา 3 พันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุดนั้น ทั้งพันธมิตรอำนาจทรราชกับพันธมิตรร้อยวิญญาณล้วนเลือกจะเข้าไปอยู่ใต้ปีกของพันธมิตร 7 สังหาร…


 


เพื่อที่พวกมันจะอยู่รอดได้ โดยที่ไม่ต้องถูกมหาอำนาจทั้ง 3 กลืนกิน พวกมันทำได้แค่เลือกที่จะเข้าร่วมเป็นผู้ใต้บัญชาของพันธมิตรใหญ่พันธมิตรใดพันธมิตรหนึ่งเท่านั้น


 


และทั้งอำนาจทรราชกับร้อยวิญญาณก็เลือกจะเข้าร่วมกับ 7 สังหาร


 


ด้วยเหตุนี้พันธมิตรอำนาจทรราชและพันธมิตรร้อยวิญญาณถึงได้อยู่ในภาวะแข่งขัน! ทั้งหมดล้วนเพราะพวกมันคิดสร้างความดีความชอบ เพื่อให้พันธมิตร 7 สังหารพึงพอใจ! ไปๆมาๆจึงเป็นดั่งน้ำกับไฟที่จ้องจะฆ่ากันให้ตายแบบนี้!!


 


โอวฉิง ในฐานะนายน้อยของพันธมิตร 7 สังหาร ในระดับหนึ่งก็ถือว่ามันเป็นผู้นำรุ่นเยาว์ของพันธมิตร 7สังหารก็ว่าได้


 


ในฐานะผู้นำพันธมิตรที่อยู่ใต้อาณัติของพันธมิตร 7สังหาร ยามเฉินเฉวียนป้ากับหยินเฉวี่ยนหมิง พบโอวฉิง พวกมันจึงให้ความเคารพไม่กล้าละเลย!


 


เพราะท้ายที่สุดแล้ว กล่าวไปพวกมันก็ถือได้ว่าเป็นผู้ใต้บัคับบัญชาของพันธมิตร 7 สังหาร!


 


“นายน้อย ไม่ทราบ…ที่ท่านกล่าวหมายความว่าอะไร?”


 


หยินเฉวียนหมิงมองโอวฉิงด้วยสีหน้าสับสน ถามออกด้วยน้ำเสียงเคารพ


 


มันยังไม่ลืมคำที่โอวฉิงพูดตอนปรากฏตัว


 


“ผู้นำหยิน เจ้านับว่ากล้าดีไม่เบาที่ปล่อยให้มือดีใต้บัญชาเจ้าไปหาเรื่องชายชุดดำนั่น!”


 


ฟังจากวาจานี้ของโอวฉิงแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีความหมาย…ทำนองที่ว่าตัวมันไม่ควรไปตอแยชายชุดดำ!


 


ด้วยเหตุนี้มันจึงอดไม่ได้ที่จะสับสนและไมเข้าใจ


 


ต้องทราบด้วยว่าแม้พลังฝีมือของโอวฉิงกล่าวไปแล้วจะแค่พอใช้ แต่ด้วยสถานะอันสูงส่งของมันในฐานะนายน้อยพันธมิตร 7 สังหาย อีกฝ่ายย่อมเป็นตัวตนที่ไม่แยแสคนธรรมดาหน้าไหน


 


ในขณะที่หยินเฉวี่ยนหมิงถามโอวฉิง เฉินเฉวียนป้าก็มองไปที่โอวฉิงเช่นกัน


 


ด้วยเพราะในน้ำเสียงของโอวฉิงนั้น มันสัมผัสได้ถึงความกลัวประการหนึ่ง จึงทำให้มันเองก็บังเกิดความอยากรู้ขึ้นมาเช่นกัน


 


ไฉนนายน้อยของพันธมิตร 7 สังหารถึงได้กลัวชายชุดดำ


 


“เมื่อไม่นานมานี้…”


 


เมื่อเผชิญกับข้อสงสัยของหยินเฉวี่ยนหมิงและเฉินเฉวียนป้า โอวฉิง พลันหันไปมองนายน้อยพันธมิตรพันสารท ตงกั๋วจื่อ ที่พึ่งปรากฏตัวตามหลังมัน “ผู้อาวุโสของพันธมิตรพันสารท หวังติ่งชัน ที่ติดตามอยู่ข้างกายตงกั๋วจื่อพึ่งจะตายตกด้วยน้ำมือของชายชุดดำนั่น!”


 


พอเห็นนายน้อยของพันธมิตรพันสารทตงกั๋วจื่อปรากฏตัวตามหลังโอวฉิง เฉินเฉวียนป้าและหยินเฉวี่ยนหมิงรวมถึงทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจอยู่แล้วว่าไฉนอีกฝ่ายมาคนเดียว


 


ทว่าต่อมาเมื่อวาจาของโอวฉิงดังเข้าหูของพวกมันจนจบ พวกมันก็ถึงกับยืนตะลึงไปพักหนึ่ง


 


จนเมื่อเห็นว่าตงกั๋วจื่ออยู่คนเดียวจริงๆพวกมันก็รู้สึกว่าหนังศีรษะกลายเป็นชาด้านไร้ความรู้สึก!


 


นายน้อยของพันธมิตรพันสารท อันน่าเกรงขามไหนเลยจะไม่มียอดฝีมือคอยติดตามคุ้มครองได้?


 


ตอนนี้พอมาฟังวาจาของโอวฉิงพวกมันจึงได้รู้


 


ไม่ใช่ไร้ยอดฝีมือติดตามคุ้มครองตงกั๋วจื่อ…แต่ยอดฝีมือที่คอยคุ้มครองมันคนนั้นตายตกไปเสียแล้ว!


 


ถูกชายชุดดำฆ่า!


 


“อาวุโสพันธมิตรพันสารท หวังติ่งชัน?”


 


“หากข้าจำไม่ผิด…หวังติ่งชันนั่นพลังฝึกปรือสมควรทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนได้เมือ่ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังมีอันดับในรายนามยอดเซียนถึงอันดับที่ 159…”


 


“แต่ตัวตนที่มีพลังฝีมือระดับนี้กลับถูกชายชุดดำฆ่างั้นเหรอ?”


 


“เช่นนั้นแล้วชายชุดดำบรรลุด่านพลังอันใดกันแน่…หรือจะเป็นเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน!?”


 


“นั่นก็ไม่แน่นัก อย่างไรหวังติ่งชันก็พึ่งทะลวงด่านได้ไม่กี่ปี ไม่จำเป็นต้องเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน ขอเพียงเป็นเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนชนชั้นยอดฝีมือก็ฆ่ามันได้ง่ายๆแล้ว”


 


“ใช่ เพราะถึงมันจะทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน แต่มันก็แค่เซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนทั่วๆไปเท่านั้น ยังไม่ร้ายกาจถึงขั้นยอดฝีมือ”


 


“แต่จะอย่างไรหวังติ่งชันก็ไม่ใช่อะไรที่ ฉุนหวู่ อาวุโส 1 ของพันธมิตรร้อยวิญญาณจะเทียบได้เลย…ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว ว่าไฉนตอนนายน้อยโอวฉิงปรากฏตัวถึงได้กล่าวออกมาแบบนั้น”


 


เหล่าผู้ฝึกตนที่มายืนออรอบๆรอยแยกสนทนากันอย่างออกรส ในวาจาของพวกมันเผยให้เห็นถึงความตกใจในพลังฝีมือชายชุดดำที่รับบทโดยต้วนหลิงเทียนไม่น้อย


 


ภายใต้พลังฝีมือที่เหนือกว่าหวังติ่งชัน ทำให้ทุกคนประเมินพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนสูงขึ้นไปอีกขั้น


 


“ฮึ่ม!”


 


สังเกตเห็นถึงสายตาแปลกๆที่มองมาจากรอบด้าน ตงกั๋วจื่อแค่นคำอย่างไม่สบอารมณ์ สีหน้ายังมืดดำหมองค้ำนัก จากนั้นมันก็เหินร่างพุ่งหายไปในรอยแยกกลางอากาศทันที!


 


“เฮ่! นายน้อยพันธมิตรพันสารทเข้าไปแล้ว!!”


 


ทันใดนั้นหลายคนก็อุทานออกมา


 


“นายน้อย ในเมื่อท่านรู้ถึงพลังฝีมือชายชุดดำนั่น…ไฉนท่านไม่กล่าวเตือนข้าแต่แรก?”


 


สีหน้าหยินเฉวี่ยนหมิงแลดูบิดเบี้ยวไปไม่น้อย น้ำเสียงยังแฝงเร้นไปด้วยความไม่พอใจ


 


หากโอวฉิงเลือกที่จะกล่าวเตือนมันแต่แรกล่ะก็ มันคงไม่ปล่อยให้อาวุโส 1 ของพันธมิตรร้อยวิญญาณมันอย่าง ฉุนหวู่ ไปตายเปล่าหรอก…


 


“หยินเฉวี่ยนหมิงเจ้ามันช่างกล้านัก!!”


 


วาจาของหยินเฉวี่ยนหมิงดังไม่ทันจบคำดี ลู่จิ้นที่อยู่ด้านหลังโอวฉิงก็ตะโกนออกมาว่า “นี่เจ้ากำลังตั้งคำถามกับนายน้อยงั้นเหรอ!?”


 


สีหน้าหยินเฉวี่ยนหมิงเปลี่ยนไปทันใด และเมื่อตระหนักได้ถึงอัตลักษณ์ของชายหนุ่มเบื้องหน้า มันก็เร่งก้มหน้าลงทันที “นายน้อยข้า…ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น…”


 


“เฮอะ!”


 


โอวฉิงเหลือบมองหยินเฉวี่ยนหมิงด้วยสายตาเยียบเย็น ค่อยหันไปพยักหน้าให้ลู่จิ้น ก่อนเหินร่างเข้าไปในรอยแยกทันที


 


ทันใดนั้นพลันบังเกิดความปั่นป่วนขึ้นมาอีกรอบ


 


“ไฉนพวกมันถึงได้เข้าไปในรอยแยกอย่างไร้ลังเลเช่นนี้เล่า นี่มิกลัวอันตรายถึงตายกันบ้างหรือ?”


 


หลายคนสงสัย


 


“บางทีพวกมันอาจรู้ว่าด้านในไม่มีอันตรายใดๆ…”


 


ใครบางคนพูดขึ้นอย่างไม่มั่นใจ


 


“หากไม่มีอันตรายอะไร…ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงพันธมิตรอื่นใด เอาแค่พันธมิตรอำนาจทรราชกับพันธมิตรร้อยวิญญาณมิใช่ว่าเป็นกองกำลังใต้อาณัติพันธมิตร 7 สังหารหรือไร? แล้วไฉนพันธมิตร 7 สังหารไม่กล่าวบอกอะไรพวกมันสักคำ?”


 


ใครบางคนกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง


ตอนที่ 2,135 : กรูกันเข้าไป!


 


“เท่าที่ข้ารู้มาไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรอำนาจทรราชหรือพันธมิตรร้อยวิญญาณ ล้วนขยันสร้างผลงานเอาใจพันธมิตร 7 สังหารนัก…อนิจจาแต่พันธมิตร 7สังหารควรเห็นพวกมันเป็นแค่ข้ารับใช้เท่านั้น มิใช่พวกเดียวกัน!”


 


“ข้าก็คิดเช่นนั้น พอคนของพันธมิตร 7 ล่วงรู้ว่าหลังรอยแยกมิมีอันตราย พวกมันจึงไม่จำเป็นต้องกล่าวเตือนอะไร…อีกทั้งถ้าหากด้านในเป็นคลังสมบัติของยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนจริงๆ คนของพันธมิตร 7 สังหารยิ่งไม่อยากให้ผู้ใดเข้าไปแย่งชิง…ไม่เว้นกระทั่งคนของอำนาจทรราชกับร้อยวิญญาณ!”


 


“มิผิด มากคนย่อมมากความ เพิ่มอีกหนึ่งก็ต้องเฉือนแบ่งกันอีกหนึ่ง…ที่พันธมิตร 7 สังหารไม่กล่าวบอกอะไรพวกมัน คงเป็นเพราะไม่อยากให้พวกมันไปแย่งส่วนแบ่ง”


 


….


 


ผู้คนที่ล้อมรอบรอยแยกเริ่มกล่าวถึงประเด็นนี้กันอย่างหนาหู


 


และวาจาของพวกมันย่อมผ่านเข้าหูเฉินเฉวียนป้ากับหยินเฉวี่ยนหมิง ผู้นำ 2 พันธมิตรที่เกี่ยวข้องโดยตรง นั่นทำให้ใบหน้าพวกมันมืดคล้ำดำลงทันตาเห็น…


 


เพราะพวกมันเองก็กำลังคิดเช่นนั้นเหมือนกัน!


 


“ขนาดโอวฉิงที่กลัวตายเป็นที่สุดนั่นยังกล้าที่จะเข้าไปในรอยแยกโดยไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว…หากมองจากเรื่องนี้ย่อมหมายความว่ารอยแตกกลางความว่างนี่มิน่าจะมีอันตรายใดๆ…”


 


ลูกตา เฉินเฉวียนป้า ผู้นำพันธมิตรอำนาจทรราช ทอประกายเรืองวูบ จากนั้นค่อยหันไปส่งเสียงบอกระดับสูงของพันธมิตรอำนาจทรราชด้านหลัง “หากพวกเจ้าไม่กล้าเข้าไปก็จงเฝ้าอยู่ตรงนี้…ส่วนคนที่กล้าเข้าไป มากับข้า!”


 


กล่าวจบคำ ร่างเฉินเฉวียนป้าก็โจนทะยานเข้ารอยแยกกลางความว่างนั่นทันที


 


กว่าที่ระดับสูงของพันธมิตรอำนาจทรราชจะรู้ตัว พวกมันก็พบว่าแผ่นหลังของผู้นำพวกมันหายเข้าไปในรอยแยกกลางอากาศเสียแล้ว


 


ครู่ต่อมาสองตาพวกมันก็ทอประกายเรืองขึ้นมาวูบหนึ่ง เหินร่างติดตามเข้าไปกันหมดทันที


 


ไม่มีใครอยู่รอด้านนอกสักคน!


 


และฉากนี้ก็ทำให้บังเกิดความปั่นป่วนขึ้นในหมู่ที่ยืนมุงรอบรอยแยกอีกครั้ง


 


“ตัวบัดซบเฉินเฉวียนป้าช่างไวนักนะ!”


 


เรื่องที่เฉินเฉวียนป้าคิดได้ หยินเฉวี่ยนหมิงผู้นำพันธมิตรร้อยวิญญาณก็คิดได้เช่นกัน กล่าวไปมันยังรู้จักโอวฉิงดีกว่าเฉินเฉวียนป้าเสียอีก ย่อมรู้ว่าโอวฉิงนั้นกลัวตายกว่าผู้อื่นมากขนาดไหน


 


ทว่าคนเช่นนั้นกลับโดดเข้ารอยแยกไปอย่างไร้ลังเล นี่ก็มากพอจะบอกให้รู้แล้วว่าในรอยแยกนี่ไร้ซึ่งภยันตรายใดๆ


 


นอกจากนั้นพลังฝีมือของโอวฉิงยังด้อยกว่ามันหลายขุม!


 


ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นเฉินเฉวียนป้า หรือหยินเฉวี่ยนหมิง ก็ไม่รู้เลยว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลังรอยแยก แล้วใช่มันอันตรายหรือไม่…ถึงแม้คนของพันธมิตร 7 สังหาร พันธมิตรพันสารท กับพันธมิตรหมื่นโบราณจะเข้าไปก่อนแล้วก็ตาม แต่พวกมันยังไม่กล้าเข้าไป ด้วยไม่คิดว่าด้านในจะปลอดภัยสำหรับพวกมัน!


 


ในบรรดาระดับสูงๆของพันธมิตร 7 สังหาร พันธมิตรพันสารทและพันธมิตรหมื่นโบราณ ด่านพลังฝึกปรือของพวกมันส่วนใหญ่ก็บรรลุเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนทั้งสิ้น


 


นอกจากนั้นผู้นำของทั้ง 3 พันธมิตรนั้น ก็ยังบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน!


 


ดังนั้นการที่ด้านในอาจจะไม่เป็นอันตรายต่อตัวตนเหล่านั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เป็นอันตรายสำหรับพวกมันด้วย เพราะพลังของพวกมันนับว่าอ่อนด้อยกว่าตัวตนระดับสูงเหล่านั้นมาก


 


ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงไม่กล้าเข้าไป


 


ทว่ามาตอนนี้พอได้เห็นหนูขี้ขลาดกลัวตายเป็นที่สุดอย่างโอวฉิงหาญกล้าโดดเข้าไปอย่างไร้ลังเลตาไม่กระพริบ พวกมันก็ไม่มีความลังเลอีกต่อไป


 


วูบ! วูบ! วูบ! วูบ!


 


……


 


เพียงครู่เดียวคนของพันธมิตรร้อยวิญญาณที่นำโดยผู้นำอย่างหยินเฉวี่ยนหมิง ก็โดดเข้ารอยแยกท่ามกลางความว่างเปล่า หายตัวไปต่อหน้าต่อตาของทุกคนจนหมด…


 


“คนของพันธมิตรอำนาจทรราชกับร้อยวิญญาณเข้าไปกันหมดแล้ว!”


 


หลายคนอุทานออกมา


 


“เท่าที่ข้ารู้มาดูเหมือนนายน้อยของพันธมิตร 7สังหารโอวฉิงผู้นั้นเป็นดั่งนายน้อยรุ่นที่ 2 อย่างแท้จริง…คนเช่นนี้เห็นชีวิตตัวเองสำคัญเป็นที่สุด!คนที่วันๆหวังแต่จะหาความสำราญย่อมหวาดกลัวความตายยิ่งกว่าใคร! เพราะหากตาไป…มันก็มิอาจเสวยสุขจากอำนาจอันยิ่งใหญ่ที่บิดาปูทางเอาไว้ได้อีก!!”


 


ไม่ทราบว่าเป็นใครที่พูดขึ้นมา


 


แต่ทันทีที่มันพูดจบคำ มันก็ได้รับความเห็นชอบจากคนมากมายทันที


 


“เพราะแบบนี้คนของพันธมิตรอำนาจทรราชและร้อยวิญญาณจึงรู้สึกว่าหลังรอยแยกนี้สมควรไร้อันตรายใดๆ?”


 


คนที่ออมุงอยู่ย่อมไม่ขาดคนที่มีความคิด จึงง่ายที่จะคาดเดาเรื่องราว


 


“สมควรเป็นเช่นนั้น”


 


“ในเมื่อพันธมิตรอำนาจทรราชกับร้อยวิญญาณก็เข้าไปกันหมด เช่นนั้นพวกเรายังจะรออะไรเล่า!!”


 


“ไป! พวกเราเข้าไปกัน!!”


 


……


 


ทันใดนั้นผู้ฝึกตนไร้มากมายทั้งมีพันธมิตรและไม่มีพันธมิตรก็รีบโดดเข้ารอยแยกกันอย่างไม่หวาดกลัวอีก ร่างแล้วร่างเล่าหายลับไปในรอยแยกกลางอากาศ


 


เพียงครู่เดียว จำนวนคนที่ห้อมล้อมอยู่รอบๆรอยแยกกลางอากาศก็เหลืออยู่ไม่ถึงครึ่ง


 


แน่นอนว่ายังมีหลายคนที่ยังยืนรอไม่กล้าเข้าไปเพราะลังเลอยู่


 


“หลายคนแห่กันเข้าไปหมดแล้ว…พวกเราจะเข้าไปด้วยหรือไม่ผู้เฒ่าเฮยหยา?”


 


ระดับสูงของพันธมิตรอีกาทมิฬหันไปมองถาม ‘ผู้เฒ่าเฮยหยา’ ผู้นำของพวกมันทันที หลังจากที่ยืนละล้าละลังกันอยู่พักหนึ่งแต่ไม่กล้าตัดสินใจ


 


ตัว ผู้เฒ่าเฮยหยา ผู้นำพันธมิตรอีกาทมิฬเองก็ยังคิดไม่ตกเช่นกัน


 


หากแต่ที่มันคิดไม่ตกกลับไม่ใช่เรื่องรอยแยกอะไร ภาพในใจของมันตอนนี้ ที่ฉายวนซ้ำไปซ้ำมาอยู่ก็คือ ฉากความว่างเปล่าที่บิดเบือนราวกับถูกพับไปพับมานั่น…!


 


หลังจากนั้นก็เป็นฉากที่ฉุนหวู่ ร่างแยกเป็นสองเสี่ยง…


 


ฉุนหวู่ผู้นั้น ไม่เพียงเป็นอาวุโส 1 ของพันธมิตรร้อยวิญญาณ แต่ยังเป็นสุดยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนที่ติดอยู่ใน 200 อันดับแรกของรายนามยอดเซียนอีกด้วย…


 


ทว่าตัวตนระดับนั้นกลับถูกชายชุดดำฆ่าตายได้อย่างง่ายดาย


 


สำหรับคนที่อ่อนแอกว่าฉุนหวู่อย่างมัน จะเอาปัญญาที่ไหนไปสู้กับชายชุดดำ?


 


จังหวะนี้ใจของมันพลันเต้นช้าลงคล้ายอ่อนกำลัง ความสิ้นหวังยังเริ่มกัดกินอยู่ภายใน บังเกิดความท้อแท้ขึ้นมาด้วยรู้สึกว่าคงเป็นเรื่องยากเย็นเหลือเกินที่ชั่วชีวิตนี้จะมีวันที่มันสามารถฆ่าชายชุดดำเพื่อชำระแค้น และล้างความอัปยศอดสูของพันธมิตรอีกาทมิฬของมันได้…


 


ด้วยเหตุนี้ในใจของมันจึงรู้สึกไม่ยินยอม ยังไม่ยินยอมถึงที่สุด! ฉากเรื่องราวนั่นจึงฉายวนซ้ำในหัว ราวกับมันพยายามจะมองหาอะไรบางอย่าง…


 


อนิจจาหลังคิดซ้ำไปซ้ำมา มันก็ไม่ได้อะไรเลย


 


มันไม่อาจแลเห็นได้เลยว่าในห้วงควางว่างที่บิดเบือนนั่นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่เห็นว่าที่แท้ชายชราชุดดำฆ่าฉุนหวู่ได้อย่างไร…


 


“หืม?”


 


เมื่อได้ยินเสียงเรียกหาว่า ‘ผู้เฒ่าเฮยหยา’ ผู้นำพันธมิตรอีกาทมิฬจึงฟื้นคืนสติ สลัดภาพในใจ ขณะเดียวกันก็ฟังคำถามจากคนที่เรียกซ้ำอีกครั้ง


 


“ในเมื่อพันธมิตรอำนาจทรราชกับพันธมิตรร้อยวิญญาณก็พากันไปหมดแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็ไม่มีอันใดต้องกลัวอีก…ไปกันเถอะ!”


 


ผู้เฒ่าเฮยหยาตัดสินใจขั้นเด็ดขาดออกมาทันที ก่อนที่จะเหินร่างนำกลุ่มพันธมิตรอีกาทมิฬหายเข้าไปในรอยแยกกลางหาว


 


“คนของอีกาทมิฬก็เข้าไปกันแล้ว…”


 


“ผู้นำพันธมิตรอีกาทมิฬ ผู้เฒ่าเฮยหยาคนนั้น ขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ระวังตัวเองมากที่สุดคนหนึ่งของนครแห่งบาปเรา…หาไม่แล้วมันคงไม่อยู่มาได้จนถึงวันนี้ ด้วยการเอาแต่หลบหน้าชายชุดดำ!”


 


“นั่นสิ ชายชุดดำฆ่าคนของอีกาทมิฬไปตั้งมาก เรียกว่าแทบจะฆ่าคนของอีกาทมิฬไปกว่าครึ่งแล้วด้วยซ้ำ แถมยังฆ่าเจียวจ้านยอดฝีมืออันดับ 2 ของอีกาทมิฬไปอีก คนของอีกาทมิฬสมควรเกลียดชายชุดดำเข้ากระดูกดำ แต่มันกลับระงับอารมณ์ยังกำชับให้ทุกคนในพันธมิตรสงบเสงี่ยเจียมตัว…”


 


“กับคนที่ระมัดระวังตัวเองแบบนี้ยังกล้าเข้าไปในรอยแยกนั่น…พวกเรายังลังเลอะไรกัน?”


 


……


 


หลังคนของพันธมิตรอีกาทมิฬโดดเข้าไปในรอยแยกกลางความว่างเปล่ากันหมด ผู้ฝึกตนไร้สังกัดรอบๆหลายคนก็เริ่มติดตามเข้าไป


 


ไม่ทันไรคนที่เหลือก็ลดลงไปอีกครึ่งหนึ่ง


 


ส่วนที่ยังรั้งรอและเหลืออยู่ด้านนอกตอนนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ยังกังวลเรื่องรอยแยกกลางอากาศ ด้วยมันเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับพวกมัน และไม่แน่ใจว่าจะต้องเจอกับอะไรหากเข้าไปในนั้น


 


หากไม่เจออันตรายอะไรก็ดีไป แต่หากเจออันตรายขึ้นมาก็เสี่ยงตายตกแล้ว!


 


ในขณะเดียวกันก็มีคนที่พึ่งเดินทางมาถึงเช่นกัน


 


“หืม!? รอยแยกมิติรึ!?”


 


ชายชราที่พึ่งเดินทางมาถึงคนหนึ่ง ถึงกับตาลึกวาวทันใดเมื่อเห็นรอยแยกกลางหาว น้ำเสียงของมันยังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น


 


“รอยแยกมิติ?”


 


หลายคนถึงกับหันขวับไปมองมันด้วยความสนใจทันที


 


เมื่อชายชราผู้นั้นสัมผัสได้ถึงการมองมาของคนมากมาย มันก็กระแอมไอลดอาการตื่นเต้นอย่างออกหน้าออกตา ค่อยกล่าวออกมาว่า “หากข้าจำมิผิด สิ่งนี้เรียกว่ารอยแยกมิติ เป็นการฉีกขาดพื้นที่…โดยทั่วไปแล้วมีแต่ผู้ที่สามารถข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ไปได้แล้วเท่านั้นที่จะกระทำได้…”


 


“นั่นหมายความว่ามีเพียงยอดคนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านอัสนีสวรรค์ไปแล้วเท่านั้น ถึงจักสามารถฉีกเปิดพื้นที่เพื่อสร้างระนาบเทียม!”


 


“ข้ามิอยากจะเชื่อเลยว่าข้าจะมีชีวิตอยู่จนได้เห็นคลังสมบัติของยอดคนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยนที่สามารถข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้เช่นนี้!!”


 


หลังกล่าวจบคำก็ไม่รอให้ใครกล่าวถามอะไรอีก ชายชราผู้นั้นโจนทะยานเข้ารอยแยกกลางอากาศปานกระต่ายเปรียว!


 


“เมื่อครู่ ผู้เฒ่าคนนั้นกล่าวว่า…คลังสมบัติของยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ไปแล้วงั้นหรือ?”


 


ครู่ต่อมาบางคนก็เริ่มฟื้นตัว มันสูดอากาศเข้าด้วยความตื่นเต้นค่อยกล่าวทวนออกมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง


 


“ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ….นั่นมิใช่ตัวตนที่กำลังจักได้ขึ้นไปยังแดนสวรรค์และกลายเป็นเซียนอมตะหรือไร!?”


 


ผู้คนมากมายก็ทยอยกันรู้สึกตัว ใบหน้ายังเต็มไปด้วยความตกตะลึงเหลือเชื่อ


 


“เท่าที่ข้ารู้มาเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ไปแล้ว พลังในร่างจักเปลี่ยนแปลงไปสู่พลังเซียนอมตะก่อนกำเนิด ซึ่งเป็นพลังงานที่มีระดับสูงล้ำยิ่งขึ้น…และมีเพียงพลังนั่นเท่านั้นถึงจักทรงอำนาจมากพอฉีกเปิดพื้นที่แล้วสร้างระนาบเทียม…”


 


“เช่นนั้นหมายความว่า รอยแยกที่อยู่ตรงหน้าของพวกเราตอนนี้…ก็คือรอยแยกมิติที่เกิดจากการฉีกเปิดพื้นที่ของยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ เพื่อเก็บสมบัติชั่วชีวิตไว้งั้นหรือ!?”


 


“ฟังเจ้าพูดหมายความว่า…9 ใน 10 ส่วน เบื้องหลังรอยแยกนี่ ก็คือคลังสมบัติของยอดคนที่กำลังจักขึ้นสวรรค์และกลายเป็นเซียนอมตะหรือ!?!”


 


“สวรรค์ช่วย! ข้ามัวแต่ลังเลอันใดอยู่ตั้งนาน…หากข้ารู้แบบนี้ข้ารีบเข้าไปนานแล้ว!!”


 


“บางครั้งการระมัดระวังมากเกินไปก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี”


 



 


หลังจากย่อยข้อมูลที่ได้ฟังจากชายชราหมดสิ้นแล้ว ผู้ฝึกตนที่ยังลังเลอยู่รอบนอกมากมายก็ตัดสินใจได้ พวกมันบ้าง 3 บ้าง 5 เหินร่างเขาสู่รอยแยกกลางอากาศทันที


 


รอยแยกกลางหาวนั้น ประหนึ่งปากกระหายเลือดของสัตว์ร้ายที่โหยหิว กลืนร่างผู้คนเข้าไปคนแล้วคนเล่าอย่างไม่มีทีท่าว่าจะอิ่มหนำ…


 


ครู่ต่อมาด้านนอกก็ไม่เหลือใครอีกต่อไป…


 


ถึงแม้หลังจากนั้นจะมีคนที่พึ่งมาถึงประปราย แต่ทั้งหมดก็ไม่คิดยืนรออะไร ตัดสินใจเหินเข้ารอยแยกกลางอากาศทันที


 


เพราะสุดท้ายเมื่อมาถึงแล้วไม่เจอใครอยู่ นั่นหมายความว่าทั้งหมดเข้าไปในรอยแยกเบื้องหน้ากันหมดแล้ว สมควรปลอดภัยไม่มีใดให้กังวล…


 


ครืน! ครืน!


 


ทันใดนั้นเสียงอากาศแตกระเบิดคำรามไม่หยุดพลันดังขึ้น 2 สำเนียงติดๆ ปรากฏร่างที่พุ่งวาบจากเส้นขอบฟ้ามาด้วยความเร็วสูงล้ำ! ชั่วพริบตาเดียว ทั้ง 2 ร่างที่อยู่ขอบฟ้าไกลลิบตาเมื่อครู่ ก็บรรลุถึงเบื้องหน้ารอยแยกกลางหาว…


ตอนที่ 2,136 : 3 ยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์?


 


หากตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยังอยู่ด้านนอกรอยแยก ผู้เฒ่าหั่วคงกล่าวเตือนให้เขารู้ทันทีแน่


 


ว่าทั้ง 2 ร่างที่เหินมาถึงจากคนละทิศทางนั้น เป็นถึงตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน! สิ่งมีชีวิตที่เข้มแข็งระดับแนวหน้าของภูมิภาคเบื้องบน!!


 


“เมิ่งฮ่าว…ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจักได้รับข่าวนี้ด้วย!”


 


หนึ่งในนั้นกล่าวถามออก นางเป็นสตรีชราผมขาวโพลน ในชุดคลุมธรรมดาๆ แลดูไม่มีราคาค่างวดอะไร


 


หากจับนางไปปล่อยไว้กลางถนน ผู้คนที่เดินผ่านคงคิดว่านี่เป็นสตรีชราที่เรียบง่ายนางหนึ่ง


 


หากแต่สตรีชรานางนี้กลับลอยร่างค้างกลางหาวอย่างมั่นคง ไม้เท้าในมือข้างหนึ่งค้ำปักไว้เบื้องหน้า มองแล้วแทบไม่ต่างใดกับนางกำลังยืนหยัดอยู่บนพื้นดินแล้วใช้ไม้เท้ายันพื้นประคองตัว


 


อีกทั้งรูปร่างอสรพิษบริเวณหัวไม้เท้า ก็นับว่าแกะสลักได้อย่างประณีตนัก มองไกลๆยังคล้ายอสรพิษมีชีวิต!


 


และตอนนี้สตรีชราที่แลดูธรรมดาแต่ไม่น่าจะธรรมดา ก็เป็นฝ่ายริเริ่มกล่าวถามชายที่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมๆกันกับนาง ด้วยสองตาที่ทอประกายระยิบระยับออกมาดั่งดวงดาวกลางฟ้าในยามค่ำคืน


 


ผู้ที่นางกล่าวถามไปนั้น เป็นชายหนุ่มที่มาในชุดคลุมยาวสีน้ำเงิน รูปโฉมแลดูดี เค้าโครงใบหน้าอ่อนวัย์หากแต่ให้ความรู้สึกว่ามันเป็นคนมากคุณธรรมดั่งวิญญูชนผู้หนึ่ง หากตัดสินจากการมองรูปลักษณ์ภายนอก ผู้คนคงเรียกขานมันว่าบัณฑิตหน้าขาวไม่ผิดแน่…


 


แต่ทว่าชายหน้าขาวผู้นี้แม้ไม่ได้ทำอะไร เพียงลอยร่างอยู่เฉยๆ ก็ให้ความรู้สึกกดดันบีบคั้นประการหนึ่ง ยากที่คนธรรมดาจะหายใจได้คล่องคอเมื่ออยู่ใกล้ ซ้ำกลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาทั่วร่าง กลับเย็นชาปานจะผลักไสทุกผู้คนให้ถอยห่างออกไปสักพันลี้ ประหนึ่งจะกล่าวเตือนว่าอย่าได้คิดเข้าใกล้…หาไม่แล้วจะได้เจอดี!


 


อย่างไรก็ตามแม้รูปลักษณ์ของมันจะเป็นชายหนุ่ม ทว่าอายุที่แท้จริงนั้นหลายร้อยปีแล้ว!


 


แต่เป็นธรรมดาว่าหากอิงจากพลังฝึกปรือของมัน อายุเพียงไม่กี่ร้อยปียังเรียกได้ว่าเป็นเด็กน้อยนัก…ใครใช้ให้มันมีชีวิตนิรันดร์อยู่ได้ตราบชั่วฟ้าดินสลายกันเล่า!


 


และไม่ต้องกล่าวถึงคนอื่นไกล เพียงแค่หญิงชราเบื้องหน้ามัน แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้มีพลังฝีมือเหนือกว่ามัน ทว่าในแง่ของอายุแล้วนางถึงกับอยู่มาเป็นพันๆปี…เรียกว่าหากจะลำดับอาวุโสกันจริง สตรีชรานางนี้สมควรเป็นยายของยายของยายของยายของยายทวดมันด้วยซ้ำ…!


 


ฟังจากวาจากล่าวถามของสตรีชรา จึงได้รู้ว่าชายหนุ่มในชุดคลุมยาวสีน้ำเงินดั่งวิญญูชนผู้นี้ที่แท้เรียกว่าเมิ่งฮ่าว!


 


ยังดีที่ต้วนหลิงเทียนไม่อยู่ที่นี่


 


หากต้วนหลิงเทียนอยู่ที่นี่ตรงนี้ เมื่อได้ฟังนามของอีกฝ่าย และทราบว่าพลังฝึกปรือของชายหนุ่มคนนี้กลับบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนแล้วล่ะก็ เขาคงจดจำอัตลักษณ์ของอีกฝ่ายได้ทันที!


 


เมิ่งฮ่าวหรือที่รู้จักกันในนาม ‘บัณฑิตหน้าเย็น’ ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7เปลี่ยนคนนี้ เป็นหนึ่งในเทพผู้พิทักษ์ของนครแห่งบาป


 


นอกจากนี้เมิ่งฮ่าวยังติดอยู่ในอันดับที่ 21 ของรายนามยอดเซียน!


 


รายนามยอดเซียน ก็คือทำเนียบสุดยอดฝีมือ ซึ่งคอยจัดอันดับพลังฝีมือของยอดยุทธ์ทั่วทั้งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!


 


สามารถติดอยู่ในอันดับที่ 20 ต้นๆในรายนามยอดเซียนเช่นนี้ได้ ก็บอกให้รับทราบว่าพลังฝีมือของเมิ่งฮ่าวผู้นี้ แข็งแกร่งสุดที่ผู้คนทั่วไปจะจินตนาการได้ออก!


 


“แม่เฒ่าอสรพิษได้รับทราบข่าวเรื่องนี้ หรือข้าเมิ่งฮ่าวมิอาจรับทราบข่าวนี้ด้วย?”


 


ได้ยินวาจาของสตรีชราเมิ่งฮ่าวกล่าวตอบคำสวนไปอย่างไร้มารยาทอันใด ถึงแม้สตรีชราจะมีอายุมากกว่ามันเป็นรอบๆ แต่มันก็ไม่ได้กลัวอีกฝ่าย!


 


แม่เฒ่าอสรพิษผู้นี้ นับว่าเป็นคนมีชื่อเสียงและมีอำนาจไม่น้อยในภูมิภาคเบื้องบนดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้


 


และเป็นเช่นเดียวกับเมิ่งฮ่าว พลังฝึกปรือของนางก็บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน และยังเป็น 1 ในเทพผู้พิทักษ์ของนครแห่งบาปเช่นเดียวกัน


 


อย่างไรก็ตามแม้อายุของนางเรียกว่ามากกว่าเมิ่งฮาวเป็นรอบๆ แต่พลังฝีมือของนางกลับอ่อนด้อยกว่าเมิ่งฮ่าวเล็กน้อย


 


เรื่องนี้สามารถดูได้จากอันดับของนางในรายนามยอดเซียน


 


แม่เฒ่าอสรพิษผู้นี้อยู่ในอันดับที่ 23 ของรายนามยอดเซียน!


 


อย่างไรก็ตามแม้พลังฝีมือของนางจะไม่ดีเท่าเมิ่งฮ่าว แต่นั่นก็แค่สำหรับเมิ่งฮ่าวเท่านั้น…ต่อหน้าคนอื่นพลังฝีมือของนางถือว่าน่ากลัวยิ่ง!


 


อันดับที่ 23 ในรายนามยอดเซียน ยังไม่ให้น่ากลัวได้อีกหรือ?


 


ฟุ่บ!


 


หลังกล่าวจบคำ เมิ่งฮ่าว ก็ไม่รอฟังคำตอบของหญิงชรา ร่างวูบหายเข้าไปในรอยแยกกลางอากาศทันที


 


“ฮึ!”


 


เจอความไร้มารยาทของเมิ่งฮ่าวแม่เฒ่าอสรพิษแน่นอนว่าหนาตาย่อมบึ้งตึง แต่เมื่อเห็นว่าเมิ่งฮ่าววูบหายไปในรอยแยกนางก็ทำได้แค่แค่นคำเสียงเย็นออกมาอย่างอดไม่ได้


 


หลังจากนั้นนางก็วูบร่างตามไปอย่างไม่รอช้า


 


หลังจากทั้ง 2 หายเข้าไปในรอยแยกได้ไม่นาน ขอบฟ้าทิศทางต่างๆพลันปรากฏเส้นแสงพุ่งวาบมาด้วยความเร็วสูง มองความเร็วของพวกมันแล้ว นับว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าเมิ่งฮ่าวกับแม่เฒ่าอสรพิษเลย…


 


คนเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน และเป็นดั่งผู้พิทักษ์ของนครแห่งบาปเช่นเดียวกัน


 


อย่างไรก็ตามไม่เหมือนกับเมิ่งฮ่าวและแม่เฒ่าอสรพิษ คนเหล่านี้ต่างมาถึงในช่วงเวลาที่ต่างกันเล็กน้อย จึงไม่ได้เจอกันแต่อย่างไร


 


และในขณะที่ผู้คนของนครแห่งบาปกำลังเข้าไปแสวงหาสมบัติในรอยแยก ด้วยหวังว่าจะได้รับมรดกหรือสมบัติของยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนนั้นเอง


 


ทุกแห่งหนในเมืองแห่งบาปปรากฏความเคลื่อนไหววุ่นวาย แสงหยกสื่อสารพุ่งลับหายไปในขอบฟ้าจ้าละหวั่น ล้วนเป็นสายของขุมพลังต่างๆที่ประจำอยู่ในนครแห่งบาป เร่งรุดส่งข่าวใหญ่เรื่องคลังสมบัตินี้กลับไปให้ขุมพลังต้นสังกัด


 


“หืม? คลังสมบัติที่อาจจะเป็นของยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนเหลือทิ้งไว้เช่นนั้นหรือ?”


 


“นอกจากนี้อาจจะเป็นคลังสมบัติที่เหลือทิ้งไว้โดยเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จแล้ว?”


 


……


 


ขุมกำลังที่ได้รับสารด่วนจากนครแห่งบาปนั้น รวมไปถึงลัทธิอารามทมิฬด้วย!


 


เรียกว่าเพียงเวลาไม่นานเหล่ายอดฝีมือของขุมพลังชั้นนำทั้งหลายก็เคลื่อนไหวทันที นอกจากหลงเหลือยอดฝีมือเฝ้าระวังพิทักษ์ฐานที่มั่นไม่กี่คนแล้ว กำลังรบมากฝีมือแทบทุกคนได้เร่งรุดเดินทางไปยังตอนเหนือของนครแห่งบาปทันที


 


และในขณะยอดฝีมือเหล่านี้กำลังเร่งรุดเดินทางมาเพื่อเข้าสู่รอยแยก ที่คาดว่าด้านหลังรอยแยกนี้สมควรเป็นคลังสมบัติของยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จนั้น…


 


ต้วนหลิงเทียนที่ได้เข้าสู่ระนาบเทียม อันอยู่ด้านหลังรอยแยกมิตินั่นมาสักพักแล้ว ก็กำลังง่วนอยู่กับการฝ่าด่านบททดสอบทั้งหลายด่านแล้วด่านเล่า…


 


แต่ละด่านนั้นเรียกว่ามีระดับความยากมากขึ้นเรื่อยๆ


 


ยิ่งมายิ่งยาก!


 


“ไม่รู้จริงๆ…ว่าถ้าข้าไม่ผ่านการทดสอบพวกนี้แล้วมันจะเป็นยังไง?”


 


ต้วนหลิงเทียนเองก็สงสัยเรื่องนี้ไม่น้อย


 


และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความสงสัยในเรื่องนี้อยู่นั้น


 


ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!


 


……


 


บริเวณหน้ารอยแยกทางเข้าระนาบเทียมที่ต้วนหลิงเทียนและอีกมากมายกำลังตะลุยด่านกันอยู่นั้น ปรากฏร่างมากมายถูกขับออกมา!


 


หากสังเกตให้ดีจะพบว่า…


 


ผู้ที่ถูกขับออกมา เหมือนจะมาจากขุมพลังที่แตกต่างกัน 3 ขุมพลัง เรื่องนี้สามารถเห็นได้ชัดจากเครื่องแต่งกายที่แบ่งแยกชัดเจนของพวกมัน


 


และตอนนี้แต่ละคนก็หันมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าขึงขังจริงจัง เรียกว่าบรรยากาศตึงเครียดไม่น้อย


 


“นั่นคนของพันธมิตร 7 สังหาร พันธมิตรพันสารท และก็พันธมิตรหมื่นโบราณนี่นา…”


 


และการที่อยู่ๆกลุ่มคนเหล่านี้ปรากฏตัว ก็ทำให้ยอดฝีมือที่พึ่งมาถึง สายสืบทั้งหลาย รวมถึงผู้ฝึกตนพเนจรบางคนจากนครแห่งบาปที่ไม่ได้เข้าไปในรอยแยก และเลือกที่จะอยู่ด้านนอกจดจำพวกมันได้ทันที


 


“ระยำ! ข้ามิอาจกลับเข้าไปได้อีก!!”


 


ไม่ทันไร 1 ในคนของพันธมิตร 7 สังหารก็เหินร่างพุ่งไปยังรอยแยกกลางอากาศนั่น ทว่าคราวนี้ไม่เหมือนครั้งแรกที่สามารถผ่านเข้าไปได้ทันที มันกลับถูกพลังไร้สภาพขุมหนึ่งผลักดันออกมาไม่ให้เข้าไป…!


 


“เปล่าประโยชน์…”


 


ตอนนี้เองผู้อาวุโสคนหนึ่งจากลัทธิอารามทมิฬพลันส่ายหัวพร้อมกล่าว “ดันทุรังเข้าไปให้ตายก็ไร้ประโยชน์…หากนี่เป็นคลังสมบัติที่ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่สามารถข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้แล้วเหลือไว้จริง สมควรมีกฏข้อบังคับอันเข้มงวดนัก…และผู้ที่คิดรับมรดกจำต้องกระทำตามกฏเกณฑ์อยางมิอาจฝ่าฝืน!”


 


“ยอดฝีมือเหนือชั้นระดับนี้ ไหนเลยจะยินยอมให้คนไม่เอาไหนและพลังฝีมือไม่ถึงขั้นรับสืบทอดมรดกองตัวเองไปได้ง่ายๆ? มีแต่สุดยอดฝีมือที่แท้จริงเท่านั้นที่จะผ่านด่านทั้งมวลแล้วรับสืบทอดมรดกไปได้…”


 


“อีกทั้งผู้ที่ล้มเหลวในการผ่านด่านต่างๆที่เป็นดั่งบททดสอบคุณสมบัติของผู้ที่จักได้รับมรดก ย่อมหมายความว่ามันผู้นั้นหมดสิทธิ์ในการรับมรดกอีกต่อไป จึงถูกขับออกมาจากระนาบเทียม และมิอาจย้อนกลับเข้าไปได้อีก”


 


ในฐานะที่เป็นถึงชนชั้นผู้อาวุโสของ 1 ใน 3 ลัทธิที่เป็นดั่งมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า อย่างลัทธิอารามทมิฬ มันย่อมรู้เรื่องราวมากกว่าที่ผู้ฝึกตนไร้สังกัดจะรู้ได้


 


ได้ยินวาจาอธิบายของอาวุโสลัทธิอารามทมิฬเข้าไป เหล่าคนของพันธมิตร 7 สังหาร พันธมิตรพันสารท และพันธมิตรหมื่นโบรารที่ถูกขับออกมาก็หน้าเสียทันที ต่างหันหน้ามองสบตากันด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ


 


“ว่าแต่พวกเจ้าได้เจอบททดสอบอันใดบ้างเล่า?”


 


หลังจากนั้นไม่ทันไรอาวุโสของลัทธิอารามทมิฬที่กล่าวคำอธิบายก็กล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย และคำถามนี้ก็ทำให้ทุกคนหันมาตั้งใจฟัคำตอบจากผู้ที่ถูกขับออกมาทันที


 


น่าเสียดายที่เหล่าผู้ที่ถูกขับออกมาไม่มีใครคิดจะตอบคำ


 


ในฐานะที่เป็นผู้ฝึกตนพเนจรไร้สังกัด พวกมันย่อมมีอคติกับคนที่มาจากขุมพลังใหญ่แบบนี้โดยไม่รู้ตัว


 


ทว่าถึงแม้พวกมันจะเงียบไม่ตอบคำแต่พวกมันก็ไม่ได้หนีจากไปไหน เพียงเฝ้ารออย่างเงียบงันอยู่ด้านนอก รอคอยให้คนในพันธมิตรผู้ฝึกตนพเนจรของพวกมันออกมาจากด้านใน…


 


และที่พวกมันเฝ้ารอแบบนี้ก็เป็นคำสั่งที่ได้รับมาจากผู้นำพันธมิตรของตัวเอง


 


ถึงแม้ว่าจะถูกขับออกมาแต่ก็อย่าได้รีบร้อนกลับเด็ดขาด เจ้าจะได้หรือไม่ได้สมบัติ ก็ต้องพยายามช่วยให้สหายที่ได้รับสมบัติปลอดภัย อย่าได้ปล่อยให้สหายออกมาแล้วถูกผู้อื่นรังแกชิงสมบัติไปได้…นี่คือเหตุผลการคงอยู่ของพันธมิตร!


 


สำหรับเรื่องที่ผู้ฝึกตนพเนจรของพันธมิตรต่างๆปฏิเสธไม่ตอบคำนั้น อาวุโสของลัทธิอารามทมิฬไม่ได้แปลกใจสักเท่าไหร่ มันก็แค่กล่าวถามไปอยางขอไปทีเท่านั้น


 


อันที่จริงหากคนของ 3 พันธมิตรกล่าวตอบกลับมา พวกมันคงต้องแปลกใจมากกว่า


 


….


ครืนนน! ปงงงง!!


 


หลังผ่านรอยแยกเข้าสู่ระนาบเทียมได้สำเร็จ ต้วนหลิงเทียนก็ต้องเผชิญหน้ากับบททดสอบมากมายหลายหลาก ในสถานที่ๆอาจจะเป็นคลังสมบัติของยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ แห่งนี้


 


และคราวก็เป็นยักษ์ตัวเขื่อง ทว่าไม่ได้ร้ายกาจอะไร เพียงผนึกพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดขุมหนึ่งขึ้นมา ตบฟาดซัดพลังฝ่ามืออันเกรี้ยวกราดไประเบิดหัวของมันทันที!


 


ยักษ์ตัวเองที่ถูกฝ่ามือพลังทำลายหัว ก็ค่อยๆสลายหายกลายเป็นหมอกควัน พริบตาก็ไม่เหลือสิ่งใดราวกับมันไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน!!


 


“ดูเหมือนว่ายิ่งมาจะยิ่งยากแล้ว…”


 


ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งผ่านการทดสอบอีกด่าน กล่าวพึมพำกับตัวเองเบาๆด้วยสีหน้าขึงขังเล้กน้อย…


 


“ข้าสัมผัสได้…”


 


และทันใดนั้นเองเสียงของผู้เฒ่าหั่วพลันดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียน “กลับมีกลิ่นอายพลังที่แตกต่างกันอยู่ถึง 3 ขุมในระนาบเทียมแห่งนี้…และกลิ่นอายพลังทั้ง 3 ขุมนั่น สมควรเป็นกลิ่นอายพลังของผู้สร้างระนาบเทียมแห่งนี้มิผิดแน่!”


 


“กลิ่นอายพลังที่แตกต่างกัน 3 ขุม ผู้สร้างระนาบเทียม? ผู้เฒ่าหั่วเรื่องนี้ท่านหมายความว่าอะไร?”


 


สองตาต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความว่างเปล่า เขาไม่เข้าใจ


 


“หากข้าเดาไม่ผิด…ระนาบเทียมแห่งนี้ มิได้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยน้ำมือของยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จแค่คนเดียว!แต่เป็นผลงานของยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยนที่ผ่านพ้นหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จถึง 3คนร่วมมือกันสร้างขึ้นมา!!”


 


น้ำเสียงของผู้เฒ่าหั่วเต็มไปด้วยความมั่นใจ


 


“อะไรนะ!?”


 


ได้ยินวาจานี้ของผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะโพล่งคำออกมาด้วยความตกใจ!


 


ระนาบเทียมที่เขาอยู่ตอนนี้ ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยน้ำมือของเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จแค่คนเดียวงั้นเหรอ?!


 


แต่เป็นเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ 3 คนร่วมมือกันสร้างขึ้น!!


 


นี่ …


 


หมายความว่าไง?


 


“ผู้เฒ่าหั่ว…ท่านหมายความว่าระนาบเทียมแห่งนี้..”


 


สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนพยายามระงับอาการตื่นเต้น


 


“ไม่ผิด…”


 


ผู้เฒ่าหั่วคล้ายจะอ่านความคิดของต้วนหลิงเทียนได้ออก กล่าวตอบแทรกขึ้นมาโดยไม่ต้องรอให้ต้วนหลิงเทียนถามจบ “ระนาบเทียมแห่งนี้ อาจเป็นคลังสมบัติที่มีสมบัติชั่วชีวิตของยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะได้สำเร็จเหลือทิ้งไว้ถึง 3คน ก่อนที่พวกมันจะขึ้นสู่ระนาบเทวโลก…”


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)