War sovereign Soaring The Heavens 2101-2107

 ตอนที่ 2,101 : จ้าวแท่นบูชามังกรคราม!


 


“ไม่จริง…เรื่องพรรค์นี้มันเป็นไปมิได้!!”


 


“คะ…ความเร็วในการบ่มเพาะของข้า ไฉนถึงได้เชื่องช้าขนาดนี้ เป็นไปได้อย่างไร?!”


 


ในห้องเล็กๆของคฤหาสน์บนเกาะลอยส่วนตัวแห่งหนึ่ง ร่างปู้หง ทรุดลงกับพื้นอย่างหมดสภาพ สองตาของมันเลื่อนลอย ใบหน้าริมฝีปากซีดเซียวไร้สีเลือด กล่าวพึมพำออกมาไม่หยุด


 


บางครั้งก็เลื่อนลอยบางครั้งก็คำรามออกมาเสียงดังอย่างอารมณ์ร้าย ปานคนเสียสติ


 


เมื่อไม่นานมานี้หลังจากที่มันถูกอัจฉริยะท้าทายสวรรค์คนใหม่ที่พึ่งผงาดขึ้นมาในเวลาอันสั้นอย่างต้วนหลิงเทียนซัดจนสลบ ในที่สุดมันก็ได้ฟื้นขึ้นมา


 


ด้วยความซึมเซาเพราะรู้ตัวว่าพ่ายแพ้ ปู้หง จึงหม่นหมองไปพักหนึ่ง แต่ในที่สุดมันก็ฮึดสู้อีกครั้ง และหมายล้างอายให้ไดโดยเร็ว!


 


ต้วนหลิงเทียนเอาชนะมันไม่ว่า แต่อีกฝ่ายซัดมันจนสิ้นสติฟุบไปต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนั้น ทำให้มันอับอายไม่น้อย!!


 


มันต้องล้างแค้นให้จงได้!


 


กระทั่งยังจะท้าต้วนหลิงเทียนประลองเป็นตายและฆ่าอีกฝ่ายให้ตายคามือกลางสังเวียนเป็นตาย! ใช้เลือดต้วนหลิงเทียนล้างความอัปยศอดสู ที่ทำให้มันต้องทุกข์ระทมขมขื่นใจ!!


 


ทว่าพอปู้หงเริ่มตั้งมั่นว่าจะฝึกปรืออย่างหนัก มันกลับพบว่ามันไม่อาจสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณฟ้าดินอีกต่อไป!


 


หลังจากพยายามอยู่นานในที่สุดมันก็สัมผัสถึงพลังวิญญาณฟ้าดินได้อีกครั้ง ทว่าสัมผัสของพลังวิญญาณฟ้าดินกลับบางเบาเหลือเกิน!


 


อีกทั้งความสามารถในการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินของมันก็แปรเปลี่ยนเป็นเชื่องช้าปานหอยทากคืบคลาน…


 


‘ความเร็วในการบ่มเพาะเช่นนี้ กระทั่งยังด้อยกว่าผู้มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีแดงด้วยซ้ำ!’


 


นี่คือความคิดในหัวของปู้หงตอนนั้น


 


ตอนแรกปู้หงคิดว่าการที่มันยากสัมผัสถึงพลังวิญญาณฟ้าดินและไม่อาจดูดซับพลังวิญญาณได้ดินได้ดีเหมือนเดิม คงเป็นเพราะผลกระทบจากการถูกทำร้ายและสิ้นสติ มันจึงคิดว่าสมควรพักผ่อนฟื้นฟูร่างกายให้หายดี เพียงไม่กีวันก็คงกลับสู่ปกติ


 


อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปพักหนึ่งจนมันรู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงดีแล้ว แต่ความเร็วในการฝึกปรือทั้งความไวต่อพลังวิญญาณฟ้าดินยังคงน้อยนิดไม่แปรเปลี่ยน ใจปู้หงก็จมดิ่งลงทันที


 


และในที่สุดวันนี้ปู้หงก็ตระหนักถึงปัญหาร้ายแรง


 


รากวิญญาณของมันถูกทำลาย!


 


ยังสลายหายไปหมดสิ้น!!


 


“ต้วนหลิงเทียนมันทำอะไรกับข้า! มันทำอะไรกับข้ากันแน่!!”


 


ไม่ทราบว่าผ่านไปนานเท่าใด แต่ในที่สุดปู้หงก็ดึงสติกลับมาจากอาการเลื่อนลอย ลูกตากลับมามีประกายฉายชัดถึงโทสะ ความเยียบเย็นที่พุ่งวาบออกมาในแววตาช่างเอ่อล้นไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง ราวกับอยากสับร่างต้วนหลิงเทียนให้แหลกเป็นพันหมื่นชิ้น!


 


“ท่านอาจารย์! ต้องไปหาท่านอาจารย์!!”


 


หายใจเข้าลึกๆคราหนึ่ง ในที่สุดปู้หงก็นึกถึงอาจารย์ขึ้นมา และอาจารย์ของมันก็คือจ้าวแท่นบูชามังกรคราม!


 


เหล่าศิษย์ที่แท้จริงที่ถูกเสียงหวีดร้องก่อนหน้าของปู้หงดึงดูดความสนใจ ในที่สุดก็ได้เห็นร่างปู้หงทะยานออกมาจากเกาะ ก่อนที่คนจะพุ่งหายไปด้วยความเร็วสูงจนแทบมองตามไม่ทัน


 


อย่างไรก็ตามพวกมันยังพอจับร่องรอยทิศทางของปู้หงได้อยู่บ้าง


 


“ศิษย์พี่ปู้หง…ดูเหมือนจะมุ่งหน้าไปยังแท่นบูชามังกรคราม”


 


ไม่นานศิษย์ที่แท้จริงบางคนก็คืนสติ มันเหม่อมองทิศทางที่ปู้หงพุ่งไปพักหนึ่งด้วยคิ้วยู่ย่น ค่อยกล่าวคาดออก


 


“หรือศิษย์พี่จะไปหาอาจารย์กัน?”


 


ศิษย์ที่แท้จริงอีกคนคาดเดา


 


“เหอะๆ…ถึงกับต้องไปขอให้อาจารย์ช่วยล้างแค้นเลยหรือ?”


 


ศิษย์ที่แท้จริงอีกคนส่ายหัวไปมา แววตาที่มองแผ่นหลังปู้หงที่หายไปไวๆยังฉายความดูแคลนออกกมาเล็กน้อย


 


อย่างไรก็เป็นศิษย์ที่แท้จริงดุจเดียวกัน แต่พอแพ้ผู้อื่นเข้าหน่อยกลับวิ่งโร่ไปหาอาจารย์ นี่ใยมิใช่เหมือนเด็กน้อยวิ่งโร่ไปฟ้องบิดา?


 


การกระทำเช่นนี้ช่างน่ารังเกียจนัก!


 


ลัทธิบูชาไฟมีกฏอันเข้มงวดกฏหนึ่ง


 


เหล่าศิษย์ฝ่ายในของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ชั้นยอดก็ดี ศิษย์ที่แท้จริงก็ดี เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจาก 1 ใน 4 จ้าวแท่นบูชจตุรลักษณ์ พวกมันไม่มีสิทธิ์ล่วงล้ำเข้าไปในแท่นบูชาจตุรลักษณ์เด็ดขาด ผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกลงโทษสถานหนัก!


 


อย่างไรก็ตามกฏนี้สำหรับบางคนแล้วก็ไร้ประโยชน์


 


บางคนที่ว่าก็คือศิษย์ส่วนตัวของจ้าวแท่นบูชาจตุรลักษณ์!


 


ศิษย์ส่วนตัวของจ้าวแท่นบูชาจตุรลักษณ์ แม้จะล่วงล้ำเข้ามาในเขตแท่นบูชาจตุรลักษณ์โดยไม่กล่าวแจ้งล่วงหน้า แต่ในฐานะอาจารย์แล้ว ทั้งหมดย่อมไม่มีใครคิดเอาผิดศิษย์ตัวเอง


 


และ ปู้หง ในฐานะศิษย์ส่วนตัวของจ้าวแท่นบูชามังกรครามย่อมได้รับอภิสิทธิ์ดังกล่าวเช่นกัน


 


ปู้หงที่เหินร่างออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของลัทิบูชาไฟ ก็เข้าสู่แท่นบูชาจตุรลักษณ์ทันที ยังมุ่งหน้าไปยังสถานที่บ่มเพาะของอาวุโสระดับสูงของแท่นบูชามังกรคราม


 


พื้นที่บ่มเพาะฝึกปรือของเหล่าอาวุโสระดับสูงของแท่นบูชามังกรคราม ก็เป็นเหมือนๆกับแท่นบูชาจตุรลักษณ์อื่นอีก 3 แห่ง มันเงียบสงบทั้งยังเป็นเขตหวงห้ามของแท่นบูชามังกรครามเช่นกัน


 


“ปู้หง?”


 


การบุกเข้ามาของปู้หงย่อมทำให้เหล่าอาวุโสเพลิงเงินตกใจไม่น้อย


 


ตอนแรกพวกมันยังโมโหไม่น้อยว่าใครหน้าไหนที่กล้าบุกรุกเข้ามา แต่พอเห็นว่าคนที่มาที่แท้เป็นปู้หง สีหน้าไม่พอใจพลันมลายหายกลายเป็นยิ้มแย้มแจ่มใสเต็มไปด้วยความประจบบสอพลอทันที


 


ปู้หงเป็นศิษย์ส่วนตัวของจ้าวแท่นบูชามังกรคราม แถมยังเป็นศิษย์เอกอีกด้วย!


 


ด้วยศักยภาพและพรสวรรค์แต่กำเนิดของปู้หง วันหน้าย่อมต้องก้าวข้ามจ้าวแท่นบูชามังกรครามของพวกมันไปได้แน่ เช่นนั้นไม่ต้องกล่าววถึงเรื่องที่อีกฝ่ายอาจจะกลายเป็น อาวุโสเพลิงทองเลย เผลอๆอาจจะได้เป็นถึงชนชั้นรองจ้าวลัทธิด้วยซ้ำ!


 


ตัวตนเช่นนี้ย่อมมีค่ามากเกินพอให้พวกมันประจบสอพลอตีสนิทตั้งแต่เนิ่นๆ!


 


ทว่าเหล่าอาวุโสเพลิงเงินทั้งหลายก็สามารถค้นพบได้อย่างรวดเร็ว


 


ว่าปู้หงคล้ายกำลังรับร้อนนัก อีกทั้งสีหน้าก็ไม่ค่อยจะสู้ดี ไม่แยแสมันแม้แต่น้อย


 


“เกิดเรื่องอันใดขึ้นกัน?”


 


เห็นดังนั้นไม่เพียงเหล่าอาวุโสเพลิงเงินจะไม่โกรธและไม่พอใจอะไร ยังขมวดคิ้วเป็นปมขึ้นมาด้วยความจริงจัง ต่างหันมองหน้ากันด้วยสายตาตกใจและสงสัยไม่น้อย


 


ปู้หงในฐานะศิษย์เอกจ้าวแท่นบูชามังกรครามของพวกมัน ยังเป็นศิษย์รุ่นเยาว์ที่เป็นถึงอัจฉริยะท้าทายสวรรค์ ไฉนถึงมีสีหน้าอัปลักษณ์ปั้นยากคร่ำเคร่งได้ขนาดนั้น?


 


“หรือเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนอีกแล้ว?”


 


เหล่าอาวุโสเพลิงเงินเริ่มนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาเมื่อไม่กี่วันก่อน เป็นเรื่องราวที่ปู้หงแพ้พ่ายไปอย่างน่าตื่นตกใจ “หลังจากเกิดเรื่องนั้นปู้หงก็เงียบไปเลย…คราวนี้กลับรีบร้อนมาหาใต้เท้าจ้าวแท่นบูชามังกรคราม หรือต้วนหลิงเทียนไปยั่วยุอันใดเข้าอีก?”


 


คิดถึงจุดนี้ สีหน้าของเหล่าอาวุโสเพลิงเงินก็อึมครึมลงทันที


 


“จะอย่างไรก็แล้วแต่ ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นช่างร้ายกาจยิ่ง…ข้าล่ะอยากรู้นักว่าที่แท้มันหลุดออกมาจากเขาลูกใดกันแน่ เพียงเข้าร่วมลัทธิบูชาไฟเราได้ไม่ถึงปีก็กลายเป็น อัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับที่ 2 ของศิษย์รุ่นเยาว์พวกเราแล้ว”


 


พอคิดถึงเรื่องราววีรกรรมที่ผ่านมาไม่ถึงปีของต้วนหลิงเทียน และการผงาดขึ้นมาอย่างน่ากลัวปานดาวหาง เหล่าอาวุโสเพลิงเงินของแท่นบูชามังกรครามก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ


 


เส้นทางการผงาดขึ้นมาของต้วนหลิงเทียนนับว่าไร้ผู้ใดเสมอเหมือน มองผ่านไปทั้งประวัติศาสตร์ของลัทธิบูชาไฟ ตัวตนเช่นนี้หามีไม่!


 


“ท่านอาจารย์!”


 


ปู้หงที่เร่งรุดเดินทางออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์มายังแท่นบูชามังกรคราม 1 ใน 4 แท่นบูชาจตุรลักษณ์ ในที่สุดก็บรรลุถึงที่พักของจ้าวแท่นบูชามังกรครามผู้ซึ่งเป็นอาจารย์ของมัน เร่งกล่าวกทายตั้งแต่ด้านนอกทันที


 


“เข้ามา”


 


ไม่นานนักเสียงห้วนหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านใน


 


เพียงฟังจากเสียงก็เผยให้รู้แล้วว่าเจ้าของเสียงสมควรเป็นคนดุร้ายคนหนึ่ง เพราะเสียงกล่าวไม่เพียงดังห้วน ยังฟังดูหยาบกระด้างนัก


 


ปู้หงเร่งรุดเข้าไปในคฤหาสน์ทันที ไม่นานก็เดินไปถึงลานอันคุ้นเคย ค่อยไปหยุดยืนหน้าศาลาหนึ่งด้วยทีท่าสุภาพมากเคารพ


 


ภายในศาลาปรากฏร่างชายวัยกลางคนที่แลดูกำยำแข็งแกร่ง เนื้อตัวบึกบึนแลเห็นกล้ามเป็นมัดๆ ด้วยเสื้อคลุมที่ค่อนข้างรัดรูปทำให้เห็นรูปร่างอันแข็งแกร่งของมันชัดเจน คนคล้ายปั้นขึ้นจากเหล็กแกร่ง!


 


ชายวัยกลางคนผู้นี้เพียงยืนอยู่เฉยๆ กลับให้สภาวะเหี้ยมหาญแกร่งกร้าวปานหอคอยเหล็ก! คิ้วที่ดุร้ายดั่งพยัคฆ์กับริมฝีปากหนา กอปรกับหว่างคิ้วแผ่พุ่งความน่าเกรงขามรวมถึงแววตาคมกล้าดุดัน ก่อเกิดเป็นพลังสภาวะขู่ขวัญผู้คนตามธรรมชาติประการหนึ่ง


 


จ้าวแท่นบูชามังกรคราม หลูเถี่ย


 


ตุบ!


 


เสียงหนึ่งพลันดังขึ้น เป็นปู้หงทิ้งตัวลงคุกเข่ากับพื้น คุกเข่าให้แก่หลูเถี่ย


 


“ศิษย์ไม่เอาไหน ปู้หง ทำให้ท่านอาจารย์ต้องอับอาย!”


 


หลังคุกเข่าปู้หงก็ก้มหน้าลงไปกล่าวออกด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง


 


“ลุกขึ้น”


 


หลูเถี่ยกล่าวออกเสียงห้วน ในน้ำเสียงไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ


 


“ท่านอาจารย์”


 


วาจาของหลูเถี่ยปู้หงไม่กล้าไม่เชื่อฟัง มันลุกขึ้นยืนทันที หากแต่ศีรษะยังก้มลงคล้ายไม่กล้าสู้หน้าอาจารย์


 


“เรื่องราวที่เกิดขึ้น ข้าได้ยินจากหยานเอ๋อหมดสิ้นแล้ว…”


 


น้ำเสียงของหลูเถี่ยสงบนิ่งไม่แปรเปลี่ยน กล่าวออกอย่างใจเย็น “เจ้าแพ้ต้วนหลิงเทียนนั่นมิได้มีใดน่าอาย อย่างไรก็ตามด้วยพรสวรรค์ในเชิงยุทธ์รวมถึงพรสวรรค์รากวิญญาณสีครามของเจ้า…”


 


“ตราบใดที่ขยันบ่มเพาะฝึกปรือ อีกมินานพลังฝีมือของเจ้าย่อมต้องไล่ตามต้วนหลิงเทียนนั่นทัน กระทั่งก้าวข้ามมันได้แน่ เช่นนั้นแล้วเรื่องคิดล้างความอัปยศที่ต้วนหลิงเทียนยัดเยียดให้ก็นับเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น…”


 


หากแต่ผิดคาดนัก คราวนี้วาจาที่หลูเถี่ยกล่าวออกไม่เพียงไม่มีการตำหนิ ยังกลายเป็นอ่อนโยนขึ้นไม่น้อย!


 


นอกจากนี้ยังมีคำปลอบ และให้กำลังใจอีกด้วย!!


 


หลูเถี่ยย่อมพึงพอใจในตัวศิษย์เอกเบื้องหน้าคนนี้ของมันนัก เพราะตอนแรกหากไม่ใช่เพราะมันโชคดีแล้วล่ะก็ คงไม่อาจรับตัวปู้หงมาเป็นศิษย์ได้


 


พรสวรรค์รากวิญญาณของปู้หงคือรากวิญญาณสีคราม!


 


ด้วยพรสวรรค์รากวิญญาณดังกล่าว ไม่ต้องเอ่ยถึงพรสวรรค์ในเชิงยุทธ์หรือไหวพริบปฏิภาณอันใด คิดเป็นศิษย์ส่วนตัวของหนึ่งในรองจ้าวลัทธิ ชนชั้นผู้พิทักษ์ หรือแม้แต่ตัวจ้าวลัทธิเองก็ไม่ใช่เรื่องยาก


 


และในบรรดาผู้อาวุโสเพลิงทองของลัทธิบูชาไฟในปัจจุบัน ก็มีมันเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่มีศิษย์รากวิญญาณสีคราม!


 


อาวุโสเพลิงทองคนอื่นเพียงศิษย์ที่มีรากวิญญาณสีน้ำเงินก็เป็นดั่งสมบัติแล้ว


 


นับประสาอะไรกับมัน!


 


“ท่านอาจารย์…วันหน้าเกรงว่าข้าคงมิมีโอกาสอีกแล้ว”


 


อย่างไรก็ตาม ได้ยินวาจากล่าวปลอบและให้กำลังใจของหลูเถี่ย ร่างปู้หงสะท้านไปคล้ายถูกไฟดูด ร่างมันสั่นเทิ้มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว น้ำเสียงยิ่งมายิ่งแหบแห้ง


 


ขณะเดียวกันหมัดของปู้หงก็กำแน่นจนข้อขาว เล็บจิกเข้าเนื้อกลางฝ่ามือ


 


บริเวณขมับยังปรากฏเส้นเลือดเขียวคล้ำปูดโปนออกมา เผยให้เห็นว่าตอนนี้อารมณ์ของมันเดือดดาลรุนแรงเพียงใด


 


“เจ้าหมายความว่าอะไร?”


 


ได้ยินวาจาดังกล่าวของปู้หง หน้าหลูเถี่ยจมลงโดยพลัน ยังเผยความดุร้ายเอาเรื่องทั้งธาตุอำมหิตออกชัด “กับอีแค่ความล้มเหลวเพียงครั้งเดียว กลับทำให้เจ้าหมดอาลัยในชีวิตแล้ว? ศิษย์ของข้ากลับจิตใจอ่อนแอ ยอมรับชะตากรรมง่ายๆเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด!?”


 


“ยอมรับชะตากรรมหรือ?”


 


ปู้หงเผยยิ้มขื่นขมที่มุมปาก หากตอนนี้มันยังไม่ยอมรับชะตากรรม แล้วจะให้มันทำอย่างไรได้อีก


 


อาศัยความเร็วในการบ่มเพาะที่ว่องไวประดุจเต่าป่วย มันจะเอาปัญญาที่ไหนไปล้างแค้นต้วนหลิงเทียนได้อีก?


 


ช่องว่างระหว่างมันกับต้วนหลิงเทียนรังแต่จะห่างออกไปเรื่อยๆ สุดท้ายอีกฝ่ายก็ต้องทิ้งมันไว้ด้านหลังอย่างที่มันไม่มีโอกาสแลเห็นแม้แต่ฝุ่น…


 


“เกิดอันใดขึ้น?”


 


ทันใดนั้นเองหลูเถี่ยพลันตระหนักได้ว่าเรื่องราวสมควรผิดท่า ศิษย์มันต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่! สีหน้าของมันมืดลงทันใด!!


 


หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ปู้หงก็ไม่กล้าที่จะปิดซ่อนอะไร เล่าเรื่องราวและสถานการณ์ของมันตอนนี้ให้หลูเถี่ยฟังทันที


 


“เช่นนั้น…พรสวรรค์รากวิญญาณแต่กำเนิดของเจ้า…มันหายไปในเวลาชั่วข้ามคืน?”


 


สีหน้าหลูเถี่ยเปลี่ยนไปเป็นร้ายแรง คิ้วขมวดเป็นปม เร่งกล่าวออกเสียงเข้ม “ข้าจักแผ่สำนึกไปส่องภายในเพื่อตรวจสอบพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าอย่าได้ต่อต้าน!”


 


หลังปู้หงพยักหน้ารับคำ สำนึกเทวะอันเปี่ยมล้นไปด้วยพลังวิญญาณกล้าแข็งของหลูเถี่ย ก็แผ่กำจายออกมา ก่อนที่จะพุ่งเข้าร่างปู้หง มุ่งหน้าสู่ดวงจิตดั่งน้ำเชี่ยว หมายล่วงลึกลงไปสำรวจพรสวรรค์รากวิญญาณของปู้หงทันที!


ตอนที่ 2,102 : ถูกจับตา


 


 


“ปะ…เป็นไปได้ยังไงกัน!?”


 


หลังแผ่สำนึกเทวะลงไปในดวงจิตของปู้หงได้พักหนึ่ง หลูเถี่ยประหนึ่งถูกอัสนียามแล้งฟาดผ่า สองตาหดหยีร้องโพล่งออกมาด้วยความตกใจ หน้าตาเผยความเหลือเชื่อยากยอมรับ


 


“ท่านอาจารย์”


 


ได้ยินเสียงแตกตื่นของหลูเถี่ย ปูหงที่เดิมใจคอไม่ค่อยจะสู้ดีอยู่แล้วก็หน้าเสียหนักกว่าเดิม “พร…พรสวรรค์รากวิญญาณของข้า…ที่แท้มีปัญหาอันใดกันแน่!?”


 


หากรากวิญญาณของมันประสบปัญหาอะไร เช่นนั้นแล้วความสามารถในการสัมผัสพลังวิญญาณฟ้าดินและการบ่มเพาะพลังจะได้รับผลกระทบก็ไม่แปลก


 


แต่ที่มันสนใจที่สุดตอนนี้ก็คือ


 


มีวิธีฟื้นฟูพรสวรรค์รากวิญญาณของมันหรือไม่?


 


เพราะตราบใดที่มันฟื้นฟูพรสวรรค์รากวิญญาณให้กลับมาเหมือนเดิมได้ล่ะก็ ทุกเรื่องราวจะกลับสู่ปกติ


 


ถึงตอนนั้นมันก็ยังคงเป็นอัจฉริยะปีศาจของลัทธิบูชาไฟผู้มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีคราม ตราบใดที่มันมีเวลามากพอเรื่องที่จะฆ่าต้วนหลิงเทียนในวันหน้าย่อมไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ เวลาแห่งการล้างอายเอาคืนของมันก็เพียงนับวันรอ!


 


“พรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้า…มิได้มีปัญหาอันใด”


 


ได้ยินคำถามของปู้หง หลูเถี่ยพลันส่ายหัวไปมาด้วยสายตาเลื่อนลอย


 


ได้ยินคำตอบดังกล่าวสองตาปู้หงก็เรืองสว่างขึ้นมาทันที “รากวิญญาณของข้าไม่มีปัญหาหรือ!?”


 


ในสายตาของมัน


 


ตราบใดที่รากวิญญาณของมันไม่มีปัญหา เช่นนั้นสมควรมีบางสิ่งที่ทำให้พลังฝึกปรือของมันช้าลงและทำให้มันจับสัมผัสรากวิญญาณของตัวเองไม่ได้


 


จังหวะนี้มันอดไม่ได้ที่จะโล่งอก


 


“ใช่…พรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าไม่มีปัญหาอันใด…”


 


ทว่าหลูเถี่ยพลันกล่าวออกมาสืบต่อ น้ำเสียงยังกลายเป็นหนักอึ้ง “เพราะ…พรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้ามันหายไปแล้ว”


 


พรสวรรค์รากวิญญาณหายไปแล้ว!!


 


วาจานี้ของหลูเถี่ยยามดังเข้าหูปู้หงก็ประหนึ่งอัสนียามแล้งที่ฟาดผ่าลงมาโดยไร้ซึ่งการตั้งเค้าอันใด พาลให้ปู้หงตะลึงไปไม่อยากรับรู้เรื่องราว ร่างทุรดลงกับพื้นอย่างอ่อนระโหยโรยแรง


 


ก่อนหน้านี้แม้มันจะรู้สึกหมดหวัง หากแต่ในใจยังเหลือเศษเสี้ยวความหวังอันเบาบางสายหนึ่งอยู่


 


ทว่าวาจานี้ของหลูเถี่ย เสมือนวาจาตัดสินพร้อมโยนป้ายประหาร! พรสวรรค์รากวิญญาณมันหายไปแล้ว!!


 


พรสวรรค์รากวิญญาณมันหายไปแล้ว…ต่อไปมันยังจะฝึกปรืออันใดได้อีก?


 


“นิ…นี่มันอะไร ไฉนเป็นเช่นนี้ ไฉนเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้นกับข้า?!”


 


ปู้หงสิ้นหวังแล้วจริงๆ


 


“ต้วน! หลิง! เทียน!!”


 


ตอนนี้เองปู้หงพลันได้ยินเสียงกล่าวเล็ดลอดไรฟันอันเปี่ยมล้นไปด้วยโทสะของหลูเถี่ย ทำให้มันเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยจริงๆที่มันได้ยินน้ำเสียงเปี่ยมโทสะอย่างเกรี้ยวกราดเช่นนี้!


 


“หงเอ๋อเจ้าอย่าได้กังวล…แค้นนี้ของเจ้าอาจารย์ผู้นี้จะชำระให้เอง!!”


 


ลูกตาหลูเถี่ยยามนี้เต็มไปด้วยวามเยียบเย็น ยังแหลมคมปานคมมีด ลั่นวาจาสัญญากับปู้หงเสียงหนัก!


 


“ท่านอาจารย์…ท่านหมายความว่า…ที่พรสวรรค์รากวิญญาณของข้าหายไป เป็นฝีมือต้วนหลิงเทียนหรือ?”


 


แม้ปู้หงจะสิ้นหวัง ทว่ามันยังแยกแยะจับความคำพูดของอาจารย์ได้


 


“เป็นฝีมือมันไม่ผิดแน่!!”


 


หลูเถี่ยกล่าวออกเสียงเย็น “ครั้งที่มันยังอยู่ในแท่นบูชาเต่าทมิฬ อาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬอย่างหลี่อัน เคยพาลูกศิษย์ส่วนตัวของมัน กู่ชุน ไปหาความกับต้วนหลิงเทียน…เพราะตอนนั้นพวกมันกล่าวโทษว่าต้วนหลิงเทียนเป็นคนทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุน!”


 


“แต่ทว่าในยามนั้นไม่มีผู้ใดเชื่อว่าต้วนหลิงเทียนจะมีปัญญาทำอะไรเช่นนั้นได้ ไม่เว้นแม้แต่ตัวข้าเอง…ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่มันยังไม่บรรลุขอบเขตเซียนสวรรค์จึงไม่อาจสัมผัสถึงพรสวรรค์รากวิญญาณผู้ใดได้ แต่ต่อให้เป็นสุดยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ ก็มิมีทางทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณผู้อื่นโดยมิสร้างความเสียหายให้แก่ดวงจิต!”


 


“ยามนั้นหลี่อันกับกู่ชุนไร้ซึ่งหลักฐานอันใด และกระทั่งตัวกู่ชุนเองก็ไม่มั่นใจว่าต้วนหลิงเทียนเป็นคนทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของมันจริงๆ…ทำให้มันไม่กล้ากล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า…สุดท้ายเรื่องนี้จึงสิ้นสุดไปอย่างน่าขัน”


 


“ข้าเองยังคิดว่าเรื่องราวนี้ล้วนเป็นเรื่องน่าขัน ไม่พ้นหลี่อันกับกู่ชุนรวมหัวกันใส่ความหมายเล่นงานต้วนหลิงเทียน…ทว่ามาตอนนี้ข้ากลับเชื่อแล้วว่าต้วนหลิงเทียนมีฝีมือย่อยเช่นนั้นจริงๆ มันสมควรรู้ทักษะบางประการที่สามารถทำลายรากวิญญาณผู้อื่นได้!!”


 


“หาไม่แล้วใต้หล้าไหนเลยยังจะมีเรื่องบังเอิญพรรค์นี้! พรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้ากลับหายไปหลังต่อสู้กับมัน!!”


 


หลูเถี่ยกล่าวคาดเดาออกมาเป็นเรื่องเป็นราว


 


และการคาดเดาของมันครั้งนี้นับว่าไม่ผิดเพี้ยนเลยจริงๆ!


 


“อะไร? ก่อนหน้าข้ามันเคยทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของผู้อื่นมาแล้ว?”


 


ได้ยินคำของหลูเถี่ย ปู้หงก็มั่นใจเต็มสิบส่วนว่าไม่พ้นต้วนหลิงเทียนต้องลงมือโดยใช้วิธีการเดียวกันกับครั้งก่อน ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของมันแน่


 


“หงเอ๋อ อาจารย์จักล้างแค้นให้เจ้าเอง! เจ้าอยู่นี่รอฟังข่าวดีเถอะ!!”


 


สิ้นคำกล่าวก็ไม่รอให้ปู้หงตอบคำอะไร ร่างหลูเถี่ยวูบหายไปด้วยความเร็วสูงสุด


 


ยามเหินร่างตัดฟ้าไปด้วยความเร็วสูง ในใจหลูเถี่ยก็เต็มไปด้วยโทสะอันเดือดดาลถึงขีดสุด!


 


แม้มันจะมีศิษย์ส่วนตัว 2 คน หากแต่มันฝากความหวังทั้งหมดไว้กับปู้หงที่เป็นศิษย์เอก ทว่าตอนนี้ปู้หงกลับถูกทำลาย เช่นนั้นหมายความว่าความหวังของมันล้วนดับสลายหายไปสิ้น


 


ตอนนี้มันแทบทนรอบุกไปฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายคามือเพื่อระบายแค้นไม่ไหวแล้ว!


 


หากสามารถระบุได้ว่าต้วนหลิงเทียนทำลายพรสวรรค์ของปู้หงได้จริงๆ หลูเถี่ยก็ไม่จ้องกังวลเรื่องราวใดๆอีก


 


มันจะลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนด้วยตัวเองทันที!


 


น่าเสียดายที่หลูเถี่ยถูกลิขิตให้ผิดหวัง


 


ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้อยู่ในลัทธิบูชาไฟอีกต่อไป แม้มันคิดจะหาความอะไรจากต้วนหลิงเทียนเพื่อมัดตัว และตอบโต้อะไร มันก็ทำได้แค่รอให้ต้วนหลิงเทียนกลับมาก่อนเท่านั้น


 


และนั่นทำให้หลูเถี่ยที่บุกไปหมายจับต้วนหลิงเทียนถึงที่พัก จำต้องพบกับความผิดหวัง!


 


เพราะมันได้รับทราบความจริงเรื่องหนึ่ง…ต้วนหลิงเทียนหายไปจากลัทธิบูชาไฟ!!


 


และในขณะที่ความจริงเรื่องนี้เปิดเผยออกมา ด้านต่งหยวนจิ้นที่ส่งคนมาจับตาที่พักต้วนหลิงเทียนไว้ตลอดเวลาจึงได้ทราบเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนหายตัวไปเช่นกัน! หายตัวไปภายใต้จมูกของมัน!!


 


ต่งหยวนจิ้นแทบไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้


 


ต้วนหลิงเทียนทำร้ายบุตรชายของมันให้อับอายขายหน้าถึงสองครั้งสองครา ไหนเลยมันจะปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนไปง่ายๆ? มันจึงให้คนไปคอยเฝ้าจับตาดูต้วนหลิงเทียนเอาไว้ตลอด! กระทั่งยังให้คนมากมายไปเฝ้าที่ทางออกทุกทางหากในบ้านต้วนหลิงเทียนไร้ความเคลื่อนไหวใดๆเป็นเวลานาน!


 


อนิจจาไม่ว่ามันยากยอมรับเพียงใด แต่สุดท้ายความจริงก็วางตั้งอยู่ตรงหน้า


 


นั่นเพราะมันได้ทราบรายงานจากคนของมันชัดเจน ว่าหลูเถี่ยได้ไปฟ้องร้องเรื่องราวที่หอคุมกฏ กระทั่งนำผู้อาวุโสคุมกฏติดตามไปจับกุมต้วนหลิงเทียนถึงที่พัก ทว่าหลังบุกเข้าไปในเกาะส่วนตัวของต้วนหลิงเทียนแล้ว กลับไม่พบแม้แต่เงาคน!


 


กระทั่งกระจายกำลังกันออกไปตามหาทั่วลัทธิบูชาไฟ ก็ไร้วี่แวว!!


 


เช่นนั้นจึงสรุปได้อย่างเดียวว่า ต้วนหลิงเทียนได้ออกจากลัทธิบูชาไฟไปแล้ว…หายตัวไปภายใต้จมูกของต่งหยวนจิ้น!!


 


“ท่านพ่อวางใจเถอะ…ดูท่าจะเป็นเรื่องที่แน่นอนแล้วว่าต้วนหลิงเทียนมันทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของปู้หง! ตราบใดที่มันกลับมา มันไม่มีทางรอดพ้นโทษทัณฑ์สถานหนักแน่นอน!!”


 


ต่งหลินถึงกับยิ้มกริ่ม “นอกจากนี้ข้าได้ยินมาจากจ้าวแท่นบูชามังกรคราม ว่าศิษย์ส่วนตัวของหลี่อันที่เรียกว่ากู่ชุน ก็ถูกต้วนหลิงเทียนทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณเช่นกัน ด้วยก่ออาชญากรรมร้ายแรงซ้ำซ้อนเช่นนี้ มันมีแต่ตายกับตายเท่านั้น!!”


 


“แต่ว่า…”


 


ทันใดนั้นเองราวกับนึกอะไรได้ออก ต่งหลินกล่าวออกด้วยสีหน้ามากระวัง “ตอนนี้ทุกคนในหอคุมกฏรู้แล้วว่าต้วนหลิงเทียนทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของปู้หง…หากเรื่องราวนี้แพร่กระจายออกไป ข้ากลัวว่าหากต้วนหลิงเทียนที่ลอบออกไปจากลัทธิบูชาไฟรู้เรื่องเข้า มันจะไม่ย้อนกลับมาอีก…”


 


ตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนไม่ย้อนกลับมา ถึงแม้จะมีความผิดร้ายแรงเพียงใด ทว่าหากไม่ได้รับการยืนยันให้แน่ชัด ทางหอคุมกฏของลัทธิบูชาไฟก็ไม่อาจตัดสินโทษคนได้ นับประสาอะไรกับเรื่องส่งยอดฝีมือไปตามล่าต้วนหลิงเทียน!


 


เพราะสุดท้ายแล้ว อาศัยเพียงวาจาลมปากของหลูเถี่ยเพียงอย่างเดียว หอคุมกฏก็ไม่อาจตัดสินต้วนหลิงเทียนว่าผิดจริงได้!


 


“หลินเอ้อ เพียงเจ้าฉุกคิดเรื่องนี้ได้พ่อก็ดีใจนัก”


 


ได้ยบินวาจาของต่งหลิน ต่งหยวนจิ้นอดไม่ได้ที่จะโล่งใจ “พ่อก็คิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน จึงสั่งให้คนปิดข่าวแต่แรก…เช่นนั้นเรื่องนี้ย่อมไม่มีทางแพร่งพรายออกไปจากหอคุมกฏ จนกว่าต้วนหลิงเทียนจะกลับมา!”


 


“และตราบใดที่คนของหอคุมกฏไม่ปริปากอันใด เช่นนั้นภายนอกย่อมไม่มีหนทางทราบเรื่องนี้…ต้วนหลิงเทียนเองก็ย่อมไม่มีวันล่วงรู้!”


 


หลังกล่าวจบแล้วสีหน้าต่งหยวนจิ้นก็เผยความมั่นใจไม่น้อย


 


“ท่านพ่อฉลาดยิ่ง!”


 


สองตาต่งหลินสว่างใสเป็นประกายขึ้นมาทันใด


 


ทว่าหลังจากนั้นต่งหยวนจิ้นก็ขมวดคิ้วกล่าวออกด้วยความไม่เข้าใจ “แต่พ่อยังสงสัยนัก ว่าต้วนหลิงเทียนมันออกไปจากลัทธิบูชาไฟด้วยวิธีใดกันแน่?”


 


ต้วนหลิงเทียนสามารถออกจากลัทธิบูชาไฟไปได้ภายใต้จมูกของต่งหยวนจิ้น จึงยากที่ต่งหยวนจิ้นจะไม่ติดใจ


 


ด้านต้วนหลิงเทียนที่อยู่ในนครแห่งบาป ก็ไม่ได้รู้เลยว่า…


 


ตอนนี้ในลัทธิบูชาไฟมีคนขุดหลุมรอให้เขากระโดดลงมา!


 


“ในที่สุด! ข้าก็ทะลวงผ่าน!!”


 


อย่างที่ต้วนหลิงเทียนคาดเอาไว้ไม่มีผิด ว่าเขาสมควรใช้เวลาไม่เกิน 2 เดือนทะลวงถึงเซียนปฐพีขั้นสูงสุด


 


แน่นอนว่าการที่เขาสามารถทะลวงด่านพลังได้เร็วขนาดนี้แม้จะไม่มีค่ายกลรวมวิญญาณเหมือนที่ลัทธิบูชาไฟ ล้วนเป็นเพราะรากวิญญาณของเขามันเจียนกลายเป็นสีครามเต็มที อีกทั้งเขาเองก็ขยันบ่มเพาะพลังอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย…


 


“กินเวลาไปกว่า 50 วันบนชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติแบบนี้…ข้างนอกก็ผ่านไป 5 วันสินะ…”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวพึมพำ


 


“ช่วงไม่กี่วันที่เหลือตีความเวทย์พลังต่อดีกว่า…ครบกำหนดพักโรงเตี๊ยมเมื่อไหร่ค่อยออกไปหาเหยื่อ! คราวนี้รากวิญญาณของข้าต้องกลายเป็นสีครามได้แน่!”


 


ต้วนหลิงเทียนวาดแผนเอาไว้เรียบร้อยว่าหลังจากนี้เขาจะทำอะไรต่อไป


 


แน่นอนว่าไม่กี่วันที่ว่าเป็นเวลาในโลกภายนอก


 


และเวลาที่เหลือ 4 วันกว่าในโลกภายนอก หากเป็นชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ก็เป็นเวลา 40 กว่าวัน!


 


เช่นนั้นแล้ว หลังใช้เวลาไปอีกเดือนกว่าๆบนชั้น 4 เจดียืหลิงหลง 7 สมบัติ ต้วนหลิงเทียนจึงค่อยออกมา


 


ถึงแม้เวทย์พลังทั้งหลายของต้วนหลิงเทียนจะยังไม่อาจบรรลุขั้นตอนความสำเร็จที่สูงขึ้นได้…แต่ก็มีความคืบหน้าไม่น้อย


 


ห่างจากขั้นตอนความสำเร็จต่อไปอีกแค่ก้าวเดียว


 


หลังเปิดประตูห้องหับเดินออกไปในสวน ต้วนหลิงเทียนก็สูดลมหายใจเข้ารับกลิ่นหอมจรุงของมวลบุปผาที่ปลูกไว้ด้านข้าง รู้สึกสดชื่ด หายจากอาการอุดอู้เบื่อหน่ายไม่น้อย


 


เขายืนสูดอากาศที่สวนอยู่พักหนึ่งค่อยเดินออกไปจากบ้านพักที่อาศัยอยู่มากว่า 9 วัน มุ่งหน้าไปแจ้งเรื่องออกพัก


 


หลังแจ้งเรื่องออกพักแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เดินออกจากโรงเตี๊ยมยินดีตอนรับทันที


 


“หืม?”


 


และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่เท้าของเขาก้าวออกจากโรงเตี๊ยมยินดีต้อนรับ ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ทันทีว่ามีสายตามากหมายหลายคู่กำลังจับจ้องมาที่เขา แม้จะเป็นการกวาดมองมาเพียงพริบตาเดียวก่อนที่จะละสายตาไป…แต่เขาก็จับสัมผัสได้ชัดเจน!!


 


หากไม่ใช่เพราะเขานับเป็นมือพระกาฬเรื่องการสะกดรอยตามและย้อนรอยจากชีวิตที่แล้ว แม้พลังฝึกปรือของเขาจะสูงส่งเพียงใด ก็คงยากจะจับจิตมุ่งร้ายจากสายตาหลายคู่ที่ลอบจับตาดูเขาอยู่ได้…


ตอนที่ 2,103 : เชิญท่านลงไห!


 


 


‘หรือพวกมันคิดฆ่าชิงทรัพย์กัน?’


 


ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ


 


หากแต่ต้วนหลิงเทียนไม่สนใจ


 


พวกมันไม่มายุ่งกับเขาก็แล้วไป แต่ถ้ากล้ามายุ่งกับเขา เช่นนั้นเขาก็จะกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณพวกมันให้เหี้ยน!


 


ตอนนี้รากวิญญาณของเขาเจียนเปลี่ยนเป็นสีครามเต็มที ขาดอีกแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น!


 


“ผู้เฒ่าหั่ว พวกมันมีพลังฝึกปรือขั้นไหนกัน?”


 


อย่างไรก็ตามด้วยห่วงความปลอดภัย ต้วนหลิงเทียนจึงกล่าวถามด่านพลังฝึกปรือของพวกที่ซุ่มจับตาดูเขากับผู้เฒ่าหั่วก่อน


 


หลังได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ผู้เฒ่าหั่วก็กล่าวตอบกลับทันที


 


“ทั้งหมดล้วนอยู่ในขอบเขตเซียนนภา…สำหรับเจ้าแล้วไม่มีใดให้กังวล”


 


หลังได้ยินคำตอบของผู้เฒ่าหั่วต้วนหลิงเทียนก็อึ้ง ยังอดไม่ได้ที่จะขำเบาๆ “นี่ข้าแลดูอ่อนแอขนาดนั้นเลยหรือ กระทั่งกุ้งฝอยเล็กๆน้อยๆขอบเขตเซียนนภาถึงหาญกล้ามาตอแย…”


 


ยังดีที่วาจานี้ของต้วนหลิงเทียนไม่มีใครมาได้ยินเข้า หาไม่แล้วพวกมันคงต้องกระอักเลือดกันบ้าง!


 


จะอย่างไรพวกมันก็บรรลุถึงขอบเขตเซียนนภา! แม้จะไม่ใช่ชนชั้นสุดยอดฝีมือของขอบเขตเซียนนภา แต่อย่างไรหากมองไปทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบน พวกมันก็มีพลังฝึกปรืออยู่ในค่าเฉลี่ย!!


 


ทว่าวาจาที่หลุดจากปากของต้วนหลิงเทียนคือเรียกหาพวกมันว่ากุ้งฝอย?


 


นอกจากนี้คล้ายต้วนหลิงเทียนจะลืมเลือนไปแล้ว


 


ว่าพลังฝึกปรือในปัจจุบันของเขา ก็ไม่ได้มากมายอะไรไปกว่าเซียนปฐพีขั้นสูงสุด!


 


ในสายตาของตัวตนขอบเขตเซียนนภา ขอเพียงตรวจพบพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียน ใจของพวกมันก็ไม่ได้ให้ราคาอะไรกับเขาเช่นกัน ยังคิดว่าเขามันก็แค่ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนปฐพีเท่านั้น


 


วูบ!


 


หลังได้รับทราบว่าผู้ที่ลอบจับตาดูเขาด้วยเจตนามุ่งร้ายเป็นแค่กลุ่มเซียนนภา ต้วนหลิงเทียนก็ไร้ใดให้กังวลเหินร่างออกไปจากหน้าโรงเตี๊ยมยินดีต้อนรับทันที


 


และหากคำตอบของผู้เฒ่าหั่วคือพวกมันมีพลังฝึกปรือที่คุกคามเขาได้ เขาก็จะย้อนกลับเข้าไปในโรงเตี๊ยมยินดีต้อนรับแทน


 


หากตึงมือเกินไปเขาก็แค่หลบ จะไปหาเรื่องทำเพื่อ?


 


ถึงแม้การยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณจะสำคัญ แต่ก็ไม่สำคัญเท่าชีวิตเขา!


 


ต้วนหลิงเทียนยังรู้หนักเบา เมื่อยกได้ก็วางได้


 


หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนเหินร่างออกจากโรงเตี๊ยมยินดีต้อนรับ


 


“เจ้านั่นมันเหาะไปแล้ว!”


 


“พวกเจ้ารีบติดตามมันไปเร็วเข้า…เดี๋ยวข้าจะรีบย้อนกลับไปแจ้งท่านผู้นำให้เอง!”


 


“ตามนั้น!”


 


……


 


ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนเหินร่างจากไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน เหล่าผู้ที่จับตาดูเขาโดยเผยเจตนามุ่งร้ายในสายตาก่อนหน้า ก็เร่งหารือกันจ้าละหวั่น พวกมันแยกกันทันที กลุ่มใหญ่เร่งรุดติดตามต้วนหลิงเทียนไปห่างๆ ส่วนอีกคนก็เร่งกลับไปรายงานผู้นำกองกำลัง!


 


แน่นอนว่าคนเหล่านี้ก็คือคนของกองกำลังพันธมิตรขวานปฐพี!


 


ผู้ที่ย้อนกลับไป ก็ย้อนกลับไปฐานที่มั่นของพันธมิตรขวานปฐพี


 


จุดประสงค์ของมันคือเร่งคาบข่าวเป้าหมายไปให้ผู้นำพันธมิตรขวานปฐพี ว่าอีกฝ่ายออกจากโรงเตี๊ยมยินดีต้อนรับแล้ว


 


ด้วยความที่ผู้นำของพวกมันให้ความสำคัญกับคนผู้นี้มาก พวกมันย่อมไม่กล้าลงมือเองโดยพลการ


 


‘หืม? ไม่ได้ตามข้ามาทั้งหมด แต่แยกไปบางส่วนหรือ?’


 


เมื่อคนของกองกำลังพันธมิตรเหินร่างตามมา ต้วนหลิงเทียนย่อมสัมผัสได้ทันทีว่าคนไม่ครบ


 


ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาบังเกิดความสงสัยขึ้นมาทันทีว่าพวกมันที่แท้เป็นใครกันแน่


 


‘หึ!’


 


แค่นคำเสียงเย็นในใจเบาๆ ต้วนหลิงเทียนก็เลือกเหินร่างออกไปจากนครแห่งบาปทันที


 


แน่นอนว่าความเร็วของต้วนหลิงเทียนไม่ได้มากมายอะไร ปรับให้อยู่ในขอบเขตของเซียนปฐพีขั้นสูงสุดเท่านั้น


 


“มันออกจากนครแห่งบาปแล้ว!”


 


เมื่อต้วนหลิงเทียนเลือกจะเหินร่างออกจากนครแห่งบาป เหล่าผู้ติดตามก็อดตกใจเสียไม่ได้


 


“พวกเรายังจะตามต่อหรือไม่?”


 


“แน่นอนว่าต้องตาม! ท่านผู้นำสั่งเอาไว้ว่าตราบใดที่มันออกจากโรงเตี๊ยมยินดีต้อนรับพวกเราต้องติดตามมันไปอย่าให้คลาดสายตาเด็ดขาด”


 


“มองจากความเร็วของมัน เจ้านี่อย่างดีก็เซียนปฐพีขั้นสูงสุดเท่านั้น ข้ามิรู้จริงๆว่าไฉนท่านผู้นำจึงให้ความสำคัญกับมันนัก…ถึงขั้นสัญญาว่าจะมอบรางวัลที่มากมายเกินระดับของมันไปเยอะแบบนั้น!”


 


“ช่างเถอะหน่า รีบตามมันไปกันก่อน…อีกไม่นานท่านผู้นำก็สมควรติดตามมาแล้ว”


 



 


หลังต้วนหลิงเทียนเหินร่างออกจากนครแห่งบาป เหล่าพันธมิตรขวานปฐพีก็ติดตามมาไม่คลาดสายตา


 


แน่นอนว่าเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ต้วนหลิงเทียนตรวจพบ พวกมันเลือกที่จะเว้นระยะห่างพอสมควร


 


ใครจะไปรู้ว่าต้วนหลิงเทียนพบตัวพวกมันตั้งแต่แรก!


 


‘เอาแถวนั้นละกัน’


 


หลังออกจากนครแห่งบาป ต้วนหลิงเทียนก็เหินมาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็แลเห็นภูมิประเทศสลับซับซ้อนอันเป็นป่ารกชัดอยู่เบื้องหน้า


 


ตั้งแต่ก่อนออกจตากนครแห่งบาปเขาก็วางแผนเอาไว้แล้ว


 


หาสถานที่ๆคนของพวกมันไม่อาจติดตามหาพบได้ง่ายๆ


 


หลังจากนั้นก็จะสอบปากคำพวกมันดูว่าตามเขามาเพราะอะไรกันแน่


 


หากพวกมันให้เหตุผลไม่ดี เขาก็ไม่รังเกียจที่จะกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของพวกมันให้หมด ให้พรสวรรค์รากวิญญาณของพวกมันเป็นสารอาหารบำรุงรากวิญญาณของเขา!


 


ต้วนหลิงเทียนที่เหินร่างมาถึงป่ารกชัดและใกล้ๆกับเทือกเขาอันแลดูสลับซับซ้อนก็ลงมือทันที


 


เขาเลือกที่จะเหินร่างลงไปยังจุดหนึ่ง หมายซ่อนตัวจากกลุ่มคนด้านหลัง


 


ฟุ่บ!


 


ร่างที่เหินอยู่บนฟ้าอยู่ๆก็ดิ่งลงเป็นวงโค้งที่แลดูไม่สมบูรณ์วงหนึ่ง หล่นไปในแนวเทือกเขาที่มีป่ารกแลดูมีภูมิประเทศซับซ้อน ก่อนที่จะหายไปต่อหน้าต่อตาพวกมัน


 


“เจ้านันมันมาที่นี่ทำไมกัน?”


 


“หรือที่นี่มีของดีอันใดซุกซ่อนอยู่?”


 


“มันคงไม่ใช่…คลังสมบัติของยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนหรอกนะ?”


 


….


 


เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนเหินร่างลงไปยังป่าเบื้องล่างก่อนที่จะหายตัวไป เหล่าคนของกองกำลังพันธมิตรขวานปฐพีอดไม่ได้ที่จะกล่าวคาดเดากันออกมาด้วยสงสัย


 


และในขณะที่หารือกัน สองตาพวกมันก็สว่างวาบขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว


 


เพราะสุดท้ายแล้วชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้ ก็เป็นผู้นำของพวกมันกำชับให้จับตาดูเป็นพิเศษ


 


หากบอกว่าคนที่มีพลังฝึกปรือเพียงเซียนปฐพีขั้นสูงสุดนั้น ถูกผู้นำสั่งให้จับตาดูเฉยๆโดยที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร ให้ตายพวกมันก็ไม่เชื่อ!


 


“หากเป็นคลังสมบัติของยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนจริง เช่นนั้นพันธมิตรขวานปฐพีของพวกเราก็พบโชคลาภครั้งใหญ่แล้ว”


 


เหล่าคนของพันธมิตรขวานปฐพีแต่ละคนสองตาลุกวาวด้วยกันทั้งสิ้น


 


ในสายตาคนของพันธมิตรขวานปฐพี หากพวกมันติดตามชายหนุ่มเบื้องหน้าไปจนพบกับคลังสมบัติของยอดฝีมือขอบเขตเซวียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนจริง แม้ของดีจะเป็นของผู้นำ แต่พวกมันก็ยังต้องได้แบ่งปันน้ำแกงมาดื่มสักถ้วย!


 


“มันลงไปในป่าแล้ว รีบตามไปเร็วเข้าเดี๋ยวจะคลาดกับมัน!”


 


ทันใดนั้นคนของพันธมิตรขวานปฐพีคนหนึ่งที่ยังแน่วแน่กับการจับตาดูต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวเตือนออกมา


 


เสียงของมันยังปลุกทุกคนให้ตื่นจากฝัน ดึงสติทั้งหมดกลับเข้าตัวทันที “ใชแล้ว! ปล่อยให้มันคลาดสายตาไปไม่ได้เด็ดขาด!”


 


ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!


 


……


 


ทันใดนั้นเหล่าพันธมิตรขวานปฐพีก็เหินร่างดิ่งลงไปในป่าตามต้วนหลิงเทียนอย่างไม่รอช้า


 


อย่างไรก็ตามทันทีที่ลงมาถึงในป่าพวกมันก็จำต้องสับสน


 


นั่นเพราะ…


 


พวกมันพบว่วาชายหนุ่มชุดม่วงที่พวกมันไล่ตามมาอย่างไม่ให้คลาดสายตาก่อนหน้า อยู่ดีๆก็หายไปในป่าอย่างไร้ร่องรอย ยังเสมือนหายไปในอากาศว่างเปล่าต่อหน้าต่อตาของพวกมัน


 


“อะไร? มันหายไปที่ใดแล้วเล่า?”


 


“พวกเราก็ไม่ได้ช้ากว่ามัน แล้วไฉนอยู่ๆมันหายตัวไปได้?”


 


“นั่นสิด้วยความเร็วของมัน แม้จะห่างจากพวกเราไปบ้างเพราะต้นไม้บังตา แต่มันก็ไม่ควรไวจนสลัดพวกเราหลุด!”


 



 


หลังคนของพันธมิตรลงมาถึงในป่าได้ไม่ทันไร พวกมันก็พบว่าเป้าหมายได้หายไปจากสายตาของพวกมันเสียแล้ว


 


หากเป็นตัวตนขอบเขตเซียนนภา ต่อเป็นเซียนนภาขั้นสูงสุดก็ไม่มีทางหายลับไปจากสายตาของพวกมันได้ นับประสาอะไรกับเซียนปฐพีขั้นสูงสุดคนหนึ่ง! ไฉนอยู่ๆถึงหายไปจากสายตาของพวกมันอย่างไร้ร่องรอยได้!?


 


“บัดซบ! นี่พวกเราคลาดกับมันแล้วหรือ!?”


 


“แย่แล้ว…หากท่านผู้นำพบว่าพวกเราคลาดกับมันจนเสียคนไปเพราะมัวแต่คุย…เกรงว่าพวกเราคงโดนลงโทษสถานหนักแน่!”


 


“ถูกลงโทษเป็นเรื่องเล็ก…ที่น่ากลัวที่สุดคือพันธมิตรขวานปฐพีของพวกเรา พลาดที่อยู่คลังสมบัติของยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนต่างหาก!”


 


……


 


เหล่าคนของพันธมิตรขวานปฐพีได้แต่มองหน้ากันอย่างทำอะไรไม่ถูก สีหน้าแววตาของทุกคนฉายความกังวลออกชัด


 


“หรือ…พวกเราแยกกันตามหาคนก่อนดี?”


 


สมาชิกพันธมิตรขวานปฐพีคนหนึ่งกล่าวแนะนำ


 


“ข้าเองก็คิดวว่าพวกเราคงทำได้แค่นั้นแล้ว…อย่างไรพวกเราก็มีกัน 9 คน เช่นนั้นแบ่งกันออกเป็น 3 กลุ่มๆละ 3 คนแล้วแยกย้ายกันตามหาร่องรอยของเจ้าหนุ่มชุดม่วงนั่นโดยแยกกันไป 3 ทิศทางเหนือ ตก ออก เป็นอย่างไร?”


 


คนของพันธมิตรขวาวนปฐพีอีกคนพยักหน้ารับก่อนที่จะกล่าวเสนอออกมา


 


และข้อเสนอของมันก็ถูกอีก 8 เห็นดีด้วย


 


“ไปเถอะ!”


 


และในขณะที่พันธมติรขวานปฐพีอีกคนโพล่งคำออกมา และทั้ง 9 กำลังจะแบ่งแยกออกเป็นกลุ่มเล็กๆ 3 กลุ่มเพื่อดำเนินการตามแผนนั้น…


 


“ไม่ต้องไปหาแล้ว…ข้าอยู่นี่”


 


เสียงไม่แยแสหนึ่งพลันดังขึ้น ซ้ำยังราวกับจะดังก้องขึ้นมาทั่วทิศทาง ทำให้สีหน้าท่าทางคนของกองกำลังพันธมิตรขวานปฐพีเปลี่ยนไปทันที


 


ครู่ต่อมาลูกตาของพวกมันก็หดเล็กลงโดยพลัน คิ้วขมวดเป็นปมยกใหญ่


 


นั่นเพราะอยู่ๆก็มีผู้คนผุดโผล่ขึ้นมาจากอากาศว่างเปล่าต่อหน้าต่อตาของพวกมันอย่างไร้ร่องรอย ราวกับภูตผี!


 


“ความเร็วนี่มัน…”


 


แน่นอนว่าคนของพันธมิตรขวานปฐพีทั้งหลายไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะโผล่ออกมาจากอากาศว่างเปล่าจริงๆ


 


เหตุเพราะพริบตาเดียวกันกับที่มันเห็นร่างดังกล่าวโผล่ขึ้นในอากาศเบาบาง พวกมันก็สัมผัสได้ถึงสายลมเย็นเยียบหนึ่งพัดผ่านมาจากด้านหลัง


 


ทว่าในบรรดาพวกมัน ที่ส่วนใหญ่อยู่ในขอบเขตเซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญ กระทั่งบางคนยังบรรลุถึงขอบเขตเซียนนภาขั้นสูงสุด กระทั่งที่พลังฝึกปรือต่ำสุดก็รั้งอยู่ในเซียนนภาขั้นกลาง แต่ทั้งหมดกลับไม่มีใครแลเห็นความเคลื่อนไหวของชายหนุ่มในชุดสีม่วงได้สักคนว่าอีกฝ่ายมาปรากฏตัวเบื้องหน้าพวกมันได้อย่างไร


 


‘ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์!’


 


ความคิดดังกล่าวผุดขึ้นในใจของพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 9 แทบจะพร้อมเพรียงกัน!


 


ด้วยเหตุนี้หน้าของพวกมันจึงเปลี่ยนสีไปอย่างร้ายแรง


 


บัดซบ!


 


คนที่พวกมันติดตามมาอยู่นานสองนานที่แท้เป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์!


 


ที่พวกมันเห็นอีกฝ่ายเป็นเซียนปฐพีขั้นสูงสุด ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะความเร็วที่อีกฝ่ายใช้ในการเหินบิน!


 


มาตอนนี้พวกมันตระหนักได้ว่าอาจเป็นอีกฝ่ายจงใจ!


 


เผลอๆอีกฝ่ายอาจจะพบตัวพวกมันแต่แรกแล้ว!


 


แน่นอนว่าผู้ที่ราวกับจะผุดโผล่ออกมาจากอากาศวว่างเปล่าต่อหน้าพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 9 ก็คือต้วนหลิงเทียนนั่นเอง


 


ด้วยเขาบังเกิดความคิด ‘เชิญท่านลงไห’ จึงล่อทั้ง 9 ให้มาติดกับที่นี่


 


“พวกเจ้า…มาจากพันธมิตรขวานปฐพีงั้นเหรอ?”


 


ต้วนหลิงเทียนที่ซ่อนตัวจับตาดูพวกมันอยู่พักหนึ่ง ย่อมได้ยินบทสนทนาของพวกมันเช่นกัน!


ตอนที่ 2,104 : แสงสุดท้าย…กระบี่?


 


 


ในขณะที่กล่าวถามออกไป แรงกดดันจากพลังที่ทัดเทียมกับขอบเขตเซียนสวรรค์ก็แผ่พุ่งออกไปกดทับพวกมันทั้ง 9 เอาไว้ เป็นพลังเซียนสุริยันที่ได้รับการหนุนเสริมจากปฐมเวทย์กลืนกินเรียบร้อยแล้ว!


 


ด้วยด่านพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนในปัจจุบันที่บรรลุถึงเซียนปฐพีขั้นสูงสุด แม้อาศัยพลังเซียนสุริยันอย่างเดียวไม่ได้ใช้ปฐมเวทย์กลืนกิน เขาก็แผ่แรงกดดันขอบเขตเซียนนภาขั้นสูงสุดได้แล้ว


 


ตอนนี้ด้วยมีเวทย์พลังสายสนับสนุนอย่างปฐมเวทย์กลืนกิน จึงทำให้พลังเซียนสุริยันของเขามีพลังอำนาจทัดเทียมกับพลังเซียนต้นกำเนิดของผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์!


 


ด้วยเหตุนี้ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนแผ่แรงกดดันออกมา ทั้งหมดจึงตระหนักได้ทันทีว่าต้วนหลิงเทียนเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์จริงๆ ร่างพวกมันจึงสะท้านขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว


 


เห็นได้ชัดว่าพวกมันถูกแรงกดดันพลังของเขาทำให้หวาดกลัวขวัญหนีดีฝ่อ!


 


“ขอรับใต้เท้า!”


 


คนพันธมิตรขวานปฐพีที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยที่สุด เร่งกล่าวตอบออกไปด้วยน้ำเสียงสุภาพกลัวตาย


 


ขณะเดียวกันหลังตอบคำไปแล้วมันก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าสบตากับต้วนหลิงเทียน


 


เหล่าพันธมิตรขวานปฐพีทั้งหลายเมื่อได้ยินคนกล่าวตอบออกไป ก็เร่งตอบรับคำตามๆกันไปจนครบ 9 คน


 


จังหวะนี้ในใจของพวกมันอดไม้ได้ที่จะบังเกิดคววามขุ่นเคืองใจในตัวผู้นำอยู่บ้าง


 


หากพวกมันรู้แต่แรกว่าชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าเป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ ต่อให้มีความกล้ามากกว่านี้อีกร้อยเท่า พวกมันก็ไม่กล้าสะกดรอยตามอีกฝ่ายมาแบบนี้!


 


เมื่อเผชิญหน้ากับคนของพันธมิตรขวานปฐพีที่หวาดกลัวจนตัวสั่น เรื่องราวหลังจากนั้นก็ง่ายดายแล้ว


 


ไม่ว่าต้วนหลิงเทียนจะกล่าวถามอะไร พวกมันก็ไม่กล้าโกหกต้วนหลิงเทียนทั้งสิ้น


 


“หืม? ผู้นำพันธมิตรขวานปฐพีให้พวกเจ้าคอยตามข้างั้นเหรอ?”


 


ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบ


 


ว่าคนของพันธมิตรขวานปฐพีเบื้องหน้าทั้งหมด ล้วนติดตามเขาเพราะคำสั่งของผู้นำอย่าง เหยาปู่จี ที่สั่งให้มาจับตาดูเขาหน้าโรงเตี๊ยมยินดีต้อนรับ


 


สำหรับเหตุผลที่เหยาปู่จีให้มาจับตาดูเขานั้น พวกมันไม่รู้


 


อย่างไรก็ตามพวกมันคาดเดาว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคลังสมบัติของยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน…


 


เมื่อต้วนหลิงเทียนได้ยินการคาดเดาของพวกมันเขาก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งไปอยู่บ้าง สมองของพวกมันมีรูหรือไร ไฉนคิดเป็นตุเป็นตะไปได้ขนาดนี้ มโนเก่งนัก!


 


‘แปลกจริง…ผู้นำพันธมิตรขวานปฐพีทำไมถึงส่งคนมาจับตาดูข้า?’


 


ต้วนหลิงเทียนงุนงง


 


เขามั่นใจ


 


ว่าในตอนที่เขาสังหารคนของพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 2 หน้าเมือง ไม่น่าจะมีใครแลเห็นใบหน้าเขาชัดเจน


 


‘จริงสิ…หลังจากเจ้าพวกนั้นตาย ดูเหมือนจะมีคลื่นพลังผันผวนบางประการ กลิ่นอายพลังยังคล้ายยันต์เต๋าอะไรสักอย่าง..หรือจะเป็นเพราะเรื่องนี้จริงๆ?’


 


ต้วนหลิงเทียนนึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมา และยังมีโอกาสเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นเพราะเรื่องนั้นตัวตนเขาถึงถูกเปิดเผย


 


จึงอดไม่ได้ที่จะลองถามผู้เฒ่าหั่วดู


 


“อาจเป็นได้”


 


ผู้เฒ่าหั่วกล่าวตอบยืนยัน “ยันต์เต๋าที่เจ้าว่าสมควรทำงานหลังจากที่พวกมันตายตก นั่นหมายความว่ายันต์เต๋านั่นสามารถทำงานได้โดยอัตโนมัติหลังจากที่ผู้ครอบครองยันต์เต๋าหรือถูกใช้ยันต์ส่งสัญญาณบางประการตายตก…”


 


“จากการคาดเดาของข้า…ยันต์เต๋าที่เปิดใช้งานจากร่างพวกมัน สมควรมีความสามารถในการส่งภาพเรื่องราวช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่เจ้าจะฆ่าพวกมันทิ้งไปยังผู้นำพันธมิตรขวานปฐพีอะไรนั่น ทำให้มันเห็นฉากสังหารของเจ้า”


 


ผู้เฒ่าหั่วกล่าว


 


“มียันต์เต๋าอะไรแบบนี้อยู่ด้วย?”


 


ต้องบอกเลยว่าวาจาของผู้เฒ่าหั่วทำให้ต้วนหลิงเทียนตกใจกลัวไม่น้อย ด้วยไม่คิดว่าในโลกนี้ยังมียันต์เต๋าอะไรแบบนี้ดำรงอยู่ ตอนไปเดินดูในจัตุรัสกลางของลัทธิบูชาไฟ ไฉนเขาไม่เคยพบเห็น…


 


“ไม่รู้จักและไม่เคยเห็นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี”


 


ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียนผู้เฒ่าหั่วก็ตอบยืนยันทันที


 


ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็ลอบกล่าวในใจ ‘กลับไปนครแห่งบาปคราวนี้ต้องหาตำหรับตำราอะไรอ่านไว้บ้างแล้ว ว่าในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบนมันมียันต์เต๋าอะไรให้ใช้บ้าง’


 


‘อย่างไรก็ตาม กับแค่ฆ่าคนไป 2 คน ผู้นำพันธมิตรขวานปฐพีถึงกับต้องระดมคนมากมายให้ตามหาข้าเลยงั้นเหรอ ยังส่งคนมาเฝ้าจับตาดูข้าแบบนี้อีก?’


 


‘จริงสิ…หรือจะเป็นเพราะกระบี่พันอาคมเซียน?’


 


ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็เดาเรื่องราวได้ เพราะในแหวนพื้นที่ของชายชราผู้เป็นเป้าหมายของคนพันธมิตรขวานปฐพีนั้น มันมีกระบี่พันอาคมเซียนอยู่!


 


และกระบี่พันอาคมเซียนของชายชราที่ตายตก แน่นอนว่าตอนนี้ย่อมตกทอดมาถึงมือเขา


 


เรียกว่ายิ่งคิดต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งมั่นใจว่าเป็นเพราะสาเหตุนี้แน่ๆ


 


“พลังฝึกปรือผู้นำพันธมิตรขวานปฐพีของพวกเจ้าบรรลุถึงขีดขั้นไหน แล้วคนที่แข็งแกร่งที่สุดในพันธมิตรขวานปฐพีของพวกเจ้ามีด่านพลังอะไร?”


 


ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็มองจี้ถามคนของพันธมิตรปฐพีเสียงขรึม


 


จากการสอบสวนคนของพันธมิตรขวานปฐพี ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบ


 


ผู้นำพันธมิตรขาวนปฐพีเรียกว่า เหยาปู่จี พลังฝีมือของมันบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน และในพันธมิตรขวานปฐพีก็มีมันบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนแต่เพียงผู้เดียว


 


นอกจากนั้นพลังฝีมือของเหยาปู่จีคนนี้ แม้มองทั่วเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนทั้งหมด แม้จะไม่ใช่คนที่ร้ายกาจที่สุด แต่มันก็อยู่ในอันดับบนๆ เรียกว่าเป็นชนชั้นยอดฝีมือคนหนึ่งที่เก่งกล้ากว่าระดับกลางๆและล่างๆไม่น้อย


 


ดูได้จากอันดับในรายนามยอดเซียนของมัน


 


ปู้หงที่แพ้พ่ายเขาที่ลัทธิบูชาไฟนั้น แม้จะบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนแล้ว แต่อันดับในรายนามยอดเซียนของมันก็แค่ 421 เท่านั้น ไม่นับว่าเป็นเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนที่ร้ายกาจอะไร


 


ทว่าผู้นำพันธฒิตรขวานปฐพีคนนี้ อันดับในรายนามยอดเซียนของมันคือ 266!


 


เช่นนั้นจึงเห็นความต่างระหว่างทั้งคู่ได้ชัดเจน


 


‘พันธมติรขวานปฐพีมีเหยาปู่จีคนเดียวที่บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน’


 


เป็นธรรมดาที่แม้จะรู้ว่าพลังฝีมือของเหยาปู่จีเหนือกว่าปู้หง ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้หวาดกลัวอะไร


 


เพราะด้วยพลังฝีมือของเขาในปัจจุบันหากใช้กระบี่นิลสวรรค์ ขอเพียงเหยาปู่จีไม่ใช่ตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน คิดฆ่ามันเขาก็ลำบากแค่พริบตาเดียวเท่านั้น


 


และในพันธมิตรขวานปฐพีก็มีเพียงเหยาปู่จีที่บรรลุเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน เปลี่ยนสู่เนตรวิญญาณเพียงคนเดียว…


 


ทำให้สามารถกล่าวได้ว่า


 


ในพันธมิตรขวานปฐพีแล้ว นอกจากเหยาปู่จีก็ไม่มีใครมีความสามารถที่จะจับร่องรอยกระบี่นิลสวรรค์ได้ หากเขาใช้เคล็ดกระบี่อยู่ที่ใจของยอดใจกระบี่ อาศัยกระบวนท่ากระบี่บินปลิดชีพมันก็ไม่มีใครรู้


 


สำหรับตัวเหยาปู่จีนั้น เกรงว่าทำได้แค่เห็นเงากระบี่ของเขาในพริบตาสังหารเท่านั้น


 


และทันทีที่มันเห็น มันก็ไม่ต่างใดจากคนที่ตายไปแล้ว


 


“พวกเจ้าทั้ง 9 อยากจะอยู่หรือตาย?”


 


ต้วนหลิงเทียนมองไปยังคนพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 9 ด้วยสายตาเฉยเมย กล่าวถามออกด้วยน้ำเสียงไร้แยแส ไม่อาจสัมผัสได้ถึงอารมรณ์ยินดียินร้ายใดๆทั้งสิ้น


 


“ขอใต้ผู้ยิ่งใหญ่เท้าโปรดเมตตา ข้าน้อยยังมิอยากตาย”


 


“ใต้เท้าข้าพเจ้าก็มิอยากตาย…ขอใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่ละเว้นข้าพเจ้าด้วย”


 



 


เมื่อคนของพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 9 ได้ยินคำถามตัดสินชีวิตของพวกมันจากปากต้วนหลิงเทียน ต่างก็เร่งกล่าวาตอบด้วยน้ำเสียงวิงวอนร้องขอชีวิตทันที


 


ล้อกันเล่นหรือไง!


 


หากเลือกอยู่รอดได้ใครมันจะไปอยากตาย?


 


“ถ้างั้นก็นำทางข้าไปฐานที่มั่นพันธมิตรขวานปฐพีของเจ้าเสีย”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสงบ หากแต่ลึกลงไปในถ้อยคำกลับแฝงเร้นไว้ด้วยเจตนาฆ่าฟันขุมหนึ่ง


 


ราวกับมีโมโหไม่น้อยที่อีกฝ่ายคิดฆ่าเขาก่อน!


 


ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!


 



 


ทันทีที่ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ทั้ง 9 ก็สูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บทันที


 


ฟังจากวาจาของชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้า มิใช่อยากจะบุกไปฐานที่มั่นของพันธมิตรขวานปฐพีพวกมันหรอกหรือ?


 


ใยมิใช่ตะพาบคิดลงให ปลาพุ่งเข้าไปในร่างแห?


 


หากแต่ไม่ว่าพวกมันจะมองอีท่าไหน ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้ก็ไม่คล้ายคนสิ้นคิดเบื่อชีวิตคิดอยากตายสักกะผีกเดียว…


 


ดังนั้นย่อมเหลือความเป็นไปได้เพียงประการเดียวเท่านั้น


 


‘ใต้เท้าผู้นี้น่ากลัวว่าจะไม่เกรงกลัวอะไรผู้นำ!’


 


จังหวะนี้ในใจของคนพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 9 อดไม่ได้ที่จะสั่นไหว ยังเผยรอยยิ้มขื่นขมขึ้นมาถ้วนหน้า


 


สวรรค์ นี่พวกมันมาตอแยเทพยดาองค์ใดกัน?


 


พวกมันทุกคนเชื่อว่าที่อีกฝ่ายกล่าวถามเรื่องพลังฝึกปรือของผู้นำพวกมัน รวมถึงผู้ใดแข็งแกร่งที่สุดเมื่อครู่ หาได้ถามไปลอยๆไม่


 


อีกฝ่ายกำลังหยั่งถึงขีดจำกัดของพันธมิตรขวานปฐพี!


 


คนของพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 9 ย่อมไม่มีใครกล้าขัดความต้องการของต้วนหลิงเทียน ต่างเหินร่างขึ้นฟ้า หมายนำทางต้วนหลิงเทียนออกจากป่า และย้อนกลับไปยังนครแห่งบาปทันที


 


“เรียนใต้เท้าก่อนที่พวกเราจะเข้ามาในป่า ข้าน้อยได้ใช้หยกส่งสัญญาณติดต่อกลับไปแล้ว…”


 


หลังเหินร่างย้อนกลับไปได้ไม่นาน คนของพันธมิตรขาวนปฐพีคนหนึ่งก็กล่าวแจ้งเรื่องราวออกมาให้ต้วนหลิงเทียนรู้อย่างกล้ากลัวๆ “ตอนนี้ผู้นำพันธมิตรขาวนปฐพีเรา…สมควรกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เช่นกัน”


 


“อ่า…มันมาถึงแล้วล่ะ”


 


และแทบจะพร้อมกันกับที่เสียงของคนพันธมิตรขวานปฐพีผู้นั้นดังจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็คล้ายจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่เส้นขอบฟ้า อีกทั้งทิศทางดังกล่าวยังเป็นทิศทางกลับนครแห่งบาปพอดี


 


ซู่ม!


 


ต้วนหลิงเทียนย่อมสังเกตเห็นร่างหนึ่งที่กำลังพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงล้ำ


 


ความเร็วของร่างดังกล่าวยังสูงล้ำเหนือกว่าขอบเขตความเร็วที่เซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนจะบรรลุถึงได้


 


และไม่นานร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าคนพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 9 และต้วนหลิงเทียน


 


การมาถึงของมันยังทำให้คนของพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 9 โค้งคารวะด้วยความเคยชิน สองตายังแลดูสดใสขึ้นมาบ้าง “ท่านผู้นำ”


 


ผู้นำพันธมิตรขวานปฐพี เหยาปู่จี!


 


จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนก็ยืนยันตัวตนอีกฝ่ายได้ทันที ยังหันไปพินิจอีกฝ่ายด้วยความสนใจ


 


ชายวัยกลางคนผู้นี้รูปร่างหน้าตาแลดูธรรมดาเหลือเกิน หากโยนลงในฝูงชนเกรงว่าคงไม่อาจแยกแยะได้ออก


 


อย่างไรก็ตามหลังจากมาถึงแล้ว เหยาปู่จีก็ไม่สนใจการทำความเคารพของคนพันธมิตรมันทั้ง 9 เพียงมองต้วนหลิงเทียนไม่วางตา สายตาของมันยังคมกล้าปานมีดดาบ


 


เพียงเพราะว่า…


 


ชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้า คือคนที่ฆ่าลูกน้องทั้ง 2 ของมัน! มันเห็นหน้าตาอีกฝ่ายชัดเจนจากยันต์กระจกเงาแม่ลูก และเป็นคนที่เก็บกระบี่พันอาคมเซียนไป!


 


“เจ้า…”


 


ทันใดนั้นน้ำเสียงเยียบเย็นของเหยาปู่จีพลันดังขึ้น คล้ายคิดจะกล่าวคำอะไรบางอย่าง


 


ฟั่ฟฟฟ!!


 


ทว่าพริบตานั้นเอง เสียงหอนกรีดแหวกอากาศของกระบี่หนึ่ง พลันแว่วดังเข้าหูทุกผู้คน


 


ในขณะที่ลูกตาของเหยาปู่จี้กำลังหดหยี มันก็เห็นกระบี่หนึ่งที่ฉับไวปานลำแสงพุ่งมาถึงเบื้องหน้าด้วยความเร็วสูงล้ำเกินกว่ามันจะหลบได้ทัน!


 


ไม่ต้องกล่าวใดให้มาก…


 


เผชิญกับกระบี่ที่กระพริบลัดฟ้ามาดั่งประกายแสง อย่าว่าแต่จะหลบอะไร กระทั่งแค่ตอบสนอง มันยังไม่อาจตอบสนองใดได้ทันด้วยซ้ำ! แลเห็นได้เพียงแสงสุดท้ายที่พรากชีวิตของมันไป…!!


 


สึบบ!!


 


เสียงทะลวงชำแรกเลือดเนื้อหนึ่ง ดังขึ้นเข้าหูคนของพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 9! ยังดังขึ้นแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับเสียงกระบี่หอน พาลให้ใจพวกมันต้องสะท้านไปถึง 2 ครั้งติดต่อ!


 


ครู่ต่อมาพวกมันก็ได้แลเห็นฉากที่พวกมันคงไม่มีวันลืมเลือนได้ชั่วชีวิต


 


ผู้นำพันธมิตรขวานปฐพีของพวกมัน เหบาปู่จี ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนที่ติดอันดับที่ 266 ในรายนามยอดเซียน…


 


หว่างคิ้วปรากฏหลุมโลหิตอันน่าสยดสยอง…สมควรถูกหนึ่งกระบี่แทงทะลวงตกตาย!


 


“เป็นรากวิญญาณสีน้ำเงิน”


 


ต้วนหลิงเทียนที่ใช้เคล็ดกระบี่อยู่ที่ใจ ส่งกระบี่นิลสวรรค์พุ่งบินตัดฟ้าทะลวงหว่างคิ้วเหยาปู่จี้ เร่งรุดเข้ามาคว้าศพเหยาปู่จีทันที และเมื่อได้ฟังคำของผู้เฒ่าหั่ว สองตาของเขาก็ส่องสว่างขึ้นมาด้วยความยินดี ในใจยังตื่นเต้นนัก!


ตอนที่ 2,105 : ยอดฝีมือไร้สังกัดปรากฏตัว!


 


 


รากวิญญาณสีน้ำเงิน!


 


ต้วนหลิงเทียนคึกคักอักโขนัก


 


ถึงแม้ตอนนี้อีกฝ่ายจะมีแค่รากวิญญาณสีเหลือง แต่พรสวรรค์รากวิญญาณของเขาก็สามารถเปลี่ยนเป็นรากวิญญาณสีครามได้แน่นอนเช่นกัน!


 


แต่เขารู้อยู่แล้วว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของเหยาปู่จีไม่น่าใช่แค่สีเหลืองแน่ๆ!


 


เหยาปู่จีแม้จะเป็นผู้ฝึกตนพเนจร แต่อย่างไรมันก็เป็นถึงผู้นำกองกำลังพันธมิตรขวานปฐพีในนครแห่งบาป ยังเป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน…


 


ตัวตนเช่นนี้ต่อให้พรสวรรค์รากวิญญาณจะต้อยต่ำเพียงใดแต่ก็ไม่มีทางอ่อนด้อยกว่าสีเขียว


 


และด้วยความที่ตั้งแต่ก่อนที่จะมาถึงนครแห่งบาปเมื่อ 10 วันก่อน ต้วนหลิงเทียนก็ได้ใช้รูปโฉมปลอมนี้แล้ว อีกทั้งยังไม่ใช่ใบหน้าที่เขาเคยใช้ในลัทธิบูชาไฟ หรือเมืองคงหมิง


 


บวกกับเหล่าคนของพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 9 ที่ตอนนี้เต็มที่ก็แค่เซียนนภาขั้นสูงสุด


 


เขาจึงไม่จำเป็นต้องใช้เขตแดนหมื่นกระบี่ปิดกั้นสายตาพวกมันแต่อย่างไร เลือกที่จะฆ่าทั้งคิดกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของมันโต้งๆ


 


“รบกวนท่านแล้วผู้เฒ่าหั่ว”


 


ภายใต้สายตาตกตะลึงอื้ออึงของคนพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 9 ต้วนหลิงเทียนที่คว้าศพของเหยาปู่จีอยู่ก็เริ่มใช้ปฐมเวทย์กลืนกินดูดกลืนพรสวรรค์รากวิญญาณของเหยาปู่จีทันที!


 


และพรสวรรค์รากวิญญาณของเหยาปู่จีก็ไม่ทำให้ต้วนหลิงเทียนผิดหวัง


 


รากวิญญาณสีน้ำเงิน!


 


หากกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของเหยาปู่จีเสร็จสิ้น ก็จะเป็นอย่างที่ผู้เฒ่าหั่วเคยกล่าวบอกไว้ก่อนหน้า…พรสวรรค์รากวิญญาณของเขาจะเปลี่ยนเป็นสีคราม!


 


“ตอนนี้พรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าเป็นสีครามอย่างสมบูรณ์แล้ว…”


 


และทันทีที่เสียงของผู้เฒ่าหั่วดังขึ้น ต้วนหลิงเทียนก็จับสัมผัสพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบและลองโคจร 9 มังกรจักรพรรดิสงครามเพื่อบ่มเพาะพลังทันที พริบตามวลพลังวิญญาณฟ้าดินก็ถูกดูดซับเข้าร่างด้วยความเร็วสูง


 


“ความเร็วในการบ่มเพาะนี่มัน…เป็น 2 เท่าจากเมื่อก่อนเลย!”


 


เมื่อรับทราบถึงความเร็วของการบ่มเพาะในปัจจุบัน สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายสว่างจ้าปานดาราระยับกลางฟ้าในยามค่ำคืน


 


หลังจากที่ริบแหวนพื้นที่ของเหยาปู่จีและใช้สำนึกเทวะตรวจสอบว่าไร้อุปกรณ์พื้นที่ใดๆติดตัวแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็โยนร่างไร้วิญญาณเหยาปู่จีทิ้งปานขยะ


 


ตุบบ!!


 


เสียงกระแทกพื้นเสียงหนักแว่วดังมาจากเบื้องล่าง มองลงไปก็เห็นซากเนื้อเลอะเลือนกองหนึ่งคลุกฝุ่นดิน


 


และเสียงร่างมนุษย์แหลกเหลวนี้ก็ดึงสติของเหล่าพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 9 ให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวอีกครั้ง เมื่อมองไปยังร่างต้วนหลิงเทียนอีกรอบ สายตาของพวกมันก็ทั้งอึ้งทั้งผวาหวาดกลัวประหนึ่งเห็นผี


 


หวนนึกถึงฉากเรื่องราวเมื่อครู่ ใจพวกมันยังรู้สึกเคว้งควางไร้หลักเกินจะเชื่อได้ลงคอ


 


“ข้า…มิได้ฝันไปหรือ?”


 


“คนที่ร้ายกาจอย่างผู้นำ…กลับถูกสังหารก่อนที่จะทันได้กล่าวจบคำ?”


 


“ยังมิใช่การลอบโจมตีอันใด…เป็นการโจมตีซึ่งๆหน้า ทว่าท่านผู้นำกลับถูกฆ่าตายโดยที่ไม่แม้แต่จะตอบสนองอันใดได้เลย…”


 


…………


 


เหล่าพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 9ได้แต่มองหน้ากันและกันด้วยความหวาดกลัว เสียงของพวกมันยังสั่นไปไม่น้อย


 


พลังฝีมือของชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้า สุดที่พวกมันจะคิดคาดจินตนาการได้ออกจริงๆ!


 


ผู้นำพันธมิตรขวานปฐพีของพวกมัน จะอย่างไรก็เป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน แถมรั้งอยู่ในอันดับที่ 266 ของรายนามยอดเซียน! หากแต่ตัวตนที่มิใช่ชนชั้นต่ำทรามเช่นนี้กลับถูกชายหนุ่มชุดม่วงฆ่าตายอย่างง่ายดาย!!


 


เช่นนั้นที่แท้ชายหนุ่มชุดม่วงคนนี้พลังฝีมือสูงส่งขนาดไหน?


 


ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน?


 


หรือ…สูงกวานั้น?


 


ต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของคนพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 9 เพียงหันไปปรายตามองพวกมันผ่านๆเท่านั้น และไม่คิดจะสนใจอะไรพวกมันอีก


 


ในความคิดเขา


 


อย่างไรคนของพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 9 ก็เพียงกระทำตามคำสั่งของเหยาปู่จีให้มาจับตาดูและติดตามเขาเท่านั้น เช่นนั้นแล้วพวกมันก็ไม่มีความผิดถึงขั้นต้องตาย เขาจึงไม่คิดจะฆ่าพวกมันทิ้งแต่อย่างใด


 


ยิ่งไปกว่านั้นเหยาปู่จีก็ตายไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็คร้านจะบีบคั้นให้พวกมันหวาดกลัวอะไรสืบไป


 


“ใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่ โปรดรอสักครู่…”


 


อย่างไรก็ตามในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะเหินร่างจากไป พลันมีสมาชิกพันธมิตรขวานปฐพีคนหนึ่งกล้ากล่าวรั้งตัวเขาเอาไว้ ทำให้ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งเร่งเร้าพลังเซียนสุริยันเตรียมเหินร่างจากไปต้องชะงักทันที


 


“หือ?”


 


ต้วนหลิงเทียนหันมามองคนของพันธมิตรขวานปฐพีดังกล่าว ขมวดคิ้วถามว่า “เจ้ามีอะไรอีก?”


 


สมาชิกพันธมิตรขววานปฐพีคนอื่น เดิมทีเห็นว่าต้วนหลิงเทียนกำลังจะจากไป ก็ระบายลมหายใจอย่างโล่งอกกันยกใหญ่


 


แต่ตอนนี้พอเห็นสหายรั้งตัวดาวมฤตยูผู้นี้ไว้ ใจของพวกมันก็เต้นรัวขึ้นมาด้วยความหวาดกลัวอีกครั้ง


 


“ตัวบัดซบเจ้า! คิดทำบ้าอะไรอีก!?”


 


“สหายเลวเจ้าคิดสร้างปัญหาให้พวกเราหรือ…เจ้าไปหยุดดาวมฤตยูผู้นี้ทำเพื่อ! หรืออยากให้มันฆ่าพวกเราปิดปาก!?”


 


“บัดซบ! หากเจ้าอยากตายก็ไปตายแต่ผู้เดียวเถอะ! อย่าได้ลากพวกเราลงนรกด้วยแล้ว!!”


 


……


 


จังหวะนี้เหล่าพันธมิตรขวานปฐพีทั้งหลาย เร่งส่งเสียงผ่านพลังไปถล่มคนที่กล่าวรั้งต้วนหลิงเทียนเอาไว้กันจ้าละหวั่น เหงื่อกาฬทั้งหลายเริ่มแตกซิก ใคร่เหินร่างไปฉีกปากสหายน่าตายผู้นี้ให้รู้แล้วรู้รอดนัก! อยู่ดีๆไม่ทราบจะหาเรื่องทำอะไร!!


 


อย่างไรก็ตามคนพันธมิตรขวานปฐพีผู้นั้นกลับไม่แยแสคำของผู้ใดทั้งสิ้น


 


เพียงมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยทีท่าสุภาพเรียบๆร้อยๆ กล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงมากเคารพ “ใต้เท้ามิทราบนามยิ่งใหญ่ของท่านเรียกว่าอะไร?”


 


“หืม? เจ้าถามทำไม?”


 


ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ตอบกลับไป เพียงย้อนถามด้วยสงสัย


 


“เรียนใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่…แต่ก่อนผู้นำพันธมิตรขวานปฐพีของเรา อยู่ในอันดับที่ 266 ของรายนามยอดเซียน”


 


คนของพันธมิตรขาวนปฐพีคนนั้นกล่าวออกด้วยสีหน้าจริงจัง “บัดนี้ พวกเราได้รับทราบพลังฝีมืออันสูงส่งของใต้เท้าที่สังหารเหยาปู่จีได้ง่ายดายแล้ว…ขอเพียงพวกเรารับทราบนามอันิย่งใหญ่ของใต้เท้า พวกเราจักช่วยใต้เท้าเผยแพร่เรื่องราวการประมือในวันนี้ออกไป ให้ผู้คนได้รับทราบถึงตัวตนอันยิ่งใหญ่ของใต้เท้า”


 


“แต่หากใต้เท้ามีอันดับในรายนามยอดเซียนสูงส่งเหนือเหยาปู่จีแต่แรก…ข้าน้อยต้องขออภัยที่รบกวนเวลาอันมีค่าของใต้เท้า ท่านเพียงลืมเรื่องราวที่ข้าน้อยกล่าวไปเสียเถอะ..”


 


คนของพันธมิตรขวานปฐพีกล่าวแจกแจงออกมาอย่างละเอียด เจตนาช่วยเหลือต้วนหลิงเทียนให้ได้รับชื่อเสียง


 


และเมื่อได้ยินวาจาของพันธมิตรขวานปฐพีคนนี้ สหายของมันอีก 8 คนที่เหลือถึงกับตาลุกวาวขึ้นมาทันที


 


ไฉนพวกมันกลับไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้เล่า?


 


การกระทำดังกล่าวถือเป็นการ ‘ประจบประแจง’ ยอดฝีมืออันร้ายกาจตรงหน้า!


 


เพราะเรื่องดีงามเช่นนี้พวกมันจึงไม่คิดหวาดกลัวและห้ามรั้งอะไรสหายอีก ยังกลับลำปั้นหน้าแย้มยิ้ม เร่งกล่าวกันออกมาจ้าละหวั่น


 


“ใต้เท้าสหายประเสริฐของข้ากล่าวถูกต้องแล้ว! ตราบใดที่ท่านแจ้งชื่อแซ่อันยิ่งใหญ่ของท่านให้พวกเราทราบ พวกเรารับรองว่าเรื่องราวในวันนี้จักเลื่องลือไปทั่ว!”


 


“ขอใต้เท้าโปรดมั่นใจ หากผู้ใดกล้ามิเชื่อถือว่าพลังฝีมือใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่สูงส่งถึงขั้นนี้ ข้าจักใช้ชีวิตเป็นเดิมพันกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สรรค์เก้าเก้าให้มันดู!”


 


……


 


แม้คนของพันธมิตรขวานปฐพีอีก 8 คนจะรู้ตัวช้าไปบ้าง แต่เมื่อรู้เพราะมีสหายดีงามลงมือก่อนเป็นการชี้ทาง ต่างก็เร่งสรรเสริญเยินยอเอาอกเอาใจต้วนหลิงเทียนกันใหญ่!


 


ต้วนหลิงเทียนมองคนของพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 9 ค่อยพยักหน้ารับทราบ “ข้าเรียกว่าลี่เฟิง”


 


หลังจากเสียงของเขาดังขึ้น ร่างเขาก็อันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตาคนพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 9 ทันที


 


หลังจากต้วนหลิงเทียนจากไปและไร้ซึ่งกลิ่นอายพลังกดดันอันใดในบรรยากาศ ทั้ง 9 ก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก


 


“ลี่เฟิง…นามนี้ใช่มีอันดับใดในรายนามยอดเซียนอยู่ก่อนแล้วหรือไม่?”


 


หลังจากที่โล่งอกและหายใจหายคอกันสะดวกคล่องปอดแล้ว ทั้ง 9 ก็เริ่มมองหน้าถามไถ่กันทันที


 


“ข้าติดตามยอดฝีมือทั้ง 1,000 ในรายนามยอดเซียนทุกคน…หากทว่ารายงานฉบับล่าสุดกลับไร้ซึ่งนาม ลี่เฟิง!”


 


“เช่นนั้นดูเหมือนว่า ลี่เฟิง ผู้นี้สมควรเป็นผู้ฝึกตนพเนจรที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามมาก่อน!”


 


ถึงแม้รายนามยอดเซียน จะจัดอันดับยอดฝีมือระดับแนวหน้าของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบน


 


หากแต่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบนกว้างใหญ่ไพศาลนัก มีผู้ฝึกตนพเนจรที่เป็นดั่งพยัคฆ์ซุ่มมังกรซ่อนอยู่มากมาย บางคนแทบไม่เคยปรากฏตัวให้ผู้ใดเห็นถึงแม้พลังฝีมือจะสะท้านฟ้าดินก็ตามที ซึ่งหากไม่เปิดเผยออกมาให้ผู้ใดล่วงรู้ ก็ไม่อาจมีชื่อติดอยู่ในรายนามยอดเซียนได้


 


ในสายตาของเหล่าพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 9


 


ชายผู้แข็งแกร่งถึงขั้นสังหารเหยาปู่จี ผู้นำพันธมิตรขวานปฐพีของพวกมันได้อย่างง่ายดายและอ้างตัวว่าชื่อลี่เฟิงผู้นี้ สมควรเป็นผู้ฝึกตนซุ่มซ่อน เพียงเปิดตัวสู่โลกหล้าก็คว้าอันดับ 266 ในรายนามยอดเซียนมาได้ง่ายดาย!


 


“หลังจากวันนี้นามลี่เฟิงต้องโด่งดังไปทั่วนครแห่งบาป…ไม่สิต้องโด่งดังไปทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแน่!”


 


เรื่องนี้เหล่าพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 9 มั่นใจมาก


 


เพราะในสายตาของพวกมันยอดฝีมือในภูมิภาคเบื้องบน มากพอจะกล่าวได้ว่าเป็นยอดฝีมือของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าทั้งหมด


 


เพราะกล่าวได้ว่า


 


ในยุคสมัยนี้ภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า เสมือนเป็นแดนล้าหลังและมีแต่ผู้อ่อนด้อยทั้งสิ้น


 


ถึงแม้ผู้คนในทั้ง 2 ภูมิภาคเมื่อรวมกันจะเรียกว่าเป็นคนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ทว่าชนชั้นยอดพฝีมือทั้งหลายก็ไปอยู่กันแต่ในภูมิภาคเบื้องบนหมดสิ้น


 


และหลังจากที่คนของพันธมิตรขวานปฐพีทั้ง 9 กลับไปถึงเมือง พวกมันก็ไม่กล้าล่าช้าหรือละเลย รีบกระทำตามคำกล่าว เร่งประกาศบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทันที


 


ทันใดนั้นข่าวอันน่าตื่นตระหนกก็พัดไปทั่วนครแห่งบาป


 


เหยาปู่จี เป็นผู้นำของพันธมิตรขวานปฐพี ตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนที่รั้งอยู่ในอันดับ 266 ของรายนามยอดเซียน


 


ตัวตนเช่นนี้กระทั่งในนครแห่งบาปก็ถือว่าเป็นตัวตนที่อยู่ระดับบนๆ


 


ดังนั้นข่าวเรื่องที่มันถูกฆ่าตายย่อมทำให้ผู้คนรู้สึกสนใจกันไม่น้อย


 


“ยอดฝีมือที่เรียกว่าลี่เฟิงคนนั้นฆ่าเหยาปู่จีได้ในชั่วพริบตาเลยหรือ เห็นว่ายังฆ่าเหยาปู่จีซึ่งๆหน้าไม่ได้ลอบโจมตีอะไรอีกด้วย?”


 


หลังได้รับทราบข่าว ผู้คนในนครแห่งบาปก็ตกใจกันไม่น้อย


 


เพราะพลังฝีมือดังกล่าวไม่ได้เหนือกว่าเหยาปู่จีแค่เล็กน้อยไม่!


 


“เหยาปู่จีคนนั้นมองในบรรดายอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนก็ถือได้ว่าพลังฝีมือไม่ต่ำทราม…กระทั่งพลังฝีมือของมันยังจัดว่าอยู่แถวๆต้นน้ำลำธารด้วยซ้ำ ไม่คาดกลับถูกฆ่าตายซึ่งๆหน้า”


 


“เช่นนั้นลี่เฟิงผู้นั้น ใช่ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนหรือไม่?”


 


บางคนคาดเดาเรื่องราว


 


และการคาดเดาของมันก็มีหลายคนที่เห็นด้วย


 


พวกมันเชื่อว่า


 


กระทั่งยอดฝีมือที่ร้ายกาจที่สุดในขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน ให้เผชิญหน้ากับเหยาปู่จีตรงๆ ก็คงไม่อาจฆ่าเหยาปู่จีได้โดยที่เหยาปู่จีไม่ทันได้ตอบสนองอะไรแบบนี้


 


พริบตาข่าวเรื่องราวก็แพร่กระจายออกไปทัว


 


ทันใดนั้นนามลี่เฟิงก็กวาดผ่านนครแห่งบาปดั่งพายุใต้ฝุ่น ยังพัดกวาดไปทั่วสารทิศ…


ตอนที่ 2,106 : ต้วนหลิงเทียนมียอดศาสตราเซียน?


 


 


รายนามยอดเซียนนั้น เป็นทำเนียบอันดับยอดฝีมือของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า และข้อมูลของยอดฝีมือจะถูกปรับให้ทันสมัยทุกๆเดือน


 


รายนามยอดเซียนที่ว่าถูกเผยแพร่ออกมาในรูปแบบตำราเล่มหนึ่ง เรียกว่ามันมีวางจำหน่ายดั่งนิตยสารประจำเดือนที่โลกเก่าของต้วนหลิงเทียนก็ว่าได้ เพียงแต่นี่เป็นนิตยสารฉบับคนในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเท่านั้น


 


เมื่อนามลี่เฟิงแพร่กระจายออกมาจากนครแห่งบาปในภาคกลาง ผู้คนในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าในภูมิภาคเบื้องบนทั้งภาคกลางก็ได้รับทราบการคงอยู่ของตัวตนดังกล่าวก่อนใคร


 


เป็นยอดฝีมือพเนจรไร้สังกัดอีกคน ที่อยู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมพลังฝีมืออันร้ายกาจ!


 


ยิ่งไปกว่านั้นการเปิดตัวของมัน ก็ทะยานถึงอันดับที่ 266 ของรายนามยอดเซียนทันที!!


 


ด้วยเหตุนี้นามของลี่เฟิงจึงได้ครองบันทัดแรกในรายนามยอดเซียนฉบับล่าสุด ทำให้ทุกผู้คนรู้จักได้โดยง่าย เรียกว่าใครก็ตามที่พึ่งติดอันดับในรายนามยอดเซียนเป็นครั้งแรก รายชื่อของมันจะถูกประกาศไว้ในหน้าแรกเช่นนี้เสมอ!


 


ทำให้นามลี่เฟิง จากที่ไม่มีผู้ใดรู้จัก กลับกลายเป็นโด่งดังในชั่วข้ามคืน!


 


เหตุการณ์นี้กระทั่งเจ้าตัวอย่างต้วนหลิงเทียนก็คิดไม่ถึง


 


หลังจากวันที่ฆ่าเหยาปู่จีได้แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็กลับไปยังนครแห่งบาป และหาโรงเตี๊ยมแห่งใหม่เพื่อปิดด่านบ่มเพาะทันที


 


ตอนนี้พรสวรรค์รากวิญญาณของขาได้กลายเป็นสีครามแล้ว


 


มีคำกล่าวที่ว่าตีเหล็กต้องตีตอนร้อน เขาจึงคิดทะลวงให้ถึงขอบเขตเซียนนภาขั้นต้นในบัดดล!


 


“หากไม่ทะลวงถึงขอบเขตเซียนนภาข้าจะไม่ออกจากการปิดด่าน!”


 


หลังขึ้นมาถึงชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ก่อนที่จะสงบจิตบ่มเพาะพลัง ต้วนหลิงเทียนก็กำหนดเป้าหมายอย่างแน่แน่ว!


 


ส่วนเรื่องราวในโลกภายนอกนั้น


 


ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโด่งดังถึงเพียงไหน เมื่อผู้คนรับรู้แล้วมันก็จะค่อยๆซาลง สิ้นความสนใจในที่สุด


 


นามลี่เฟิงจึงมีผู้ในนครแห่งบาปกล่าวขานถึงกันแค่พักหนึ่งเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดถึงอีก


 


แน่นอนว่านี่เป็นเพราะนครแห่งบาปได้รับรู้เรื่องราวของลี่เฟิงก่อนใครอื่น จึงทำให้เรื่องราวมันซาลงอย่างรวดเร็ว


 


หากทว่าในเมืองอื่นๆที่อยู่ห่างจากนครแห่งบาปไกลๆ ผู้คนยังพึ่งได้รับทราบ ทำให้ยังคงกล่าวขานถึงกันอยู่บ้าง


 


และเป็นเวลาเกือบเดือนนามลี่เฟิงถึงค่อยกระจายไปทั่วภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า


 


ณ ส่วนตะวันตกของเมืองคงหมิง คฤหาสน์ตระกูลชิว


 


“คุณหนูมู่ชิงข่าวดี! มีข่าวดีขอรับ!!”


 


ตอนเช้าตรู่ พลันมีเสียงตื่นเต้นยินดีหนึ่งดังมาแต่ไกล ทำลายความสงบในเรือนส่วนตัวของชิวมู่ชิงหมดสิ้น


 


แน่นอนว่าผู้มาเพียงกล้าแค่ร้องปาวๆหน้าเขตเรือนส่วนตัวของชิวมู่ชิงเท่านั้น ไม่กล้าล่วงล้ำเข้ามาหากไม่ได้รับอนุญาต


 


มันเป็นชายชราคนหนึ่ง ในมือถือตำราใหม่เอี่ยมไว้แน่น หน้าปกมีลายพู่กัน ‘รายนามยอดเซียน ทำเนียบสุดยอดฝีมือแห่งแดนดิน’ เขียนไว้อย่างสละสลวยสวยงาม เป็นรายนามยอดเซียนฉบับล่าสุด!


 


“อาวุโสเหลียง คุณหนูให้ข้ามาเชิญท่าน”


 


ครู่ต่อมาก็มีสาวรับใช้หน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่งมากล่าวคำกับชายชรา


 


ได้ยินดังนั้นชายชราก็เดินตามสาวรับใช้ไปต้อยๆ ไม่นานก็ได้แลเห็นชิวมู่ชิงที่นั่งอยู่ในศาลาชมบุปผากลางสวนดอกไม้หลังเรือน


 


ชิวมู่ชิงยังคงเดิม รูปโฉมยังงดงามไม่เปลี่ยน เพียงนั่งอยู่เฉยๆก็ให้ความรู้สึกเหมือนเทพธิดาอยู่บ้าง


 


“อาวุโสเหลียงท่านบอกว่ามีข่าวดีมาแต่เช้า…ไม่ทราบว่าเป็นข่าวดีเรื่องใดหรือ?”


 


ขิวมู่ชิงยิ้มถามชายชราที่เดินขึ้นมาในศาลา


 


ชายชราที่ถูกเรียกหาว่าอาวุโสเหลียงนี้มันคือตงฟางเหลียงอาวุโสลำดับที่ 2 ของตระกูลตงฟาง และเป็นหนึ่งในตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ที่มีอยูเพียงไม่กี่คนในเมืองคงหมิง


 


หากใครมาเห็นทีท่าเคารพสุภาพของมันต่อหน้าสตรีคุณหนูชิวมู่ชิงแห่งตระกูลชิวเช่นนี้ เกรงว่าคงได้ตกใจจนหัวใจวายกันไปข้าง เพราะเรื่องนี้มันช่างเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อนัก!


 


ในเมืองคงหมิงแห่งนี้ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์เพียงนับได้แค่หยิบมือ ฐานะของพวกมันล้วนแล้วแต่สูงส่งทั้งสิ้น


 


อีกทั้งอาวุโส 2 ของตระกูลตงฟางอย่าง ตงฟางเหลียงผู้นี้ก็มิใช่ชนชั้นเซียนสวรรค์ธรรมดาๆ กระทั่งประมุขตระกูลชิวยามพบพานยังต้องให้หน้ามันอยู่หลายส่วน


 


ทว่าตอนนี้ต่อหน้าชิวมู่ชิงลูกสาวประมุขสกุลชิว มันกลับปฏิบัติตัวดั่งข้ารับใช้!


 


และในความเป็นจริง มันก็คือข้ารับใช้ของชิวมู่ชิงนั่นล่ะ!


 


ตอนแรกในใจตงฟางเหลียงย่อมรู้สึกต่อต้านไม่น้อย


 


หากแต่เมื่อพบว่าชิวมู่ชิงไม่ได้เห็นมันเป็นดั่งข้ารับใช้อย่างที่มันจำใจกล่าวคำสาบาน และปฏิบัติต่อมันด้วยดีแถมให้คววามเคารพเหมือนกาลก่อน มันก็ไม่ได้ไม่พอใจและรู้สึกต่อต้านอันใดอีก เริ่มปรับตัวให้เข้ากับบทบาทสุดท้ายก็ยอมลงให้ชิวมู่ชิง


 


เรียกว่าใช้ ‘ใจและคุณธรรมชิงชัย’ ก็คงเป็นเช่นนี้กระมัง


 


“คุณหนูมู่ชิงท่านดูนี่เร็ว”


 


ตงฟางเหลียงยื่นมือออกไปทันที ส่งรายนามยอดเซียนฉบับล่าสุดให้ชิวมู่ชิง กล่าวออกด้วยความตื่นเต้น “ท่านพลิกดูเถิด บรรทัดที่ 2 หน้าแรกหลังปก!!”


 


ชิวมู่ชิงรับรายนามยอดเซียนฉบับล่าสุดมาจากมือตงฟางเหลียงก่อนที่จะพลิกเปิดตามคำบอก


 


หลังมองอ่านไปไม่ทันไร สองตาคู่งามปานสารทฤดูก็กลมโตใสกระจ่าง


 


นั่นเพราะนางได้แลเห็นนาม ลี่เฟิง!


 


“ลี่เฟิง ผู้ฝึกตนพเนจรไร้สังกัด ปัจจุบันพักอาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยมทางตอนเหนือของนครแห่งบาปในภาคกลาง ได้สังหารเหยาปู่จี อันดับที่ 266 ในรายนามยอดเซียนระหว่างการประมือ ช่วงชิงอันดับที่ 266 มาได้อย่างสมศักดิ์ศรี!”


 


ถัดจากบทความประโยคแรกแล้ว บทความประโยคต่อมาก็รายงานความสำเร็จในอดีตของเหยาปู่จีไว้คร่าวๆ เพื่อให้ผู้คนรับทราบถึงพลังฝีมือของเหยาปู่จี และทราบถึงความไม่ธรรมดาของลี่เฟิงผู้ที่สังหารมันได้


 


ยิ่งไปกว่านั้นบทความเป็นประโยคสุดท้ายยังกล่าวสรุปเอาไว้อีกด้วยว่า…


 


พลังฝีมือที่แท้จริงของลี่เฟิง อาจจะติดอยู่ใน 200 อันดับแรกของรายนามยอดเซียน!


 


นครแห่งบาป ภาคกลาง!


 


ลี่เฟิง!


 


นอกจากนั้นยังเป็นชายหนุ่มยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์อันร้ายกาจ!


 


ทันทีที่ได้รับทราบข้อมูลชิวมู่ชิงก็ยืนยันได้ทันที


 


ลี่เฟิงผู้นี้ คือบุรุษที่นางเฝ้าฝันถึงอยู่ทุกคืนวัน


 


แน่นอนว่านางรู้ดีว่านามลี่เฟิงนี้เป็นเพียงนามแฝงเท่านั้น ส่วนชื่อแซ่ที่แท้จริงของชายคนนี้ก็คือ ต้วนหลิงเทียน 1 ใน 8 อัจฉริยะท้าทายสวรรค์ของลัทธิบูชาไฟ ที่ทุกคนรู้จักกันดี!


 


‘มิอยากเชื่อเลย…ว่ากระทั่งเขาจากไปเป็นเดือนแล้ว แต่ข้ายังคงรู้สึกเหมือนพึ่งพบเขาเมื่อวาน’


 


ชิวมู่ชิงระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน ในแววตาฉายความซับซ้อนไม่น้อย


 


หากเป็นในอดีตต่อให้ฆ่านางให้ตาย นางก็ไม่มีวันเชื่อว่านางจะชมชอบบุรุษที่พึ่งรู้จักกันไม่ถึงวันเข้าไปได้…


 


กระทั่งคิดว่าความหลงใหลชั่ววูบนี้จะค่อยๆหมดไปหลังเวลาผ่านไปสักพัก ในที่สุดก็ค่อยๆลืมเลือนกันไป…


 


ทว่าแม้จะผ่านไปเดือนกว่าภาพบุรุษคนนั้นยังชัดเจนในใจ นางไม่อาจลืมได้เลย


 


ตลอดหลายปีที่ผ่านในใจของนางไม่เคยมีที่ว่างให้ชายใด อนิจจายามนี้กลับมีชายคนหนึ่งบุกรุกเข้ามายึดครองพื้นที่ในใจ ยังเป็นเหมือนกระดูกติดลำคอ จะกลืนก็ไม่ได้จะคายก็ไม่ออก ชวนให้ทุกข์ทรมาณนัก!


 


“บางที…คงถึงเวลาที่ข้าจะต้องออกจากเมืองคงหมิงแล้ว”


 


ชิวมู่ชิงกล่าวพึมพำ สองตาทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง


 


“แม่นางมู่ชิง…ท่านคิดว่าบุรุษผู้นี้ใช่ใต้เท้าลี่เฟิงหรือไม่?”


 


เมื่อเห็นว่าชิวมู่ชิงเหม่อลอยไปพักหนึ่งพอคืนสติแล้ว ตงฟางเหลียงก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมา


 


ถึงแม้มันจะเดาได้ว่าลี่เฟิงผู้นี้สมควรเป็นใต้เท้าลี่เฟิงที่เคยสำแดงพลังอันร้ายกาจในโถงหลักตระกูลชิว แต่มันก็ยังไม่แน่ใจ


 


“เป็นเขานั่นล่ะ”


 


ชิวมู่ชิงพยักหน้ารับค่อยกล่าวเสริม “ก่อนที่เขาจะจากไป…ได้กล่าวบอกข้าเอาไว้แต่แรกแล้วว่าจะไปนครแห่งบาป”


 


ชิวมู่ชิงกล่าวยืนยันให้ตงฟางเหลียงฟังจบ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง


 


เป็นเขาจริงๆ…


 


ขณะเดียวกันทางภาคตะวันตก 1 ใน 3 ลัทธิที่เป็นมหาอำนาจยักษ์ใหญ่อย่างลัทธิบูชาไฟ ก็ได้รับรู้เรื่องราวจากรายนามยอดเซียนฉบับล่าสุดเช่นกัน ทำให้เป็นประเด็นในการสนทนาไม่น้อย


 


จะสูงหรือต่ำในลัทธิบูชาไฟ ได้รับทราบนามลี่เฟิงทั้งสิ้น


 


อย่างไรก็ตาม ต่อให้หลับพวกมันก็ไม่อาจฝันถึง


 


ว่าลี่เฟิงคนนี้ที่แท้ก็คือศิษย์ที่แท้จริงนามต้วนหลิงเทียนของลัทธิบูชาไฟพวกมันนี่เอง!


 


ณ แท่นบูชามังกรคราม 1 ใน 4 แท่นบูชาจตุรลักษณ์ของลัทธิบูชาไฟ


 


ช่วงนี้ปู้หง ศิษย์ส่วนตัวของจ้าวแท่นบูชามังกรครามก็ได้มาพักอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของจ้าวแท่นบูชามังกรคราม


 


และไม่กี่วันตอนที่ได้รับข่าวสารหนึ่งจากนครแห่งบาป ก็ทำให้มันมีโมโหนัก


 


ด้วยอารามที่อารมไม่ดีอยู่เป็นทุน ปู้หงยังหงุดหงิดจนแทบกระอักเลือด…ตัวมันไปเยือนนครแห่งบาปตั้งแต่เมื่อใดยังไปฆ่าใครก็ไม่ทราบ!? นองชายคนเล็กของรองผู้นำกองกำลังอีกาทมิฬบัดซบอันใดมันรู้จักที่ไหน?! ใยอีกฝ่ายถึงมาประกาศว่ามันเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้!?


 


ด้วยความที่มันมีลัทธิบูชาไฟโดยเฉพาะมีอาจารย์อย่างหลูเถี่ย ไหนเลยมันจะหวาดกลัวคำขู่ของกองกำลังอีกาทมิฬ?


 


หากแต่อยู่ดีๆถูกใส่ความเช่นนี้ย่อมทำให้มันมีโมโหนัก!


 


“ลี่เฟิง ยอดฝีมือพเนจรไร้สังกัดดั่งพยัคฆ์ซุ่ม เพียงเปิดตัวครั้งแรกก็สามารถฆ่าเหยาปู่จี อันดับที่ 266 ในรายนามยอดเซียน ชิงอันดับมาครองได้อย่างสมศักดิ์ศรี”


 


ตอนนี้ในมือปู้หงก็กำลังถือรายนามยอดเซียนฉบับล่าสุดเอาไว้เช่นกัน


 


และในรายนามยอดเซียนฉบับล่าสุดนี้ ตัวมันก็หล่นจากอันดับที่ 421 ไปอยู่ในอันดับที่ 537 ของรายนามยอดเซียน เรื่องนี้ก็ทำให้มันหดหู่ใจมากขึ้นไปอีก


 


“หากข้าเป็นอย่างลี่เฟิง ที่เพียงเปิดตัวก็เข้าไปอยู่ใน 300 รายชื่อแรกของรายนามยอดเซียน มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน ไม่ทราบจักทำให้ท่านอาจารย์ภาคภูมิใจถึงขนาดไหนกัน…”


 


ครู่ต่อมาปู้หงก็กำหมัดแน่น รายนามยอดเซียนฉบับล่าสุดก็พลอยยับย่นไปด้วย


 


“ด้วยพรสวรรค์ของข้าในกาลก่อนหากให้เวลาข้ามากพอ ต่อให้จะเป็น 100 อันดับแรก 50 อันดับแรกหรือแม้แต่กระทั่ง 30 อันดับแรกก็มิใช่เรื่องที่ข้าจะทำไม่ได้!”!!”


 


“นั่นเพราะพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าคือสีคราม! ด้วยรากวิญญาณสีครามกระทั่งให้กวาดตามองไปทั่วแดนดินเทพยุทธ์เซียนเต๋า ตัวข้าก็นับเป็นอัจฉริยะระดับแนวหน้าของแดนดิน!!”


 


“ทว่าตอนนี้…จบสิ้นแล้ว…ทั้งหมดล้วนจบสิ้นกันแล้ว! ข้าไม่มีโอกาสอันใดหลงเหลือ!!”


 


ยิ่งพึมพำกับตัวนานเข้าสองตาปู้หงก็ยิ่งแดงฉาน ทั่วร่างสั่นสะท้านไปด้วยความคับแค้นไม่ยินยอม ยังเจ็บปวดรวดร้าวไปด้วยความสิ้นหวังกับอนาคตเบื้องหน้าที่เป็นดั่งเหวลึกไร้ทางไป ใจรู้สึกเสมือนร่วงตกจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ลงสู่ขุมนรกอเวจีในชั่วข้ามคืน


 


“ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะสารเลวชั่วชาติต้วนหลิงเทียนนั่น!”


 


“หากมิใช่มัน ข้าตอนนี้ไหนเลยจะจมอยู่ในหุบเหวไร้หนทาง! ข้ายังจะเสียรากวิญญาณสีครามไปได้อย่างไร!!”


 


ยิ่งพึมพำกับตัวเองมากเท่าไหร่ ปู้หงก็ยิ่งเจียนบ้ามากขึ้นเท่านั้น หากแต่สุดท้ายจากคุ้มคลั่งก็กลายเป็นเงียบงันสงบลงอย่างประหลาด


 


เพราะในหัวของมันพลันมีฉากเรื่องราวที่ประมือกับต้วนหลิงเทียนวันนั้นฉายวนซ้ำขึ้นอีกครั้ง…และฉากเรื่องราวก็ชัดเจนเหมือนพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน


 


วินาทีนี้ปู้หงส์กลับอยู่ในความสงบ จิตนิ่งอย่างถึงที่สุดในรอบหลายวัน


 


แม้ความสงบนี้จะคงอยู่เพียงชั่วคราว หากแต่ก็ได้ย้ำเตือนถึงเรื่องราวที่สำคัญอย่างยิ่งยวดกับมัน


 


และนั่นก็คือ…


 


“วันนั้นตอนต้วนหลิงเทียนประมือกับข้า ก่อนที่มันจะเอาชนะข้าได้…พลังฝึกปรือของมันที่เผยให้เห็นหลังใช้เวทย์พลังสนับสนุนนั่น…แม้ด่านพลังของมันจะบรรลุถึงเซียนสวรรค์ ทว่ากลิ่นอายพลังของมันยังคงอ่อนด้อยกว่าข้าแน่ๆ! แล้วไฉน กระบี่ของมันถึงได้รวดเร็วฉับไวจนน่าขันถึงขั้นที่ข้าไม่อาจตอบโต้อันใดได้?”


 


“ด้วยกลิ่นอายพลังฝึกปรือและความเร็วของมันที่เผยออกมาก่อนหน้า ไม่มีทางที่มันจักบรรลุกระบี่ไวดังกล่าวด้วยพลังฝีมือส่วนตัวของมัน! ต่อให้กระบี่ของมันจะเป็นกระบี่พันอาคมเซียนแต่ก็ไม่มีทางว่องไวได้ถึงขนาดนั้น!!”


 


“ดูเหมือนว่ากระบี่เล่มนั้นของมันจักเป็นกระบี่หมื่นอาคมเซียน! เป็นยอดศาสตราเซียนที่ติด 1 ใน 10 ของรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่!!”


ตอนที่ 2,107 : กระบี่ 9 สวรรค์, กระบี่ไร้ลักษณ์!


 


อาจารย์ของปู้หงก็คือหลูเถี่ย


 


หลูเถี่ยผู้นี้ก็คืออาวุโสเพลิงทองที่มีพลังฝีมือกล้าแข็งคนหนึ่งของลัทธิบูชาไฟ


 


ตัวตนเช่นนี้แน่นอนว่าย่อมมีศาสตราพันอาคมเซียนไว้ในครอบครอง


 


ด้วยเหตุนี้ปู้หงจึงพลอยมีความเข้าใจในพลังอำนาจของศาสตราพันอาคมเซียนไปด้วย “หากกระบี่ที่มันใช้เป็นกระบี่พันอาคมเซียน ด้วยพลังฝึกปรือของมันที่แม้จะได้รับการหนุนเสริมจากเวทย์พลังสนับสนุนแล้ว ต่อให้ใช้ออกด้วยวรยุทธ์เซียนระดับนภาโดดเด่นที่บรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิผสานเวทย์พลังจู่โจมอันใด…กระบี่ของมันก็ไม่มีทางรวดเร็วได้ถึงขนาดนั้น!!”


 


“ต้องทราบด้วยว่าจะอย่างไรข้าก็คือเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน เปลี่ยนสู่เนตรวิญญาณ สองตาของข้าคือเนตรวิญญาณแล้วแท้ๆ…แต่ข้ากลับมองแทบไม่เห็นกระบี่นั่นของมัน!”


 


“เช่นนั้นย่อมมีคววามเป็นไปได้ประการเดียวเท่านั้น…กระบี่ที่มันใช้…มีพลังอำนาจเหนือกว่าศาสตราพันอาคมเซียน!”


 


“และในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้…ที่เหนือยิ่งกว่ากระบี่พันอาคมเซียน ก็เห็นแต่จะมีแค่กระบี่หมื่นอาคมเซียน ยอดศาสตราเซียนประเภทกระบี่ในตำนานนั่น! และในบรรดายอดศาสตราเซียนในตำนานก็มีศาสตราประเภทกระบี่แค่ 2 เล่มเท่านั้น”


 


“นั่นคือ กระบี่ 9 สวรรค์ กับกระบี่ไร้ลักษณ์…ไม่ทราบกระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนถือครองอยู่เป็นเล่มใดกันแน่?”


 


เมื่อพึมพำถึงจุดนี้ ลมหายใจของปู้หงก็เริ่มถี่รัวขึ้น


 


“หากรากวิญญาณของข้าไม่ถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของต้วนหลิงเทียน…เรื่องนี้ข้าไม่มีวันแพร่งพรายออกไปแน่! เพราะตราบใดที่ข้ามีพลังฝีมือเหนือมัน ข้าจักได้ท้ามันขึ้นสังเวียนเป็นตาย คราวนี้ก็จักได้รับกระบี่หมื่นอาคมเซียนนั่นมาเป็นของตัวเอง…”


 


พึมพำกล่าวถึงตรงนี้สองตาปู้หงก็ฉายประกายน่ากลัวออกมา


 


“ทว่าตอนนี้…พรสววรรค์รากวิญญาณข้าถูกทำลายไปแล้ว ชาตินี้ข้าไม่มีวันไล่ตามมันได้ทันอีก”


 


“เช่นนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องปกปิดเรื่องนี้…แต่จะไปบอกอาจารย์คนเดียว หรือกระจายไปให้ทั่วดี?”


 


พึมพำถึงจุดนี้ปู้หงก็ฉายความลังเลออกมา


 


“หากข้าเอาไปบอกอาจารย์ คนอย่างอาจารย์ไม่มีวันแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปแน่…จะอย่างไรนั่นมันก็กระบี่หมื่นอาคมเซียน ยอดศาสตราที่ติดอันดับ 1 ใน 10 รายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ต่อให้เป็นอาจารย์ก็ย่อมอยากได้มาครอบครองไว้ในมือ…”


 


ธรรมชาติของมนุษย์นั้นมีความเห็นแก่ตัว


 


ปู้หงย่อมรู้เรื่องนี้ดี


 


มันมั่นใจได้เลย


 


หากบอกข่าวเรื่องนี้กับอาจารย์ของมันจ้าวแท่นบูชามังกรครามล่ะก็


 


อาจารย์ของมันไม่มีวันกล่าวเรื่องนี้ออกไป และยังจะห้ามไม่ให้มันแพร่งพรายเรื่องราวออกไปอีกด้วย


 


ยอดศาสตราเซียน…ไม่ว่าผู้ใดล้วนอยากถือครอง!


 


“ช่างเถอะ…เพียงบอกเรื่องนี้กับท่านอาจารย์ก็พอ อย่างไรก็ตามด้วยพลังฝีมือของอาจารย์คิดฆ่าต้วนหลิงเทียนแย่งชิงกระบี่หมื่นอาคมเซียนมาย่อมไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร นั่นก็เหมือนกับล้างแค้นให้ข้าแล้ว”


 


ในไม่ช้า ปู้หง ก็สามารถตัดสินใจได้


 


มันเลือกจะแจ้งให้อาจารย์ได้รู้ ว่าต้วนหลิงเทียนมีกระบี่หมื่นอาคมเซียนไว้ในครอบครอง


 


‘หากท่านอาจารย์ได้กระบี่นั่นมาครองจริงๆ วันหน้าท่านอาจารย์ต้องรู้สึกติดค้างข้าแน่…หลังจากนั้นท่านอาจารย์ย่อมนึกถึงข้าทุกครั้งยามเห็นกระบี่!’


 


ปูหงลอบกล่าวในใจ


 


สำหรับปู้หงแล้ว ขอแค่ต้วนหลิงเทียนตายอนาถก็พอ ไม่สำคัญว่าใครเป็นคนฆ่า


 


และหากผู้ลงมือเป็นอาจารย์ของมันเช่นนั้นก็เหมือน  ‘น้ำปุ๋ยอันอุดมไม่ไหลเข้าที่นาผู้อื่น’ จึงมีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษต่อมัน


(น้ำปุ๋ยอันอุดมไม่ไหลเข้าที่นาผู้อื่น = เรือล่มในหนองแล้วทองจะไปไหน)


 


เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ปู้หง ก็เร่งไปหาอาจารย์ของมันทันที


 


“ท่านอาจารย์”


 


ปู้หงไปหาอาจารย์ที่สวนด้านหลังทันที


 


และอาจารย์ของมัน จ้าวแท่นบูชามังกรคราม หลูเถี่ย ก็กำลังตัดแต่งต้นไม้อยู่


 


เมื่อได้ยินเสียงเรียกของปู้หง มันก็หยุดมือทันที ค่อยหันกลับมามองถามปู้หง “หงเอ๋อ เจ้ามีอันใดหรือ?”


 


ความสงสัยฉายขึ้นบนใบหน้าหลูเถี่ย


 


ศิษย์เอกของมันคนนี้ตั้งแต่ที่ได้รับทราบว่าต้วนหลิงเทียนสมควรลอบออกจากลัทธิบูชาไฟอย่างเงียบๆเมื่อวันก่อน อีกฝ่ายก็เอาแต่ปิดประตูไม่รับแขกอยู่ในบ้าน


 


วันนี้เพื่อไม่ให้ปู้หงอุดอู้มันยังส่งรายนามยอดเซียนฉบับล่าสุดไปให้ปู้หง


 


คาดไม่ถึงจริงๆว่าไม่ทันไร ปู้หง ก็ยอมออกจากบ้านแล้ว


 


“ท่านอาจารย์ ข้าพึ่งนึกถึงเรื่องราวสำคัญได้ออก!”


 


ปู้หงกล่าวออกเสียงเข้ม


 


“หือ? เรื่องอันใดรึ?”


 


หลูเถี่ยย่อมรู้ดีว่าศิษย์มันคนนี้ไม่ใช่คนที่ชอบพูดเพ้อเจ้อไม่เป็นเรื่อง ลองอีกฝ่ายกล่าวมาเช่นนี้ย่อมหมายความว่านั่นเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ


 


“ท่านอาจารย์…ข้าสงสัยว่าที่ต้วนหลิงเทียนมันสามารถเอาชนะข้าได้ อาจเป็นเพราะมันมียอดศาสตราเซียน!”


 


ปู้หงกล่าวออกมาตรงๆ


 


ยอดศาสตราเซียน!


 


วาจาปู้หงดังไม่ทันขาดคำ ลูกตาหลูเถี่ยก็หดเล็กลง ใบหน้าเผยความตกใจไม่น้อย


 


ขณะเดียวกันใจของมันก็เต้นรัวขึ้นมา


 


ยอดศาสตราเซียนนั้น ให้กวาดตามองไปทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ทั้งหมดก็มีอยู่แค่ 10 ชิ้น และติด 10 อันดับแรกของรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น


 


กระทั่งเป็นลัทธิบูชาไฟของมัน ทว่าก็มียอดศาสตราเซียนไว้ครอบครองเพียงแค่หนึ่งเดียว และเป็นยอดศาสตราที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานของลัทธิบูชาไฟ ส่งต่อกันในชนชั้นจ้าวลัทธิจากรุ่นสู่รุ่น


 


จากเรื่องนี้ย่อมเห็นชัดว่ายอดศาสตรามีค่ามากมายเพียงใด


 


ทว่าตอนนี้ศิษย์ของมันเข้ามาบอกว่าต้วนหลิงเทียนมียอดศาสตราเซียน!


 


จะไม่ให้มันตกใจได้อย่างไรไหว?!


 


“หงเอ๋อ…เจ้าแน่ใจหรือว่าต้วนหลิงเทียนมียอดศาสตราเซียนจริงๆ?”


 


มองปู้หงอีกครั้ง สีหน้าแววตาของหลูเถี่ยยังกลายเป็นจริงจังถึงขีดสุด พาลให้บรรยากาศในสวนด้านหลังกดดันบีบขั้นขึ้นทันที


 


“ท่านอาจารย์ เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่น วันนั้น…”


 


หลังจากนั้นปู้หงก็กล่าวเล่าเรื่องราวตอนที่มันประมือกับต้วนหลิงเทียนออกมาอย่างละเอียด


 


และจากวาจาของมันก็ทำให้หลูเถี่ยเองบังเกิดความสงสัยในทำนองเดียวกัน


 


“หากไม่ใช่ กระบี่ 9 สวรรค์ เช่นนั้นในมือต้วนหลิงเทียนสมควรเป็น กระบี่ไร้ลักษณ์ไม่ผิดแน่!”


 


หลูเถี่ยสูดลมหายใจเข้าลึกยาว ค่อยกล่าวออก “ฟังจากที่เจ้าเล่ามา กระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนมี…สมควรเป็นกระบี่ไร้ลักษณ์มากกว่า เพราะอานุภาพของมันยากจะรับมือได้นัก!”


 


“พลังฝึกปรือของเจ้าบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนแล้วแถมเจ้าเองก็มีเนตรวิญญาณ…ทว่ากลับมองแทบไม่เห็นการลงมือของต้วนหลิงเทียน…หมายความว่ามันใช้กระบี่ไร้ลักษณ์ไม่ผิดแน่ และคนทั่วไปจะไม่เห็นกระบี่ของมันก็ไม่แปลก เพราะยังมิมีเนตรวิญญาณ”


 


หลูเถี่ยกล่าว “เช่นนั้นเรื่องราวทั้งหมดก็เข้าเค้าลงตัว! ในอดีตผู้คนส่วนใหญ่ล้วนไม่อาจแลเห็นกระบี่ของมันได้ ที่แท้มิใช่เพราะยอดวรยุทธ์วิชาอันใด เป็นเพราะกระบี่ในมือมันคือกระบี่ไร้ลักษณ์นี่เอง ไร้ลักษณ์ ไร้ร่องรอย ตกตายไม่เห็นกระบี่!”


 


“ที่ศิษย์น้องหญิงของเจ้าเสียท่ามันก็เพราะกระบี่ไร้ลักษณ์ไม่ผิดแน่ หากไม่มีกระบี่นั่นแค่ศิษย์น้องหญิงของเจ้าก็สมควรเอาชนะมันได้!”


 


วาจาประโยคหลังนั้นหลูเถี่ยมั่นใจมาก


 


ศิษย์น้องหญิงของปู้หงย่อมเป็นเวินเยี่ยน


 


“กระบี่ไร้ลักษณ์…โชคของมันยอดเยี่ยมนัก! มันกลับได้รับกระบี่ไร้ลักษณ์ 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนมาถือครองจริงๆ!”


 


ปู้หงอดไม่ได้ที่จะอิจฉา


 


หลังได้รับการยืนยันจากอาจารย์แล้ว ปู้หงก็มั่นใจอย่างถึงที่สุดว่ากระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนใช้เอาชนะมัน สมควรเป็นกระบี่ไร้ลักษณ์ไม่ผิดแน่!


 


“โชคดี? น่าเสียดายที่ตอนนี้โชคดีของมันคือตัดชุดวิวาห์ให้ข้า!”


 


สองตาหลูเถี่ยทอประกายเจิดจ้า ยังฉายแววเย้ยหยันออกมาไม่น้อย มุมปากยกยิ้มแสยะ ทำราวกับกระบี่ไร้ลักษณ์ในมือต้วนหลิงเทียนได้อยู่ในกระเป๋าของมันแล้ว


 


และใจมันก็คิดไปแบบนี้จริงๆ


 


ต้วนหลิงเทียนแม้พลังฝีมือจะไม่ธรรมดา แต่ยังอ่อนด้อยกว่ามันมาก


 


“หงเอ๋อหากอาจารย์ได้กระบี่ไร้ลักษณ์ เจ้านับว่ามีความดีความชอบอันใหญ่หลวง!”


 


จากนั้นหลูเถี่ยก็หันไปมองปู้หงอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม เห็นชัดว่ามันพอใจในศิษย์เอกคนนี้ขนาดไหน


 


“ท่านอาจารย์หากท่านต้องการกระบี่ไร้ลักษณ์ ท่านก็ต้องชิงลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ได้ก่อนผู้ใด…ตอนนี้หากต้วนหลิงเทียนมันกลับมาไม่พ้นต้องถูกอาวุโสคุมกฏจับไปแน่ เพื่อยืนยันว่ามันทำลายพรสวรรค์ผู้อื่นได้จริงหรือไม่!”


 


ทันใดนั้นคล้ายนึกอะไรได้ออก ปู้หงเร่งกล่าวบอกอาจารย์ของมันออกมาทันที “และหากเรื่องนี้ได้รับการยืนยัน ต้วนหลิงเทียนไม่พ้นต้องโดนหอคุมกฏลงโทษแน่นอน…หากมีแค่คดีของข้ามันอาจไม่โดนหอคุมกฏพิพากษาโทษตาย”


 


“อย่างไรก็ตามมันสร้างความขุ่นเคืองใจให้ต่งหยวนจิ้นรองจ้าวหอคุมกฏ เช่นนั้นยามตัดสินโทษ ไม่พ้นต่งหยวนจิ้นต้องุขุดเรื่องเก่าๆของกู่ชุนศิษย์หลี่อันมาเล่นงานมันซ้ำแน่ คราวนี้ก็ไม่ยากที่ต่งหยวนจิ้นจะอ้างกฏประหารมัน!”


 


“หากมันตายในหอคุมกฏ เรื่องราวทั้งหมดก็เหมือนอยู่ในกำมือต่งหยวนจิ้น…เช่นนั้นกระบี่ไร้ลักษณ์ที่ท่านต้องการ ก็ไม่มีโอกาสได้รับแล้ว”


 


ปู้หงกล่าวออกมารวดเดียวจบ ยังมีความกังวลไม่น้อย


 


“จริงสิ!”


 


ได้ยินคำปู้หง คิ้วของหลูเถี่ยขมวดเป็นปมทันที เพราะมันตระหนักได้ว่าเรื่องที่ปู้หงกล่าวมีโอกาสเป็นไปได้สูงนัก


 


รองจ้าวหอคุมกฏต่งหยวนจิ้นนับเป็นชนชั้นอำมหิตผู้หนึ่ง อีกทั้งพลังฝีมือของอีกฝ่ายยังเหนือกว่ามันอยู่เล็กน้อย


 


หากกระบี่ไร้ลักษณ์ตกไปอยู่ในมือต่งหยวนจิ้นล่ะก็ มันไม่มีวันชิงมาได้แน่


 


และถ้ากระบี่ไร้ลักษณ์ตกอยู่ในหอคุมกฏ มันก็เลิกคิดเรื่องนี้ไปได้เลย


 


“หงเอ๋อ”


 


ชั่วพริบตาดุจละอองไฟวาบ หลูเถี่ยก็หันมองไปยังปู้หงเร่งกล่าว “เช่นนั้นอาจารย์คิดไปถอนฟ้องต้วนหลิงเทียนที่หอคุมกฏ…แล้วค่อยอ้างว่าที่พรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าหายไป เป็นเพราะบ่มเพาะพลังผิดพลาด จึงเผลอทำลายมันไป…”


 


“แต่ขอเจ้าอย่าได้กังวล…แม้ไม่มีหอคุมกฏลงมือเพื่อเจ้า แต่อาจารย์ผู้นี้จะฆ่าต้วนหลิงเทียนนั่นล้างแค้นให้เจ้าให้จงได้”


 


วาจาท้ายประโยคของหลูเถี่ย กล่าวให้สัญญาต่อปู้หง


 


“ข้าย่อมเชื่อในตัวท่านอาจารย์”


 


ปู้หงพยักหน้า


 


มันรู้ดีว่าการทำเช่นนี้เป็นทางออกที่ดีที่สุด และอาจารย์ของมันจะได้ถือครองกระบี่ไร้ลักษณ์ของต้วนหลิงเทียน!


 


ยังดีที่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้อยู่ที่นี่…


 


ไม่งั้นจังหวะนี้เขาคงหมดคำจะพูด


 


เขาไปมีกระบี่ไร้ลักษณ์ 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนตั้งแต่เมื่อไหร่?


 


ไฉนเขาไม่เห็นรู้เรื่องเลย!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)