War sovereign Soaring The Heavens 2052-2058

 ตอนที่ 2,052 : หุ่นเชิดเซียนปีศาจ!


 


‘เทียนเอ๋อไปถึงลัทธิบูชาไฟแล้ว?’


 


ต้วนหรูเฟิงอดไม่ได้ที่จะอึ้งเล็กน้อยหลังได้ยินคำของหลี่อัน ขณะเดียวกันในใจก็บังเกิดความกังวลขึ้นมา


 


อย่างไรก็ตามพอนึกถึงเรื่องที่หลี่อันถึงกับต้องถ่อลงมาจับตัวมันและครอบครัวเพื่อไปใช้บีบคั้นต้วนหลิงเทียน มันก็เริ่มวางใจ เพราะรู้ว่าตอนนี้ลูกชายของตัวเองสมควรปลอดภัยอยู่ดี…


 


อย่างน้อยๆ กระทั่งชนชั้นอาวุโสเพลิงเงินของลัทธิบูชาไฟก็ไม่อาจทำอะไรลูกชายของมันได้!


 


หาไม่แล้วไหนเลยอาวุโสของลัทธิบูชาไฟคนนี้ถึงต้องคิดจับตัวมันและคนอื่นๆเพื่อไปบีบคั้นให้ลูกชายมันให้ออกจากลัทธิบูชาไฟด้วย?


 


ครู่ต่อมาต้วนหรูเฟิงไม่เพียงแต่จะไม่โทษว่าอะไรต้วนหลิงเทียนทั้งสิ้น ที่ชักนำเภทภัยมาถึงตำหนักเมฆาครามแบบนี้ กลับกันยังรู้สึกภาคภูมิใจนัก!


 


ลูกชายของมันต้วนหรูเฟิง ไม่ว่าไปที่ใดล้วนโดดเด่นเหนือคนธรรมดา!


 


ในฐานะบิดาไหนเลยจะไม่บังเกิดความภาคภูมิใจได้!


 


“ฮ่าๆๆ…!!”


 


ทันใดนั้นเองพลันมีเสียงหัวเราะหนึ่งดังขึ้น เป็นถงจ้งที่ยืนอยู่ท่ามกลางองครักษ์เกราะทมิฬระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง


 


หลังจากหยุดหัวเราะ ถงจ้งก็มองหลี่อันด้วยสายตาเหยียดหยามระคนสมเพช กล่าวคำออกด้วยน้ำเสียงรังเกียจ “สุนัขเฒ่า! เจ้าเป็นถึงชนชั้นอาวุโสของลัทธิบูชาไฟแท้ๆ แต่ไม่มีปัญญาทำอะไรนายน้อยตำหนักเมฆาครามของพวกเราได้…ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก!”


 


“ปากเจ้ากล่าวว่านายน้อยชักนำหายนะมาสู่ตำหนักเมฆาครามของพวกเรา…กระทั่งยังชักนำความตายมาสู่พวกเรา? พี่น้องทั้งหลายไหนกล่าวบอกสุนัขเฒ่านี่ให้มันได้ยินชัดๆที ว่าพวกเราใช่หวาดกลัวความตายหรือถือโทษนายน้อยหรือไม่!!”


 


ระหว่างกล่าวถึงท้ายประโยค ถงจ้งก็หันไปมองถามพี่น้ององครักษ์เกราะทมิฬรอบๆ


 


หลังได้ยินวาจาถามไถ่ด้วยน้ำเสียงไร้ครั่นคร้ามของถงจ้ง เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬทั้งหลายพลันบังเกิดความฮึกเหิมขึ้นมาทันใด จิตต่อสู้พลุ่งพล่านปานเลือดทั่วกายเดือดพล่าน! ตะโกนกล่าวออกมาด้วยความสะใจถึงที่สุด!!


 


“พวกเราไม่โทษนายน้อย!”


 


“พวกเราไม่โทษนายน้อย!”


 


……


 


“พวกเราไม่กลัวตาย!”


 


“พวกเราไม่กลัวตาย!”


 



 


สิ้นคำถามของถงจ้ง องครักษ์เกราะทมิฬทั้งหมดพลันกล่าวตอบออกมาเป็นเสียงเดียวกัน


 


เสียงคำรามของแต่ละคน ยังแผ่พุ่งคลื่นพลังไร้สภาพขุมหนึ่งออกมา เมื่อทั้งหมดผสานรวมกันยังมีอำนาจสะท้านไปถึงชั้นฟ้า!


 


กระทั่งเมฆสูงที่ลอยอยู่เบาบางในชั้นบรรยากาศ ยังถึงกับกระจัดกระจายหายไป!


 


เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬรู้ตัวดีว่าบัดนี้พวกมันไม่ต่างใดกับดอกไม้ไฟที่กำลังจะถูกจุด! แม้จะร่วมมือกันแต่ก็คงทำได้แค่ป้อนกระบวนท่าเล็กน้อยก่อนถูกศัตรูฆ่าตาย ดั่งดอกไม้ไฟที่สว่างไสวเปล่งประกายในห้วงเวลาสั้นๆ…


 


ทว่าหากเพื่อตำหนักเมฆาคราม และนายน้อยที่น่านับถือของพวกมันแล้ว…


 


แม้ต้องตายพวกมันไม่เสียใจ!


 


และฉากเบื้องหน้าก็ไม่ใช่อะไรที่หลี่อันอยากจะเห็นแม้แต่น้อย


 


สิ่งที่หลี่อันต้องการเห็นจากคนของตำหนักเมฆาคราม…ก็คือความหวาดกลัวและสิ้นหวัง! อยากให้ทั้งหมดกล่าวตำหนิถือโทษกระทั่งสาปแช่งต้วนหลิงเทียน ยิ่งโห่ไล่ต้วนหลิงเทียนให้ออกจากตำหนักเมฆาครามได้ยิ่งดี!!


 


ทว่ามันไม่คิดไม่ฝันเลย…


 


กลุ่มคนของตำหนักเมฆาครามเบื้องหน้า ไม่เพียงไม่เผยความหวาดกลัวสิ้นหวังใดๆแม้ต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มยอดฝีมือที่มีมันนำพา กระทั่งยังไม่คิดตำหนิต้วนหลิงเทียนในเรื่องนี้แม้แต่น้อย ยิ่งไม่อาจได้ยินถ้อยคำขับไล่ต้วนหลิงเทียนให้ออกไปจากตำหนักเมฆาครามแม้ครึ่งคำ!


 


จังหวะนี้สีหน้าหลี่อันอดไม่ได้ที่จะเขียวขึ้นด้วยโทสะ เพราะเรื่องราวกลับต่างออกไปจากที่มันคาดไว้โดยสิ้นเชิง!


 


“ไม่กลัวตายหรือ?”


 


หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สองตาหลี่อันพลันทอประกายดุร้ายอำมหิต ยังกล่าวออกกด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นเปี่ยมจิตสังหาร “หากพวกเจ้าไม่กลัวตาย…เช่นนั้นข้าจะให้พวกเจ้าทั้งหมดได้ตาย!”


 


กล่าวสิ้นคำ หลี่อันพลันยกมือขวาขึ้นมาราวับจะให้สัญญาณ…


 


และกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังหลี่อัน อันเป็นชนชั้นยอดฝีมือเซียนสวรรค์ของวังอุดรไพศาล กองกำลังส่วนตัวของหยางชง ก็เริ่มมองไปยังคนของตำหนักเมฆาครามด้านหลังต้วนหรูเฟิงและหรงหยวนด้วยสายตาเยียบเย็น


 


ทันทีที่หลี่อันลดมือลงมาเป็นการให้สัญญาลงมือ พวกมันจะพุ่งทะยานออกไปเข่นฆ่าสังหารหมู่ผู้คนปานฟ้าผ่า! สลักความหวาดกลัวให้ตราตรึงในใจของเหล่ามดปลวก!!


 


“ช่างเป็นวาจาที่เขื่องโขนัก…”


 


ในขณะที่หลี่อันกำลังจะลดมือให้สัญญาฆ่าฟันแก่ยอดฝีมือเซียนสวรรค์ด้านหลังนั้นเอง เสียงไม่แยแสหนึ่งพลันดังขึ้น ดึงความสนใจของหลี่อันไปทันที


 


สายตาหลี่อันหันไปตกยังร่างต้วนหรูเฟิง จ้าวตำหนักเมฆาครามอีกครั้ง


 


เมื่อครู่เป็นต้วนหรูเฟิงที่กล่าวขึ้น


 


“วาจาข้าเขื่องโขหรือไม่เดี๋ยวเจ้าจะได้รับทราบ…เจ้าควรขอบคุณสวรรค์ที่เจ้าเป็นบิดาของต้วนหลิงเทียน หาไม่แล้ววันนี้เจ้าได้ตายแน่!”


 


หลี่อันมองกล่าวกับต้วนหรูเฟิงด้วยรอยยิ้มเยียบเย็น “อย่างไรก็ตามเจ้าอย่าได้คิดว่าชีวิตเจ้าจะยืดยาวนัก…รอก่อนเถอะ! หลังจากที่ข้าใช้เจ้าล่อต้วนหลิงเทียนออกมาฆ่าได้เมื่อไหร่…เจ้าจักได้ตายเป็นรายต่อไป!”


 


หลี่อันกกล่าวออกเสียงเหี้ยม


 


“ไม่จำเป็นต้องรอ”


 


ในขณะที่หลี่อันกำลังลดมือลง และอ้าปากกล่าวคำให้สัญญาแก่เหล่ายอดฝีมือเซียนสวรรค์เบื้องหลังเพื่อเปิดฉากเข่นฆ่า เสียงต้วนหรูเฟิงพลันดังขึ้นอีกรอบ ยังดังราวกับเสียงฆ้องบอกโมงยาม


 


และเพราะเสียงเย็นของต้วนหรูเฟิง ทำให้ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ที่เตรียมทะยานร่างจำต้องชะงักลงด้วยสงสัย


 


ครู่ต่อมาพวกมันก็หันไปสนใจต้วนหรูเฟิงอีกครั้ง


 


“ฆ่า…”


 


หลี่อันที่ถูกขัดหน้าจมลงทันใดและเมื่อมันอ้าปากกล่าวคำฆ่าออกมา เพียงวาจาเริ่มเอื้อนเอ่ยได้ไม่ทันไร ก็จำต้องหยุดลง


 


นั่นเพราะตอนนี้ ความสนใจของมันถูกต้วนหรูเฟิงดึงดูดไปอย่างสมบูรณ์


 


สิ่งที่มันแลเห็นก็คือ ร่างต้วนหรูเฟิงที่ลอยอยู่ไกลๆ ตอนนี้ไอมารทั่วร่างพลันลุกโชนขึ้นมาอย่างประหลาด ผมสีดำยิ่งมายิ้งคล้ายอสรพิษเลื้อยลดเล่นลม!


 


ขณะเดียวกันนั้นเอง ที่ฝ่ามือของต้วนหรูเฟิงอันมีไอมารสีดำลุกโชนดั่งเพลิงไฟ อยู่ๆก็เริ่มขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวออกท่วงท่าปางมือต่างๆ ยังเป็นท่วงท่าผิดแปลกพิสดารนัก!


 


ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!


 



 


ทุกคราที่ต้วนหรูเฟิงขยับมือออกท่าทาง ประหนึ่งมวลพลังในฝ่ามือปะทุระเบิด! พาลให้อากาศรอบมือถึงกับแตกระเบิดออกเสียงดัง!!


 


“หืม?”


 


หลี่อันที่เป็นถึงตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน ย่อมมีสัญชาตญาณเหนือผู้คนทั่วไป


 


หลี่อันเห็นชัดถนัดตา


 


ว่าทันทีที่ต้วนหรูเฟิงเริ่มขยับทำสัญลักษณ์มือพิสดารท่าต่างๆ จนความว่างเปล่าโดยรอบเริ่มระเบิดออกครั้งแล้วครั้งเล่า กลับทำให้มันสัมผัสได้ถึงสังหรณ์อัปมงคลประการหนึ่ง! ไม่ว่าต้วนหรูเฟิงกำลังทำอะไรอยู่…แต่มันรู้สึกได้ถึงอันตรายจากสิ่งนั้น!


 


“มันกำลังทำอันใดกันแน่?”


 


หลี่อันสงสัยนัก


 


กระทั่งใจมันยังเริ่มเต้นผิดจังหวะ บังเกิดความรู้สึกหวิวๆคล้ายกำลังจะเกิดเรื่องใหญ่บางประการขึ้น


 


หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆคราหนึ่ง สองตาหลี่อันก็เผยประกายเยียบเย็น คลื่นพลังอันสุดไพศาลระเบิดออกจากร่างเป็นระลอก คล้ายจะรวมรั้งพลังตบฟาดต้วนหรูเฟิงเพื่อหยุดการกระทำดังกล่าว!


 


“มันสายไปแล้ว!”


 


และในขณะที่มวลพลังทั่วร่างหลี่อันเร่งเร้าขึ้นมาพร้อมปะทุออก เสียงของต้วนหรูเฟิงพลันดังขึ้นมาอย่างประจวบเหมาะ น้ำเสียงยังเย็นชาและเด็ดขาดนัก!


 


เปรี๊ยะ! ปงงง!!!


 


เมื่อสัญลักษณ์มือสุดท้ายถูกต้วนหรูเฟิงสำแดงจบ ไอมารมหาศาลพลันปะทุออกทั่วร่างก่อนที่จะควบรวมเป็นกลุ่มก้อนกระแทกเข้าความว่างเปล่าเบื้องหน้า และทันใดนั้นเองอากาศว่างเปล่าเบื้องหน้าก็คล้ายจะบิดเบือน กลับกลายเป็นวังวนหนึ่งที่กำลังหมุนวนด้วยความเร็วสูง!


 


มองไปยังวังวนเบื้องหน้า ตรงใจกลางปรากฏความมืดมิดอันไร้สิ้นุสด!


 


ความมืดมิดดังกล่าวเพียงแค่ชมมองก็เสมือนจิตวิญญาณจะถูกสูบออกไปให้จมจ่อมลงสู่ห้วงแห่งความมืดนั้น!


 


นอกจากนี้วังวนก็ไม่คล้ายจะแผ่พุ่งพลังดูดรั้งอะไรออกมาใส่ต้วนหรูเฟิงกับคนอื่นๆ


 


กระทั่งยังเสมือนมันกำลังขับบางสิ่งออกมามากกว่า


 


“นี่มันอันใดกัน…”


 


เห็นฉากพิสดารดังกล่าว ไม่เพียงแต่หลี่อันกับยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ด้านหลังหลี่อัน กระทั่งหรงหยวนและองครักษ์เกราะทมิฬทั้งหมด อยู่ๆก็บังเกิดความกลัวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ!


 


“ท่านจ้าวตำหนัก…กำลังทำสิ่งใดกัน”


 


ลูกตาหรงหยวนหดหยีลงทันใด ใบหน้ายังเผยความประหลาดใจไม่น้อย เพราะนี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่มันได้เห็นจ้าวตำหนักลงมือทำอะไรเช่นนี้


 


“ออกมา!”


 


และในขณะที่ความสนใจของทุกคนตกไปอยู่ที่วังวนประหลาดเบื้องหน้า เสียงของต้วนหรูเฟิงพลันดังขึ้นอีกครั้งยังไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น


 


น้ำเสียงเฉยเมยนี้ยังเยียบเย็นจนบรรยากาศโดยรอบเสมือนหนาวขึ้นทันตา


 


และทันทีที่เสียงต้วนหรูเฟิงกล่าวจบคำ ทุกผู้คนก็จำต้องตื่นตระหนกตกใจกับฉากเบื้องหน้า!


 


เพราะในวังวนที่เสมือนขับบางสิ่งออกนั้น มีบางสิ่งเริ่มผุดโผล่ขึ้นมาจากห้วงแห่งความมืดมิดอันไร้สิ้นสุดกลางวังวนจริงๆ! รูปลักษณ์คล้ายศีรษะของอสูรกายตัวเขื่อง!!


 


เพียงศีรษะของอสูรกายประหลาดตนนี้ ก็ใหญ่โตมหึมาปานขุนเขาย่อมๆ! นอกจากนั้นยังมีไอมารอันบริสุทธิ์ยิ่งกว่าไอมารใดๆ ค่อยๆแผ่ซ่านออกมาจากความมืดมิดกลางวังวนเช่นกัน!


 


สุดท้ายร่างอสูรกายตัวเขื่องรูปลักษณ์คล้ายคลึงมนุษย์ที่สูงยิ่งกว่า 10 หมี่ก็ปรากฏออกมาทั้งตัว! ทั่วร่างของมันราวกับสร้างมาจากเหล็กศิลาดำมืด ไร้ซึ่งแสงสะท้อนใดๆ! บนศีรษะไร้ใบหน้า ทั่วกายยังเปลือยเปล่าไม่มีเสื้อผ้าอาภรณ์ มีเพียงไอมารบริสุทธิ์อันมหาศาลดำมืดที่แผ่ซ่านกำจายออกมาย้อมฟ้าจนหม่นแสง!!


 


เพียงแค่มอง ก็พาลให้ทุกคนอกสั่นขวัญแขวน เสมือนถูกพลังมหาศาลกดดัน!


 


“นี่มันอันใดกัน…”


 


เห็นร่างอสูรกายตัวเขื่องที่มีรูปลักษน์คล้ายมนุษย์ปรากฏออกมา หลี่อันก็ตื่นตระหนกตกใจไม่น้อย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มันพบพานอสูรกายตัวเขื่องประหลาดดังกล่าว


 


อีกทั้งร่างอสูรกายเบื้องหน้า กลับแผ่ซ่านกลิ่นอายพลังอันน่ากลัวลึกล้ำหาใดเปรียบ!


 


กระทั่งเทียบกับกลิ่นอายพลังยามมันเร่งเร้าพลังทั้งหมด ยังไม่อ่อนด้อยกว่าแต่อย่างไร!


 


อย่างไรก็ตามอสูรกายที่คล้ายทั่วร่างทำจากเหล็กหรือศิลาบางอย่างกลับไร้ซึ่งกลิ่นอายของพลังชีวิต ราวกับเป็นมนุษย์โลหะตัวหนึ่ง


 


“รวม!”


 


และในขณะที่ความสนใจของคนทั้งหมดตกไปอยู่กับ อสูรกายโลหะตัวเขื่อง เสียงเย็นชาไร้แยแสของต้วนหรูเฟิงพลันดังขึ้นอีกครั้ง ดึงดูดความสนใจของทุกผู้คนให้หันไปมองอีกรอบ


 


และภายใต้สายตาของทุกผู้คน ร่างต้วนหรูเฟิงก็ค่อยๆเหินลอยเข้าไปหาอสูรกายโลหะเบื้องหน้า


 


และทันทีที่มือของต้วนหรูเฟิงแตะไปยังร่างเขื่อง


 


ภาพอันน่ากลัวหนึ่งพลันบังเกิดขึ้น…ทั้งหมดถึงกับต้องหดหยีลูกตาลง! เพราะเมื่อฝ่ามือต้วนหรูเฟิงแตะถูกตัวอสูรกายโลหะ ไอมารอันบริสุทธิ์ก็ปะทุออกมาจากร่างเขื่องราวกับทำนบกั้นน้ำทลาย ไอมารดังกล่าวแผ่พุ่งออกมาดั่งร่างแหคลุมครอบต้วนหรูเฟิงเอาไว้ในพริบตา!!


 


และครู่ต่อมาไอมารมหาศาลดังกล่าวก็ถูกชักนำกลับคืนเข้าร่างเขื่อง!


 


และตอนนี้ ต้วนหรูเฟิงก็ได้หายตัวไปแล้ว


 


และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหรูเฟิงหายตัวไป


 


“หะ…หุ่นเชิดเซียนปีศาจ!!”


 


หนึ่งในยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ที่ติดตามหลี่อัน ก็คล้ายจดจำบางสิ่งได้ หน้าของมันแปรเปลี่ยนไปร้ายแรง แววตายังเผยความหวาดกลัว ร่ำร้องออกมาด้วยน้ำเสียงหวาดผวา!


 


“หุ่นเชิดเซียนปีศาจ?”


 


ในขณะที่วังวนค่อยๆหายไป ทุกคนไม่เว้นหลี่อันก็มองไปยังอสูรกายตัวเขื่องด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด


 


หุ่นเชิดเซียนปีศาจ?


 


พวกมันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย


 


หากเป็นหุ่นเชิดปีศาจมนุษย์ หุ่นเชิดปีศาจปฐพี และหุ่นเชิดปีศาจฟ้า พวกมันยังเคยได้ยินมาบ้าง


 


เพราะหุ่นเชิดทั้ง 3 นั้น เป็นสิ่งที่ผู้ฝึกมารสายเชิดหุ่นนิยมใช้กัน


 


และในบรรดาหุ่นเชิดทั้ง 3 หุ่นเชิดปีศาจฟ้าก็ทรงพลังที่สุด


ตอนที่ 2,053 : ทำได้แค่นี้?


 


แต่ทว่าหุ่นเชิดปีศาจฟ้าที่แข็งแกร่งที่สุดนั้น อย่างดีก็มีพลังเทียบได้กับผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนนภาเท่านั้น!


 


เมื่ออยู่ต่อหน้าตัวตนขอบเขตพลังเซียนสวรรค์ หุ่นเชิดปีศาจฟ้าย่อมไม่คู่ควรให้กล่าวถึง


 


ด้วยเหตุนี้ในการประมือกันของเหล่ายอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ ต่อให้จะเป็นผู้ฝึกมารที่ชำนาญวิชาเชิดหุ่น พวกมันก็ไม่คิดจะใช้หุ่นเชิดในการต่อสู้แต่อย่างใด


 


เพราะต่อให้เป็นหุ่นเชิดปีศาจฟ้า…ก็เป็นได้แค่สิ่งที่คอยถ่วงมือถ่วงเท้ามันเท่านั้น!


 


อันที่จริงหลี่อันสังเกตเห็นเรื่องหนึ่งแต่แรก


 


อสูรกายโลหะเบื้องหน้านั้น แม้จะมีไอมารที่บริสุทธิ์และทรงพลังเสียจนไม่ได้ด้อยไปกว่าพลังทั้งหมดของมันเลย…กระทั่งยังเหนือกว่าด้วยซ้ำ!


 


แต่ทว่าหลังจากที่สัมผัสได้ว่าอสูรกายโลหะเบื้องหน้านั้นกลับไร้ซึ่งกลิ่นอายของพลังชีวิตใดๆ…มันก็เลิกหวาดกลัวอีกต่อไป! กระทั่งยังลอบระบายลมหายใจอย่างโล่งอกลับๆ!!


 


ทว่าตอนนี้เมื่อเห็นว่าอยู่ๆต้วนหรูเฟิงก็หายไป และอสูรกายโลหะตัวเขื่องก็คล้ายดั่งจะมีชีวิตขึ้นมา มันทราบได้ทันทีว่าคำ ‘รวม’ ที่ต้วนหรูเฟิงกล่าวออกก่อนหน้า ก็คือการผสานหลอมรวมเข้ากับร่างอสูรายโลหะตัวเขื่องไม่ผิดแน่!


 


“หุ่นเชิดเซียนปีศาจที่แท้คืออันใด เจ้ารีบกล่าวบอกข้า!”


 


จังหวะนี้หลี่อันอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความร้อนใจ ยังหันไปมองยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ที่กล่าวออกเมื่อครู่ และเร่งกล่าวจี้ถามออกมาทันที


 


เผชิญกับคำจี้ถามด้วยความร้อนใจของหลี่อัน ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ที่เป็นคนของหยางชง อาวุโส 5 วังอุดรไพศาลย่อมไม่กล้ารอช้า เร่งกล่าวอธิบายออกมาทันที “ลือกันว่าครั้งสุดท้ายที่หุ่นเชิดเซียนปีศาจปรากฏขึ้น มันอยู่ในยุคโบราณที่เรียกกันว่า…ยุคมนุษย์ปีศาจ!”


 


“ยุคมนุษย์ปีศาจ!?”


 


ทันทีที่ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ของวังอุดรไพศาลกล่าวเรื่องนี้ออกมา หลี่อันอดไม่ได้ที่จะหยีตา


 


มันอาจไม่เคยได้ยินเรื่องหุ่นเชิดเซียนปีศาจ


 


อย่างไรก็ตาม คำยุคมนุษย์ปีศาจไม่ใช่อะไรที่แปลกหูสำหรับมัน! และมันยังทราบดีว่า…ในช่วงเวลานั้นโลกหล้าเสมือนตกอยู่ในห้วงกลียุคก็ไม่ปาน!


 


ในยุคสมัยนั้น เผ่าพันธุ์ปีศาจได้เคลื่อนทัพออกมาจากแดนเนรเทศ และรุกรานเข้ามายังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า จนทำให้สายธารโลหิตเจิ่งนองไปทั่วใต้หล้า!


 


สุดท้ายสุดยอดฝีมือของเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ได้ผนึกพลังร่วมมือกันขับไล่ปีศาจให้ล่าถอยกลับแดนเนรเทศไปได้สำเร็จ ก่อนที่จะสละชีวิตสร้างผนึกพลังฉาบทับกำแพงมิติเอาไว้ ไม่ให้เผ่าพันธุ์ปีศาจมีโอกาสได้ก่อการอีกไปนับล้านปี…


 


“มิผิด!”


 


ได้ยินคำถามยืนยันของหลี่อัน ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์คนนั้นเร่งพยักหน้าตอบคำ ค่อยกล่าวอธิบายสืบต่อออกมา “เรื่องนี้ข้าพบเจอในบันทึกโบราณที่เก่าแก่อย่างยิ่ง ในนั้นกล่าวไว้ว่า…”


 


“ในยุคมนุษย์ปีศาจนั้น ปีศาจบางตนและแม้กระทั่งผู้ฝึกมารบางคน สามารถใช้ทักษะลับประการหนึ่งที่สามารถอัญเชิญ ‘หุ่นเชิดเซียนปีศาจ’ ออกมาได้!”


 


“หุ่นเชิดเซียนปีศาจนั้นไม่เหมือนกับ หุ่นเชิดปีศาจมนุษย์ หุ่นเชิดปีศาจปฐพี และหุ่นเชิดปีศาจฟ้า…ที่ปีศาจทั่วไปหรือผู้ฝึกมารสามารถหลอมสร้างขึ้นมาเองได้…และการใช้งานยังมิใช่การควบคุมหุ่นเชิดธรรมดาๆ”


 


“กล่าวกันว่าหุ่นเชิดเซียนปีศาจนั้น มีแต่ตัวตนอันทรงพลังที่อยู่ในใจกลางแดนเนรเทศ อันเป็นดั่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์ปีศาจเท่านั้นที่สามารถหลอมสร้างมันขึ้นมาได้! และโดยปกติพวกมันจักถูกกักเก็บไว้ในมิติลับของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แดนเนรเทศเพื่อดูดซับไอมาร”


 


กล่าวถึงจุดนี้ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ที่เล่าเรื่องก็เริ่มชักสีหน้าเคร่งเครียด แววตาเผยความหวาดกลัว


 


“และหุ่นเชิดเซียนปีศาจที่อ่อนแอที่สุด ก็เทียบได้กับผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยน…ส่วนหุ่นเชิดเซียนปีศาจที่ร้ายกาจที่สุด…มันก็มีพลังทัดเทียมกับเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน!”


 


กล่าวถึงจุดนี้ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ก็สูดลมหายใจเข้าลึก สายตามันมองไปยังหุ่นเชิดเซียนปีศาจที่กลืนร่างต้วนหรูเฟิงหายไปด้วยความหวาดหวั่น กล่าวสืบต่อว่า “นั่นเป็นหุ่นเชิดเซียนปีศาจไม่ผิดแน่! เมื่อครู่จ้าวตำหนักเมฆาครามสมควรใช้ทักษะลับที่สาบสูญไปแล้ว อัญเชิญหุ่นเชิดปีศาจออกมาจากมิติลับของแดนเนรเทศ…กระทั่งหลอมรวมเข้ากับมัน!!”


 


“ข้ามิคิดเลยว่าหลังจากที่กาลเวลาผ่านไปเนิ่นนานนับตั้งแต่ครั้งยุคมนุษย์ปีศาจ! ยังจะมีผู้ใดที่สามารถล่วงรู้ทักษะลับ อัญเชิญหุ่นเชิดเซียนปีศาจเช่นนี้ กระทั่งผสานหลอมรวมเข้ากับมันได้!!”


 


“ปกติแล้วหุ่นเชิดเซียนปีศาจแม้ทรงพลังอำนาจ หากแต่ตัวมันเองก็ไร้ซึ่งชีวิตอันใด…หากเชิดหุ่นตามกลวิธีปกติ ย่อมมิมีใดน่ากลัวนัก! ทว่าเมื่อผู้อัญเชิญได้ผสานหลอมรวมเข้ากับหุ่นเชิด…ก็เสมือนหุ่นเชิดเซียนปีศาจนั่นมีชีวิตและสติปัญญาขึ้นมา! เพราะผู้อัญเชิญสามารถควบคุมมันได้มิต่างใดจากแขนขาของตัวเอง!!”


 


หลังกล่าวออกมารวดเดียวจบ สีหน้าของยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์คนนี้ก็เริ่มซีดลง ใบหน้ายังฉายชัดถึงความตึงเครียด “และเมื่อผู้อัญเชิญหลอมรวมเข้ากับหุ่นเชิดเซียนปีศาจแล้วเช่นนี้…ย่อมสามารถสำแดงพลังอำนาจทั้งหมดของหุ่นเชิดเซียนปีศาจออกมาได้!”


 


ซัว!


 


แทบจะพร้อมกันกับที่ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์กล่าวจบประโยค หน้าหลี่อันเปลี่ยนสีไปทันที เผยความตึงเครียดจริงจังออกมาไม่น้อย


 


เพราะจากไอมารบริสุทธิ์ที่หุ่นเชิดเซียนปีศาจนั่นแผ่ออกมา หลี่อันรู้ดีว่าอีกฝ่ายเข้มแข็งกว่ามัน!


 


หุ่นเชิดที่ไร้สติปัญญาเป็นดั่งหุ่นกระบอกให้คนชักใยแม้จะมีพลังเข้มแข็งกว่า แต่ความสามารถทั้งหมดย่อมขึ้นอยู่กับผู้ควบคุม นั่นหมายความว่าหากหาโอกากสฆ่าผู้ควบคุมได้ก็จบ!


 


แต่ทว่าหุ่นเชิดเซียนปีศาจที่อยู่เบื้องหน้ากลับไม่ใช่หุ่นเชิดทำนองนั้น ผู้อัญเชิญสามารถผสานรวมร่างเข้าไปได้ นั่นหมายความว่าเสมือนมันได้รับสติปัญญาของต้วนหรูเฟิง และสิ่งนี้ยังไม่ต่างจากต้วนหรูเฟิงได้ร่างกายอันเข้มแข็งของหุ่นเชิดและพลังของหุ่นเชิดมาทั้งหมด!!


 


ซึ่งนั่นไม่ใช่ข่าวดีสำหรับหลี่อันเลย!


 


“หุ่นเชิดเซียนปีศาจ?”


 


คนของตำหนักเมฆาครามไม่เว้น หรงหยวน ถงจ้ง พอได้ยินคำของยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ของวังอุดรไพศาล ในที่สุดก็ได้รับทราบว่า หุ่นเชิดเซียนปีศาจ คืออะไร!


 


“ดูเหมือนสีหน้าของหลี่อันจักเปลี่ยนไปไม่น้อย…”


 


“ท่าทางหุ่นเชิดเซียนปีศาจของท่านจ้าวตำหนักจะทรงพลังมากพอคุกคามมันได้…หาไม่แล้วมันคงไม่หน้าดำคร่ำเครียดเช่นนั้น”


 


“มิผิด”


 


……


 


ไม่เพียงแต่หรงหยวนกับถงจ้ง เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬทั้งหลายก็เข้าใจเรื่องราวแล้วเช่นกัน จังหวะนี้สีหน้าพวกมันอดไม่ได้ที่จะเผยความตื่นเต้นยินดีออกมา


 


ดูเหมือนพวกมันจะมีหนทางรอดชีวิตสายหนึ่งแล้ว!


 


หากพวกมันมีโอกาสรอดชีวิต พวกมันย่อมยินดีที่จะมีชีวิตอยู่!


 


จะมากจะน้อยทุกคนล้วนหวาดกลัวความตายทั้งสิ้น!


 


เรื่องนี้ไม่มีใครเป็นข้อยกเว้น


 


ทว่าในใจพวกมัน…มีบางสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง! เมื่อต้องตายเพื่อสิ่งนั้นพวกมันก็ยินดีใช้ชีวิตเพื่อปกป้องอย่างไม่ขลาดเขลา


 


“หลี่อัน เจ้ากล้าสู้กับข้าหรือไม่?”


 


ทันใดนั้นเองเสียงของต้วนหรูเฟิงพลันดังขึ้นมาอีกครั้ง และคราวนี้ไม่เพียงแต่เสียง บรรยากาศโดยรอบยังปั่นป่วนไปด้วยคลื่นพลังมหาศาลราวกับบังเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง!


 


ชั่วพริบตา ความสนใจของทุกคนก็ถูกเสียงของต้วนหรูเฟิงดึงดูดไปทันที


 


และต้นเสียงที่ดึงดูดความสนใจของทุกผู้คนก็คือ อสูรกายโลหะสีมืดตัวเขื่อง…หุ่นเชิดเซียนปีศาจที่ตอนนี้มีต้วนหรูเฟิงผสานหลอมรวมเข้าไปแล้ว!!


 


ตอนนี้ไม่เพียงเนินเขาย่อมจะเริ่มขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว ทั่วร่างยังปรากฏไอมารดำสนิทปะทุออกมาลุกโชนไปทั่ว!


 


ไอมารนี้ช่างบริสุทธิ์นัก! ไม่ใช่อะไรที่ผู้ฝึกมารของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าทั้งปวงจะเทียบเทียมได้!!


 


มีเพียงแต่เผ่าพันธุ์ปีศาจที่แท้จริงในแดนเนรเทศเท่านั้นที่จะมีไอมารบริสุทธิ์ได้ถึงเพียงนี้!!


 


หุ่นเชิดปีศาจที่ถูกอัญเชิญมาจากมิติลับในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของแดนเนรเทศ แน่นอนว่าไอมารที่บรรจุไว้ในร่างหุ่นเชิดย่อมบริสุทธิ์ถึงขีดสุด! ยังบริสุทธิ์ถึงขั้นเทียบได้กับไอมารของปีศาจที่แท้จริง!!


 


และในตอนนี้ต้วนหรูเฟิงที่ผสานรวมเข้ากับหุ่นเชิดเซียนปีศาจจนไม่ต่างอะไรจากปีศาจที่แท้จริง ก็ได้ท้าสู้กับหลี่อัน!


 


ทันทีที่คำกล่าวท้าสู้ของต้วนหรูเฟิงดังออกมา ไม่เพียงแต่ผู้คนจากตำหนักเมฆาครามเท่านั้น กระทั่งยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์อันเป็นกองกำลังส่วนตัวของหยางชงอาวุโส 5 วังอุดรไพศาลที่ถูกสั่งให้มาติดตามหลี่อัน ยังหันไปมองหลี่อันเป็นสายตาเดียวกัน


 


พวกมันล้วนสงสัย


 


หลี่อันจะกล้ารับคำท้าหรือไม่!


 


“เหอะ!”


 


โดนต้วนหรูเฟิงกล่าวท้าออกมาซึ่งๆหน้าเช่นนี้ แม้ใจจะหวาดกลัว แต่ไหนเลยหลี่อันจะเต็มใจเผยความอ่อนแอออกมาต่อหน้าผู้คนมากมายได้? มันแค่นเสียงสบถเย็นคำหนึ่ง ค่อยกล่าววาจาออกมาด้วยน้ำเสียงดูแคลน “ต้วนหรูเฟิง พลังฝีมือของเจ้ายังห่างชั้นกับข้าหลายขุมนัก…”


 


“ต่อให้เจ้าจักอัญเชิญหุ่นเชิดเซียนปีศาจอะไรนี่มาจากแดนเนรเทศมันก็เท่านั้น เพราะในสายตาข้าหลี่อัน เจ้าก็มิต่างใดจากเศษสวะ! ชะตาชั่วชีวิตของเจ้าถูกลิขิตไว้แล้วว่ามิมีวันเทียบข้าได้!!”


 


“เศษสวะเช่นเจ้าหาญกล้าท้าข้าหลี่อัน ไฉนข้าหลี่อันจึงไม่กล้า!?”


 


หลังเพียงหลี่อันปรามาสต้วนหรูเฟิงไม่ต่างจากขยะทั้งดูแคลนหยันหยามเล็กน้อย หลี่อันก็กล่าวรับคำท้าออกมาตรงๆ


 


สู้!


 


สิ้นคำกล่าวของหลี่อัน บรรยากาศโดยรอบพลันระอุร้อนขึ้นมาทันใด ทุกผู้คนล้วนปั่นป่วนฮือฮาขึ้นไม่น้อย


 


แต่แน่นอนว่าในขณะที่อารมณ์ของทุกผู้คนถูกสภาวะเรื่องราวเร่งเร้าให้พุ่งพล่าน แต่สายตาของทั้งหมดก็ยังจับจ้องมองไปยังหุ่นเชิดเซียนปีศาจที่มีต้วนหรูเฟิงผสานร่างควบคุมกับหลี่อันไม่วางตา


 


ตอนนี้พวกมันเป็นได้แค่ ‘ผู้ชม’ เท่านั้น!


 


ซู่มมม!!


 


ทันใดนั้นดั่งอัสนีวาบลั่น หลี่อันพลันลงมือจู่โจมอย่างไร้ซึ่งสัญญาณแจ้งเตือนใดๆ! ร่างคนคล้ายแปรเปลี่ยนไปเป็นเส้นสายอัสนี ฟาดจี้เข้าใส่ร่างหุ่นเชิดเซียนปีศาจที่ต้วนหรูเฟิงควบคุมอยู่ทันที!!


 


หลี่อันปะทุพลังออกอย่างเกรี้ยวกราด ใช้ออกด้วยวรยุทธ์ท่าร่างผสานเวทย์พลังเสริมท่าร่างเต็มกำลัง ปานมันจะรีบไปเกิดใหม่อย่างไรอย่างนั้น!!


 


ขณะเดียวกันมวลพลังมหาศาลของขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 ก็ถูกเร่งเร้าออกมาเต็มพิกัด! พาลให้บรรยากาศแปรเปลี่ยนเป็นหนักอึ้ง คลื่นลมแรงกวาดซัดจนเหล่าผู้ชมถึงกับต้องกระเด็นกระดอนลอยละลิ่วไปเป็นแถบ!!


 


หลี่อันเมื่อต้องเผชิญหน้ากับต้วนหรูเฟิงที่ผสานรวมร่างเข้ากับหุ่นเชิดเซียนปีศาจ มันไม่อาจประมาทใดๆ เพราะไอมารที่ทะลักทะลายออกมาจากร่างเขื่อง…มหาศาลและทรงพลังยิ่งกว่าพลังชั่วชีวิตของมันเล็กน้อย! เช่นนั้นมันจึงคิดลงมือช่วงชิงความได้เปรียบตั้งแต่เริ่ม!!


 


หลังจากนั้นภายใต้สายตาของยอดฝีมือไม่กี่คนที่แลเห็น ร่างหลี่อันก็ปะทะเข้ากับร่างมหึมาของหุ่นเชิดเซียนปีศาจที่มีต้วนหรูเฟิงควบคุมทันที!!


 


ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!


 


……


 


แผ่นฟ้าคล้ายมีประกายแสงวูบวาบไปมา อากาศแตกระเบิดออกไม่หยุด คลื่นพลังปะทุระเบิดจากทางนั้นทีทางนี้ที!


 


คนตำหนักเมฆาครามไม่อาจแลเห็นสิ่งใดได้เลย มีก็แต่เพียงเสียงระเบิดสนั่นก้องฟ้าดังสะท้านในหู พร้อมคลื่นพลังสะท้อนที่เคี่ยวกรำพวกมันแทบปางตายจากฟ้าสูง!!


 


ทว่าในสายตาของยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ที่ติดตามมากับหลี่อัน พวกมันยังพอเห็นได้รางๆ ว่าตอนนี้หลี่อันกับต้วนหลิงเทียนกำลังปะทะกันอย่างดุเดือด


 


ช่วงแรกคล้ายหลี่อันจะมีเปรียบเล็กน้อย เพราะความเคลื่อนไหวของหุ่นเชิดเซียนปีศาจแลดูเก้ๆกังๆชอบกล


 


ผ่านไปไม่กี่สิบลมหายใจทั้งคู่เริ่มกลับมาตีโต้สูสี กระบวนท่าวรยุทธ์ทั้งเวทย์พลังเริ่มปะทุออกพร่างฟ้า! ไอพลังด้านหนึ่งย้อมฟ้าให้สว่างไสว อีกด้านหนึ่งกลับเปลี่ยนกลางวันให้มืดมิดดั่งกลางคืน!!


 


ทว่ายิ่งเวลาผ่านไปเนิ่นนานมากเท่าใด กระแสการต่อสู้กลับเริ่มแปรเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ…หลี่อันเริ่มตกเป็นรอง!


 


แน่นอนว่านี่ไม่ใช่พลังของหลี่อันสาบสูญขาดพร่องจนพลังรบถดถอยแต่อย่างใด ทว่าความสามารถในการควบคุมหุ่นเชิดเซียนปีศาจของต้วนหรูเฟิงดีขึ้นเรื่อยๆ! จนตอนนี้เสมือนคนคุ้นชินกับการคุมคุมบังคับร่างเขื่องของหุ่นเชิดเซียนปีศาจแล้ว!!


 


กลับกัน พลังของหลี่อันแต่ไหนแต่ไรก็ด้อยกว่าพลังของหุ่นเชิดเซียนปีศาจอยู่แล้ว!


 


ปงงงงง!!


 


เสียงสนั่นลั่นดังขึ้นคราหนึ่ง เป็นหุ่นเชิดเซียนปีศาจตัวเขื่องหมุนตัวหลบกระบวนท่าสังหารลี่อันได้อย่างแยบคาย อาศัยจังหวะที่สภาวะจู่โจมของหลี่อันบรรลุถึงขีดสุดมิอาจย้อนคืน ฉกฉวยช่องว่างที่เปิดออกยิงหมัดซัดเข้ากลางอกหลี่อันอย่างจัง!


 


สิ้นเสียงสนั่นลั่นดัง


 


ร่างหลี่อันที่ถูกซัดก็ปลิดปลิวกระเด็นออกไปดั่งดาวหาง! มันพยายามเร่งพลังเร้าอยู่นาน ค่อยขืนร่างให้หยุดลงกลางฟ้าไกลห่างได้อีกครั้ง!!


 


“อาวุโสเพลิงเงินของลัทธิบูชาไฟ…ทำได้เท่านี้หรือ?”


 


ร่างเขื่องค้างในท่ายิงหมัดพักหนึ่กก่อนจะคืนกลับ พร้อมกันนั้นเสียงไร้แยแสของต้วนหรูเฟิงที่ควบคุมหุ่นเชิดเซียนปีศาจไม่ดังไม่เบาพลันกังวาลออกมาให้ทุกคนได้ยิน ยังเต็มไปด้วยความดูถูกหยามเหยียดนัก!


 


ได้ยินวาจาปรามาสของต้วนหรูเฟิง หลี่อันที่พึ่งหยุดร่างกินโอสถรักษา ถึงกับต้องกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่!


 


ในสายโลหิตที่ร่วงแตกเบ่งบานเป็นบุปผากลางหาว ยังแลเห็นโอสถเม็ดหนึ่งร่วงตกลงมาด้วย…


 


แน่นอนว่าการกระอักโลหิตถึงขั้นสำลักโอสถออกมาไม่ใช่แค่เพราะวาจาดูแคลนของต้วนหรูเฟิง แต่เพราะพลังหมัดก่อนหน้าของหุ่นเชิดเซียนปีศาจมันร้ายกาจเกินไป!


 


มันที่พยายามกล้ำกลืนฝืนทนไว้ไม่ให้กระอักโลหิตออกมา ด้วยไม่อยากอับอายมากไปกว่านี้ สุดท้ายก็ทนไม่ไหว


 


“ต้วนหรูเฟิง! เจ้าอย่าได้ใจให้มันมากเกินไปนัก! หากเจ้าที่ควบคุมหุ่นเชิดเซียนปีศาจนั่นได้มีพลังเพียงเท่านี้จริงๆ…วันนี้ไม่เพียงแต่ข้าจะทำลายหุ่นเชิดเซียนปีศาจบัดซบนั่น ข้ายังจะสับร่างเจ้าให้แหลกเป็นหมื่นชิ้น! ต่อให้เสียเจ้าไปสักคนข้าก็ไม่กลัวจะหาคนในครอบครัวต้วนหลิงเทียนคนอื่นเพื่อไปบีบคั้นมันไม่ได้!!”


 


หลี่อันถลึงตามองหุ่นเชิดตัวเขื่องด้วยแววตาอำมหิต พยายามกล่าวออกเสียงเรียบ


 


แม้จะพยายามกล่าวออกเสียงเรียบแล้ว แต่ในวาจาไม่ขาดจิตสังหารแม้แต่น้อย


 


ขวับ!


 


ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อใด หากแต่ในมือของหลี่อันพลันปรากฏดาบประหลาดเล่มหนึ่ง…


 


ใบดาบทั้งใบเป็นสีแดงฉานราวกับมันชโลมย้อมไปด้วยโลหิต บริเวณท้ายที่จับสลักไว้ด้วยหัวมังกรเสมือนมีชีวิต กลิ่นอายพลังคมกล้าลี้ลับจากตัวดาบ ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามทั้งมีพลังอำนาจครอบงำไม่น้อย


 


ดาบอสุรา!


 


ไพ่ตายที่ร้ายกาจที่สุดเท่าที่หลี่อันมีอยู่ในตอนนี้!


ตอนที่ 2,054 : ความโหดเหี้ยมของหลี่อัน!


 


ยอดศาสตราเซียน 10 อันดับแรกในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่นั้น เรียกว่าล้วนเป็นศาสตราที่มีพลังอานุภาพลึกล้ำโดดเด่นเหนือกว่าศาสตราพันอาคมเซียนอื่นๆหลายขุม


 


และดาบอสุราก็เป็นหนึ่งในยอดศาสตราที่ว่า


 


แม้ดาบอสุราจะไร้ความสามารถในการสะกดข่มหมู่มารอย่างที่ตราผนึกมารมี หากแต่มันก็เป็นศาสตราหมื่นอาคมเซียนที่มีพลังสังหารอันโดดเด่น!


 


และตอนนี้ในมือของหลี่อันก็กุมถือดาบอสุราดังกล่าวเอาไว้


 


ทันใดนั้นกลิ่นอายพลังทั่วร่างของหลี่อันก็แปรเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน


 


มวลพลังอันสุดไพศาลขุมหนึ่งปะทุขึ้นท่วมร่าง ทั้งในมวลพลังดังกล่าวยังมีอัสนีสีแดงเลือดแปลบปลาบลั่นเปรี๊ยะ! เปี่ยมล้นไปด้วยพลังสังหารอันดุร้ายอำมหิตนัก!!


 


เรียกว่าเพียงชั่วชั่วพริบตา กลิ่นอายพลังทั่วร่างของหลี่อันแปรเปลี่ยนไปพลิกฟ้าคว่ำดิน!


 


หากจะกล่าวว่า…


 


ก่อนหน้านี้หลี่อันเป็นดั่งสัตว์ร้ายล่ะก็…


 


เช่นนั้นตอนนี้หลี่อันไม่เพียงแต่เป็นสัตว์ร้าย ยังเป็นสัตว์ร้ายกระหายเลือดที่ทำให้คนทุกผู้สัมผัสได้ถึงอันตราย!


 


และความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นจากของสิ่งเดียว…


 


เป็นดาบอสุราที่ผุดโผล่จากความว่างเข้ามือเล่มนั้น! ก่อนที่ในมือหลี่อันจะกอบกุมถือดาบอสุราไว้ เรื่องราวยังคงปกติดี!!


 


ทว่าหลังดาบอสุราปรากฏ ทุกสิ่งก็เปลี่ยนไป


 


ซูว! ซูว! ซูว!


 


……


 


ตระหนักได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในพริบตาที่เกิดขึ้นบนร่างหลี่อัน สีหน้า หรงหยวน ถงจ้ง และองครักษ์เกราะทมิฬทั้งหลายของตำหนักเมฆาครามเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาทันที


 


ตอนนี้ทุกคนตระหนักชัดถึงเรื่องหนึ่ง


 


นี่สมควรเป็นพลังที่แท้จริงของหลี่อัน!


 


“นี่มัน….”


 


ในขณะที่คนของตำหนักเมฆาครามหน้าเปลี่ยนสี เหล่ายอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์จากวังอุดรไพศาลก็มองจ้องไปยังดาบสีเลือดในมือหลี่อันทันที ใบหน้าพวกมันเผยความประหลาดใจทั้งเหลือเชื่อนัก


 


“ดาบอสุ…”


 


ท่ามกลางยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ของวังอุดรไพศาล มีบางคนที่สามารถจดจำอัตลักษณ์ดังกล่าวของดาบเล่มนี้ได้ จึงอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยปากอ้ากว้าง


 


อย่างไรก็ตามเพียงคำ ‘ดาบอสุ’ กล่าวออกจากปาก ไม่ทันได้กล่าวจบคำเสียงมันก็ขาดหายไปเสียก่อน


 


ทั้งหมดเพราะมันไม่มีโอกาสได้กล่าวสืบต่อ


 


ฮึ่ม!


 


เสียงสบถเย็นหนึ่งลั่นดังเข้าหูทุกคน


 


ช่วงเวลาต่อมา


 


ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!


 


……


 


ไม่เพียงแต่ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ของวังอุดรไพศาลที่อุทานออกมาคนนั้น เหล่ายอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์คนอื่นด้านหลังหลี่อันทุกคนกลับถูกรังสีดาบสีเลือดวาบผ่านสะบั้นร่างขาดกลางทั้งสิ้น!!


 


เสาโลหิตพวยพุ่งขึ้นฟ้าอย่างพร้อมเพรียง สะกดสายตาคนตำหนักเมฆาครามให้มองความงามสีเลือดอย่างตื่นตระหนก


 


เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะหน้าเปลี่ยนสี


 


ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ ตกตายในชั่วพริบตา!


 


ยิ่งไปกว่านั้น


 


ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ของวังอุดรไพศาลด้านหลังหลี่อัน ยังถูกหั่นร่างเป็น 2 เสี่ยงขาดกลางลำตัว ด้วยรังสีสะบั้นสีเลือดเพียงสายเดียวเท่านั้น!รังสีพลังสังหารนั่นพุ่งไปฉับไวถึงขีดสุด ว่องไวเกินกว่าที่ใครจะตอบสนองได้ทัน!!


 


เช่นนั้นเหล่ายอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ทั้งหมดของวังอุดรไพศาลก็จำต้องตาย!


 


ยังตายคามือหลี่อันหมดสิ้น


 


และเหตุผลที่หลี่อันสังหารพวกมันทิ้งก็ง่ายดายนัก


 


มันไม่อยากให้เรื่อง ดาบอสุรา ในมือมันอันเป็น 1ใน 10 ยอดศาสตราแพร่กระจายออกไป


 


เช่นนั้นมันก็ทำได้แต่ฆ่ายอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ทั้งหมดของวังอุดรไพศาลที่ติดตามมันมาก็เท่านั้น


 


หลังมันนำดาบอสุราออกมา มันก็คิดไว้แล้วว่าสมควรมีคนวังอุดรไพศาลสักคนจดจำดาบในมือมันได้


 


เช่นนั้นก่อนที่พวกมันจะเผยเรื่องนี้ให้โลกรู้ มันจำต้องเข่นฆ่าสังหารทั้งหมดให้สิ้น!


 


เพื่อรักษาดาบอสุราไว้กับตัว หลี่อันพร้อมจะเป็นศัตรูกับคนทั้งโลก!


 


นั่นเพราะด้วยมีดาบอสุราเล่มนี้ ชะตาของมันหลี่อัน…สามารถพลิกผันได้!


 


ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่ยอมให้มีใครล่วงรู้การคงอยู่ของดาบอสุราในมือมัน ก่อนที่มันจะก้าวขึ้นมาอยู่เหนือใครเด็ดขาด!


 


ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!


 


……


 


เห็นหลี่อันลงมือด้วยอำมหิต สังหารยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ที่นำมาทั้งหมดทิ้งอย่างไร้เยื่อใย เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬไม่เว้น ถงจ้ง กับหรงหยวนอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ


 


มองหลี่อันอีกครั้ง ในสายตาไม่เพียงระวังยังแฝงไว้ด้วยความกลัว


 


หลี่อันผู้นี้ กระทั่งคนของตัวเองยังฆ่าได้!


 


เช่นนั้นยังมีอะไรที่มันไม่กล้าทำอีก!


 


“หลี่อันผู้นี้ช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก!”


 


“จักอำมหิตเกินไปแล้ว…กระทั่งคนที่มันพามาเองแท้ๆยังลงมือฆ่าได้ตาไม่กระพริบ! กระทั่งข้าสัมผัสได้ว่ากระทั่งวิญญาณในดวงจิตของทุกคนยังถูกพลังดาบสังหารนั่นชำแรกไปบดขยี้ทำลายจนสิ้นซาก ทุกคนล้วนมิมีโอกาสได้หวนคืนสู่สวรรค์และโลก ไร้โอกาสกลับมาเกิดใหม่อีกต่อไป”


 


“แต่ข้าฉงนใจนัก ไฉนหลี่อันถึงต้องฆ่าพวกมันด้วย”


 


……


 


หลังการลงมือสะเทือนขวัญของหลี่อัน เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬอดไม่ได้ที่จะสนทนาถามไถ่กันด้วยความกลัว


 


สุดท้ายต่างยังสงสัยในเรื่องเดียวกัน


 


ไฉนหลี่อันถึงต้องฆ่าคนของตัวเองด้วย?


 


ถึงกับฆ่าคนของตัวเองเช่นนี้ ต้องมี ‘เหตุผล’ อันสำคัญแน่!


 


“หลี่อันผู้นี้พอหยิบดาบสีเลือดเล่มนั้นออกมา ก็บังเกิดจิตคิดสังหารยอดฝีมือด้านหลังมันทันที…หรือดาบนั่นมีความผิดปกติอันใด?”


 


“ดาบนั่นเป็นสีเลือดน่ากลัวนัก…หรือดาบจำต้องได้ลิ้มรสเลือด มีการเซ่นสังเวยอันใดก่อนจะเผยพลังอานุภาพ? กระทั่งยิ่งสังเวยยอดฝีมือมากเท่าใดจักยิ่งร้ายกาจ?”


 


“อาจเป็นได้”


 


……


 


เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬได้แต่กล่าวคาดเดาเหตุผลที่หลี่อันฆ่าคนออกมาไปเรื่อย


 


“ดาบอสุรา!”


 


ทว่าตอนนี้เองพลันมีน้ำเสียงตกใจดังขึ้นจากหุ่นเชิดเซียนปีศาจตัวเขื่องที่ต้วนหรูเฟิงผสานร่างควบคุมอยู่


 


และเสียงอุทานของต้วนหรูเฟิง ก็ดึงสติของเหล่าองครักษ์เกราะทมิฬทุกคนจากภวังค์คิดคาดให้หันมาสนใจทันที


 


ดาบอสุรา!


 


วาจาสั้นๆไม่กี่คำนี้ ไม่ใช่อะไรที่แปลกหูสำหรับพวกมันแม้แต่น้อย!


 


ดาบอสุรา คือยอดศาสตราเซียนที่ติดอยู่ใน 10อันดับแรกของรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่!พลังสังหารของมันนับว่ากล้าแกร่งถึงขีดสุด ได้ชื่อว่าเป็นอาวุธสังหารที่ทรงพลังที่สุดของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!!


 


กล่าวกันว่า…


 


ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนปฐพีขั้นสูงสุด ยามใช้ดาบอสุรายังสามารถเข่นฆ่าสังหารผ็ฝึกตนขอบเขตเซียนนภาขั้นต้นได้อย่างง่ายดายไม่เหนื่อยแรง


 


ถึงขั้นที่แม้จะต้องเผชิญหน้ากับเซียนนภาขั้นกลางก็สามารถต่อสู้รับมือได้อย่างไม่เสียเปรียบ!


 


จากเรื่องนี้เผยให้รู้ว่าพลังอำนาจของดาบอสุราร้ายกาจเพียงใด


 


ทว่าตอนนี้จ้าวตำหนักเมฆาครามของพวกมันกลับกล่าวชื่อ ‘ดาบอสุรา’ ออกมา


 


เช่นนั้นย่อมหมายความว่าดาบสีเลือดในมือของหลี่อัน ก็คือ ดาบอสุรา 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนในตำนานแน่แล้ว!


 


เรื่องนี้จะไม่ให้พวกมันไม่ตกใจได้อย่างไรไหว!


 


“ดาบอสุราหรือ…ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าอาวุโสของลัทธิบูชาไฟผู้นี้จะมีดาบอสุราในครอบครองได้!”


 


“ว่าแต่ก่อนใช้ดาบอสุราจำต้องสังเวยโลหิตผู้คนด้วยหรือ ไฉนข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลยเล่า?”


 


“จะอย่างไรดาบอสุรามันก็เป็นถึง 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียน แม้จะต้องมีพิธีเซ่นสังเวยโลหิตชีวิตอันใดก่อนใช้ ก็ไม่แปลกหรอก”


 


“ใช่”


 


……


 


เมื่อตระหนักได้ว่าดาบสีเลือดในมือหลี่อัน ที่แท้ก็คือดาบอสุรา 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนในตำนาน ทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะแตกตื่นขึ้นมาไม่น้อย


 


แน่นอนว่าสีหน้าขององครักษ์เกราะทมิฬบางคนก็เผยท่าทีตึงเครียดถึงขีดสุด


 


นั่นเพราะหลังประมือกับหลี่อันมาเนิ่นนาน แต่จ้าวตำหนักของพวกมันพึ่งจะเริ่มเป็นฝ่ายมีเปรียบหลี่อันเท่านั้น


 


ทว่าตอนนี้หลี่อันกลับชักดาบอสุราออกมา พลังสู้รบของหลี่อันย่อมเพิ่มพูนสูงขึ้นอีกมาก!


 


แล้วภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จ้าวตำหนักเมฆาครามของพวกมันจะเอาชนะหลี่อันได้หรือไม่?


 


พวกมันย่อมไม่อาจมั่นใจในเรื่องนี้ เช่นนั้นจึงรู้สึกตึงเครียดกันนัก


 


“เจ้า…รู้จักดาบอสุราด้วย?”


 


ได้ยินต้วนหรูเฟิงกล่าวนามดาบอสุราออกมา ใจหลี่อันถึงกับตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที


 


มันไม่คิดไม่ฝันเลย


 


ต้วนหรูเฟิงจะรู้จักทั้งจดจำดาบในมือของมันได้!


 


ต้องทราบด้วยว่าที่เมื่อครู่มันฆ่าเหล่ายอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ของวังอุดรไพศาลที่ติดตามมารับใช้มันทิ้ง เพราะมันไม่อยากให้เรื่องดาบอสุราแพร่งพรายออกไป


 


มันไม่อยากให้ต้วนหรูเฟิงกับทุกคนในที่นี้รู้จักดาบอสุรา!


 


ทว่าตอนนี้ต้วนหรูเฟิงกลับรู้จักดาบอสุราของมัน!


 


“หลี่อันหากข้าเดาไม่ผิด…ที่เจ้าฆ่าพวกมันเมื่อครู่ คงเพราะกลัวว่าพวกมันจะแพร่งพรายเรื่องดาบอุสราออกไปงั้นสินะ…เพราะเท่าที่ข้ารู้มา ดาบอสุราหาได้มีเรื่องเหลวไหลอย่างเซ่นสังเวยโลหิตอะไรไม่”


 


ได้ยินคำถามด้วยความประหลาดใจของหลี่อัน ต้วนหรูเฟิงที่ผสานรวมเข้ากับหุ่นเชิดตัวเขื่องก็กล่าวสืบต่อ


 


แน่นอนว่าไม่ใช่มันจดจำดาบอสุราได้เพราะเคยเห็นมากับตาตัวเอง


 


ทว่าด้วยมีเฮยหมิงเข้าสิงร่างมัน ยามเมื่อดวงจิตของเฮยหมิงแตกสลาย มันย่อมได้รับความทรงจำของเฮยหมิงมา!


 


และในความทรงจำของเฮยหมิง ก็มีเรื่องดาบอสุราเล่มนี้อยู่ด้วย!


 


เพราะครั้งหนึ่งเฮยหมิงก็เคยได้ถือครองดาบอสุราดังกล่าว! ไหนเลยจะไม่รู้ว่าดาบอสุราเป็นเช่นไร แล้วมีพลังสามารถแค่ไหน!!


 


ด้วยเหตุนี้ต้วนหรูเฟิงจงจดจำได้ทันที ว่าดาบสีเลือดในมือหลี่อันก็คือ ดาบอสุรา ยอดศาสตราประเภทดาบที่ติด 1 ใน 10 รายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่!


 


“ต้วนหรูเฟิง…”


 


หลี่อันมองจ้องหุ่นเชิดปีศาจที่มีต้วนหรูเฟิงผสานร่างด้วยสายตาเยียบเย็น กล่าวออกเสียงเข้มแฝงอำมหิต “ข้าจำต้องยอมรับว่าความรู้ของเจ้าน่าประหลาดใจนัก…แต่บางครั้งคนเรารู้มากไปก็มิใช่เรื่องดี!”


 


“อย่างเช่นตอนนี้…เดิมทีข้าไม่คิดฆ่าเจ้าให้เร็วนัก ทว่าตอนนี้ดูเหมือนข้าจำต้องเปลี่ยนใจ รีบฆ่าเจ้าให้เร็วที่สุดก่อนที่เจ้าจะก่อเรื่องสร้างเหตุเปลี่ยนแปลงอะไร!”


 


“สำหรับเรื่องที่จะใช้เจ้าล่อต้วนหลิงเทียน…ข้าเพียงหาคนอื่นก็สิ้นเรื่อง ถึงไม่มีเจ้าข้าก็มิได้กลัวว่าจะหาคนอื่นมาล่อต้วนหลิงเทียนไม่ได้!”


 


ทันใดนั้นดาบอสุราในมือหลี่อันก็ปรากฏไอพลังสีเลือดแผ่พุ่งออกมาดั่งเพลิงไฟ เสียงกล่าววาจายังแปรเปลี่ยนไปเป็นเยียบเย็นถึงที่สุด “เช่นนั้น…เจ้ากับหุ่นเชิดเซียนปีศาจนั่น รีบไปตายให้ข้า!”


 


กล่าวจบคำ ร่างหลี่อันก็ลงมือเคลื่อนไหวทันที


 


ซู่ม!


 


ร่างหลี่อันทะลวงแหวกอากาศไปฉับไว ดาบตวัดฟันไปยังหุ่นเชิดเซียนปีศาจด้วยสภาวะเหี้ยมหาญปานจักรผัน ไอพลังสังหารดุร้ายกระหายเลือดปะทุออกมาอย่างเกรี้ยวกราด!!


 


ฟั่บ! ฟั่บ! ฟั่บ! ฟั่บ! ฟั่บ!


 


……


 


ปรากฏเสียงแหวกอากาศเสียดหูดังขึ้นระรัวไม่หยุด!


 


เป็นรังสีพลังสังหารสีแดงฉาน ที่ซัดพุ่งออกมาจากดาบดั่งเสี้ยวจันทร์กว่า 10 สาย พุ่งทะยานลัดฟ้าไปปานเส้นแสง หมายหั่นทำลายร่างหุ่นเชิดเซียนปีศาจที่ต้วนหรูเฟิงควบคุมให้แหลก!!


 


‘ร้ายกาจนัก!’


 


แม้ต้วนหรูเฟิงจะล่วงรู้พลังอานุภาพของดาบอสุราดีว่าร้ายกาจแค่ไหน แต่ยังอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกเมื่อเผชิญหน้ากับการทะยานร่างเข่นฆ่าซัดพลังเข้ามาของหลี่อัน!


ตอนที่ 2,055 : ยอดศาสตราเซียนอีกชิ้น!


 


จังหวะนี้ต้วนหรูเฟิงตระหนักได้ทันที


 


ว่าหุ่นเชิดปีศาจที่มันอัญเชิญออกมา ไม่อาจต้านทานรับมือหลี่อันในตอนนี้ได้แน่!


 


พลังของหลี่อันยามถือดาบอสุรา มากมายกว่าก่อนหน้ามหาศาลนัก! ถึงขั้นยกระดับขึ้นไปทัดเทียมได้กับ เซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน!!


 


ส่วนหุ่นเชิดปีศาจที่มันอัญเชิญออกมา ก็เป็นเพียงหุ่นเชิดปีศาจระดับเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนเท่านั้น


 


แม้จะปะทุพลังใช้ออกด้วยไอมารที่กักเก็บสั่งสมไว้ทั้งหมด อย่างดีก็ได้แค่ครึ่งก้าวเซียนสวรรค์ 5เปลี่ยนเท่านั้น!


 


ยังอีกห่างไกลนักถึงจะเทียบกันกับ เซียนสวรรค์ 5เปลี่ยนที่แท้จริงได้


 


เป็นธรรมดาที่ตอนนี้ต่อให้ต้วนหรูเฟิงควบคุมหุ่นเชิดเซียนปีศาจได้เสมือนแขนขาของตัวเองแล้ว แต่ยังอ่อนด้อยกว่าหลี่อันที่มีดาบอสุราในมือ!


 


‘ดูเหมือนข้าได้แต่ใช้วิชานั่นเท่านั้น…’


 


เมื่อเผชิญหน้ากับพลังอำนาจอันครอบงำของหลี่อัน ต้วนหรูเฟิงได้แต่นึกถึงทักษะลับต้องห้ามหนึ่งของเฮยหมิง ที่คล้ายคลึงกับเวทย์พลังสนับสนุนทันที


 


อย่างไรก็ตามผลที่ตามมาหลังใช้ของทักษะลับต้องห้ามดังกล่าว ยังร้ายแรงกว่าผลกระทบของเวทย์พลังสายสนับสนุนไปไกลโข เรียกว่าแทบจะทัดเทียมกับผลกระทบของโอสถต้องห้ามก็ว่าได้!


 


หากไม่มีอันตรายถึงตายจริงๆ ต้วนหรูเฟิงคงไม่คิดใช้ออกด้วยทักษะลับต้องห้ามดังกล่าว! เพราะราคาที่ต้องจ่ายออกไปมันมากมายไม่น้อย!!


 


อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ในปัจจุบัน…


 


ตอนนี้ชีวิตของมันไม่ต่างอะไรจากแขวนอยู่บนเส้นด้าย! ขืนลังเลชักช้าเกรงว่าจะสายเกินการณ์และได้ตายตกคาคมดาบของหลี่อันก่อนได้ใช้ทักษะวิชาอันใดแน่!!


 


‘กระทั่งอัญเชิญหุ่นเชิดเซียนปีศาจมายังไม่อาจฆ่าหลี่อันนั่นได้…ไม่คิดเลยจริงๆว่ามันจะมีดาบอสุรา 1ใน 10 ยอดศาสตราเซียนในตำนานไว้ในครอบครองได้แบบนี้!’


 


จังหวะนี้ในใจต้วนหรูเฟิงสั่นไหวไปไม่น้อย หากเลือกได้เขาก็ไม่คิดจะใช้ทักษะลับต้องห้ามนั่น เพราะผลกระทบมันรุนแรงเกินไป!


 


ซู่มมมม!!


 


ทว่าในวินาทีเดียวกันกับที่ประกายตาต้วนหรูเฟิงเปลี่ยนไปเป็นคมกล้า ด้วยคนคิดใช้ทักษะลับต้องห้ามนั้นเอง พลันบังเกิดเหตุเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหัน มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากฟากฟ้า!


 


พริบตาต่อมาก็ปรากฏบางสิ่งใหญ่โตมหาศาลก่อเกิดเงาดำทะมึนคลุมฟ้า ร่วงตกลงมาปานอุกกาบาต! เสียงลมกรรโชกพัดแรงปานฟ้าร้อง สิ่งนั้นมองผิวเผินคล้ายจะพุ่งลงมาถล่มทับหุ่นเชิดเซียนปีศาจที่มีต้วนหรูเฟิงผสานร่างควบคุม!!


 


ฟู่ม ฟู่ม ฟู่ม ฟู่ม ฟู่ม


 


……


 


ขณะเดียวกัน คลื่นพลังสะบั้นสีแดงฉานที่หลี่อันใช้ดาบอสุราซัดออก ก็พุ่งแหวกฟ้าผ่าอากาศไปดั่งเส้นแสงเจียนบรรลุถึงร่างหุ่นเชิดเซียนปีศาจที่มีต้วนหรุเฟิงผสานรวมอยู่เต็มที! ประหนึ่งเคราะห์ซ้ำกรรมซัดก็ไม่ปาน!!


 


ทว่าต้วนหรูเฟิงที่อยู่ภายในร่างของหุ่นเชิดเซียนปีศาจนั้น…กลับไม่ลงมือทำอะไร!


 


เพราะด้วยสำนึกเทวะที่แผ่ออกไปโดยรอบ ต้วนหรูเฟิงย่อมสัมผัสได้ชัดเจนว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น!!


 


เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!


 


……


 


เป็นเงามหึมาที่ร่วงตกจากฟากฟ้านั่น บรรลุถึงเบื้องหน้าได้ทันกาล! กั้นขวางทานรับพลังสังหารหลายสิบสายของหลี่อันได้อย่างหมดจด ไร้เสี้ยวพลังอันใดซัดทำร้ายถึงหุ่นเชิดตัวเขื่องของต้วนหรูเฟิงทั้งสิ้น!!


 


คลื่นพลังสะบั้นสีแดงฉานปานเสี้ยวจันทร์แตกสลายหายไปดั่งละออง ขณะเดียวกันเงามหึมาปานขุนเขาก็เริ่มหดเล็กลงเรื่อยๆ จนเหลือเพียงวัตถุหนึ่งขนาดเท่ากำปั้นเท่านั้น!


 


มองพินิจให้ดีจะพบว่ามันเป็น ตราประทับหนึ่ง


 


ส่วนล่างของตราประทับนั้นแลดูแบนราบเรียบง่าย ส่วนด้านบนถูกแกะสลักเป็นขุนเขารูปทรงต่างๆมากมายถึงหมื่นขุนเขา!


 


“ประทับหมื่นขุนเขา!?”


 


เมื่อเห็นตราประทับเบื้องหน้า ใจต้วนหรูเฟิงสั่นไหวไปไม่น้อย ขณะเดียวกันก็ล้มเลิกความคิดใช้ทักษะต้องห้ามทันที


 


เพราะในความทรงจำที่เฮยหมิงเหลือทิ้งไว้ ก็มีเรื่องนี้บันทึกไว้เช่นกัน


 


ประทับหมื่นขุนเขานั้น เป็น 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนที่ติดอันดับในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกัน อีกทั้งยังถูกจัดว่าเป็นยอดศาสตราลำดับที่ 3 ของยอดศาสตราเซียนทั้งหมด!!


 


เพราะประทับหมื่นขุนอันนี้ไม่เพียงมีพลังจู่โจมและป้องกันอันน่าสะพรึงกลัวเท่านั้น ยังสามารถปรับเปลี่ยนขนาดได้ตามใจผู้ใช้!


 


ดั่งเมื่อครู่ ที่มันขยายขนาดจนใหญ่ปานขุนเขา บดบังแสงตะวันสร้างเงาดำคลุมฟ้า!


 


ต้วนหรูเฟิงไม่คิดไม่ฝันจริงๆ


 


ว่าวันนี้ไม่เพียงแต่จะได้เห็นยอดศาสตราอย่าง ‘ดาบอสุรา’ ยังจะได้เห็น ‘ประทับหมื่นขุนเขา’ ที่เป็นยอดศาสตราเซียนในตำนาน ติด 10 อันดับแรกของรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ถึง 2 ชิ้นเช่นนี้!


 


ยิ่งไปกว่านั้นอันดับของยอดศาสตราเซียนอย่างหลัง ยังเหนือกว่า ‘ดาบอสุรา’ มาก


 


“ประทับหมื่นขุนเขา!”


 


ในขณะที่ต้วนหรูเฟิงจดจำประทับหมื่นขุนเขาได้ หลี่อันในฐานะอาวุโสเพลิงเงินของลัทธิบูชาไฟ เป็นธรรมดาว่าต้องจดจำประทับหมื่นขุนเขาได้เช่นกัน ลูกตามันอดไม่ได้ที่จะหดหยีลงทันที!


 


อย่างไรก็ตาม ครู่ต่อมาสองตาที่หดหยีก็เบิกโพลงเผยประกายอันร้อนแรงเปี่ยมความโลภนัก


 


ประทับหมื่นขุนเขานั่น…ยังเป็นยอดศาสตราเซียนที่ร้ายกาจยิ่งกว่าดาบอสุราเสียอีก!!


 


อันดับทั้ง 10 ของยอดศาสตราเซียนในตำนาน อันใดสูงอันใดต่ำมันล้วนทราบดี!


 


ซู่มมม!!


 


ร่างหลี่อันที่ชะงักไปวูบฟนึ่งพลันทะยานออกไปด้วยความเร็วปานฟ้าผ่าอีกครั้ง คิดคว้าประทับหมื่นขุนเขาที่ลอยล่องอยู่เบื้องหน้าไม่ใกล้ไม่ไกลมาถือครองไว้ให้จงได้! มันจะเอา!!


 


อย่างไรก็ตามมันสามารถคว้าจับได้ก็แต่อากาศว่างเปล่าเท่านั้น…


 


เพราะก่อนที่มือมันจะคว้าถูกประทับหมื่นขุนเขา ตัวประทับก็ได้พุ่งวาบไปด้วยความเร็วปานเส้นแสง!


 


หมับ!


 


มาหยุดลงอีกครั้ง ก็ตอนอยู่ในมือของร่างชายหนุ่มในชุดคลุมลมดำที่มาปรากฏตัว บนฟ้าใกล้ๆตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ทราบ!


 


ชายในชุดคลุมลมดำผู้นี้ เลิกหมวกคลุมเผยใบหน้าอันชั่วร้ายแฝงความเจ้าเล่ห์ไม่น้อยออกมาให้เห็นชัด มือหนึ่งถือประทับหมื่นขุนเขาเอาไว้ สองตาไม่แม้แต่จะเหลือบแลหลี่อันเพียงมองจ้องไปที่ต้วนหรูเฟิงตาเขม็ง


 


กล่าวให้ชัดคือมองจ้องร่างหุ่นเชิดเซียนปีศาจตัวเขื่อง ที่ต้วนหรูเฟิงควบคุมบังคับอยู่


 


“ต้วนหรูเฟิง…นี่เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่?”


 


มองไปยังหุ่นเชิดเซียนปีศาจตัวเขื่อง แววตาของชายหนุ่มชุดดำเผยประกายดุร้ายนัก กล่าวถามออกไปเสียงเย็นเยียบแฝงความคาดคั้น คล้ายหากไม่ได้ยินคำตอบดีๆมันไม่คิดเลิกราเด็ดขาด!


 


“ตู้กู ที่แท้เป็นเจ้า…”


 


เห็นชายหนุ่มในชุดดำ ต้วนหรูเฟิงก็แปลกใจไม่น้อย


 


ฟังจากน้ำเสียงประหลาดใจ คล้ายต้วนหรูเฟิงเองก็คิดไม่ถึงจริงๆว่าผู้ถือครองประทับหมื่นขุนเขาจะเป็นอีกฝ่ายไปได้


 


“เป็น ตู้กู ผู้นำตลาดมืดหยินชาน…”


 


ขณะเดียวกัน หรงหยวนที่เห็นร่างชายในชุดคลุมลมดำปรากฏตัวขึ้นก็ตื่นตระหนกตกใจไม่น้อย ด้วยไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมาปรากฏกายที่นี่ได้!!


 


ชายในชุดคลุมลมดำเบื้องหน้า หาใช่คนแปลกกหน้าสำหรับมันไม่


 


อีกฝ่ายคือผู้นำสูงสุดของตลาดมืดหยินชาน! 1 ใน 2ขุมพลังกึ่งชั้น 3 ที่ทรงอำนาจมากที่สุดในภูมิภาคเบื้องล่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า…ขุมพลังเดียวที่มีอำนาจทัดเทียมตำหนักเมฆาครามของมัน!


 


การที่อีกฝ่ายมาปรากฏตัวที่นี่ได้ช่างเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายของหรงหยวนนัก


 


ยิ่งไปกว่านั้นมองจากทีท่าและการลงมือเมื่อครู่ของตู้กู น่ากลัวว่าจะมีพลังอำนาจไม่ได้ด้อยไปกว่าจ้าวตำหนักเมฆาครามของพวกมัน ที่อัญเชิญหุ่นเชิดปีศาจมาควบคุมแบบนี้!


 


“ต้วนหรูเฟิงที่ข้าถามเจ้าไม่ได้ยินรึไง…นี่เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่?”


 


ตู้กูกล่าวถามออกเสียงเย็นอีกครั้ง และยังเป็นคำถามเดิม ราวกับหากต้วนหรูเฟิงไม่ตอบเรื่องนี้ มันไม่คิดสนทนาเรื่องอื่น


 


“ข้ารู้ตัวดีว่าข้ากำลังทำอะไรอยู่…”


 


ต้วนหรูเฟิงที่อยู่ภายในหุ่นเชิดเซียนปีศาจ ในที่สุดก็กล่าวตอบคำตู้กู “ข้ารู้ว่าการทำแบบนี้อาจส่งผลกระทบต่อม่านพลังกั้นมิติระหว่างแดนเนรเทศกับดินแดนของเรา…กระทั่งอาจทำให้ม่านพลังไร้เถียรถึงขั้นถูกทำลาย”


 


“แต่ข้าไม่มีทางเลือก…”


 


“หากข้าไม่ใช้การอัญเชิญหุ่นเชิดเซียนปีศาจจากแดนเนรเทศ ข้าย่อมไม่อาจจัดการอาวุโสลัทธิบูชาไฟคนนี้ได้…จะอย่างไรสุดท้ายแล้วมรดกปีศาจที่ข้าสืบทอดมาก็ต่างจากเจ้า! เจ้าไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพลังของหุ่นเชิดเซียนปีศาจ แต่ข้าต้องพึ่งมัน!”


 


ฟังจากวาจาก่อนหน้า ต้วนหรูเฟิงไร้ซึ่งความเสียใจอันใดที่กระทำไปเช่นนี้


 


และจากคำของต้วนหรูเฟิง สามารถได้ยินเรื่องราวหนึ่ชัดเจน


 


ไม่ว่าจะเป็นมันหรือผู้นำตลาดมืดหยินชาน ล้วนได้รับสืบทอดมรดกปีศาจมาทั้งคู่!


 


ต้องทราบด้วยว่าแม้มรดกปีศาจกับมรดกมารจะฟังแล้วคล้ายคลึงกัน ทว่าความจริงกลับแตกต่างกันใหญ่หลวง


 


ปีศาจในที่นี้หมายถึงเผ่าพันธุ์ปีศาจที่แท้จริง เป็นเหล่าปีศาจที่มาจากแดนเนรเทศ ปีศาจแต่ละชนิดล้วนมีพลังอำนาจอันน่ากลัวสุดที่มนุษย์ทั่วไปจะต้านทานได้


 


มารนั้น หมายถึงมนุษย์ที่ได้รับมรดกของปีศาจ จนกลายเป็นผู้ฝึกมาร!


 


โดยทั่วไปแล้ว ผู้ฝึกมารรุ่นแรกก็คือผู้ฝึกตนมนุษย์ที่ได้รับเคล็ดบ่มเพาะหรือมรดกของปีศาจหลังจากที่เอาชนะและเข่นฆ่าอีกฝ่ายได้ในมหาสงครามของยุคมนุษย์ปีศาจ


 


ทว่าเมื่อกาลเวลาผันผ่านไปนานเข้า มรดกปีศาจทั้งหลายก็เริ่มเลือนหายไป คงเหลือแต่มรดกของผู้ฝึกมารเท่านั้น ยิ่งสืบทอดต่อกันมา ผู้ฝึกมารหน้าใหม่ก็ล้วนได้รับเคล็ดพลังจากผู้ฝึกมารรุ่นก่อนเท่านั้น


 


และผู้ฝึกมารส่วนใหญ่ ก็ล้วนเป็นลักษณะนี้


 


แน่นอนว่ายังมีผู้ฝึกมารที่พบพานมรดกของปีศาจที่แท้จริงในยุคสมัยมนุษย์ปีศาจโดยบังเอิญ เพราะปีศาจบางตัวที่บาดเจ็บหนักและไม่อาจรอดชีวิตกลับไปถึงแดนเนรเทศ พวกมันก็เลือกที่จะหาที่ตายอย่างสงบในแผ่นดินนี้ เลือกที่จะใช้พลังเฮือกสุดท้ายสร้างพื้นที่สืบทอดมรดกของตัวเอง เพื่อไม่ให้ทุกสิ่งชั่วชีวิตสลายสิ้นดั่งหมอกควัน…


 


อย่างเฮยหมิง ผู้ฝึกมารอันร้ายกาจที่พยายามยึดครองร่างต้วนหรูเฟิง ก็คือผู้ฝึกมารที่ได้รับสืบทอดมรดกปีศาจโดยตรง!


 


ต่อมาเมื่อเฮยหมิงวิญญาณสลาย ความทรงจำทั้งหมดของมันก็ตกเป็นของต้วนหรูเฟิง ทำให้ต้วนหรูเฟิงก็ประหนึ่งผู้ฝึกมารที่สืบทอดมรดกปีศาจมาโดยตรง


 


และตู้กู ผู้นำตลาดมืดหยินชานก็เหมือนกัน มันได้รับสืบทอดมรดกปีศาจโดยตรง!


 


คนสองคนที่ต่างสืบทอดมรดกปีศาจมา ยามเผชิญหน้ากันครั้งแรกย่อมสัมผัสได้ถึงความคล้ายคลึงกัน ต่างเห็นอีกฝ่ายเป็นเสมือนคู่แข่งโดยอัตโนมัติ และพยายามอยู่เหนืออีกฝ่ายให้จงได้


 


แต่แน่นอนว่าแม้ทั้งคู่จะสืบทอดมรดกปีศาจมาเหมือนกัน แต่ปีศาจที่ทั้งคู่ได้รับสืบทอดมรดกมาก็เป็นปีศาจที่มีพลังฝีมือคนละแนวทางกันอย่างสิ้นเชิง


 


อย่างต้วนหรูเฟิงนั้น ปีศาจเจ้าของมรดกที่เฮยหมิงได้สืบทอดมาตอนนั้น มันคือปีศาจที่เชี่ยวชาญการใช้หุ่นเชิดปีศาจ! มีฝีมือย่อยอันร้ายกาจมากมาย


 


เมื่อเฮยหมิงสืบทอดมรดกปีศาจจากปีศาจที่อยู่ในยุคมนุษย์ปีศาจตนดังกล่าวมา มันก็มีความสามารถในการอัญเชิญหุ่นเชิดปีศาจที่กักเก็บไว้ในแท่นบูชาที่อยู่ในมิติลับใจกลางแดนเนรเทศได้ และหุ่นเชิดเซียนปีศาจที่แข็งแกร่งก็ทัดเทียมได้กับยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน!


 


นี่บอกให้รู้ว่ามรดกปีศาจที่ต้วนหรูเฟิงสืบต่อมาจากเฮยหมิงอีกทอดมันร้ายกาจเพียงใด


 


แต่แน่นอนว่าการอัญเชิญหุ่นเชิดเซียนปีศาจจากมิติลับใจกลางแดนเนรเทศเช่นนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อม่านพลังและกำแพงมิติกั้นแดนไม่น้อย


 


หากม่านพลังที่ฉาบทับกำแพงมิติกั้นแดนไว้ถูกทำลายล่ะก็ เผ่าพันธุ์ปีศาจจากแดนเนรเทศจะกรูกันเข้ามายังโลกใบนี้อีกครั้ง ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอาจต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ดั่งครั้งยุคมนุษย์ปีศาจอีกครา


 


ด้วยเหตุนี้ ตู้กูจึงกล่าวถามต้วนหรูเฟิงเสียงเย็น


 


เพราะการที่ต้วนหรูเฟิงกระทำเช่นนี้ อาจเป็น ‘ต้นเหตุ’ ทำให้เผ่าพันธุ์ปีศาจของแดนเนรเทศบุกรุกเข้ามายังดินแดนนี้ได้!


 


“สืบทอดมรดกปีศาจ?”


 


ได้ยินวาจาของต้วนหรูเฟิง ลูกตาหลี่อันอดไม่ได้ที่จะหดหยีไปทันที


 


มันย่อมรู้ดี ว่าสืบทอดมรดกปีศาจมีความหมายเช่นไร!


 


‘ที่แท้มันได้รับสืบทอดมรดกปีศาจมานี่เอง…มิน่าแปลกใจที่มันจักล่วงรู้วิธีอัญเชิญหุ่นเชิดปีศาจที่อยู่ในแท่นบูชากลางดินแดนศักดิสิทธิ์ของแดนเนรเทศได้’


 


จังหวะนี้หลี่อันสามารถทำความเข้าใจเรื่องราวได้มากมาย


 


ในขณะที่ความขึงขังบนใบหน้าของหลี่อันค่อยๆคลายตัวลง


 


ทันใดนั้นคล้ายมันจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง สีหน้ามันจำต้องเปลี่ยนสีอีกครั้ง


 


นั่นเพราะมันพบว่าชายในชุดดำที่เป็นเจ้าของยอดศาสตราเซียน ‘ประทับหมื่นขุนเขา’ กลับลงมือจู่โจมเข้าใส่มันอย่างไร้ซึ่งการแจ้งเตือนอันใด แววตายังจับจ้องมองมาที่มันอย่างดุร้าย!!


 


เป็นแววตาอันเยียบเย็นไร้แยแส แต่เปี่ยมล้นไปด้วยเจตนาฆ่าฟันอันไร้สิ้นสุด!


 


“ขอบคุณเจ้า ตู้กู”


 


ขณะเดียวกันเสียงต้วนหรูเฟิงก็ดังขึ้นเข้าหูหลี่อัน พาลให้มันหน้าเปลี่ยนสีไปทันที!


ตอนที่ 2,056 : แผ่นฟ้า…กำลังจะเปลี่ยนไป!


 


อยู่ๆชายหนุ่มในชุดคลุมลมดำก็จู่โจมมาด้วยจิตฆ่าฟันอันเย็นเยียบ พร้อมๆกันนั้นเสียงขอบคุณของต้วนหรูเฟิงก็ดังขึ้นอย่างประจวบเหมาะ…เช่นนั้นเรื่องราวยังจะเป็นอะไรได้อีก?


 


หลี่อันตระหนักได้ทันที ว่า 9 ใน 10 ส่วน ล้วนไม่พ้นชายในชุดคลุมลมดำผู้นี้คิดร่วมมือกับต้วนหรูเฟิงจัดการกับมันแน่!


 


และความจริงก็ไม่ผิดแม้แต่น้อย! เพราะครู่ต่อมามันก็พบว่า…


 


ในขณะที่ชายหนุ่มชุดดำลงมือด้วยอำมหิตซัดประทับหมื่นขุนเขาเข้าใส่มัน ต้วนหรูเฟิงในคราบหุ่นเชิดเซียนปีศาจตัวเขื่องก็ทะยานเข้าใส่มันด้วยความเร็วสูง!


 


เสียงสายลมรุนแรงพัดดังหวิวก้องไปทั่ว!


 


“เจ้าเรียกว่า ‘ตู้กู’ ใช่หรือไม่ หากเจ้ามิสอดมือเข้ายุ่งในเรื่องนี้ ข้าจะแนะนำเจ้าให้เข้าร่วมกับลัทธิบูชาไฟ และเป็นชนชั้นผู้อาวุโสเพลิงทองแดงของลัทธิบูชาไฟ!”


 


หลี่อันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขณะที่เร่งเร้าพลังเตรียมรับมือมันก็รีบกล่าวออกมาด้วยข้อเสนอที่คิดว่าเย้ายวนใจมากที่สุด “ด้วยพลังฝีมือและศักยภาพนี้ของเจ้า ในอนาคตหากคิดเป็นอาวุโสเพลิงเงินเช่นข้าก็มิใช่เรื่องยากอันใด!”


 


แน่นอนว่ามันแค่กล่าวไปอย่างขอไปที


 


เพราะตราบใดที่ตู้กูไม่สอดมือ หลังมันฆ่าต้วนหรูเฟิงได้แล้ว มันจะฆ่าตู้กูต่ออีกคน!


 


ไม่ใช่เพราะเหตุผลใดอื่น ล้วนเป็นเพราะมันโลภในประทับหมื่นขุนเขาของตู้กูล้วนๆ!


 


นั่นคือยอดศาสตราเซียนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าดาบอสุราของมันเสียอีก! ถึงกับติดอยู่ในอันดับที่ 3 ของ ยอดศาสตราเซียนในตำนานทั้ง 10!!


 


แม้ว่าตู้กูจะสามารถทำลายคลื่นพลังดาบสังหารที่มันฟันซัดออกไปด้วยดาบอสุราได้อย่างไม่คล้ายลำบาก แต่นั่นเพราะการโจมตีของมันไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ตู้กูแต่แรก เป็นต้วนหรูเฟิง!


 


หาไม่แล้วตู้กูไม่มีทางรับมือการโจมตีของมันได้ง่ายๆแบบนั้น!


 


หากให้สู้กันตัวต่อตัว ไม่ว่าจะเป็นต้วนหรูเฟิงหรือตู้กูมันก็ไม่หวาดกลัว


 


ทว่าเมื่อทั้ง 2 ร่วมมือกัน…


 


มันถามตัวเองแล้วก็พบว่าไม่ใช่คู่มือของทั้งสอง!


 


“เข้าร่วมลัทธิบูชาไฟ แล้วจะได้เป็นขยะเช่นเจ้า? เจ้าคิดว่าข้าอยากเข้ารึไง?”


 


ได้ยินข้อเสนอของหลี่อัน ตู้กูแสยะยิ้มกล่าวคำออกมาด้วยสายตาน้ำเสียงดูถูกรังเกียจ ไม่ได้นำพาข้อเสนอของหลี่อันสักกะผีกเดียว


 


“เจ้า! รนหาที่ตาย!!”


 


คำตอบดูแคลนของตู้กูนับว่าทำให้หลี่อันโมโหไม่น้อย คนถึงกับบันดาลโทสะปะทุพลังกล้าแข็งคิด ฆ่าตู้กูให้ตายทันที


 


อย่างไรก็ตามเมื่อมันสัมผัสได้ว่าหุ่นเชิดเซียนปีศาจที่ต้วนหรูเฟิงควบคุมอยู่ ลงมือเข่นฆ่าสังหารมาถึงแล้ว มันก็ตื่นตระหนก เร่งหันหลังหมายหลบหนีไปทันที


 


มันวาดแผนเอาไว้ในใจ


 


คนฉลาดย่อมไม่พาตัวเข้าไปตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ! มันจะหนีไปก่อน!!


 


รอให้ต้วนหรูเฟิงหรือตู้กูอยู่คนเดียวเมื่อไหร่ มันจะย้อนกลับมาฆ่าทิ้งเรียงตัว!


 


น่าเสียดายที่จินตนาการนั้นสวยงาม ทว่าความเป็นจริงกลับโหดร้ายนัก


 


ตอนนี้มันคิดหลบหนี แต่มันยังจะหลบหนีได้ง่ายๆหรือ


 


ครืนนน!!


 


ขณะที่หลี่อันฉากร่างหลบการกระบวนสังหารของต้วนหรูเฟิงออกมาได้สำเร็จและคิดหลบหนีไป มันพบว่าปรากฏเสียงดังหนึ่งขึ้นจากเบื้องบนไม่ไกล


 


ครู่ต่อมา ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ประทับหมื่นขุนเขาที่ไปปรากฏตัวบนฟ้าได้ขยายขนาดจนใหญ่โตปานเกาะๆหนึ่ง! ขนาดมหึมาของมันถึงกับบดบังตะวันจนสิ้นแสงก่อให้เกิดเงามืดมิดคลุมฟ้า ถล่มลงมาราวกับจะสยบได้ทุกสรรพสิ่งในใต้หล้า!!


 


ปงงงง!!


 


ถึงแม้หลี่อันจะเร่งใช้ดาบอสุราเข้าต้านรับด้วยพลังทั้งหมด แต่มันก็ยังได้รับบาดเจ็บจากแรงกระแทกของประทับหมื่นขุนเขาไม่น้อย ปากกระอักโลหิตออกคำหนึ่ง!


 


ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!


 



 


ขณะเดียวกันต้วนหรูเฟิงในคราบหุ่นเชิดเซียนปีศาจตัวเขื่องที่ลงมือพลาดเป้าเมื่อครู่ ก็เคลื่อนร่างฉับไวแหวกอากาศจนฟ้าระเบิดดังปงปังทุกย่ำก้าว ยิงหมัดเปี่ยมพลังสังหารปานมีทวยเทพหนุนเสริมจี้เข้าใส่มันอีกครั้ง


 


และทุกก้าวที่ย่ำจนอากาศแตกระเบิดดังปงปังของหุ่นเชิดตัวเขื่อง ก็เสมือนค้อนเขื่องทุบฟาดลงกลางอกหลี่อัน พาลให้สีหน้าหลี่อันเปลี่ยนสีไปไม่น้อย


 


ประทับหมื่นขุนเขาเบื้องบนก็ยังคงกระแทกถล่มลงมาอย่างต่อเนื่อง! หุ่นเชิดน่ากลัวนั่นก็พุ่งไล่ฆ่ามันมาติดๆ มันไม่ทราบจะไปทางไหนดี!!


 


จังหวะนี้หลี่อันพลันตระหนักได้ทันที ว่ายากจะหลบหนีลี้จาก!


 


“ฆ่า!!”


 


สูดลมหายใจเข้าลึกๆคราหนึ่ง ประกายตาหลี่อันเรืองวาบขึ้นด้วยจิตฆ่าฟัน คนตะโกนร่ำร้องปลุกใจเร่งเร้าพลังทั่วร่างให้ลุกโชนขึ้นมาปานเพลินไฟได้น้ำมัน!


 


มันไม่ใช่คนอ่อนโยนอะไร ยังกล่าวว่าโหดเหี้ยมอำมหิตด้วยซ้ำ ไหนเลยจะยืนนิ่งรอรับความตายที่กล้ำกรายเข้ามาได้! เลือกที่จะสู้สุดใจทันที!!


 


‘เพียงฆ่าพวกมันทิ้งให้ได้สักคน…อีกคนก็ง่ายดายนัก!’


 


คิดถึงจุดนี้หลี่อันก็เลือกที่จะหันมาเผชิญหน้ากับหุ่นเชิดเซียนปีศาจของต้วนหรูเฟิงทันที เห็นได้ชัดว่าในบรรดาทั้ง 2 คน ต้วนหรูเฟิงสมควรอ่อนแอกว่า!


 


อย่างไรก็ตามเรื่องรวความเป็นไปไหนเลยจะเป็นดั่งใจมันคิดคาด


 


ต้วนหรูเฟิงกับตู้กู สองคนนี้แม้ก่อนหน้าจะแข่งขันเป็นศัตรูกันมาโดยตลอด ทว่ายามต้องร่วมมือกันกลับมีความเข้าใจในตัวอีกฝ่ายนัก!


 


ด้วยความที่เป็นศัตรูกันมานาน ศึกษาแนวทางวิชาของอีกฝ่ายมาตลอด พอมาร่วมมือกันทำให้ต่างรู้ความคิดอีกฝ่ายดี! สอดประสานลงมือสนับสนุนได้อย่างลงตัวปานมีทวยเทพชี้ทาง กระทั่งพี่น้องฝาแฝดยังไม่แน่ว่าจะรู้ใจกันขนาดนี้!


 


ผลที่ตามมาก็คือ ทุกคราที่หลี่อันตัดสินใจสู้แตกหักหมายฆ่าใครก็เสมือนต่อยเอาหมอนนุ่นแฝงเข็ม ไม่เพียงทำอะไรไม่ได้ยังเจ็บตัวเอง! ถูกซัดจากอีกคนที่ไม่ตกเป็นเป้าที่ให้ความช่วยเหลือได้อย่างลงตัว!!


 


ตอนแรกอาการบาดเจ็บยังเล็กน้อย เพราะมันก็ไหวตัวทัน


 


ทว่ายิ่งมายิ่งได้รับบาดเจ็บสะสมมากขึ้นเรื่อยๆอาการจึงย่ำแย่สาหัสเต็มที! ลมหายใจก็เริ่มอ่อนโทรมลงทุกขณะ!!


 


หลังจากนั้นเมื่อพลังสิ้นสูญไปแทบหมดสิ้น หลี่อันก็ไร้ซึ่งพลังสภาวะเหี้ยมหาญอันใดสืบไป คนกล้าดั่งเหล็กแข็งกลายเป็นอ่อนยวบปานมะเขือสุก


 


“ตู้กู ตราบใดที่เจ้าร่วมมือกับข้าฆ่าต้วนหรูเฟิง…ข้าจะยกดาบอสุราให้เจ้า!”


 


หลี่อันที่รู้ตัวว่าหากสถานการณ์เช่นนี้ดำเนินสืบต่อไปอีกไม่นานมันได้ตกตายแน่! เช่นนั้นจึงทิ้งไพ่ใบใหญ่อย่าง ‘ดาบอสุรา’ ในมือ หมายเกลี้ยกล่อมให้ตู้กูเข้าร่วมกับมัน


 


น่าเสียดายที่มันเสมือนถูกฟ้าลิขิตให้ต้องพบพานกับความผิดหวัง


 


“ดาบอสุรา? ยอดศาสตราเซียนที่ไม่แม้แต่จะเทียบกับประทับหมื่นขุนเขาของข้าได้…เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าจะสนใจ?”


 


เผชิญหน้ากับข้อเสนอของหลี่อัน ความเหยียดหยามดูแคลนฉายชัดบนใบหน้าตู้กู ขณะเดียวกันก็เลือกจะควบคุมประทับหมื่นขุนเขาให้ขยายขนาดทุบฟาดเข้าใส่ร่างหลี่อันอีกครั้ง!


 


เปรี๊ยงงงง!!


 


“อั๊ค!!”


 


ม่านพลังที่หลี่อันฝืนผนึกควบรวมกางกั้น แตกสลายดั่งกระจกแก้ว ประทับหมื่นขุนเขากระแทกเข้าร่างอย่างแรง ยังผลให้คนกระอักเลือดออกมาคำใหญ่!


 


หลังจากนั้นไม่นาน สุดท้ายภายใต้ความร่วมมือของต้วนหรูเฟิงกับตู้กู…


 


อาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬแห่งลัทธิบูชาไฟ หลี่อัน ก็จำต้องกลายเป็นซากเนื้อเลอะเลือน ทิ้งชีวิตไว้ที่ภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า


 


นึกภาพออกได้เลยว่ายามเมื่อข่าวเรื่องนี้แพร่ไปถึงภูมิภาคเบื้องบน มันจะก่อให้เกิดคลื่นลมครั้งใหญ่เพียงใด และทุกคนจะฮือฮาตื่นตะลึงกันมากมายเพียงไหน


 


ต้องทราบด้วยว่า


 


หลี่อันนั้นไม่เพียงแต่เป็นอาวุโสเพลิงเงินของลัทธิบูชาไฟธรรมดาๆ มันยังเป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน!


 


นอกจากนั้นมันยังเป็นผู้ที่มีพลังฝีมือติดอยู่ในอันดับที่ 139 ของรายนามยอดเซียน! เป็นสุดยอดฝีมือคนหนึ่งที่มีน้อยคนในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบน!!


 


ทว่ายอดฝีมือระดับนี้ กลับเอาชีวิตไปทิ้งในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ยังตกตายด้วยน้ำมือของผู้ฝึกตนที่พวกมันมองหยันดูเบาไม่ต่างมดปลวก…


 


“ดาบมันเจ้าเอาไป…ส่วนแหวนพื้นที่มันเป็นของข้า”


 


หลังจากฆ่าหลี่อันได้แล้ว ตู้กูพลันกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส เมื่อเดินไปปลดแหวนออกจากนิ้วหลี่อันแล้ว ตู้กูก็เหินร่างจากไปทันที


 


แต่ต้นจนจบไม่แม้แต่จะเหลือบแลดาบอสุรา


 


ไม่ทราบเพราะมันไม่ชอบดาบอสุราหรือมีเหตุผลอื่นกันแน่


 


“ขอบคุณเจ้า…”


 


มองแผ่นหลังตู้กูที่เหินร่างจากไปไกลตา ต้วนหรูเฟิงได้แต่กล่าวขอบคุณออกมาจากใจ ก่อนที่สายตาจะถูกดึงดูดไปโดยดาบอสุรา


 


วูบ!


 


ร่างต้วนหรูเฟิงผละออกมาจากหุ่นเชิดเซียนปีศาจ ก่อนที่จะคว้าดาบอสุราเอาไว้ในมือ


 


“ขอแสดงความยินดีด้วยท่านจ้าวตำหนัก!”


 


“ขอแสดงความยินดีด้วยท่านจ้าวตำหนัก!”


 



 


และเมื่อต้วนหรูเฟิงถือดาบอสุราเอาไว้ในมือ เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬ ที่นำโดยหรงหยวนกับถงจ้งก็กู่ร้องออกมาอย่างตื่นเต้น ทั้งหมดมองแสดงความยินดีกับต้วนหรูเฟิงอย่างออกหน้าออกตา


 


“ดาบอสุราหรือ…ดาบดี!”


 


มองดาบสีเลือดเปี่ยมพลังสังหารในมือ สองตาต้วนหรูเฟิงเผยประกายวูบวาบด้วยความยินดีไม่น้อย


 


ดาบนี่ไม่ใช่ดาบธรรมดาๆ


 


มันคือยอดศาสตราเซียน! ดาบอสุรา 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนที่ติดอันดับในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่!!


 


ได้รับดาบอสุรามาแบบนี้ พลังรบย่อมเพิ่มพูนขึ้นไม่น้อย!


 


สำหรับต้วนหรูเฟิงแล้ว นี่นับเป็นเรื่องอันน่ายินดีนัก!


 


ในขณะที่ต้วนหรูเฟิงกำลังเต็มไปด้วยความสุขความยินดีเพราได้ดาบอสุรามานั้น ทางเหนือสุดของดิงแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องล่าง อันเป็นสถานที่ตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคได้บังเกิดความเปลี่ยนแปลงประการหนึ่ง…


 


เปรี๊ยงงงง!!


 


ครืนนนนนนนนน!!


 



 


เสียงสนั่นลันจนปฐพีสะเทือนเลือนลั่น ทั้งแรงกระแทกอันทรงพลังปานแผ่นฟ้าถล่มที่อยู่ๆก็อุบัติขึ้นอย่างไร้ซึ่งวี่แวว พาลให้สีหน้าของผู้เฝ้ามองที่เฝ้าดูแลค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาค หน้าเปลี่ยนสีทันที


 


“ไม่จริง!”


 


พริบตาต่อมา คล้ายได้แลเห็นบางสิ่งอันเหลือเชื่อ สีหน้าท่าทางของผู้พิทักษ์แปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง


 


สิ่งที่มันกำลังมองอยู่นั้น


 


ก็คือบริเวณใจกลางของค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาค ขุนเขาอันปกคลุมไปด้วยหิมะและสูงตระหง่านป่านจะทิ่มแทงแผ่นฟ้า…อยู่ๆ ก็พังทลายลง! มวลหิมะถล่มลงมาอย่างน่ากลัว หลังจากนั้นความว่างเปล่าก็เริ่มสะท้านสะเทือน!!


 


ครืนน!! ครืนน!! ครืนน!! ครืนน!! ครืนน!!


 



 


เสียงอากาศสะเทือนดังขึ้นระงม ปานพวกมันกำลังจะแตกระเบิด


 


และทันใดนั้น ‘ฐาน’ ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาค ก็ปรากฏรอยแตกอันน่ากลัวขึ้น รอยแตกยิ่งมายิ่งแผ่ขยายออกไปอย่างน่ากลัว


 


และไม่นานผู้เฝ้ามองก็พบว่า เมื่อขุนเขาสูงถล่มลงมา…รากฐานสำคัญของค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามแดนก็ได้ถูกทำลายไปเช่นกัน!


 


“แย่แล้ว!!”


 


ทันใดนั้นคล้ายตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ทำให้สีหน้าผู้เฝ้ามองซีดลงทันที สองตาเผยความเลื่อนลอย


 


จังหวะนี้มันตระหนักได้ทันที


 


เมื่อรากฐานของค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคพังทลาย ย่อมหมายความว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคไม่อาจใช้การได้อีก เช่นนั้นเส้นทางสู่ภูมิภาคเบื้องบนก็เสมือนหายไป! และนั่นหมายความว่ามันไม่อาจย้อนกลับไปยังภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้อีกต่อไป!!


 


จะไม่ให้มันไม่ร้อนใจได้อย่างไรไหว?


 


ครืนนน! วู้ม! วู้ม! วู้ม!!


 



 


และในขณะที่ผู้เฝ้ามองกำลังสิ้นหวังนั้นเอง พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นดึงความสนใจไปอีกครั้ง


 


ครู่ต่อมาสองตาผู้เฝ้ามองก็เผยความสับสนไม่เข้าใจ ระคนหวาดกลัว


 


เพราะในจุดที่ขุนเขาพังทลายลงไป ท่ามกลางซากปรักหักพัง…ความว่างเปล่าอยู่ดีๆก็เริ่มปริร้าวแตกออก! ไม่นานก็บังเกิดวังวนลี้ลับหนึ่ง วังวนดังกล่าวเริ่มหมุนคว้างเร็วขึ้นทุกขณะ มันเริ่มขยายตัวใหญ่ขึ้น! อีกทั้งตรงกลางก็เริ่มปรากฏความมืดมิดที่แผ่ขยายออกขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน!!


 


ทว่าแลคล้ายวังวนนี้จะเป็นวังวนคาย ที่จะคายบางสิ่งออกมาทางด้านนี้ เพราะไร้ซึ่งพลังดูดรั้งอะไร!


 


อีกด้านนึ่งของวังวนจึงจะเป็นวังวนดูดกลืน!


 


หลังจากมองสิ่งที่ไม่เข้าใจเบื้องหน้าไปได้อีกพักหนึ่ง สองตาของผู้เฝ้ามองก็แลเห็นชัดถนัดตา


 


จากใจกลางของวังวนอันเต็มไปด้วยความมืดมิด พลันมีบางสิ่งผุดโผล่ออกมาจากห้วงแห่งความมืดมิดดังกล่าว เป็นเขาคู่หนึ่ง…


 


ไม่ผิด เป็นเขาคู่หนึ่ง!


 


และด้านหลังเขาคู่หนึ่ง ก็ปรากฏศีรษะวัวขนาดมหึมาอันน่ากลัวผุดโผล่ออกมาจากห้วงแห่งความมืดกลางวังวนนั่น!


 


ไม่นานร่างอสูรกายหัววัวก็ปรากฏขึ้นสู่สองตาของมันชัดแจ้ง!


 


เหตุผลที่มันคิดว่าสิ่งนี้คืออสูรกายหัววัวนั้น เพราะอีกฝ่ายมีหัวเป็นวัว…และตัวใหญ่มากเกินกว่าจะเป็นมนุษย์ไปได้!


 


“หลายตัวนัก…”


 


ขณะเดียวกันผู้เฝ้ามองก็เห็นชัดถนัดตา


 


ว่าจากวังวนประหลาดนั่น…กลับมีอสูรกายหัววัวก้าวเดินออกมามากมายนัก!


ตอนที่ 2,057 : ทัพหน้าของเผ่าพันธุ์ปีศาจ!


 


เปรี๊ยะ! ครืนนน! วู้ม วู้ม วู้มมม!!!


 



 


ทันใดนั้นเสียงอากาศระเบิดปริแตก ก็ดังขึ้นเข้าหูผู้เฝ้ามองอีกครั้ง ทว่าครานี้เสียงยังดังสะท้อนก้องไปมาพิกล


 


หลังจากนั้น เมื่อมันดึงสติกลับมาจากอาการตะลึงแล้วมองไป มันก็พบได้ทันที


 


ว่าเสียงดังกล่าวเป็นเสียงที่เกิดจากความปั่นป่วนของห้วงอากาศ! และวังวนเหมือนก่อนหน้าก็เริ่มปรากฏขึ้นในอากาศอีกครั้ง ยังคงเป็นเช่นเดิม วังวนคาย…คล้ายเป็นประตูทางออก!


 


แต่ทว่าบัดนี้วังวนดังกล่าวประหนึ่งบุปผาที่แข่งกันผลิบานก็ไม่ปาน พวกมันผุดโผล่ขึ้นมาติดๆกันไม่หยุดหย่อน!!


 


เพียงพริบตาเดียวก็ปรากฏวังวนนับร้อยๆ!


 


ในแต่ละวังวนก็ปรากฏร่างอสูรกายตัวเขื่องหัววัวก้าวเดินออกมา!


 


เรื่องราวยังคงดำเนินไปแบบนี้ไม่จบสิ้น วังวนปรากฏร่างเขื่องเดินออกมา ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนในที่สุดวังวนก็ค่อยๆหดตัวลงก่อนที่จะสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย


 


เมื่อวังวนนับร้อยๆหายไป ก็คงเหลือแต่อสูรกายหัววัวมากมายนับร้อยๆตัว!


 


“ฮ่าๆๆๆ…!”


 


ทันใดนั้นอสูรกายหัววัวที่สูงราว 7-8 หมี่พลันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ ในบรรดาเหล่าอสูรกายหัววัวทั้งหลาย มันคือตัวที่สูงใหญ่ที่สุด!!


 


อีกทั้งเสียงหัวเราะของมันก็หาได้ง่ายดายไม่! เพราะยามลั่นดัออกจากปาก ก็ปรากฏคลื่นพลังไร้สภาพอันร้ายกาจขุมหนึ่งแฝงเร้นไปกับคลื่นเสียง มีพลังอานุภาพร้ายกาจไม่ใช่ชั่ว!!


 


อสูรกายตัวใหญ่เพียงหัวเราะเท่านั้น กลับพาลให้ผู้เฝ้ามองที่ซ่อนตัวอยู่ไกลๆ ถึงกับกระอักโลหิตออกมาทันที! กระทั่งโลหิตคล้ายจะไหลออกจากทวารทั้ง 7…สภาพของมันไม่ค่อยจะสู้ดีนัก!!


 


“ขะ…แข็งแกร่ง!”


 


สีหน้าผู้เฝ้ามองซีดไปปานกระดาษ มองอสูรกายที่กำลังหัวเราะอยู่อีกครั้ง สองตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว!


 


กระทั่งในขุมพลังชั้น 1 ที่มันสังกัด เกรงว่าคงมีเพียงชนชั้นผู้นำเท่านั้นที่จะมีพลังฝีมือร้ายกาจได้ถึงขั้นนี้!


 


อาศัยแค่เสียงหัวเราะ กลับทำให้ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนนภาเช่นมันบาดเจ็บจนแทบวายปราณ!


 


นี่ไม่ใช่อะไรที่ใครคิดจะทำก็ทำได้!!


 


“ไม่คิดเลยว่าหลังจากผ่านไปร้อยพันปี จักเป็นนักรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวอย่างพวกเรา…ที่มาถึงแดนเซียนอันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้เป็นกลุ่มแรก…”


 


ไม่นานอสูรกายหัววัวที่ตัวสูงราว 7-8 หมี่ก็หยุดหัวเราะ ค่อยกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ


 


“ระ…ร้อยพันปี? เผ่าพันธุ์ปีศาจวัว? แดนเซียน?!”


 


ได้ยินวาจาทอดถอนของอสูรกายหัววัวตัวเขื่อง ลูกตาผู้เฝ้ามองหดหยีไปทันที คิ้วขมวดยู่ย่นเป็นปมคล้ายคิดอะไรบางอย่าง ครู่ต่อมาสองตาพลันเบิกกว้างร่างสะท้านขึ้นมาอย่างไม่อาจห้าม


 


“ระ…หรือว่า พวกมันคือเผ่าพันธุ์ปีศาจในอดีตกาล…จากแดนเนรเทศในตำนาน!?”


 


มันเองก็เคยอ่านบันทึกเรื่องราวในอดีตมาบ้าง รวมถึงผ่านตาเรื่องยุคมนุษย์ปีศาจเมื่อหลายแสนปีที่แล้ว


 


ยุคนั้นโลกหล้าเสมือนตกอยู่ในห้วงกลียุคก็ว่าได้


 


ในยุคสมัยนั้นอย่าว่าแต่ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนนภาเช่นมันเลย กระทั่งยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ยังตายตกเป็นผักปลา ทั้งหมดล้วนถูกเผ่าพันธุ์ปีศาจที่บุกรุกออกมาจากแดนเนรเทศเข่นฆ่าสังหารทั้งสิ้น!


 


ในยุคมนุษย์ปีศาจ ไม่มีใครไม่รู้จักปีศาจ!


 


ด้วยเพราะในยุคมนุษย์ปีศาจนั้น ไม่ทราบมียอดฝีมือเผ่าพันธุ์มนุษย์มากมายเท่าไหร่กันแน่ ที่เสียสละชีวิตในสนามรบ ก่อนที่จะขับไล่เผ่าพันธุ์ปีศาจให้ล่าถอยกลับแดนเนรเทศไปได้สำเร็จ


 


‘ไฉนถึงเกิดเรื่องราวเช่นนี้ได้ มิใช่เวลายังพึ่งผ่านไปแค่ไม่กี่ร้อยพันปีหรือไร…ใยเผ่าพันธุ์ปีศาจจากแดนเนรเทศพวกนี้ถึงบุกรุกเข้ามาที่ดินแดนนี้ได้แล้วเล่า?หรือโลกหล้ากำลังจะเข้าสู่ยุคมนุษย์ปีศาจอีกครั้ง?’


 


เมื่อคิดมาถึงจุดนี้สีหน้าของผู้เฝ้ามองก็เปลี่ยนไปมหันต์ แววตาเผยความตื่นตระหนกตกใจอย่างถึงที่สุด


 


ยุคมนุษย์ปีศาจนั้น กล่าวได้ว่าเป็นหายนะครั้งยิ่งใหญ่สำหรับมนุษย์ชาติโดยแท้!


 


“อาวุโส 10 หลังเนินเขาตรงนั้นมีมนุษย์ซ่อนตัวอยู่คนหนึ่งขอรับ”


 


ทันใดนั้นผู้เฝ้ามองพลันได้ยินเสียงหนึ่ง และวาจาที่กล่าวก็ขู่ขวัญมันจนแตกตื่น


 


และเมื่อมันลอบมองไปยังผู้กล่าวสาจา ก็พบร่างปีศาจวัวตัวหนึ่งกำลังกล่าวรายงานกับปีศาจวัวตัวเขื่อง


 


ทันใดนั้นเอง ปีศาจวัวตัวเขื่องที่ถูกเรียกหาว่า อาวุโส 10 อยู่ๆก็หันหน้ามามองสบตากับมันทันที!


 


‘ฉิบหายมารดามัน!’


 


เพียงสบตาปราดเดียว ก็แทบทำให้มันหวาดกลัวแทบตาย!


 


ทันใดนั้นมันก็สังเกตเห็นปีศาจวัวตัวเขื่องวูบร่างเหินเข้ามาอย่างไม่รีบไม่ร้อน ใจมันคิดหลบหนีไปให้ไกลๆ อนิจจาสองเท้าคล้ายมีตะกั่วหมื่นแสนชั่งลากถ่วงให้ไม่อาจขยับเขยื้อนได้แม้แต่ก้าวเดียว! มันหวาดกลัวจนก้าวขาไม่ออก!!


 


“มนุษย์ เจ้าลองเล่าสถานการณ์ในปัจจุบันของแดนเซียนแห่งนี้ให้ข้าฟังดู…”


 


อาวุโส 10 ของเผ่าพันธุ์ปีศาจวัว เมื่อบรรลุถึงเบื้องหน้าผู้เฝ้ามอง ก็ใช้สองตามหึมามองจ้องชายชราผู้เฝ้ามองค่อยกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงสนใจ


 


เผชิญหน้ากับการมองจ้องของปีศาจวัวตัวเขื่องในระยะประชิดเช่นนี้ ผู้เฝ้ามองรู้สึกกดดันอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก


 


อย่างไรก็ตามแม้จะรู้สึกกดดันจากพลังอำนาจของอีกฝ่ายจนแทบหายใจไม่ออก แต่ด้วยความกลัวตายผู้เฝ้ามองก็ยังคงเล่าเรื่องราวออกไปจนหมด


 


ถึงแม้มันจะไม่เคยได้ยินคำว่าแดนเซียนที่อีกฝ่ายกล่าวถึงมาก่อน แต่ก็ยังพอเดาได้ว่าคงหมายถึงแผ่นดินที่มันยืนอยู่แห่งนี้แน่นอน


 


“ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้กลับถูกแบ่งออกเป็น 2 ภูมิภาคจริงๆ…เหล่าผู้ฝึกตนระดับสูงล้วนไปอยู่ในภูมิภาคเบื้องบนกันหมด ส่วนภูมิภาคเบื้องล่างล้วนมีแต่ผู้ฝึกตนระดับต่ำๆอาศัยอยู่?”


 


หลังได้ยินเรื่องราวจากปากผ็เฝ้ามอง อาวุโส 10ของเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวก็กล่าวพึมพำกับตัวเบาๆ


 


ฟังจากคำพูดของมันคล้ายล่วงรู้อยู่ก่อนแล้ว ที่กล่าวถามก็แค่จะยืนยันข้อมูลที่มันมีเท่านั้น…


 


และอาวุโส 10 ของเผ่านพันธุ์ปีศาจวัวก็ล่วงรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้วจริงๆ


 


มันได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปาก ‘จูลู่ฉี’ ที่พลัดหลงเข้าไปในดินแดนเนรเทศ!


 


มันยังได้รับทราบอีกด้วยว่าจูลู่ฉีมายังดินแดนเนรเทศแห่งนี้ได้อย่างไร หลังใช้มนต์ปีศาจสะกดจูลู่ฉี


 


ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาค!


 


ฟังจากคำเล่าของจูลู่ฉี มันจึงได้รับทราบว่าช่องโหว่ของมิติอยู่ที่ใด กระทั่งยังพบว่าในจุดที่จูลู่ฉีหลุดมานั้น เป็นจุดที่ม่านพลังฉาบกำแพงมิติอ่อนแอที่สุด!จนในที่สุดก็รวบรวมกำลังพล จนทำลายม่านกลังทั้งกำแพงมิติกั้นแดนลงได้สำเร็จ!!


 


สุดท้ายจึงเกิดเรื่องราวอย่างในปัจจุบันขึ้น


 


แน่นอนว่าหลังจูลู่ฉีหมดประโยชน์อะไรแล้ว อาวุโส 10 ของเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวก็ฆ่ามันทิ้งทันที…


 


“นอกจากนี้…ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาค ก็ได้พังทลายลงไปแล้ว…”


 


ผู้เฝ้ามองกล่าวออกด้วยน้ำเสียงขื่นขม เรื่องนี้สำหรับมันแล้วยากจะกล่าวนัก


 


“หืม? ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคถูกทำลายแล้ว?”


 


และเมื่อได้ยินคำนี้จากผู้เฝ้ามอง อาวุโส 10 ของเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวถึงกับตาลุกวาวขึ้นมาทันที ใบหน้ายังเผยความยินดีนัก


 


“นี่ไม่ได้หมายความว่า…เผ่าพันธุ์ปีศาจของพวกเราจักมีเวลาจัดตั้งทัพและตระเตรียมกำลังพลในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าให้พร้อมพรั่ง ก่อนจะบุกภูมิภาคเบื้องบนและยึดครองระนาบโลกียะแห่งนี้โดยสมบูรณ์หรือไร!?”


 


คิดถึงจุดนี้ลมหายใจของอาวุโส 10 แห่งเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวก็เร่งร้อนขึ้นไม่น้อย ใจมันรู้สึกตื่นเต้นเหลือใดจะกล่าว!!


 


ในอดีตสาเหตุหลักที่ทำให้เผ่าพันธุ์ปีศาจพ่ายแพ้ก็คือเตรียมตัวไม่พร้อม!


 


ทว่าตอนนี้พวกมันสามารถสั่งสมกำลังพลจัดทัพให้พร้อม กระทั่งสามารถยึดดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องล่าง เพื่อสร้างฐานที่มั่นก่อนที่จะบุกภูมิภาคเบื้องบน! ที่สำคัญคือภูมิภาคเบื้องล่างไร้ซึ่งชนชั้นยอดฝีมือที่ต่อกรกับพวกมันได้!!


 


“ดี! ดีมาก! เจ้านับว่ามอบข่าวดีอันประเสริฐให้ข้าแล้วจริงๆ…เช่นนั้นข้าจักให้เจ้าได้ตายอย่างรวบรัด!”


 


อาวุโส 10 ของเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวมองกกล่าวกับผู้เฝ้ามองอีกครั้ง กล่าวจบมือขวามันก็ฟาดตบออกไปอย่างไร้เรื่องราว กระแทกลงกระหม่อมของผู้เฝ้ามอง พรากชีวิตชราให้หลุดลอย…


 


หลังฆ่าผู้เฝ้ามองแล้ว อาวุโส 10 ของเผ่าพันธุ์ปีศาจวัว ก็อ้าปากออก ก่อนจะดูดแก่นแท้โลหิตทั้งสารัตถะจากร่างผู้เฝ้ามองที่ยังไม่สลายหายไป


 


เพียงเวลาชั่วพริบตา ร่างไร้ชีวิตของผู้เฝ้ามองก็แห้งเหี่ยวกลายเป็นซากร่างแห้งกรังหนังติดกระดูก


 


“ยามนี้ผู้ฝึกตนที่ร้ายกาจที่สุดในภูมิภาคเบื้องล่างอย่างดีก็แค่ขอบเขตเซียนนภา…กระทั่งผู้ที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาพวกเจ้าสมควรฆ่าพวกมันได้อย่างง่ายดาย!!”


 


อาวุโส 10 ของเผ่านพันธุ์ปีศาจวัว กวาดตามองไปยังปีศาจวัวนับร้อยที่ติดตามมาแดนเซียนกับมันเป็นทัพหน้า ค่อยประกาศออกมาเสียดัง


 


“หลังจากนี้ไปพวกเจ้าทุกคนจักมีอิสระที่จะท่องเที่ยวไปในดินแดนเซียนแห่งนี้ จงฆ่าและช่วงชิงทรัพยากรที่ดีที่สุดมาเสีย! หวังว่าพวกเจ้าจักได้รับสิ่งที่ดีที่สุดให้เผ่าพันธุ์ปีศาจวัวของเราก่อนที่เผ่าพันธุ์อื่นจักมาถึง!!”


 


คำกล่าวของอาวุโส 10 นับว่าสร้างความปิติยินดีให้เหล่าปีศาจวัวไม่น้อย พวกมันทั้งหลายรู้สึกคึกคักอักโข ตื่นเต้นยินดีนัก!


 


ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!


 



 


เหล่านักรบปีศาจวัวทั้งหลาย หลังได้รับคำอนุญาตจากอาวุโส 10 แล้ว ต่างเร่งรุดกันเหินร่างขึ้นฟ้าไปอย่างกระฉับกระเฉง แยกย้ายกันออกไปเข่นฆ่าล่าทรัพยาทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องล่าง!


 


“รุ่งอรุณแห่งยุคมนุษย์ปีศาจกำลังจักเปิดม่านอีกครั้ง…และครั้งนี้ในฐานะทัพหน้า พวกเราเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวจักเป็นผู้บุกเบิกแผ้วทางในดินแดนเซียนให้กับเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งมวล!”


 


“วันที่เผ่าพันธุ์ปีศาจจะยึดครองระนาบโลกียะแห่งนี้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดใกล้เข้ามาแล้ว!”


 


ในขณะที่เหล่านักรบเผ่านพันธุ์ปีศาจวัวเหินร่างกระจายกันออกไปคนละทิศละทาง อาวุโส 10 ของเผ่าพันธุ์ปีศาจก็กล่าวรำพันกับตัวเองด้วยความคาดหวัง


 


เมื่อเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวมาถึงแล้วเช่นนี้ หายนะครั้งใหญ่ที่ยิ่งกว่าหายนะครั้งใดที่ภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เคยประสบพบเจอ ก็ได้เริ่มอุบัติขึ้นอย่างเป็นทางการ…


 


แน่นอน


 


ว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ด้านต้วนหลิงเทียนที่กำลังบ่มเพาะพลังอยู่ในลัทธิบูชาไฟไม่ได้รับทราบอะไรด้วยเลย


 


เขาไม่ทราบด้วยซ้ำว่าตอนนี้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาค ที่เชื่อมภูมิภาคเบื้องบนกับภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้พังพินาศไปแล้ว…


 


นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เสมือนช่องทางที่นำไปสู่ภูมิภาคเบื้องล่างของภูมิภาคเบื้องบนได้ถูกตัดขาด ไม่อาจเดินทางกลับลงไปได้อีกต่อไป!


 


หากไม่มียอดฝีมือที่เชี่ยวชาญด้านค่ายกลและข่ายอาคมมาจัดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคที่ภูมิภาคเบื้องล่างอีกครั้ง ก็จะไม่มีใครสามารถลงไปที่ภูมิภาคเบื้องล่างได้…


 


และผู้เชี่ยวชาญถึงขั้นสามารถจัดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคได้นั้น กระทั่งในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าก็ถือว่ามีน้อยคนนัก หาตัวยากยิ่งกว่าเขามังกรขนหงส์ฟ้าเสียอีก!


 


แน่นอนว่าในบรรดายอดฝีมือของเผ่าพันธุ์ปีศาจ ก็มีปีศาจที่เชี่ยวชาญเรื่องค่ายกลเช่นกัน!


 


นั่นหมายความว่าช่องทางเชื่อมต่อระหว่างภูมิภาคเบื้องบนกับเบื้องล่างจะเกิดขึ้นอีกครั้งตอนไหน ก็ขึ้นอยู่กับเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งสิ้น…!


 


เพราะยอดฝีมือด้านค่ายกลของภูมิภาคเบื้องบน  ไม่ว่าจะทรงพลังเพียงใดก็ไม่อาจจัดตั้งค่ายกลไปยังภูมิภาคด้านล่างได้…ไร้ซึ่งหนทางย้อนคืนไปที่ภูมิภาคเบื้องล่างได้อีก


 


อาจกล่าวได้ว่าตอนนี้เสมือนภูมิภาคเบื้องล่างกับภูมิภาคเบื้องบนได้ถูกตัดขาดออกจากกัน ห่างกันแสนไกลไร้วันบรรจบเสมือนฟ้าดิน…


 


นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คนของภูมิภาคเบื้องบนจะสามารถกลับไปยังภูมิภาคเบื้องล่างได้อีกครั้งหรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับเผ่าพันธุ์ปีศาจอย่างเดียว!


 


เพราะมีเพียงเผ่าพันธุ์ปีศาจเท่านั้น ที่สามารถจัดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ภูมิภาคเบื้องล่าง เพื่อเดินทางมายังภูมิภาคเบื้องบนได้อีกครั้ง


 


ณ ส่วนที่พักของหอคุมกฏลัทธิบูชาไฟ


 


เวลาได้ผ่านไปหลายวันแล้ว แต่ต่งหลินกลับเงียบหายไร้ความเคลื่อนไหวใดๆ ทำให้ต้วนหลิงเทียนที่บ่มเพาะพลังอยู่ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย


 


“รองจ้าวหอต่งหยวนจิ้นนั่น…ไม่คิดทำอะไรข้าเพื่อเอาคืนเรื่องที่ข้าทำให้ลูกชายมันอับอายขายหน้ารึยังไง?”


 


ไหนเลยต้วนหลิงเทียนจะไม่แปลกใจได้ เพราะต้องทราบด้วยว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเขาถึงกับทุบตีต่งหลินจนหน้าบวมเป็นหัวหมู เกรงว่ากระทั่งบิดามารดายังจดจำหน้าตาของมันไม่ได้ด้วยซ้ำ!!


ตอนที่ 2,058 : อันดับในรายนามยอดเซียน!


 


ในช่วงระยะเวลา 20 วันที่ผ่าน ต้วนหลิงเทียนหลงคิดว่ารองจ้าวหอคุมกฏ ต่งหยวนจิ้น ต้องมาหาเรื่องเขาแน่ๆ


 


แต่สุดท้ายเขากลับพบว่า…


 


ไม่เพียงแต่ต่งหยวนจิ้นจะไม่เคลื่อนไหวลงมือ กระทั่งต่งหลินก็หายเงียบไปเลย


 


‘เรื่องวันนั้นท่าทางจะไม่ได้แพร่งพรายออกไป…ดูเหมือนว่าอาวุโสเพลิงทองแดงที่อยู่ในเหตุการณ์ จะกริ่งเกรงบารมีต่งหยวนจิ้นและเถียนตงมากสินะ’


 


ต้วนหลิงเทียนเองก็เดาเรื่องราวได้ไม่ยาก


 


หากย้อนกลับไปเมื่อ 20 วันที่แล้วอีกครั้ง ตอนยังมีโมโหอยู่ ต้วนหลิงเทียนอาจจะเลือกแพร่เรื่องราวออกไปด้วยตัวเอง


 


เพราะจะอย่างไรวันนั้นเขาก็ไม่พอใจต่งหลินมาก ที่อีกฝ่ายคิดพาคนมาทุบตีเล่นงานเขา


 


ทว่าตอนนี้โทสะเรื่องราวในวันนั้นได้จางหายไปหมดสิ้นแล้ว เขาก็คร้านจะสนใจใยดีอะไรต่งหลินอีก และตอนนี้เขายังอารมณ์ดีนัก!


 


แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นเพราะ พรุ่งนี้ก็เป็นวันที่เขาจะได้ออกจากหอคุมกฏ!


 


เขาได้วางแผนไว้แต่แรก ว่าหลังออกจากหอคุมกฏได้ เขาจะหาทางออกจากลัทธิบูชาไฟเพื่อไปเพิ่มพูนพรสวรรค์รากวิญญาณของเขาทันที!


 


ทั้งหมดเพื่อที่เขาจะได้ยกระดับพลังฝึกกปรือให้สูงขึ้นได้โดยเร็วที่สุด…เพราะสุดท้ายแล้วชะตากรรมของเค่อเอ๋อแม่ลูกก็ช่างเอาแน่เอานอนไม่ได้นัก เวลาที่เขามีก็ลดน้อยลงเต็มที!


 


สำหรับเขาตอนนี้ กระทั่งการล่าช้าเพียงไม่กี่วันก็อาจส่งผลกระทบถึงชีวิตเค่อเอ๋อแม่ลูกได้


 


‘ในที่สุดข้าก็จะได้ไปจากที่นี่เสียที…’


 


ต้วนหลิงเทียนที่มารอคอยในห้องโถงหลักของหอคุมกฏ ก็ลอบคิดในใจอย่างยินดี


 


เขาเฝ้ารอวันนี้มาตลอดทั้งเดือน


 


ขณะเดียวกันเหล่าศิษย์ที่แท้จริงชุดใหม่ ที่สมัครเข้ามาทำงานในหอคุมกฏ ก็ถูกอาวุโสเพลิงทองแดงพาเข้ามาในห้องโถงหลัก เพื่อให้เหล่าศิษย์ส่งมอบหน้าที่กันเอง


 


“ท่าน…ท่านคือศิษย์พี่หลิงเทียนใช่หรือไม่?”


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนส่งมอบหน้าที่ส่วนที่เขาดูแล ศิษย์ที่แท้จริงที่ได้รับมอบหมายงานต่อจากเขาก็ตะลึงไม่น้อย เร่งกล่าวถามออกมาด้วยความตื่นเต้นยินดี


 


ตอนนี้ในลัทธิบูชาไฟ มีศิษย์มากมายหลายคนที่เห็นต้วนหลิงเทียนเป็นดั่งแบบอย่างอันดี!


 


ต้วนหลิงเทียนนั้นยังเข้าร่วมลัทธิบูชาไฟไม่ถึง 1 ปีด้วยซ้ำ ทว่าไม่เพียงสามารถกลายเป็นศิษย์ที่แท้จริงได้ แต่ยังเป็นถึงศิษย์ที่แท้จริง ที่มีอันดับ 4 ในทำเนียบยอดฝีมือ!


 


ต้องทราบด้วยว่า 3 อันดับแรกของทำเนียบยอดฝีมือนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนทั้งสิ้น!


 


การที่ต้วนหลิงเทียนถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 4 ของทำเนียบยอดฝีมือศิษย์ที่แท้จริงเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับการยอมรับจากลัทธิบูชาไฟ ในฐานะศิษย์ยอดฝีมืออันดับ 1 ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 2เปลี่ยน!


 


นอกจากนั้นยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ที่สำคัญอย่างยิ่งยวด


 


ต้วนหลิงเทียนบัดนี้ได้รับการจัดอันดับอย่างเป็นทางการในรายนามยอดเซียนแล้ว! และยังรั้งอยู่ในอันดับที่ 537 ของรายนามยอดเซียนอีกด้วย! เหนือกว่าอาวุโสเพลิงทองแดงและศิษย์ที่แท้จริงที่พลังฝึกปรืออยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนทุกคน!!


 


เพราะเรื่องนี้ทำให้ชื่อเสียงของต้วนหลิงเทียนในลัทธิบูชาไฟ พุ่งถึงจุดสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน


 


เห็นศิษย์ที่แท้จริงเบื้องหน้าตื่นเต้นยินดีที่ได้พบ ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มบางๆพยักหน้ารับคำ ค่อยกล่าวตอบเสียงเบา “เอาล่ะ ฝากเจ้ารับช่วงต่อจากข้าด้วย”


 


“ข้าจะขยันให้มากศิษย์พี่!”


 


ได้ยินคำฝากฝังของต้วนหลิงเทียน ศิษย์ที่แท้จริงประกาศรับคำเป็นมั่นเหมาะ


 


เมื่อศิษย์ที่แท้จริงชุดใหม่มารับหน้าที่ต่อจากศิษย์ที่แท้จริงชุดเก่าเสร็จเรียบร้อย ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ ก็เดินออกจากห้องโถงหลักทันที


 


แน่นอนว่าแม้กกลุ่มศิษย์ที่แท้จริงทั้ง 10 รวมถึงต้วนหลิงเทียนจะเดินออกมาด้วยกัน แต่ต้วนหลิงเทียนก็ทำท่าราวกับเป็นคนแปลกหน้ากับหลิวอวิ๋น


 


เพราะในสายตาคนนอก พวกเขาได้แตกหักกันแล้ว


 


“ศิษย์น้องหลิงเทียน…ข้าได้ยินมาว่าล่าสุดที่เจ้าเจอต่งหลิน เจ้าถึงกับตบหน้ามันจนบวมเป็นหัวหมูเลยหรือ?”


 


ทันใดนั้นเองเสียงหลิวอวิ๋นพลันดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน เป็นหลิวอวิ๋นส่งเสียงผ่านพลัง


 


แม้ทั้งสองจะแสร้งทำเป็นแตกหักตัดไมตรี แต่หลิวอวิ๋นก็อดไม่ได้ที่จะลอบส่งเสียงผ่านพลังมาถามเรื่องราว


 


“ศิษย์พี่หลิวอวิ๋นไปได้ยินเรื่องนี้มาจากที่ไหนกัน?”


 


ต้วนหลิงเทียนได้ยินคำถามดังกล่าวก็ตกใจไม่น้อย อดส่งเสียงกลับไปด้วยสงสัยไม่ได้


 


เท่าที่เขาทราบ ข่าวเรื่องนี้สมควรถูกปกปิดไว้อย่างดีไม่ใช่หรือไง?


 


การที่หลิวอวิ๋นรู้ได้แบบนี้ แน่นอนว่าทำให้เขาประหลาดใจไม่เบา


 


“ข้าได้ยินจากท่านบรรพชน…เป็นท่านบอกว่าอาวุโสเพลิงทองแดงที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นลอบรายงานเรื่องทั้งหมดอย่างลับๆ…”


 


หลิวอวิ๋นกล่าวตอบออกมาทันที ขณะเดียวกันก็พูดต่อว่า “แต่ท่านบรรพชนก็ร้องขอข้าไว้แล้ว ว่าอย่าได้แพร่งพรายออกไปเด็ดขาด…ทั้งหมดเป็นเรื่องจริงหรือ?”


 


“เป็นเรื่องจริง”


 


ต้วนหลิงเทียนตอบคำ ค่อยพูดต่อ “วันนั้นต่งหลินมันพาเถียนตงมาสั่งสอนบทเรียนข้า…แต่สุดท้ายเถียนตงนั่นก็ถูกข้าขู่จนไม่กล้าลงมือเคลื่อนไหวอะไร ข้าจึงจัดการต่งหลินได้อย่างถนัดมือ”


 


วาจาของต้วนหลิงเทียนแม้ไม่ได้กล่าวเกินจริงอะไร แต่เสียงกล่าวยังเฉยเมยคล้ายเป็นเรื่องธรรมดาถึงที่สุด ทว่ายามดังในหูหลิวอวิ๋นยังไม่ต่างใดจากฟ้าร้องดังลั่น ขู่ขวัญผู้คนแทบเป็นลม!


 


เถียนตง!


 


นามนี้มันย่อมคุ้นหูดี


 


เพราะเถียนตงคืออาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของหอคุมกฏ ยังเป็นยอดฝีมือในอันดับที่ 107 ของรายนามยอดเซียน!


 


ทว่าตัวตนเช่นนั้นกลับถูกศิษย์น้องหลิงเทียนของมันกล่าวข่มขู่จนไม่กล้าลงมือเคลื่อนไหว?


 


หลิวอวิ๋นตะลึง!


 


ผ่านไปครู่หนึ่งหลิวอวิ๋นค่อยฟื้นอาการ เร่งส่งเสียงถามสืบต่อ “ศิษย์น้องหลิงเทียนเท่าที่ข้ารู้เถียนตงไม่ใช่แค่อาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของหอคุมกฏธรรมดา ทว่าอารมณ์ของมันก็ยังดุร้ายไม่น้อย…นี่เจ้าไปขู่มันอีท่าไหนกันมันถึงไม่กล้าลงมือกับเจ้าได้?”


 


“ก็ไม่ได้อะไรมากมายหรอก…”


 


ต้วนหลิงเทียนได้ฟังก็ส่งเสียงตอบด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ข้าบอกว่าหากมันคิดช่วยต่งหลินสั่งสอนข้าก็ตามใจมัน…แต่ถ้ามันไม่ฆ่าข้าทิ้งให้จบๆไปวันนั้น ไม่ว่าอะไรก็ตามที่มันทำกับข้า…ทั้งหมดข้าจะให้ต่งหลินไม่เว้นลูกหลานเหล่าศิษย์ของมันชดใช้เป็นสิบเท่าร้อยเท่า”


 


“ขนาดนี้แล้วเจ้ายังบอกว่าไม่อะไรมากมายอีกเรอะ!?”


 


ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนหลิวอวิ๋นถึงกับเหวอไปพักใหญ่


 


ข่มขู่ว่าจะคุกคามเหล่าศิษย์ทั้งลูกหลานผู้คนโต้งๆเช่นนี้ ยังไม่ถือว่าเป็นอะไรได้หรือ?


 


มีคำกล่าวกันดีในหมู่ผู้ฝึกตน ‘มีปัญหาใดไม่ลามปามถึงครอบครัว’ ครั้งนี้หลิวอวิ๋นรู้สึกต้วนหลิงเทียนนับว่าล้ำเส้นผู้คนแล้ว…ทว่าพอคิดอีกทีก็ไม่อาจโทษต้วนหลิงเทียนได้


 


เพราะสุดท้ายแล้วก็เป็นต่งหลินที่คิดหาเรื่องมาทุบตีคนก่อน!


 


หากเถียนตงไม่เป็นเบี้ยล่างต่งหลินคิดทำร้ายต้วนหลิงเทียนก่อน ไหนเลยศิษย์น้องของมันจะตอบโต้กลับไปอย่างร้ายกาจแบบนั้น


 


“แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างเล่า? รองจ้าวหอคุมกกฏได้มาวุ่นวายกับเจ้าหรือไม่?”


 


ขณะกล่าวถึงรองจ้าวหอคุมกฏอย่าง ต่งหยวนจิ้น น้ำเสียงของหลิวอวิ๋นหนักขึ้นไม่น้อย


 


ความโหดเหี้ยมดุดันของต่งหยวนจิ้นนับว่าสลักลึกลงในใจผู้คนมานานแล้ว อีกทั้งมันถือหางลูกชายขนาดไหนใครยังไม่รู้? ไม่งั้นไหนเลยต่งหลินจะกร่างได้ขนาดนี้!


 


“ไม่เลย”


 


ต้วนหลิงเทียนส่ายหัว “บางทีมันอาจสำนึกได้ว่าครั้งนี้ลูกชายมันเป็นฝ่ายผิดจริงๆ และเรื่องราวก็ไม่ได้แพร่ออกไป…เช่นนั้นจึงไม่คิดมาวุ่นวายอะไรกับข้า”


 


“สำนึกได้ว่าลูกชายของมันผิดจริง?”


 


ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนหลิวอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาด้วยความขบขันราวตัวโง่งมได้ยินเรื่องตลกแห่งยุค หลังจากนั้นค่อยกล่าวออกกว่า “ศิษย์น้องหลิงเทียน สำหรับต่งหยวนจิ้นแล้วต่งหลินไม่ต่างอะไรกับแก้วตาดวงใจ แม้ตอนนี้มันยังไม่ลงมือกับเจ้า…”


 


“ทว่ามันอาจกำลังหาโอกาสเหมาะที่จะจัดการเจ้าให้สิ้นซาก! ช่วงนี้เจ้าอย่าได้ออกจากลัทธิบูชาไฟเด็ดขาด กระทั่งที่เปลี่ยว ร้างผู้คนก็อย่าได้แวะเวียนผ่านไป เจ้าต้องไม่เปิดโอกาสใดๆให้ต่งหยวนจิ้นมันหาช่องลงมือได้!”


 


วาจาต่อมาของหลิวอวิ๋นกล่าวออกด้วยน้ำเสียงจริงจังขึงขังนัก ยังกำชับต้วนหลิงเทียนอย่างวิตกกังวล


 


“ข้าเข้าใจแล้ว”


 


แม้ต้วนหลิงเทียนจะซาบซึ้งใจไม่น้อย แต่เขาก็ไม่อาจทำตามคำเตือนของหลิวอวิ๋น เพราะเขาจำต้องหาทางออกจากลัทธิบูชาไฟให้จงได้ กระทั่งยังต้องไปให้เร็วที่สุด


 


หากไม่อาจออกไปให้พ้นลัทธิบูชาไฟ พรสวรรค์รากวิญญาณของเขาจะยกระดับก้าวหน้าได้อย่างไร?​


 


ตอนนี้พรสวรรค์รากวิญญาณของเขายังพึ่งเป็นรากวิญญาณสีน้ำเงินเท่านั้น คิดจะยกระดับให้ก้าวหน้าอีกขั้น เป็นอะไรที่ยากไม่น้อย…


 


นอกจากนี้คิดก่อการในลัทธิบูชาไฟยังเป็นไปไม่ได้เลย


 


‘จริงสิ!’


 


ทว่าทันใดนั้นเองสองตาต้วนหลิงเทียนก็เรืองประกายสว่าวาบ ในใจกลับนึกหนทางอันประเสริฐสายหนึ่งออก!


 


หากใช้วิธีนี้ล่ะก็ เขารับประกันได้เลยว่ารองจ้าวหอคุมกฏอย่างต่งหยวนจิ้น หรืออาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1แท่นบูชาเต่าทมิฬอย่างหลี่อัน ก็ไม่มีวันรู้ว่าเขาออกจากลัทธิบูชาไฟไปแล้ว


 


อย่างไรก็ตามวิธีนี้จำต้องได้รับการช่วยเหลือจากคนอื่น


 


และในใจของต้วนหลิงเทียนก็ปรากฏร่างหนึ่งขึ้นมาทันที ‘หากเจ้านั่นมันเต็มใจช่วยข้า…ไม่ต้องกล่าวถึงหลี่อัน กระทั่งต่งหยวนจิ้นก็ไม่มีทางสงสัยมันเด็ดขาด’


 


เมื่อคิดถึงวิธีที่จะออกจากลัทธิบูชาไฟได้ ต้วนหลิงเทียนก็โล่งใจไม่น้อย


 


เมื่อออกจากหอคุมกฏแล้ว ทั้งหมดก็เดินทางมุ่งหน้ากลับไปทางจัตุรัสกลาง


 


เหล่าศิษย์ที่แท้จริงอีก 8 คนที่เหลือนอกจากต้วนหลิงเทียนกับหลิวอวิ๋น ก็เริ่มทยอยกันจากไปทีละคนๆ


 


สุดท้ายก็เหลือเพียงศิษย์ที่แท้จริงแค่คนเดียวเท่านั้น ที่เหินร่างไปทางเดียวกันกับต้วนหลิงเทียนและหลิวอวิ๋น ดูท่าศิษย์ที่แท้จริงคนนี้ก็คิดกลับที่พักก่อนอื่นใดเช่นกัน


 


“ศิษย์น้องหลิงเทียนข้าจะแวะไปหาน้องมู่ก่อน…ข้าเชื่อว่าป่านนี้มันคงร้อนใจไม่น้อยแล้วหลังได้ยินเรื่องระหว่างข้ากับเจ้า เช่นนั้นข้าจะกลับไปอธิบายให้มันฟัง จะได้ไม่เข้าใจผิดอะไร”


 


หลิวอวิ๋นส่งเสียงกล่าวบอกต้วนหลิงเทียนให้ทราบ ก่อนที่จะเลี้ยวร่างมุ่งหน้าไปยังเขตที่พักของเหล่าศิษย์ชั้นยอดทันที


 


ครู่ต่อมาก็คงเหลือศิษย์ที่แท้จริงแค่คนเดียวเท่านั้นที่ยังอยู่กับต้วนหลิงเทียน


 


“ต้วนหลิงเทียน!!”


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะออกจากเกาะศักดิ์สิทธิ์ และย้อนกลับไปยังเกาะลอยส่วนตัว เสียงสนั่นปานฟ้าร้องพลันกึกก้องมาจากทางจัตุรัสกลาง


 


ครู่ต่อมาเขาก็หยุดร่างลงทันใด คิ้วยังขมวดไปอย่างไม่รู้ตัว


 


เพราะเขามั่นใจว่าเสียงนี้เขาพึ่งเคยได้ยินครั้งแรกไม่ผิดแน่ นั่นหมายความว่าเขาไม่เคยมีเรื่องมีราวอะไรกับอีกฝ่ายมาก่อน


 


ทว่าไฉนเสียงที่อีกฝ่ายใช้เรียกเขากลับแข็งห้วนเผยความเป็นศัตรูถึงขนาดนั้นได้เล่า?


 


‘ใครกัน?’


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนหันหน้าไปมองตามต้นเสียงด้วยความสงสัย


 


จากจัตุรัสกลาง ก็ปรากฏร่าง 2 ร่างเหินลอยขึ้นมาในอากาศ และมุ่งหน้าเข้ามาหาเขาทันที


 


ต้วนหลิงเทียนจดจำ 1 ใน 2 ร่างผู้มาได้ตั้งแต่แรกเห็น


 


‘เวินเยี่ยน?’


 


คิ้วต้วนหลิงเทียนโคงขึ้นด้วยความแปลกใจ ด้วยไม่คิดว่า 1 ใน 2 คนที่มาจะเป็นเวินเยี่ยนไปได้


 


อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนเพียงมองเวินเยี่ยนอย่างผ่านๆเท่านั้น ก่อนที่จะหันไปสนใจอีกร่างที่เหินมาข้างๆเวินเยี่ยน ‘เมื่อครู่เสียงมันงั้นเหรอ?’


 


หลังมองชายที่ลอยร่างข้างๆเวินเยี่ยนตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็มั่นใจได้เต็มสิบส่วนว่าเขาไม่เคยเจออีกฝ่ายมาก่อนแน่นอน


 


ทว่าทันใดนั้นเอง


 


“ศิษย์พี่ปู้หง!”


 


ศิษย์ที่แท้จริงที่พึ่งกลับมาจากหอคุมกฏเช่นกัน และอยู่ไม่ไกลจากต้วนหลิงเทียนเท่าไหร่ สามารถจดจำชายผู้อยู่ข้างเวินเยี่ยนได้ทันที มันเร่งคารวะทักทายออกมา พร้อมถอยห่างออกจากร่างต้วนหลิงเทียนอย่างรีบร้อน!


 


ราวกับมันเห็นต้วนหลิงเทียนเป็นเทพเจ้าแห่งโรคห่าอย่างไรอย่างนั้น!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)