War sovereign Soaring The Heavens 2045-2051
ตอนที่ 2,045 : ตำหนักเมฆาครามตกอยู่ในห้วงวิกฤต!
“หืม? เจ้ารู้จักต้วนหลิงเทียนเช่นนั้นหรือ?”
ถึงแม้แววตาประหลาดใจสงสัยของผู้เฝ้ามองจะเรืองสว่างขึ้นมาเพียงชั่ววูบ หากแต่หลี่อันที่จับจ้องอยู่ย่อมพบเห็นได้ไม่ยาก
และในขณะที่หลี่อันกล่าวจี้ถามออกมาอีกครั้ง มันก็เร่งเร้าแรงกดดันให้หนักหน่วงขึ้น!
ตอนนี้สีสันบนใบหน้าของชายชราผู้เฝ้ามองแทบไม่เหลือสีโลหิต และพริบตานั้นเอง อยู่ๆร่างมันก็สะท้านกระตุก! สองตากลายเป็นล่องลอยไร้ประกาย! เป็นหลี่อันคร้านเสียเวลาสอบสวนให้มากความ…เลือกจะใช้ทักษะควาญวิญญาณ สืบค้นทุกสิ่งทุกอย่างจากมันโดยตรง!!
และทันทีที่วิชาควาญวิญญาณสำแดงเดช ผู้ตกเป็นเป้าก็จะตกอยู่ในการควบคุมของผู้ลงมืออย่างไร้หนทางต้านทาน
“เจ้ารู้จักต้วนหลิงเทียนหรือไม่?”
หลี่อันกล่าวถามเสียงเข้ม หลังวิชาควาญวิญญาณสำแดงผล
“รู้จัก”
ผู้เฝ้ามองที่สองตาเลื่อนลอย กล่าวตอบออกมาตามตรง
ตอนนี้มันคล้ายหุ่นเชิดไร้ชีวิตตัวหนึ่ง ดั่งร่างอันไร้ซึ่งวิญญาณ!
พอได้ยินคำตอบของผู้เฝ้ามองสองตาหลี่อันก็ลุกวาวขึ้นมาทันใด หากแต่ใบหน้ากลายเป็นดุร้ายอำมหิต “แล้วไฉนตอนข้ากล่าวถามเจ้าว่าเคยเห็นคนในรูปเหมือนนี่หรือไม่ ปากเจ้าถึงได้กล้าบอกว่าไม่?”
“นั่นเพราะข้ามิเคยเห็นมันจริงๆ”
ผู้เฝ้ามองตอบกลับ
“หืม? หรือต้วนหลิงเทียนที่เจ้ารู้จักมิได้มีหน้าตาเช่นนี้?”
คิ้วหลี่อันอดไม่ได้ที่จะขมวดยู่เป็นปมหลังได้ยินคำตอบของผู้เฝ้ามอง
หรือว่าต้วนหลิงเทียนที่มันรู้จัก กับต้วนหลิงเทียนที่ผู้เฝ้ามองรู้จักจะเป็นคนละคนกัน เพียงแค่บังเอิญมีชื่อเหมือนกันเท่านั้น?
เพราะหลี่อันมั่นใจเต็มเปี่ยม ว่าใบหน้าของต้วนหลิงเทียนที่มันรู้จักสมควรเป็นใบหน้าที่แท้จริง ไร้ซึ่งร่องรอยการปลอมแปลงโฉมใดๆ
และมันก็มั่นใจถึงที่สุดว่าผู้เฝ้ามองที่ตกอยู่ภายใต้วิชาควาญวิญญาณของมัน ไม่มีทางโกหกมันได้
“มิได้มีหน้าตาเช่นนี้จริงๆ”
ได้ยินคำถามของหลี่อัน ผู้เฝ้ามองที่เหม่อลอยคล้ายไร้วิญญาณก็ยังคงกล่าวตอบออกไปอย่างไม่ได้โกหก เพราะต้วนหลิงเทียนที่มันรู้จักไม่ได้มีหน้าตาเหมือนคนในรูปวาดของหลี่อันจริงๆ
“บอกเรื่องของต้วนหลิงเทียนที่เจ้ารู้จักมาให้ข้าฟัง…เจ้ารู้อันใดบอกมาให้หมดอย่าได้ให้ขาดตก!”
หลี่อันกล่าวถามออกมาอีกครั้ง
ถึงแม้ตอนนี้หลี่อันแทบจะยืนยันไปแล้วว่าต้วนหลิงเทียนที่มันตามหา ไม่น่าจะใช่คนเดียวกับต้วนหลิงเทียนที่ผู้เฝ้ามองบอก แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะยืนยันเรื่องราวให้แน่ชัด
เพราะชื่อ ต้วนหลิงเทียน นั้นไม่ใช่ว่าจะมีเยอะ
ที่สำคัญที่สุดก็คือเมื่อผู้เฝ้ามองนั้นรู้จักคนที่ชื่อต้วนหลิงเทียนได้ อีกฝ่ายก็สมควรไม่ใช่คนธรรมดาในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแน่
และต้วนหลิงเทียนที่อยู่ในลัทธิบูชาไฟก็ห่างไกลคำว่า ‘ธรรมดา’ ถึงขีดสุด!
จิตใต้สำนึกของหลี่อันรู้สึกว่าเรื่องราวต่างๆมันบังเอิญจนเกินไป
ไฉนคนที่มีนามว่าต้วนหลิงเทียนถึงไม่ธรรมดาเหมือนกันได้!
ด้วยเหตุนี้มันจึงเลือกที่จะกล่าวถามผู้เฝ้ามองออกมาอีกรอบ
ตอนนี้เมื่อผู้เฝ้ามองตกอยู่ภายใต้อำนาจวิชาควาญวิญญาณของหลี่อัน เป็นธรรมดาที่มันจะกระทำตามคำสั่งหลี่อันอย่างไม่ขาดตก…
หลังจากนั้นมันก็เริ่มเล่าเรื่องราวทุกอย่างของต้วนหลิงเทียนที่มันรู้จักออกมาหมดสิ้น
หลี่อันที่ได้ฟังวาจาของผู้เฝ้ามองก็รับทราบได้ทันทีว่าต้วนหลิงเทียนที่นี่ก็คือสุดยอดอัจฉริยะคนหนึ่ง
แต่แน่นอนว่าสุดยอดอัจฉริยะที่ว่า ก็เพียงเป็นสุดยอดอัจฉริยะของภูมิภาคเบื้องล่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเท่านั้น
ในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ผู้ที่จะถูกเรียกหาว่าสุดยอดอัจฉริยะได้ ก็มีแค่อัจฉริยะที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีม่วงเท่านั้น
“หืม ต้วนหลิงเทียนที่ว่ามันพึ่งใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคไปยังภูมิภาคเบื้องบนได้ไม่นานงั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินว่าต้วนหลิงเทียนที่ผู้เฝ้ามองรู้จัก พึ่งใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายไปภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้ไม่นาน สองตาหลี่อันก็ฉายประกายเจิดจ้าออกมาทันที!
“มันยังรู้ทักษะแปลงโฉมอันเลิศล้ำถึงขั้นที่ไม่อาจตรวจพบร่องรอยใดๆด้วยสำนึกเทวะ…”
เมื่อหลี่อันได้ยินเรื่องนี้จากปากผู้เฝ้ามอง มันก็แทบจะมั่นใจได้ทันที!
ต้วนหลิงเทียนที่ผู้เฝ้ามองรู้จัก สมควรเป็นต้วนหลิงเทียนที่มีเรื่องกับมันในลัทธิบูชาไฟ!!
สมควรเป็นเพราะโฉมหน้าของต้วนหลิงเทียนที่ก่อเรื่องในลัทธิบูชาไฟเป็นโฉมหน้าปลอม ผู้เฝ้ามองจึงไม่รู้จัก…แต่ด้วยทักษะลับแปลงโฉมอันเลิศล้ำจนที่มิอาจตรวจสอบได้ด้วยสำนึกเทวะ ทำให้มันไม่อาจบอกได้ว่าต้วนหลิงเทียนที่มันรู้จักกำลังแปลงโฉมอยู่!
“ต้วนหลิงเทียนนั่น มันเป็นนายน้อยของตำหนักเมฆาคราม ขุมพลังกึ่งชั้น 3 ในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า?”
เมื่อยืนยันได้แล้วว่าต้วนหลิงเทียนทั้ง 2 สมควรเป็นคนๆเดียวกัน ลูกตาหลี่อันก็เผยประกายเย็นชาอำมหิต!
“แล้วตำหนักเมฆาครามที่ว่า ตั้งอยู่ที่ใด”
หลี่อันมองถามผู้เฝ้ามองทันที
หลังจากที่ได้รับฟังคำตอบเรื่องที่อยู่ของตำหนักเมฆาครามจากผู้เฝ้ามองแล้ว หลี่อันก็ไม่รอช้าอะไรเร่งเหินร่างจากไปอย่างเร็ว!
เหล่ายอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ที่หยางชง อาวุโส 5 วังอุดรไพศาลส่งมารับใช้หลี่อัน ก็เร่งรุดเหินร่างตามไปทันที
ทั้งหมดเหินร่างข้ามฟ้าตรงดิ่งไปยังตำหนักเมฆาครามด้วยความเร็วสูงล้ำ!
ทว่าด้านตำหนักเมฆาครามยังคงใช้ชีวิตไปอย่างสงบตามประสา หาได้รู้แม้แต่น้อยว่าตอนนี้หายนะครั้งใหญ่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ถึงตัวแล้ว…
วิกฤตการณ์ครั้งนี้ยังร้ายแรงถึงขั้นที่อาจทำให้ทุกสรรพชีวิตของตำหนักเมฆาครามถึงกาลอวสาน…
…
ด้านต้วนหลิงเทียนที่ทำงานอยู่ในหอคุมกฏของหอคุมกฏลัทธิบูชาไฟ ไม่อาจล่วงรู้เรื่องนี้ได้เลย
เขารู้แค่ว่าป่านนี้จูลู่ฉีสมควรไปพบบิดาเขาเนิ่นนานแล้ว และบิดาเขาก็คงอพยพผู้คนทั้งตำหนักไปยังที่ปลอดภัยอย่างที่ไม่อาจมีใครพบเจอได้เรียบร้อย…
อย่างไรก็ตามต่อให้หลับต้วนหลิงเทียนก็ไม่เคยฝันถึง
ว่าในขณะที่จูลู่ฉีได้ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาค มันจะดวงซวยตกเข้าสู่รอยแยกมิติจนถูกส่งไปโผล่ที่แดนเนรเทศ
แดนเนรเทศก็คือดินแดนหนึ่งที่ติดกับโลก ที่มีดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าและทวีปมนุษย์ทั้ง 3 ดำรงอยู่ ทั้งหมดล้วนอยู่ในระนาบโลกียะเดียวกัน…
แน่นอนว่าดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าในที่นี้ หมายถึงดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องล่าง
ส่วนดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบนนั้นเป็นระนาบเทียม ไม่ได้อยู่ในระนาบเดียวกัน
และแน่นอนว่าการที่จูลู่ฉีถูกส่งมาแดนเนรเทศแบบนี้ ข่าวสารสำคัญอย่างยิ่งยวดที่ต้วนหลิงเทียนฝากมันมา ย่อมมิอาจไปถึงมือต้วนหรูเฟิงจ้าวตำหนักเมฆาคราม…ทำให้คนของตำหนักเมฆาครามไม่ได้รับการแจ้งเตือนใดๆ กระทั่งไม่อาจตระหนักได้ถึงวิกฤตการณ์ที่กำลังจะมาถึงหน้าประตูด้วยซ้ำ!
‘โอย งานของหอคุมกฏนี่มันช่างน่าเบื่อจริงๆ’
ต้วนหลิงเทียนตอนนี้กำลังทำหน้าที่ลาดตระเวน ตามหน้าที่ๆได้รับมอบหมายจากหอคุมกฏ
ตลอดทั้งเดือนนี้เขาต้องลาดตระเวนตรวจตราพื้นที่หนึ่ง ที่ทางหอคุมกฏได้มอบหมายให้เขารับผิดชอบ
“หืม?”
ทว่าทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียนคล้ายสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง ร่างที่กำลังเหินหยุดลง หันมองไปยังหอคุมกฏที่อยู่ไกลตาทันที เพราะเขาสัมผัสได้ว่ามีความเคลื่อนไหวบางอย่างจากหอหลัก!
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
และแทบจะพร้อมๆกันกับที่ต้วนหลิงเทียนหันไปมองทางหอหลัก เขาก็แลเห็นร่าง 2 ร่างพุ่งวูบมาด้วยความเร็วสูง และพริบตาก็บรรลุถึงเบื้องหน้าเขาเรียบร้อย
“ต่งหลิน?”
ต้วนหลิงเทียนจดจำร่าง 1 ใน 2 ผู้มาเยือนได้ทันที ไม่ใช่ใครที่ไหน…เป็นต่งหลินที่เขาบีบคั้นให้มันต้องเสียหน้าโดยการก้มหัวขอขมาเขาต่อหน้าผู้คนมากมายในวังชินหั่ว ยังเป็นลูกชายคนเดียวของรองจ้าวหอคุมกฏ ต่งหยวนจิ้น!
นอกจากต่งหลินแล้ว อีกคนที่มากับมันต้วนหลิงเทียนไม่รู้จัก
อีกฝ่ายเป็นชายวัยกลางคนที่มีหน้าตาแลดูธรรมดาๆ ถึงขั้นที่หากจับไปปล่อยไว้ในฝูงชนก็ยากจะระบุตัวมันได้
ตั้งแต่ที่อีกฝ่ายมาปรากฏอยู่เบื้องหน้า มันก็มองต้วนหลิงเทียนไม่วางตา ทว่าสีหน้าแววตาแลดูเฉยเมยไม่แยแส ยากจะล่วงรู้ได้ว่าที่แท้มีจุดประสงค์อันใดกันแน่…
“เฮ่! นั่นอาวุโสต่งหลินไม่ใช่หรือ?”
“สวรรค์! ข้างๆนั่นมันอาวุโสเถียนตงนี่! ไฉนมากับต่งหลินได้เล่า?”
…
และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต่งหลินและชายวัยกลางคนปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าต้วนหลิงเทียน อาวุโสเพลิงทองแดงที่อยู่ในหน่วยลาดตระเวนเดียวกันกับต้วนหลิงเทียนก็หยุดมองด้วยความแปลกใจทันที
ฟังจากน้ำเสียงทั้งสีหน้าแล้ว คล้ายจะประหลาดใจกันอยู่ไม่น้อย
“อาวุโสเถียนตง?”
ได้ยินคำของอาวุโสเพลิงทองแดงรอบๆต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
เพราะนามเถียนตงนี้หาได้แปลกหูเขาแต่อย่างใด
เมื่อวานก่อนที่เขากับหลิวอวิ๋นจะแสดงละครแตกหักกัน หลิวอวิ๋นก็ได้เอ่ยถึงชื่อนี้ให้เขาฟัง ทั้งให้เขาระวังตัวเอาไว้!
เถียนตงผู้นี้ ก็เป็นอาวุโสคุมกฏของหอคุมกฏเช่นกัน
และในหอคุมกฏของลัทธิบูชาไฟ เถียนตงผู้นี้ยังเป็นถึงผู้อาวุโสเพลิงเงิน!
กระทั่งยังเป็นอาวุโสเพลิงเงินที่แข็งแกร่งที่สุดในหอคุมกฏ!
ดังนั้นทันทีที่ได้รับทราบว่าชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆต่งหลินเป็นอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของหอคุมกฏเถียนตง! ต้วนหลิงเทียนจึงแปลกใจไม่น้อย ด้วยไม่คิดว่าต่งหลินจะสามารถสั่งให้อาวุโสเพลิงเงินของหอคุมกฏมาช่วยเหลือมันได้
กล่าวให้ถูก ต้วนหลิงเทียนไม่คิดว่าบิดาของต่งหลิน รองจ้าวหอคุมกฏจะมีอำนาจถึงขั้นสั่งการอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ให้มาติดสอยห้อยตามต่งหลินเพื่อเล่นงานเขาได้ราวข้ารับใช้แบบนี้…
ก่อนที่จะรู้ฐานะของคนที่มากับต่งหลิน ต้วนหลิงเทียนก็เดาได้แต่แรกว่า อีกฝ่ายไม่พ้น ‘ลิ่วล้อ’ ที่คอยฟังคำสั่งของต่งหลินแน่นอน
และทุกอย่างก็เป็นดั่งที่เขาคิดไว้แต่แรกไม่มีผิด
ว่าหลังจากที่เขามาทำงานที่หอคุมกฏแบบนี้ ไม่วายต่งหลินต้องพาคนมากระทืบเขาแน่นอน…
เป็นธรรมดาที่มันคงไม่กระทืบเขาถึงตายและพิการอะไร แต่อย่างน้อยๆก็ต้องสาหัสปางตายกันบ้าง
“ต้วนหลิงเทียน…พวกเราพบกันอีกแล้ว”
ต่งหลินมองกล่าวทักทายต้วนหลิงเทียนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หากแต่แววตาที่ลุกโชนดั่งเพลิงไฟของมันนั้นแทบไม่คิดจะปกปิดอาการกระเหี้ยนกระหือรืออยากจัดการเขาแม้แต่น้อย
ตอนนี้ต่งหลินไม่เหลือทีท่านอบน้อมสำนึกผิดอย่างตอนที่ก้มหัวขอขมาเขาที่วังชินหั่วแม้แต่น้อย กลับมาหยิ่งยโสถือดีราวตัวโกงไม่มีผิด
และเหตุผลเดียวที่มันกล้าวางมาดโอหังแบบนี้ต่อหน้าต้วนหลิงเทียนได้อย่างเป็นธรรมชาติ ก็เพราะมันมีเถียนตงคอยให้ท้ายนั่นเอง!
เถียนตงไม่อยู่ ไหนเลยมันจะกล้าผยองพองขน!
ด้วยมีเถียนตงอยู่ข้างๆ มันจึงกล้าหาญชาญชัยเอาใหญ่ทันที!
“อา พบกันอีกแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนยังคงมีใบหน้าสงบเฉยเมย แม้จะอยู่ต่อหน้าต่งหลินที่มีเถียนตงติดตามมาหนุนหลังก็ตาม
“ต้วนหลิงเทียน เจ้ารู้หรือไม่ว่าวันนี้ข้ามาหาเจ้าทำไม?”
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนยังคงเฉยอยู่ได้คล้ายไม่แยแสอะไรมันแม้แต่น้อย ใจต่งหลินพลันขุ่นมัวขึ้นมาทันที หากแต่ใบหน้ามันก็ยังคงกล่าวถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ใช่ว่าเจ้าไปหาลิ่วล้อมาสั่งสอนบทเรียนให้ข้าหรือไง?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบเสียงเบา
“เจ้ารู้?”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ต่งหลินอดไม่ได้ที่จะอึ้ง “ในเมื่อเจ้ารู้แล้วว่าไฉนข้าถึงมานี่ได้แล้วเจ้ามิกลัวรึ? อ้อ…จริงสิบางทีเจ้าคงไม่รู้สินะว่าคนที่อยู่ข้างๆข้าเป็นผู้ใด”
“ข้ารู้ว่ามันเป็นใคร”
ต่งหลินกล่าวไม่ทันจบคำดี ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย ค่อยหันไปมองชายวัยกลางคนข้างๆต่งหลินด้วยสายตาไม่ยี่หระ “มันคือ เถียนตง อาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของหอคุมกฏ”
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าววาจานี้ออกมา ไม่เพียงทำให้ต่งหลินและเถียนตงตะลึง กระทั่งอาวุโสเพลิงทองแดงไม่กี่คนที่อยู่ใกล้ๆยังอดอึ้งไปเสียไม่ได้!
ในเมื่อต้วนหลิงเทียนรู้แล้วว่านั่นคืออาวุโสเถียนตง…ไฉนยังเฉยอยู่ได้?
ตอนที่ 2,046 : สุนัขรับใช้!
ถึงแม้เถียนตงจะไม่เผยทีท่าสับสนงุนงงเหมือนต่งหลินกับอาวุโสเพลิงทองแดงคนอื่นๆออกมา แต่สายตาที่มันใช้มองต้วนหลิงเทียนก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
นามต้วนหลิงเทียนไม่นับว่าแปลกหูมัน
มันได้ยินวีรกรรมของต้วนหลิงเทียนที่ก่อเอาไว้ทั้งหมดตั้งแต่มาถึงลัทธิบูชาไฟ กระทั่งเรื่องที่ก่อนหน้ามีอาวุโสระดับเพลิงทองมากมายคิดจะรับตัวต้วนหลิงเทียนเป็นลูกศิษย์ด้วยซ้ำ
ทว่ามันได้รับทราบเรื่องราวประการหนึ่งมา
นั่นคือต้วนหลิงเทียนคนนี้มีอาจารย์ที่เป็นผู้ฝึกตนพเนจรอยู่แล้วคนหนึ่ง จึงมิคิดกราบใครเป็นอาจารย์อีก จนกว่าจะได้รับคำอนุญาตจากอาจารย์เสียก่อน…
ดังนั้นทุกคนจึงเลิกสนใจไป
และข่าวเรื่องนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วในหมู่อาวุโสระดับสูงทั้งหมด ตัวมันเองก็ทราบดี
“ต้วนหลิงเทียนเจ้านับว่ากล้าหาญนัก!”
ตอนนี้เอง ต่งหลินที่กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง ก็มองต้วนหลิงเทียนพร้อมตะคอกออกมาเสียงดังอย่างกะทันหัน “เจ้ารับรู้ถึงฐานะอันสูงส่งของอาวุโสเถียนตงแล้ว แต่ยังกล้าเรียกหาอาวุโสเถียนตงห้วนๆอย่างไร้สัมมาคารวะ! หรือที่แท้เจ้าไม่เคารพอาวุโสเถียนตง!”
หลังต่งหลินตะคอกเสียงเย็นยัดข้อหาดังกล่าวให้ต้วนหลิงเทียน สายตาเถียนตงที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนอยู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นทันที บรรยากาศโดยรอบคล้ายจะเย็นลงถนัดตา
แน่นอนว่าแววตาที่เปลี่ยนไปของเถียนตงไม่ใช่เพราะต่งหลินกล่าวว่าต้วนหลิงเทียนไม่เคารพอะไรมัน
วันนี้มันมาด้วยวัตถุประสงค์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
สั่งสอนต้วนหลิงเทียน ระบายแค้นให้ต่งหลิน!
อาวุโสเพลิงทองแดงหลายคนที่อยู่โดยรอบ เมื่อเห็นความเป็นไปเบื้องหน้าพวกมันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวจับใจ
พวกมันได้ยินเรื่องราวความบาดหมางระหว่างต่งหลินกับต้วนหลิงเทียนมาพักใหญ่แล้ว
วันนี้เมื่อเห็นต่งหลินปรากฏตัวพร้อมกันกับเถียนตง พวกมันก็รู้ได้ทันทีว่าต่งหลินคิดมาเอาคืนต้วนหลิงเทียน…และความมั่นใจของมันก็ล้วนมาจากอาวุโสเถียนตงข้างๆ เพราะนั่นคืออาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของหอคุมกฏ!
อีกทั้งไม่เพียงเป็นอาวุโสคุมกฏระดับเพลิงเงินที่แข็งแกร่งที่สุดในหอคุมกฏ เถียนตงคนนี้ยังเป็นอาวุโสเพลิงเงินที่มีพลังฝีมือติด 1 ใน 3 อาวุโสเพลิงเงินที่แข็งแกร่งที่สุดของลัทธิบูชาไฟอีกด้วย!
พลังฝีมือยังร้ายกาจจนติดอันดับในรายนามยอดเซียน!
อันดับที่ 109!
ที่สำคัญที่สุดคือ อาวุโสคุมกฏทั้งหลายรับทราบกันดีถึงเรื่องหนึ่ง
อาวุโสเถียนตงผู้นี้ ประหนึ่งสุนัขรับใช้ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรองจ้าวหอคุมกฏ ต่งหยวนจิ้น!
อาจกล่าวได้ว่ายามนิ่งเฉยมันสงบดั่งบ่อโบราณไร้ระลอก หากแต่ยามเอาเรื่องขึ้นมาก็ประหนึ่งสุนัขคลั่งกัดคนตามคำนายไม่เลือก
“ต้วนหลิงเทียน”
และต่งหลินกล่าวไม่ทันจบคำดี เสียงเถียนตงก็ดังขึ้นตามติดยังเป็นการตะโกนกล่าวออกมาเสียงเย็น พร้อมกันนั้นมันก็ก้าวเข้าหาต้วนหลิงเทียน ไอพลังปะทุพวยพุ่งออกมาคลุมกาย เพาะสร้างเป็นแรงกดดันไร้สภาพอันร้ายกาจขุมหนึ่งโถมถันเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน!
น่าเสียดายที่แรงกดดันไร้สภาพของเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนไม่อาจส่งผลกระทบใดๆต่อต้วนหลิงเทียนได้เลย!
ต้วนหลิงเทียนไม่จำเป็นต้องเร่งเร้าพลังเซียนสุริยันเพื่อต้านทานด้วยซ้ำ ด้วยเคล็ดบำเพ็ญจิตมรรคากระบี่อันสูงสุดอย่างยอดใจกระบี่ อาศัยเพียงการเร่งเร้าพลังกระบี่อันลึกล้ำแค่เล็กน้อย ก็เสมือนมีหนึ่งกระบี่ขวางกั้นไว้เบื้องหน้า สะบั้นแรงกดดันที่โถมถันของเถียนตงให้แหวกแยกเป็น 2 เสี่ยง ไม่อาจทำอันตรายใดๆเขาได้
เมื่อสัมผัสได้ว่าแรงกดดันของตัวไม่อาจทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้ หน้าเถียนตงก็เปลี่ยนไปทันที
‘ต้วนหลิงเทียนนั่นนับว่าไม่ธรรมดาจริงๆ…แต่ในเมื่อมันกล้าผิดใจกับท่านรองจ้าวหอ มันก็มิอาจรอดพ้นไปได้!’
แววตาเถียนตงฉายชัดถึงความประหลาดใจ อย่างไรก็ตามมันหวนกลับมาเยียบเย็นอีกครั้ง
เพราะคำสั่งที่มันได้รับมาก็คือ
หาเรื่องสั่งสอนบทเรียนให้ต้วนหลิงเทียนให้จงได้ และทุบตีให้อีกฝ่ายทุกข์ทรมานจนรู้สึกว่าตายเสียยังดีกว่าอยู่!
“ข้าเถียนตงตั้งแต่เป็นอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของลัทธิบูชาไฟมา นี่นับเป็นครั้งแรกจริงๆที่ข้าได้ยินศิษย์เช่นเจ้ากล้าเรียกหาข้าห้วนๆ! ดูเหมือนว่าเจ้าจะก้าวร้าวจนมิรู้จักคำสัมมาคารวะ เช่นนั้นวันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าแทนอาจารย์ที่เป็นผู้ฝึกตนพเนจรของเจ้าเอง!”
เถียนตงกล่าวออกเสียงดัง สองเท้ายังคงก้าวย่ำอากาศเดินเข้าหาต้วนหลิงเทียนทีละก้าวๆ
และทุกย่างก้าวของอาวุโสเถียนตง อาวุโสเพลิงทองแดงโดยรอบรู้สึกเสมือนมีค้อนหนักร้อยพันชั่งฟาดทุบลงกลางอก พาลให้รู้สึกบีบคั้นอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก
ในสายตาของพวกมัน
น่ากลัววันนี้ต้วนหลิงเทียนจะโชคร้ายเสียแล้ว
เถียนตงนั้นเผยเจตนาชัดเจนว่ามันมาล้างแค้นให้ต่งหลิน มาตอนนี้เมื่อมันได้ข้ออ้างแล้ว มันก็คิดฟาดงูด้วยลำไผ่ หมายทุบตีสั่งสอนคนให้ทราบซึ้งถึงทรวง!
“อาจารย์? ผู้ฝึกตนพเนจร?”
ได้ยินคำของเถียนตง ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะอึ้ง
แน่นอนว่าอึ้งไปด้วยความงุนงง
ทว่าครู่ต่อมาเขาค่อยตระหนักได้
สมควรเป็นอาวุโสคุมกฏประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬอย่างกัวฉง แพร่เรื่องที่เขามีอาจารย์เป็นผู้ฝึกตนพเนจรออกไปแน่นอน
หาไม่แล้วเถียนตงคงไม่กล่าวว่าอาจารย์ของเขาเป็นผู้ฝึกตนพเนจรออกมาแบบนี้ได้
ในลัทธิบูชาไฟ เขาได้กล่าวบอกเรื่องที่เขามีอาจารย์แล้วกับกัวฉงแค่คนเดียวเท่านั้น และเพื่อปกปิดตัวตน เขาจึงกล่าวบอกกัวฉงแค่ว่าอาจารย์เป็นผู้ฝึกตนพเนจรไร้สังกัดใดๆ
ที่เขาบอกกัวฉงไปแบบนั้น เพราะตอนแรกกัวฉงคิดแนะนำเขาให้จ้าวแท่นบูชาเต่าทมิฬรู้จัก เพื่อที่เขาจะได้มีโอกาสกราบอีกฝ่ายเป็นอาจารย์ และกลายเป็นศิษย์ส่วนตัวของจ้าวแท่นบูชาเต่าทมิฬ
น่าเสียดายที่เขาต้วนหลิงเทียนมีอาจารย์อยู่ในใจแล้ว
เซียนกระบี่ฟงชิงหยาง!
ถึงแม้เขาจะไม่เคยเห็นหน้าค่าตาอาจารย์คนนี้ แต่ก็นับถืออาจารย์ผู้นี้นัก
แน่นอนว่าทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเคล็ดบำเพ็ญจิตมรรคากระบี่อันสูงส่งอย่าง ยอดใจกระบี่ ที่ทำให้เขาก้าวมาถึงจุดนี้ได้ในเวลาอันสั้น
ด้วยเหตุนี้ใจต้วนหลิงเทียนจึงยึดถืออีกฝ่ายเป็นอาจารย์เสมอมา และตราบใดที่ไม่ได้รับอนุญาตจากอาจารย์ เขาก็ไม่อาจรับใครคนอื่นเป็นอาจารย์ได้
‘ก็ถือว่าดีแล้ว…ลองอาวุโสกัวฉงกล่าวเรื่องนี้ออกไป ให้เดาคงไม่มีใครคิดจะเป็นอาจารย์ข้าอีกต่อไป’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
ตอนนี้ในใจของต้วนหลิงเทียนไม่เพียงไม่ถือโทษโกรธอาวุโสคุมกฏประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬอย่างกัวฉง แต่ยังรู้สึกขอบคุณที่ช่วยเขาตัดปัญหายุ่งยากลำบากใจออกไปได้อย่างสมบูรณ์
“หึ!”
เมื่อดึงสติกลับมาอยู่กับตัว ต้วนหลิงเทียนก็มองจ้องเถียนตงที่กำลังก้าวเข้ามาพร้อมแรงกดดันอย่างไม่กริ่งเกรง สองตาเยียบเย็นกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเฉยชา “ถ้าเจ้าคิดจะหาข้ออ้างกล่าวโทษข้าก็ไม่ต้องห่วงไป! เรื่องที่เจ้าเถียนตงมาที่นี่พร้อมต่งหลินเพื่ออะไร หากไม่ใช่ตัวโง่งมไร้สมองไหนเลยจะไม่รู้”
“และในเมื่อเจ้ามาที่นี่กับต่งหลินเพราะคิดจะหาเรื่องทุบตีข้า…เช่นนั้นทำไมข้าต้องให้ความเคารพกับเจ้าด้วย?”
“บางทีในสายตาคนอื่นๆ เจ้าเถียนตงอาจเป็นอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของหอคุมกฏอันยิ่งใหญ่…แต่ในสายตาข้าต้วนหลิงเทียนเจ้าเถียนตงก็เป็นได้แค่ ‘สุนัขรับใช้’ ตัวหนึ่ง!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงดังฟังชัดนัก
ฟืด! ฟืด! ฟืด!
……
และแทบจะพร้อมกันกับที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ อาวุโสเพลิงทองแดงทั้งหลายที่ทำหน้าที่ลาดตระเวน ก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าดังฟืด
วินาทีต่อมา สายตาที่พวกมันใช้มองต้วนหลิงเทียน ยังทำราวกับเห็นผี!
ถึงแม้ในหอคุมกฏจะมีอาวุโสไม่น้อยที่ทราบว่าเถียนตงเป็นสุนัขรับใช้รองจ้าวหอคุมกฏอย่างต่งหยวนจิ้น แต่คนที่กล้ากล่าวเรื่องนี้ออกมาต่อหน้าเถียนตงนั้น ไม่เคยมีแม้แต่คนเดียว!
เกรงว่าต้วนหลิงเทียนจะเป็นคนแรกที่กล้ากล่าวออกมาต่อหน้าเถียนตง!
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้เสียสติไปแล้วหรือไร!?”
“มันอยากตายนักหรือถึงได้รนหาที่ตายเช่นนี้?”
“บาทีมันรู้ว่าจะอย่างไรวันนี้อาวุโสเถียนตงก็ทุบตีมันไม่เลี้ยงแน่ เช่นนั้นมันจึงปล่อยมือจากหม้อแตก และ ‘ยินดีเป็นหยกแหลกลาญไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์’!”
(ปล่อยมือจากหม้อแตก = ยอมรับชะตากรรม ,ยินดีเป็นหยกแหลกลาญไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์ = ยอมหักไม่ยอมงอ)
….
อาวุโสเพลิงทองแดงส่งเสียงกล่าวผ่านพลังคุยกันอย่างออกรส ตอนนี้พวกมันต่างมองต้วนหลิงเทียนไม่วางตา ในแววตายังเผยความเวทนาสงสารไม่น้อย
เมื่อได้ยินคำที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับเถียนตง ด้านต่งหลินเองก็ตกใจไม่น้อย ด้วยไม่คิดไม่ฝันเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะเป็นตัวโง่งมถึงขนาดนี้ กล้ากล่าววาจาเช่นนี้ยังต่างอะไรจาส่งเสริมให้เถียนตงมีข้ออ้าง? นับว่าเข้าทางพวกมันแล้วจริงๆ!!
“ต้วนหลิงเทียนครั้งนี้เป็นเจ้ารนหาที่ตายเอง เจ้าไม่อาจโทษใครได้!”
ต่งหลินยิ้มแสยะมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาสมน้ำหน้า
“เจ้า…เจ้าเรียกข้าว่าอะไร?”
ในฐานะผู้ที่ถูกว่าโดยตรง เถียนตงถึงกับอึ้งไปอยู่นานกว่าจะฟื้นคืนสติ ลูกตาที่มองต้วนหลิงเทียนเขม็งของมันเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟันอันน่ากลัว!
ทันทีที่เถียนตงกล่าวถามจบคำ ไม่ว่าจะต่งหลินหรืออาวุโสเพลิงทองแดงล้วนหันขวับไปจับจ้องต้วนหลิงเทียนเป็นสายตาเดียวกัน
พวกมันเองอยากรู้อยากเห็นไม่น้อย
ว่าต้วนหลิงเทียนยังกล้าพอจะกล่าวซ้ำคำเดิมหรือไม่
เพียงครู่เดียวพวกมันก็ได้รับทราบคำตอบ
“ข้าบอกว่า…ในสายตาของข้าต้วนหลิงเทียนเจ้าเถียนตงก็เป็นได้แค่สุนัขรับใช้ตัวหนึ่ง”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเย็น สีหน้าท่าทางเฉยเมยไม่แยแสราวกับไม่เห็นเถียนตงอยู่ในสายตา!
และวาจากล่าวซ้ำคำเดิมของต้วนหลิงเทียนรอบนี้ ก็ทำให้หนังศีรษะของอาวุโสเพลิงทองแดงทั้งหลายชาด้านไปแล้วจริงๆ
ในสายตาของพวกมัน
ต้วนหลิงเทียนผู้นี้บ้าไปแล้ว!!
“เจ้าโง่! คราวนี้เจ้ามันรนหาที่ตายเอง!”
สองตาต่งหลินเผยความยินดีสมใจ กล่าวเย้ยออกมาด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน
“เจ้าเบื่อชีวิตแล้วหรือไร!”
เถียนตงที่ได้รับฟังคำยืนยันแน่ชัด ก็อดไม่ได้ที่จะคำรามออกมาด้วยน้ำเสียงเดือดดาล มวลพลังปะทุออกปานเพลิงไฟ ร่างพุ่งทะยานเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนปานพายุ!
“เถียนตงหากเจ้าลงมือทำอะไรข้าวันนี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจภายหลัง…”
และแทบจะทันทีที่เถียนตงตะโกนกล่าวออกมาอย่างดุร้ายพร้อมเคลื่อนร่างลงมือ ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าววาจาออกมาเสียงเย็น ไม่นำพาร่างเถียนตงที่โถมถันเข้ามาอย่างเกรียวกราดแม้แต่น้อย
“เสียใจ?”
ถึงแม้เถียนตงจะโมโหสุดขีด หากแต่สติมันยังอยู่ครบถ้วน พอได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน ร่างมันถึงกับหยุดชะงักลงทันใด คนระงับโทสะอันพลุ่งพล่านในใจ กล่าวถามออกไปเสียงเย็นว่า “ข้าน่ะหรือจะต้องเสียใจวันหลัง? เจ้าหมายความว่าอะไร?”
‘ต้วนหลิงเทียนไปเอาความมั่นใจนี้มาแต่ที่ใดกัน…’
ขณะเดียวกันอาวุโสเพลิงทองแดงไม่เว้นต่งหลินก็อึ้งไปเล็กน้อย ทั้งหมดได้แต่กล่าวในใจด้วยสงสัย อยากรู้กันนักว่าไฉนถึงขั้นนี้แล้วต้วนหลิงเทียนยังจะกล้ากล่าวอะไรแบบนี้ออกมา
“อาวุโสเถียนตงอย่าได้เสียเวลาฟังมันพล่ามเหลวไหลอันใด! ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ถนัดเสแสร้งเก่งนัก…รีบลงมือ! สั่งสอนบทเรียนมันเสีย!!”
ต่งหลินที่อยู่ไม่ไกลเร่งตะโกนกล่าวออกมาอย่างร้อนใจ
“ฮ่าๆๆๆ”
ทว่าแทบจะทันทีที่ต่งหลินกล่าวจบคำ และสายตาของเถียนตงกลับมาเยียบเย็นพร้อมลงมืออีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนพลันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น!
เสียงหัวเราะนี้ช่างฟังแล้วปลอดโปร่งนัก ราวกับหัวเราะออกมาจากใจ ในน้ำเสียงยังแฝงเร้นไปด้วยพลังเซียนสุริยันเต็มพิกัดพาลให้ลั่นดังก้องไปทั่วแผ่นฟ้า
และตอนนี้เอง
หลังหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังไปพักหนึ่งอยู่ๆต้วนหลิงเทียนก็หยุดลง อาวุโสเพลิงทองแดงทั้งหลายยังไม่ทันหายตกใจด้วยซ้ำ!
เรียกว่าเสียงหัวเราะครานี้ดั่งพิรุณโถมกระหน่ำมืดฟ้ามัวดิน ก่อนที่จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“เถียนตง!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอีกครั้ง แววตายังเย็นเยียบเผยอำมหิต “วันนี้เจ้าจะทุบตีทรมานข้าก็ตามใจเจ้า เพราะถึงอย่างไรเจ้าก็ไม่อาจฆ่าข้าหรือทำให้ข้าพิการได้…”
“แต่ข้าขอบอกเจ้าเอาไว้ตรงนี้เลย…ข้าต้วนหลิงเทียนขอสาบาน วันนี้ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรข้า แต่ข้าจะเอาทั้งหมดที่เจ้าทำกับข้าไปลงที่ต่งหลินสิบเท่าร้อยเท่า!!”
กล่าวจบต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองต่งหลินด้วยสายตาเย็นเยียบไร้แยแส
ตอนที่ 2,047 : คำขู่ของต้วนหลิงเทียน
เมื่อถูกต้วนหลิงเทียนจับจ้องมองมาด้วยสายตาเย็นชาไร้แยแส ต่งหลินถึงกับใจร่วงตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม! ร่างยังสะท้านไปด้วยความหนาวเหน็บปานร่วงตกลงไปในหล่มน้ำแข็ง!!
ขณะเดียวกันสีหน้าต่งหลินยังเปลี่ยนไปเป็นซีดเซียวด้วยความหวาดกลัว!
ด้วยมันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าต้วนหลิงเทียนยังจะกล้ากล่าวประกาศออกมาด้วยความมั่นใจถึงเพียงนี้ แม้จะอยู่ภายใต้การคุกคามของเถียนตง อาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของหอคุมกฏ!
กล้ายกมันต่งหลินไปใช้ข่มขู่เถียนตง!
หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับความหวาดกลัวในใจ ต่งหลินก็มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง แต่ทว่าเมื่อสบตากับต้วนหลิงเทียนอีกรอบ มันก็แลเห็นถึงความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว! ทำให้มันถึงกับชะงักไปมีลมยังไม่กล้าผาย!!
จังหวะนี้ในใจของมันอดไม่ได้ที่จะหวาดผวาไปแล้วจริงๆ
กระทั่งยิ่งมาความหวาดกลัวยิ่งเกาะกุมกัดกินหัวใจมัน ไม่ทราบเพราะอะไรตอนนี้อยู่ๆมันก็นึกเสียใจที่ไปฟ้องบิดาและร้องขอผู้ช่วยให้มันเอาคืนต้วนหลิงเทียนขึ้นมา…
หากมันไม่ทำแบบนั้น มันก็ไม่ต้องตกอยู่ในอาการหวาดกลัวแบบนี้
วูบ
หลังได้ยินคำขู่ของต้วนหลิงเทียน สีหน้าเถียนตงก็แปรเปลี่ยนไปทันที
มันเองก็ไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนเลย
ว่ากระทั่งอยู่ต่อหน้ามันแบบนี้ แต่ต้วนหลิงเทียนยังจะกล้าเอาต่งหลินขึ้นมาขู่มัน!
อย่างไรก็ตาม มันไม่อาจเพิกเฉยคำขู่ดังกล่าวของต้วนหลิงเทียนหรือทำเป็นไม่สนใจได้เลย
ในฐานะคนที่ผ่านประสบการณ์มามากมาย เถียนตงย่อมแลเห็นได้ชัดตา…
ว่าทุกถ้อยคำวาจาที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเมื่อครู่ไม่ได้ล้อเล่น แต่เอาจริง!
“และถ้าเจ้าไม่สนใจใยดีต่งหลิน…เช่นนั้นข้าจะเอาทุกสิ่งอย่างไปลงกับคนใกล้ชิดเจ้า ไม่ว่าจะลูกหลานหรือศิษย์ส่วนตัวและศิษย์หลานทั้งหมดของเจ้า! วันนี้เจ้าทำอะไรข้าก็ทำไป…แต่วันหน้าพวกมันต้องเจ็บกว่าข้าสิบเท่าร้อยเท่า!!”
ต้วนหลิงเทียนพลันหันไปมองเถียนตงด้วยสายตาเย็นชา
“หากเจ้าไม่ฆ่าข้าทิ้งวันนี้…หลังจากนี้ไปข้าจะเป็นฝันร้ายของคนใกล้ชิดเจ้า! ไม่ว่าจะเป็นต่งหลินหรือศิษย์และครอบครัวเจ้า…ข้าล่ะสงสัยนักว่าเจ้าจะมีปัญญาอยู่คุ้มครองพวกมันได้ตลอดเวลาหรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวข่มขู่ออกมาอีกครั้ง
หลังจากกล่าวขู่ไปแล้ว จิตสังหารอำมหิตของต้วนหลิงเทียนก็ปะทุออกมาอย่างไม่คิดกักเก็บ ยังเป็นจิตฆ่าฟันอันเยียบเย็นนัก บรรยากาศโดยรอบคล้ายจะถูกแช่แข็งทันที
ข่มขู่!
ข่มขู่กันซึ่งๆหน้า!
วาจานี้ของต้วนหลิงเทียนเมื่อดังเข้าหูเถียนตง ก็ทำให้สีหน้าเถียนตงเปลี่ยนไปทันที ลูกตาของมันเริ่มกลายเป็นแดงฉาน จิตฆ่าฟันเริ่มปะทุออกมาเช่นกัน
มันไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะมาไม้นี้อย่างไม่สนใจอะไร!
และมันเถียนตงไม่เพียงมีศิษย์ส่วนตัวและศิษย์หลานเท่านั้น ยังมีลูกชายและลูกสาวรวมถึงครอบครัวอีกด้วย
สำหรับมันไม่ว่าจะศิษย์ส่วนตัวหรือศิษย์หลานทั้งครอบครัว ล้วนเป็นคนสำคัญกับมันทั้งสิ้น
หมากตานี้ของต้วนหลิงเทียน นับว่าจี้จุดอ่อนมันเข้าอย่างจัง
“ต้วนหลิงเทียน…กะ…กล้าขู่อาวุโสเถียนตงจริงๆ? นิ…นี่มันเป็นเสือหรือไร จะไม่ดุร้ายเกินไปหน่อยหรือ?”
“สมแล้วที่เป็นคนกล้างัดกับอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬอย่างอาวุโสหลี่อันซึ่งๆหน้า! วันนี้มันนับว่าได้ใจข้าจริงๆ!”
“ข้าก็อดไม่ได้ที่จะนับถือมัน!”
…
อาวุโสเพลิงทองแดงทั้งหลายเมื่อได้เห็นเรื่องราวเบื้องหน้า ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความหนาวเหน็บ
ในสายตาของพวกมัน ต้วนหลิงเทียนผู้นี้นับเป็น สัตว์ประหลาด!
กล้าที่จะกล่าววาจาข่มขู่เถียนตง อาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของหอคุมกฏซึ่งๆหน้าอย่างไร้ครั่นคร้าม! มารดามันเถอะยังมีศิษย์ที่แท้จริงคนใดหาญกล้ากระทำเช่นนี้บ้าง?!
แน่นอนว่าพวกมันยังชื่นชมหมากตานี้ของต้วนหลิงเทียนนัก
คนคล้ายปล่อยมือจากหม้อแตก แต่ที่แท้กลับตอบโต้เข้าจุดตายอีกฝ่ายอย่างจัง!
ด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนสีไปมาของเถียนตง ไหนเลยพวกมันจะดูไม่ออก…ว่าตอนนี้อาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของหอคุมกฏคนนี้เริ่มบังเกิดความกลัวและไม่กล้าลงมือกับต้วนหลิงเทียนขึ้นมาแล้ว!
พวกมันลองถามตัวเองดู หากพวกมันเป็นเถียนตงพวกมันจะทำอย่างไร พวกมันก็ตอบได้ทันทีว่าย่อมต้องกลัว! ไม่กล้าทำอะไรต้วนหลิงเทียนเช่นกัน!
เถียนตงนั้นมีทั้งลูกชายลูกสาว ทั้งศิษย์ส่วนตัวและศิษย์หลานมากมาย และทุกคนล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนทั้งสิ้น!!
“ตกลงเจ้าจะเอายังไง?”
ต้วนหลิงเทียนมองถามเถียนตงด้วยน้ำเสียงแววตาเยียบเย็น “เจ้าจะเลือกลงมือกับข้าตอนนี้ หรือยืนเฉยๆเป็นรูปปั้นไปเสีย! ข้าก็เหมือนคนเท้าเปล่าไม่กลัวสวมรองเท้า หากเจ้ากล้าลงมือกับข้าวันหน้าข้าก็กล้าจะลงมือกับต่งหลินเหล่าศิษย์กระทั่งลูกหลานของเจ้า!”
(เท้าเปล่าไม่กลัวสวมรองเท้า = ไม่มีอะไรจะเสีย)
เท้าเปล่าไม่กลัวสวมรองเท้า!
เมื่อคำกล่าวนี้ของต้วนหลิงเทียนดังเข้าหูทุกคน ทั้งหมดก็พลันตระหนักได้ทันที
ถูกแล้ว
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเสมือนคนเท้าเปล่า ไหนเลยต้องกลัวสวมรองเท้า?
เว้นเสียแต่อาวุโสเถียนตงจะกล้าฆ่าต้วนหลิงเทียนหรือทำลายพลังฝึกปรือพิการ…หาไม่แล้ววันใดที่ต้วนหลิงเทียนยืนหยัดขึ้นมาได้อีกครั้ง ย่อมสามารถเอาคืนอาวุโสเถียนตงได้แน่!
เพราะสุดท้ายแล้วเถียนตงก็ไม่ใช่ตัวคนเดียว
มันไม่เพียงมีศิษย์ส่วนตัว 2 คน ยังมีลูกๆหลานๆของมันอีกด้วย
ทว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้ เสมือนหมาป่าเดียวดายในบรรดาศิษย์ที่แท้จริง ไร้ซึ่งสหายและญาติมิตรอันใด
พวกมันย่อมแลเห็นได้ชัดถึงความมั่นใจอันแน่วแน่เด็ดเดี่ยวของต้วนหลิงเทียน
“ต้วนหลิงเทียนเจ้าไม่คิดว่ามันจะมากไปหน่อยหรือ…” เถียนตงที่บัดนี้ใบหน้าอัปลักษณ์ปั้นยากเพราะคำของต้วนหลิงเทียน ก็กล่าวออกมาเสียงเย็น “มีคำกล่าว ‘คนต่อยตีมีเรื่อง ไม่ลามปามถึงครอบครัว’ เจ้าคิดกระทำต่ำช้าแบบนี้ไม่ละอายแก่ใจหรือไร!?”
“กระทำต่ำช้า? ละอายใจ? ฮ่าๆๆๆ!!”
ได้ยินคำของเถียนตง ต้วนหลิงเทียนพลันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง ยังหัวเราะออกมาดังร่าปานได้ยินเรื่องราวอันน่าขันจากเถียนตง
ครู่ต่อมาเสียงหัวเราะก็ค่อยๆหยุดลง
“เถียนตง! อย่างเจ้ายังมีคุณสมบัติมากล่าวถึงเรื่องพวกนี้กับข้าด้วยหรือ?”
ลูกตาต้วนหลิงเทียนเผยความเยียบเย็น กล่าวออกด้วยน้ำเสียงไร้แยแส “ข้าต้วนหลิงเทียนขอถามเจ้าสักคำ ข้ากับเจ้า เราไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน แต่วันนี้เจ้าที่พึ่งเจอข้าครั้งแรกกลับคิดลงมือกับข้า! กล่าวให้ชัดคือเจ้าที่เป็นถึงอาวุโสเพลิงเงินคนหนึ่งกลับไม่ละอายแก่ใจคิดทุบตีรังแกศิษย์ที่แท้จริงเช่นข้า…แล้วไฉนข้าต้องกลัวเจ้า?”
“ข้าขอประกาศเอาไว้ตรงนี้!”
เสียงไม่แยแสของต้วนหลิงเทียนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นดุร้าย “วันนี้เว้นแต่เจ้าจะฆ่าข้าหรือทำให้ข้าพิการ…หาไม่แล้วต่อให้เจ้ากล้าสัมผัสข้าแม้แต่ปลายผม ข้าจะให้คนใกล้ชิดของเจ้าทุกคนไม่ว่าจะศิษย์หรือลูกหลานต้องชดใช้! ข้าจะไปประมือสอนสั่งวรยุทธ์พวกมันทุกครั้งที่ข้ามีโอกาส!!”
ข่มขู่!
เป็นการข่มขู่ซึ่งๆหน้าอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามไม่ว่าเถียนตงจะโมโหและเดือดดาลเพียงใด แต่ภายใต้วาจาคุกคามนี้มันก็ทำได้แค่บังเกิดจิตคิดฆ่าฟันต่อต้วนหลิงเทียนเท่านั้น แต่ให้มันลงมือฆ่าหรือทำลายต้วนหลิงเทียนจริงๆมันย่อมไม่กล้า
“เจ้ายืนนิ่งเป็นรูปปั้นไปเสียแต่โดยดีเถอะ!”
เมื่อเห็นว่าเถียนตงนิ่งไปไม่กล้าเคลื่อนไหว ร่างต้วนหลิงเทียนพลันย่ำอากาศเข้าหาต่งหลินทันที!
ตึง!
ตึง!
…
ไม่ทราบว่าต้วนหลิงเทียนจงใจหรือไม่ แต่ทุกก้าวที่ย่ำออกไป มวลพลังทั่วกายพลันปะทุระเบิดออกมา ยังผลให้มวลอากาศใต้ฝ่าเท้าแตกระเบิดส่งเสียงดังลั่นสนั่นฟ้า กลิ่นอายพลังยิ่งมายิ่งเกรี้ยวกราดดุร้ายนัก
และเสียงอากาศแตกระเบิดนี้ ยามมันดังเข้าหูต่งหลิน ก็ทำให้สีหน้าต่งหลินซีดลงทันที
แต่ละย่างก้าวของต้วนหลิงเทียน พลังสภาวะแทบไม่ต่างใดจากมีค้อนอันเขื่องฟาดทุบลงกลางอกต่งหลิน! พาลให้มันอึดอัดจนหายใจไม่ออก!!
และชั่วพริบตา ร่างต้วนหลิงเทียนก็อยู่ห่างจากต่งหลินแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น
“อะ…อาวุโสเถียนตง!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอำมหิตของต้วนหลิง ทั้งแววตามืดดำเยียบเย็นที่มองมาราวไม่เห็นมันเป็นผู้คนของต้วนหลิงเทียน ต่งหลินถึงกับขวัญหนีดีฝ่อ ใจมันเต้นรัวด้วยความหวาดกลัว แผ่นหลังเริ่มชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็น ร่ำร้องขอความช่วยเหลือจากเถียนตงออกมาดังลั่น
ฟุ่บบบ!!
และแทบจะพร้อมกันกับที่ต่งหลินกล่าวจบคำ ร่างเถียนตงก็วูบมาปรากฏเบื้องหน้ามันราวภูตผี ขวางกั้นต่งหลินจากต้วนหลิงเทียนเอาไว้
เมื่อเห็นเถียนตงวูบมาขวางทาง ต่งหลินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ราวกับมันได้รับอาวุธเทพมาคอยปกปักษ์พิทักษ์กายอีกครั้ง
หากเป็นก่อนหน้า…
ป่านนี้มันคงร้องขอให้เถียนตงลงมือทุบตีต้วนหลิงเทียนไปแล้ว เพื่อล้างแค้นและขจัดความเกลียดชังในใจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงคำขู่ของต้วนหลิงเทียนก่อนหน้า ต่งหลินทำได้แค่เงียบปากไว้ไม่ให้กล่าวอะไรออกมามั่วซั่ว
ตอนนี้เถียนตงย่อมสามารถทุบตีต้วนหลิงเทียนให้เจ็บหนักกระทั่งทรมานให้อีกฝ่ายอยู่ไม่สู้ตาย
ทว่าต้วนหลิงเทียนได้กล่าวไว้แล้ว ว่าทุกสิ่งอย่างที่เถียนตงกระทำวันนี้ ทั้งหมดจะย้อนมาลงที่มันต่งหลินในวันหน้าเป็นสิบเท่าร้อยเท่า!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาต่งหลินก็หวาดกลัวจนปอดแหก!
ต่งหลินได้แต่ขบฟันดังกรอดๆจนกรามแทบแตก แต่ไม่กล้าขอให้เถียนตงทำร้ายต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป!!
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าพอได้แล้ว!”
เถียนตงที่มาหยุดขวางต้วนหลิงเทียนเอาไว้เบื้องหน้า มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงแววตาเยียบเย็น
“เถียนตง”
เมื่อเห็นเถียนตงมาขวางทาง หน้าต้วนหลิงเทียนก็เริ่มฉายชัดถึงความดุร้าย “เจ้าไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าพูดก่อนหน้าว่าให้ยืนนิ่งเป็นรูปปั้นรึไง…หรือเจ้าไม่ได้ยิน?”
“ต้วนหลิงเทียน อย่าได้คิดว่าข้าจะไม่กล้าลงมือกับเจ้า!”
เถียนตงตอนนี้เดือดดาลนัก ต่อหน้ารุ่นเยาว์คนหนึ่งอย่างต้วนหลิงเทียน แต่มันกลับถูกอีกฝ่ายกระทำราวไม่เห็นหัว
หากวันนี้ต้วนหลิงเทียนทุบตีต่งหลินภายใต้จมูกมัน มันไม่ทราบจะสู้หน้าต่งหยวนจิ้นบิดาของต่งหลินอย่างไรดี
ดังนั้นตอนนี้มันทำได้แค่ยืนหยัดปกป้องต่งหลิน
แต่เดิมวันนี้มันคิดมาช่วยต่งหลินสั่งสอนต้วนหลิงเทียน
แต่ผู้ใดจะไปคิดว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้กับประพฤติตัวเป็น ‘นักเลงหัวไม้’ เผยเจตนา วันนี้เจ้าตีข้าวันหน้าข้าจะตีโคตรเจ้าออกมาอย่างไร้ยางอาย จนถึงจุดที่มันไม่กล้าลงมือกับอีกฝ่ายจริงๆ!
“อ้อ ข้าคิดว่าเจ้าไม่กล้าแตะต้องข้าจริงๆนั่นล่ะ”
ได้ยินคำของเถียนตง ต้วนหลิงเทียนพลันแสยะยิ้มกล่าวออกด้วยวาจาเย้ยหยัน “เถียนตงหากเจ้ายังอยากให้ลูกศิษย์และครอบครัวของเจ้าอยู่ดี โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าข้าจะไปขอประลองชี้แนะกับพวกมันไม่หยุด…จะเป็นการดีเสียกว่าที่เจ้าจะถอยออกไปเสีย! ข้ากับเจ้าเราไร้เรื่องราวบาดหมางอันใด หวังว่าเจ้าจะไม่หาเรื่องเป็นศัตรูกับข้าอย่างไร้เหตุผล!!”
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำนี้ออกมา อาวุโสเพลิงทองแดงไม่กี่คนที่ฟังอยู่ถึงกับอ้าปากค้างกันไปเป็นแถบ
ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ ไฉนถึงได้ไร้ยางอายนักเล่า!
เมื่อครู่พี่ท่านกล้ายกลูกศิษย์และครอบครัวของอาวุโสเถียนตงขึ้นมาขู่หน้าด้านๆ นั่นยังไม่ใช่การข่มขู่เพาะสร้างความบาดหมางอีกหรือไร?
แต่ตอนนี้ยังกล้ากล่าวออกมาราวกับยังไร้เรื่องบาดหมางใดๆกับอาวุโสเถียนตรงจริงๆ!
“จะ…เจ้าอย่าให้มันมากเกินไปนัก!”
เจอต้วนหลิงเทียนกล่าวขู่ออกมาอีกครั้งซึ่งๆหน้าแบบนี้ ใจเถียนตงแทบมอดไหม้ไปด้วยไฟโทสะ สองตาเผยเจตนาฆ่าฟันเยียบเย็น ราวกับพร้อมจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คน!
“อาวุโสเถียนตงอย่าได้ปล่อยให้มันทำอะไรข้า…หาไม่แล้วข้า…ข้าจะฟ้องท่านพ่อว่าเป็นท่านร่วมมือกับต้วนหลิงเทียนรังแกข้า!!”
ได้ยินต้วนหลิงเทียนขู่เถียนตงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต่งหลินก็เริ่มหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ มันเริ่มขู่เถียนตงกลับบ้าง!
เพราะตอนนี้ต่งหลินหวาดกลัวแล้วจริงๆ
กลัวว่าเถียนตงจะเห็นแก่ศิษย์และบุตรหลานปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนลงมือทุบตีมันตามใจชอบ!
หากไม่มีเถียนตงคุ้มกะลาหัว ต่งหลินรู้ตัวดีว่ามันไร้ซึ่งหนทางต่อต้านต้วนหลิงเทียน!
ตอนที่ 2,048 : ใจสั่น
ตอนแรกก็ถูกต้วนหลิงเทียนข่มขู่ไปทีนึงแล้ว มาตอนนี้ต่งหลินยังข่มขู่มันขึ้นมาอีกคน เถียนตงจึงรู้สึกราวกับสติของมันใกล้แตกเต็มที!
ชาติที่แล้วมันทำบาปกรรมอันใดไว้กันหนอ?
ไฉนชาตินี้มันถึงต้องมาพบพานดาวมฤตยูทั้งสองด้วย?
อย่างไรก็ตามสุดท้ายเถียนตงก็ตัดสินใจ มันหันไปมองจ้องต้วนหลิงเทียน
“ต้วนหลิงเทียน ในเมื่อเจ้ามิอยากให้ระหว่างเรามีเรื่องต้องหมางใจกัน…เช่นนั้นเจ้าไปเถอะ!”
เถียนตงกล่าวออกเสียงหนัก
เห็นได้ชัดว่ามันไม่คิดลงมือกับต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป
เมื่อได้ยินคำของเถียนตง คิ้วต้วนหลิงเทียนย่นลงเล็กน้อย เขารู้ว่าตอนนี้นี่เป็นทางลงที่ดีสายหนึ่ง
หากแต่ในใจเขาไม่ยินยอมให้มันจบง่ายๆแต่เพียงเท่านี้!
“เถียนตง…หูเจ้ามีปัญหาหรือ?”
หน้าต้วนหลิงเทียนเริ่มมืดลงกล่าวออกเสียงหนักเยียบเย็น “ข้าบอกให้เจ้าถอยไป! หรือเจ้าเห็นแก่ตัวไม่เอาไหนอย่างต่งหลินจนไม่ใยดีเหล่าศิษย์และลูกหลานของเจ้าแล้ว?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวขู่เถียนตงออกมาอีกครั้ง ค่อยแสยะยิ้มจุ๊ปากกล่าวเย้ย “จึกๆๆ…ข้าอยากรู้นักว่าวันหน้าหากเหล่าศิษย์และลูกหลานเจ้าต้องทุกข์ทรมานเพราะการเลือกครั้งนี้ของเจ้า พวกมันจะคิดอย่างไร?”
“อาวุโสเถียนตง ท่านคงนึกภาพออก…หากท่านพ่อล่วงรู้ว่าท่านร่วมมือกับต้วนหลิงเทียนรังแกข้า! อย่าว่าแต่ลูกหลานเหล่าศิษย์ กระทั่งตัวท่านเอง ท่านพ่อก็ไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆแน่!!”
เมื่อต้วนหลิงเทียนกล่าวขู่เถียนตง ต่งหลินเองก็ไม่ยอมน้อยหน้าเร่งกล่าวขู่เถียนตงออกมาเช่นกัน เพราะมันกลัวใจเถียนตงจริงๆ ว่าจะถอยให้ต้วนหลิงเทียนเพราะเห็นแก่คนใกล้ชิด
ต้องบอกเลยว่าเมื่อเทียบกับต้วนหลิงเทียนแล้ว เถียนตงย่อมหวาดกลัวบิดาของต่งหลินมากกว่า เพราะนั่นคือต่งหยวนจิ้น รองจ้าวหอคุมกฏ!
ดังนั้นไม่นานมันก็ตัดสินใจเลือกได้ โดยเลือกจะยืนมองต้วนหลิงเทียนอย่างเฉยเมย
“ต้วนหลิงเทียน วันนี้ข้าจะไม่ลงมือทำอะไรเจ้า…แต่ต่งหลินยังอยู่ในความคุ้มครองของข้า!”
“หากภายใต้สถานการณ์เช่นนี้แต่เจ้ายังกล้าแตะต้องเหล่าศิษย์และลูกหลานข้า…ข้าเถียนตงจะทำลายเจ้าแม้ข้าต้องฝ่าฝืนกฏจนถูกลงทัณฑ์ก็ตาม”
เสียงกล่าวเถียนตงนั้นเย็นชาหนาวเหน็บนัก ยังกล่าวออกอย่างเด็ดขาดไม่เหลือที่ว่างให้ต่อรองใดๆ
“จริงหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนแสยะยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “หากข้าจำไม่ผิด…ในลัทธิบูชาไฟเหมือนจะมีกฏอยู่ข้อหนึ่ง หากอาวุโสหอคุมกฏกระทำความผิดเสียเอง โทษทัณฑ์ที่ได้รับจะหนักเป็นสองเท่า!”
“ต่อให้เจ้าไม่ฆ่าข้าเพียงทำให้ข้าพิการ…แต่ข้ากลัวว่าสุดท้ายเจ้าต้องไม่พ้นถูกตัดสินโทษตายแน่นอน! เจ้ายินดีสละชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องเหล่าศิษย์และลูกหลานเพียงแค่ถูกข้าทุบตี?”
“เจ้าคิดว่า…ข้าจะเชื่อเรื่องนี้?”
ขณะกล่าวยิ่งมารอยยิ้มแสยะบนใบหน้าต้วนหลิงเทียนยิ่งฉีกกว้าง แววตาที่ใช้มองเถียนตงก็เผยความท้าทายประชดประชันชัดเจน
“เถียนตง เจ้าอย่าได้ทำอะไรที่จะทำให้เจ้าเสียใจภายหลังดีกว่า!”
สิ้นคำกล่าว พริบตานี้หน้าเถียนตงถึงกับเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง และต้วนหลิงเทียนที่พึงกล่าวไม่ทันจบคำดี ก็พุ่งไปทางเถียนตงทันที!
กล่าวให้ชัดคือพุ่งไปหาต่งหลินด้านหลังเถียนตง!
เถียนตงก็เสมือนตอไม้ตอหนึ่งที่ขวางทาง!
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนเหินร่างเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เถียนตงก็นึกถึงวาจาก่อนหน้าของต้วนหลิงเทียนซ้ำไปซ้ำมา แววตาของมันสั่นไหวไปไม่สงบ ไม่ทราบมันคิดอะไรอยู่
วูบ!
อย่างไรก็ตามเมื่อต้วนหลิงเทียนเจียนถึงตัว มันก็เลือกที่จะเหินร่างหลบออกไปข้างๆ
สุดท้ายมันก็เลือกที่จะถอย
ในสายตาของมัน
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่น่ากลัวเท่ารองจ้าวหอคุมกฏต่งหยวนจิ้น ทว่าต่งหยวนจิ้นนั้นก็มีหน้ามีตาไม่น้อย ย่อมไม่ใช่คนที่จะลดตัวลงมาทำร้ายเหล่าศิษย์หรือลูกหลานของมัน กระทั่งทำร้ายมันถึงตายได้…
เพราะสุดท้ายแล้วต่งหลินก็แค่ถูกทุบตีสั่งสอนบทเรียนเท่านั้น ไม่ได้ถูกฆ่าหรือทำให้พิการแต่อย่างไร
เรื่องนี้ยังไม่ถือว่าแตะขีดจำกัดล่างของต่งหยวนจิ้น
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนนั้นต่างจากต่งหยวนจิ้นนัก! อีกฝ่ายก็เป็นอย่างที่พูด…คนเท้าเปล่าย่อมไม่กลัวสวมรองเท้า!!
กับ ‘คนบ้า’ เช่นนี้ เถียนตงเลือกที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวเสียประเสริฐกว่า!
หาไม่แล้วเกรงว่าเหล่าศิษย์และลูกหลานของมันได้เผชิญเคราะห์กรรมครั้งใหญ่แน่
ดังนั้นในวินาทีสุดท้าย เถียนตงจึงได้เลือกที่จะหลบทางออกไป
“อาวุโสเถียนตง!!”
เมื่อเห็นเถียนตงเลือกที่จะถอยไปในห้วงเวลาคับขัน ปล่อยให้มันต้องเผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียนโดยตรง สีหน้าต่งหลินถึงกับซีดไปเป็นไก่ต้ม มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเถียนตงจะตัดสินใจเช่นนี้ในวินาทีสุดท้าย!
เพี๊ยะ!
อย่างไรก็ตามในขณะที่หน้าต่งหลินถอดสี เสียงตบเน้นๆก็ดังชัดถนัดถนี่ก้องฟ้า
เป็นต้วนหลิงเทียนที่บรรลุถึงเบื้องหน้าต่งหลิน ยกมือขึ้นสะบัดตบฟาดออกไปอย่างไร้ปราณีจนต่งหลินถึงกับหน้าหัน รอยแดงฉานรูปฝ่ามือผุดโผล่ขึ้นมาบนหน้าต่งหลินอย่างน่ากลัว!
เรียกว่าเพียงหนึ่งตบก็ทำให้แก้มต่งหลินปูดบวมขึ้นมาทันตาเห็น
“จะ…เจ้ากล้าตบข้า!”
หลังจากหายจากอาการอื้ออึง ต่งหลินก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าเหลือเชื่อราวกับเห็นผี
“อ่า ข้ากล้าตบเจ้า”
ต้วนหลิงเทียนแสยะยิ้ม ก่อนที่จะสะบัดมือตบหน้าต่งหลินอีกฉาด และตบนี้ยังแรงกว่าตบก่อนหน้า!
หากต่งหลินยังกล้าพล่ามออกมาอีกคำ เขาจะเพิ่มแรงตบให้หนักขึ้น!
สุดท้ายต่งหลินก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เงียบไปปานคนตาย
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
……
เสียงตบมันส์มือดังชัดถนัดถนี่เป็นจังหวะจะโคน ตอนนี้อาวุโสเพลิงทองแดงที่อยู่หน่วยลาดตระเวนเดียวกับต้วนหลิงเทียน ถึงกับลอยร่างค้างกลางหาวปากอ้ากว้าง หนังศีรษะเสมือนชาด้านมองเรื่องราวตาปริบๆ แต่ไม่มีใครกล้าสอดมือเข้ามาห้าม
ล้อกันเล่นหรือไร!?
ท่านไม่เห็นหรือว่ากระทั่งอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของหอคุมกฏยังทำได้แค่ยืนเป็นหัวหลักหัวตอไม่กล้าแม้แต่จะผายลม?
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่พลังฝีมือความแข็งแกร่งของพวกมันก็สู้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เป็นทุน ต่อให้พวกมันแข็งแกร่งกว่าต้วนหลิงเทียนพวกมันก็ไม่กล้ายุ่ง!
พวกมันเองจะมากจะน้อยก็มีศิษย์และลูกหลานอยู่ในลัทธิบูชาไฟทั้งสิ้น ใครจะไปรู้ว่าต้วนหลิงเทียนจะไปรังควาญศิษย์หรือลูกหลานของพวกมันโดยตรงหรือไม่!
ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ดังคนคลั่ง! ไม่เคยกระทำอะไรอยู่ในสามัญสำนึกพวกมันสักครั้ง!!
คนเช่นนี้พวกมันอย่าได้ไปตอแยเสียประเสริฐสุด!
“เสียสติ! มันเสียสติไปแล้ว!!”
เถียนตงที่หลบออกไปด้านข้าง เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนรัวมือตบต่งหลินอย่างเมามันส์ จนหน้าต่งหลินบวมช้ำยิ่งกว่าหัวหมู หนังศีรษะของมันก็อดไม่ได้ที่จะชาด้านอื้ออึงไปเช่นกัน มันรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนคนนี้เสียสติไปแล้วจริงๆ!
ต่งหลินเป็นใคร?
ลูกชายคนเดียวของรองจ้าวหอคุมกฏ ต่งหยวนจิ้น!
รองจ้าวหอคุมกฏที่เห็นลูกชายคนเดียวคนนี้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ ไหนเลยยังไม่โกรธได้เมื่อพบว่าลูกชายของตัวเองถูกทำให้อับอายขายหน้าขนาดนี้!
“พอได้แล้ว!”
จังหวะนี้แม้เถียนตงจะหวาดกลัวต้วนหลิงเทียนลงมือกับเหล่าศิษย์และลูกหลานจับใจ แต่มันก็ไม่อาจนิ่งเฉยทนดูเรื่องราวอยู่ข้างๆได้อีกต่อไป เลือกที่จะวูบร่างไปฉับไว หยุดต้วนหลิงเทียนเอาไว้
ตอนนี้มันยังบังเกิดความเสียใจขึ้นมาไม่น้อย
ตอนแรกที่มันหลบทางให้ มันก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะลงมือทุบตีทำร้ายต่งหลินตามปกติเพื่อสั่งสอนบทเรียน หากเป็นเช่นนั้นต่อให้ทุบตีจนปางตายก็ไม่นับเป็นอะไร เพราะผู้ฝึกตนไหนเลยจะไม่มีใครเคยเจ็บตัว…
แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าต้วนหลิงเทียนกลับไม่ทุบตีทำร้ายผู้คนอย่างปกติ กลับเลือกที่จะตบหน้าต่งหลินจนปูดบวมเป็นหัวหมูแทน!!
ตบจนหน้าบวมเป็นหัวหมูไม่ว่า
ที่สำคัญคือแม้หน้าต่งหลินจะบวมเป็นหัวหมูแล้ว…แต่ต้วนหลิงเทียนยังคงตบซ้ายทีขวาทีระรัวไม่หยุด!
หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ต่งหลินยังจะกล้าสู้หน้าผู้ใดในลัทธิบูชาไฟแห่งนี้ได้อีก! ยังจะมีวันโงหัวขึ้นมาได้อีกหรือ!?
ความอัปยศดังกล่าว ตราบใดที่ยังเป็นคนทั่วไป ย่อมไม่มีใครทานทนรับไหว!
“ต่งหลิน ตอนแรกข้าก็ลืมเรื่องเจ้าไปแล้ว ไม่คิดที่จะไปยุ่งวุ่นวายอะไรกับเจ้าอีกด้วยซ้ำ…แต่วันนี้เป็นเจ้าที่คิดมาหาเรื่องข้าให้ถูกทุบตีเอง เจ้าโทษข้าไม่ได้!”
เมื่อถูกเถียนตงเข้ามาขวาง ต้วนหลิงเทียนเพียงมองกล่าวกับต่งหลินเสียงเย็น ก่อนที่จะเหินร่างจากไป เพื่อทำหน้าที่บินลาดตระเวนต่อ
“ขอบคุณอาวุโสเถียนตงที่ให้ความร่วมมือ”
เถียนตงที่โล่งใจหลังเห็นต้วนหลิงเทียนเหินร่างจากไป พอได้ยินวาจาทิ้งท้ายของต้วนหลิงเทียน มันก็แทบกระอักเลือดออกมาเสียให้รู้แล้วู้รอด ร่างถึงกับสะท้านไปคราหนึ่ง
ต้วนหลิงเทียนผู้นี้จะไปแล้วแท้ๆแต่ไม่วายฉุดลากมันลงนรกด้วย!
‘ต้วนหลิงเทียน…ต้วนหลิงเทียน…หากไม่ฆ่าเจ้าให้ตาย ข้าต่งหลินไม่ขออยู่เป็นผู้คน! ข้าต่งหลินขอสาบานว่าหากฆ่าเจ้าไม่ได้ข้าไม่ขออยู่เป็นผู้คน!!’
ต่งหลินถลึงตาแดงก่ำมองแผ่นหลังต้วนหลิงเทียนที่จากไป ทั่วร่างสั่นระริกด้วยโทสะ ตอนนี้ยากนักที่จะเห็นได้ว่าสีหน้าของมันเป็นอย่างไร เพราะใบหน้ามันปูดบวมช้ำเลือดไปหมด แต่ใครก็บอกได้ว่าตอนนี้มันโมโหเพียงใด
ยังโมโหหนักมาก!
จนเมื่อแผ่นหลังต้วนหลิงเทียนหายลับไปจากสายตา ต่งหลินค่อยละสายตามามองที่เถียนตงด้วยความแค้น สายตาของมันเยียบเย็นนัก พยายามปริปากที่เจ่อแตกกล่าวออก
“เถียน…เถียนตง…เรื่องวันนี้…ข้าจะฟ้อง…ฟ้องบิดาทั้งหมด…เจ้า…เจ้า…ระวังเงาหัวไว้ให้ดี!”
หลังกล่าวออกมาอย่างยากลำบาก ต่งหลินก็เหินร่างจากไป ทิ้งเถียนตงเอาไว้อย่างไม่คิดจะหันกลับไปมอง
“จบสิ้นกันแล้ว…”
หน้าเถียนตงถึงกับเปลี่ยนเป็นมืดดำเมื่อได้ยินวาจานี้ของต่งหลิน มันรู้ดีว่ามันตัดสินใจผิดไปแล้ว ด้วยไม่คิดไม่ฝันว่าต้วนหลิงเทียนจะเลือกลงมือทำร้ายต่งหลินด้วยวิธีการนี้
หากมันรู้ก่อนหน้า มันคงไม่เลือกที่จะถอยออกมาแบบนั้น
เพราะหากเรื่องราวในวันนี้แพร่ออกไป สมคววรทำให้ต่งหลินอึดอัดคับแค้น เจ็บยิ่งกว่าฆ่ามันให้ตายเสียอีก!
มีโอกาสเป็นไปได้สูงหากเรื่องราวนี้แพร่กระจายออกไปจนทำให้ต่งหลินไร้ที่ยืน รองจ้าวหอคุมกฏอย่างต่งหยวนจิ้นไม่เพียงแต่จะไม่ละเว้นต้วนหลิงเทียน เกรงว่ากับมันก็คงไม่คิดละเว้นเช่นกัน
“พวกเจ้าทั้งหมดจำคำข้าเอาไว้ให้ดี…หากพวกเจ้าคนใดคนหนึ่งกล้าที่จะแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ไม่ใช่แค่ข้าแต่กระทั่งรองจ้าวหอคุมกฏย่อมไม่มีวันปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”
หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เถียนตงก็หันไปมองกล่าวกกำชับอาวุโสเพลิงทองแดงไม่กี่คนที่อยู่ในเหตุการณ์เสียงเย็น
“ขออาวุโสเถียนตงโปรดวางใจ ข้าไม่กล้าแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปเด็ดขาด”
“ขออาวุโสเถียนตงอย่าได้กังวล ข้าน้อยมิเห็นอันใดทั้งสิ้น!”
“เกิดอันใดขึ้นหรืออาวุโสเถียนตง ข้าน้อยพึ่งผ่านมา…ข้าน้อยพึ่งผ่านมาจริงๆ”
…
ได้ยินคำกำชับของเถียนตง อาวุโสเพลิงทองแดงทั้งหลายเร่งตอบรับออกมาอย่างไม่กล้ารอช้า ด้วยกลัวว่าหากล่าช้าเถียนตงจะเอาเรื่องพวกกมัน
แต่ขณะกล่าวออก ในใจก็ลอบสนุกสนานไม่น้อย เร่งส่งเสียงผ่านพลังกล่าวคุยกันอย่างออกรส
“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นหาเรื่องตายแล้วจริงๆ!”
“นั่นสิ ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดหาญกล้าไม่กลัวตายเช่นนี้มาก่อนเลย…นั่นมันต่งหลินเชียวนะ มิใช่เวินเยี่ยน!!”
“มันตายแน่…หากต่งหลินร่ำไห้ไปฟ้องบิดาด้วยใบหน้าหัวหมูเช่นนั้น ต้วนหลิงเทียนไม่มีวันรอดมือรองจ้าวหอคุมกฏได้หรอก!”
…
ทั้งหมดเป็นความจากใจของอาวุโสเพลิงทองแดงไม่กี่คนของหอคุมกฏที่อยู่ในเหตุการณ์ ทั้งหมดล้วนคิดว่าต้วนหลิงเทียนทำแบบนี้ไม่ต่างอะไรจากขุดหลุมฝังศพตัวเอง
กลับกัน ด้านต้วนหลิงเทียนที่เหินร่างจากมา ก็รู้สึกสาสมใจและยินดีไม่น้อย
เขาไม่รู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นแม้แต่นิดเดียว
อย่างที่เขากล่าวบอกไว้ก่อนหน้า
หากต่งหลินมันไม่ถ่อมาหาเรื่องเขาถึงที่ เขากระทั่งลืมเลือนมันไปแล้วเสียด้วยซ้ำ!
อย่างไรก็ตามในเมื่อต่งหลินมันมาหาเรื่องเขาถึงที่ เขาต้วนหลิงเทียนก็ไม่ใชคนที่มันจะรังแกกันได้ง่ายๆ!
“แปลกจริง…ไฉนอยู่ๆใจข้ากลับสั่นแปลกๆ”
ทว่าทันใดนั้นเอง อยู่ๆต้วนหลิงเทียนก็หน้าเปลี่ยนสี คล้ายสัมผัสได้ถึงอะไรไม่ถูกต้องบางประการ
ตอนที่ 2,049 : ข้าเรียกว่า หลี่อัน!
“จ้าววังจู…ป่านนี้คงแจ้งบิดาข้าเรียบร้อยแล้วแท้ๆ แต่ไฉนใจข้าถึงสั่นแปลกๆ? สังหรณ์แบบนี้…คล้ายกำลังจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น…”
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้วนหลิงเทียนรู้สึกสังหรณ์ใจแบบนี้
ในอดีตเขาเคยสังหรณ์ใจลักษณะนี้หลายครั้ง และทั้งหมดล้วนเกิดเรื่องเลวร้ายทั้งสิ้น! จัดเป็นสังหรณ์อัปมงคลโดยแท้!!
ต้วนหลิงเทียนไม่อาจคิดฝันได้เลย ว่าอดีตจ้าววังนภาจูลู่ฉีที่เขาฝากฝังให้ไปแจ้งข่าวแก่บิดาเขาที่ภูมิภาคเบื้องล่าง จะประสบคราวเคราะห์จนถูกส่งไปยังแดนเนรเทศ…
และเพราะจ้าววังจูไม่ได้ไปแจ้งข่าวให้แก่บิดาเขา นั่นหมายความว่าตำหนักเมฆาครามไม่ได้รับการแจ้งเตือนภัยที่กำลังจะมาถึงได้ทันท่วงที…
และตอนนี้หลี่อันก็ได้พาคนของหยางชงเหินร่างตัดฟ้าเจียนบรรลุถึงตำหนักเมฆาครามอยู่รอมร่อแล้ว!
ทว่าคนในตำหนักเมฆาครามกลับไม่อาจตระหนักถึงหายนะครั้งนี้ได้เลย!!
แทบจะเป็นเวลาเดียวกัน ทางตอนเหนือของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า เบื้องหน้าค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคแห่งหนึ่ง ปรากฏร่างในชุดคลุมลมดำหนึ่งยืนอยู่
บริเวณพื้นที่เท้าปรากฏร่างเล็กๆ 3 ร่าง ซึ่งแลแล้วอายุราวๆ 6-7 ขวบปีนอนหลับไหลเรียงรายอย่างไม่ได้สติ
เป็นเด็กหญิง 2 คนเด็กชาย 1 คน
เด็กหญิงตัวน้อยหนึ่งในนั้นอยู่ในชุดสีทองวับวาว ส่วนอีกหนึ่งอยู่ในชุดสีขาวปลอด ใบหน้าทั้งคู่แลดูสมบูรณ์จ้ำม่ำน่าหยิกนัก แก้มน้อยๆสีอมชมพูช่างน่ารักน่าชังชวนให้ผู้คนอยากหอมสักฟอด
สำหรับเด็กชายตัวน้อยมันใส่ชุดสีดำ
แต่หากเทียบกับชายในชุดคลุมลมดำแล้ว ชุดสีดำของเด็กชายตัวน้อยไม่ได้ปกปิดใบหน้าแต่อย่างไร ใบหน้าอ่อนวัยไร้เดียงสาเผยความน่าเอ็นดูออกมาให้เห็นชัด
หากต้วนหลิงเทียนมาอยู่ที่นี่ เขาคงจดจำได้แทบจะทันที
เด็กหญิงตัวน้อยทั้ง 2 รวมถึงเด็กชายที่นอนหลับไหลไม่ได้สติอยู่นั้น ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นอดีตหนูสีทองตัวกลม กับเจ้าอสรพิษตัวน้อยสีขาวและสีดำ
เสี่ยวจิน เสี่ยวไป๋ และเสี่ยวเฮย
“ไม่รู้ผู้เฒ่าพยากรณ์คิดอะไรอยู่กันแน่ ถึงได้ให้ข้าอาศัยจังหวะที่หานเฉวี่ยไน่ไม่ระวัง ลักพาตัวเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 นี่แล้วให้พาไปส่งที่ภูมิภาคเบื้องล่างแบบนี้…”
ทันใดนั้นเอง ร่างในชุดคลุมลมดำพลันกล่าวบ่นออกมาอย่างเบื่อหน่าย ฟังจากเสียงแล้วยากที่จะบอกได้นักว่าที่แท้มันเป็นชายหรือหญิงกันแน่
“หากให้สตรีดุร้ายนางนั้นล่วงรู้ ข้ามีหวังได้โชคร้ายไปอีกนานแน่ๆ…”
เสียงไม่ชายไม่หญิงบ่นออกอีกครั้ง คราวนี้ยังเผยความหวั่นหวาดเล็กน้อย
และคนในชุดคลุมลมดำนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน มันคือทายาทของ เงาทมิฬ ทวาราเที่ยงแท้ลำดับ 4!
เยว่อู๋หยิ่ง!
เด็กน้อยทั้ง 3 ตอนแรกก็ติดตามหานเฉวี่ยไน่มายังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบนท่ด้วยกัน ทว่าตอนนี้ทั้งหมดถูกเยว่อู๋หยิ่งฟาดจนหลับไหลไม่ได้สติ…
และสาเหตุที่เยว่อู๋หยิ่งกระทำเช่นนี้ ล้วนเป็นคำสั่งของผู้เฒ่าพยากรณ์ ทวาราเที่ยงแท้ลำดับ 2 ความลับสวรรค์!
อีกฝ่ายกำชับไว้ให้มันหาโอกาสที่หานเฉวี่ยไน่เผลอไผลไม่ระวัง ลักพาตัวเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 นี่ไปปล่อยในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าให้จงได้
จากคำกล่าวของชายชรา
มันได้เห็นความลับสวรรค์ประการหนึ่ง…และเจ้าตัวน้อยทั้ง 3 มีโอกาสได้พบพานมหาวาสนาครั้งใหญ่!
และด้วยกลัวว่าหานเฉวี่ยไน่จะเป็นห่วงเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 จนไม่อาจตัดใจปล่อยให้พวกมันเดินทางตามลำพัง ผู้เฒ่าพยากรณ์จึงสั่งให้เยว่อู๋หยิ่งลอบลงมือลักพาตัวทั้ง 3 แล้วไปปล่อยทิ้งไว้ที่ภูมิภาคเบื้องล่าง…
ยิ่งไปกว่านั้น ยังสั่งห้ามไม่ให้ปล่อยเจ้าพวกตัวเล็กไว้ที่ คฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน หรือตำหนักเมฆาครามอีกด้วย
และเมื่อวานนี้ในที่สุดเยว่อู๋หยิ่งก็สบโอกาสเหมาะ ตอนหานเฉวี่ยไน่ปิดด่านบ่มเพาะ ลักพาตัวเด็กน้อยทั้ง 3 มาได้สำเร็จ
“เฮ่ๆๆ…เจ้าทั้ง 3 อย่าได้โทษข้าเล่า…หากพวกเจ้าจะโทษใครก็ไปโทษตาแก่นั่นเถอะ! มันเป็นคนสั่งให้ข้าลักพาตัวพวกเจ้าไปปล่อยที่ภูมิภาคเบื้องล่าง…หวังว่าพวกเจ้าจะดูแลตัวเองได้อย่างดี”
เยว่อู๋หยิ่งส่ายหัวไปมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะใช้พลังหอบหิ้วร่างเล็กทั้ง 3 ขึ้นมา
และวินาทีต่อมามันก็เหินร่างเข้าค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคทันที
ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคเรืองแสงสว่างวาบหนึ่ง ก่อนที่ร่างในชุดคลุมลมดำและ 3 เด็กน้อยจะหายลับไป ประตูหยินหยาง
ราวๆ 2 เค่อต่อมา บริเวณภูมิภาคตะวันออก ของภูมิภาคเบื้องบน ก็ปรากฏร่างเยว่อู๋หยิ่งที่พึ่งย้อนกลับมาจากภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเพียงลำพัง เมื่อหันซ้ายหันขวาตรวจสอบทิศทางดีแล้ว มันก็เหินร่างมุ่งหน้ากลับทางเหนือทันที
ขาไป เยว่อู๋หยิ่งไปพร้อมเด็กน้อยทั้ง 3
ขากลับ มันกลับมาคนเดียว…
….
ณ ดินแดนเนรเทศ หรือที่รู้จักกันในนามดินแดนที่ถูกทอดทิ้งของเผ่าพันธุ์ปีศาจ…
เผ่าพันธุ์ปีศาจวัวนั้น…ถือเป็นเผ่าพันธุ์ใหญ่ในแดนเนรเทศ พวกมันมีสมาชิกในเผ่ามากมายนับไม่ถ้วน และยอดฝีมือระดับสูงๆของเผ่าพันธุ์ก็ได้พยายามทำลายม่านพลังที่ฉาบคลุมกำแพงมิติกั้นแดน เพื่อจะหาหนทางเข้าสู่แดนเซียนมาตลอดเวลา…
แดนเซียนที่พวกมันกล่าวถึงก็คือโลกอันมีดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องล่างและทวีปมนุษย์ทั้ง 3 ดำรงอยู่
ณ เขตที่พักของเผ่าพันธุ์ปีศาจวัว บริเวณใจกลางจัตุรัสอันกว้างขวางใหญ่โต
วันนี้จัตุรัสนับว่าเปี่ยมล้นไปด้วยผู้คนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในรอบหลายพันปี…
ไม่สิ!
สมควรกล่าวว่าเปี่ยมล้นไปด้วยเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวมากกว่า!
สมาชิกของเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวนั้นมีลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์นัก นอกจากตัวเป็นคนหัวเป็นวัวแล้ว ไม่ว่าจะภูมิปัญญาหรือคำพูด ก็แทบไม่ต่างอะไรจากผู้คนในแดนเซียนแม้แต่น้อย
และตอนนี้สมาชิกเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวก็กำลังห้อมล้อมมุงดู ร่างมนุษย์คนหนึ่งที่ถูกขึงตรึงไว้กลางจัตุรัส!
ไม่ผิด เป็นมนุษย์!
มนุษย์ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนในดินแดนเนรเทศตั้งแต่ครั้งอดีต!
“นี่น่ะหรือมนุษย์?”
“ไม่ผิดแน่…นับว่ามันคล้ายพวกเรายิ่ง มีสองมือสองเท้าเช่นเดียวกัน”
“เหอะ! เจ้าดูอย่างไรว่ามันคล้ายพวกเรา? ดูเถอะ ตัวมันเล็กจ้อยถึงเพียงนี้ หน้าตายังอัปลักษณ์นัก สีผิวก็ขาวซีดๆ…ข้ามองปราดเดียวก็รู้ว่าอ่อนแอยิ่ง ต้องพวกเราเถอะร่างกายแข็งแกร่งบึกบึน ทั้งมีผิวสีแทนเยี่ยงนักรบผู้กล้า!!”
“ใช่! ข้ามองมันปราดเดียวก็ทราบได้ทันทีว่ามันช่างอ่อนแอยิ่ง ราวกับลูกพลับนุ่มนิ่มที่พวกเราจะบีบให้แหลกเมื่อใดก็ได้! ไม่น่าแปลกใจเลยที่มันจะถูกนักรบในเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวของเราจับกลับมาได้โดยง่าย!!”
“มนุษย์อ่อนแอเกินไป!”
…
สมาชิกของเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวทั้งหมดในจัตุรัสส่วนใหญ่แล้วพึ่งจะเคยพบเห็นมนุษย์เป็นครั้งแรก พวกมันกล่าวสนทนากันอย่างออกรส ชี้มือชี้ไม้ไปทางมนุษย์ที่ถูกตรึงกางเขนไม่หยุด
หากเป็นก่อนหน้า จูลู่ฉี คงไม่คิดไม่ฝันเลยว่าวันหนึ่งมันจะถูกจับมาให้ปีศาจชมดูเหมือน สัตว์ ในนิทรรศการเช่นนี้
และเมื่อเห็นว่ารอบกายมีปีศาจหัววัวมากมาย หนังศีรษะก็อดไม่ได้ที่จะชาด้าน ใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัวนัก
นั่นเพราะมันล่วงรู้อัตลักษณ์ของปีศาจเหล่านี้แล้ว
เผ่าพันธุ์ปีศาจที่ดำรงอยู่ในแดนเนรเทศ เผ่าพันธุ์ปีศาจวัว!
ในบรรดาบันทึกเรื่องราวโบราณที่มันเคยได้อ่านผ่านตาจากหอตำราตอนอยู่ที่แท่นบูชาพยัคฆ์ขาว 1 ใน 4 แท่นบูชาจตุรลักษณ์นั้น ในบรรดาเผ่าพันธุ์ปีศาจ ก็มีบันทึกเรื่องราวของเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวเอาไว้เช่นกัน
ปีศาจวัวนั้นเกิดมาเป็นนักรบโดยกำเนิด ไม่เพียงมีร่างกายอันทรงพลังกล้าแกร่ง และความทนทานสูงล้ำ พวกมันยังมีความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดสูงนัก!
ในยุค ‘มนุษย์ปีศาจ’ ครั้งเกิดมหาสงครามระหว่างมนุษย์และปีศาจ ปีศาจวัวก็เป็นดั่งทัพหน้า! พวกมันบุกมาเข่นฆ่าล้างผลาญผู้ฝึกตนมนุษย์ไปมากมายนับไม่ถ้วน กล่าวได้ว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจของมนุษย์ชาติก็ไม่ผิด!
จูลู่ฉีไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าวันหนึ่งมันจะได้มาพบเจอเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวในลักษณะนี้
กระทั่งยังต้องตกเป็นเชลยของเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวเช่นนี้!
“หืม?”
ทันใดนั้นจูลู่ฉีพบว่า หลังมีเสียงหนึ่งคำรามออกมาอย่างดุร้าย เหล่าปีศาจวัวมากมายก็เริ่มเคลื่อนร่างหลีกออกเปิดเส้นทางสายหนึ่ง
หลังจากนั้นไม่นานจูลู่ฉีก็เห็นปีศาจวัว 2 ตัวที่จับมันมา
อย่างไรก็ตามตอนนี้ปีศาจวัวทั้ง 2 ตอนนี้เสมือนเด็กน้อยที่เดินนำทางให้ร่างปีศาจวัวตัวเขื่องที่แลแล้วประหนึ่งขุนเขาย่อมๆตนหนึ่งเข้ามา
ตึง! ตึง! ตึง!
…
ปีศาจวัวตัวนี้สูงใหญ่นัก! กะด้วยสายตาคร่าวๆแล้วสมควรสูงไม่ต่ำกว่า 7-8 หมี่! มันนับว่าสูงใหญ่กว่าปีศาจวัวในจัตุรัสแห่งนี้ 2-3 เท่า ทุกย่างก้าวของมันพาลให้ปฐพีสะเทือนเลือนลั่น!!
สองขาใหญ่โตปานเสาวังของมันย่ำอาดๆเข้ามาใกล้จูลี่ฉีมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งมาร่างจูลู่ฉีก็ยิ่งสะเทือนสะท้านปานแผ่นดินไหว!
และเมื่อปีศาจวัวร่างใหญ่มาถึง ปีศาจวัวอื่นๆ ก็เงียบปากไม่กล่าวคำ ต่างมองมาที่ร่างใหญ่ด้วยสายตาเปี่ยมความเคารพ
“มันเป็นมนุษย์จริงๆ!”
ปีศาจวัวที่ตัวใหญ่ปานขุนเขาย่อมๆก้มมองพินิจจูลู่ฉีพักหนึ่งค่อยกล่าวออกมา เสียงกล่าวของมันยังดังสนั่นปานฟ้าร้อง สร้างความปวดร้าวให้แก้วหูจูลู่ฉีนัก
‘แข็งแกร่ง…’
ตอนนี้จูลู่ฉีสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลที่แผ่ออกมาจากร่างปีศาจวัวตัวเขื่องชัดเจนดี แรงกดดันนี้บีบคั้นมันจนแทบหายใจไม่ออกแล้ว!
และนี่ยังเป็นเพราะปีศาจวัวเบื้องหน้าไม่ได้จงใจแผ่แรงกดดันใส่มันด้วยซ้ำ!
เผยให้รู้ว่าปีศาจวัวตัวเขื่องเบื้องหน้าร้ายกาจถึงเพียงใด!
“ท่านอาวุโส 10 มันคือมนุษย์ที่พวกเราพบเจอด้านนอกและจับตัวมา”
ขณะเดียวกันปีศาจวัว 2 ที่ถอยร่นไปยืนเรียบๆร้อยๆด้านหลังปีศาจวัวตัวเขื่องก็กล่าวคำออกมาอย่างสุภาพ
‘อาวุโส 10’
ลูกตาจูลู่ฉีหดเล็กลงทันใด สีหน้ายังเผยความประหลาดใจออกมาอย่างยากจะปกปิด
เท่าที่มันรู้ ตัวตนที่ร้ายกาจที่สุดของเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวก็คือ ราชาปีศาจวัว ที่เป็นผู้นำเผ่าพันธุ์
รองลงมาก็มีอาวุโสทั้ง 10 กุมอำนาจเอาไว้
ในครั้งนั้นที่เกิดมหาสงครามขึ้นที่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ไม่ทราบอาวุโสทั้ง 10 ของเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวเข่นฆ่าผู้ฝึกตน และคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปมากมายถึงเพียงใด
และแน่นอนว่าจูลู่ฉีรู้ดีว่า ตอนนี้อาวุโสทั้ง 10 รวมถึงราชาปีศาจวัวรุ่นก่อน หาได้ดำรงอยู่ในแดนเนรเทศอีกต่อไป ทั้งหมดสมควรทะลวงผ่านขอบเขตเซียนสวรรค์ บรรลุถึงขอบเขตเซียนอมตะและย่างเยื้องขึ้นสู่แดนสวรรค์ในระนาบเทวโลก
เผ่าพันธุ์ปีศาจวัวก็เหมือนกับผู้ฝึกตนมนุษย์ ยามเมื่อทะลวงผ่านขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน พวกมันก็จะขึ้นสู่แดนสวรรค์ในระนาบเทวโลกเช่นกัน เรื่องนี้ผู้คนมักกล่าวกันสั้นๆว่าขึ้นสวรรค์!
อีกทั้งด้วยความที่แดนเนรเทศกับดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอยู่ในระนาบโลกียะเดียวกัน เช่นนั้นต่างก็ขึ้นไปสู่แดนสวรรค์แดนเดียวกัน!
“ดี! พวกเจ้าทั้งคู่ทำได้ดีมาก เมื่อใดที่ท่านราชาออกจากการปิดด่าน พวกเจ้าทั้งคู่จะได้รับรางวัลอย่างงาม!”
ปีศาจวัวตัวเขื่องที่มีฐานะ อาวุโส 10 กล่าวออกมาด้วยเสียงดังปานฟ้าร้อง สองตายังมองสำรวจจูลู่ฉีด้วยความอยากรู้อยากเห็น
จูลู่ฉีที่มีบทเรียนก่อนหน้าย่อมเตรียมตัวรับมือไว้แต่แรก มันได้ใช้พลังเซียนต้นกำเนิดปิดหูเอาไว้แล้ว จึงไม่ต้องเจ็บปวดจากเสียงดังของอีกฝ่ายอีกต่อไป
และในขณะเดียวกันกับที่ปีศาจวัวกำลังชมมองจูลู่ฉีด้วยความสนอกสนใจนั้น…
ณ ตำหนักเมฆาคราม ของภูมิภาคเบื้องล่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ก็ปรากฏร่างแขกที่ไม่ได้รับเชิญกลุ่มหนึ่งมาเยือน…
แขกไม่ได้รับเชิญกลุ่มนี้ บุกรุกเข้ามายังตำหนักเมฆาครามโดยไม่สนใจผู้ใดทั้งสิ้น! เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬทั้งหลายที่พยายามหยุดขวางพวกมัน ล้วนถูกฆ่าตกตายโดยที่ไม่มีโอกาสได้เห็นแม้แต่น้อยว่าอีกฝ่ายลงมืออย่างไร…!
ไม่ว่าจะเป็นสือฟูฉางหรือไป่ฟูฉาง ไม่อาจมีใครต้านทานรับมือกลุ่มแขกไม่ได้รับเชิญที่มีชายชราคนหนึ่งเหินร่างนำหน้าได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว!
และคนที่ลงมือฆ่าคนทั้งหมดยังไม่ใช่ชายชราที่นำหน้ามาด้วยซ้ำ แต่เป็นผู้ติดตามที่อยู่ด้านหลัง!
กระทั่งผู้ติดตามยังมีพลังฝีมือสูงล้ำถึงขั้นฆ่าคนได้อย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้ น่ากลัวว่าพลังฝีมือของชายชราผู้นำต้องน่าสะพรึงกลัวสุดที่พวกมันจะจินตนาการได้ออก!!
“พวกเจ้าที่แท้เป็นผู้ใดกันแน่!?”
ต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มคนที่ไม่ทราบความเป็นมาแต่พลังฝีมือกล้าแข็งที่ขีดสุด เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬได้แต่หวาดกลัว ทั้งหมดไม่คิดปะทะให้เสียกำลังพลอย่างสูญเปล่าอีกต่อไป แต่เลือกจะผนึกกำลังถอยร่นเข้าไปตั้งแนวรับใกล้ตำหนักหลักของตำหนักเมฆาคราม
วูบ! วูบ! วูบ!
……
และตอนนี้เองชายชราอันเป็นผู้นำกลุ่มคนอันน่ากลัวก็หยุดร่างลง ผู้ติดตามเบื้องหลังก็หยุดลงอย่างพร้อมเพรียง
ชายชราผู้นำเหลือบมองมายังร่างองครักษ์เกราะทมิฬที่ถามไถ่ ค่อยกล่าวตอบออกมาเสียงเบาด้วยสายตาไม่แยแส
“ข้าเรียกว่า หลี่อัน!”
ตอนที่ 2,050 : ดาบอสุรา!
“ข้าเรียกว่า หลี่อัน…”
ประโยคเดียวของชายชรา ก็ได้เปิดเผยตัวตนของมันออกมาทันที
ที่แท้มันคืออาวุโสเพลิงเงินของลัทธิบูชาใช 1 ใน 3 ลัทธิอันยิ่งใหญ่!
นอกจากนี้มันยังเป็นอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬ!
เหตุผลเดียวที่มันมาตำหนักเมฆาครามครั้งนี้ นั่นเพราะคิดใช้คนของที่นี่เพื่อจัดการศิษย์ที่แท้จริงของลัทธิบูชาไฟต้วนหลิงเทียน! มันคิดใช้ญาติของต้วนหลิงเทียน บีบคั้นให้ต้วนหลิงเทียนออกจากเขตลัทธิบูชาไฟ เพื่อที่มันจะได้มีโอกาสฆ่าอีกฝ่ายให้ตาย!!
อันที่จริงหลี่อันสมควรมาถึงภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าและตำหนักเมฆาครามตั้งนานแล้ว
ทว่าหลังจากที่มันออกเดินทางจากวังอุดรไพศาล พร้อมกับคนที่อาวุโส 5 วังอุดรไพศาลหยางชงมอบให้ มันกลับบังเอิญได้รับทราบข่าวสารหนึ่งระหว่างทาง ทำให้การเดินทางจำต้องล่าช้าออกไป
และข่าวสารนั้นเป็นอะไรที่เหนือคาดคิดนัก เพราะมันคือเบาะแสของ ‘ดาบอสุรา’ ซึ่งเป็นยอดศาสตราเซียน ติดอันดับ 1 ใน 10 ของรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่!!
ดาบอสุราปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง!
ในอดีตนั้นเท่าที่ทุกคนทราบ ยอดศาสตราเซียนมีเพียงผู้ถือครองอยู่แค่ 3 ชิ้นเท่านั้น และนั่นก็ล้วนเป็นคนของ 3 ลัทธิทั้งสิ้น ส่วนที่เหลือล้วนไร้เบาะแสว่าเป็นผู้ใดครอบครองเอาไว้
‘ดาบอสุรา’ เป็นหนึ่งในนั้น
ถึงแม้หลี่อันจะอยากไปภูมิภาคเบื้องล่างเพื่อสืบหาภูมิหลังของต้วนหลิงเทียนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เมื่อเทียบกับความเย้ายวนของ 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนอย่าง ‘ดาบอสุรา’ เรื่องสืบค้นความเป็นมาของต้วนหลิงเทียนก็กลายเป็นเรื่องไม่รีบไม่ร้อนทันที!
ดังนั้นมันจึงส่งยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ที่ไดรับมาจากหยางชง ให้กระจายกำลังกันไปตามหาเบาะแส คนถือดาบอสุราที่ว่าก่อน
และตัวมันเองก็ไม่ได้อยู่ว่าง เร่งออกตามหาคนในเบาะแสเช่นกัน
ต้องกล่าวเลยว่าหลี่อันมีวาสนาไม่น้อย เพราะในที่สุดมันก็ตามหาตัวผู้ใช้ดาบอสุรานั่นจนพบ!
หลังจากฆ่าคนที่ครองดาบอสุราได้แล้ว มันก็ได้รับดาบเล่มนั้นมาอยู่ในมือจนได้!
แน่นอนว่ามีเพียงมันเท่านั้นที่รู้เรื่องราวของดาบอสุรา
เหล่ายอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ทั้งหลาย เพียงถูกหลี่อันสั่งให้ไปหาเบาะแสของคนเท่านั้น ต่างไม่รับทราบเรื่องดาบแต่อย่างใด
เพราะหากข่าวเรื่องนี้แพร่ออกไป แม้คนของวังอุดรไพศาลจะไม่มีทางกล้าแย่งชิงกับมัน ทว่าคนเหล่านี้ยังสามารถแพร่ข่าวลือเรื่องมันครองดาบออกไปได้…
หากข่าวแพร่กระจาย อาศัยคนอย่างหลี่อันไหนเลยจะเก็บดาบอสุราเอาไว้กับตัวได้อีก
หลี่อันหาได้มีพลังอำนาจอย่างเซี่ยจงที่ช่วงชิงตราผนึกมารไปจากมือต้วนหลิงเทียนโต้งๆไม่!
เซี่ยจงแม้จะเป็นเพียงชนชั้นอาวุโสระดับสูงของลัทธิอารามทมิฬ ทว่าบิดาของมันเป็นถึง 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ!
และฐานะของมหาธรรมราชาทั้ง 4 ของลัทธิอารามทมิฬ ก็ไม่ต่างใดจากผู้พิทักษ์ทั้ง 3 ของลัทธิบูชาไฟแม้แต่น้อย! พวกมันล้วนเป็นสุดยอดฝีมือระดับแนวหน้าของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบน!!
เซี่ยจงที่มีมหาธรรมราชาอยู่เบื้องหลังเช่นนี้ แม้เรื่องที่มันถือครองตราผนึกมารจะแพร่ไปทั่ว แต่ก็ไม่มีใครกล้าลองดี!
ยิ่งไปกว่านั้นคนนอกก็ไม่ทราบแน่ชัด ว่ายังเป็นเซี่ยจงแน่หรือไม่ที่ถือครองตราผนึกมารอยู่! หากเซี่ยจงมอบให้บิดาที่เป็น 1 ใน 4 มหาธรรมราชา ราชันราชสีห์ขนทองไปแล้วเล่า? เช่นนั้นผู้ที่คิดแย่งชิงจากเซี่ยจง…เกรงว่าไม่เพียงแต่จะจับไก่ไม่สำเร็จยังต้องเสียข้าวสารไปอีกกำมือ!!
ดาบอสุรานั้นก็คือยอดศาสตราเซียนที่ติดอันดับ1 ใน 10 ในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ แน่นอนว่ามันคือศาสตราหมื่นอาคมเซียนชิ้นหนึ่ง และยังเป็นศาสตราเซียนประเภทต่อสู้เต็มตัว! มีพลังอานุภาพเหนือศาสตราพันอาคมเซียนไปไกลลิบโลก!!
ยังมีผู้ใดไม่ต้องการยอดศาสตราเซียนเช่นนี้อีก?!
หลี่อันที่มีฐานะเพียงอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 แน่นอนว่าหากคิดถือครองย่อมไม่ใช่เรื่องราวอันง่ายดาย
บางทีมันอาจขู่ขวัญผู้ที่คิดแย่งชิงได้ว่ามันคือคนของลัทธิบูชาไฟ
ทว่าถึงวันที่ข่าวของดาบอสุราแพร่กระจายออกไปจริงๆ ไม่ต้องกล่าวถึงคนนอก กระทั่งชนชั้นอาวุโสเพลิงทองของลัทธิบูชาไฟก็ไม่อาจห้ามใจได้แน่นอน! สุดท้ายไม่ว่าจะด้วยทางใดก็ทางหนึ่งมันต้องเสียดาบไปแน่!!
เช่นนั้นแล้วหลังจากที่ได้รับดาบอสุรามา หลี่อันก็ปกปิดเรื่องราวไว้อย่างมิดชิดนัก!
ก่อนที่มันจะมีพลังอำนาจมากพอจะถือครองดาบอสุราได้อย่างเปิดเผย มันไม่คิดใช้ดาบเล่มนี้ซี้ซั้วเด็ดขาดเว้นแต่จะตกอยู่ในห้วงคับขันเป็นตาย
เพราะสุดท้ายแล้ว ดาบอสุรา ก็มีอำนาจเย้ายวนใจผู้คนมากเกินไป!
แม้นี่จะเป็นเรื่องน่ายินดีที่มาอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ก็ทำให้ใจของหลี่อันเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขนัก และแน่นอนว่ามันก็ยังไม่ได้ลืมเลือนจุดประสงค์หลักของมัน
ไปภูมิภาคเบื้องล่าง เพื่อสืบหาความเป็นมาของต้วนหลิงเทียน
เช่นนั้นหลังได้ถือครองดาบอสุราแล้ว หลี่อันก็ย้อนไปกำจัดคนที่มีเบาะแสเรื่องดาบอสุราทั้งหมดอย่างลับๆ ก่อนที่จะเรียกระดมพลคนของอาวุโส 5 วังอุดรไพศาล ประกาศล้มเลิกตามหา ‘คน’ ที่มันสั่งให้ออกไปค้นหา และเดินทางไปยังภูมิภาคเบื้องล่างทันที
ทุกเรื่องราวล้วนราบรื่นนัก
กระทั่งทันทีที่มาถึงภูมิภาคเบื้องล่าง มันยังได้รับเบาะแสสำคัญเรื่องต้วนหลิงเทียนจากผู้เฝ้ามองทันที!
อาศัยเบาะแสสำคัญดังกล่าว หลี่อันพร้อมผู้ติดตามรับใช้ทั้งหลายจึ่งเร่งรุดมายังตำหนักเมฆาครามอย่างไม่รอช้า
สุดท้ายก็เกิดเรื่องราวอย่างในปัจุบัน
“หลี่อัน?”
ได้ยินวาจาประกาศนามของหลี่อัน เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬได้แต่ชักสีหน้าว่างเปล่า ทั้งหมดไม่มีใครทราบอะไรเกี่ยวกับนามนี้เลย ไม่รู้จัก!
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ใจของพวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เพราะเมื่อพิจารณาจากพลังฝีมือของคนกลุ่มนี้ เห็นได้ชัดว่าร้ายกาจเหนือจินตนาการ! ไหนเลยจะเป็นชนชั้นไร้ชื่อเสียงเรียงนามได้? และชายชราที่เรียกตัวว่า หลี่อัน สมควรเป็นสุดยอดฝีมือที่เก่งกล้าที่สุด! เพราะจากทีท่าของกลุ่มคนที่พลังฝีมือร้ายกาจสุดที่มันจะจินตนาการได้เหล่านี้ ล้วนบอกชัดว่ามันคือผู้นำ!!
ทว่าพวกมันกลับไม่เคยได้ยินนามหลี่อันจากที่ใดมาก่อน…
เรื่องนี้กล่าวบอกความจริงให้พวกมันทราบประการหนึ่ง…
อีกฝ่ายสมควรเป็นตัวตนจากภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า กระทั่งอาจเป็นชนชั้นยอดฝีมือของภูมิภาคเบื้องบน!
“ใต้เท้า มิทราบท่านมาเยือนตำหนักเมฆาครามของพวกเราเช่นนี้ ที่แท้มีวัตถุประสงค์อันใดกันแน่?”
สุดท้ายองครักษ์เกราะทมิฬยศไป่ฟูฉางคนหนึ่ง ก็กล่าวถามออกไปตามตรง
“มิได้มีใด…”
เผชิญหน้ากับคำถามของหัวหน้ากององครักษ์เกราะทมิฬ หลี่อันกล่าวออกเสียงเรียบ “ข้ามาที่นี่เพียงคิดรับตัวคนในครอบครัว ‘นายน้อย’ ของพวกเจ้าไปดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบนกับข้าสักครา…”
คนในครอบครัวนายน้อย?
ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบน?
ได้ยินวาจาดังกล่าวของหลี่อัน เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
ถึงแม้หลี่อันจะกล่าววาจาออกมาเสียงเรียบไม่ก้าวร้าว แต่พวกมันรู้ดีว่าหลี่อันไม่คิดพาคนไปจิบน้ำชาสนทนายามบ่ายแน่นอน…
หากพวกมันมาด้วยไมตรีหวังเชื้อเชิญคนจากใจจริงๆ ไฉนถึงได้เข่นฆ่าผู้คนอย่างอำมหิตมาตลอดทาง?
“พวกมันเป็นยอดฝีมือจากภูมิภาคเบื้องบนจริงๆ!”
“บัดซบ! ตามหาครอบครัวนายน้อยเช่นนี้…ที่แท้พวกมันเป็นศัตรูของนายน้อยเรา!!”
“สวรรค์! ไฉนนายน้อยไปเป็นศัตรูกับยอดฝีมือระดับนี้ได้! สมแล้วที่เป็นนายน้อย!!”
“มิคิดเลยว่ายอดฝีมือระดับนี้ถึงกับต้องคิดช่วงชิงตัวท่านจ้าวตำหนักกับครอบครัวไปภูมิภาคเบื้องบนเพื่อเล่นงานนายน้อย! มันจนปัญญาทำอะไรนายน้อย ต้องกระทำต่ำช้าถึงขั้นคิดใช้ท่านจ้าวตำหนักกับครอบครัวบีบคั้นนายน้อยเลยงั้นหรือ!?”
“ฮ่าๆ เรื่องนี้ยังไม่กระจ่างอีกหรือไร! นายน้อยเพียงขึ้นไปภูมิภาคเบื้องบนได้ไม่นาน ก็ทำให้ยอดฝีมือระดับนี้ถึงกับต้องอาศัยการจับครอบครัวไปข่มขู่…สมแล้วที่เป็นนายน้อยของพวกเรา! กระทั่งไปภูมิภาคเบื้องบนแล้วยังคงเป็นอัจฉริยะไร้ผู้ต้าน!!”
“หึ! พวกสารเลวสมควรตายพวกนี้…สมควรสิ้นไร้ไม้ตอกแล้วจริงๆ! น่ากลัวว่านายน้อยของพวกเราจะไปวาดลวดลายสำแดงพลังสามารถทะยานฟ้า! หาไม่แล้วศัตรูเยี่ยงพวกมันไหนเลยจะต้องถ่อลงมาจับครอบครัวนายน้อยถึงที่นี่!!”
…
เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬตอนกล่าวถึง ‘นายน้อย’ อย่างต้วนหลิงเทียน ไม่เพียงไม่ตำหนิที่ชักนำเภทภัยมาถึงตำหนักเมฆาคราม กระทั่งยังเผยความชื่นชมและความภาคภูมิใจอย่างถึงที่สุด
เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬทุกคน ล้วนเป็นชนชั้นยอดฝีมือในบรรดาคนรุ่นเดียวกัน! ทั้งหมดผ่านการคัดกรองเข้าร่วมอย่างเข้มงวด ไหนเลยจะมีชนชั้นขลาดเขลา!!
เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬทุกนาย…หากเพื่อตำหนักเมฆาครามแล้ว ถึงตายล้วนไม่เสียดาย!
“นายน้อยของพวกเรายอดเยี่ยมที่สุด!!”
ท่ามกลางเหล่าองครักษ์เกราะทมิฬ ไม่ทราบเป็นใครแต่มันชูดาบขึ้นฟ้าร่ำร้องออกมาอย่างสาสมใจ!
หากต้วนหลิงเทียนมาอยู่ที่นี่ล่ะก็ คงจดจำได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ใครที่ไหนหากแต่เป็น ถงจ้ง อดีตสุดยอดฝีมือไร้ผู้ต้านภายใต้ขอบเขตเซียนนภาของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องล่าง!
ขณะเดียวกันมันยังเป็นศิษย์ส่วนตัวของ กู่มี่ มือขวาของต้วนหรูเฟิงที่ถูกเซี่ยจงสังหารไปวันนั้น!
หลังจากที่กู่มี่ถูกเซี่ยจงฆ่าตาย หลังความโศกเศร้าถงจ้งก็อาศัยความแค้นเป็นแรงผลักดัน เร่งบ่มเพาะฝึกปรืออย่างเอาเป็นเอาตายหมายล้างแค้นศัตรูของอาจารย์ให้ได้ในสักวัน! ในที่สุดมันก็สามารถทะลวงถึงขอบเขตเซียนปฐพีได้สำเร็จ และกลายเป็นสุดยอดฝีมือคนหนึ่ง ที่เพียงเป็นรองก็แต่แม่ทัพใหญ่ขององครักษ์เกราะทมิฬเท่านั้น!!
นอกจากนั้นมันยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นว่าที่แม่ทัพใหญ่คนต่อไปขององครักษ์เกราะทมิฬอีกด้วย!
และเหล่าองครักษเกราะทมิฬทั้งหลาย เมื่อได้ยินคำกล่าวด้วยความสะใจของถงจ้ง ทั้งหมดพลันฮึกเหิมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ต่างชูศาสตราขึ้นฟ้ากล่าวร่ำร้องออกมาอย่างคึกคัก
“นายน้อยจงเจริญ!”
“นายน้อยจงเจริญ!”
……
ในขณะที่เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬทั้งหมดร่ำร้องออกมาอย่างคึกคักอัพโข สีหน้าของหลี่อันลู้ติดตามรับช้ทั้งหมดพลันเปลี่ยนไปทันที
ตอนแรกพวกมันคิดใช้ ‘ความหวาดกลัวและความสิ้นหวัง’ ครอบงำมดปลวกเหล่านี้เพื่อให้ศิโรราบแต่โดยดี ทว่าตอนนี้พวกมันไม่เพียงทำไม่สำเร็จ กลับโดนเหล่าผู้ที่ไม่ต่างจากมดปลวกในสายตามองมาด้วยความดูแคลน
“เฮอะ! พวกเจ้าคิดจริงๆหรือว่านายน้อยของพวกเจ้าจักมีปัญญาสามารถทำให้ข้าหวาดกลัว ถึงขั้นต้องลดตัวมาใช้ครอบครัวเพื่อบีบคั้นมันจริงๆ?”
หลี่อันที่ได้ยินคำร่ำร้องยินดี และเห็นสายตาที่มองมาด้วยความดูแคลน ในใจพลันบังเกิดโทสะลุกโหมขึ้นมา แค่นคำสบถเย็นเยือก กล่าวตวาดออกมาด้วยพลังอันเกรี้ยวกราด
ตอนนี้โทสะในใจของมันลุกโชนขึ้นมาปานเพลิงไฟที่พร้อมแผดเผาสรรพสิ่ง!
“เฮอะ! แล้วยังมิใช่หรือไรไอ้แก่?”
ได้ยินคำตวาดของหลี่อัน ถงจ้งพลันหัวเราะเยาะกล่าวปรามาส!
“ยังมิใช่หรือไร ไอ้แก่!?”
เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬเสมือนนัดกันมาอย่างไรไม่ทราบ ต่างตะโกนกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันรับคำถงจ้งออกมาอย่างพร้อมเพรียง สายตาที่เคยกริ่งเกรงยอดฝีมือ คงเหลือเพียงสายตารังเกียจและสมเพช
“เหอะ! หากมิใช่เพราะนายน้อยพวกเจ้าทำได้แค่เป็นเต่าหดหัว หนีหน้าข้าเยี่ยงมุสิกขลาดเขลาข้าคงฆ่ามันทิ้งไปเนิ่นนานเยี่ยงมดปลวกแต่แรก! ข้ายังจะลำบากมาตำหนักเมฆาครามอันต่ำต้อยของพวกเจ้าเพื่อจับคนทำอะไร!?”
หลี่อันกล่าววาจาเย้ยเยาะออกมาด้วยความชิงชัง
“ฮ่าๆๆๆ…!!!”
ทว่าทันทีที่สิ้นคำของหลี่อัน สิ่งที่ตอบรับมันคือเสียงหัวเราะที่ระเบิดขึ้นมาดังลั่น เป็นถงจ้งที่หัวเราะเยาะ ยังมองกล่าวกับหลี่อันด้วยสายตาสมเพชอย่างถึงที่สุด “ไอ้แก่ นายน้อยมิอยู่ที่นี่เจ้าจะผายลมอันใดก็ย่อมกระทำได้…เจ้าอยู่มาจนชราใกล้ลงโลงแล้วเช่นนี้ไม่คิดเลยว่ายังไม่มีปัญญาทำอะไรนายน้อยข้าได้! ถึงขั้นเกรงกลัวนายน้อยถึงขั้นต้องก่อการอุบาทว์!!”
“หากข้าเป็นเจ้า…ข้าคงไม่กล้าบากหน้าชราน่าสมเพชเช่นนั้นออกมาสู้หน้าผู้ใดแล้ว! คงขุดหลุมแล้วซุกหน้าไว้จนกว่าจะลงโลง!”
“แต่ไม่คิดเลยว่าผู้ชราเช่นเจ้ากลับสำเร็จวิชาหน้าหนา กล้าประพฤติตัวต่ำช้าไม่ละอายผู้คน! ลงมาจับครอบครัวนายน้อยเพื่อใช้ข่มขู่นายน้อยอย่างหน้าไม่อาย ช่างน่าสมเพชเสียนี่กระไร!!”
สำหรับถงจ่งแล้วในเมื่ออีกฝ่ายเป็นศัตรู ก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวสุภาพอะไรกับมัน
อย่างดีก็แค่ตาย จะกลัวอะไร!
“หาที่ตาย!!”
ได้ยินวาจาจี้ใจของถงจ้ง เพลิงโทสะในใจของหลี่อันไม่อาจสะกดไว้ได้อีกต่อไป มันปะทุระเบิดออกมาอย่างเดือดดาล มวลพลังทั่วร่างแผ่พุ่งออกมาอย่างเกรี้ยวกราด เตรียมลงมือเข่นฆ่าสังหารหมู่!
ทว่าทันใดนั้นเอง
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ปรากฏร่าง 3 ร่างเหินบินตัดฟ้าออกมาจากทางตำหนักด้วยความเร็วสูงล้ำ
“หืม? ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนนภา?”
ถึงแม้ในสายตาหลี่อันความเร็วของทั้ง 3 ร่างจะไม่สูงล้ำอะไร แต่ก็ยังทำให้มันเบนความสนใจจากการฆ่าฟัน หันไปมองชมด้วยความแปลกใจทันที
เพราะมันตระหนักได้ว่า
ความเร็วของร่างทั้ง 3 บรรลุถึงขอบเขตเซียนนภาแล้ว!
เท่าที่มันรู้มา ในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ตัวตนขอบเขตเซียนนภาเป็นดั่งเขามังกรขนหงส์!
ทว่าตำหนักเมฆาครามแห่งนี้กลับมีผู้บรรลุถึงขอบเขตเซียนนภาถึง 3 คน!
ตอนที่ 2,051 : ความตายของแม่ทัพองครักษ์เกราะทมิฬ!
จนเมื่อร่างทั้ง 3 เหินเข้ามาใกล้ หลี่อันค่อยพบว่า
ที่แท้มี 2 คนที่ถูกคนๆหนึ่งที่บรรลุถึงด่านพลังฝึกปรือขอบเขตเซียนนภานำพามานั่นเอง! ทำให้หลี่อันหันไปให้ความสนใจกับคนๆนั้นทันที…คนที่เหินร่างนำมาหน้าสุด!!
และยิ่งไปกว่านั้น พลังฝึกปรือของคนผู้นี้ไม่เพียงแต่จะบรรลุถึงขอบเขตเซียนนภาขั้นต้น แต่ยังคล้ายพึ่งบรรลุถึงเซียนนภาขั้นกลาง!
แถมมันยังพบว่าหน้าตาของคนผู้นี้ละม้ายคล้ายโฉมหน้าที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียนก่อนแปลงโฉมอยู่ถึง 7-8 ส่วน!
เหตุผลที่ไฉนมันถึงมีภาพเหมือนใบหน้าที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียนได้ เป็นเพราะมันสั่งให้ผู้เฝ้ามองวาดให้ขณะที่กล่าวสอบสวนด้วยวิชาควาญวิญญาณ
และคนที่เหินร่างนำหน้ามา ก็คล้ายต้วนหลิงเทียนในรูปวาดนั่นนัก!
“จ้าวตำหนักเมฆาครา ต้วนหรูเฟิง!”
พริบตาหลี่อันก็ล่วงรู้ฐานะผู้มาใหม่ทันที
จ้าวตำหนักเมฆาคราม ต้วนหรูเฟิง บิดาของต้วนหลิงเทียน!
ครู่ต่อมา ร่างต้วนหรูเฟิงก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเหล่าองครักษ์เกราะทมิฬที่ตั้งแนวป้องกัน พร้อมกับชายชราและชายวัยกลางคนในชุดเกราะสีดำสนิทที่แลดูแข็งแกร่งคนหนึ่ง
“ท่านจ้าวตำหนัก!”
“ท่านจ้าวตำหนัก”
…
เมื่อเห็นต้วนหรูเฟิงปรากฏตัว ว่าที่แม่ทัพคนต่อไปอย่างถงจ้งก็เป็นผู้นำกล่าวคารวะทักทายด้วยความเคารพทันที
เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาต้วนหรูเฟิงมาก่อน ตอนนี้ยังตื่นเต้นนัก! ในใจบังเกิดความฮึกเหิมขึ้นมาไม่น้อย!!
พวกมันได้พบหน้าจ้าวตำหนักผู้ยิ่งใหญ่ของพวกมันแล้ว วันนี้แม้ตายพวกมันก็ไม่คิดเสียดายอีกต่อไป!
เพราะในสายตาของเหล่าองครักษ์เกราะทมิฬทั้งหลาย ต้วนหรูเฟิงเปรียบดั่งแผ่นฟ้าของพวกมัน เป็นดั่งตัวตนผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด จุดศูนย์รวมความศรัทธา!
ความสำคัญของต้วนหรูเฟิงในใจพวกมัน ยิ่งกว่าชีวิตของพวกมันเสียอีก!
และเมื่อได้แลเห็นต้วนหรูเฟิงยืนประจัญหน้ากับศัตรูอย่างไร้หวั่นหวาด แผ่นหลังของเหล่าองครักษ์เกราะทมิฬพลันยืดตรง เชิดหน้าอกผ่ายไหล่ผึ่ง สภาวะทั่วร่างเปี่ยมล้นไปด้วยความดุร้าย กลิ่นอายพลังคนทั้งกองทัพคล้ายลุกโชนขึ้นมาด้วยจิตต่อสู้!
เห็นฉากนี้ หลี่อันและผู้ที่ติดตามอยู่เบื้องหลังอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง!
นั่นเพราะยามเหล่าองครักษ์เกราะทมิฬแผ่จิตต่อสู้อันเหี้ยมหาญออกมาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พลังสภาวะนั้นกลับเข้มแข็งขึ้นอย่างมหาศาล ราวกับพลังรบของพวกมันรวมกันแล้วไม่ได้ด้อยไปกว่ายอดฝีมือขอบเขตเซียนนภาคนหนึ่ง!
“อาวุโสหรง!”
“อาวุโสหรง!”
…
“ท่านแม่ทัพ!”
“ท่านแม่ทัพ!”
…
หลังจากเสียงทักทายต้วนหรูเฟิงด้วยเคารพดังขึ้น กลุ่มองครักษ์เกราะทมิฬก็หันไปคารวะทักทายชายชราและชายวัยกลางคนที่มาพร้อมกับต้วนหรูเฟิงทันที
ชายชราที่ยืนข้างต้วนหรูเฟิงกก็คือ หรงหยวน
สำหรับชายวัยกลางคนในชุดเกราะสีดำสนิทก็ไม่ใช่ใครอื่น มันคือแม่ทัพใหญ่ของกองกำลังองครักษ์เกราะทมิฬ พลังฝึกปรือบรรลุถึงเซียนปฐพีขั้นสูงสุด!
แน่นอนว่าด่านพลังเซียนปฐพีขั้นสูงสุด ก็เสมือนด่านพลังที่สูงสุดในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแล้ว
อย่างไรก็ตาม…ต่อหน้ากลุ่มของหลี่อัน ด่านพลังเท่านี้ก็ไม่นับเป็นตัวอะไร!
ไม่ต้องกล่าวถึงหลี่อันที่เป็นผู้นำด้วยซ้ำ กระทั่งบรรดาผู้ที่ติดตามมารับใช้หลี่อัน ผู้ที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยที่สุดก็บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยน!
ตัวตนเช่นนี้ ลำบากเพียงยกนิ้วก็สามารถบดขยี้เข่นฆ่าเซียนปฐพีขั้นสูงสุดได้อย่างง่ายดาย!
“เจ้าเป็นใคร ไฉนถึงบุกมาฆ่าคนตำหนักเมฆาครามของข้า?”
ชุดคลุมต้วนหรูเฟิงแผ่วพลิ้วไปตามแรงลม ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มเผยให้เห็นโทสะอันเกรี้ยวกราด มองถามผู้นำกลุ่มแขกไม่ได้รับเชิญเบื้องหน้าเสียงเข้มด้วยสายตาเย็นชา
เพราะด้วยความที่มันพึ่งมาถึง จึงยังไม่รับทราบตัวตนของพวกหลี่อัน
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ต้วนหรูเฟิงมีโมโหขึ้นมาแล้วจริงๆ
ตั้งแต่ที่มันเป็นจ้าวตำหนักเมฆาคราม ไหนเลยจะมีใครในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า กล้าบุกมาก่อการอุกอาจถึงตำหนักเมฆาครามเช่นนี้!
ทว่าวันนี้กลับมีกลุ่มคนกล้าบุกรุกตำหนักเมฆาคราม กระทั่งฆ่าองครักษ์เกราะทมิฬของมันไปนับร้อย!
การกระทำดังกล่าวยังต่างอะไรกับตบหน้าจ้าวตำหนักอย่างต้วนหรูเฟิงอย่างจัง!
“เจ้าน่ะหรือต้วนหรูเฟิง จ้าวตำหนักเมฆาคราม?”
หลี่อันไม่ตอบคำถามของต้วนหรูเฟิง หากแต่เลือกที่จะย้อนถามออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย สีหน้าท่าทางยังถือดีทำราวกับชนชั้นสูงกำลังกล่าวกับชนชั้นล่าง
“บังอาจ!”
และแทบจะพร้อมกันกับที่เสียงถามไถ่ของหลี่อันดังจบคำ แม่ทัพใหญ่ของกองกำลังองครักษ์เกราะทมิฬอันเป็นชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆต้วนหรูเฟิง ก็ก้าวออกมาสองก้าว มองจ้องหลี่อันพร้อมตะโกนออกด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“เฒ่าชราที่โอหังนัก! ถึงขั้นกล้าเรียกชื่อท่านจ้าวตำหนักเมฆาครามของพวกเราห้วนๆ!!”
ต้วนหรูเฟิงไม่ได้แค่รับความเคารพอย่างสูงจากเหล่าองครักษ์เกราะทมิฬทุกนาย แต่ยังเป็นดั่ง ‘ศรัทธา’ ของแม่ทัพใหญ่ของกองกำลังองครักษ์เกราะทมิฬเช่นกัน!
ย้อนกลับไปในอดีตหากไม่ได้ต้วนหรูเฟิงช่วยเหลือ ป่านนี้มันตกตายไปแล้ว!
เช่นนั้นเพื่อต้วนหรูเฟิงแล้ว ให้มันสู้ตายถวายหัวจนเลือดหมดตัวมันก็ไม่กลัว!
ตอนนี้พอมาเห็นผู้ใดก็ไม่ทราบกล้าวางตัวโอหังกล่าวคำต่อจ้าวตำหนักที่มันยินดีถวายชีวิตด้วยน้ำเสียงเช่นนั้น ไหนเลยมันจะทานทนรับได้!
“ท่านแม่ทัพ!”
ในขณะที่แม่ทัพใหญ่ของกองกำลังองครักษ์เกราะทมิฬก้าวออกมากล่าววาจาตอบโต้หลี่อัน ถงจ้งที่อยู่ด้านหลังคล้ายจดจำอะไรได้ หน้ามันเปลี่ยนสีไปทันใด เร่งตะโกนทักแม่ทัพใหญ่ของมันด้วยความหวาดกลัว
ทว่าชั่วพริบตาดั่งฟ้าแลบ วาจาของถงจ้งยังไม่ทันดังจบคำดีด้วยซ้ำ…
ฟั่บ!
เสียงหวีดหวิวหนึ่งดังขึ้นเบาๆ…
พริบตาต่อมาภายใต้สายตาของทุกคน ศีรษะของแม่ทัพใหญ่กองกำลังองครักษ์เกราะทมิฬ ก็กระเด็นออกจากร่าง!
โลหิตพวยพุ่งออกจากลำคอไร้ศีรษะ มองไปคล้ายน้ำพุแดงฉานสายหนึ่งพรั่งพรูขึ้นไปรดฟ้า ค่อยเบ่งบานปานกุหลาบแดง
“หึ! ต่อหน้าท่านผู้อาวุโสหลี่อัน มดปลวกเซียนปฐพีเช่นเจ้ายังกล้าโอหัง?”
ขณะเดียวกัน ชายชราคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังหลี่อันพลันกล่าววาจาค่อนแคะออกมาเสียงเย็นอย่างดูแคลน
เมื่อครู่เป็นมันที่ลงมือเอง และอาศัยเพียงหนึ่งกระบี่ก็บั่นคอแม่ทัพใหญ่กองกำลังองครักษ์เกราะทมิฬได้อย่างง่ายดาย!
“เหล่าหวัง!”
ต้วนหรูเฟิงเป็นคนแรกที่รู้สึกตัว สีหน้ายังเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นร่างแม่ทัพใหญ่เบื้องหน้าหัวตัวแยกจาก สองตากลายเป็นแดงฉานปานโลหิต ไอมารอันน่าสะพรึงกลัวปะทุระเบิดออกมาท่วมร่าง!
ผึก!
เสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นเชือกรัดมวยผมบนศีรษะต้วนหรูเฟิงขาดผึง ยามนี้ผมสีดำยาวพลันปลิวไสวแม้ไร้ลม มองไปคล้ายอสรพิษสีดำสนิทกำลังเลื้อยแล่นในอากาศ
ทั่วร่างต้วนหรูเฟิงตอนนี้ปรากฏไอมารสีดำสนิทลุกโชนขึ้นมาปกคลุมดั่งเพลิงไฟ
และกลิ่นอายพลังทั่วร่างยังปะทุเพิ่มพูนสูงขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง!
“หืม? เซียนนภาขั้นกลางเต็มขั้น….เซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญ…เซียนนภาขั้นสูงสุด…”
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังทั่วร่างต้วนหรูเฟิงที่เพิ่มพูนสูงขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งหลี่อันยังอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วออกกมา
เพราะก่อนหน้านี้หลี่อันเพียงสัมผัสพลังฝึกปรือของต้วนหรูเฟิงได้เพียงเซียนนภาขั้นกลางที่เสมือนพึ่งทะลวงผ่านมาเท่านั้น…
ทว่าตอนนี้พลังฝึกปรือของต้วนหรูเฟิงกลับเพิ่มพูนขึ้นมาจนบรรลุถึงขอบเขตเซียนนภาขั้นสูงสุดได้ในเวลาชั่วพริบตา!
ถึงแม้จะยังไม่บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ แต่เพียงเท่านี้ก็ทำให้หลี่อันอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ
‘สมแล้วที่เป็นบิดาของต้วนหลิงเทียน…ต้วนหรูเฟิงผู้นี้สมควรรู้ทักษะปกปิดพลังฝึกปรือเช่นกัน’
ในใจหลี่อันได้แต่คิดไปในลักษณะนี้ มันไม่ได้ตกใจอะไรและคิดว่าก่อนหน้าเป็นต้วนหรูเฟิงปกปิดพลังที่แท้จริงเอาไว้แล้วพึ่งปลดปล่อยออกมาเท่านั้น
มันไม่เคยคิดถึงเรื่องที่ว่า…
พลังฝึกปรือของต้วนหรูเฟิงได้เพิ่มพูนสูงขึ้นแม้แต่น้อย
เพราะเมื่อครู่พลังฝึกปรือของต้วนหรูเฟิงก็แค่เซียนนภาขั้นกลางเท่านั้น ไม่ได้ใช้เวทย์พลังอะไรไฉนพลังฝึกปรือจะเพิ่มพูนขึ้นมาได้?
“แม่ทัพหวัง!”
หลังต้วนหรูเฟิงคืนสติ คนต่อมาที่รู้สึกตัวก็คือหรงหยวน เมื่อเห็นร่างแม่ทัพใหญ่หวังหัวตัวแยกจาก สองตาของมันก็เปลี่ยนเป็นแดงฉานทันที
“ท่านแม่ทัพใหญ่!”
“ท่านแม่ทัพใหญ่!”
…
ขณะเดียวกัน เหล่าองครักษ์เกราะทมิฬไม่เว้น ถงจ้ง ก็ร่ำร้องออกมาด้วยความเสียใจ
หลังจากนั้นสายตาของทุกคนก็ละออกจากศพของแม่ทัพใหญ่แซ่หวัง และหันไปตกยังร่างหลี่อันและคนอื่นๆด้านหลังหลี่อันด้วยสายตาเคียดแค้นชิงชังดั่งมีเพลิงโทสะลุกโชน!
หากสายตาเคียดแค้นเปี่ยมโทสะดั่งเพลิงไฟนี้สามารถฆ่าคนได้ ไม่ทราบหลี่อันกับพวกจะตกตายไปแล้วคนละกี่รอบ
“เจ้า…เป็นคนจากภูมิภาคเบื้องบน?”
ขณะเดียวกัน ร่างต้วนหรูเฟิงที่เต็มไปด้วยไอมาร ก็มองถามหลี่อันด้วยสายตาไม่แยแส
น้ำเสียงยังเยียบเย็นปานผุดแทรกขึ้นมาจากนรกขุมที่ 9 พาลให้ผู้ที่ได้ยินอดไม่ได้ที่จะขนลุก
กระทั่งหรงหยวนที่อยู่ข้างๆต้วนหรูเฟิงยังอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวจนตัวสั่น
จังหวะนี้มันสัมผัสได้ถึงโทสะอันแรงกล้าของจ้าวตำหนักข้างๆชัดเจน!
“ไม่เลว…”
เผชิญกับคำถามด้วยสีหน้าเฉยเมยไม่แยแสเสียงเย็นของต้วนหรูเฟิง หลี่อันคลี่ยิ้มออกมาอย่างไร้ความหวาดกลัวใดๆ “ต้วนหรูเฟิง บอกเจ้าไปก็มิได้มีใดเสียหาย…ข้าเรียกว่าหลี่อัน และเป็นอาวุโสเพลิงเงินลัทธิบูชาไฟ 1 ใน 3 ลัทธิของภูมิภาคเบื้องบนดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า”
ลัทธิบูชาไฟ!
อาวุโสเพลิงเงิน!
ได้ยินคำของหลี่อัน ลูกตาต้วนหรูเฟิงหดหยีลงทันใด ยังปรากฏประกายเย็นเยียบเรืองขึ้น
ลัทธิบูชาไฟ…ลัทธิที่จับลูกสะใภ้และหลานสาวของมันกักขังเอาไว้!
และคนที่อยู่เบื้องหน้าก็เป็นอาวุโสของลัทธินั่น!
ซัว!
สีหน้าหรงหยวนเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา ด้วยมันไม่คิดไม่ฝันเลย…
ว่าชายชราอันเป็นผู้นำกลุ่มคนเบื้องหน้า…จะเป็นถึงชนชั้นผู้อาวุโสของลัทธิบูชาไฟ 1 ใน 3 ลัทธิอันยิ่งใหญ่ของภูมิภาคเบื้องบน!
ต่างจากต้วนหรูเฟิงและหรงหยวน องครักษ์เกราะทมิฬส่วนใหญ่นั้นไม่รู้จักลัทธิบูชาไฟ จึงไม่เกิดปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ
แน่นอนว่ายังมีองครักษ์เกราะทมิฬบางคนที่เคยได้ยินเรื่องราวของลัทธิบูชาไฟมาก่อน
และองครักษ์เกราะทมิฬเหล่านี้ ก็ล้วนเป็น สือฟูฉาง ไป่ฟูฉาง ขึ้นไปทั้งสิ้น ไม่เว้นกระทั่งตัวถงจ้งเองด้วย
ทันทีที่ได้ยินคำตอบของหลี่อัน คนเหล่านี้ถึงกับหน้าเปลี่ยนสีไปทันที ยังเผยความตึงเครียดขึ้นมาไม่น้อย
ชายชราเบื้องหน้าพวกมันที่เรียกหาตัวเองว่า หลี่อัน กลับเป็นถึงชนชั้นอาวุโสของลัทธิบูชาไฟงั้นหรือ?
อย่างไรก็ตามแม้พวกมันจะรู้ตัวตนหลี่อันกระทั่งยังบังเกิดความหวาดกลัว…แต่พวกมันก็ไม่คิดถอยหนี! แผ่นหลังยังคงตั้งตรงเตรียมพร้อมลงมือสู้สุดกำลังสละได้ทุกสิ่งเพื่อจ้าวตำหนักและตำหนักเมฆาครามของพวกมัน!
รวมถึงชีวิตที่มีค่าที่สุดของพวกมันด้วย!
“ข้ามาที่นี่เพียงมีจุดประสงค์เดียวเท่านั้น…ข้าจะพาบิดามารดาของต้วนหลิงเทียนรวมถึงคนสนิทของมันไปยังภูมิภาคเบื้องบนกับข้า! ข้าคิดใช้พวกเจ้าล่องูออกจากถ้ำ ให้ต้วนหลิงเทียนมันโผล่หัวออกมาจากลัทธิบูชาไฟ!!”
ทันใดนั้นเอง เสียงของหลี่อันพลันดังขึ้นอีกครั้ง สองตาส่ายกวาดมองไปยังเหล่าองครักษ์เกราะทมิฬเบื่องหน้า
“เช่นนั้นแล้ว…หากพวกเจ้าจะโทษใครก็โทษลูกชายตัวดีของจ้าวตำหนักพวกเจ้าเถอะ! เป็นเพราะมัน ถึงได้ชักนำเภทภัยและหายนะนี้มาสู้ตำหนักเมฆาครามของพวกเจ้า มันคือต้นเหตุที่กำลังจะทำให้ตำหนักเมฆาครามของพวกเจ้าถูกทำลาย และพวกเจ้าทุกคนที่เหลือต้องตาย!!”
กล่าวถึงท้ายประโยค น้ำเสียงของหลี่อันยิ่งมาก็ยิ่งเยียบเย็นปานจะผุดแทรกออกมาจากหล่มน้ำแข็ง พาลให้บรรยากาศโดยรอบเสมือนเย็นลงหลายองศา!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น