War sovereign Soaring The Heavens 1920-1923
ตอนที่ 1,920 : บุกมาคาดโทษ!
“มันมาทำอะไร?”
ได้ยินเสียงนี้ของหลี่อันต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย หยุดทำความเข้าใจเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬทันที
จนถึงตอนนี้เวลาที่เข้าใช้ในชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเพื่อตีความปราการเต่าทมิฬก็ปาเข้าไปครึ่งปีดีดักแล้ว!
อย่างไรก็ตามแม้จะผ่านไปถึงครึ่งปี หากแต่เขาก็เพียงตีความได้เล็กน้อยราวกับ ‘ขนอุย’ พึ่งขึ้น
หากแต่กับอีแค่ ‘ขนอุย’ ของเขา ลองศิษย์ของแท่นบูชาเต่าทมิฬได้รับทราบล่ะก็ ไม่รู้ว่าจะมีกี่คนที่ขนลุกเกรียวขึ้นมา!
ทว่าต้วนหลิงเทียนกลับไม่ได้พอใจแม้แต่นิดเดียว!
ในอดีตไม่ว่าจะเป็นเวทย์พลังอันใด เขาใช้เวลาตีความกระทั่งเข้าใจถึงขั้นเพาะสร้างได้ในเวลาอันสั้นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเวทย์พลังระดับสูงอย่าง ‘ปฐมเวทย์กลืนกิน’ หรือ ‘เซียนอมตะข้ามภพ’ ก็ตาม
อย่างไรก็ตามเขาที่จมจ่อมอยู่กับปราการเต่าทมิฬกลับทำได้แค่ ‘ขนอุย’
เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้สึกขัดใจ กระทั่งบังเกิดความไม่พอใจอย่างช่วยไม่ได้!
ยังดีที่ผู้อื่นไม่ทราบว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนมีความเข้าใจในปราการเต่าทมิฬถึงระดับดังกล่าวแล้ว หากได้รับทราบล่ะก็ น่ากลัวว่าคนที่ใช้เวลาทำความเข้าใจมานานกว่าสิบปีแต่ไม่ได้อะไร คงได้ตาแดงก่ำเจียนร่ำไห้กันบ้าง!
และหากพวกมันได้รู้ว่า…ขนาดนี้แล้วในหัวของต้วนหลิงเทียนยังเต็มไปด้วยความไม่พอใจล่ะก็ ไม่แคล้วคงได้มีโมโหจนรู้สึกอยากทุบตีผู้คนขึ้นมาตงิดๆ!
“ท่าจะมาเพราะเรื่องของกู่ชุนสินะ…”
ประกายหนึ่งสว่างวาบขึ้นในใจต้วนหลิงเทียน เขาเดาได้ทันทีว่าที่หลี่อันมาเยือนเป็นเพราะเรื่องอะไร
หากแต่นี่ก็เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น
อย่างไรก็ตามถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะทราบว่าที่ดีไม่มาที่มาไม่ดี ทว่าใบหน้าของเขายังคงสงบนิ่งเฉยเมยคล้ายไม่ยี่หระอันใดทั้งสิ้น ประหนึ่งให้ไท่ซานถล่มลงตรงหน้าก็ไม่ไหวติง
วูบ!
เท่าทันความคิด ร่างต้วนหลิงเทียนวูบออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทันที
หลังออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมับติแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เดินไปเปิดประตูบ้านพักชั้น 3 อย่างไม่รีบไม่ร้อน
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนเปิดประตูออกมา เขาก็สัมผัสได้ถึงสายตาของผู้คนนับพันๆคู่หันมองจ้องมาที่เขาเป็นสายตาเดียวกัน
ท่ามกลางสายตาเหล่านั้น มีสายตา 2 คู่ที่แลดูจะพิเศษกว่าชาวบ้านเขา
เพราะดวงตาทั้ง 2 คู่นี้ยามที่จ้องมองมา กลับเต็มไปด้วยความเยียบเย็น กระทั่งยังระอุไปด้วยจิตสังหารอย่างไม่อาจปกปิด!
ไม่ต้องเงยหน้าไปมองดูต้วนหลิงเทียนก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้าของสายตาสองคู่ดังกล่าวเป็นใคร!
มันต้องเป็นหลี่อันกับกู่ชุนแน่!!
เหตุผลที่ทำให้เขาสามารถคาดเดาได้ง่ายดายนักก็ไม่ใช่อะไรอื่น เพราะตั้งแต่เขามาที่แท่นบูชาเต่าทมิฬแห่งนี้เขาก็ไม่ได้มีความบาดหมางกับใครอื่นอีก นอกจากศิษย์อาจารย์หลี่อันและกู่ชุนคู่นี้
ขณะเดียวกันสายตาของเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬโดยรอบ ล้วนมองมาที่ต้วนหลิงเทียนด้วยความสงสารเห็นใจ
“อาวุโสหลี่อัน ไม่ทราบมีธุระอะไรกับข้างั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนก้าวเท้าเหินร่างขึ้นไปในอากาศ ไม่นานคนก็ลอยล่องขึ้นมาอยู่ในเพดานบินระดับเดียวกันกับหลี่อันและกู่ชุน สองตามองไปยังคู่อริทั้งสองที่อยู่ไม่ไกลด้วยความไร้แยแส
“ต้วนหลิงเทียน เจ้ามันขวัญกล้านักนะ!”
ในขณะที่เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬอดไม่ได้ที่จะแปลกใจเมื่อเห็นความสงบของต้วนหลิงเทียน ลูกตาของหลี่อันที่เดิมเย็นเยียบอยู่แล้วกลับยะเยือกปานจะแช่ร่างผู้คน เสียงคำรามแฝงพลังน่าเกรงขุมดั่งออกมาสนั่นปานฟ้าร้องก้องกึกในหูทุกผู้คน!!
เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬที่พลังฝึกปรือไม่ได้สูงส่งถึงกับตกใจ บ้างก็หน้าซีดลงทันทีด้วยความกลัว
กลับกัน ต้วนหลิงเทียนที่เป็นเป้าหมายเสียงนี้โดยตรง กลับเฉยเมยไม่ได้ออกอาการอะไร
เรียกว่าใบหน้าเขาสงบดั่งทะเลสาบไร้ระลอก ไม่ได้นำพาอะไรวาจาขู่ข่มของหลี่อันแม้แต่น้อย ราวกับต่อให้ขุนเขาใหญ่ถล่มเบื้องหน้าก็ไม่สนใจ
“ต้วนหลิงเทียนคนนี้ดูเหมือนจะไปสร้างความหมางใจให้กับอาวุโสหลี่อันจริงๆ…”
“ข้าอยู่ในแท่นบูชาเต่าทมิฬมาก็นานหลายปี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นอาวุโสหลี่อันมีโมโหขนาดนี้…ข้าไม่รู้จริงๆว่าคราวนี้ต้วนหลิงเทียนไปทำอะไรให้อาวุโสหลี่อันกันแน่ อาวุโสหลี่อันถึงได้มีโทสะนัก”
“รอดูไปเถอะ เดี๋ยวเจ้าก็จะได้รับทราบเอง”
…
เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬกระซิบกระซาบถามไถ่กันด้วยสงสัย หากแต่สองตาที่มองฉากเรื่องราวกลับลุกวาวขึ้นมาราวกับกำลังดูการแสดงสนุกสนาน!
“อาวุโสหลี่อันกล่าวมาเช่นนี้ที่แท้หมายความว่าอะไร ข้าไม่เข้าใจ…”
ได้ยินเสียงดุร้ายของหลี่อัน ต้วนหลิงเทียนเพียงขมวดคิ้วด้วยสงสัยกล่าวถามออกมาด้วยใบหน้างุนงง
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าอย่าได้มาตีหน้าซื่อทำเป็นไร้เดียงสา!”
ทันใดนั้นเองก่อนที่หลี่อันจะได้กล่าวคำใด เป็นกู่ชุนที่อดตะโกนออกมาไม่ได้ “เป็นเจ้าทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าแท้ๆ! แต่ยังกล้ามาเสแสร้งแสดงเป็นตัวโง่งมไม่รู้เรื่องราวงั้นหรือ!?”
“หืม? ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้ารึ?”
ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนไม่เหลือความงุนงงสงสัยอีกต่อไป หากแต่เผยความแปลกใจแทน ยังมองถามกู่ชุนด้วยน้ำเสียงค่อนแคะ “กู่ชุน ต่อให้เจ้าจะอยากยัดข้อหาเพื่อใส่ร้ายป้ายสีข้าเพียงไหน แต่ไม่ใช่ว่าเจ้าควรหาข้ออ้างที่มันดีกว่านี้หน่อยรึไง? ข้าน่ะหรือไปทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้า…เรื่องแบบนั้นข้า ต้วนหลิงเทียน สามารถกระทำได้ด้วย?”
“นี่เจ้าคิดว่าพวกเราเป็นตัวโง่งม หรือที่แท้เจ้าคิดว่าอาวุโสหลี่อันเป็นตัวโง่งมกันแน่?”
ขณะที่กล่าวค่อนแคะออก สายตาที่ต้วนหลิงเทียนใช้มองกู่ชุนก็ฉายความระอาเย้ยเหยียดปานกำลังมองชมตัวโง่งมแห่งยุค
“เจ้า…เจ้า…”
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนปากแข็งไม่ยอมรับความผิด กู่ชุนก็อดไม่ได้ที่จะมีโมโหจนพูดอะไรไม่ออก!
และสิ่งที่ทำให้มันยิ่งโมโหจนจุกอกกว่านั้นก็คือ….
ตอนนี้ไม่ใช่แค่เพียงแต่ต้วนหลิงเทียนจะมองมันด้วยสายตาทำราวกับมองตัวโง่งม กระทั่งศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬโดยรอบนับพันๆก็มองมาที่มันด้วยสายตาราวกับมันเป็นตัวโง่งมไร้สติปัญญาไปแล้วจริงๆ!
“กู่ชุนนั่น…มันบอกว่าต้วนหลิงเทียนไปทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของมันเหรอ?”
“ช่างเป็นเรื่องน่าขันแห่งยุคเสียจริง! ยังมีผู้ใดที่ไม่รู้อีกบ้างว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของคนเรานั้นซุกซ่อนอยู่ในส่วนลึกของดวงจิต! และหากจะยุ่งเกี่ยวกับพรสวรรค์รากวิญญาณอย่างน้อยๆก็ต้องสัมผัสถึงพรสวรรค์รากวิญญาณให้ได้ก่อน! แถมต่อให้เป็นตัวตนระดับยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ ถึงแม้จะสัมผัสได้…แต่ก็ไม่มีทางทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของผู้ใดได้โดยไม่ทำลายดวงจิตของผู้คนไปด้วย!!”
“กลับหาข้ออ้างเหลวไหลพรรค์นี้มาป้ายสีใส่ร้ายผู้คน…หรือกู่ชุนมันเห็นว่าพวกเราเป็นตัวโง่งมแล้วจริงๆ?”
“เหอะๆ มารดาของมันเถอะ! หากมันจะหาข้ออ้างใส่ร้ายต้วนหลิงเทียน ก็สมควรหาอะไรที่มันฟังขึ้นบ้าง! ข้าล่ะหมดคำจะพูดจริงๆ!!”
“อาวุโสหลี่อัน…คงมิใช่ว่าหลงเชื่อข้ออ้างเหลวไหลนี้ของกู่ชุนจริงๆหรอกนะ?”
……
เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬเริ่มถกความเห็นกันอย่างออกรสชาติ
ฟังจากวาจาของทุกคน เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครเชื่อคำอ้างของกู่ชุนเลยสักคน นั่นเพราะวาจาของกู่ชุนเป็นอะไรที่ขัดต่อสามัญสำนึกของพวกมันอย่างสิ้นเชิง!
ขณะเดียวกันทุกคนยังเริ่มหันไปมองหลี่อันด้วยสายตาแปลกๆแทน
หากแต่จะอย่างไรหลี่อันก็คืออาวุโสเพลิงเงินอันดับหนึ่งของแท่นบูชาเต่าทมิฬ ไหนเลยผู้คนจะกล้ากล่าวพาดพิงออกมาตรงๆได้
เพราะสุดท้ายแล้วนี่มันก็เรื่องของต้วนหลิงเทียน พวกมันกล่าวแทนไปก็ไร้ประโยชน์
อย่างไรก็ตามแม้ทุกคนจะไม่กล้ากล่าวออกมาตรงๆ หากแต่ยังลอบส่งเสียงพูดคุยกับสหายกันอย่างสนุกปาก “หากอาวุโสหลี่อันเชื่อคำอ้างนี้ของกู่ชุนจริงก็โง่แล้ว!”
“ข้าก็มิคิดว่าอาวุโสหลี่อันจะเชื่อข้ออ้างโง่ๆนี่ได้ลงคอหรอก…”
“เหอะๆ หากไม่เชื่อแล้วไฉนถึงมาหาต้วนหลิงเทียนเพื่อออกหน้าแทนกุ่ชุนเช่นนี้เล่า?”
“บางทีอาวุโสหลี่อันคงแค่อยากหาข้ออ้างดีๆในการเล่นงานต้วนหลิงเทียน…ถึงแม้ว่าพวกเราจะรู้กันดีว่าต้วนหลิงเทียนไม่มีทางทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนได้ แต่อาวุโสหลี่อันก็สามารถใช้สิ่งนี้เป็นข้อกล่าวหาคาดโทษต้วนหลิงเทียนได้เช่นกัน! กระทั่งสุดท้ายอาจตัดสินให้ต้วนหลิงเทียนมีความผิด โทษฐานละเมิดกฏห้ามทำร้ายศิษย์ร่วมลัทธิถึงตายและพิกลพิการ!!”
“นั่นสินะ! ไฉนเรื่องง่ายๆแค่นี้ข้ากลับคิดไม่ได้ หากอาวุโสหลี่อันสามารถยัดเยียดข้อหานี้ให้ต้วนหลิงเทียนได้จริงๆ ก็สามารถลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนได้อย่างชอบธรรมทันที! อาวุโสหลี่อันช่างโหดเหี้ยมนัก!!”
……
วาจาทำนองดังกล่าวถูกส่งกันอย่างลับๆในบรรดาเหล่าศิษย์โดยรอบ
ครู่ต่อมาพวกมันอดไม่ได้ที่จะมองไปยังหลี่อันด้วยสายตาหวาดกลัว เพราะคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 จะโหดเหี้ยมเช่นนี้!
ดูท่าแล้วอาวุโสหลี่อันคนนี้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสามารถกระทำได้ทุกวิธีการจริงๆ!!
ขณะเดียวกันยามพวกมันหันกลับมามองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในสายตาก็เต็มไปด้วยความสงสารทั้งเห็นใจ
หลายคนยังอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน ด้วยพากันคิดไปว่าวันนี้ท่าทางต้วนหลิงเทียนจะไม่รอดพ้นมือมารแน่แล้ว
“ต้วนหลิงเทียน!”
ภายใต้สายตาแปลกๆของุทกคน หลี่อันพลันเปิดปากกล่าวคำออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้ารู้ว่าเจ้าคงไม่ยอมรับว่าเป็นเจ้าที่ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนศิษย์ข้าออกมาง่ายๆ…หากแต่เรื่องที่พรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนถูกทำลายไปแล้วเป็นความจริง! และเรื่องนี้ข้าสามารถยืนยันกับจ้าวแท่นด้วยตัวเอง!!”
กล่าวถึงจุดนี้สองตาหลี่อันก็เผยประกายเย็นเยียบ
และวาจาดังกล่าวของหลี่อันก็ทำให้ศิษย์แทน่บูชาเต่าทมิฬถึงกับนิ่งค้างอื้ออึงกันไปแล้ว
พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าหลี่อันจะกล้ายกจ้าวแท่นมาอ้าง!
ต้องทราบด้วยว่าในแท่นบูชาเต่าทมิฬแห่งนี้ จ้าวแท่น นับเป็นตัวตนอันสูงสุด หากที่หลี่อันกล่าวออกมาเป็นเท็จ ก็ไม่พ้นสร้างความเสื่อมเสียให้จ้าวแท่นแล้ว ไหนเลยจ้าวแท่นบูชาจะปล่อยมันไปง่ายๆ
ด้วยเหตุนี้ทั้งหมดจึงตระหนักได้ว่า วาจาที่หลี่อันกล่าวที่แท้น่าจะเป็นความจริง!
กู่ชุนถูกทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณไปแล้วจริงๆ!
“เรื่องแบบนี้…เป็นไปได้ยังไงกัน?”
“ก็นั่นน่ะสิ ข้าพเจ้าเกิดมามิเคยได้ยินเลยว่ามีใครสามารถรอดชีวิตอยู่ได้หลังถูกทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณ แต่นี่ก็เห็นๆกันอยู่ว่ากู่ชุนมันยังอยู่ดี…ไฉนอาวุโสหลี่อันถึงได้ยกจ้าวแท่นขึ้นมาอ้างได้เล่า เรื่องนี้น่าสงสัยยิ่ง!”
“ที่แท้นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? หรือต้วนหลิงเทียนจะมีวิธีทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนจริงๆ?”
……
เหล่าศิษย์เริ่มกระซิบกระซาบถกความเห็นกันระงม สายตาทุกคนอดไม่ได้ที่จะหันไปมองต้วนหลิงเทียนอย่างพร้อมเพรียง คราวนี้ลึกลงไปในแววตาผู้คนกลับเผยความหวาดกลัวระคนสงสัย
ต้องกล่าวเลยว่าหลี่อันในฐานะอาวุโสเพลิงเงินอันดับหนึ่ง นับว่าเอาเรื่องอยู่บ้าง!
เพียงวาจาไม่กี่ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนตกเป็นเป้าของสาธารณชนทันที
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่อยากยอมรับ แต่ก็ต้องถือเลยว่าไม้นี้ของหลี่อันได้ผลจริงๆ
“อาวุโสหลี่อัน ในเมื่อท่านกล่าวอ้างถึงจ้าวแท่นมาขนาดนี้ แม้จะไม่เต็มใจแต่ข้าก็ไร้หนทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อว่ากู่ชุนสูญเสียพรสวรรค์รากวิญญาณไปแล้ว…”
ในขณะที่ทุกสายตาเพ่งเล็งมาที่ต้วนหลิงเทียน เขาพลันหันไปมองถามหลี่อันด้วยน้ำเสียงจริงจังเสียงขรึม “ข้าเชื่อว่าอาวุโสหลี่อันคงไม่กล้ายกอ้างจ้าวแท่นมาล้อเล่นใช่หรือไม่?”
“จ้าวแท่นบูชาเต่าทมิฬเป็นตัวตนอันใด ข้าไหนเลยจะกล้ายกจ้าวแท่นมาล้อเล่นได้!”
หลี่อันกล่าวเย้ย
หากไม่เพราะมันคิดจะหาข้ออ้างสังหารต้วนหลิงเทียนอย่างชอบธรรมแล้วล่ะก็ มันไม่คิดจะมาเสียเวลาต่อปากต่อคำกับต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย
“โฮ่! หากเป็นเช่นนั้นไฉนอาวุโสหลี่อันถึงคิดว่าข้าต้วนหลิงเทียนคนนี้ เป็นคนที่ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนเล่า?”
หน้าของต้วนหลิงเทียนยังไม่เปลี่ยนสีแม้แต่น้อย “เท่าที่ข้าทราบมา ไม่ใช่ว่าอะไรอย่างพรสวรรค์รากวิญญาณของผู้คนนั้น…ด้วยสำนึกเทวะของข้าในตอนนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสัมผัสถึงการคงอยู่ของมันหรอกหรือ? แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่ข้าจะไปมีสามารถถึงขั้นทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณได้?”
ตอนที่ 1,921 : โต้ตอบคำสาบาน!
“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่พลังฝึกปรือของข้าในตอนนี้ยังต้อยต่ำ ทำให้สำนึกเทวะของข้าไม่มีพลังอำนาจพอจะสัมผัสถึงพรสวรรค์รากวิญญาณของผู้คนอะไรได้…กระทั่งต่อให้ข้าสามารถสัมผัสถึงพรสวรรค์รากวิญญาณของผู้คนได้จริง แต่ข้าจะมีสามารถถึงขั้นทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณกู่ชุน โดยที่ตัวมันยังอยู่ดีมีสุขเช่นนี้ได้หรือ?”
“เท่าที่ข้ารู้มา ไม่ใช่ว่ากระทั่งยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ที่บรรลุถึงเปลี่ยนที่ 9 เปลี่ยนสู่สวรรค์ ยังไม่กล้าพูดว่าจะสามารถทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของผู้คนโดยไม่สร้างความเสียหายให้แก่ดวงจิตรึไง!”
ต้วนหลิงเทียนที่ไม่ยี่หระเปิดปากกล่าววาจาออกมาชัดถ้อยชัดคำเสียงดังให้ได้ยินกันทั่ว!
และทันทีที่กล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รอให้หลี่อันตอบโต้อะไร ชักสีหน้าคับแค้นกล่าวออกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ไม่พอใจออกมาว่า “อาวุโสหลี่อัน ข้ารู้ดีว่าเพราะวันนั้นที่ข้าฆ่าหยางหวู่ลูกชายสหายสนิทเจ้าไป จึงสร้างความคับแค้นและไม่พอใจให้…”
“แต่ในเมื่ออาวุโสหลี่อันอยากจะล้างแค้นก็แค่ลงมือฆ่าข้าเสียตรงๆ ทำไมต้องใช้วิธีใส่ร้ายป้ายสีให้ข้าแปดเปื้อนความผิดเหลวไหลเช่นนี้ เพื่อหาโอกาสฆ่าข้าล้างแค้นด้วยเล่า?”
ซู่วว!!
หน้าหลี่อันเปลี่ยนไปมหันต์ทันใด มันไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะพ่นวาจาเหล่านั้นออกมาท่ามกลางฝูงชนแบบนี้!!
มันยังสัมผัสได้ว่า บัดนี้ทุกสายตาของเหล่าศิษย์ที่มองมายังมัน ล้วนแล้วแต่เป็นสายตาพิกลทั้งสิ้น! มันตระหนักได้ทันทีว่าสถานการณ์ถูกต้วนหลิงเทียนพลิกกลับ กระแสปวงชนไหลไปเข้าข้างอีกฝ่ายหมดสิ้นแล้ว!
“เจ้า…”
หลี่อันกล่าวออกด้วยสีหน้าอึมครึม
แต่ก่อนที่หลี่อันจะทันได้กล่าวคำใด มันก็ถูกต้วนหลิงเทียนขัดจังหวะอีกครั้ง “แม้ข้าจะไม่รู้ว่ากู่ชุนศิษย์อาวุโสหลี่อันได้สูญเสียพรสวรรค์รากวิญญาณไปแล้วจริงๆหรือไม่…”
“แต่ต่อให้พรสวรรค์รากวิญญาณของมันถูกทำลายไปแล้วจริงๆ อาวุโสหลี่อันสมควรฆ่ามันเสียก่อนที่จะมาใส่ร้ายป้ายสีข้า หากทำแบบนั้นไม่แน่ว่าอาจจะยังพอมีใครเชื่อข้อกล่าวหานี้อยู่บ้าง!”
วาจาประโยคท้ายของต้วนหลิงเทียนฟังแล้วคล้ายชี้แนะทางสว่างให้หลี่อัน แต่อันที่จริงแล้วนับเป็นการเสียดสีจิกแขวะอย่างชัดเจน!
ทันใดนั้นหน้าหลี่อันพลันดำทะมึนลงไปหนักข้อ ลูกตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนดุร้ายปานจะลุกไหม้ขึ้นมาปานเพลิงไฟ!
และหากสายตาของมันฆ่าคนได้ล่ะก็ ไม่ทราบต้วนหลิงเทียนจะตกตายไปแล้วกี่ครั้ง!
ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียนครั้งนี้ เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬทั้งหลายอดพยักหน้าเห็นด้วยเสียไม่ได้!
ใช่!
หากหลี่อันฆ่ากู่ชุนทิ้งไปก่อนที่จะมาหาเรื่องใส่ความต้วนหลิงเทียนล่ะก็ บางทีพวกมันอาจจะพอเชื่อคำพูดกล่าวหานี้ของหลี่อันอยู่บ้าง!
ป้ายสีต้วนหลิงเทียนให้มีมลทินเรื่องทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุน…แต่กู่ชุนยังลอยร่างหน้าสลอนอยู่ตรงนั้น!
นี่สมควรเป็นการหาข้ออ้างล้างแค้นต้วนหลิงเทียนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
ฆ่ากู่ชุนทิ้งก่อนแล้วค่อยใส่ความต้วนหลิงเทียน! ด้วยมีความตายของกู่ชุนเป็นทุนแบบนั้น ย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุด!!
อย่างไรก็ตามหลี่อันกลับไม่ได้ใช้วิธีที่ดีที่สุดแบบนั้น แต่เลือกพากู่ชุนมาหาความจากต้วนหลิงเทียนแทน!
นี่ไม่ดูเบาสติปัญญาของพวกมันไปหน่อยรึไง!?
ถึงแม้ว่าพวกมันจะทำได้แค่ยืนชมเรื่องราวอยู่เฉยๆมิอาจสอดมือ แต่พวกมันล้วนแล้วแต่รับประทานข้าวมิได้รับประทานหญ้า! พวกมันสามารถบอกได้ว่าคนไหนพูดจริงคนไหนพูดโกหก!!
“ต้วนหลิงเทียนเจ้าพล่ามเหลวไหลอะไร!?”
พอเห็นชัดว่าต้วนหลิงเทียนได้เบน ‘หัวหอก’ ชักนำความคิดผู้คนให้มองอาจารย์ของมันที่เป็นถึงอาวุโสเพลิงเงินอันดับหนึ่งเป็นคนต่ำช้าสามานย์ คิดใช้ตัวมันเล่นงานคนเพื่อล้างแค้นได้สำเร็จ! กู่ชุนอดไม่ได้ที่จะอับอายขายหน้าจึงตะโกนออกมาเสียงดังลั่น!!
“เจ้าเป็นคนที่ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าไม่ผิดแน่! หากไม่ใช่ฝีมือเจ้า ไหนเลยตอนที่ทุบตีข้าเจ้าจำต้องเปิดใช้เขตแดนประหลาดเพื่อปิดกั้นบดบังสายตาของผู้คนรอบๆด้วย? มิใช่ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเจ้ากลัวมีความผิดติดตัวหรือไร?!”
กู่ชุนที่คำรามออกมาเสียงดัง เริ่มยกอ้างเรื่องราวในวันนั้นขึ้นมา พาลให้เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬหลายคนเริ่มฉุกใจคิดขึ้นมาด้วยความสงสัย
และศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬเหล่านี้ก็คือผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น และเห็นเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ
พวกมันย่อมจำได้ดี ว่าวันนั้นตอนที่ต้วนหลิงเทียนลงมือ อยู่ๆก็เปิดใช้เขตแดนประหลาด จนบังเกิดแสงทองสว่างจ้าจนแสบตา ทำให้พวกมันไม่อาจแลเห็นสิ่งใดในสนามพลังสว่างนั่นได้เลย
ต้วนหลิงเทียนลงมือทำอะไรไปบ้าง พวกมันก็ไม่อาจทราบได้!
‘หรือพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนจะเป็นต้วนหลิงเทียนทำลายไปจริงๆ?’
เหล่าศิษย์แท่นบูชาหลายคนที่เป็นพยานในเหตุการณ์วันนั้นเริ่มบังเกิดความคิดพิลึกขึ้นมา ในใจของพวกมันเริ่มหวั่นไหวไปอีกครั้ง
ไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนตอบโต้อะไร กู่ชุนพลันกล่าวออกมาอีกว่า “ยิ่งไปกว่านั้นข้าสามารถสาบานต่อทัณฑ์อัสนีสวรรค์ว่าตอนนี้พรสวรรค์รากวิญญาณของข้ากุ่ชุนได้ถูกทำลายไปแล้ว!!”
ระหว่างที่คำรามกล่าววาจาประโยคนี้กู่ชุนก็ยกนิ้วขึ้นกัด ก่อนปรากฏเลือดหยดหนึ่งลอยล่องขึ้นไปยังฟ้าเบื้องบน
ขณะเดียวกันมันก็กล่าวคำสาบานต่อหน้าผู้คน “หากพรสวรรค์รากวิญญาณของข้ากู่ชุนยังไม่ถูกทำลาย ขอให้อัสนีทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าพิฆาตร่างข้าตายตก!!”
เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!
…
อัสนีลั่นดัง 9 คำรบ บ่งบอกว่าคำสาบานมีผลบังคับใช้!
หากแต่กู่ชุนกลับยังอยู่ดีไม่ได้ถูกอัสนีฟ้าฟาดผ่าพิฆาตร่างแต่อย่างใด เห็นชัดว่ามันไม่ได้หลอกลวงผู้คน และสิ่งที่มันกล่าวออกมาล้วนเป็นความสัตย์จริง…พรสวรรค์รากวิญญาณของมันถูกทำลายไปแล้วจริงๆ!!
ทันใดนั้นทุกคนในที่เกิดเหตุก็ไม่มีใครสงสัยเรื่องนี้อีกต่อไป
“พรสวรรค์รากวิญญาณของมันถูกทำลายไปแล้วจริงๆ?”
จังหวะนี้เหล่าศิษย์ของแท่นบูชาเต่าทมิฬเมื่อทราบแล้วว่ากู่ชุนไม่ได้โกหก นั่นย่อมหมายความว่าข้อกล่าวหาที่อาวุโสหลี่อันกล่าวคาดโทษต้วนหลิงเทียนนั้นก็มีมูลความจริง ไม่ได้เอาความเท็จมากล่าวอ้าง!!
“ตอนนี้ข้าได้สาบานต่ออัสนีทัณฑ์สวรรค์แล้วว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าได้ถูกทำลายไปแล้วจริงๆ…”
หลังจากที่กล่าวคำสาบานต่ออัสนีทัณฑ์สวรรค์จบแล้ว สายตากู่ชุนกลับมาตกลงบนร่างต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้า ต้วนหลิงเทียน กล้าที่จะสาบานต่ออัสนีทัณฑ์สวรรค์หรือไม่?! ว่าเจ้าไม่ได้เป็นคนที่ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของข้า! เจ้ากล้าหรือไม่!!”
หลังจากกล่าวจบคำ กู่ชุนก็ก้าวออกมาเบื้องหน้าลอยร่างเคียงข้างอาวุโสหลี่อัน มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเยียบเย็น
เจ้ากล้าหรือไม่?!
จังหวะนี้ทุกสายตาของผู้คนพลันหันไปตกยังร่างต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง!
“พวกเจ้าว่าต้วนหลิงเทียนนั่นจะกล้ากล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์หรือไม่?”
“ข้าว่าน่าจะกล้า…เพราะอย่างไรเสียด้วยพลังฝึกปรือของผู้แซ่ต้วนยามนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุน”
“แล้วจะเกิดอันใดขึ้นหากต้วนหลิงเทียนไม่กล้าเล่า?”
“นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่ามันกลัวความผิด!”
……
ถึงแม้เหล่าศิษย์แท่นบูชาทมิฬในเหตุการณ์จะยังไม่อาจเชื่อได้ลงคอว่าต้วนหลิงเทียนมีความสามารถในการทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนจริงๆ แต่ในใจของพวกมันก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหวโอนเอียง
หากกู่ชุนกล้าเสนอหน้ามาลอยร่างยืนเคียงมันแบบนี้ในโอกาสอื่นๆล่ะก็ หลี่อันย่อมมีโมโหและตำหนิกู่ชุนว่าไม่รู้สภาพตัวเองว่าคู่ควรหรือไม่!
แต่ตอนนี้แทนที่จะตำหนิกู่ชุน หลี่อันลอบชมเชยสติปัญญาของศิษย์ที่มันรังเกียจคนนี้อยู่บ้าง
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในตอนนี้ การกระทำของศิษย์ที่มันไม่ค่อยแยแสกลับสามารถพลิกกลับสถานการณ์ ให้มันที่ตกเป็นจำเลยสังคมกลับมาเป็นโจทย์ได้อีกครั้ง!
ความรู้สึกดังกล่าวย่อมทำให้มันรู้สึกสบายใจชื่นมื่นนัก ประหนึ่งหมอกสลัวมัวมืดในใจได้มลายหายไป
จังหวะนี้หลี่อันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าศิษย์คนนี้ก็น่าดูอยู่บ้าง
“ให้ข้ากล่าวคำสาบานต่ออัสนีทัณฑ์สวรรค์ว่าข้าไม่ได้เป็นคนทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้างั้นเหรอ?”
ภายใต้สายตาจับจ้องมองมาของปวงชน ต้วนหลิงเทียนพลันคลี่ยิ้มออกมาบางๆ กล่าวว่า “กู่ชุน เจ้าขอให้ข้าสาบานต่ออัสนีทัณฑ์สวรรค์แบบนี้ ข้าเกรงว่ามันจะซ้ำซ้อนเกินจำเป็นอยู่บ้างว่าไหม?”
“ทำไม? เจ้ากลัวแล้วรึ?!”
กู่ชันแสยะยิ้มค่อนแคะ “หากเจ้าไม่กล้าย่อมหมายความว่าเจ้าร้อนตัว! นอกจากนั้น นี่ยังเป็นการยอมรับโดยอ้อมแล้วว่าเจ้าเป็นคนทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของข้า! การที่เจ้าทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าแบบนี้ ไม่ต่างอันใดกับทำร้ายข้าจนพิกลพิการ ตัดหนทางบ่มเพาะฝึกตนของข้า!!”
“ต้วนหลิงเทียน ตามกฏของลัทธิบูชาไฟ ทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตายหรือลงมือหนักถึงขั้นพิกลพิการมีโทษสถานใดเจ้าทราบหรือไม่?”
สิ้นคำกล่าวนี้ของกู่ชุน กลิ่นอายพลังทั่วร่างของหลี่อันพลันปะทุออกมาอย่างน่ากลัว!
กลิ่นอายพลังน่ากลัวขุมนี้เมื่อปะทุออกมา ก็คล้ายจะเพ่งเล็งกดดันไปที่ต้วนหลิงเทียนทันที!!
พร้อมจะพิพากษาลงทัณฑ์มอบโทษประหารให้ต้วนหลิงเทียนได้ทุกเมื่อ!!
“ข้าไม่กล้า? ข้าว่าเป็นเจ้ามากกว่าที่ไม่กล้า…”
อย่างไรก็ตามวาจาต่อมาของต้วนหลิงเทียน ทำให้กลิ่นอายพลังน่ากลัวของหลี่อันสลายหายไป
หลี่อันหันไปมองจ้องต้วนหลิงเทียนตาเขม็ง ด้วยไม่ทราบว่าไฉนอยู่ๆต้วนหลิงเทียนกับพูดกับกู่ชุนแบบนี้
“เพ้ย! ข้าไม่กล้า? ข้าไม่กล้าทำอะไร? ต้วนหลิงเทียนเจ้าอย่าได้คิดเฉไฉเปลี่ยนเรื่องต่อหน้าผู้คนมากมาย!!”
กู่ชุนแค่นคำสบถออกมาด้วยความดูแคลน
“ข้าบอกไปแล้วไม่ใช่รึไงว่าเรื่องที่เจ้าให้ข้ากล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้ามันเป็นเรื่องซ้ำซ้อน? ไม่ใช่ว่าเจ้าเอาแต่พูดไม่หยุดเรื่องข้าทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าหรอกเหรอ…เช่นนั้นเจ้าก็กล่าวคำสาบานต่ออัสนีทัณฑ์สวรรค์เองเถอะ ว่าหากข้าไม่ใช่คนที่ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้า ก็ขอให้เจ้าถูกอัสนีทัณฑ์สวรรค์พิฆาตร่างตายตก…”
“ตราบใดที่เจ้ากล่าวคำสาบานแบบนี้หากเจ้ายังไม่ถูกฟ้าผ่าตาย นั่นก็หมายความว่าข้าเป็นคนที่ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าจริงๆ แต่ถ้าเจ้าตกตายไปขึ้นมา…นั่นก็มากพอจะบอกให้ทุกคนได้รู้ว่าเป็นเจ้าที่ใส่ร้ายข้า แค่นั้น”
ภายใต้สายตาของเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬนับพันๆคู่ ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนยังคงสงบไม่เปลี่ยนสีมีอาการ มองกล่าวกับกู่ชุนด้วยความเฉยเมยไร้แยแส
หากจะกล่าวอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ล่ะก็…นับว่าวาจานี้ของเขากล่าวได้อย่างไร้ที่ติ!
กู่ชุนขอให้เขาสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์ เช่นนั้นก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะขอให้กู่ชุนกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เช่นกัน!
อีกทั้งเรื่องนี้ผลลัพธ์สุดท้ายของเรื่องราวยังคงได้ข้อสรุปดุจเดียวกัน สามารถบอกได้ว่าที่แท้ต้วนหลิงเทียนใช่ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนจริงหรือไม่! ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือผู้ที่จะกระทำการกล่าวคำสาบานเท่านั้น!
เอ่อ!
หน้ากู่ชุนถึงกลับเปลี่ยนสีไปทันที ด้วยไม่คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะมาไม้นี้ ทั้งๆที่มันพยายามจะผลักไสทุกอย่างให้ต้วนหลิงเทียนแบกรับความเสี่ยงทุกอย่างไปแล้ว…หากแต่ต้วนหลิงเทียนกลับโต้ตอบมาลักษณะนี้!!
ต้วนหลิงเทียนกลับให้มันเป็นฝ่ายกล่าวคำสาบานเสียเอง!
ทว่าถึงแม้ฟังเนื้อความแล้วผลลัพธ์ของการกล่าวคำสาบานจะทำให้ได้ข้อสรุปเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ของต้วนหลิงเทียนกลับทำให้มันถึงตาย!!
เพียงเพราะจนบัดนี้ มันยังไม่มั่นใจเต็มสิบส่วนว่าใช่ต้วนหลิงเทียนเป็นคนที่ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของมันจริงๆหรือไม่!
ถึงแม้ว่ากว่าเก้าสิบเก้าส่วนมันจะคิดว่าต้วนหลิงเทียนเป็นคนกระทำ แต่ยังคงเหลือส่วนหนึ่งที่อาจจะเป็นเพราะสาเหตุอื่นๆ!
เรื่องนี้ไม่อาจนับนิ้วคำนวณออกมาด้วยตัวเลขได้ เพราะมันเกี่ยวพันถึงชีวิต! ต่อให้มีความน่าจะเป็นเพียงหนึ่งในร้อยว่าจะผิดพลาดมันก็ไม่กล้าเอาชีวิตมาเดิมพัน!!
เช่นนั้นการที่ต้วนหลิงเทียนให้มันกล่าวคำสาบานแบบนี้ บอกตามตรง..มันไม่กล้า!!
“ต้วนหลิงเทียนข้าได้กล่าวคำสาบานต่ออัสนีทัณฑ์สวรรค์ไปแล้ว คราวนี้ถึงตาเจ้าเป็นฝ่ายกล่าวบ้าง!!”
ตอนนี้กู่ชุนทำได้แค่ยืนกรานอย่างดื้อรั้นเท่านั้น
“ช่างดีแต่ปากนัก!”
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ทั้งแสยะยิ้มเย้ยหยันกู่ชุน กล่าวคำปรามาสออกมาด้วยสายตาเหยีดหยาม “กู่ชุนตั้งแต่ต้นจนจบเป็นเจ้าที่อยากจะกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์อัสนีสวรรค์เอง…เช่นนั้นหากเจ้าอยากหาข้อสรุปเรื่องราวก็ง่ายดายนัก เจ้าก็กล่าวคำสาบานของเจ้าไปเสีย จะกี่รอบต่อกี่รอบมันก็เรื่องของเจ้าเกี่ยวอะไรกับข้า!!”
“หรือเจ้าไม่กล้ากล่าวคำสาบานออกมา เพราะกระทั่งเจ้าเองก็ยังไม่มั่นใจว่าเป็นข้าที่ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้า?”
วาจาท้ายประโยคของต้วนหลิงเทียนยิ่งแฝงความเย้ยหยันหนักข้อ
ตั้งแต่วินาทีแรกที่กู่ชุนเอ่ยถึงการสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มเดิมพันครั้งใหญ่
และราคาที่ต้องจ่ายในการเดิมพันครั้งนี้ก็คือชีวิตของเขาเอง!
หากแพ้เขาตาย!
หากชนะเดิมพันเขาก็รอด!!
และสิ่งที่เขาเดิมพันไว้ก็คือ กู่ชุนมันไม่กล้าเสี่ยงชีวิตกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า!!
แน่นอนว่าที่ต้วนหลิงเทียนกล้าเดิมพันครั้งนี้ เพราะเขามั่นใจเต็มสิบส่วน!!
กู่ชุนไม่เพียงแต่ไม่รู้ว่าพรสวรรค์ของมันถูกทำลายได้อย่างไร ตั้งแต่ต้นจนจบกู่ชุนสมควรไม่มีหลักฐานใดเป็นชิ้นเป็นอันเลยด้วยซ้ำ!
ให้เขากล่าวคำสาบานแบบนี้ มันก็แค่คิด ‘จับเสือมือเปล่า’ เท่านั้น
ตอนที่ 1,922 : รากวิญญาณสีน้ำเงิน กู่หลง!
“ต้วนหลิงเทียนกล่าวได้ถูกแล้ว!”
“ใช่ เป็นเช่นนั้นจริงๆ!”
“ถูกต้อง มิว่าจะเป็นต้วนหลิงเทียนจะกล่าวคำสาบานเรื่องทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณกู่ชุน หรือจะเป็นกู่ชุนกล่าวคำสาบานว่าต้วนหลิงเทียนได้ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของมันหรือไม่! ก็เพียงพอบอกให้รู้ว่าต้วนหลิงเทียนที่แท้ได้ลงมือทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณกู่ชุนหรือมิได้ทำ!”
“แต่ดูจากท่าทางของกู่ชุนแล้ว คล้ายมันจะมิกล้ากล่าวคำสาบานดั่งที่ต้วนหลิงเทียนบอกให้มันกระทำ!”
“นั่นน่ะสิ!”
……
พอคำของต้วนหลิงเทียนดังออกมา เสียงกล่าวสนทนารอบๆพลันดังขึ้นระงมและต่างตั้งคำถามกับกู่ชุนทั้งสิ้น
พวกมันเห็นกันได้ชัดเจน
ในตอนที่ต้วนหลิงเทียนบอกให้กู่ชุนมันกล่าวคำสาบานของมันเอง กู่ชุนไม่เพียงแต่ลังเล กระทั่งยังพยายามซัดทอดโบ้ยให้ต้วนหลิงเทียนเป็นฝ่ายกล่าวคำสาบานไม่เลิก!
ตั้งแต่ต้นจนจบมิใช่มันเองหรอกหรือที่คิดริเริ่มให้ใช้วิธีการกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์?
ไฉนพอถึงตอนสำคัญ มันกลับไม่กล้ากล่าวคำเพื่อยืนยันคำพูดของตัวเล่า? มาเปลี่ยนความคิดอันใดตอนนี้?
หรือที่แท้ในใจของมันมีปีศาจอะไรซุกซ่อนอยู่?
สำหรับเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬนับพันๆที่อยู่ตรงนี้นั้น…
ต้วนหลิงเทียนกับกู่ชุน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดกล่าวคำสาบานต่ออัสนีทัณฑ์สวรรค์ ความจริงสุดท้ายก็ย่อมปรากฏเหมือนกันทั้งสิ้น!
อย่างไรก็ตามวันนี้ผู้ที่กระเหี้ยนกระหือรือให้ใช้วิธีการกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าก็คือกู่ชุน!
เช่นนั้นพวกมันทั้งหลายก็รู้สึกว่าสมควรแล้ว ที่กู่ชุนจะเป็นผู้กล่าวคำสาบานตามคำที่ต้วนหลิงเทียนบอกไว้ด้วยตัวเอง!!
ทว่าพอกู่ชุนโวยวายออกมาแบบนี้ ก็ดั่งทำนบทลายจนน้ำท่วม!
(เหมือน น้ำท่วมปาก)
เรื่องนี้กู่ชุนเองก็คาดไม่ถึง
ตอนนี้มันยังรู้สึกเสมือนทุ่มหินทับเท้าตัวเอง!
“กู่ชุน เจ้าไม่ได้ยินพี่น้องรอบๆกล่าวกันหรือ ทุกคนคิดว่าสมควรแล้วที่เจ้าจะเป็นฝ่ายกล่าวคำสาบานทั้งสิ้น…”
ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนพลันมองกู่ชุนพร้อมแสยะยิ้มบางๆ
“ตราบใดที่เจ้ากล่าวคำสาบานออกมา แค่นั้นความจริงก็จะปรากฏ! หากเจ้าไม่ถูกฟ้าผ่าจนตายตก ก็เผยให้เห็นว่าเจ้าไม่ได้โกหก และเป็นข้าทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าจริงๆ…”
สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้วนี่คือความรู้สึกราวกับใช้หนึ่งทหารต้านทัพ มันช่างรู้สึกสะใจดีจริงๆ!
กุ่ชุนมันไม่ใช่อยากวุ่นวายกับการกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์นักหรือไง
เอาสิ!
จัดไป! กล่าวคำสาบานบัดซบของเจ้าเสีย!!
ได้ยินวาจาจากศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬนับพันเข้าข้างการกระทำดั่งหนึ่งทหารต้านทัพของต้วนหลิงเทียน หน้ากู่ชุนก็ซีดลงทันใด ในใจบังเกิดความสับสนปั่นป่วนยากจะสงบ
ถึงแม้ว่ามันอยากจะให้ต้วนหลิงเทียนตกตายคามือหลี่อันเพียงไร
แต่มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่า สุดท้ายมันไม่อาจยืนยันได้แน่ชัดว่าเป็นต้วนหลิงเทียนทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของมันจริงๆ!
นั่นเพราะกระทั่งตัวมันเองก็ไม่ใช่ว่าจะมั่นใจเต็มสิบส่วน ว่าคนที่ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของมันเป็นต้วนหลิงเทียนจริงๆ!
ใต้หล้ากว้างใหญ่สุดไพศาล เรื่องอัศจรรย์พันลึกสามารถเกิดได้ทุกที่!
ใครจะไปรู้บางทีพรสวรรค์รากวิญญาณที่หายไปของมัน อาจเกิดขึ้นโดยบังเอิญเพราะเป็นผลสืบเนื่องอะไรบางอย่าง และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับต้วนหลิงเทียน
หากเป็นกรณีนี้ขึ้นมาจริงๆ ไม่ใช่การกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์อัสนีสวรรค์ก็เหมือนเอาคอไปรูดดาบประหารหรือไร?
ถึงแม้ตอนนี้มันจะไร้ซึ่งพรสวรรค์รากวิญญาณจนทำให้พลังฝึกปรือของมันหยุดอยู่ที่ด่านพลังนี้ตลอดไป ชั่วชีวิตไร้หนทางก้าวหน้าใดๆอีก…
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่รักชีวิตของมันแล้ว!
อันที่จริงตอนนี้มันกลับยิ่งรักและถนอมชีวิตของมันมากขึ้นกว่าเก่าไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยเท่า!
เพราะในเมื่อมันมิอาจบ่มเพาะพลังได้สืบไป เช่นนั้นหนทางสู่ความเป็นอมตะมีชีวิตนิรันดร์จึงจบสิ้นลงแต่เพียงเท่านี้ อายุขัยของมันไม่มีหนทางยืดยาวออกไปไม่รู้จบได้อีกแล้ว!!
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตอนนี้แต่ละวันที่ผันผ่าน ก็เสมือนเวลาชีวิตของมันกำลังลดลงเรื่อยๆ!
ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่กล้าที่จะกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์อัสนีสวรรค์ตามคำชี้นำของต้วนหลิงเทียน!
เพราะมันกลัวตาย!
มันไม่กล้าเอาชีวิตมาเดิมพัน!!
หากการหายตัวไปของพรสวรรค์รากวิญญาณมัน ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับต้วนหลิงเทียนจริงๆเล่า?
หากเป็นเช่นนั้นไม่ใช่มันก็ต้องจบชีวิตแล้วหรือ
“กู่ชุนดูเหมือนมันจะมิใช่ตัวดีจริงๆ!”
“หึๆ…ที่แท้มันก็คิดใส่ร้ายป้ายสีต้วนหลิงเทียนจริงๆ ตั้งแต่ต้นจนจบต้วนหลิงเทียนมิได้เป็นผู้ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของมัน!!”
“ให้ตายเถอะ ก่อนหน้านี้ข้าเกือบเชื่อมันไปแล้วนะเนี่ย!!”
……
เหล่าศิษย์แท่นบูชาทมิฬก็เหมือนเคย ต่างเริ่มซุบซิบสนทนากันระงม หากแต่แววตาของทุกคนยามนี้ล้วนมองกู่ชุนด้วยความรังเกียจทั้งสมเพช พาลให้ร่างกู่ชุนสะท้านแววตาล่อกแล่ก แต่มันก็ไม่ได้พูดอะไรตอบโต้ออกมา
“มิใช่เจ้าบอกว่ามั่นใจกว่าเก้าสิบเก้าส่วนรึไงว่าต้วนหลิงเทียนเป็นคนทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้า ไฉนมาถึงตอนสำคัญเช่นนี้เจ้ากลับลังเลมิกล้ากล่าวคำเสียเล่า?”
เห็นกู่ชุนทำให้สถานการณ์ที่กำลังดีๆอยู่พลิกกลับไปอีกครั้ง หน้าหลี่อันก็อัปลักษณ์ปั้นยากนัก มองจี้กล่าวกับกู่ชุนเสียงเข้ม
“เจ้ามั่นใจถึงเก้าสิบเก้าส่วน ไฉนยังไม่คุ้มกับการเดิมพัน? บางทีตอนนี้ต้วนหลิงเทียนมันอาจเสแสร้งทำเป็นสงบให้เจ้ากลัวการกล่าวคำสาบานเล่า? เพียงเจ้าชนะเดิมพัน…ต้วนหลิงเทียนนั่นย่อมจบเห่วันนี้!”
หลี่อันกล่าวยั่วยุชี้นำ กระทั่งพยายามโน้มน้าวออกมา
อัตตราชนะกว่าเก้าสิบเก้าส่วน!
เดิมพันเสีย!
เดิมพันว่ามันจะรอด แล้วต้วนหลิงเทียนตาย!!
หลังได้ยินคำกล่าวเตือนของหลี่อัน สองตากู่ชุนพลันทอประกายเรืองวูบขึ้นมา มันตัดสินใจได้แล้ว!
อย่างไรก็ตาม วินาทีที่กู่ชุนตัดสินใจได้เด็ดขาดแล้วหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยทีท่าแววตาแน่วแน่เด็ดเดี่ยวว่าจะเสี่ยงกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์อัสนีสวรรค์ตามคำบอกของต้วนหลิงเทียนนั้นเอง…
ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าววาจาออกมาด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายท่าทางเกียจคร้าน “น่าเบื่อจริงๆ…กู่ชุน ถ้าเจ้ามันเรื่องเยอะกลัวว่าจะเสียเปรียบนักหากกล่าวคำสาบานฝ่ายเดียวแบบนี้…”
“ถ้างั้นข้าจะกล่าวคำสาบานพร้อมกันกับเจ้าให้จบๆไปอย่างที่เจ้าต้องการ เท่านี้เจ้าพอใจแล้วหรือยัง?”
เปรี๊ยง!
หลังได้ยินคำกระตุ้นจากหลี่อัน กู่ชุนก็ได้ตัดสินใจไปแล้วว่าจะเสี่ยง ทว่าตอนนี้พอได้ยินวาจาเบื่อหน่ายเอือมระอาของต้วนหลิงเทียน มันก็รู้สึกเสมือนมีฟ้าร้องสนั่นในช่องหู!
มันถึงกับกลืนความกล้าก่อนหน้าลงคอไปทันที!
ความมั่นใจที่ต้วนหลิงเทียนเผยออก อีกทั้งทีท่าเฉยเมยไร้แยแสนั่น ได้ทำลายความเชื่อมั่นสุดท้ายของมันจนพังพินาศในพริบตา!!
ในสายตาของมัน หากต้วนหลิงเทียนเป็นผู้ที่ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของมันจริงๆ เช่นนั้นแล้ว…
ต้วนหลิงเทียนสมควรไม่พูดเรื่องกล่าวคำสาบานออกมาพร้อมๆกันกับมัน!
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องเป็นฝ่ายเสนอว่าจะทำแบบนี้ออกมาด้วยตัวเอง!
และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกลับเป็นฝ่ายเสนออกมาด้วยตัวเองด้วยสีหน้าท่าทางเช่นนั้น เห็นชัดว่าอีกฝ่ายไม่กลัวและแยแสอะไรเลย!
ตอนนี้ความเชื่อมั่นที่กู่ชุนมีอยู่ถึงกับแหลกเป็นเสี่ยงๆ…
“ฮึ่ม! มันต้องรู้ว่าเจ้ากำลังจะทำการสาบานและยังผลให้มันจบสิ้น มันจึงเลือกที่จะกล่าวออกมาเช่นนี้…อย่าได้กลัวและไขว้เขวอันใด รีบกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์อัสนีกับมันเสีย!”
หลี่อันที่เห็นสถานการณ์ได้อย่างกระจ่าง เร่งเตือนกู่ชุนออกมาในเวลาที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตามตอนนี้ความมั่นใจสุดท้ายของกู่ชุนได้แหลกเป็นเสี่ยงๆไปแล้ว ไหนเลยยังจะฟังคำกล่าวของหลี่อันอีก กระทั่งได้ยินคำเตือนนี้ในใจกู่ชุนกลับรู้สึกว่าเป็นการเร่งรัดประการหนึ่ง
มันเพียงคิดว่าหลี่อันกำลังจะใช้มันเป็นสิ่งเดิมพัน!
หากชนะต้วนหลิงเทียนก็ตาย!
หากแพ้มันก็ต้องตาย!!
ไม่ต้องสนใจว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ทว่าหลี่อันนั้นไม่ได้เสียอะไรแม้แต่น้อย!
พอมันคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา…แล้วมันยังจะเห็นด้วยกับคำพูดของหลี่อันได้อย่างไร?
“ช่างเถอะ! เจ้ามิได้เป็นคนทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของข้า เป็นข้าที่อาจทำลายมันลงอย่างไม่ตั้งใจขณะเร่งโหมฝึกปรือ…”
กู่ชุนมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนออกมา
โอ!!
และวาจานี้ของกู่ชุน พอดังออกมาก็พาลให้ผู้คนโดยรอบถึงกับฮือฮาขึ้นมาทันที
พวกมันไม่คิดเลยว่าในที่สุด ความจริงก็ปรากฏแล้ว!
“เหอะๆนั่นไง กู่ชุนมันคิดใส่ร้ายต้วนหลิงเทียนจริงๆด้วย!”
“เหอะ! ข้ารู้ตั้งแต่เห็นนิสัยอวดเบ่งกู่ชุนแล้ว…สันดารคบไม่ได้เช่นนี้ มันยังจะเป็นตัวดีอันใด”
“คราวนี้นับว่ามันลากอาวุโสหลี่อันลงหลุมอาจมกับมันแล้วจริงๆ…”
……
ด้วยจำนวนนับพันๆ เสียงกระซิบของเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬถึงกับดังอื้ออึงเซ็งแซ่ราวฝูงแมลงบินข้างหู
บางคนถึงกับคิดว่าที่กู่ชุนมาใส่ร้ายต้วนหลิงเทียนแบบนี้ เพราะหลี่อันยุยง!
แน่นอนว่าพวกมันกล้าพูดก็แค่ในใจเท่านั้น ไม่อาจโพล่งออกมาตรงๆได้
ต้วนหลิงเทียนลอบแสยะยิ้มในใจ ครานี้นับว่ากลยุทธ์ ‘ถอยเพื่อก้าวต่อไป’ ของเขาสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
เหตุผลที่อยู่ๆเขาก็พูดขึ้นมาว่าจะกล่าวคำสาบานพร้อมกันกับกู่ชุนนั้น แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นเพราะเขาจับจ้องทุกอริยาบทของกู่ชุนอย่างไม่ให้คลาดสายตาแต่แรก
เช่นนั้นแล้วเมื่อเห็นสีหน้าแววตาคล้ายตัดสินใจแน่วแน่ได้ของกู่ชุนเมื่อครู่
เขาจึงเดาได้ว่ากู่ชุนคิดสละเรือ!
(ประมาณว่าโดดลงจากเรือแล้วเสี่ยงว่ายน้ำไปต่อ…เบื้องหน้าเป็นเช่นไรก็ช่าง คล้ายๆไปตายเอาดาบหน้า)
ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะชิงลงมือก่อน และทำลายความตั้งใจนั่นของกู่ชุนเสีย!
เขาย่อมไม่กล้ากล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์พร้อมกับกู่ชุนจริงๆ!
นั่นเพราะพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนถูกทำลายด้วยน้ำมือเขา!
กล่าวให้ชัด มันถูกกลืนกินโดยเขา!
ตอนนี้พอได้ยินคำพูดของกู่ชุน ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งใจอย่างไม่รู้ตัว สุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายเดิมพันถูกข้างและกลายเป็นผู้ชนะคนสุดท้าย!
กลับกันพอได้ยินคำนี้ของกู่ชุน ใบหน้าหลี่อันก็มืดดำคล้ำลงนัก!
เพราะทันทีที่กู่ชุนกล่าวคำนี้ออกมา หลี่อันรู้ดีว่าเรื่องราวในวันนี้ได้ข้อสรุปและถึงการยุติแล้ว!
มันคิดใช้โอกาสนี้เพื่อจัดการต้วนหลิงเทียนให้อยู่หมัด หากแต่กู่ชุนกลับเป็น ‘เพื่อนร่วมทีมหมู’ จึงทำให้มันแพ้เกมนี้เสียอย่างนั้น
(เพื่อนร่วมทีมหมู = บ้านเราก็ ศัตรูเก่งไม่กลัว กลัวทีมไก่)
“ฮึ่ม!!”
หลี่อันแค่นคำสบถออกมาด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเหลือบมองกู่ชุนตาขวางครั้งหนึ่งก็เหินร่างจากไปทันที ไม่คิดกล่าวคำใดกับกู่ชุนต่อแม้ครึ่งคำ
“กู่ชุน ครั้งหน้าหากเจ้าคิดรวมหัวกับอาจารย์ของเจ้ามาใส่ร้ายป้ายสีข้า ก็หัดหาข้ออ้างให้มันดีๆหน่อย…ครั้งนี้ข้ออ้างของเจ้ามันห่วยแตกเกินไป เต็มไปด้วยช่องโหว่นัก!”
ต้วนหลิงเทียนที่กลายเป็นผู้ชนะคนสุดท้ายของวันนี้ ก็กล่าววาจาทิ้งท้ายกับกู่ชุนคำหนึ่ง ก่อนที่จะเหินร่างลงจากอากาศกลับเข้าบ้านพักชั้น 3 ไปทันที…
เห็นแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนหายไปต่อหน้าต่อตา ร่างกู่ชุนได้แต่สั่นเทิ้มไปด้วยความโกรธ ลูกตาของมันเผยความอาฆาตล้ำลึกฟันกรามขบแน่นดังกรอดๆ!
หมัดของมันยังกำแน่นเสียจนเล็บจิกเข้าเนื้อหลั่งโลหิต! ทว่าแม้เลือดจะไหลจ๊อกออกมาแต่กู่ชุนก็คล้ายยังไม่รู้สึกตัว!!
สายตาที่มองมาด้วยความสมเพชนับพันๆคู่ ยิ่งทำให้มันเจียนคลั่ง!
‘ต้วนหลิงเทียน ต้วนหลิงเทียน…ตราบใดที่ลูกพี่ลูกน้องของข้ามาถึง เจ้าได้ตายแน่!’
เป็นธรรมดาที่เมื่อรู้ว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของมันถูกทำลายไปแล้ว มันก็ไม่มีโอกาสสู้กับต้วนหลิงเทียนได้อีกต่อไป กู่ชุนจึงได้แต่ฝากความหวังทั้งหมดไว้กับลูกพี่ลูกน้องของมันแล้ว!
ตอนนี้มันยึดถือว่าลูกพี่ลูกน้องของมันก็คือฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย!
หลังจากนั้นเรื่องราวก็ดำเนินไปอย่างสงบเป็นเวลาหนึ่งเดือน
หนึ่งเดือนผ่านไป วันนี้ลัทธิบูชาไฟพลันมีร่างหนึ่งมาเยือนอย่างคาดไม่ถึง…
เป็นชายวัยกลางคนที่แลดูอิดโรยเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ทันทีที่มันปรากฏตัวในเขตพื้นที่ของลัทธิบูชาไฟ ก็ถูกหน่วยลาดตระเวนของลัทธิบูชาไฟที่นำโดยอาวุโสเพลิงทองแดงคนหนึ่งหยุดไว้
“เจ้าเป็นผู้ใด ถึงได้หาญกล้าบุกรุกเข้ามาในเขตพื้นที่ของลัทธิบูชาไฟ?”
อาวุโสเพลิงทองแดงดังกล่าว ถามออกมาเสียงดัง
ชายวัยกลางคนผู้มาเยือนนั้น แลดูหน้าตาธรรมดาๆไร้ใดโดดเด่น เนื้อตัวกำยำล่ำสัน ในมือถือกระบี่ยาวพร้อมฝัก ยามลอยร่างตระหง่านกลางอากาศให้ความรู้สึกคล้ายหอคอยหนึ่ง
“ข้าเรียกว่ากู่หลง มานี่เพื่อคิดเข้าร่วมกับลัทธิบูชาไฟ…”
แม้จะเผชิญหน้ากับอาวุโสเพลิงทองแดง หากแต่ชายวัยกลางคนยังคงมีสีหน้าสงบ กล่าวตอบออกไปอย่างเฉยเมย
หลังจากนั้นไม่นาน อาวุโสเพลิงทองแดงก็หยิบควักลูกแก้ววิญญาณที่สามารถทดสอบพรสวรรค์รากวิญญาณได้ออกมา
หลังจากการทดสอบก็พบว่า ที่แท้ชายวัยกลางคนผู้มาเยือนนี้…กลับมีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงิน!!
พอได้เห็นกับตาว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของชายวัยกลางคนผู้นี้เป็นสีน้ำเงิน อาวุโสเพลิงทองแดงก็เผยอาการตื่นเต้นดีใจออกมา สีหน้าท่าทางยังกลายเป็นสุภาพขึ้นหลายส่วน!
ตอนที่ 1,923 : แก้แค้นให้ข้า!
ในภูมิภาคตอนบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านั้น มีกฏเหล็กข้อหนึ่งที่ทุกคนรู้กันไปทั่ว…
หากพรสวรรค์รากวิญญาณของผู้ใดเป็นรากวิญญาณสีน้ำเงินหรือเหนือกว่านั้น ล้วนเป็นผู้ที่สามารถบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ได้ในสักวัน หากไม่เกียจคร้านและตั้งใจบ่มเพาะพลังอยู่ตลอด…
ขอบเขตเซียนสวรรค์นั้น เป็นด่านพลังสูงสุดของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแล้ว
ตัวตนที่สามารถบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ได้ ก็เป็นดั่งผู้ที่อยู่ ณ จุดสูงสุดของแดนดิน สามารถทอดตามองลงทั่วใต้หล้า!
“น้องกู่หลง ตามกฏของลัทธิบูชาไฟเรา ผู้ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินหรือสูงกว่านั้น จักสามารถเข้าร่วมลัทธิได้โดยมิจำเป็นต้องผ่านบททดสอบอันใด เจ้าสามารถเลือกจะเข้าร่วมแท่นบูชาจตุรลักษณ์แท่นใดก็ได้ทันที!”
พอผลการทดสอบออกมาว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่หลงเบื้องหน้า คือรากวิญญาณสีน้ำเงิน ทีท่าของอาวุโสเพลิงทองแดงคนนี้ก็นอบน้อมสุภาพขึ้นหลายส่วน
หลังกล่าวเกริ่นนำไปแล้ว อาวุโสเพลิงทองแดงยังกล่าวสืบต่ออย่างกระตือรือร้นอีกว่า “แท่นบูชาที่ข้าอยู่คือแท่นบูชาเต่าทมิฬ ซึ่งเป็นหนึ่งในแท่นบูชาจตุรลักษณ์…เวทย์พลังประจำแท่นของเราคือเวทย์พลังสายป้องกันชั้นสูงเพียงหนึ่งเดียวในบรรดาแท่นบูชาจตุรลักษณ์ ปราการเต่าทมิฬ!”
“น้องชายกู่หลงใช่สนใจเข้าร่วมกับแท่นบูชาเต่าทมิฬของพวกเราหรือไม่?”
กล่าวโน้มน้าวจบคำอาวุโสเพลิงทองแดงก็มองจ้องกู่หลงด้วยความหวัง
หากกู่หลงเลือกจะเข้ารวมแท่นบูชาเต่าทมิฬจริง มันจะรีบพาอีกฝ่ายไปแนะนำตัวกับจ้าวแท่นบูชาเสีย!
มันเชื่อว่าด้วยพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินนี้ของกู่หลง จ้าวแท่นต้องพึงพอใจอย่างสูงและรับกู่หลงเป็นศิษย์ส่วนตัวทันทีแน่!
ถึงตอนนั้นเมื่อจ้าวแท่นได้รับศิษย์เลิศล้ำคนย่อมมีความสุข คราวนี้ไหนเลยมันยังจะไม่ได้รับรางวัลตอบแทนความดีความชอบ?
“มิว่าลูกพี่ลูกน้องของข้าอยู่แท่นบูชาใดในแท่นบูชาจตุรลักษณ์ ข้าจะเข้าร่วมกับแท่นบูชานั้น…”
กู่หลงเพิกเฉยต่อวาจาโน้มน้าวของอาวุโสเพลิงทองแดง หากแต่เลือกจะกล่าวเจตนาของตัวเองออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย
มันเป็นอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงิน ความสำเร็จในภายภาคหน้านั้นห่างไกลจากสิ่งที่อาวุโสเพลิงทองแดงเบื้องหน้าจะอาจเอื้อมเทียบเทียม!
ดังนั้นแล้วแต่ต้นจนจบขณะกล่าวคำต่อหน้าอาวุโสเพลิงทองแดง กู่หลงก็ยังคงทำตัวตามสบาย
เดิมทีคิดว่ากู่หลงจะเข้าร่วมกับแท่นบูชาเต่าทมิฬของตัว แต่พอได้ฟังคำพูดทั้งท่าทางเฉยเมยไม่แยราวกับไม่เห็นมันอยู่ในสายตา อาวุโสเพลิงทองแดงอดไม่ได้ที่จะชะงักไปวูบหนึ่ง ค่อยกล่าวถามออกมา “แล้วลูกพี่ลูกน้องของน้องกู่หลงเป็นผู้ใด?”
“น้องชายข้าเรียกว่ากู่ชุน พรสวรรค์รากวิญญาณคือสีเขียว…เกือบสองเดือนที่แล้วน้องชายข้ามาเข้าร่วมการทดสอบรับศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์ของลัทธิบูชาไฟแห่งนี้”
“หากมิมีข้อผิดพลาดอันใด ป่านนี้น้องชายข้าสมควรฝากตัวเป็นศิษย์ของอาวุโสเพลิงเงินเรียบร้อยแล้ว…และข้ามาที่ลัทธิบูชาไฟแห่งีน้ ก็เพื่อที่จะคารวะอาวุโสเพลิงเงินคนนั้นในฐานะอาจารย์”
ขณะกูหลงกล่าวออก ลึกลงไปในแววตายังเผยความอ่อนโยนอบอุ่นราวกับแดดแรกของฤดูใบไม้ผลิ
เมื่อไม่กี่เดือนก่อนน้องชายของกู่หลง กู่ชุนนั้น ได้วางแผนจะมาที่ลัทธิบูชาไฟด้วยกัน อีกทั้งยังตกลงกันว่าจะคารวะอาวุโสเพลิงเงินคนเดียวกันเป็นอาจารย์
เพื่อที่จะได้ดูแลลูกพี่ลูกน้องอย่างกู่ชุน กู่หลงยินดีสละโอกาสที่จะได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของอาวุโสระดับเพลิงทองไปอย่างไม่ลังเล
มันบอกให้กู่ชุนฝากตัวเป็นศิษย์อาวุโสเพลิงเงินทันทีที่ได้เข้าร่วมลัทธิบูชาไฟ เพื่อให้น้องชายมีคนคอยดูแลพึ่งพิง
และหากอาวุโสเพลิงเงินคนนั้นไม่เหลียวแลกระทั่งดูแคลน กู่หลงก็ให้กู่ชุนยกตัวมันขึ้นมาอ้างว่าจะมาเข้าร่วมเป็นศิษย์ด้วย
มันเชื่อว่าตราบใดที่มันเต็มใจจะฝากตัวเป็นศิษย์ ยอมรับอาวุโสเพลิงเงินในฐานะอาจารย์ล่ะก็ คงไม่มีอาวุโสเพลิงเงินคนไหนโง่พอจะปฏิเสธและต้องยินดีรับกู่ชุนเป็นศิษย์แน่!
และความมั่นใจในตนเองอันล้นเหลือของมันก็มิได้มาจากที่ไหนไกล เป็นพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินของตัวมันเอง!
พรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินนับเป็นดั่ง ‘หมาก’ ที่ดีที่สุดในมือของมัน ซึ่งเป็นอะไรที่ยากจะมีอาวุโสเพลิงเงินคนใดกล่าวปฏิเสธได้ลงคอ!
“เจ้า…เจ้าคือลูกพี่ลูกน้องของกู่ชุนงั้นรึ?”
ได้ยินคำพูของกู่หลงสองตาอาวุโสเพลิงทองแดงอดไม่ได้ที่จะเบิกกว้าง มันจำต้องมองกู่หลงใหม่อีกรอบ ขณะเดียวกันใบหน้าก็เผยความตื่นตกใจนัก คล้ายได้รับทราบสิ่งอัศจรรย์
กู่ชุน คือใครมันย่อมเคยได้ยินมาเป็นธรรมดา
พวกมันแท่นบูชาจตุรลักษณ์ของลัทธิบูชาไฟทุกๆ 3 ปี และรอบล่าสุดก็พึ่งผ่านมาได้ราวๆ 2 เดือนเท่านั้น
และคราวนี้ในบรรดาผู้อาวุโสเพลิงเงินของแท่นบูชาเต่าทมิฬ ก็มีอาวุโสหลี่อันเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รับศิษย์
ตอนนั้นบรรดาอาวุโสเพลิงเงินคนอื่นๆ กระทั่งอาวุโสเพลิงทองแดงอย่างมันก็อดแปลกใจไม่ได้
อาวุโสหลี่อันเป็นถึงอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬ สายตาเรียกว่าสูงมาก กระทั่งตลอดเวลาพึ่งรับศิษย์ไปเพียง 3 คนเท่านั้น และทั้ง 3 ก็ล้วนเป็นชนชั้นอัจฉริยะทั้งสิ้น
พอพวกมันรับทราบว่าอาวุโสหลี่อันกลับรับศิษย์ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเขียวอย่างกู่ชุนขึ้นมา พวกมันจึงอดไม่ได้ที่จะงุนงงกันไปหมด ด้วยไม่ทราบว่าไฉนสายตาของอาวุโสหลี่อันถึงได้ตกต่ำลงเสียแล้ว
แต่พอมาตอนนี้พอได้ยินวาจาที่กล่าวมาก่อนหน้าของกู่หลง ในใจมันก็ปรากกคำตอบเรียบร้อยแล้ว…
‘ไม่น่าแปลกใจ ไม่น่าแลปใจ…ไม่น่าแปลกใจเลยว่าไฉนอาวุโสหลี่อันถึงได้รับกู่ชุนเป็นศิษย์ส่วนตัว! ที่แท้ทั้งหมดก็เห็นกู่ชุนเป็นทางผ่านไปยังกู่หลง!’
นี่คือคำตอบในใจของอาวุโสเพลิงทองแดง
กู่หลงนั้นเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงิน หากอีกฝ่ายเต็มใจคารวะหลี่อันเป็นอาจารย์ แน่นอนว่าหลี่อันย่อมเห็นแก่หน้ากู่หลง และเลือกจะรับกู่ชุนเป็นศิษย์อย่างไม่ขัดข้อง
ขณะเดียวกันอาวุโสเพลิงทองแดงก็อดไม่ได้ที่จะผิดหวัง
เพราะตอนนี้ดูเหมือนมันจะไม่อาจแนะนำอัจฉริยะพรสวรรค์รากสีน้ำเงินคนนี้ให้จ้าวแท่นบูชาได้แล้ว ความดีความชอบรางวัลอันใดก็จำต้องอดไปโดยปริยาย…
แน่นอนว่าจ้าวแท่นบูชาก็ย่อมมีความสนใจอยากได้ตัวอัจฉริยะที่มีพรสวรค์รากสีน้ำเงินไม่น้อย หากแต่ก็คงไม่อยากได้ถึงขั้นลดตัวลงไปแย่งชิงลูกศิษย์กับอาวุโสเพลิงเงินภายใต้บัญชา…
นอกเสียจากจะเป็นอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีคราม!
อย่างไรก็ตาม หากมีอัจฉริยะปีศาจผู้มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีครามปรากฏตัวขึ้นมาจริงๆล่ะก็ กระทั่งระดับสูงในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็คงไม่วายออกมาชิงตัวผู้คนกันจ้าละหวั่น!
“ทำไม? หรือท่านรู้จักลูกพี่ลูกน้องของข้าด้วย?”
สองตากู่หลงทอประกายวาบขึ้นมาเมื่อได้ยินคำของอาวุโสเพลิงทองแดง
“อืม”
อาวุโสเพลิงทองแดงพยักหน้า “ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าตอนนี้อยู่ในอาณัติของอาวุโสหลี่อัน อาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 อาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬเราเอง”
“อาวุโสหลี่อัน? อาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬ?”
กู่หลงพอได้ยินก็พยักหน้าลงด้วยความถูกใจ
ดูเหมือนว่าสายตาของน้องชายคนนี้จะไม่เลวเลยจริงๆ กลับเลือกที่จะพึ่งพิงอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 แบบนี้
“แต่ว่า…ตอนนี้สถานการณ์ของลูกพี่ลูกน้องเจ้าก็มิค่อยจะสู้ดีนัก”
อาวุโสเพลิงทองแดงพลันกล่าวเสริมออกมา
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้างในเขตที่พักเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬมันย่อมรู้ดี เพราะเรื่องนี้เรียกว่าไม่เพียงแต่จะแพร่กระจายไปทั่วแท่นบูชาเต่าทมิฬ กระทั่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยังรับทราบกันแล้ว
นั่นก็คือ
กู่ชุนศิษย์ใหม่ของอาวุโสเพลิงเงินอันดับหนึ่งในแท่นบูชาเต่าทมิฬอย่างอาวุโสหลี่อันนั้น ไม่ทราบไปทำอีท่าไหนมา หากแต่พรสวรรค์รากวิญญาณกลับหายไปจากส่วนลึกของดวงจิตอย่างลึกลับ! ไร้ซึ่งร่องรอยอันใดให้สืบสาว!!
ที่ประหลาดคือพรสวรรค์รากวิญญาณหายไปแล้วแท้ๆ หากแต่ดวงจิตของกู่ชุนกลับไม่มีความเสียหายแม้แต่น้อย!
เรื่องนี้ต่อให้เป็นสุดยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน ก็ไม่อาจกระทำได้!
เช่นนั้นตลอด 1 เดือนที่ผ่านมาเรื่องนี้ได้เป็น ‘คดีปริศนา’ ที่ยังคงค้างคาในแทน่บูชาจตุรลักษณ์ เช่นนั้นเรียกว่านามกู่ชุนจึงเป็นที่โด่งดังขึ้นมาในลัทธิบูชาไฟ
แน่นอนว่าถ้าหากเลือกได้ กู่ชุนคงไม่อยากโด่งดังเพราะเรื่องนี้
เพราะชื่อเสียงดังกล่าว มันเป็นชื่อเสียงที่น่าอนาถเกินไป!
หากไร้ซึ่งรากวิญญาณแล้ว เช่นนั้นตลอดชั่วชีวิตนี้ก็คงยากจะบ่มเพาะฝึกปรือพลังอันใดได้อีก เรียกว่าไร้ซึ่งหนทางก้าวหน้าอีกต่อไป
เสมือนซากปรักหักพังที่ยังมีชีวิต!
“อันใด! เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับน้องชายข้า?!”
ได้ยินวาจาประโยคนี้ของอาวุโสเพลิงทองแดง กู่หลงตระหนักได้ทันทีว่าผิดท่า! สมควรเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับกู่ชุนแน่แล้ว!!
กู่ชุนนั้นถึงแม้จะเป็นเพียงลูกพี่ลูกน้องของมัน แต่มันก็เห็นอีกฝ่ายเป็นยิ่งกว่าน้องชายแท้ๆของตัวเองเสียอีก!
มันนั้นเป็นกำพร้า เพราะบิดามารดาได้จากไปตั้งแต่เล็ก ต่อมาจึงได้รับการอุปถัมภ์ดูแลจากบิดาของกู่ชุน ซึ่งอีกฝ่ายก็ดูแลให้ความรักมันไม่ต่างอะไรจากลูกชายในไส้
ต่อมากลับเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน และเป็นบิดาของกู่ชุนได้สละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยเหลือมันเอาไว้
นั้บตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมามันก็รับบทเป็นทั้งพี่ชาย และเป็นเหมือนบิดาอีกคนของกู่ชุน
มันย่อมตื่นตระหนกตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับกู่ชุน!
“เอาล่ะตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปยังเขตที่พักของศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬก่อน…สำหรับเรื่องกู่ชุน ข้าจะค่อยๆเล่าให้เจ้าฟังระหว่างเดินทาง”
อาวุโสเพลิงทองแดงหันไปสั่งการศิษย์ที่ติดตามมาทำหน้าที่ลาดตระเวนให้ทำหน้าที่ต่อไป ส่วนตัวมันก็พากู่หลงมุ่งหน้าไปทางส่วนตะวันตกของแท่นบูชาเต่าทมิฬ
พื้นที่แถบนั้นคือเขตที่พักของศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬ
“นี่เป็นเครื่องแต่งกายของศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬ”
ระหว่างเดินทาง อาวุโสเพลิงทองแดงก็สะบัดมือส่งชุดของศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬไปให้กู่หลง
“อาวุโส…ไม่ทราบที่แท้เกิดอันใดขึ้นกับน้องชายของข้ากันแน่”
ถึงแม้มือจะเอื้อมออกไปรับชุดแต่งกายมาไว้ หากแต่สายตาของกู่หลงยังคงมองอาวุโสเพลิงทองแดงไม่ว่าง ยังกล่าวถามเรื่องราวเมื่อครู่ออกมาด้วยใบหน้าเปี่ยมกังวล
“พรสวรรค์รากวิญญาณของน้องเจ้าหายไปแล้ว…”
อาวุโสเพลิงทองแดงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ค่อยกล่าว
พรสวรรค์รากวิญญาณหายไป!
วาจานี้ของอาวุโสเพลิงทองแดงยามเข้าหูของกู่หลงกลับรู้สึกว่ามันดังไม่ต่างใดจากอัสนียามแล้งที่ฟาดผ่าลงมาโดยไร้ซึ่งการตั้งเค้าใดๆมาก่อน พาลให้สีหน้ามันแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก ดวงตาเริ่มกลายเป็นสีแดง กลิ่นอายพลังทั่วร่างพลันปั่นป่วนปะทุออกมาอย่างรุนแรง!
“พรสวรรค์รากวิญญาณหายไป?”
กู่หลงกล่าวถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งแววตาระริก อีกทั้งน้ำเสียงประโยคหลังแม้จะยังแหบแห้งกลับเต็มไปด้วยความเย็นชาถึงขีดสุด ราวกับผุดแทรกขึ้นมาจากหล่มน้ำแข็ง “นี่มันเกิดเรื่องบัดซบอันใดขึ้นกันแน่ ไฉนพรสวรรค์รากวิญญาณของน้องข้าจึงหายไปได้! อยู่ๆมันจักหายไปดื้อๆได้อย่างไร?!”
กู่หลงย่อมรู้ดีเป็นธรรมชาติ ว่าการหายไปของรากวิญญาณมีความหมายว่าอะไร
ด้วยเหตุนี้มันจึงจินตนาการได้ไม่ยาก ว่ายามนี้น้องชายของมันกำลังสิ้นหวังถึงเพียงไหน!
“ข้าเองก็มิรู้ว่าพรสวรรค์รากวิญญาณหายไปได้อย่างไร…อันที่จริงกระทั่งตัวกุ่ชุนเองก็ยังมิแน่ใจด้วยซ้ำ”
ได้ยินคำจี้ถามของกู่หลง อาวุโสเพลิงทองแดงได้แต่ยิ้มแห้งๆค่อยกล่าวตอบคำไปอย่างจนปัญญา
“น้องข้าเองก็ยังไม่รู้?”
กู่หลงอึ้ง สนามพลังไร้สภาพที่เริ่มแผ่ซ่านออกมาทั่วกายก่อนหน้าเริ่มสลายหายไป
ทันทีที่ได้ยินว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของน้องชายหายไป มันคิดว่ามีใครบางคนทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของน้องชายมันไปจึงมีโทสะนัก…ทว่าพอได้ฟังความจากปากของอาวุโสเพลิงทองแดงว่ากระทั่งตัวกู่ชุนเองก็ไม่รู้ชัด มันก็รู้สึกอับจนหนทาง
ภายใต้การนำพำของอาวุโสเพลิงทองแดง ไม่นานกู่หลงก็มาถึงเขตที่พักของศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬ
หลังจากได้รับทราบจากศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬว่ากู่ชุนน้องมันพักอยู่ในส่วนของบ้านพักชั้น 3 กู่หลงก็เหินร่างขึ้นไปตามหาบ้านพักของน้องชายทันที
“เจ้านั่นเป็นผู้ใดกัน?”
“ดูเหมือนจะเป็นหน้าใหม่…อาวุโสเพลิงทองแดงพึ่งพามันมาส่งเมื่อครู่”
“ฟังแล้ว ดูเหมือนมันจะมาตามหากู่ชุนนะ”
…
การปรากฏตัวขึ้นของกู่หลง ย่อมดึงดูดความสนใจของเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬหลายคนที่เห็นคนแปลกหน้า
ก็อก! ก็อก!
…
กู่หลงเคาะประตูไปไม่ทันไร ประตูก็ถูกเปิดออกมาอย่างรวดเร็ว
“พี่!”
เมื่อเปิดประตูมาเห็นกู่หลง ใบหน้าที่แลดูอึมครึมหมองตรมของกู่ชุนก็ส่องสว่างขึ้นมาทันใด คล้ายมันพึ่งได้เห็นฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย ร่างมันถลาไปเบื้องหน้าอย่างตื้นเต้นค่อยสวมกอดกู่หลงแน่นอยู่นานค่อยปล่อย
“ท่านพี่! ท่านต้องช่วยข้าล้างแค้น! ท่านต้องแก้แค้นให้ข้า!!”
ไม่รอให้กู่หลงมีโอกาสได้กล่าวคำใด กุ่ชุนพลันโพล่งคำออกมาด้วยน้ำเสียงโผงผางร้อนใจราวคนใกล้บ้า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น