War sovereign Soaring The Heavens 1896-1899

 ตอนที่ 1,896 : โต้กลับ!


 


“ไอ้ขยะ! หากชาติหน้ามีจริงก็จดจำใส่กะโหลกเอาไว้ให้ดีๆเล่า! ว่าหากพบเจอคนอย่างข้านายน้อยอีกครั้งให้รีบไสหัวหนีไปเสีย…หาไม่แล้วไม่ว่าเจ้าจะเกิดใหม่อีกกี่รอบเจ้าก็ต้องตาย!!”


 


หยางหวู่ที่โจนทะยานมาปานสายลม พริบตาก็บรรลุถึงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน


 


ขณะที่มันกล่าวคำดูแคลนเสียงเย็น ในมือก็ปรากฏกระบี่สีเขียวยาว 3 ฉื่อเล่มหนึ่ง


 


ฟั่บ!


 


กระบี่สีเขียวยาว 3 ฉื่อ ฟันแหวกฟ้าออกไปแนวขวางอย่างอำมหิต! ยังก่อเกิดรังสีพลังร้ายกาจขุมหนึ่งฉาบคลุมจนแลคล้ายกระบี่จะยืดยาวเป็น 7 ฉื่อ! กลิ่นอายจากรังสีพลังยังคมกล้าดุร้ายคล้ายจะทำลายสะบั้นได้ทุกสิ่งที่ขวางทาง!!


 


“กระบี่ร้อยอาคมเซียน!!”


 


สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังที่แผ่ออกจากกระบี่สีเขียว 3 ฉื่อของหยางหวู่ กอปรทั้งมวลพลังที่ตัวกระบี่ปลดปล่อยออกมา ผู้คนย่อมตระหนักได้ทันทีว่ากระบี่สีเขียวในมือของหยางหวู่ เป็นกระบี่ที่จารึกอาคมเซียนเอาไว้ถึง 100 อาคม!!


 


หากไม่ใช่ศาสตรา 100 อาคมเซียน คงไม่ทรงพลังอำนาจเท่านี้!


 


ครืนนน!!


 


ในขณะเดียวกันนั้นเอง อาณาบริเวณกินรัศมีร้อยหมี่โดยมีหยางหวู่เป็นจุดศูนย์กลาง ก็อุบัติมวลพลังขุมหนึ่งขึ้นในความว่าง เริ่มควบแน่นก่อเกิดสนามพลัง!


 


ภายในสนามพลังนี้ ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ว่าแรงโน้มถ่วงที่ฉุดดึงร่างเขาคล้ายจะเพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล ทำให้ร่างที่บาดเจ็บเจียนล้มยิ่งรู้สึกปวดแปลบไปทั่วกาย สีหน้ายังซีดเขียวลงทันใด!


 


เห็นได้ชัดว่าสนามพลังที่หยางหวู่เปิดใช้ ก็คือเขตแดนแรงโน้มถ่วง!


 


“น้องหลิงเทียน!”


 


เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนยังไม่ทันได้ลงมือลงไม้อะไร โลหิตก็กระอักออกปากอีกครั้ง แถมหน้ายังซีดลงราวกับจะสิ้นลมได้ทุกเมื่อ หน้ากู่ลี่ก็เปลี่ยนสีไปอย่างใหญ่หลวง ลูกตาแลดูล็อกแล่ก ขบฟันดังกรอดๆ


 


สีหน้าจูลู่ฉีก็มืดลงเช่นกัน เผยให้เห็นชัดถึงความกังวล


 


“สวะเจ้า! ตายไปเสีย!!”


 


หยางหวู่คำรามด้วยอำมหิต มันที่อยู่ในสนามพลังโน้มถ่วงเช่นกันยังคงทะยานรี่เข้ามาด้วยความเร็วเท่าเดิม คล้ายไม่ได้รับผลกระทบอะไร


 


นี่คือเขตแดนของมัน ก็เป็นธรรมดาที่มันจะไม่ได้รับผลกระทบ!


 


ภายใต้สายตาที่จับจ้องมองมาอย่างลุ้นระทึกของทุกคน ตอนนี้สภาวะท่วงท่าของหยางหวู่กระหนึ่งเทพกระบี่ที่จู่โจมลงมือฆ่าฟันออกไปอย่างเกรี้ยวกราด ปานจะสร้างเส้นทางโลหิตให้ทอดยาวไปสักพันลี้ หมายฆ่าต้วนหลิงเทียนบั่นคอให้ตายในกระบี่เดียว!!


 


“เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่น กำลังจะจบสิ้นแล้ว!”


 


“เฮ่อ…ช่องว่างมันห่างเกินไป”


 


“มารดาของมัน…พลังฝึกปรือต่างกันเป็นขอบเขต!”


 


……


 


เห็นฉากนี้หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าไปมาพร้อมถอนหายใจ ราวกับพวกมันเห็นฉากที่ต้วนหลิงเทียนถูกฆ่าตายไปแล้ว


 


‘แค่เศษสวะตัวกระจ้อยกลับกล้าสามหาวว่าข้า! ครั้งนี้นับว่าเจ้าโชคดีไป หากข้าลงมือเองข้าจะให้เจ้าตายไร้ที่ฝัง!!’


 


หลี่อันมองร่างต้วนหลิงเทียนที่กำลังจะตายภายใต้กระบี่ของหยางหวู่ด้วยสองตาทอประกายอำมหิต


 


ตอนที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวเสียดสีมันเป็น ‘สุนัขเฒ่า’ นับว่าทำให้มันโมโหจนหัวขึ้นควัน!


 


หากต้วนหลิงเทียนไม่เลือกที่จะด่ามันลอยๆด้วยการเสียดสี แต่ด่ามันตรงๆล่ะก็ มันจะลงมือดั่งฟ้าผ่าฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายทันที!


 


อย่างไรก็ตามแม้ต้วนหลิงเทียนจะด่าว่ามัน พอมาตอนนี้มันก็ไม่มีโมโหอะไรอีกแล้ว


 


เพราะตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกำลังจะตายภายใต้เงื้อมมือหยางหวู่ ก็ย่อมทำให้มันรู้สึกสาสมใจเรียบร้อย


 


“เฮ่อ…”


 


เถิงชานระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน ภาพเบื้องหน้าทำให้มันรู้สึกยากจะทนดูได้จริงๆ


 


มันไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะมีปัญญาต้านรับหยางหวู่ได้ จึงเตรียมจะหันหน้าไปอีกทาง ด้วยไม่อยากเห็นฉากเลือดสาดของต้วนหลิงเทียน


 


อย่างไรก็ตามในขณะที่มันกำลังจะเบือนหน้าหนีไป สถานการณ์กลับเปลี่ยนไปครั้งใหญ่!


 


“นิ…นี่มันจักเป็นไปได้อย่างไร?!”


 


ลูกตาเถิงชานถึงกับหดหยีลงโดยพลัน มันมองจ้องไปยังภาพต้วนหลิงเทียนที่ปะทะกับหยางหวู่ด้วยแววตาสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ


 


“เป็นไปไม่ได้!”


 


แทบจะพร้อมกันกับที่ลูกตาเถิงชานหดเล็ก สีหน้าหลี่อันก็เปลี่ยนไปอย่างมหันต์ ในแววตายังฉายชัดถึงความเหลือเชื่อ ยากยอมรับว่าเรื่องราวเบื้องหน้าเป็นจริง


 


เพราะในสายตาของหลี่อันกับเถิงชานตอนนี้นั้น อยู่ดีๆก็ปรากฏวังวนหนึ่งขึ้นมาในฉับพลัน และร่างต้วนหลิงเทียนก็อยู่ใจกลางวังวนดังกล่าว!


 


และวังวนนั่นก็คือมวลพลังมหาศาลที่กำลังม้วนวนเข้าร่างต้วนหลิงเทียนปานถูกสูบกลืน!


 


ในขณะที่กระบวนการดูดกลืนดังกล่าวอุบัติขึ้น สนามพลังของหยางหวู่ก็พังทลายลงทันที!!


 


ฟั่บบ!!


 


อย่างไรก็ตาม การล่มสลายของเขตแดน ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อกระบี่ในมือหยางหวู่!


 


แม้ฉากประหลาดที่อุบัติขึ้นเบื้องหน้าจะทำให้หยางหวู่กลัว แต่มันก็ยังคงเร่งเร้าพลังลงมือเข่นฆ่าเข้ามาสุดตัวราวกับเทพสังหารไม่แปรเปลี่ยน กระบี่ร้อยอาคมเซียนก็ยังคงส่งเสียงกู่ร้อง ปานรีบร้อนจะสะบั้นหัวต้วนหลิงเทียนให้ได้เร็วๆ!


 


วูบ!


 


ทว่าในชั่วพริบตานั้นเอง หยางหวู่รู้สึกเสมือนมีประกายแสงแล่นวาบผ่านหน้ามันไป ยังมีเสียงหวีดหวิวที่อยู่ๆก็ปะทุระเบิดขึ้นในอากาศ พาลให้แก้วหูมันสะเทือนสะท้านไม่น้อย!


 


เคร๊งงงง!!


 


และพริบตาต่อมา ก็บังเกิดเสียงคล้ายโลหะกระทบกันดังสนั่นลั่นขึ้นตามติด! และคราวนี้ทำให้แก้วหูของหยางหวู่ถึงกับแตกแล้วจริงๆ โลหิตถึงกับไหลจ๊อกออกมาทันที!!


 


อย่างไรก็ตามหยางหวู่ไม่มีเวลามาสนใจหูที่หลั่งโลหิต มันกำลังตื่นตระหนกกับพลังสะท้อนอันรุนแรงที่แล่นวาบมาจากกระบี่ร้อยอาคม! เสมือนกับมันฟันกระบี่ลงเหล็กกล้าที่ไม่อาจทำลายได้ก็ไม่ปาน!!


 


พลังสะท้อนดังกล่าวไม่เพียงแต่จะทำให้ง่ามมือของหยางหวู่ฉีกขาดเลือดออก! แต่ยังแล่นวาบเข้าร่างของมันอย่างไว  สะท้านสะเทือนทำร้ายอวัยวะภายในของมันจนปั่นป่วนครั้งใหญ่!!


 


“อั๊คค!!”


 


ร่างหยางหวู่ที่สะท้านสะเทือนพลันกระอักโลหิตออกคำโต ตอนนี้สมองของมันยังรู้สึกอื้ออึงไม่เข้าใจ สองตาหันไปมองยังจุดที่กระบี่ร้อยอาคมเซียนฟันลงไปทันทีตามสัญชาตญาณ


 


ปรากฏว่ามีกรงเล็บหนึ่งอยู่ตรงนั้น…


 


เป็นกรงเล็บอันแหลมคมที่หยุดกระบี่ร้อยอาคมเซียนของมันเอาไว้ได้อย่างชะงัด!


 


ตอนแรกมันก็หลงคิดว่ามีสัตว์ร้ายอันใดปรากฏกายมาช่วยเหลือต้วนหลิงเทียน…


 


แต่พอมันไล่ตามองไปตามกรงเล็บที่พบว่าละม้ายคล้ายกรงเล็บมังกรนั้นเอง มันก็พบว่าที่แท้เป็นแขนของต้วนหลิงเทียน!


 


วูบ!


 


และก่อนที่หยางหวู่จะทันได้เห็นกรงเล็บและแขนของต้วนหลิงเทียนชัดถนัดตา กรงเล็บทั้งแขนดังกล่าวก็เปลี่ยนกลับกลายไปเป็นมือและแขนของมนุษย์ต่อหน้าต่อตา!


 


ขณะเดียวกันมือดังกล่าวยังพุ่งมาปานอัสนีบาตฟาดผ่า คว้ากุมเข้าไปที่ลำคอของมัน! ทั้งยังปะทุพลังมหาศาลขุมหนึ่งสะกดทำลายพลังทั่วร่างของหยางหวู่จนสลายหายไปสิ้น!


 


มือดังกล่าวยิ่งมายิ่งออกแรงบีบรัด ร่างหยางหวู่ยังถูกยกลอยขึ้นไปแขวนหิ้วไว้กลางอากาศ!!


 


“แค่ก…แค่ก…แค่ก…แค่ก”


 


ด้วยพลังทั่วกายถูกทำลายทั้งสะกดไว้ไม่ให้เร่งเร้าก่อเกิดได้อีก ทำให้หยางหวู่ไม่อาจเหินร่างลอยตัวได้ เช่นนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ที่ถูกแขวนคอจริงๆ! สองเท้าเตะอากาศวุ่นวาย มือรีบตะเกียกตะกายพยายามแกะมือที่หนีบแน่นราวคีมเหล็ก สีหน้ายิ่งมายิ่งแดงกึคล้ำขึ้นด้วยหายใจไม่ออก สำลักไอออกมาไม่หยุด


 


“ดูเหมือนว่าวันนี้คนที่ตายจะไม่ใช่ข้า…”


 


ตอนนี้เองเสียงไม่แยแสหนึ่งพลันดังขึ้น ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นต้วนหลิงเทียนที่บีบคอของหยางหวู่กล่าวออก!


 


สองตาเผยประกายเยียบเย็นของต้วนหลิงเทียน มองหยางหวู่ที่หายใจไม่ออกด้วยแววตาเฉยเมย ไม่คล้ายมีความรู้สึกใดๆในนั้น…


 


เมื่อครู่ก่อนที่กระบี่ร้อยอาคมเซียนของหยางหวู่จะฟันคอต้วนหลิงเทียน ด้านต้วนหลิงเทียนที่เจียนถูกสังหารก็พลันเคลื่อนไหวในห้วงเวลาสุดท้าย


 


เขาเรียกใช้ปฐมเวทย์กลืนกินก่อนสิ่งใด!


 


และด้วยพลังอำนาจของเวทย์พลังปฐมเวทย์กลืนกิน ถึงแม้ร่างกายเขาจะบาดเจ็บและไม่อาจเร่งเร้าปราณสุริยันแรกกำเนิดได้เต็มกำลัง แต่อาศัยปราณสุริยันแรกกำเนิดที่เพิ่มพูนเข้ามาในร่างอย่างฉับพลัน ก็ยังมากพอจะยกระดับพลังในร่างของเขาให้พุ่งไปหลายขั้น


 


แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่ในเวลาอันสั้นมันจะเพิ่มพูนพลังเขาให้บรรลุถึงจุดสูงสุด แต่กับอีแค่เพิ่มขึ้นให้มากพอจัดการหยางหวู่ ยังเกินพอนัก…


 


และพริบตาต่อมามือขวาของเขาก็พุ่งออกฉับไว!


 


ด้วยความที่เขาสามารถแปลงกายเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บได้ดั่งใจคิด คิดเปลี่ยนแขนให้กลายเป็นแขนมังกรย่อมง่ายดายนัก!


 


ด้วยกรงเล็บมังกรพร้อมปราณสุริยันแรกกำเนิดในร่างที่ถูกเพิ่มพูนขึ้นด้วยปฐมเวทย์กลืนกิน ต้วนหลิงเทียนสามารถหยุดกระบี่ร้อยอาคมเซียนที่เปล่งอานุภาพร้ายกาจเข่นฆ่าลงมาของหยางหวู่ได้ง่ายดาย ไม่ได้รู้สึกลำบากหรือกดดันอะไรแม้แต่น้อย


 


ถึงแม้กระบี่ที่จารึกอาคมเซียนไว้ถึงร้อยอาคมของหยางหวู่จะน่ากลัว แต่ปัญหาคือพลังที่ใช้ขับเคลื่อนเปิดใช้อาคมเซียนเหล่านั้นก็คือพลังของหยางหวู่ ที่เป็นเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นเชี่ยวชาญเท่านั้น และนั่นไม่ได้เป็นภัยคุกคามอะไรต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย…


 


ต้วนหลิงเทียนที่ลงมือไปอย่างไร้เรื่องราว ไม่เพียงแต่จะหยุดกระบี่ร้อยอาคมเซียนในมือหยางหวู่ได้เท่านั้น ยังทำให้หยางหวู่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะพลังสะท้อนไปอีก!


 


ด้วยเหตุนี้ฉากเรื่องราวจึงกลายเป็นอย่างที่เห็น…


 


“นิ…นี่…นี่มัน”


 


“มะ…ไม่น่าเชื่อ! ช่างเหลือเชื่อยิ่งนัก!!”


 


“นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน!? ไม่ใช่เจ้าหมอนั่นมันได้รับบาดเจ็บเพราะอาวุโสหลี่อันจนยืนยังไม่แทบจะไหวรึไง? ไฉนยังเหลือความแข็งแกร่งขนาดนี้เล่า?!”


 


“จะ…เจ้านั่นมันไม่ใช่อริยะเซียนขั้นสูงสุดหรอกเรอะ!? อริยะเซียนขั้นสูงสุดบ้านผู้ใดกัน! ยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่บาดเจ็บเจียนตายอยู่แบบนั้น ต่อให้สมบูรณ์พร้อมแต่จะรับกระบี่ของเซียนมนุษย์ขั้นกลางได้แบบนี้รึไง!? นี่มันไปเอาพลังมาจากที่ใดกัน?”


 


……


 


เหล่าผู้คนที่ชมดูเรื่องราว หนังศีรษะกลายเป็นชาด้านขึ้นมาแล้ว พวกมันไม่เข้าใจจริงๆ พอรู้สึกตัวก็อดไม่ได้ที่จะเผยแววตาหวาดกลัวไม่อยากจะเชื่อ


 


มีหลายคนที่รู้สึกว่าสมองหยุดทำงาน ไม่อาจคิดอะไรได้สืบไป


 


มีผู้ใดสามารถบอกพวกมันได้บ้าง ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น?


 


ไฉนอริยะเซียนขั้นสูงสุดที่บาดเจ็บจนอาการร่อแร่ กลับสำแดงพลังต้านทานรับกระบี่ร้อยอาคมเซียนที่เข่นฆ่าสังหารเข้ามาของเซียนมนุษย์ขั้นเชี่ยวชาญได้ง่ายดาย กระทั่งสุดท้ายยังเป็นผู้กุมชะตาชีวิตอีกฝ่ายไว้ในมือได้แบบนี้?


 


พวกมันย่อมแลเห็นกันได้ชัดเจน ว่าตอนนี้หากต้วนหลิงเทียนคิดเอาชีวิตหยางหวู่ ก็สามารถกระทำได้ทุกเวลา…


 


“น้องหลิงเทียน!”


 


ไม่เหมือนกับแววตาสยองขวัญไม่เข้าใจทั้งเหลือเชื่อของคนอื่น หลังได้เห็นฉากเรื่องราวตรงหน้า กู่ลี่ก็ร้องโพล่งออกมาด้วยความยินดี อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจอย่างโล่งอกเฮือกใหญ่


 


“ผิดมนุษย์”


 


จูลู่ฉีที่ตะลึงค้างร่างแข็งเหม่อมองไปพักหนึ่ง ค่อยกล่าวคำออกมาสองคำ


 


ความแข็งแกร่งที่ต้วนหลิงเทียนเผยออก ทำให้มันตกใจเช่นกัน!


 


มันไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะยังใช้ความแข็งแกร่งได้ถึงระดับนี้ทั้งๆที่บาดเจ็บหนักขนาดนั้น! กระทั่งไม่จำเป็นต้องลงมือวุ่นวายอะไร อยู่ๆก็คว้าหมับหยุดกระบี่ผู้คน สุดท้ายยังวกไปกุมบีบลำคอหยางหวู่ราวพญาอินทรีย์จับลูกเจี๊ยบได้อย่างง่ายดายไร้เรื่องราว…


 


“สารเลว! ปล่อยคุณชายรองของข้าเสีย!!”


 


ขณะเดียวกันนั้นเองชายชราที่ยืนอยู่ด้านหลังหยางหวู่มาโดยตลอด พอเห็นหยางหวู่ถูกต้วนหลิงเทียนบีบคอและเผยท่าทีอึดอัดทุรนทุรายก็ทนไม่ได้อีกต่อไป


 


พร้อมกันนั้นเองร่างชราก็คล้ายกลับกลายเป็นสายลมหอบหนึ่งพัดไหวไปยังต้วนหลิงเทียนทันที หมายลงมือช่วยชีวิตคุณชายรองของมัน!


 


“ฮึ่ม!”


 


อย่างไรก็ตามชายชราเพียงพุ่งร่างไปได้ไม่ทันไร เสียงสบถเย็นชาหนึ่งพลันดังขึ้น


 


ปงงงง!!


 


พร้อมกันนั้นก็บังเกิดมวลพลังมหาศาลขุมหนึ่งซัดกระแทกร่างชายชราจนกระเด็นย้อนไปไม่เป็นท่า…


 


“หากเจ้ายังสะเออะวุ่นวายอันใดอีก…ตาย!”


 


เถิงชานมองไปยังชายชราที่ปลิวกระเด็นไป ด้วยสายตารังเกียจกล่าวคำขาดเสียงเย็น


 


ทันใดนั้นร่างชายชราก็สั่นสะท้าน สีหน้ายังซีดลงทันตาเห็น


 


ชายชราเร่งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะว่ายตาหันไปมองหลี่อันที่ลอยร่างถัดจากเถิงชานทันที “อาวุโสหลี่อันท่านเป็นสหายสนิทของอาวุโสลำดับ 5 เรา ท่านต้องช่วยคุณชายรอง! อาวุโส 5 มีบุตรชายเพียง 2 คนเท่านั้น อีกทั้งท่านยังเอ็นดูคุณชายรองไม่น้อย หากเกิดเรื่องใดกับคุณชายรอง อาวุโส 5 ย่อมรับไม่ได้เป็นแน่!”


 


เมื่อตระหนักได้ว่าตัวมันไม่อาจช่วยชีวิตคุณชายรองได้แน่ มันก็พยายามขอความช่วยเหลือหลี่อันทันที


 


พอได้ยินเสียงผ่านปราณที่ส่งมาขอความช่วยเหลือจากชายชรา สีหน้าหลี่อันแต่เดิมที่มืดมนเป็นทุน มาตอนนี้ยิ่งมืดคล้ำปานจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก!


 


ให้มันช่วย?


 


ช่วยบัดซบอะไร?


 


มีคนเป็นพันๆที่เป็นสักขีพยานในการประลองเป็นตายระหว่างหยางหวู่กับต้วนหลิงเทียน!


 


ก็จริงที่หากมันลงมือย่อมช่วยเหลือหยางหวู่ได้แน่นอน…


 


แต่หลังจากนั้นมันอย่าได้หวังว่าจะสามารถอยู่ในลัทธิบูชาไฟได้อีกต่อไป…เพราะลัทธิบูชาไฟไม่มีวันทนรับความอับอายขายขี้หน้าเช่นนั้นได้!!


ตอนที่ 1,897 : หยางหวู่สิ้นใจ…


 


หลี่อันรู้ดีกว่าใคร


 


หากมันทะลึ่งสอดมือเข้าแทรกแซงการประลองเป็นตายระหว่างหยางหวู่และต้วนหลิงเทียนตอนนี้ล่ะก็…มันได้ถูกขับไล่ออกจากลัทธิบูชาไฟแน่!!


 


ให้มันออกจากลัทธิบูชาไฟเพื่อหยางหวู่?


 


แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้!


 


ไม่ต้องกล่าวถึงว่าอีกฝ่ายเป็นแค่บุตรชายของสหายสนิท ต่อให้จะเป็นลูกชายแท้ๆของมันเอง มันก็ไม่มีวันกระทำการใดที่เป็นการล่วงละเมิดลัทธิบูชาไฟเด็ดขาด!


 


เพราะหากมันละเมิดกฏ มันได้ถูกขับออกจากลัทธิบูชาไฟแน่!


 


หนึ่งในข้อห้ามของลัทธิบูชาไฟก็คือ การสอดมือแทรกแซงการประลองเป็นตายอย่างโจ่งแจ้ง! เพราะนั่นจะเป็นการทำลายชื่อเสียงของลัทธิบูชาไฟ!!


 


“ต้วนหลิงเทียน!”


 


อย่างไรก็ตามแม้มันจะไม่กล้าสอดมือเข้าไปแทรกแซงการประลองอย่างโจ้งแจ้ง แต่การส่งเสียงไปขู่ข่มต้วนหลิงเทียน หลี่อันยังกล้าทำ “ปล่อยคนเสีย…หาไม่แล้วเจ้าจักต้องเสียใจ!!”


 


หลี่อันพอเปิดปากกล่าวคำ ก็ส่งเสียงผ่านปราณไปข่มขู่ต้วนหลิงเทียนให้ปล่อยหยางหวู่ทันที


 


“เสียใจ?”


 


ต้วนหลิงเทียนหันหน้าไปแหงนมองทันทีเมื่อได้ยินเสียงผ่านปราณของหลี่อัน แววตายังค่อยๆมองจ้องไปยังใบหน้าของหลี่อันช้าๆ


 


และครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ระเบิดเสียงหัวเราะเยาะดังลั่น กล่าวโพล่งออกมาเสียงดังฟังชัดว่า “อาวุโสหลี่อัน…หากข้าจำไม่ผิดนี่มันการประลองเป็นตายระหว่างข้ากับหยางหวู่ไม่ใช่หรือไง?”


 


“แล้วเสียงที่ท่านส่งผ่านปราณมาข่มขู่ข้าแบบนี้…นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน? หากข้าไม่ปล่อยมันข้าจะต้องเสียใจงั้นเหรอ? ไม่ทราบว่าอาวุโสหลี่อันจะทำให้ข้าเสียใจอย่างไร?”


 


วาจาท้ายประโยค ตาต้วนหลิงเทียนยังหรี่ลงจับจ้องมองตาหลี่อันเขม็ง! กล่าวถามออกมาเสียงเข้มอย่างไม่ไว้หน้า!!


 


โอ! อา!


 


และทันทีที่เสียงของต้วนหลิงเทียนดังออกมา ฉากเรื่องราวโดยรอบพลันกลายเป็นโกลาหลปั่นป่วนทันที!


 


หลายคนถึงกับหันขวับไปจับจ้องยังร่างของหลี่อัน!!


 


ในสายตาเหล่านี้มีทั้งดูแคลนหยันหยามบ้างก็มีโมโห…เรียกว่าอาศัยแค่หนึ่งประโยคของต้วนหลิงเทียน ก็ผลักไสหลี่อันให้กลายเป็นเป้าหมายวิจารณ์ของสาธารณะชนทันที!!


 


ทั้งหมดเป็นเพราะมันทะลึ่งกล่าวขู่ข่มต้วนหลิงเทียน!


 


“เหอๆ…นี่น่ะหรืออาวุโสเพลิงเงินลำดับที่ 1 แห่งแท่นบูชาเต่าทมิฬของลัทธิบูชาไฟ?”


 


“เพ้ย! มันกระทั่งกล้าสอดมือในการประลองเป็นตายจริงๆ ช่างกระทำตัวให้เป็นที่อับอายขายขี้หน้าแท่นบูชาเต่าทมิฬของลัทธิบูชาไฟนัก!”


 


“หากต้วนหลิงเทียนไม่เปิดเผยออกมา ข้าคงไม่มีวันรู้ว่าที่แท้อาวุโสเพลิงเงินของลัทธิบูชาไฟก็มีด้านอุบาทว์ไร้ยางอายเช่นนี้ด้วย…ช่างน่ารังเกียจและน่าขยะแขยงนัก!”


 



 


หลังจากนั้นผู้คนก็เริ่มสบถกล่าววาจาดูแคลนรังเกียจออกมาทันที ในน้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความไม่พอใจนัก


 


หลี่อันที่ได้ยินถึงกับโมโหจนหัวร้อนจัด!


 


“อาวุโสหลี่อัน เรื่องต่ำช้าเช่นนั้นท่านยังกล้ากระทำ?”


 


เถิงชานขมวดคิ้ว มองจี้ถามหลี่อันเสียงเข้ม


 


“อาวุโสเถิงชาน มันแค่พ่นวาจาเหลวไหล! ท่านยังหลงเชื่อคำของมันด้วย?”


 


หลี่อันกล่าวตอบออกมาด้วยความไม่พอใจ


 


หลังจากนั้นมันก็หันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงเย็น “ต้วนหลิงเทียน เจ้ารู้หรือไม่ว่าโทษของการใส่ร้ายป้ายสีผู้อาวุโสของลัทธิบูชาไฟเป็นอย่างไร? หากเจ้ายังมิอยากตายก็หุบปากเอาไว้เสียจักประเสริฐกว่า!!”


 


ขณะกล่าววาจาประโยคนี้ สายตาที่หลี่อันใช้มองต้วนหลิงเทียนก็เผยประกายอำมหิต เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟันชัดเจน!


 


เหตุผลที่มันกระทำเช่นนี้เพราะคิดข่มขู่ให้ต้วนหลิงเทียนหวาดกลัว!


 


มันไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่า…ต้วนหลิงเทียนจะกล้าโพล่งคำขู่ของมันออกมาโต้งๆแบบนี้!


 


ความรู้สึกนี้ไม่ต่างใดจากการเลิกม่านผ้าชั้นสุดท้ายที่คลุมความอัปยศเอาไว้…


 


“ต้วนหลิงเทียน หากเจ้ายังไม่อยากตายก็หุบปากไปเสียให้สนิท!!”


 


ในขณะเดียวกันหลี่อันก็ไม่ลืมที่จะส่งเสียงผ่านปราณไปขู่ข่มต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง “อย่าได้คิดว่าข้าจะล้อเล่นกับเจ้า…หากเจ้ายังไม่ปิดปากแล้วพ่นลมอุบาทว์อันใดออกมาอีกแม้แต่ครึ่งคำ เจ้าเข้าร่วมลัทธิบูชาไฟเมื่อใดเจ้าได้ตายแน่!”


 


“ข้าหลี่อันเป็นถึงอาวุโสเพลิงเงินแห่งแท่นบูชาเต่าทมิฬของลัทธิบูชาไฟ…คิดฆ่าเจ้ายังง่ายดายดั่งตัดหญ้าฆ่าไก่!!”


 


เสี่ยงขู่ข่มของหลี่อันยิ่งมายิ่งเย็นยะเยือก


 


“ฮ่าๆๆ…!!!”


 


อย่างไรก็ตาม ในขณะที่หลี่อันคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะหวาดกลัวและเลือกหนทางประนีประนอมเพราะคำขู่ของมันนั้นเอง อยู่ๆต้วนหลิงเทียนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น!!


 


หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็หันมองหลี่อันอีกครั้ง ทั้งกล่าวคำออกมาด้วยเสียงดังฟังชัดให้ทุกคนได้ยินทันทีว่า “อาวุโสหลี่อันท่านบอกว่าข้าใส่ร้ายป้ายสีท่านงั้นเหรอ…เช่นนั้นพวกเรามากล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์อัสนีดีหรือไม่…ให้รู้กันไปว่าผู้ใดพูดความจริง ผู้ใดมันพูดเท็จ?”


 


สาบานต่อทัณฑ์อัสนี!


 


ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำนี้ออกมา ใบหน้าหลี่อันก็อัปลักษณ์ปั้นยากดูไม่ได้ทันที!


 


และสายตานับพันๆคู่ของผู้คนในแท่นบูชาไฟก็หันไปตกที่ร่างหลี่อันเป็นสายตาเดียวกัน ด้วยรอดูว่าหลี่อันจะกล้ากล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์อัสนีหรือไม่ หากไม่ใช่ก็แสดงว่ามันผิดจริงแล้ว!!


 


“อย่างเจ้าอาศัยอะไรให้ข้าลดตัวลงไปกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์อัสนีด้วย?”


 


หลี่อันมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเหยียดหยาม กล่าวคำดูแคลนออกมาด้วยทีท่ารังเกียจ ก่อนจะเบี่ยงหน้าหนีทำเป็นเมินไม่เห็นหัว…


 


และเมื่อหลี่อันกล่าวคำนี้ออกมา เสียงโห่ก็ดังขึ้นลั่นแท่นบูชาเต่าทมิฬทันที! แน่นอนว่าทุกคนล้วนโห่ใส่หลี่อัน!!


 


ถึงแม้หลี่อันจะกล่าวออกมาเสียงดังฟังชัดด้วยท่าทางวางตัวเหนือกว่า แต่คนส่วนใหญ่ไหนเลยจะไม่รู้ความจริง!


 


หลี่อันต้องไม่กล้ากล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์อัสนีเพราะกลัวความผิด!


 


หลังจากต้วนหลิงเทียนมาไม้นี้ หลี่อันก็เสมือนล้างมือในอ่างทอง ไม่กล้าที่จะคุกคามขู่ข่มอะไรต้วนหลิงเทียนอีก


(ล้างมือในอ่างทอง = เวลาจะเลิกทำอะไรเด็ดขาดก็มักจะล้างมือในอ่างทอง)


 


หากแต่มันเลือกที่จะถอยไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอาฆาต แววตายิ่งมายิ่งเย็นยะเยือกปานจะแช่แข็งผู้คน เต็มไปด้วยความเกลียดชังอันไร้สิ้นสุด!


 


ต้วนหลิงเทียนย่อมสัมผัสได้ถึงสายตานี้ของหลี่อันเป็นธรรมดา แต่เขาหาได้สนใจอะไรมันไม่!


 


เพราะเขารู้ดีแก่ใจ…ว่าตั้งแต่ที่เขาเลือกจะกล่าวคำเสียดสีหลี่อันว่า ‘สุนัขเฒ่า’ ก็เสมือนเขายืนฝั่งตรงข้ามหลี่อันเต็มตัว ไม่เหลือที่ว่างให้ประนีประนอมอะไรอีก!


 


และเขาไม่ได้เสียใจที่กระทำเช่นนี้แม้แต่น้อย!


 


เพราะก่อนหน้านี้ถ้าไม่ได้เถิงชานไหวตัวทันเร่งลงมือสลายพลังฝ่ามือของหลี่อันไป 5 ส่วนล่ะก็ เขาได้ถูกหลี่อันฆ่าตายไปแล้วแน่!


 


ตอนนั้นหลี่อันมันลงมืออย่างไม่ปราณีแม้แต่น้อย ซัดพลังสังหารใส่เขาตรงๆ!


 


เห็นได้ชัดว่ามันคิดฆ่าเขา!


 


เขาเองก็ไม่เคยพบเจอหลี่อันมาก่อน มันก็พึ่งเคยเจอเขาครั้งแรก แต่กลับคิดเอาชีวิตเขาแล้ว?


 


จะไม่ให้โกรธได้อย่างไร?


 


เช่นนั้นตั้งแต่วินาทีนั้น หลี่อันก็เป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันกับเขาได้!


 


ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขายังจะยอมให้หลี่อันข่มขู่เขาได้ง่ายๆอีกหรือ?


 


“แค่ก…แค่ก…ตะ…ต้วนหลิงเทียน…ได้โปรด…ปล่อยข้าไปเถอะ…ได้โปรด…แค่ก…”


 


ขณะเดียวกันหยางหวู่ที่ถูกต้วนหลิงเทียนบีบคออย่างแรง เมื่อตระหนักว่ากระทั่งหลี่อันก็ไม่อาจช่วยชีวิตมันได้แล้ว มันก็เริ่มดิ้นรนอีกครั้ง พยายามวิงวอนร้องขอความเมตตาจากต้วนหลิงเทียนทันที


 


ตอนนี้หยางหวู่ไหนเลยจะหลงเหลืออาการถือดีเย่อหยิ่งได้อีก?


 


“ให้ตายเถอะ…ข้าไม่คิดเลยว่าเรื่องราวจะกลับกลายเป็นเช่นนี้…นี่ถ้าหากข้าไม่ได้มาเห็นกับตา ข้าคงไม่มีวันเชื่อแน่!”


 


“นั่นสิ ตอนเริ่มประลองเป็นตายทุกคนล้วนคิดว่าต้วนหลิงเทียนต้องตายแน่ๆกันหมด….ใครจะไปคิดคาด ว่าสุดท้ายไม่เพียงจะไม่ตายแต่ยังลงมือสวนกลับจนเอาชนะหยางหวู่ได้ง่ายดาย เป็นผู้กุมชะตาชีวิตหยางหวู่เอาไว้ในกำมือแบบนี้…”


 


“พลังฝึกปรือที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียนไม่มีทางเป็นแค่อริยะเซียนขั้นสูงสุดได้เลย!!”


 


“เหลวไหล! ในแง่ความแข็งแกร่งที่เผยออกเมื่อครู่ พลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนจะมีแค่อริยะเซียนขั้นสูงสุดได้รึไง อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด!!”


 


……


 


ได้ยินหยางหวู่วิงวอนร้องขอความเมตตาจากต้วนหลิงเทียนอย่างน่าสมเพช โดยไม่เหลือทีท่าหยิ่งยโสถือดีอันใดอีก หลายคนที่ดูเรื่องราวอยู่อดไม่ได้ที่จะอึ้งไปเล็กน้อย สุดท้ายก็ถอนหายใจกันเป็นแถบ


 


“คุณชายรอง!!”


 


ชายชราที่ถูกเถิงชานทำร้ายบาดเจ็บ ได้แต่ยืนหน้าซีดตัวสั่น แววตาเผยความสะทกสะท้อนด้วยความรู้สึกไร้อำนาจ


 


ตัวมันก็บาดเจ็บสาหัสจนไม่อาจลงมือช่วยเหลืออะไรใครได้อีกแล้ว


 


ยิ่งไปกวานั้นต่อให้มันไม่บาดเจ็บ ก็อย่าคิดฝันว่าจะช่วยคนได้…


 


ด้วยมีเถิงชาน ที่ต้วนหลิงเทียนขอให้เป็น ‘สักขีพยาน’ การประลองเป็นตายอยู่แบบนี้


 


เป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะลงมือช่วยชีวิตคนภายใต้จมูกของเถิงชาน!


 


“ปล่อยเจ้าไป?”


 


เจอการวิงวอนร้องขอความเมตตาจากหยางหวู่ ต้วนหลิงเทียนมองตามันด้วยความไร้แยแส “ข้าอยากรู้นัก ว่าหากเป็นชีวิตข้าที่ตกอยู่ในมือเจ้าแทน…เจ้าจะยังปล่อยข้าไปหรือไม่?”


 


หยางหวู่ได้ยินคำถามนี้ของต้วนหลิงเทียน ลูกตามันก็หดเล็กลงทันใด ร่างกายของมันยังแข็งเกร็งขึ้นมาด้วยกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะอ่านความคิดในใจมันออก


 


“เจ้าไม่ต้องพูดข้าก็รู้คำตอบดี…”


 


สายตาของต้วนหลิงเทียนค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา รังสีสังหารพุ่งยิงออกมาเด่นชัด “และคำตอบข้าก็เหมือนกันกับเจ้า…”


 


“ไม่…แค่ก…ไม่…อย่า…ไม่…”


 


หยางหวู่พยายามเค้นเรี่ยวแรงดูดนมมารดาออกมาดิ้นรนต่อต้านสุดชีวิต ขาเตะอากาศวุ่นวายมือพยายามงัดแงะทุบตีแขนต้วนหลิงเทียนไม่หยุดเมื่อเห็นถึงจิตสังหารอำมหิตในแววตาของต้วนหลิงเทียน  ปากยังร่ำร้องออกมาอย่างหวาดกลัวและสิ้นหวัง


 


“อาวุโสหลี่อันมีอะไรจะบอกมันเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่? หากชักช้าก็ไม่มีโอกาสแล้วนะ…”


 


ก่อนที่จะฆ่าหยางหวู่ ต้วนหลิงเทียนยังเลือกจะหันไปมองถามหลี่อันในเวลาที่เหมาะสมออกมาเสียงเรียบ


 


ยั่วยุ!


 


นี่มันยั่วยุกันซึ่งๆหน้า!


 


จังหวะนี้ทุกคนสามารถสัมผัสได้ชัดเจน ว่าบรรยากาศระหว่างทั้งคู่ฟุ้งไปด้วยกลิ่นดินปืนนัก!


 


เจอต้วนหลิงเทียนยั่วยุด้วยสีหน้าวาจาแบบนี้ หลี่อันรู้สึกคล้ายปอดมันกำลังจะระเบิด! แต่ไม่ง่ายเลยที่มันจะลงมือทำร้ายใครต่อหน้าคนมากมายแบบนี้…


 


เพราะสุดท้ายแล้วทุกความเคลื่อนไหวและการกระทำของมัน ก็แทนหน้าตาของแท่นบูชาเต่าทมิฬ กระทั่งลัทธิบูชาไฟ!


 


“เสี่ยวหวู่…เจ้าไปอย่างสบายใจเถอะ อีกมินานลุงหลี่จะส่งมันไปตามทาง จักได้คอยรับใช้เจ้าในปรโลก!”


 


สุดท้ายหลี่อันก็เลือกที่จะส่งเสียงกล่าวไปถึงหยางหวู่เป็นครั้งสุดท้าย


 


และในตอนนี้น้ำเสียงของมันก็หนักอึ้งนัก


 


หยางหวู่ไม่ว่าจะกล่าวยังไง ก็คือบุตรชายคนเล็กของสหายที่ดีที่สุดของมัน การที่ต้องมาทนเห็นหลานตกตายวันนี้…ไม่ทราบว่าครั้งต่อไปที่ต้องเจอหน้าสหาย มันจะสู้หน้าอีกฝ่ายได้อย่างไร…


 


อย่างไรก็ตามตอนนี้มันไร้พลังอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้สืบไป ทำได้แค่มองวาระสุดท้ายของหยางหวู่เท่านั้น…


 


“ต้วนหลิงเทียน หากเจ้ากล้าลงมือฆ่าเสี่ยวหวู่ วันหน้าไม่เพียงแต่เจ้าจะต้องแบกรับโทสะของข้า…แต่เจ้ายังต้องแบกรับโทสะของอาวุโสลำดับ 5 แห่งวังอุดรไพศาลอีกด้วย…คราวนี้เจ้าได้ตายสมใจแน่!!”


 


หลี่อันจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเย็นชา วาจาที่กล่าวออกดั่งจะมอบโทษประหารให้ต้วนหลิงเทียน


 


แคร่ก!! กร๊อบ!!


 


เสียงแตกหักทั้งเสียงแตกละเอียดของกระดูกดังขึ้นเสนาะหู ต้วนหลิงเทียนหักคอหยางหวู่จนตกตายคามือ…


 


กระทั่งถูกฆ่าตายไปแล้ว หากแต่ลูกตาของหยางหวู่ยังคงเบิกโพลง เห็นชัดว่ามันตกตายอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจถึงที่สุด ไม่เต็มใจถึงขีดสุด…


 


หลังจากฆ่าหยางหวู่แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เก็บกระบี่ 100 อาคมเซียนรวมถึงแหวนพื้นที่ของหยางหวู่เอาไว้ ก่อนที่จะคลายมือที่บีบคอหยางหวู่ออก ปล่อยให้ร่างหยางหวู่ตกลงไปกองกับพื้น


 


ขณะเดียวกันนั้นเองร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านขึ้นมาทันใด สีหน้ายังซีดลงไปอีกครั้ง


 


นั่นเพราะตอนนี้พลังอำนาจที่เพิ่มพูนขึ้นมาจากผลของเวทย์พลังปฐมเวทย์กลืนกินก็หมดลงแล้ว แถมพลังวิญญาณของต้วนหลิงเทียนแทบเหือดแห้งเต็มที


 


และเป็นเพราะเขารู้ว่าผลของปฐมเวทย์กลืนกินกำลังจะหมดลง อีกทั้งพลังวิญญาณก็เจียนหมด เขาเลยตัดสินใจฆ่าหยางหวู่ทันที ด้วยกริ่งเกรงวิกาลยาวนานฝันยุ่งเหยิง


(วิกาลยาวนานฝันยุ่งเหยิง = ยิ่งนานเรื่องราวยิ่งวุ่นวาย เกิดเหตุเปลี่ยนแปลงนู่นนี่นั่น)


 


“ตายแล้วหรือ?”


 


“บุตรชายคนรองตกตายไปแล้วแบบนี้ ไม่รู้อาวุโสลำดับ 5 แห่งวังอุดรไพศาลจะทำอย่างไร?”


 


“ฮึ่ม! หยางหวู่นั่นมันสมควรตายแล้ว! หากมันไม่หาเรื่องยั่วยุท้าทายผู้อื่นเขาก่อน มันจะถูกผู้อื่นฆ่าตายเช่นนี้รึ!!”


 


……


 


หลังจากที่หยางหวู่ถูกฆ่าตาย ฉากเรื่องราวที่เงียบสงบไปพักหนึ่งพลันระอุเดือดขึ้นมาอีกครั้ง!


ตอนที่ 1,898 : ความกดดัน!


 


ไม่นานสายตาทุกคนก็เบนไปตกยังร่างของต้วนหลิงเทียนอย่างไม่รู้ตัว…


 


ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้ ที่ทุกคนไม่มีใครดูดีว่าจะมีโอกาสรอดชีวิตมาจากการลงมือของหยางหวู่ผู้บรรลุเซียนมนุษย์ขั้นเชี่ยวชาญได้  ทว่าสุดท้ายกลับเป็นฝ่ายพลิกชะตาในห้วงเวลาสุดท้าย! อีกทั้งไม่เพียงรับมือหยางหวู่ได้…กระทั่งฆ่าหยางหวู่ทิ้งง่ายดายราวสุนัขตัวหนึ่ง!


 


เรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปในฉับพลันเช่นนี้ ทำให้พวกมันตกตะลึงจนอึ้งค้างไปอยู่นาน


 


เพราะก่อนหน้านี้พวกมันแทบจะเห็นพ้องต้องกันไปแล้ว ว่าเจ้าหนุ่มชุดม่วงนี้ต้องถูกหยางหวู่ฆ่าตายแน่!


 


“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้สมควรรู้ทักษะลับอันใดบางอย่างที่สามารถปกปิดพลังฝึกปรือได้เป็นแน่!”


 


ไม่ทราบว่าใครเป็นคนกล่าวขึ้นมาคนแรก


 


“ไม่ผิดแน่! สมควรเป็นเช่นนั้น!!”


 


และวาจาของมันก็เป็นที่เห็นชอบของผู้คนไม่น้อย


 


ถึงแม้พวกมันจะไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีทักษะลับอะไรสามารถปกปิดพลังฝึกปรือได้ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ แต่พวกมันเชื่อว่า ‘ใต้หล้าฟ้ากว้างใหญ่’ ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้!


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังได้เห็นความแข็งแกร่งที่ต้วนหลิงเทียนสำแดงออกมา ทำให้พวกมันแทบจะมั่นใจเต็มสิบส่วนว่าทักษะลับพรรค์นั้นต้องมีอยู่จริง!


 


ล้อกันเล่นหรือไร!


 


จากที่พวกมันใช้ทักษะวิญญาณลี้ลับสืบค้นพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียน ก็พบว่าเพียงอยู่ในขอบเขตอริยะเซียนขั้นสูงสุดเท่านั้น!


 


ทว่าพวกมันก็เห็นกับตา ว่าผู้ฝึกตนอริยะเซียนขั้นสูงสุดที่บาดเจ็บสาหัสเจียนตายนั่น กลับรับมือเซียนมนุษย์ขั้นเชี่ยวชาญได้อย่างไม่อยากเย็น!


 


ที่สำคัญการรับมือที่ว่ายังเป็นการคว้าจับ ‘กระบี่ร้อยอาคมเซียน’ ที่ถูกเซียนมนุษย์ขั้นเชี่ยวชาญเปิดใช้งานเต็มกำลังได้อยู่หมัด! สุดท้ายก็กุมชะตาชีวิตอีกฝ่ายเอาไว้ได้อย่างไม่เหนื่อยแรง…!!


 


เรื่องพรรค์นี้ใช่อะไรที่อริยะเซียนขั้นสูงสุดจะกระทำได้หรือ?


 


“ก่อนหน้าที่หยางหวู่จะลงมือมันก็ร่อแร่จนยืนไม่ไหวแท้ๆ แถมไอพลังก็อ่อนโทรมเต็มที…แต่หลังจากที่หยางหวู่พุ่งเข้าใส่ ข้าเห็นว่ามันลงมือกระทำบางอย่าง…เหมือนจะกลืนกินพลังวิญญาณฟ้าดินรอบกาย…”


 


“ใช่ๆ ข้าเองก็เห็น…ตอนนั้นอยู่ๆก็มีวังวนผุดโผล่ขึ้นรอบกายเจ้านั่น แถมพลังวิญญาณฟ้าดินในรัศมีวังวนประหลาดนั่น ยังถูกสูบกลืนเข้าร่างมันไปด้วยความเร็วสูง! ต้องเป็นต้วนหลิงเทียนลงมือดูดพลังพวกนั้นแน่!”


 


“มิผิด เป็นเพราะวังวนที่ดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินเข้าร่าง ทำให้พลังปราณในร่างของต้วนหลิงเทียนพุ่งสูงขึ้นไปหลายส่วน! กระทั่งทำให้มันที่บาดเจ็บสาหัสขนาดนั้นสามารถรับมือหยางหวู่ได้…นอกจากนี้วังวนนั่นยังทำลายเขตแดนของหยางหวู่อีก!!”


 


“วิธีการน่ากลัวเช่นนี้สมควรเป็นเวทย์พลังแน่ๆ! ยิ่งไปกว่านั้นน่ากลัวจะมิใช่เวทย์พลังทั่วไป…กระทั่งอาจเป็นได้ว่ามันคือเวทย์พลังระดับสูง!!”


 



 


ผู้คนเริ่มระเบิดคำสนทนากันจ้าละหวั่น หัวข้อย่อมไม่พ้นเรื่องการลงมือพลิกเกมของต้วนหลิงเทียน


 


“นอกจากนั้นพวกเจ้าเห็นหรือไม่ เหมือนสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนใช้รับกระบี่ร้อยอาคมจะเป็นศาสตราเซียนประเภทกรงเล็บ”


 


“ข้าเห็นรางๆเท่านั้น…แต่ศาสตราเซียนประหลาดนั่นช่างร้ายกาจนัก กระบี่ร้อยอาคมเซียนของหยางหวู่กลับมิอาจทำอะไรได้เลย!”


 



 


หลายคนเริ่มสนใจเกี่ยวกับกรงเล็บมังกรของต้วนหลิงเทียน


 


แน่นอนว่าพวกมันไม่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนคือนักรบมังกรที่สามารถแปลงกายและคืนสภาพได้ดั่งใจนึก เพียงคิดว่าเขาเรียกใช้ศาสตราเซียนประเภทกรงเล็บและเก็บกลับไปทันทีหลังบรรลุผลแล้วก็เท่านั้น


 


“นักรบมังกร?”


 


หากจะมีใครเห็นว่าต้วนหลิงเทียนแปลงเป็นนักรบมังกรจริงๆ ก็เห็นทีจะมีแต่เถิงชานกับหลี่อัน


 


พวกมันคืออาวุโสเพลิงเงินของลัทธิบูชาไฟ อีกทั้งยังเป็นตัวตนที่อยู่ใน 200 อันดับแรกของรายนามยอดเซียน! พลังฝีมือย่อมไม่ใช่ชนชั้นต่ำทราม สายตาแน่นอนว่าย่อมแหลมคมกว่าคนธรรมดา!!


 


ถึงแม้มือของต้วนหลิงเทียนจะแปรเปลี่ยนเป็นกรงเล็บมังกรไม่นาน แต่พวกมันก็ยังพอสังเกตได้ว่าเป็นกรงเล็บมังกร! ส่วนเรื่องที่จะมีกี่กรงเล็บพวกมันเองก็เห็นไม่ชัด!!


 


แน่นอนว่านี่เป็นเพราะต้วนหลิงเทียนเร่งคืนสภาพกรงเล็บมังกรอย่างรวดเร็ว พวกมันจึงไม่ทันได้ให้ความสนใจ


 


อย่างไรก็ตามพวกมันยังพอกล่าวชี้ชัดได้


 


ต้วนหลิงเทียนมีพรสวรรค์มังกรแปลง!


 


“ไม่คิดเลยว่าสหายน้อยผู้นี้จะเป็นนักรบมังกร…”


 


เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนฆ่าหยางหวู่ และได้รับชัยชนะในการประลองเป็นตายครั้งนี้ เถิงชาน ย่อมมีความสุขเป็นธรรมดา ถึงแม้จะแปลกใจเล็กน้อยเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเป็นนักรบมังกรก็ตาม “ดูเหมือนว่าเจ้าหนูนี่จะมีความสัมพันธ์บางอย่างเกี่ยวข้องกับมังกรเทพยาดา 7 กรงเล็บของเผ่ามังกร…”


 


ด้วยเพราะไม่เห็นจำนวนกรงเล็บของต้วนหลิงเทียน เถิงชานจึงคิดไปเองว่าต้วนหลิงเทียนเป็นนักรบมังกร 7 กรงเล็บ


 


หากมันรู้ว่าต้วนหลิงเทียนเป็น ‘นักรบมังกร 9 กรงเล็บ’ คงได้แปลกใจหนักกว่านี้


 


‘สารเลวน้อยน่าตาย! เจ้าจะเป็นนักรบมังกรแล้วอย่างไร ใช่ว่าชีวิตข้าหลี่อันจะไม่เคยฆ่านักรบมังกรเสียหน่อย คอยดูกันไปเถอะ!’


 


หลี่อันที่มองต้วนหลิงเทียนยิ่งมาแววตายิ่งเยียบเย็น ยากจะปิดซ่อนเจตนาฆ่าฟันเอาไว้ได้


 


“ขอบคุณอาวุโสเถิงชาน ที่ช่วยควบคุมการประลองเป็นตายให้ดำเนินไปอย่างยุติธรรม”


 


หลังฆ่าหยางหวู่แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็แหงนมองขึ้นไปบนฟ้าก่อนอื่นใด เร่งกล่าวขอบคุณเถิงชานออกมา


 


“มิต้องขอบใจข้าหรอก ในฐานะอาวุโสของลัทธิบูชาไฟ นี่คือหน้าที่ของข้า!”


 


เถิงชานส่ายหัวไปมา


 


หลังจากนั้นเรื่องไม่เป็นเรื่องก็จบลง…


 


แน่นอนว่าแค่ดูเหมือนจะจบลงเฉยๆ…


 


อันที่จริงเรื่องนี้ การตายของหยางหวู่เสมือนเป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น…!


 


ฆ่าหยางหวู่แบบนี้ นับว่าต้วนหลิงเทียนทำให้ใครหลายคนขุ่นเคืองแล้ว


 


ก่อนอื่นเลยที่เห็นได้ชัดก็คืออาวุโสเพลิงเงินของแท่นบูชาเต่าทมิฬ หลี่อัน!


 


คนที่สองก็คือ อาวุโสลำดับ 5 ของวังอุดรไพศาล…หยางชง!


 


ถึงแม้อาวุโสลำดับ 5 ของวังอุดรไพศาล เมื่อเปรียบเทียบกับอาวุโสเพลิงเงิน มองปราดแรกอาจจะดูว่ามีฐานะด้อยกว่า


 


อย่างไรก็ตามในฐานะอาวุโสลำดับ 5 ของวังอุดรไพศาลอาจจะไม่ได้สูงส่งเหนือฐานะของหลี่อัน แต่พลังฝีมือน่ากลัวว่าจะไม่ได้ด้อยไปกว่าหลี่อัน


 


หาไม่แล้วคงไม่เป็นเพื่อนสนิทกัน!


 


เพราะคงไม่พ้นทั้งคู่มีพลังฝีมือพอๆกัน และลักษณะนิสัยคล้ายคลึงกันจึงสามารถเป็นเพื่อนสนิทกันได้ ดั่งคำกาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์


 


นอกจากนี้ หยางชง ในฐานะอาวุโสลำดับ 5 ของวังอุดรไพศาล นับกันในโลกภายนอกแล้ว เกรงว่าอิทธิพลของมันเผลอๆจะไม่ต่ำไปกว่าหลี่อัน! เพราะหากจะมองภาพรวม ในลัทธิบูชาไฟมีอาวุโสเพลิงเงินเยอะแยะนัก จัดว่าเป็นชนชั้นธรรมดาในลัทธิบูชาไฟก็ว่าได้…


 


หลี่อันเป็นแค่ 1 ใน 5 อาวุโสเพลิงเงินของแท่นบูชาเต่าทมิฬ ซึ่งนับว่าเป็นแค่ฝ่ายนอกของลัทธิบูชาไฟเท่านั้น


 


แค่ในบรรดาอาวุโสเพลิงเงินทั้ง 5 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬ หลี่อันแข็งแกร่งที่สุด!


 


‘ไม่คิดเลยว่าข้าพึ่งขึ้นมาภูมิภาคเบื้องบนไม่ทันไร ก็มีเรื่องหมางใจกับยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ถึง 2 คนซะแล้ว…’


 


ผลของการกระทำที่จะติดตามมาในภายหลังคืออะไร ต้วนหลิงเทียนรู้ตัวดีตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ลงมือฆ่าหยางหวู่


 


อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วเขาก็ยังคงฆ่าหยางหวู่!


 


หากขลาดเขลากริ่งเกรงอิทธิพลก็ไม่ใช่เขา ต้วนหลิงเทียน แล้ว!


 


ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้เขาจะรู้ดีแก่ใจว่าการลงมือฆ่าหยางหวู่แบบนี้หลี่อันจะไม่มีวันละเว้นเขา…แต่ต่อให้ไม่ฆ่าหยางหวู่มันก็ไม่มีทางละเว้นเขาอยู่ดี! และที่สำคัญยังไงบิดาหยางหวู่ก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปอยู่แล้ว เช่นนั้นยังจะสนอะไรเรื่องแตกหักกับหลี่อัน?


 


สำหรับเขาแล้วจะมีเรื่องกับยอดฝีมือเซียนสวรรค์เพิ่มมาอีกสักคนจะนับเป็นอะไรไป!


 


‘หึ แรงกดดันจากยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 2 คนนับว่ามีไม่น้อย นานมากแล้วที่ไม่ได้รู้สึกเสมือนเดินอยู่ปากเหว ห่กผิดพลาดเพียงก้าวก็ร่วงตกลงไปตายแบบนี้…มาลัทธิบูชาไฟไม่ทันไรก็เจอซะแล้ว’


 


ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่กลัวเรื่องล่วงเกิน 2 ยอดฝีมือเซียนสวรรค์ แต่อันที่จริงเขาก็รู้สึกกดดันไม่น้อย


 


‘อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ผู้เฒ่าหั่วกำลังเร่งมือซ่อมชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติอยู่…ตราบใดที่ชั้น 4 ฟื้นฟูสมบูรณ์ ข้าไม่เพียงแต่จะมีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะอันประเสริฐ ยังจะมีที่ไว้หลบซ่อนตัวอีกด้วย!’


 


พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ต้วนหลิงเทียนก็ตื่นเต้นไม่น้อย


 


จนถึงวันนี้เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ยังพึ่งฟื้นฟูได้ถึงชั้น 3 เท่านั้น…


 


ถึงแม้ว่าสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะของชั้น 3 เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติจะถือว่าดี แต่หากเทียบกับสภาพแวดล้อมของภูมิภาคเบื้องบนดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแล้วกลับด้อยกว่ามาก!


 


ข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียวก็คงเหลือแต่กาลเวลาที่ไหลภายใน มันช้ากว่าภายนอก 5 เท่า


 


ภายใน 5 วัน ภายนอกพึ่งผ่านพ้นเพียงวันหนึ่งเท่านั้น


 


อย่างไรก็ตาม เมื่อชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติซ่อมเสร็จ ไม่เพียงแต่สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะจะดีขึ้น อัตราการไหลเวียนของเวลาจะช้าลงอีก…จากที่ผู้เฒ่าหั่วเคยเกริ่นเอาไว้ กาลเวลาภายในชั้น 4 ของเจดีย์จะไหลช้ากว่าโลกภายนอกถึง 8 เท่า!


 


ภายในเจดีย์ผ่านพ้นไป 8 วัน ภายนอกพึ่งผ่านไป 1 วันเท่านั้น!!


 


อาศัยเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะหาวัตถุดิบซ่อมเจดีย์แล้ว


 


นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ที่ต้วนหลิงเทียนตั้งหน้าตั้งตารอคอยอยู่มากที่สุด


 


จากที่ผู้เฒ่าหั่วกล่าว ตราบใดที่ชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้รับการซ่อมแซมจนฟื้นฟูดังเดิม ห้วงมิติภายในเจดีย์จะมีความเสถียรภาพสามารถซ่อนตัวอยู่ภายในเจดีย์ได้ ไม่ว่าการเคลื่อนไหวภายนอกจะรุนแรงเพียงใดก็ตาม ภายในจะไม่ได้รับผลกระทบเลย!


 


ไม่เหมือนกับตลอดเวลาที่ผ่านมา เพียงแค่ลมพัดก็ดุจใบหญ้าปลิดปลิว…


 


‘หากชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติซ่อมแซมจนฟื้นฟูดังเดิม วันหน้าต่อให้ข้าเจอคู่ต่อสู้ที่ไม่อาจเอาชนะได้ก็ไม่มีปัญหา! เพียงซ่อนตัวอยู่ในเจดีย์ แล้วย่นย่อเจดีย์ให้เล็กเสียยิ่งกว่าธุลีคลี ดูซิใครมันจะหาข้าเจอ!!’


 


พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา อารมณ์ของต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งทวีความฮึกเหิมมากขึ้น


 


หากเป็นภาษาในโลกเก่าของเขาก็เสมือนเขามีโปรแกรมโกงไว้ช่วยชีวิต! กระทั่งยังสามารถใช้ช่วยชีวิตได้ไม่จำกัดครั้ง!!


(แปลถึงตรงนี้ หน้าพี่ประมุขหลินฟ่านลอยมาทันที พี่แกชอบหลบในเตา ตอนเกรียนจัดๆยังแง้มฝาชักนิ้วกลางใส่…)


 


ที่แท่นบูชาเต่าทมิฬตอนนี้ก็มีผู้คนทยอยกันมาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ


 


เมื่อต้วนหลิงเทียนกลับไปอยู่ข้างกูลี่กับจูลู่ฉี ทุกคนก็เริ่มแยกย้ายสลายตัว ไม่นานก็ละความสนใจจากพวกเขาไปสนใจเรื่องของตัวเอง


 


แน่นอนว่าทุกคนที่มาวันนี้ก็ยังไม่ลืมเลือนจุดประสงค์หลัก!


 


เข้าร่วมการประเมินของแท่นบูชาจตุรลักษณ์ รวมถึงแท่นบูชาเต่าทมิฬ มุ่งมั่นที่จะเข้าสู่ลัทธิบูชาไฟ และกลายเป็นศิษย์ของลัทธิบูชาไฟให้จงได้!


 


คนส่วนใหญ่ที่แห่แหนกันมาในวันนี้ ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นคนในภูมิภาคตะวันตก นั่นเพราะพวกมันล้วนศรัทธาและเชื่อถือในลัทธิบูชาไฟหมดใจ! กระทั่งยังมีความฝันจะเป็นส่วนหนึ่งของลัทธิบูชาไฟมาแต่เล็กแต่น้อย!!


 


สำหรับพวกมันแล้ว นี่คือเกียรติยศ! ยังเป็นเกียรติยศสูงสุดในชีวิตที่ไม่มีอะไรเทียบได้!!


 


“น้องหลิงเทียน ไอแก่ที่คอยตามหลังหยางหวู่นั่นแจมันรีบร้อนกลับไปแล้ว…ดูท่าไม่พ้นกลับไปวังอุดรไพศาลอะไรนั่น เพื่อรายงานเรื่องราวแน่…”


 


กู่ลี่ที่มองแผ่นหลังชราที่กำลังจะหายลับไปในเส้นขอบฟ้าช้าๆ ก็กล่าวเตือนต้วนหลิงเทียนเสียงเข้ม


 


“ปล่อยมันไปเถอะ”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ จะอย่างไรชายชราคนนั้นก็เป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนนภา ด้วยสภาพร่างกายของเขาตอนนี้ต่อให้คิดจะหยุดอีกฝ่ายเอาไว้ก็เกรงว่าคงทำไม่ได้…


 


ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้เขาดันทุรังจนสามารถตามไปฆ่ามันได้จริงๆ แต่ในวันนี้พยานที่เห็นเขาฆ่าหยางหวู่ไม่ทราบมีกี่พัน สุดท้ายเรื่องนี้ก็ต้องแพร่ไปถึงหูวงอุดรไพศาลอยู่ดี…


 


ยิ่งเวลาผ่านไปผู้คนก็ทยอยกันมารวมตัวมากขึ้นเรื่อยๆ และบัดนี้ก็เวลาก็ล่วงเลยมาถึงยามเที่ยงแล้ว


 


หลังจากแนวเทือกเขาใหญ่โต ก็เป็นพื้นที่ของแท่นบูชาเต่าทมิฬทั้งสิ้น ตอนนี้มีกลุ่มคนมากมายเหินบินรวมตัวกันอยู่เหนือน่านฟ้าพื้นที่ดังกล่าวอย่างเนืองแน่น มองจากไกลๆคล้ายเป็นเมฆดำทะมึนก้อนหนึ่ง แทบจะแผ่ขยายปกคลุมเมืองเล็กๆได้ไม่ยาก


 


และตอนนี้ทุกสายตาของคนทั้งหมด ก็แหงนขึ้นไปมองยังฟ้าสูงอย่างจดจ่อ


 


ปรากฏร่าง 8 ร่างเหินลอยอยู่ที่นั่น


 


ในบรรดาร่างทั้ง 8 ร่างนั้นมีชายชรา หญิงชรา ชายวัยกลางคน กระทั่งชายหนุ่มหญิงสาว…


 


เถิงชานกับหลี่อันก็รวมอยู่ในนั้นด้วย…


ตอนที่ 1,899 : ข้าตัดสินใจแล้ว!


 


ชุดเสื้อคลุมที่อีก 6 คนสวมใส่ก็ละม้ายคล้ายกันกับเถิงชานและหลี่อัน


 


ล้วนเป็นคลุมขาวลายปักเปลวเพลิงสีเงิน


 


ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือลวดลายที่ปักของอีก 6 คนนั้น มันมีลวดลายต่างจากเถิงชานและหลี่อันอย่างสิ้นเชิง



 


ลวดลายบนชุดของเถิงชานและหลี่อันก็คือ เต่าทมิฬ


 


ส่วนอีก 6 คนนั้น มี 2 คนที่เป็นรูปมังกร อีก 2 คนปักรูปพยัคฆ์ ส่วนอีก 2 คนสุดท้ายปักเป็นรูปนกไฟ!


 


“เป็นอาวุโสเพลิงเงินของแทน่บูชามังกรคราม…แท่นบูชาพยัคฆ์ขาว และแท่นบูชานกไฟ!”


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนรู้สึกสนอกสนใจกับลายปักบนชุดคลุมของคนทั้ง 6 เสียงโดยรอบก็ดังเข้าหู และเป็นอย่างที่เขาเดาไว้ ผู้มาใหม่เป็นอาวุโสจากแท่นบูชาอื่นๆ


 


“ข้าได้ยินมาว่าในบรรดาแท่นบูชาจตุรลักษณ์ของลัทธิบูชาไฟ มีเพียงแท่นบูชาเสือขาวเท่านั้นที่มีเวทย์พลังประจำแท่นเป็นเวทย์พลังสายจู่โจม! ข้าล่ะหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะถูกผู้อาวุโสของแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวเลือก!!”


 


ห่างออกไปไม่ไกลนัก มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกล่าวออกมาด้วยความคาดหวัง


 


“ส่วนข้าอยากให้ท่านผู้อาวุโสของแท่นบูชานกไฟเลือกข้ามากกว่า เพราะเวทย์พลังประจำแท่นนกไฟนั้นเป็นเวทย์พลังเสริมการเคลื่อนไหว! วรยุทธ์วิชาทั่วหล้า ที่สุดคือความเร็ว! เมื่อมีความเร็วเหนือกว่าย่อมเสมือนอยู่ในตำแหน่งไร้เทียมทานตลอดเวลา!!”


 


อีกคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงคาดหวัง และความคิดของมันก็แตกต่างจากชายวัยกลางคนที่อยากเข้าร่วมแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว เพราะมันอยากเข้าแท่นบูชานกไฟ


 


“ส่วนข้ากลับอยากถูกแท่นบูชามังกรครามเลือกเสียมากกว่า…เพราะเวทย์พลังของแท่นบูชามังกรครามนั้นจักยกระดับพลังของผู้ใช้ให้สูงขึ้น…กล่าวกันว่ายังเป็นเวทย์พลังที่สืบทอดต่อกันมาจากเผ่ามังกรจริงๆอีกด้วย!!”


 


“หึ! หากให้เทียบเวทย์พลังของแท่นบูชามังกรคราม พยัคฆ์ขาวและนกไฟแล้วล่ะก็ ข้าชมชอบเวทย์พลังของแท่นบูชาเต่าทมิฬมากกว่า! อีกทั้งเท่าที่ข้ารู้มาในบรรดา 4 เวทย์พลังประจำแท่นบูชา มีเพียงเวทย์พลังของแท่นบูชาเต่าทมิฬเท่านั้นที่มีระดับสูง! อีกทั้งยังเป็นเวทย์พลังสายป้องกันที่แข็งแกร่งยิ่ง เรียกว่าเวทย์พลัง ปราการเต่าทมิฬ!!”


 


ชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งกล่าวออกมาพร้อมหัวเราะ


 


ปราการเต่าทมิฬ!


 


เวทย์พลังสายป้องกันระดับสูง?


 


ทันทีที่เสียงของชายวัยกลางคนผู้นี้ดังขึ้น ลูกตาของต้วนหลิงเทียนก็หดหยีลงทันที!


 


เวทย์พลังประจำแท่นบูชาทั้ง 4 ที่ผู้คนสนทนาถึงกันอยู่นั้น เขาเองก็เคยได้ยินผ่านๆมาบ้างแต่ไม่ได้ให้ความสนใจสักเท่าไหร่…


 


เพราะในสายตาของเขาเวทย์พลังประจำแท่นที่ปล่อยให้คนเข้าไปทำความเข้าใจได้ไม่จำกัดแบบนี้ ไม่พ้นต้องเป็นเพียงเวทย์พลังระดับกลางทั่วๆไปเท่านั้น


 


เขาไม่ได้รู้เลยว่าเป็นเขาเดาผิดมาตลอด จนมาได้ยินคำของผู้คนรอบๆตอนนี้…เวทย์พลังของแท่นบูชาจตุรลักษณ์ที่แท้แม้จะเป็นระดับกลางแต่ก็เป็นระดับกลางค่อนไปทางสูง!


 


และที่สำคัญที่สุดก็คือ เวทย์พลังประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬกลับเป็นเวทย์พลังสายป้องกันระดับสูง!


 


‘นี่ข้ามีชะตาต้องกันกับแท่นบูชาเต่าทมิฬรึยังไงนะ?’


 


ต้วนหลิงเทียนหันไปมองหลี่อันอย่างไม่รู้ตัว สุดท้ายก็ระบายลมหายใจออกมา


 


ทุกวันนี้เวทย์พลังระดับสูงที่เขามี ก็มีแทบทุกสายแล้ว สายโจมตีได้แก่ เซียนอมตะข้ามภพ สายสนับสนุนก็มีปฐมเวทย์กลืนกิน และเสริมความเคลื่อนไหวก็คือ ปีกอีกาทองคำ…


 


แต่เขาไม่มีเวทย์พลังสายป้องกันระดับสูง!


 


เวทย์พลังสายป้องกันที่เขามีอยู่มันเป็นแค่เวทย์พลังป้องกันระดับกลางเท่านั้น และมันคือ ร่างทองลิ่วเหอ ที่เขาได้มาจากแดนลับเซียนของตำหนักฟ้าลี้ลับ…


 


อย่างไรก็ตามเนื่องจากเวทย์พลังสายอื่นๆที่ต้วนหลิงเทียนมี ล้วนแล้วแต่เป็นเวทย์พลังระดับสูงทั้งสิ้น เขาจึงดูเบาเวทย์พลังร่างทองลิ่วเหอไปอย่างไม่รู้ตัว และไม่คิดจะทำความเข้าใจเพื่อเพาะสร้างต้นแบบมันเลย…


 


แน่นอนว่าเหตุผลเดียวที่ต้วนหลิงเทียนไม่คิดเสียเวลาทำความเข้าใจเพื่อเพาะสร้างไว้ใช้งานก็คือ…เขาไม่อยากเสียเวลากับเวทย์พลังระดับกลาง!


 


ตอนนี้เขาต้องการเพิ่มพูนพลังฝีมือเพื่อช่วยเหลือเค่อเอ่อแม่ลูกให้เร็วที่สุด เขาไม่มีเวลามาเสียกับเวทย์พลังระดับกลาง!!


 


ช่างคิดไปได้…


 


หากเหล่าศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับที่เข้าไปในแดนลับเซียนพร้อมต้วนหลิงเทียนรอบนั้นมาได้ยินความคิดนี้ของต้วนหลิงเทียนล่ะก็ เกรงว่าพวกมันคงได้กระอักเลือดคำหนึ่ง ทั้งถลึงตามองต้วนหลิงเทียนพร้อมสาปแช่งในใจอย่างคับแค้นแน่แท้…


 


ไม่ต้องการเสียเวลากับเวทย์พลังระดับกลางหรือ?


 


ท่านไม่คิดเหลือที่ยืนให้ผู้อื่นใช้ชีวิตเลยหรือไร?


 


‘ในที่สุดข้าก็ได้เจอเวทย์พลังสายป้องกันระดับสูงเสียที…เอาล่ะ เพื่อเวทย์พลังสายป้องกันที่ขาด ข้าต้องเข้าแท่นบูชาเต่าทมิฬนี่ให้ได้!’


 


ต้วนหลิงเทียนตัดสินใจอย่างแน่วแน่


 


ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะรู้มาก่อนว่าแต่ละแท่นบูชาก็มีเวทย์พลังประจำแท่นเอาไว้ให้เหล่าศิษย์ทำความเข้าใจ แต่เขาคิดว่าพวกมันก็แค่เวทย์พลังระดับกลางร้ายๆทั่วๆไป จึงไม่ได้สนใจเข้าร่วมกับแท่นบูชาไหนเป็นพิเศษ


 


แต่มาตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าแท่นบูชาเต่าทมิฬ กลับมีเวทย์พลังระดับสูงไว้ให้ศิษย์ได้ทำความเข้าใจและเพาะสร้าง! เขาก็ไม่คิดอะไรให้มากความ ตัดสินใจเลือกที่จะเข้าร่วมแท่นบูชาเต่าทมิฬทันที!!


 


เพราะแท่นบูชาเต่าทมิฬ มีเวทย์พลังสายป้องกันระดับสูงที่เขาขาด!


 


ในเมื่อเขาได้พบเวทย์พลังสายป้องกันระดับสูงที่ตามหามานาน ไหนเลยจะย่อมปล่อยให้พลาดได้!


 


ถึงแม้ว่าเขาจะเคยถามเรื่องนี้จากผู้เฒ่าหั่วแล้ว ว่ามีเวทย์พลังอันใดให้เขาเพาะสร้างหรือไม่…แต่ผู้เฒ่าหั่วก็ทำได้แค่ส่ายหน้าและตอบกลับมาอย่างจนปัญญาว่า นอกจากเวทย์พลังปีกอีกาทองคำที่ผู้เฒ่าหั่วถ่ายทอดให้เขาแล้ว เวทย์พลังที่เหลือที่ผู้เฒ่าหั่วมี จำต้องให้เขามีพลังฝึกปรือถึงขอบเขตเซียนอมตะเสียก่อน….


 


ดังนั้นพอได้ฟังต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ตัดใจเรื่องขอเวทย์พลังจากผู้เฒ่าหั่ว


 


ทกอย่างทำได้แค่พึ่งตัวเองเท่านั้น


 


“ทุกคน”


 


ทันใดนั้นเองอาวุโสเพลิงเงินของแท่นบูชาเต่าทมิฬ เถิงชาน ก็ปริปากกล่าวคำออกมา


 


เสียงของเถิงชานนั้นค่อนข้างหยาบและฟังไม่ค่อยรื่นหูสักเท่าไหร่แถมไม่คล้ายจะดังอะไรมากมาย หากแต่เมื่อผสานกับปราณของมันแล้ว ก็ทำให้เสียงดังกล่าวส่งตรงถึงหูทุกคนให้ได้ยินกันทั่ว…


 


“วันนี้ที่ทุกคนมารวมตัวกัน ณ ที่แห่งนี้ ก็เผยให้ทราบกันชัดแล้วว่าทุกคนมีเจตนาและความตั้งใจอันใด…ทุกคนคิดเข้าร่วมกับลัทธิบูชาไฟของข้าใช่หรือไม่!?”


 


กล่าวถึงท้ายประโยคน้ำเสียงของเถิงชานก็ฟังดูปลุกเร้าไม่น้อย


 


“ไหนกล่าวตอบให้ข้าได้ยินชัดๆ ว่าใช่หรือไม่!?”


 


และทันใดนั้นเองเสียงของเถิงชานก็ถามไถ่ออกมาดังลั่นปานฟ้าผ่า


 


“ใช่!”


 


“ใช่!”


 


……


 


และทันทีที่วาจาปลุกเร้าอารมณ์นี้ของเถิงชานดังเข้าหูทุกคน ก็พาลให้ทุกคนรู้สึกคึกคักกันขึ้นมาไม่น้อย ยิ่งเหล่าผู้ศรัทธาที่ชั่วชีวิตหวังเพียงได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของลัทธิบูชาไฟ ยิ่งใส่อารมณ์จัด ต่างตะโกนกู่ร้องตอบคำออกมาสุดเสียง


 


เรียกว่าบรรยากาศโดยรอบคล้ายถูกจุดชนวนให้ปะทุระอุขึ้นมาทันที


 


‘ไม่คิดเลยว่าคนที่แลดูหยาบกร้านตรงไปตรงมาอย่างอาวุโสเถิงชาน จะมีกล่าวพูดปลุกเร้าอารมณ์อะไรผู้คนเป็นด้วย แถมยังพูดแค่ไม่กี่คำเท่านั้น’


 


เมื่อเห็นว่าบรรยากาศโดยรอบถูกวาจาไม่กี่คำของเถิงชานชักนำให้กลายเป็นคึกคักขึ้นมา ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย


 


และเมื่อเถิงชานยกมือขึ้น ผู้คนก็ค่อยๆสงบลงอีกครั้ง


 


“ตอนนี้พวกเจ้าทุกคนคงได้เห็นกันแล้ว…มิผิด! ผู้คนที่ลอยอยู่ด้านข้างของข้ายกเว้นอาวุโสหลี่อัน ล้วนเป็นเหมือนกันกับข้าและอาวุโสหลี่อัน! อาวุโสเพลิงเงินของแท่นบูชาจตุรลักษณ์อื่นๆ อาวุโสประจำแท่นบูชามังกรคราม พยัคฆ์ขาว และนกไฟ!!”


 


เสียงของเถิงชานยังคงดังกังวานออกมาอย่างต่อเนื่อง “และวันนี้ เหตุผลที่อาวุโสทุกท่านมาปรากฏตัว ณ ที่แห่งนี้ ก็เพื่อเลือกเฟ้นพวกเจ้าบางคนไปเข้าร่วมกับแท่นบูชาประจำกาย!”


 


“และมิว่าพวกเจ้าจะถูกเลือกเฟ้นไปยังแท่นบูชาใด ตราบใดที่พวกเจ้าสามารถผ่านการประเมินทดสอบของแท่นบูชาที่พวกเจ้าถูกเลือกให้เข้าร่วมแล้วล่ะก็…พวกเจ้าก็จักประสบความสำเร็จ ได้กลายเป็นศิษย์ของแท่นบูชานั้นๆ! และตราบใดที่พวกเจ้าเข้าร่วมแท่นบูชาใดในจตุรลักษณ์ได้สำเร็จ…ย่อมหมายความว่าพวกเจ้าสามารถเรียกหาตัวเองว่าศิษย์ลัทธิบูชาไฟได้อย่างภาคภูมิใจ!!”


 


เถิงชานกล่าวมาถึงจุดนี้ แววตาของผู้คนมากมายก็เผยประกายมุ่งหวังตั้งมั่นขึ้นมาทันที บางคนยังกำหมัดแน่น บางคนทั่วร่างก็สั่นสู้!


 


“เอาล่ะ ต่อมาพวกเจ้าก็มิต้องทำอันใดมาก เพียงลอยร่างอยู่ที่เดิมนิ่งๆ…และผู้ใดก็ตามที่ถูกเลือก ก็ให้เหินร่างไปรออยู่ด้านหลังอาวุโสประจำแท่นบูชาที่เลือกพวกเจ้าเสีย เมื่อครบคนแล้วก็ค่อยติดตามไปทำการทดสอบที่แท่นบูชานั้นๆ”


 


เถิงชานกล่าวสืบต่อ


 


“อาวุโสเถิงชาน…”


 


และตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนพลันส่งเสียงไปหาเถิงชานทันที “ข้าอยากอยู่แท่นบูชาเต่าทมิฬ…ขออาวุโสเถิงชานช่วยส่งเสริมให้ข้าสมหวังด้วย”


 


ได้ยินเสียงที่ต้วนหลิงเทียนส่งมา เถิงชานถึงกับอึ้งจนตัวแข็งไปทันที


 


หากหลี่อันไม่ได้อยู่ในแท่นบูชาเต่าทมิฬ มันแน่นอนว่าย่อมต้องเลือกต้วนหลิงเทียนก่อนใครเพื่อน…


 


พลังฝีมือทั้งพรสวรรค์ของต้วนหลิงเทียนที่เผยออกมาก่อนหน้านี้ เรียกว่าดึงดูดความสนใจของมันเต็มเปี่ยม!


 


อย่างไรก็ตาม ในเมื่ออาวุโสหลี่อันกลับอยู่ในแท่นบูชาเต่าทมิฬนี้ด้วย และมันเองก็มีอำนาจน้อยกว่าอีกฝ่าย มันจึงตัดใจไม่คิดชักชวนต้วนหลิงเทียนให้เข้าร่วม ด้วยเห็นแก่อนาคตของต้วนหลิงเทียน…


 


เพราะถ้าต้วนหลิงเทียนอยู่แท่นบูชาเต่าทมิฬจริงๆ วันเวลาหลังจากนี้ของต้วนหลิงเทียนคงไม่อาจผ่านพ้นไปได้อย่างราบรื่นแน่! หลี่อันไม่พ้นต้องมารังควาญและสร้างปัญหาให้เขาจนอยู่ไม่ได้!!


 


อย่างไรก็ตามเถิงชานไม่อาจคิดคาดได้จริงๆว่าต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่จะไม่หลีกเลี่ยงแท่นบูชาเต่าทมิฬอย่างที่สมควรกระทำ กลับเป็นฝ่ายร้องขอที่จะอยู่แท่นบูชาเต่าทมิฬด้วยตัวเองเสียอย่างนั้น!!


 


“ต้วนหลิงเทียน เจ้ามิเหมาะอยู่แท่นบูชาเต่าทมิฬหรอก ข้าว่าอย่าเลยดีกว่า…มีอาวุโสหลี่อันอยู่ในแท่นบูชาเต่าทมิฬแบบนี้ เกรงว่าถึงเจ้าจะเข้าร่วมก็คงไม่เกิดประโยชน์อันใด! เพราะมันต้องหาหนทางสร้างปัญหาให้เจ้าไม่หยุดหย่อน และไม่คิดปล่อยให้เจ้าอยู่ดีแน่!!”


 


เถิงชานรีบกล่าวโน้มน้าว แนะนำต้วนหลิงเทียนทันที


 


ได้ยินคำกล่าวแนะนำนี้ของเถิงชาน ต้วนหลิงเทียนรู้สึกซาบซึ้งใจไม่น้อย


 


เขากับเถิงชานก็ไม่ใช่ญาติสนิทอะไร การที่เถิงซานสามารถกล่าวออกมาแบบนี้ได้ นับว่าหายากนัก!


 


“อาวุโสเถิงชาน ข้าขอกล่าวบอกท่านตามตรง ที่ข้าอยากเข้าร่วมแท่นบูชาเต่าทมิฬ เพราะข้าต้องการเวทย์พลังสายป้องกันระดับสูงประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬ…ส่วนหลี่อันนั่นข้าไม่เคยกลัวมันแม้แต่น้อย! เพราะตราบใดที่ข้าอยู่ในแท่นบูชาเต่าทมิฬ อยู่ในลัทธิบูชาไฟแบบนี้! ไหนเลยมันจะกล้าลงมือทำร้ายข้าตรงๆได้!!”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอก ‘จุดประสงค์’ ของเขาที่อยากเข้าร่วมแท่นบูชาเต่าทมิฬออกไปตรงๆ และยังกล่าวออกด้วยความมั่นใจว่าไม่หวาดกลัวหลี่อัน


 


“จริงอยู่ตราบใดที่เจ้าอาศัยอยู่ในพื้นที่แท่นบูชาเต่าทมิฬมันมิอาจลงมือกับเจ้าด้วยตัวเอง แต่มันก็มีมากมายหลายวิธีที่จักสร้างปัญหาให้กับเจ้า…นอกจากนี้เวทย์พลังประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬข้าแม้จะเลิศล้ำ ทว่าก็ยากที่จะมีใครทำความเข้าใจและเพาะสร้างต้นแบบได้…”


 


เถิงชานกล่าวสืบต่อ “เป็นการมิฉลาดเลยที่เจ้าจะเอาอนาคตมาเสี่ยงกับ ‘เวทย์พลัง’ ที่เจ้าเองก็ยังมิรู้ด้วยซ้ำว่าจะทำความเข้าใจจนเพาะสร้างมันได้สำเร็จหรือไม่…เจ้าทบทวนอีกครั้งดีหรือไม่?”


 


ทั้งหมดที่ว่ามาเถิงชานล้วนกล่าวออกมาด้วยความหวังดี หมายชักชวนให้ต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนใจไปเสีย


 


“ข้าต้องขอขอบคุณสำหรับความหวังดีของท่านอาวุโสเถิงชาน แต่น้ำใจท่านข้าขอรับไว้ด้วยใจ…ท่านอย่าได้โน้มน้าวข้าอีกเลย เพราะข้าได้ตัดสินใจไปแล้ว! นอกจากนี้ข้ายังหวังว่าท่านจะส่งเสริมและช่วยเหลือข้า…หากข้าได้เข้าร่วมกับแท่นบูชาเต่าทมิฬ ข้า ต้วนหลิงเทียน ถือว่าติดค้างท่านเรื่องหนึ่ง!”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกด้วยความมั่นใจ และหลังจากกล่าวออกไปแล้วสีหน้าเขาก็เป็นกังวลไม่น้อยว่าจะสำเร็จหรือไม่


 


“เฮ่อ…เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแน่วแน่แล้วข้าก็ไม่คิดจะเกลี้ยกล่อมเจ้าให้มากความ…มั่นใจได้ ข้าจักพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยให้เจ้าเข้าร่วมแท่นบูชาเต่าทมิฬให้จงได้”


 


สำหรับเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนบอกว่าติดค้างไว้เรื่องหนึ่ง เถิงชานก็เพียงรับฟังแค่ผ่านๆเท่านั้น ไม่ได้ยึดถือเป็นจริงจังอะไร


 


“ขอบพระคุณท่านมาก อาวุโสเถิงชาน!”


 


เมื่อเห็นว่าเถิงชานตกลงช่วยเหลือ ต้วนหลิงเทียนก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยความยินดี รีบประสานมือส่งเสียงกล่าวขอบคุณไปทันที


 


“ทุกท่าน ยังคงใช้กฏเดิมเถอะ…หลังจากผ่านไปอีก 10 ลมหายใจ พวกเราก็มาผลัดกันเลือกผู้คนทีละคน”


 


ภายใต้ทุกสายตา เถิงชานพลันหันไปกล่าวกับอาวุโส 7 คนที่เหลือของแทน่บูชาจตุรลักษณ์


 


ทั้ง 7 คนก็พยักหน้ารับฟัง


 


“เหลืออีก 8 หายใจ ก็จักเริ่มแล้ว…สาธุ อาวุโสแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวเลือกข้าเถอะ เลือกข้าเถอะ…”


 


“พุทธองค์ช่วยด้วย! หากข้าน้อยถูกแท่นบูชานกไฟเลือก กลับบ้านไปรอบหน้าข้าจะเปลื้องผ้าฝึกวิชาแก้บนสามวันสามคืน…”


 


ฯลฯ


 


ทันใดนั้นเสียงพึมพำอธิษฐานของผู้คนรอบๆก็ดังระงมขึ้นมา ต้วนหลิงเทียนที่ได้ฟังก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขันอยู่บ้าง ไม่ว่าที่ไหนๆเรื่องพรรค์นี้ก็มีไม่ขาดจริงๆ


 


และ 10 หายใจก็ผ่านพ้นไปในพริบตา…


 


ซัว! ซัว! ซัว!


 


……


 


ภายใต้สายตาวาดหวังของทุกคน ปรากฏลำแสงพลังอ่อนโยน 8 สายพุ่งยิงออกไปยังเป้าหมายที่ได้ทำการเลือกเอาไว้ทันที


 


ลำแสงพลัง 6 สายตกลงบนตัวผู้คนที่แตกต่างกันไป


 


หากทว่ามีลำแสง 2 สายที่พุ่งไปตกยังร่างบุคคลหนึ่ง!


 


หนึ่งในลำแสงพลังอ่อนโยนทั้ง 2 สายที่ตกลงบนร่างต้วนหลิงเทียนนั้น มาจากเถิงชานที่ต้วนหลิงเทียนร้องขอไว้เป็นพิเศษ


 


ส่วนอีกสายมาจาก…


 


หลี่อัน!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)