War sovereign Soaring The Heavens 1888-1891
ตอนที่ 1,888 : แผนของผู้เฒ่าหั่ว!
เรื่องที่สมุนไพรวิญญาณและโอสถวิญญาณในสวนสมุนไพรนั้นไม่ธรรมดา เป็นอะไรที่ต้วนหลิงเทียนค้นพบมานานแล้ว
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่กล้าทำตามเสียงของหัวใจไปขโมยสมุนไพรวิญญาณรวมถึงโอสถวิญญาณพวกนั้น!
นั่นเพราะเจ้าของสวนสมุนไพรสมควรเป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์!
ถึงแม้จะเป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะมัวมาสนใจคอยจับตามองสวนสมุนไพรตลอดเวลา แต่ด้วยพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ ย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสัมผัสได้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายจ้องมองอยู่หรือไม่ได้จับตากันแน่…
ภายใต้สถานการณ์แบบนี้คิดขโมยสมุนไพรวิญญาณทั้งโอสถวิญญาณในสวนสมุนไพรย่อมไม่ต่างอะไรจากเล่นกับไฟ!
ไม่ถูกจับได้ก็โชคดีไป…
แต่ถ้าถูกจับได้ขึ้นมา ให้เขามี 10 ชีวิตก็ไม่พอตาย!
กระทั่งยังจะลากกู่ลี่กับจูลู่ฉีให้พลอยซวยไปด้วย!
“ประโยชน์ที่อาจจะได้รับจากชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเจ้าเองก็รู้ดีอยู่แล้ว…เจ้าไม่สนใจหรือ?”
เสียงของผู้เฒ่าหั่วดังขึ้นมาอีกครั้ง
หากบอกว่าก่อนหน้าผู้เฒ่าหั่วเพียงกล่าวยั่วๆต้วนหลิงเทียนเล่นๆล่ะก็ คราวนี้เรียกว่ายั่วต้วนหลิงเทียนจริงจังแล้ว!
ได้ยินวาจายั่วยุของผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มขื่นขม ส่งเสียงกล่าวตอบว่า “ผู้เฒ่าหั่ว ผลประโยชน์ที่ชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลงจะมอบให้แน่นอนว่าทำให้ข้าสนใจอย่างมาก…ข้ายังอยากซ่อมชั้น 4 มากเสียจนเก็บเอาไปฝันด้วยซ้ำ! แต่สมุนไพรวิญญาณกับโอสถวิญญาณพวกนี้ข้าแตะต้องไม่ได้จริงๆ”
วาจาท้ายประโยคของต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความอับจนหนทาง
“เพราะอันใด?”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าวถาม
ต้วนหลิงเทียนได้แต่กล่าวความขับข้องใจออกไปให้ผู้เฒ่าหั่วฟังแต่แรก “ถึงแม้ข้าจะยังไม่เคยเจอเจ้าของสวนสมุนไพรนี้ แต่จากกลวิธีลงมือของมันก่อนหน้า 9 ใน 10 ส่วนมันสมควรเป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์! ด้วยพลังฝีมือของมันถึงสอดแนมจับตาดูพวกเราอยู่ พวกเราก็ไม่อาจรู้ได้…”
“ถึงแม้มันจะไม่ได้จับตาดูพวกเราอยู่ตลอดเวลา แต่ใครจะไปรู้ว่าข้าจะลงมือตอนที่มันไม่ได้จับตาดูอยู่หรือไม่…หากข้าพลาดไม่เพียงแต่ข้าจะตาย พี่กู่กับจูลู่ฉียังต้องมาตายเพราะข้าอีกด้วย”
“นอกจากนี้ต่อให้ข้าสามารถขโมยสมุนไพรทั้งโอสถวิญญาณพวกนี้ไปได้จริง และมันไม่อาจรู้ตัวได้ช่วงหนึ่ง…ทว่าหลังจากมันรู้ตัวเล่า? แถมพอมันไม่เห็นของแล้วมันจะไม่สงสัยข้ากับพวกพี่กู่หรือ?”
กล่าวถึงวาจาประโยคท้ายต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา
“ปัญหาที่เจ้าว่ามา คิดแก้ไขก็หาได้ยากเย็นไม่”
เมื่อเสียงกล่าวของต้วนหลิงเทียนดังจบคำ เสียงของผู้เฒ่าหั่วก็ดังขึ้นต่ออีกครั้ง “เจ้าสามารถกระทำเช่นนี้ได้…”
หลังจากนั้นผู้เฒ่าหั่วก็บอกเล่า ‘แผนการ’ ที่คิดไว้ให้ต้วนหลิงเทียนฟัง
หลังจากได้ฟังแผนของผู้เฒ่าหั่ว ลูกตาต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหดหยีลง ยังกล่าวถามออกมาเสียงเครียด “ผู้เฒ่าหั่ว…นี่จักไม่เสี่ยงเกินไปหน่อยหรือ หากมันไม่หลงกลไม่เพียงแต่ข้ากับพี่กู่และจูลู่ฉีจะไม่อาจหนีพ้น…แต่มันอาจบันดาลโทสะ ลงมือฆ่าพวกเราระบายอารมณ์…”
“ผ่อนคลาย…แผนนี้มันต้องหลงกลแน่ เชื่อข้า”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าวออกด้วยความมั่นใจ
เมื่อรออยู่นานแต่ต้วนหลิงเทียนยังไม่ตอบสนองอะไร ผู้เฒ่าหั่วก็รู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนยังลังเลสองจิตสองใจ “เจ้าลองคิดดูเถอะ…โอกาสนี้หาได้ยากเย็นนัก วันหน้าคิดค้นหาวัตถุดิบซ่อมแซมชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้รวดเร็วเช่นนี้เกรงว่าคงมิมีแล้ว…”
“และหากแผนนี้ประสบความสำเร็จเจ้าไม่เพียงแต่จะได้รับสมุนไพรวิญญาณทั้งโอสถวิญญาณทั้งหมดในสวนสมุนไพรนี่ เจ้ากับสหายก็จักสามารถหลบหนีไปจากที่นี่ได้! หรือเจ้าคิดจะอยู่ที่นี่กับสหายจนครบ 10 ปี? เจ้ากับสหายอาจรอได้ แต่ภรรยากับลูกเจ้าที่ถูกจองจำอยู่ในหอคุมกฏลัทธิบูชาไฟเล่า…สามารถรอได้หรือไม่?”
วาจาท้ายประโยคของผู้เฒ่าหั่วเต็มไปด้วยความล่อลวง นับว่าสร้างผลกระทบต่อจิตใจต้วนหลิงเทียนนัก
ต้วนหลิงเทียนเคยเล่าเรื่องพวกนี้ให้ผู้เฒ่าหั่วฟังแล้ว ผู้เฒ่าหั่วจึงรู้สถานการณ์ดี
“ผู้เฒ่าหั่ว ข้าเชื่อใจท่าน!”
ในขณะที่ใจกำลังร้อนรุ่มอยู่นั้น ต้วนหลิงเทียนก็ครุ่นคิดไตร่ตรองเร็วรี่ สุดท้ายจึงได้กัดฟันกล่าวออกมาอย่างแน่วแน่ คิดดำเนินตามแผนการของผู้เฒ่าหั่ว ขโมยสมุนไพรและโอสถวิญญาณในสวนสมุนไพรนี่ให้เหี้ยน!
ยังจะใช้เรื่องนี้ในการหลบหนีออกจากเงื้อมมือของตัวตนที่น่าจะอยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ด้วย!
โชคเป็นของผู้กล้า!!
เมื่อรวมกับความช่วยเหลือของผู้เฒ่าหั่วแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกว่าโอกาสประสบผลสำเร็จมันสูงมากทีเดียว
ส่วนเรื่องที่ผู้เฒ่าหั่วกล่าวว่าไม่มีทางผิดพลาดนั้น บอกตรงๆเขาไม่แน่ใจสักเท่าไร
เพราะสุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครล่วงรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น บางทีอาจจะเกิดปัญหาเอาวินาทีสุดท้ายก็ได้
“แต่ว่า…ผู้เฒ่าหั่ว ข้าเชื่อท่าน…ไม่ได้หมายความว่าพี่กู่กับจูลู่ฉีจะเห็นดีด้วยกับแผนนี้! และเพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวพันถึงชีวิตของพวกเรา เช่นนั้นทุกคนคงไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอีกครั้ง
“ตราบใดที่เจ้ามีความมั่นใจ ข้าเชื่อว่าพวกนั้นก็ไม่คิดปฏิเสธ”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าวออก เห็นชัดว่ามันเชื่อว่าต้วนหลิงเทียนทำได้
“ข้าไม่อาจรับปากท่านได้…แต่ข้าจะพยายามทำให้ดีที่สุด”
ผู้เฒ่าหั่วมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียน แต่ไม่ใช่ว่าต้วนหลิงเทียนจะมีความมั่นใจในตัวเองเกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่นนั้นจึงไม่กล้ายืนยันกับผู้เฒ่าหั่ว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนต้องประหลาดใจก็คือ ทันทีที่เขาบอกแผนของผู้เฒ่าหั่วให้ทั้งคู่ฟัง ทั้งคู่กลับตอบรับทันที!
“ตราบใดที่เจ้ามั่นใจว่าสามารถจับสัมผัสได้ว่ามันเฝ้ามองพวกเราอยู่หรือไม่…ข้าเชื่อว่าแผนนี้มีโอกาสเป็นไปได้สูงนัก”
จูลู่ฉีกล่าว
“ข้าเองก็คิดว่าเป็นไปได้สูงยิ่ง”
กู่ลี่ยังกล่าวเห็นด้วยอีกคน
“ไม่มีแผนใดไร้ข้อผิดพลาด…ถึงแม้พวกท่านจะเห็นว่าแผนนี้มีโอกาสสูง แต่ก็ใช่ว่าจะไร้ข้อผิดพลาด พวกท่านต้องคิดให้ดี”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวย้ำ
“ข้าคิดดีแล้ว…แทนที่จะถูกขังอยู่ที่นี่นับ 10 ปี ข้าสู้เสี่ยงกระทำตามแผนเจ้าดีกว่า! และตราบใดที่เจ้าจับสัมผัสได้จริงๆว่ามันกำลังมองพวกเราอยู่หรือไม่ โอกาสที่แผนนี้จักสำเร็จช่างสูงนัก!”
จูลู่ฉีกล่าวออกอีกครั้ง
“ถูกแล้ว! หากให้ข้ากู่ลี่ติดแหง็กอยู่ที่นี่ 10 ปี ข้ายินดีเสี่ยง!!”
กู่ลี่ก็ยินดีเสี่ยงเหมือนจูลู่ฉี
“เช่นนั้นในเมื่อทุกคนเห็นด้วยแล้ว…พวกเราเริ่มดำเนินแผนการนั่นพรุ่งนี้เลยเป็นไง?”
เมื่อเห็นว่ากู่ลี่และจูลู่ฉียังคงเห็นด้วยแม้เขาจะกล่าวย้ำเตือน ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดกล่าวไรให้มากความอีก บอกวันเวลาทันที
“ได้”
“เยี่ยม”
กู่ลี่กับจูลู่ฉีพยักหน้ารับกล่าวตอบออกมาพร้อมเพรียง
นอกจากนั้นลึกลงไปในแววตาของพวกมันยังเผยความตื่นเต้นประการหนึ่ง คล้ายตั้งหน้าตั้งตารอให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ
ในคืนนั้น ต้วนหลิงเทียนก็หารือเรื่องแผนการกับผู้เฒ่าหั่วอย่างละเอียดอีกครั้ง
“แผนวันพรุ่งไม่อาจผิดพลาดได้เด็ดขาด!”
ต้วนหลิงเทียนหารือกับผู้เฒ่าหั่วจนถึงเที่ยงคืน พรุ่งนี้เขาจะกระทำให้ดีที่สุดและไม่ให้มีข้อผิดพลาดอะไรเด็ดขาด
ไม่นานม่านรัตติกาลก็ถูกชักขึ้น แสงแรกของวันสาดส่องขับไล่ความมืดมิด
“สำนึกเทวะของมันหายไปแล้ว! เริ่มทำตามแผนได้!!”
ต้วนหลิงเทียน ที่กำลังรดน้ำต้นสมุนไพรในสวนตามหน้าที่ อยู่ๆก็ได้ยินเสียงหนึ่งส่งตรงถึงหู
เป็นเสียงของผู้เฒ่าหั่ว!
“ลงมือได้!”
เมื่อได้ยินเสียงของผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนก็รีบส่งเสียงไปหากู่ลี่กับจูลู่ฉีที่กำลังรดน้ำแปลงสมุนไพรข้างๆทันที
ครู่ต่อมาพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 ประหนึ่งแปรเปลี่ยนไปเป็นสายลมหอบใหญ่ พุ่งพัดหายไปในแปลงสมุนไพรอย่างฉับไว!
ผุบ! ผุบ! ผุบ!
…
ราวกับพายุใต้ฝุ่นโหมกระหน่ำแปลงสมุนไพรก็ไม่ปาน เหล่าสมุนไพรวิญญาณทั้งหลายถูกถอนรากถอนโคนติดดินไปเป็นกระจุกด้วยความเร็วอย่างเหลือเชื่อ
เรียกว่ายามทั้ง 3 พุ่งผ่านที่ใด ประหนึ่งห่าฝูงตั๊กแตนร้ายหิวโซกวาดข้าวและพืชผลจนเหี้ยน!
เมื่อเก็บสมุนไพรได้จำนวนหนึ่งแล้ว จูลู่ฉีกับกู่ลี่จะซัด ‘สินสงคราม’ มาทางต้วนหลิงเทียน
นี่เป็นส่วนหนึ่งในแผนที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอก
เนื่องจากต้วนหลิงเทียนมีวิธีซ่อนสมุนไพรและโอสถวิญญาณเหล่านี้โดยที่ไม่อาจตรวจพบ…เจดีย์หลงหลิง 7 สมบัติ!
แน่นอนว่าตอนอธิบายแผนให้กูลี่กับจูลู่ฉีฟัง เขาไม่ได้กล่าวถึงเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ
เพียงแค่กล่าวว่าเขามีวิธีซ่อนสมุนไพรวิญญาณและโอสถวิญญาณทั้งหลายโดยที่เจ้าของสวนไม่อาจค้นเจอได้เท่านั้น
และนี้คือขั้นตอนแรกของแผน
หากไม่อาจผ่านขั้นตอนแรกนี้ไปได้ เกรงว่าแผนทั้งหมดคงล่มไม่เป็นท่า
อาศัยพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนและพวกทั้ง 3 แม้แปลงสมุนไพรวิญญาณนี้จะกว้างใหญ่ แต่เวลาพึ่งผ่านไปราว 1 ก้านธูป สมุนไพรและโอสถวิญญาณทั้งหมดก็ถูกกวาดจนเหี้ยนไม่มีเหลือ!
“ท่านผู้อาวุโส แย่แล้ว! เกิดเรื่องแล้ว สมุนไพรกับโอสถวิญญาณถูกขโมยไปหมดสิ้นแล้ว!!”
ต้วนหลิงเทียนกับกู่ลี่และจูลู่ฉีที่จัดการกับสมุนไพรเรียบร้อย ทั้งดำเนินการบางอย่างเสร็จสิ้นหันมาสบตากันคราหนึ่งก็เป็นกู่ลี่ที่ตะโกนโวยวายออกมาเสียงดังลั่น ในน้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความวิตกกังวลอย่างสมจริงราวกับมันคือนักแสดงมือเอก
เสียงตะโกนของกู่ลี่แต่เดิมก็ดังเป็นทุน พอมาผนึกไปด้วยปราณแรกกำเนิดขอบเขตเซียนมนุษย์ จึงทำให้เสียงก้องกระจายไปทั่ว ย่อมทำให้เจ้าของสวนสมุนไพรได้ยินทันที
และตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนกับพวกทั้ง 3 ก็ได้แลเห็นเจ้าของสวนสมุนไพรแห่งนี้เป็นครั้งแรก
เจ้าของสวนสมุนไพรเป็นชายชราที่แลดูธรรมดา ทว่าบุคลิกคล้ายนักปราชญ์ผู้คงแก่เรียนอยู่บ้าง อีกฝ่ายเหินมาหยุดลอยค้างบนเหนือฟ้าไกลตา
อย่างไรก็ตามสีหน้าแววตาของมันไม่ค่อยสู้ดีนัก ขมวดคิ้วมองสวนสมุนไพรที่โล่งโจ้งด้วยควาตะลึงลาน ใบหน้ายังเริ่มแดงก่ำร่างยังสั่นสะท้านขึ้นมาเห็นได้ชัดว่ามีโมโหนัก!
“ท่านผู้อาวุโส เจ้านั่นมันหนีไปทางทิศใต้!”
“หากท่านไม่รีบไล่ตามไป ข้าเกรงว่าจะสายเกินการณ์!”
……
ต้วนหลิงเทียน กู่ลี่ และจูลู่ฉีมองกล่าวกับเจ้าของสวนสมุนไพรด้วยความร้อนใจ
และตอนนี้สารรูปของทุกคนก็แลดูสกปรกมอมแมมทั้งบาดเจ็บไม่น้อย คล้ายพึ่งถูกเล่นงานมา! แน่นอนว่าเป็นทั้งหมดจงใจทำให้ตัวเองแลดูบาดเจ็บ และไปคลุกฝุ่นดินด้วยตัวเอง
หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ชายชราเจ้าของสวนก็มองไปยังต้วนหลิงเทียนและทั้ง 3 ตาเขม็ง
“สลายพันธะถือครองแล้วส่งแหวนพื้นที่ของพวกเจ้ามาเสีย!”
แม้จะได้ยินคำเร่งเร้าให้รีบตามคนร้ายของพวกต้วนหลิงเทียน แต่ชายชราหาได้รีบร้อนแต่อย่างใด เพียงกล่าวออกเสียงแข็งให้ทั้ง 3 ส่งมอบแหวนพื้นที่ออกมา
อย่างไรก็ตามวาจายามกล่าวยังแลดูรีบร้อนไม่น้อย เห็นได้ชัดว่ามันเองก็ร้อนใจเช่นกันหลังได้ฟังคำเร่งรัด
ในเมื่อมันกังวลแล้วไฉนถึงต้องร้องขอแหวนพื้นที่ของพวกต้วนหลิงเทียนน่ะหรือ?
แน่นอนว่าก่อนมันจะรีบมุ่งหน้าลงใต้เพื่อตามคนร้าย มันต้องตรวจสอบให้ดีเสียก่อนว่าในแหวนพื้นที่ของพวกต้วนหลิงเทียนไม่มีสมุนไพรเก็บอยู่!
พอได้ยินคำของชายชรา พวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
อย่างไรก็ตามภายใต้สายตาที่มองมาปานมีดโกนเย็นเยียบของชายชรา ทั้ง 3 จึงได้แต่ยกเลิกพันธะครองแหวนและส่งแหวนพื้นที่ทั้งหมดที่มีให้ชายชราไปทันที
หลังจากได้ของแล้ว ชายชราก็ไม่วายแผ่สำนึกเทวะกวาดตรวจไปทั่วร่างของพวกต้วนหลิงเทียน กระทั่งยังตรวจสอบพื้นที่โดยรอบอย่างละเอียด
เมื่อยืนยันได้แล้วว่าทั้ง 3 ไม่ได้ซุกซ่อนอุปกรณ์พื้นที่อื่นใด และไม่ได้นำอุปกรณ์พื้นที่เก็บสมุนไพรไปฝังแอบไว้ในบริเวณนี้ มันก็เริ่มตรวจสอบแหวนพื้นที่ๆได้รับมาทันที
หลังพบว่าในแหวนของทั้ง 3 ก็ไม่มีสมุนไพรและโอสถวิญญาณของพวกมันอยู่เลย สีหน้าของชายชราก็มืดดำราวจะคั้นได้เป็นน้ำหมึกทันที
“ฮึ่ม!”
พ่นลมสบถออกมาอย่างเย็นชาคราหนึ่ง ชายชราก็โยนแหวนพื้นที่คืนให้พวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 ก่อนที่จะเหินร่างมุ่งหน้าลงใต้ไปด้วยความเร็วสูงสุด
ชั่วพริบตา ชายชราก็หายลับไปจากสายตาของพวกต้วนหลิงเทียน
อย่างไรก็ตามร่างชายชราที่วูบหายไปจากสายตาทุกคน กลับไปปรากฏตัวในมุมมืดแห่งหนึ่งและจับจ้องมองไปยังพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 ด้วยสายตาเยียบเย็น…!
ตอนที่ 1,889 : ราชาเม็ดยา ‘ซุนยิง’
“มันกำลังลอบจับตาดูพวกเจ้าอยู่…”
และในขณะที่ชายชราซ่อนตัวแอบดูพวกต้วนหลิงเทียนในมุมมืดนั้นเอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็ส่งเสียงไปหากู่ลี่และจูลู่ฉีทันที “พวกท่านเริ่มแสดงได้แล้ว!”
แสดง!
เมื่อได้ยินต้วนหลิงเทียนส่งเสียงกล่าวบอก ไม่ว่าจะกู่ลี่หรือจูลู่ฉี ก็ชักสีหน้าตกตะลึงทันที
“เจ้านั่นสมควรเป็นยอดฝีมืออันร้ายกาจนัก มารดาของมันเถอะสามารถขโมยสมุนไพรทั้งสวนได้ในชั่วพริบตา! ตั้งแต่ต้นจนจบข้ายังไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้น…พอลุกขึ้นมาหลังถูกซัด พวกก็กวาดสมุนไพรทั้งโอสถวิญญาณไปเหี้ยนแล้ว”
ต้วนหลิงเทียน กู่ลี่และจูลู่ฉีเริ่มกล่าววาจาออกมาด้วยสีหน้าหวาดกลัวระคนตกใจทันที คล้ายเรื่องราวเมื่อครู่มันน่ากลัวและอันตรายมาก
“โชคดีนักที่พวกเราไม่กล้าพอจะแข็งขืนต่อต้านมัน หาไม่แล้วคงไม่ใช่แค่ถูกซัดปลิว เผลอๆจะตกตายเอาได้ง่ายๆ! ภูมิภาคเบื้องบนไฉนถึงได้น่ากลัวขนาดนี้กัน…”
กู่ลี่กล่าวออกด้วยน้ำเสียงกังวล
“พลังฝีมือของหัวขโมยสูงส่งนัก…ไม่รู้เจ้าของสวนสมุนไพรจะต่อกรกับมันได้หรือไม่ กระทั่งหากตามไปไม่ทันข้ากลัวว่าสมุนไพรกับโอสถวิญญาณเลิศล้ำพวกนั้นคงหายไปหมดสิ้นแน่!”
จูลู่ฉีกล่าวเสริมออกมาอย่างเหมาะเจาะ
ต้วนหลิงเทียนและพวกทั้ง 3 กล่าวคำออกมาราวกับไม่รู้ว่ามีผู้ใดลอบจับตาดูอยู่ อีกทั้งวาจาเรื่องราวยังสมจริงนัก ชายชราที่ซุ่มจับตาดูอยู่ตั้งแต่ตั้น มาตอนนี้ก็วางใจและเชื่อว่าไม่มีใดผิดพลาด
ครู่ต่อมามันก็เร่งเหินร่างมุ่งหน้าลงใต้ด้วยความเร็วสูงสุดทันที
ซุ่มมม!!
ชายชราเหินร่างแหวกฟ้าไปฉับไวนัก เหนือฟ้าบังเกิดถนนฟ้าลากยาวไปเป็นทาง พริบตาก็ราวกับจะพุ่งลัดขอบฟ้าไปแล้ว นับเป็นความเร็วอันน่ากลัวไม่ใช่ชั่ว!
“กี่ปีมาแล้ว…ที่ไม่มีใครกล้ายั่วโมโหข้า ซุนยิง ผู้นี้!ไม่ว่าใครหน้าไหนที่มันกล้าขโมยของๆข้าซุนยิงผู้นี้…มันต้องตาย!!”
ลูกตาชายชราเผยประกายดุร้ายอาฆาต เสียงกล่าวยังเย็นเยียบจับกระดูก
ซุนยิง!
หากมีคนของภูมิภาคเบื้องบนแต่กำเนิดมาได้ยินวาจาอาฆาตนี้ของชายชรา เกรงว่าพวกมันไม่ตกตะลึงก็คงไม่ได้!
ซุนยิงนั้นก็คือราชาเม็ดยา ผู้ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านัก อีกทั้งมันยังไม่ได้เป็นปรมารจารย์เซียนหลอมที่มีความสามารถในด้านรักษาและหลอมเม็ดยาเป็นเลิศเท่านั้น ตัวมันยังอยู่ในอันดับที่ 300 ของรายนามยอดเซียนอีกด้วย!!
อย่างไรก็ตามซุนยิงคงไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่ามันจะถูก คน 3 คนที่พึ่งมาจากภูมิภาคเบื้องล่างหลอกต้มเสียแล้ว!
เหตุผลที่มันไม่ได้ตระหนักเลยว่ามันถูกหลอมต้มจนเปื่อย เพราะกระทั่งหลับมันยังไม่อาจฝันถึงว่าต้วนหลิงเทียนกับพวกทั้ง 3 จะสัมผัสได้ถึงสำนึกเทวะของมัน ล่วงรู้ว่ามันลอบจับตาดูอยู่…
ซุนยิงย่อมเป็นผู้ที่มั่นใจในพลังฝีมือของตัวเองนัก!
แน่นอนว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องราวเช่นนี้ได้ เพราะซุนยิงไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าโลกหล้า กลับมีตัวตนที่เรียกว่า ‘ผู้เฒ่าหั่ว’ ดำรงอยู่…
หากมันล่วงรู้ว่ามีตัวตนอย่าง ‘ผู้เฒ่าหั่ว’ ดำรงอยู่ มันคงให้ต้วนหลิงเทียนและอีก 2 คนกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าแล้ว เพื่อให้รู้แน่ชัดว่าต้วนหลิงเทียนกับพวกไม่ได้ขโมยของมันไปจริงๆ
ทว่าตัวตนที่ทรงพลังและฝึกปรือมาถึงขอบเขตเดียวกับซุนยิง…
เว้นแต่จะไร้หนทางเลือกอื่นใดแล้ว พวกมันย่อมไม่คิดให้ใครกล่าวคำสาบานแบบนั้นเด็ดขาด
หาไม่แล้วพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 คงไม่รอดตัวไปแบบนี้
ซุนยิงเหินร่างจากไปไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับแจ้งจากผู้เฒ่าหั่วทันที เขาเร่งกล่าวบอกกู่ลี่กับจูลู่ฉีอย่างไม่รอช้า “มันเหินร่างมุ่งหน้าลงใต้แล้ว สมควรไม่ย้อนกลับมาในเวลาสั้นๆ…พวกเรารีบมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วสูงสุดสักเดือนเถอะ จากนั้นค่อยคิดว่าจะทำยังไงต่อไป!!”
“ได้!”
ตอนนี้ไม่ว่าจะกุ่ลี่หรือจูลู่ฉี ล้วนรอฟังคำชี้นำของต้วนหลิงเทียนทั้งสิ้น
หลังจากที่ทั้ง 3 เหินร่างขึ้นฟ้า ก็มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกทันทีโดยไม่กล้าแม้แต่จะหยุดหันไปมองแม้แต่ครั้งเดียว
“โชคดีนักที่ชายชรานั่นเพียงแค่ตรวจสอบแหวนพื้นที่และลอบจับตาดูพวกเรา ไม่สั่งให้พวกเรากล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า ไม่งั้นพวกเราทุกคนต้องตายแน่!”
ระหว่างเดินทาง กู่ลี่อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกว่าตัวเองโชคดีนัก
“มิผิด”
จูลู่ฉีก็เห็นด้วยอย่างยิ่งหลังได้ยินคำของกู่ลี่ สังเกตให้ดีตอนนี้แผ่นหลังมันถึงกับชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็น
“อย่างไรก็ตามข้าเกรงว่ากระทั่งหลับมันยังคงไม่อาจฝันถึง ว่าพวกเราจะฉวยโอกาสลงมือตอนที่มันละเลยความระวังช่วงที่มันไม่ได้เฝ้าจับตาสวนยา นอกจากนี้มันคงไม่อาจคิดคาดจินตนาการได้ว่าน้องหลิงเทียนมีวิธีตรวจจับสำนึกเทวะของมันที่ลอบจับตามองพวกเรา กระทั่งยังคงไม่อาจคิดได้ว่าพวกเราจะเสแสร้งเล่นละครในเวลาอันเหมาะสมเช่นนั้น…”
กู่ลี่กล่าวออกขณะหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาชื่นชม
“ถูกแล้ว”
จูลู่ฉีพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
จนถึงตอนนี้มันเองก็ยังไม่ทราบจริงๆว่าที่แท้ต้วนหลิงเทียนทำอย่างไรกันแน่ถึงสามารถตรวจจับสำนึกเทวะของอีกฝ่ายได้ว่าจับตาดูอยู่หรือไม่ได้ดูอยู่…
ต้องทราบด้วยว่าแม้พลังฝึกปรือของมันจะอยู่เหนือกว่าต้วนหลิงเทียน กระทั่งมันยังมั่นใจว่าพลังฝีมือเหนือล้ำกว่าต้วนหลิงเทียน ก็ยังไม่อาจจับสัมผัสสำนึกเทวะของเจ้าของสวนสมุนไพรได้เลย…
ทว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้กล่าวออกถึงเรื่องนี้ กู่ลี่กับจูลู่ฉีเองก็ไม่คิดจะถาม
สุดท้ายแล้วทุกคนล้วนมีความลับส่วนตัว…
ได้ฟังบทสนทนาระหว่างกู่ลี่กับจูลู่ฉี เหงื่อกาฬต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะไหลโจ๊กชุ่มโชกไปทั้งแผ่นหลัง เพราะที่ทั้งคู่กล่าวคือปัญหาที่เขากังวลและคิดไม่ตกแต่แรก…
“ผู้เฒ่าหั่ว ไฉนท่านถึงได้มั่นใจนักเล่า…ว่ามันจะไม่ใช้ให้พวกเรากล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า?”
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามผู้เฒ่าหั่วออกมา
ก่อนหน้านี้เขาก็ถามผู้เฒ่าหั่วแล้ว ว่าหากเจ้าของสวนสมุนไพรให้กล่าวคำสาบานขึ้นมาจะทำอย่างไร ทว่าเป็นผู้เฒ่าหั่วที่กล่าวบอกออกมาอย่างมั่นใจ ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางให้พวกเขากล่าวคำสาบานแน่ และนั่นจะทำให้แผนการดำเนินไปอย่างราบรื่น…
ถึงแม้จะยังรู้สึกไม่สบายใจและกังวลถึงเรื่องนี้มาตลอด แต่สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็เลือกที่จะเสี่ยง!
พอสามารถดำเนินตามแผนได้สำเร็จ ชนะเดิมพันออกจากสวนสมุนไพรมาได้…
ทำให้เขามีความสุขความยินดีนัก กระทั่งลืมเรื่องราวความกังวลก่อนหน้าออกไปหมดสิ้น…
แต่ตอนนี้พอได้ยินกู่ลี่กับจูลู่ฉีสนทนากัน เขาจึงฉุกคิดขึ้นมาได้อีกครั้ง เลยอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามผู้เฒ่าหั่วออกมา
“เป็นเพราะความคิดอันคุ้นชิน…”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าว
“ความคิดอันคุ้นชิน?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามด้วยความสงสัย
“มิผิด เป็นความคิดอันคุ้นชินของยอดฝีมือ! ในสายตาเจ้าของสวนสมุนไพร พวกเจ้าทั้ง 3 ไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากมด มันอยากรู้อะไรจากพวกเจ้า มันย่อมมีวิธีการของมันเองไหนเลยจำต้องพึ่งพาคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า?”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าวอธิบายให้เขาฟัง ทั้งยกตัวอย่าง “เจ้าลองคิดดูเอาเถอะ หากเจ้าย้อนกลับไปทวีปมนุษย์แล้วคิดเค้นความอันใดจากพวกมัน เจ้าจะใช้ให้พวกมันกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าหรือไม่? แล้วเจ้าใช่รู้สึกเสียหน้าหรือไม่หากต้องใช้วิธีเช่นนี้เค้นความจากพวกมัน?”
ต้วนหลิงเทียนได้ยินวาจานี้ก็ถึงกับเงียบไปพักหนึ่ง
ครู่ต่อมาพอเขานึกว่าหากตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเจ้าของสวนสมุนไพรจริง และต้องมาเค้นความจากมด 3 ตัว…ไม่แคล้วเขาก็จะใช้พลังวิธีของตัวเองตามจิตใต้สำนึก แทนที่จะใช้ให้พวกมันกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า
“มันคงคิดไม่ถึงว่าข้าจะมีท่านผู้เฒ่าหั่วคอยช่วยเหลือ…ไม่งั้นมันคงต้องเสียใจกับการกระทำของมันแน่!”
เมื่อดึงสติกลับจากความคิดที่ล่องลอย มาตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็รู้แล้วว่าความคิดอันคุ้นชินของยอดฝีมือคืออะไร มันไม่ได้มีอะไรมากมายไปกว่าอัตตาและถวามถือดีอย่างหน้ามืดตามัวในตัวเองแม้แต่น้อย!
“นอกจากนี้คนทั่วไป ไหนเลยจะทราบได้ว่าเจ้ามีของอย่างเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไว้เก็บสิ่งของ”
ผู้เฒ่าหั่วกัวเราะออกมาดังร่า
“ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม คราวนี้พวกเราพ้นเคราะห์เพราะท่านผู้เฒ่าหั่วคนเดียว…ต้องขอบคุณท่านแล้วผู้เฒ่าหั่ว!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวขอบคุณผู้เฒ่าหั่วจากใจจริง
ถึงแม้ตอนนี้เขาจะเป็นเจ้าของเจดีย์หลิงหลง 7สมบัติ และผู้เฒ่าหั่วก็เป็นผู้ที่ตกอยู่ในอำนาจสะกดของเจดีย์ กล่าวได้ว่าเขาเป็นเจ้านายของผู้เฒ่าหั่ว…แต่เขาก็ไม่เคยปฏิบัติต่อผู้เฒ่าหั่วในฐานะบริวารแม้แต่น้อย ยังยึดถือผู้เฒ่าหั่วเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งมาโดยตลอด
และปรากฏว่าเขากระทำได้ถูกต้องแล้ว
อย่างน้อยๆผู้เฒ่าหั่วก็พยายามช่วยเหลือเขาอย่างเต็มที่ ไม่มีปิดซ่อนอะไร
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนและพวกมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันตกไปได้ราวๆ 10 วัน ซุนยิงที่มุ่งหน้าลงใต้ไปด้วยความเร็วสูงสุดกลับไม่พบแม้แต่ร่องรอยของหัวขโมยใดๆ
“พลังฝีมือของเจ้าหัวขโมยนั่นมันมิได้ด้อยไปกว่าข้างั้นหรือ?”
ซุนยิงมองไปยังขอบฟ้าว่างเปล่าและผืนดินรกร้างไร้ผู้คนด้านล่างอย่างเลื่อนลอย สีหน้าแลดูบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก!
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพักมันก็คิดว่าเรื่องนี้แทบเป็นไปไม่ได้เลย
ทั่วทั้งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ หากวัดกันในแง่ของพลังฝีมือแล้วมีเพียงแค่ 200 กว่าคนเท่านั้นที่ร้ายกาจเหนือมัน…
ทว่าคนที่พลังฝีมือสูงส่งเหล่านั้น ไหนเลยจะประพฤติตัวต่ำตมเป็นหัวขโมย?
ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของยอดฝีมือเหล่านั้น ต่อให้พวกมันมีพลังมากพอจะก่อการอุกอาจแบบนี้ได้ แต่ไหนเลยจะมีใครกล้าลงมือเพื่อสร้างความหมางใจกับมัน?
ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ จริงอยู่ที่หากวัดกันในแง่ของพลังฝีมือต่อสู้ ตัวมันจะอยู่ในอันดับที่ 300 ของรายนามยอดเซียน…
ทว่าหากเป็นเรื่องของโอสถเซียน เม็ดยาอมตะเล่า?กระทั่งด้วยฐานะปรมาจารย์เซียนหลอมที่สามารถหลอมโอสถเสมือนเซียนอมตะได้ มันจึงถือว่าเป็น 1ใน 3 ปรมาจารย์เซียนหลอมที่มีความสามารถด้านโอสถและการแพทย์สูงส่งที่สุดในแดนดิน!
ไม่คุ้มที่จะมาบาดหมางกับมันด้วยเรื่องสมุนไพรและโอสถวิญญาณพวกนั้น!
“หรือจะเป็นสหายเก่าข้าลงมือ…”
ทันใดนั้นสองตาซุนยิงพลันทอประกายเรืองวูบ ในบรรดาคู่แข่งของมันเกรงว่าคงมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำแบบนี้ได้…
ทว่าคิดไปได้ไม่ทันไร ซุนยิงก็ปัดความคิดนี้ตกไปทันที ‘ช้าก่อน! ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าผู้ที่ล่วงรู้ตำแหน่งที่ตั้งสวนสมุนไพรของข้ามีไม่เกิน 5 คน และคงไม่มีใครใน 5 คนนั้นคิดกระทำเรื่องพรรค์นี้แน่…’
‘หรือพวกมดปลวกจากภูมิภาคเบื้องล่างมีปัญหา!’
พอคิดถึงจุดนี้ ซุนยิงก็ดึงสติกลับคืนทันที
และเมื่อมันเร่งย้อนกลับไปยังสวนสมุนไพร มันก็พบว่ามดปลวกในสายตาของมันทั้ง 3 ได้หนีหายไปแล้ว ไม่ว่ามันจะพุ่งร่างตระเวนค้นหาตามทิศเหนือออกตกมากเพียงใด ก็ไม่พบร่องรอยใดๆของทั้ง 3เลย…
จังหวะนี้มันจึงมั่นใจได้ทันทีว่าทั้ง 3 ได้หลบหนีจากไปตั้งนานแล้ว
“พวกมันหนีไปแล้วจริงๆ…หรือพวกมันกระทำเรื่องนี้?!”
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อใด ตอนนี้สองตาของซุนยิงทอประกายดุร้ายอำมหิตนัก รังสีฆ่าฟันฟุ้งบตลบไปหมด
ทว่าจนถึงตอนนี้ซุนยิงยังไม่ปักใจคิดว่าต้วนหลิงเทียนกับพวกทั้ง 3 จะเป็นมือดีที่ขโมยสมุนไพรวิญญาณทั้งโอสถวิญญาณของมันไป
ก่อนอื่นเลยมันไม่คิดว่าพวกต้วนหลิงเทียนจะกล้าลงมือภายใต้จมูกของมัน เพราะทั้ง 3 คนย่อมไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่ามันจับตาดูอยู่หรือไม่…
ประการที่สองมันไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนกับพวกจะกล่าววาจาเหลวไหลออกมาหลังมันหายตัวไป เพราะอีกฝ่ายไม่น่าจะล่วงรู้ว่ามันเลือกจะซ่อนตัวและลอบจาตาดูอยู่แบบนั้น…
‘อย่างไรเสียถึงแม้พวกันจักมิใช่หัวขโมยสมุนไพรและโอสถวิญญาณในสวนของข้า ลำพังที่พวกมันกล้าขัดคำสั่งของข้าโทษพวกมันคือตายสถานเดียว!หากข้าเจอพวกมันอีกครั้งในอนาคต พวกมันต้องตาย!!’
ซุนยิงตัดสินใจพิพากษาโทษตายให้พวกต้วนหลิงเทียนในใจเรียบร้อย…
ตอนที่ 1,890 : ภูมิภาคตะวันตก…
“บัดซบ! สารเลวตัวใดที่มันมาปล้นสมุนไพรของข้าซุนยิงผู้นี้กันแน่!!”
หลังครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน ซุนยิง ก็ไม่อาจนึกออกได้จริงๆว่าใครกันแน่ที่เป็นคนปล้นสมุนไพรของมันไป เรื่องนี้ทำให้มันอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
สุดท้ายก็พิโรธหนักนัก!
เพราะความรู้สึกนี้เสมือนมันถูกตบหน้าท่ามกลางผู้คน หากแต่ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดที่ยื่นมือมาตบหน้ามัน!
ดังคำกล่าวที่ว่า น้ำท่วมปากยากจะพูด…
นับว่าราชาเม็ดยา ซุนยิง ถึงกับประสบกับอาการน้ำท่วมปากไม่อาจกล่าวอะไรกับใครได้แล้วจริงๆ
เพราะหากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ไม่ทราบจะทำให้ผู้คนทั่วภูมิภาพเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ารู้สึกอย่างไร…
ส่วนอีกด้านนั้น ต้วนหลิงเทียนและพวกที่หลบหนีออกจากสวนสมุนไพร ย่อมไม่ได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเลย
ยังไม่ทราบด้วยว่าชายชราเจ้าของสวนสมุนไพร ที่คิดกักขังหน่วงเหนี่ยวพวกเขาไว้ 10 ปี ที่แท้กลับเป็นปรมาจารย์เซียนหลอมที่ลือชื่อในแดนดิน…!
เว้นเสียแต่ซุนยิงจะเลิกถือสาเรื่องมีภาระผูกพัน ไม่ว่ามันจะไปเยือนที่ใดใน 3 ลัทธิ เกรงว่าทั้ง 3 ลัทธิยินดีมอบตำแหน่งอันเป็นที่นับหน้าถือตาแก่มันแน่ และไม่พ้นต้องมีผู้ติดตามรับใช้มันนับพันหมื่นคน!
บางทีพลังฝีมือของมันอาจไม่นับว่าร้ายกาจมากมายอะไรในบรรดา 3 ลัทธิ แต่ความสำเร็จในเต๋าแห่งโอสถของมัน นับว่ายากจะหาใครเทียบได้จริงๆ!
ต้วนหลิงเทียน กู่ลี่ และจูลู่ฉี ก็มุ่งหน้าบึ่งทิศตะวันตกตลอดทั้งเดือนไม่เคยหยุดพัก
ตลอดเดือนที่ผ่านมาพวกเขาก็พบกับปัญหาตามรายทาง ที่คอยขัดขวางการเดินทางไม่น้อย
ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ายอดฝีมือมีมากมายดั่งก้อนเมฆ บ้างก็มีตระกูลสำนักและต้นสังกัดสนับสนุนทรัพยากรบ่มเพาะ…แต่คนที่ไร้ขุมกำลังได้สนับสนุน และหันมาประกอบการค้าไร้ต้นทุนเองก็มีไม่น้อย…
เพื่อที่จะรวบรวมทรัพยากรบ่มเพาะทั้งหลายให้เพียงพอกับการึฝกปรือ ผู้ประกอบการค้าไร้ต้นทุนทั้งหลาย มักจะดักซุ่มตามเส้นทางดั่งเฝ้ารอกระต่ายออกจากโพรง! เมื่อพบกระต่ายน้อยที่ทะเล่อทะล่าออกมาอย่างไม่รู้ประสาพวกมันก็จะปล้นเสียให้สิ้น!
อย่างไรก็ตามครานี้นับว่าพวกประกอบการค้าไร้ต้นทุนถึงคราวซวยแล้วจริงๆ ที่มาปล้นชิงพวกต้วนหลิงเทียน เพราะด้วยพลังฝีมือของกลุ่มต้วนหลิงเทียนไหนเลยจะรับมือพวกโจรเหล่านี้ไม่ได้!
มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่พบเจอกลุ่มโจรร้ายที่มีพลังฝีมือร้ายกาจ โดยมีโจรสองคนที่บรรลุถึงเซียนปฐพีขั้นกลาง!
อีกทั้ง 1 ในโจรที่อยู่ในขอบเขตเซียนปฐพีขั้นกลาง ยังก้าวเท้าเข้าสู่ขอบเขตเซียนปฐพีขั้นเชี่ยวชาญไปแล้วครึ่งก้าวเหมือนกับจูลู่ฉี ทำให้พลังรบของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าจูลู่ฉีเลย!
ทำให้ยามประมือกับโจรกลุ่มนี้ หน้าจูลู่ฉีถึงกับเปลี่ยนไปเป็นสีซีด เพราะมันพบว่าไม่อาจจัดการคู่มือได้เร็วไว! และยากจะไปช่วยเหลือพวกต้วนหลิงเทียนรับมือโจรปฐพีขั้นกลางอีกคนได้ในเวลาอันสั้น!!
จนกระทั่งมันได้เห็นว่า อยู่ดีๆต้วนหลิงเทียนกลับแปลงกายเป็นนักรบมังกร และฆ่าโจรร้ายขอบเขตเซียนปบพีอีกคนไปได้ในไม่กี่กระบวนท่า!
สีหน้าที่มืดมนกังวลของจูลู่ฉีถึงได้แปรเปลี่ยนเป็นกระจ่างสว่างใสปานตะวันขึ้นทันที!
นั่นเพราะการที่อยู่ๆต้วนหลิงเทียนก็ระเบิดพลังฆ่าฟันโจรขอบเขตเซีนปฐพีขั้นกลางอีกคนได้ในไม่กี่กระบวนท่า ทำให้หน้าของโจรที่พัวพันกับจูลู่ฉีถึงกับเปลี่ยนสี มันตื่นตระหนกและเสียสมาธิไม่น้อย!
และนั่นกล่าวได้ว่าเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง!
ปะทะกันซึ่งๆหน้าตัวต่อตัว พลังฝีมือของมันก็ไม่ได้มีเปรียบจูลู่ฉีแต่แรก
กระทั่งหากการต่อสู้ดำเนินต่อไป มิแคล้วผลคงจบลงที่เสมอ!
ทว่าเพราะความตายของสหายที่อุบัติขึ้นในชั่วพริบตา ทำให้มันวอกแวกเสียสมาธิทันที สุดท้ายห้วงเวลาพริบตานี้ก็ถูกจูลู่ฉีฉกฉวยไว้ได้สำเร็จ ใช้ออกด้วยกระบวนท่าสังหารอย่างงดงาม
ลมหายใจสุดท้ายของมันกลับถูกพรากไปอย่างไม่เป็นธรรมเช่นนี้…
‘พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนที่แท้กลับร้ายกาจถึงเพียงนี้เลยหรือ…’
และนับตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้นมา จูลู่ฉีก็ตระหนักได้ถึงความจริงอันน่าเหลือเชื่อประการหนึ่ง…
กลับกลายเป็นว่าในกลุ่มเล็กๆ 3 คนนี้ ที่แท้พลังฝีมือของมันหาได้สูงส่งที่สุดไม่…
ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดกลับเป็นต้วนหลิงเทียนที่มีด่านพลังฝึกปรือเพียงแค่เซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดเท่านั้น!
ยังดีที่มันไม่ทราบว่าพลังฝึกปรือที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียนไม่ได้อยู่ในขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด และยังพึ่งอยู่ในขอบเขตอริยะเซียนขั้นสูงสุดเท่านั้น!
‘ด้วยพลังฝึกปรือตอนนี้ ยามใช้พรสวรรค์มังกรแปลงและแปลงร่างกลายเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บ รวมถึงใช้เวทย์พลังอื่นๆร่วมด้วย เซียนปฐพีขั้นกลางไม่อาจทนรับข้าได้ถึง 3 กระบวนท่า…กระทั่งเซียนปฐพีขั้นเชี่ยวชาญก็ไม่แน่จะทำอะไรข้าได้ สมควรมีแต่เซียนปฐพีขั้นสูงสุดขึ้นไปถึงจะรับมือข้าได้!’
พอได้ใช้พลังลงมือสังหารผู้คนแล้ว ต้วนหลิงเทียนจึงสามารถทำความเข้าใจกับสภาพของตัวเองได้อย่างชัดเจน
หลังมุ่งหน้ามาตะวันตกได้เดือนกว่า ในที่สุดกลุ่มต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 ก็พบเจอเมืองๆหนึ่ง เมืองนี้แลดูเก่าแก่โบราณนัก หากแต่ผู้คนก็คึกครื้นแลดูมีชีวิตชีวาไม่คล้ายเมืองโดดเดี่ยวที่ตั้งไกลห่าง
เข้ามาในเมืองไม่นานต้วนหลิงเทียนกับพวกก็เลือกไปนั่งในเหลาอาหารแห่งหนึ่ง
แน่นอนว่าการดื่มกินเป็นเพียงกระทำไปตามพิธีการเท่านั้น
เมื่อบ่มเพาะฝึกฝนมาจนมีพลังฝึกปรืออย่างพวกต้วนหลิงเทียนแล้ว จะรับประทานหรือไม่รับประทานก็ไม่ได้ส่งผลอะไรมากมาย ต่อให้ไม่ได้ดื่มกินอะไรเลยก็อยู่ได้อย่างไม่รู้สึกอะไร มีเพียงรับประทานเนื้อสัตว์เซียนเลิศล้ำที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณเท่านั้นถึงจะส่งผลกระทบ
ที่ทั้ง 3 เลือกเข้ามากินดื่มในเหลาอาหาร เพียงเพื่อหาข้อมูลว่าตอนนี้เดินทางมาถึงไหนกันแล้ว
หลังจากตั้งหน้าตั้งตาเดินทางมาเดือนกว่าโดยไม่กล้าหยุด ทำให้ทั้ง 3 ไม่รู้อีกต่อไปว่าตอนนี้ที่แท้อยู่ส่วนไหนของโลกกันแน่…
“เฮ้ พวกเจ้าได้ยินรึยัง? เห็นว่าตราผนึกมารปรากฏขึ้นมาอีกครั้งแล้ว!”
โต๊ะตัวหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆโต๊ะของพวกต้วนหลิงเทียน อันมีชายวัยกลางคนแลดูกักขฬะ 4 คนนั่งอยู่ เป็น 1ในนั้นที่อยู่ดีๆก็เปิดประเด็นสนทนาขึ้นมา
“ตราผนึกมารงั้นหรือ…มิใช่มีข่าวว่ามันปรากฏขึ้นมาตั้งแต่เมื่อ 5 ปีที่แล้วหรือไร เห็นว่ายังปรากฏขึ้นที่ภูมิภาคเบื้องล่างด้วย! เพื่อตราผนึกมารข้าได้ยินมาว่ายอดฝีมือมากมายถึงกับลงไปยังภูมิภาคเบื้องล่างอย่างตั้งใจ แต่สุดท้ายพวกมันก็ทำได้แค่คว้าน้ำเหลว มิได้อะไรกลับมา!”
อีกคนในโต๊ะกล่าว
“ข้าเองก็ได้ยินมาเช่นกัน เห็นว่าตราผนึกมารนั่นเป็นรุ่นเยาว์ในภูมิภาคเบื้องล่างคนหนึ่งได้ไป…”
ชายอีกคนในโต๊ะพูด
“ข่าวของพวกเจ้ามันล้าหลังไปแล้ว…เมื่อไม่นานมานี้ชายหนุ่มที่ได้รับตราผนึกมารในปีนั้น ในที่สุดก็ถูกเปิดเผยตัวตน! ที่แท้มันเป็นนายน้อยของขุมพลังกึ่งชั้น 3 ในภูมิภาคเบื้องล่าง! ตำหนักเมฆาคราม!!”
สุดท้ายชายคนแรกจึงกล่าวออกมาหลังพบว่าสหายยังไม่ทราบเรื่องนี้กันสักคน
“ตำหนักเมฆาครามรึ? ข้าได้ยินมาว่ามันเป็นขุมพลังกึ่งชั้น 3 ที่ร้ายกาจที่สุด 1 ใน 2 ขุมพลังของภูมิภาคเบื้องล่าง และเห็นว่าจ้าวตำหนักที่เรียกว่าต้วนหรูเฟิงก็มีพรสวรรค์ไม่น้อย! เหลือเชื่อจริงๆ ข้าไม่คิดเลยว่าที่แท้นายน้อยตำหนักเมฆาครามจะเป็นชายหนุ่มที่ได้ตราผนึกมารไปครองในปีนั้น!”
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ได้ยินเรื่องนี้
เขาไม่คิดเลยว่าในภูมิภาคเบื้องบนจะมีคนล่วงรู้ตัวตนของบิดาเขา
“ตำหนักเมฆาครามอาจเป็นขุมพลังที่ร้ายกาจที่สุดในภูมิภาคเบื้องล่าง แต่หากขึ้นมาเบื้องบนก็ไม่นับเป็นอะไร! ในเมื่อตัวตนของชายหนุ่มที่ได้ตราผนึกมารไปครองเปิดเผยออกมาแบบนี้ ข้าคิดว่ามันคงเก็บไว้กับตัวได้อีกไม่นานแล้วล่ะ”
“เจ้ากล่าวถูกแล้ว…ตอนนี้ตราผนึกมารนั่นถูกอาวุโสเซี่ยจากลัทธิอารามทมิฬชิงไปแล้วจริงๆ!”
“เซี่ยจงน่ะหรือ! ฮัยยาช่างลงมือรวดเร็วยิ่งนัก! เช่นนั้นหมายความว่าตราผนึกมารตกอยู่ในความครอบครองของลัทธิอารามทมิฬแล้วสิ!”
……
ชายวัยกลางคนกล่าวถึงต้วนหลิงเทียนและตราผนึกมารออกมาแบบนี้…
พอมันเข้าหูต้วนหลิงเทียน ก็ทำให้เขานึกย้อนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตำหนักเมฆาครามทันที
ความโลภและความถือดีของอาวุโสลัทธิอารามทมิฬ เซี่ยจง เป็นเช่นไร…เขารู้ซึ้งดี!
จังหวะนี้สีหน้าต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะได้รับผลกระทบ กลายเป็นเศร้าทั้งคับแค้นขึ้นมาทันที
เห็นแบบนั้นกู่ลี่กับจูลู่ฉีก็ได้แต่หันหน้ามองตากัน แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ไม่คิดกล่าวอะไรออกมา
เพราะพวกมันรู้ดียิ่งกล่าวใดให้มากความตอนนี้ ก็รังแต่จะทำให้ต้วนหลิงเทียนนึกย้อนทวนเรื่องราวเสียเปล่าๆ คงดีกว่าหากไม่พูดอะไร บางทีต้วนหลิงเทียนอาจฟื้นตัวได้เร็วกว่า
สุดท้ายเมื่อหัวข้อสนทนาเปลี่ยนเป็นเรื่องอื่น ไม่นานสีหน้าต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆผ่อนคลายลง…
“ข้าได้ยินมาว่า ธิดาเทพ ที่หายตัวไปเมื่อหลายปีที่แล้วหลังได้รับการแต่งตั้ง ถูกคนของวิหารเทพพบตัวแล้ว”
เสียงเบาๆหนึ่งแว่วดังเข้าหูต้วนหลิงเทียน และเสียงนี้ก็ดึงดูดความสนใจของต้วนหลิงเทียนไปได้ทันที
เพราะเขารู้ว่าคนของวิหารเทพที่พบตัวธิดาเทพที่ว่า สมควรเป็นคนของลัทธิบูชาไฟแน่นอน!
ขุมพลังที่ถูกเรียกขานว่าวิหารเทพในภูมิภาคตะวันตกนี้มีเพียงขุมพลังเดียวเท่านั้น…ลัทธิบูชาไฟ!
ภูมิภาคตะวันตกยังเป็นดินแดนของลัทธิบูชาไฟ!
ในภูมิภาคตะวันตกกล่าวได้เลยว่า ลัทธิบูชาไฟเสมือนวิหารเทพที่ชี้ขาดความเป็นตายของทุกคนได้!
เช่นนั้นคนของลัทธิบูชาไฟ จึงถูกเรียกหาว่าคนของวิหารเทพ
และผู้คนในภูมิภาคตะวันตกก็จะเรียกหาลัทธิบูชาไฟว่า วิหารเทพ…
หลังจากที่ได้รู้ว่าตอนนี้ได้มาถึงถิ่นลัทธิบูชาไฟแล้ว ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึ้งไปพักหนึ่ง!
เขาไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าหลังจากขึ้นมายังภูมิภาคเบื้องบนได้ไม่ทันไร ทิศทางที่เขาสุ่มมุ่งหน้ามาจะเป็นทิศทางที่ตั้งของลัทธิบูชาไฟเสียอย่างนั้น
‘ธิดาเทพที่หายตัวไปในปีนั้นหรือ?’
ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วขึ้นมาทันที แววตายังพร่ามัวไป ใจครุ่นคิดขึ้นมา ‘เค่อเอ๋อหรือ?’
ครั้นยังอยู่ที่ภูมิภาคเบื้องล่าง ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินบิดากล่าวว่าตำแหน่ง ‘ธิดาเทพ’ ที่จ้าวลัทธิบูชาไฟแต่งตั้งนั้น…สมควรเป็นตำแหน่งของเค่อเอ๋อ! ทว่าไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่านางหายตัวมาปรากฏตัวอยู่ที่ทวีปเมฆาล่อง!!
ตั้งแต่วันที่เค่อเอ๋อหายตัวไป ลัทธิบูชาไฟก็ส่งคนออกมาค้นหาตัวนางตลอด แต่ก็หาไม่พบ
จนกระทั่งพี่สาวฝาแฝดของเค่อเอ๋อสะกดรอบตามเขามาจนเจอนางที่เกาะป้านเยว่ สุดท้ายก็พาตัวนางกลับไป
“ใช่ เรื่องนี้ข้าก็ได้ยินมาแล้วเช่นกัน อย่างไรก็ตามเพราะนางถูกเลี้ยงดูจนเติบโตมานอกวิหารเทพนางจึงกระทำผิดศีลธรรม สุดท้ายกระทั่งให้กำนิดบุตรีออกมาคนหนึ่ง! ตอนนี้หอคุมกฏได้กักขังตัวนางไว้แล้ว รอให้จ้าวลัทธิออกจากการกักตัวฝึกตนค่อยตัดสินชะตาพวกนางแม่ลูก”
“เฮ่อ…เรื่องนี้ข้าไม่รู้จะกล่าวอย่างไรดี ทำผิดศีลธรรมหรือ? เท่าที่ข้ารู้ตอนที่ธิดาเทพหายตัวไปนางยังเป็นทารกแบเบาะด้วยซ้ำ ให้นางเฉลียวฉลาดมากปัญญาเพียงใด แต่ไหนเลยจะรู้ได้ว่าตัวเองคือธิดาเทพ? เช่นนี้นางผิดอันใดที่มีสามีและบุตร? มารดาของมันเถอะ! นางจะไปรู้หรือไม่ว่าตัวเองต้องรักษาพรหมจรรย์ไว้ดั่งหยกบริสุทธิ์? เรื่องนี้ช่างเหลวไหลสิ้นดี!”
“ชู่ว! เจ้าบ้าเอ๊ย…เจ้าจะโมโหทำบัดซบอะไร! กล่าวเสียงดังเช่นนี้กลัวบิดาเจ้าไม่ได้ยินหรือ? เกิดคนหอคุมกฏของวิหารเทพผ่านมาได้ยินเดี๋ยวได้ตายห่ากันหมดหรอก!!”
“ฮึ่ม! ข้าก็แค่พูดความจริง!”
……
เสียงที่แว่วดังเข้าหูต้วนหลิงเทียน นับว่าดังได้ประจวบเหมาะนัก พาลให้สีหน้าต้วนหลิงเทียนสลดลงไปอีกครั้ง
ต้วนหลิงเทียนที่แต่เดิมก็เศร้าเพราะการตายของคนตำหนักเมฆาครามและคับแค้นเรื่องเซี่ยจง พอมาได้ยินเรื่องเค่อเอ๋อแม่ลูกไปอีก ใจยิ่งเป็นกังวลแทบตาย!
และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังเป็นห่วงความปลอดภัยของเค่อเอ๋อแม่ลูกนั้นเอง
“เดือนหน้าใช่ครบกำหนดเวลาที่วิหารเทพจะรับสมัครศิษย์ล้ำเลิศทุกๆ 3 ปีแล้วหรือไม่…มิรู้ว่าคราวนี้วิหารเทพจักพบเจอศิษย์มากพรสวรรค์ที่เร้นกายฝึกปรืออย่างสันโดษอีกหรือไม่?”
พลันมีเสียงหนึ่งแว่วดังมาจากโต๊ะไกลๆ หากแต่เนื้อความในบทสนทนานี้กลับทำให้ต้วนหลิงเทียนอึ้งไปพักหนึ่ง ค่อยบังเกิดความคิดอะไรขึ้นมาในใจ
ลัทธิบูชาไฟ จะรับสมัครศิษย์หลังจากนี้อีก 1 เดือนงั้นเหรอ?
ยังเป็นการรับสมัครทุกๆ 3 ปี?
ทันใดนั้นลมหายใจของต้วนหลิงเทียนถึงกับถี่รัวขึ้นมาทันที ลูกตายังทอประกายวาวโรจน์ขึ้นมาปานหมาป่าพบเหยื่ออันโอชะ!
“พี่กู่!”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองกล่าวเรียกกู่ลี่ทันที
ทว่าในขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรออกมานั้น เป็นกู่ลี่กล่าวขัดคำขึ้นมาเสียก่อน “ข้าจะไปกับเจ้า”
“พวกเจ้าคุยอันใดกัน?”
ได้ยินต้วนหลิงเทียนกับกู่ลี่สนทนากันแบบนี้ จูลู่ฉีอดไม่ได้ที่จะงุนงง
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานจู่ลู่ฉีจึงได้รับรู้เรื่องราวจากกู่ลี่
ที่แท้ธิดาเทพที่เคยหายสาบสูญไปของลัทธิบูชาไฟ ก็คือคู่หมั้นของต้วนหลิงเทียน!
และลูกสาวของธิดาเทพก็คือลูกสาวของต้วนหลิงเทียน!
แม้มันจะตกใจแต่มันก็เข้าใจแล้วว่าที่แท้ก่อนหน้าต้วนหลิงเทียนกับกู่ลี่คุยอะไรกัน
เห็นได้ชัดว่าต้วนหลิงเทียนคิดอาศัยโอกาสที่ลัทธิบูชาไฟเปิดรับศิษย์ เพื่อเข้าสู่ลัทธิบูชาไฟ
กู่ลี่เองก็คิดไปด้วย
“ในเมื่อพวกเจ้าไป เช่นนั้นข้าก็ไปด้วย”
ผ่านไปพักหนึ่งจูลู่ฉีก็มองต้วนหลิงเทียนสลับกับกู่ลี่แล้วกล่าวออก
หากกล่าวว่าตอนแรกที่มันตัดสินใจมาภูมิภาคเบื้องบนพร้อมกู่ลี่กับต้วนหลิงเทียนเพื่อความปลอดภัยล่ะก็
หลังจากผ่านเหตุการณ์ปล้นสวนสมุนไพรมาแล้ว มันก็ถือว่าตัวเองเป็น 1 ในกลุ่ม 3 คนเล็กๆนี่แล้วเช่นกัน
ตอนที่ 1,891 : ฆ่าพวกมันให้หมด!
ความเชื่อของลัทธิบูชาไฟนั้นก็คือ ‘เปลวไฟ’ เป็นสิ่งที่มนุษย์ชาติจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัย…
และในดินแดนทางภูมิภาคตะวันตกของภูมิภาคเบื้องบนดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ ลัทธิบูชาไฟ เสมือนศาสนาที่ทุกผู้คนยึดถือ…
บูชาไฟ คือความเชื่อของพวกมัน!
ลัทธิบูชาไฟจะรับสมัครศิษย์เลิศล้ำจากโลกภายนอก และเรื่องนี้เสมือนเป็นประเพณีของภูมิภาคตะวันตกไปแล้ว
ทุกครั้งที่ลัทธิบูชาไฟรับศิษย์เลิศล้ำ ภาคตะวันตกก็จะกล้ายเป็นคึกครื้นขึ้นมา เรียกว่าเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนจะมีชีวิตชีวามากที่สุด
เพราะเมื่อถึงวันนั้น ผู้ฝึกยุทธ์และผู้ฝึกเต๋าแม้กระทั่งผู้ฝึกมาร ที่มั่นใจในพลังฝีมือของตัวเองจากทั่วทุกสารทิศของภูมิภาคตะวันตกก็จะมารวมตัวกันที่ แท่นบูชาจตุรลักษณ์ ของลัทธิบูชาไฟ เพื่อหวังเป็นศิษย์ของลัทธิบูชาไฟให้จงได้!
ในสายตาของทุกคน การได้เป็นศิษย์ของลัทิบูชาไฟคือเกียรติยศอันหาได้ยากอย่างยิ่ง
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่สมัครเป็นศิษย์สาวกจะได้รับสถานะศิษย์ของลัทธิบูชาไฟ
มีเพียงผู้ที่ผ่านการประเมินคัดเลือกจากลัทธิบูชาไฟเท่านั้น…ถึงจะกลายเป็นศิษย์ของลัทธิ์บูชาไฟได้!
และการประเมินคัดเลือกศิษย์ของลัทธิบูชาไฟก็โหดร้ายนัก ทุกๆ 3 ปีล้วนมีคนตกตายไม่น้อย…
แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีคนอีกมากมายที่เข้าร่วมการประเมินคัดเลือกศิษย์สาวก ราวกับพวกมันไม่หวั่นหวาดความตาย!
“ไม่เข้าถ้ำเสือก็ยากจะได้ลูกเสือ…คนในภาคตะวันตกช่างงมงายนัก!”
เหนือเขาสูงลูกหนึ่ง มองผู้คนมากมายแห่กันขึ้นเขาเบื้องหน้า กู่ลี่ อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา ด้วยสายตาสั่นไหว
“ตลอดเดือนที่ผ่านมาหรือเจ้าไม่เห็นบรรยากาศของผู้คนในภาคตะวันตกนี่เล่า? กว่า 7 ส่วนล้วนมองลัทธิบูชาไฟเป็นดั่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและศูนย์รวมศรัทธาของพวกมัน…ไม่เชื่อเจ้าลองไปกล่าววาจาเมื่อครู่กับคนที่นับถือลัทธิบูชาไฟดูเถอะ เผลอๆมันจะสู้ตายกับเจ้า…”
จูลู่ฉีส่ายหัวไปมา หลังผ่านไปหนึ่งเดือนมันก็คุ้นเคยกับเรื่องราวพวกนี้ดี
“ทำเป็นพูดรับสมัครศิษย์เลิศล้ำอันใด…ก็แค่จะหาศิษย์เข้าร่วมแท่นบูชาลักษณ์ต่างๆ ในจตุรลักษณ์นั่น สุดท้ายหากคิดเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิบูชาไฟและกลายเป็นศิษย์ที่แท้จริง ก็ยังต้องพึ่งพาพลังฝีมือของตัวเองทั้งสิ้น!”
กู่ลี่กล่าวสืบต่อด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่
ลัทธิบูชาไฟนั้นเสืมอนแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน
หนึ่งในนั้นก็คือ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ของลัทธิบูชาไฟ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่อันมีสายแร่หินเซียนระดับกึ่งสวรรค์ล้อมรอบ ทำให้พลังวิญญาณฟ้าดินหนาแน่นบริบูรณ์ตลอดทั้งปี นับเป็นสถานที่ๆมีสภาพแวดล้อมเหมาะแก่การบ่มเพาะดีที่สุดของลัทธิบูชาไฟ
และถึงแม้จะกวาดตามองทั่วทั้งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ยังถือว่าเป็น 1 ในสถานที่บ่มเพาะระดับต้นๆ!
ในลัทธิบูชาไฟนั้น ไม่ใช่ว่าใครก็จะสามารถเข้าไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้
หากคิดจะเข้าไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์จำเป็นต้องมีใบรับรอง ที่แท่นบูชาจตุรลักษณ์ของลัทธิบูชาไฟออกให้เสียก่อน
และผู้ที่จะได้ใบรับรองอันเป็นดั่งบัตรผ่านเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้น หากไม่ใช่ชนชั้นอัจฉริยะพลังฝีมือกล้าแข็งสูงส่ง ก็ต้องเป็นปรมาจารย์จารึกเซียน ปรมาจารย์เซียนหลอม หรือกระทั่งปรมาจารย์ยันเต๋าระดับสูงๆ…
เช่นเดียวกันกับราชาเม็ดยา ซุนยิง ที่คิดกักขังหน่วงเหนี่ยวต้วนหลิงเทียนกับพวกให้เป็นคนสวน 10 ปีหากมันคิดเข้าร่วมลัทธิบูชาไฟ ไม่เพียงแต่มันจะได้ใบรับรองจากแท่นบูชาจตุรลักษณ์ทันที เผลอๆยังได้รับการต้อนรับอย่างงามจากจ้าวลัทธิบูชาไฟด้วยซ้ำ!
แม้พลังฝีมือของซุนยิงจะไม่นับเป็นตัวอะไรต่อหน้าจ้าวลัทธิบูชาไฟ ผู้ที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของรายนามยอดเซียน
หากแต่อาศัยความสำเร็จในเต๋าแห่งการปรุงยาและศาสตร์ทางการแพทย์ของมัน ก็มากพอจะให้จ้าวลัทธิบูชาไฟให้ความนับถือแล้ว
ในประวัติศาสต์ของลัทธิบูชาไฟมีศิษย์มากมายหลายคนที่ตลอดชั่วชีวิตไม่ได้รับ ใบรับรอง อันเป็นดั่งบัตรผ่านและใบอนุญาตให้เข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้ว่าพวกมันจะประสบความสำเร็จจนกลายเป็นศิษย์ฝ่ายนอกของแท่นบูชาจตุรลักษณ์ก็ตาม
จากจุดนี้ย่อมเห็นได้ชัด ว่าใบรับรอง ของแท่นบูชาจตุรลักษณ์ล้ำค่าปานใด
“แท่นบูชาจตุรลักษณ์งั้นเหรอ…พวกท่านอยากไปแท่นบูชาอันใดกัน?”
ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างระหว่างกู่ลี่กับจูลู่ฉีกล่าวถาม ขณะมองไปยังภาพคนขึ้นเขาเบื้องหน้า
กู่ลี่กับจูลู่ฉีได้ยินคำถามก็หันมองหน้ากันเอง สุดท้ายก็ส่ายหัวออกมา
“น้องหลิงเทียนเจ้าตัดสินใจเถอะ”
กู่ลี่กล่าวกับต้วนหลิงเทียนว่า “ข้าเองก็ไม่รู้จักมักคุ้นอะไรกับลัทธิบูชาไฟ ข้าไม่รู้ว่าแท่นบูชาอันใดมันดีหรือไม่ดี แล้วควรเลือกอันใด”
“ข้าเองก็เช่นกัน”
จูลู่ฉีก็กล่าวตอบออกมาตามกู่ลี่
“เหอะๆ ข้าเองก็ใช่ว่าจะรู้จักมักคุ้นลัทธิบูชาไฟอะไรมากมาย…”
ต้วนหลิงเทียนถึงกับยิ้มแหยๆออกมา เมื่อได้ยินว่าทั้งคู่ให้เขาตัดสินใจอีกแล้ว
ภายใต้สายตาคาดหวังจากกู่ลี่และจูลู่ฉี ต้วนหลิงเทียนที่อดแอบเซ็งไปไม่ได้ สุดท้ายก็จำต้องตัดสินใจ “งั้นเลือกเอามั่วๆสักอันแล้วกัน…แท่นบูชามังกรครามเป็นอย่างไร?”
แท่นบูชามังกรคราม?
1 ใน 4 แท่นบูชาจตุรลักษณ์!
นอกจากแท่นบูชาแล้วก็ยังมี แท่นบูชาหงส์เพลิง แท่นบูชาพยัคฆ์ขาว และแท่นบูชาเต่าทมิฬ!
“ได้”
“ข้าไม่คัดค้าน”
ได้ยินการตัดสินใจของต้วนหลิงเทียน ทั้งสองคนก็พยักหน้าเห็นชอบทันที
สำหรับพวกมันแล้ว ไม่ว่าจะแท่นบูชาใดก็เหมือนๆกัน เพราะสุดท้ายหากผ่านการคัดเลือก ก็ได้เป็นศิษย์ฝ่ายนอกของลัทธิบูชาไฟคือๆกัน…
“ถ้างั้นก็เอาตามนี้! ไปแท่นบูชามังกรครามกัน!!”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
เหตุผลที่เขาเลือกแท่นบูชามังกรครามนั้นก็ไม่ใช่อะไรอื่น เพราะชีวิตเขามีความเกี่ยวพันกับคำว่า มังกร ไม่น้อย
นอกเหนือจากในโลกเก่าที่เขาจากมาในชีวิตที่แล้วจะถูกเรียกว่าลูกหลานของมังกรแล้ว มาในชีวิตนี้เขาก็ได้พรสวรรค์มังกรแปลงจนสามารถกลายร่างเป็นนักรบมังกรได้!
ชะตากรรมของเขาคล้ายพัวพันกับมังกรอย่างไรไม่ทราบ!
เช่นนั้นเขาจึงเลือกแท่นบูชามังกรคราม!
“เหอะ! ล้วนเป็นตัวบ้านนอกทั้ง 3!!”
แทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ เสียงสบทด้วยความดูแคลนพลันดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียนกับพวกชัดเจน ฟังแล้วยังคล้ายจะจงใจด่าว่าพวกเขาเป็นพิเศษ!
“เจ้าว่าอะไรนะ?”
หน้าของกู่ลี่เปลี่ยนไปทันใด ยังหันไปมองที่ต้นเสียงพร้อมกล่าวถามออกไปด้วยโทสะทันที
จูลู่ฉีหันไปมองตาม
ต้วนหลิงเทียนเพียงโค้งคิ้วขึ้นด้วยสงสัย ก่อนจะหันไปมองเช่นกัน
เห็นเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่กำลังเชิดหน้ามองมาที่พวกเขาด้วยสายตาดูแคลน ทำราวกับมันเป็นจ้าวผู้อยู่เหนือกำลังเหลือบมองข้าทาส
ชายหนุ่มผู้นี้รูปร่างผอมไร้มัดกล้ามหน้าตาแลดูธรรมดาไม่โดดเด่น หากแต่หว่างคิ้วกลับแผ่พุ่งความเย่อหยิ่งออกมาเต็มที่ ชุดเครื่องแต่งกายแลดูก็รู้ว่าเป็นผ้าเนื้อดีมีระดับ ยังค่อนข้างสำอางค์ไม่น้อย
ด้านหลังของมันมีชายชราติดตามมาด้วย 1 คน
ชายชราเพียงยืนนิ่งสงบ 2 มือไพร่หลังเอาไว้ มองไกลๆไม่ต่างใดจากคนแก่ธรรมดาๆคนหนึ่ง
แต่ต้วนหลิงเทียนรับทราบได้ทันทีว่าคนแก่นี้ไม่ใช่ผู้ชราธรรมดา กระทั่งพลังฝีมือสมควรไม่ใช่ชนชั้นอ่อนด้อยแน่แท้! หาไม่แล้วคงยากที่ตัวเขาจะมองพลังฝีมือของอีกฝ่ายไม่ออกแบบนี้!
“ข้าพูดว่าอะไร?”
ชายหนุ่มในชุดสำอางค์มองกู่ลี่ด้วยสายตาเย้ยหยัน “เจ้าหูหนวกหรืออย่างไร เมื่อครู่ถึงไม่ได้ยินข้าเรียกหาพวกเจ้าว่า 3 ตัวบ้านนอก? ข้าล่ะสงสัยนักว่าตัวบ้านนอกเช่นพวกเจ้ามาทำอันใดที่นี่? พวกเจ้าคิดว่าอาศัยน้ำหน้าอย่างพวกเจ้าจะมีปัญญาเข้าร่วมลัทธิบูชาไฟได้?”
“หากข้าเป็นพวกเจ้า ป่านนี้ข้าม้วนเสื่อกลับบ้านไปเนิ่นนานแล้ว ไม่คิดอยู่รั้งรอจนเป็นตัวโง่ง่มให้ผู้อื่นหัวร่อหรอก!”
วาจาถล่มด่าทั้งแดกดันของชายหนุ่มเรียกว่ากล่าวเย้ยหยันกู่ลี่และคนอื่นๆออกมาซึ่งๆหน้า
สีหน้าต้วนหลิงเทียนยังเริ่มมืดลง
หน้าจูลู่ฉีเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“เป็นเจ้าหาเรื่องเจ็บตัวเอง!!”
กู่ลี่หนักกว่าใครเพื่อน! เพราะไม่เพียงใบหน้าเต็มไปด้วยโทสะ ยังพุ่งร่างไปฉับไวปานสายฟ้าหมายลงมือทุบตีผู้คนทันที!!
ซัวว!!
พลังฝึกปรือขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นกลางปะทุออกมาทันใด คลื่นพลังแผ่พุ่งกำจายออกจากทั่วร่างกดดันในบรรยากาศ สายลมม้วนตลบกวาดออกไปโดยรอบ!
“อาศัยพลังฝีมืออ่อนด้อยเพียงเท่านี้ หาญกล้ากำแหงต่อหน้าข้านายน้อย?”
เผชิญหน้ากับกู่ลี่ที่ปะทุพลังโจนทะยานเข้ามาปานนกเหยี่ยว ชายหนุ่มในชุดสำอางค์แสยะยิ้มดูแคลน เพียงยกมือขึ้นโบกปัดออกไปส่งๆ
ปงงง!!
เสียงสนั่นดังก้องลั่นขึ้นมา มวลพลังจากการโบกปัดมือของชายหนุ่มปะทะเข้ากับคลื่นพลังที่กู่ลี่ตบฟาดออกอย่างจัง และผลการปะทะก็เผยให้เห็นผู้แพ้ผู้ชนะทันที
กู่ลี่ถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตะลึง ก่อนร่างจะปลิดปลิวกระเด็นออกไปด้วยไม่อาจทำลายพลังของอีกฝ่ายได้ มวลพลังที่ว่าซัดกระแทกเข้าร่างของมันอย่างจัง!
กลับกัน ชายหนุ่มในชุดสำอางค์เพียงเสื้อผ้ากระพือปลิดปลิวเล็กน้อย ครู่ต่อมาก็สงบลง ไร้เรื่องราว
“อั๊คค!!”
กู่ลี่ที่ปลิวละลิ่วออกมาถึงกระอักโลหิตออกเป็นสาย ยังดีที่ยังไม่ล้มคะมำหงายหลังอันใด สามารถลงมายืนหยัดอยู่บนพื้นได้ แม้ร่างจะสั่นระริกก็ตามที
ทว่ามองไปยังชายหนุ่มในชุดสำอางค์อีกครั้ง แววตากู่ลี่อดไม่ได้ที่จะเผยถึงความหวาดกลัวออกมา
มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าพลังฝีมือของชายหนุ่มที่ไม่ต่างอะไรจาก ‘นายน้อยบ้านรวยสันดารเสีย’ ผู้นี้จะสูงกว่ามัน กระทั่งสูงกว่ามันมากจนยากจะเทียบได้!
ใจของกู่ลี่คล้ายถูกแหลนกระซวกอย่างแรง
‘นี่น่ะหรือภูมิภาคเบื้องบน…กับอีแค่นายน้อยบ้านรวยสันดารเสียคนหนึ่ง หรือข้ายังไม่อาจเทียบได้จริงๆ?’
จังหวะนี้ในใจของกู่ลี่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขื่นขมยากกล้ำกลืน
ยังบังเกิดความสงสัยขึ้นมา
หรือการตัดสินใจมายังภูมิภาคเบื้องบนจะผิดตั้งแต่แรก?
“หาที่ตาย!”
เมื่อเห็นกู่ลี่บาดเจ็บสีหน้าจูลู่ฉีก็มืดดำลงทันใด ร่างยังขยับออกไปดั่งสายลม!
วูบ!
ฝ่ามือตบฟาดไปยังนายน้อยบ้านรวยนิสัยเสียนั่นทันที!
จูลู่ฉีนับเป็นชนชั้นยอดฝีมือขอบเขตเซียนปฐพีขั้นกลางแล้ว
เช่นนั้นความเร็วในการพุ่งร่างออกไป ก็ไม่ใช่อะไรที่ความเร็วของกู่ลี่เมื่อครู่จะเทียบได้เลย!
กระทั่งชายหนุ่มเย่อหยิ่งในชุดสำอางค์หรูหราก็อดไม่ได้ที่จะหน้าเปลี่ยนสี เพราะมันรู้ดีว่าคิดหลบก็หลบไม่ทันแล้ว!
‘ถล่มมารดามัน! เซียนปฐพี!!’
ชั่วพริบตาดั่งฟ้าแลบลั่น ใจของชายหนุ่มพลันตระหนักได้ถึงเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามแม้ใบหน้าของมันจะเปลี่ยนสีไปไม่น้อย หากแต่ในแววตาก็ไม่ได้มีความหวาดกลัวอะไร
ดูเหมือนกับมันมีอะไรให้พึ่งพิง
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันที ‘ความมั่นใจของมันมาจากชายชราด้านหลังคนนั้น?’
“ฮึ่ม!”
ในขณะที่เห็นกันอยู่ชัดๆว่าฝ่ามือของจูลู่ฉีเจียนจะตบฟาดเข้าที่ใบหน้าของชายหนุ่มอยู่รอมร่อเต็มทีพลันมีคลื่นเสียงไร้สภาพหนึ่งดังพุ่งออกมารวดเร็ว!
ถึงแม้จะยังอยู่ห่างไกล หากแต่จูลู่ฉีกลับสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาล สีหน้ายังเปลี่ยนไปอย่างมาก!
“ระวัง! ถอยมา!!”
ห้วงเวลาคับขันนี้หน้าต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนสีไปเช่นกัน
เพราะเขาพบว่าชายชราที่อยู่ด้านหลังชายหนุ่มนั่น ลงมือหนักไม่น้อย!
เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าคลื่นพลังที่ปะทุออกมาพร้อมเสียงสบทนั่น มันไม่ใช่อะไรที่จูลู่ฉีจะต้านทานรับได้อย่างปลอดภัย จึงเร่งกล่าวเตือนออกไปทันที
อนิจจาแม้เขาจะกล่าวเตือนออกไปแทบจะพร้อมกับที่ชายชราลงมือ แต่ก็ยังสายเกินไป
ปงงง!!
แม้ไม่ทราบว่าชายชราลงมืออย่างไร หากแต่ฝ่ามือที่คิดตบฟาดไปยังใบหน้าของชายหนุ่มของจูลู่ฉีก็ถึงกับกระเด็นออกไปทันที
ไม่เพียงเท่านั้นยังมีเสียงดังสนั่นลั่นออกมาจากร่างของจูลู่ฉี คนยังกระเด็นปลิดปลิวไปคล้ายลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศร โลหิตกระอักออกปากเป็นสายตีวงโค้งวาบหนึ่ง ค่อยแตกกระจายกลายเป็นละอองบุบผา คนปลิวกระเด็นไปล้มลงตรงหน้ากูลี่…
“นะ ภา….ยอดฝีมือขอบเขตเซียนนภา”
จูลู่ฉีที่ถูกซัดจนปลิวกระเด็นไป ไม่เพียงแต่หน้าจะถอดสี…ในแววตายังอดเผยความตกตะลึงออกมาไม่ได้!
ไม่ทันรู้ตัวมันก็ถูกซัดทำร้ายจนบาดเจ็บขนาดนี้แล้ว…เกรงว่าต่อให้เป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนปฐพีขั้นสูงสุดก็ทำไม่ได้!
ดังนั้นก็หลงเหลือความเป็นไปได้ประการเดียวเท่านั้น
ผู้ที่ลงมือทำร้ายมันเป็นตัวตนขอบเขตเซียนนภา!
ยอดฝีมือขอบเขตเซียนนภา!
จังหวะนี้หน้ากู่ลี่ก็ถอดสีไปทันที หน้าต้วนหลิงเทียนเองก็เปลี่ยนสีไปเช่นกัน
“อันใด พวกตัวบ้านนอกเจ้ากลัวแล้วหรือ?”
เห็นหน้าต้วนหลิงเทียนกับทุกคนเปลี่ยนสีไปแบบนี้ ชายหนุ่มในชุดหรูหราเผยแววตาเยียดหยามกล่าวคำเสียดสีออกมาคราหนึ่ง ก่อนที่แววตาของมันะกลายเป็นเย็นลงกล่าวสั่งออกเสียงเหี้ยม
“ผู้เฒ่าเติ้ง ฆ่าพวกมันให้หมด!!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น