War sovereign Soaring The Heavens 1868-1871
ตอนที่ 1,868 : นักรบมังกร!
สวรรค์!
มังกรที่ปรากฏกายเบื้องหน้าเขากลับเป็นถึงมังกรเทพยาดา 8 กรงเล็บ!
“ผู้เฒ่าหั่ว!”
หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบจิตใจ ต้วนหลิงเทียนก็เรียกหาผู้เฒ่าหั่วในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทันที เพื่อให้อีกฝ่ายรับทราบถึงสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญอยู่
“มังกรเทพยาดา 8 กรงเล็บ?”
ครู่ต่อมาผู้เฒ่าหั่วก็ตระหนักถึงมังกรเทพยดา 8 กรงเล็บเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน “หืม? มังกรเทพยาดา 8 กรงเล็บนี่มิใช่ร่างจริง เป็นเพียงแค่ร่างอวตารเท่านั้น…แถมจากกลิ่นอายพลังนี้นิยมใช้ในการสืบทอดมรดก! เจ้าหนูนี่เจ้าพบพานสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไรกัน? มรดกของมังกรเทพยาดา 8 กรงเล็บนั้นหาได้ธรรมดาไม่!”
“ผู้เฒ่าหั่ว…ที่นี่ไม่ใช่สถานที่สืบทอดมรดกอะไร แต่ว่าเป็น…”
ต้วนหลิงเทียนเผยยิ้มขื่นขมออกมาเมื่อเห็นว่าผู้เฒ่าหั่วกำลังเข้าใจผิด เขารีบกล่าวอธิบายสถานการณ์ความเป็นมาทันที
“มังกรแปลง? เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าได้ยินมิผิด…ว่ามันจักทำให้เจ้าบรรลุมังกรแปลง?”
หลังได้ยินต้วนหลิงเทียนเล่าจบ ผู้เฒ่าหั่วพลันกล่าวถามออกมาทันที
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “ตอนแรกมังกรตัวนี้บอกว่าข้าได้ผ่านการทดสอบแล้ว อีกทั้งจะรักษาคำสัญญาที่ให้ไว้กับอาจารย์ของข้า ฟงชิงหยาง และทำให้ข้าบรรลุมังกรแปลง…ผู้เฒ่าหั่วมังกรแปลงคืออะไรหรือ?”
“เจ้าจดจำปัญญารู้แจ้ง เพลิงสุริยัน ที่ข้าถ่ายทอดให้เจ้าได้หรือไม่?”
ผู้เฒ่าหั่วไม่ได้ตอบคำถามต้วนหลิงเทียนตรงๆ หากแต่เลือกจะย้อนถามแทน
“แน่นอนข้าจำได้”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ “เป็นเพราะปัญญารู้แจ้งที่ท่านถ่ายทอดให้ ทำให้ข้าสามารถเพาะสร้างปราณสุริยันแรกกำเนิดได้ นอกจากนั้นจากที่ท่านบอก…เผ่าพันธุ์อีกาทองคำ ตลอดชั่วชีวิตสามารถถ่ายทอดปัญญารู้แจ้งนี้ได้เพียงแค่ครั้งเดียว”
ต้วนหลิงเทียนยังรู้สึกสำนึกบุญคุณไม่น้อยกับปัญญารู้แจ้ง ที่ผู้เฒ่าหั่วถ่ายทอดให้
เพราะนั่นเป็นดั่งทักษะลับที่ตลอดชั่วชีวิต ผู้เฒ่าหั่วสามารถใช้ได้ครั้งเดียว!
การที่ผู้เฒ่าถ่ายทอดสิ่งนี้ให้แก่เขา นับเป็นบุญคุณอันล้นพ้น สูงกว่าผืนฟ้าลึกกว่ามหาสมุทร!
“ผู้เฒ่าหั่วท่านถามข้าถึงเรื่องนี้ขึ้นมา…หรือมังกรแปลงที่ว่าก็มีส่วนคล้ายกับเรื่องนี้?”
ต้วนหลิงเทียนถามต่อทันทีหลังรู้สึกตัว
“ใช่”
ผู้เฒ่าหั่วขานรับค่อยพูดว่า “สำหรับเผ่าพันธุ์มังกรนั้น มังกรเทพยาดา 7 กรงเล็บขึ้นไป จักสามารถถ่ายทอดพรสวรรค์ มังกรแปลงให้กับมนุษย์ได้…กระบวนการถ่ายทอดพรสวรรค์มังกรแปลงให้แก่มนุษย์ ก็คล้ายคลึงกับปัญญารู้แจ้งที่ข้าถ่ายทอดให้เจ้า…และมังกรเทพยาดา 7 กรงเล็บขึ้นไป ชั่วชีวิตสามารถถ่ายทอดพรสวรรค์มังกรแปลงให้แก่มนุษย์ได้เพียงครั้งเดียว…”
“เหมือนกับ ‘เพลิงสุริยัน’ ที่ท่านถ่ายทอดให้ข้าหรือ?”
ลูกตาต้วนหลิงเทียนสว่างวาบ กล่าวถาม
ที่ปราณแรกกำเนิดของเขาแปรเปลี่ยนเป็นปราณสุริยันแรกกำเนิดนั้น เป็นเพราะปัญญารู้แจ้งถึงเพลิงสุริยันที่ผู้เฒ่าหั่วถ่ายทอดให้มา
แน่นอนว่าศักยภาพที่แท้จริงของเพลิงสุริยันยังไม่เปิดเผยออกมา ต้องรอให้พลังฝึกปรือของเขาสูงถึงขั้นจะรองรับมันเสียก่อน…
“อืม”
ผู้เม่าหั่วกล่าวตอบ
“ผู้เฒ่าหั่ว แล้วมังกรแปลงคือสิ่งใด?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามอีกครั้ง
“มังกรแปลงนั้น คือความสามารถในการแปลงร่างเป็นมังกร…แน่นอนว่ามิใช่ตัวเจ้าจะกลับกลายเป็นมังกรเทพยาดาแต่อย่างใด เจ้ายังคงความเป็นมนุษย์เอาไว้ พรสวรรค์มังกรแปลงเพียงแต่ทำให้มนุษย์เช่นเจ้าสามารถแปลงร่างเป็นมังกร…ทว่าร่างแปลงของเจ้าจักมิใช่มังกรเทพยาดาแต่เป็น นักรบมังกร! พื้นฐานโครงสร้างโดยรวมยังคงความเป็นมนุษย์เอาไว้!”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าวสืบต่อ “หลังจากได้รับพรสวรรค์มังกรแปลง มนุษย์จะสามารถใช้พลังมังกรเพื่อเข้าสู่กระบวนการแปลงกาย เกล็ดมังกรจักงอกเงยขึ้นมาปกคลุมผิวกายของเจ้า แขนขาของเจ้าจักงอกเงยกรงเล็บมังกร…นอกจากนี้หากต้องการเจ้ากระทั่งสามารถงอกเงยหางมังกรออกมาได้!”
“นักรบมังกร?”
ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วขึ้นมา ในใจลอบโล่งอกไม่น้อย
ก่อนหน้านี้เขากลัวมากว่าการบรรลุมังกรแปลงอะไรนี่ จะทำให้เขากลายร่างไปเป็นมังกรเทพยาดาอะไรนั่น!
จะอย่างไรเขาก็เกิดมาเป็นมนุษย์ ยากที่จะยอมรับได้หากต้องกลายร่างเป็นมังกรเทพยาดาแบบนั้น!
พอมาได้ยินคำอธิบายนี้ของผู้เฒ่าหั่ว เขาจึงโล่งใจเป็นธรรมดา
“เอาล่ะ ร่างอวตารของข้ามิอาจคงสภาพอยู่ได้นาน…ตอนนี้เจ้าผ่อนคลายร่างกายเสีย อย่าได้ใช้จิตคิดยับยั้งหรือต่อต้านอันใดมิว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเจ้าก็ตาม”
หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง มังกรเทพยาดาตัวเขื่องพลันกล่าวออกมาอีกครั้ง
“ทำตามที่มันบอกเสียอย่าขัดขืนต่อต้าน…มันจะถ่ายทอดพรสวรรค์มังกรแปลงให้เจ้าแล้ว”
เสียงของผู้เฒ่าหั่วดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็ผ่อนคลายร่างกายลง ทั้งยังหลับตาตามสัญชาตญาณ กล่าวออกว่า “อาวุโสมังกรข้าพร้อมแล้ว’
และแทบจะพร้อมเพรียงกับตอนที่เขากล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนพลันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังน่าพรั่นพรึงขุมหนึ่งพุ่งเข้ามาใส่เขาด้วยความเร็วสูง!
พริบตามวลพลังดังกล่าวก็ห่อหุ้มเขาไว้ทั้งตัว!
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ว่าพลังลึกลับดังกล่าวเริ่มชำแรกแทรกซึมเข้าร่างของเขาตามช่องพลังทั้งรูขุมขนทั่วร่าง พวกมันเริ่มผสานกลมกลืนไปกับพลังในร่างของเขาอย่างไม่ทำร้ายกันและกัน
พลังขุมนี้แรกเข้าร่างก็ยังแลสงบเสงี่ยม
ทว่าครู่ต่อมาพวกมันก็เริ่มโคจรแล่นพล่านไปทั่วร่างกายของเขาปานน้ำหลาก!
หากไม่ใช่เพราะมังกรเทพยาดา 8 กรงเล็บ รวมถึงผู้เฒ่าหั่วกล่าวเตือนไว้ก่อนหน้า ไม่พ้นต้วนหลิงเทียนคงเร่งเร้าปราณสุริยันแรกกำเนิดขึ้นมาต้านทานพลังขุมนี้แน่
ยิ่งมาพลังขุมดังกล่าวก็ยิ่งหลั่งไหลเข้าร่างของเขามากยิ่งขึ้น รุนแรงมากขึ้นจนทำให้เขารู้สึกอึดอัด ปานตัวจะระเบิด!
อย่างไรก็ตาม เขาพยายามอดทนเอาไว้ไม่ร้องออกมาสักแอะ!
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อใด ตอนนี้หน้าผากของต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเย็นที่ผุดซึมออกมา
ทั้งความเจ็บปวดไปทั่วสรรพางค์กายยังทำให้ร่างต้วนหลิงเทียนถึงกับสั่นสะท้านไปอย่างไม่อาจควบคุม
เพราะถูกความเจ็บปวดเคี่ยวกรำจนยากทานทน เขาจำต้องขบกัดฟันเอาไว้แน่นดังกรอดจนกรามแทบแตก! หาไม่แล้วคงได้ร้องเสียงหลงออกมาดังลั่น! กลั้นจนเสื้อผ้าชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็นคล้ายร่วงตกสระมาอย่างไรอย่างนั้น!!
‘ยังไม่จบไม่สิ้นอีกรึไง?’
ครึ่งชั่วยามผ่านไป ต้วนหลิงเทียนทำได้แค่ร่ำร้องในใจ
แม้เวลาจะพึ่งผ่านไปแค่ครึ่งชั่วยาม แต่ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสมือนถูกทรมานมานานแสนนาน จมกับความเจ็บปวดราวครึ่งศตวรรษ!
ครึ่งชั่วยามผ่านไป
หนึ่งชั่วยามผ่านไป…
ผ่านไปชั่วยามครึ่ง…
…
5 ชั่วยามต่อมา ต้วนหลิงเทียนที่ถูกความเจ็บปวดเคี่ยวกรำไปทั่วร่าง สุดท้ายจิตใจยังกลายเป็นอื้ออึงไปแล้ว
ในที่สุดหลังผ่านไปหนึ่งวันเต็มๆ ต้วนหลิงเทียนจึงค่อยสัมผัสได้ว่าความเจ็บปวดทั่วร่างของเขาอันตรธานหายไปแล้ว
“เอาล่ะข้ามอบพรสวรรค์มังกรแปลงให้เจ้าแล้ว คราวนี้ก็ถือว่าข้าได้รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับฟงชิงหยางเสียที…ร่างอวตารของข้ากำลังจักสลายหายไปแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นข้าจะส่งข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับพรสวรรค์มังกรแปลงนี้ให้เจ้า เอาล่ะ เจ้าอย่าได้ปิดกั้นสำนึกเทวะเล่า”
มังกรเทพยาดา 8 กรงเล็บกล่าวสืบต่อ
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนพลันพบว่ามีข้อมูลจำนวนหนึ่งหลั่งไหลเข้าสู่จิตใจของเขา
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ต่อต้านกระแสข้อมูลชุดนี้แต่อย่างไร เพราะได้ยินคำเตือนของมังกรเทพยาดา 8 กรงเล็บเมื่อครู่ชัดเจนดี
หลังจากนั้น พอผ่านไปอีก 1 เค่อ ในที่สุดการถ่ายโอนข้อมูลก็สิ้นสุดลง
“สหายน้อย หวังว่าเจ้าขึ้นสู่แดนสวรรค์ได้ในเร็ววัน! ข้าสังหรณ์ว่าไม่ช้าก็เร็วพวกเราจักได้พบกันอีกครั้ง! ถึงยามนั้นเจ้าต้องเลี้ยงสุราข้าด้วยเล่า!!”
นี่คือคำพูดสุดท้ายที่ต้วนหลิงเทียนได้ยิน ก่อนที่ร่างมังกรเทพยาดา 8 กรงเล็บเบื้องหน้าจะอันตรธานหายไป
เมื่อเห็นร่างมังกรเทพยาดา 8 กรงเล็บอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับ พรสวรรค์มังกรแปลง ที่มังกรเทพยาดา 8 กรงเล็บทิ้งไว้ให้ก่อนจากไป…
“เป็นอย่างที่ท่านผู้เฒ่าหั่วบอกจริงๆ…”
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก้พบว่าข้อมูลดังกล่าวเหมือนกันกับที่ผู้เฒ่าหั่วบอกเขาไว้ก่อนล่วงหน้า
อย่างไรก็ตามยังมีข้อแตกต่างกันอยู่บ้าง
นั่นคือในข้อมูลชุดนี้ยังกล่าวถึงวิธีควบคุมใช้พรสวรรค์มังกรแปลง! และการแปลงร่างเป็นนักรบมังกรอย่างละเอียด!
“ค่อนข้างซับซ้อนไม่เบา…ไหนลองเปลี่ยนแขนซ้ายให้กลายเป็นแขนมังกรดูซิ”
หลังจากตรวจสอบทำความข้าใจข้อมูลที่ได้รับแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าการแปลงร่างเป็นนักรบครึ่งมังกรไม่ใช่เรื่องง่าย การใช้พลังมังกรที่มังกรเทพยาดา 8 กรงเล็บถ่ายทอดไว้ให้นั้น ค่อนข้างยากเย็นและซับซ้อนไม่น้อย
หลังจากลองทำอยู่พักหนึ่งเขาแทบไม่อาจเร่งเร้าพลังมังกรให้โคจรตามวิธี ยากจะเปลี่ยนแขนซ้ายให้กลายเป็นแขนมังกรได้…
จนกระทั่งในใจเขาตั้งจิตมั่น เพ่งความคิดทั้งหมดไปกับการใช้พลังโดยไม่ตำนึงถึงสิ่งอื่นใด จึพลังมังกรในร่างถึงจะตอบรับ พวกมันโคจรฉับไวหลั่งไหลสู่แขนซ้าย และเริ่มแปรเปลี่ยนแขนเขาให้กลายเป็นแขนมังกร! นิ้วมือเขายังแปรเปลี่ยนเป็นกรงเล็บมังกร!!
แถมยังมีถึง 8 กรงเล็บ!
“นักรบมังกร 8 กรงเล็บ!”
ตอนนี้เองเสียงของผู้เฒ่าหั่วพลันดังขึ้นอย่างประจวบเหมาะ “เจ้านับว่าโชคดียิ่งนักที่ได้รับพรสวรรค์มังกรแปลงจากมังกรเทพยาดา 8 กรงเล็บ…เจ้าต้องรู้ด้วยว่ากระทั่งในแดนสวรรค์เอง ตัวตนอย่างมังกรเทพยาดา 8 กรงเล็บ ก็ยังนับว่าพบพานได้ยากเย็นยิ่ง”
“ข้าคาดมิถึงจริงๆว่าในโลกนี้กลับมีมรดกของมังกรเทพยาดา 8 กรงเล็บหลงเหลืออยู่ได้…อีกทั้งคล้ายมันจะเป็นมิตรกับอาจารย์ของเจ้า ฟงชิงหยาง ผู้นั้นไม่น้อย…”
“หาไม่แล้วมันคงไม่คิดถ่ายทอดพรสวรรค์แปลงมังกรที่ชั่วชีวิตสามารถกระทำได้เพียงครั้งให้กับเจ้าแบบนี้…วันหน้าหากเจ้าพบเจออาจารย์ของเจ้าอย่าได้ลืมกล่าวขอบคุณให้ดีเล่า!”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าว
ต้วนหลิงเทียนได้ยินคำกำชับของผู้เฒ่าหั่วเขาก็ดึงสติกลับมาจากความคิดวุ่นวาย จากนั้นก็จำได้ว่าก่อนหน้านี้มังกรเทพยาดา 8 กรงเล็บกล่าวอะไรไว้
ความหมายในวาจาที่อีกฝ่ายกล่าวบ่งบอกชัดเจน ว่าการที่อีกฝ่ายมอบพรสวรรค์มังกรแปลงที่จะมอบให้ได้เพียงครั้งเดียวตลอดชั่วชีวิตแก่เขานั้น เป็นเพราะสัญญากับฟงชิงหยางอาจารย์เขาเอาไว้
“นี่แขนข้าจริงหรือเนี่ย…”
ในขณะเดียวกันนั้นเองต้วนหลิงเทียนก็พบว่าหลังจากที่แขนซ้ายของเขากลายเป็นแขนมังกรแล้ว คล้ายจะมีพลังมหาศาลพร้อมปะทุอัดแน่นอยู่ในนั้น
ขวับ!
ต้วนหลิงเทียนยกมือขึ้น กรงเล็บมังรทั้ง 8 งองุ้มกำลงกลายเป็นหมัด ก่อนที่จะชกออกไป!
ปง! ปง! ปง!
…
หลังจากชกหมัดออกไป มวลอากาศถึงกับแตกระเบิด! ปรากฏคลื่นพลังปะทุอันร้ายกาจพุ่งซัดกระแทกออกไปอย่างเกรี้ยวกราด อากาศคล้ายปรากฏอุโมงค์พลังทอดยาวพุ่งไปสุดสายตา!!
“รุนแรงจริงอะไรจริง!”
พลังหมัดอันแข็งแกร่งนี้ทำให้ต้วนหลิงเทียนถึงกับตะลึงไปสองตาปริบๆ ทั้งยังตระหนักได้ทันทีว่าพรสวรรค์มังกรแปลงมันน่ากลัวและร้ายกาจขนาดไหน!!
“จุดแข็งของนักรบมังกรคือการต่อสู้ระยะประชิด ทุกส่วนสัดของร่างกายล้วนคือศาสตราวุธชั้นยอด…หากเจ้าประชิดตัวศัตรูได้…อาวุธใดๆก็มิมีประโยชน์เท่าหมัดเท้าเข่าศอก”
เสียงผู้เฒ่าหั่วยังคงดังสืบต่อ “ปราณสุริยันแรกกำเนิดของเจ้าในตอนนี้ ทำให้เจ้ามีพลังอำนาจทัดเทียมกับผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นกลาง…แต่ถ้าหากเจ้าเร่งเร้าปราณสุริยันแรกกำเนิดพร้อมกันกับเร่งเร้าพลังมังกรหลังจากเจ้าแปลงร่างเป็นนักรบมังกรแล้วล่ะก็…ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด ก็ไม่กล้าสู้กับเจ้าในระยะประชิด!”
“อีกทั้งยามเจ้ากลายร่างเป็นนักรบมังกร ไม่เพียงแต่พลังต่อสู้ของเจ้าจะเพิ่มพูนสูงขึ้น…กระทั่งความสามารถในการป้องกันของเจ้าจักยังพุ่งสูงขึ้นถึงขั้นน่าหัวร่อ! แม้ร่างกายของเจ้าอาจไม่แข็งแกร่งเท่ามังกรเทพยาดา 8 กรงเล็บในขอบเขตพลังฝึกปรือเดียวกัน แต่ยังนับว่าแข็งแกร่งกว่ามังกรเทพยาดา 6 กรงเล็บทัวไป ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถเทียบกับมังกรเทพยาดา 7 กรงเล็บได้ไม่มากก็น้อย”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าวออกรวดเดียวจบ
ต้วนหลิงเทียนได้ยินคำของผู้เฒ่าหั่วก็พยักหน้ารับ แม้วาจาท้ายประโยคของผู้เฒ่าหั่วจะฟังดูคลุมเครือก็ตาม
“หากเจ้าคิดแปลงร่างเป็นนักรบมังกรให้สมบูรณ์ เจ้ายังต้องใช้เวลาฝึกฝนอีกมากกว่าจะคุ้นชิน…แต่เวลานี้ เจ้ายังไม่ต้องกังวลถึงเรื่องนั้น”
พอได้ฟังต้วนหลิงเทียนเองก็นึกขึ้นได้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ละสายตาออกจากแขนทอดตามองออกไปทะเลสาบกว้างใหญ่เบื้องหน้า ทันใดนั้นเองหว่างคิ้วพลันขมวดยู่ย่นเป็นปม เพราะเขาสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง สองตายังลุกวาวขึ้นมาทันใด!
‘กลิ่นอายพลังที่แข็งแกร่งนัก…ดูเหมือนจะมาจากก้นทะเลสาบ! ดูเหมือนว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงของเผ่าพันธุ์มังกร สระชำระมังกรที่ว่า จะอยู่ก้นทะเลสาบนี่!’
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ร่างต้วนหลิงเทียนก็วูบไหวคล้ายภูตผีหาย พุ่งไปยังกลางทะเลสาบทันที
ตุ๋มมม!! ซ่า~~!!
ครู่ต่อมาก็ปรากฏเสียงวัตถุร่วงน้ำ มวลน้ำยังซ่านกระเซ็นพุ่งแทงขึ้นฟ้าราวหอก เป็นต้วนหลิงเทียนพุ่งหลาวลงน้ำ ดำดิ่งลงไปยังก้นทะเลสาบ!
……
ตอนที่ 1,869 : พลังลึกลับในสระชำระมังกร!
หลังจากโดดลงมาในทะเลสาบแล้ว ต้วนหลิงเทียนพลันสัมผัสได้ถึงต้นตอของกลิ่นอายพลังแข็งแกร่งก่อนหน้าทันที
‘อยู่ที่ก้นทะเลสาบจริงๆ!’
ต้วนหลิงเทียนดำดิ่งลงไปยังก้นทะเลสาบอย่างไม่รั้งรอ เมื่อบรรลุถึงก้นทะเลสาบเขาก็พลิกตัวกลับไปยืนลงบนก้นทะเลสาบด้วยสองเท้า
รอบกายปรากฏม่านพลังขุมหนึ่งกางกั้นรอบตัว น้ำอะไรไม่อาจล่วงล้ำเข้ามา คนเดินไปคล้ายก้าวเดินบนพื้นปกติ
ก้นทะเลสาบแห่งนี้ มองไปทางใดก็เห็นแต่แพสาหร่ายทึบหนา กอสาหร่ายยังสูงท่วมหัวไป 4-5 ช่วงตัว ไร้แม้แต่ปลาสักตัว
‘ตรงนั้น!’
เมื่อเดินมาถึงดงสาหร่ายบริเวณใจกลาง ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ชัดว่ากลิ่นอายพลังแข็งแกร่งแผ่กำจายออกมาจากตรงนั้น
ทว่าเมื่อสายตามองไปกลับพบว่ามันไร้ซึ่งสิ่งใดนอกจากดงสาหร่าย ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะงุนงง ‘อะไรกัน เห็นได้ชัดว่ากลิ่นอายพลังนั่นมาจากแถวๆนี้’
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนพลันยกมือขึ้น ปราณสุริยันแรกกำเนิดผนึกแนนจนมือส่องแสงสว่างเจิดจ้า ตวัดออกเบาๆ ปรากฏมวลพลังไร้สภาพขุมหนึ่งแผ่พุ่งออกไปเป็นทาง!
เมื่อดงสาหร่ายถูกพลังไร้สภาพถางออกเป็นทาง ก็เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ใจกลางดงสาหร่ายได้ชัดเจน
มองไปเห็นเป็นวิหารแห่งหนึ่ง ที่มีม่านพลังประหลาดรูปโดมปกคลุมเอาไว้
‘น่าจะเข้าไปได้…’
ต้วนหลิงเทียนก้าวเดินเข้าไปใกล้ๆม่านพลังประหลาด ก่อนที่จะลองเอื้อมมือไปหมายแตะจับ สุดท้ายก็พบว่ามือสามารถทะลุไปได้ง่ายๆ ม่านพลังนั่นไม่ได้กั้นขวางเขาไว้แต่อย่างใด
“เข้ามาได้จริงๆ!”
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ก้าวผ่านม่านพลังประหลาดนั่นมาทั้งตัว เขาพบว่าในนี้มีอากาศให้หายใจ สายน้ำทั้งหมดถูกกั้นเอาไว้ไม่ให้ย่างกรายเข้ามาในพื้นที่วิหารเบื้องหน้าได้
เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปบริเวณใจกลาง ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังคุ้นเคยประการหนึ่ง เป็นพลังงานสำหรับขับเคลื่อนค่ายกล…
“สระชำระมังกร…อยู่ในวิหารนี่งั้นหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนลอยร่างพุ่งตรงไปยังประตูเข้าวิหารอย่างไม่รีรอ
ขณะเข้าไปใกล้ก็แผ่สำนึกเทวะไปตรวจสอบวิหารเบื้องหน้าคร่าวๆ
วิหารแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย หากแต่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายคร่ำครึโบราณ ยังมีกลิ่นอายพลังแข็งแกร่งที่ดึงดูดต้วนหลิงเทียนก่อนหน้ากำจายออกมาหนาแน่น
“สระชำระมังกรสมควรอยู่ในวิหารจริงๆ…”
ต้วนหลิงเทียนไม่คิดเอ้อระเหยนอกวิหารแต่อย่างใด เมื่อสำรวจคร่าวๆแล้วว่าไร้อันตราย 2 มือเขาก็ผลักไปยังประตูวิหารเบื้องหน้าทันที
เมื่อผลักประตูวิหารจนเปิดอ้าออกทัศนียภาพแรกที่พุ่งเข้าสู่สายตาต้วนหลิงเทียนก็คือไอหมอก…
และภายในทะเลหมอกสีขาวนี้ก็มี สระน้ำเล็กๆแห่งหนึ่งตั้งอยู่อย่างสงบ…ภายในสระเต็มไปด้วยของเหลวสีขาวราวน้ำนมแสนยั่วใจ เอ่อล้นไปด้วยกลิ่นอายพลัง!
กลิ่นอายพลังนั่นไม่เพียงแต่จะเป็นกลิ่นอายพลังวิญญาณฟ้าดินหนาแน่นปริมาณมหาศาล ยังมีกลิ่นอายพลังลึกลับขุมหนึ่ง!
“นี่น่ะเหรอ สระชำระมังกร…”
เมื่อเปิดใช้ม่านตาพิสดาร ต้วนหลิงเทียนก็สามารถมองตัดไอหมอก จนแลเห็นภาพเรื่องราวภายในได้ชัดเจน
สระชำระมังกรที่ว่าก็แลคล้ายสระน้ำธรรมดาๆหากแต่ รอบๆสระกลับห้อมล้อมไปด้วยรูปปั้นมังกรเทพยดาสีขาว 9 ตัว ลำตัวของพวกมันอยู่ในสภาพเหยียดยาว
หางมังกรของพวกมันจุ่มลงไปในสระชำระมังกร ส่วนปากมังกรกลับอ้าออก สังเกตให้ชัดพบว่าพวกมันกำลังดูดกลืนไอพลังวิญญาณฟ้าดินจากบรรยากาศ ก่อนที่จะถูกควบแน่นให้กลายเป็นพลังวิญญาณฟ้าดินเหลวแล้วไหลลงสู่สระชำระมังกรทางหาง!
เมื่อต้วนหลิงเทียนเดินมาถึงสระชำระมังกร เขาก็ไม่รีบร้อนลงไปเพียงเอื้อมมือลงไปแตะๆของเหลวสีขาวราวน้ำนมนั่นดู
เมื่อปลายนิ้วสัมผัสถูกของเหลวสีขาวราวน้ำนม ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเย็นสบายมือนัก ทั้งยังสัมผัสได้ถึงกระแสพลังวิญญาณฟ้าดินอันหนาแน่นกำลังหลั่งไหลเข้าร่างผ่านปลายนิ้ว นอกจากนั้นยังมีพลังลึกลับขุมหนึ่งอีกด้วย!
และทันทีที่พลังลึกลับนั่นหลั่งไหลเข้าร่าง ปราณสุริยันแรกกำเนิดในร่างของเขาพลันโคจรตามแนวทางเคล็ดวิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงครามอย่างอัตโนมัติทันที
ไม่เพียงแค่นั้น พลังมังกร ที่สามารถทำให้เขากลายร่างเป็นนักรบมังกร 8 กรงเล็บ ที่ได้รับถ่ายทอดจากมังกรเทพยดา 8 กรงเล็บ…ก็ได้รับผลกระทบจากพลังลึกลับนั่นเช่นกัน! มันกลายเป็นปั่นป่วนก่อนที่จะเริ่มโคจรหมุนวนอย่างคุ้มคลั่ง โดยที่ต้วนหลิงเทียนไม่อาจควบคุมอะไรได้เลย
“นี่มันอะไรกัน?!”
ลูกตาต้วนหลิงเทียนนหดหยีลง รีบชักมือออกจากสระชำระมังกรตามสัญชาตญาณทันที
ครู่ต่อมาปราณสุริยันแรกกำเนิด และพลังมังกรที่คุ้มคลั่งในร่างก็เริ่มสงบลง
“ลงไปเถอะ…มิสมควรมีปัญหาอันใด”
ทันใดนั้นเอง เสียงของผู้เฒ่าหั่วพลันดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนอย่างพอดิบพอดี โดยที่เขาไม่ต้องถาม
“ผู้เฒ่าหั่ว แต่เมื่อกี้…”
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มขื่นขมหลังได้ยินคำของผู้เฒ่าหั่ว
ถึงแม้เขาเองจะเชื่อถือในตัวผู้เฒ่าหั่วอย่างมาก แต่ประสบการณ์เมื่อครู่ทำเขาสะดุ้งตกใจจริงจัง ยังอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวอยู่บ้าง จึงเล่าเรื่องราวให้ผู้เฒ่าหั่วฟังก่อนลงไปตามคำบอกทันที
“ผ่อนคลายเถอะ…นั่นเรียกว่าการสั่นพ้องของพลัง พลังมังกรในร่างของเจ้าเพียงสั่นพ้องกับพลังลึกลับในสระชำระมังกร หากข้าเข้าใจไม่ผิดการลงสระชำระมังกรนี่ไม่เพียงยกระดับพลังฝึกปรือของเจ้า แต่ยังมีผลประโยชน์อื่นๆ…เมื่อครู่เจ้าบอกว่าปราณสุริยันแรกกำเนิดเริ่มโคจรตามเคล็ดบำเพ็ญจิตของเจ้าใช่หรือไม่? ดูท่าว่าเคล็ดบำเพ็ญจิตที่เจ้าใช้บ่มเพาะพลังจักมีความสอดคล้องกับพลังลึกลับนั่นเช่นกันถึงได้เกิดผลตอบรับเช่นนั้น…”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าวออกด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “ดูเหมือนว่าสระชำระมังกรนี้จะเหมาะกับเจ้าอย่างยิ่งยวด…ข้าเองยังมิรู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าจักได้รับประโยชน์มหาศาลปานใดกันแน่หากลงไป แต่ข้ามั่นใจได้เลยว่าทั้งหมดลวนเป็นผลดีต่อตัวเจ้า มิมีใดเป็นอันตรายเด็ดขาด”
“พลังลึกลับในร่างสั่นพ้องกับพลังมังกรในร่างข้า…แถมยังมีความสอดคล้องกับเคล็ดบ่มเพาะ จนเกิดผลตอบรับ?”
สองตาต้วนหลิงเทียนเหม่อมองไปยังสระชำระมังกรที่ไม่ต่างใดจากสระน้ำนมเบื้องหน้าทันที…
พลังลึกลับนั่นมันสั่นพ้องกับพลังมังกรเขาไม่แปลกใจอะไร เพราะพลังมังกรนั่นเขาก็พึ่งได้รับมา
และสถานที่ๆเขาได้รับพลังมังกรมาก็คือในสถานที่แห่งนี้ เพียงแค่เป็นด้านบนทะเลสาบเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ผู้เฒ่าหั่วบอกว่าพลังลึกลับนั่นสอดคล้องกับเคล็ดบำเพ็ญจิตที่เขาใช้บ่มเพาะพลัง มันทำให้เขาสับสนไปอยู่บ้าง ‘เคล็ดวิชาที่ข้าใช้บ่มเพาะฝึกปรือ เป็นเคล็ดวิชาที่จักรพรรดิกลับชาติมาเกิดสร้างขึ้นด้วยตัวเอง แถมในตอนนั้นจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดก็ยังไม่เคยลองฝึกฝนบ่มเพาะด้วยตัวเองด้วยซ้ำ…’
‘ต่อมาพอข้ามาถึงดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า หลังทะลวงผ่านขอบเขตจนเคล็ดบ่มเพาะเกิดการพัฒนา เงาร่างมังกรเทพยดา 9 ตัวจะปรากฏขึ้นยามที่ข้าดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเข้าร่าง…ก่อนที่พวกมันจะชักนำพลังให้โคจรไปตามรูปแบบใหม่เพื่อเพาะสร้างเป็นปราณในกาย จนข้าตั้งชื่อว่าเคล็ด 9 มังกร…แต่ทว่าทั้งหมดที่ว่ามาสมควรไม่มีใดเกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์มังกรในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเลยนี่นา ยิ่งไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับสระชำระมังกรนี่ด้วย…’
‘แล้วตอนนี้…ที่แท้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?’
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะงุนงง สับสนทั้งไม่เข้าใจ
เคล็ดบำเพ็ญจิต 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม เป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่จักรพรรดิกลับชาติมาเกิด ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของทวีปเมฆาล่องเป็นผู้คิดค้นขึ้นด้วยตัวเอง…
อย่างไรก็ตามจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดผู้นั้น ต่อให้เป็นครั้งที่มันรุ่งโรจน์ทรงพลังที่สุด ก็ไม่อาจนับเป็นตัวอะไรได้สำหรับต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ ระดับพลังไม่อาจนำมาเทียบชั้นกันได้เลย…
จักรพรรดิกลับชาติมาเกิดต่อให้ในอดีตเคยแข็งแกร่งยิ่งใหญ่ปานใด แต่นั้นก็แค่ในทวีปมนุษย์อย่างทวีปเมฆาล่องเท่านั้น
ส่วนเขาในตอนนี้ ให้มองไปทั่วทั้งภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ก็สามารถกล่าวได้ว่าเป็นชนชั้นยอดฝีมือคนหนึ่ง!
และสระชำระมังกร ก็คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์มังกร ขุมพลังที่นับได้ว่าเป็นขุมพลังชั้นแนวหน้าของภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้…
ไม่ว่าจะให้คิดอีท่าไหน ต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจเชื่อมโยงจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดกับสถานที่แห่งนี้ได้เลย
‘โอย…คิดไม่ออกก็ช่างหัวมันเถอะ หยุดคิดก็สิ้นเรื่อง! ในเมื่อผู้เฒ่าหั่วยืนยันขนาดนั้นว่ามันปลอดภัยไม่มีอันตราย เช่นนั้นสระชำระมังกรนี่ก็ควรมีแต่ผลดีสำหรับข้า!’
หลังดึงสติกลับมาจากความคิดวุ่นวาย ต้วนหลิงเทียนก็หยุดคิด ก้าวเท้าลงสู่ระชำระมังกรทันที
จ๋อม!
ทันทีที่ร่างต้วนหลิงเทียนก้าวลงสระชำระมังกร ของเหลวสีขาวราวน้ำนมที่เคยให้สัมผัสเย็นสบายก่อนหน้า ก็ทำให้เสื้อผ้าของเขาระเหยหายไปในพริบตาทันทีที่มันต้องถูกเสื้อผ้าของเขา!
“หมดกันชุดม่วงตัวเก่งตัวใหม่ของข้า! บ้าจริง! ถ้ารู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ข้าถอดก่อนลงสระก็ดี!”
เมื่อเห็นว่าตัวเองกลายเป็นเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ใดๆอีกต่อไป ต้วนหลิงเทียนได้แต่ส่ายหัวไปมาอย่างเพลียใจ
ครู่ต่อมาสองตาต้วนหลิงเทียนพลันเบิกกว้างคล้ายตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นร่างกายของเขาก็ชะงักค้างแข็งเติ่งเหมือนรูปปั้น ก่อนที่คนจะร่วงจมลงไปในสระชำระมังกรทันที
‘เกิดอะไรขึ้นอีก?’
ห้วงเวลาพริบตาก่อนที่ร่างของเขาจะแข็งเติ่งจนจมลงไปในสระชำระมังกรมิดหัว เขาก็พบว่าเขาไม่อาจควบคุมร่างกายของเขาได้…อีกแล้ว!
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ตอนนี้นับว่ายังดีกว่าแรกที่เขาก้าวผ่านประตูนั่นมามากนัก
เพราะนอกจากควบคุมร่างกายไม่ได้แล้ว ต้วนหลิงเทียนยังสามารถควบคุมสำนึกเทวะได้ อย่างน้อยๆเขาก็สามารถตระหนักได้ถึงสภาพแวดล้อมรอบตัวเขา
‘เอ๊ะ!? ขยับตัวได้แล้ว?’
หลังจากนั้นครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนพลันพบว่าเขากลับมาควบคุมร่างกายได้อีกครั้ง
หลังจากที่กลับมาควบคุมร่างกายได้ ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าตอนนี้สถานการณ์ในร่างกายของเขาเรียกว่ากำลังโกลาหลปั่นป่วนครั้งใหญ่
ก่อนอื่นเลยพลังวิญญาณฟ้าดินจำนวนมหาศาลในสระชำระมังกรกำลังหลั่งไหลเข้าร่างเขาด้วยความเร็วสูง…
หากมีแค่นี้คงไม่เป็นอะไร…
ปัญหาคือ กระทั่งพลังมังกร ปราณสุริยันแรกกำเนิดของเขา และพลังลึกลับจากสระชำระมังกรนี่ มันเริ่มโคจรไหลเวียนไปทั่วร่างกายของเขาตามแนวทางวิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม!
ตั้งแต่ต้นจนจบเรียกว่าต้วนหลิงเทียนไม่จำเป็นต้องควบคุมอะไรเลย พวกมันโคจรตามเคล็ด 9 มังกร ด้วยตัวเอง!
กระทั่งคิดจะหยุดมันก็ไม่อาจหยุดได้! ทำได้นิ่งมองมันโคจรไปด้วยตัวของมันเองแบบนี้!!
‘ตกลงนี่ยังเป็นร่างกายของข้าอยู่รึเปล่า?’
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลัง 4 สายที่ไหลเวียนโคจรไปทั่วร่างตามเส้นชีพจรเซียนทั้ง 99 สายโดยอัตโนมัติ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มเจื่อนๆออกมา เพราะตอนนี้เขารู้สึกเหมือนร่างกายเขามันไม่ใช่ของเขาแล้วอย่างไรอย่างนั้น
ยังโชคดีที่ทุกอย่างยังดำเนินไปอย่างราบรื่น ไม่เกิดผลร้ายอะไร
กระทั่งกล่าวได้ว่า ระดับพลังฝึกปรือของเขากำลังก้าวหน้าด้วยความเร็วอันน่ากลัว!
พลังวิญญาณฟ้าดินเหลวในสระชำระมังกรนี้ ไม่ใช่อะไรที่พลังวิญญาณฟ้าดินเหลวในสระวิญญาณของวังนภาจะเทียบชั้นได้เลย! พูดว่าต่างกันคนละโลกก็ไม่เกินเลย!!
อย่างหลังนั้นหากเป็นต้วนหลิงเทียนที่มีพลังฝึกปรือระดับนี้ ผายลมยังไม่ทันหายเหม็นเกรงว่าคงดูดซับจนหมดสระ ทว่าพลังวิญญาณในสระชำระมังกรนี้…
คล้ายจะมากมายไร้สิ้นสุด มีให้เขาดูดซับได้เกินพอ!
‘ด้วยความเร็วในการก้าวหน้าแบบนี้ อีกไม่นานข้าต้องบรรลุถึงอริยะเซียนขั้นสูงสุดแน่!’
ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้เลย ว่าหากพลังวิญญาณฟ้าดินเหลวยังหลั่งไหลเข้าร่างด้วยความเร็วขนาดนี้ล่ะก็ ไม่เกิน 10 วันครึ่งเดือน พลังฝึกปรือของเขาสมควรทะลวงถึงขอบเขตอริยะเซียนขั้นสูงสุดได้แน่!!
‘หือ..นี่มัน เกิดอะไรขึ้นกัน?’
ทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียนพลันพบว่า ในบรรดาพลังทั้ง 4 สายที่กำลังไหลเวียนอยู่ในร่างกายเขา มีพลังสายหนึ่งกลับผิดแปลกไป
พลังวิญญาณฟ้าดินเหลวกับปราณสุริยันแรกกำเนิดในร่างกายของเขายังปกติ แต่ทว่าพลังลึกลับที่ทำให้พลังมังกรเขาพลอยโคจรไปตามเคล็ดวิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงครามนั่น อยู่ดีๆก็หยุดลงอย่างกะทันหัน
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนทำได้แค่ โคจรบ่มเพาะพลังฝึกปรือต่อด้วยเคล็ด 9 มังกรด้วยตัวเองเท่านั้น…ส่วนพลังลึกลับกับพลังมังกรเขาแค่ให้ความสนใจมันไม่คิดโคจรมั่วซั่ว
‘ไม่ใช่เคล็ด 9 มังกรนี่สอดคล้องกับพลังลึกลับนี่รึยังไง…ไหงตอนนี้หยุดไปแล้วล่ะ มันคิดจะทำอะไรกันแน่?’
หลังโคจรพลังไปด้วยตัวเองได้ไม่นาน ต้วนหลิงเทียนพลันพบว่าพลังลึกลับดังกล่าว มันเริ่มชักนำพลังมังกรในร่างให้แพร่กระจายไปยังส่วนต่างๆของร่างกายเขาจนทั่ว…!
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนพลันพบว่าผิวกายของเขาเริ่มแปรเปลี่ยนไปเกล็ดมังกร! ทว่าเกล็ดแต่ละเกล็ดคราวนี้…กลับแลดูเด่นชัดขึ้นสวยงามมากขึ้น น่าประทับใจนัก!
ไม่เพียงแค่นั้น มือเท้าของเขายังเริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นกรงเล็บมังกรเช่นกัน
กรงเล็บมังกรที่แต่เดิมเคยมี 8 กรงเล็บ ยามนี้มันเริ่มสั่นไหวแผ่กลิ่นอายพลังคมกล้าออกมาปานจะฉีกได้กระทั่งความว่าง ราวกับพวกมันกำลังจะแยกบางสิ่งออกจากกัน!
‘นิ…นี่มันอะไรกันแน่! ข้ายังไม่ชำนาญการใช้พลังมังกรแปลงร่างเป็นนักรบมังกรเลยแท้ๆ แต่อยู่ๆพลังลึกลับนี่มันกลับช่วยให้ข้าแปลงร่างเป็นนักรบมังกรขั้นสมบูรณ์ได้ทันทีเสียอย่างนั้น!!’
ต้วนหลิงเทียนตะลึงลานไปราวตัวโง่งม
ตอนที่ 1,870 : 8 กรงเล็บแปรเปลี่ยนเป็น 9 กรงเล็บ!
และสิ่งที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนตกตะลึงไปจนกลายเป็นตัวโง่งมนั้นก็คือ…
เขาพบว่าเมื่อพลังลึกลับนั่นมันผสานหลอมรวมเข้ากับเกล็ดมังกรและกรงเล็บมังกรของเขา เกล็ดมังกรกลับกรงเล็บมังกรของเขาก็บังเกิดความเปลี่ยนไปอย่างอัศจรรย์ใจ!!
ประการแรกเลย เกล็ดมังกรของเขาไม่เพียงแต่จะหนาและคล้ายว่าจะทรงพลังแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่สียังแปรเปลี่ยนเป็นเข้มทึบราวน้ำหมึก!
ส่วนกรงเล็บมังกรนั่น แต่เดิมที่เคยมีเพียง 8 กรงเล็บ ทว่าหลังได้รับพลังลักลับนั่นผสานเข้าไป มันกลับกลายเป็น 9 กรงเล็บเสียอย่างนั้น!!
มือเท้าทั้ง 4 ล้วนมี 9 กรงเล็บทั้งสิ้น! นี่ไม่ใช่หมายความว่าเขาเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บไปแล้วรึไง!?
กะ…เก้ากรงเล็บ?’
ต้วนหลิงเทียนสองตาเบิกกว้างปานลูกวัว ปากยังอ้าค้างไปราวโพรงถ้ำ มองชมมือเท้าตัวเองสลับไปมาอย่างเหลือเชื่อ เพราะแต่ละข้างล้วนมี 9 กรงเล็บทั้งสิ้น!!
เท่าที่เขาทราบ มังกรเทพยดา 9 กรงเล็บนั้น เป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดในเผ่าพันธุ์มังกร!
กระทั่งในระนาบเทวโลก อันเป็นระนาบที่มีแดนสวรรค์ดำรงอยู่…มังกรเทพยดา 9 กรงเล็บที่เติบโตเต็มวัย ยังเป็นตัวตนระดับจ้าวผู้อยู่เหนือ มีพลังอำนาจทัดเทียมกับจักรพรรดิสวรรค์!
ก่อนหน้านี้เขาได้รับถ่ายทอดพรสวรรค์มังกรแปลงมาจากมังกรเทพยดา 8 กรงเล็บ จึงทำให้เขากลายเป็นนักรบมังกร 8 กรงเล็บ!
ทว่าตอนนี้…ดูเหมือนเขาจะกลายเป็น นักรบมังกร 9 กรงเล็บไปแล้ว!
‘นักรบมังกร 8 กรงเล็บคือมนุษย์ที่ได้รับถ่ายทอดพรสวรรค์มังกรแปลงจากมังกรเทพยดา 8 กรงเล็บ…ถ้างั้นนักรบมังกร 9 กรงเล็บ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องเป็นมนุษย์ที่ได้รับถ่ายทอดพรสวรรค์มังกรแปลงจากมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บแน่ๆ! แต่ตอนนี้ ไหงอยู่ๆพลังลึกลับในสระมังกรนี่กลับทำให้ข้ากลายเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บได้ล่ะ?’
เมื่อตรวจสอบคร่าวๆต้วนหลิงเทียนพบว่าตอนนี้ในร่างเขาเต็มไปด้วยพลังอันมหาศาล ราวกับจะปะทุออกได้ทุกเวลา!
เช่นเดียวกับยามที่แขนเขาเปลี่ยนเป็นแขนมังกรและกรงเล็บมังกรครั้งแรก ทว่าความรู้สึกถึงพลังยามนี้มันเหนือกว่าครั้งยังเป็น 8 กรงเล็บ!
นอกจากนี้เกล็ดทั่วร่างเขาก็หนาขึ้นแข็งแกร่งขึ้น!
“ผู้เฒ่าหั่ว!!”
เจอแบบนี้ต้วนหลิงเทียนไม่รอช้า ตะโกนเรียกหาผู้เฒ่าหั่วทันที
“จะ…เจ้า ได้อย่างไร?”
เมื่อผู้เฒ่าหั่วพบว่าต้วนหลิงเทียนได้กลายเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บไปแล้ว เสียงก็ถึงกับสั่นไปเล็กน้อย “นักรบมังกร 9 กรงเล็บ…กระทั่งในระนาบเทวโลก ยังเป็นตัวตนที่ยากพบพาน! เจ้าทำได้อย่างไร…เจ้ากลายเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บได้อย่างไร!?”
ต้วนหลิงเทียนถึงกับอึ้งไปทันที เขาเองก็รู้จักผู้เฒ่าหั่วมานานแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่เขาเห็นผู้เฒ่าหั่วแตกตื่นจนเสียมาดแบบนี้
จังหวะนี้เขาพลันตระหนักได้ทันที ว่าเขาได้กลายเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บแล้วจริงๆ!
“ผู้เฒ่าหั่ว เป็นเพราะพลังลึกลับที่ท่านบอกข้าก่อนหน้านี้…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวสืบต่อ “พลังลึกลับที่ท่านว่ามันสั่นพ้องกับพลังมังกร และสอดคล้องกับเคล็ดวิชาบ่มเพาะของข้าจนเกิดการตอบรับนั่นน่ะ…”
“อ้าว!?”
ก่อนที่ผู้เฒ่าหั่วจะทันได้ตอบอะไร ต้วนหลิงเทียนพลันหน้าเปลี่ยนสี ยังอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อตระหนักได้ถึงบางอย่าง “หะ…หาย! หายไปแล้ว พลังนั่นมันหายไปแล้วผู้เฒ่าหั่ว! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!?”
“หากข้าเดาไม่ผิด พลังลึกลับที่เจ้าว่านั่นสมควรเกี่ยวข้องกับมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บ…ดูท่าแล้วมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บจักเคยปรากฏตัวขึ้นในระนาบโลกียะแห่งนี้! หากมังกรเทพยาดาที่มีกรงเล็บน้อยกว่า 8 กรงเล็บมาพบกับพลังนั่น มันจักช่วยชำระไขกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น เพิ่มพูนศักยภาพพรสวรรค์…แต่ถ้าหากเป็นมังกรเทพยดา 8 กรงเล็บ พวกมันจักได้รับโอกาสในการพัฒนาสู่มังกรเทพยดา 9 กรงเล็บ!”
เสียงของผู้เฒ่าหั่วแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขรึมเข้ม “แน่นอนว่าหากเป็นมังกรเทพยดา 8 กรงเล็บ โอกาสวิวัฒน์พัฒนาคงมีราวๆ 1 ใน 10 ส่วน…ทว่าเนื่องจากเจ้าเป็นนักรบมังกร 8 กรงเล็บ เงื่อนไขในการวิวัฒน์พัฒนาจึงมิได้มากมายอะไร เช่นนั้นมันจึงช่วยยกระดับเจ้าให้กลายเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บได้ทันที!”
“นักรบมังกร 9 กรงเล็บ แม้จักมิได้แข็งแกร่งทัดเทียมกับมังกรเทพยาดา 9 กรงเล็บที่แท้จริง หากแต่พลังความแข็งแกร่งก็มิได้ยิ่งหย่อนไปกว่ามังกรเทพยาดา 8 กรงเล็บที่แท้จริง! ตอนนี้หากอยู่ในร่างมนุษย์ด้วยพลังปราณสุริยันแรกกำเนิด พลังอำนาจของเจ้าสามารถทัดเทียมได้กับเซียนมนุษย์ขั้นกลาง…แต่ถ้าเจ้าใช้พลังมังกรแปลงร่างเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บล่ะก็ เจ้าจะเอาชนะยอดฝีมือขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดได้อย่างง่ายดาย! ถึงแม้จะมิได้พึ่งพาทักษะอื่นใดก็ตาม!”
กล่าวถึงประโยคนี้น้ำเสียงของผู้เฒ่าหั่วก็เผยร่องรอยความตกใจให้ได้ยิน
“แข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวหรือ!”
ต้วนหลิงเทียนถึงกับสูดลมหายใจเข้าดวยความตื่นตระหนก
ต้องทราบด้วยว่าตอนแรกที่เขาสามารถแปลงกายได้แค่ร่างนักรบมังกร 8 กรงเล็บ ผู้เฒ่าหั่วเพียงกล่าวบอกว่า ยอดฝีมือขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดจะไม่กล้าสู้กับเขาในระยะประชิดเท่านั้น…
แต่ตอนนี้ผู้เฒ่าหั่วกล่าวบอกมาตรงๆเลยว่า ยอดฝีมือขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดจะสู้เขาไม่ได้เลยถึงแม้เขาจะไม่ใช้ทักษะอื่นใดก็ตาม!
ความแตกต่างนี้มันจะไม่มากเกินไปหน่อยหรือ?
“หากข้าเดาไม่ผิด…เพราะพลังลึกลับนั่นมันเข้ากันได้กับเคล็ดวิชาบำเพ็ญจิตของเจ้า ยามนี้ข้ามั่นใจว่าเคล็ดวิชาบำเพ็ญจิตของเจ้าเองก็สมควรบังเกิดความเปลี่ยนแปลงไปแล้วเช่นกัน”
เสียงของผู้เฒ่าหั่วยังคงดังสืบต่อ “และผลประโยชน์ที่มังกรเทพยดา 9 กรงเล็บเหลือทิ้งไว้…ย่อมไม่ใช่อันใดที่ง่ายดายแน่!”
เคล็ดวิชาบำเพ็ญจิตของเขาเปลี่ยนแปลงไป?
พอได้ยินคำกล่าวของผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มจดจำเส้นทางการไหลเวียนของพลัง ในเคล็ดที่ 10 ของเคล็ดวิชาบำเพ็ญจิต 9 มังกรจักรพรรดิสงครามทันที…
ตอนแรกยังไม่เท่าไหร่ แต่ยิ่งมาสีหน้าต้วนหลิงเทียนยิ่งเปลี่ยนไป ยังเผยความประหลาดใจไม่น้อย “ปะ…เปลี่ยนไปแล้วจริงๆด้วย!”
ต้วนหลิงเทียนค้นพบว่า แม้เส้นทางการโคจรพลังจะคล้ายแนวทางเดิม หากแต่เส้นทางโคจรกลับเปลี่ยนไปเล็กน้อย!
ทว่าการเปลี่ยนแปลงไปแค่เพียงเล็กน้อยที่ว่า กลับทำให้ประสิทธิภาพในการบ่มเพาะพลังของเขาเพิ่มพูนขึ้นเท่าตัว!
‘นิ…นี่คือผลประโยชน์ที่ได้รับจากพลังที่มังกรเทพยดา 9 กรงเล็บเหลือทิ้งไว้งั้นเหรอ!?’
จังหวะนี้ลมหายใจของต้วนหลิงเทียนถึงกับถี่รัวเร่งร้อนขึ้นมาทันที ยังดีที่เขาไม่ได้อยู่ในสระน้ำจริงๆแต่มันคือพลังวิญญาณฟ้าดินเหลว หาไม่แล้วคงได้มีสำลักกันบ้าง เขารู้สึกว่าการมาสระชำระมังกรครั้งนี้ช่างคุ้มค่าเหลือเกิน!!
ต่อให้พลังฝึกปรือของเขาจะไม่ก้าวหน้าอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันยังคุ้มค่าถึงขีดสุด!
ไม่ว่าจะเป็นการแปลงร่างเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บเอย หรือเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่แปรเปลี่ยนไปเอย ทั้งคู่ล้วนเป็นสิ่งที่จะส่งผลกระทบต่ออนาคตเขาอย่างใหญ่หลวง!
‘ไม่รู้ในสระชำระมังกรนี่ จะยังเหลือพลังลึกลับอะไรนั่นอยู่อีกไหม…’
พอสติต้วนหลิงเทียนกลับมาอยู่กับร่องกับรอยเขาก็เริ่มแผ่สำนึกเทวะเพื่อมองหาพลังลึกลับทันที อนิจจาสุดท้ายเขาพบว่าในสระชำระมังกรแห่งนี้ไม่เหลือพลังลึกลับที่ว่าอีกต่อไปแล้ว
“ผู้เฒ่าหั่ว ดูเหมือนพลังลึกลับนั่นจะหมดแล้วล่ะ…แล้วนี่ต่อไปในอนาคตมันจะปรากฏขึ้นมาอีกหรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงไปถามผู้เฒ่าหั่วทันที
“มันจักมิปรากฏขึ้นอีกแล้ว…”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าวสืบต่อ “ในขณะเดียวกัน คนเผ่าพันธุ์มังกรที่จะเข้ามาใช้สระชำระมังกรหลังจากนี้อีก 5,000 ปี พวกมันก็มิอาจยกระดับศักยภาพพรสวรรค์ได้อีกต่อไป ทำได้แค่เพิ่มพูนพลังฝึกปรือให้ก้าวหน้ารวดเร็วด้วยพลังวิญญาณฟ้าดินเหลวที่สั่งสมเอาไว้เท่านั้น…นั่นเพราะพลังของมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บถูกเจ้าดูดซับไปหมดเกลี้ยงแล้ว”
ได้ยินคำพูดต่อมาของผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนถึงกับอึ้งไปทันที
เอาจริงสิ…
หากผู้คนในเผ่าพันธุ์มังกรล่วงรู้ว่าสระชำระมังกรได้สูญเสียพลังอำนาจในการขัดเกลายกระดับพรสวรรค์เพิ่มพูนศักยภาพคนในเผ่าพันธุ์มังกรไปเพราะเขาล่ะก็…เกรงว่าพวกมันคงอดจับเขามาแล่เป็นหมื่นชิ้น บดป่นกระดูกเขาให้แหลกเป็นผงไม่ไหวแน่!
เพราะสุดท้ายแล้วสระชำระมังกรที่จะเปิดออกทุกๆ 5,000 ปีของเผ่าพันธุ์มังกร ก็ไม่ได้มีดีแค่ยกระดับพลังฝึกปรือให้รวดเร็วด้วยพลังวิญญาณฟ้าดินเหลวนี้ไม่…แต่มันเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่า เพราะพลังที่มังกรเทพยดา 9 กรงเล็บเหลือทิ้งไว้
แต่เขาทำเจ๊งไปแล้ว!
สูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็พอได้ดึงสติให้กลับมาแจ่มใสอีกครั้ง
‘เรื่องวันนี้ให้พวกเผ่าพันธุ์มังกรรู้ไม่ได้เด็ดขาด…ไม่งั้นพวกมันไม่มีวันเลิกรากับข้าแน่!’
เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่าต้องระวังถึงขีดสุด แพล่มออกไปไม่ได้เด็ดขาด!
‘อ๊ะ…จริงสิ! หางมังกรล่ะ ผู้เฒ่าหั่วบอกว่าร่างนักรบมังกรนี้มันงอกหางได้ด้วยนี่นา?’
ต้วนหลิงเทียนครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็หันไปชะเง้อมองก้นของตัวเองทันที
พรวด!
และแทบจะพร้อมเพรียงกับที่ต้วนหลิงเทียนคิดถึงหาง ตรงก้นกบของเขาพลันมีบางสิ่งพุ่งพรวดออกมาปานสายฟ้าฟาด!
และเมื่อสังเกตบางสิ่งที่พุ่งพรวดออกมาปานอัสนีสีดำฟาดผ่าให้ดีเขาก็พบว่า…มันคือหางมังกร!
เป็นหางมังกรที่มีเกล็ดสีดำ!
ทว่ามันกลับแตกต่างจากหางของมังกรทั่วไปอยู่บ้าง ปลายหางกลับไม่ได้มีแพนหางอย่างมังกรเทพยดาทั่วไป ทว่าปลายหางของต้วนหลิงเทียนกลับแหลมคมนัก! แหลมคนจนรู้สึกราวกับมันส่องประกายสว่างวิบวับ!
ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง การที่อยู่ดีๆมามีหางงอกเงยแบบนี้ ก็ให้ความรู้สึกผิดแปลกไม่คุ้นชินอยู่บ้าง
ขวับ! ขวับ! ขวับ!
…
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ลองควบคุมไปสักพัก เขาก็เริ่มบังเกิดความคุ้นชิน ต่อมาก็สามารถควบคุมบังคับมันได้ตามใจชอบ! ยังสามารถใช้หางนี้จู่โจมออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ!!
ไม่ว่าจะเป็นการฟาดต่างแส้ หรือจ้วงแทงต่างดาบกระบี่ก็นับว่ามีพลังทำลายอันน่ากลัวนัก!
นอกจากนี้ต้วนหลิงเทียนยังค้นพบเรื่องหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ตอนนี้เขากลับสามารถแปลงกายเป็นร่างนักรบมังกร 9 กรงเล็บได้อย่างอิสระตามใจชอบ เรียกว่าเพียงแค่คิดก็แปรเปลี่ยน ไม่ลำบากเหมือนตอนแรก!
ไม่ทันรู้ตัว ต้วนหลิงเทียนก็หลงรักร่างนักรบมังกรนี้เสียแล้ว เพราะทั่วร่างมันอุดมไปด้วยพลังความแข็งแกร่งอันมหาศาล ถือครองพลังอำนาจไม่ต่างใดจากมังกรเทพยดา 8 กรงเล็บ! แน่นอนว่าร่างมังกรเทพยดา 8 กรงเล็บย่อมแข็งแกร่งเหนือล้ำกว่ามนุษย์ธรรมดาไปไกลโข!
ถึงแม้ร่างมนุษย์ของเขาเองก็จะมีความแข็งแกร่งผิดผู้คน หากแต่ก็ยังไม่แข็งแกร่งราวปีศาจอย่างร่างนักรบมังกร!
สุดท้ายต้วนหลิงเทียนที่ลองนู่นนี่นั่นก็กลับมาดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินในสระชำระมังกรอย่างสบายใจ
ด้วยเคล็ด 9 มังกรที่แปรเปลี่ยนไป ทำให้พลังวิญญาณฟ้าดินที่เขาดูดซับเข้าร่างรวดเร็วกว่าเดิมเป็น 2 เท่าหากเทียบกับก่อนหน้า!
‘อีกราวๆ 10 วันข้าต้องทะลวงถึง อริยะเซียนขั้นสูงสุดได้แน่…ถึงตอนนั้นด้วยปราณสุริยันแรกกำเนิด พลังของข้าก็จะทัดเทียมได้กับเซียนมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่!’
ความมั่นใจของต้วนหลิงเทียนได้เพิ่มพูนไปสู่ระดับใหม่โดยสมบูรณ์ เมื่อเคล็ดวิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงครามของเขาบังเกิดการพัฒนา รวมถึงสภาพแวดล้อมอันประเสริฐในสระชำระมังกรแห่งนี้
พลังวิญญาณฟ้าดินเหลวยังคงหลั่งไหลเข้าร่างต้วนหลิงเทียนอย่างไม่หยุดหย่อน เงาร่างมังกรเทพยดาทั้ง 9 ตัวจากเคล็ด 9 มังกรที่พัฒนาแล้ว ก็ชักนำพวกมันให้โคจรแปรเปลี่ยนเป็นปราณสุริยันแรกกำเนิดเร็วรี่ มากประสิทธิภาพนัก!
กาลเวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน
ต้วนหลิงเทียนที่กำลังอิ่มเอมใจกับผลประโยชน์จากสระชำระมังกรก็บ่มเพาะพลังจนลืมเลือนเวลา
ส่วนด้านนอกทางเข้าสระชำระมังกรนั้น พวกต้วนหรูเฟิงและคนอื่นๆยังคงรอคอยอยู่ไม่ไปไหน
สำหรับตี้ชานนั้น ตอนนี้ไม่ทราบไปที่ไหนแล้ว
‘นี่มันก็ปาเข้าไปจะ 3 เดือนแล้ว…ไฉนเทียนเอ๋อถึงยังไม่ออกมาอีกเล่า?’
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่ต้วนหรูเฟิงที่นั่งขัดสมาธิกลางอากาศได้ลืมตาขึ้นมา จับจ้องไปยังประตูที่นำไปสู่สระชำระมังกรด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด
หากไม่ใช่เพราะไข่มุกวิญญาณของบุตรชายยังอยู่ดี มันคงคิดว่าลูกชายเกิดเรื่องในสระชำระมังกรไปแล้ว เพราะนี่มันก็ผ่านไปเกือบจะครบ 3 เดือนอยู่รอมร่อ!
เท่าที่มันทราบมา คนของเผ่าพันธุ์มังกรที่เข้าใช้สระชำระมังกรเมื่อ 5,000 ปีก่อน ก็อยู่ในนั้นได้แค่ราวๆ 2 เดือนกว่าเท่านั้น
แน่นอนว่าเรื่องนี้ตี้ชานเป็นคนบอก
จากที่ตี้ชานบอกมา เห็นว่าหลังจากเข้าใช้สระชำระมังกรแล้ว คนของเผ่าพันธุ์มังกรจะไม่ถูกขับออกมา หากยังไม่ได้รับการพัฒนาศักยภาพพรสวรรค์และพลังฝึกปรือในระดับหนึ่ง
ระยะเวลาที่จะอยู่ในนั้น ก็ขึ้นอยู่กับศักยภาพของตัวเอง!
ทว่าต้วนหรูเฟิงไม่ได้รู้เลยว่าหลังจากที่คนของเผ่าพันธุ์มังกรเข้าใช้สระชำระมังกรนั้น พวกมันจะถูกส่งออกมาหลังจากพลังลึกลับที่มังกรเทพยดาเหลือไว้ขัดเกลาร่างกายให้เสร็จ…
อีกทั้งพลังลึกลับดังกล่าวยังต้องใช้พลังวิญญาณฟ้าดินเหลวจำนวนมากหล่อเลี้ยง มันจึงไม่ปล่อยให้คนของเผ่าพันธุ์มังกรได้ดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเหลวมากนัก พอขัดเกลาเสร็จเจตจำนงที่แฝงในพลังลึกลับก็จะสั่งการค่ายกลให้ขับคนออกทันที!
ทว่าตอนนี้พลังลึกลับของมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บนั่นได้ถูกต้วนหลิงเทียนดูดซับเข้าร่างไปจนเกลี้ยง…ไม่มีเหลือสักกะผีกเดียว!!
ตอนที่ 1,871 : โศกนาฏกรรมอันน่าเศร้าของต้วนหลิงเทียน!
และเมื่อพลังลึกลับของมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บนั่นไม่มีหลงเหลืออยู่อีกต่อไป นั่นหมายความว่า…ต้วนหลิงเทียนจะไม่ถูกขับออกไป!!
เมื่อเป็นแบบนี้หมายความว่าต้วนหลิงเทียนสามารถ อยู่ดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเหลวจนหมดสระได้!
ถึงตอนนั้นน่ากลัวพลังฝึกปรือคงก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่แล้ว!
ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าจะก้าวหน้าไปถึงขอบเขตใดๆ
แต่แน่นอนว่าไม่พ้น 2 ขอบเขตใหญ่ๆแน่!
เพราะสุดท้ายแล้วพลังวิญญาณฟ้าดินเหลวในสระชำระมังกรนี่ มันก็ถูกสั่งสมมาเป็นเวลา 5,000 ปี!
แน่นอนว่าทุกเรื่องที่กล่าวมาต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้เลย!
ต้วนหลิงเทียนที่ไม่รู้ตัวว่าได้บ่มเพาะพลังในสระชำระมังกรไปนานแค่ไหนแล้วในที่สุดก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขากระทำก็คือสำรวจระดับพลังวิญญาณฟ้าดินเหลวที่เหลืออยู่ในสระ…ว่าเขาดูดซับมันไปมากน้อยแค่ไหนแล้ว
‘ให้ตายเถอะ ข้ายังดูดซับไปไม่ถึง 1 ใน 10 ส่วนของสระด้วยซ้ำ แต่ด่านพลังฝึกปรือของข้ากลับบรรลุถึงอริยะเซียนขั้นสูงสุดแล้ว! นี่ถ้าดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเหลวนี่หมดสระ…ไม่ใช่ว่าข้าจะทะลวงไปถึงขอบเขตเซียนปฐพีขั้นสูงสุดเลยรึไง?’
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ลมหายใจของต้วนหลิงเทียนกลายเป็นหอบถี่ขึ้นมาอีกครั้ง
เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าพลังวิญญาณฟ้าดินเหลวในสระชำระมังกรอันเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์มังกรจะมีปริมาณมหาศาลปานนี้ ทำให้เขารู้สึกเสมือนฝันไปจริงๆ
‘อย่างไรก็ตาม…พลังวิญญาณฟ้าดินเหลวมากมายมหาศาลขนาดนี้ ข้าจะดูดซับมันได้หมดก่อนที่จะถึงเวลาส่งตัวออกไปหรือไม่?’
หลังจากนั้น ต้วนหลิงเทียนก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
และเขานึกถึงเรื่องนี้ได้ทันไร อยู่ดีๆต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเหมือนจะวูบไป
หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกหายใจไม่ออก กระทั่งครู่ต่อมายังรู้สึกว่าร่างหวิวๆพิกล
อย่างที่ไม่ทันตั้งตัว ร่างเขาร่วงตกลงมาบนพื้นดังตุ๊บ!
“เทียนเอ๋อ!”
ไม่ทันที่จะได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยดังขึ้นในหูก่อนใดอื่น และเขาสามารถบอกได้ทันทีว่านี่เป็นเสียงของบิดาเขา
หากเป็นปกติ ต้วนหลิงเทียนย่อมยินดีไม่น้อยที่ได้ยินเสียงเรียกของบิดา
แต่ทว่าตอนนี้
“ขะ…ข้า ไฉนถึงออกมาอยู่นี่ได้?”
ต้วนหลิงเทียนที่ตกตะลึง เมื่อมองไปรอบๆ ก็พบว่าเขาได้กลับมาอยู่ในหุบเขาแล้ว
ต้องทราบด้วยว่าเขาพึ่งดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเหลวในสระชำระมังกรไปไม่ถึง 1 ใน 10 เลยด้วยซ้ำ!
‘นี่มันอะไรกัน ข้ายังดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเหลวในสระได้ไม่ถึง 1 ใน 10 เลย! ระ…หรือว่าเป็นเพราะเรื่องที่ข้าคิดก่อนหน้านี้ ข้าดันคิดถึงเรื่อง ‘ส่งตัวออก’ เป็นเพราะเหตุนี้งั้นหรือ?!’
ต้วนหลิงเทียนอื้ออึงสองตาปริบๆ แลดูเหมือนตัวโง่งมแล้ว
ครืนนน!!
จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงหนึ่ง และเสียงนี้ก็เสมือนมือที่ฉุดดึงสติให้กลับคืน จากนั้นร่างคนก็พุ่งไปปานเส้นสายอัสนีมุ่งหน้าตรงไปยังประตูอย่างรีบร้อน ไม่คิดจะตอบคำถามของบิดา…
กล่าวให้ชัดพุ่งไปยัง ประตูสู่สระชำระมังกร
ตึงงง!!
ร่างต้วนหลิงเทียนพุ่งไปด้วยความเร็วสุดชีวิต แข่งขันกับประตูที่กำลังปิดตัว! และเขาก็สามารถพุ่งผ่านม่านพลังประหลาดได้ทันก่อนที่ประตูจะปิดตัวลงอย่างเฉียดฉิว!!
อนิจจาแม้เขาจะพุ่งร่างจนผ่านม่านพลังได้ทันก่อนประตูปิด…แต่เขาก็ไม่ได้ถูกส่งตัวไปสระชำระมังกรแต่อย่างใด
เขากลับปรากฏตัวอยู่ด้านหลังประตู ยังอยู่ในหุบเขาเหมือนเดิม!
“กลับเข้าไปไม่ได้แล้วหรือ…”
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงเรื่องนี้
ไม่ทันรู้ตัวเขาก็หันกลับมามองประตูลึกลับกลางอากาศที่พึ่งปิดตัวลงไปอย่างเลื่อนลอย ยังพบว่าประตูดังกล่าวก็ค่อยๆจางลงช้าๆ…
ตอนแรกก็เพียงจางจนมองไปคล้ายร่างเงา สุดท้ายมันก็อันตรธานหายไปในอากาศอย่างสมบูรณ์
“เทียนเอ๋อ ลูก…”
ต้วนหรูเฟิงมองต้วนหลิงเทียนด้วยความงุนงง ด้วยไม่เข้าใจว่าต้วนหลิงเทียนทำอะไร
อย่างไรก็ตามตอนนี้ในใจก็รู้สึกยินดีนักที่ได้เห็นบุตรชายอีกครั้ง
แต่ใครจะรู้ว่าบุตรชายไม่เพียงไม่ยินดีที่ได้เห็นหน้าบิดาอย่างมันอีกครั้ง แต่ยังรุดเร่งหมายจะพุ่งกลับเข้าสระชำระมังกรโดยไม่คิดจะพูดจาอะไรสักคำ…ทว่าสระชำระมังกรนี่ทุกๆ 5,000 ปีเพียงเปิดให้ผู้คนเข้าไปได้คนเดียว ไม่อาจมีใครเข้าไปได้อีกเป็นคนที่สอง!
และหลังจากที่คนที่เข้าไปถูกขับออกมา ประตูสู่สระชำระมังกรก็จะปิดตัวลง ไม่มีใครอาจเข้าไปอีกได้และมันจะไม่ปรากฏขึ้นมาอีกเลยหากยังไม่ครบ 5,000 ปี!
เมื่อครบกำหนดเวลา ประตูจะหวนกลับมาปรากฏในโลกหล้าอีกครา ถึงตอนนั้นเพียงใช้กุญแจตะวันและกุญแจจันทรา ก็จะสามารถเปิดประตูสู่สระชำระมังกรได้อีกครั้ง
“ท่านพ่อ ข้า…”
ต้วนหลิงเทียนได้แต่หันไปมองต้วนหรูเฟิงตาละห้อยทว่าไม่รู้จะพูดอะไร ทำได้เพียงส่งยิ้มขื่นขมไปให้เท่านั้น
“น้องหลิงเทียน!”
“ท่านจ้าวตำหนักน้อย…”
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อใด แต่กู่ลี่กับกู่มี่ที่นั่งขัดสมาธิเข้าฌาณกลางอากาศก็ลืมตาขึ้นมาและมองทักต้วนหลิงเทียนอย่างดีใจ
เห็นต้วนหลิงเทียนกลับออกมาอย่างปลอดภัย พวกมันย่อมรู้สึกดีใจทั้งโล่งใจเป็นที่สุด
สุดท้ายภายใต้การมองมาด้วยสงสัยของทุกคน ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่กล่าวออกไปถึงความผิดพลาดของตัวเอง…ความผิดพลาดที่ทำให้สูญเสียโอกาสดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเหลวในสระชำระมังกร ที่ยังพึ่งดูดซับไปได้ไม่ถึง 1 ใน 10 ส่วน!
โอกาสที่จะทำให้ทะลวงด่านพลังถึงขอบเขตเซียนมนุษย์ เซียนปฐพี กระทั่งไม่แน่ว่าอาจจะทะลึ่งทะลวงไปถึงขอบเขตเซียนนภาอยู่ในมือเขาแล้วแท้ๆ แต่กลับดูแลรักษาไม่ดี ทำหล่นหายไปอย่างโง่งม!
หากสวรรค์ให้โอกาสเขาอีกสักครั้ง เขาจะไม่คิดถึงเรื่องกลับออกมาอันแสนบัดซบนั่นอีกเป็นครั้งที่สอง!
ถล่มมารดาของมัน!
เพียงเพราะคิดถึงเรื่อง ‘ส่งตัวออกไป’ เขาก็ถูกส่งตัวออกมาทันที…นี่มันโศกนาฏกรรมอันใดกัน?
“เอ่อ…อย่างนี้ก็มีด้วยหรือ?”
กู่ลี่ตะลึงงัน
มันหลงคิดว่าต้วนหลิงเทียนคงกอบโกยผลประโยชน์ได้เต็มที่แล้วถึงกลับออกมา แต่ไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนยังดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเหลวในสระชำระมังกรนั่นได้ไม่ถึง 1 ใน 10…
ยิ่งไปกว่านั้นเป็นต้วนหลิงเทียนส่งตัวเองออกมาแท้ๆ!
ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจ แต่มันก็คือความจริงที่ไม่อาจหลีกหนี…
ด้านต้วนหรูเฟิงกับกู่มี่ถึงกับนิ่งไปไร้คำจะกล่าว แววตายังสลดลงด้วยรู้สึกเสียดายแทนต้วนหลิงเทียน…
และประสบการณ์ครั้งนี้ของต้วนหลิงเทียนก็นับว่าน่าสงสาร และน่าเวทนานัก!
“เอาล่ะ…ชีวิตคนเรามันก็เป็นแบบนี้ อะไรๆ มันก็ไม่มีทางได้ดั่งใจไปซะทุกครั้งหรอก! ผ่านไปแล้วก็ให้แล้วกันไปเถอะ ข้าแค่ยอมรับมันเท่านั้น ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก”
เผชิญหน้ากับทั้ง 3 คนที่ชักสีหน้าสลดใจมองมาด้วยแววตาเห็นใจ ต้วนหลิงเทียนพลันยิ้มบางๆส่ายหน้าไปมา กล่าวคำด้วยน้ำเสียงสบายๆ ราวกับทำใจได้แล้ว
จะอย่างไรเขาก็ทะลวงมาถึงอริยะเซียนขั้นสูงสุด อีกไม่นานก็สามารถทะลวงขอบเขตเซียนมนุษย์ได้ด้วยตัวเอง รีบร้อนมากไปก็ไม่ใช่ว่าจะดี ยังต้องห่วงรากฐานอะไรด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นการเข้าไปในสระชำระมังกรครั้งนี้ผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไหนเลยจะเป็นเรื่องพลังฝึกปรือ? การที่เขาสามารถแปลงร่างเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บ และเรื่องที่เคล็ด 9 มังกรสามารถยกระดับพัฒนาไปได้ต่างหากถึงจะเป็นผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!!
ทั้ง 2 เรื่องนั่น…มีค่ามากกว่าทะลวงด่านพลังฝึกปรือมากมายนัก!
‘ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเข้าสระชำระมังกรไปก็ยังไม่ทันถึง 3 เดือน แต่ด่านพลังกลับก้าวหน้าจากอริยะเซียนขั้นกลางไปถึงอริยะเซียนขั้นสูงสุด แค่นี้ก็มากพอให้ผู้อื่นอิจฉาตาร้อนแล้ว!’
เมื่อคิดได้ถึงเรื่องพวกนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่เก็บเอาเรื่องนี้มาคิดอีกต่อไป
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนแลดูสบายๆ คล้ายไม่ใส่ใจอะไรมากมาย ทั้ง 3 คนก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก พวกมันเองก็อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล ด้วยกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะคิดไม่ตกเรื่องนี้
“แต่โลกนี้ก็ไม่มีอะไรแน่นอน…ข้าจะลองไปถามตี้ชานดูอีกครั้ง ว่ายังมีวิธีอื่นเข้าสู่สระชำระมังกรอีกหรือไม่”
ต้วนหรูเฟิงกล่าวปลอบ
“ไม่ต้องหรอกท่านพ่อ”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา ประตูสู่สระชำระมังกรมันหายไปแล้วแบบนี้ ถึงต้วนหรูเฟิงจะไปถามตี้ชานแต่เกรงว่าคำตอบก็คงยังเหมือนเดิม เสียเวลาปล่าวๆ
เขาเชื่อว่าบิดาเองก็สมควรตระหนักถึงเรื่องนี้ดี ที่อีกฝ่ายเปรยขึ้นมาเพียงเพราะคิดปลอบใจเขาเท่านั้น
ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะบอกว่าไม่ แต่ต้วนหรูเฟิงก็ไม่วายกล่าวถามตี้ชานอยู่ดีในขณะที่คืนกุญแจจันทรา ก่อนที่จะออกจากเผ่าพันธุ์มังกร
“เป็นไปไม่ได้”
ตี้ชานส่ายหัวไปมา “ผู้ที่เข้าไปยังสระชำระมังกร ไม่ว่าจะอยู่ในนั้นนานเพียงใดก็มิมีทางที่จะย้อนกลับเข้าไปได้อีกครั้ง…สระชำระมังกรจะเปิดออกทุก 5,000 ปี และมีคนเข้าไปได้แค่คนเดียวเท่านั้น!”
ตี้ชาน ย่อมไม่คิดว่าเรื่องนี้ต้วนหรูเฟิงกล่าวถามเพราะต้วนหลิงเทียนแต่อย่างใด
เหตุผลที่ตี้ชานไม่คิดแบบนั้น เพราะมันก็รู้ว่าต้วนหลิงเทียนเข้าไปในสระชำระมังกร 2 เดือนกว่า…ในสายตาของมันนี่คือเวลาเข้าใช้สระชำระมังกรตามปกติ และไม่น่าจะเป็นไปได้เลยที่จะถูกส่งตัวออกมาเพราะความไม่ตั้งใจ
พอได้ยินคำของตี้ชาน ต้วนหลิงเทียนก็ตัดใจได้อย่างสมบูรณ์
ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะคิดไว้แล้วว่าคงเข้าไปในสระชำระมังกรไม่ได้อีกครั้ง
แต่พอได้ยินบิดากล่าวถามเรื่องนี้จากตี้ชาน มุมหนึ่งในใจของเขาก็อดไม่ได้ที่จะแอบหวัง
ทว่าพอได้ยินคำตอบของตี้ชาน ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะเผยใบหน้าผิดหวังเล็กน้อย แววตายังเจือความคิด ‘ว่าแล้วเชียว’ เอาไว้ให้เห็น
หลังจากมองส่งต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆออกไปจากรังมังกรจนลับสายตา ตี้ชานก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งด้วยอารมณ์สะทกสะท้อน มันคล้ายจะแก่ตัวลงไปหลายสิบปีในชั่วพริบตา
สัญญา 5 ปีคราวนี้ เผ่าพันธุ์มังกรของพวกมันสามารถกล่าวได้ว่า ‘เสียฮูหยินไม่พอ ยังเสียขุนพลซ้ำอีก!’
เพราะไม่เพียงแต่มันจะสูญเสียว่าที่ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรในอนาคต พวกมันยังเสียโอกาสเข้าสระชำระมังกรที่จะเปิดออกทุก 5,000 ปีไปอีกด้วย
หากเรื่องนี้ล่วงรู้ไปถึงหูของเผ่าพันธุ์มังกรที่ภูมิภาคเบื้องบน ตี้ชานไม่พ้นต้องกลับกลายเป็นคนบาปของเผ่าพันธุ์มังกรแน่…เพราะในประวัติศาสตร์เผ่าพันธุ์มังกรไม่เคยมีผู้นำคนไหนที่ใช้การไม่ได้ถึงเพียงนี้มาก่อน
ส่วนอีกด้านนั้น หลังออกจากเผ่าพันธุ์มังกรแล้ว ต้วนหลิงเทียนกับคนที่เหลือก็เดินทางกลับตำหนักเมฆาครามทันที
‘หลังจากกลับไปถึงตำหนักเมฆาคราม ข้าจะเล่นกับเนี่ยนเอ๋อพร้อมเสี่ยวเฟยเอ๋อและดูแลท่านแม่อีกสักพัก…จากนั้นก็ได้เวลาที่ข้าจะเดินทางไปภูมิภาคเบื้องบนเพื่อตามหาเค่อเอ๋อแล้ว’
ในระหว่างเดินทางกลับตำหนักเมฆาคราม ต้วนหลิงเทียนก็วาดแผนการในใจไว้เสร็จสรรพ เตรียมดำเนินการตามนั้น
รั้งอยู่ในภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้ต่อไป ก็หาได้มีประโยชน์อันใดกับเขาอีกต่อไปไม่! กระทั่งยังไม่มีประโยชน์อันใดต่อครอบครัวและตำหนักเมฆาครามอีกด้วย!!
‘จริงสิ ก่อนที่จะไปภูมิภาคเบื้องบน ข้าจำเป็นต้องย้อนกลับไปประเทศฝูเฟิงก่อน เพื่อดูว่าเทียนหวู่กลับมาแล้วหรือยัง หลังจากนั้นยังต้องพาพวกลุงเฟิ่งกับคนอื่นๆมาที่ตำหนักเมฆาครามด้วย…อย่างไรเสียที่ตำหนักเมฆาครามก็ปลอดภัยกว่าประเทศฝูเฟิง’
ถึงแม้จะวางแผนเดินทางไปภูมิภาคเบื้องบนเสร็จสรรพแล้ว แต่ต้วนหลิงเทียนก็ยังไม่ลืมมิตรสหายเก่า
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้เลย ว่าในขณะที่เขาใช้เวลาเกือบ 3 เดือนในสระชำระมังกร เรื่องราวของเขาก็ได้แพร่กระจายออกไปทั่วแล้ว
ต้วนหลิงเทียน ผู้ที่โชคดีได้รับตราผนึกมารไปครอบครองเมื่อหลายปีก่อน ที่แท้คือนายน้อยตำหนักเมฆาคราม บุตรชายคนเดียวของจ้าวตำหนักเมฆาคราม ต้วนหรูเฟิง!
เหล่าผู้คนที่ได้ยินข่าวนี้ ก็ถึงกับแตกตื่นขึ้นมาทันใด ยังปั่นป่วนโกลาหลกันยกใหญ่
“ไม่จริงน่า!? ผู้ที่ได้ตราผนึกมารไปครองผู้นั้น…ที่แท้เป็นนายน้อยตำหนักเมฆาครามงั้นเรอะ?!”
“สวรรค์ ข้านึกว่าคนผู้นั้นจักหายตัวไปอย่างสมบูรณ์แล้วเสียอีก ไม่คิดเลยว่าไม่เพียงแต่จะยังมิได้หายไปไหน ยังอยู่ตำหนักเมฆาครามในฐานะนายน้อย!”
“เหลือเชื่อ! ช่างเหลือเชื่อนัก!!”
…
ในขณะที่ข่าวลือดังกล่าวกำลังแพร่ไปดั่งไฟลามทุ่ง
ด้านนอกหุบเขามังกร
หนึ่งในผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์มังกร ชิงเหยียน มังกรเทพยาดาสีเขียว 5 กรงเล็บ กำลังลอยร่างค้างกลางอากาศ เหม่อมองไปยังสุดขอบฟ้าทิศทางที่ตั้งตำหนักเมฆาคราม พร้อมกล่าวพึมพำว่า “ต้วนหลิงเทียน จ้าวตำหนักเมฆาคราม…พวกเจ้าเตรียมพร้อมรับการมาเยือนของยอดฝีมือภูมิภาคเบื้องบนให้ดีเถอะ! ข้าจักขึ้นไปกระจายข่าวยังภูมิภาคเบื้องบนว่า น้อยน้อยตำหนักเมฆาคราม ต้วนหลิงเทียน มีตราผนึกมารไว้ในครอบครอง!!”
ทันทีที่กล่าวจบคำ สองตาชิงเหยียนพลันทอประกายสว่างจ้า
หลังจากนั้นร่างมันก็พุ่งร่างทะยานข้ามฟ้า มุ่งหน้าไปยังทิศทางขึ้นภูมิภาคเบื้องบนด้วยความเร็วสูง!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น