War sovereign Soaring The Heavens 1864-1867

 ตอนที่ 1,864 : เวทย์พลังสืบทอดเผ่ามังกร!


 


“ที่แท้เจ้าก็ทำได้แค่นี้รึ?”


 


หลังหลบเลี่ยงหางมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บที่ตบฟาดอย่างรุนแรงฉับไว ของร่างจริงตี้จิ่วได้อย่างไม่ยากเย็น ต้วนหลิงเทียนที่กำลังพุ่งเข้าหาศีรษะตี้จิ่วก็กล่าวเย้ยออกมาพร้อมยิ้มเยาะ


 


“ต้วนหลิงเทียน! ในเมื่อเจ้าอยากรีบตายนัก ข้าจักสงเคราะห์ให้เจ้า!!”


 


เผชิญหน้ากับการท้าทายยั่วยุครั้งนี้ของต้วนหลิงเทียน สองตาตี้จิ่วเริ่มแดง คำรามกล่าวออกมาเสียงเหี้ยม!


 


ทันใดนั้นราวกับเกล็ดทุกเกล็ดบนร่างกายของตี้จิ่วจะเปล่งแสงออกมา หากแต่แสงที่เปล่งออกกลับไม่ใช่สีทองอีกต่อไป…มันเป็นสีเลือด!


 


และยามเมื่อแสงสีเลือดนี้เปล่งออกมาเรืองรองไปทั่วร่างตี้จิ่ว กลิ่นอายพลังหนาวยะเยือกขุมหนึ่งพลันกำจายออกไปในบรรยากาศ!


 


อีกทั้งกลิ่นอายพลังทั่วร่างของตี้จิ่วก็แปรเปลี่ยนไปยกใหญ่…กลายเป็นทรงพลังมากยิ่งขึ้น!!


 


“นี่คือ…เวทย์พลังสืบทอดต่อๆกันมาของเผ่าพันธุ์มังกรงั้นเหรอ?”


 


เห็นฉากนี้เหล่าอาวุโสขุมพลังชั้น 3 พลันขมวดคิ้วกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม


 


และถึงแม้เสียงของมันจะไม่ได้ดังมากมายอะไร แต่ทุกคนล้วนได้ยินกันหมด!


 


ครู่ต่อมาทุกคนนอกจากเผ่าพันธุ์มังกร ก็ได้รับทราบว่าที่ตี้จิ่วใช้ออกมันคืออะไร…เวทย์พลังที่สืบทอดต่อกันมาในเผ่าพันธุ์มังกร! เวทย์พลังของเผ่าพันธุ์…ร่างมังกรคุ้มคลั่ง!!


 


“เทียนเอ๋อเจ้าระวังตัวด้วย ตี้จิ่วมันใช้ออกด้วยเวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่งแล้วจริงๆ…เวทย์พลังนี้เป็นเวทย์พลังของเผ่าพันธุ์มังกรที่สืบทอดต่อๆกันมา มันจัดเป็นเวทย์พลังหนุนเสริมระดับกลาง! จากสำนึกเทวะของข้ายามมันใช้ร่างมังกรคุ้มคลั่ง พลังฝึกปรือของมันพุ่งทะยานขึ้นไปเทียบได้กับเซียนปฐพีขั้นกลาง!!”


 


ทันใดนั้นเองเสียงกล่าวเตือนของต้วนหรูเฟิงพลันดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน


 


“ต้วนหลิงเทียน! วันนี้ปีหน้าจักเป็นวันครบรอบวันตายของเจ้า!!”


 


ร่างมังกรที่แท้จริงขนาดมหึมาของตี้จิ่วที่ฟุ้งตลบไปด้วยกลิ่นอายโลหิตทั้งไอพลังคุ้มคลั่ง พลันพุ่งส่วนลงไปหาต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วสูง!


 


และในตอนนี้ความเร็วของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าความเร็วสูงสุดของต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป!!


 


“ร่างมังกรคุ้มคลั่ง? เซียนปฐพีขั้นกลางงั้นเหรอ?”


 


เผชิญหน้ากับร่างตี้จิ่วที่ทอประกายเรืองๆสีโลหิตเปี่ยมล้นไปด้วยไอพลังคุ้มคลั่ง สีหน้าต้วนหลิงเทียนเผยความประหวั่นออกมาทันใด แต่เดิมที่คิดพุ่งเข้าไปยังศีรษะตี้จิ่วเพื่อใช้ความเร็วที่เหนือกว่าควักลูกตาผยองนั่นออกมาเสีย กลับเลือกที่จะเปลี่ยนทิศทางล่าถอยออกไปทันที! ด้วยความเร็วที่เท่าเทียมกันตี้จิ่วจึงยังไม่อาจไล่เขาได้ทัน!!


 


หากแต่แรงลมที่เกิดจากการพุ่งเข้ามาของตี้จิ่ว ตอนนี้ก็ตีปะทะใบหน้าของเขาให้ปวดแสบอยู่บ้าง


 


‘ถึงแม้จะคงสภาพได้ไม่นานก็ตามที แต่ด้วยเวทย์พลัง 2 อย่างที่ข้าใช้ออกอย่างปีกอีกาทองคำกับปฐมเวทย์กลืนกิน ก็ทำให้ข้าสามารถใช้ความเร็วได้ถึงขอบเขตเซียนปฐพีขั้นกลางเช่นกัน…เดิมทีคิดใช้ความเร็วนี้สร้างความได้เปรียบซะหน่อย ไม่คิดเลยว่าตี้จิ่วจะมีร่างมังกรคุ้มคลั่งอะไรนี่! มันคือเวทย์พลังระดับกลางที่สืบทอดกันมาของเผ่าพันธุ์มังกรงั้นเหรอ? ไม่เบาเลยจริงๆ ตอนนี้ทั้งพลังและความเร็วของมันถูกเร่งเร้าขึ้นมา จนทัดเทียมกับเซียนปฐพีขั้นกลาง!’


 


แม้ต้วนหลิงเทียนจะหลบการโจมตีแรกของตี้จิ่วได้ ทว่าหลังจากที่ตี้จิ่วใช้เวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่ง ใบหน้าเขาก็ไม่เหลือร่องรอยความยินดีแม้แต่น้อย


 


เพราะตอนนี้เมื่อความเร็วของตี้จิ่วมันทัดเทียมกับเขา นั่นหมายความว่าเขาไม่อาจมีเปรียบมันอีกต่อไป


 


และหากไม่คำนึงถึงความเร็ว พลังโจมตีของเขานับว่าด้อยกว่าตี้จิ่วมาก!


 


จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนกลับเป็นฝ่ายตกอยู่ในสถานการณ์อิหลักอิเหลื่อขึ้นมา เขาทำได้แค่พยายามหลบการโจมตีของตี้จิ่วไปเรื่อยๆ แทบไม่มีโอกาสได้ตอบโต้อะไรดีๆ…


 


“เทียนเอ๋อ! เวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่งนี้มันยังมิแตกฉานถึงขั้นไร้ตำหนิ เพียงมีระยะเวลาใช้งานอันจำกัด! เมื่อเวลาประคองสภาพของมันสิ้นสุดลง…ไม่เพียงแต่พลังที่มันเร่งเร้าขึ้นมาจักหายไป! มันยังจะตกอยู่ในสถานะอ่อนแอชั่วคราวอีกด้วย!!”


 


เสียงกล่าวเตือนของต้วนหรูเฟิงยังคงดังสืบต่อ “ตอนนี้ความเร็วของเจ้าทัดเทียมได้กับมัน…เช่นนั้นหากเจ้าถ่วงเวลาไปจนกว่าผลของเวทย์พลังนี้จะหมดลง และพอตัวมันได้รับผลกระทบนั่นล่ะก็…ด้วยความเร็วที่เหนือกว่า เจ้าจะอยู่ในตำแหน่งไร้เทียมทาน คิดฆ่ามันก็ง่ายดายแล้ว!!”


 


ลูกตาของต้วนหลิงเทียนทอประกายสว่างจ้าขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงอธิบายของต้วนหรูเฟิง หากแต่ไม่นานแสงประกายก็ค่อยๆจางลง ปากยังคลี่ยิ้มขื่นขมออกมา


 


ผลของเวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่งเพียงคงอยู่ได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง…แล้วไม่ใช่ว่าปฐมเวทย์กลืนกินของเขา ก็มีระยะเวลาใช้งานชั่วระยะเวลาหนึ่งเหมือนกันหรอกหรือ?


 


ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขาก็ได้ผลาญพลังวิญญาณไปแล้ว 8-9 ส่วน คิดใช้ออกด้วยปฐมเวทย์กลืนกินอีกครั้ง เผลอๆยังจะไม่พอเอา!


 


“ต้วนหลิงเทียนหากเจ้าเป็นลูกผู้ชายก็อย่าได้ถอยหนี! มาสู้กับข้าตรงๆเสีย! เอาแต่หนีเช่นนี้เจ้ามันก็แค่ตัวขี้ขลาดดีๆนี่เอง!!”


 


หลังจากไล่ล่าต้วนหลิงเทียนและพยายามลงมือจู่โจมไปพักหนึ่ง หากแต่ไม่ว่าจะเป็นมังกรฟาดหางเอย กรงเล็บมังกรพัวพันเอย ลมหายใจมังกรเอย…กลับไม่อาจเฉียดถูกร่างต้วนหลิงเทียนได้เลย!ทำให้ตี้จิ่วเริ่มบังเกิดความร้อนรนในใจขึ้นมา!!


 


ด้วยผลของเวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่ง พลังฝึกปรือของมันจะยกระดับขึ้นไปทัดเทียมกับขอบเขตเซียนปฐพีขั้นกลาง เป็นเวลา 1 เค่อเท่านั้น!


 


และหลังจากผ่านไป 1 เค่อ ไม่เพียงแต่พลังฝึกปรือที่เพิ่มพูนจะหายไป หวนคืนสู่ระดับเดิม กระทั่งมันยังจะตกอยู่ในสถานะอ่อนแอไปพักหนึ่ง…!


 


พอถึงตอนนั้นเกรงว่าคงสู้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้แล้ว!


 


เช่นนั้นมันจึงทำได้แต่ยั่วยุท้าทายและพยายามทำให้ต้วนหลิงเทียนหันมาสู้แตกหักกับมันเท่านั้น! ขอเพียงมันยั่วยุต้วนหลิงเทียนให้หันมาปะทะซึ่งๆหน้าได้ล่ะก็…


 


มันสามารถปะทุพลังสังหารต้วนหลิงเทียนได้ในการโจมตีเดียว!!


 


ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของต้วนหลิงเทียน ไหนเลยตี้จิ่วจะมองไม่ออก…แม้ความเร็วของต้วนหลิงเทียนจะทัดเทียมกับมัน แต่มันแลเห็นชัดเจนว่านอกเหนือจากความเร็วแล้ว ไม่ว่าจะพลังทำลายหรือความแข็งแกร่งของร่างกาย ต้วนหลิงเทียนล้วนด้อยกว่ามันทั้งสิ้น!!


 


‘เวทย์พลังอันใดกันแน่ที่ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นใช้ออกก่อนหน้า? มิคิดเลยว่ามันจะสูบกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบเพื่อยกระดับพลังฝึกปรือให้พุ่งทะยานขึ้นมาทัดเทียมกับเซียนปฐพีขั้นต้นได้…หากผลของเวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่งหมดลง…ตี้จิ่วมิอาจรับมือมันได้แน่!!’


 


ห่างออกไปไกลๆ สีหน้าตี้ชานผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรตอนนี้ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเสียใจ


 


หากมันสามารถย้อนเวลากลับไปได้ล่ะก็ มันจะไม่อนุญาตให้ตี้จิ่วรับคำท้าประลองเป็นตายของต้วนหลิงเทียนเด็ดขาด!


 


เพราะไม่ว่าจะเป็นพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนกระทั่งเวทย์พลังที่ใช้ออกมาทั้งหมด บอกให้มันรู้ได้ทันที…


 


ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ เป็นตัวตนอันไร้เทียมทานในขอบเขตเซียนมนุษย์แล้วจริงๆ!


 


ล้อกันเล่นหรือไร!


 


กระทั่งตี้จิ่วที่เร่งเร้าพลังจนถึงเซียนปฐพีขั้นกลางยังจนปัญญาขนาดนี้ แล้วผู้ใดใต้ขอบเขตเซียนปฐพีจะสู้ต้วนหลิงเทียนได้อีก!


 


อย่างน้อยๆในภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้ มันก็ไม่คิดว่ามีใครที่อยู่ภายใต้ขอบเขตเซียนปฐพีจะสู้กับต้วนหลิงเทียนได้อีก


 


แม้กระทั่งตัวตนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นเซียนมนุษย์อันดับ 1 ผู้มีพลังฝีมือแข็งแกร่งที่สุดในขอบเขตเซียนมนุษย์ ไป่ฟูฉานของหน่วยองครักษ์เกราะทมิฬแห่งตำหนักเมฆาคราม ถงจ้ง คนนั้น ก็ไม่อาจเทียบกับต้วนหลิงเทียนได้!!


 


ถงจ้งนั้น แม้ทุกผู้คนจะยอมรับว่าเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้ขอบเขตเซียนปฐพี ของภูมิภาคเบื้องล่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า แต่นั่นก็ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะปรากฏตัวขึ้น


 


นอกจากนี้หากถงจ้งต้องมาประมือกับตี้จิ่วีท่บรรลุถึงขอบเขตเซียนปฐพีขั้นต้นล่ะก็ เป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำที่ถงจ้งจะมีชีวิตรอดพ้น 10 กระบวนท่าของตี้จิ่ว!


 


“ขี้ขลาด?”


 


ต้วนหลิงเทียนที่ฉากร่างหลบกรงเล็บพลังมีสภาพได้อีกครั้ง แสยะยิ้มกล่าวออก “ตี้จิ่วเจ้ามันหวังสูงไปแล้ว เจ้าเห็นข้าเป็นเด็ก 3 ขวบรึไง…วาจายั่วยุโง่ๆเช่นนี้ยังกล้าใช้ออก? คิดว่าข้าจะยังหลงกล?! นี่เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือที่แท้เจ้ามันโง่เองกันแน่?”


 


วาจาตอกกลับของต้วนหลิงเทียน ทำให้ตี้จิ่วมีโมโหจนแทบกระอักเลือด!


 


แต่มันก็รู้ดีว่าคงยากที่จะใช้วาจายั่วยุต้วนหลิงเทียน


 


ด้วยเหตุนี้ภายใต้สายตาของทุกผู้คนในหุบเขา ก็เห็นตี้จิ่วกับต้วนหลิงเทียนเสมือนเล่นไล่จับกัน! ร่างเล็กๆพลิ้วไปมาหลบหลีกการโจมตีของร่างใหญ่ได้หมดจด! บางครั้งยังอาศัยความที่ตัวเล็กพุ่งไปพัวพันบริเวณลำตัว จนสุดที่มังกรตัวเขื่องจะทำอะไรได้จริงๆ…


 


มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บที่ร่างกายฟุ้งตลบไปด้วยไอพลังโลหิตคุ้มคลั่งตัวนี้ ถึงแม้จะทรงพลังดุร้ายเพียงใด…แต่มันก็มีร่างใหญ่โตยาวหลายร้อยหมี่! พอมาเทียบกับร่างมนุษย์ของต้วนหลิงเทียนแล้ว เสมือนผู้คนกำลังเผชิญหน้ากับมดจิ๋วตัวหนึ่งก็ไม่ปาน! ไม่เพียงทำให้รู้สึกมีลมไม่อาจผาย บางครายังสร้างความตลกขบขันนัก…!!


 


“ขี้ขลาด!”


 


“ต้วนหลิงเทียน เจ้ามันตัวขี้ขลาด!!”


 


“ต้วนหลิงเทียนเจ้ามันไร้ยางอายนัก! แน่จริงก็ปะทะกับตี้จิ่วตรงๆ อย่าได้เอาแต่หลบหนีเหมือนลูกเต่า!!”


 


“ถูกแล้ว! เจ้ามันลูกเต่าสารเลว! เจ้าคิดว่าจะหนีไปได้อีกนานเท่าใด!?”


 



 


ตอนนี้เหล่าผู้คนของเผ่าพันุ์มังกรเริ่มร้อนรนจนอดไม่ได้ที่จะตะโกนโวยวายขึ้นมาแล้ว!


 


เพราะในฐานะเผ่าพันธุ์มังกร พวกมันย่อมรับทราบข้อดีข้อด้อยของเวทย์พลังเผ่าพันธุ์ที่สืบทอดกันมาอย่างร่างมังกรคุ้มคลั่งดี…


 


หากเรื่องราวยังดำเนินไปอีหร็อบนี้ พอผลของเวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่งหมดลงเมื่อใด…ตี้จิ่วได้กลายเป็นปลาบนเขียงรอให้ต้วนหลิงเทียนแล่สับได้ตามใจแน่!!


 


นั่นไม่ใช่อะไรที่พวกมันอยากจะเห็น!


 


พวกมันทุกคนล้วนหวังให้ตี้จิ่วระเบิดพลังสังหารต้วนหลิงเทียนได้ในท่าเดียว และเป็นผู้ที่ได้เข้าไปยังสระชำระมังกร เพื่อรับการชำระไขกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น จนเสมือนเกิดใหม่!!


 


พวกมันรู้ดีว่าวันที่ตี้จิ่วออกมาจากสระชำระมังกร คือวันที่ตี้จิ่วจะทะยานฟ้า!


 


ในอนาคตด้วยมีตี้จิ่วนำพา เผ่าพันธุ์มังกรจะผงาดขึ้นมาครองราชย์เหนือใครในแดนดินอีกครา! ไม่ว่าจะตลาดมืดหยินชานหรือตำหนักเมฆาคราม พวกมันก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอีกต่อไป!!


 


ถึงตอนนั้น พวกมันจะสามารถเดินอย่างเชิดหน้าชูตาในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้อีกครั้ง!


 


แทนที่จะเป็นอย่างทุกวันนี้ พบเจอตำหนักเมฆาครามหรือตลาดมืดหยินชานคราใด พวกมันก็จำต้องก้มหัวหลีกหลบ…


 


“หืม? แสงโลหิตที่เรืองรองทั่วร่างตี้จิ่วคล้ายกำลังจืดจางลงแล้ว?”


 


“เหอะๆ มิใช่แค่แสงพลังจะจางลง กระทั่งกลิ่นอายพลังที่แผ่ออกก็ลดทอนความแหลมคมลงแล้ว…แถมความเร็วในการลงมือเองก็คล้ายจะเชื่องช้าลง พวกเจ้าลองสังเกตดูเอาเถอะ”


 


“อา…เป็นเช่นนั้นจริงๆ! ดูเหมือนว่าเวทย์พลังของเผ่าพันธุ์มังกรที่ตี้จิ่วใช้ยังมีข้อจำกัดบางประการ”


 


“ที่มันกำลังใช้อยู่เรียกว่าเวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่ง เวทย์พลังนี้จัดเป็นเวทย์พลังสนับสนุนระดับกลาง สามารถยกระดับพลังผู้ใช้ให้เพิ่มพูนขึ้น 1 ระดับ ระยะเวลาที่ใช้ออกขึ้นอยู่กับความเข้าใจของผู้ใช้ จากที่ข้าดูตี้จิ่วสามารถคงสภาวะได้ราวๆ 1 เค่อเท่านั้น!”


 


……


 


ขุมพลังกึ่งชั้น 3 เริ่มกระซิบกระซาบกันอีกครั้ง ตอนแรกพวกมันคิดว่าต้วนหลิงเทียนคงไม่มีโอกาสเอาชนะแล้ว ทว่าต่อมาก็กลายเป็นต้วนหลิงเทียนมีเปรียบ แต่มาตอนนี้พวกมันรู้สึกว่าเรื่องราวกลับกลายเป็นไม่แน่นอนไปเสียแล้ว


 


“ความเร็วของตี้จิ่วตกลงแล้ว!”


 


“ไม่! มิใช่แค่เพียงความเร็วของตี้จิ่ว! พวกเจ้าชมดู!ความเร็วของต้วนหลิงเทียนก็เริ่มตกลงแล้วเช่นกัน!!”


 


“แล้วมันสำคัญอย่างไร?”


 


“จะไม่สำคัญได้อย่างไรเล่า! ร่างมังกรคุ้มคลั่งของตี้จิ่วมีข้อจำกัด หรือเวทย์พลังที่ดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินรอบๆของต้วนหลิงเทียนจักมิมีข้อจำกัด? ตอนนี้ไม่แน่ว่าต้วนหลิงเทียนจะชนะเสมอไป!”


 


“ไอ้หยา! เรื่องราวนับว่าผลิกพันไปมายิ่งนัก…เกรงว่าหากมิถึงห้วงเวลาสุดท้าย คงมิรู้จริงๆว่าวันนี้ผู้ใดจะชนะผู้ใดจะแพ้กันแน่! ไม่สิ…ไม่รู้ว่าผู้ใดจะอยู่หรือตายมากกว่า!!”


 



 


เมื่อเวลาค่อยๆไหลผ่านไป ผู้คนที่แต่เดิมคิดว่าเมื่อเวทย์พลังของตี้จิ่วหมดลงต้วนหลิงเทียนต้องเป็นฝ่ายชนะแน่ก็เริ่มไม่แน่ใจขึ้นมาแล้ว เพราะผลของเวทย์พลังต้วนหลิงเทียนเองก็คล้ายจะสิ้นอานุภาพลงเช่นกัน


 


“น้องหลิงเทียน…”


 


กู่ลี่มองไปยังร่างชายหนุ่มที่พริ้วหลบหลีกการโจมตีไปมาด้วยคิ่วยู่ย่น เหงื่อกาฬยามนี้หลั่งไหลชโลมกาย ปากกล่าวพึมพำไม่หยุด “เจ้าทำได้…เจ้าทำได้แน่นอน! ฆ่ามัน! ฆ่ามัน!!”


 


“เทียนเอ๋อ…”


 


สีหน้าต้วนหรูเฟิงเองก็ตึงเครียดเช่นกัน


 


กู่มีตอนนี้เผยใบหน้าว่างเปล่าเลื่อนลอย ไม่มีใครทราบว่ามันคิดอะไรอยู่กันแน่


 


“ท่านผู้นำตู้กู ท่านว่าระหว่างพวกมันทั้งคู่ผู้ใดจะอยู่ผู้ใดจะตายหรือ?”


 


เฝิงปู่อี้มองถามตู้กูด้วยความสงสัย


 


“ข้าคิดว่าต้วนหลิงเทียนมีภาษีดีกว่า…”


 


ตู้กูกล่าวออกเสียงเบา


 


“เพราะเหตุใดหรือท่าน?”


 


จงฉีชานกล่าวถามด้วยความสงสัย


 


“เพราะข้าแลแล้วถูกใจ…”


 


คำตอบของคู้กูทำให้เฝิงปู่อี้กับจงฉีชานอึ้งไปตาปริบๆ…ตอบแบบนี้ก็ได้เหรอ?


 


“ฮ่าๆๆ…ต้วนหลิงเทียนข้าก็คิดว่าเจ้าจักร้ายกาจเพียงใด ที่แท้เวทย์พลังของเจ้าก็มีระยะเวลาอันจำกัดเช่นกัน!!”


 


ในเมื่อทุกคนสามารถเห็นได้ชัดว่าพลังของต้วนหลิงเทียนเองก็กำลังตกลง ตี้จิ่วที่เป็นผู้รบเร้าพัวพันกับต้วนหลิงเทียนอยู่ ย่อมรู้ดีกว่าใคร!!


 


ในสายตาของมัน เวทย์พลังอะไรก็ตามที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออก ดูท่าจะละม้ายคล้ายคลึงกับเวทย์พลัง ร่างมังกรคุ้มคลั่ง ที่มันมี!


ตอนที่ 1,865 : วาระสุดท้ายของตี้จิ่ว…


 


เวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่ง อันเป็นเวทย์พลังที่สืบทอดต่อๆกันมาของเผ่าพันธุ์มังกรนั้น แม้จะเพิ่มพูนพลังฝึกปรือให้ผู้ใช้ได้ ทว่าก็คงอยู่เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น…


 


และเมื่อระยะเวลาดังกล่าวสิ้นสุดลง ผลของร่างมังกรคุ้มคลั่งไม่เพียงแต่จะหายไป ยังทำให้ร่างกายของผู้ใช้ตกอยู่ในสภาวะอ่อนแอเป็นระยะเวลาหนึ่ง


 


นี่เป็น ‘ผลกระทบ’ จากเวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่ง!


 


และเป็นเพราะผลกระทบดังกล่าว ทำให้ตี้จิ่วตระหนักได้ชัดว่าตัวมันต้องตายคามือต้วนหลิงเทียนแน่…หากระยะเวลาแสดงผลของร่างมังกรคุ้มคลั่งหมดลง! เพราะเมื่อถึงเวลานั้นมันจะกลับกลายเป็นมดปลวกในสายตาของอีกฝ่ายแทน!!


 


เรื่องนี้ใจตี้จิ่วบังเกิดความไม่ยินยอมถึงขีดสุด!


 


อนิจจาไม่ยินยอมแล้วจะทำอย่างไรได้?


 


สถานการณ์ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว คนยังจะไปแข็งขืนอะไรได้!


 


มันทำได้แค่โทษตัวเองเท่านั้น ที่ไม่อาจฆ่าต้วนหลิงเทียนและปล่อยให้อีกฝ่ายรอดชีวิตไปได้ต่อหน้าต่อตา


 


แต่ในขณะที่ตี้จิ่วกำลังสิ้นหวังถอดใจนั้นเอง มันพลันค้นพบเรื่องราวประการหนึ่งอย่างไม่คาดคิดว่า…ในขณะเดียวกันกับที่พลังของมันกำลังอ่อนลงเรื่อยๆนั้น…มิคาดทั้งพลังและความเร็วของต้วนหลิงเทียนก็กำลังถดถอยลงเช่นกัน!


 


ครู่ต่อมามันก็ตระหนักได้ทันที เวทย์พลังที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกก็สมควรมี ‘ผลกระทบ’ เช่นกัน!


 


ทันใดนั้นมันคล้ายได้เห็นแสงแห่งความหวังอีกครั้ง


 


ถึงแม้ว่ามันจะต้องตกอยู่ในสภาวะอ่อนแอพักหนึ่ง แต่มันก็ไม่กลัวต้วนหลิงเทียนที่จะต้องตกอยู่ในสภาวะอ่อนแอเช่นกัน!


 


หลังจากทั้งหมดแล้วรากฐานของมันก็แข็งแกร่งกว่าต้วนหลิงเทียนมากมายนัก!


 


มันจะอย่างไรก็เป็นเซียนปฐพีขั้นต้น แต่ต้วนหลิงเทียนก็แค่เซียนมนุษย์ขั้นกลาง! หากตกอยู่ในสภาวะอ่อนแอเช่นกัน มันก็ต้องแข็งแกร่งกว่าต้วนหลงเทียนหลายขุม!


 


อย่างไรก็ตามมีคำถามหนึ่งที่ตี้จิ่วไม่เคยคำนึงถึง…


 


นั่นก็คือ…แม้เวทย์พลังกับมันและต้วนหลิงเทียนจะให้ผลลัพธ์ละม้ายคล้ายกัน ทว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้นนั้น ใช่ละม้ายคล้ายกันด้วยหรือไม่?


 


เป็นเพราะตี้จิ่วไม่เคยคิดคาดถึงคำถามดังกล่าวนี้เอง…วาระสุดท้ายมันจึงทำได้แค่ตกตายกลายเป็นผีโง่งม!


 


ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!!


 


ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!!


 



 


พริบตาเดียวกันกับที่ผลกระทบของเวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่งแสดงผล พลังฝึกปรือของตี้จิ่วถึงกับตกฮวบลงไปอยู่ในขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นต้น และวินาทีนั้นมันก็ถูกลงดาบประหารทันที!


 


และผู้ลงดาบประหารมันก็คือ กระบี่ทั้ง 3 เล่มของต้วนหลิงเทียน!


 


กล่าวให้ชัดมันคือกระบี่ที่ตัวต้วนหลิงเทียนเองถือไว้ในมือเล่มหนึ่ง ส่วนกระบี่ที่เหลือย่อมมาจากร่างแยกอวตารทั้ง 2 ของเขา!!


 


ร่างแยกอวตารทั้ง 2 ปรากฏขึ้นมาได้ เพราะเป็นเขาใช้เวทย์พลังเซียนอมตะข้ามภพ!


 


ตึงงงง!!


 


จวบจนกระทั่งร่างมหึมาของตี้จิ่วหล่นร่วงลงไปกระแทกพื้นดินจนหุบเขาสะเทือนเลือนลั่น ทุกผู้คนจึงได้ฟื้นคืนจากความตกใจที่อยู่ๆต้วนหลิงเทียนก็ระเบิดพลังสังหารตี้จิ่ว!


 


อย่างไรก็ตามความตกใจคงอยู่ได้ไม่นาน พอทุกสายตาจับจ้องมองไปยังร่างไร้วิญญาณของตี้จิ่ว พวกมันก็รู้สึกตะลึงงัน หนังศีรษะคล้ายจะกลับกลายเป็นชาด้าน!


 


‘ตี้จิ่วมันคิดว่าปฐมเวทย์กลืนกินของข้าจะมีผลกระทบเหมือนกันงั้นเหรอ…เหลวไหล! เลอะเทอะนัก! เห็นได้ชัดว่าปฐมเวทย์กลืนกินอยู่กันคนละระดับกับเวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่งของมัน! แต่จะว่าไปก็สมแล้วที่เป็นเวทย์พลังระดับสูง…ปฐมเวทย์กลืนกินนี่นับว่าร้ายกาจจริงๆ!’


 


นึกถึงฉากเรื่องราวก่อนหน้านี้ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะลอบเย้ยหยันตี้จิ่วในใจ


 


ก่อนหน้านี้พักหนึ่ง ยามเมื่อเวลาได้ครบกำหนด 1 เค่อ ผลของเวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่งที่ตี้จิ่วใช้ก็หมดลง ส่วนปราณสุริยันแรกกำเนิดของเขาที่เพิ่มพูนขึ้นมาก็ถูกใช้ไปจนหมด หวนคืนสู่สภาพเดิมก่อนใช้ปฐมเวทย์กลืนกิน…


 


อย่างไรก็ตามสภาพเดิมก่อนหน้าที่ว่า พลังฝึกปรือของเขาก็เทียบได้กับเซียนมนุษย์ขั้นกลาง!


 


นอกจากนี้เขายังมีเวทย์พลังระดับสูงให้ใช้ อย่างเช่นเซียนอมตะข้ามภพ! เช่นนั้นกล่าวได้ว่าความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้ลดทอนลงจากตอนแรกแม้แต่นิดเดียว!


 


กลับกัน พลังฝึกปรือของตี้จิ่วกลับตกฮวบลงไปถึงขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นต้น อันเป็นสถานะอ่อนแอเพราะผลกระทบจากเวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่ง!!


 


ด้วยความแตกต่างถึงหนึ่งขั้นพลัง รวมทั้งต้วนหลิงเทียนยังใช้ออกด้วยเซียนอมตะข้ามภพ เช่นนั้นแล้วถึงร่างกายตี้จิ่วจะถือว่าแข็งแรงทนทาน แต่สุดท้ายก็ถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าเอาได้ง่ายๆ…


 


‘จริงสิ…เม็ดพลังมังกร!’


 


ในขณะที่ผู้คนกำลังตะลึงงันกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ต้วนหลิงเทียนคล้ายนึกอะไรได้ออก ลูกตาเขาเผยประกายสว่างวาบขึ้นมาทันที ร่างที่ลอยอยู่กลางฟ้าแปรเปลี่ยนไปคล้ายดาวตก พุ่งลงไปหารซากร่างตี้จิ่วด้วยความคิดขุดเม็ดพลัง ออกมา!


 


เม็ดพลังนั่นไม่เพียงเป็นสมบัติชั้นยอดสำหรับผู้คน! ยังถือเป็นวัตถุดิบระดับสูงสำหรับใช้ซ่อมเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเช่นกัน!


 


‘ตี้จิ่วที่มีพลังฝึกปรือถึงเซียนปฐพีขั้นต้น เม็ดพลังของมันก็ต้องมีคุณค่ามากกว่าเม็ดพลังของตี้ยง น่าจะใช้ซ่อมแซมเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่! แถมอวัยวะส่วนอื่นของมันก็ถือว่ามีประโยชน์’


 


ในขณะที่พุ่งร่างหล่นฟ้า ต้วนหลิงเทียนก็ครุ่นคิดไปในใจอย่างลิงโลด


 


อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนพุ่งลงมาเจียนถึงร่างตี้จิ่ว ทั้งชักกระบี่ออกมาเตรียมขุดเจาะร่างมังกรตัวเขื่องหาเม็ดพลัง ทั้งยังคิดจะควักลูกตาหั่นกรงเล็บตัดเขาเลาะเส้นเอ็นขอดเกล็ดนั้นเอง…


 


ปงงง!!


 


มวลพลังอันร้ายกาจขุมหนึ่งกลับกระแทกใส่ร่างเขาจนตัวเขากระเด็นไปไม่รู้เหนือใต้!


 


ทว่าแม้มวลพลังขุมนี้จะยิ่งใหญุสุดไพศาล หากแต่พอกระแทกเข้าร่าง ต้วนหลิงเทียนกลับพบว่ามันเป็นพลังไร้สภาพอ่อนหยุ่นขุมหนึ่ง เสมือนเจตนาส่งร่างเขาออกไปให้ไกลเท่านั้น ไม่ได้คิดทำร้ายอะไรแม้แต่น้อย…


 


“ตี้ชาน!”


 


ขณะเดียวกัน พลันมีร่างหนึ่งวูบมาปรากฏข้างกายต้วนหลิงเทียน เป็น ต้วนหรูเฟิง


 


ตอนนี้ต้วนหรูเฟิงกำลังจับจ้องมองไปยังตี้ชานที่เป็นผู้ลงมือตาขวาง


 


“จ้าวตำหนักต้วน…ข้ามิอาจปล่อยให้ศพของมังกรเทพยาดาที่ตกตาย ถูกผู้ใดล่วงเกินหยามเกียรติได้!”


 


เผชิญหน้ากับต้วนหรูเฟิงที่มองมาตาขวาง ตี้ชานพลันมองสบตากลับไปอย่างไม่กลัว “เรื่องนี้กระทั่งเผ่าพันธุ์มังกรในภูมิภาคเบื้องบนก็ไม่ยินยอม!”


 


เผ่าพันธุ์มังกรที่ภูมิภาคเบื้องบน!


 


เห็นได้ชัดว่าตี้ชานเจตนายกเผ่าพันธุ์มังกรที่ภูมิภาคเบื้องบนขึ้นมากล่าวอ้าง หมายขู่ข่มต้วนหรูเฟิง “ตี้จิ่วถูกบุตรชายท่านสังหาร พวกเราก็ทำได้แค่ตำหนิในความอ่อนด้อยของตี้จิ่ว…และเผ่าพันธุ์มังกรเรายินดีกระทำตามสัญญา ยอมละทิ้งสิทธิ์เข้าสระชำระมังกรในรอบ 5,000 ปี…มอบโอกาสให้ท่าน! แต่อย่างไรก็ตามร่างของตี้จิ่วนั้นมิอนุญาตให้ผู้ใดแตะต้องเด็ดขาด นี่เป็นขีดจำกัดล่างของพวกเราเผ่าพันธุ์มังกร!!


 


ตี้ชานกล่าวออกมาเสียงดัง


 


“ขีดจำกัดล่าง!!”


 


“บรรทัดฐาน!!”


 



 


ทันใดนั้นคนของเผ่าพันธุ์มังกรรอบๆ ก็ตะโกนออกมาเสียงดัง


 


เนื่องจากตี้จิ่วถูกฆ่าตาย และพวกมันก็เสียโอกาสเข้าใช้สระชำระมังกรที่จะเปิดออกทุกๆ 5,000 ปีไป ทำให้อารมณ์ของพวกมันเสมือนดิ่งลงเหว ต่างจิตตกและรู้สึกแย่เป็นทุน ตอนนี้พอมีโอกาสจึงได้ระบายออกกันเต็มที่


 


“เฮอะ!”


 


เสียงเย็นชาหนึ่งพลันสบถดังก้องไปทั่วหุบเขา ต้วนหรูเฟิงที่ไม่คิดกดดันบีบคั้นอะไรตี้ชานสืบไป เพียงหันไปมองต้วนหลิงเทียน พูดว่า “เทียนเอ๋อร่างกายของตี้จิ่วแม้จะถือว่าอุดมไปด้วยสมบัติ แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้เจ้าลืมมันไปเถอะ…สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเจ้าต้องเข้าสระชำระมังกร คว้าโอกาสในรอบ 5,000 ปีนี้ไว้!”


 


“ได้”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ไม่คิดขุดร่างตี้จิ่วควักเม็ดพลัง กระทั่งชำแหละฉกฉวยอวัยวะอื่นๆที่ใช้งานได้ของมันอีก


 


เขารู้ว่าเม็ดพลังทั้งอวัยวะส่วนอื่นๆของตี้จิ่วมีคุณค่าแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจละเลยอารมณ์ของคนเผ่าพันธุ์มังกรได้ ยากที่เขาจะขุดสมบัติต่อหน้าต่อตาพวกมัน…


 


ดังนั้นเขาทำได้แค่ล้มเลิกความคิดนี้ไปเสีย ไม่สนใจอะไรร่างตี้จิ่วอีก


 


ตอนนี้เองทุกสายตาในหุบเขา ก็หันมาจับจ้องมองไปยังร่างต้วนหลิงเทียน


 


ท่ามกลางสายตาเหล่านี้ มีทั้งตกตะลึง อึ้งทึ่ง นับถือ เลื่อมไส กระทั่งหวาดกลัว…


 


“นายน้อยตำหนักเมฆาคราม ‘ต้วนหลิงเทียน’ ผู้นี้…กลับสังหารมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บตี้จิ่วผู้นั้นลงได้…ศักยภาพพรสวรรค์มิได้ต้อยต่ำไปกว่าบิดาแม้แต่นิดเดียว!”


 


“วาสนาของตำหนักเมฆาครามไฉนเลิศล้ำนักนะ…ตอนแรกก็ต้วนหรูเฟิงคนนึงแล้ว มาตอนนี้ยังมีต้วนหลิงเทียนอีกคน!”


 


“ด้วยมีต้วนหลิงเทียนอยู่ ตำหนักเมฆาครามจักเจริญรุ่งเรืองไปอีกร้อยแปดพันปีนับว่ามิมีปัญหา!!”


 



 


เหล่าผู้อาวุโสและศิษย์ของขุมพลังกึ่งชั้น 3 ต่างมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อน


 


หากอัจฉริยะมากพรสวรรค์เช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นในขุมพลังของพวกมันมั่งล่ะก็ ตราบใดที่ชุบเลี้ยงส่งเสริมจนเติบโตขึ้นมาได้อย่างดี ตัวตนเช่นนี้ย่อมนำพาขุมพลังของพวกมันให้พุ่งทะยานสูงขึ้นได้แน่ เรื่องจะทัดเทียมกับตลาดมืดหยินชานและตำหนักเมฆาครามก็คงไม่ใช่แค่ความฝัน!


 


เช่นเดียวกันกับในปีนั้น ตำหนักเมฆาครามอาศัยต้วนหรูเฟิงเพียงคนเดียว ก็ยกระดับตำหนักเมฆาครามให้บรรลุถึงขอบเขตใหม่!


 


ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!


 



 


ขณะเดียวกันนั้น ร่างผู้อาวุโสของเผ่าพันธุ์มังกรคนอื่นๆ ก็พุ่งมาหยุดเบื้องหน้าศพตี้จิ่วด้วย


 


นอกเหนือจากตี้ชานที่เพียงเผยโทสะออกมาในแววตาแล้ว อาวุโสคนอื่นๆไม่ว่าจะเฉวี่ยฉาน สื่อชิง และชิงเหยียนล้วนหันไปจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนด้วยเจตนาฆ่าฟันทั้งสิ้น


 


การที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าตี้จิ่วไปแบบนี้ ทำให้เผ่าพันธุ์มังกรของพวกมันสูญเสียผู้ที่เหมาะสมจะเป็นผู้นำคนต่อไปของเผ่าพันธุ์มังกรที่สุดไป…


 


กว่าที่เผ่าพันธุ์มังกรจะให้กำเนิดมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บได้อีกครั้ง กว่าที่จะชุบเลี้ยงให้มีพลังฝึกปรือให้ทัดเทียมกับตี้จิ่ว ก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกกี่ร้อยปี…


 


พอคิดถึงจุดนี้ในใจของพวกมันอดไม่ได้ที่จะผสมปนเปไปด้วยความขื่นขมระทมทุกข์ ทั้งโทสะแค้นยากระบาย ทั้งอึดอัดทั้งหงุดหงิดใจนัก! ทำได้แค่ถลึงตามองต้วนหลิงเทียนด้วยอาฆาตเปี่ยมล้นไปด้วยเจตนาฆ่าฟัน!


 


“น้องหลิงเทียน! ขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วย!!”


 


ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่กู่ลี่กลับมาหยุดอยู่เบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน สองมือป้องประสานเขย่าไปมา กล่าวคำแสดงความยินดีด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ยังยินดีกับต้วนหลิงเทียนที่ได้เข้าสระชำระมังกรจากใจ


 


กู่มี่เองก็มาปรากฏตัวด้านข้างต้วนหรูเฟิงเช่นกัน แม้มันจะยังคงนิ่งเงียบมาดขรึม หากแต่ในแววตาก็เปี่ยมล้นไปด้วยความเคารพนับถือยามมองไปยังต้วนหลิงเทียน


 


หากมีคนกล่าวว่าก่อนหน้านี้ที่มันแลดูใจดีกับต้วนหลิงเทียน เป็นเพราะจ้าวตำหนักอย่างต้วนหรูเฟิงล่ะก็


 


ตอนนี้มันทั้งนับถือ ทั้งเลื่อมไส กระทั่งหวาดกลัวต่อพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนจากใจ! เพราะความแข็งแกร่งที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกก่อนหน้า ทำให้มันเปิดหูเปิดตาแล้วจริงๆ!!


 


เพียงพลังฝึกปรือขอบเขตเซียนมนุษย์กลับสำแดงพลังสามารถถึงขั้นฆ่าตัวตนขอบเขตเซียนปฐพีได้!


 


พลังฝีมือนี้ของต้วนหลิงเทียนทำให้มันตกใจแทบตาย!


 


มันเชื่อมั่นว่าตราบใดที่นายน้อยคนนี้ยังคงเติบโตต่อไปล่ะก็ วันหน้าต้องไม่ด้อยไปกว่าจ้าวตำหนักของมันแน่!


 


“ท่านผู้นำกลับเดาถูกจริงๆ…”


 


ห่างออกไปไกลๆ เฝิงปู่อี้กับจงฉีชานตอนนี้เผยสีหน้าท่าทางตื่นตระหนก พวกมันหันมามองสบตากัน ก่อนจะเห็นความตกตะลึงในลูกตาอีกฝ่าย


 


“ขอแสดงความยินดีด้วย”


 


เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน เขาจึงหันไปมองตามต้นเสียงทันที


 


เห็นว่าเป็น ผู้นำตลาดมืดหยินชาน ตู้กู ที่ส่งเสียงมา


 


“ขอบคุณ…”


 


แม้ว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าไฉนคู่อริของบิดามากล่าวแสดงความยินดีกับเขาด้วยสีหน้าท่าทางไม่คล้ายเสแสร้งแบบนี้ แต่เขาก็แสดงความขอบคุณออกไปอย่างสุภาพ


 


ไม่ว่าจะอย่างอีกฝ่ายก็ปฏิบัติกับเขาด้วยดีก่อน เขาเองก็ไม่อาจหักหน้าอีกฝ่ายได้ ดั่งคำกล่าวที่ว่า ‘ยากยื่นมือไปตบหน้าคนกำลังยิ้ม’


 


“จ้าวตำหนักต้วนโปรดรออีกสักวัน หลังจากที่ข้าจัดการเรื่องศพของตี้จิ่วเสร็จสิ้นแล้ว…ข้าจักนำกุญแจตะวันออกมา และพาจ้าวตำหนักน้อยไปส่งยังสระชำระมังกร!”


 


ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตี้ชานที่ยุ่งกับร่างตี้จิ่วเมื่อครู่ กำลังมองกล่าวกับต้วนหรูเฟิง


 


หลังจากกล่าวจบแล้วมันก็ไม่รอให้ต้วนหรูเฟิงตอบสนองอะไร เหินร่างนำพาอาวุโสของเผ่าพันธุ์มังกรพร้อมหอบร่างตี้จิ่วจากไปทันที


 


ตี้จิ่วจะอย่างไรก็เป็นมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ กล่าวได้ว่ามันมีสายเลือดขัตติยะอยู่ในกาย


 


วันนี้มันถูกฆ่า กระทั่งตกตายในรังมังกร เป็นธรรมดาที่เผ่าพันธุ์มังกรต้องจัดพิธีศพให้มัน


 


“พวกเจ้าทุกคนเห็นแล้วหรือไม่? ประมุขไร้สามารถผู้นี้สามารถล้างแค้นให้พวกเจ้าได้สำเร็จ! ข้าประมุขไม่เอาไหนคนนี้ ฆ่ามันเพื่อเซ่นวิญญาณของพวกเจ้าได้แล้ว พวกเจ้าหลับให้สงบเถอะ!”


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับคนทั้ง 3 กำลังเหินกลับหุบเขาเล็กๆอยู่นั้น ร่างต้วนหลิงเทียนอยู่ๆก็หยุดค้างกลางหาว หันมองไปยังทิศทางที่ตั้งของทวีปเมฆาคราม ค่อยกล่าวพึมพำออกมาเสียงเบา


 


เสียงเขาไม่ดังอะไร หากแต่ทุกคนสามารถได้ยินถ้อยคำของเขาได้ชัดเจน


 


ต้วนหรูเฟิงกับกู่มี่รู้ว่าคำกล่าวนี้ของต้วนหลิงเทียนมีความหมายอย่างไร


 


หากแต่กู่ลี่ที่ไม่รู้มาก่อนทำได้แค่คาดเดาว่า ต้วนหลิงเทียนกับตี้จิ่วสมควรมีเรื่องราวบาดหมางเพาะสร้างความแค้นกันมาตั้งแต่อดีต


 


ทว่ารายละเอียดเรื่องราวนั้น มันไม่ทราบแม้แต่น้อย จึงทำให้บังเกิดความอยากรู้อยากเห็นนัก


 


“น้องหลิงเทียนเจ้ากับตี้จิ่ว…มีความแค้นกันมาก่อนหรือ?”


 


กู่ลี่ที่รู้สึกคันในหัวใจยากจะเกาไปพักหนึ่ง ในที่สุดก็กล่าวถามออกมา…


 


หากแต่มันยังรู้ว่าอะไรควรไม่ควรจึงกล่าวตบท้ายไปว่า “แต่หากเจ้าลำบากใจไม่สะดวกจะเล่า ข้าก็เข้าใจ…”


 


“ไม่ได้ไม่สะดวกหรือลำบากใจอะไรหรอกพี่กู่…”


 


ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา ก่อนที่จะเล่าให้กู่ลี่ฟังว่าตี้จิ่วมันทำลายนิกายหลิงเทียนที่เขาสร้างขึ้นในทวีปมนุษย์ก่อนหน้านี้อย่างไร…


 


พอได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด กู่ลี่ก็เข้าใจถึงความเคียดแค้นชิงชังของต้วนหลิงเทียนที่มีต่อตี้จิ่ว…


ตอนที่ 1,866 : เข้าสระชำระมังกร!


 


ในขณะเดียวกันกู่ลี่ก็ได้รับทราบความเป็นมาของ สัญญา 5 ปี…


 


ที่แท้ทุกเรื่องราวล้วนมีเหตุผล


 


ทั้งหมดเริ่มจากต้วนหรูเฟิง บิดาของต้วนหลิงเทียนที่บุกมาอาละวาดในเผ่าพันธุ์มังกรเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เพื่อหาความจากตี้จิ่ว…


 


แต่หัวเด็ดตีนขาดเผ่าพันธุ์มังกรก็ไม่มอบหัวตี้จิ่วให้! สุดท้ายต้วนหรูเฟิงก็หาทางจบปัญหาด้วยการ ทำสัญญานัดหมายประลอง 5 ปี เพื่อชิงสิทธิ์เข้าสระชำระมังกรแทน!!


 


“คราวนี้เผ่าพันธุ์มังกรกล่าวได้ว่า ‘เสียฮูหยินเสียซ้ำขุนศึก’ แล้วจริงๆ…หากเมื่อ 5 ปีที่แล้วมันมอบชีวิตตี้จิ่วให้อาต้วนจัดการ พวกมันคงเสียแค่เพียงตี้จิ่วเท่านั้น! มาวันนี้พวกมันไม่เพียงแต่จะเสียตี้จิ่วแค่คนเดียว…ยังต้องเสียโอกาสเข้าสระชำระมังกรในรอบ 5,000 ปีไปด้วย!!”


(เสียฮูหยินเสียซ้ำขุนศึก หรือ เสียภรรยาไม่พอ ยังเสียไพร่พลทหาร = ชิบหายรัวๆ! เสียซ้ำเสียซ้อน )


 


จังหวะนี้อดไม่ได้ที่กู่ลี่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง รู้สึกว่าโชคชะตาคนเรานั้นไม่อาจเอาแน่เอานอนได้เลยจริงๆ


 


มันเชื่อว่าหาก ตี้ชาน ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรสามารถทำนายอนาคตได้ มันคงไม่คิดปกป้องชีวิตตี้จิ่วเมื่อ 5 ปีที่แล้วแน่…


 


‘สระชำระมังกรที่ว่า สมควรเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์มังกร สามารถสร้างความก้าวหน้าให้คนเผ่ามังกรที่เข้าไปราวเดินทางพันลี้ในหนึ่งวัน…เช่นนั้นหลังจากน้องหลิงเทียนเข้าใช้สระชำระมังกรแล้ว ต้องบังเกิดความก้าวหน้าครั้งใหญ่แน่…’


 


กู่ลี่ลอบคิดในใจ ยังอิจฉาต้วนหลิงเทียนไม่น้อย


 


แน่นอนว่าใจมันเพียงรู้สึกอิจฉา แต่หาได้มีความริษยาอันใดไม่!


 


ต้วนหลิงเทียนได้ดีมันย่อมไร้ริษยาอันใด มีก็แต่เพียงความรู้สึกยินดีในใจ!


 


เมื่อตี้จิ่วตกตายลงไปแล้วเช่นนี้ หมายความว่า ‘สัญญา 5 ปี’ ก็สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ


 


ในขณะเดียวกันกับที่ขุมพลังกึ่งชั้น 3 อื่นๆทยอยกันกลับไปนั้นเอง นอกเหนือจากตำหนักเมฆาครามแล้ว ก็หลงเหลือแค่เพียงตลาดมืดหยินชานที่ยังไม่จากไปไหน


 


เพียงเวลาแค่ไม่นานหลังจากที่พวกต้วนหลิงเทียนกลับมาถึงหุบเขาเล็กๆอันเป็นที่พักที่เผ่ามังกรจัดให้ กลุ่ม 3 คนของตลาดมืดหยินชานที่นำมาโดยตู้กูก็กลับมาถึงเช่นกัน พอมาถึงเฝิงปู่อี้กับจงฉีชานก็แยกย้ายกันเข้าบ้านพักที่พวกมันอาศัยอยู่ก่อนหน้าทันนที


 


เมื่อเห็นว่าคนตลาดมืดหยินชานทั้ง 3 ไม่ได้ลงมือเคลื่อนไหวอะไร พวกต้วนหลิงเทียนก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง


 


พริบตาหนึ่งวันก็ผ่านพ้น


 


เช้าวันต่อมาปรากฏร่างในชุดเขียวขึ้นในอากาศเหนือน่านฟ้าหุบเขาเล็กๆแห่งนี้ เมื่อมาถึง ร่างเขียวก็ทักทายด้วยเสียงดังลั่น “จ้าวตำหนักต้วน…ท่านผู้นำเชิญพวกท่านไปพบ!”


 


เจ้าของร่างในชุดเขียวนี้ไม่ใช่ใครอื่น 1 ในบรรดาผู้อาวุโสระดับสูงของเผ่าพันธุ์มังกร…


 


มังกรเทพยาดาสีเขียว 5 กรงเล็บ ชิงเหยียน!


 


ด้วยความที่ตี้จิ่วถูกฆ่าตายไปวันก่อน วันนี้สีหน้าอารมณ์ของมันจึงมิค่อยจะสู้ดีสักเท่าไร…


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่งพอมันได้เห็นหน้าต้วนหลิงเทียน สีหน้าท่าทางของมันเผยความไม่เป็นมิตรออกมาชัดเจน! แววตายังเผยจิตสังหารเย็นเยียบ ราวกับคิดลงมือสังหารต้วนหลิงเทียนให้ตายลงตรงนี้ล้างแค้นให้ตี้จิ่ว!!


 


อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วมันก็ทำได้แค่อดทนกล้ำกลืน…


 


“อาวุโสชิงเหยียน สระชำระมังกร ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์มังกรนั้น หากพวกข้าคิดไปชมดูด้วย ไม่ควรมีปัญหาอันใดใช่หรือไม่?”


 


เมื่อต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆออกมาจากบ้าน ด้านคนของตลาดมืดหยินชานก็ออกมาด้วยเช่นกัน เฝิงปู่อี้ รองผู้นำตลาดมืดหยินชานยังกล่าวถามออกมาทันที


 


“ไม่มีปัญหาอันใด”


 


ชิงเหยียนคล้ายจ่ะล่วงรู้แต่แรกแล้วว่าคนของตลาดมืดหยินชานยังไม่ได้จากไปไหน จึงไม่ได้แปลกใจอะไรเมื่อเห็นเฝิงปู่อี้ถามเรื่องนี้ออกมา เพียงพยักหน้าตอบไป


 


เหตุผลที่มันเห็นด้วยอย่างรวดเร็วนั้น เพราะผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรกำชับเรื่องนี้เอาไว้แต่แรกแล้ว


 



 


หลังจากนั้นภายใต้การนำของชิงเหยียน ต้วนหลิงเทียนก็ได้พบตี้ชานอีกครั้ง และตอนนี้เขาก็ได้เข้ามาถึงส่วนลึกของรังมังกร เบื้องหน้าเป็นหุบเขาแห่งหนึ่ง


 


ทางเข้าสู่หุบเขานั้นแคบนัก หากทว่าเมื่อผ่านพ้นไปแล้วด้านในเสมือนเป็นโลกอีกใบ…


 


มองไป ณ ส่วนลึกขอบหุบเขา ปรากฏประตูมหึมาลอยล่องอยู่กลางอากาศ ประตูดังกล่าวปิดผนึกแน่นหนา ไม่ทราบว่าเป็นประตูที่นำไปสู่แห่งหนใดกันแน่…


 


ประตูนี้นับว่าเป็นประตูที่วิจิตรงดงามนัก มันมีบานประตู 2 บาน แต่ละบานมีสลักประตูแตกต่างกัน ด้านซ้ายเป็นรูปทรงกลม ส่วนบานขวาเป็นรูปเสี้ยวจันทร์ แลดูแปลกประหลาดลูกตานัก


 


ประตูนี้ไม่ทราบทำจากวัตถุลี้ลับอันใดกันแน่ หากแต่แผ่ความรู้สึกกดดันบีบคั้นออกมาประการหนึ่ง ยังคล้ายมีกลิ่นอายโบราณแผ่ซ่านออกมา…พาลให้บรรยากาศโดยรอบกลับกลายเป็นลี้ลับ ราวกับประตูบานนี้มันดำรงอยู่ข้ามกาลเวลามาแสนนาน


 


“นี่คือประตูที่จักนำไปสู่สระชำระมังกร…”


 


ด้วยมีผู้อาวุโสทั้งตี้ชานนำมา ทั้งหมดก็เดินมาถึงประตูเข้าสระชำระมังกรในที่สุด และเป็นตี้ชานที่กล่าวออกทำลายความเงียบ แนะนำประตูที่ลอยล่องอยู่ในอากาศเสียงเรียบ


 


ต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินก็หันไปมองสำรวจประตูดังกล่าวทันที


 


มองไปสักพักก็พบว่าประตูประหลาดนั่นกลับลอยล่องอยู่กลางหาวจริงๆ ซ้ายขวาหน้าหลังไร้สายโซ่อะไรโยงใย อีกทั้งเมื่อพินิจจากสภาพแวดล้อมโดยรอบ เขาก็สัมผัสได้ว่ามันไม่ใช่ภาพลวงตาแต่อย่างใด!


 


ดูเหมือนประตูบานนี้จะถูกฝังไว้ในความว่างเปล่าอย่างแนบแน่นไม่ร่วงหล่น ให้ความรู้สึกลี้ลับสุดหยั่งยากหาใดเทียบ


 


“สระชำระมังกรอยู่หลังประตูบานนี้งั้นเหรอ?”


 


ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้สึกสนใจกว่าใคร ในใจยังเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะเข้าไป เพราะเขาคือคนที่จะเข้าไปในนั้น!


 


ความไม่รู้ทำให้เขาบังเกิดความอยากรู้อยากเห็น แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ทำให้หวาดกลัวด้วยเช่นกัน


 


สรุปแล้วอารมณ์ของต้วนหลิงเทียนตอนนี้ เรียกว่าซับซ้อนนัก…


 


“จ้าวตำหนักน้อย…”


 


ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่สายตาของตี้ชานมาหยุดลงบนร่างต้วนหลิงเทียน มันกล่าวออกมาอย่างใจเย็น “เท่าที่ข้าจำได้ ไม่มีเผ่าพันธุ์อื่นใดนอกเหนือจากเผ่าพันธุ์มังกรของเราเข้าใช้สระชำระมังกรมาก่อน…เช่นนั้นข้าขอบอกท่านได้คำเดียว…ว่าข้ามิรู้ว่าจะเกิดอันใดขึ้นกับท่านหากเข้าไป”


 


“เช่นนั้นหากท่านตัดสินใจที่จะเข้าไปด้านในจริงๆ ท่านจักต้องแบกรับผลทั้งหมดที่จะตามมาด้วยตัวท่านเอง…ต่อให้ท่านจะตายอยู่ด้านในนั้น ก็ไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์มังกรของพวกเรา…”


 


วาจาท้ายประโยคท้ายของตี้ชาน ยามกล่าวน้ำเสียงยังเน้นหนักขึ้นเป็นพิเศษ


 


อย่างไรก็ตามคำพูดนี้ไม่ใช่เพราะมันคิดข่มขู่ต้วนหลิงเทียนแต่อย่างใด มันแค่เลือกจะกล่าวบอกความจริงออกมา


 


“ผู้นำตี้ชาน…ท่านคิดขู่ให้ข้ากลัวจนไม่กล้าเข้าไปงั้นหรือ?”


 


ต้วนหลิงเทียนอึ้งไปไม่น้อยกับคำกล่าวของตี้ชาน พอดึงสติกลับมาได้ค่อยหยีตากล่าวถามออกเสียงเรียบ


 


“ข้ามิได้คิดข่มขู่ท่าน ข้าเพียงกล่าวบอกตามความสัตย์จริง! จักเกิดอันใดขึ้นกับมนุษย์หากเข้าไปใช้สระชำระมังกร…ข้ามิรู้จริงๆ”


 


ตี้ชานส่ายหน้าไปมา ค่อยกล่าวตอบด้วยสีหน้าจริงจัง


 


“แน่นอนว่าหากท่านยืนยันที่จะเข้าไปข้าก็มิคิดขัดขวาง…สุดท้ายแล้ว ‘สัญญา 5 ปี’ ก็เป็นท่านที่มีชัย!”


 


กล่าวถึง ‘สัญญา 5 ปี’ ขึ้นมาอีกครั้งแบบนี้ ตี้ชานอดไม่ได้ที่จะเผยอาการปวดตับออกมา


 


มันไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าตี้จิ่วที่มันยืนกรานรักษาชีวิตไว้เมื่อ 5 ปีก่อน สุดท้ายกลับต้องมาตกตายไปแบบนี้…


 


ยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่ตี้จิ่วจะตกตายไปอย่างเดียว กระทั่งเผาพันธุ์มังกรยังเสียโอกาสในการเข้าใช้สระชำระมังกรที่จะเปิดออกทุกๆ 5,000 ปีไปอีกด้วย…


 


เหตุผลของความสูญเสียครั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมัน อีกส่วนหนึ่งกลับเป็นเพราะบุรุษหนุ่มเบื้องหน้า…


 


บุรุษหนุ่มผู้นี้คือผู้ที่สังหารตี้จิ่ว และเป็นผู้ชนะ ‘สัญญา 5 ปี’


 


“ในเมื่อมาถึงที่แล้ว ก็ต้องลองเข้าไปดูสักตั้ง!”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาตรงๆ หลังได้ยินคำเตือนตี้ชาน


 


ตี้ชานพยักหน้ารับคำและไม่คิดกล่าวอะไรกับต้วนหลิงเทียนอีก เพียงหันไปมองต้วนหรูเฟิง พูดว่า “จ้าวตำหนักต้วน ท่านนำกุญแจจันทราที่ท่านพกเอาไว้ออกมาเถอะ พวกเราจะเปิดสระชำระมังกรด้วยกัน…นอกจากนี้ข้าขอบอกต่อท่านอีกครั้ง ว่าหากเกิดอันใดขึ้นกับจ้าวตำหนักน้อยด้านใน…ล้วนมิเกี่ยวอันใดกับเผ่าพันธุ์มังกรของพวกเรา!”


 


“อะไร? ผู้นำตี้ชานคิดว่าข้าเป็นคนไร้เหตุผลงั้นเหรอ?”


 


ต้วนหรูเฟิงย้อนถาม


 


ขณะเดียวกัน เหนือฝ่ามือพลันปรากฏบางสิ่ง มันคือกุญแจจันทราที่ต้วนหรูเฟิงยึดจากตี้ชานเมื่อ 5 ปีที่แล้ว


 


ส่วนตี้ชานเก็บ กุญแจตะวัน ไว้กับตัว


 


มีเพียงใช้กุญแจตะวันและกุญแจจันทราพร้อมกันทั้ง 2 ดอกเท่านั้น ถึงจะเปิด ‘ประตู’ ที่จะนำไปสู่สระชำระมังกรได้


 


‘ร่องลึกทรงกลมกับรู้เสี้ยวจันทร์บริเวณสลักประตูแต่ละบาน เป็นช่องเอาไว้ใส่กุญแจทั้ง 2 นั่นสินะ…’


 


เมื่อเห็นร่องลึก บนสลักประตูทั้ง 2 บานที่ลอยล่องอยู่กลางอากาศ ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ


 


และปรากฏว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้เดาผิดอะไร


 


ต้วนหรูเฟิงกับตี้ชานต่างหันหน้าเข้าหาประตู ก่อนที่จะปล่อยกุญแจทั้ง 2 ดอกออกจากมือพร้อมกัน ใช้พลังหยิบยกไร้สภาพควบคุมกุญแจทั้ง 2 ควบคุมกุญแจให้ลอยไปลงร่องดังกล่าว


 


ทันใดนั้นไม่เพียงแต่ต้วนหลิงเทียน กู่ลี่ และกู่มี่เท่านั้น แต่คนทั้ง 3 ของตลาดมืดหยินชานไม่เว้นตูกูก็จับจ้องมองไปยังประตูกลางอากาศตาเขม็ง


 


และภายใต้สายตาที่จับจ้องมองไปของทุกคน กุญแจตะวันและจันทรา กลับเปล่งพลังลี้ลับไร้สภาพออกมาขุมหนึ่ง ปกคลุมไปทั่วประตู!


 


หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งบานประตูยิ่งมายิ่งส่องแสงสว่างเจิดจ้า มองไปคล้ายตะวันดวงหนึ่งกำลังสาดแสงแรงกล้า พาลให้ทุกคนจำต้องหลับตาลงอย่างไม่รู้ตัว


 


ครืนนน!!


 


ทันใดนั้นบังเกิดเสียงหนึ่งดังขึ้น…


 


ด้วยเสียงที่ดังขึ้นนี้ แสงสว่างปานดวงตะวันที่สาดส่องออกมาเจิดจ้าจนทุกคนจำต้องหยีตาก็ค่อยๆจางลง ฉากเรื่องราวพลันปรากฏสู่สายตาผู้คนอีกครั้ง บานประตูทั้ง 2 ค่อยๆเปิดออกช้าๆ!


 


ปึงงงง!!


 


ไม่นานประตูทั้ง 2 บานก็เปิดอ้าออกสุด!


 


ทันทีที่ประตูเปิดออกจนสุดทุกผู้คนรวมถึงต้วนหลิงเทียนก็พยายามจ้องมองเข้าไปในประตู ด้วยอยากรู้ว่าจะมีสิ่งใดอยู่ด้านหลังประตูลึกลับบานนี้กันแน่


 


น่าเสียดาย หลังจากนั้นไม่ทันไรต้วนหลิงเทียนกับทุกคนก็จำต้องเผยความผิดหวังออกมาบนใบหน้า


 


นั่นเพราะหลังจากที่ประตูเปิดอ้าออกสุด กลับไร้ซึ่งสิ่งใด มีเพียงม่านพลังโปร่งแสงหนึ่งที่เกิดจากพลังลี้ลับบางประการฉาบกั้นเอาไว้เท่านั้น…


 


ในสายตาของทุกคนม่านพลังโปร่งแสงที่ว่าคล้ายฝ้ากระดาษบางๆพอให้แสงลอดผ่าน เมื่อเพ่งมองไปให้ดีก็เห็นแค่ทิวทัศน์หุบเขาแห่งนี้เท่านั้น


 


“จากทฤษฎีแล้วสมควรมิมีกำหนดเวลาเข้าใช้สระชำระมังกร…หากถึงเวลาปิดตัว ค่ายกลในสระชำระมังกรจักส่งตัวท่านออกมาเอง”


 


ตี้ชานมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียน


 


ในฐานะผู้นำของเผ่าพันธุ์มังกรแม้มันจะเศร้าเสียใจกับการตายของตี้จิ่วเพียงใด แต่มันก็ทำได้แค่เลิกราปล่อยมือแต่เพียงเท่านี้…


 


และเมื่อมันเป็นฝ่ายแพ้พ่ายใน ‘สัญญา 5 ปี’  เป็นธรรมดาที่มันจะต้องมอบโอกาสเข้า ‘สระชำระมังกร’ ให้แก่นายน้อยตำหนักเมฆาคราม…


 


“อืม”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ ในแววตาเผยประกายชื่นชมตี้ชานเล็กน้อย ที่ยังสามารถกล่าวกับเขาอย่างใจเย็นได้แบบนี้


 


อย่างน้อยๆหลังจากที่เขาลองถามตัวเองดูแล้ว ว่าหากเขาเป็นตี้ชาน ตอนเขาต้องเผชิญหน้ากับคนที่บีบคอ ‘เผ่าพันธุ์มังกร’ ด้วยการสังหารตี้จิ่วมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บตกตายและชิงสิทธิ์เข้าสระชำระมังกรไปแบบนี้ เขาจะยังใจเย็นอยู่ได้แบบนี้หรือไม่…ตอบได้เลยว่าไม่!


 


“ท่านพ่อ ข้าเข้าไปก่อนนะ”


 


ต้วนหลิงเทียนหันไปบอกต้วนหรูเฟิง


 


“ระวังตัวด้วย”


 


ต้วนหรูเฟิงพยักหน้ารับ พอนึกถึงคำเตือนของตี้ชานก็อดกล่าวออกไปไม่ได้


 


“ผ่อนคลาย”


 


ต้วนหรูเฟิงกล่าวเตือนมา ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่พยักหน้ารับคำทั้งกล่าวตอบด้วยสีหน้ามั่นใจ หลังจากนั้นก็หันไปพยักหน้าให้กู่ลี่กับกู่มี่ ก่อนที่ร่างคนจะแปรเปลี่ยนไปคล้ายอัสนีบาตสายหนึ่ง พุ่งไปยังประตูสู่สระชำระมังกร


 


และภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน ร่างต้วนหลิงเทียนก็ชนเข้ากับม่านพลังโปร่งแสงที่เกิดขึ้นจากพลังลี้ลับประการหนึ่ง


 


หลังจากนั้นคนทั้งคนก็คล้ายจะถูกม่านพลังดังกล่าวดูดกลืนเข้าไป หายลับไปต่อหน้าต่อตา


 


ต้วนหลิงเทียนเข้าสู่ สระชำระมังกรเรียบร้อยแล้ว…


 


“จ้าวตำหนักต้วน…”


 


และในขณะนั้นเองผู้นำตลาดมืดหยินชาน ตู้กู ที่ติดตามเข้ามายังหุบเขาทั้งชมดูเรื่องราวอย่างเงียบงันมาตั้งแต่ต้น ก็หันไปมองต้วนหรูเฟิงถามว่า “ท่านปล่อยให้บุตรชายเข้าสู่สระชำระมังกรเช่นนี้…ที่แท้ท่านล่วงรู้ความลับอันใดในสระชำระมังกรมากันแน่?”


ตอนที่ 1,867 : มังกรเทพยาดา 8 กรงเล็บ!


 


“ผู้นำตู้กู ที่เจ้ารั้งอยู่เพียงเพราะคิดถามเรื่องนี้?”


 


เผชิญกับคำถามของอริเก่า ต้วนหรูเฟิงเพียงหยีตากล่าวออกไปเสียงเบา “เจ้าก็มิใช่ว่าได้ยินคำของผู้นำตี้ชานแล้วหรือไร กระทั่งผู้นำตี้ยังมิรู้ด้วยซ้ำว่ามนุษย์เข้าสระชำระมังกรแล้วผลจะเป็นอย่างไร…แล้วเจ้าคิดว่าข้าจะรู้งั้นหรือ?”


 


“โฮ่ หากท่านไม่รู้ยังจะปล่อยให้บุตรชายไปเสี่ยงอีกรึ?”


 


ตู้กูมองเพ่งต้วนหรูเฟิงทั้งจี้ถาม


 


ได้ยินคำถามของตู้กู ตี้ชานเองก็อดไม่ได้ที่จะมองต้วนหรูเฟิง แววตายังเผยความสงสัยออกมา


 


ถูก มันเป็นถึงผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรแต่กลับไม่รู้เลยว่าหากมนุษย์เข้าใช้สระชำระมังกรแล้วจะเป็นอย่างไร


 


อย่างที่ผู้นำตู้กูกล่าวถาม ไฉนจ้าวตำหนักเมฆาครามถึงยินยอมให้บุตรเข้าไปเสี่ยงแบบนี้…หากไม่ล่วงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับมนุษย์เมื่อเข้าใช้สระชำระมังกร?


 


“ตู้กู จะอย่างไรเจ้าก็เป็นถึงผู้นำตลาดมืดหยินชาน หรือไม่เคยได้ยินคำว่า โชคเป็นของผู้กล้า วาสนาเป็นของผู้ที่พร้อมฉกฉวย? สระชำระมังกรเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์มังกร ทั้งยังช่วยหนุนเสริมให้คนเผ่าพันธุ์มังกรก้าวหน้าขึ้นด้วยความเร็วอัศจรรย์ เรื่องนี้ข้าเชื่อว่าเจ้าเองก็รู้ดี และนี่สมควรเป็นวาสนาหนึ่งของบุตรชายข้า…หากเขาสามารถทนรับมันได้โดยมิเกิดเรื่อง”


 


ต้วนหรูเฟิงกล่าวออกอย่างไม่รีบไม่ร้อน


 


แน่นอนว่ามันไม่ได้กล่าวถึงเรื่องสำคัญ และมันก็ไม่อาจปริปากกล่าวออกมาได้


 


เรื่องที่ว่าก็คือ…


 


เรื่องเข้าสระชำระมังกรนั้น แต่ไหนแต่ไรล้วนแล้วแต่เป็นประสงค์ของผู้เฒ่าพยากรณ์ทั้งสิ้น!


 


และมันก็เชื่อมั่นในตัวผู้เฒ่าพยากรณ์


 


โชคเป็นของผู้กล้า?


 


แม้วาจาของต้วนหรูเฟิงจะค่อนข้างถือดีไปบ้าง หากแต่ตี้กูและตี้ชานสามารถรับรู้ได้ว่าต้วนหรูเฟิงไม่คิดกล่าวความจริง เช่นนั้นพวกมันก็ไม่คิดจะหาความอะไรอีก


 


เพราะพวกมันต่างรู้ดี ต่อให้ถามไปก็คงไม่ได้คำตอบอะไร


 


“ผู้นำตี้ชาน หลายวันมานี้รบกวนท่านมากแล้ว ขอลา”


 


ตู้กูเมื่อรู้ว่าคำตอบที่ต้องการคงไม่ได้ยิน ก็ไม่คิดรั้งอยู่สืบไป หลังกล่าวคำอำลาตี้ชาน มันก็จากไปพร้อมเฝิงปู่อี้และจงฉีชานทันที


 


ครู่ต่อมาภายในหุบเขาแห่งนี้ก็เหลือแต่ตี้ชานและอาวุโสเผ่าพันธุ์มังกร กับพวกต้วนหรูเฟิง…


 


รวมถึงประตูลึกลับที่ลอยล่องในความว่างเปล่า


 


ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น หลังจากที่เข้าประตูสู่สระชำระมังกรมา ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเสมือนร่างกายจมดิ่งลงในน้ำลึก และกลังจากนั้นร่างกายเขาก็ไม่มีอยู่อีกต่อไป


 


เพราะทันทีที่ร่างผ่านประตูอันมีม่านพลังพพิสดารนั่น ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเสมือนวิญญาณถูกตัดขาดออกจากร่างกาย


 


คิดควบคุมร่างกายเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล!


 


กระทั่งคิดสัมผัสตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอยด้วยสำนึกเทวะอะไรยังไม่อาจกระทำได้


 


ตอนนี้ราวกับที่ยังหลงเหลืออยู่มีเพียงสำนึกสติเท่านั้น เขารู้สึกเหมือนติดแหง็กอยู่ในห้วงประหลาด!


 


ตอนแรกต้วนหลิงเทียนก็ไม่กังวลสักเท่าไหร่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็เริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมา


 


‘นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? นี่น่ะเหรอสระชำระมังกร ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์มังกร? ทำไมมันถึงแปลกประหลาดแบบนี้?’


 


‘คงไม่ใช่ว่า…ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรตี้ชานนั่นมันโกหกพวกเราหรอกนะ?’


 


ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะคาดเดา


 


อย่างไรก็ตามความคิดดังกล่าวถูกเขาปัดตกไปแทบจะทันที เพราะรู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้


 


จากระดับของเผ่าพันธุ์มังกรในภูมิภาคเบื้องล่าง พวกมันไม่มีวันสร้างประตูสู่สระชำระมังกรปลอมได้หรอก เห็นได้ชัดว่าผู้ที่สร้างประตูลี้ลับ สมควรเป็นตัวตนที่ทรงพลังนัก


 


ตัวตนระดับนี้สมควรมีอยู่แต่ในภูมิภาคเบื้องบนหรือแดนสวรรค์เท่านั้น!


 


ด้วยหลงเหลือแต่สำนึกสติเช่นนี้ นอกจากจะหวนนึกถึงเรื่องราวในความทรงจำและครุ่นคิดแล้ว เขาก็ไม่อาจทำอะไรได้อีก


 


ต้วนหลิงเทียนไม่รู้เลยจริงๆว่าตอนนี้เขาตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหนกันแน่ ยิ่งไม่รู้ว่าใช่เขาอยู่ในสระชำระมังกรแน่หรือไม่…


 


เพราะอย่างไรเสียสระชำระมังกรก็ไม่ใช่สถานที่ๆเขาเคยเข้ามาก่อน


 


ยิ่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้างหลังประตูนั่นคืออะไร แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับเขาหลังจากที่ตัวเขาลอดผ่านประตูมาแล้วกันแน่


 


‘นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?’


 


ยิ่งผ่านไปนานเท่าไหร่ ต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น


 


เขาหลงเหลือแต่สำนึกสติ ทำได้เพียงครุ่นคิดไตร่ตรอง ไม่อาจควบคุมร่างกายหรือกระทั่งสำนึกเทวะได้เลย


 


อันที่จริงเขากระทั่งไม่อาจสัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของร่างกายด้วยซ้ำ!


 


ไม่ทราบว่าเวลามันผ่านไปนานเท่าไหร่กันแน่ หากแต่ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนหงุดหงิดหัวเสียถึงขีดสุด คล้ายกำลังจะบ้าเต็มที ‘นี่มันสถานที่ผีสางอะไรกัน? สระชำระมังกร?! ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์มังกรนี่ที่แท้มันอะไรกันแน่?’


 


หลังจากที่หงุดหงิดหัวเสียจนตะโกนด่าในใจไปพักหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆสงบสติลงอีกครั้ง


 


เขารู้ดีว่าตอนนี้หัวร้อนอะไรไปก็ไร้ประโยชน์ และทันทีที่สงบอารมณ์ลงได้เขาก็นึกถึงต้วนหรูเฟิงและคนอื่นๆที่กำลังรอคอยอยู่ข้างนอกขึ้นมา ‘ข้าไม่รู้ว่านี่มันผ่านไปนานแค่ไหนกันแน่…ท่านพ่อกับพี่กู่ตอนนี้ไม่รู้กำลังกังวลกันแค่ไหน’


 


หลังจากนั้นความคิดของต้วนหลิงเทียนก็เริ่มล่องลอยไปไกล คิดถึงมารดาอย่างลี่หลัวและคู่หมั้นอย่างลี่เฟย ร่างน้อยๆของต้วนเนี่ยนเทียนบุตรชายยังผุดขึ้นในใจ


 


จากนั้นก็คิดถึงเค่อเอ๋อและเฟิ่งเทียนหวู่


 


……


 


‘การปะทะกับตี้จิ่วเมื่อวาน นับว่าปฐมเวทย์กลืนกินช่วยได้มากจริงๆ’


 


ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ความคิดของต้วนหลิงเทียนกลับล่องลอยไปถึงตอนที่ต่อสู้กับตี้จิ่ว


 


เหตุผลที่ทำให้เขาสามารถสังหารตี้จิ่วลงได้อย่างง่ายดายนั้น เป็นเพราะผลกระทบของเวทย์พลังที่สืบทอดกันมาในเผ่าพันธุ์มังกร อย่างร่างมังกรคุ้มคลั่ง!


 


เรียกว่าสาเหตุการตายของตี้จิ่ว เป็นเพราะเวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่งล้วนๆ!


 


เวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่งที่สืบทอดต่อกันมาในเผ่าพันธุ์มังกรนี้ คือเวทย์พลังที่สามารถยกระดับพลังฝึกปรือของผู้ใช้ให้สูงขึ้นชั่วระยะเวลาหนึ่ง!


 


หากแต่เมื่อระยะเวลาใช้งานหมดสิ้นลง ไม่เพียงระดับพลังฝึกปรือของผู้ใช้จะตกฮวบลงมาเหลือเท่าเดิม กระทั่งยังถดถอยลงไปก้าวใหญ่!


 


เช่นเดียวกับตี้จิ่วเมื่อวันก่อน พลังฝึกปรือของมันในสภาวะอ่อนแอกลับตกฮวบลงไปเหลือแค่เซียนมนุษย์ขั้นต้นเท่านั้น…


 


พอย้อนกลับมามองฝั่งต้วนหลิงเทียน แม้ปฐมเวทย์กลืนกินของเขาหมดจะระยะเวลาแสดงผล แต่มันกลับไม่มีผลกระทบอะไรตามมาทั้งสิ้น


 


ถึงปราณสุริยันแรกกำเนิดของเขาจะหวนคืนสู่สภาพปกติก่อนใช้ปฐมเวทย์กลืนกิน แต่มันก็ยังมีพลังอำนาจเทียบได้กับเซียนมนุษย์ขั้นกลาง!


 


ด้วยพลังของขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นกลาง กอปรด้วยความเร็วจากเวทย์พลังปีกอีกาทองคำ รวมถึงเซียนอมตะข้ามภพ ทั้งพลังของยอดใจกระบี่ รวมถึงพลังจากอาคมเซียนทั้ง 10 ในกระบี่ ต้วนหลิงเทียนคิดฆ่าตัวตนขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นต้นย่อมง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ!


 


เช่นนั้นแล้ววินาทีที่ตี้จิ่วตกอยู่ในสภาวะอ่อนแอพลังฝึกปรือถดถอยลงไปถึงเซียนมนุษย์ขั้นต้น ทุกคนจึงไม่แม้แต่จะทันได้ตอบสนองอันใดด้วยซ้ำ ต้วนหลิงเทียนก็ระเบิดพลังสังหารตี้จิ่วจนตกตายในชั่วพริบตา!


 


ด้วยเหตุนี้ทำให้การประลองเป็นตายเมื่อวันก่อน ต้วนหลิงเทียนยกความดีความชอบทั้งหมดให้ปฐมเวทย์กลืนกิน!


 


หากไม่ใช่เพราะปฐมเวทย์กลืนกินทำให้เขากลืนกินพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบ มาเพิ่มพูนปราณสุริยันแรกกำเนิดของเขาชั่วระยะเวลาหนึ่งแล้วล่ะก็ เขาคงยากที่จะมีพลังรบทัดเทียมได้กับขอบเขตเซียนปฐพีขั้นกลางภายใต้การใช้เวทย์พลังปีกอีกาทองคำเช่นนั้น…


 


และหากเขาไม่อาจมีพลังรบทัดเทียมกับเซียนปฐพีขั้นกลางได้ เกรงว่าคงไม่อาจหลบหลีกการโจมตีของตี้จิ่วภายใต้ภาวะคุ้มคลั่งได้เลยแม้แต่ทีเดียว!


 


ทั้งหมดทั้งมวลเรียกได้ว่าเกี่ยวโยงกับปฐมเวทย์กลืนกินทั้งสิ้น หาไม่แล้วทุกอย่างคงไม่สำเร็จราบรื่นเช่นนี้


 


แน่นอนว่าแม้คราวนี้ปฐมเวทย์กลืนกินจะเป็นพระเอก แต่ก็ไม่ใช่ว่าปีกอีกาทองคำจะไม่สำคัญ


 


ไม่อาจขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ทั้งสิ้น!


 


“ตี้จิ่ว…”


 


พอคิดถึงเรื่องที่สุดท้ายตี้จิ่วก็ตกตายภายใต้เงื้อมมือของตัว ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวในวันวาน วันที่เขาได้พบเจอกับตี้จิ่วครั้งแรก


 


ตอนนั้นในสายตาของตี้จิ่ว เขามันก็แค่มดตัวกระจ้อยที่จะเหยียบย่ำให้เละแหลกเมื่อไหร่ก็ได้ตามใจชอบ…


 


และอันที่จริงแล้ว ตอนนั้นตัวเขาก็ไม่ต่างจากมดต่อหน้าตี้จิ่วจริงๆ เพราะพลังฝึกปรือเขาเพียงอยู่ในขอบเขตสู่เซียนเท่านั้น ทว่าตี้จิ่วมันก็บรรลุถึงเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดเข้าไปแล้ว…


 


ตี้จิ่วคิดฆ่าเขา ก็ลำบากเพียงยกนิ้วหนึ่งเท่านั้น…


 


อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านไป 5 ปี เขาก็เติบโตก้าวหน้าขึ้นจนไม่ใช่แค่สามารถสู้กับตี้จิ่วได้ทัดเทียม กระทั่งยังฆ่ามันได้!


 


พอคิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะลอบทอดถอนในใจ ‘เกรงว่าตี้จิ่วนั่นมันคงไม่คิดคาดว่าสุดท้ายจะต้องตายด้วยน้ำมือข้า…เมื่อ 5 ปีก่อนข้าเป็นแค่มดในสายตามัน แต่ 5 ปีต่อมากลับเป็นข้าที่สวดส่งวิญญาณมันลงนรก’


 


‘อย่างไรเสียตี้ชานผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนนั้น ช่างเป็นคนที่สามารถปล่อยวางเรื่องราวได้ดีจริงๆ…ตอนแรกหลงคิดว่าหลังฆ่าตี้จิ่วตายมันจะอาละวาดสร้างปัญหาให้ข้ากับท่านพ่อเสียอีก ไม่คิดเลยว่ากลับให้ความร่วมมือด้วยดี…สมควรมีเหตุผลบางประการให้มันกริ่งเกรงสินะ’


 


ความคิดของต้วนหลิงเทียนล่องลอยไปเรื่อยๆ…


 


สุดท้ายเขาก็ไม่รู้แล้วว่าจะคิดเรื่องอะไรต่อไป


 


ในโลกที่คงเหลือแต่สำนึกสตินั้น เขาไม่อาจแลเห็นสิ่งใด ไม่อาจได้ยิน กระทั่งไม่อาจรับรู้แม้แต่การคงอยู่ของร่างกาย ยิ่งเวลาผ่านไปนานเข้า ยังอดคิดไปไม่ได้ว่าเขาใกล้เสียสติแล้วหรือไม่


 


อย่างไรก็ตามในชีวิตที่แล้วของต้วนหลิงเทียน หลังปลดระวางจากหน่วยรบพิเศษเขี้ยวหมาป่า ก็ได้ผันตัวไปเป็นทหารรับจ้างระดับพระกาฬ สุดท้ายก็ได้เป็นถึงราชันทหารรับจ้างของโลก บางภารกิจเขาจำเป็นต้องซุ่มซ่อนตัวในที่มืดเพียงลำพังเป็นเวลานานนับเดือน!


 


หากเป็นคนธรรมดาเกรงว่าคงได้มีอาการทางจิตกันบ้าง!


 


และด้วยประสบการณ์ในตอนนั้น ทำให้ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนแม้คิดว่าตัวเองใกล้บ้าเต็มที แต่สติเขายังแจ่มใสครบถ้วน สามารถทนทานรับเรื่องราวผิดแปลกไม่เข้าใจนี้ได้อย่างสงบ…


 


‘ท่าทางคนของเผ่าพันธุ์มังกรที่เข้ามาในสระชำระมังกรคงไม่มีประสบการณ์แบบเดียวกับข้า…ไม่งั้นพวกมันคงยากที่จะออจากสระชำระมังกรได้อย่างราบรื่น! คนธรรมดาทั่วไปใครมันจะทนตกอยู่ในสภาพนี้ได้กัน…’


 


ต้วนหลิงเทียนค่อนข้างมั่นใจเกี่ยวกับเรื่องนี้


 


เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าต้วนหลิงเทียนก็เริ่มสงบจิตใจลง กระทั่งสุดท้ายใจก็เป็นดั่งบ่อน้ำโบราณลึกเยียบเย็น สงบนิ่งจนไร้ใดกระเพื่อมไหว


 


ตอนแรกที่เข้ามาแม้จะสงบใจได้แต่ยังไม่อาจบรรลุถึงความนิ่งขนาดนี้


 


“สมแล้วที่เป็นผู้สืบทอดหนึ่งเดียวของเซียนกระบี่ฟงหยาง ทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 หมอกพิรุณ แห่ง 7 ทวาราเที่ยงแท้…มนุษย์น้อยเจ้าได้ผ่านการทดสอบของข้าแล้ว ข้าจักปฏิบัติตามคำสัญญาที่ข้าเคยให้ไว้กับฟงชิงหยาง ทำให้เจ้าบรรลุถึงมังกรแปลง!”


 


หลังสำนึกสติต้วนหลิงเทียนสงบนิ่งดั่งบ่อน้ำโบราณลึกเยียบเย็นได้ไม่กี่วัน เสียงหนึ่งก็ดังก้องในใจ ยังเป็นสุรเสียงอันน่าเกรงขามเปี่ยมล้นไปด้วยพลังอันน่าพรั่นพรึงประการหนึ่ง


 


เสียงนี้ทำให้ต้วนหลิงเทียนตื่นตัวขึ้นมาทันใด ขณะเดียวกันใจยังลอบยินดีปรีดานัก!


 


นั่นเพราะต้วนหลิงเทียนพบว่าในที่สุดเขาก็สัมผัสได้ถึงร่างกายของตัวเองแล้ว!


 


ไม่เพียงเท่านั้นสำนึกเทวะของเขายังหวนคืนกลับมาเรียบร้อย!


 


ตอนนี้คิดแผ่สำนึกเทวะไปสัมผัสรอบๆก็สายไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนเพียงลืมตาหันมองไปยังทิศทางอันเป็นแหล่งกำเนิดเสียงตามสัญชาตญาณทันที


 


พบเห็นเป็นเงาร่างขนาดมหึมา ลอยล่องเหนือทะเลสาบสงบร่างหนึ่ง เป็นมังกรเทพยาดาตัวหนึ่ง! หากแต่ขนาดตัวของมันนั้นใหญ่โตมหึมานัก ไม่ต่างใดจากแนวเขาที่ทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตา!!


 


ต่อหน้ามังกรเทพยาดาตัวนี้ ร่างที่แท้จริงของตี้จิ่วไม่คู่ควรให้กล่าวถึง!


 


ร่างจริงของตี้จิ่วเต็มที่ก็แค่ไม่กี่ร้อยหมี่ ไม่แม้จะถึง 1 ลี้ด้วยซ้ำ!


 


ทว่าร่างมังกรเทพยาดาเบื้องหน้าอย่างต่ำๆก็มี 10 ลี้!!


 


มังกรเทพยาดาตัวนี้ยังแผ่อำนาจบารมีออกมา เพาะสร้างเป็นแรงกดดันอันน่าเกรงขามขุมหนึ่ง ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกกดดันอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก


 


‘กรงเล็บของมังกรเทพยาดาตัวนี้…ปะ แปดกรงเล็บ!!’


 


ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ค้นพบว่า กรงเล็บของมังกรเทพยาดาตัวเขื่องเบื้องหน้านั้น กลับมีถึง 8 กรงเล็บ! แต่ละมือแต่ละเท้าล้วนมี 8 กรงเล็บไม่ผิดแน่!!


 


มังกรเทพยาดา 8 กรงเล็บ!!


 


“ซูด…”


 


จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความตื่นตระหนก


 


เรียกว่าตอนนี้ลมหายใจของเขาถึงกับขาดห้วงไปแล้ว…

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)