War sovereign Soaring The Heavens 1856-1863
ตอนที่ 1,856 : พบพานอริ!
ส่วนจงฉีชานนั้น มันพึ่งเคยเจอต้วนหลิงเทียนครั้งนี้เป็นครั้งแรก!
ดังนั้นในแง่ของความตกใจจึงมีไม่เท่ากับเฝิงปู่อี้
เมื่อเห็นว่าผู้นำของตัวไม่ได้คิดจะสู้รบอะไรกับจ้าวตำหนักเมฆาคราม มันเองก็คร้านจะก่อเรื่องวุ่นวายอะไร จึงเลือกบ้านพักที่ยังว่างอยู่หลังหนึ่งแล้วเข้าไปพักอาศัยทันที
เพียงชั่วครู่ ความเงียบสงบก็หวนคืนสู่หุบเขาเล็กๆแห่งนี้อีกครั้ง
“ท่านจ้าวตำหนัก มิแคล้วผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรต้องเป็นคนต้นคิดเรื่องนี้แน่แท้ กลับให้คนของตลาดมืดหยินชานมาอยู่ร่วมกับพวกเรา! พวกเราไปหาความจากพวกมันดีหรือไม่ การกระทำครั้งนี้ของพวกมันนับว่าเกินไปแล้วจริงๆ!!”
กู่มี่กล่าวถามออกมา สีหน้าแววตาคล้ายไม่สบอารมณ์รัก
“ไม่จำเป็น”
ต้วนหรูเฟิงส่ายหัวไปมา “พวกเรามาที่นี่เพื่อบรรลุข้อตกลงนัดหมายประลอง 5 ปี ไม่ใช่หาเรื่องขัดแย้งกับเผ่าพันธุ์มังกร ตอนนี้วันสัญญาใกล้เข้ามาเต็มที เป็นการดีเสียกว่าที่พวกเราจะไม่หาปัญหาเพิ่ม แถมพวกเราก็มิใช่ว่าจะเป็นตัวโง่งมปล่อยให้พวกมันจูงจมูกได้ง่ายๆอย่างที่พวกมันต้องการ”
ถึงแม้ปากจะกล่าวออกมาแบบนี้
แต่ลึกลงไปในแววตาของต้วนหรูเฟิงก็เผยประกายเยียบเย็นนัก!
“เผ่าพันธุ์มังกร…ทำเกินไปแล้วจริงๆ…”
กู่ลี่พึมพำออกมาด้วยความไม่พอใจ
“เผ่าพันธุ์มังกร…”
ต้วนหลิงเทียนพึมพำเบาๆ สองตาทอประกายเรืองวูบ
หากบอกว่าก่อนหน้านี้เขาเพียงมีความแค้นกับตี้จิ่ว แต่ไม่ได้เหมารวมไปทั้งเผ่าพันธุ์มังกรล่ะก็…
ตอนนี้เขาพาลไม่ถูกชะตาไปทั้งเผ่าพันธุ์มังกร!
‘3 วันหลังจากนี้ ตอนถึงเวลาสัญญานัดหมายประลอง 5 ปี ข้าจะชิงสิทธิ์เข้าสระชำระมังกรอะไรนั่นมาให้ได้ คราวนี้ข้าจะคอยดูว่าไอพวกจิ้งเหลนเวรนี่มันจะทำหน้ากันยังไง…’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจอย่างเงียบงัน ความมุ่งมั่นเข้าสระชำระมังกรเพิ่มพูนขึ้นมาไม่น้อย
เวลา 3 วันสำหรับต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆนั้น ไม่ได้มากมายอะไร…
เพียงพริบตา 3 วันก็ผ่านพ้นไปแล้ว…
เมื่อต้วนหลิงเทียนเดินออกมาจากบ้านพัก เขาก็พบว่าทั้งบิดา กู่มี่ และกู่ลี่มายืนรอคอยเขาอยู่ด้านนอกแล้ว
ส่วนอีกด้านนั้น คนของตลาดมืดหยินชานนำโดยตู้กูก็ออกมารอคอยแล้วเช่นกัน ท่าทางเตรียมพร้อมออกเดินทางไปยังสถานที่ประลองเพื่อชมดูเรื่องราวสนุกสนาน
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนออกมา ตู้กูก็มองมาด้วยสายตาลึกซึ้งรอบหนึ่ง ก่อนที่จะหันไปพยักหน้าให้รองผู้นำตลาดมืดหยินชานทั้ง 2 ค่อยเหินร่างนำออกไป
พวกมันพากันเหินร่างไปยังทิศตะวันออก
ยังเป็นทิศทางที่ตั้งของสถานที่จัดการประลองที่เผ่าพันธุ์มังกรเตรียมไว้
“ไปกันเถอะ!”
ต้วนหลิงเทียนที่เห็นคนนอกอย่างตู้กูออกเดินทางไปก่อน ก็ไม่คิดรั้งรออะไร หันไปชักชวนต้วนหรูเฟิงกับคนที่เหลือ ก่อนจะพากันเดินทางออกจากหุบเขาเล็กๆมุ่งไปทางทิศตะวันออกทันที
สถานที่จัดการประลอง ตามสัญญา 5 ปีนั้น เผ่าพันธุ์มังกรเลือกหุบเขาขนาใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของรังมังกร
หุบเขาดังกล่าวนั้นเป็นหุบเขาโล่งโจ้ง มองไปไม่เห็นสีเขียวใดๆ หน้าดินแลดูเละเทะพลิกคว่ำตลบไปหมด คล้ายพึ่งผ่านสงครามมาหยกๆ
สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ๆคนของเผ่าพันธุ์มังกรมักมาประลองฝีมือกัน
ถึงแม้จะเป็นแค่การประลองหากแต่พลังฝึกปรือของผู้ลงประลองก็มิใช่ชั่ว เพียงลูกหลงจากการประลองก็ซัดทำลายที่ทางให้วินาศสันตะโรได้ไม่ไม่ยาก
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าไฉนหุบเขาแห่งนี้จึงไร้ซึ่งความขจีใดๆ เพราะมันมักถูกพลังซัดทำลายอยู่บ่อยๆ หากมีพืชพรรณใดๆสิคงแปลก!
“คนเยอะขนาดนี้เชียว…”
เมื่อต้วนหลิงเทียนและคนในกลุ่มเดินทางมาถึงก็อดตกใจเสียไม่ได้ เพราะในหุบเขาแห่งนี้มีคนมาเหินร่างรอคอยบริเวณขอบๆชิดผาหุบเขากันไม่น้อย!
คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนของเผ่าพันธุ์มังกร
ส่วนคนอื่นๆที่เหลือ ล้วนเป็นคนที่ได้ยินเรื่อง สัญญานัดหมายประลอง 5 ปีทั้งสิ้น โดยมากแล้วจะเป็นขุมพลังกึ่งชั้น 3 ทั้งสิ้น
ต่างจากตลาดมิดหยินชานและตำหนักเมฆาคราม คนของขุมพลังกึ่งชั้น 3 ที่มาชมดูนั้น ไม่ได้ถูกชนชั้นผู้นำพามาแต่อย่างไร
“ยินดีที่ได้พบ ท่านจ้าวตำหนักต้วน!”
ด้วยเหตุนี้ยามพวกมันพบเจอต้วนหรูเฟิง แต่ละคนจึงโค้งคารวะทักทายด้วยความสุภาพ
ขณะเดียวกันพวกมันก็ชะเง้อมองไปยังด้านหลังของต้วนหรูเฟิง…ต่างพยายามมองหาว่าใครคือต้วนหลิงเทียน!
และทันทีที่เห็นชายหนุ่มซึ่งมีรูปร่างหน้าตาละม้ายคล้ายต้วนหรูเฟิงหลายส่วน ทั้งหมดก็มั่นใจได้แทบจะทันทีว่านี่คือบุตรชายของต้วนหรูเฟิง ต้วนหลิงเทียนแน่นอน!
“ที่แท้เป็นเขา!!”
ทันใดนั้นเอง มีหลายคนที่นึกถึงภาพเหมือนที่เคยได้มาเมื่อหลายปีก่อน
คนในรูปเหมือนนั้นหน้าตาเหมือนกันกับ ต้วนหลิงเทียน นายน้อยตำหนักเมฆาครามยังกับแกะ !
และบุคคลในภาพเหมือนก็ยังเรียกว่าต้วนหลิงเทียน…ผู้โชคดีที่ได้รับตราผนึกมาร 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนไปครอบครองเช่นกัน!!
ทว่าพอยอดฝีมือในภูมิภาคเบื้องล่างระดมกำลังกันออกตามหา และคิดช่วงชิงตราผนึกมารมาครอง คนก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย…
เมื่อคนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยหลายปีพวกมันก็เริ่มลืมเลือนกันไปแล้ว
หากไม่มาเห็น ‘ตัวเป็นๆ’ อีกครั้งในวันนี้ บางทีผ่านไปอีกไม่กี่ปี พวกมันคงลืมเลือนหน้าตาคนในรูปเหมือนไปโดยสมบูรณ์
“ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินมาว่านามของนายน้อยตำหนักเมฆาครามบังเอิญเหมือนกับชายหนุ่มที้ได้รับตราผนึกมาร…ตอนนี้ดูเหมือนทั้งคู่จะเป็นคนๆเดียวกัน!”
“ไฉนฟ้าถึงลำเอียงนัก…ชายหนุ่มผู้นี้แม้ไม่ได้รับตราผนึกมารไปครอง แต่ก็มีฐานะจ้าวตำหนักน้อยแล้วแท้ๆ! นี่จะให้ผู้อื่นใช้ชีวิตอยู่กันอย่างไร?”
“พับผ่าเถอะ! ข้าไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าคนที่ได้รับตราผนึกมารในปีนั้น ที่แท้จะเป็นถึงจ้าวตำหนักน้อยของตำหนักเมฆาครามไปได้แบบนี้!”
……
หลายคนตกตะลึงกับข่าวใหญ่ที่อยู่ๆก็มาโดยไม่ทันตั้งตัวไม่น้อย ที่แท้ต้วนหลิงเทียนที่มีตราผนึกมารในครอบครอง ก็คือต้วนหลิงเทียนผู้เป็นนายน้อยตำหนักเมฆาคราม!
ส่วนต้วนหลิงเทียนที่เตรียมใจไว้แต่แรกแล้วว่าอย่างไรฐานะก็ต้องเปิดเผยออกไป ก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร
“เห็นว่าสัญญา 5 ปี วันนี้ เป็นจ้าวตำหนักเมฆาคราม กับผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรบรรลุข้อตกลงร่วมกัน…ตี้จิ่ว ว่าที่ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนต่อไป จะปะทะกับจ้าวตำหนักน้อย ต้วนหลิงเทียน!”
“ข้าได้ยินมาว่า ผู้ที่ครอบครองตราผนึกมารตอนนั้นยังไม่แม้แต่จะบรรลุถึงเซียนดั้งเดิมด้วยซ้ำ…ไม่คิดเลยว่าคนผู้นั้นจะเป็นนายน้อยตำหนักเมฆาคราม ต้วนหลิงเทียน!!”
“ตอนนั้นยังไม่บรรลุขอบเขตเซียนดั้งเดิม…แล้วตอนนี้เล่า?”
“เหอะๆ ในปีนั้นนายน้อยตำหนักเมฆาครามยังไม่แม้แต่จะบรรลุถึงเซียนดั้งเดิม แต่ได้ข่าวว่าตี้จิ่วนั่นทะลวงถึงเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดแล้วมิใช่หรือไร…ยังห่างจากเซียนปฐพีไม่กี่ก้าวด้วยซ้ำ!”
“อั้ยหยา! ให้ 2 คนนั่นมาประลองกันเช่นนี้มิใช่เรื่องน่าขำรึไร?”
“ไฉนจ้าวตำหนักเมฆาครามถึงทำสัญญาประลอง 5 ปีนี้กัน? มิใช่หาเรื่องให้บุตรชายตัวเองเจ็บตัวหรือ?”
ฯลฯ…
เสียงซุบซิบดังระงมฮึงๆไปทั่วหุบเขา ฟังจากบทสนทนาแล้วไม่มีใครดูดีต้วนหลิงเทียนเลย…
ทว่าเผชิญหน้ากับวาจาดูเบาเหล่านี้ ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจอะไรสักนิด
เขาก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ใครอยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะ…
จนกว่าเรื่องราวจะถึงบทสรุป ไม่มีใครเชื่อหรอก…
ถึงตอนนี้เขาจะกล่าววาจาอธิบายอะไรออกไป ก็ดั่งเทศนาให้บัวใต้โคลนตมฟัง ชาตินี้ทั้งชาติพวกมันก็ไม่มีวันกระจ่าง มิสู้ใช้ข้อเท็จจริงปิดปากพวกมันเสียประเสริฐกว่า!
อีกทั้งการที่คนของตลาดมืดหยินชานกับคนของตำหนักเมฆาครามปรากฏตัวไล่เลี่ยกัน ก็ยังสร้างความสนใจให้ผู้คนไม่น้อย
“จ้าวตำหนักต้วนมาเพราะเติมเต็มสัญญานัดหมายประลอง 5 ปี ข้าเข้าใจได้ไม่ยาก…ทว่าไฉนผู้นำตลาดมืดหยินชานตู้กูถึงมาด้วยเล่า นัดหมายประลอง 5 ปีวันนี้มีใดพิเศษหรือ?”
“นั่นสิพวกพวกข้ารู้ว่าผู้นำตู้กูจะมาด้วย ข้าคงบอกให้ท่านจ้าวตำหนักมาด้วยแล้ว!”
“เฮ่อ…ก่อนจะเห็นกับตา ผู้ใดจะไปคิดว่าผู้นำตู้กูจะมากันเล่า…”
…
การปรากฏตัวขึ้นของผู้นำตลาดมืดหยินชาน ตู้กู ทำให้ผู้คนที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในวันนี้ไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่ เพราะไม่มีใครอยากสุงสิงกับคนอันตรายเช่นนี้
“คงเพราะวันนี้จะอย่างไร ก็เป็นวันที่บุตรชายจ้าวตำหนักต้วนจะลงประลองกระมัง ผู้นำตู้กูในฐานะคู่ปรับจ้าวตำหนักต้วนก็คงคิดมาหาเรื่องบันเทิงใจดูชม…บางทีหากบุตรชายจ้าวตำหนักต้วนพ่ายแพ้ มันอาจจะหัวเราะเยาะอะไรก็เป็นได้”
บางคนคาดเดาออกมา หลายคนก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้ไม่น้อย
“นั่น! คนของเผ่าพันธุ์มังกรมากันแล้ว!!”
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตะโกนขึ้นมา แม้จะไม่ได้ดังอะไรมากมายแต่ทุกคนก็ได้ยินกันหมด จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อยล้วนหันขวับไปดูชม
ในขณะที่ทุกคนรวมถึงตำหนักเมฆาครามและตลาดมืดหยินชานหันไปดูชมนั้นเอง
สุดขอบฟ้าไกลตาทิศทางหนึ่ง พลันปรากฏร่าง 5 ร่างกำลังเหินมาไม่ช้าไม่เร็ว
ผู้ที่เหินนำหน้ามาเป็นชายชราในชุดคลุมสีทอง ร่างกายแลดูแข็งแกร่งให้ความรู้สึกประหนึ่งหอคอยเหล็ก!
ทันทีที่มันปรากฏตัว คนเผ่าพันธุ์มังกรทั้งหมดที่มารอคอยในหุบเขาก่อนหน้า ก็พร้อมใจกันกล่าวออกมาเป็นเสียงเดียวกัน “ท่านผู้นำ!”
ด้วยเหตุนี้ทั้งหมดจึงทราบฐานะของผู้มาได้ไม่ยาก ไม่มีใครอื่นนอกจาก ตี้ชาน ผู้นำคนปัจจุบันของเผ่าพันธุ์มังกร!
ตี้ชานเหินร่างนำมาหน้าสุด โดยมี 4 คนติดตามอยู่ด้านหลัง
เป็นชายชราอีก 2 คน สตรีชราหนึ่ง และชายวัยกลางคนอีกหนึ่ง
นับรวมผู้นำแล้ว ผู้มา 5 คนล้วนแล้วแต่เป็นมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บทั้งสิ้น!
ในฐานะผู้นำเผ่าพันธุ์มังกร ตี้ชานย่อมเป็นมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ
ชายชรา 2 คนที่อยู่ด้านหลังหนึ่งในนั้นที่สวมคลุมสีโลหิต ก็คือมังกรเทพยาดาสีชาด 5 กรงเล็บ เฉวี่ยฉาน และมันยังเป็นผู้อาวุโสคุมกฏแห่งเผ่าพันธุ์มังกรอีกด้วย
(*ตัวเดียวกับมังกรโลหิต 5 กรงเล็บที่เคยแปลนะ)
ส่วนชายชราอีกคนก็คือ ชิงเหยียน มังกรเทพยาดาสีเขียว 5 กรงเล็บ ที่มาต้อนรับขับสู้พวกต้วนหลิงเทียนตอนที่มาถึงวันแรก
ส่วนสตรีชราในชุดสีม่วงก็คือผู้ที่ออกไปต้อนรับตลาดมืดหยินชานเมื่อ 3 วันที่แล้ว มังกรเทพยาดาสีม่วง 5 กรงเล็บ สื่อชิง!
สุดท้ายชายวัยกลางคนหนึ่งเดียวคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ‘ตัวเอก’ ของวันนี้!
ตี้จิ่ว!
ตี้จิ่วก็เหมือนกันกับตี้ชาน มันเป็นมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ!
ด้วยการมาถึงของตี้ชานและคณะ ไม่เพียงคนเผ่าพันธุ์มังกรที่มารอกันในหุบเขาจะคารวะทักทายแค่ตี้ชานเท่าน้น พวกมันยังคารวะทักทายคนที่เหลือด้วย ทว่าส่วนมากเพียงคารวะทักทายแต่ผู้ชราทั้ง 4 เท่านั้น
กลับกัน ‘ตัวเอก’ ของงานวันนี้อย่างตี้จิ่ว กลับไม่มีใครคารวะทักทายมันเท่าไหร่ เพราะในสายตาของหลายๆคนในเผ่าพันธุ์
ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรมากมาย…ทั้งหมดเพราะตี้จิ่วยังเยาว์เกินไปเท่านั้น!
“ตี้จิ่ว!”
ลูกตาต้วนหลิงเทียนจับจ้องมองไปยังร่างตี้จิ่วที่อยู่ไกลตาเขม็ง ใบหน้าที่เคยสงบเฉยเมย กลับกลายเป็นเย็นยะเยือก ในลูกตายังสะท้อนประกายดุร้ายเอาเรื่อง
ตี้จิ่วก็ตระหนักถึงการจ้องมองของต้วนหลิงเทียนทันที
เมื่อเผชิญหน้ากับสองตาที่ทอประกายดุร้ายของต้วนหลิงเทียน ตี้จิ่วแสยะยิ้มพร้อมยกมือขึ้นอย่างไม่รีบไม่ร้อน ก่อนที่จะชูนิ้วโป้งและคว่ำลงไปชี้พื้นด้วยสีหน้าท่าทางยั่วยุ!
ตอนที่ 1,857 : ข้อเรียกร้องของต้วนหลิงเทียน
เจอท่าทียั่วยุของตี้จิ่วเช่นนี้ ไม่แปลกที่สีหน้าของต้วนหลิงเทียนจะเปลี่ยนไป
ในแววตายามนี้แผ่พุ่งรังสีอำมหิต เปี่ยมล้นไปด้วยจิตสังหารมืดดำ
“ผู้นำตู้กู จ้าวตำหนักต้วน”
ขณะเดียวกันนั้นเอง ตี้ชานที่นำพาทุกคนมาถึง ก็เริ่มทักทายตู้กูผู้นำตลาดมืดหยินชานกับจ้าวตำหนักเมฆาคราม ต้วนหรูเฟิงทันที
แม้ต้วนหรูเฟิงจะเป็นคนทำสัญญาประลอง 5 ปี แต่ทีท่าของมันก็ไม่ได้เผยความไม่พอใจอะไรแม้แต่น้อย
นั่นเพราะเมื่อสองสามวันก่อนมันได้รับทราบเรื่องราวประการหนึ่งจาก ชิงเหยียน…
บุตรชายของต้วนหรูเฟิง ต้วนหลิงเทียนคนนั้น…ผู้โชคดีที่มีตราผนึกมารในครอบครอง ที่แท้ยังเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตอริยะเซียน!
ผู้ฝึกตนที่ยังไม่แม้แต่จะบรรลุถึงขอบเขตเซียนมนุษย์คิดประลองกับตี้จิ่ว? ตอนที่ตี้จิ่วยังไม่บรรลุเซียนปฐพีก็นับว่าไร้หนทางสู้แล้ว จะมานับประสาอะไรกับหลังทะลวงถึงเซียนปฐพี?
เช่นนั้นในสายตาของตี้ชานและเผ่าพันธุ์มังกรทั้งหลาย สัญญานัดหมายประลอง 5 ปีของต้วนหรูเฟิง ก็เสมือนกับการหาทางลงในวันนั้นกลายๆ…
เพราะสุดท้ายแล้วต้วนหรูเฟิงก็มีเรื่องบาดหมางกับเผ่าพันธุ์มังกร
ส่วนที่ไฉนต้วนหรูเฟิงถึงได้หาทางลงด้วยวิธีนี้ พวกมันก็พอเข้าใจได้…นั่นเพราะเผ่าพันธุ์มังกรของพวกมัน มีเผ่าพันธุ์มังกรในภูมิภาคเบื้องบนหนุนหลัง! ต้วนหรูเฟิงย่อมไม่คิดให้เรื่องราวบาดหมางบานปลาย!!
“ผู้นำตี้ชาน”
ตู้กูพยักหน้าให้ตี้ชาน พร้อมกล่าวทักทายออกไปด้วยเสียงเฉยเมยคล้ายไม่ได้สนใจอะไรตี้ชานสักเท่าไหร่…
อันที่จริงมันก็ไม่ได้เห็นตี้ชานอยู่ในสายตาจริงๆ
ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนปัจจุบัน ตี้ชานผู้นี้ ก็แค่มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บธรรมดาๆ ที่ไม่มีโอกาสได้เข้าสู่สระชำระมังกร…
พลังฝีมือ ความสามารถกระทั่งศักยภาพอะไร จึงนับว่าอ่อนด้อยกว่ามันมาก
สำหรับขุมพลังที่หนุนหลังตี้ชานอยู่ อย่างเผ่าพันธุ์มังกรในภูมิภาคเบื้องบน ตู้กูก็ไม่ได้แยแสสักกะผีก!
นั่นเพราะตลาดมืดหยินชานของพวกมัน ก็มีขุมพลังที่ไม่ยิ่งหย่อนกว่าเผ่าพันธุ์มังกรดำรงอยู่ในภูมิภาคเบื้องบนเช่นกัน!
ส่วนต้วนหรูเฟิงไม่ได้กล่าวอะไร เพียงเหลือบมองตี้ชานที่กล่าวทักด้วยสายตาไม่แยแส พยักหน้ารับเบาๆ
ตี้ชานเห็นแบบนี้ก็ไม่ได้มีโมโหอะไร ยังยิ้มออกได้อยู่
กิริยานี้เผยให้เห็นว่าผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนนี้ใจกว้างเพียงใด…
อย่างน้อยๆ ก็ผิวเผิน
ส่วนในใจมันคิดอะไร ยากที่ใครจะรู้ได้
ต่างจากความสงบไม่นำพาของตี้ชาน อาวุโสทั้ง 3 ของเผ่าพันธุ์มังกร เฉวี่ยฉาน สื่อชิง และชิงเหยียนที่ยืนอยู่ด้านหลังตี้ชาน พอเห็นว่าผู้นำถูกปฏิบัติด้วยทีท่าแบบนั้น พวกมันอดไม่ได้ที่จะขุ่นเคือง โทสะยังเอ่อล้นท่วมอยู่ในใจ!
หากแต่แม้พวกมันจะมีโทสะเพียงใด ก็ทำได้แค่กล้ำกลืนเอาไว้เท่านั้น
หากไม่ให้กล้ำกลืนฝืนทนแล้วจะให้พวกมันทำอะไรได้อีก?
หรือจะให้พวกมันลงมือสั่งสอนบทเรียนต้วนหรูเฟิง?
แต่พวกมันกล้าลงมือกับผู้อื่นเขาหรือ? และถึงกล้าจะสู้ได้รึเปล่า?
เรื่องนี้ทั้ง 3 คนย่อมสำเหนียกตัวเองดีว่าไร้สามารถ! ถึงได้ต้องจำทนอยู่อย่างนี้!!
“จ้าวตำหนักต้วน นี่หรือนายน้อยตำหนักเมฆาคราม?”
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่สายตาของตี้ชานยามนี้ได้หล่นลงร่างบนต้วนหลิงเทียนเรียบร้อย มองสำรวจพักหนึ่งค่อยหันไปถามต้วนหรูเฟิงออกมาด้วยรอยยิ้ม
ได้ยินคำถาม ต้วนหรูเฟิงเพียงพยักหน้าตอบรับไปเบาๆ
ตี้ชานย่อมคุ้นชินกับกิริยาท่าทางนี้ดีจึงไม่ได้มีอาการไม่พอใจอะไร หันกลับมามองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มว่า “จ้าวตำหนักน้อยช่างมีความสามารถนัก…นอกจากนี้ข้าได้ยินมาว่าจ้าวตำหนักน้อยยังมีวาสนาได้รับ 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนที่ติดในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่อย่างตราผนึกมารมาครอบครอง ตราผนึกมารนั้น…กระทั่งผู้คนในภูมิภาคเบื้องบนยังอยากได้…”
คำพูดท้ายประโยคของตี้ชานแฝงความหมายไม่น้อย
ถึงแม้ในอดีตเผ่าพันธุ์มังกรจะเคยออกตามหาต้วนหลิงเทียนเพราะคำร้องขอจากตี้จิ่ว แต่พวกมันส่วนใหญ่รู้เพียงว่า…คนที่ต้องตามหาชื่อต้วนหลิงเทียนเท่านั้น ทว่าไม่ทราบเลยว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้ที่แท้เป็นใคร!
ดังนั้นในภายหลังถึงแม้พวกมันจะได้เห็นรูปภาพ ต้วนหลิงเทียน ที่ถือครองตราผนึกมาร พวกมันจึงไม่ทันได้ตระหนักว่า ต้วนหลิงเทียนคนนี้ เป็นคนๆเดียวกับต้วนหลิงเทียนที่ตี้จิ่วให้ตามหา!
จนกระทั่งมังกรเทพยาดาสีเขียว 5 กรงเล็บ แลเห็นต้วนหลิงเทียนเมื่อวันก่อน!
แน่นอนว่าหากตี้จิ่วไม่รีบร้อนปิดด่านไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว มันย่อมรู้เรื่องตราผนึกมารนี้ด้วยเช่นกัน
เมื่อมันรู้เรื่องตราผนึกมาร มันก็ย่อมต้องได้เห็นภาพผู้ครองตราผนึกมาร คราวนี้มันก็ย่อมสามารถยืนยันได้ทันทีว่าต้วนหลิงเทียนที่มีตราผนึกมารในครอบครอง…ที่แท้ก็คือนายน้อยตำหนักเมฆาคราม!
ด้วยเหตุนี้คนเผ่าพันธุ์มังกรที่ได้รู้หน้าค่าตาของต้วนหลิงเทียน นายน้อยตำหนักเมฆาครามเมื่อไม่กี่วันที่แล้ว จึงรู้ได้ทันทีว่านี่คือต้วนหลิงเทียนที่ได้รับตราผนึกมารเมื่อหลายปีก่อน!
ในที่แห่งนี้หากจะมีใครรู้ว่าต้วนหลิงเทียนที่ครอบครองตราผนึกมาร คือนายน้อยตำหนักเมฆาครามล่ะก็ เห็นทีจะมีก็แต่ตู้กูเท่านั้น
อย่างไรก็ตามถึงตู้กูจะรู้ แต่มันก็ไม่ได้บอกใคร
นอกจากนี้มันยังคิดตามล่าหาตัวต้วนหลิงเทียนให้เจอด้วยตัวเอง เพื่อชิงตราผนึกมารมาเสีย
ถึงแม้ตัวมันจะไม่อาจใช้ตราผนึกมารได้ แต่มันก็ไม่อยากให้ของสิ่งนี้ตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น
“ผู้นำตี้ชานกล่าวชมข้าเกินไปแล้ว ข้ามิกล้ารับ…”
ต้วนหลิงเทียนหันไปตอบคำตี้ชานด้วยสีหน้าปกติ
และเมื่อตระหนักได้ว่าสายตาที่มองมาโดยรอบนั้น ล้วนเต็มไปด้วยความโลภเขาก็พูดกับตี้ชานออกมาทันที “ผู้นำตี้ชาน หากเป็นไปได้ข้าคิดประลองตามสัญญา 5 ปีกับตี้จิ่ว ว่าที่ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรโดยเร็วที่สุด”
ต้วนหลิงเทียนเปิดประตูเห็นภูผากล่าวออก!
“ในเมนื่อจ้าวตำหนักน้อยกล่าวออกมาเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีใดคัดค้าน…และข้าเชื่อว่าตี้จิ่วเองก็ไม่มีใดคัดค้านเช่นกัน”
ตั้งแต่ต้นจนจบรอยยิ้มบนใบหน้าของตี้ชานไม่เคยห่างหายไปไหน
เพราะในสายตาของมัน ผลของการประลองในวันนี้ได้ถูกตัดสินแล้ว!
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า เผ่าพันธุ์มังกรของพวกมันต้องชนะแน่นอน!!
สำหรับนายน้อยตำหนักเมฆาครามผู้นี้ เห็นชัดว่ารู้ตัวดีว่าต้องแพ้พ่าย อีกฝ่ายคงคิดรีบๆประลองจะได้รีบๆยอมแพ้ให้จบๆ เพื่อจะได้กลับบ้านโดยไว
“เช่นนั้นก็…”
ในขณะที่ตี้ชานกำลังจะกล่าวประกาศให้ต้วนหลิงเทียนกับตี้จิ่วเริ่มสู้กันได้นั้นเอง มันก็ถูกต้วนหลิงเทียนกล่าวขัดคำออกมาเสียก่อน “ผู้นำตี้ชาน ก่อนที่พวกเราะจะเริ่มประลองกัน ข้าขอเปลี่ยนแปลงอะไรสักหน่อย…ให้การประลองระหว่างข้ากับตี้จิ่วในวันนี้เป็นการประลองเป็นตายเถอะ! อีกทั้ง…หากพวกเราคนใดคนหนึ่งไม่ตายไม่เลิกรา!!”
สิ้นคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน สายตาของเขาก็หันไปมองจ้องตี้จิ่วอย่างเยียบเย็น จิตสังหารเผยให้เห็นชัดเจน!
5 ปีที่แล้ว นิกายหลิงเทียนของเขาถูกตี้จิ่วทำลายจนพินาศวอดวาย!
นิกายหลิงเทียนล่มสลายไม่เป็นไร หากแต่ผู้คนติดตามข้ามทะเลมากับเขากลับล้มตายไปแทบหมดสิ้น เหลือรอดมาแค่ 20 กว่าชีวิต…
ความแค้นนี้ที่มีต่อตี้จิ่ว เขาได้เก็บมันเอาไว้ในใจมานานปีแล้ว
วันนี้ในเมื่อเขาจะได้สู้กับตี้จิ่วในสัญญาประลอง 5 ปี เขาจึงไม่คิดจะเก็บกักความแค้นไว้อีกสืบไป!
ความเคียดแค้นชิงชังในใจ บัดนี้ประหนึ่งทำนบทลายน้ำเชี่ยวไหลหลาก ยากจะหยุดยั้ง!
‘ตี้จิ่วมันต้องตาย!’
ในใจของต้วนหลิงเทียนคงเหลืออยู่เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น
มีเพียงฆ่าตี้จิ่วให้ตาย ใช้ชีวิตมันเซ่นสังเวยวิญญาณคนนิกายหลิงเทียนเท่านั้น บรรดาศิษย์และเหล่าอาวุโสของนิกายหลิงเทียนถึงจะตายตาหลับ!
ประลองเป็นตาย!?
ไม่ตายไม่เลิกรา?!
รอยยิ้มตี้ชานถึงกับชะงักลงเมื่อถูกขัดจังหวะ หากแต่พอได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนแล้วใจมันอดไม่ได้ที่จะสะท้านไปทันที!
จังหวะนี้พอหันมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตาอดไม่ได้ที่จะเผยความตกตะลึงออกมา ด้วยไม่ทราบว่าต้วนหลิงเทียนไปพกพาความมั่นใจมาจากที่ไหน ถึงได้กล้าท้าประลองเป็นตายกับตี้จิ่วแบบนี้?
‘ต้วนหลิงเทียนผู้นี้มันมั่นใจในตัวเองมากนักหรือไรว่าจักเอาชนะตี้จิ่วได้ ถึงได้ขอเปลี่ยนเป็นการประลองเป็นตายเช่นนี้? มันไม่กลัวหรืออย่างไร อย่าได้บอกข้าเชียวว่าที่แท้มันมั่นใจว่าจะฆ่าตี้จิ่วได้จริงๆ?’
จังหวะนี้ใจของตี้ชานถึงกับเต้นผิดจังหวะไปทันที ในหัวบังเกิดความคิดมากมายรุมเร้าไม่เข้าใจ
ขณะเดียวกันใจมันก็ยังรู้สึกถึงลางสังหรณ์อันตรายประการหนึ่ง…ราวกับเรื่องราวนี้ ที่แท้เป็นต้วนหรูเฟิงชักใยอยู่เบื้องหลังตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว! ต้องมีเส้นสนกลในบางประการแน่!!
ไม่น่าแปลกใจหากตี้ชานจะคิดไปในแนวทางดังกล่าว
เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าใครก็ไม่คิดยกเรื่องประลองเป็นตายมาพูดเล่นๆ
ใครก็ตามที่หาญกล้าท้าประลองเป็นตายกับผู้อื่น ย่อมหมายความว่าต้องมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าสามารถฆ่าผู้อื่นได้…
เช่นนั้นในชั่วขณะนี้ ตี้ชานจึงลืมเลือนเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนยังเป็นเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตอริยะเซียนไปหมดสิ้น
“ประลองเป็นตาย? ไม่หยุดจนกว่าจะตกตายกันไปข้างหนึ่ง?”
ขณะเดียวกันนั้นทุกคนที่ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ไม่เพียงแต่ตี้จิ่วเท่านั้นที่ประหลาดใจ กระทั่งต้วนหรูเฟิง กู่มี่ และกู่ลี่ก็ตกใจจนขวัญสาบสูญแล้วเช่นกันเมื่อได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน
พวกมันเองก็ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะขออะไรแบบนี้ออกมา!
“ช่างน่าสนใจจริงๆ…เรื่องราวยิ่งมายิ่งสนุกสนานนัก!”
ตู้กูเองก็อึ้งไปกับคำขอของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย เมื่อมันรู้สึกตัวสายตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้งคราวนี้ก็เผยประกายวูบวาบออกมาด้วยความสนุกสนาน คล้ายกำลังตั้งหน้าตั้งตารอคอยชมสิ่งบันเทิง!
อีกทั้งลึกลงไปในแววตายังเผยความชื่นชมไม่น้อย
ไม่ว่าวันนี้พลังฝีมือลูกชายของต้วนหรูเฟิง ต้วนหลิงเทียนคนนี้จะสูงพอฆ่าตี้จิ่วหรือไม่ อาศัยเพียงความกล้าอย่างเดียวก็ทำให้มันนับถือใจต้วนหลิงเทียนไม่น้อย…
“เทียนเอ๋อ!”
ต้วนหรูเฟิงที่ได้สติกลับคืนเป็นคนที่สองชักสีหน้าขรึมเคร่งจริงจัง เร่งส่งเสียงผ่านปราณไปกล่าวเตือนบุตรชายทันที “ตี้จิ่วมันทะลวงถึงเซียนปฐพีแล้ว! ขอเพียงเจ้าถอนคำพูด…ข้าสามารถจัดการเรื่องราวที่จะตามมาได้มิยาก!”
ในวาจาต้วนหรูเฟิงนั้นแฝงความนัยไว้ 2 ประการ
ประการแรกมันอยากรู้ว่าที่บุตรชายตัวเองกล่าวนั้นมั่นใจจริงๆหรือไม่ว่าสามารถฆ่าตี้จิ่วได้
ประการที่สองมันหมายความตามที่กล่าวจริงๆ ขอเพียงต้วนหลิงเทียนไม่แน่ใจมันพร้อมจะสะสางวาจาประโยคเมื่อครู่ และทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เหตุผลของเรื่องนี้เพราะต้วนหรูเฟิงเองก็เชื่อในตัวต้วนหลิงเทียนระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันก็เชื่อผู้เฒ่าพยากรณ์ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
เป็นผู้เฒ่าพยากรณ์ที่ริเริ่มให้มันกล่าวทำสัญญานัดหมายประลอง 5 ปีกับเผาพันธุ์มังกร…
จากที่ผู้เฒ่าพยากรณ์บอกไว้ หากบุตรชายของมันสามารถเข้าใช้สระชำระมังกรได้ จะส่งผลใหญ่หลวงต่ออนาคตในภายภาคหน้า
ดังนั้นถึงแม้มันจะไม่ได้มั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนเต็มสิบส่วน แต่มันก็ยังเลือกจะเชื่อในการตัดสินใจของลูกชาย และคำทำนายของผู้เฒ่าพยากรณ์
“ท่านพ่อวางใจได้เลย ข้ามั่นใจ!”
ใจต้วนหลิงเทียนย่อมเต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้ยินน้ำเสียงเต็มไปด้วยความห่วงใยของต้วนหรูเฟิง จึงกล่าวตอบออกไปด้วยน้ำเสียงมั่นใจเต็มเปี่ยม
แต่อันที่จริงแล้วหลังได้ยินต้วนหรูเฟิงกล่าวว่าตี้จิ่วทะลวงถึงเซียนปฐพีแล้ว ใจเขาก็อดไม่ได้ที่จะจมลงเล็กน้อย…
ตอนที่ 1,858 : หาที่ตาย?
ตี้จิ่วทะลวงถึงขอบเขตเซียนปฐพีแล้ว?
ข่าวนี้ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับต้วนหลิงเทียน
ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะคิดถึงความเป็นไปได้ข้อนี้ไว้แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆ ทำให้รู้สึกผิดคาดอยู่บ้าง
ตี้จิ่ว มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ ผู้มีสายเลืดขัตติยะได้ทะลวงถึงเซียนปฐพีขั้นต้นแล้วจริงๆ
หากใช้กระบี่นิลสวรรค์ ด้วยพลังฝึกปรือตอนนี้…แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนสามารถฆ่าตี้จิ่วให้ตายได้ง่ายดายในกระบี่เดียว!
แต่เขาจะใช้กระบี่นิลสวรรค์ออกมาได้อย่างไร้เรื่องราวหรือ?
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องปราณสุริยันแรกกำเนิดที่จะถ่ายลงสู่ตัวกระบี่เพื่อสังหารตี้จิ่วอะไร เอาแค่เรื่องตัวกระบี่นิลสวรรค์เองก็พอ…หากเปิดเผยออกมาน่ากลัวว่าจะชักนำหายนะเภทภัยมาสู่เขาและครอบครัวไม่รู้จบ!
กระบี่นิลสวรรค์เป็นถึงยอดสมบัติสวรรค์!
บางทีในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอาจไม่มีใครเข้าใจว่ามันคืออะไร
อย่างไรก็ตามการดำรงอยู่ของกระบี่ที่สามารถใช้พลังฝึกปรือขอบเขตเซียนมนุษย์แล้วสามารถสังหารตัวตนในขอบเขตเซียนปฐพี ทั้งๆที่คนผู้นั้นยังเป็นถึงตี้จิ่วมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บได้อย่างง่ายดายในกระบี่เดียว…เกรงว่าไม่ต่างอะไรจากการประกาศออกมาโต้งๆ…
ว่ากระบี่เล่มนี้ไม่ธรรมดา!
ต้องทราบด้วยว่ากระบี่ 9 แดนสรวงอันเป็น 1 ใน 10 ยอดศาสตรา ที่ติดรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ยังไม่มีอานุภาพฝืนฟ้าพรรค์นี้!
ลำพังแค่กระบี่ 9 แดนสรวงก็มีอานุภาพล่อใจให้ผู้คนทั่วหล้าเข้าสู่วังวนแห่งการช่วงชิงแล้ว นับประสาอะไรกับบางสิ่งที่อยู่เหนือกระบี่ 9 แดนสรวงเล่า?
‘หากข้าใช้กระบี่นิลสวรรค์ออกมา ระดับผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรกับตู้กูย่อมเล็งเห็นถึงความไม่ธรรมดาทันทีแน่ว่ากระบี่มันวิเศษอย่างไร…เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป ไม่เพียงแต่ข้าจะเป็นเป้าหมาย กระทั่งท่านพ่อท่านแม่และคนอื่นๆคงพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย…’
‘เกรงว่าหากถึงวันนั้นกระทั่งตำหนักเมฆาครามก็อยู่ไม่ได้แล้ว…ทุกคนมิแคล้วได้หนีตายไปกับข้า’
ต้วนหลิงเทียนลอบส่ายหัวไปมาในใจ
ความล่อลวงของกระบี่นิลสวรรค์ ไม่ใช่อะไรที่ตราผนึกมารจะเทียบได้เลย
ตราผนึกมารนั้น ยอดฝีมือในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอาจไม่สนใจได้ แต่กระบี่นิลสวรรค์นี้พวกมันไม่อาจไม่สนใจ!
‘วันนี้ข้าใช้กระบี่นิลสวรรค์ไม่ได้!’
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ตัดสิ้นใจเด็ดขาด
การฆ่าฟันกับตี้จิ่ววันนี้เขาจะไม่ใช้กระบี่นิลสวรรค์เด็ดขาด
‘ด้วยพลังฝึกปรือของข้าตอนนี้ ถึงจะไม่ต้องใช้กระบี่นิลสวรรค์อย่างน้อยๆพลังรบของข้ากับตี้จิ่วสมควรทัดเทียมกัน หากสู้มันไม่ได้ก็แค่หาทางถอย ไม่อาจเสี่ยงใช้กระบี่นิลสวรรค์อย่างไม่จำเป็น…เว้นเสียจะถึงตายจริงๆ’
สูดลมหายใจเข้าลึกๆคำหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็สงบสติอารมณ์ได้
ในสายตาของต้วนหลิงเทียนนั้น ระหว่างชื่อเสียงกับชีวิต ที่สำคัญกว่าย่อมเป็นอย่างหลังแน่นอน!
เพราะชีวิตของเขาตอนนี้ไม่ได้เป็นแค่ของเขาคนเดียวอีกต่อไป
เขาต้องมีชีวิตอยู่ เพื่อที่จะไปตามหาเค่อเอ๋อและลูกน้อยในภูมิภาคเบื้องบน
อีกทั้งในสายตาของเขาตอนนี้ ยังมีใครบางคนที่สำคัญกว่าชีวิต!
“ขอเพียงเจ้ามั่นใจ”
แม้ไม่ทราบว่าลูกชายจะพกพาความมั่นใจมากจากที่ใด แต่ต้วนหรูเฟิงก็เลือกที่จะเชื่อมั่นในตัวลูกคนนี้
ขณะเดียวกัน คล้ายมันนึกอะไรได้ออก ต้วนหรูเฟิงจึงกล่าวออกมาอีกครั้งผ่านการส่งเสียง “เทียนเอ๋อ…หากว่า…ข้าหมายถึง..หากว่าเจ้า”
“หากว่าข้ากำลังจะแพ้ แล้วท่านพ่อคิดช่วยข้า…ข้าจะว่ายังไงใช่ไหม?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามต้วนหรูเฟิงกลับไปตรงๆ
“ใช่!”
ต้วนหรูเฟิงพยักหน้า “เจ้าเป็นลูกชายคนเดียวของข้า ถึงแม้ว่าวันนี้ข้าจะต้องเสียชื่อเสียงเพราะผิดคำพูดก็ช่างหัวมันปะไร หากตี้จิ่วนั่นคิดทำร้ายเจ้า บิดาผู้นี้จะสอดมือช่วยเหลือเจ้าทันที! ถึงแม้ตี้ชานนั่นจะขัดขวางข้า…แต่มันไม่มีทางหยุดข้าได้!”
ต้วนหรูเฟิงกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ
ทำราวกับว่า ตี้ชาน ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรไม่ได้อยู่ในสายตา
และนั่นเป็นเรื่องจริง
ในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า มีเพียงผู้นำตลาดมืดหยินชานอย่างตู้กูเท่านั้น ที่รับมือมันได้!
สำหรับผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรกระทั่งผู้นำขุมพลังกึ่งชั้น 3 คนอื่นๆ ทั้งหมดด้อยกว่าทั้งคู่มาก
หากต้องสู้ถึงตายจริงๆ ตี้ชานไม่มีทางรับมือต้วนหรูเฟิงได้ถึง 10 กระบวนท่า!
ตี้ชานนั้นแม้จะเป็นมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บแต่เพราะมันไม่ได้เข้าสระชำระมังกรเมื่อ 5,000 ปีที่แล้ว พลังฝีมือจึงนับว่าด้อยกว่าต้วนหรูเฟิงมาก
ในสายตาต้วนหรูเฟิง ตี้ชานไม่มีอะไรให้กังวล!
“ท่านพ่อท่านกล่าวออกมาแบบนี้…เพราะกลัวว่าข้าจะปฏิเสธ ไม่ยอมรับความช่วยเหลืองั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงกล่าวถามไปอีกครั้งพร้อมยิ้ม
“อ่า…ใช่…”
ต้วนหรูเฟิงกล่าวตอบเสียงเบา สิ่งที่มันกลัวที่สุดก็คือเรื่องนี้ มันกลัวว่าบุตรชายจะดื้อรั้นจนสายเกินการณ์ และเลือกสู้โดยไม่สนเป็นตาย…
กล่าวให้ชัดมันกลัวบุตรชายมันเลือก สู้จนตัวตาย…
ดีกว่าต้องทนเห็น ‘ชื่อเสียง’ ทั้ง ‘ศักดิ์ศรี’ ถูกทำลาย!
“ท่านพ่อข้ายังต้องไปหาเค่อเอ๋อกับลูก…สำหรับข้าชื่อเสียงลาภยศล้วนไม่ต่างผายลม! ข้ายังกลัวตายมากกว่าที่ท่านกลัวข้าตายซะอีก!!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
ได้ยินคำตอบนี้ของต้วนหลิงเทียน ต้วนหรูเฟิงพอได้ยิ้มออกมาอย่างโล่งอก โชคดีที่บุตรชายของมันไม่ใช่คนดื้อรั้นมุทะลุ กล่าวคำตายเสียดีกว่าอยู่อะไรทำนองนั้น แล้วไปรนหาที่ตายอย่างไร้จำเป็น…
ในขณะเดียวกันนั้น คนอื่นๆก็เริ่มรู้สึกตัวกันแล้ว
“น้องหลิงเทียนเจ้าจะวู่วามเกินไปแล้ว! เจ้าเป็นบ้าอันใดถึงได้ไปท้าประลองเป็นตายกับตี้จิ่วมัน? นี่มันเสี่ยงเกินไป!!”
กู่ลี่เร่งส่งเสียงกล่าวมาด้วยความร้อนใจ ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
“นายน้อย ครั้งนี้ท่านผลีผลามเกินไปแล้ว…”
กระทั่งกู่มี่ที่ไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ยังอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงมา “นายน้อย ตี้จิ่วนั่นมันทะลวงถึงขอบเขตเซียนปฐพีแล้วจริงๆ…หากท่านเสียใจที่พลั้งปากขอท่านอย่าได้ห่วง…ข้าจักแก้ไขให้ท่านเอง”
วาจาที่กู่มี่กล่าวนั้น ก็คล้ายกันกับต้วนหรูเฟิง
ได้ยินคำร้อนรนห้ามปรามด้วยความห่วงใยจากกู่มี่และกู่ลี่ ใจต้วนหลิงเทียนรู้สึกตื้นตันไม่น้อย
เพราะเขารู้ดีว่าทั้งคู่ล้วนห่วงใยเขาด้วยใจจริง ต่างกลัวว่าเขาจะใจร้อนตัดสินใจโดยไม่คิดแล้วเกิดเรื่อง
“อย่าได้กังวลไป…”
ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงตอบกลับไปยังทั้งคู่ทันที
“ประลองเป็นตาย? ไม่เลิกราจนกว่าจะตายกันไปข้าง?”
ตอนนี้เองสายตาของทุกผู้คนไม่เว้นตี้จิ่วซึ่งเป็นตัวเอกของงาน ก็หันไปจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายสมควรรู้ตัวว่าสู้มันไม่ได้ แต่กลับรนหาที่ตายด้วยตัวเอง?
“นายน้อยตำหนักเมฆาครามคิดแสวงหาความตายหรือ?”
“ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น…หาไม่แล้วไฉนถึงได้ท้าอะไรโง่ๆเช่นนี้ออกมา?”
“พวกเจ้าเลอะเลือนหรือไร…ไม่คิดบ้างหรือไรว่าบางทีนายน้อยตำหนักเมฆาครามอาจมั่นใจว่าสามารถฆ่าตี้จิ่วได้!?”
“มิผิด! โดยทั่วไปแล้วมีผู้คนเพียง 2 ประเภทเท่านั้นที่หาญกล้าท่าประลองเป็นตายกับผู้อื่น…ไม่มั่นใจ ก็เบื่อชีวิตคิดหาที่ตาย! แล้วพวกเจ้าดูเถอะนายน้อยตำหนักเมฆาครามหน้าตาเหมือนคนเบื่อชีวิตคิดหาที่ตายหรือไม่?”
ฯลฯ….
ผู้คนจากขุมพลังกึ่งชั้น 3 อื่นๆสนทนากันดังระงม ตั้งแต่ต้นจนจบสองตาพวกมันไม่ได้ละออกจากร่างตี้จิ่วกับต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย
“ต้วนหลิงเทียน…หาญกล้าท้าประลองเป็นตายกับตี้จิ่วงั้นเหรอ?”
คนของเผ่าพันธุ์มังกรถึงกับต้องหันมามองหน้ากัน ต่างเห็นสายตาตะลึงของสหาย
เรื่องด่านพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนนั้นแพร่กระจายไปทั้งเผ่าพันธุ์มังกรตั้งแต่ 2 วันก่อนแล้ว…
จากที่ผู้อาวุโสชิงเหยียน มังกรเทพยาดาสีเขียว 5 กรงเล็บกล่าว สำนึกเทวะของต้วนหลิงเทียนยังมีความเข้มแข็งอยู่ในขอบเขตอริยะเซียนเท่านั้น
นั่นหมายความว่าต้วนหลิงเทียนยังเป็นเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตอริยะเซียน!
แต่ ตี้จิ่ว ว่าที่ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนต่อไปของพวกมัน เป็นถึงมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บที่มีศักยภาพพรสวรรค์สูงส่ง! ทั้งรวมกับด่านพลังที่ทะลวงถึงขอบเขตเซียนปฐพีแล้ว ไม่ใช่ว่าจะง่ายดายเสมือนบี้มดหรือไร หากคิดฆ่าอริยะเซียนสักคน?!
ในสายตาของพวกมันผลการประลองวันนี้ล้วนถูกตัดสินไปเรียบร้อยแล้ว เพียงแค่ดำเนินการประลองไปตามพิธีเท่านั้น
อย่างไรก็ตามในขณะที่พวกมันคิดว่าเรื่องราวกำลังดำเนินไปตามครรลอง อยู่ดีๆนายน้อยตำหนักเมฆาครามไม่เพียงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ กลับกล่าวท้าประลองเป็นตายกับทังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บตี้จิ่วออกมา…!
รนหาที่ตาย?
คนเผ่าพันธุ์มังกรอดไม่ได้ที่จะมีความคิดดังกล่าวขึ้นมาในหัว
เหล่ามังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บชนชั้นผู้อาวุโสทั้งหลายไม่ว่าจะเฉวี่ยฉาน หรือสื่อชิงต่างหันมองหน้ากันด้วยความงุนงง
“ชิงเหยียนเจ้ามั่นใจหรือไม่ว่าสำนึกเทวะของมันยังมีความเข้มแข็งอยู่ในขอบเขตอริยะเซียนเท่านั้น?”
เฉวี่ยฉานส่งเสียงผ่านปราณไปถามชิงเหยียนทันที
“ข้ามั่นใจ!”
ชิงเหยียนกล่าวตอบไปชัดถ้อยชัดคำด้วยความมั่นใจ
เมื่อ 3 วันที่แล้ว ต้วนหลิงเทียนคิดใช้ทักษะบางประการตรวจสอบมัน ทว่ามันกลับสัมผัสได้ถึงสำนึกเทวะของอีกฝ่ายเสียก่อน กระทั่งยังแผ่สำนึกเทวะออกไปทำลายทิ้งเสีย!
และในขณะที่สำนึกเทวะของมันสัมผัสกับสำนึกเทวะของต้วนหลิงเทียน มันก็ทราบได้ทันทีว่าเป็นเพียงสำนึกเทวะของอริยะเซียนเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่แม้แจ่จะบรรลุถึงอริยะเซียนขั้นสูงุสดด้วยซ้ำ!
กล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า อย่างดีพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนคนนี้…ก็เพียงบรรลุถึงขอบเขตอริยะเซียนขั้นเชี่ยวชาญเท่านั้น!!
กระทั่งอาจจะอ่อนด้อยกว่าอริยะเซียนขั้นเชี่ยวชาญ!!
“เช่นนั้นไฉนมันถึงท้าตี้จิ่วประลองเป็นตายเช่นนี้เล่า? มันเป็นถึงบุตรชายต้วนหรูเฟิง! ไม่เพียงแค่นั้นจากสีหน้าท่าทางมิคล้ายคนกำลังรนหาที่ตาย!”
สื่อชิงขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ
ตี้จิ่วที่ยืนอยู่ไม่ห่างมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บอันเป็นผู้อาวุโสทั้ง 3 ก็หวนกลับมารู้สึกตัวแล้วเช่นกัน เมื่อครู่มันถึงกับอึ้งไปพักใหญ่ ด้วยไม่คิดว่ามดปลวกตัวกระจ้อยนี่จะหาญกล้าท้ามันประลองเป็นตาย!
ไม่ใช่รนหาที่ตายรึไร?
“ในเมื่อเจ้าอยากแสวงหาความตายนัก เช่นนั้นก็มาเถอะ!”
เมื่อได้รับคำท้าประลองเป็นตายกับต้วนหลิงเทียนแบบนี้ ตี้จิ่วย่อมเห็นดีเห็นงามด้วยทันที
ขวับ!
ทันใดนั้นร่างตี้จิ้วก้าวออกไปเบื้องหน้า ปริปากกล่าววาจาออกด้วยสีมั่นมาด “ข้ายอมรั…”
ในขณะที่ตี้จิ่วกำลังจะกล่าวว่า ข้ายอมรับคำท้า ตอบรับต้วนหลิงเทียน กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นขัดเอาไว้เสียก่อน “ช้าก่อน!”
เมื่อถูกพูดขัดแบบนี้ ตี้จิ่วย่อมหงุดหงิดเป็นธรรมดา
แต่พอมันตระหนักได้ว่าเสียงที่พูดขัดช่างเป็นเสียงที่คุ้นเคยนัก มันก็หันไปทางต้นเสียงทันที
พบชายชราร่างแกร่งคนหนึ่ง ยืนตระหง่านอยู่ราวกับหอคอยเหล็ก
แม้ตี้จิ่วจะกล่าวไม่ทันจบคำ แต่ทุกคนก็เข้าใจได้ไม่ยากว่าตี้จิ่วคิดยอมรับคำท้าประลองเป็นตายกับต้วนหลิงเทียนแล้ว
ทว่าในช่วงเวลาสำคัญ ตี้ชานกลับพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
จังหวะนี้ทุกสายตาถึงกับอดหันไปมองตี้ชานเสียไม่ได้ ด้วยอยากรู้นักว่าไฉนตี้ชานถึงกล่าวขัดขึ้นมา…
กลัวตี้จิ่วถูกต้วนหลิงเทียนฆ่า?
หรือมีอะไรจะกำชับตี้จิ่วก่อนสู้?
“ตาแก่?”
ตี้จิ่วแม้ต่อหน้าผู้อื่นมันจะไม่เห็นหัว แต่กับผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรมันก็ไม่เคยวางท่าถือดีอันใด เพียงเรียกหาอย่างสนิทสนมเท่านั้น
ทว่ามันยังคงสงสัยและสับสนไม่น้อย ด้วยไม่เข้าใจว่าไฉนอยู่ๆตาแก่นี่กลับขัดขวางมันเอาไว้แบบนี้…
ตอนที่ 1,859 : ไม่ใช่แค่นั้น!
เมื่อถูกขัดจังหวะ ตี้จิ่วย่อมหันไปมองถามตี้ชานด้วยสงสัยทันที หากแต่ตี้ชานไม่ได้ให้คำอธิบายอะไรแก่ตี้จิ่วทั้งสิ้น กระทั่งยังไม่หันกลับมามองมันด้วยซ้ำ…
สายตาของตี้ชานเพียงจับจ้องมองมาที่ต้วนหลิงเทียนไม่วาง “จ้าวตำหนักน้อย…ท่านแน่ใจหรือไม่ว่าจะประลองเป็นตายกับตี้จิ่ว? นี่มิใช่เรื่องที่ท่านจะสามารถกล่าวล้อเล่นได้…หากท่านเลือกประลองเป็นตายกับตี้จิ่ว เช่นนั้นการประลองย่อมดำเนินต่อไปไม่หยุดจนกว่าท่านหรือตี้จิ่วจะตาย! อีกทั้งท่านอย่าได้คิดว่าด้วยฐานะนายน้อยตำหนักเมฆาคราม จะทำให้ตี้จิ่วยั้งมือไว้ไมตรีอันใด…”
“ท่าน…คิดดีแล้วหรือ?”
ตี้ชานกล่าวถาม
“อะไรกันผู้นำตี้ชาน…นี่ท่านคิดว่าข้าล้อเล่นงั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนหยีตากลาวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย หลังถูกตี้ชานถาม
“ข้าเพียงต้องการกล่าวเตือนจ้าวตำหนักน้อยเท่านั้น…”
ตี้ชานตอบ
“เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงของผู้นำตี้ชานแล้ว…ทว่าความห่วงใยของท่านข้าเพียงรับไว้ด้วยใจ เพราะข้าไม่คิดเปลี่ยนใจเรื่องประลองเป็นตายกับตี้จิ่ว! แต่ถ้าเผ่าพันธุ์มังกรไม่กล้ารับคำท้า เช่นนั้นก็รีบๆกล่าวยอมแพ้ออกมาเสีย! ข้าทนรอเข้าไปอาบน้ำในสระชำระมังกร ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่นของเผ่ามังกรไม่ไหวแล้ว…”
วาจาท้ายประโยคต้วนหลิงเทียนกล่าวเร่งออกมา…คล้ายไม่อยากเสียเวลา!
เข้าสระชำระมังกรดินแดนศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่นของเผ่ามังกร…เพื่อไปอาบน้ำ?
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน คนของเผ่าพันธุ์มังกรแทบจะกระอักเลือดออกมา เพราะคำพูดต้วนหลิงเทียนนับว่าดูเบาสระชำระมังกร อันเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกมันอย่างแรง!
จังหวะนี้คนของเผ่าพันธุ์มังกรอดไม่ได้ที่จะหันไปมองต้วนหลิงเทียนตาเขม็ง
“รับคำมันเถอะ!”
“รับข้อตกลงนั่น! ให้การประลองครั้งนี้เป็นการประลองเป็นตาย!!”
…
เผ่ามังกรหลายคนคำรามออกมาด้วยโทสะอันชอบธรรม ต่างเร่งเร้าตี้ชานให้เห็นด้วยกับข้อเสนอประลองเป็นตายกับตี้จิ่วของต้วนหลิงเทียน
พวกมันไม่อาจทนฟังวาจาเราะร้ายนี้ได้!
ขุมพลังกึ่งชั้น 3 ที่มาร่วมชมเองก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งกันไปเป็นแถบ ต่างไม่คิดไม่ฝันว่านายน้อยตำหนักเมฆาครามจะถือดีขนาดนี้ ทำราวกับไม่เห็นเผ่าพันธุ์มังกรอยู่ในสายตา
รองผู้นำตลาดมืดหยินชานทั้ง 2 หันหน้ามามองตากันอีกครั้ง ด้านตู้กูเองแววตาที่ใช้มองไปต้วนหลิงเทียนก็คล้ายจะแฝงความถูกใจขึ้นหลายส่วน
“เทียนเอ๋อ…”
ต้วนหรูเฟิงมองต้วนหลิงเทียนอย่างสงบ หากแต่ในใจที่แท้กังวลไม่น้อย
กู่ลี่กับกู่มี่เองก็รู้สึกไม่ต่างกัน
กล่าวตามความสัตย์จริง พวกมันไม่ได้มองโลกในแง่ดีสำหรับต้วนหลิงเทียนเลย อนิจจาเรื่องราวไม่ได้อยู่ในความควบคุมของพวกมันอีกต่อไป
“ตาแก่!”
ตี้จิ่วมองตี้ชานเขม็งกล่าวออกเสียงเข้ม ทีท่าและคำพูดของต้วนหลิงเทียนทำให้มันเองก็ทนไม่ไหวแล้ว
อนิจจามันเองก็ไม่อาจทำอะไรได้ เพราะมันต้องรอดูท่าทีของตี้ชานเสียก่อน หากตี้ชานไม่เห็นด้วย มันฮึดฮัดไปก็ไร้ประโยชน์ มันไม่กล้าตัดสินใจข้ามหน้าข้ามตาอีกฝ่าย
“ดูเหมือนว่าจ้าวตำหนักน้อยจักมั่นใจนัก”
ตี้ชานก็ยังคงเพิกเฉยทีท่าของตี้จิ่ว สองตาของมันยังคงจับจ้องไปยังร่างต้วนหลิงเทียนไม่วาง
และแทบจะทันทีที่กล่าวจบคำสำนึกเทวะของตี้ชานก็แผ่พุ่งออกมาจากร่างกาย หลั่งไหลข้ามอากาศไปดั่งน้ำหลาก ก่อนที่จะครอบคลุมไปทั่วร่างต้วนหลิงเทียนในพริบตา
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเสมือนถูกจับแก้ผ้าให้เปลือยเปล่า กระทั่งยังรู้สึกเสมือนถูกลูบสำรวจไปทั้งร่าง…
“โฮ่ ผู้นำตรวจสอบพลังฝึกปรือข้างั้นเหรอ?”
ทว่าคราวนี้แม้จะรู้ถึงความตั้งใจของตี้ชาน ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่จะไม่โกรธยังเผยรอยยิ้มออกมา!
เขามั่นใจได้เต็มที่ไม่มีสงสัย! ทันทีที่ตี้ชานตรวจสอบจนทราบพลังฝึกปรือเขาแล้วล่ะก็…อีกฝ่ายต้องเห็นด้วยกับการประลองเป็นตายแน่!!
เพราะพลังฝึกปรือของเขายังพึ่งอยู่ในขอบเขตอริยะเซียนเท่านั้น ไม่ได้นับเป็นตัวอะไรต่อหน้าตี้จิ่วเลย!
ต่อให้ตี้ชานจะขี้ระแวงมากเพียงใด มันก็คงไม่มีวันคิดว่าอาศัยเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตอริยะเซียนจะมีปัญญาทำอะไรตี้จิ่วที่ทะลวงถึงเซียนปฐพีขั้นต้นได้!
“ตี้ชาน เจ้ากล้าดีอย่างไร!!”
เมื่อสำนึกเทวะของตี้ชานแผ่ออกมาสำรวจพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนโต้งๆแบบนี้ ต้วนหรูเฟิงอดไม่ได้ที่จะมีโมโห ถึงกับปะทุสำนึกเทวะออกไปอย่างเกรี้ยวกราดหมายทำลายสำนึกเทวะตี้ชาน!
กับต้วนหลิงเทียนสำนึกเทวะของตี้ชานเป็นอะไรที่ทรงพลังอำนาจสุดไพศาล
หากแต่สำนึกเทวะของตี้ชานนี้กลับไม่นับเป็นอะไรมากไปกว่าเศษพลังในสายตาต้วนหรูเฟิง สามารถบดขยี้ทำลายได้ในชั่วพริบตา!
เมื่อสำนึกเทวะถูกทำลายแบบนี้ตี้ชานแน่นอนว่าย่อมต้องได้รับผลกระทบ! ร่างมันถึงกับเซไปทันที คนวิงเวียนศีรษะหน้ามืดตามัวไปพักหนึ่ง
อย่างไรก็ตามแม้สำนึกเทวะจะถูกทำลายจนหน้าซีดตัวเซ หากทว่ามุมปากของตี้ชานอดคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้!
‘อริยะเซียนขั้นกลาง! นายน้อยตำหนักเมฆาคราม ต้วนหลิงเทียนผู้นี้เป็นแค่อริยะเซียนขั้นกลางเท่านั้น!!’
จังหวะนี้ความ ‘สงสัย’ และความ ‘ลังเล’ ประหนึ่งเมฆหมอกที่ปกคลุมในใจ ได้ถูกลมพัดพาจนสลายหายไปจากใจหมดสิ้น
เพียงผู้ฝึกตนขอบเขตพลังอริยะเซียนขั้นกลาง จะมีปัญญาสู้รบตบมือกับตี้จิ่วที่บรรลุถึงเซียนปฐพีขั้นต้นได้อย่างไร!
จังหวะนี้มันอดคิดไปไม่ได้ว่ามันขี้ระแวงเกินไป
อย่างไรก็ตามมันไม่เสียใจกับการกระทำของมัน
ดั่งคำกล่าวที่ว่า ‘ระแวงพันครั้งไม่เป็นไร วู่วามครั้งเดียวนับว่าใหญ่หลวง’
มันผู้เป็นถึงผู้นำเผ่าพันธุ์มังกร ทุกการตัดสินใจล้วนส่งผลถึงเผ่าพันธุ์มังกร เช่นนั้นมันจึงต้องขบคิดให้ละเอียดถี่ถ้วนทุกแง่มุมถึงจะตัดสินใจได้
เหตุผลที่มันขวางตี้จิ่วเอาไว้ไม่ให้รีบตอบรับคำท้าของต้วนหลิงเทียน ก็เพราะกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะสามารถฆ่าตี้จิ่วได้จริงๆ
เช่นนั้นมันจึงไม่กลัวที่จะเสียมารยาทและกระตุ้นโทสะของต้วนหรูเฟิง เลือกที่จะตรวจสอบพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนออกมาอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้…เพราะมันจะได้ตัดสินใจให้ถูกต้องที่สุด!
และตอนนี้มันก็ตัดสินใจได้แล้ว
“ตี้จิ่ว พลังฝึกปรือของมันมีเพียงอริยะเซียนขั้นกลางเท่านั้น”
ตี้ชานหันมามองตี้จิ่วก่อนอื่นใด ค่อยส่งเสียงผ่านปราณกล่าวบอกสิ่งที่มันรับทราบมาให้ตี้จิ่วรู้
การกระทำก่อนหน้าของตี้ชาน แน่นอนว่าตี้จิ่วย่อมเห็นชัดเจนทุกอย่าง มันรู้ว่าตี้ชานสำรวจพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนแบบนี้เพียงเพราะจะยืนยันความเสี่ยงเรื่องที่มันควรรับคำท้าประลองเป็นตายหรือไม่…
“หือ!? อริยะเซียนขั้นกลางงั้นเหรอ?”
อย่างไรก็ตามพอได้ยินคำกล่าวยืนยันของตี้ชาน มันก็อดตกใจไปไม่ได้!
แม้มันจะได้ยินคร่าวๆจากชิงเหยียนก่อนแล้ว ว่าพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนสมควรไม่เกินอริยะเซียนขั้นเชี่ยวชาญ กระทั่งอาจต่ำกว่านั้น แต่พอได้ยินคำยืนยันชัดเจนจากตี้ชานมันก็รู้สึกยินดีไม่น้อย!!
เพียงอริยะเซียนขั้นกลางแต่คิดสู้กับมัน?
ต้วนหลิงเทียนคนนี้มันรนหาที่ตายแท้ๆ!
“ต้วนหลิงเทียน ข้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของเจ้า พวกเราประลองเป็นตาย! หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ตายไม่เลิกรา!!”
ตี้จิ่วที่บังเกิดความมั่นใจล้นปรี่อย่างที่ไม่อาจมั่นใจไปมากกว่านี้ได้แล้ว กล่าวคำตอบรับคำท้าของต้วนหลิงเทียนด้วยเสียงดังฟังชัด!
ได้ยินคำตอบรับของตี้จิ่ว คนเผ่าพันธุ์มังกรก็ลุกฮือขึ้นมาทันที
“ฆ่า!”
“ฆ่ามัน!!”
……
ตลอดรุ่นเยาว์ของเผ่าพันธุ์มังกรจวบจนเฒ่าชรา ล้วนตระโกนกันออกมาอย่างคึกคัก พวกมันเฝ้ารอเวลานี้มานานแล้ว ความซึมเซาก่อนหน้าล้วนสลายไปหมดสิ้น
“อริยะเซียนขั้นกลางงั้นเหรอ?”
ขณะเดียวกันทางด้านอาวุโสเผ่าพันธุ์มังกรก็ได้รับทราบพลังฝึกปรือที่แน่ชัดของต้วนหลิงเทียนเช่นกัน ทำให้ต่างโล่งใจขึ้นมาไม่น้อย
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ ถูกลาเตะหัวจนสมองไหลแล้วหรือไร เพียงมีพลังฝึกปรือแค่อริยะเซียนขั้นกลาง แต่กลับกล้าประลองเป็นตายกับตี้จิ่ว!”
“ข้าคิดว่ามันกำลังหาที่ตาย! โลกนี้ล้วนมีตัวโง่งมมากมายไฉนจะเป็นนายน้อยตำหนักเมฆาครามบ้างไม่ได้?”
……
ไม่ว่าจะเป็นชิงเหยียน สื่อชิง กระทั่งเฉวี่ยฉาน รู้สึกว่าการประลองเป็นตายคราวนี้ ต้วนหลิงเทียนต้องเป็นฝ่ายชะตาขาดแน่นอน!
อริยะเซียนขั้นกลาง ปะทะ เซียนปฐพีขั้นต้น?
ผลการประลอง…ไม่มีข้อสงสัยใดๆทั้งสิ้น!
“ตี้จิ่ว…เจ้าฆ่ามันแล้วอย่าลืมริบแหวนพื้นที่มันมาเล่า ในนั้นสมควรมีตราผนึกมารอยู่! หากเจ้าได้รับตราผนึกมารนั่นแล้วส่งมอบให้เผ่าพันธุ์มังกรที่ภูมิภาคเบื้องบนล่ะก็…คราวนี้ยามเจ้ากับข้าขึ้นไปยังภูมิภาคเบื้องบนย่อมได้รับความดีความชอบอันใหญ่หลวง! ต่อไปพวกเราจักได้รับการดูแลปฏิบัติเป็นพิเศษ!!”
ตี้ชานไม่ลืมส่งเสียงผ่านปราณไปกำชับเรื่องนี้กับตี้จิ่ว
ได้ยินคำของตี้ชาน ใจตี้จิ่วก็จมลงทันที
ตอนแรกมันคิดว่าหลังฆ่าต้วนหลิงเทียนแล้ว จะยึดตราผนึกมารมาเป็นของตัวเอง
แต่ดูเหมือนตอนนี้จะเป็นไปไม่ได้แล้ว
‘ช่างเถอะ…ตราผนึกมารนี่ถึงข้าได้มาก็คงครองไว้ไม่ได้นาน มิสู้ทำตามตาแก่ว่า ส่งมอบให้เบื้องบนไปเสีย คราวนี้ตอนข้ากับตาแก่ไปภูมิภาคเบื้องบน ก็จักได้รับการปฏิบัติอย่างดี!’
คิดถึงเรื่องนี้ตี้จิ่วก็คึกคักอักโขในใจนัก
ไม่ว่าจะเป็นมันหรือตี้ชาน ฐานะมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บที่เป็นดั่งสายเลือดขัตติยะ เพียงมีความพิเศษในภูมิภาคเบื้องล่างเท่านั้น
ทว่าในภูมิภาคเบื้องบนแล้ว มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บก็ไม่อาจนับเป็นอะไรได้ ยังมีคุณค่าเท่าเทียมกับมังกรเทพยาดา 6 กรงเล็บทั่วๆไปเท่านั้น
ในเผ่าพันธุ์มังกรของภูมิภาคเบื้องบนนั้น…ไม่ต้องกล่าวถึงมังกรเทพยาดา 6 กรงเล็บด้วยซ้ำ เพราะมันมีแม้แต่มังกรเทพยาดา 7 กรงเล็บ!
ในภูมิภาคเบื้องล่าง พวกมันคือว่าที่ประมุข และเหล่ามังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บคนอื่นๆก็เป็นชนชั้นอาวุโส…น่าเสียดายที่ในเบื้องบนพวกมันแค่คนธรรมดาๆ!
แต่ถ้าหากมันได้รับตราผนึกมารล่ะก็…
เพื่อเป็นการตอบแทนคุณงามความดี เผ่าพันธุ์มังกรที่ภูมิภาคเบื้องบนย่อมให้สิทธิประโยชน์พวกมันมากมาย!
สำหรับพวกมันแล้วนั่นเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมนัก!
“วางใจได้เลยตาแก่…ตราผนึกมารนั่นต้องตกอยู่ในมือข้าแน่!!”
ตี้จิ่วตอบคำตี้ชานด้วยความมั่นใจ
“ข้าเชื่อในตัวเจ้า!”
ตี้ชานตอบกลับอีกครั้ง มันเองก็เชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตี้จิ่ว
ไม่ว่าจะร่างกายอันแข็งแกร่งหรือด่านพลังที่ทะลวงไปถึงเซียนปฐพีขั้นต้น ก็เป็นอะไรที่ร้ายกาจเกินกว่าอริยะเซียนขั้นกลางจะทำอันตรายใดๆได้ ความแตกต่างของทั้งคู่ กว้างไกลสุดห้วงฟ้าเวิ้งสมุทร!
“เช่นนั้นพวกเจ้าก็ลงนามในสัญญาประลองเป็นตายเลยเถอะ!
เมื่อคนจากขุมพลังกึ่งชั้น 3 ได้ยินวาจามั่นมาดของตี้จิ่ว ก็เสนอให้ทั้งคู่ทำสัญญาประลองเป็นตายทันที ทั้งยังหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยอยากรู้ว่าต้วนหลิงเทียนจะตอบอย่างไร
“สัญญาประลองเป็นตาย? เอาสิ ลงนามก็ลงนาม”
น้ำเสียงต้วนหลิงเทียนยังคงสงบไม่แยแส
คล้ายต่อให้ตอนนี้เขาไท่ซานจะถล่มลงตรงหน้าต้วนหลิงเทียนก็ไม่สะทกสะท้าน!
“ดี! …ช้าก่อน! ไม่ใช่แค่นั้น!”
ขณะที่ตี้จิ่วกล่าวคำ ดี ออกมาไม่ทันไร มันพลันได้ยินคำของตี้ชานส่งตรงถึงหูจึงกล่าวเปลี่ยนคำทันที
ทันใดนั้นทุกสายตา ก็หันไปมองตี้ติ่วทันที ต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่เว้น
“การประลองเป็นตายระหว่างข้ากับเจ้าวันนี้ ไม่เพียงพวกเราต้องสาบานว่าจะสู้กันจนกว่าจะตายกันไปข้าง ยังต้องกล่าวคำสาบานว่าจะสู้กันด้วยพลังฝีมือของตัวเอง! ไม่ได้รับอนุญาตให้ผู้ใดยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเด็ดขาด! และหากมีผู้ใดสอดมือเข้ามาช่วยเหลือ…ผู้ที่ถูกช่วยเหลือจักถูกฟ้าพิฆาตตายตก!!
ตี้จิ่วมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเย็นชา กล่าวออกมาชัดถ้อยชัดคำ
ได้ยินคำของตี้จิ่ว ผู้คนในที่นี้ถึงกับตะลึงไปทันใด
เพราะหากกล่าวคำสาบานตามที่ตี้จิ่วว่าจริงๆ นั่นหมายความว่าต่อให้ต้วนหรูเฟิงยื่นมือเข้าช่วยต้วนหลิงเทียนในห้วงวิกฤตเป็นตาย แต่ต้วนหลิงเทียนที่ถูกช่วยเอาไว้ก็จะถูกฟ้าผ่าตายอยู่ดี!
จังหวะนี้ทุกสายตาหันไปตกยังร่างต้วนหรูเฟิง
สีหน้าของต้วนหรูเฟิงเองก็แปรเปลี่ยนไปวูบหนึ่ง หากแต่พริบตาก็หวนกลับมาเหมือนเดิม
เมื่อตี้จิ่วสังเกตเห็นสีหน้าต้วนหรูเฟิงมันก็คลี่ยิ้มสดใสออกมาทันที เพราะเห็นได้ชัดว่ากระทั่งจ้าวตำหนักเมฆาคราม ต้วนหรูเฟิงผู้ยิ่งใหญ่…ที่แท้ก็ไม่ได้มีความมั่นใจในตัวบุตรชาย!
หาไม่แล้วหน้าคงไม่เปลี่ยนสีหลังได้ยินคำของมันแบบนี้!
ตี้ชานเองก็สังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของต้วนหรูเฟิงเช่นกัน
กระทั่งกู่มี่กับกู่ลี่ที่เผยความหวั่นหวาดออกมาเต็มใบหน้า มันก็สังเกตเห็นได้ชัดเจน!
ตอนที่ 1,860 : 10 อาคมเซียน!
เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปของต้วนหรูเฟิง กู่มี่ และกู่ลี่…ตี้ชานอดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มออกมาด้วยความสบายใจ
‘สงสัยนักว่านายน้อยตำหนักเมฆาครามผู้นี้มันไปเอาความมั่นใจมาแต่ที่ใดกันแน่ เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้วแต่ยังแลดูไม่สะทกสะท้านอันใด’
แต่พอหันกลับมาเห็นท่าทางต้วนหลิงเทียน ตี้ชานอดไม่ได้ที่จะสงสัย
‘หืม?’
ทว่าในขณะที่ตี้ชานกำลังมองสำรวจต้วนหลิงเทียนด้วยความสงสัยนั้นเอง มันสังเกตเห็นว่าในแววตาของต้วนหลิงเทียนคล้ายมีประกายแห่งความหวาดกลัวเผยออกมาวูบหนึ่งก่อนที่จะหายไป!
แม้ความหวาดกลัวนั่นจะโผล่ออกมาแค่วูบเดียว แต่มันมั่นใจว่าเห็นไม่ผิดแน่!
‘ที่แท้นายน้อยตำหนักเมฆาครามก็มิได้สงบอย่างที่ตาเห็น…หากมันกล้าเอ่ยคำสาบานนั่นออกมา วันนี้มันตายแน่!’
ตี้ชานครุ่นคิดในใจ
คำสาบานที่ตี้จิ่วกล่าวออกมาเมื่อครู่ เป็นมันที่ส่งเสียงไปบอกตี้จิ่วเอง
เพราะมันกลัวว่าต้วนหรูเฟิงจะสอดมือเขามาแทรกแซง
มันย่อมรู้พลังของตัวเองดี หากต้วนหรูเฟิงคิดสอดมือช่วยเหลือต้วนหลิงเทียนล่ะก็ มันเองก็ไม่อาจขวางต้วนหรูเฟิงไม่ให้ช่วยต้วนหลิงเทียนได้แน่
เช่นนั้นจะดีเสียกว่าหากเลือกที่จะกำจัดความเป็นไปได้ข้อนี้ออกไปก่อน!
ตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำสาบานตามถ้อยคำที่มันบอกตี้จิ่วไปเมื่อครู่ ต่อให้ต้วนหรูเฟิงยื่นมือเข้าช่วย ต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจหนีความตายได้พ้น!
เพราะแม้ต้วนหรูเฟิงจะช่วยให้ต้วนหลิงเทียนรอดจากการลงมือสังหารของตี้จิ่วได้จริง แต่สุดท้ายอัสนีสวรรค์ก็จะเป็นผู้ลงดาบประหารต้วนหลิงเทียนเอง!
ในฐานะที่เป็นถึงผู้นำเผ่าพันธุ์มังกร ตี้ชานย่อมไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน!
ด้วยเหตุนี้ สีหน้าต้วนหรูเฟิงถึงได้เปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินคำของตี้จิ่ว
“เทียนเอ๋อ หากเจ้าไม่มั่นใจ…สัญญา 5 ปีนั่น…เจ้าเพียงล้มเลิกไปเถอะ!”
ต้วนหรูเฟิงเร่งส่งเสียงถึงต้วนหลิงเทียนทันที
ในใจของมันความปลอดภัยของลูกชายสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
ทันใดนั้นเอง ตี้จิ่วพลันกล่าวคำสาบานออกมาเสียงดังลั่น! จนอัสนีเบื้องบ้นฟาดผ่าลงมา 9 คำรบ ตอบรับคำสาบานและมีผลบังคับใช้!!
“ต้วนหลิงเทียน ถึงตาเจ้าแล้ว!”
หลังกล่าวคำสาบานจบ ตี้จิ่วก็มองเหยียดต้วนหลิงเทียนทั้งกล่าวเย้ยออกมาทันที “หรือ…เจ้ารู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว”
แววตาที่ตี้จิ่วใช้มองต้วนหลิงเทียน ยังเต็มไปด้วยความปรามาสท้าทาย!
เผชิญหน้ากับคำท้าทายของตี้จิ่ว ลูกตาต้วนหลิงเทียนเพียงทอประกายลี้ลับออกมาวูบหนึ่ง ค่อยกล่าวคำสาบานออกมาเช่นกัน
เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!
…
เมื่ออัสนีฟ้าลั่นดัง 9 คำรบ ก็หมายความว่าคำสาบานของต้วนหลิงเทียนนั้น สวรรค์ได้ตอบรับแล้วเช่นกัน!
ตอนนี้ไม่ว่าจะตี้จิ่วหรือต้วนหลิงเทียน ก็ไม่อาจกลับคำพูดได้อีก ต่อให้คิดเสียใจก็ช้าไปแล้ว…
เพราะสุดท้ายไม่ว่าวันนี้ทั้งคู่จะฆ่ากันจนตาย หรือจะตายเพราะมีคนช่วย ก็ล้วนต้องมีคนตกตายแน่ๆหนึ่งคน!
และคำสาบานที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งกล่าว ก็ตัดหนทางรอดเพราะหวังให้ต้วนหรูเฟิงช่วยเหลือออกไปอย่างสมบูรณ์
“เทียนเอ๋อ เจ้าระวังตัวด้วย”
ตอนนี้ต้วนหรูเฟิงก็รู้ดีว่าคำกล่าวอื่นใดล้วนไร้จำเป็นอีกต่อไป ในเมื่อลูกชายมันกล่าวคำสาบานตามคำตี้จิ่วไปแล้วแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าลูกชายของมันมีความมั่นใจ มันจึงทำได้แค่เลือกจะเชื่อใจในตัวบุตรชาย
“น้องหลิงเทียน! รีบฆ่าตัวบัดซบตี้จิ่วนี่เสีย!!”
แม้กู่ลี่จะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการตัดสินใจของต้วนหลิงเทียน แต่ในเมื่อเรื่องมันบานปลายมาถึงขั้นนี้แล้ว มันก็ได้แต่ส่งกำลังใจให้ต้วนหลิงเทียนเต็มที่!
แม้กู่มี่จะไม่กล่าวอะไรออกมา แต่สายตาเปี่ยมกังวลนั่น ก็บอกให้รู้ว่ามันห่วงนายน้อยตำหนักเมฆาครามมากเพียงใด
“ดี ดี …ดีมาก! ต้วนหลิงเทียนเจ้านับว่าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ!”
เห็นต้วนหลิงเทียนกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าออกมาแบบนี้ ตี้จิ่วรู้สึกยินดีปรีดานัก!
“ยามนั้นเจ้ากล้าหลอกข้า…วันนี้ข้าจะให้เจ้าตายอนาถ!!”
ตี้จิ่วถลึงตามองต้วนหลิงเทียนเขม็ง ในลูกตาเอ่อล้นไปด้วยรังสีสังหาร!
วันนั้นมันเดินทางไปเกาะป้านเยว่เพื่อสืบหาเบาะแสการตายของบุตรชาย ตี้ยง แต่ไปๆมาๆสุดท้ายกลับจบลงโดยการถูกต้วนหลิงเทียนหลอกจนหัวปั่น…ย้อนคิดถึงวันนั้นคราใดมันรู้สึกละอายใจนัก!
ตอนนี้ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว…ว่าใครจะเป็นคนฆ่าตี้ยง ลูกชายมัน…
มันเพียงอยากฆ่าต้วนหลิงเทียนที่กล้าปั่นหัวมันให้ตาย! ยึดตราผนึกมารนั่นไปส่งมอบให้เผ่าพันุ์มังกรที่ภูมิภาคเบื้องบน เพื่อสร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่!!
ในสายตาของมัน ต้วนหลิงเทียนก็เหมือนคนที่ตายไปแล้ว!
“หากเจ้าอยากให้ข้าตาย…นั่นก็ต้องดูว่าเจ้ามีปัญญาสามารถพอไหม”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกด้วยใบหน้าเย้ยหยันหลังได้ยินคำของตี้จิ่ว
“อะไร เจ้าแคลงใจพลังฝีมือของข้ารึ?”
ตี้จิ่วคล้ายได้ยินเรื่องชวนหัวแห่งปี อดไม่ได้ที่จะหัวเราะร่าขึ้นมา
เสียงหัวเราะดังไปพักหนึ่งค่อยหยุดลง “แม้ข้าไม่รู้ว่าเจ้าไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกันแน่ ตัวเจ้าที่เป็นแค่อริยะเซียนขั้นกลางถึงได้หาญกล้าท้าทายประลองเป็นตายกับเซียนปฐพีขั้นต้นอย่างข้า! ฆ่าเจ้าน่ะหรือ? เหอะ! สำหรับข้ามิต่างอันใดจากบดบี้มดสักตัว!”
ทันทีที่ตี้จิ่วกล่าวคำนี้ออกมา ความโกลาหลพลันบังเกิดขึ้นทันที
“อะไร!? ต้วนหลิงเทียนคนนี้พึ่งบรรลุถึงอริยะเซียนขั้นกลางเท่านั้นเหรอ?”
“เป็นไปไม่ได้!”
…
เหล่าคนของขุมพลังกึ่งชั้น 3 หลายคนอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าออกมา เพราะเรื่องนี้ฟังดูเหลวไหลนัก
แน่นอนว่ายังมีหน่วยกล้าตายที่กล้าแผ่สำนึกเทวะออกไปสำรวจพลังฝึกปรือต้วนหลิงเทียนเพื่อยืนยันข้อเท็จจริง!
“มารดามันเถอะ! เป็นอริยะเซียนขั้นกลางจริงๆ!!”
“สวรรค์! ด่านพลังฝึกปรือของนายน้อยตำหนักเมฆาครามเป็นเพียงอริยะเซียนขั้นกลางจริงๆ! นิ…นี่ในใจเขาคิดอันใดอยู่กันแน่?”
“เสียสติ! จ้าวตำหนักน้อยคนนี้เสียสติไปแล้ว!!”
…
เมื่อหน่วยกล้าตาย ที่สำรวจพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมา ผู้ชมยิ่งอื้ออึงกันไปใหญ่
นั่นเพราะทุกคนพลันตระหนักได้แน่ชัดแล้ว…ว่าต้วนหลิงเทียนยังเป็นแค่อริยะเซียนขั้นกลางจริงๆ!
“อริยะเซียนขั้นกลางงั้นเหรอ?”
ผู้นำตลาดมืดหยินชาน ตู้กู เองก็อดใจไม่ไหวหลังได้ยินคำฮือฮาของผู้ชม เลือกที่จะแผ่พุ่งสำนึกเทวะออกไปตรวจสอบพลังฝึกปรือต้วนหลิงเทียนด้วยตัวเองทันที ไม่นานมันก็พบพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียน…
“กลับเป็นอริยะเซียนขั้นกลางจริงๆ…”
เมื่อค้นพบพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียน ตู้กูที่มักแลดูสงบมากปัญญา มาตอนนี้ถึงกับทำหน้าเหวอออกมาให้เห็น
ขณะเดียวกันนั้นเอง รองผู้นำตลาดมืดหยินชานทั้ง 2 ที่ยืนอยู่ด้านหลังตู้กูก็อดใจไม่ไหว เลือกจะสำรวจพลังฝึกปรือต้วนหลิงเทียนเช่นกัน และพอพวกมันยืนยันพลังฝึกปรือได้แน่ชัด ก็อดไม่ได้ที่จะตกอกตกใจกันยกใหญ่!
“ปะ…เป็นไปได้อย่างไรกัน! หากต้วนหลิงเทียนผู้นี้เป็นหลิงเทียนของตำหนักฟ้าลี้ลับจริง มิใช่พลังฝึกปรือสมควรไม่ด้อยไปกว่าอริยะเซียนขั้นยิ่งใหญ่หรอกหรือไร…และนั่นมันเรื่องราวตั้งแต่ปีที่แล้วด้วยซ้ำ!”
หน่วยข่าวกรองของตลาดมืดหยินชานนับว่าน่ากลัวไม่น้อย พวกมันจึงรู้ดีว่าหลิงเทียนได้ฆ่ากลุ่มคนที่มีพลังฝึกปรือขอบเขตอริยะเซียนขั้นเชี่ยวชาญของสกุลจ้าวอย่างไร ยังฆ่าได้แม้แต่ศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับของสกุลจ้าวที่บรรลุถึงอริยะเซียนขั้นสูงสุดด้วยซ้ำ!
ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงไม่อาจจะทำใจเชื่อได้ลงคอว่าพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนมีเพียงอริยะเซียนขั้นกลางเท่านั้น
“เป็นไปได้หรือไม่…ที่พลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนจักถดถอยลง?”
จงฉีชานกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ
“เรื่องนี้แปลกประหลาดยิ่งนัก”
เฝิงปู่อี้หน้านิ่วคิ้วขมวด ด้วยมันไม่เข้าใจจริงๆว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่
“ในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า มียอดอัจฉริยะที่สามารถสำแดงพลังฝีมือที่อยู่เหนือพลังฝึกปรืออยู่บ้าง…แต่สถานการณ์เช่นนี้ในภูมิภาคเบื้องล่างเราแทบไม่เคยปรากฏ”
ตู้กูที่คืนสติกล่าวออกมาเสียงเรียบ “จากที่ข้าดู น่ากลัวพลังฝีมือที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียนคนนี้…สมควรไม่ด้อยไปกว่าตี้จิ่ว!”
ฟังจากคำพูดของตู้กู เห็นชัดว่ามันเชื่อมั่นในตัวต้วนหลิงเทียนไม่น้อย
ไม่ด้อยไปกว่าตี้จิ่วงั้นหรือ?
ด่านพลังอริยะเซียนขั้นกลางเนี่ยนะ จะมีพลังทัดเทียมกับเซียนปฐพีขั้นต้นได้!
ไม่ว่าจะจงฉีชานหรือเฝิงปู่อี้ จะร้อยหรือหมื่นส่วนก็ไม่เชื่อเรื่องนี้สักกะผีกเดียว!
แต่พวกมันย่อมไม่กล้ากล่าวออกมาว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะนั่นจะเป็นการหักหน้าท่านผู้นำของพวกมัน!
“เพียงพลังฝึกปรืออริยะเซียนขั้นกลาง…กลับหาญกล้าท้าประลองเป็นตายกับเซียนปฐพีขั้นต้น เรื่องนี้แปลกประหลาดยิ่ง…”
“มิผิด! ว่าที่ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรของพวกเราจะอย่างไรก็มีด่านพลังเซียนปฐพีขั้นต้น! จริงอย่างที่กล่าว…ว่าคิดฆ่าอริยะเซียนขั้นกลางแทบไม่ต่างใดจากบี้มดสักตัว!”
“เฮอะ! คนที่มันกล้ายั่วยุท้าทายเผ่าพันธุ์มังกรของพวกเรา ล้วนถูกสวรรค์ลิขิตให้ตายตกทั้งสิ้น!”
…
มองไปยังต้วนหลิงเทียนที่กำลังยืนเผชิญหน้ากับตี้จิ่ว คนของเผ่าพันธุ์มังกรตื่นเต้นคึกคักกันไม่น้อย
“ฆ่า!”
“ฆ่ามัน!”
“ฆ่ามัน!”
……
เหล่าคนในเผ่าพันธุ์มังกรที่ยังเป็นรุ่นเยาว์ถึงกับตะโกนร่ำร้องออกมาอย่างห้าวหาญ จังหวะนี้พวกมันไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าต้วนหรูเฟิงจะยังอยู่หรือไม่ ล้วนเอาสะใจเข้าว่า
“อ้อ…ไม่ต่างอะไรกับบดบี้มดงั้นเหรอ?”
แววตาของต้วนหลิงเทียนยิ่งมายิ่งเฉยเมยไร้อารมณ์ มุมปากค่อยๆเผยอยิ้มบางๆหลังได้ยินคำของตี้จิ่ว กล่าวออกด้วยถ้อยคำไม่ขาดการเย้ยหยันแม้แต่น้อย “ข้าอยากรู้นัก ว่าที่ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรจะฆ่าข้าให้เหมือนบี้มดยังไง…”
“ข้าจักให้เจ้าได้รู้สมใจ ว่าทำอย่างไร!!”
ท่ามกลางสายตาของผู้คน ตี้จิ่วแสยะยิ้มเย็นชา ก่อนที่จะเริ่มเคลื่อนร่างลงมือ!
ซู่ม!
ร่างตี้จิ่วคล้ายแปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นอัสนีสายหนึ่ง พุ่งวาบตัดฟ้าจี้เข้าหาต้วนหลิงเทียนทันที!
แม้มันจะยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดแต่ความเร็วของมันตอนนี้ก็เทียบได้กับเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด!
ในสายตาของมัน เพียงความเร็วระดับนี้ ต้วนหลิงเทียนก็มองตามไม่ทันแล้ว!
เห็นว่าตี้จิ่วลงมือจู่โจมมาด้วยความเร็วเพียงเท่านี้ ต้วนหลิงเทียนก็แสยะยิ้มออกมาอย่างพึงใจ
นี่มันดูถูกเขาขนาดนี้เลยรึ?
‘ในเมื่อเจ้าประเคนถวายโอกาสอันดีใส่พานมาแบบนี้ หากข้าไม่รับไว้ก็โง่เต็มที!’
ชั่วเวลาประหนึ่งอัสนีวาบฟ้า ต้วนหลิงเทียนที่พึมพำในใจพลันปะทุพลังออกมาอย่างเกรี้ยวกราด! ปราณสุริยันแรกกำเนิดพุ่งเชี่ยวดั่งน้ำหลากไปตามชีพจรเซียนทั้ง 99 สาย บรรลุถึงช่องพลังทั่วร่างในเวลาพริบตา! กระทั่งมวลพลังที่จ่ายส่งไปยังแผ่นหลังยังหนาแน่นกว่าที่ใด!!
พั่บ! พั่บ!
ทันใดนั้นเองปราณสุริยันแรกกำเนิดขุมหนึ่งพลันผนึกควบแน่น ก่อเกิดเป็นปีกสีทองขนาดใหญ่โตคู่หนึ่ง…เป็นปีกอีกาทองคำ!
ในเวลาเดียวกันนั้น ในมือของเขายังปรากฏกระบี่ยาว 3 ฉื่อสีดำสนิทไร้แสงสะท้อนอันใด ผุดโผล่จากความว่างกระชับเข้ามือ!
กระบี่นี้แลดูมีรูปลักษณ์ธรรมดานัก แต่หากมองให้ชัดทั่วใบกระบี่ด้ามจับสีดำสนิทนั่น…กลับมีร่องรอยอักขระขารึกมากมายร้อยเรียงไว้อย่างหนาแน่น!
กระบี่นี้ จารึกอาคมเซียนไว้ทั้งสิ้น 10 อาคม!
ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านอกจากยอดศาสตราเซียนแล้ว ศาสตราเซียนที่ดีที่สุดก็คือศาสตราเซียนระดับนภาโดดเด่น!
และหากอยากยกระดับศาสตราเซียนระดับนภาโดดเด่นให้ทวีความร้ายกาจมากยิ่งขึ้นก็ เห็นทีจะมีแต่การจารึกอาคมเซียนลงไปเท่านั้น!
พลังอำนาจของอาคมเซียนนั้น แม้จะแค่อาคมเดียวก็นับว่าส่งผลเลิศล้ำสำหรับผู้ที่อยู่ใต้ขอบเขตเซียนมนุษย์แล้ว
ทว่าสำหรับตัวตนที่มีพลังฝึกปรือเหนือกว่าขอบเขตเซียนมนุษย์ขึ้นไป หากไม่นับเรื่องระดับสูงต่ำของระดับอาคมเซียน ขอเพียงมีอาคมเซียนยิ่งมาก ศาสตราเซียนเล่มนั้นก็ยิ่งแข็งแกร่ง!
เป็นธรรมดาที่ยิ่งมีอาคมเซียนหนุนเสริมมากบท โดยเฉาะเป็นอาคมเซียนชุดที่ส่งเสริมกันเองทั้ง 10 บท ศาสตราเซียนก็จะยิ่งมีพลังอำนาจสูงส่ง!
และศาสตราเซียนที่มีอาคมเซียนจารึกไว้นั้นไม่ต้องถึง 10 อาคม…เพียง 7 อาคม ก็ถือเป็นศาสตราเซียนที่ถือว่ามีระดับสูงล้ำมากแล้ว! เพราะศาสตราเซียนเหล่านี้ มีเพียงปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 7 ดาวขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถจารึกลงไปได้…
และในภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้ ศาสตราเซียนที่มีอาคมเซียนจารึกไว้ถึง 10 อาคมก็ถือเป็นศาสตราเซียนที่หาได้ยากยิ่งนัก!
กระทั่งในขุมพลังกึ่งชั้น 3 ก็ใช่ว่าจะมีใช้กันทุกขุมพลัง!
กระบี่อันเป็นศาสตราเซียน 10 อาคมในมือต้วนหลิงเทียน เป็นบิดาเขามอบให้ระหว่างเดินทางออกจากตำหนักเมฆาครามมายังเผ่าพันธุ์มังกร
วู้มมม!!
เมื่อปีกอีกาทองคำบนแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนสยายออกกว้าง เพลิงสีทองพลันปะทุออกมาท่วมปีก! ไม่เพียงเท่านั้นกระบี่ 10 อาคมเซียนในมือก็ปรากฏแสงสีทองฉาบเคลือบเอาไว้ดั่งเพลิงไฟเช่นกัน!
ตอนนี้ทั้งปีกทั้งกระบี่ต่างแผ่พุ่งกลิ่นอายพลังอันน่าหวาดกลัวออกมาชวนให้ขนลุก แสงพลังยังสว่างเจิดจ้าปานดวงตะวัน! ทิ่มแทงแยงตาผู้คนไปทั่วทิศ!!
ตอนที่ 1,861 : ผู้คนทั้งหมดตะลึงงัน!
บึม!
บึม!
…
เสียงสนั่นลั่นดังปานระเบิด เป็นปีกคู่สีทองด้านหลังต้วนหลิงเทียนสะบัดกระพืออย่างแรง! แรงเสียจนมวลอากาศแตกระเบิด บังเกิดสายลมแรงปานใต้ฝุ่นปะทุออกไปด้านหลังปานไอพ่น!!
เผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงในฉับพลันนี้ ก่อนที่ใครจะทันรู้ตัว สีหน้าของผู้นำตลาดมืดหยินชานตู้กู จ้าวตำหนักเมฆาครามต้วนหรูเฟิง และผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรถึงกับเปลี่ยนแปลงไปใหญ่หลวง!
ใบหน้าตู้กูเผยทีท่าราวกับ ได้เห็นสิ่งที่คาดเอาไว้
ใบหน้าต้วนหรูเฟิงเผยความประหลาดใจ
ส่วนตี้ชานนั้นเลวร้ายที่สุด ใบหน้ามันบิดเบี้ยวอัปลักษณ์! ในแววตาท่วมท้นไปด้วยความตกใจไม่อยากจะเชื่อ!
ซู่มมม!!
ในสายตาของทั้ง 3 ร่างสีทองพุ่งไปคล้ายดาวตกลัดฟ้า จี้ตรงเข้าใส่ตี้จิ่วด้วยความเร็วสูง!
ความเร็วสูงที่ว่า..มันสูงจนไม่ได้ด้อยไปกว่าความเร็วของตี้จิ่วแม้แต่น้อย!
ต้องทราบด้วยว่าความเร็วในปัจจุบันที่ตี้จิ่วใช้ออก แม้จะไม่ได้เป็นความเร็วสูงสุด ทว่าก็แตะขอบเขตความเร็วสูงสุดเท่าที่เซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดจะใช้ได้แล้ว!
และความเร็วที่ต้วนหลิงเทียนปะทุออกมา ก็ทัดเทียมได้กับของมัน!
“นะ…นายน้อย ที่แท้เป็นเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดงั้นหรือ!?”
“เป็นไปไม่ได้”
“นี่มันบ้าอะไร!?”
ไม่ว่าจะเป็น กู่มี่ ของตำหนักเมฆาคราม สองรองผู้นำตลาดมืดหยินชาน หรืออาวุโสเผ่าพันธุ์มังกรอันเป็นมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บรวมไปถึงมังกรเทพยาดา 4 กรงเล็บ สีหน้าของพวกมันตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากตี้จิ่ว…ตกตะลึง!
เพราะฉากเรื่องราวเบื้องหน้าอยู่เหนือสามัญสำนึกของพวกมันมากเกินไป ความเร็วนั่นมันไม่ใช่อะไรที่อริยะเซียนขั้นกลางจะใช้ออกได้เลย!
อริยะเซียนขั้นกลางกลับมีความเร็วทัดเทียมเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!?
ล้อกันเล่นหรือ!?
“นั่นมันเวทย์พลัง!”
เมื่อกู่มี่และคนอื่นๆคืนสติกลับมารู้สึกตัว ในบรรดาพวกมันไม่ว่าจะเป็น ตู้กู ต้วนหรูเฟิง หรือตี้ชานก็มองออกถึงบางสิ่ง
เหตุผลที่ความเร็วของต้วนหลิงเทียนสูงถึงขนาดนั้น สมควรเป็นเพราะเวทย์พลังรูปปีกสีทองนั่น!
ส่วนกลิ่นอายพลังที่ปะทุออกทั่วร่างนั้น ความเข้มแข็งของไอพลังเป็นของผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนมนุษย์แน่ๆ! แต่ยังอยู่ราวๆเซียนมนุษย์ขั้นกลางเท่านั้น!!
ทว่าด้วยพลังเท่านั้นกลับบรรลุความเร็วระดับนี้ได้…ก็บ่งบอกให้พวกมันรู้ชัดประการหนึ่ง! เวทย์พลังที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกไม่ธรรมดา!!
และระดับของเวทย์พลังนี้ ทำให้ในใจของพวกมันอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก…
เป็นเวทย์พลังระดับสูง!!
ยิ่งไปกว่านั้นต้วนหลิงเทียนกลับสามารถควบคุมใช้เวทย์พลังดังกล่าวได้อย่างชำนิชำนาญ! เห็นได้ชัดว่าเข้าใจถึงแก่นแท้เวทย์พลังนี้แล้วเป็นแน่!
หาไม่แล้วความเร็วคงไม่เหลือเชื่อเกินจริงขนาดนี้!
“เซียนอมตะข้ามภพ!!”
ด้วยปีกอีกาทองคำ ต้วนหลิงเทียนที่พุ่งทะยานเข้าใส่ตี้จิ่ว ก็มีความเร็วที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าตี้จิ่วเลย…
และในขณะที่ตี้จิ่วพึ่งตอบสนองเรื่องราว หน้ามันก็จำต้องบิดเบี้ยวอีกครั้ง เพราะร่างต้วนหลิงเทียนเริ่มสั่นไหวจนกลายเป็นพร่าเลือน!!
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
พริบตาต่อมาประหนึ่งผีหลอกกลางวันแสกๆ กลับมีร่างแยก 2 ร่างที่แลดูเหมือนต้วนหลิงเทียนไม่มีผิดเพี้ยนแยกตัวออกไปอยู่ด้านข้างทั้งซ้ายขวาของต้วนหลิงเทียน! และจากการที่ร่างพร่าเลือนเมื่อครู่ก็มิอาจบอกได้ว่าร่างต้นต้วนหลิงเทียนคือคนไหน!!
เพราะร่างแยกแต่ละร่างพวกมันไม่ใช่แค่แลดูเหมือนต้วนหลิงเทียนเท่านั้น แต่ละร่างยังมีคู่ปีกอีกาทองคำอยู่ด้านหลัง กระทั่งถือกระบี่ 10 อาคมเซียนเอาไว้ด้วยกันทั้งคู่! ประหนึ่งร่างอวตารถอดแบบเสมือนจริงก็ไม่ปาน!!
นี่คือเวทย์พลังระดับสูง เซียนอมตะข้ามภพ!
นับตั้งแต่ต้วนหลิงเทียนได้ชำนาญปฐมเวทย์กลืนกินแล้ว เขาก็ใช้เวลาที่เหลือทำความเข้าใจและเพาะสร้างเวทย์พลังเซียนอมตะข้ามภพต่อทันที ตอนแรกเขาก็ไม่ได้คาดหวังอะไรนักเพราะเวลามันเหลือน้อยเกินไป…แต่สุดท้ายเขาก็สามารถเพาะสร้างต้นแบบ จนประสบความสำเร็จได้ในเวลาอันสั้น!
แน่นอนว่าหลังทำได้แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ชัดเจน ว่าทำไมเขาถึงประสบความสำเร็จในการเพาะสร้างเวทย์พลังนี้ได้ในเวลาอันสั้น…ทั้งหมดล้วนต้องขอบคุณ ยอดใจกระบี่!
‘ยอดใจกระบี่’ เป็นเคล็ดบำเพ็ญจิตเต๋ากระบี่สูงสุง แก่นแท้และความลึกล้ำของมันนั้น เสมือนหนทางสู่แก่นแท้ของวรยุทธ์ทั้งมวล ราวกับหากบรรลุเพียงหนึ่ง กลับลึกซึ้งได้ถึงหมื่นพันวิถี!!
ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงไม่จำเป็นต้องเสียเวลาทำความเข้าใจวรยุทธ์เซียนอื่นใด หรือทักษะวิชาต่างๆมากมายเหมือนเก่า
และในขณะที่พยายามตีความเคล็ดเวทย์พลังระดับสูงอย่างเซียนอมตะข้ามภพอยู่นั้น ต้วนหลิงเทียนก็พบอีกว่า…
แก่นแท้ ของยอดใจกระบี่นั้น ไม่เพียงแต่จะครอบคลุมถึงวรยุทธ์วิชา…กระทั่งยังมีบางส่วนเป็นแนวทางเดียวกันกับเซียนอมตะข้ามภพเช่นกัน!
และนั่นทำให้เขาใช้เวลาในการเพาะสร้างเซียนอมตะข้ามภพเพียงแค่ครึ่งเดียวของปฐมเวทย์กลืนกินเท่านั้น
อย่างไรก็ตามแม้เขาจะเพาะสร้างเซียนอมตะข้ามภพได้สำเร็จ หากแต่ความเข้าใจของเขาก็ยังอยู่ในขั้นตอน พื้นฐานเท่านั้น ซึ่งทำให้สร้างร่างแยกออกมาได้แค่ 2 ร่างเท่านั้น
ถึงแม้ร่างแยกอวตารที่ถูกสร้างขึ้น 2 ร่างจากเวทย์พลังเซียนอมตะข้ามภพ จะอ่อนด้อยกว่าร่างต้น แต่มันก็อ่อนด้อยกว่าเพียงเล็กน้อย…
ด้วยความที่ตอนนี้ ยอดใจกระบี่ ของต้วนหลิงเทียน เจียนบรรลุถึงขอบเขตที่ 3 เต็มที ยามผสานใช้ร่วมจึงทำให้เวทย์พลังเซียนอมตะข้ามภพนั้นทวีความร้ายกาจขึ้น! จนพลังจู่โจมโดยของแต่ละร่างกลับเทียบได้กับเซียนมนุษย์ขั้นเชี่ยวชาญ!!
ทำให้การรวมพลังกัน จากการโจมตีของร่างแยกอวตารทั้ง 2 ทำให้พลังจู่โจมของต้วนหลิงเทียนพุ่งทะยานขึ้นไปจนเทียบได้กับเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด!!
วู้ม! วู้ม! วู้ม!
หนึ่งร่างต้น 2 ร่างแยกอวตารพุ่งทะยานแยกย้ายไป 3 ทิศทาง ค่อยจี้กระบี่พุ่งยิงรังสีกระบี่สังหารไปยังตี้จิ่วอย่างพร้อมเพรียง!
รังสีสังหารกระบี่ 3 สายพุ่งแหวกฟ้าฉับไว แม้จะยิงออกมาต่างมุม หากแต่ทิศทางล้วนบรรจบที่ร่างตี้จิ่ว ทำให้ตี้จิ่วยากจะหลีกหลบไปไหนได้!
‘บัดซบ! ไฉนมันถึงร้ายกาจได้ขนาดนี้!!’
นี่เป็นความคิดแรกที่ผุดขึ้นในใจของตี้จิ่ว หลังเห็นต้วนหลิงเทียนปะทุพลัง พุ่งร่างออกมาด้วยความเร็วสูง
ฉากเรื่องราวเบื้องหน้า เป็นอะไรที่ใจมันยากจะยอมรับได้
เมื่อ 5 ปีที่แล้วอีกฝ่ายเป็นเพียงมดปลวกตัวกระจ้อยที่ยังไม่บรรลุเซียนดั้งเดิมด้วยซ้ำ มันจะบี้ยีให้แหลกคามือตอนไหนก็ได้! ทว่าหลังจากวันนั้นผ่านไป 5 ปี พลังของอีกฝ่ายกลับเพิ่มพูนขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ กระทั่งมันยังไม่แน่ใจว่ากำลังฝันไปหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เมื่อเจอรังสีกระบี่สังหาร 3 สาย ตี้จิ่วไม่มีเวลาครุ่นคิดอะไรให้มาก มันดึงสติกลับมาจดจ่อเรื่องตรงหน้าทันที
‘ถึงแม้ข้าจะมีพลังเหนือมัน แต่ตอนนี้ข้ากลับต้องเสียเปรียบเพราะข้าประมาทมันตั้งแต่แรก! ถึงตอนนี้จะเร่งเร้าพลังมากเพียงใดก็สายเกินกว่าที่จะเอาชนะ 3 กระบี่นี้ของมันได้…เว้นเสียแต่ข้าจะคืนร่างเดิม!’
สองตาเห็นรังสีจี้เข้ามาฉับไว ใจก็ครุ่นคิดคร่ำครวญไปปานฟ้าผ่า
เพราะมันประมาทดูเบาต้วนหลิงเทียนแต่แรก มันจึงเลือกจะใช้พลังในระดับเซียนมนุษย์ขั้นสุดยอดเท่านั้น
ตอนนี้พอเจอต้วนหลิงเทียนพุ่งร่างฉับไวด้วยความเร็วทั้งลงมือจู่โจมมาด้วยพลังโจมตีที่ไม่ด้อยกว่าเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด! ทำให้มันรู้สึกมือเท้าพันกันอยู่บ้าง!!
ภายใต้สถานการณ์ที่อีกฝ่ายปะทุพลังลงมือดุร้าย กับมันที่ออมพลังพุ่งเข้ามา…มันย่อมไม่มีเวลาเร่งเร้ารวบรวมพลังอะไรได้มาก!
นอกเสียจากมันจะหวนคืนสู่ร่างเดิม! ร่างที่แท้จริงของเผ่าพันธุ์มังกร!!
อย่างไรก็ตาม การที่มันต้องคืนร่างที่แท้จริงทั้งๆที่พึ่งเริ่มสู้กับต้วนหลิงเทียนแบบนี้ นับเป็นความอัปยศและพาลให้เสียหน้าครั้งใหญ่!
เช่นนั้นมันจึงล้มเลิกความคิดดังกล่าวไปแทบจะทันที
ขวับ!
สุดท้ายในห้วงเวลาวิกฤต ยามต้องเผชิญหน้ากับรังสีกระบี่สังหารทั้ง 3 สายของต้วนหลิงเทียน ตี้จิ่วได้แต่เรียกดาบใหญ่แลดูหนักเอาเรื่องออกมา และเห็นได้ชัดว่ามันเป็นศาสตราเซียนที่มีอาคมเซียนจารึกไว้ถึง 10 อาคมเช่นกัน!!
“ทลายขุนเขาสะบั้นลำน้ำ!”
ดาบมหึมาเปี่ยมด้วยอาคมเซียน 10 อาคมเปล่งพลังอำนาจ พาลให้กลิ่นอายพลังทั่วร่างของตี้จิ่วแปรเปลี่ยนไปทันใด คนคล้ายกลับกลายเป็นดาบใหญ่เล่มหนึ่ง!
ขณะเดียวกันพลังอำนาจของขอบเขตเซียนปฐพีขั้นต้นก็เริมแผ่พุ่งออกมา
แน่นอนว่ามันไม่มีเวลาควบรวมผนึกพลังอะไร ได้แต่ปะทุพลังออกมาอย่างฉุกละหุกเท่านั้น
อย่างไรเสียดาบใหญ่ที่ฉาบพลังฉุกละหุกดังกล่าว ยังแฝงไปด้วยพลังจากเคล็ดวรยุทธ์เซียนที่มันฝึกปรือ แถมยังผสานไปด้วยเวทย์พลังดาบสายจู่โจมขั้นกลางอันเรียกว่า ทลายขุนเขาสะบั้นลำน้ำ! จึงมีพลังทำลายไม่ใช่ชั่ว!!
วู้มมม!!
เสียงดาบกู่ร้องดังขึ้น! ตี้จิ่วเลือกฟาดดาบออกไปด้วยท่วงท่าอันเรียบง่าย ซัดรังสีพลังดาบสะบั้นสายหนึ่ง จี้ไปยังหนึ่งในร่างต้วนหลิงเทียน ด้วยสภาวะปานจะผ่าสะบั้นให้แหลกเป็นเสี่ยงๆ
แน่นอนว่ารังสีดาบที่ฟันฟาดซัดไป ก็ทำได้แค่เล็งทำลายรังสีพลังกระบี่สังหาร 1 สาย กับ 1 ในร่างต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 เท่านั้น…
พร้อมกันนั้นเองหลังจากที่ซัดรังสีดาบไปแล้ว ตี้จิ่วก็พยายามรีดเค้นปราณแรกกำเนิดขอบเขตเซียนปฐพีขั้นต้นของมันอย่างเร็วที่สุด ผนึกควบลงตัวดาบอีกครั้ง วาดฟันออกไปอีกครา ใส่รังสีพลังกระบี่สังหารอีกสายของต้วนหลิงเทียน ที่กำลังพุ่งเข้ามา!
ซู่มม!!
ปง!!
ฉัวะ!!
เสียงรังสีดาบของตี้จิ่วพุ่งแหวกฟ้าฉับไวทำลายรังสีกระบี่สังหารของร่างแยกต้วนหลิงเทียน กระทั่งพุ่งไปโดยไม่สิ้นสภาวะ ผ่าสะบั้นทลายร่างแยกดังกล่าวจนระเบิดหายไป!
ปงง!!
ส่วนอีกดาบที่ตี้จิ่วเร่งผนึกพลังฟาดฟันก็ทำได้แค่ผ่าทำลายรังสีกระบี่สังหารอีกสายเท่านั้น
ซู่มม!!
ฉัวะ!!
และมันก็ไม่อาจวกดาบมาต้านทานรังสีกระบี่สังหารอีกสายของต้วนหลิงเทียนได้ทัน ทำได้แค่เบี่ยงตัวหลบเต็มกำลัง! อนิจจารังสีกระบี่ยังทะลวงไหล่ตี้จิ้วจนทะลุ โลหิตพวยพุ่งออกมาดั่งสายน้ำพุ!
ปงงง!!
ในขณะที่โลหิตทะลักไหลออกมาปานสายน้ำพุ ตี้จิ่วไม่ทราบใช้ออกด้วยเคล็ดวิชาอะไร หากแต่มวลพลังทั่วร่างพลันปะทุระเบิดออกสนั่นฟ้า! ส่งร่างมันให้พุ่งถอยหลบออกไปด้วยความเร็วอัศจรรย์ หลบร่างต้นของต้วนหลิงเทียนและอีก 1 ร่างแยกอวตารที่จี้กระบี่เข้ามาได้ทันเวลา…
วู้ม! วุ้ม!!
หากทว่าเรื่องที่ตี้จิ่วคิดหลบหนี ไหนเลยต้วนหลิงเทียนจะไม่ทราบได้! ร่างคนทั้งร่างแยกอวตารที่พุ่งเข้ามา พลันหักเหเปลี่ยนทิศทางติดตามมันไป!กระบี่ยังตวัดฟันฟาดออกไปพร้อมกัน หมายผ่าฟันร่างตี้จิ่วให้แยกเป็นเสี่ยง!!
เชียะ!!
อนิจจาคมกระบี่ทำได้แค่เฉือนเขาผิวเนื้อมันเท่านั้น ไม่อาจกินลึกจนสร้างบาดแผลฉกรรจ์! เพราะตี้จิ่วจะดีจะร้าย พลังที่มันปะทุระเบิดออกเพื่อส่งร่างหลบหนีก็เป็นพลังของขอบเขตเซียนปฐพีขั้นต้น! ความเร็วจึงเหนือกว่าขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดของต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง!!
ทำให้กระบี่ที่ฟันออก ทำได้แค่เรียกเลือดจากร่างมันเพิ่มเท่านั้น แต่ไม่ส่งผลกระทบอันใดต่อพลังความแข็งแกร่งของมัน
วูบ! วูบ!
ภายใต้สายตาของผู้คนในหุบเขา ร่างตี้จิ่วพุ่งทะยานเตลิดหนีไปกว่าร้อยหมี่ค่อยหยุดลง
กลับกัน ต้วนหลิงเทียนที่ตวัดกระบี่ถากเนื้อตี้จิ่วได้หยุดร่างค้างกลางหาว ก่อนที่จะเรียกร่างแยกอวตารให้พุ่งกลับเข้ามาหลอมรวมกับตัวเพื่อถนอมพลัง คนถือกระบี่สีมืดชี้ลงพื้น สายตามองทอดไปยังร่างที่เตลิดหนีออกไปไกลห่างอย่างสงบ…
ทุกเรื่องราวบังเกิดขึ้นในชั่วพริบตา สุดที่สายตาคนทั่วไปอันมีพลังฝึกปรือไม่ถึงขั้นจะมองติดตามได้ทัน
อย่างไรก็ตามแม้พวกมันจะมองการปะทะที่เกิดขึ้นก่อนหน้าไม่ออก แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น โดยมีตี้จิ่วโชกเลือดพุ่งหนีออกไปไกลห่าง กับต้วนหลิงเทียนที่ยืนอย่างสงบ ย่อมบ่งบอกให้พวกมันรู้ชัด…ว่าผู้ใดสูงผู้ใดต่ำผู้ใดมีเปรียบเสียเปรียบ!
“ปะ…เป็นไปได้อย่างไร”
ลูกตาของรุ่นเยาว์เผ่าพันธุ์มังกรยามนี้แทบถลนออกเบ้า ปากยังอ้าค้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“นี่ข้าฝันไปหรือไม่?”
เผ่าพันธุ์มังกรหลายคนเอื้อมมือไปหยิกต้นขา บ้างก็ลองตบๆหน้าตัวเองดู เพื่อตรวจสอบดูว่าใช่พวกมันกำลังฝันอยู่หรือไม่ พอความเจ็บจี๊ดแล่นวาบถึงหัวพวกมันจึงได้รับทราบ
ฉากเรื่องราวเบื้องหน้าที่สองตาแลเห็นเป็นความจริง ไม่ใช่ภาพฝัน!
การปะทะกันครั้งแรก…ต้วนหลิงเทียนได้รับชัยชนะ!
“นายน้อยตำหนักเมฆาคราม มิใช่มีพลังฝึกปรือขอบเขตอริยะเซียนขั้นกลางหรือไร…ตี้จิ่วก็มิใช่เซียนปฐพีขั้นต้นหรอกหรือ? ผู้ใดสามารถบอกข้าพเจ้าได้บ้าง…ว่านี่มันเรื่องอันใดกันแน่!? ไฉนกลับเกิดอะไรเช่นนี้ได้!?”
ใบหน้าของคนจากขุมพลังกึ่งชั้น 3 ทั้งหลายก็อึ้งตะลึงเป็นไก่ตาแตก
“สวรรค์! นี่หรือการปะทะกันระหว่างอริยะเซียนขั้นกลางกับเซียนปฐพีขั้นต้น! มารดามันเถอะไฉนเร้าใจข้าถึงเพียงนี้!!”
หลายคนอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถาม
แน่นอนว่าผู้ที่ไม่อาจแลเห็นก็ได้แต่งุนงงสงสัยว่านี่มันเรื่องราวอะไรกัน…
ส่วนผู้ที่แลเห็นฉากเรื่องราวเมื่อครู่ ก็อึ้งค้างไปแล้ว
นั่นเพราะฉากการปะทะก่อนหน้าทำให้พวกมันตะลึงงันไปแล้วจริงๆ
“ความเร็วของนายน้อยตำหนักเมฆาครามมิคาดกลับเทียบได้ถึงขอบเขตเซียนมนุษย์ข้นสูงสุด…ส่วนพลังโจมตีก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ายอดฝีมือขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดเลย…”
ตัวตนชนชั้นอาวุโสของขุมพลังกึ่งชั้น 3 คนหนึ่งกล่าวออกเสียงเข้ม
“แต่…”
ทว่าหลังจากที่มันกล่าวจบ มันก็ได้แต่ชักสีหน้าสับสนไม่เข้าใจ ไถ่ถามออกมาด้วยน้ำเสียงสงสัย “ยังมีผู้ใดบอกข้าได้บ้าง…ว่าไฉนยามข้าตรวจสอบพลังฝึกปรือของนายน้อยตำหนักเมฆาครามถึงมีเพียงอริยะขั้นกลาง? ในโลกยังมีอริยะเซียนขั้นกลางที่สามารถสำแดงพลังได้ถึงขั้นนี้ด้วยหรือ?!”
อันที่จริงก็ไม่ใช่มันคนเดียวที่สงสัย
กระทั่งชนชั้นอาวุโสของเผ่าพันธุ์มังกร รวมทั้งตัวผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรอย่างตี้ชานเองสงสัยเช่นกัน แถมสีหน้ายังมืดดำปานจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก!
เพราะพวกมันเสมือนถูกหลอกลวงครั้งใหญ่!
ตอนที่ 1,862 : ทัดเทียม?
นายน้อยตำหนักเมฆาครามต้วนหลิงเทียนน่ะหรือ..มีพลังฝึกปรืออริยะเซียนขั้นกลาง?
เหลวไหล!
ด้วยพลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนสำแดงออกมา บอกว่าเป็นเซียนมนุษย์ขั้นกลางถึงจะไม่แปลกปลอม!
“สารเลวน้อยนั่นมันหลอกข้า!”
หน้าตี้ชานอัปลักษณ์นัก มันครุ่นคิดไตร่ตรองถี่ถ้วนดีแล้ว…แต่มิคาดเรื่องราวกลับอยู่เหนือการคาดคำนวณของมัน!
จากที่มันเห็น…ต้วนหลิงเทียนที่มีระดับพลังฝึกปรืออริยะเซียนขั้นกลางนั่น ที่แท้มีพลังฝีมือบรรลุถึงขอบเขตเซียนมนุษย์!!
นอกจากนี้จากที่มันประเมิน ไม่ว่าจะพลังหรือความเร็วของต้วนหลิงเทียน อาศัยกลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมาช่วงแรกๆ สมควรอยู่ในขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นกลาง!
เช่นนั้นมันจึงมั่นใจเต็ม 10 ส่วนว่าพลังฝึกปรือที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียนสมควรอยู่ในขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นกลาง!
สำหรับเหตุผลที่ไฉนต้วนหลิงเทียนถึงต่อสู้ทัดเทียมได้กับเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดนั้น ล้วนเป็นเพราะเวทย์พลังทั้ง 2 ที่แตกฉาน!
ในฐานะผู้นำเผ่าพันธุ์มังกร ตี้ชานย่อมมองเห็นถึงความสูงต่ำของเวทย์พลังที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกทั้ง 2 ชนิดได้ทันที!
ไม่ต้องกล่าวถึงเวทย์พลังเสริมเคลื่อนไหวที่น่ากลัวนั่น ลำพังแค่เวทย์พลังสายกระบี่จู่โจมที่สำแดงออกมาก่อนหน้า น่ากลัวว่าระดับคงเหนือล้ำกว่า ‘ทลายขุนเขาสะบั้นลำน้ำ’ ที่ตี้จิ่วเพาะสร้างเสียอีก!
ทลายขุนเขาสะบั้นลำน้ำของตี้จิ่วนั้น เป็นเพียงเวทย์พลังระดับกลางเท่านั้น แต่มันก็ถือว่าเป็นเวทย์พลังที่ค่อนข้างทรงพลังในบรรดาเวทย์พลังระดับกลางด้วยกัน!
ด้วยเหตุนี้ ความเป็นไปได้จึงมีเพียงประการเดียวเท่านั้น…
เวทย์พลังกระบี่สายจู่โจมที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกเมื่อครู่…เป็นเวทย์พลังระดับสูง!!
‘สารเลวน้อยนี่มันยังเยาว์อยู่แท้ๆ ไฉนถึงเพาะสร้างเวทย์พลังสายจู่โจมระดับสูงได้…แต่อย่างไรเสีย เวทย์พลังกระบี่ระดับสูงนั่นเพียงดูก็สมควรยังพึ่งบรรลุขั้นตอนพื้นฐานเท่านั้นนับว่าเรื่องนี้ยังสามารถยอมรับได้…แต่เวทย์พลังปีกประหลาดระดับสูงนั่น…มันก้าวข้ามขั้นตอนพื้นฐานไปไกล!!’
ตี้ชานตื่นตระหนกไม่น้อย
‘นอกจากนี้มันสมควรมีทักษะลับปกปิดพลังอันใดสักอย่าง ถึงได้สามารถตบตาข้าและทุกคนได้!หาไม่แล้วไหนเลยด้วยสำนึกเทวะของข้ายังไม่อาจหยั่งถึงพลังฝึกปรือมัน!’
ตี้ชานลอบคาดเดา
และการคาดเดานี้ของตี้ชาน ก็ละม้ายคล้ายกับความคิดของคนอื่น
“ซะ…เซียนมนุษย์ขั้นกลาง! มะ ไม่จริงน่า! มารดาเราช่วยด้วย นายน้อยตำหนักเมฆาครามกลับบรรลุถึงเซียนมนุษย์ขั้นกลางแล้ว!? นะ…นี่จะให้ผู้อื่นใช้ชีวิตกันอยู่อย่างไร!?”
“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าตำหนักเมฆาคราม ไม่เพียงมีจ้าวตำหนักที่พลังฝีมือสะท้านใต้หล้า กระทั่งนายน้อยยังเป็นตัวประหลาดเช่นนี้! ด้วยมีนายน้อยร้ายกาจขนาดนี้ เกรงว่าตำหนักเมฆาครามคงรุ่งโรจน์ไปอีกนับร้อยๆปี!”
“อย่าได้รีบร้อนกล่าวไป…การประลองเป็นตายวันนี้ ไม่แน่ว่านายน้อยตำหนักเมฆาครามจะเป็นฝ่ายรอดชีวิต มีชัยเหนือตี้จิ่ว”
“อ่า! นั่นสินะ”
……
บรรดาคนของขุมพลังกึ่งชั้น 3 ต่างคิดคาดผลลัพธ์เรื่องราวกันไปต่างๆนาๆ ไม่แน่ใจว่าระหว่างต้วนหลิงเทียนกับตี้จิ่วใครจะอยู่ใครจะไป
“ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะซุกซ่อนปกปิดพลังฝึกปรือไว้เช่นนี้…”
สีหน้าชิงเหยียนบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะซุกซ่อนพลังฝีมือเอาไว้
ด้วยเหตุนี้ไม่พ้นที่ต้วนหลิงเทียนแผ่สำนึกเทวะออกมาทำราวกับจะตรวจสอบพลังของมันวันนั้น เป็นการจงใจกระทำ เพื่อล่อหลอกให้มันไขว้เขวสับสนเป็นแน่! หมายทำให้ตี้จิ่วประมาท!!
แน่นอนว่านี่เป็นการคาดเดาของชิงเหยียนเท่านั้น
แต่มันยิ่งคิดเท่าไหร่ก็ยิ่งเข้าเค้า มีความเป็นไปได้สูง!
ไม่เพียงแต่ชิงเหยียนเท่านั้น อาวุโสคุมกฏ ฉานเฉวี่ย กับ สื่อชิงชนชั้นอาวุโสของเผ่าพันธุ์มังกร ก็มีสีหน้าดูไม่ได้เช่นกัน
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ ที่แท้กลับบรรลุพลังฝึกปรือเซียนมนุษย์ขั้นกลางแล้ว…แต่มิใช่ตี้จิ่วกล่าวไว้หรอกหรือว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้วมันยังพึ่งเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตสู่เซียนกระจ้อยร่อยเท่านั้น?”
สื่อชิงกล่าวหน้าเครียด
“อย่าได้ลืมไป…บิดาของมันคือต้วนหรูเฟิง!”
ลึกลงไปในแววตาของฉานเฉวี่ย เผยให้เห็นร่องรอยความหวาดกลัว!
ต้วนหรูเฟิง!
พอได้ยินนามนี้ สื่อชิงถึงกับเงียบไปทันที
พอนึกถึง ‘วีรกรรม’ ที่ต้วนหรูเฟิงกระทำไว้ในอดีต เรื่องที่ลูกชายจะร้ายกาจแบบนี้ก็ไม่แปลกอะไร
“ขะ…ข้ากำลังฝันไปหรือไร?”
กู่ลี่มองต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างไกลตาด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด
กระทั่งเผชิญหน้ากับตัวตนอย่างตี้จิ่วผู้ซึ่งบรรลุถึงขอบเขตเซียนปฐพีขั้นต้นยังมีเปรียบ! นี่ใช่น้องชายหลิงเทียนของมันแน่หรือ!?
ถึงแม้กู่ลี่จะรู้มานานแล้วว่าต้วนหลิงเทียนร้ายกาจ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนจะก้าวข้ามมันไปแล้วแบบนี้
จนกระทั่งมาถึงวันนี้ มันจึงได้รู้ในที่สุด ว่าที่แท้น้องหลิงเทียนของมันได้ก้าวข้ามมันไปไกลโพ้น!
อย่างน้อยๆหากมันเผชิญหน้ากับตี้จิ่ว มันก็คงไม่มีวันทำอะไรแบบนี้ได้
เผลอๆมันอาจจะถูกตี้จิ่วทุบผัวะเดียวตัวแตกตาย!
“ท่านจ้าวตำหนักน้อย!!”
ลูกตากู่มี่ถึงกับส่องแสงวิบวับ ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความยินดีถึงที่สุด ปากยังฉีกยิ้มกว้างจนถึงหู แลดูอัปลักษณ์ยิ่งกว่าหญิงชราร่ำไห้…
“พลังฝีมือของเทียนเอ๋อแข็งแกร่งจริงๆ…อีกทั้งเวทย์พลังที่เทียนเอ๋อใช้ออกเมื่อครู่นั่น..”
ต้วนหรูเฟิง มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเลื่อนลอย ตอนนี้มันรู้สึกคล้ายบุตรชายกลายเป็นคนแปลกหน้า ราวกับมันไม่รู้จักอะไรอีกฝ่ายเลย
‘ไม่น่าแปลกใจเลยว่าไฉนท่านผู้เฒ่าพยากรณ์ถึงบอกให้ข้าทำสัญญากับเผ่าพันธุ์มังกร…ที่แท้ท่านมั่นใจในตัวเทียนเอ๋อจริงๆ’
พอคิดถึงมาถึงจุดนี้ในใจของต้วนหรูเฟิงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันที
ถึงแม้พลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกมาตอนนี้ จะยังไม่มากพอให้เอาชนะตี้จิ่วได้ แต่อย่างน้อยๆเรื่องเอาตัวรอดก็ไม่มีปัญหาอะไรสืบไป
“ปะ…เป็นไปได้อย่างไรกัน!?”
“ลูกชายของจ้าวตำหนักเมฆาคราม กลับร้ายกาจถึงเพียงนี้?!”
รองผู้นำตลาดมืดหยินชานทั้ง 2 ไม่ว่าจะเฝิงปู่อี้หรือจงฉีชานได้แต่หันมองหน้าสบตากันด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“น่าสนใจจริงๆ! ลูกชายต้วนหรูเฟิงคนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าบิดาเลยจริงๆ”
ตู้กูกล่าวพึมพำออกมาขณะมองต้วนหลิงเทียนที่อยู่ไกลตา จากวาจาราวคล้ายไม่ได้แปลกใจอะไรเท่าไหร่ แลดูสงบกว่าผู้อื่น
เมื่อเวลาผ่านไปอีกพักหนึ่งเสียงกล่าวพึมพำค่อยๆซาลง จนในที่สุดก็เงียบสนิท ตอนนี้ทุกคนจะได้ยินก็แต่เสียงของสายลม
“ต้วนหลิงเทียน ข้าไม่คิดเลยว่าเพียงผ่านไป 5 ปี พลังฝีมือเจ้าจะก้าวหน้าขึ้นมาถึงขนาดนี้…แต่หากเจ้าคิดว่าอาศัยพลังฝีมือเพียงเท่านี้แล้วจะสามารถฆ่าข้าไดล่ะก็…ข้าขอให้เจ้าเลิกฝันกลางวันเสียเถอะ!”
หลังจากลอยร่างเผชิญหน้าอย่างสงบกันอยู่พักหนึ่ง ตี้จิ่วที่รับประทานโอสถรักษาตัวจนบาดแผลที่ไหล่เริ่มฟื้นตัวแล้ว ก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นแฝงความเย้ยหยัน
“เลิกฝันกลางวัน?”
ต้วนหลิงเทียนยกยิ้มเยาะ สายตาเผยความรังเกียจเดียจฉันท์
“อะไร? ไม่เชื่อหรือ?”
เมื่อเห็นรอยยิ้มดูหมิ่นบนใบหน้าต้วนหลิงเทียน ตี้จิ่วรู้สึกมีโมโหขึ้นมาทันที “เหอะ ข้าจะบอกให้เจ้ารู้อาศัยพลังฝีมือเพียงเท่านี้ของเจ้า ในสายตาข้าตี้จิ่วยังไม่อาจนับเป็นอะไรได้! ต่อให้เจ้าจะบรรลุขอบเขตพลังเซียนมนุษย์แล้วมันก็เท่านั้น! คิดฆ่าเจ้ายังง่ายดายเหมือนบี้มด!!”
กล่าวจบคำร่างตี้จิ่วก็ไหววูบหายไปทันที! คนพุ่งร่างไปปานเส้นสายอัสนีจี้เข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างเกรี้ยวกราด!!
คราวนี้ตี้จิ่วไม่ออมพลังยั้งมืออะไร พลังขอบเขตเซียนปฐพีขั้นต้นปะทุพวยพุ่งออกมาเต็มกำลัง ความเร็วของมันเหนือล้ำกว่าก่อนหน้ามากมายนัก!
มวลพลังอันสุดไพศาลลุกโชนขึ้นมาท่วมกายดั่งเพลิงไฟ!
ซู่มม!!
นอกจากเสียงดังหวีดหวิวจากการแหวกฝ่าสายลมจนอากาศแตกระเบิด ยังมีเสียงวัตถุชำแรกผ่านอากาศมาด้วยความเร็วสูง!
“ทลายขุนเขาสะบั้นลำน้ำ!”
ไม่เพียงร่างมันที่พุ่งมาปานเส้นสายอัสนีเท่านั้น ดาบใหญ่มหึมายังฟาดฟันออกมาปานฟ้าผ่าเช่นกัน!
ดาบใหญ่ของมันไม่เพียงใช้ออกมาด้วยวรยุทธ์เซียนชนิดหนึ่ง ยังผสานไปด้วยเวทย์พลังดาบสายจู่โจมขั้นกลางอันน่ากลัว! ดาบฟันฟาดไปทางกลางกระหม่อมต้วนหลิงเทียน แลคล้ายมันอยากจะผ่าร่างต้วนหลิงเทียนให้เป็น 2 เสี่ยง!
วู้มมม!!
แม้จะเป็นดาบเล่มเดียวกันกับก่อนหน้านี้แท้ๆ แต่หากอานุภาพพลังที่แฝงเร้นอยู่ในตัวดาบกลับแตกต่างกันก่อนหน้าคนละโลก!
ดาบเล่มใหญ่ฟาดผ่าลงมา ดั่งอัสนียามแล้งแยกฟ้าออกเป็น 2 เสี่ยง!
กลิ่นอายพลังที่แผ่พุ่งออกจากตัวดาบยังน่ากลัว ประหนึ่งเคียวแห่งความตายที่หมายเก็บเกี่ยววิญญาณของต้วนหลิงเทียน!
คราวนี้นับว่าตี้จิ่วลงมือด้วยพลังอำนาจของขอบเขตเซียนปฐพีขั้นต้นแล้วจริงๆ!
“ปฐมเวทย์กลืนกิน!”
ในขณะที่ตี้จิ่วพุ่งทะยานทั้งฟาดดาบลงมาอย่างเกรี้ยวกราด แสงพลังส่องสาดไปด้วยรังสีอำมหิต ต้วนหลิงเทียนพลันใช้ออกด้วยเวทย์พลังระดับสูง ปฐมเวทย์กลืนกินออกมา!
ทันใดนั้นโดยมีต้วนหลิงเทียนเป็นจุดศูนย์กลาง อาณาบริเวณทรงกลมกินรัศมี 10 หมี่รอบตัวเขาพลันบังเกิดวังวนพลังปานน้ำวน!
และตัวเขาก็เป็นจุดศูนย์กลางของน้ำวน!
เมื่อปฐมเวทย์กลืนกินสำแดงอำนาจออกมา พลังวิญญาณฟ้าดินรอบกายต้วนหลิงเทียนในรัศมี 10หมี่มันก็ถูกสูบกลืน ต่างม้วนเข้าร่างของเขาอย่างรวดเร็วปานน้ำวน ผสานหลอมรวมเข้ากับปราณสุริยันแรกกำเนิดในกาย!!
ปราณสุริยันแรกกำเนิดของเขาพลันเพิ่มพูนขึ้นด้วยความเร็วสูง!
ด้วยความบริบูรณ์ของพลังวิญญาณฟ้าดินในรัศมี 10 หมี่รอบกายต้วนหลิงเทียน เขาสามารถยกระดับพลังปราณสุริยันแรกกำเนิดในร่างเขาให้เพิ่มพูนขึ้นมากกว่าเดิมเกินหนึ่งระดับ!
อย่างไรก็ตาม ปฐมเวทย์กลืนกินก็จำต้องใช้เวลาในการดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินรอบๆครู่หนึ่ง
วู้มม!!
ต้วนหลิงเทียนพึ่งดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินในรัศมี 10 รอบกายได้ราวๆครึ่งหนึ่ง ร่างตี้จิ่วพร้อมดาบเปี่ยมพลังสังหารอันน่ากลัวก็บรรลุมาถึงเสียแล้ว! ดาบยังฟาดลงมาปานจะผ่าร่างเขาให้แยกเป็น 2 เสี่ยง!!
“เฮอะ!”
เผชิญหน้ากับดาบใหญ่เล่มเขื่องที่ฟาดลงมา ต้วนหลิงเทียนแค่นเสียงเย็นคำหนึ่ง ไม่คิดกลืนกินพลังวิญญาณฟ้าดินรอบตัวสืบไป มือตวัดกระบี่จี้ออกไปเบื้องหน้า!
พร้อมกันนั้นปราณสุริยันแรกกำเนิดทั่วร่างที่ทวีความแข็งแกร่งขึ้น ไหลเชี่ยวปานน้ำหลากไปตามชีพจรเซียน 99 สาย ถ่ายทอดผนึกลงกระบี่สีดำสนิท เปล่งพลังอำนาจอาคมเซียนทั้ง 10 ออกมาเต็มกำลัง! ไม่เพียงเท่านั้น…
‘เซียนอมตะข้ามภพ!’
เร็วเท่าความคิด ร่างต้วนหลิงเทียนพลันพร่าเลือนก่อนจะปรากฏร่างแยกอวตารออกมา 2 ร่างข้างกาย!
ร่างแยกอวตารร่างหนึ่งพุ่งทะยานออกไปพร้อมตวัดกระบี่ฟันฟาดจี้ไปปานอสรพิษมีชีวิต เล็งปะทะไปยังดาบใหญ่ 10 อาคมเซียนของตี้จิ่ว!
ปงงง!!
ดาบใหญ่ปะทะกับกระบี่อย่างจัง แสงพลังที่ฉาบรอบดาบลดทอนลงไปส่วนหนึ่ง
ส่วนร่างแยกอวตารร่างนั้นถูกทำลาย!!
ฟั่บ! ฟั่บ!
ร่างต้นของต้วนหลิงเทียนรวมถึงร่างแยกอวตารอีกร่าง พลันตวัดกระบี่ออกไปอย่างพร้อมเพรียง ปราณสุริยันแรกกำเนิดที่ยกระดับขึ้นจากปฐมเวทย์กลืนกินถูกผนึกควบแน่นลงกระบี่ทั้งหมด!
ปงงง!!
เปรี๊ยงงงง!!
…
เสียงระเบิดปานฟ้าร้องดังลั่นก้องหุบเขา ไม่ว่าจะต้วนหลิงเทียนหรือตี้จิ่ว ต่างผละกระเด็นถอยออกไป 10 กว่าก้าว!
พลังที่ควบผนึกในดาบตี้จิ่วยามนี้สลายหายไปหมดสิ้น! ด้านต้วนหลิงเทียนร่างแยกอวตารอีกร่างก็ถูกทำลายหายไป!
อั๊ค!!
ร่างทั้งคู่สะท้านไปคราหนึ่งค่อยกระอักโลหิตออกมาพร้อมกัน! สีหน้าแลดูซีดลงเล็กน้อย!
‘เป็นไปมิได้! ข้าลงมือเต็มกำลังแล้ว แต่ยังทำได้แค่เสมอกับมันงั้นเหรอ!?’
ไม่ทันที่ผู้คนจะรับรู้เรื่องราว สีหน้าตี้จิ่วก็เปลี่ยนเป็นมืดดำคล้ำลง!
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า กระทั่งหลับมันยังไม่เคยฝันถึง!
ชายหนุ่มที่มันเคียดแค้นชิงชังแสนเกลียดที่มันแทบทนรอฆ่าไม่ไหว ไฉนหลังจากผ่านไปเพียงแค่ 5 ปี กลับมีพลังทัดเทียมกับมันแล้วเล่า?
พอคิดถึงเรื่องนี้ มันรู้สึกราวกับโลกหล้าพลิกตลบ!
ตอนที่ 1,863 : เสียใจ
5 ปี…แค่ 5 ปีเท่านั้น!
ถึงแม้ว่าตี้จิ่วจะยังไม่ได้คืนร่างจริง หากแต่มันก็ใช้พลังในร่างมนุษย์เต็มกำลัง ลงมืออย่างไร้ปราณีแล้ว!
อย่างไรก็ตาม ขนาดนั้นแล้วยังไม่อาจเอาชัยต้วนหลิงเทียนได้!
เรื่องนี้หมายความว่าอะไร?
นั่นหมายความว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนทัดเทียมได้กับขอบเขตเซียนปฐพีขั้นต้น!
‘ปะ…เป็นไปได้อย่างไร เรื่องพรรค์นี้มันเป็นไปไม่ได้!ไม่มีทางเป็นไปได้!!’
ลูกตาตี้จิ่วเบิกกว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียขวัญระคนเหลือเชื่อ ไม่อาจทำใจยอมรับความจริงเบื้องหน้า…
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้เก็บซ่อนไว้มิดชิดนัก!”
ตี้ชานเองก็ชักสีหน้าเคร่งเครียด
ตี้ชานย่อมเห็นชัดเจนว่าตี้จิ่วนั้นได้ลงมือสุดกำลังเท่าที่จะใช้ออกได้ในร่างมนุษย์แล้ว หากแต่ต้วนหลิงเทียนกลับสู้เสมอตี้จิ่วได้! นี่นับเป็นอะไรที่น่าตื่นตระหนกนัก!!
ขณะเดียวกันในใจของมันก็เริ่มบังเกิดความรู้สึกเสียใจขึ้นมา
หากมันล่วงรู้แต่แรกว่าพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนมันสูงถึงขนาดนี้ มันไม่มีวันยอมให้ตี้จิ่วรับคำท้าประลองเป็นตายเด็ดขาด!
เหตุผลเดียวที่ตี้ชานไม่คิดคัดค้านการประลองเป็นตาย เป็นเพราะมันได้ใช้สำนึกเทวะตรวจสอบพลังฝึกปรือต้วนหลิงเทียน จนได้รู้ว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้เป็นภัยคุกคามอะไรแล้ว…
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์มังกรอย่าง ‘สระชำระมังกร’ นั้น มีค่ากับเผ่าพันธุ์มังกรอย่างยิ่งยวด! ทว่าหากเลือกได้…มันเลือกให้ตี้จิ่วมีชีวิตรอดดีกว่า!!
เพราะตี้จิ่วเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวที่มันมี
มันไม่มีวันยอมให้ตี้จิ่วเกิดเรื่อง!
ตอนนี้พอมาเห็นพลังความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียน ใจมันจึงสะท้านไปอย่างร้อนรน ‘ไม่ดีแล้ว!ตอนนี้ทางเดียวที่ตี้จิ่วจะเอาชนะได้มีเพียงคืนร่างมังกร! หวังว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนนั่นมันจะใช้พลังถึงขีดจำกัด…หาไม่แล้วคงยากที่ตี้จิ่วจะเอาชนะมันได้ เรื่องสังหารยิ่งไม่ต้องหวัง!’
แม้จะไม่ทราบว่าทำไม แต่ตี้ชานรู้สึกปวดแปลบขึ้นมาในใจอย่างบอกไม่ถูก
ตอนนี้ต่อให้เป็นตัวมัน ก็ยากที่จะสงบใจลงได้อีก
“เป็นไปได้อย่างไรกัน!?”
ไม่ว่าจะระดับสูงหรือต่ำ ตอนนี้คนของเผ่าพันธุ์มังกรล้วนตกตะลึงกันทั้งสิ้น
พวกมันไม่ใช่ตัวโง่งม เพียงเห็นเรื่องราวบนฟ้าตอนนี้ ก็ตระหนักได้ชัดเจน…การลงมือครั้งนี้ ตี้จิ่วสมควรลงมือเต็มที่แล้ว หากทว่ายังทำได้แค่เสมอกับต้วนหลิงเทียน!
“อึก~~”
“อึก~~ อึก ~~”
“อึก~~ อึก ~~ อึก ~~”
……
ครู่ต่อมาเสียงกลืนน้ำลายของคนเผ่ามังกรพลันดังขึ้นไปทั่วหุบเขา แต่ละคนตอนนี้อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคอจริงๆ ต่างรู้สึกเสมือนลำคอแห้งผากอย่างไรไม่ทราบ!!
นี่เผยให้เห็นว่าคนของเผ่ามังกรทั้งหมด ต่างรู้สึกกดดันจากพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน!
“นายน้อยตำหนักเมฆาครามช่างเหนือความคาดหมายยิ่งนัก! ครั้งแรกอาจกล่าวได้ว่าเป็นตี้จิ่วที่ย่ามใจประมาทคู่ต่อสู้เอง…ทว่าครั้งที่สองนี่ตี้จิ่วที่ลงมือเต็มกำลังแล้ว กลับทำได้แค่ทัดเทียมจริงๆ!”
“สมแล้วที่เป็นบุตรชายของต้วนหรูเฟิงจ้าวตำหนกเมฆาคราม ทั้งบิดาทั้งบุตรล้วนเป็นปีศาจด้วยกันทั้งคู่!”
“มิน่าแปลกใจเลยที่ไฉนต้วนหลิงเทียนถึงได้กล้าท้าประลองเป็นตายกับตี้จิ่ว ที่แท้มีความมั่นใจว่าสามารถเอาชนะตี้จิ่วได้! ว่าแต่จักฆ่าตี้จิ่วได้จริงๆหรือ?”
“นั่นสิ จะอย่างไรตอนนี้ตี้จิ่วก็ยังคงใช้ร่างมนุษย์อยู่ แม้จะสู้เสมอก็ใช่ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะตัดสินได้…หากตี้จิ่วหวนคืนสู่ร่างมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บ ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของสายเลือดขัตติยะจักสำแดงออกมา! กระทั่งยังใช้เวทย์พลังที่สืบทอดต่อกันมาของเผ่าพันธุ์มังกรได้!!”
“เวทย์พลังของเผ่าพันธุ์มังกรข้าเองก็เคยได้ยินคำร่ำลือมา…มีเพียงมังกรที่โดดเด่นเท่านั้นที่จักควบคุมใช้งานมันได้!”
“ใช่ ด้วยเหตุนี้หากตี้ติ่วหวนคืนสู่ร่างที่แท้จริง พลังอำนาจย่อมเหนือล้ำสุดที่ร่างมนุษย์จะเทียบได้”
…
ผู้คนของขุมพลังกึ่งชั้น 3 ต่างกล่าวคาดเดากันไปต่างๆนาๆ
ถึงแม้พลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนสำแดงออกมาจะร้ายกาจไม่เบา แต่ก็ไม่มีใครมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะตี้จิ่วได้แน่ๆหากตี้จิ่วหวนคืนสู่ร่างกายที่แท้จริง…
เพราะสุดท้ายแล้วร่างที่แท้จริงของตี้จิ่วไม่ใช่แค่มังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บทั่วไป แต่เป็นมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ!!
“ฆ่า!!”
น่านฟ้ากลางหุบเขา ตี้จิ่วได้ลงมือเคลื่อนไหวอีกครั้ง ลูกตาทออำมหิตดุร้าย พลังอาคมเซียนทั้ง 10 ในตัวดาบเปล่งพลังอำนาจเต็มกำลัง!
ส่วนอีกด้านนั้น ต้วนหลิงเทียนที่เผชิญหน้ากับการลงมือเต็มกำลังของตี้จิ่วอีกรอบก็ไม่ได้ครั่นคร้ามใด พุ่งทะยานเข้าใส่พร้อมจ่ายพลังลงกระบี่ทมิฬ มวลปราณผนึกควบถ่ายทอดเปิดใช้อาคมจารึกเซียนทั้ง 10 บนตัวกระบี่เช่นกัน!
วู้ม! วู้ม! วู้ม!
……
อาคมเซียนทั้ง 10 ในตัวดาบตี้จิ่วแผลงฤทธิ์ไม่ใช่ชั่ว ทุกคราที่ตี้จิ่วฟันฟาดดาบเล่มเขื่องออก ปรากฏคลื่นพลังสะบั้นฉีกฟ้าแหกไปเป็นทาง คลื่นพลังแลดูเกรี้ยวกราดดุร้ายราวกับจะผ่าร่างต้วนหลิงเทียนให้จงได้!
อนิจจาคลื่นสะบั้นว่าร้ายกาจแล้ว เชิงกระบี่ของต้วนหลิงเทียนยิ่งไม่ใช่ชั่ว ทุกคลื่นสะบั้นล้วนถูกกระบี่ชักนำให้เบี่ยงทิศทาง บ้างก็อาศัยท่าร่างพิสดาร คนคล้ายเมฆควันยากจับต้อง หลบหลีกการโจมตีไปได้อย่างเหนือคาดคิด
ยิ่งมาการปะทะย่อมเผยสูงต่ำ กระบี่ต้วนหลิงเทียนแต่ละครั้งที่วาดออก รังสีพลังคล้ายมีดวงตางอกเงยพุ่งไปเชือดเฉือนร่างแกร่งของตี้จิ่วจนเป็นแผลเล็กแผลน้อย!!
พั่บ! พั่บ!
กลับกัน การโจมตีส่วนใหญ่ของตี้จิ่วได้แต่จั่วอากาศฟาดฟ้าฆ่าลม! ถูกต้วนหลิงเทียนที่ใช้เวทย์พลังปีกอีกาทองคำพลิ้วหลบได้ได้อย่างหมดจด!!
เรียกว่าถึงแม้เขาเองจะไม่อาจทำร้ายตี้จิ่วให้เป็นแผลฉกรรจ์ แต่ตี้จิ่วก็เสมือนคนตาบอดไขว่คว้าหมอกควัน!
ไม่ใช่ว่าต้วนหลิงเทียนไม่คิดทำร้ายตี้จิ่วให้เจ็บหนัก หรือกระทั่งปะทะหักหาญหมายเอาชัยตี้จิ่วตรงๆ…แต่เพราะเขาเองก็ทำไม่ได้!
ตอนนี้เหตุผลเดียวที่ทำให้เขาสามารถต่อกรกับตี้จิ่วผู้อยู่ในขอบเขตเซียนปฐพีขั้นต้นได้อย่างไม่เสียเปรียบนั้น เป็นเพราะปราณสุริยันแรกกำเนิดที่เพิ่มพูนขึ้นจากปฐมเวทย์กลืนกิน!
ทว่าปราณสุริยันแรกกำเนิดเหล่านี้มิใช่จะคงอยู่ตลอดไป!
แต่เมื่อมันหมดลงเขาสามารถใช้ปฐมเวทย์กลืนกินเพิ่มพูนขึ้นมาอีกครั้งได้!
แน่นอนว่าจนถึงตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยังไม่ได้ใช้ปฐมเวทย์กลืนกินเต็มกำลัง ก่อนหน้านี้แม้เขาจะเริ่มสร้างอาณาเขตดูดกลืนได้ถึง 10 หมี่แล้ว แต่เพียงดูดกลืนพลังเข้าร่างแค่บางส่วนเท่านั้น…หากคิดจะเพิ่มพลังมากกว่านั้นเขาจำต้องดูดกลืนให้มากกว่านี้!!
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากดูดกลืนพลังให้มากกว่านั้น…ทว่าเขาต้องหาโอกาสอันดีที่จะใช้ปฐมเวทย์กลืนกินให้พบเสียก่อน!
การใช้ปฐมเวทย์กลืนกินนั้นมันสร้างภาระให้ร่างกายเขาไม่น้อย
อีกทั้งทุกชั่วขณะเวลาพลังวิญญาณของเขาก็พร่องไปด้วยความเร็วน่ากลัวนัก ทั้งหมดเพื่อคงสภาพปฐมเวทย์กลืนกิน!
“ตี้จิ่วข้าขอเตือนอะไรเจ้าอย่าง…รีบคืนร่างที่แท้จริงเสียเถอะ อาศัยพลังเพียงเท่านี้ของเจ้า ชาติหน้าก็ฆ่าข้าไม่ได้หรอก!”
ทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียนก็แผ่พลังเข้าสู่ปีกอีกาทองคำเพิ่มเล็กน้อย ทำให้ตัวปีกปลดปล่อยอานุภาพสูงขึ้นไปอีกระดับ ยังผลให้ความเร็วของต้วนหลิงเทียนกลายเป็นเหนือกว่าตี้จิ่ว! ฉีกระยะทิ้งห่างมันออกมาทันที!!
แน่นอนว่าการเพิ่มพลังเพื่อเร่งความเร็วนั้น มันกินปราณสุริยันแรกกำเนิดของต้วนหลิงเทียนมากขึ้น!เขาจึงไม่คิดใช้ความเร็วระดับนี้ตลอดเวลา!!
เพียงแค่ใช้ออกมาตอนนี้ ในใจต้วนหลิงเทียนก็แทบจะหลั่งเลือดเสียให้ได้!
“เร็วยิ่ง!”
ผู้ชมจากขุมพลังกึ่งชั้น 3 พอเห็นต้วนหลิงเทียนอยู่ๆก็ปะทุความเร็วเหนือชั้นออกมา ถึงกับเบิกตาโพลงปานลูกวัวแรกเกิด! ส่วยคนของเผ่าพันธุ์มังกรด้วยไม่ว่าจะระดับต่ำสูง เรียกว่าหน้าผวานัยน์ตาหดไปไม่น้อย!
พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าต้วนหลิงเทียนยังจะเร่งความเร็วขึ้นได้อีก!
และความเร็วที่ต้วนหลิงเทียนใช้วูบร่างฉีกระยะออกไปเมื่อครู่ เรียกว่าเกินขอบเขตความเร็วของเซียนปฐพีขั้นต้นไปแล้ว…แทบจะบรรลุถึงขอบเขตเซียนปฐพีขั้นกลางเต็มที!!
สีหน้าผู้นำเผ่าพันธุ์มังกร ตี้ชาน ยิ่งมายิ่งบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ ตอนนี้มันเริ่มอยู่ไม่สุขแล้ว ยังรู้สึกราวกับมีอันตรายมาจ่อที่คอหอย!
“ตี้จิ่ว รีบคืนร่างจริงแล้วฆ่ามันให้เร็วที่สุด!!”
ตี้ชานไม่อาจทนต่อไปได้ไหว เร่งส่งเสียงกล่าวเตือนตี้จิ่วทันที “ต้วนหลิงเทียนนั่นมันผิดมนุษย์เกินไป!รีบคืนร่างที่แท้จริงแล้วฆ่ามันให้เร็วที่สุด หาไม่แล้วข้าเกรงว่าเจ้าอาจจะมิใช่คู่ต่อสู้ของมัน!!”
ต่างกับใบหน้าหวาดกลัวเต็มไปด้วยความวิตกกังวลของคนเผ่าพันธุ์มังกร ด้านคนของตำหนักเมฆาครามถึงกับเผยยิ้มออกมาอย่างสนุกสนาน!
ถึงแม้ว่าพวกมันจะยังประหลาดใจในความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียน แต่ทว่าภาพเรื่องราวที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นอะไรที่พวกมันอยากจะเห็นนัก!
“น้องต้วนฆ่ามัน! ระเบิดพลังปลิดหัวสุนัขของมันทิ้งเสีย!!”
กู่ลี่ที่เดิมเคร่งเครียดบัดนี้กู่ร้องอย่างลืมมาด หมัดของมันกำแน่นชูขึ้น วาจาที่ตะโกนยังฮึกเหิมลำพองไม่น้อย
ส่วนด้านคนของตลาดมืดหยินชานทั้ง 3 นอกจากตัวผู้นำอย่างตู้กูที่มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาสนใจ เฝิงปู่อี้กับจงฉีชานรองผู้นำตลาดมืดหยินชานทั้งสอง ต่างอึ้งเป็นตัวโง่งมไปพักหนึ่งแล้ว
พลังฝีมือของนายน้อยตำหนักเมฆาครามร้ายกาจเหลือเกิน!
นี่ช่างเหนือความคาดหมายของพวกมันนัก!
หลังจากนั้นครู่หนึ่งคล้ายพวกมันนึกอะไรได้ออก ต่างหันขวับไปมองผู้นำของพวกมันอย่างพร้อมเพรียง
ดูเหมือนว่าในบรรดาพวกมัน จะมีเพียงผู้นำของพวกมันเท่านั้น ที่แลเห็นถึงความสามารถอันสูงส่งของต้วนหลิงเทียนแต่แรก
“ในเมื่อเจ้ารีบร้อนด่วนตายนัก! ข้าจะสนองให้!!”
เผชิญหน้ากับความเร็วที่ปะทุออกในฉับพลันของต้วนหลิงเทียน ทั้งได้ยินเสียงกล่าวเตือนจากตี้ชาน ตี้จิ่วก็ไม่คิดฝืนรั้งอะไรอีกต่อไป มันเลือกคืนร่างจริงทันที!
ทันใดนั้นทั้งหุบเขาก็คล้ายจะถูกเงาดำขนาดมหึมาคลุมครอบ ร่างมังกรที่แท้จริงอันใหญ่โตมหึมาของตี้จิ่วพลันปรากฏขึ้นกลางหาว…!
กล่าวให้ชัดมันคือร่าง มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ!
ลำตัวของมันเลื้อยลดขนดยาวหลายร้อยหมี่ เกล็ดสีทองทั่วร่างยอมต้องแสงอัสดงต่างสะท้อนประกายเรืองระยับ ยามร่างมันลอยล่องตระหง่านค้างกลางหาวเช่นนี้ ให้ความรู้สึกคล้ายตัวตนอมตะไร้วันตาย
ทันใดนั้นเองเสียงมังกรคำรามพลันก้องไปทั่วฟ้า!
เป็นตี้จิ่วเงยหน้าขึ้นกู่ร้องคำรามประกาศศักดิ์ดา!
หลังจากที่มันกู่ร้องคำรามแล้ว ศีรษะมังกรมหึมาก็ค่อยๆลดลงมามองร่างต้วนหลิงเทียน กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงโอหังถือดี “ไม่ใช่เจ้าเรียกร้องหาร่างที่แท้จริงของข้างั้นหรือ คราวนี้เจ้าจักได้ตายสมใจ!!”
ทันทีที่กล่าวจบคำร่างมหึมาของตี้จิ่วก็เคลื่อนไหวทันที!
ร่างของมันแม้จะใหญ่โตมหึมา แต่กลับหาได้เทอะทะเชื่องช้าไม่! ลงมือจู่โจมออกได้ในเสี้ยวพริบตา!!
หางมังกรสะบัดตบฟาดมาอย่างทรงอานุภาพยิ่งกว่าเชือกแส้ใดๆทั้งมวล! แหวกฟ้าถาโถมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างเกรี้ยวกราด!!
บรึมม!!
เสียงลมระเบิดดังลั่นก้องหุบเขา ชั่วพริบตาหางมังกรน่ากลัวก็เจียนบรรลุถึงตัวต้วนหลิงเทียนเต็มที!หากต้วนหลิงเทียนไม่รีบหลบหลีกมิแคล้วถูกตบฟาดปลิดปลิวละลิ่วแน่!!
ทว่าในห้วงเวลาสุ่มเสี่ยงนี้เอง ปฐมเวทย์กลืนกินของต้วนหลิงเทียนพลันสำแดงอำนาจอีกครั้ง!อาณาบริเวณกินรัศมี 10 หมี่รอบกายปรากฏวังวนหนึ่ง ดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินเข้าร่างเร็วรี่!!
พั่บ! พั่บ!
ปีกอีกาทองคำคู่งามกระพือออกด้วยความฉับไว ส่งร่างต้วนหลิงเทียนพุ่งทะยานขึ้นฟ้าในห้วงเวลาสุดท้าย หลีกหลบหางมังกรของตี้จิ่วที่ฟาดเข้ามาได้อย่างฉิวเฉียด! การลงมือครั้งแรกหลังคืนร่างที่แท้จริงของตี้จิ่ว…เป็นอันพลาดเป้า!!
ตอนนี้ปราณสุริยันแรกกำเนิดในร่างของต้วนหลิงเทียน ก็ได้เพิ่มพูนขึ้นถึงขีดจำกัดเท่าที่เขาจะทำได้ในตอนนี้แล้ว!
เหตุผลที่กล่าวว่าถึงขีดจำกัดในตอนนี้ ไม่ใช่เพราะปฐมเวทย์กลืนกินสามารถเพิ่มพลังให้ต้วนหลิงเทียนได้แค่นี้ แต่เป็นเพราะเขายังไม่แตกฉานมันจนถึงขั้นตอนไร้ตำหนิ จึงทำให้เขาสามารถดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบมาเพิ่มพูนปราณแรกกำเนิดได้เท่านี้..
‘ปราณสุริยันแรกกำเนิดระดับนี้…น่าจะมากพอให้จัดการตี้จิ่วแล้ว’
สูดลมหายใจเข้าลึกๆครั้งหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนพลันกะพือปีกอีกาทองคำอีกครั้ง ส่งร่างพุ่งทะยาน เหินไปปานอัสนีข้ามฟ้า!
และทิศทางที่เขาพุ่งไปคราวนี้กลับไม่ใช่พื้นที่โล่งอะไร แต่เป็นศีรษะของตี้จิ่ว!
“เจ้าคิดว่าจักหลบได้ตลอดงั้นเหรอ!?”
ตี้จิ่วเริ่มร้อนรนใจขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อพบว่าความเร็วของต้วนหลิงเทียนคล้ายจะเพิ่มสูงขึ้นอีกแล้ว!
ถึงแม้ตัวมันจะคืนร่างจริงแล้วแท้ๆ แต่ความเร็วของมันในร่างที่แท้จริง กลับยังไม่อาจเทียบต้วนหลิงเทียนได้!
นับเป็นครั้งแรก ที่ลึกๆข้างในของมันเริ่มบังเกิดความรู้สึกเสียใจขึ้นมา!
เสียใจที่ดันไปรับคำท้าประลองเป็นตายของต้วนหลิงเทียนตั้งแต่แรก!
เพราะตอนนี้มันไม่มีความมั่นใจเลย ว่าจะฆ่าต้วนหลิงเทียนได้หรือไม่!
เพราะความเร็วของต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ สุดที่มันจะจับได้ไล่ทัน!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น