War sovereign Soaring The Heavens 1753-1756

 ตอนที่ 1,753 : อริยะเซียน ศิษย์ในรายนามฟ้าลี้ลับ


 


ศิษย์ในตำหนักหลัก…ล้วนบรรลุถึงอริยะเซียน!


 


ได้ยินวาจานี้ของหวางเฟยเซวียน แววตาต้วนหลิงเทียนเย็นลงทันใด หันไปมองจ้าวจี้อีกครั้งยังกลายเป็นเย็นชาขึ้นหลายส่วน


 


แต่เดิมเขาคิดจะสั่งสอนบทเรียนจ้าวจี้ให้มันรู้ว่ามันไม่อาจรังแกใครก็ได้ตามใจ…หรืออย่างน้อยๆ สหายของเขาต้วนหลิงเทียนมันก็รังแกไม่ได้!


 


แม้ไม่อยากจะยอมรับสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าเห็นหวางเฟยเซวียนเป็นเพื่อนแล้ว


 


เมื่อเห็นสหายถูกรังแกต่อหน้าต่อตา จะให้เขาทนได้ยังไง?


 


หากยังทนอยู่ได้ เขาก็ไม่ใช่ต้วนหลิงเทียน!


 


ฟุ่บ!


 


ประหนึ่งสายลมกรรโชก ร่างต้วนหลิงเทียนอันตรธานหายไปในพริบตา!


 


“ศิษย์น้องหลิงเทียน!”


 


สีหน้าหวังพีเปลี่ยนไปมหันต์ มันคิดลงมือหยุดต้วนหลิงเทียน ทว่ากลับสายเกินไป


 


เพี๊ยะ!!


 


เสียงตบดังสนั่นฟังชัดถนัดหูดังขึ้น ภายใต้สายตาของทุกผู้คน ร่างต้วนหลิงเทียนไม่ทราบไปหยุดหน้าจ้าวจี้บนลานศิลาตั้งแต่ตอนไหน และตอนนี้ใบหน้าแถบหนึ่งของจ้าวจี้ก็แดงฉานช้ำเลือด รอยมือเด่นเป็นสง่า!!


 


“หลิง…”


 


สีหน้าจ้าวจี้แปรเปลี่ยนไปอีกครา แววตาเผยความดุร้ายอำมหิต มันอ้าปากคิดกล่าวอะไรบางอย่าง แต่ไม่ทันที่มันจะได้พูดอะไร เสียงตบดัง ฉาด พลันดังก้องขึ้นมาอีกรอบ!!


 


เป็นต้วนหลิงเทียนฟาดตบหน้ามันอีกฉาด! และคราวนี้เลือกที่จะบรรจงเน้นไปที่ใบหน้าอีกข้างที่ไร้รอยแดง!!


 


เจตนาฆ่าฟันในแววตาจ้าวจี้ยิ่งมายิ่งมาก หากแต่มันไม่กล้ากล่าวคำใดออกมาอีก เพราะมันกลัวว่าถ้าพูดไปเดี๋ยวชายเบื้องหน้าจะตบมันอีกครั้ง!


 


‘อดทนไว้จ้าวจี้…เจ้าต้องอดทนไว้! ลูกผู้ชายล้างแค้นสิบปีไม่สาย ความอัปยศครั้งนี้เจ้าต้องทวงคืนมาได้แน่นอน! อีกไม่นานสารเลวนี่มันต้องตายไร้ที่ฝัง! มันต้องตาย!!’


 


จ้าวจี้กล่าวปลอบใจตัวเองไม่หยุด พยายามเต็มที่เพื่อระงับโทสะในใจ


 


แน่นอนว่าตอนนี้ใจมันแทบคุ้มคลั่งไปด้วยความแค้นอยู่รอมร่อ!


 


เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มันถูกตบหน้า ยังถูกคนอายุน้อยกว่าตบหน้า!!


 


สำหรับมันนี่คือความอัปยศอดสูถึงขีดสุด เป็นตราบาปที่จะฝังใจไปชั่วชีวิต!!


 


หากสารเลวเบื้องหน้าไม่ตาย ชาตินี้ใจมันไม่มีวันสงบลงได้!


 


ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!


 


……


 


ตอนนี้เองพลันมีเสียงสูดลมหายใจเข้าดังขึ้นระงม ผู้คนโดยรอบที่พึ่งรู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้นอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ด้วยไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะลงมือตบหน้าจ้าวจี้เช่นนั้น!


 


“ศิษย์น้องหลิงเทียน…เจ้านี่มัน…เหอะๆ”


 


หวังพีได้แต่ยิ้มขื่นขมมองต้วนหลิงเทียนอย่างช่วยไม่ได้ ตอนแรกสุดมันไม่ได้คิดจะหยุดต้วนหลิงเทียนจากการลงมือกับจ้าวจี้ เพราะมันเองก็ไม่ชอบการกระทำของจ้าวจี้…


 


ทว่าคราวนี้ที่มันคิดหยุด กลับไม่มีปัญญาจะหยุดได้ทัน…


 


“หลิงเทียนจะไม่หุนหันพลันแล่นไปหน่อยหรือ…จ้าวจี้มิใช่แค่ศิษย์วังนภาธรรมดาๆนะ”


 


ศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับโดยรอบอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก เพราะเรื่องนี้นับว่าสะท้านสะเทือนจิตใจของพวกมันอย่างแรง!


 


จ้าวจี้เป็นคนเช่นไรมีความเป็นมาอย่างไรพวกมันรู้ดี!


 


ในตำหนักฟ้าลี้ลับอย่าว่าแต่เหล่าศิษย์เช่นพวกมัน กระทั่งผู้อาวุโสทั้งหลายยังไม่กล้าหืออือกับจ้าวจี้ด้วยซ้ำ!


 


ทว่าวันนี้จ้าวจีกลับถูกศิษย์ที่อายุไม่ถึง 40 ปีทั้งพึ่งเข้าร่วมตำหนักฟ้าลี้ลับได้ไม่ทันไรตบหน้า…กระทั่งยังถูกตบถึง 3 ครั้ง!!


 


“มารดาของเรา! หลิงเทียนผู้นี้ไปกินดีหมีหัวใจเสือมาหรือไร ไฉนถึงได้กล้าหาญนัก!!”


 


“แย่แล้ว ทำกับจ้าวจี้ถึงขนาดนี้ เขาตายแน่!!”


 


“เรื่องนี้ไม่แน่นักหรอก…พวกเจ้าอย่าลืมว่าหลิงเทียนเป็นใคร เขาก็มิใช่ศิษย์วังนภาธรรมดาๆ ยังเป็นอัจฉริยะเซียนมือหนึ่งในบรรดารุ่นเยาว์…หากเขาเกิดเรื่องข้าเชื่อว่ากระทั่งท่านจ้าวตำหนักก็ไม่คิดนิ่งดูดาย”


 


“เจ้าพูดมามันก็ใช่ แต่อย่างลืมว่าในตำหนักฟ้าลี้ลับของพวกเราว่าหากจ้าวจี้คิดฆ่าใครมันก็ลงมือทันที! จ้าวตำหนักยังไม่ทันได้รู้เรื่อง!”


 


……


 


ศิษย์ของตำหนักฟ้าลี้ลับที่มาชมดูเรื่องราว กระซิบกันดังระงม ทั้งหมดคิดว่าการที่ต้วนหลิงเทียนทำกับจ้าวจี้แบบนี้ไม่ต่างอะไรจากขุดหลุมฝังศพตัวเอง!


 


“ศิษย์น้องหลิงเทียน เจ้าหุนหันเกินไปแล้ว…”


 


หวังพีส่งเสียงกล่าวบอกต้วนหลิงเทียน “ตอนแรกที่เจ้าตบมันยังกล่าวได้ว่าเพราะสั่งสอน…แต่คราวนี้เจ้ากลับตบหน้ามัน 2 ครั้งติดๆ ทำให้มันต้องอับอายต่อหน้าผู้คนจนยากที่จะทำให้มันเงยหน้ามองใครได้อีก เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ…”


 


ที่หวังพีกล่าวออกมาแบบนี้ เพราะมันไม่รู้ว่าจ้าวจี้ได้ส่งคนไปตามอริยะเซียนจากตำหนักมาแก้แค้นต้วนหลิงเทียน…


 


“เขา…”


 


เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนถึงกับตบหน้าจ้าวจี้เพิ่มอีก 2 ฉาด หวางเฟยเซวียนเองก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวขึ้นมา เพราะเมื่อหายโกรธนางก็นึกขึ้นได้ว่าอำนาจของจ้าวจี้น่ากลัวเพียงใด แผ่นหลังถึงกับชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็นเพราะการลงมือของต้วนหลิงเทียนทันที


 


“เจ้ากลับตบหน้ามันถึง 2 ครั้งติด…เจ้าวู่วามเกินไปแล้ว”


 


หวางเฟยเซวียนส่งเสียงกล่าวถึงต้วนหลิงเทียน ในน้ำเสียงยังเป็นกังวลนัก “เจ้าทำเช่นนี้ จ้าวจี้มันต้องโมโหมากแน่…หลังจากนี้ในตำหนักฟ้าลี้ลับไม่มันก็เจ้าต้องตายกันไปข้าง!”


 


แม้หวางเฟยเซวียนจะรู้ว่าต้นเหตุที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนตบจ้าวจี้คือตัวนางเอง แต่นางก็รู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนวู่วามเกินไป


 


แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นเพราะนางกังวลแทนต้วนหลิงเทียน


 


“วู่วาม?”


 


ได้ยินวาจานี้ของหวางเฟยเซวียน ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะตอบอะไร


 


เชารู้ดีว่าภูมิหลังของจ้าวจี้ไม่ธรรมดา แต่ถ้าเขาต้องมาหวาดกลัวกับเรื่องนี้มันก็ไม่ใช่นิสัยของเขา ทำไมเขาต้องโอนอ่อนต่ออำนาจอยุติธรรม และทนรับการรังแกอะไรด้วย?


 


บนถนนแห่งวิถียุทธ์ของต้วนหลิงเทียน ไม่มีที่ว่างสำหรับความหวาดกลัวต่ออำนาจ ให้เส้นทางเบื้องหน้ามันจะลำบากเพียงไรยากเข็ญเพียงไหน เขาก็จะมุ่งมันฟันฝ่าเพื่อให้ถึงปลายทาง!


 


ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้เกาเผิงได้ถอยออกไปยืนห่างๆ มันไม่อยากเป็นปลาในบ่อที่พลอยซวยเพราะไฟไหม้ไปด้วย

(ประตูเมืองไฟไหม้ ลามถึงปลาในบ่อ = ไฟไหม้ประตูเมือง ทว่าข้างประตูเมืองมีบ่อปลา…ทหารจึงมาตักน้ำในบ่อไปดับไฟ จนน้ำในบ่อแห้งขอดปลาเลยตาย)


 


“ตั้งแต่ข้าเข้าตำหนักฟ้าลี้ลับมาข้ามิเคยยอมรับนับถือผู้ใด…แต่วันนี้ข้าไม่อาจไม่ยอมรับหลิงเทียน!”


 


ไม่ทราบว่าใครเป็นคนที่ตะโกนกล่าวคำนี้ออกมา แต่มีหลายคนที่ได้ยิน


 


“เห็นด้วย! ไม่ต้องกล่าวถึงศักยภาพพรสวรรค์อันใด ลำพังแค่ความกล้านี้ข้าก็นับถือแล้ว!”


 


ศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับ โดยเฉพาะคนวังนภาต่างเห็นด้วย


 


แน่นอนว่าในขณะที่มีบางคนชื่นชมต้วนหลิงเทียน แต่ก็มีบางคนส่ายหน้าเพราะคิดว่าต้วนหลิงเทียนรนหาที่!


 


“หลิงเทียนนี่คิดว่าตัวเองมีพรสวรรค์แล้วจะทำอะไรในตำหนักฟ้าลี้ลับก็ได้หรือ…คิดว่าจะตบตีทำร้ายใครก็ได้รึไง ในตำหนักฟ้าลี้ลับเรามีคนแข็งแกร่งกว่ามันเต็มไปหมด”


 


“นั่นสิ! หากเป็นคนธรรมดาคิดทำอะไรก็ทำไป แต่นั่นคือจ้าวจี้…ภูมิหลังจ้าวจี้คนรู้กันทั่ว วันนี้มันถูกหยามให้อัปยศถึงเพียงนั้น เรื่องต้องไปถึงหูอาวุโสผู้พิทักษ์แน่!”


 


“นั่นสิ ไม่ว่าจะท่านผู้พิทักษ์หรือรองจ้าวตำหนักย่อมไม่อาจทนไหว ต่อให้ไม่คิดลงมือเองเพราะกลัวเสียหน้า แต่อาศัยศิษย์ใต้บัญชา หลิงเทียนก็ไม่ได้ผุดได้เกิดแล้ว…”


 


“จริง แม้ในตำหนักฟ้าลี้ลับรองจ้าวตำหนักกับอาวุโสผู้พิทักษ์ไม่อาจสังหารหลิงเทียนโจ่งแจ้ง…แต่ผู้ใดจะรับประกันว่าทั้งคู่จะมิอาจหาโอกาสได้…ไม่ว่าจะมากพรสวรรค์เพียงใด หากตายก่อนที่จะทันได้เติบโตก็เป็นแค่บุปผาที่เบ่งบานเพียงชั่วคราว…”


 


……


 


ศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับเหล่านี้คิดว่าต้วนหลิงเทียนไม่ฉลาดเลยที่ลงมือทำร้ายจ้าวจี้แบบนี้


 


ต้วนหลิงเทียนย่อมได้ยินคำเหล่านี้เป็นธรรมดา แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ


 


เพราะเขารู้ดี ตั้งแต่วินาทีที่เขามีเรื่องกับจ้าวจี้ ต่อให้เขาไม่ลงมืออะไร จ้าวจี้มันก็ไม่คิดเลิกรากับเขาอยู่แล้ว


 


เขามั่นใจในความสามารถมองคนของตัวเอง…


 


จ้าวจี้ผู้นี้มันชนชั้นถือดีเอาแต่ใจเป็นที่สุด เรื่องเล็กเพียงใดมันก็พร้อมทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ทุกเมื่อ


 


เช่นนั้นจนถึงตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดเสียใจที่ตบมันแม้แต่น้อย


 


ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!


 


ทันใดนั้นเองมีเสียงลมกรรโชกพัดมาแต่ไกล ไม่นานก็ปรากฏร่าง 3 ร่างลอยล่องอยู่บนน่านฟ้ายอดเขาวังนภา


 


หนึ่งในนั้นคือคนที่ออกไปก่อนหน้านี้ และมันเป็น 1 ใน 2 ผู้ติดตามของจ้าวจี้


 


ดูเหมือนมันไปตาม ชาย 2 คนกลับมา!


 


ทั้ง 2 คนที่มันพามานั้นเป็นชายฉกรรจ์ หนึ่งมาในชุดขาวอีกหนึ่งดำ ยามลอยล่องกลางหาวเคียงข้างกัน เหมือนดั่งยมทูตขาวดำจากนรกไม่มีผิด!


 


“จ้าวไป๋ฉวี่ จ้าวเฮยถู!”


 


การปรากฏตัวของชายในชุดขาวดำดึงดูดความสนใจของผู้คนไม่น้อย และผู้ที่จดจำทั้งคู่ได้จนต้องโพล่งกล่าวออกมาทันทีก็คือหวังพี!


 


เห็นคนสองคนนี้มาถึง หวังพีอดไม่ได้ที่จะเร่งส่งเสียงไปหาต้วนหลิงเทียนอย่างเคร่งเครียด “ศิษย์น้องหลิงเทียนรีบขึ้นมาหาข้าเร็วเข้า!!”


 


น้ำเสียงหวังพีเต็มไปด้วยความร้อนใจ


 


ส่วนด้านต้วนหลิงเทียนเมื่อพบว่ามีคนมาก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะหวางเฟยเซวียนกล่าวเตือนเขาไว้แล้วก่อนหน้าว่าข้ารับใช้ของจ้าวจี้ไปพาพวกมา


 


พอได้ยินเสียงหวังพีต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดปฏิเสธความหวังดีแต่อย่างไร ร่างเขาลอยขึ้นฟ้าไปหาหวังพีทันที


 


“ศิษย์พี่ไป๋ฉวี่ ศิษย์พี่เฮยถู”


 


เมื่อชายทั้ง 2 ปรากฏตัวขึ้นมา จ้าวจี้ที่ถูกต้วนหลิงเทียนตบหน้า ในที่สุดก็กล้ากล่าวคำออกมาอีกครั้ง


 


และในขณะที่กล่าวร่างมันก็โดดลอยขึ้นมาหยุดข้างๆทั้งคู่ทันที


 


บางทีอาจเป็นเพราะรู้สึกมั่นคงปลอดภัยด้วยมีกำลังเสริมจากทั้งสอง จ้าวจี้จึงชี้นิ้วไปยังต้วนหลิงเทียน กล่าวออกเสียงเหี้ยมทันที “ศิษย์พี่ไป๋ฉวี่ ศิษย์พี่เฮยถู…เป็นมัน! ไม่เพียงแต่มันจะตบหน้าข้า แต่มันยังตบหน้าข้าถึง 3 ครั้งต่อหน้าผู้คน!!”


 


“มันตบหน้าข้าต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ไม่เพียงทำร้ายข้า แต่ยังเสมือนตบหน้าท่านพ่ออีกด้วย!”


 


กล่าวถึงประโยคนี้จ้าวจี้ก็แลดูมีโทสะ คับแค้นนัก


 


หลังได้ยินคำของจ้าวจี้สีหน้าชายทั้ง 2 ในชุดขาวกับดำก็มืดลงทันใด ต่างหันไปถลึงตามองต้วนหลิงเทียนอย่างดุร้าย


 


“คนในชุดขาวเรียกว่า จ้าวไป๋ฉวี่ ส่วนชุดดำเรียกว่าจ้าวเฮยถู…ทั้งสองนั่นเป็นบุตรบุญธรรมของบิดาจ้าวจี้ พวกมันถูกเก็บมาเลี้ยงต้งแต่ยังเล็กใช่แซ่จ้าวเหมือนกับบิดาจ้าวจี้ และเป็น 1 ในศิษย์ของบิดาจ้าวจี้เช่นกัน แม้พลังฝีมือของพวกมันจะอยู่ในระดับปานกลาง หากแต่ความภัคดีของพวกมันเหนือล้ำกว่าศิษย์คนอื่นมากนัก”


 


ในหูของต้วนหลิงเทียนพลันมีเสียงของหวังพีดังขึ้น


 


จ้าวไป๋ฉวี่ จ้าวเฮยถู


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับทราบ


 


“พวกมันทั้งคู่มีด่านพลังฝึกปรืออริยะเซียนขั้นต้นเหมือนกันกับข้า…และเป็นศิษย์ในรายนามฟ้าลี้ลับเช่นกัน!”


 


หวังพีกล่าวสืบต่อ


 


อริยะเซียนขั้นต้น!


 


ได้ยินคำนี้จากปากหวังพี สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายสว่างวาบขึ้นมาทันใด


 


ด้วยพลังความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบัน อาจถือได้ว่าเป็นการรังแกคนอ่อนแอหากลงมือกับผู้ที่อยู่ใต้ขอบเขตอริยะเซียนขั้นต้น…


 


มีโอกาสได้ฉะกับอริยะเซียนขั้นต้นแบบนี้ เป็นอะไรที่ต้วนหลิงเทียนตั้งหน้าตั้งตารอไม่น้อย!


 


“เจ้าน่ะเหรอ หลิงเทียน…”


 


จ้าวไป๋ฉวี่ที่มองมาด้วยสายตาดุร้ายเอาเรื่อง กล่าวถามต้วนหลิงเทียนเสียงเย็น


ตอนที่ 1,754 : บานปลาย


 


เผชิญหน้ากับวาจาถามไถ่แกมสั่งของจ้าวไป๋ฉวี่ ต้วนหลิงเทียนเพียงเหลือบมองมันอย่างเฉยเมย ก่อนที่จะเมินมันไปทั้งอย่างนั้น


 


ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่จ้าวไป๋ฉวี่เป็นแค่อริยะเซียนขั้นต้น ให้มันเป็นอริยะเซียนขั้นสูงสุดต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะกลัว!


 


หากเหลือทนจริงๆ เขาจะชักกระบี่นิลสวรรค์ออกมาฆ่ามันทันที!


 


“เป็นจ้าวไป๋ฉวี่ กับจ้าวเฮยถู!”


 


ไม่นานศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับหลายคนก็จดจำได้ ต่างร้องอุทานออกมาด้วยความตะลึง “ทั้งคู่ล้วนบรรลุอริยะเซียนขั้นต้น จนกลายเป็นศิษย์ในรายนามฟ้าลี้ลับ ปกติแล้วมักบ่มเพาะบนตำหนักหลัก!”


 


“คนที่อยู่ด้านหลังพวกมัน มิใช่ผู้ติดตามของจ้าวจี้หรือไร?”


 


“ดูเหมือนว่ามันจะไปพาจ้าวไป๋ฉวี่กับจ้าวเฮยถูมา”


 


“มิน่าแปลกใจเลยว่าไฉนจ้าวจี้ถึงยอมทนรับความอัปยศอยู่เงียบๆได้…ที่แท้มันส่งคนไปหาตัวช่วยแต่แรก!”


 


……


 


ตอนนี้ผู้คนเริ่มคาดเดากันได้ว่าไฉนจ้าวไป๋ฉวี่กับจ้าวเฮยถูถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ไม่พ้นต้องถูกผู้ติดตามของจ้าวจี้ไปตามมาแน่!


 


“ในตำหนักฟ้าลี้ลับของพวกเรา มีเพียงบรรลุถึงอริยะเซียนขั้นต้นเท่านั้นถึงจะติดรายนามฟ้าลี้ลับและได้อยู่ตำหนักหลัก…ทั้งคู่สมควรบรรลุอริยะเซียนแล้วเป็นแน่!”


 


“ข้าพอรู้เรื่องของจ้าวไป๋ฉวี่กับจ้าวเฮยถูมาบ้าง เห็นว่าพวกมันถูกบิดาจ้าวจี้เก็บมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็ก ได้รับการดูแลสอนสั่งจากบิดาของจ้าวจี้…ในสายตาของรองจ้าวตำหนักจ้าวก็เห็นพวกมันเป็นบุตรชายแท้ๆไม่ต่างอะไรจากจ้าวจี้…ทั้งคู่ยังรักและเอ็นดูจ้าวจี้กว่าใคร!”


 


“ที่แท้เป็นศิษย์ของรองจ้าวตำหนักจ้าว มิน่าแปลกใจว่าไฉนจ้าวจี้ถึงส่งคนไปตามพวกมันมา…ขอบเขตอริยะเซียนขั้นต้นหรือ ข้าอยากรู้ว่าตอนนี้หลิงเทียนจะรับมืออย่างไร”


 


“ถึงหลิงเทียนจะร้ายกาจมากพรสวรรค์…แต่อย่างไรก็พึ่งบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นยิ่งใหญ่ เทียบกับพวกมันยังขาดอยู่อีกมาก”


 


“นั่นสิ หากให้เวลาหลิงเทียนอีกไม่กี่ปี อาจจะก้าวข้ามจ้าวไป๋ฉวี่กับจ้าวเฮยถูไปได้…แต่ตอนนี้ยังอีกไกลนัก!”


 


……


 


หลายคนที่กล่าวซุบซิบกันอยู่ อดไม่ได้ที่จะเหงื่อตกแทนต้วนหลิงเทียน


 


“หน้าด้านนัก!”


 


หวางเฟยเซวียนที่ได้ยินบทสนทนาโดยรอบ ก็รับทราบถึงความเป็นมาของชาย 2 คนในชุดขาวกับดำ สีหน้านางเปลี่ยนไปยังหันไปมองด่าจ้าวจี้ทันที


 


ขณะเดียวกัน นางก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความกังวลขึ้นมา


 


นางกังวลในความปลอดภัยของต้วนหลิงเทียนนัก


 


เพราะจะกล่าวไปแล้วที่ต้วนหลิงเทียนมีเรื่องกับจ้าวจี้จนมันบานปลายถึงขั้นนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะนางคนเดียว! นางจึงรู้สึกผิดอย่างมาก!!


 


“ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้ากล้าทำร้ายน้องเล็ก…เจ้ามันยะโสโอหังนัก!”


 


เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนกล้าที่จะเมินจ้าวไป๋ฉวี่ จ้าวเฮยถูพลันกล่าวออกเสียงเย็น สองตามองต้วนหลิงเทียนด้วยเจตนาฆ่าฟัน พาลให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเหมือนมีอสรพิษจับจ้องอยู่บ้าง


 


อย่างไรก็ตามกว่าต้วนหลิงเทียนจะมีวันนี้ได้ ไม่ทราบพบเจอสายตาเช่นนี้มาแล้วกี่คู่ กล่าวว่ามีภูมิต้านทานไปนานแล้วก็ไม่เกินเลย…


 


“พี่ไป๋ฉวี่ พี่เฮยถู ข้าอยากให้มันมาคุกเข่าขอขมาข้า!!”


 


จ้าวจี้ถลึงตามองต้วนหลิงเทียนเขม็ง ตอนนี้แก้มทั้งสองของมันเริ่มปูดบวมขึ้นมาปานหัวหมู กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟันอันคับแค้น


 


ถึงแม้จ้าวจี้จะโมโหจนแทบบ้า แต่มันก็ยังไม่ไร้สติ


 


ถึงมันอยากให้ต้วนหลิงเทียนตายขนาดไหน มันก็ไม่กล้าทำร้ายต้วนหลิงเทียนถึงตายในตำหนักฟ้าลี้ลับ!


 


ถึงแม้ภูมิหลังมันจะยิ่งใหญ่ แต่ถ้าฆ่าคนในตำหนักฟ้าลี้ลับอย่างโจ่งแจ้งขึ้นมา ก็ยากที่มันจะรอดพ้นกฏของตำหนักฟ้าลี้ลับไปได้!


 


ถึงตอนนั้นเกรงว่ากระทั่งบิดามัน กับปู่ของมันก็ไม่อาจช่วยเหลือมันได้!


 


แม้มันอาจโชคดีรอดโทษประหาร แต่มันต้องถูกขับไล่ออกจากตำหนักฟ้าลี้ลับแน่นอน!


 


สำหรับจ้าวไป๋ฉวี่กับจ้าวเฮยถูที่ผู้ติดตามมันไปตามมานั้น ทั้งคู่เป็นเหมือนผู้ปกครองของมัน อีกฝ่ายยังรักเอ็นดูมันเป็นที่สุด!


 


วันนี้บุตรชายคนเดียวของบิดาบุญธรรมที่เก็บพวกมันมาเลี้ยง และเป็นดั่งน้องชายคนเล็กที่พวกมันดูแลมาตั้งแต่แบเบาะ…ถูกผู้คนทุบตีตบหน้าทามกลางสายตาคนมากมายให้อัปยศอดสู!


 


พวกมันจะไม่โกรธได้อย่างไรไหว?


 


ดังนั้นทันทีที่สิ้นคำของจ้าวจี้ จ้าวไป๋ฉวี่กับจ้าวเฮยถู ก็พุ่งแหวกอากาศออกไปพร้อมเพรียง ชั่วพริบตาก็บรรลุถึงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน!


 


ฟุ่บ! ฟุ่บ!


 


ทว่าตอนนี้เองพลันมีเสียงแหวกฝ่าสายลม 2 เสียงพุ่งวูบมาหยุดขวางเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนเอาไว้ หนึ่งในนั้นคือหวังพี!


 


“หากคิดทำร้ายเขาก็ข้ามศพข้าหวางเฟยเซวียนไปก่อนเถอะ!”


 


น้ำเสียงใสกระจ่างหากแต่แฝงเร้นไปด้วยความแน่วแน่เด็ดเดี่ยวดังขึ้นเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน ดึงดูดความสนใจของผู้คนทันที


 


ร่างดังกล่าว มีทรวดทรงองค์เอวโค้งเว้าเด่นชัดได้สัดส่วนอันสมบูรณ์ปานปีศาจสาวยั่วสวาท ทว่ากลับแฝงเร้นไปด้วยความกล้าหาญปานบุรุษ ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นหวางเฟยเซวียนเอง!


 


ตอนนี้หวางเฟยเซวียนชักดาบเล่มเขื่องราวดาบของเพชตฆาตที่ไม่เข้ากับร่างบางสุดๆออกมาคอนถือไว้ด้านหน้าต้วนหลิงเทียน มองไปคล้ายแม่พยัคฆ์กำลังแยกเขี้ยวปกป้องลูกน้อย!


 


สายตาของนางมองจ้าวไป๋ฉวี่กับจ้าวเฮยถูด้วยสายตาเด็ดขาด พร้อมสู้แลกตาย!


 


โอ!!


 


เหล่าผู้ชมที่อึ้งไปพอรู้สึกตัวก็อดไม่ได้ที่จะฮือฮาขึ้นมา ด้วยไม่คิดว่าหวางเฟยเซวียนจะใจเด็ดถึงขั้นคิดปกป้องต้วนหลิงเทียนโดยไม่ห่วงชีวิตตัวเอง


 


ต้องทราบด้วยว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความกล้าเช่นนี้!


 


“เจ้าคิดว่าอย่างเจ้าจะหยุดพวกเราได้?”


 


จ้าวไป๋ฉวี่กับจ้าวเฮยถู ประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินวาจาของนาง


 


อย่างไรก็ตามแม้จะประหลาดใจ ทว่าพวกมันก็ไม่ได้เห็นหวางเฟยเซวียนอยู่ในสายตา เพราะด้วยสำนึกเทวะของพวกมัน ย่อมสัมผัสกลิ่นอายพลังของหวางเฟยเซวียนได้ชัดเจน แค่เซียนขัดเกลาขั้นกลางจะเอาอะไรมาหยุดพวกมัน?


 


“ข้าไม่มีนิสัยที่ให้สตรีต้องมาปกป้อง”


 


ในขณะที่หวางเฟยเซวียนเผชิญหน้ากับจ้าวไป๋ฉวี่ พลันมีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นต้วนหลิงเทียนที่ก้าวออกมาบังหน้าหวางเฟยเซวียนเอาไว้ด้านหลัง


 


ตอนแรกเขาก็คิดจะลงมือแล้ว


 


ทว่าเพราะการกระทำของหวางเฟยเซวียนทำให้เขาถึงกับตกตะลึง จนอึ้งไปพักหนึ่ง


 


ได้เห็นหวางเฟยเซวียนที่ก้าวออกมาปกป้องทั้งๆที่เป็นสตรีแถมพลังยังอ่อนด้อยกว่าเขามากแบบนี้ ทำให้เขาเลิกสนใจนิสัยเสียของนาง ลบอคติสุดท้ายที่มีต่อหวางเฟยเซวียนไปทันที เห็นนางเป็นเพื่อนคนหนึ่งเต็มตัว


 


“เรื่องนี้ล้วนเกิดขึ้นเพราะมีข้าเป็นต้นเหตุ ข้าจักอยู่เฉยได้อย่างไร”


 


หวางเฟยเซวียนมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนที่อยู่เบื้องหน้า “เจ้าไม่ต้องห่วงนะ พวกมันไม่กล้าฆ่าข้าหรอก”


 


น่าเสียดายที่ต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะฟังนาง


 


ต้วนหลิงเทียนรู้ดี ไม่ว่าจะมีหวางเฟยเซวียนหรือไม่มีผลลัพธ์มันก็ไม่ต่างกัน ยังไงจ้าวจี้มันก็เห็นเขาเป็นศัตรูที่ต้องกำจัดให้พ้นทางอยู่แล้ว


 


เพราะมีหวางเฟยเซวียน ก็เลยทำให้เรื่องบาดหมางระหว่างเขากับจ้าวจี้มันเพิ่มขึ้นอีกเรื่องก็เท่านั้น


 


เช่นนั้นแล้วตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่คิดว่าการที่เขามีเรื่องกับจ้าวจี้หนักขึ้น มันจะเกี่ยวอะไรกับนางแม้แต่น้อย


 


ยืนอยู่เบื้องหน้าหวางเฟยเซวียน ต้วนหลิงเทียนมองพินิจจ้าวไป๋ฉวี่กับจ้าวเฮยถูด้วยสายตาไม่แยแส คล้ายไม่ได้กำลังเผชิญหน้ากับอริยะเซียน 2 คน…แต่เป็นแค่จอมยุทธ์ดาษๆไร้ฝีมือเท่านั้น


 


“นับว่าเจ้ายังเป็นลูกผู้ชายอยู่! แต่บางครั้งคิดทำเป็นวีรบุรุษปกป้องหญิงงามมันก็มีราคาที่ต้องจ่ายสูงหน่อย…กระทั่งต่อให้ทำไม่สำเร็จก็ยังต้องจ่ายราคาอย่างหนัก!”


 


จ้าวเฮยถูแสยะยิ้มกว้างน่ากลัว ชวนให้ขนลุกนัก


 


“เจ้ามิได้ยินที่น้องเล็กข้ากล่าวหรือ! ยังไม่รีบมาคุกเข่าขอขมาน้องเล็กข้าอีก!!”


 


จ้าวไป๋ฉวี่มองต้วนหลิงเทียนตาขวางกล่าวสั่งเสียงดัง


 


“จ้าวไป๋ฉวี่ จ้าวเฮยถู”


 


ตอนนี้เองหวังพีพลันก้าวขึ้นมาอีกไม่กี่ก้าว คั่นกลางระหว่างต้วนหลิงเทียนกับทั้งคู่ด้วยใบหน้าบึ้งตึง “วันนี้ใครถูกใครผิดพวกเจ้าสมควรรู้ดีแก่ใจ…อย่าให้มันมากเกินไปนัก!”


 


“อะไรหวังพี หรือเจ้าคิดจะช่วยมัน?”


 


จ้าวเฮยถูกล่าวออกด้วยรอยยิ้มแสยะ “ข้าจำได้ว่าระหว่างเจ้ากับข้า…ก่อนหน้านี้เป็นเจ้าที่แพ้มิใช่หรือ?”


 


ได้ยินคำนี้ของจ้าวไป๋ฉวี่ กอปรกับสังเกตเห็นแววตาที่มองมาโดยรอบ หวังพีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึมครึมในใจ สีหน้ายังเปลี่ยนเป็นถมึงทึง “จ้าวเฮยถู ศิษย์น้องหลิงเทียนต่างจากข้า คิดหาเรื่องเขา เช่นนั้นเจ้าก็เตรียมใจไว้ให้ดีเถอะ…”


 


“เจ้าหมายความว่าอะไร?”


 


สายตาจ้าวเฮยถูมองเพ่งไปยังหวังพีทันที เสียงกล่าวยังเข้มขึ้น


 


“พรสวรรค์ของศิษย์น้องหลิงเทียนเป็นเช่นไร ข้าคิดว่าพวกเจ้าสมควรได้ยินกันมาแล้ว…เท่าที่ข้าทราบ ตอนนี้กระทั่งท่านจ้าวตำหนักยังรู้เรื่องของศิษย์น้อง!”


 


คราวนี้หวังพีเลือกจะส่งเสียงกล่าวกับจ้าวไป๋ฉวี่และจ้าวเฮยถูตรงๆ คนอื่นจึงไม่ได้ยิน


 


ท่านจ้าวตำหนัก!


 


ทันทีที่หวังพีกล่าวคำนี้ออกมา สีหน้าของทั้งคู่พลันเปลี่ยนเป็นศพทันที!


 


พวกมันรู้ดีว่าหวังพีคิดจะสื่ออะไร!


 


ในเมื่อท่านจ้าวตำหนักรู้เรื่องต้วนหลิงเทียน เช่นนั้นอาจบังเกิดความสนใจคิดรับเป็นศิษย์ กระทั่งอาจเป็นศิษย์ปิดสำนัก!


 


“พวกเจ้าสมควรเป็นคนฉลาด หรือต้องให้ข้ากล่าวอย่างละเอียด?”


 


หวังพีกล่าวเสริม


 


จ้าวไป๋ฉวี่และจ้าวเฮยถูพอได้ยินดังนี้ก็หันหน้ามองสบตากัน ก่อนที่จะหันไปมองจ้าวจี้ที่อยู่ไม่ไกลและบอกว่าหวังพีกล่าวอะไรกับพวกมัน


 


“ท่านจ้าวตำหนัก?”


 


ได้ยินคำเล่าจากทั้งคู่ จ้าวจี้ขมวดคิ้วเล็กน้อยหากแต่ไม่นานก็คลายลง เร่งกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “พี่ไป๋ฉวี่พี่เฮยถู พวกท่านไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอก! เพราะหวังพีมันรู้จักกับหลิงเทียนแต่แรกมันจึงพยายามกล่าวช่วยเหลือ”


 


“ส่วนเรื่องที่มันพูดจะจริงหรือไม่จริงก็นับเป็นเรื่องในวันหน้า แม้จ้าวตำหนักคิดรับมันเป็นศิษย์แต่ก็ต้องมิใช่วันนี้…หรือหลังมันเป็นศิษย์แล้ว ท่านจ้าวตำหนักจะย้อนมาเล่นงานพวกเราหรือ?”


 


จ้าวจี้กล่าวออกเสียงเรียบ มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้งในแววตายังเต็มไปด้วยจิตสังหาร


 


“นอกจากนั้นถ้าวันนี้มันคุกเข่าต่อหน้าผู้คนมากมาย เกรงว่าจ้าวตำหนักคงไม่คิดรับมันเป็นศิษย์อีกต่อไป มิว่าจะชมชอบพรสวรรค์ของมันเพียงใดก็ตาม ผู้ที่ไร้ศักดิ์ศรีเช่นนั้นไหนเลยจ้าวตำหนักจะรับเป็นศิษย์ให้ตัวเองขายหน้าได้?”


 


จ้าวจี้กล่าวออกรวดเดียวจบ มุมปากยังปรากฏรอยยิ้มแสยะขึ้นมาอย่างชั่วร้าย


 


และยามที่วาจานี้ของจ้าวจี้ดังขึ้นในหูของจ้าวไป๋ฉวี่กับจ้าวเฮยถู พวกมันก็รู้สึกเหมือนมีเข็มปักลงกลางใจ!


ตอนที่ 1,755 : อันดับ 1 ในรายนามฟ้าลี้ลับ


 


ใช่!


 


หากหลิงเทียนคุกเข่าขอขมาจ้าวจี้ต่อหน้าผู้คนในวันนี้อย่างไร้เกียรติ เรื่องนี้สมควรแพร่ไปทั่วตำหนักฟ้าลี้ลับแน่นอน!


 


ภายใต้ความอัปยศเช่นนี้ ให้พรสวรรค์ต้วนหลิงเทียนสูงส่งเพียงใด ก็ไม่คิดมีใครดูดีมันอีก!!


 


ต่อให้จ้าวตำหนักคิดรับมันเป็นศิษย์ ทว่าพอได้ทราบเรื่องในวันนี้ ไม่ 10 ก็ต้องมี 9 ที่คิดเปลี่ยนใจไม่รับมันเป็นศิษย์!!


 


จังหวะนี้ในใจของจ้าวไป๋ฉวี่กับจ้าวเฮยถูคล้ายกระจ่างแจ้ง


 


พวกมันไม่สนใจคำของหวังพีอีกต่อไป


 


เมื่อเห็นว่าจ้าวไป๋ฉวี่กับจ้าวเฮยถู กลับมาเผยแววตาดุร้ายอีกรอบ หวังพีอดไม่ได้ที่จะหน้าเสีย เพราะมันรู้ได้ทันทีว่าทั้งคู่ไม่หวาดกลัวเรื่องที่มันพึ่งกล่าวไป จึงเร่งกล่าวออกมาอีกรอบ “จ้าวไป๋ฉวี่ จ้าวเฮยถู ข้ารู้ว่าพวกเจ้าคิดทำตามใจจ้าวจี้…แต่พวกเจ้าต้องการแบกรับความเสี่ยงนี้หรือ?”


 


“หวังพี อย่าได้คิดขู่ให้พวกเรากลัวเสียให้ยาก!”


 


จ้าวไป๋ฉวี่กล่าวเย้ยออกมา “หากวันนี้หลิงเทียนมันคุกเข่าขอขมาน้องเล็กพวกเรา และเรื่องนี้แพร่ออกไปทั่วตำหนักฟ้าลี้ลับ…เจ้าคิดว่าจ้าวตำหนักยังจะสนใจรับมันตัวขี้ขลาดอย่างมันเป็นศิษย์อีกงั้นเหรอ?”


 


หวังพีไม่คิดเลยว่าจ้าวไป๋ฉวี่จะคิดเรื่องนี้ได้ สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนไปทันที “เจ้าคิดว่าศิษย์น้องหลิงเทียนจะคุกเข่าขอขมาจ้าวจี้งั้นเหรอ ฝันละเมอของตัวโง่งม!”


 


“ฝันละเมอของตัวโง่งมหรือไม่ เดี๋ยวเจ้าจักได้รู้!”


 


จ้าวไป๋ฉวี่กล่าวเย้ยออกอีกรอบ “หวังพีข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าได้ร่วมจมปลักไปกับบ่อโคลนนี้เลย เจ้าควรรู้ดีว่าผลที่ตามมาจากการล่วงเกินพวกเราตระกูลจ้าวเป็นเช่นไร…ถึงแม้ว่าอาจารย์ของจ้าวจะเป็นรองจ้าววังนภาเซียวยี่ ก็มิแน่ว่าจะช่วยเจ้าได้!”


 


ขู่!


 


ขู่กันซึ่งๆหน้า!


 


เจอคำขู่ซึ่งๆหน้าของจ้าวไป๋ฉวี่ หน้าหวังพีเปลี่ยนสีทันที เพราะมันรู้ดีว่านี่เป็นความจริง!


 


ด้วยฐานะของผู้พิทักษ์กับรองจ้าวตำหนัก กล่าวได้ว่าตระกูลจ้าวสามารถใช้หนึ่งมือปิดฟ้า! ใครที่ล่วงเกินสกุลจ้าวล้วนไม่มีจุดจบอันดีสักราย!


 


“หวังพี เจ้าคิดเรื่องนี้ให้ดีเถอะ…เจ้าเต็มใจจะบาดหมางกับพวกเรา เพราะคิดช่วยเหลือศิษย์ใหม่ที่พึ่งเข้าวังนภามาได้ไม่กี่เดือนจริงๆ?”


 


จ้าวเฮยถูมองเหยียดหวังพีพร้อมกล่าวเย้ย


 


“ศิษย์พี่หวังพี เรื่องนี้ไม่มีใดเกี่ยวกับท่านเลย ท่านไม่จำเป็นต้องตั้งตัวเป็นศัตรูกับคนอื่นเพราะข้าหหรอก”


 


ต้วนหลิงเทียนที่ยืนข้างหวังพีพลันกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ข้าขอบคุณในความหวังดีของศิษย์พี่ที่คิดยืนหยัดช่วยข้า…แต่เรื่องหลังจากนี้ขอให้ศิษย์พี่หวังพีถอยออกไปดูชมให้สบายใจเถอะ…ข้าจัดการเอง”


 


กล่าวถึงประโยคนี้ต้วนหลิงเทียนยังแย้มยิ้มให้หวังพีด้วยความมั่นใจ


 


อย่างไรก็ตามเห็นรอยยิ้มนี้ของต้วนหลิงเทียน ยิ่งทำให้หวังพีหน้าเบี้ยว เพราะมันคิดว่าต้วนหลิงเทียนพยายามแสร้งฝืนยิ้มเปี่ยมความมั่นใจเพื่อกลบเกลื่อนความหวาดกลัว


 


“ศิษย์น้องหลิงเทียน เจ้าเห็นข้าเป็นคนเช่นไร! หรือคิดว่าข้าเป็นคนที่สามารถละทิ้งสหายเพื่อหลบหนีเอาตัวรอด?”


 


หวังพีกล่าวออกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ในวาจาเผยเจตนาชัดเจน มันคิดร่วมหัวจมท้ายไปพร้อมต้วนหลิงเทียนแล้ว


 


“ข้าด้วย!”


 


หวางเฟยเซวียนเองก็คิดสู้ด้วยเช่นกัน ทว่านางไม่อาจก้าวเข้าไปเคียงข้างต้วนหลิงเทียนได้ เพราะถูกพลังไร้สภาพอันอ่อนโยนขุมหนึ่งผลักออก!


 


“เจ้าทึ่ม เจ้าทำอะไร! ปล่อยข้านะ!!”


 


ต้วนหลิงเทียนหันกลับมามองหวางเฟยเซวียนที่กำลังฮึดฮัดขัดใจ อดส่ายหน้าออกมาไม่ได้เมื่อเห็นว่านางดื้อรั้นเพียงใด “เจ้าดูเฉยๆเถอะ กับอีแค่อริยะเซียนขั้นต้นสองคนเจ้าจะอะไรมากมาย…”


 


ได้ยินวาจานี้หวางเฟยเซวียนที่แกว่งดาบหมายทำลายพลังไร้สภาพก็ถึงกับอึ้งไปตาปริบๆ ยังกับถูกอัสนีบาตยามแล้งฟาดลงกลางหัว


 


แค่อริยะเซียนขั้นต้น? พี่ท่านใช้คำว่าแค่?


 


หากเป็นเซียนขัดเกลาขั้นยิ่งใหญ่คนอื่นกล่าววาจาเช่นนี้ออกมา หวางเฟยเซวียนคงโพล่งด่าว่าขี้โม้ออกมาแล้ว


 


ทว่าวาจานี้ยามดังออกจากปากต้วนหลิงเทียน กลับให้รสชาติแปลกประหลาดนัก


 


แม้นางจะได้รู้จักกับต้วนหลิงเทียนไม่นาง กระทั่งกล่าวไปเจอหน้ากันก็แค่ไม่กี่วันด้วยซ้ำ แต่นางพอจะรู้นิสัยของต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง ว่าหากอีกฝ่ายไม่มั่นใจคงไม่กล่าวคำพวกนี้ออกมา


 


‘เซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดเอาชนะอริยะเซียนขั้นต้นได้หรือ….’


 


อย่างไรก็ตามหวางเฟยเซวียนยังรู้สึกผิดท่าอยู่บ้าง เพราะเรื่องพรรค์นี้มันเป็นไปได้ด้วยเหรอ?


 


ทว่าพอเห็นแววตาฉายความมั่นใจเต็มเปี่ยมของต้วนหลิงเทียน นางก็รู้สึกพูดไม่ออก ไม่รู้จะเชื่ออะไรดีแล้ว


 


เมื่อเห็นว่าหวางเฟยเซวียนเก็บดาบและไปยืดกอดอกหน้าบึ้ง ต้วนหลิงเทียนก็หัวเราะเบาๆด้วยรู้ว่าหวางเฟยเซวียนไม่คิดดื้อรั้นอีกแล้ว จึงหันกลับมามองหวังพีอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม “พี่หวังข้ารู้ดีว่าท่านหวังดีและใจถึง…แต่กับอีแค่อริยะเซียนปลายแถวในรายนามฟ้าลี้ลับอย่างพวกมัน ไม่ได้อยู่ในสายตาข้าเลย…”


 


อริยะเซียนปลายแถวในรายนามฟ้าลี้ลับ?


 


ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าววาจานี้ออกมา ผู้คนก็เงียบไปเป็นคนตาย


 


หากวาจานี้ดังออกจากปากอันดับต้นๆในรายนามฟ้าลี้ลับ ผู้คนคงไม่คิดว่ามันแปลกอะไร


 


ปัญหาคือผู้ที่กล่าวกลับเป็นศิษย์ใหม่วังนภาที่ไม่แม้แต่จะติดอันดับในรายนามฟ้าลี้ลับเนี่ยสิ! ทำให้พวกมันรู้สึกพิลึกพิลั่นอย่างบอกไม่ถูก!


 


“ดี! ดีมาก!”


 


จ้าวจี้เป็นคนแรกที่คืนสติ มันกล่าวเย้ยออกมาทันใด “ศิษย์ใหม่ที่ไม่แม้แต่จะติดอันดับในรายนามฟ้าลี้ลับ กลับกล้ากล่าววาจาดูแคลนศิษย์ในรายนามฟ้าลี้ลับ โอหังอันใดเช่นนี้!!”


 


“พี่ไป๋ฉวี่ พี่เฮยถู ในเมื่อมันไม่เห็นพวกท่านอยู่ในสายตา เช่นนั้นก็ไปทำให้มันรับทราบเถอะ ว่าไฉนบุปผาถึงมีสีแดง! หลังจากนั้นค่อยลากมันมาคุกเข่าขอขมาข้า!!”


 


จ้าวจี้หันไปมองจ้าวไป๋ฉวี่กับจ้าวเฮยถูกล่าวออกเสียงเหี้ยม


 


“น้องเล็กเจ้ามั่นใจได้ หลังจากที่ข้าทำให้มันร่ำร้องขอความเมตตาแล้ว..ข้าจะลากมันมาคุกเข่าขอขมาต่อหน้าเจ้า”


 


จ้าวเฮยถูแลบลิ้นเรียริมฝีปากแห้งผากด้วยรอยยิ้มอำมหิต แววตาดุร้ายของมันมองเขม็งไปยังร่างต้วนหลิงเทียน “ไอหนูข้าไม่รู้ว่าเจ้ามาจากไหน! แต่เจ้าคิดหรือว่าหลังเข้าวังนภามาได้ไม่ทันไร แค่เอาชนะพี่น้องสกุลลั่วที่ร่วมมือกันได้เข้าหน่อย เจ้าก็คิดว่าด่านพลังเซียนขัดเกลาขั้นยิ่งใหญ่ของเจ้ามันไร้เทียมทานแล้ว?”


 


ก่อนที่จะมาที่นี่จ้าวเฮยถูได้ยินเรื่องทั้งหมดจากผู้ติดตามของจ้าวจี้แล้ว


 


จ้าวเฮยถูเองก็เคยเป็นคนของวังนภา มันย่อมรู้เรื่องพี่น้องสกุลลั่วดี


 


ฟุ่บ!


 


ทันทีที่กล่าวจบคำร่างจ้าวเฮยถูก็แปรเปลี่ยนไปคล้ายใต้ฝุ่น พริบตาก็อยู่ตรงหน้าต้วนหลิงเทียนและกำลังจะลงมือ


 


ฟุ่บ! ฟุ่บ!


 


ตอนนี้เองเสียงแหวกฝ่าสายลมฉับไวพลันดังขึ้นสองเสียง!


 


หนึ่งในนั้นมาจากร่างหวังพีที่พุ่งแหวกอากาศมาด้วยความเร็วสูงสุด หยุดตั้งท่าอยู่เบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน และคิดช่วยเขาจัดการจ้าวเฮยถู!


 


ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะมีความมั่นใจ แต่หวังพีคิดว่าต้วนหลิงเทียนพยายามปลอบใจมัน และไม่คิดว่าพลังฝึกปรือเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดของต้วนหลิงเทียนจะทำอะไรอริยะเซียนขั้นต้นได้…หากมันไม่ช่วยอีกฝ่ายสามารถสยบต้วนหลิงเทียนได้ง่ายดาย!


 


อย่างไรก็ตามหวังพีว่าเร็วแล้ว กลับมีคนที่รวดเร็วกว่ามัน!


 


เมื่อพบว่ามีอีกร่างหนึ่งที่มาหยุดขวางเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน ทั้งยังอยู่หน้ามัน หวังพีก็อดไม้ได้ที่จะตะลึง!


 


ชายที่ปรากฏเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนคราวนี้ เป็นชายหนุ่มแลดูแข็งแกร่ง คิ้วเข้มดั่งดาบ หน้าตาแม้ไม่ได้หล่อเหลาอะไรมากมาย แต่ให้ความรู้สึกสง่างามน่าเกรงขาม!


 


บรรยากาศรอบกายให้ความรู้สึกเข้มแข็งนัก!


 


“ศิษย์พี่กู่ลี่!!”


 


เห็นชายหนุ่มที่ปรากฏตัวเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนคนนี้ สีหน้าจ้าวเฮยถูเปลี่ยนไปทันใด ในแววตายังเผยความหวาดกลัวออกมา “ท่าน…ท่านรู้จักหลิงเทียนด้วยหรือ?”


 


“กู่ลี่?”


 


ตอนแรกต้วนหลิงเทียนก็งุนงงไม่น้อยเพราะเขาสัมผัสได้ถึงการมาของใครบางคนแต่แรก พอเห็นถึงร่างที่ปรากฏเบื้องหน้าเขาก็สงสัย เพราะเขาจำได้ว่าไม่เคยรู้จักอีกฝ่ายมาก่อน แล้วไฉนคนแปลกหน้าถึงมาช่วยเขาได้?


 


พอได้ยินเสียงเรียกของจ้าวเฮยถู เขาจึงได้รู้ว่าผู้มาชื่อ กู่ลี่


 


“ศะ…ศิษย์พี่กู่ลี่”


 


เห็นชายหนุ่มเข้มแข็งที่ปรากฏตัวเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน และปกป้องต้วนหลิงเทียนเอาไว้ด้านหลังคราวนี้ แม้แต่จ้าวไป๋ฉวี่ก็หน้าซีด…


 


“ศิษย์พี่กู่ลี่!”


 


“ศิษย์พี่กู่ลี่!”


 


……


 


ตอนนี้เองเหล่าศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับ รวมถึงหวังพีก็โค้งคำนับกู่ลี่ด้วยเคารพ


 


สำหรับศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับแล้วยามพวกมันเจอกู่ลี่พวกมันยังให้ความเคารพมากกว่ารองจ้าววังนภาอย่างเซียวยี่เสียอีก!


 


เห็นฉากนี้ต้วนหลิงเทียนเองก็อดไม่ได้ที่จะอึ้ง เพราะไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มที่มาช่วยเขาคนนี้ จะมีฐานะสูงส่งในสายตาศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับขนาดนี้


 


เขามองเห็นเรื่องนี้ได้ชัดเจน จากเรื่องที่ศิษย์ทั้งหมดล้วนโค้งคำนับให้อีกฝ่ายด้วยความเคารพ!


 


“บัดซบ! สารเลวนั่นมันไปรู้จักกับกู่ลี่ได้อย่างไร!?”


 


เห็นภาพนี้สีหน้าจ้าวจี้เหยเกไปทันที!


 


ถึงแม้จ้าวจี้จะถูกเรียกว่า ชนรุ่นหลังที่ทรงอำนาจมากที่สุดในตำหนักฟ้าลี้ลับ แต่นั่นเป็นชื่อเรียกที่ผู้อื่นตั้งให้เพราะภูมิหลังของมัน ปู่มันเป็น 1 ใน 2 ผู้พิทักษ์ บิดาเป็นรองจ้าวตำหนัก


 


อย่างไรก็ตามในตำหนักฟ้าลี้ลับยังมีรุ่นหลังที่มันเองก็ยังหวาดกลัว


 


และคนผู้นั้นคือ กู่ลี่!


 


เพราะกู่ลี่นั้นเป็นบุตรชายของผู้พิทักษ์อีกคน! และอาศัยความจริงที่ผู้พิทักษ์คนนั้นมีกู่ลี่เป็นบุตรชายเพียงคนเดียว ทำให้ตามใจกู่ลี่มาก ตราบใดที่อยู่ในขอบเขตอำนาจของ ล้วนยินดีทำทุกสิ่งเพื่อบุตรชาย!


 


และกู่ลี่ก็ไม่ทำให้ผู้พิทักษ์คนนั้นผิดหวังเลย เพราะมันคืออัจฉริยะที่ปรากฏตัวขึ้นมาในรอบ 100 ปีของตำหนักฟ้าลี้ลับ!


 


แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะมา


 


หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนปรากฏตัว พรสวรรค์ที่เผยออกนับว่าเหนือกว่ากู่ลี่ จึงกล่าวได้ว่าเขารับสืบทอดนามอันทรงเกียรตินั้นมาจากกู่ลี่ กลายเป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ทันที…


 


กู่ลี่นั้นอายุ 50 ต้นๆเท่านั้น อย่างไรก็ตามพลังฝึกปรือของมันบรรลุถึงอริยะเซียนขั้นสูงสุด!


 


นอกจากนี้ในตำหนักฟ้าลี้ลับ กู่ลี่ยังคืออันดับ 1 ในรายนามฟ้าลี้ลับ!


 


ในตำหนักฟ้าลี้ลับ ตราบใดที่ศิษย์ทะลวงผ่านขอบเขตอริยะเซียนเข้าสู่ขอบเขตเซียนมนุษย์ ก็จะถูกลบออกจากรายนามฟ้าลี้ลับ และกลายเป็นผู้อาวุโส


 


กู่ลี่ที่ครองอันดับ 1 ในรายนามฟ้าลี้ลับ หมายความว่าในตำหนักฟ้าลี้ลับแห่งนี้มันไม่แพ้ผู้ใดใต้ขอบเขตเซียนมนุษย์!


 


“ศิษย์พี่กู่ลี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”


 


“ข้าไม่รู้เลย”


 


“จากที่เห็น ดูเหมือนศิษย์พี่กู่ลี่จะมาช่วยหลิงเทียนนะ?”


 


“ที่แท้หลิงเทียนรู้จักกันกับศิษย์พี่กู่ลี่นี่เอง…กลับมีไพ่ลับนี้ถืออยู่ในมือ ถึงว่าล่ะกลับแลดูสงบใจนัก”


 


……


 


ศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับรอบๆเหมารวมไปว่าที่ต้วนหลิงเทียนแลดูสงบใจอยู่ได้นั้น ที่แท้เพราะมีกู่ลี่หนุนหลัง และอีกฝ่ายต้องปรากฏตัวออมกาช่วยเหลือนี่เอง


 


ได้ยินวาจากระซิบกระซาบโดยรอบต้วนหลิงเทียนถึงกับพูดไม่ออก


 


ก่อนหน้านี้เขาไม่เพียงไม่รู้จักกู่ลี่ แต่เขายังไม่เคยได้ยินใครพูดถึงชื่อกู่ลี่มาก่อนด้วยซ้ำ…


ตอนที่ 1,756 : กาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์


ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็มองพินิจกู่ลี่โดยละเอียด


 


กู่ลี่นั้น เป็นชายหนุ่มร่างกำยำสมส่วนสูงหนึ่งหมี่เก้า(190 เซนติเมตร) มาในชุดคลุมรัดรูปเผยให้เห็นมัดกล้ามอันสมบูรณ์ได้รูปชัดตา ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งทรงพลัง


 


นอกจากนี้ใบหน้าของกู่ลี่แม้ไม่ได้หล่อเหลาแบบต้วนหลิงเทียน หากแต่คมเข้มมีเสน่ห์ดิบเถื่อนของบุรุษ เรื่องนี้สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาอันเต็มไปด้วยความหลงใหลของเหล่าศิษย์สตรีที่จ้องมองอีกฝ่ายไม่วางตั้งแต่ปรากฏตัว!


 


‘อันดับ 1 ในรายนามฟ้าลี้ลับ? อายุแค่ 50 ต้นๆบรรลุถึงอริยะเซียนขั้นสูงสุด?’


 


ด้วยเสียงกระซิบสนทนาโดยรอบ ต้วนหลิงเทียนย่อมเก็บข้อมูลของกู่ลี่ได้ไม่ยาก


 


อย่างไรก็ตามที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจคือภูมิหลังอีกฝ่าย..


 


‘ลูกชายคนเดียวของอาวุโสผู้พิทักษ์?’


 


ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ว่าไม่เพียงแต่พลังฝีมือของกู่ลี่จะแข็งแกร่ง หากแต่ฐานะยังไม่ใช่ธรรมดา! เพราะเป็นบุตรชายคนเดียวของ 1 ใน 2 อาวุโสผู้พิทักษ์ตำหนักฟ้าลี้ลับ!!


 


อาวุโสผู้พิทักษ์ทั้ง 2 นั้นเป็นชนชั้นยอดฝีมือ ได้รับความเคารพจากคนของตำหนักฟ้าลี้ลับอย่างสูง พลังฝีมือเรียกว่าเป็นรองก็แต่จ้าวตำหนักฟ้าลี้ลับคนเดียวเท่านั้น


 


ภูมิหลังนี้แม้อาจเทียบกับจ้าวจี้ไม่ได้ แต่ก็ด้อยกว่ากันไม่มาก


 


เพราะสุดท้ายแล้วจ้าวจี้ยังมีบิดาเป็นรองจ้าวตำหนักอีกคน!


 


แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนรู้ดีว่าที่ศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับให้ความเคารพกู่ลี่นั้นไม่ใช่เพราะภูมิหลังอีกฝ่ายอย่างเดียว ยังเป็นเพราะพลังฝีมือส่วนตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่น!


 


จ้าวจี้มีภูมิหลังเหนือกู่ลี่แล้วอย่างไร มีใครเคารพมันบ้าง?


 


“ศิษย์พี่ใหญ่…ท่านรู้จักหลิงเทียนด้วยหรือ?”


 


จ้าวไป๋ฉวี่มองถามกู่ลี่ด้วยสายตาหวาดกลัว


 


แม้มันอยากล้างแค้นให้น้องชายคนเล็ก แต่มันก็รู้สึกอับจนหนทางเมื่อต้องเผชิญหน้ากับกู่ลี่


 


ถ้ากู่ลี่คิดปกป้องหลิงเทียนจริงๆล่ะก็ มันจนปัญญาแล้ว!


 


ตอนนี้มันจึงทำได้แค่หวังว่าที่กู่ลี่ออกมานั้นเป็นเพราะคิดชมดูเรื่องราวสนุกสนานไม่ใช่มาช่วยหลิงเทียน…ถึงแม้มันจะรู้ดีว่าจากตำแหน่งการปรากฏตัวแทบจะไม่มีความเป็นไปได้เช่นนั้นเลย มันก็ยังหวังเล็กๆ


 


“ข้าไม่รู้จักเขา…”


 


อย่างไรก็ตามวาจาที่กู่ลี่ตอบมาด้วยไม่แยแสนั้น กลับทำให้สองตาของจ้าวไป๋ฉวี่ลุกวาวขึ้นมาทันใด จ้าวเฮยถูก็เผยประกายเจิดจ้าไม่ต่าง


 


กู่ลี่ไม่รู้จักหลิงเทียนงั้นเหรอ?!


 


หน้าจ้าวจี้ที่คล้ายมีเมฆหมอกอึมครึมปกคลุม บัดนี้กระจ่างสว่างขึ้นมาทันใด คนฉีกยิ้มออกมาได้อีกครั้ง แม้แก้มยังปูดบวมเหมือนหัวหมูก็ตาม!


 


‘ตัวบัดซบกู่ลี่นี่มันไม่รู้จักผู้อื่น แล้วจะเสนอหน้าออกมาขวางหาสวรรค์วิมานอันใด?’


 


จ้าวจี้ขัดใจนัก


 


“ศิษย์พี่กู่ลี่มิรู้จักหลิงเทียนหรือ?”


 


สิ้นคำกล่าวของกู่ลี่ เรียกว่านอกจากต้วนหลิงเทียนแล้ว ศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับที่เหลือรู้สึกใบ้รับประทาน


 


ตอนแรกพวกมันคิดว่ากู่ลี่นั้นคือผู้ช่วยของต้วนหลิงเทียน แต่พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าในเวลาอันสำคัญนี้กู่ลี่จะกล่าวออกมาว่าไม่รู้จักต้วนหลิงเทียนซะอย่างนั้น!


 


“ดูเหมือนพวกเราจักเข้าใจผิดกันไปเอง ที่แท้ศิษย์พี่กู่ลี่มิได้รู้จักกับหลิงเทียน”


 


“ศิษย์พี่กู่ลี่มา ข้าคิดว่าหลิงเทียนจะรอดพ้นเรื่องนี้แล้ว…แต่ไม่คิดเลยว่าที่แท้ศิษย์พี่กู่ลี่มิได้มาช่วยหลิงเทียน! และดูเหมือนศิษย์พี่กู่ลี่ก็มิมีเหตุผลที่ต้องช่วยหลิงเทียน!!”


 


“บางทีศิษย์พี่กู่ลี่แค่คิดออกมาชมดูเรื่องราวสนุกๆสนานเท่านั้น”


 


……


 


ศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับหลายต่อหลายคนกระซิบกล่าวกันดังงึมงำ สายตาที่หันไปมองต้วนหลิงเทียนเผยความเวทนาสงสารอีกครั้ง


 


ในสายตาของมันในเมื่อกู่ลี่ไม่รู้จักหลิงเทียน เช่นนั้นก็ไม่ใช่ผู้ช่วยที่หลิงเทียนพามา แน่นอนว่าหากไร้ซึ่งความช่วยเหลือของกู่ลี่ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจต้านทานสกุลจ้าวได้เลย แม้จะมีหวังพีช่วยก็ตาม


 


“ศิษย์พี่กู่ลี่มิได้รู้จักหลิงเทียนหรอกหรือ…”


 


หน้าหวังพีเปลี่ยนไปทันใด ตอนนี้มันรู้สึกเหมือนตกนรกอีกครั้งหลังขึ้นสวรรค์ได้ไม่ทันไร


 


ถึงแม้มันวางแผนจะช่วยหลิงเทียน แต่มันก็รู้ดีว่าถึงมันช่วยก็ไม่อาจหยุดจ้าวไป๋ฉวี่กับจ้าวเฮยถูได้ ผลลัพธ์สุดท้ายสุดที่มันจะเปลี่ยนแปลงได้…


 


ทว่าในห้วงเวลาอันมืดมิด กู่ลี่กลับปรากฏตัวออกมา ดั่งแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์!


 


ตราบใดที่กู่ลี่ยื่นมือเข้าช่วย หลิงเทียนต้องรอดพ้นหายนะวันนี้ไปได้แน่นอน!


 


เพราะมันก็คิดคิดว่าอีกฝ่ายมาช่วยหลิงเทียนแน่ๆ


 


อนิจจากู่ลี่กลับไม่รู้จักศิษย์น้องหลิงเทียนของมัน!


 


เมื่อไม่รู้จัก แล้วจะช่วยทำอะไร?


 


เช่นเดียวกันกับหวังพี ตอนที่กู่ลี่ปรากฏตัวออกมาขวาง หวางเฟยเซวียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก! เพราะคิดว่ากู่ลี่เป็นสหายของต้วนหลิงเทียนและคิดช่วยเหลือเป็นแน่ หาไม่แล้วจะเข้ามาขวางทำเพื่อ?!!


 


ทว่าพอนางได้ยินที่กู่ลี่กล่าวว่าไม่รู้จัก หน้านางก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนสี


 


อย่างไรก็ตามพอนางเห็นว่าจนถึงตอนนี้สีหน้าของต้วนหลิงเทียนยังสงบไม่เปลี่ยนแปลง คล้ายไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายอะไร ทำให้สีหน้าของนางพอได้ผ่อนคลายลงมาเล็กน้อย ‘จากสีหน้าของเจ้าทึ่มก็ไม่สมควรรู้จักกับกู่ลี่จริงๆ…เช่นนั้นความมั่นใจก่อนหน้า ก็มิได้มาจากกู่ลี่น่ะสิ’


 


‘หรือเจ้าทึ่มจะมีวิธีเอาชนะอริยะเซียนขั้นต้นทั้งๆที่มีด่านพลังฝึกปรือเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดจริงๆ…?’


 


นึกถึงจุดนี้หวางเฟยเซวียนยังรู้สึกเหลือเชื่อไปหน่อย หากแต่ในใจก็ลอบคาดหวัง


 


นางมองจ้องไปที่ต้วนหลิงเทียนไม่วางตา ดวงตาคู่งามปานสารทฤดูกระพริบด้วยความคาดหวัง ‘ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ได้แค่คุยโวนะ เจ้าทึ่ม’


 


“ศิษย์พี่ใหญ่มิรู้จักมันหรือ?”


 


จ้าวเฮยถูมองกู่ลี่ด้วยรอยยิ้มบางๆ ก่อนที่สีหน้าของมันจะกลายเป็นจริงจัง “ศิษย์พี่ใหญ่ หลิงเทียนผู้นี้ทั้งถือดีทั้งโอหังนัก! ไม่เพียงแต่ทำร้ายน้องชายข้า แต่ยังตบหน้าหยามเกียรติน้องชายข้าต่อหน้าผู้คน…วันนี้ตราบใดที่ศิษย์พี่กู่ลี่ปล่อยให้พวกเราสะสางเรื่องราว ตระกูลจ้าวของพวกเรานับว่าติดค้างท่านเรื่องหนึ่ง”


 


เผียะ!!


 


สิ้นเสียงกล่าวของข้าวเฮยถู พลันมีเสียงตบดังขึ้นถนัดถนี่ ไม่มีใครเห็นว่ากู่ลี่ลงมืออย่างไร แต่หน้าของจ้าวเฮยถูถึงกับสะบัด..ทั้งยังเริ่มแดงและปูดบวมขึ้นมาทันตาเห็น


 


“ศิษย์พี่กู่ลี่…ท่าน…ท่าน”


 


เมื่ออยู่ดีๆก็โดนตบอย่างไม่ทราบสาเหตุ จ้าวเฮยถูย่อมโกรธเป็นธรรมดา หากแต่มันไม่กล้าแสดงอารมณ์เช่นนั้นต่อหน้ากู่ลี่ จึงได้แต่มองกู่ลี่ด้วยใบหน้าเลื่อนลอยไม่เข้าใจ


 


“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครถึงมากล่าวให้ข้าทำหรือไม่ทำอะไร แล้วเจ้าคิดจริงๆหรือ…ว่าอย่างเจ้าสามารถเป็นตัวแทนของสกุลจ้าวได้?”


 


กู่ลี่มองจ้าวเฮยถูที่หน้าเริ่มบวมขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน กล่าวถามเสียงเรียบ


 


คนอื่นๆรวมถึงต้วนหลิงเทียนถึงกับตะลึงหลังได้เห็นฉากนี้ ต่างไม่ทราบจริงๆว่ากู่ลี่กำลังคิดทำอะไรกันแน่


 


เห็นชัดว่าไม่ได้รู้จักต้วนหลิงเทียน แต่ไฉนไปตบจ้าวเฮยถูเล่า?


 


สีหน้าของจ้าวเฮยถูเองก็มืดลงทั้งยังเผยความขื่นขมออกมา อีกฝ่ายปากบอกไม่รู้จักหลิงเทียนแท้ๆ แต่กลับกล่าววาจาออกมาเช่นนี้ กระทั่งตบหน้ามัน!


 


เห็นได้ชัดว่าคิดปกป้องต้วนหลิงเทียน!


 


“กู่ลี่ อย่าให้มันมากเกินไป!”


 


จ้าวจี้เองตอนนี้ก็หน้าอัปลักษณ์ปั้นยากนัก มองกล่าวกับกู่ลี่ตาขวาง


 


ถึงแม้พลังฝีมือของมันจะห่างชั้นกับกู่ลี่ แต่มันก็ไม่กลัวอีกฝ่ายมากเท่าไหร่ เพราะภูมิหลังของมันเหนือกว่า


 


อย่างไรก็ตามแม้มันจะคำรามออกไปด้วยโทสะก็เท่านั้น กู่ลี่ทำคล้ายไม่ได้ยินมันเลย


 


พริบตานี้จ้าวจี้อดไม่ได้ที่จะมีโมโหถึงขีดสุด แววตายังคล้ายจะพ่นไฟออกมาได้!


 


“ศิษย์พี่กู่ลี่ มิใช่ท่านพึ่งกล่าวว่าท่านมิรู้จักหลิงเทียนหรือไร?”


 


ต่างจากจ้าวจี้ที่ไม่กลัว จ้าวไป๋ฉวี่มองถามกู่ลี่ด้วยใบหน้าสับสนทั้งขื่นขม


 


ทันทีที่จ้าวไป๋ฉวี่ถามจบคำ รวมถึงต้วนหลิงเทียน สายตาของทุกคนก็หันไปมองกู่ลี่ทันที


 


ทั้งหมดค่อนข้างสงสัยในเรื่องนี้ไม่น้อย ด้วยไม่ทราบว่ากู่ลี่ที่ไม่รู้จักต้วนหลิงเทียน แล้วไฉนต้องมาปกป้องกันแบบนี้?


 


“แล้วผู้ใดเป็นคนกำหนดว่าหากข้ามิรู้จักเขา แล้วข้าจะช่วยเขามิได้?”


 


กู่ลี่เหลือบมองจ้าวไป๋ฉวี่ด้วยสายตาเฉยเมย มุมปากปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยันขึ้น “อะไร? เจ้าข้องใจหรือ?”


 


จ้าวไป๋ฉวี่ได้ยินก็ไม่คิดกล่าวใดออกมาอีก


 


ข้องใจ?


 


มันย่อมข้องใจเป็นธรรมดา!!


 


แต่มันพูดออกมาได้เหรอ?


 


มันไม่ใช่จ้าวจี้ อาวุโสผู้พิทักษ์กับรองจ้าวตำหนักจ้าวไม่มีทางออกหน้าทำอะไรเพื่อมันแน่…หากกู่ลี่ลงมือทำร้ายพวกมัน


 


กระทั่งหากพวกมันตกตายไป มิแคล้วต้องตายเปล่า!


 


ถึงแม้พวกมันจะยินดีสละชีวิตเพื่อคนที่ชุบเลี้ยงมันมาอย่างบิดาของจ้าวจี้ แต่พวกมันก็ไม่ยินดีที่จะต้องมาตายเปล่าเพราะเรื่องเหลวไหลพรรค์นี้…


 


“ศิษย์น้องหลิงเทียน! ยังไม่รีบขอบคุณศิษย์พี่กู่ลี่อีก!!”


 


ตอนนี้เองในหูของต้วนหลิงเทียนพลันมีเสียงของหวังพีดังขึ้น อีกฝ่ายกำลังเตือนเขา


 


ต้วนหลิงเทียนพอได้ยินก็ดึงสติกลับมา สุดท้ายก็ยกมือขึ้นประสานกล่าววาจา “ขอบคุณศิษย์พี่กู่ลี่”


 


“ฮ่าๆๆ”


 


ได้ยินเสียงของต้วนหลิงเทียน กู่ลี่พลันหันกลับมามองทันที ยังหัวเราะออกมาเสียงดัง “ศิษย์น้องหลิงเทียน ข้าได้ยินชื่อเสียงเรียงนามเจ้ามานาน แต่ไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อนเลย วันนี้พอได้ยินว่าพวกเจ้ามีแข่งขันชิงสิทธิ์เข้าแดนลับเซียนกัน เลยแวะมาดูสักครา”


 


“ตอนแรกข้ารู้แค่ว่าพรสวรรค์ทั้งศักยภาพของเจ้าเหนือกว่าข้า แต่ข้าก็ไม่ได้รู้อันใดเกี่ยวกับเจ้ามากนัก”


 


“คราวนี้พอมาพบเจ้าจริงๆ ค่อยรู้ว่านิสัยของเจ้าช่างถูกชะตาข้านัก!”


 


กล่าวถึงประโยคสุดท้าย กู่ลี่ยังเผยสีหน้าเสียดายออกมาราวกับจะกล่าวว่า ไฉนไม่พบกันให้เร็วกว่านี้ ออกมา…


 


“นับเป็นเกียรติของข้าจริงๆ”


 


ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ


 


แม้กู่ลี่จะไม่ปรากฏตัวออกมา เขาเองก็ไม่ได้กลัวจ้าวไป๋ฉวี่กับจ้าวเฮยถูแต่อย่างไร


 


แต่กู่ลี่ไม่รู้เรื่องนี้


 


เช่นนั้นเขาจึงถือว่าติดค้างกู่ลี่ครั้งหนึ่ง


 


ขณะเดียวกันเหล่าศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับโดยรอบก็ได้รู้สาเหตุเสียที ว่าไฉนกู่ลี่ถึงมาหาต้วนหลิงเทียนโดยไม่รู้จัก ที่แท้อีกฝ่ายอยากรู้จักต้วนหลิงเทียนนี่เอง กระทั่งยังทำหน้าราวกับเสียดายที่ไม่พบพานกันให้เร็วกว่านี้ออกมาอย่างโจ่งแจ้ง…


 


กู่ลี่นั้นเดิมทีได้รับการขนานนามว่าสุดยอดอัจฉริยะอันดับ 1 ที่ปรากฏตัวขึ้นในรอบ 100 ปีของตำหนักฟ้าลี้ลับ ส่วนหลิงเทียนนั้นก็ได้รับการขนานนามเช่นนี้เหมือนกัน ทำให้ยามพบกันก็แลดูถูกชะตาเห็นเป็นสหายได้ทันทีดั่งคำ กาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์…

(คนประเภทเดียวกัน ย่อมเข้าพวกกัน)


 


“กู่ลี่!!”


 


ในขณะที่หลายๆคนรวมถึงจ้าวไป๋ฉวี่และจ้าวเฮยถูคิดว่าเรื่องนี้คงจบกันแต่เพียงเท่านี้ จ้าวจี้ที่เต็มไปด้ววยโทสะก็มองกู่ลี่ด้วยสายตาเดือดดาล กล่าวออกเสียงเข้ม “เจ้าคิดจะงัด กับข้าจ้าวจี้ให้ได้ใช่หรือไม่?”


 


เสียงของจ้าวจี้คราวนี้นับว่าเข้มขรึมเย็นเยือก คล้ายผุดแทรกขึ้นมาจากหล่มน้ำแข็ง ให้ความรู้สึกน่าขนลุกนัก!


 


“น้องเล็ก!”


 


จ้าวไป๋ฉวี่ และจ้าวเฮยถู พอเห็นว่ารอยยิ้มบนใบหน้ากู่ลี่หายไป และกู่ลี่ก็ละสายตาจากต้วนหลิงเทียนไปยังจ้าวจี้ หน้าพวกมันก็เปลี่ยนสีไปทันที!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)