War sovereign Soaring The Heavens 1697-1700
ตอนที่ 1,697 : จุติมังกรวายุ!
ต้วนหลิงเทียนที่เสือกกระบี่พุ่งทะยานเข้าไปในพายุพลังแน่นอนว่าไม่ได้ตกตาย!
ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั่วร่างกายของเขาพลันมีม่านพลังกระบี่ไร้สภาพฉาบคลุมเอาไว้ ปกป้องกำบังจนไร้สิ่งใดกล้ำกรายเข้ามาได้!
แม้พายุพลังจะมีอานุภาพทำลายล้างไม่ใช่ชั่ว หากแต่พลังอำนาจที่ถาโถมเข้ามาก็เพียงทำให้ม่านพลังกระบี่ดังกล่าวสั่นสะเทือนไปเท่านั้น ไม่อาจทำลายมันได้!!
ม่านพลังกระบี่นี้ก็เป็นพลังอำนาจที่ได้มาจากการบรรลุขอบเขตที่ 2 ของยอดใจกระบี่ เงากระบี่สัมพันธ์ใจ! แถมตอนเขาใช้มันผสานเข้ากับปราณสุริยันแรกกำเนิด พลังกระบี่ขุมนี้กลับครอบงำปราณสุริยันแรกกำเนิดเอาไว้! จนทำให้ยามเขาเปิดใช้ยากที่จะมีใครสัมผัสถึงกลิ่นอายปราณสุริยันแรกกำเนิดจากร่างเขาได้!!
โดยปกติแล้ว มีเพียงพลังงานที่มีอานุภาพสูงล้ำกว่าเท่านั้น ถึงจะมีอำนาจมากพอครอบคลุมพลังงานอื่นๆได้สมบูรณ์แบบนี้!
เพียงเท่านี้ก็ชี้ชัดว่าพลังงานที่ก่อเกิดจาก ขอบเขตที่ 2 ของยอดใจกระบี่มันไม่ธรรมดาถึงเพียงใด!
และนี่คือบ่อเกิด ‘ความมั่นใจ’ ของต้วนหลิงเทียน!
ความมั่นใจที่ว่า ก็คือความมั่นใจว่าเขาสามารถฆ่าฉีจิ้งได้!
หากยอดใจกระบี่ของเขายังไม่บรรลุขอบเขตที่ 2 ต้วนหลิงเทียนยังไม่มั่นใจว่าเขาจะฆ่าฉีจิ้งได้แน่ๆ เพราะสุดท้ายแล้วฉีจิ้งมันก็เป็นถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด ทั้งยังเป็นผู้ฝึกมารอีก!!
หากยอดใจกระบี่ไม่ก้าวหน้าล่ะก็ ไม่ต้องกล่าวถึงผู้ฝึกมารขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดเลย กระทั่งผู้ฝึกมารขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญต้วนหลิงเทียนก็ไม่แน่ใจว่าจะฆ่าให้ตายได้หรือไม่ อย่างน้อยๆก็คงทำได้แค่เสมอแต่ไม่พ่าย
ด้วยเหตุนี้การที่ต้วนหลิงเทียนสามารถบรรลุขั้นที่ 2 ของยอดใจกระบี่ได้ ก็เสมือนฝนที่ตกลงมายามแล้งจริงๆ!
ด้วยกระบี่สีทองในมือที่ก่อเกิดจากหมื่นกระบี่รวมหนึ่งของเขตแดนหมื่นกระบี่ ผสานกับขั้นที่ 2 ของยอดใจกระบี่ เงากระบี่สัมพันธ์ใจ ร่างต้วนหลิงเทียนก็เสมือนรวมผสานเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่ในมือ จนกระบี่ในมือเสมือนอวัยวะส่วนหนึ่งบนร่าง!
เพียงใจคิดกระบี่จี้ถึง!
ซู่มมม!!!
ต้วนหลิงเทียนที่พุ่งทะลวงฝ่าพายุพลังมาโดยไม่ได้รับผลกระทบอะไร พลันรั้งกระบี่เข้าหาตัวเล็กน้อยค่อยเสือกแทงออกไปอีกครา!
ทันใดนั้นเอง กระบี่สีทองพลันปะทุแสงพลังเรืองสว่างขึ้นมาอีกรอบ!!
ขณะเดียวกันความเร็วในการพุ่งทะยานของต้วนหลิงเทียนก็ปะทุสูงขึ้นปานจุดระเบิด! คนทะลวงฝ่าพายุพลังของฉีจิ้งออกไปคล้ายแหวกอากาศว่างเปล่า! ปลายกระบี่เปี่ยมจิตสังหารจี้ตรงไปยังฉีจิ้ง!!
กล่าวให้ชัดมันจี้แทงไปยังหว่างคิ้วของฉีจิ้ง!!
“เร็วยิ่ง!!”
ขณะเดียวกันไม่ว่าจะเป็นเริ่นจง หลิวหงกวง หรือฉีเสิ่นก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความตื่นตระหนก
พวกมันพลันค้นพบถึงเรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อประการหนึ่ง ความเร็วที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกในตอนนี้ ไม่ใช่ความเร็วที่ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญจะบรรลุถึงได้ “ทะ…ทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้วเช่นกัน!?”
พอปรากฏความคิดนี้ขึ้นมาในใจ ทั้ง 3 อดไม่ได้ที่จะหนาวสะท้านจับไขสันหลัง หัวใจยังเต้นถี่รัวขึ้นมาอย่างยากจะห้าม ยังรุนแรงเสียจนแทบกระดอนออกนอกอก
เป็นยอดฝีมือที่บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดอีกคน!!
ได้พบข้อเท็จจริงอันน่าตื่นตระหนกนี้ ยังไม่ให้พวกมันตกตะลึงได้อย่างไรไหว!
โดยเฉพาะเริ่นจงกับหลิวหงกวง ตอนนี้ลูกตาของพวกมันแทบจะยิงพุ่งลำแสงความร้อนออกมาเสียให้ได้! ต่างหันมามองหน้าสบตากันทันใด ยังเห็นแววตาดุร้ายเอาเรื่อง เผยให้เห็นถึงความเอาจริงเอาจังไม่คิดยอมแพ้!!
หลังจากที่ได้เห็นพลังสามารถอันน่ากลัวนี้ของต้วนหลิงเทียนแล้ว พวกมันตัดสินใจแน่วแน่นัก วันนี้ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไรก็ต้องรับตัวต้วนหลิงเทียนมาเข้าร่วมขุมพลังของมันให้ได้!!
อัจฉริยะระดับนี้ น่ากลัวต่อให้เป็นขุมพลังกึ่งชั้น 3 ก็ไม่มี!!
เพราะตั้งแต่พวกมันเกิดมาจนอายุปูนนี้ พวกมันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ เคยมีอัจฉริยะที่บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดได้ทั้งๆที่อายุไม่ถึง 40 ปี!
และมาตอนนี้ในที่สุดพวกมันก็เข้าใจได้เสียที ว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงได้เพิกเฉยคำเตือนด้วยความหวังดีของพวกมัน แล้วรั้นจะสู้ประมือกับฉีจิ้งให้ได้!
ที่แท้อีกฝ่ายก็เป็นเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดเช่นเดียวกัน แล้วใยต้องหวาดกลัวฉีจิ้งด้วย!?
“นายน้อย! ท่านระวังตัวด้วย! เจ้านั่นมันเป็นเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดเช่นเดียวกับท่าน!!”
ตอนนี้เองฉีเสิ่นเร่งส่งเสียงผ่านปราณแรกกำเนิดไปกล่าวเตือนฉีจิ้งอย่างร้อนใจ
ถึงแม้มันจะไม่ค่อยชอบฉีจิ้งสักเท่าไหร่ แต่อย่างไรในการประลองครั้งนี้ที่สำคัญที่สุดก็คือชีวิตของฉีจิ้ง มันต้องระวังเรื่องนี้ให้มาก!
เพราะหากฉีจิ้งพลาดพลั้งตกตายไป พอมันกลับไปคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมิแคล้วทุกปัญหาจะถล่มลงมาที่หัวมันแน่แท้ มันไม่พ้นถูกลงโทษอย่างรุนแรง กระทั่งถูกลงทัณฑ์เป็นเวลาร้อยปีก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้!!
เพราะสุดท้ายมันคือผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลอัจฉริยะและคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องในการประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องครั้งนี้!
แถมฉีจิ้งในตอนนี้ก็ไม่ใช่ฉีจิ้งคนเก่า อีกฝ่ายไม่ใช่นายน้อยเสเพลที่หมกมุ่นตัณหาแต่พลังฝึกปรือไม่เอาไหนอีกต่อไป!
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ฉีจิ้งบรรลุถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้ว ทั้งยังมีอายุไม่ถึง 50 ปี! นี่หมายความว่าอีกฝ่ายมีคุณสมบัติมากเกินพอที่จะนำพาคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องให้หวนคืนสู่ความรุ่งโรจน์! ยังมีความหวังเรื่องกลับไปเป็นขุมพลังกึ่งชั้น 3 มากขึ้นหลายส่วน!!
ในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ขุมพลังกึ่งชั้น 3 คือ มหาอำนาจยักษ์ใหญ่ที่ทรงพลังอำนาจอย่างแท้จริง!!
ไม่เพียงแต่จะครอบครองสายแร่หินเซียน ทั้งจุดชีพจรวิญญาณที่ดีที่สุด ยังมี ‘แดนลับเซียน’ ซึ่งเป็นพื้นที่ลับอันมีค่ามากที่สุดในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอีกด้วย!
แดนลับเซียนนั้น…เป็นพื้นที่ลับที่สามารถส่งเสริมอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ให้ทะยานขึ้นฟ้าได้ง่ายๆ ด้านในนั้นเต็มไปด้วยทรัพยากรบ่มเพาะ อีกทั้งยังมีสรรพวิชาลี้ลับรวมถึงสิ่งดีๆอีกมากมาย!
การยกระดับเป็นขุมพลังกึ่งชั้น 3 เป็นความฝันของขุมพลังชั้น 4 ทั้งมวล!
แน่นอนว่าความฝันนี้ยากจะกระทำให้เป็นจริงนัก ทว่าแม้มันจะยากเย็นแสนเข็ญเพียงใด เหล่าขุมพลังชั้น 4 ก็ไม่เคยถอดใจยอมแพ้เรื่องยกระดับเลย!
ทรัพยากรบ่มเพาะจำพวกหินเซียนอะไรนั้นสามารถมองข้ามได้ ทว่าแดนลับเซียนนั้น…เป็นดั่งรากฐานสำคัญของขุมพลังกึ่งชั้น 3! เป็นสิ่งที่ขุมพลังชั้น 4 ไม่อาจมีในครอบครอง!!
ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า แดนลับเซียน ยังมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า แหล่งเพาะสร้างอัจฉริยะ!
“เซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด!!”
อันที่จริงแม้ฉีเสิ่นจะไม่กล่าวเตือน แต่ฉีจิ้งก็รู้ได้ทันทีว่าลี่เฟิงที่กำลังพุ่งทะยานเข้ามา สมควรบรรลุขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด!
เพราะลี่เฟิงที่ทะยานกระบี่จี้เข้ามานั้น ไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากพายุพลังของมันเลย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ใช่เซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญแน่!!
ต้องทราบด้วยว่ากระทั่งหลวงจีนลายบุปผากับจิ้งชวีจื่อร่วมมือกันยังไม่อาจต้านทานพายุพลังของมันได้!
“เหอะ!!”
ฉีจิ้งเห็นคนกระบี่พุ่งมาปานดาวหางแค่นเสียงเย็นคำหนึ่ง ทันใดนั้นเขตแดนมหาพายุของมันก็หดตัวลงอย่างไว มวลพลังมหาศาลควบรวมก่อเกิดเป็นพายุพลังอีกลูกหนึ่งเบื้องหน้าของมัน! แถมพายุพลังลูกนี้ยังบีบอัดจนมีขนาดเล็กลงเหลือเพียงสูงเท่ามัน 2 คนเท่านั้น!
อย่างไรก็ตามแม้ขนาดมันจะเล็กลง แต่พลังงานที่อัดแน่นอยู่ในนั้นก็ไม่ใช่ชั่วเลย!!
ต้วนหลิงเทียนที่ถือกระบี่สีทอง 3 ฉื่อหลังทะลวงผ่านพายุพลังลูกใหญ่มาได้ เขาก็เข้าปะทะกับพายุพลังลูกเล็กที่ฉีจิ้งควบรวมใหม่แล้วซัดออกมาทันที และเสี้ยวพริบตาที่ปะทะเขาก็สัมผัสได้ถึงปราณมารมหาศาลที่ควบแน่นอยู่ในนั้น ปราณมารที่ว่ายังเริ่มกลืนกินพลังปราณสุริยันแรกกำเนิดในกระบี่สีทองของเขา!!
นอกจากนี้อานุภาพพลังป่นทำลายในพายุขนาดเล็กที่ว่า ก็เริ่มส่งผลต่อม่านพลังปราณกระบี่ที่ฉาบคลุมกายเขาไว้แล้วเช่นกัน!!
“จุติมังกรวายุ!!”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนรู้สึกประหลาดใจกับอานุภาพของพายุพลังลูกนี้ ฉีจิ้งพลันตะโกนออกมาเสียงดังลั่น ทันใดนั้นพายุพลังที่เขากำลังปะทะหักหาญอยู่พลันเริ่มบิดๆเบี้ยวๆ เริ่มก่อลักษณ์มังกรวายุ!
ทันทีที่มังกรวายุก่อเกิด กลิ่นอายพลังเชือดเฉือนจากสายลมรอบกายมันก็กลายเป็นดุร้ายน่ากลัวขึ้นหลายส่วน เพียงขยับเล็กน้อยบรรยากาศก็คล้ายจะถูกฉีกกระชาก!!
และทันทีที่พายุพลังเปลี่ยนลักษณ์ไปเป็นมังกรวายุ ต้วนหลิงเทียนก็พบว่ากระบี่ 3 ฉื่อสีทองของเขาไม่ได้ถูกพลังปะทะเคี่ยวกรำอีกต่อไป
หากทว่าแม้กระบี่ของเขาจะไร้แรงต้านทานอะไรจนเป็นอิสระแล้ว แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะเสือกกระบี่พุ่งเข้าไปแทงฉีจิ้งต่อ!
สองตาเขาหยีลงคล้ายค้นพบอะไรบางอย่าง ร่างพลันพุกถอยออกไปฉับไวปานเส้นสายอัสนี!
และแทบจะพร้อมกันกับที่เขาปะทุพลังฉากร่างถอยกลับ มังกรวายุที่ก่อเกิดจากพายุพลังน่ากลัวดังกล่าว ก็สะบัดหางฟาดตบลงมายังจุดที่ต้วนหลิงเทียนอยู่ก่อนหน้า!!
ทันใดนั้นความว่างพลันสะท้านสะเทือนทันใด!
ปงงง!!
เสียงสนั่นปานฟ้าระเบิดดังออก คลื่นลมรุนแรงปานใต้ฝุ่นซัดกวาดออกไปโดยรอบ!
ลำพังคลื่นอากาศที่กวาดกระแทกซัดออกมา จนก่อให้เกิดลมแรงปานใต้ฝุ่นเข้าก็บอกให้ทุกผู้คนทราบดีว่าการโจมตีของมังกรวายุเมื่อครู่มันรุนแรงถึงเพียงใด!!
ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนที่ฉากหลบออกมาก่อนหน้าก็อดไม่ได้ที่จะเผยความกริ่งเกรง ‘ฉีจิ้งมันฝึกวรยุทธ์เซียนระดับปฐพีโดดเด่นจนบรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิแล้วงั้นรึ…พลังทำลายนับว่าน่ากลัวไม่เบา’
นี่เป็นสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนคาดเดาในใจ
และต้วนหลิงเทียนก็เดาได้ถูกต้อง วรยุทธ์เซียนที่ฉีจิ้งฝึกปรือ ก็คือ จุติมังกรวายุ เป็นวรยุทธ์เซียนสายจู่โจมระดับปฐพีโดดเด่น นอกจากนี้ยังเป็น 1 ใน 3 วรยุทธ์เซียนที่มีพลังอำนาจสูงสุดของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องอีกด้วย เป็นวรยุทธ์เซียนระดับเดียวกับ หยวนปะทุทลายว่างเปล่า ของฉีค่าน!
“ฮึ่ม! หนีไวนักนะ!!”
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนสามารถหลบการโจมตีของมันได้ ฉีจิ้งพลันแค่นเสียงเย็นออกมา
อย่างไรก็ตามสายตาที่มันใช้มองมายังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ยังต่างออกไปจากเดิมนัก
หากจะบอกว่าก่อนหน้านี้มันมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดูถูกล่ะก็ มาตอนนี้ในสายตามันไม่เหลือความดูถูกอะไรอีก
ความจริงจังเข้ามาแทนที่แววตาดูแคลนไปหมดสิ้น!
เพราะตอนนี้มันไม่อาจไม่จริงจัง!!
ก่อนหน้านี้เพราะมันไม่ทราบถึงพลังฝีมือที่แท้จริงของลี่เฟิง แต่ตอนนี้มันพบแล้ว ว่าพลังฝีมือของลี่เฟิงดูเหมือนจะไม่ได้ด้อยไปกว่ามัน แถมยังบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดเหมือนกันอีกด้วย!
แน่นอนมันยังเห็นอีกว่าแม้ลี่เฟิงจะบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด แต่ก็สมควรพึ่งทะลวงผ่านมาเหมือนมัน!
เช่นนั้นถึงในสายตาของมันจะเต็มไปด้วยความจริงจัง แต่ก็ไม่คิดจะล่าถอยแต่อย่างไร
การที่คู่ต่อสู้มีพลังฝึกปรือทัดเทียมกัน ได้กระตุ้นความอยากเอาชนะของมันขึ้นมา!
ในขณะเดียวกัน ผู้ชมโดยรอบก็กลับมาสู่ความรู้สึกอีกครั้ง พวกมันมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาราวกับเห็นผี “มะ…ไม่จริงน่า ละ…ลี่เฟิงกลับแข็งแกร่งขนาดนี้?”
“ในแง่พลังฝีมือที่พึ่งเผยออก รวมถึงการหลบหลีกกระบวนท่าของฉีจิ้งเมื่อครู่…กว่า 9 ส่วนสมควรบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้วไม่ผิดแน่”
“สวรรค์! อายุยังมิถึง 40 แต่บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดเนี่ยนะ! ในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเรากระทั่งขุมพลังกึ่งชั้น 3 ยังไม่มีสัตว์ประหลาดเช่นนี้เลยมิใช่หรือไร?!”
“มิน่าแปลกใจเลยที่ไฉนกล้ารับคำท้าฉีจิ้ง ที่แท้ก็มิใช่เป็นเพราะวู่วาม แต่เป็นเพราะมีความมั่นใจจริงๆ!”
“แต่แม้จะเป็นเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดเหมือนกัน…หากตัดสินจากการปะทะกันเมื่อครู่ ดูเหมือนพลังฝีมือของลี่เฟิงจะด้อยกว่าฉีจิ้งเล็กน้อยใช่หรือไม่?”
“อืม ข้าเองก็คิดว่าลี่เฟิงอ่อนด้อยกว่าฉีจิ้งเล็กน้อยเช่นกัน…หาไม่แล้วใยต้องหลบหนีทั้งที่เร่งเร้าสภาวะมาถึงขนาดนั้น?”
……
ผู้ชมเริ่มระเบิดคำสนทนากันอย่างตื่นตระหนก ทุกหัวข้อล้วนมีคำว่า ลี่เฟิง ชื่อปลอมที่ต้วนหลิงเทียนใช้
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนก็ได้กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนอีกครั้ง
“สหายน้อยลี่เฟิง หากเจ้ามิมั่นใจว่าจะต้านรับฉีจิ้งได้ไหวอีกต่อไป เพียงเร่งกล่าวคำยอมแพ้ออกมา…ตราบใดที่เจ้ากล่าวยอมแพ้ข้าจะรีบช่วยเจ้าทันที!”
ตอนนี้เองพลันมีเสียงผ่านปราณแรกกำเนิดส่งตรงถึงหูเขา และเขาย่อมระบุได้ทันทีว่าเป็นเริ่นจงรองผู้นำคฤหาสน์ข้ามฟ้า!
และหลังจากเสียงเริ่นจงดังขึ้นไม่ทันไร เสียงของหลิวหงกวงก็ดังตามมาติดๆ
เนื้อหาของเสียงที่ส่งมาก็เหมือนๆกัน
ถึงแม้เขาจะรู้ดีแก่ใจว่าที่ทั้งคู่แลดูเอาอกเอาใจและพยายามช่วยเขาขนาดนี้เป็นเพราะอยากสร้างความประทับใจหมายให้เขาเข้าร่วมขุมพลัง แต่ต้วนหลิงเทียนก็ตอบขอบคุณกลับไปอย่างมีมารยาท
ขณะเดียวกัน ลูกตาของเขาก็หันไปมองจ้องที่ฉีจิ้ง ก่อนที่จะปริปากกล่าวออกมาเสียงเรียบ “นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง นับว่าแข็งแกร่งเหนือคำร่ำลือเสียอีก…”
ตอนที่ 1,698 : ความตายของฉีจิ้ง!
ฉีจิ้งที่ชักสีหน้าจริงจังหลังตระหนักถึงความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียน พอมาได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียนหน้ามันพลันเปลี่ยนเป็นถมึงทึงทันที!
ยิ่งได้ฟังน้ำเสียงเรียบเฉยไร้แยแสนั่น โทสะถึงกับปะทุออก!
ต้องทราบด้วยว่าการปะทะกันเมื่อครู่…เป็นมันที่มีเปรียบ!!
และไม่ใช่แค่ฉีจิ้งเท่านั้นที่คิดแบบนี้ เริ่นจง หลิวหงกวง ฉีเสิ่นรวมถึงทุกๆคนที่ชมการประลองก็คิดเห็นเช่นเดียวกัน!
แต่พวกมันไม่ได้รู้เลย…
ว่านี่เป็นสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนต้องการ!
หลังจากที่เห็นว่าแววตาของฉีจิ้งกลับมาเผยความรังเกียจดูแคลนอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนก็ลอบแสยะยิ้มในใจ…แผนเขาสำเร็จแล้ว!
เมื่อครู่เขาไม่ได้ลงมือเต็มกำลังแต่อย่างใด!
ทั้งหมดเพื่อให้ฉีจิ้งตายใจ!
มีเพียงกระทำเช่นนี้เขาถึงจะมั่นใจได้ว่าสามารถฆ่าฉีจิ้งได้แน่ๆ ก่อนที่มันจะกล่าวยอมแพ้!
ถึงแม้ฉีจิ้งมันจะหยิ่งผยองลำพองใจเต็มไปด้วยความถือดี แต่ถ้ามันรู้ว่าต้วนหลิงเทียนแข็งแกร่งกว่า มันคงไม่สนหน้าตาและเร่งกล่าวคำยอมแพ้ออกมาเพื่อเอาตัวรอดแน่นอน!
นั่นไม่ใช่อะไรที่ต้วนหลิงเทียนอยากจะเห็น
ดังนั้นหลังจากที่ประมือกันเมื่อครู่ การปะทะกันครั้งต่อๆมา ต้วนหลิงเทียนก็ออมรั้งยั้งมือเอาไว้ ทว่าสีหน้าท่าทางกลับแสดงออกมาให้เห็นว่าลำบากไม่น้อย กระทั่งยังตกเป็นรองมากขึ้นทุกขณะอย่างไร้ใดผิดสังเกต
เมื่อเห็นว่าสุดท้ายลี่เฟิงก็ได้แต่ใช้กระบี่เบี่ยงเบนมังกรวายุ ไม่อาจต้านรับตรงๆได้เลยสักครั้ง ผู้ฝึกตนพเนจรที่ชมดูอยู่ก็อดใจสั่นไปเสียไม่ได้ !
“พิกลนัก ลี่เฟิงผู้นี้เห็นชัดว่ามิอาจรับมือฉีจิ้งได้ ไฉนมิรีบยอมรับความพ่ายแพ้เสียที?”
“นั่นสิ…หรือเขาจะคิดว่าสามารถเอาชนะฉีจิ้งได้ หากฉีจิ้งพลาดพลั้งไปเองจนเปิดช่องว่าง? แต่นั่นไม่มีทาง! เป็นแบบนี้ต่อไป อีกไม่นานคงได้ถูกฉีจิ้งฆ่าแน่!!”
“หากข้าเป็นเขาข้าคงยอมรับความพ่ายแพ้ไปนานแล้ว ลี่เฟิงเห็นว่าศักดิ์ศรีสำคัญกว่าชีวิตหรือไร?”
……
เหล่าผู้ฝึกตนพเนจรที่หวั่นใจไม่ได้รู้เลยว่าต้วนหลิงเทียนเพียงละเล่นกับฉีจิ้งอยู่เท่านั้น
และตอนนี้ด้านเริ่นจงกับหลิวหงกวงถึงกับหลั่งเหงื่อเย็นท่วมกาย สีหน้าเคร่งเครียดหวาดเสียวไม่น้อยขณะมองต้วนหลิงเทียนพยายามต้านทานฉีจิ้ง
“นายน้อยคฤหาสน์! ฆ่ามัน!!”
ไม่ทราบว่าเป็นใครในคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องที่ตะโกนออกมาคนแรก แต่สุดท้ายทั้งหมดก็พร้อมใจกันตะโกนออกมาเสียงดัง
“ฆ่ามัน!!”
“ฆ่ามัน!!”
……
เสียงตะโกนด้วยอำมหิต ยิ่งเร่งเร้าเจตนาฆ่าฟันของฉีจิ้งที่กำลังลงมืออยู่ไม่น้อย
ทันใดนั้นสายตาที่ฉีจิ้งใช้มองต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไป กลายเป็นเย็นลงปานจะแช่แข็งผู้คน ในใจคิดไปด้วยอำมหิต ‘ได้เวลาจบเกมแล้ว!’
ทันทีที่ฉีจิ้งคิดเรื่องนี้ แววตาของมันก็เผยประกายอำมหิตออกชัด
ต้วนหลิงเทียนที่ตระหนักได้ ลึกลงไปในแววตาพลันเผยประกายเรืองขึ้นมาวูบหนึ่ง
ในที่สุดโอกาสของเขาก็มาถึงแล้ว!
เมื่อเห็นว่าฉีจิ้งเลือกที่จะปะทุพลังทั้งหมดจ่ายส่งไปยังมังกรวายุ หมายสังหารเขาให้ตายในกระบวนเดียว ต้วนหลิงเทียนก็เผยสีหน้าหวาดกลัว ชิงหันหลังเหินร่างถอยหนีออกไปทันที
“คิดหนีงั้นเหรอ!?”
เมื่อเห็นสีหน้าหวาดกลัวทั้งท่าทางกุลีกุจอถอยหนีของต้วนหลิงเทียน ดวงตาของฉีจิ้งเผยความดูแคลนออกมาวูบหนึ่ง มันระเบิดพลังทั่วร่างพุ่งเข้าไป พร้อมควบคุมมังกรวายุให้กระโจนเข้าหาต้วนหลิงเทียนด้วยอีกทาง!
ฮู่มมม!!
ราวกับเสียงคำรามของมังกรที่แท้จริงก็ไม่ปาน ฉีจิ้งปะทุพลังทั้งหมด เค้นปราณแรกกำเนิดจากเขตแดนผสานลงสู่มังกรวายุ! ทั้งรีดเค้นปราณแรกกำเนิดของมันใช้ออกด้วยวรยุทธ์เวียนอีกชุด! จนมือมันปรากฏกรงเล็บพลังมีสภาพ พุ่งแหวกฟ้าจี้ตรงเข้าไปหาต้วนหลิงเทียน ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าความเร็วในการถอยหนีของต้วนหลิงเทียน!!
และเพียงเสี้ยวพริบตามังกรวายุที่ปะทุพลังแกร่งกล้าก็บรรลุถึงด้านหลังต้วนหลิงเทียน!
เมื่อฉีจิ้งเห็นว่ามังกรวายุของมันซัดปะทะเข้าที่กลางหลังของต้วนหลิงเทียนอย่างจัง มุมปากของมันก็เผยรอยยิ้มแสยะเหี้ยมเกรียม ร่างยิ่งพุ่งเข้าหาฉับไวพร้อมกรงเล็บพลังมีสภาพ หมายบั่นหัวอีกฝ่ายให้ตายตก!!
ปงงงงงงง!!
เสียงระเบิดดังสนั่นลั่นออก เป็นมังกรวายุที่กระแทกแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนอย่างจังปลดปล่อยพลังทำลายมหาศาลออกมากระแทกเข้าร่างต้วนหลิงเทียน!
พลังดังกล่าวยังทำให้ความว่างสะท้านสะเทือน หากไม่ใช่เซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด เกรงว่าคงต้องตกตายคาที่!
อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนเพียงเทียบได้แค่เซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดจริงๆหรือ?
กล่าวให้ชัด พลังป้องกันของร่างต้วนหลิงเทียนเพียงเทียบได้กับเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดจริงๆหรือ?
ต้องทราบด้วยว่าร่างกายของต้วนหลิงเทียน หากอยู่ในขอบเขตพลังเดียวกัน ยังเหนือกว่ามังกรเทพยาดา 6 กรงเล็บเสียอีก!!
แน่นอนว่าตอนนี้เป็นเพราะพลังฝึกปรือที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียนยังอยู่แค่เซียนดั้งเดิมขั้นกลางเท่านั้น แม้ร่างกายของเขาจะแข็งแกร่ง แต่เผชิญกับการโจมตีนี้ของฉีจิ้ง ถึงจะใช้ปราณสุริยันแรกกำเนิดผสานกับพลังกระบี่ที่บรรลุจากขั้นที่ 2 ของยอดใจกระบี่อย่างเงากระบี่สัมพันธ์ใจแล้ว เขาก็ยังได้รับบาดเจ็บไม่น้อย!
และในขณะที่ร่างต้วนหลิงเทียนเซไปทั้งคล้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส ฉีจิ้งที่ง้างกรงเล็บพลังมีสภาพเข้ามาหมายซ้ำ พลันแสยะยิ้มกว้าง สองตาวาวโรจน์ จิตสังหารปะทุถึงขีดสุด!!
ฟุ่บ!!
เสียงหอนของกระบี่ที่พุ่งทะลวงแหวกอากาศพลันแว่วดังขึ้น ปานเสียงกระพือปีกของจั๊กจั่นในยามคำคืนที่เงียบสงัด…
ในสายตาของเริ่นจง หลิวหงกวงรวมถึงฉีเสิ่น ทั้งหมดเห็นชัดว่าต้วนหลิงเทียนที่ปลิวไปคล้ายเสียหลัก กลับลอบยิงรังสีพลังกระบี่สีทองลอดรักแร้ออกมาด้วยความเร็วสูง…ความเร็วของรังสีพลังที่พุ่งยิงออกมาจากปลายกระบี่ ยังเร็วเป็น 2 เท่าของทุกการโจมตีที่ต้วนหลิงเทียนเคยใช้ออก!
ยิ่งไปกว่านั้นรังสีพลังสายนี้ ยังเร็วกว่ามังกรวายุของฉีจิ้งคนละชั้น!!
จังหวะนี้หากพวกมันยังไม่รู้ว่าที่แท้ก่อนหน้าต้วนหลิงเทียนออมมือมาตลอด พวกมันคงใช้ชีวิตมาอย่างเสียเปล่าแล้วจริงๆ!!
“นายน้อย!!”
หน้าฉีเสิ่นเปลี่ยนไปใหญ่หลวง มันเร่งตะโกนออกมาหมายจะกล่าวเตือนฉีจิ้ง!
อนิจจาเนื่องจากฉีจิ้งอยู่ในห้วงแห่งความยินดีที่กำลังจะฆ่าศัตรูที่บาดเจ็บสาหัสได้ กว่ามันจะพบรังสีพลังกระบี่สายนี้ ก็ต่อเมื่อรังสีพลังกระบี่ห่างจากมันแค่ไม่กี่คืบแล้วเท่านั้น…
และในสายตาทั้งความรู้สึกของมัน แสงสีทองที่กำลังพุ่งมาไม่คล้ายรังสีพลังกระบี่เลย แต่ให้ความรู้สึกเหมือนแสงอาทิตย์ที่สาดลอดช่องลมของหน้าต่างเข้ามา ให้ความรู้สึกอุ่นร้อนแสบตาเท่านั้น…
ดังแสงสุริยันอาบไล้ใบหน้า…
สึบบ!!
โลหิตพวยพุ่งกระฉุดออกมาน่ากลัว หว่างคิ้วฉีจิ้งปรากฏหลุมเลือดหลุมหนึ่ง!!
หากแต่บนหน้าของมันยังเผยยิ้มแสยะฉีกกว้างคล้ายกำลังพึงพอใจอย่างถึงที่สุด และใบหน้านี้ก็ถูกลิขิตให้เป็นสีหน้าสุดท้ายในชีวิตของมัน!
“อั๊ค!!”
ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนที่ถูกพลังซัดกลางหลังจนบาดเจ็บไม่น้อยก็อดไม่ได้ที่จะกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง
โลหิตพ่นทะลักออกปาก พร่างพราวกลางหาวปานบุปผาสีชาดเบ่งบาน
อย่างไรก็ตามแม้จะบาดเจ็บสาหัส แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ลืมสะบัดมือใช้พลังดูดรั้งเก็บแหวนพื้นที่ของฉีจิ้งเป็นสินสงคราม
จนเมื่อต้วนหลิงเทียนเก็บแหวนพื้นที่ของฉีจิ้งไปแล้วพักหนึ่ง พอร่างฉีจิ้งตกลงไปกระแทกกระดานหมากหลิงหลงเบื้องล่าง ผู้คนจึงค่อยฟื้นความรู้สึกกลับมา
หากแต่ฉากเรื่องราวยังคงเงียบงันไปอีกพักหนึ่ง
“นายน้อยคฤหาสน์!!”
สุดท้ายด้วยเสียงตะโกนกู่ร้องของฉีเสิ่น ทุกผู้คนจึงได้สูดลมหายใจเข้าด้วยความตื่นตระหนก
และพร้อมกันกับที่เสียงตะโกนของฉีเสิ่นดังขึ้น พลันปรากฏร่าง 2 ร่างวูบมาบังขวางต้วนหลิงเทียนเอาไว้!
ทั้งคู่ยังจับจ้องมองฉีเสิ่นไม่วางตา ราวกับกลัวว่าฉีเสิ่นจะลงมือต่อต้วนหลิงเทียน
สำหรับคนที่มี ‘คดีเก่า’ อย่างฉีเสิ่น พวกมันย่อมไม่กล้าผ่อนความระวัง
แน่นอนว่า 2 คนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเริ่นจงและหลิวหงกวงนั่นเอง!
พวกมันยังคงตกตะลึงไม่น้อย ที่ในห้วงวิกฤตอยู่ดีๆ ต้วนหลิงเทียนก็ลงมือสังหารฉีจิ้งได้แบบนี้!
อย่างไรก็ตามพอย้อนนึกถึงฉากต่อสู้ระหว่างต้วนหลิงเทียนกับฉีจิ้งตั้งแต่ต้นจนจบ พวกมันก็ตระหนักได้ว่าต้วนหลิงเทียนจงใจออมมือเอาไว้ เพื่อหลอกลวงฉีจิ้งให้ตายใจ!
ด้วยเหตุนี้ทำให้ฉีจิ้งลดความระวังลง กระทั่งเลือกจะทุ่มพลังโจมตีอย่างไม่สนใจอะไร สุดท้ายกลับกลายเป็นถูกฆ่าในห้วงเวลาที่มันคิดสังหารผู้อื่น!
‘ลี่เฟิงผู้นี้เหมือนคิดสังหารฉีจิ้งแต่แรก…หาไม่แล้วคงไม่ลำบากเสแสร้งแสดงหลอกฉีจิ้งขนาดนี้’
เริ่นจงลอบคิดในใจ
ความคิดในหัวหลิวหงกวงเองก็ไม่ต่างกัน
พวกมันเองก็ตระหนักได้ว่า…แม้พลังฝีมือต้วนหลิงเทียนจะเหนือกว่าฉีจิ้ง หากแต่ให้ปะทะต่อสู้กับฉีจิ้งจริงๆคงยากที่จะฆ่าฉีจิ้งได้!
เพราะถ้าสู้ตรงๆ เมื่อฉีจิ้งเห็นท่าไม่ดีอะไร มันคงเร่งกล่าวยอมแพ้แต่แรก ไม่ปล่อยให้ยืดเยื้อมาแบบนี้
สุดท้ายเป็นเพราะการล่อหลอกจนฉีจิ้งตายใจ ถึงขั้นยินดีรับกระบวนท่าทรงพลังน่ากลัวขนาดนั้นไปเต็มๆ กระทั่งอาศัยการลงมือจากจุดอับ ลอบยิงพลังลอดหว่างแขนในขณะที่ร่างเซถลา จึงทำให้ฉีจิ้งต้องตกตายไปอย่างโง่งม!!
ตอนนี้ในใจเริ่นจงกับหลิวหงกวงปรากฏความคิดแน่วแน่ขึ้นมาประการหนึ่ง
ผู้ฝึกตนอัจฉริยะที่มีเล่ห์เหลี่ยมแถมใจเด็ดแบบนี้ไม่ต้องกล่าวถึงภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า กระทั่งภูมิภาคเบื้องบนยังสมควรมีน้อยคน
ตัวตนเช่นนี้หากเข้าร่วมขุมพลังของพวกมันล่ะก็ พวกมันเฝ้านับวันรอที่ขุมพลังของตัวจะยกระดับกลายเป็นขุมพลังกึ่งชั้น 3 ได้เลย!
เป็นเพราะเหตุนี้พวกมันถึงเร่งวูบร่างมาบังขวางต้วนหลิงเทียนเอาไว้ เพื่อคุ้มครองต้วนหลิงเทียน!
“ลี่เฟิง! เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้ลงมือสังหารนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องของข้า!!”
เมื่อเห็นเริ่นจงกับหลิวหงกวงมาปกป้องคุ้มครองต้วนหลิงเทียนแบบนี้ ฉีเสิ่นรู้ดีว่าอาศัยมันคนเดียว คงไม่มีทางลงมือทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้แน่แล้ว
ความหวัง ของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องของมันถูกดับลงด้วยน้ำมือของลี่เฟิง!
มันไม่สงสัยเลยว่าทันทีที่เรื่องนี้รู้ถึงคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเมื่อไหร่ ลี่เฟิงต้องกลายเป็นศัตรูหมายเลข 1 ของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องแน่!
“มันคิดฆ่าข้า หรือข้าคิดฆ่ามันบ้างไม่ได้? น่าขำนัก!”
หลังจากรับประทานโอสถเซียนรักษา ทั้งปาดเช็ดโลหิตที่มุมปากแล้ว ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าววาจาเหน็บแนมออกมาอีกรอบ “หรือคนคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องของเจ้า เจ็บไม่ได้ตายไม่เป็น?”
หากเป็นคนธรรมดาเผชิญหน้ากับวาจาขู่ข่มของฉีเสิ่นอาจจะหวาดกลัว
แต่วันนี้ต้วนหลิงเทียนปลอมตัวมาฆ่าฉีจิ้งโดยเฉพาะ เขายังจะกลัวทำอะไร?
‘เฉวี่ยไน่พี่ใหญ่เก็บฉีจิ้งให้เจ้าแล้ว…จากนี้ไปเจ้าสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขไร้กังวลเหมือนกาลก่อน’
ทันใดนั้นเงาดรุณีน้อยแสนซนพลันวาบขึ้นมาในใจ ยิ้มแสยะหลังกล่าวเหน็บแนมพลันกลับกลายเป็นยิ้มยินดีแทน
แน่นอนสำหรับคนอื่นๆที่เห็น รอยยิ้มยินดีนี้คล้ายรอยยิ้มเยาะเย้ยไม่มีผิด
“ขะ…เขาฆ่าฉีจิ้งจริงๆ?”
ตอนนี้เองผู้ชมโดยรอบที่สติกลับมาอยู่กับร่องกับรอยแล้วพลันกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง ค่อยกล่าวออกขณะมองต้วนหลิงเทียนยิ้มโง่งม
รอยยิ้มยินดี พอมาปรากฏบนใบหน้าเย็นชาไม่รับแขก ย่อมแลเหมือนยิ้มโง่งมจริงๆ…
แต่ไม่มีใครสนใจเรื่องนี้สักคน
ความสนใจทั้งหมดอยู่ที่ลี่เฟิงฆ่าฉีจิ้ง!
คนของวัดฟ่านเทียนกับศาลเจ้าชุนหยางเผยรอยยิ้มยินดีทั้งตื้นตันออกมาขณะมองไปยังต้วนหลิงเทียนที่ยืนยิ้มอย่างโง่งม
“ขอบคุณสหายลี่เฟิง!”
“ขอบคุณประสพลี่”
มีเสียงผ่านปราณแรกกำเนิดดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนพร้อมๆกัน 2 เสียง
พอต้วนหลิงเทียนหันไปมองก็พบว่าไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นผู้นำนักพรตของศาลเจ้าชุนหยาง กับเจ้าอาวาสวัดฟ่านเทียนนั่นเอง
เขาฆ่าฉีจิ้งแบบนี้ ก็เหมือนล้างแค้นให้จิ้งชวีชื่อและหลวงจีนลายบุปผาทางอ้อม
“ลี่เฟิง!”
“ลี่เฟิง!”
……
ตอนนี้เองเหล่าผู้ฝึกตนพเนจรยังกู่ก้องร้องตะโกนชื่อเขาออกมาเสียงดังสนั่น ทุกคนต่างเผยความตื่นเต้นยินดีออกมาราวจะคลั่งกันไปแล้ว
ต้วนหลิงเทียนฆ่าฉีจิ้งก็เสมือนแก้แค้นให้จงกู้ด้วยเช่นกัน พวกมันย่อมตื่นเต้นยินดีเป็นธรรมดา!
ตอนที่ 1,699 : อันดับแรกในการประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง!
ผู้ฝึกตนพเนจรทั้งหลาย พอเห็นต้วนหลิงเทียนฆ่าฉีจิ้งได้แบบนี้ พวกมันก็ดีใจกันแทบคลั่ง!
ต้องทราบด้วยว่าไม่ใช่แค่เขตอิทธิพลหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง แต่ไม่ว่าจะเป็นภูมิภาคเบื้องบนหรือเบื้องล่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ผู้ฝึกตนพเนจรนั้นมักถูกผู้คนที่มีขุมพลังอยู่เบื้องหลังดูแคลนหยามหมิ่นเสมอ!
เพราะสุดท้ายแล้วผู้ที่มีขุมพลังหนุนหลัง ย่อมได้รับทรัพยากรบ่มเพาะที่ดีกว่า
ส่วนผู้ฝึกตนพเนจรนั้น ได้แค่พึ่งพาพรสวรรค์และวาสนาจากการเดินทางไปเรื่อยๆ เช่นนั้นส่วนใหญ่แล้วย่อมขาดแคลนทรัพยากร ทำให้ความต่างของพลังฝีมือยิ่งมายิ่งมาก..
ทว่าวันนี้ต้วนหลิงเทียนกลับฆ่าฉีจิ้งในฐานะผู้ฝึกตนพเนจร!
ฉีจิ้งเป็นใคร?
นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!
หากต้วนหลิงเทียนฆ่าฉีจิ้งคนเก่าก่อนหน้านี้ แม้พวกมันจะดีใจแต่คงไม่คลั่งไคล้กันแบบนี้!
เพราะฉีจิ้งในวันนี้ต่างจากในอดีต!
เพราะอีกฝ่ายไม่เพียงแต่ฆ่าคู่ปรับเก่าอย่างจงกู้ รวมถึงหลวงจีนลายบุผาและจิ้งชวีจื่อได้อย่างง่ายดาย!
ต้องทราบด้วยว่าในอดีตไม่ว่าหลวงจีนลายบุปผาหรือจิ้งชวีจื่อก็เอาชนะฉีจิ้งได้ง่ายดาย
ทว่าฉีจิ้งกลับใช้วลาเพียง 1 ปีทะลวงผ่านมาจากเซียนขัดเกลาขั้นต้นจนบนนลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด! ทำให้มันกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่อายุน้อยกว่า 50 ปีในเขตอิทธิพลหลักคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!!
ชัดเจนเลยว่าหากไม่มีต้วนหลิงเทียน อันดับ 1 ในการประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องจะเป็นใครได้อีกนอกจากมัน?
น่าเสียดายที่การมาถึงของต้วนหลิงเทียนในคราบลี่เฟิง..ตัวตนปลอมที่เขาสร้างขึ้นเพื่อการนี้ ไม่เพียงแต่ดับฝันของมัน แต่ยังทำให้มันร่วงหล่นไร้วันได้ผงาด!
ด้วยเหตุนี้ผู้ฝึกตนพเนจรและผู้ชมทั้งหลายถึงได้ตื่นตระหนกตกใจกันนัก
ที่สำคัญไปกว่านั้น ต้วนหลิงเทียนยังมีอายุไม่ถึง 40 ปี
“อายุมิถึง 40 ปีแต่บรรลุสูงสุดเซียนขัดเกลา…ลี่เฟิงผู้นี้เป็นสัตว์ประหลาดชัดๆ! ก่อนหน้านี้เขาเผยความสนใจจะเข้าร่วมคฤหาสน์ข้ามฟ้ากับคฤหาสน์คลื่นคลั่ง…เช่นนั้นมิว่าเขาเข้าร่วมกับขุมพลังใด น่ากลัวว่าอีกมิกี่ 10 ปีขุมพลังนั้นต้องยกระดับเป็นขุมพลังกึ่งชั้น 3 ได้แน่!!”
ทันใดนั้นบางคนพลันอุทานออกมาด้วยความตื่นตระหนก
ทำให้ทุกสายตาหันไปมองเริ่นจงกับหลิวหงกวงทันที ด้วยอยากรู้ว่าสุดท้ายผู้ใดจะคว้าเพชรน้ำเอกเม็ดนี้ไปเข้าร่วมขุมพลังของตัวได้
เริ่นจงกับหลิวหงกวงก็หันมามองสบตากันทันที ยังคล้ายมีกระแสไฟฟ้าพุ่งยิงออกมาจากลูกตาไปปะทะกันแปลบๆกลางอากาศ!!
เพราะสุดท้ายแล้วลี่เฟิงก็มีคนเดียว 1 ในพวกมันเท่านั้นที่จะได้ไป!!
“ลี่เฟิงในฐานะอาวุโสหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องข้าขอเชิญเจ้าเข้าร่วมกับพวกเรา…ตราบใดที่เจ้ายินดีเข้าร่วมคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องของเราและสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าว่าจะไม่คิดร้ายต่อคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ข้าสามารถอภัยเรื่องทั้งหมดให้แก่เจ้าในนามคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง! นอกจากนี้คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะสนับสนุนทรัพยากรบ่มเพาะให้เจ้าอย่างดี และไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะขึ้นนั่งตำแหน่งผู้นำ!!”
ตอนนี้เองพลันมีเสียงผ่านปราณแรกกำเนิดส่งตรงถึงหูของต้วนหลิงเทียน และเจ้าของเสียงก็คืออาวุโสหลักคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องฉีเสิ่น!!
ฟังจากคำของฉีเสิ่น ความหมายนั้นชัดเจนเพียงต้วนหลิงเทียนสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์ โทษที่เขาฆ่าคนจะหมดไป ยังได้รับการสนับสนุนอย่างดี! กระทั่งมีโอกาสได้เป็นผู้นำ!!
ถึงแม้ฉีเสิ่นแทบจะอดรอฆ่าต้วนหลิงเทียนไม่ไหว เพื่อล้างแค้นให้หลานชายที่ตายตก! แต่พอได้เห็นศักยภาพพรสวรรค์ที่น่ากลัวปานปีศาจของอีกฝ่าย มันก็ได้แต่ละวางความแค้นลง!!
เพราะหากมันสามารถรับตัวอัจฉริยะเช่นนี้กลับไปได้ ย่อมกลายเป็นผลงานอันยิ่งใหญ่แน่นอน!
หลังจากนั้นก็คงไม่มีใครคิดตำหนิมันเรื่องการตายของฉีจิ้ง!
สำหรับผู้นำคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง แม้ลี่เฟิงจะเป็นศัตรูฆ่าลูกชาย แต่เพื่อภาพรวมและความยิ่งใหญ่ของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง มันย่อมละวางความแค้นได้!
คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเคยเป็นขุมพลังกึ่งชั้น 3 มาก่อน…ทว่าจำต้องร่วงลงมาเป็นขุมพลังชั้น 4!
ด้วยเหตุนี้คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจึงมีความหวังอันแรงกล้าว่าจะได้หวนคืนสู่ความรุ่งโรจน์ในกาลก่อน!
เผชิญกับความหวังของคนทั้งคฤหาสน์ ไหนเลยคนเป็นผู้นำยังละวางเรื่องราวส่วนตัวไม่ได้?
“หืม? อาวุโสฉีเสิ่น นี่ข้าได้ยินอะไรผิดไปรึเปล่า?”
พอได้ยินเสียงผ่านปราณจากฉีเสิ่น ต้วนหลิงเทียนหันไปฉีกยิ้มกว้างกล่าวออกเสียงดังฟังชัด “นี่ท่านขอให้ข้าเข้าร่วมคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง โดยที่ยินดีละวางความแค้นฆ่าหลานชายงั้นเหรอ? แล้วนี่อย่าได้บอกข้านะว่ากระทั่งผู้นำของท่านยังยินดีละวางความแค้นฆ่าบุตรชายคนเดียวของมันด้วยอีกคน และจะไม่มาสร้างปัญหาให้ข้าภายหลังจริงๆ?”
พอต้วนหลิงเทียนกล่าววาจาประโยคนี้ออกมา ผู้คนโดยรอบก็อึ้งกิมกี่กันหมด!
ทุกคนไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าฉีเสิ่นยังจะกล้ายืนข้อเสนอให้ลี่เฟิงแบบนี้! ต้องทราบด้วยว่าก่อนหน้าเป็นมันที่คิดลงมือเข่นฆ่าผู้อื่นเค้าด้วยซ้ำ!!
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เริ่นจงกับหลิวหงกวงเข้าใจฉีเสิ่นดี เพราะสุดท้ายแล้วพรสวรรค์ของลี่เฟิงน่ากลัวเกินไป! หากไม่มีข้อผิดพลาดอะไร ในภายภาคหน้าขุมพลังใดที่รับตัวลี่เฟิงไป..ต้องกลายเป็นขุมพลังกึ่งชั้น 3 ได้แน่!
ครู่หนึ่งทั้งคู่จึงหันไปมองฉีเสิ่นด้วยสายตาดุร้ายทันที
“สหายน้อยลี่เฟิง อย่าได้หลงเชื่อวาจาของมันเชียว! มันแค่คิดล่อเจ้าให้ร่วมเดินทางไปกับมันและจะฆ่าเจ้าทิ้งระหว่างทางเป็นแน่!!”
เริ่นจงส่งเสียงถึงต้วนหลิงเทียนทันที ยังหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยระหว่างต้วนหลิงเทียนกับฉีเสิ่นอีกด้วย นี่เพื่อไม่ให้ต้วนหลิงเทียนเข้าร่วมกับคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง แม้มันจะรู้ดีแก่ใจว่าฉีเสิ่นตั้งใจรับตัวต้วนหลิงเทียนจริงๆ
และครู่ต่อมาเสียงหลิวหงกวงก็ดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนเช่นกัน วาจาก็ทำนองเดียวกันกับเริ่นจง พยายามสร้างความบาดหมางระหว่างเขากับฉีเสิ่น!
ต้วนหลิงเทียนไหนเลยจะเดาความคิดของทั้งคู่ไม่ได้ จึงอดรู้สึกขำไปในใจเสียไม่ได้ แต่แม้เขาจะคิดว่าเรื่องนี้มันน่าขำเพียงใด แต่สุดท้ายเขาก็จำต้องส่งเสียงตอบกลับทั้งคู่…ว่าจะไม่เข้าร่วมคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องแน่นอน!
หลังได้รับคำตอบของต้วนหลิงเทียน เริ่นจงกับหลิวหงกวงก็เผยความยินดีไม่น้อย เพราะนี่หมายความว่าคู่แข่งของพวกมันน้อยลงไปคนนึงแล้ว!
“อะไร? อาวุโสหลักคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องยื่นข้อเสนอให้ลี่เฟิงเข้าร่วมคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องงั้นเหรอ?”
ตอนนี้เองหลายต่อหลายคนกลับมารู้สึกหลังจากอึ้งกิมกี่ ยังรู้สึกว่าเรื่องนี้มันเหลวไหลไม่น้อย
“นี่มันลืมไปแล้วหรือไรว่าหลานชายคนเดียวของมันถูกลี่เฟิงฆ่าตาย แถมลี่เฟิงพึ่งฆ่านายน้อยของมันไปหยกๆ?”
หลายคนอยากรู้ไม่น้อย
“เจ้ายังมิเข้าใจหรือ? ด้วยพรสวรรค์ของลี่เฟิง อย่าว่าแต่นายน้อยคฤหาสน์เลย ให้เขาลอบปาดคอผู้นำคฤหาสน์มาอีกคน แต่ตราบใดที่เขาเต็มใจเข้าร่วมคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องล่ะก็…คนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องย่อมยินดีต้อนรับ! อายุมิถึง 40 แต่บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด…เรื่องนี้มิใช่เรื่องล้อเล่น!!”
“มิผิด! ยังเยาว์แต่บรรลุพลังฝึกปรือขนาดนี้ หากมีเวลาให้เขาเติบโต ย่อมไม่ยากที่จะนำพาขุมพลังชั้น 4 ให้กลายเป็นขุมพลังชั้น 3!”
“กับอนาคตที่สดใส ความแค้นส่วนตัวใดๆย่อมกลายเป็นเล็กน้อย”
……
หลายคนกล่าวออกมา และเข้าใจได้ว่าไฉนฉีเสิ่นถึงได้ยื่นข้อเสนอออกมา
ด้านคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องตอนแรกพอได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน พวกมันก็มีโมโหฉีเสิ่นไม่น้อย! เพราะรู้สึกว่าฉีเสิ่นกำลังทำให้คฤหาสน์ขายหน้า…!!
แต่พอได้ฟังวาจาโดยรอบ อารมณ์ของพวกมันก็เริ่มเย็นลง และคิดว่าฉีเสิ่นไม่ได้ทำผิดอะไร
“เรื่องนี้เจ้ามั่นใจได้ ตราบใดที่เจ้าสาบานต่อทันฑ์สวรรค์ว่าจะภัคดีต่อคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ข้าสาบานว่าชั่วชีวิตนี้จะไม่ให้ใครในคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องสร้างปัญหาให้เจ้า!”
แม้จะถูกต้วนหลิงเทียนเปิดโปงต่อหน้าผู้คนแต่ฉีเสิ่นก็ไม่โกรธ เพียงกล่าวตอบออกไปเสียงดังฟังชัด
“อ้อ ดูเหมือนว่าคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องของพวกเจ้าจะเป็นศูนย์รวมพวกเลือดเย็นงั้นสินะ…ขอโทษทีแต่ข้าไม่อยากเข้าร่วมกับขุมพลังที่ไร้หัวใจพรรค์นี้..”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวปฏิเสธออกมาตรงๆ
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนปฏิเสะฉีเสิ่นออกมาโต้งๆ เริ่นจงกับหลิวหงกวงแสยะยิ้มออกมาอย่างถูกใจ ทว่าด้านฉีเสิ่นกับชักสีหน้าอัปลักษณ์ปั้นยากนัก!
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนพลันหันมองไปยังเริ่นจงกับหลิวหงกวง ก่อนที่จะส่งเสียงไปถึงทั้งคู่ “รองผู้นำคฤหาสน์เริ่น อาวุโสหลิว ข้าเกรงว่าหลังจากนี้คงไม่มีคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องคิดเข้าร่วมประลองอีกต่อไปแล้ว และหากข้าเดาไม่ผิดเดี๋ยวพวกมันต้องแสร้งทำเป็นกลับไปก่อน เพื่อไปวางกำลังคนซุ่มรอฆ่าข้าแน่นอน…เช่นนั้นข้าจึงอยากขอกลับไปก่อนได้หรือไม่..และข้าจะไปรอสนทนากับพวกท่านแถวๆหุบเขาทิศตะวันตกที่ห่างจากจุดนี้ 100 ลี้?”
เริ่นจงกับหลิวหงกวงหันหน้ามองสบตากันทันใดหลังได้ยินเสียงของต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะหันกลับมามองเขาพร้อมพยักหน้าเห็นด้วย
ถูกแล้ว
หากฉีเสิ่นแสร้งพาคนกลับไปแต่ไม่ได้จากไปจริงๆ เลือกที่จะไปซุ่มรอเล่นงานต้วนหลิงเทียนอยู่ล่ะก็ …
กระทั่งพวกมันก็คงยากจะปกป้องคุ้มครองคน ดั่งคำ ‘ทวนเปิดเผยหลบหลีกง่าย เกาทัณฑ์เร้นลับยากระวัง’
ถึงแม้ว่าฉีเสิ่นจะนับเป็นยอดฝีมือของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องที่พวกมันสามารถรับมือได้ ทว่าไม่ไกลจากหุบเขาหลิงหลงก็มีรองผู้นำคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องประจำการอยู่ในเมืองเช่นกัน!
หากฉีเสิ่นส่งคนไปตามอีกฝ่ายมาล่ะก็ คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะซุ่มฆ่าต้วนหลิงเทียน!
ด้วยเหตุนี้หลังได้ยินคำต้วนหลิงเทียนพวกมันก็เห็นด้วยทันที “เอาล่ะ เจ้าไปรอพวกเราที่หุบเขาทางทิศตะวันตก 100 ลี้จากจุดนี้เลยเถอะ เพราะจะอย่างไรการประลองจัดอันดับก็มิมียอดฝีมือคนใดที่สู้เจ้าได้แล้ว แม้พวกเราจะประกาศให้เจ้าเป็นอันดับ 1 ก็คงมิมีผู้ใดคัดค้าน”
“เพราะสุดท้ายแล้วพลังฝีมือของเจ้าทุกผู้คนล้วนกระจ่างชัดนัก…อันดับ 1 สมควรเป็นเจ้า”
เริ่นจงกับหลิวหงกวงกล่าวตอบต้วนหลิงเทียน
“เช่นนั้นข้าต้องขอบคุณรองผู้นำเริ่นกับอาวุโสหลิวแล้ว”
หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนประสานมือเขย่าพร้อมกล่าวขอบคุณทั้งคู่เสร็จ เขาก็เหินร่างขึ้นฟ้าผ่านม่านพลังค่ายกลหลิงหลง หายลับไปจากสายตาของผู้คนทันที…
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนเหินร่างออกจากกระดานหมากหลิงหลง สองตาฉีเสิ่นพลันทอประกายเรืองวูบคิดไล่ตามต้วนหลิงเทียนไปทันที ยังโบกมือเรียกคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องให้กลับไปกับมันด้วย!
น่าเสียดายที่เริ่นจงกับหลิวหงกวงพลันมาขวางมันเอาไว้ไม่ให้ไปไหน
“รองผู้นำเริ่น อาวุโสหลิว นี่พวกท่านคิดจะทำอะไร?”
ใบหน้าฉีเสิ่นเปลี่ยนเป็นดุร้ายเอาเรื่องทันที “อัจฉริยะของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องข้าตายตกหมดสิ้น ตอนนี้จึงไม่มีผู้ใดมีสามารถสูงพอจะประลองสืบต่อ…แล้วใยแค่ข้าคิดจะพาคนกลับพวกท่านต้องมาขวางข้าด้วย?”
“อาวุโสเสิ่นท่านจะไปมิใช่ว่าไปไม่ได้ แต่ขอให้ท่านออกเดินทางหลังจากนี้สักเค่อนึงเถอะ…อ่อ นี่รวมถึงคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องทุกคนด้วย”
เริ่นจงกล่าวออกเสียงเรียบ
ถึงแม้หลิวหงกวงจะไม่พูดอะไร แต่มันโบกมือคราหนึ่ง ปรากฏคนของคฤหาสน์คลื่นคลั่งที่ติดตามมันมาด้วยพลันเหินร่างมาปิดล้อมคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเอาไว้ทันที ไม่ให้ใครคิดเล่นลูกไม้อะไรจนคลาดสายตาไปไหนแน่!
ตอนนี้ให้ฉีเสิ่นโง่เขลาปานใด ไหนเลยมันจะไม่รู้ว่าเริ่นจงกับหลิวหงกวงได้บรรลุข้อตกลงอะไรบางอย่างกับลี่เฟิงเรียบร้อยแล้ว!
จังหวะนี้แม้มันจะฮึดฮัดขัดข้องทั้งโมโหปานใด ก็ไม่มีอะไรที่มันทำได้!
หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนพุ่งร่างออกจากกระดานหมากหลิงหลง เริ่นจงก็หันมองไปยังทุกคนโดยรอบรวมถึงจ้าวเวทีทั้ง 9 ที่ยังคงสับสนว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงจากไป ค่อยประกาศออกมาเสียงดัง “ทุกๆคน การประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องครานี้ กล่าวได้ว่าเป็นการประลองที่ยอดเยี่ยมที่สุดในรอบหลายร้อยปีที่ผ่านมา”
“ลี่เฟิงที่อายุมิถึง 40 ปีแต่กลับบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด นอกจากนี้ยังฆ่าฉีจิ้งที่บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดได้…เช่นนั้นข้าจึงขอตัดสินให้เขาเป็นอันดับ 1 ในการประลองจัดอันดับยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องครั้งนี้ พวกเจ้าคงไม่มีใครขัดข้องใช่หรือไม่?”
ตอนที่ 1,700 : ฉีจิ้งยังไม่ตาย?
ไม่มีใครคิดฝัน ว่าทันทีที่ลี่เฟิงเหินร่างจากไป เริ่นจงจะประกาศให้เขาเป็นอันดับที่ 1 ในการประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องเสียอย่างนั้น
ทว่าทุกผู้คนพอได้คิดก็ล้วนเห็นด้วยกับเรื่องนี้
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ลี่เฟิงฆ่าเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดอย่างฉีจิ้งได้เลย ลำพังแค่บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดก็มากพอให้อีกฝ่ายได้อันดับ 1 โดยไม่ต้องลงประลองแล้ว!
เพราะหลังจากนี้ ใครที่ต้องขึ้นไปประลองกับลี่เฟิงตอนจัดอันดับ ก็คงทำได้แค่กล่าวยอมแพ้…เพราะขืนคิดสู้แล้วลี่เฟิงเกิดรำคาญอยากให้จบไวๆขึ้นมา ตบฟาดมาสักเปรี้ยงพวกมันไม่เดี้ยงหรือ?
เช่นนั้นต่อให้ลี่เฟิงไม่จากไปและอยู่ขึ้นประลอง ผลลัพธ์ก็คือทุกคนต้องกล่าวยอมแพ้ อีกอย่างพวกมันยังจำเรื่องบางประการฝังใจอีกด้วย…
ทุกคนที่สู้กับลี่เฟิง…ล้วนตายหมดไม่มีเหลือ!
อัจฉริยะของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องตายไปถึง 3!
ถึงแม้พวกมันจะไม่รู้ว่าลี่เฟิงคิดฆ่าคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องอย่างเดียว หรือคิดจะฆ่าคนที่ประลองด้วยทั้งหมด! แต่พวกมันก็ไม่มีใครคิดจะเสี่ยง! เพราะหากพลาดพลั้งไปก็คือตายสถานเดียว!!
คนเราก็มีเพียงหนึ่งชีวิต
ตายแล้วก็จบสิ้นกัน ไม่เหลืออะไร
“รองผู้นำคฤหาสน์เริ่น อาวุโสหลิว…พวกท่านจักไม่กระทำเกินไปหน่อยหรือ ไฉนมิสนกฏและให้สิทธิพิเศษลี่เฟิงถึงขนาดนี้?”
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนจากไปแบบนี้ แต่มันกลับโดนเริ่นจงกับหลิวหงกวงขัดขวางเอาไว้ไม่ให้ติดตามไปไหนได้ ฉีเสิ่นพลันกล่าวออกด้วยความไม่พอใจ
ถึงแม้มันจะรู้ดีว่าต่อให้ลี่เฟิงยังอยู่ แต่อย่างไรก็ต้องได้อันดับ 1..
อย่างไรก็ตามพอคิดว่าลี่เฟิงไม่ต้องเสียเวลาประลอง กระทั่งจากไปแล้วแบบนี้ก็ยังได้อันดับ 1 ในการประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องมาครอง ใจมันก็รู้สึกไม่ยินยอมอยู่บ้าง!
“ไม่สนกฏ ให้สิทธิพิเศษ?”
ได้ฟังวาจาดังกล่าวเริ่นจงพลันกล่าวเย้ยเยาะออกมา “อาวุโสฉีเสิ่น ดูเหมือนว่าเรื่องพวกนี้ท่านจะไม่มีคุณสมบัติมากพอจะกล่าวนะ”
สีหน้าฉีเสิ่นถมึงทึงขึ้นมาทันใด และตอนนั้นเองพลันมีคนก้าวออกมาท้าทายคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ที่ขึ้นไปท้าตำแหน่งจ้าวเวทีกับฉีจิ้งก่อนหน้า จนเอาชนะและแทนที่ได้สำเร็จ ทำให้เริ่นจงเลิกสนใจฉีเสิ่น
“ตอนนี้ในบรรดาจ้าวเวทีทั้ง 9 ยังมีผู้ใดไม่เห็นด้วยเรื่องที่ลี่เฟิงจักได้รับอันดับ 1 ในการประลองหรือไม่? หากพวกเจ้าไม่เห็นด้วยพวกเจ้าสามารถมาที่คฤหาสน์ข้ามฟ้าของพวกเราและท้าประลองลี่เฟิงได้!”
เริ่นจงว่ายตามองจ้าวเวทีทั้ง 9 ค่อยกล่าวออกเสียงดังฟังชัด
ได้ยินคำนี้ของเริ่นจง หลิวหงกวงรู้สึกแหม่งๆทันใด
ไปท้าทายลี่เฟิงที่คฤหาสน์ข้ามฟ้าของพวกเจ้า…นั่นหมายความว่าอะไรกัน?
บัดซบ! นี่เจ้าจะกล่าวบอกว่าลี่เฟิงตกลงเข้าร่วมกับคฤหาสน์ข้ามฟ้าของเจ้าแล้วรึไง?
ทันใดนั้นหลิวหงกวงพลันกล่าวออกมาเสียงเรียบ “ถูกแล้ว ถ้าหากพวกเจ้ามีใครไม่พอใจเรื่องที่ลี่เฟิงได้รับอันดับ 1 สามารถมาท้าทายลี่เฟิงได้ที่คฤหาสน์คลื่นคลั่งของข้า!”
เรียกว่าตาต่อตาฟันต่อฟัน เริ่นจงกล่าวอะไร หลิวหงกวงก็เอาบ้าง! แน่นอนว่าคำถามพวกนี้ทำให้จ้าวเวทีทั้ง 9 มองทั้งคู่สลับไปมาตาปริบๆ…
ล้อกันเล่นหรือไร?
พลังฝีมือลี่เฟิงเป็นอย่างไรทุกผู้คนล้วนกระจ่างชัดนัก! สู้กับลี่เฟิงหรือ…รนหาที่ตายชัดๆ!
“อาตมามิมีใดขัดข้อง!”
ครู่ต่อมาเป็นหลวงจีนเนื้อสุราที่ให้คำตอบเป็นคนแรก
เนื่องจากการตายของหลวงจีนลายบุปผา สีหน้าอารมณ์ของหลวงจีนเนื้อสุรายังคงหมองซึมนัก เศร้าโศกกับการจากไปไม่หาย
มันเป็นลูกคนเดียวจึงไม่เคยมีน้องชายมาก่อน เช่นนั้นจึงเห็นหลวงจีนลายบุปผาเสมือนน้องชายแท้ๆมาโดยตลอด
น้องของมันตกตายทั้งคน ย่อมโศกเศร้าทั้งคับแค้นเป็นธรรมดา
ตอนนี้เมื่อลี่เฟิงฆ่าฉีจิ้ง ก็เสมือนล้างแค้นให้หลวงจีนลายบุปผา แน่นอนว่ามันย่อมไม่คิดสร้างความลำบากให้ลี่เฟิง
เมื่อมีหลวงจีนเนื้อสุราเปิด ย่อมมีผู้ตาม และอวี้ชวีจื่อกับหยินชวีจื่อของศาลเจ้าชุนหยางก็ให้คำตอบมาตามๆกัน
ครู่ต่อมาผู้ฝึกตนพเนจรก็กล่าวตอบออกมาเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าคนส่วนใหญ่ล้วนเห็นด้วย ที่เหลือก็ย่อมเห็นด้วยเป็นธรรมดา สุดท้ายลี่เฟิงจึงได้เป็นอันดับ 1 ในรายนามยอดนภาโดยไร้ข้อกังขา
“เช่นนั้นอันดับ 1 ในการประลองัจดอันดับฟ้าลิ่วล่องคราวนี้ ก็คือลี่เฟิง! การจัดอันดับที่เหลือจะเริ่มในวันพรุ่งนี้…วันนี้ให้จบลงเพียงเท่านี้ แยกย้ายไปพักได้”
พอเริ่นจงกล่าวจบคำ มันก็ลงมือพร้อมหลิวหงกวง สลายค่ายกลหลิงหลง ทำให้ฉากกระดานหมากหลิงหลงหายไป
พริบตาทุกคนก็มาอยู่ในหุบเขาหลิงหลงอีกครั้ง
และหลังจากที่เวลาผ่านไปเค่อนึงตามที่บอกแล้ว เริ่นจงกับหลิวหงกวงก็ไม่คิดจะขวางคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องอีกต่อไป
อย่างไรก็ตามก่อนที่ฉีเสิ่นจะจากไป มันอดส่งเสียงไปถึงเริ่นจงกับหลิวหงกวงอีกครั้งไม่ได้…มันยื่นข้อเสนอว่าจะมอบผลประโยชน์บางอย่างให้แลกกับที่อยู่ของลี่เฟิง!
ที่มันอยากจะสื่อก็คือ อย่างไรในที่นี้ก็มีแค่ฝ่ายเดียวเท่านั้นที่จะได้ตัวลี่เฟิงไป และมันก็ยินดียื่นผลประโยชน์ให้ผู้ใดก็ตาม ที่บอกกล่าวที่อยู่ของลี่เฟิงมาเท่านั้น…
น่าเสียดายที่ทั้งเริ่นจงและหลิวหงกวงไม่มีใครสนใจมัน
ผลประโยชน์?
อย่างฉีเสิ่นจะมอบอะไรให้พวกมันได้บ้าง?
นอกจากนี้ที่มันมอบให้จะเทียบกับอัจฉริยะอย่างลี่เฟิงได้หรือ?
เมื่อเห็นว่าเริ่นจงกับหลิวหงกวง ไม่แม้แต่จะสนใจตอบด้วยซ้ำ สีหน้าฉีเสิ่นก็บิดเบี้ยวไปทันใด สุดท้ายมันก็ได้แค่กัดฟันกรอดๆด้วยโทสะ ก่อนที่จะพาคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจากไป
ในขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างมาถึงหุบเขาที่อยู่ทางทิศตะวันตก 100 ลี้จากหุบเขาหลิงหลงเรียบร้อยแล้ว
…
“จริงสินี่เจ้าได้ยินเรื่องนี้แล้วหรือไม่? ดูเหมือนปีนี้ ตำหนักฟ้าลี้ลับได้ทำการหาสุดยอดอัจฉริยะขอบเขตเซียนที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปีไปทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า…เพราะเห็นว่าอีก 1 ปีหลังจากนี้แดนลับเซียนของตำหนักฟ้าลี้ลับจะเปิดออก”
ในค่ำคืนที่เงียบสงัด ต้วนหลิงเทียนที่ปกปิดกลิ่นอายและพร่างตัวอยู่บนต้นสนสูงต้นหนึ่งพลันได้ยินเสียงแว่วมาตามสายลม
พอเปิดใช้เนตรพิสดาร เขาก็มองฝ่าความมืดในหุบเขาไปจนเห็นว่ามีร่างชาย 2 คนกำลังเดินทางผ่านมา
“เรื่องนี้ข้าได้ยินแล้ว! ไม่ใช่แค่ตำหนักฟ้าลี้ลับหรอก ขุมพลังกึ่งชั้น 3 ทั้งหมด เห็นว่ากำลังรับสมัครอัจฉริยะกันให้วุ่น และต้องการเพียงแค่ผู้ที่บรรลุขอบเขตเซียนโดยมีอายุไม่ถึง 40 ปีเท่านั้น…หากพวกเรามีโอกาส กระทั่งผ่านการทดสอบนั่นและได้เข้าไป ‘แดนลับเซียน’ ล่ะก็ อย่าว่าแต่วาสนาใหญ่โตอะไร…แค่วาสนาเล็กๆ ความแข็งแกร่งพวกเราต้องก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดแน่!”
เสียงของชายอีกคนกล่าวตอบ
หลังผ่านไปสักพักเสียงพวกมันก็ค่อยๆจางหายไป เพราะร่างเหินผ่านไปไกลแล้ว
“ขุมพลังกึ่งชั้น 3? ตำหนักฟ้าลี้ลับ?”
“เฟ้นหาอัจฉริยะอายุน้อยกว่า 40?”
“เพียงบรรลุขอบเขตเซียน?”
ต้วนหลิงเทียนที่เอนหลังบนกิ่งสน สภาวะคนกลมกลืนไปกับความมืดโดยรอบ พลันเผยประกายแสงสว่างโรจน์ขึ้นมาในแววตาทันที
ตอนแรกเขาคิดว่าจะเข้าร่วมคฤหาสน์ข้ามฟ้าหรือไม่ก็คฤหาสน์คลื่นคลั่ง
เพื่อใช้ขุมพลังชั้น 4 อย่างพวกมันเป็นดั่ง ‘แท่นกระโดด’ ให้บรรลุขอบเขตพลังที่สูงขึ้น เป็นการเตรียมตัวจะขึ้นสู่ภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ไปค้นหาคู่หมั้นอย่างเค่อเอ๋อ!
กระทั่งยังหมายอาศัยอำนาจของขุมพลังชั้น 4 เพื่อตามหาบิดาไม่เอาไหนอีกด้วย!
ทว่าตอนนี้พอมาได้ยินว่าตำหนักฟ้าลี้ลับอันเป็นขุมพลังกึ่งชั้น 3 กำลังเฟ้นหาอัจฉริยะที่บรรลุขอบเขตเซียนก่อนอายุ 40 ปีเข้าร่วมขุมพลัง ใจเขาก็มีประกายความคิดหนึ่งจุดขึ้นทันที
หากเทียบกับขุมพลังชั้น 4 แล้ว ขุมพลังกึ่งชั้น 3 ย่อมเป็น ‘แท่นกระโดด’ ที่ยอดเยี่ยมกว่าแน่นอน
นอกจากนี้เขายังบังเกิดความสงสัยเรื่อง ‘แดนลับเซียน’ อะไรที่ว่านั่นด้วย เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้ยินเรื่องนี้
‘แบบนี้ข้าก็คงได้แต่ทำให้รองผู้นำเริ่นกับอาวุโสหลิวผิดหวังแล้วสิ…ยังดีที่ข้าไม่ได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา จึงไม่ต้องห่วงว่าทั้งคู่จะมีโมโหไล่ฆ่าหรือไม่ เพราะยังไงลี่เฟิงก็เป็นตัวตนปลอมที่ข้าสร้างขึ้นเท่านั้น…’
พอตัดสินใจได้ต้วนหลิงเทียนก็พุ่งร่างออกจากหุบเขาแห่งนี้ทันที ร่างพุ่งทะยานแหวกฝ่าความมืดกลางรัตติกาลหายลับฟ้าไปอย่างเงียบงัน
ด้านเริ่นจงกับหลิวหงกวงก็ไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้เลือกจากไปดั่งนกหลุดกรงเสียแล้ว…
กระทั่งตอนนี้พวกมันยังตื่นเต้นไม่หาย เอาแต่คิดถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจบการประลองไม่หยุด
เพราะทันทีที่จบการประลอง พวกมันจะไปพบกับลี่เฟิ่ง เพื่อรับฟังว่าอีกฝ่ายจะเข้าร่วมขุมพลังใดกันแน่!
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้เลย
แต่ถึงรู้เขาก็เลือกจากไปอยู่ดี
เพราะไม่ว่าจะเป็นเริ่นจงหรือหลิวหงกวง ที่อีกฝ่ายปกป้องเขาขนาดนี้ในการประลองล้วนเป็นเพราะพรสวรรค์ของเขา รวมถึงเป็นหน้าที่ๆพวกมันต้องกระทำอยู่แล้ว
หาไม่แล้วทั้งคู่คงไม่สนใจเขาเลย
ตอนนี้เมื่อมีทางเลือกที่ดีกว่า เขาก็ไม่คิดจะสนใจคฤหาสน์ข้ามฟ้าหรือคฤหาสน์คลื่นคลั่ง
แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เขาจะรู้ดีแก่ใจ ว่าการที่ทั้งคู่ปกป้องเขาในการประลอง ล้วนเป็นหน้าที่ๆต้องกระทำ! แต่อย่างไรเสียต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกติดค้างทั้งคู่อยู่บ้าง ‘รองผู้นำเริ่นอาวุโสหลิว สักวันข้าจะตอบแทนพวกท่านแล้วกัน’
ต้วนหลิงเทียนไม่ชอบติดค้างใคร
หลังออกจากหุบเขาแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เร่งมุ่งหน้ากลับคฤหาสน์คลื่นขจีทันที
ด้วยพลังฝีมือในปัจจุบันของเขา หากเขาคิดจะปกปิดร่องรอย ก็ยากนักที่ใครในคฤหาสน์คลื่นขจีจะค้นพบตัวตนของเขา เว้นเสียแต่จะเป็นตัวตนในขอบเขตพลังอริยะเซียน!
ถึงแม้พลังฝึกปรือเขาจะมีแค่เซียนดั้งเดิมขั้นกลาง แต่พลังฝีมือก็เทียบได้กับเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้ว!
แต่แน่นอนเขาไม่จำเป็นต้องปกปิดร่องรอย
เพราะสุดท้ายแล้วเขาไม่เพียงแต่จะรู้จักคุณหนูใหญ่ของคฤหาสน์คลื่นขจีอย่างหานเฉวี่ยไน่ เขายังรู้จักผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจีอย่างหานเจิ้งเทียน…
ตอนแรกเขาเลือกจะไปเจอหานเฉวี่ยไน่ก่อนเพื่อทำให้นางประหลาดใจ!
อย่างไรก็ตามพอคิดไปคิดมา ต้วนหลิงเทียนก็เลือกไปพบกับหานเจิ้งเทียนก่อน เพราะลุงหานสมควรกังวลถึงเรื่องนี้มากกว่าใคร ขืนชักช้าอีกฝ่ายทนไม่ไหวออกเดินทางไปหมายฆ่าฉีจิ้งขึ้นมา จะวุ่นวายเสียเปล่าๆ…
เมื่อมาถึงคฤหาสน์คลื่นขจี ต้วนหลิงเทียนก็แค่ยกเลิกการปกปิดกลิ่นอายพลังเท่านั้น
ไม่นานเขาก็ถูกค้นพบ
หลังจากที่เปลี่ยนไปใช้ใบหน้าเย็นชาในฐานะ หลิงเทียน แล้ว… หน่วยลาดตระเวนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็พอจดจำเขาได้และไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้เขา
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็เข้าพบหานเจิ้งเทียนได้ไม่ยาก
“เทียนน้อยเจ้ากลับมาแล้ว…ตกลงผลเป็นเช่นไร?”
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนกลับมา หานเจิ้งเทียนก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกไปด้วยความร้อนใจ
เพราะจากที่มันนับวัน ตอนนี้การประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องสมควรจบลงแล้ว และต้วนหลิงเทียนก็กลับมาถึงในเวลาประจวบเหมาะพอดี เห็นชัดว่าต้องกลับมาจากการประลองจัดอันดับยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องแน่ๆ!
“ทั้งหมดราบรื่นเรียบร้อยดีลุงหาน..ท่านไม่ต้องห่วงอีกต่อไป”
หากเป็นหานเฉวี่ยไน่ต้วนหลิงเทียนอาจจะล้อเล่นหยอกนางเล็กน้อย แต่กับหานเจิ้งเทียนย่อมไม่เหมาะให้ต้วนหลิงเทียนล้อเล่นอะไรแบบนั้น
“สหายของเจ้าฆ่าฉีจิ้งไปแล้ว?”
หานเจิ้งเทียนเผยความยินดีออกหน้าออกตาทันที แต่ยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามยืนยัน
ตอนแรกที่ต้วนหลิงเทียนจากไป เขาบอกหานเจิ้งเทียนไปว่า เขาจะไปไหว้วานสหายจากขุมพลังกึ่งชั้น 3 ให้ลงมือช่วยเหลือเรื่องนี้ โดยการฆ่าฉีจิ้งนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องในการประลอง..
ดังนั้นหานเจิ้งเทียนจึงไม่รู้เลยว่าทั้งหมดเป็นต้วนหลิงเทียนลงมือลำพัง
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ แม้เรื่องนี้จะเป็นผลงานเขา แต่เขาก็ไม่คิดจะบอกเล่าอะไรออกไป เพราะคิดว่ามันไม่จำเป็น
“เทียนน้อย! ต้องขอบคุณเจ้าแล้ว!!”
แน่นอนว่าหานเจิ้งเทียนย่อมไม่สงสัยคำพูดของต้วนหลิงเทียน หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆด้วยความตื่นเต้น มันก็เร่งโค้งคารวะขอบคุณต้วนหลิงเทียนทันที และนั่นทำให้ต้วนหลิงเทียนหน้าเสีย เร่งใช้พลังประคองอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างตกใจ “ท่านลุงหานอย่าทำเช่นนี้เลย ท่านเป็นบิดาของเฉวี่ยไน่ก็เหมือนผู้หลักผู้ใหญ่ของข้า อย่าได้เกรงใจแล้ว”
หานเจิ้งเทียนพอได้ยินก็ยิ้มร่า พยักหน้าเห็นด้วยหงึกๆ ตอนนี้มันดีใจนัก ยังระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
พอเห็นว่าอีกฝ่ายอารมณ์ดี และท่าทางจะเตรียมหยิบสุราออกมาดื่มฉลองต้วนหลิงเทียนก็ขอตัวลาไปหาหานเฉวี่ยไน่ทันที
ในขณะที่เดินไปตามถนนของคฤหาสน์คลื่นขจี ต้วนหลิงเทียนที่ว่างๆก็หยิบแหวนพื้นที่ของ ฉีจิ้ง ออกมา
ทว่าในขณะที่เขาหยดเลือดลงไปหมายผูกพันธะโลหิตครองแหวน เขาก็พบว่าไม่อาจผูกพันธะได้
และเรื่องนี้หมายความว่าอะไร ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้ดี!
‘นี่มันอะไรกันแน่!? ฉีจิ้งมันยังไม่ตายงั้นเหรอ!?’
สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปมหันต์!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น