War sovereign Soaring The Heavens 1681-1684

 ตอนที่ 1,681 : ยื่นข้อเสนอ


 


ปราณสุริยันแรกกำเนิด เกิดจากปราณแรกกำเนิดขัดเกลาผสานไปกับเพลิงสุริยัน


 


แต่แน่นอนว่าเพลิงสุริยันในปราณแรกกำเนิดของต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ยังไม่ถือว่าเป็นเพลิงสุริยันเที่ยงแท้!


 


เพลิงสุริยันเที่ยงแท้ คือเพลิงสุริยันที่อีกาทองคำ 3 ขาอย่างผู้เฒ่าหั่วชำนาญครั้งยังรุ่งโรจน์ เรียกว่าเป็นเพลิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังในแดนสวรรค์นัก สามารถผลาญเผาได้ทุกสรรพสิ่ง!


 


เมื่อด่านพลังของต้วนหลิงเทียนสูงขึ้น ปราณแรกกำเนิดของเขาก็จะยกระดับพัฒนา และนั่นจะทำให้พลังอำนาจของปราณสุริยันแรกกำเนิดทวีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นเช่นกัน


 


และสุดท้ายวันหนึ่ง มันจะกลายเป็นเพลิงสุริยันเที่ยงแท้!


 


แน่นอนว่าด่านพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนต้องบรรลุถึงขอบเขตหนึ่งเสียก่อน จึงจะก่อเกิดและควบคุมใช้เพลิงสุริยันเที่ยงแท้ได้…


 


ทว่าขอบเขตพลังที่ว่านั้น เป็นขอบเขตพลังที่เหนือล้ำกว่าขอบเขตพลังที่ผู้คนในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าไม่ว่าจะภูมิเบื้องล่างหรือเบื้องบนจะบรรลุถึงได้


 


“ไอ้หนู เจ้ามันรนหาที่ตายนัก!!”


 


ตอนนี้เองเสียงผ่านปราณแรกกำเนิดแฝงโทสะหนึ่ง…พลันดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน! เป็นฉีเสิ่นอาวุโสหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ที่มีโมโหต้วนหลิงเทียนไม่น้อย เพราะต้วนหลิงเทียนกล้าท้าทายไม่ฟังคำมัน ฆ่าคนของมันต่อหน้าต่อตา!


 


แต่เป็นธรรมดาที่มันจะไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ จึงต้องส่งเสียงกล่าวไปแบบนี้


 


ตอนแรกมันคิดให้ศิษย์คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องอย่างฉีผิงฆ่าต้วนหลิงเทียนทิ้งไปเสีย เพราะมันไม่คิดว่าผู้ฝึกตนพเนจรที่อายุไม่ถึง 40 ปี จะเป็นคู่มือของฉีผิงไปได้…


 


แต่ผู้ใดจะไปคิดไปฝันว่าต้วนหลิงเทียนมีพลังฝีมือสูงพอจะฆ่าฉีผิง!


 


ทันทีที่มันตระหนักถึงเรื่องนี้ มันก็รีบเร่งตะโกนกล่าวเตือนฉีผิงให้รีบยอมแพ้ทันที ถึงแม้มันจะต้องอับอายขายหน้าไม่น้อยก็ตาม เพราะมันไม่อยากให้คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องต้องเสียมือดีไปง่ายๆแบบนี้!!


 


จะอย่างไรก่อนหน้านี้มันก็เสียมือดีขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นต้นไปคนนึงแล้ว…


 


นอกจากนี้ทั้งคู่ยังเป็นเซียนขัดเกลาขั้นต้นที่อายุไม่ถึง 50 ปีเพียง 2 คนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!


 


อายุไม่ถึง 50 ปีแต่บรรลุเซียนขัดเกลา ศักยภาพและพรสวรรค์ดังกล่าว นับว่าติดอยู่ใน 5 อัจฉริยะสายเลือดใหม่ของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องแล้ว!


 


อนิจจาสายเลือดใหม่ที่มีคุณค่ากลับต้องมาตกตายไปถึง 2 คน…


 


ฉีเสิ่นย่อมจินตนาการออกได้ ว่าหากกลับไปรายงานผลการประลองครั้งนี้ที่โถงประชุม อาวุโสคนอื่นๆและผู้นำคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะมีโมโหขนาดไหน! และเรื่องนี้มันก็คือผู้ที่ต้องรับผิดชอบ!!


 


อนิจจาแม้ฉีเสิ่นจะถือเป็นตัวตนที่มีอำนาจไม่น้อย ทว่ามันก็ไม่อาจละเมิดกฏได้ และในที่นี้ยังมีเริ่นจงกับหลิวหงกวงอยู่ มันจะลงมือทำอะไรก็ไม่สะดวก…


 


จังหวะนี้หน้าผากของมันอดไม่ได้ที่จะปรากฏเม็ดเหงื่อผุดซึมออกมา


 


เป็นเหงื่อกาฬอันเยียบเย็น!


 


ในขณะที่ฉีเสิ่นชักใบหน้าดุร้ายกล่าวส่งเสียงผ่านปราณแรกกำเนิดถึงต้วนหลิงเทียนอย่างเอาเรื่อง ต้วนหลิงเทียนเพียงหันมามองมันด้วยสายตาเฉยเมย “เจ้าไม่ใช่อาวุโสหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องหรือไง สมองเจ้ามีปัญหาเหรอ…คนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องคิดฆ่าข้าได้ แต่ข้าคิดฆ่ามันบ้างไม่ได้? จึกๆๆ…ยังมาขู่ข้าว่าข้ารนหาที่ตาย หรือที่แท้คนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องไม่สนกฏเกณฑ์อะไรแล้ว…ถ้างั้นจะวางกฏการประลองสุดยอดนักรบไปทำอะไร พวกเจ้าคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องไม่ตัดสิน 10 อันดับด้วยตัวเองไปเลยเล่า?!”


 


วาจาท้ายประโยคของต้วนหลิงเทียน จงใจกล่าวประชดออกมาด้วยเสียงเย้ยหยัน


 


ฉีเสิ่นย่อมไม่คิดฝันว่าต้วนหลิงเทียนจะกล้าแฉคำขู่ของมันออกมาโต้งๆแบบนี้


 


เรียกว่าจังหวะนี้ ทุกสายตาจำต้องหันมามองมันเป็นสายตาเดียวกัน แววตามากมายเต็มไปด้วยโทสะ บ้างก็เย้ยหยัน บ้างก็สมเพช


 


กฏของการประลองสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องระบุไว้แล้ว ว่าจะเป็นหรือตายไม่สน สามารถฆ่าคู่ต่อสู้ได้ไม่ผิด


 


แต่อาวุโสหลักคฤหาสน์ฟ้าลิว่ล่อง กลับส่งเสียงไปข่มขู่ผู้ฝึกตนพเนจร?


 


หรือคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องสามารถฆ่าผู้อื่นได้ฝ่ายเดียว ผู้อื่นไม่มีสิทธิ์ฆ่าคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง?


 


เอาแต่ใจนัก!


 


ผู้ฝึกตนพเนจรทุกคนไม่เว้นจงกู้ต่างมองฉีเสิ่นด้วยสายตาเฉยชา บ้างก็มองเหยียดชัดเจน! หลายคนถึงกับกล่าวประชดแดกดัน ออกมา “เหอะๆ..อาวุโสหลักคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องช่างน่าเลื่อมไสยิ่งนัก ถึงขั้นข่มขู่ผู้ฝึกตนพเนจรเช่นนี้! นับถือ! นับถือ!!”


 


“คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องฆ่าผู้อื่นได้ แต่ผู้อื่นมิได้รับอนุญาตให้ฆ่าคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง?”


 


“เท่าที่ข้าเห็นต่อให้เป็นคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง…แต่เมื่อพลังฝีมืออ่อนด้อยกว่าแม้จะตกตายไปก็สมควรแล้ว! เพราะนี่คือการประลองเฟ้นหาสุดยอดนักรบ ผู้ใดไร้คุณสมบัติก็อย่าได้ลงประลองแต่แรก! กฏในการประลองนั้นชัดเจนนัก ว่าไม่สนว่าจะอยู่หรือตาย…ยามที่คนของพวกมันถูกฆ่า พวกมันก็ทำได้แค่ละอายใจ…ว่าพลังฝีมือคนของตัวเองอ่อนด้อยกว่าผู้อื่นเขา! ไม่ใช่มาข่มขู่ผู้คนเช่นนี้!!”


 


……


 


ตอนนี้ไม่เพียงแต่ผู้ฝึกตนพเนจรจะมองเหยียดฉีเสิ่น กระทั่งขุมพลังอื่นๆ ก็เริ่มมองฉีเสิ่นด้วยสายตาที่แปลกไปจากเดิมไม่น้อย


 


กระทั่งเริ่นจงกับหลิวหงกวงเอง ยังมองฉีเสิ่นด้วยใบหน้าปั้นยาก เพราะการกระทำครั้งนี้ของฉีเสิ่น นับว่าไม่เห็นหัวพวกมันทั้งสองที่เป็นผู้ดูควบคุมการประลองหลักแล้วจริงๆ


 


คนอื่นคิดอ่านอย่างไรฉีเสิ่นสามารถเพิกเฉยได้…


 


ทว่าพอมันสังเกตเห็นสายตาเยียบเย็นของเริ่นจงและหลิวหงกวง มันก็ไร้ทางเลือกอื่นนอกจากสงบจิตสงบใจ มองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยใบหน้าเปี่ยมโทสะ กล่าวออกเสียงดัง “ไอ้หนูเจ้าพล่ามเหลวไหลอันใดของเจ้า!? ข้าไปขู่ข่มว่าเจ้ารนหาที่ตายตั้งแต่เมื่อใด!? อย่าได้คิดใส่ร้ายป้ายสีข้า!!”


 


หลายคนเริ่มย้อนมาหันมองต้วนหลิงเทียนด้วยความสงสัย


 


แต่มีหลายคนที่ยกยิ้มแสยะขึ้นที่มุมปาก พวกมันรู้ดีว่าไหนเลยคนอย่างฉีเสิ่นจะกล้าวยอมรับความผิดของตัวง่ายๆ?


 


“ใส่ร้ายป้ายสี?”


 


ต้วนหลิงเทียนพ่นลมยิ้มเย้ย ใบหน้ายังเต็มไปด้วยความขบขัน หัวเราะออกมาเสียงดังคอยกล่าว “ฮ่าๆๆๆ! ในเมื่ออาวุโสหลักยืนกรานว่าไม่ได้ข่มขู่ข้า..ถ้างั้นพวกเรามากล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์กันสักตั้งดีหรือไม่!?”


 


สำบานต่อทัณฑ์สวรรค์!


 


ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าววาจานี้ออกมาเสียงดังฟังชัดด้วยสีหน้าท่าทางท้าทาย ผู้คนกว่า 9 ใน 10 ส่วนก็เชื่อว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้พูดโกหกคิดใส่ร้ายผู้อื่น! ไม่อย่างนั้นคงไม่กล่าวเสนออะไรแบบนี้ออกมา!!


 


“เจ้าเป็นผู้ใด แล้วข้าฉีเสิ่นเป็นผู้ใด ถึงกล้ากล่าวให้ข้าฉีเสิ่นกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์!”


 


ฉีเสิ่นไม่คิดเลยว่าผู้ฝึกตนพเนจรเบื้องหน้าจะหาญกล้าต่อปากต่อคำกับมันแบบนี้ ถึงขั้นยกคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์ออกมาอ้าง แต่ด้วยความที่ไม่อาจลงมืออะไรได้ มันจึงทำได้แต่มองกล่าวไปด้วยสีหน้าแววตาดุร้าย!!


 


“ไม่กล้าก็แค่บอกไม่กล้า จะพูดเวิ่นเว้ออะไรให้มากความ!!


 


ต้วนหลิงเทียนยิ้มเยาะ


 


“สามหาว!!”


 


ในขณะที่ฉีเสิ่นกำลังหัวร้อนเพราะต้วนหลิงเทียนจนพูดไม่ออก ฉีค่านหลานชายของมันไม่อาจทานทนฟังอยู่เฉยๆได้อีกต่อไป พลันตะคอกออกมาเสียงดัง สีหน้าแต่เดิมที่ไร้แยแสต่อสิ่งใด ตอนนี้ยังกลายเป็นเยียบเย็น!


 


ทว่าต้วนหลิงเทียนไม่เห็นหัวมันแม้แต่น้อย เรียกว่าไม่คิดจะหันไปมองด้วยซ้ำ!


 


กระทั่งปู่เจ้าข้ายังไม่กลัว แล้วข้าต้องกลัวเจ้าด้วย?


 


นี่คือความคิดที่อยู่ในหัวของต้วนหลิงเทียนตอนนี้


 


ความจริงที่ว่าต้วนหลิงเทียนหาญกล้าต่อปากต่อคำกับอาวุโสหลักคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องอย่างฉีเสิ่น ทำให้ผู้ฝึกตนในงานประลองอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความชื่นชมนับถือต้วนหลิงเทียน ที่หาญกล้าทำในสิ่งที่ผู้อื่นไม่กล้ากระทำ ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังเป็นการระบายความแค้นให้พวกมันอย่างดี!!


 


เรียกว่าตอนนี้สายตาของผู้ฝึกตนพเนจรต่างมองต้วนหลิงเทียนด้วยความเลื่อมไส บ้างยังเคารพบูชา ทำราวกับเห็นต้วนหลิงเทียนเป็นแบบอย่างชั่วชีวิต!


 


“เจ้าหนุ่ม เจ้าเรียกว่าอะไรหรือ?”


 


ตอนนี้เองเริ่นจงพลันมองถามต้วนหลิงเทียนออกมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าอ่อนโยน แลดูเป็นกันเองปานคุนตาใจดีข้างบ้าน


 


หากแต่ในแววาตาของมันเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นนัก!


 


การริเริ่มกล่าววาจาของเริ่นจง คล้ายดึงสติหลิวหงกวงให้กลับมาอยู่กับร่องกับรอยทันที และยังกระตุ้นให้มันนึกถึงบางสิ่งได้ออก จึงเร่งหันไปมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มบ้างทันที “เจ้าหนุ่ม ข้ากลับมิเคยได้ยินว่ามียอดคนรุ่นเยาว์เช่นเจ้าในเขตอิทธิพลคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมาก่อนเลย…ข้าสงสัยว่า เจ้ายินดีมาเข้าร่วมกับคฤหาสน์คลื่นคลั่งของข้าหรือไม่?”


 


เปรี๊ยง!!


 


เมื่อหลิวหงกาวงกล่าวจบคำ ผู้คนที่ได้ยินก็รู้สึกเสมือนมีสายฟ้าฟาดผ่าลงมากลางหัว ดั่งหนึ่งหินร่วงหล่นลงสระก่อเกิดพันระลอกคลื่น พาลให้ผู้คนแตกตื่นฮือฮาขึ้นมาทันที


 


อาวุโสลำดับ 2 ของคฤหาสน์คลื่นคลั่ง กลับเชื้อเชิญผู้ฝึกตนพเนจรให้เข้าร่วมโต้งๆเช่นนี้เลย!?


 


แถมยังเชื้อเชิญต่อหน้าต่อตาอาวุโสหลักคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องอย่างฉีเสิ่น!


 


นี่ไม่กริ่งเกรงว่าจะเป็นการหักหน้าคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องบ้างหรือ?!


 


อันที่จริงตัวหลิวหงกวงที่กล่าวเชิญออกมา ก็รู้สึกกดดันในใจไม่น้อย


 


หากแต่พอมันเห็นว่าเริ่นจงริเริ่มกล่าวกับผู้ฝึกตนพเนจรหนุ่มน้อยคนนี้ด้วยท่าทีเป็นมิตร มันก็รู้ดีว่าที่เริ่นจงกล่าวออกด้วยท่าทางสุภาพเป็นกันเองเช่นนั้น คงไม่พ้นคิดเชื้อเชิญชายหนุ่มผู้นี้เข้าร่วมคฤหาสน์ข้ามฟ้าเป็นแน่!!


 


ผู้ฝึกตนพเนจรอัจฉริยะที่ต่อกรกับคนของขุมพลังยักษ์ใหญ่ได้ด้วยวัยเพียงเท่านี้ ย่อมเป็นอะไรที่ล่อตาล่อใจขุมพลังยักษ์ใหญ่นัก!!


 


เช่นเดียวกันกับจงกู้ ผู้ฝึกตนพเนจรที่มีนามกระเดื่องในเขตอิทธิพลหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง นอกจากคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องแล้ว คฤหาสน์ข้ามฟ้าและคฤหาสน์คลื่นคลั่งก็เคยยื่นข้อเสนอให้อีกฝ่ายเช่นกัน อนิจจาอีกฝ่ายไม่เต็มใจจะเข้าร่วม และอีกฝ่ายก็เป็นคนมีชื่อเสียงไม่น้อย 3 ยักษ์ใหญ่จึงไม่อาจทำอะไรได้


 


ทว่ากับต้วนหลิงเทียนนั้นแตกต่างกัน


 


ผู้ฝึกตนพเนจรที่อยู่ๆก็ปรากฏตัวออกมายังไม่ได้มีชื่อเสียงเรียงนามอะไร ยิ่งไปกว่านั้นพรสวรรค์แต่กำเนิดและศักยภาพยังสูงล้ำเสียยิ่งกว่าจงกู้ ตัวตนเช่นนี้คฤหาสน์คลื่นคลั่งต้องการอย่างยิ่ง!!


 


เริ่นจงที่ใจคิดเชื้อเชิญต้วนหลิงเทียน หากแต่มันคิดเริ่มด้วยการตี้ซี้เปิดฉากสนทนาอย่างเป็นกันเอง พอเห็นหลิวหงกวงเปิดประตูเห็นภูผากล่าวชวนต้วนหลิงเทียนออกมาทันทีทันใด มันก็หน้าเสียเร่งกล่าวกับต้วนหลิงเทียนทันที “สหายน้อย คฤหาสน์ข้ามฟ้าของเราก็ยินดีเชื้อเชิญเจ้าให้เข้าร่วมเช่นกัน! ยิ่งไปกว่านั้นตราบใดที่เจ้าเข้าร่วมกับคฤหาสน์ข้ามฟ้าของเรา ไม่เพียงแต่ทรัพยากรบ่มเพาะที่ล้ำค่าทั้งดีที่สุดเท่าที่พวกเราจะหาได้จักถูกประเคนให้เจ้าเต็มที่…พวกเรายังรับประกันว่าเจ้าจักได้เติบโตเต็มศักยภาพอย่างปลอดภัย!!”


 


กล่าวจบคำ เริ่นจงก็หันไปเหลือบมองฉีเสิ่นทันที


 


ที่มันกล่าวออกมาแบบนี้ เจตนาเผยให้เห็นชัดเจนว่าคิดปกป้องคุ้มครองต้วนหลิงเทียนจากเงื้อมมือคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!


 


ในการประลองแบบนี้ คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องแน่นอนว่าไม่อาจลงมือทำอะไรได้ แต่ทว่าหลังจบการประลองเล่า? ผู้ใดจะบอกได้ว่ามันสามารถก่อการอุบาทว์อันใดได้บ้าง?


 


มันเชื่อว่าชายหนุ่มอันเป็นผู้ฝึกตนพเนจรมากพรสวรรค์เบื้องหน้า สมควรตระหนักถึงเรื่องนี้ดี!


 


พอเห็นว่าเริ่นจง รองผู้นำคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเองก็ยื่นข้อเสนออันประเสริฐออกมาให้ต้วนหลิงเทียน เหล่าผู้ชมโดยรอบทั้งหลายถึงกับกระพริบตาปริบๆด้วยความอึ้ง นี่นับว่าสร้างความประหลาดใจให้มันพวกมันครั้งใหญ่แล้วจริงๆ!!


 


“น้องชาย ตราบใดที่เจ้ายินดีเข้าร่วมกับคฤหาสน์คลื่นคลั่ง ผู้ใดหาญกล้าแตะต้องเจ้านับว่าเป็นศัตรูชั่วชีวิตของข้า หลิวหงกวง!!”


 


เมื่อเห็นว่าเริ่นจงเอาผลประโยชน์เข้าล่อ หลิวหงกวงก็ไม่คิดจะยอมแพ้ เร่งกล่าววาจาอย่างสนิทสนมทั้งให้คำมั่นอันน่าเชื่อถือเพื่อรับสมัครผู้คนทันที!!


 


“ฮัยยะ…เป็นอัจฉริยะมันดีเช่นนี้นี่เอง เนื้อตัวคล้ายบุปผายาทิพย์หอมจรุง! มิว่าผู้ใดต่างก็อยากได้ตัว…โชคร้ายที่ข้าเกิดมาด้อยพรสวรรค์ อย่าว่าแต่ขุมพลังชั้น 4 แค่มีขุมพลังชั้น 5 เชื้อเชิญข้าสักครั้ง ถึงต้องตายข้าก็ตายตาหลับแล้ว…”


 


ผู้ฝึกตนพเนจรบางคนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มขื่นขม


 


“เฮ่อ นั่นสิ…พวกเรากระทั่งขุมพลังชั้น 6 ยังไม่แลเหลียว ยังจะไปหวังอะไรกับขุมพลังชั้น 4 ชั้น 5…ไถ่ถามฟ้า เกิดมาล้วนเป็นผู้คนเช่นเดียวกัน ใยถึงได้แตกต่างกันนัก!?”


 


ผู้ฝึกตนพเนจรบางคนก็ได้แต่เหม่อมองฟ้ากว้าง กล่าวออกมาอย่างสะทกสะท้อน


 


เรียกว่าโดยที่ไม่ทันตั้งตัว ต้วนหลิงเทียนที่ถูกอาวุโสทั้ง 2 ของขุมพลังชั้น 4 กล่าวเชิญชวน ก็กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนอีกครั้ง


 


ตอนนี้ทั้งหลายต่างสนใจใคร่รู้นัก ว่าต้วนหลิงเทียนจะตอบสนองเรื่องราวอย่างไร


 


ด้วยพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนและพรสวรรค์อันน่ากลัวนั้น ทั้งหมดรู้ดี ขอเพียงต้วนหลิงเทียนเต็มใจเข้าร่วมขุมพลังใดขุมพลังหนึ่งและกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์ว่าจะไม่คิดคดทรยศ พวกมันต้องทุ่มทุกสิ่งอย่างเพื่อเลี้ยงดูสนับสนุนต้วนหลิงเทียนแน่นอน!!


 


ส่วนฉีเสิ่น ในฐานะอาวุโสหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องตอนนี้ ใบหน้ากลายเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากปานเคี้ยวข้าวถูกแมลงวัน!


 


‘สารเลว! นี่พวกเจ้าจะไม่หน้าด้านไปหน่อยหรือ!?!’


 


เริ่นจงกับหลิวหงกวง กล้ายื่นข้อเสนอกล่าวเชื้อเชิญคนที่สังหารศิษย์คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมันไปเมื่อครู่ต่อหน้ามันจริงๆ? แถมจากวาจาที่ทั้งคู่ให้สัญญาออกมายังบอกชัดว่าจะปกป้องคุ้มครอง ดูแลความปลอดภัยให้?


 


อย่างไรก็ตามแม้ใจจะเจ็บปวดเพียงใด แต่มันก็ทำได้แค่กล้ำกลืนฝืนทน


 


เพราะหากมันยืนอยู่ ณ จุดเดียวกันกับหลิวหงกวงหรือเริ่นจง มันก็คงกระทำเช่นเดียวกัน!


 


ถึงแม้ใจมันจะไม่อยากยอมรับมากเพียงใด แต่มันไม่อาจไม่ยอมรับ…ว่าผู้ฝึกตนที่อายุไม่ถึง 40 ปีคนนี้ มีพรสวรรค์ที่สูงล้ำจนน่าตกใจ!


ตอนที่ 1,682 : เตี๊ยมกัน?


 


หากอีกฝ่ายไม่ได้ฆ่าคนคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องของมัน ตัวมันก็ไม่รังเกียจที่จะเชื้อเชิญและยื่นข้อเสนอให้อีกฝ่ายเข้าร่วมคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเช่นกัน…


 


“ข้าชื่อ ลี่เฟิง”


 


ต้วนหลิงเทียนยิ้มให้เริ่นจงกับหลิวหงกวนก่อน ค่อยกล่าวนามแฝงออกมา แล้วพูดต่อด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณสำหรับน้ำใจรองผู้นำเริ่นและอาวุโสหลิวนัก ที่อุตส่าห์เชิญข้าเข้าร่วมคฤหาสน์ข้ามฟ้าและคลื่นคลั่ง…ทว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับข้า เช่นนั้นแล้วขอให้ท่านทั้งสองให้เวลาข้ากลับไปลองคิดดูก่อนได้หรือไม่…และข้าจะให้คำตอบพวกท่านหลังจบการประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องเป็นอย่างไร?”


 


ลองคิดดูก่อน?


 


วาจานี้ของต้วนหลิงเทียนทำให้สองตาของหลิวหงกวนและเริ่นจงส่องสว่างขึ้นมาทันใด!


 


วาจานี้มีความหมายอย่างไรพวกมันย่อมรู้เป็นธรรมดา!


 


อีกฝ่ายไม่ได้ปฏิเสธพวกมัน!!


 


มีโอกาสแล้ว!!


 


ทันใดนั้นเริ่นจงกับหลิวหงกวงพลันหันหน้ามามองสบตากันทันที ยามนี้คล้ายมีสายฟ้าพุ่งวาบออกมาจากลูกตา ปะทะกันกลางอากาศเปรี๊ยะๆ! ต่างเข้าสู่ภาวะแข่งขันช่วงชิงอย่างที่ไม่มีใครยอมใครแล้ว!!


 


ถึงแม้มีโอกาสที่ต้วนหลิงเทียนจะเข้าร่วมขุมพลังชั้น 4 แต่ทว่าในเมื่อคนมีอยู่คนเดียว…เช่นนั้นหมายความว่าเลือกเข้าได้แค่ขุมพลังเดียว!!


 


ดังนั้นบรรยากาศระหว่างเริ่นจงกับหลิวหงกวง จึงต้องคลุ้งกลิ่นดินปืนขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย


 


แน่นอนว่าพวกมันทั้งคู่ยังรู้ดี ว่าการตัดสินใจสุดท้ายของต้วนหลิงเทียนยังขึ้นอยู่กับ ผลประโยชน์ที่จะได้รับ! ดั่งคำ ‘นกดีเลือกไม้งามทำรัง’ พวกมันเองก็เข้าใจเรื่องนี้ดี!!


 


เช่นนั้นพวกมันจึงเริ่มพิจารณาทันทีว่าสมควรยื่นข้อเสนออันใดให้ลี่เฟิง และให้มากที่สุดได้ถึงขนาดไหน!


 


“ลี่เฟิง…เจ้าไม่ธรรมดาจริงๆ!”


 


หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนลงมือเปิดกางเขตแดน หลวงจีนลายบุปผาเองก็ไม่อาจมองเห็นเรื่องราวด้านในเขตแดนได้เลย นับว่ามันพึ่งเคยพบเคยเจอเขตแดนแปลกประหลาดเช่นนี้เป็นครั้งแรก!


 


ต่อมาเมื่อเขตแดนสลายหายไป กระทั่งคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็คล้ายสาบสูญไปในสวรรค์และโลก มันก็มั่นใจได้ทันที!


 


ลี่เฟิงผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ!


 


ด้านศาลเจ้าชุนหยาง จิ้งชวีจื่อเองก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาคมกล้าเช่นกัน


 


ก่อนหน้านี้มันเองก็สนใจต้วนหลิงเทียน เพราะอีกฝ่ายนั้นยืนอยู่เพียงลำพังไม่กล่าววาจากับใครเหมือนกันกับจงกู้


 


ตอนนี้มันก็ตระหนักได้แล้ว ว่าชายหนุ่มผู้นี้ก็มีพลังฝีมือที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าจงกู้เลย!


 


ด้านจงกู้ก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อน


 


อันที่จริงตอนแรกที่มันเห็นต้วนหลิงเทียนความประทับใจที่มันมีต่อต้วนหลิงเทียนก็นับว่าดีงาม แต่มาตอนนี้พอได้ฟังวาจาที่ต้วนหลิงเทียนกล่าว เผยเจตนาทำนองว่าอาจจะเข้าร่วมขุมพลังชั้น 4 อย่างคฤหาสน์ข้ามฟ้าและคฤหาสน์คลื่นคลั่ง มันก็สิ้นความประทับใจต่อต้วนหลิงเทียนทันที…


 


เพราะมันมองพวกผู้ที่มีอำนาจและอิทธิพลว่าไม่ใช่ตัวดี…


 


หาไม่แล้วมันคงไม่มาเป็นผู้ฝึกตนพเนจรแบบนี้


 


ด้วยพลังฝีมือทั้งศักยภาพพรสวรรค์ของมัน คิดเข้าร่วมขุมพลังชั้น 4 นับว่าเป็นอะไรที่ไม่ใช่ปัญหา! เพียงแค่มันยินดีกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าว่าจะภัคดี ไม่ว่าขุมพลังชั้น 4 ใดก็ยินดีสนับสนุนอุ้มชูมัน!


 


ความในใจของจงกู้ เป็นธรรมดาที่ต้วนหลิงเทียนจะไม่รู้


 


สิ่งที่เขาคิดตอนนี้มีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น ‘ป่านนี้แล้วทำไมฉีจิ้ง นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องยังโผล่หัวมาซะที!’


 


เรียกว่าตอนนี้เวลามันก็ปาเข้าไปเกือบจะเที่ยงวันแล้ว ส่วนตัวเก็งที่ยังไม่ลงประลองก็เห็นจะมีแต่หลวงจีนลายบุปผากับจิ้งชวีจื่อ…


 


‘เห็นว่าฉีจิ้งนั่นมันกระหายอยากเป็นผู้นำคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนักไม่ใช่รึไง…ถ้างั้นมันต้องไม่ยอมพลาดการประลองยอดนักรบแน่…จะช้าจะเร็วยังไงวันนี้มันต้องมา!’


 


คิดถึงจุดนี้ใจต้วนหลิงเทียนจึงพอได้สงบลง


 


หลังจากที่อาศัยบ่มเพาะอยู่ในเขตอิทธิพลหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมาพักหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนย่อมได้ยินข่าวลือมาไม่น้อย ว่าฉีจิ้งมีความทะเยอทะยานสูงนัก ไม่ได้ทำตัวเหลวแหลกไปวันๆอย่างที่คิด


 


ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองหลวงจีนลายบุปผากับจิ้งชวีจื่อด้วยความสงสัย ว่าใครจะขึ้นมาประลองก่อนกัน


 


นอกจาก 2 คนนี้เขาไม่คิดว่าจะมีใครก้าวขึ้นเวทีเพื่อท้าประลองชิงตำแหน่งจ้าวเวทีอีกแล้ว


 


เพราะสุดท้ายแล้วตอนนี้ในบรรดาจ้าวเวทีทั้ง 10 รวมตัวเขาด้วย ก็ไม่มีใครอ่อนแอเลย


 


อย่างไรก็ตามเมื่อมีร่างหนึ่งเหินกายออกมา ก็นับว่าสร้างความประหลาดใจให้ต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง


 


เพราะต้วนหลิงเทียนก็จดจำคนผู้นี้ได้เช่นกัน


 


“ฉีกัง?”


 


ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วขึ้นด้วยสงสัย เพราะเขาไม่คิดว่าฉีกังที่พ่ายแพ้หยินชวีจื่อจะลงประลองอีกครั้ง หากไม่มีอะไรผิดพลาดด่านพลังของฉีกังก็แค่เซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุดเท่านั้น การลงประลองตอนนี้ ย่อมไม่ต่างอะไรกับหาเรื่องเจ็บตัว…


 


“ไฉนฉีกังถึงออกไปประลองอีกแล้วเล่า?”


 


เมื่อเห็นฉีกังปรากร่างออกมา ทุกผู้คนล้วนงงกันเป็นแถบ


 


“ฉีกังนี่มิใช่เซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุดหรือไร ยังแพ้พ่ายให้หยินชวีจื่อมาด้วยซ้ำ…เช่นนั้นหากคิดจะท้าก็ต้องเป็นผู้อื่นที่ไม่ใช่หยินชวีจื่อแล้วล่ะ หาไม่คงได้เจ็บตัวกลับไปอีกรอบ!”


 


หลายคนเริ่มหัวเราะออกมา


 


“ก็นะ ตามกฏแล้วมันสามารถท้าผู้ใดก็ได้นอกจากคนที่มันเคยพ่ายแพ้”


 


บางคนกล่าวเสริม


 


“ถูก แต่อย่างไรเสียคนเรามิใช่สมควรรู้จักการประมาณตนหรือ? มันก็แค่เซียนดั้งเดิมขั้นสูงุสด เห็นได้ชัดว่ามิใช่คู่มือของจ้าวเวทีทั้ง 10 แล้วไฉนมันถึงออกมาอีกรอบ?”


 


หลายคนไม่เข้าใจการกระทำของฉีกัง


 


เริ่นจงกับหลิวหงกวงเองก็ขมวดคิ้ว ด้วยคิดว่าฉีกังเลอะเลือน อยากหาเรื่องเจ็บตัวหรืออย่างไร…


 


ทว่าในขณะที่ทุกคนกำลังสงสัยว่าฉีกังจะท้าทางใคร ร่างของมันก็พุ่งวูบไปถึงเวทีประลองเม็ดหมากเวทีหนึ่ง


 


“เอ่อ…”


 


พอเห็นว่าฉีกังไปหยุดที่เวทีไหน ผู้คนทั้งหลายก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองหน้ากันตาปริบๆ ถึงกับพูดไม่ออกอยู่บ้าง


 


เหตุผลที่ทำให้ทุกคนอึ้งถึงขั้นพูดไม่ออก เพราะเวทีที่ฉีกังเลือกขึ้นไปนั้น มีจ้าวเวทีเป็นฉีค่าน!


 


ฉีค่านยังเป็นหลานชายของผู้อาวุโสหลักคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องอย่างฉีเสิ่นอีกด้วย!


 


“อะไร!? ฉีกังคิดท้าทายฉีค่านงั้นเหรอ!?”


 


หลายคนโพล่งคำออกมาอย่างตกใจ ด้วยไม่อยากจะเชื่อตาตัวเอง


 


หลายคนยังเอื้อมมือไปหยิกต้นขาตัวเองดู เพื่อตรวจสอบว่าพวกมันกำลังฝันไปหรือไม่


 


และความเจ็บจี๊ดที่แล่นขึ้นหัวก็บอกให้รู้ว่าพวกมันไม่ได้ฝันไป


 


ฉีกังที่มีพลังฝึกปรือเซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุดคิดท้าฉีค่าน เซียนขัดเกลาขั้นกลาง?


 


“ฐานะเป็นถึงหลานชายอาวุโสหลัก พลังฝึกปรือก็บรรลุถึงเซียนขัดเกลาขั้นกลาง…แล้วฉีกังคิดอ่านอันใดใยท้าทายตัวตนเช่นนี้ ทั้งๆที่พลังฝีมือมันก็แค่เซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุด? หรือมันมีเรื่องราวบาดหมางอันใดกับฉีค่านหรือไม่?”


 


“ถึงจะมีเรื่องบาดหมางคิดสะสางความแค้น แต่ไหนเลยยังไม่รู้ว่าพลังฝีมือมันสูฉีค่านมิได้ ยังจะล้างแค้นอะไร?”


 


“บางทีแม้มันจะรู้ตัวดีว่าสู้ฉีค่านไม่ได้ แต่ใช่คิดอยากลงมือเพื่อสร้างปัญหาให้ฉีค่านสักนิดหรือไม่?”


 


“อาจเป็นได้”


 


……


 


ต้องกล่าวเลยว่าผู้คนมักชมชอบคิดวิเคราะห์กันไปเอง สุดท้ายก็ลงมติเป็นเอกฉันท์ทั้งๆที่ไม่แน่ใจอะไร


 


“ใช้โอกาสเช่นนี้ สะสางความแค้นความบาดหมางกับฉีค่าน…ฉีกังผู้นี้ต้องเคียดแค้นฉีค่านถึงขนาดไหนกัน? นี่มันไม่กลัวต่อไปจะไม่มีที่ยืนในคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องหรือไร?”


 


หลายคนยังคงส่ายหัวและไม่เห็นด้วย เพราะคิดว่าเรื่องนี้มันเหลวไหลเกินไป


 


ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ด้านต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วขึ้นตั้งแต่เห็นฉีกังเหินร่างไปทางเวทีประลองฉีค่านแล้ว และเมื่อมันลงไปยังเวทีของฉีค่านจริงๆ ยิ้มเย็นชาพลันแสยะออกที่มุมปากของเขาทันที เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าพวกมัน


 


หากฉีกังมันคิดท้าทายฉีค่านจริงๆด้วยเหตุผลไร้สาระพรรค์นั้น สีหน้ามันต้องเคียดแค้นทั้งมีการเตรียมใจอะไรบ้าง


 


ทว่าต้วนหลิงเทียนสังเกตเห็นรอยยิ้มชั่วร้ายของฉีค่าน ไหนเลยยังไม่รู้ได้ว่าพวกมันคิดทำอะไรกัน!


 


และจากสายตาดั่งอสรพิษที่ฉีค่านหันมองมา ใจต้วนหลิงเทียนก็เย็นเยียบลงทันใด


 


‘เตี๊ยมกันโง่ๆอย่างนี้เลย?’


 


ในใจต้วนหลิงเทียนย่อมรู้ดีว่าพวกมันสมรู้ร่วมคิดก่อการขึ้นมาแล้ว


 


และฉากต่อมาก็ทำให้ผู้คนที่ไม่รู้เรื่องราวตกตะลึงพรึงเพริดกันนัก


 


เพราะในสายตาของทุกคนเมื่อฉีกังท้าทายฉีค่าน มิแคล้วต้องถูกทุบตีอนาถแพ้พ่ายไปอย่างไร้หนทางสู้แน่นอน


 


แต่ผลลัพธ์กลับเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายของพวกมันนัก


 


“ข้ายอมแพ้”


 


เสียงเย็นเยียบกล่าวออกห้วนๆของฉีค่าน ทำให้ผู้คนโดยรอบอลหม่านขึ้นมาทันใด


 


มาตอนนี้เอง เริ่นจง หลิวหงกวง และผู้นำขุมพลังชั้น 5 อีกไม่กี่คนก็หยีตาลงทั้งเผยประกายคมกล้า ยังหันมองไปทางต้วนหลิงเทียนทันที คล้ายคาดเดาได้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น


 


“นี่มันเกิดอันใดขึ้นกัน?”


 


ทว่าอย่างไรเสีย ฉากเบื้องหน้าก็ยังเป็นอะไรที่ผู้คนมากมายไม่เข้าใจ


 


“ฉีค่านยอมแพ้งั้นเหรอ? ด้วยด่านพลังเซียนขัดเกลาขั้นกลางเนี่ยนะ?!”


 


หลายคนอดอุทานออกมาไม่ได้


 


“หรือมันคิดใช้วิธีนี้ ดันให้ฉีกังติดอันดับในรายนามยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องกัน?”


 


หลายคนมองไปยังฉีค่านด้วยสายตาแปลกๆ


 


“มันเสียสติไปแล้วรึ! ฉีกังจักอยู่ในรายนามยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องด้วยวิธีต่ำช้าเช่นนี้ได้อย่างไร..ต้องทราบด้วยว่าก่อนหน้ามีเซียนขัดเกลาตั้งขั้นต้นนอกจากหยินชวีจื่อมากมายที่ถูกคัดออกไป…หากฉีกังสมคบคิดกับฉีค่านใช้วิธีพรรค์นี้เข้ามาเป็นจ้าวเวทีหมายติดอยู่ในรายนามยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง ทว่าสุดท้ายมันก็ต้องถูกคนที่แพ้ไปก่อนหน้าท้าชิงมิจบสิ้น!”


 


หลายคนเริ่มกล่าวถกกันหนาหู ทั้งหมดคิดว่าการกระทำนี้ของทั้ง 2 คนออกจะเหลวไหลใหญ่แล้ว


 


ทว่าไม่นานพวกมันก็จำต้องเงียบปาก


 


เพราะพวกมันเห็นัชดถนัดตา ว่าฉีค่านที่ยอมแพ้ไม่ได้เหินร่างกลับไปยังจุดรวมพลของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง หากแต่เหินร่างไปยังเวทีเม็ดหมากเวทีอื่น ก่อนที่จะมาหยุดลงบนเวทีหนึ่ง เห็นได้ชัดว่ามันคิดท้าทายจ้าวเวทีคนนี้!


 


“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง!!”


 


จังหวะนี้หลายคนถึงกับยกมือขึ้นมาตบศีรษะตัวเองดังฉาด เพราะตระหนักได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น “ที่อุตส่าลงทุนกระทำเช่นนี้ ทั้งหมดที่แท้เพื่อให้มีโอกาสท้าประลองลี่เฟิง!!”


 


ลี่เฟิงเป็นนามแฝงของต้วนหลิงเทียน


 


และเขาไม่เพียงแต่ฆ่าคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องไปเท่านั้น ยังกล่าววาจาลามปามกับอาวุโสหลักอย่างฉีเสิ่น แถมเมินเฉยไม่สนใจฉีค่านอีกด้วย


 


พริบตานี้ทุกผู้คนที่ชมดูอยู่ พลันสัมผัสได้ถึงบรรยากาศคลุ้งกลิ่นดินปืนระหว่างต้วนหลิงเทียนกับฉีค่านได้ชัดเจน ทั้งหมดรู้ได้ทันทีว่าฉีค่านอาจไม่ใช่แค่คิดท้าทายเพื่อเอาชนะ แต่อาจถึงขั้นคิดฆ่าต้วนหลิงเทียน!!


 


“ดูเหมือนว่าลี่เฟิงจะทำให้ฉีค่านโกรธแล้วจริงๆ…หาไม่แล้วมันคงไม่ลงทุนทำเช่นนั้นเพื่อมาท้าทายลี่เฟิงเป็นแน่! เพราะอย่างไรเสียหลังจากนี้ก็ต้องได้ประลองกับลี่เฟิงยามจัดอันดับอยู่ดี”


 


บางคนถอนหายใจออกมา


 


“เจ้าลืมคิดไปอย่างหนึ่ง การกระทำครั้งนี้ของฉีค่านนับว่าฉลาดยิ่ง เจ้าอย่าได้ลืมไปว่าหากเข้ารอบ 10 คนไปรอจัดอันดับแล้วจริงๆ ถึงตอนนั้นผู้ดูแลมักลงมือตามเห็นสมควรทันทีมิรอให้ต้องกล่าวยอมแพ้ เพื่อช่วยชีวิตของผู้เข้ารอบ!”


 


บางคนกล่าวแนะเรื่องนี้ออกมา


 


“อาจริงสิ! ข้าลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรกัน…นับว่าตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดหากคิดจะฆ่าคนจริงๆ เพราะ 10 คนที่จะเข้ารอบจัดอันดับยังมิถูกตัดสินชี้ชัด!”


 


หลายคนพลันเข้าใจเรื่องราวทันที


 


เผชิญหน้ากับฉีค่าน ต้วนหลิงเทียนยังคงสงบอย่างที่เคยเป็น เขารู้ว่ามันจะเป็นอีหร็อบนี้ตั้งแต่เห็นฉีค่านเผยยิ้มแสยะตอนฉีกังบินไปหามันแล้ว


 


“เจ้าไม่กลัวหลานชายของเจ้าจะประสบชะตาเดียวกันกับคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเมื่อครู่หรือไง?”


 


ต้วนหลิงเทียนหันไปมองถามฉีเสิ่นออกมาด้วยรอยยิ้มเฉยเมย ในน้ำเสียงยังเผยความมั่นใจในตัวเองอย่างสูง


 


หลังจากได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน กอปรทั้งเห็นความมั่นใจที่ฉายชัดบนใบหน้าของต้วนหลิงเทียน ฉีเสิ่นพลันหน้าเคร่งใจสั่นขึ้นมาทันใด ‘ลี่เฟิงผู้นี้…ไฉนมั่นใจนักเล่า?’



ตอนที่ 1,683 : หยวนปะทุทลายว่างเปล่า


 


พลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกมาก่อนหน้า แม้จะทรงพลังไม่ใช่ชั่ว แต่ในสายตาของฉีเสิ่นก็ยังไม่ได้ดีเด่อะไรมากไปกว่าขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นกลางทั่วไป…


 


ในฐานะที่เป็นยอดฝีมือขอบเขตอริยะเซียน ฉีเสิ่นย่อมมั่นใจในสำนึกเทวะของตัวเอง


 


เช่นนั้นแล้วการลงมือของต้วนหลิงเทียน แม้จะมีความสามารถในการบดบังทัศนิวิสัยของผู้คนภายนอก แต่พลังอำนาจนั้นยังจัดว่าด้อยกว่าหลานชายของมันอย่างฉีค่าน


 


ด้วยเหตุนี้มันจึงตัดสินใจสนับสนุนฉีค่านที่คิดท้าทายต้วนหลิงเทียน


 


ด้านฉีค่านตั้งแต่เห็นต้วนหลิงเทียนกล้าลามปามสามหาวกับปู่ของมัน อีกฝ่ายก็สมควรตายแล้ว! ยิ่งพอเห็นต้วนหลิงเทียนทำเป็นไม่เห็นหัวมันอีก ใจมันจึงอดไม่ได้ที่จะมีโทสะขึ้นมาอย่างยากระงับ!!


 


อย่างไรก็ตามด้านฉีเสิ่นกลับเริ่มลังเลขึ้นมา เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางเปี่ยมความมั่นใจของต้วนหลิงเทียน


 


หรือต้วนหลิงเทียนมั่นใจจริงๆว่าสามารถเอาชนะหลานชายของมันได้?


 


จังหวะนี้ในใจของฉีเสิ่นคล้ายจะเต็มไปด้วยหมอกควัน ช่างเป็นอะไรที่ขุ่นมัวนัก!


 


“เจ้าคิดว่าอาศัยพลังฝีมือของเจ้าสามารถฆ่าข้าได้?”


 


เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนยังกล้ากล่าววาจาเช่นนี้ออกมา ฉีค่านยิ่งมีน้ำโหนัก ในแววตาพลันเต็มไปด้วยจิตสังหาร ปานจะกลืนกินเลือดเนื้อผุ้คน! ถามออกมาเสียงเหี้ยม!


 


แม้เห็นว่าฉีค่านเองก็มั่นใจในพลังฝีมือของตัวเอง แต่ใจฉีเสิ่นย่อมรู้สึกหนักอึ้งไม่น้อยเมื่อเห็นความมั่นใจอย่างประหลาดของต้วนหลิงเทียน สุดท้ายมันก็ส่งเสียงผ่านปราณแรกกำเนิดไปกำชับฉีค่านทันที “ค่านเอ๋อ…ปู่เชื่อในพลังฝีมือของเจ้า แต่ลี่เฟิงผู้นี้แปลกประหลาดนัก ปู่กลัวว่ามันยังซุกซ่อนพลังฝีมือย่อยไว้ หากเรื่องราวเกิดผิดท่าขึ้นมาเจ้าต้องรีบกล่าวยอมแพ้ทันทีเข้าใจหรือไม่!”


 


“อย่าได้ฝืนสู้อย่างดื้อรั้นด้วยกลัวเสียหน้าอันใดเด็ดขาด…เพราะชื่อเสียงอันใดล้วนไร้สำคัญหากเทียบกับชีวิตเจ้า!!”


 


ฉีเสิ่นกล่าวกำชับฉีค่านอย่างจริงจัง


 


เมื่อได้ยินวาจากำชับนี้จากปู่ ฉีค่านเองก็แปลกใจไม่น้อย ถึงแม้มันจะคิดว่าปู่ของมันตีตนไปก่อนไข้ แต่มันก็ยังเห็นด้วย รับปากไปอย่างเชื่อฟัง “ขอท่านปู่วางใจ ข้าฟังท่าน”


 


“ฉีค่าน ท้าลี่เฟิงแล้ว!!”


 


ตอนนี้เองผู้ชมโดยรอบล้วนตาเป็นประกายทั้งสิ้น จ้าวเวทีทั้งหลายเองก็หันขวับมาจับจ้องชมมองเรื่องราวอย่างสนใจ ในสายตาของพวกมัน การประมือที่กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างทั้งสอง ต้องน่าตื่นตาตื่นใจแน่!


 


จังหวะนี้พวกมันไม่แม้แต่จะกระพริบตา!


 


“ถึงแม้พลังฝีมือลี่เฟิงจักมิใช่ชั่ว แต่น่ากลัวยังอ่อนด้อยกว่าฉีค่านอยู่ 3 ส่วน…”


 


หลายคนเริ่มกระซิบออกมา


 


ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะลงมือสังหารฉีผิงคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ที่มีพลังฝึกปรือเซียนขัดเกลาขั้นต้น เปิดเผยพลังฝีมือเซียนขัดเกลาขั้นกลางออกมา แต่ฉีผิงนั่นจะอย่างไรก็ไม่อาจเทียบฉีค่านได้เลย


 


ฉีค่านเองก็ลำบากแค่สะบัดมือเท่านั้นหากคิดฆ่าฉีผิง!


 


ฉีผิงนั่นจะอย่างไรก็พึ่งทะลวงมาถึงขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นต้น พลังฝีมือของมันนับว่าต่ำชั้นที่สุดในบรรดาเซียนขัดเกลาขั้นต้น


 


แม้กระทั่งหยินชวีจื่อที่มีพลังฝึกปรือเซียนขัดเกลาขั้นต้นเหมือนมัน คิดฆ่ามันก็ไม่ยากเย็นอะไร น่ากลัวจะไม่ถึง 10 กระบวนท่าด้วยซ้ำ!


 


ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะกล่าวกับฉีเสิ่นด้วยความมั่นใจ ราวสามารถฆ่าฉีค่านได้ แต่การประมือกับฉีค่านจริงๆนั้น เรื่องราวย่อมไม่ง่ายดายเหมือนกล่าวคำแล้ว…


 


‘ลี่เฟิง!’


 


หลวงจีนลายบุปผาจับจ้องไปยังร่างของต้วนหลิงเทียนเขม็งกล่าวพึมพำในใจ ‘เจ้าจักเอาชนะฉีค่านได้หรือไม่?’


 


จิ้งชวีจื่อ จงกู้ และคนอื่นๆเองก็เฝ้าจับตาดูต้วนหลิงเทียนเช่นกัน


 


การประลองครั้งนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสมควรเป็นการประลองนัดที่น่าตื่นตาตื่นใจมากที่สุด ก่อนที่จะเข้าสู่การประลองจัดอันดับยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องที่แท้จริง!


 


ถึงแม้ว่าตอนนี้หลวงจีนลายบุปผากับจิ้งชวีจื่อจงยังไม่ลงมือ แต่จากพลังฝีมือพวกมันก็เสมือนถูกกำหนดให้ติดอันดับในรายนามยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องอยู่แล้ว เช่นนั้นพวกมันจึงไม่ได้รีบอะไร…


 


ตอนนี้ต้วนหลิงเทียน กับฉีค่านกำลังจะประมือกัน ทุกผู้คนย่อมตั้งหน้าตั้งตารอดูชม!!


 


“อะไร? หรือเจ้าคิดว่าข้าอ่อนด้อยมากเหรอ?”


 


หลังได้ยินคำถามของฉีค่าน ต้วนหลิงเทียนก็หันกลับมามองฉีค่าน ก่อนที่จะกล่าวออกด้วยรอยยิ้มบางๆ


 


เมื่อเห็นทีท่าสงบปานเมฆคล้อยลมเคลื่อนของต้วนหลิงเทียน สีหน้าฉีค่านก็มืดดำลงทันใด


 


ลี่เฟิงผู้นี้ กระทั่งตอนนี้ยังสงบอยู่ได้! เห็นชัดว่าอีกฝ่ายดูถูกมัน!!


 


“ตายเสีย!”


 


แค่นเสียงเย็นออกมาคำหนึ่ง ฉีค่านพลันลงมือทันใด ร่างมันไหววูบกระโจนมาปานเหยี่ยวดำ! พุ่งทะยานเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนด้วยอำมหิต!!


 


โผบินผ่านที่ใด อากาศล้วนสะเทือนเลือนลั่น!


 


และทันใดนั้นเองร่างฉีค่านเพียงสั่นไหววูบหนึ่ง มวลปราณแรกกำเนิดพลันปะทุออกมหาศาล คลื่นพลังไร้สภาพขุมหนึ่งแผ่กำจายออกไปทั่วอาณาบริเวณ มันเปิดใช้เขตแดนแล้ว!


 


และทันทีที่เขตแดนของมันก่อตัวขึ้น มันก็ยกมือขวาและซ้ายขึ้นมาราวกับจะประกบกัน ทันใดนั้นเองปรากฏมวลพลังงานที่ควบรวมจากปราณแรกกำเนิดทรงกลมแลดูน่ากลัวขึ้นลูกหนึ่งผุดขึ้นบริเวณใจลางระหว่างฝ่ามือทั้ง 2! บอลพลังยังปลดปล่อยอำนาจดูดรั้งอันบ้าคลั่งออกมา!!


 


สนามพลังรอบกายฉีค่านสะท้านสะเทือนไปทันใด มวลพลังจากทั่วสารทิศในเขตแดนเริ่มหลั่งไหลเข้ามาควบรวมอัดแน่นลงสู่บอลพลังทรงกลม! จนตอนนี้มันเริ่มเปล่งแสงเจิดจ้าออกมาปานดวงอาทิตย์!!


 


แน่นอนว่าในขณะที่ดูดรั้งมวลพลังจากเขตแดนมาควบรวมผนึก ปราณแรกกำเนิดทั่วร่างฉีค่านเองก็ถูกถ่ายทอดไปบีบอัดลงในบอลพลังดังกล่าวเช่นกัน!!


 


อาจกล่าวได้ว่า บอลพลังในมือของฉีค่านลูกนี้ มันบีบอัดไว้ด้วยพลังทั้งหมดที่ฉีค่านมี!!


 


เมื่อยิงแล้ว ไม่มีการออมรั้งยั้งมือ!!


 


มองจากใบหน้าจริงจังของต้วนหลิงเทียน ถึงแม้ว่าเขาจะยังมั่นใจแต่ก็ไม่คิดประมาทแม้แต่น้อย


 


จากวินาทีที่ร่างฉีค่านโจนทะยานมาปานเหยี่ยวดำเปิดใช้เขตแดน จนยกมือขึ้นมาควบรวมสร้างบอลพลังอันน่ากลัวนั่น เวลายังพึ่งผ่านไปเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น


 


“นั่นมัน…หยวนปะทุทลายว่างเปล่า!?”


 


เริ่นจงพลันหยีตากล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ!


 


หยวนปะทุทลายว่างเปล่า เป็นวรยุทธ์เซียนระดับปฐพีโดดเด่นสายจู่โจมวรยุทธ์หนึ่ง และเมื่อเริ่นจงเห็นฉีค่านใช้ออก… จากระดับพลังทั้งเวลาในการควบรวมมันก็ตระนักได้ทันที ว่าขั้นตอนความสำเร็จของฉีค่านน่ากลัวจะบรรลุถึงขั้นสูงสุด…ไร้ตำหนิแล้ว!


 


เพราะมีเพียงฝึกฝน ‘หยวนปะทุทลายว่างเปล่า’ จนบรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิแล้วเท่านั้น ถึงจะสามารถควบรวมบีบอัดมวลพลังมหาศาลขนาดนี้ได้ในเวลาเพียงชั่วพริบตา!!


 


“หยวนปะทุทลายว่างเปล่า…”


 


เมื่อเห็นฉากนี้สีหน้าของหลิวหงกวงก็เปลี่ยนไปเช่นกัน มันย่อมจดจำ ‘หยวนปะทุทลายว่างเปล่า’ ได้เช่นกัน! และรู้ดีว่านั่นคือ 1 ในวรยุทธ์เซียนสายจู่โจมที่ทรงอานุภาพทำลายล้างมากที่สุดใน บรรดาวรยุทธ์เซียนระดับปฐพีโดดเด่นที่คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมี!


 


และในฐานะยอดฝีมือขอบเขตอริยะเซียน ไหนเลยหลิวหงกวงจะมองไม่ออก ว่าฉีค่านได้ฝึกฝนหยวนปะทุทลายว่างเปล่าจนบรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิแล้ว!


 


“สหายน้อย/น้องชาย ลี่เฟิง ระวังตัวให้มาก! นั่นคือหยวนปะทุทลายว่างเปล่า! ในแง่พลังทำลายมันนับว่าติด 1 ใน 3 วรยุทธ์เซียนสายจู่โจมระดับปฐพีโดดเด่นที่ร้ายกาจที่สุดของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง! ทั้งจากการควบรวมพลังในชั่วพริบตา รวมถึงกลิ่นอายพลังทำลายที่เผยออก น่ากลัวฉีค่านจะฝึกฝนจนบรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิแล้ว!!”


 


ทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียนพลันได้ยินเสียงดังขึ้นในหู 2 เสียงแทบจะพร้อมเพรียงกัน


 


เสียงทั้ง 2 ไม่เพียงจะดังพร้อมเพรียง เนื้อหายังเหมือนกันแทบทุกประการอย่างน่าอัศจรรย์!


 


เขาย่อมจดจำได้ทันทีว่าเสียงที่ดังในหูทั้ง 2 เสียง…เป็นเสียงเริ่นจงกับหลิวหงกวง! แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าไฉนทั้งคู่ต้องกล่าวเตือนเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นเพราะทั้งคู่คิดเอาชนะใจเขาแน่นอน เพื่อให้เขาประทับใจและตัดสินใจเข้าร่วมขุมพลังของตัวหลังจบการประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง..


 


เขาได้กล่าวออกไปแล้วว่าจะพิจารณาและตัดสินใจให้คำตอบว่าจะเข้าร่วมขุมพลังหรือไม่หลังจบการประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง


 


เขาไม่ได้คิดปฏิเสธคำเชิญของคฤหาสน์ข้ามฟ้าและคฤหาสน์คลื่นคลั่งแต่อย่างไร ด้วยความที่ไร้เรื่องราวบาดหมางกับทั้ง 2 ขุมพลัง อีกทั้งๆ 2 ขุมพลังนั่นยังเป็นขุมพลังชั้น 4 ที่มีทรัพยากรพร้อมพรั่ง! เขาก็ไม่มีอะไรจะเสียหากเข้าร่วมขุมพลังของพวกมัน แน่นอนว่านี่ยังขึ้นอยู่กับเงื่อนไขสุดท้ายว่าสามารถรับได้หรือไม่…!


 


“ขอบคุณพวกท่านที่กล่าวเตือน”


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวขอบคุณด้วยเสียงผ่านปราณสุริยันแรกกำเนิด สองตาของเขายังจับจ้องยังฉีค่านที่พุ่งเข้ามาฉับไวอย่างไม่วางตา ‘หยวนปะทุทลายว่างเปล่า วรยุทธ์เซียนระดับปฐพีโดดเด่นสายจู่โจมที่ติด 1 ใน 3 ของวรยุทธ์เซียนระดับปฐพีโดดเด่นสายจู่โจมที่คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมีงั้นเหรอ…แถมฉีค่านฝึกจนบรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิแล้ว เช่นนั้นพลังทำลายคงไม่ใช่ชั่วสินะ…’


 


เมื่อคิดถึงจุดนี้ ทั่วร่างของต้วนหลิงเทียนพลันปรากฏปราณสิรุยันแรกกำเนิดสีทองสว่างไสวออกมาปกคลุมท่วมร่างอีกครา


 


และทันใดนั้นเองมวลพลังพลันก่อเกิดเขตแดนอย่างฉับไว อาณาบริเวณทรงกลมกินรัศมี 100 หมี่โดยมีต้วนหลิงเทียนเป็นจุดศูนย์กลาง กลับกลายเป็นสว่างเจิดจ้าปานมหาสมุทรทอคำอีกครา ยากจะแลเห็นสิ่งใดในนั้น!


 


และภายในเขตแดนสีทองดังกล่าว กระบี่พลังนับหมื่นเล่มพลันผุดโผล่ขึ้นมาจากความว่าง!


 


เขตแดนหมื่นกระบี่!


 


และแทบจะพร้อมกันกับที่ต้วนหลิงเทียนเปิดใช้เขตแดนหมื่นกระบี่ ทั่วกายภายใต้ชุดคลุมของเขา ยังปรากฏมวลพลังมหาศาลขุมหนึ่งฉาบคลุมไว้ทั่วร่าง กล้ามเนื้อยังขยายใหญ่ขึ้น หากแต่ยากที่ใครจะสังเกตุเห็นเพราะถูกชุดคลุมบดบัง!


 


เกรงว่าหากต้วนหลิงเทียนถอดชุดคลุมออกมา ผู้คนคงได้ตกใจกับกล้ามเนื้ออันสมบูรณ์แบบ ทั้งไอพลังโปร่งแสงที่ฉาบเคลือบไปทั่วกายของต้วนหลิงเทียนนั่นแน่! เพราะนั่นคือพลังดิบเถื่อนอันแข็งแกร่งจนก่อลักษณ์พลังล้นเอ่อออกมาเคลือบผิว!!


 


โดยทั่วไปแล้วพลังดิบเถื่อนที่มหาศาลจนก่อเกิดเป็นม่านพลังคลุมกายเช่นนี้ จะปรากฏก็แต่ในสัตว์เซียนหรือสัตว์ร้ายที่มีพลังดิบเถื่อนอันน่าสะพรึงกลัวเท่านั้น!!


 


ทว่าตอนนี้มันกลับปรากฏขึ้นบนร่างของต้วนหลิงเทียนเช่นกัน!


 


เพราะร่างกายของเขานั้นได้ถูกเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติชำระขัดเกลา ผ่านกระบวนการเปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูก รวมถึงยังดูดซับแก่นแท้โลหิตของมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บ ที่เป็นถึงมังกรทมิฬในตำนานไปอีก นั่นทำให้ร่างกายทั้งเลือดเนื้อของเขากลายเป็นอะไรที่แข็งแกร่งเหนือกว่ามังกรเทพยาดา 6 กรงเล็บไปแล้ว…!


 


แน่นอนว่าในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าไม่มีมังกรเทพยาดา 6 กรงเล็บ เพียงมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บก็แข็งแกร่งที่สุดแล้ว..


 


ส่วนมังกรเทพยาดา 6 กรงเล็บนั้น เคยปรากฏขึ้นในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าไม่กี่ครั้ง แม้ตอนนี้อาจจะยังมีหลงเหลือ แต่นับว่ามีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย…


 


สำหรับมังกรเทพยาดา 7 กรงเล็บนั้น น่ากลัวว่าจะหลงเหลือแต่ในตำนานปรัมปรา และนั่นเป็นมังกรเทพยาดาที่ผู้คนกล่าวขานกันว่าแข็งแกร่งที่สุด!


 


แน่นอนว่าจากที่ต้วนหลิงเทียนได้ยินผู้เฒ่าหั่วเล่ามา เขาก็พอรู้มาว่ามังกรเทพยาดา 7 กรงเล็บ รวมถึงมังกรเทพยาดา 8 กรงเล็บเพียงปรากฏแต่ในแดนสวรรค์เท่านั้น แน่นอนว่ากระทั่งในแดนสวรรค์ก็พบพานได้ยากเย็น


 


ส่วนมังกรเทพยาดา 9 กรงเล็บนั้น น่ากลัวว่าว่ายตามองไปทั่วแดนสวรรค์ทั้ง 81 แดน คงมีหลงเหลืออยู่เพียงตัวเดียวเท่านั้น และนั่นคือบรรพบุรุษของเผ่าพันธุ์มังกร…ยิ่งหลง 9 กรงเล็บ!


(มังกรปีก 9 กรงเล็บ)


 


ยิ่งหลง 9 กรงเล็บ หรือที่รู้จักกันดีในนาม มังกรบรรพบุรุษ 9 กรงเล็บนั้น เป็นตัวตนที่ยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของแดนสวรรค์ พลังอำนาจเรียกว่าสูงล้ำทัดเทียมกับจักรพรรดิสวรรค์ที่ปกครองแดนสวรรค์! กระทั่งอันที่จริงยังมีพลังอำนาจเหนือกว่าจักรพรรดิสวรรค์บางคนเสียอีก!!


 


ซู่มมม!!


 


เมื่อบอลพลังที่อัดแน่นไปด้วยปราณแรกกำเนิดของฉีค่าน ควบรวมอัดแน่นไว้ด้วยพลังทั้งหมดที่มันมีแล้ว ตอนนี้สภาวะร่างของมันนับว่าพุ่งมาเกรี้ยวกราด ประหนึ่งอุกกาบาตถล่มฟ้า!!


 


เมื่อเขตแดนของมันกับเขตแดนของต้วนหลิงเทียน มันก็ผลัก 2 มือออกไปทันใด!!


 


ทันใดนั้นบอลพลังปราณที่ควบรวมไปด้วยมวลพลังชั่วชีวิต ก็พุ่งยิงออกมาปานดาวหาง! ความว่างสะท้านสะเทือนปานจะปริแตก! ผู้คนเห็นเป็นเพียงเส้นแสงหนึ่งที่พุ่งวาบผ่านฟ้าจี้ตรงเข้าหาต้วนหลิงเทียนอย่างน่ากลัว และพริบตาก็ใกล้ถึงตัวต้วนหลิงเทียนแล้ว!


 


หากจะถามว่าไฉนมันถึงกล้าผลักบอลพลังออกไป…หากเขตแดนของต้วนหลิงเทียนส่องสว่างจนยากแลเห็นล่ะก็


 


นั่นเป็นเพราะในช่วงเวลาเดียวกันกับที่เขตแดนของต้วนหลิงเทียนทับซ้อนกับเขตแดนของฉีค่านนั้น ด้านต้วนหลิงเทียนก็ลงมือเช่นกัน และการลงมือครั้งนี้ของเขา…ในสายตาคนอื่นยังเหมือนเขาสลายเขตแดนของตัวเองทิ้ง!


 


ทว่าพริบตาที่เขตแดนของเขาหายไปดั่งสลายทิ้ง กลับมีไอพลังคมกล้าน่ากลัวขุมหนึ่งปรากฏขึ้นในบรรยากาศอย่างไม่ทราบสาเหตุ!!


 


“นี่มันเรื่องอันใดกัน!?”


 


ฉากเรื่องราวเบื้องหน้าทำให้ผู้คนงุนงงไม่เข้าใจแล้วจริงๆ บางคนคิดว่าใช้เพราะเขตแดนต้วนหลิงเทียนอ่อนด้อยกว่าเขตแดนของฉีค่านหรือไม่ เพียงทับซ้อนกันก็สลายหายไปเช่นกัน


 


แต่ไม่นานพวกมันก็รับทราบ ว่าพวกมันคิดผิด!


 


เพราะเขตแดนประหลาดยากจะมองเห็นเรื่องราวภายในของต้วนหลิงเทียนนั้น เสมือนกลับกลายเป็นกระบี่พลังมีสภาพสีทองใต้ฝ่าเท้าของเขา!!


 


กระบี่พลังสีทองมีสภาพที่ว่า ดูท่าจะควบรวมก่อเกิดจากเขตแดนของต้วนหลิงเทียนไม่ผิดแน่ แถมความเร็วในการควบรวมปรากฏ…ยังรวดเร็วเสียยิ่งกว่าบอลพลังทำลายล้างจากวรยุทธ์เซียน ‘หยวนปะทุทลายว่างเปล่า’ ของฉีค่านเสียอีก!!


 


“ไป!!”


 


ทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนพลันพ่นคำออกมาคำหนึ่ง!


 


และทันทีที่กล่าวจบคำ กระบี่พลังมีสภาพสีทองใต้ฝ่าเท้าก็ปะทุพลังน่ากลัวร้ายกาจออกมาสะท้านใจผู้ชม ตัวกระบี่ส่องสว่างเจิดจ้าไปด้วยแสงสีทองปานตะวันกลางหาว! พาลให้ผู้คนที่ชมดูอยู่อดไม่ได้จำต้องยกมือป้องบังดวงตากันอีกรอบ!!



ตอนที่ 1,684 : ลี่เฟิงยังไม่ตาย?


 


พร้อมกันกับที่ประกายแสงสีทองส่องสว่างออกมาพร่างพราว กระบี่บินใต้เท้าต้วนหลิงเทียนก็พุ่งวาบออกไปด้วยความเร็วสูงล้ำ!


 


ทันทีที่ใจต้วนหลิงเทียนคิด กระบี่ก็เหินบินออกไปด้วยความเร็วสูงล้ำ! ยังผสานไว้ด้วยพลังอำนาจลี้ลับประการหนึ่งจากเคล็ด กระบี่สัมพันธ์จิตใจ แน่นอนว่านี่ยังเป็นเพียงขั้นที่ 1 ของ ยอดใจกระบี่เท่านั้น


 


ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยังไม่อาจเข้าใจขอบเขตที่ 2 ของยอดใจกระบี่อย่าง เงากระบี่สัมพันธ์ใจ ได้…


 


อย่างไรก็ตามกระบี่ที่จู่โจมออกครั้งนี้ของต้วนหลิงเทียน ก็มิได้ธรรมดาสามัญแต่อย่างใด! อานุภาพของมันเทียบได้กับวรยุทธ์เซียนระดับปฐพีโดดเด่น ที่ฝึกฝนจนบรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิ!


 


อย่างไรก็ตาม อำนาจพลังจากเคล็ดกระบี่อย่างเดียว…ยังนับว่าอ่อนด้อยกว่าพลังทำลายของ หยวนปะทุทลายว่างเปล่า อยู่บ้าง…


 


แต่นั่นเพราะอำนาจพลังจากเคล็ดกระบี่อย่างเดียวเท่านั้น ทว่ากระบี่นี้ของต้วนหลิงเทียนยังมีพลังดิบเถื่อนอันน่าสะพรึงกลัวที่อัดแน่นอยู่ในนั้น! ทำให้พลังอำนาจทำลายของกระบี่นี้ไม่ใช่อะไรที่หยวนปะทุทลายว่างเปล่าจะเทียบได้เลย!!


 


เป็นธรรมดาที่เรื่องนี้จะไม่มีผู้ใดล่วงรู้


 


“ลี่เฟิงนั่น มันควบรวมกระบี่อย่างกุลีกุจอแล้วเร่งซัดออกไปเช่นนั้น…จักควบรวมพลังได้สักเท่าไหร่เชียว เผลอๆปราณแรกกำเนิดยังจ่ายผนึกไปมิถึง 3 ส่วนด้วยซ้ำ! โง่เขลานัก!!”


 


ฉีเสิ่นแสยะยิ้มออกมาด้วยความเย้ยหยัน


 


ในฐานะที่มันเป็นถึงตัวตนขอบเขตพลังอริยะเซียน ความนึกคิดมันย่อมไม่เหมือนผู้คนด้อยพลัง ในสายตาของมัน ต้วนหลิงเทียนเร่งรีบลงมือเช่นนี้ ยากนักที่จะผนึกควบรวมพลังอะไรได้มาก ไม่มีทางลงมือได้เต็มกำลังเด็ดขาด!


 


และไม่เพียงแต่ฉีเสิ่นเท่านั้น กระทั่งเริ่นจง และหลิวหงกวง รวมถึงคนอื่นๆที่มีพลังฝึกปรือสูงหน่อยก็คิดเห็นไม่ต่าง


 


อย่างไรก็ตามให้พวกมันขบคิดจนหัวระเบิด พวกมันก็ไม่มีวันล่วงรู้เลยว่าต้วนหลิงเทียนสามารถทะลวงเปิดจุดชีพจรเซียนได้ถึง 99 จุดเส้นสายชีพจร! เช่นนั้นแล้วเวลาที่ต้องใช้ในการควบรวมปราณจึงสั้นอย่างน่าตื่นตระหนก!!


 


ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า เพียงทะลวงเปิดได้ 81 จุดชีพจรเซียนก็นับเป็นความสำเร็จเลิศล้ำฟ้าประทานแล้ว


 


กระทั่งมองผ่านตลอดทั้งประวัติศาสตร์ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ผู้ที่ทะลวงเปิดจุดชีพจรเซียนได้ถึง 81 จุดก็นับได้ด้วยนิ้วมือข้างเดียวเท่านั้น!


 


ทว่าต้วนหลิงเทียนยังเหนือกว่าพวกมันมาก!


 


ชีพจรเซียน 99 จุดนี่ สามารถจ่ายส่งปราณแรกกำเนิดมาควบรวมได้เร็วกว่า ฉีค่านไม่ต่ำกว่า 2 เท่า!


 


ด้วยเหตุนี้แม้ต้วนหลิงเทียนจะลงมือทีหลังให้ฉีค่านเผยกระบวนก่อน เขาก็มั่นใจว่าจะสามารถต้านทานมันได้ไม่ยากเย็น!


 


นี่เป็นความมั่นใจในตัวเองของต้วนหลิงเทียน


 


ชีพจรเซียน 99 จุด เป็นสิ่งที่สร้างความมั่นใจนี้ให้เขา


 


และเพราะเหตุผลเดียวกันนี้เอง ทำให้เขตแดนของต้วนหลิงเทียนสามารถควบรวมก่อเกิดได้ไวกว่าผู้อื่น


 


ครืนนน!!


 


ฉีค่านซัดบอลพลังทำลายล้างจากวรยุทธ์เซียนหยวนปะทุทลายว่างเปล่าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างอำมหิต มวลพลังทรงกลมพุ่งแหวกอากาศมาอย่างสะท้านสะเทือน!


 


ตราบใดที่มันบรรลุถึงตัวต้วนหลิงเทียน หรือปะทะเข้ากับปราณแรกกำเนิดของต้วนหลิงเทียน่ละก็ มันจะระเบิดออก ปลดปล่อยพลังทำลายล้างมหาศาลจากปราณแรกกำเนิดทั้งร่างและเขตแดนที่อัดแน่นเอาไว้ออกมาทันที!


 


แน่นอนว่าต่อให้ต้วนหลิงเทียนเลือกที่จะหลบหนี ทว่าบอลพลังนี้ก็สามารถติดตามไปทำลายล้างต้วนหลิงเทียนได้ไม่ยากเย็น เพราะฉีค่านใช้สำนึกเทวะเป็นตัวกำหนดเป้าหมาย!


 


ซู่ม!


 


กระบี่เล่มเขื่องสีทองพุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วสูงล้ำ ไม่ได้ด้อยไปกว่าบอลพลังทำลายล้างของฉีค่านแม้แต่น้อย!


 


กระทั่งยังรวดเร็วกว่าด้วยซ้ำ!


 


และเป้าหมายของกระบี่ก็คือ บอลพลังจากเคล็ดวรยุทธ์ หยวนปะทะทลายว่างเปล่านั่น!


 


อย่างไรก็ตามแม้กระบี่บินสีทองนี้จะบรรลุความเร็วอัศจรรย์ แต่ฉีเสิ่น เริ่นจงและหลิวหงกวงก็ไม่มีใครดูดีอะไร เพราะต่างคิดว่าพลังงานที่ควบรวมในกระบี่คงยากจะเปรียบเทียบกับบอลพลังของฉีค่านได้


 


ยิ่งไปกว่านั้นแม้มันจะพุ่งไปปะทะกับบอลพลังทำลายล้างจาก หยวนปะทุทลายว่างเปล่า แต่น่ากลัวว่าคงต้องถูกบอลพลังป่นทำลายอย่างไร้ต้านทาน หลังจากนั้นบอลพลังก็คงพุ่งเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนต่อ…


 


ทันทีที่บรรลุถึงต้วนหลิงเทียน บอลพลังก็จะระเบิดออก ปลดปล่อยอำนาจมหาศาลทำลายทุกสิ่งในรัศมี…


 


กระบี่สีทองกับบอลพลังเข้าใกล้กัน จนเจียนปะทะอยู่รอมร่อ!


 


อันที่จริงก่อนที่ทั้ง 2 จะปะทะกัน สนามพลังจากกระบี่และบอลพลังทำลายล้างนั่น ก็กำจายออกมาปะทะทำลายกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า พาลให้ความว่างเปล่าโดยรอบสั่นสะท้านปานจะแตกระเบิดได้ทุกเวลา


 


พริบตากระบี่สีทองกับบอลพลังก็ห่างกันเพียงคืบ!


 


กาลเวลาคล้ายจะหยุดลง


 


เปรี๊ยง!!


 


เสียงสนั่นปานฟ้าระเบิดดังกึกก้องออกไปทั่ว


 


ตอนนี้ฟ้าดินยังท่วมท้นไปด้วยแสงสว่างจากการระเบิด สรรพสิ่งถูกย้อมให้ขาวโพลนจนยากจะมองเห็น!


 


อีกทั้งเหล่าผู้ฝึกยุทธ์และผู้ฝึกเต๋าที่ชมดูเรื่องราวโดยรอบ ผู้ที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยก็ถึงกับกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่ แก้วหูยังแตกระเบิดพาลให้เลือดท่วม!


 


กระทั่งผู้ฝึกตนไม่ว่าจะยุทธ์หรือเต๋าอันมีขอบเขตพลังเซียนดั้งเดิม สีหน้ายังแดงก่ำขึ้นมา เห็นชัดว่าแรงระเบิดครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อพวกมันไม่น้อย


 


วินาทีที่เกิดการระเบิดวินาศสันตะโรขึ้น พลันปรากฏแสงสว่างเจิดจ้าสีทองออกมาทันใด


 


แถมแสงสว่างเจิดจ้าสีทองดังกล่าวยิ่งมายิ่งจ้าขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็แผ่ขยายไปกลืนร่างต้วนหลิงเทียนจนหายไปจากสายตาของผู้คน


 


แสงสีทองนั่น…สมควรเป็นผลพวงจากการระเบิด!


 


เห็นภาพนี้ ฉีเสิ่นระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที…


 


ในสายตาของมัน อาศัยแค่พลังสะท้อนจากการระเบิดนั่น ก็มากพอจะบดขยี้ร่างต้วนหลิงเทียนให้แหลกเป็นผงแล้ว!


 


ต่อให้ตัวตนขอบเขตพลังเซียนขัดเกลาขั้นกลาง จะมีร่างกายแข็งแกร่งไม่ใช่ชั่ว ทว่าอย่างไรก็เป็นเลือดเนื้อของผู้คน ย่อมมิอาจเทียบได้กับเนื้อหนังของสัตว์ร้ายและสัตว์เซียนที่แข็งแกร่งทรงพลัง


 


ยิ่งไปกว่านั้นแรงระเบิดครั้งนี้ น่ากลัวว่าต่อให้เป็นสัตว์ร้ายหรือสัตว์เซียนอันทรงพลังในขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นกลาง ก็คงต้องแหลกเหลวเพราะมิอาจต้านทานได้เป็นแน่!


 


“ลี่เฟิงตกตายไปเช่นนั้นหรือ?”


 


ฉากเรื่องราวที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ทำให้สายตาของผู้ชมอดไม่ได้ที่จะเผยความหวาดกลัว แรงระเบิดนี้เขย่าขวัญสั่นประสาทของพวกมันนัก!


 


ผู้ฝึกตนพเนจรถึงกับสองตาแดงฉาน ขบกัดฟันจนกรามแทบแตก


 


ลี่เฟิงนั้นนับเป็นผู้ฝึกตนพเนจรที่ควรค่าแก่การเคารพยิ่ง! การกระทำก่อนหน้าของต้วนหลิงเทียนเรียกว่าทำให้ในใจของพวกมันยกเขาขึ้นมาทัดเทียมกับจงกู้แล้ว!!


 


“เจ้านั่นตายแล้วหรือ?”


 


หลวงจีนลายบุปผาขมวดคิ้ว หากแต่ไม่นานคิ้วที่ขมวดก็ค่อยๆคลายลง สุดท้ายมันก็ยกมือขึ้นมาพนมด้วยสายตาเศร้าหมอง รู้สึกเสียใจกับการตายของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย


 


ยอดฝีมือพเนจรอ่อนวัยเช่นนี้ตกตายไป ย่อมทำให้หลายคนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา


 


“หืม?”


 


เริ่นจงที่แต่เดิมคิดว่าต้วนหลิงเทียนสมควรถูกระเบิดตายไปแล้วเช่นกัน พลันเบิกตากว้าง มันเร่งมองไปยังจุดศูนย์กลางแรงระเบิดด้วยความตื่นตะลึง


 


ซู่มมม!!


 


เสียงกระบี่หอนดังขึ้นฉับไว ก่อนที่จะจางหายดับไปในเสี้ยวพริบตา…เป็นกระบี่สีทองเล่มหนึ่งพุ่งฝ่าแรงระเบิดออกมา ความเร็วประหนึ่งฟ้าผ่า!


 


ยังไวกว่าฟ้าผ่าเสียอีก!!


 


“ไม่!!”


 


เสียงคำรามหนึ่งดังขึ้น ส่วนฉีค่านที่กำลังแสยะยิ้มมุมปากด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องพลันนิ่งค้างไป มุมปากของมันยังคงยกยิ้มแสยะค้างไว้เช่นนั้น…


 


ที่มันค้างไป เพราะหว่างคิ้วของมันปรากฏหลุมโลหิตหลุมหนึ่ง โลหิตยังทะลักไหลออกมาเป็นสายแลดูน่ากลัวนัก


 


พริบตาต่อมากระทั่งลมหายใจของมันก็ไม่มีเหลือ ร่างค่อยๆร่วงตกจากฟ้า


 


ส่วนเสียงคำรามสนั่นเมื่อครู่นั้นมาจากฉีเสิ่น! ใบหน้าแต่เดิมที่เต็มไปด้วยความยินดีบัดนี้บิดเบี้ยวกลับกลาย มันมาได้สติเอาตอนที่ได้ยินเสียงหอนกรีดอากาศของกระบี่ ทว่าเมื่อมันเห็นกระบี่พลังพุ่งแสกกลางหว่างคิ้วของฉีค่านไป..สองตามันก็แดงฉาน ร่างมันพุ่งวาบตัดฟ้าไปราวคุ้มคลั่งเสียสติ รีบไปรับร่างฉีค่านที่กำลังร่วงตกลงมาเอาไว้!


 


อนิจจาแม้จะรับร่างไว้แล้วเขย่าเรียกหาเท่าใด แววตาของร่างในอ้อมกอดก็เฉยเมยไม่ต่างใดจากปลาตาย ลมหายใจยังหายไปหมดสิ้น


 


ตายแล้ว


 


“ค่านเอ๋อ! ค่านเอ๋อออ!!”


 


ฉีเสิ่นไม่อาจทำใจยอมรับความจริงเรื่องนี้ได้ มันเขย่าร่างหลานชายคนเดียวสุดแรง ร่ำร้องเรียกหาออกมาใจแทบขาด อนิจจากลับไร้ซึ่งการตอบสนองอันใดจากร่างในอ้อมกอด…


 


“ฉีค่าน…ตายแล้วหรือ?”


 


เห็นฉากนี้ผู้ชมโดยรอบอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ


 


“สวรรค์ช่วย! กระทั่งปะทะกับบอลพลังทำลายล้างของหยวนปะทุทลายว่างเปล่าแล้ว แต่กระบี่พลังของลี่เฟิงยังมีพลังหลงเหลืออีกหรือ…ช่างน่าเหลือเชื่อนัก!”


 


หลายคนอุทานออกมาด้วยความตกใจ อย่างไรก็ตามพวกมันพยายามกล่าวกันอย่างเบาเสียง ด้วยกลัวฉีเสิ่นจะได้ยินและมาระบายอารมณ์กับพวกมัน


 


“ข้ามิอยากจะเชื่อจริงๆว่าผลลัพธ์จะออกมาในรูปแบบนี้…! ผู้ใดจักไปคิดคาดว่าทั้งคู่กลับต้องมาตกตายพร้อมกัน…ข้าว่าตอนนี้อาวุโสหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องคงปวดใจนัก…”


 


หลายคนอดไม่ได้ที่จะมองไปยังฉีเสิ่นด้วยสายตาสมน้ำหน้า มุมปากยังเผยยิ้มออกมา


 


เริ่นจงกับหลิวหงกวงต่างหันมามองหน้าสบตากันเอง และเห็นถึงความตื่นตกใจในแววตาของกันและกัน


 


พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าการโจมตีของผู้ฝึกตนพเนจรที่อ่อนวัยเช่นนั้น จะมีพลังอำนาจมากพอสังหารฉีค่านที่กำลังยินดีกับชัยชนะอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง…


 


เมื่อครู่เกรงว่าฉีค่านคงไม่มีเวลาแม้แต่จะตอบสนองเรื่องราวด้วยซ้ำ…


 


เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเป็นฉีค่านหรือพวกมัน ต่างคิดว่าชัยชนะชี้ชัดแล้วทั้งสิ้น


 


“ข้าเสียใจด้วยอาวุโสฉีเสิ่น”


 


ถึงแม้เริ่นจงกับหลิวหงกวงจะไม่ได้รู้สึกรู้สะอะไรกับการตายของฉีค่านแม้แต่น้อย แต่พวกมันก็ยังรู้ว่าควรทำอะไร จึงหันไปมองกล่าวกับฉีเสิ่นด้วยมารยาท


 


ตอนนี้สองตาของฉีเสิ่นแดงฉาน ร่างยังสั่นระริกไปไม่หยุด


 


หลานชายคนเดียวของมันตายแล้ว!


 


ต้องทราบด้วยว่ามันฝากความหวังทั้งชีวิตไว้กับหลานชายที่น่าภาคภูมิใจคนนี้…


 


มันยังคิดอยู่เลยว่าหลังจากจบการประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องครั้งนี้ มันจะให้หลานชายของมันต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งผู้นำคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องกับฉีจิ้งนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง


 


ตราบใดที่หลานชายของมันติดอันดับในรายนามยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง ยอมมีสิทธิ์ต่อสู้ช่วงชิง


 


อนิจจาเมื่อหลานชายของมันตกตายไป ทั้งหมดทั้งมวลที่หวังไว้ล้วนกลายเป็นมายาฝันอันไกลห่าง…


 


“นะ…นั่นมัน…!!”


 


ทว่าทันใดนั้นเองมีคนโพล่งร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ


 


ด้วยความที่ฉีค่านยังคงเศล้าสลดเสียใจกับความสูญเสียและรับไม่ได้กับการจากไปของหลานชายคนเดียว มันจึงไม่ทันได้สนใจฟังเสียงอุทานด้วยความตกใจของผู้คนโดยรอบ


 


ภายใต้สายตาของผู้คนที่โพล่งออกมาด้วยความตกใจ เมื่อแสงสว่างจ้าจากการระเบิดรวมถึงคลื่นพลังสะท้อนค่อยๆจางลง…ร่างหนึ่งค่อยๆปรากฏขึ้น และดูเหมือนร่างดังกล่าวจะเปลี่ยนไปสวมใส่ชุดคลุมตัวใหม่…


 


แม้อีกฝ่ายจะเปลี่ยนไปใส่ชุดคลุมตัวใหม่ แต่ทั้งหมดทั้งมวลล้วนจำร่างคนผู้นี้ได้เป็นอย่างดี


 


ลี่เฟิง!


 


ลี่เฟิงยังไม่ตาย!?


 


จังหวะนี้ทุกผู้คนไม่เว้นเริ่นจงและหลิวหงกวงอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง พวกมันถึงกับอื้ออึงไปไม่รู้สึกตัวพักใหญ่!


 


เพราะฉากเรื่องราวเบื้องหน้าเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายของพวกมันนัก!


 


กระทั่งเริ่นจงและหลิวหงกวงยังมั่นใจมากว่าต้วนหลิงเทียนสมควรตกตายไปเพราะแรงระเบิดอันน่ากลัวนั่นแล้ว!


 


เนื่องจากการระเบิดนั้นมันเกิดขึ้นใกล้ต้วนหลิงเทียนมาก และแรงระเบิดดังกล่าวไม่ใช่อะไรที่เนื้อหนังมังสาของผู้คนจะต้านทานรับได้ไหวเลย ต่อให้ใช้วรยุทธ์เซียนระดับปฐพีโดดเด่นสายป้องกันคลุมกายเอาไว้ก็ตาม


 


เพราะสุดท้ายแล้วนั่นก็คือการปะทะกันของพลังมหาศาล 2 ขุม ถึงแม้จะหักล้างกันไปเล็กน้อย ทว่าพลังสะท้อนที่เกิดขึ้นน่ากลัวว่าจะไม่ใช่ชั่ว


 


ในสถานการณ์แบบนั้น ต่อให้เป็นสัตว์ร้ายหรือสัตว์เซียนที่รู้กันดีว่ามีร่างกายแข็งแกร่งรวมถึงความสามารถในการป้องกันเชิงกายภาพสูงล้ำ…แต่เกรงว่าต่อให้เป็นขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นกลางก็คงไม่อาจต้านทานแรงระเบิดอันน่าสะพรึงดังกล่าวได้…


 


และร่างมนุษย์ในขอบเขตเซียนขัดเกลา ก็อ่อนแอกว่าสัตว์ร้ายและสัตว์เซียนมากนัก


 


ด้วยเหตุนี้การที่ต้วนหลิงเทียนยังอยู่รอดปลอดภัยมาได้ จึงเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายของทุกคนอย่างมาก


 


เริ่นจงกับหลิวหงกวงคืนสติก่อนใครเพื่อน ทั้งคู่จับจ้องมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาสว่างเจิดจ้า ทำราวกับเห็นสมบัติล้ำค่าก็ไม่ปาน!


 


พวกมันมั่นใจเต็มที่ ว่าในขณะที่เกิดการระเบิด รอบกายต้วนหลิงเทียนไร้ซึ่งคลื่นพลังผันผวนจากการเปิดใช้อาคมเซียน และคลื่นพลังจากยันต์เต๋าใดๆทั้งสิ้น!


 


กล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า ต้วนหลิงเทียนอาศัยพลังฝีมือของตัวเองและร่างกายเปล่าเปลือยต้านทานแรงระเบิดน่ากลัวนั่นมาได้!


 


ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจทั้งประหลาดใจ


 


เรื่องที่น่าตกใจคือ ไฉนต้วนหลิงเทียนถึงรอดจากแรงระเบิดมาได้ ทั้งๆที่มันรุนแรงขนาดนั้น!


 


ส่วนเรื่องที่ประหลาดใจก็คือ ไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าอัจฉริยะมากฝีมือที่ยังเยาว์วัยเช่นนี้กลับเป็นเพียงผู้ฝึกตนพเนจรไร้สังกัด…กระทั่งพวกมันยังมีโอกาสรับตัวยอดฝีมือผู้นี้เข้าร่วมขุมพลังของตัว!


 


หากพวกมันสามารถรับตัวชายหนุ่มผู้นี้กลับไปเข้าร่วมขุมพลังได้ล่ะก็ คงสร้างความประหลาดใจครั้งใหญ่ให้กับขุมพลังของพวกมันแน่!


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)