War sovereign Soaring The Heavens 1650-1656
ตอนที่ 1,650 : หลุมพราง!
นับเป็นครั้งแรกเลยจริงๆ ตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนรู้จักกันกับหานเฉวี่ยไน่มา แล้วได้เห็นด้านนี้ของนาง!
ในสายตาของเขาหานเฉวี่ยไน่เป็นดั่งเด็กสาวซุกซน ที่มองโลกในแง่ดีและร่าเริงอยู่เสมอ อนิจจาตอนนี้นางกลับต่างออกไปจากภาพเด็กสาวเริงร่าในวันวานอย่างสิ้นเชิง
และทั้งหมดนี้ เห็นได้ชัดเพราะการสู่ขอวิวาห์ ของนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!
‘คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!’
เมื่อเห็นหานเฉวี่ยไน่ คนที่เขาเห็นเป็นดั่งน้องสาวแท้ๆกลับต้องกลายมาเป็นทุกข์แบบนี้ ในใจต้วนหลิงเทียนบังเกิดโทสะขึ้นมาอย่างยากระงับ!
หากทำได้เขาคงทนลบคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องให้สาบสูญไปจากโลกหล้าไม่ไหว เพื่อคลายกังวลให้นางเสีย!
แต่เขารู้ดีว่าด้วยพลังฝีมือของเขาตอนนี้อย่าว่าแต่จะลบทำลายคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเลย อาศัยแค่ยอดฝีมือที่อ่อนแอที่สุดของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องน่ากลัวจะบี้เขาให้ตกตายได้ด้วยนิ้วเดียว+
ต่อให้เขาจะมีกระบี่นิลสวรรค์และตราผนึกมารก็เปล่าประโยชน์
ตราผนึกมารนั้นมีผลกับผู้ฝึกมารเท่านั้น..
ส่วนกระบี่นิลสวรรค์ ด้วยพลังฝึกปรือของเขาตอนนี้ ต่อให้จ่ายออกด้วยปราณแท้ทั้งหมด ก็ฆ่าได้แค่เซียนดั้งเดิมขั้นกลาง หรืออย่างดีก็ขั้นเชี่ยวชาญ!
พลังฝีมือระดับนี้กับคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานยังไม่นับเป็นอะไรได้ แล้วจะนับประสาอะไรกับคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!
การมาคฤหาสน์คลื่นขจีครั้งนี้ ต้วนหลิงเทียนเพียงอยากทราบเรื่องของลี่เฟยจากหานเฉวี่ยไน่ ว่านางเป็นอย่างไรบ้างแล้ว ยังคิดจะถามหานเฉวี่ยไน่ทันทีที่ได้พบ แต่พอมาเห็นหานเฉวี่ยไน่เป็นทุกข์ร่ำไห้ฟูมฟาย เขาก็ไม่คิดจะรีบถามเพียงพยายามปลอบนางอย่างอ่อนโยน
และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็หวนคืนสู่รูปลักษณ์เดิมแล้ว
ทันทีที่เขาเข้าสู่เขตที่พักของหานเฉวี่ยไน่ เขาก็คลายทักษะลับทันที
อันที่จริงตอนชิงหนูเห็นเขาเมื่อวานนี้ แว่บแรกนางก็จำเขาไม่ได้เช่นกัน
หากแต่ด้วยเสียงผ่านปราณแท้ที่เขาเร่งส่งไปเล่าเรื่องราวในอดีต ทำให้นางเลิกสงสัยเขา
“เฮ่อ…”
ชิงหนูที่ยืนชมเรื่องราวอยู่ห่างๆ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างสะทกสะท้อน
นางเฝ้าดูหานเฉวี่ยไน่เติบโตขึ้นมาจากตอนยังเล็กเป็นเด็กน้อย อีกฝ่ายใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลมีความสุขมาตลอด กระทั่งคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมาเยือนจวบจนนายน้อยนั่นสู่ขอนางไปตบแต่ง ตั้งแต่นั้นมาความไร้เดียงสาของหานเฉวี่ยไน่ก็หายไป กลับกลายเป็นคนเงียบขรึมเก็บตัว กระทั่งกับนางเฉวี่ยไน่ยังไม่ค่อยกล่าวด้วยอีกต่อไป
หลายครั้งหลายคราที่นางอยากจะบุกไปฆ่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเสียให้รู้แล้วรู้รอด เพราะตราบใดที่นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องตกตายงานวิวาห์นี้ก็เป็นอันยกเลิก
แต่ทว่าไม่ต้องกล่าวถึงผู้คุ้มกันที่คอยอารักขานายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะร้ายกาจกว่านางมาก เอาแค่องค์รักษ์พิทักษ์ทั่วไปก็มีพลังฝีมือเหนือนางไปไม่น้อย
อีกทั้งถึงนางจะฆ่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องได้จริง หากแต่คฤหาสน์คลื่นขจีย่อมไม่พ้นโทษทัณฑ์แน่นอน…หลังจากนั้นไม่เพียงแต่ตัวนาง แต่คฤหาสน์คลื่นขจีก็ต้องชดใช้! กระทั่งหานเฉวี่ยไน่อาจจะต้องพลอยโดนหางเลขไปด้วย!!
เพราะในบรรดาผู้คนที่อยู่ในเขตอิทธิพลของคฤหาสน์คลื่นขจี มีใครไม่รู้บ้าง..ว่านางเป็นคนของหานเฉวี่ยไน่?
ถึงตอนนั้นต่อให้นางประกาศถอนตัวออกจากคฤหาสน์คลื่นขจีก่อนลงมือ แต่คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็ต้องตามมาเอาเรื่องเอาราวกับคฤหาสน์คลื่นขจีแน่นอน!
ด้วยเหตุนี้ถึงแม้ชิงหนูจะเป็นทุกข์กับหานเฉวี่ยไน่มากเพียงใด นางก็ไม่อาจทำอะไรได้เลย
อย่างไรก็ตามแม้ชิงหนูจะไม่อาจช่วยอะไรหานเฉวี่ยไน่ในเรื่องนี้ได้ แต่ลำพังเรื่องการปิดกั้นสำนึกเทวะที่แผ่มาจากทั่วสารทิศเพื่อตรวจสอบเรื่องราวในเรือนนางยังพอกระทำได้
แม้นางจะไม่รู้ว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงต้องปลอมตัว แต่นางรู้ว่าเขาต้องไม่กระทำเช่นนี้หากไร้เหตุผลแน่นอน! ดังนั้นนางจึงเลือกแผ่สำนึกเทวะของนางออกไปฉาบคลุมทั่วที่พักของหานเฉวี่ยไน่ ปิดกั้นการสำนึกเทวะอื่นๆ
ด้วยเหตุนี้ผู้คนที่มาซุ่มจับตามองอยู่ ก็จะไม่รู้ความเป็นไปใดๆทั้งสิ้น
หลังจากที่ร่ำไห้ระบายออกไปพักใหญ่ หานเฉวี่ยไน่ก็ผละออกจากอ้อมอกต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะปาดน้ำตาแล้วพยายามฝืนยิ้มกล่าวถามออกมา “พี่ใหญ่หลิงเทียน ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่?”
“ตอนแรกข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าเจ้าอยู่คฤหาสน์คลื่นขจีหรือเปล่า…ข้าก็แค่ลองวัดดวงมาดูน่ะ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกด้วยรอยยิ้ม หากแต่ลึกลงไปในแววตายังเผยความกังวลทั้งร้อนใจออกมาอย่างยากจะปกปิด
“พี่ใหญ่หลิงเทียน เข้าไปคุยกันในบ้านเถอะ”
หานเฉวี่ยไน่มองไปรอบๆครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพาต้วนหลิงเทียนเดินตัดลานเข้าไปในตัวบ้าน
หลังจากที่เข้ามาในบ้านแล้ว หานเฉวี่ยไน่ก็ปิดประตู ชิงหนูเองก็วูบร่างมาหยุดขวางหน้าประตูเอาไว้ดั่งเทพผู้พิทักษ์ คล้ายจะให้ต้วนหลิงเทียนกับหานเฉวี่ยไน่ได้สนทนากันอย่างปลอดภัย
“เฉวี่ยไน่ พี่สาวเฟยเอ๋อของเจ้า กับเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 ได้มาที่นี่หรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนีท่จะมองถามหานเฉวี่ยไน่ออกมาอย่างอดไม่ไหว
“อื้อ”
หานเฉวี่ยไน่พยักหน้า
“แล้วตอนนี้พี่สาวเฟยเอ๋อของเจ้า กับ 3 ตัวเล็กนั่นเล่า อยู่ที่ไหนในคฤหาสน์คลื่นขจีหรือ?”
ลูกตาต้วนหลิงเทียนส่องแสงสว่างจ้า สีหน้ายังเผยความร้อนใจออกมา คล้ายยังอยากงอกเงยปีกเพื่อเหินบินไปหาลี่เฟยมันเสียตอนนี้เลย
“พวกนางเคยอยู่ แต่ตอนนี้…”
หากแต่ด้านเฉวี่ยไน่พอได้ยินคำถามนี้ของเขา นางกลับเผยยิ้มออกมาอย่างฝืนๆ
และก่อนที่นางจะทันได้กล่าวจบ ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวถามขัดขึ้นมาเสียก่อน “เกิดอะไรขึ้น?!”
คิ้วต้วนหลิงเทียนยังขมวดเป็นปม
“พี่ใหญ่หลิงเทียน พี่สาวเฟยเอ๋อคลอดบุตรให้ท่านไม่ทันไร คนของบิดาท่านก็มารับตัวนางไปแล้ว”
หานเฉวี่ยไน่กล่าวถึงตรงนี้ ใบหน้าของนางก็เผยความสงสัยออกมาไม่น้อย “พี่ใหญ่หลิงเทียน ที่แท้บิดาท่านเป็นผู้ใดกันแน่?”
“บิดาของข้าน่ะเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนยิ่งมายิ่งขมวดคิ้วยู่ย่น “เฉวี่ยไน่ ที่แท้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่?”
หลังจากนั้นภายใต้วาจาบอกเล่าของหานเฉวี่ยไน่ ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“บอกคุณหนูเฉวี่ยไน่ด้วย ว่าฮูหยินของนายน้อยและบุตรชายของนาง กลับไปกับข้าแล้ว”
นี่คือวาจาที่ยอดฝีมือลึกลับผู้นั้นกล่าวทิ้งท้ายไว้ ก่อนที่จะจากไปอย่างไร้ร่องรอย
เรียกหาลี่เฟยว่าฮูหยินของนายน้อย เช่นนั้นก็หมายความว่าต้วนหลิงเทียนคือนายน้อยของยอดฝีมือลึกลับผู้นั้น!
คอนนี้ความสุขความยินดีที่ต้วนหลิงเทียนได้รับทราบว่าเขามีบุตรชาย ได้ถูกความตกตะลึงจากยอดฝีมือลึกลับผู้นั้นกลบไปเสียสิ้น!
ยอดฝีมือลึกลับผู้นั้นบุกเข้ามาถึงใจกลางคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน และพาตัวคนออกไปโดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้สักคน!!
“ยอดฝีมือที่ร้ายกาจถึงขนาดนี้ กลับเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านพ่องั้นเหรอ…”
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเหลือเชื่อไม่น้อย เพราะเรื่องนี้มันทำใจเชื่อได้ลงคอยากจริงๆ
ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าตลอดระยะเวลาหลายปีที่บิดาเขาหายตัวไป พลังฝึกปรือกลับกลายเป็นบรรลุถึงขอบเขตอัศจรรย์ ทั้งยังมาตั้งหลักในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้แล้ว
แต่เขาคิดเพียงแค่ว่าบิดาไม่เอาไหนของเขาสมควรเป็นผู้ฝึกตนธรรมดาๆในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเท่านั้น ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะเป็นตัวตนที่ร้ายกาจถึงขั้นนี้
“ท่านพ่อ นี่ท่านมีเรื่องปิดบังข้ามากเท่าไหร่กันแน่…”
พอคิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มเจื่อนๆออกมา
แต่หลังจากได้รับทราบว่า ลี่เฟยและบุตรชายของเขา สมควรถูกคนของบิดาไม่เอาไหนพาตัวไป ต้วนหลิงเทียนก็พลอยโล่งใจออกมาไม่น้อย ก่อนที่จะกล่าวถามหานเฉวี่ยไน่ออกไปอีกครั้ง “เฉวี่ยไน่ นอกจากกล่าวถึงเรื่องเสี่ยวเฟยเอ๋อแล้ว ยอดฝีมือลึกลับผู้นั้นได้กล่าวอะไรเพิ่มไว้อีกหรือไม่?”
ลูกตาต้วนหลิงเทียนทอประกายออกมาด้วยความคาดหวัง
เพราะตราบใดที่เขารู้ว่ายอดฝีมือลึกลับผู้นั้นเป็นใคร เขาก็มีเบาะแสไว้ให้ตามหาบิดามารดา และครอบครัวของเขาแล้ว!
“ไม่เลย”
หานเฉวี่ยไน่เผยยิ้มออกมาฝืนๆ “คนผู้นั้นเพียงบอกออกมาทำนองเป็นคนจากครอบครัวของท่าน แต่มิได้กล่าวถึงเรื่องอื่นใดอีก”
พอได้ยินต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะผิดหวังเล็กน้อย
“พี่ใหญ่หลิงเทียน…”
ทันใดนั้นคล้ายหานเฉวี่ยไน่จะคิดเรื่องอะไรออก แต่พอนางกล่าวออกมาได้ไม่ทันไรก็เงียบไปทันทีคล้ายเปลี่ยนใจ
“เฉวี่ยไน่เจ้ามีอะไรจะบอกข้างั้นหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนย่อมสังเกตได้
“พี่ใหญ่หลิงเทียน มีบางเรื่องที่ข้าไม่อาจปิดบังท่านได้”
หานเฉวี่ยไน่เม้มปากครู่หนึ่งค่อยกล่าวบอกเรื่องราวของหานจิ้นเหนียน หลานชายของอาวุโสสูงสุดออกมา ว่ามันมีเจตนาร้ายกับลี่เฟยอย่างไร และเรื่องที่มันถูกยอดฝึมือลึกลับคนนั้นสังหารได้ทันท่วงที “บางทียอดฝีมือลึกลับผู้นั้นคงลอบคุ้มครองพี่หญิงลี่เฟยมานานแล้ว พอหานจิ้นเหนียนคิดลงมือ ยอดฝีมือผู้นั้นจึงตัดสินใจเคลื่อนไหว…”
“หลังจากนั้นเมื่อตัวตนเปิดเผย ยอดฝีมือผู้นั้นก็คงเลือกที่จะพาตัวพี่หญิงไปยังที่ปลอดภัย”
นี่คือการคาดเดาของหานเฉวี่ยไน่
“หานจิ้นเหนียน!”
ทันใดนั้นสองตาของต้วนหลิงเทียนก็เย็นเยียบลง จิตสังหารอำมหิตปะทุออกมาทันใด กลิ่นอายพลังเย็นยะเยือกยังระเบิดออกมาฉาบคลุมไปทั่วร่าง กดดันบีบคั้นในบรรยากาศ ยากที่ผู้คนจะทานทนรับไหว!
กระทั่งหานเฉวี่ยไน่เองก็ไม่อาจทานรับแรงกดดันพลังนี้ของต้วนหลิงเทียนได้ไหว!!
‘อันใดกัน! พลังฝีมือของพี่ใหญ่หลิงเทียนสูงล้ำเหนือข้าไปแล้ว!?’
ใจหานเฉวี่ยไน่ถึงกับสะท้านไปโดยพลัน แววตาเผยออกถึงความไม่อยากจะเชื่อ!
ต้องทราบด้วยว่าพลังฝึกปรือของนางตอนนี้อยู่ในขอบเขตสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบ ทว่ายังไม่อาจต้านทานรับแรงกดดันพลังจากต้วนหลิงเทียนไหว! และแม้ไอพลังยังไม่ถึงขอบเขตเซียน แต่ก็ใกล้เคียงเต็มที!!
เช่นนั้นนางย่อมสรุปได้ทันทีว่าพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนอยู่ในขอบเขตขีดขั้นอะไร!
ครึ่งก้าวเซียน!
“พี่ใหญ่หลิงเทียน หานจิ้นเหนียนนั่นมันตกตายอนาถไปแล้ว..”
หานเฉวี่ยไน่กล่าวออกมาเบาๆอีกครั้ง เพื่อย้ำเตือนต้วนหลิงเทียน
ต้วนหลิงเทียนพอได้ฟังก็หวนกลับมามีสติ เริ่มสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ระงับอารมณ์ที่พุ่งพล่านขึ้นมา
สำหรับเขาแล้ว ลี่เฟยก็เป็นดั่งเกล็ดย้อน
ใครก็ตามที่กล้าแตะต้องลี่เฟย ก็เหมือนแตะเกล็ดย้อนของเขา!
มังกรทุกตัวล้วนมีเกล็ดย้อน ผู้ใดแตะต้อง ตาย!
เขาเองก็เช่นกัน!
“เฉวี่ยไน่ ตอนที่ข้ามาถึงเมืองคลื่นขจี พอดีข้าได้ยินมาว่า มีอาวุโสสูงสุดเห็นดีเห็นงามกับการแต่งงานระหว่างเจ้ากับนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง…มีอาวุโสสูงสุดที่เห็นด้วยทั้งสิ้นกี่คนหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนมองถามหานเฉวี่ยไน่ออกมา
“มีเพียงคนเดียวเท่านั้น”
สองตาหานเฉวี่ยไน่ทอประกายเย็นวาบออกมา ค่อยกล่าวออกมาเสียงเข้ม “ข้ากระทั่งยังสงสัย ถึงเหตุผลการมาเยือนของนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องผู้นั้น…บางทีคงเป็นเพราะ หานซิ่น ด้วยแน่!”
“หานซิ่น?”
ต้วนหลิงเทียนนิ่งไปครู่หนึ่ง และไม่รู้จะพูดอะไรต่อด้วยไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวกันอย่างไร
“หานซิ่น เป็นอาวุโสสูงสุดคนเดียวของคฤหาสน์คลื่นขจี อีกทั้งยังเป็นปู่แท้ๆของหานจิ้นเหนียน”
หานเฉวี่ยไน่กล่าว
“ทำไมเจ้าถึงคิดแบบนั้น?”
พอได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นปู่หานจิ้นเหนียน ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ถูกชะตากับอาวุโสสูงสุดที่ว่านั่นทันที ยิ่งอยากรู้เหตุผลจากหานเฉวี่ยไน่เข้าไปใหญ่
เพราะจากที่หานเฉวี่ยไน่บอกเมื่อครู่ ท่าทางการมาเยือนคฤหาสน์คลื่นขจีของนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง เผลอๆอาจเป็นเพราะหานซิ่น!
“นั่นเพราะพวกเรามิเคยติดต่อทำการค้าอะไรกับคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเลย แถมนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็มิเคยมาเยือนคฤหาสน์คลื่นขจีของพวกเราสักครั้ง…ทว่าหลังจากที่หานจิ้นเหนียนตกตาย อยู่ๆดีๆนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็แวะมา หากมันเพียงมาเยือนอย่างเดียวก็คงมิแปลกอะไร แต่อยู่ๆหานซิ่นกลับขอให้ข้าไปพบอีกฝ่าย ยังบอกว่าอีกฝ่ายอยากเจอข้า”
เมื่อคิดถึงจุดนี้ วาจาประโยคต่อมาของหานเฉวี่ยไน่ก็เต็มไปด้วยจิตฆ่าฟันทันที “วันนั้นข้าไม่ทันคิดว่าอยู่ดีๆ ไฉนนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะอยากเห็นข้าโดยไร้สาเหตุ! แต่พอข้ามาย้อนคิดไปคิดมา ทั้งหมดมิพ้นหลุมพรางที่หานซิ่นจงใจขุดไว้เพื่อให้ข้าร่วงหล่นลงไปเป็นแน่!”
ตอนที่ 1,651 : จงใจล้างแค้น!
พอได้ยินคำของหานเฉวี่ยไน่ คิ้วต้วนหลิงเทียนก็ขมวดย่นยู่ทันที “ที่แท้ เป็นมันจงใจล้างแค้นเจ้างั้นเหรอ?!”
เหตุผลที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาแบบนี้ แน่นอนว่าเป็นเพราะได้ทราบถึงตัวตนของหานซิ่น!
หานซิ่นไม่เพียงแต่เป็นอาวุโสสูงสุดของคฤาหสน์คลื่นขจีสกุลหาน มันยังเป็นปู่แท้ๆของหานจิ้นเหนียน! และหานจิ้นเหนียนก็ตกตายเพราะยอดฝีมือลึกลับที่ปรากฏตัวเพื่อช่วยเหลือลี่เฟย…สหายของหานเฉวี่ยไน่!!
“อื้ม”
หานเฉวี่ยไน่พยักหน้า ค่อยกล่าวออกด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง “หานซิ่นนั้น ยามหลานชายของมันอย่างหานจิ้นเหยีนยังอยู่ มันก็ดีกับข้ายิ่งนัก ยังทำราวกับข้าเป็นหลานสาวของมัน…แต่หลังจากที่หานจิ้นเหนียนตกตายไป มันก็เปลี่ยนไปราวคนละคน”
“ตอนนั้นมันมาถามข้าว่าเป็นผู้ใดพาตัวลี่เฟยไป ข้าก็ได้แต่บอกไปว่ามิรู้…และเรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้จริงๆ แต่ถึงแม้ว่าข้าจะรู้ข้าก็ไม่คิดบอกมัน! และตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมามันก็เย็นชากับข้า กระทั่งสุดท้ายมาบอกว่าต้องการพบข้า…ข้าจึงถูกนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนั่นพบเห็น!”
ขณะกล่าวเล่าสีหน้าของหานเฉวี่ยไน่ก็แย่ลงเรื่อยๆ
“ข้าสุดที่จะเข้าใจได้จริงๆ เรื่องนี้เป็นหานจิ้นเหนียนกระทำตัวของมันเองแท้ๆ มันกล้าคิดแตะต้องพี่สาวลี่เฟย! เรื่องนี้นับว่ามันชั่วช้าสมควรตายนัก! แต่หานซิ่นกลับทำเหมือนมันเป็นผู้บริสุทธิ์ ถึงขั้นพยายามตามหายอดฝีมือลึกลับที่พาตัวพี่สาวลี่เฟยไปเพื่อล้างแค้น กระทั่งตอนนี้หานซิ่นยังไม่เลิกราเรื่องนี้ด้วยซ้ำ…”
หานเฉวี่ยไน่คล้ายขบคิดไม่เข้าใจจริงๆ
“เฉวี่ยไน่ เจ้าคิดง่ายไปแล้ว…”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาค่อยกล่าว “หานจิ้นเหนียนนั่นไม่ว่าจะอย่างไรก็เป็นหลายชายแท้ๆของหานซิ่น นับว่าเป็นคนที่สำคัญที่สุดสำหรับมัน…ไม่ว่าหานจิ้นเหนียนจะก่อกรรมทำชั่วอะไรมา ก็มิอาจเปลี่ยนความจริงที่อีกฝ่ายเป็นหลานชายของมันได้…ไม่ว่าเจ้าจะเห็นหานจิ้นเหนียนชั่วช้าสมควรตายอย่างไร แต่ในสายตาของมัน หลานมันย่อมไม่ควรตายเช่นนี้…”
“คำว่า ความชอบธรรมไร้ญาติมิตร แม้กล่าวออกง่ายดาย แต่เอาจริงๆแล้วนับว่ากระทำได้ยากเย็นนัก…”
(* ความชอบธรรมไร้ญาติมิตร = ด้วยคุณธรรมยิ่งใหญ่ สามารถลงโทษได้แม้แต่ญาติมิตรเพื่อความเป็นธรรม ไร้จิตคิดลำเอียง)
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“แต่ถึงแม้มันจะคับแค้นอันใดข้าแต่มันก็มิสมควรกระทำเรื่องนี้ได้ลงคอ! มันมั่นใจได้อย่างไรว่าข้าต้องเลือกที่จะตบแต่งกับนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง..อีกทั้งหากข้าเลือกยอมตายไม่ยอมสยบเล่า? ด้วยทิฐิของนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องน่ากลัวตอนนั้นมันคงไม่ละเว้นคฤหาสน์คลื่นขจีแน่! อย่าได้บอกข้าเชียวว่าสำหรับมันแล้ว คฤหาสน์คลื่นขจียังสำคัญไม่เท่าหานจิ้นเหนียน?”
หานเฉวี่ยไน่กล่าวออกด้วยโทสะอันขุ่นขึ้ง
หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวแจงออกมาแม้นางจะพอเข้าใจความคิดหานซิ่นขึ้นมา แต่นางรู้สึกเสมือนในใจของหานซิ่นนั้นคฤหาสน์คลื่นขจีกลับมีน้ำหนักความสำคัญไม่เท่าหลานอุบาทว์ของมัน นี่นับว่าทำให้นางโกรธเคืองมากนัก
“เฉวี่ยไน่ เจ้าเข้าใจเรื่องนี้ได้ นับว่าเจ้าเติบโตแล้วจริงๆ…”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าลงคราหนึ่ง ค่อยกล่าวสืบต่อ “อันที่จริงมันก็ควรจะคิดถึงเรื่องนี้เช่นเดียวกับเจ้า…แต่ในเมื่อมันกล้าลงมือถลำลึกถึงขั้นนี้ ข้าบอกได้เลยว่าในใจของมันนั้น…ความสำคัญของหานจิ้นเหนียนน่ากลัวจะเหนือกว่าคฤหาสน์คลื่นขจีแล้ว! นอกจากนี้ข้ามั่นใจว่ามันย่อมมองเจ้าออกทะลุปรุโปร่ง…เพราะเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เจ้าไม่คิดละทิ้งคฤหาสน์คลื่นขจีหนีไปแน่!”
“สุดท้ายแล้วเจ้าก็คือคุณหนูใหญ่ของคฤหาน์คลื่นขจี แถมบิดาเจ้ายังเป็นถึงผู้นำคฤหาสน์!”
“แม้มันจะเป็นอาวุโสสูงสุดของคฤหาสน์คลื่นขจี…แต่อำนาจในการตัดสินใจสูงสุดยังคงอยู่ที่บิดาของเจ้า…การที่นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมาสู่ขอเจ้าไปวิวาห์นั้น ผู้ที่ลำบากใจที่สุดในคฤหาสน์คลื่นขจี ย่อมเป็นบิดาของเจ้า”
“บิดาเจ้าด้านหนึ่งก็คือผู้นำของคฤหาสน์คลื่นขจีที่จะทำอะไรก็จำต้องมองภาพรวมเสมอ ส่วนอีกดานหนึ่งก็เป็นบิดาของบุตรีเพียงหนึ่งเดียว ท่านย่อมไม่อาจเพิกเฉยต่อความสุขชั่วชีวิตของเจ้าได้…ไหนเลยไม่รู้ได้ว่าการเลือกยินยอมให้เจ้าตบแต่งกับนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องที่มีชื่อเสียงขึ้นชื่อเรื่องเจ้าสำราญ ย่อมไม่ต่างใดจากผลักเจ้าลงกองไฟ…”
“จากที่ข้าเห็น ตอนนี้บิดาของเจ้านับว่าเป็นบิดาอันประเสริฐนัก ท่านเลือกที่จะยืนหยัดอยู่ข้างเจ้า แม้จะไม่ถึงกับบอกปัดงานวิวาห์แต่ก็ไม่ยอมส่งตัวเจ้าให้คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องง่ายๆ เรียกว่าเพื่อความสุขของเจ้า บิดาเจ้าได้เลือกที่จะต่อต้านคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องไปแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ยังแฝงเคารพไม่น้อย
บางทีบิดาของหานเฉวี่ยไน่อาจไม่ใช่ผู้นำที่ดี…
หากแต่คุณสมบัติในการเป็นพ่อคน นับว่ามีมากเกินพอ!
ฟังวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่หยาดน้ำตากลับเอ่อล้นรดแก้มหานเฉวี่ยไน่อีกครั้ง “ท่านพ่อ…”
ถึงแม้ก่อนหน้านี้นางจะพอรับทราบถึงภาระบนบ่าที่บิดาของนางแบกไว้บ้างแล้ว แต่นางยิ่งรู้ว่าบิดาของนางนั้นต้องเผชิญเรื่องยากเย็นแค่ไหนชัดเจนมากขึ้นจากคำอธิบายของต้วนหลิงเทียน ในใจนางพลันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดทันที
และตอนนี้เองนางพลันตัดสินใจอะไรบางอย่างได้
แน่นอนว่าเรื่องที่นางตัดสินใจไปแล้วนั้น นางไม่ได้บอกต้วนหลิงเทียนออกมา
“พี่ใหญ่หลิงเทียน เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ และเสี่ยวจินกำลังปิดด่านบ่มเพาะพลังอยู่ ข้าเชื่อว่าพวกมันยินดีออกจากการปิดด่านบ่มเพาะทันทีหากรู้ว่าท่านมาที่นี่ ท่านอยากเจอพวกมันหรือไม่ข้าจะไปเรียกให้ท่าน?”
เพียงเร่งปราณแท้เล็กน้อย หานเฉวี่ยไน่ก็ระเหยน้ำตาที่หลั่งออกมาจนแห้ง นางพยายามฝืนยิ้มกล่าวออกมาเพื่อเปลี่ยนเรื่อง
“ไม่เป็นไรหรอก”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “จะเร็วจะช้าสุดท้ายก็ต้องได้พบกัน ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนพบกันตอนนี้ก็ได้”
ตอนนี้ในใจเขายังคงคิดถึงแต่เรื่องของหานเฉวี่ยไน่
สำหรับลี่เฟยและบุตรชายที่พึ่งเกิดของเขานั้น เมื่อมั่นใจว่าปลอดภัยเพราะคนของบิดารับตัวไปแล้วเขาก็วางใจได้
และป่านนี้ บางทีลี่เฟยกับลูกชายเขาน่าจะพบกับบิดามารดาของเขาแล้ว
สิ่งที่เขากำลังเค้นสมองคิดตอนนี้ก็คือ ทำอย่างไรถึงจะช่วยหานเฉวี่ยไน่ได้!
แน่นอนว่าหากเพียงแค่แก้สถานการณ์ให้หานเฉวี่ยไน่รอดไปคนเดียว เพียงเขาพานางหนีไปก็สิ้นเรื่อง…
ทว่าต้วนหลิงเทียนเชื่อว่าไม่พ้นผู้นำของคฤหาสน์คลื่นขจีคงกล่าวบอกเรื่องนี้ต่อหานเฉวี่ยไน่ออกมาแล้ว และนางก็คงบอกปฏิเสธไป…เขารู้ดีว่าเฉวี่ยไน่ไม่ใช่คนที่จะละทิ้งญาติมิตรเพราะเห็นแก่ตัว นางจึงไม่มีวันทิ้งคฤหาสน์คลื่นขจีหนีเอาตัวรอดไปเด็ดขาด
“พี่ใหญ่หลิงเทียน ก่อนหน้านี้ข้ากับเสี่ยวจินและที่เหลือได้ย้อนกลับไปเกาะป้านเย่วกระทั่งทวีปเมฆาล่อง แต่พวกเราไม่พบท่านเพียงพบเจอเบาะแสที่ท่านทิ้งไว้ จากนั้นวกเราจึงย้อนกลับมาดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า เพื่อไปยังสำนักจันทร์จรัสแสง…อย่างไรก็ตามพอพวกเราไปถึงสำนักจันทร์จรัสแสงมันก็เหลือแต่ชื่อแล้ว เช่นนั้นหลังท่านออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงท่านไปที่ไหนหรือ?”
หานเฉวี่ยไน่กล่าวถามออกมารวดเดียวจบ
“หืม? สำนักจันทร์จรัสแสงล่มสลายแล้วงั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนยังจำได้ ว่าก่อนจะหลบหนีออกจากสำนักจันทร์จรัสแสง เขาฆ่าอาวุโสสูงสุด ที่มีด่านพลังฝึกปรือในขอบเขตเซียนไปแค่คนเดียวเท่านั้น
สำนักจันทร์จรัสแสงยังเหลือขอบเขตเซียนคนอื่นๆอีก ไฉนถึงเหลือแต่ชื่อได้ในเวลาอันสั้น?
“อื้ม”
หานเฉวี่ยไน่พยักหน้าค่อยกล่าวสืบต่อ “ลือกันว่าอยู่ดีๆ ยอดฝีมือระดับสูงของสำนักจันทร์จรัสแสงที่มีพลังในขอบเขตเซียนก็ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ พอข่าวนี้แพร่กระจายออกมา สำนักจึงถึงจุดจบ”
ต้วนหลิงเทียนตกใจไม่น้อย แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ จะล่มสลายก็เป็นเรื่องธรรมดา
เหตุผลเดียวที่สำนักจันทร์จรัสแสงอยู่ใน 9 พันธมิตร และเป็นขุมพลังชั้น 7 ได้ ล้วนเพราะมีเสาหลักอย่างขอบเขตเซียนคุมบังเหียนอยู่
หากอยู่ดีๆตัวตนในขอบเขตเซียนหายตัวไป ไม่เพียงแต่อริเก่าของสำนักจันทร์จรัสแสงจะไม่พลาดโอกาสนี้ กระทั่งอดีตมิตรสหายอันดี ก็คงคิดขอปันน้ำแกงสักถ้วยเช่นกัน!
ในฐานะที่เป็นขุมพลังชั้น 7 ถึงแม้ยอดฝีมือขอบเขตเซียนจะหายตัวไป แต่ทรัพยากรอะไรของสำนักจันทร์จรัสแสงย่อมยังเหลืออยู่ไม่น้อย กล่าวไปยังมากมายถึงขั้นทำให้ผู้คนอิจฉาด้วยซ้ำ
‘จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครรู้เลยงั้นเหรอ ว่ายอดฝีมือขอบเขตเซียนของสำนักจันทร์จรัสแสงหายไปไหน?’
เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกงุนงงไม่น้อย
‘ไม่รู้ว่าเจ้าพวกนั้นจะเป็นยังไงกันบ้าง…’
ถึงแม้ว่าสำนักจันทร์จรัสแสงจะเหลือแต่ชื่อ ผู้คนเหล่าศิษย์ไม่ได้ถูกฆ่าล้างหฤโหด แต่ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสหายเก่าและคนรู้จักในสำนัก ยังอดห่วงขึ้นมาเสียไม่ได้
เผชิญกับคำถามของหานเฉวี่ยไน่ ต้วนหลิงเทียนก็ได้บอกเล่าเรื่องราวการหลบหนีในวันนั้นคร่าวๆ ทั้งยังบอกเรื่องที่ไปลงหลักปักฐานที่ประเทศฝูเฟิงมาพักหนึ่ง
ในบรรดาเรื่องราวทั้งหลายยังรวมถึงเรื่องที่ตระกูลซือถู ไม่ว่าจะเป็นการเมืองภายในตระกูล ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลซือถูกับนิกายหยินหมิง และเรื่องราวความบาดหมางของเขากับนิกายหยินหมิง สุดท้ายก็กล่าวถึงเรื่องอ๋องเฉียน กระทั่งเรื่องที่อ๋องเฉียนจ้างหลินตงมาให้ฆ่าเขาเพื่อช่วงชิง ตราผนึกมาร ที่เขาครอบครองอยู่
หานเฉวี่ยไน่รู้นานแล้วว่าเขามีตราผนึกมารอยู่ในครอบครอง
ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้หานเฉวี่ยไน่ยังไม่รู้เรื่องนี้ เขาก็ไม่ได้คิดจะปกปิดนางเรื่องที่มีตราผนึกมารแต่อย่างไร
เพราะอีกไม่นานข่าวเรื่องที่เขามีตราผนึกมารไว้ในครอบครองก็ต้องแพร่กระจายมาถึงคฤหาสน์คลื่นขจีอยู่ดี ถึงตอนนั้นเฉวี่ยไน่ก็ต้องทราบเรื่องราวเป็นธรรมดา
“ตราผนึกมาร?”
พอกล่าวถึงตราผนึกมาร คิ้วหานเฉวี่ยไน่อดไม่ได้ที่จะขมวดขึ้นมาเป็นปม
ยางเองก็จำได้ดีว่านางเคยติดตามชิงหนูไปยังทวีปเมฆาล่องเพื่อค้นหาตราผนึกมาร
อย่างไรก็ตามหลังจากออกเดินทางค้นหาอยู่หลายปี แต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลวเพราะไร้เบาะแสของตราผนึกมาร
จนกระทั่งนางมารู้ว่าที่แท้ตราผนึกมารกลับอยู่ในมือของต้วนหลิงเทียน!
อย่างไรก็ตามถึงแม้นางจะล่วงรู้เรื่องนี้ แต่นางก็ไม่ได้บอกชิงหนูถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนมีตราผนึกมารเลย และยังไม่ได้บอกกล่าวต่อบิดาของนางเช่นกัน เพราะนางไม่อาจรับประกันได้ว่าชิงหนูและบิดาของนางจะอดทนต่อแรงยั่วยวนของตราผนึกมารได้หรือไม่…หากไม่ล่ะก็ทั้งคู่มิพ้นต้องคิดแย่งชิงตราผนึกมารจากพี่ใหญ่หลิงเทียนของนางแน่!!
เช่นนั้นผู้ที่ต้องลำบากใจที่สุดก็คือนาง!
อีกด้านหนึ่งก็ญาติสนิท อีกด้านก็เป็นพี่ใหญ่หลิงเทียนของนาง
เพื่อป้องกันมิให้ญาติสนิทหมางใจกับมิตรสหายอย่างพี่ใหญ่หลิงเทียน นางจึงเลือกที่จะปิดข่าวนี้เอาไว้
“เช่นนั้นอีกไม่นานข่าวลือเรื่องตราผนึกมารในมือพี่ใหญ่หลิงเทียน ก็จะแพร่มาถึงคฤหาสน์คลื่นขจีแล้วสิ…”
หานเฉวี่ยไน่เป็นกังวลไม่น้อย
ไม่ต้องกล่าวถึงยอดฝีมือที่แข็งแกร่งอื่นใดในโลกภายนอก ลำพังแค่ภายในคฤหาสน์คลื่นขจีของนาง หากยอดฝีมือบางคนรู้เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนมีตราผนึกมารอยู่ในครอบครอง น่ากลัวว่าจะทนแรงยั่วยวนของมันไม่ไหวเช่นกัน
“เฉวี่ยไน่เรื่องนี้เจ้าวางใจได้ เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป…ก่อนหน้าตอนที่ข้าเดินทางมาถึงคฤหาน์คลื่นขจี ข้ายังใช้ใบหน้าปลอม ทั้งแจ้งชื่อปลอมออกไป”
เมื่อเห็นความเป็นห่วงและความกังวลของเฉวี่ยไน่ต้วนหลิงเทียนพลันหัวเราะออกมาเบาๆ
ขณะเดียวกันเขาก็ใช้ทักษะลับปลอมแปลงโฉมที่ร่ำเรียนมาจากผู้เฒ่าหั่วทันที เพียงจ่ายปราณแท้เล็กน้อย กล้ามเนื้อใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปฉับไวอย่างอัศจรรย์ กลับกลายเป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าเย็นชาแลดูต่างออกไปจากเดิมเป็นคนละคน!
“ตอนนี้ข้าเรียกว่า หลิงเทียน ไม่ใช่ต้วนหลิงเทียน”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวเสียงเย็น
“พี่ใหญ่หลิงเทียน…นี่ท่าน…ทำได้อย่างไรกัน”
เห็นใบหน้าแววตาทั้งเสียงที่เย็นชาคล้ายคนแปลกหน้า หานเฉวี่ยไน่อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว เรียกว่านางตกตะลึงไปอย่างสิ้นเชิง
นางไม่ใช่ไม่คุ้นเคยกับทักษะปลอมแปลงโฉม หากแต่ทักษะปลอมแปลงโฉมทุกชนิดที่นางรู้จัก ถ้าไม่ต้องใช้พลังวิญญาณออกด้วยศาสตร์ลวงตา ก็ต้องใช้อุปกรณ์ไม่น้อยอาทิเช่นหน้ากากหนังมนุษย์…บ้างก็ใช้เครื่องสำอางค์หรือเครื่องประทินโฉม
อย่างไรก็ตามดูเหมือนทักษะปลอมแปลงโฉมของต้วนหลิงเทียนจะไม่ใช่ทักษะปลอมแปลงโฉมทั่วๆไป!
เรียกว่ากระทั่งนางเองยังไม่อาจจดจำต้วนหลิงเทียนได้เลย ตอนนี้คนเบื้องหน้าของนางไม่เหลือความรู้สึกดั่งที่พี่ใหญ่หลิงเทียนเคยมอบให้สักนิด สีหน้าแววตา กระทั่งน้ำเสียงล้วนห่างเหินเย็นชาจับใจ
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น หานเฉวี่ยไน่จึงเอื้อมมือออกมาลูบๆจับๆใบหน้าของต้วนหลิงเทียน กระทั่งลองหยิกๆดึงๆดู
แต่สุดท้ายแม้กระทั่งจะพยายามแผ่พุ่งพลังวิญญาณไปตรวจสอบ นางก็ไม่อาจพบเห็นร่องรอยการปลอมแปลงอะไรเลย
“นิ…นี่มัน ช่างน่าเหลือเชื่อนัก!”
หานเฉวี่ยไน่กล่าวอุทานออกมาด้วยความตะลึง
ตอนที่ 1,652 : ไฟไหม้คิ้ว!
ทักษะลับแปลงโฉมของต้วนหลิงเทียน เรียกว่าทำให้หานเฉวี่ยไน่ตกตะลึงและเปิดหูเปิดตาครั้งใหญ่แล้วจริงๆ
“จริงสิ เฉวี่ยไน่…”
ทันใดนั้นเองสองตาต้วนหลิงเทียนพลันนทอประกายสว่างวาบขึ้นมา ด้วยนึกวิธีหาทางบอกปัดการแต่งงานครั้งนี้ได้ออก “ไม่ให้ข้าถ่ายทอดทักษะลับแปลงโฉมนี้กับเจ้าเล่า…พอเจ้าฝึกมันสำเร็จ ก็ทำให้ใบหน้าเจ้าเสียโฉมร้ายแรงไปเสีย คราวนี้นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนั่น เผลอๆจะเร่งยกเลิกงานแต่งกับเจ้าด้วยตัวเอง”
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมา หานเฉวี่ยไน่ก็คิดว่าวิธีแก้ปัญหานี้ของต้วนหลิงเทียนนับว่าใช้ได้ดีไม่น้อย
อย่างไรก็ตามพอนางครุ่นคิดอีกครั้ง สีหน้ายินดีก็หมองลง “พี่ใหญ่หลิงเทียนเรื่องนี้คงทำไม่ได้…ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะยกเลิกหรือไม่ยกเลิกงานแต่งด้วยซ้ำ…แต่งานวิวาห์ครั้งนี้เรียกว่าประกาศให้ผู้คนรู้กันไปทั่วแล้ว หากมีเหตุผิดพลาดอันใด คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องย่อมโทษว่าเป็นความผิดของพวกเราคฤหาสน์คลื่นขจีและมาลงโทษพวกเราทีหลัง…ทว่างานแต่งนี้จะอย่างไรก็ต้องถูกจัดขึ้นเพื่อรักษาหน้าตา…”
“ดังนั้นต่อให้ข้าเสียโฉมและหน้าตาดูไม่ได้ ถึงนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนั่นแม้จะไม่แยแสข้าอีกต่อไป แต่มันก็คงพยายามทำให้การแต่งงานลุล่วงไปได้ด้วยดี…เพราะมันได้นัดแขกเหรื่ออันใดไว้มากมายแล้ว..อย่าว่าแต่น่าเกลียด ต่อให้ข้าป่วยหนักลุกไม่ไหว แต่มันก็ต้องลากข้าไปแต่งกับมันเพื่อรักษาหน้าแน่…”
กล่าวถึงท้ายประโยคหานเฉวี่ยไน่เผยความขื่นขมและอับจนหนทางออกมา
คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเป็นขุมพลังชั้น 4 อันแข็งแกร่ง ซึ่งห่างไกลจากคฤหาสน์คลื่นขจีจะเทียบได้
ต่อหน้าคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง กระทั่งคฤหาสน์คลื่นขจียังต้องคอยยกหางให้อีกฝ่าย
“อะไร? วันแต่งเจ้าถูกกำหนดแล้ว ทั้งยังเชิญผู้คนไปแล้ว?”
ใบหน้าต้วนหลิงเทียนจมลงทันใด สองตาทอประกายแสงเย็นกล่าวถามเสียงเข้ม “เฉวี่ยไน่…เป็นวันใด?”
“อีก 1 ปีหลังจากนี้”
หานเฉวี่ยไน่กล่าว
” 1 ปี?”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับค่อยกล่าว “ถ้างั้นหากมีอันใดเกิดขึ้นกับนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องในช่วงเวลานี้เล่า…หากตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น หรือคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องยังไม่คิดจะปล่อยคฤหาสน์คลื่นขจีไป?”
“ใช่”
หลังจากที่หานเฉวี่ยไน่พยักหน้ารับด้วยทีท่ารังเกียจ นางก็เล่าออกมาด้วยท่าทางไม่พอใจ “ข้าได้ยินเรื่องนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมานานแล้ว นับเป็นตัวบัดซบไม่ต่างใดจากหานจิ้นเหนียนแม้แต่น้อย! จักเป็นการดีถึงเพียงใดจริงหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับมันในปีนี้ ให้มันตกตายไปเลยยิ่งดี!!”
ด้านต้วนหลิงเทียนนิ่งเงียบฟังคำสบถของหานเฉวี่ยไน่ไปไม่ตอบคำ หากแต่ในแววตากลับทอแสงสว่างเย็นวาบขึ้นมา
“จริงสิ พี่ใหญ่หลิงเทียน ท่านทิ้งข้อความไว้ที่ทวีปเมฆาล่อง ว่าพี่สาวเค่อเอ๋อถูกคนของลัทธิบูชาไฟพาตัวไปงั้นหรือ?”
ทันใดนั้นหานเฉวี่ยไน่ก็คล้ายนึกอะไรได้ออก นางจึงกล่าวถามต้วนหลิงเทียนออกมาทันที
“อะไรกัน? เฉวี่ยไน่ เจ้ารู้จักลัทธิบูชาไฟด้วยงั้นเหรอ?!”
เมื่อเห็นสีหน้าเข้มขึงจริงจังของหานเฉวี่ยไน่ ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ทันทีว่าหานเฉวี่ยไน่อาจจะรู้จักลัทธิบูชาไฟ
“ก่อนหน้านี้ข้าเองก็มิรู้จักลัทธิบูชาไฟ…แต่พอข้ากลับมาและถามชิงหนู นางเลยลองไปค้นหาในบันทึกโบราณดู สุดท้ายจึงได้พบบันทึกโบราณม้วนหนึ่งที่มีข้อมูลของลัทธิบูชาไฟ”
ขณะกล่าวถึงจุดนี้หานเฉวี่ยไน่ก็สะบัดมือคราหนึ่ง ปรากฏเป็นม้วนคัมภีร์แลดูเก่าแก่ม้วนหนึ่งผุดขึ้นมาจากความว่างเปล่า ก่อนที่จะพลิกข้อมือเบาๆส่งม้วนคัมภีร์นั่นให้ต้วนหลิงเทียน
“ข้าเหน็บกระดาษช่วงที่มีเรื่องของลัทธิบูชาไฟบันทึกไว้ให้พี่ใหญ่แล้ว”
หานเฉวี่ยไน่กล่าวออกอีกครั้ง
ด้วยกระดาษที่เหน็บไว้ด้านข้าง ต้วนหลิงเทียนคลี่คัมภีร์ออกไม่ทันไร ก็ถึงเนื้อหาส่วนดังกล่าว เขาว่ายตาอ่านเนื้อหาที่ว่าทันที
ทว่ายิ่งอ่านไปนานเท่าไหร่ สีหน้าต้วนหลิงเทียนยิ่งบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก
“ลัทธิบูชาไฟ กลับเป็น 1 ใน 3 ลัทธิของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ทั้งยังเป็นขุมพลังที่เรืองอำนาจอย่างยิ่งในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า…หลังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าถูกแบ่งออกเป็น 2 ภูมิภาค มันก็สืบสานต่อกันมาที่ภูมิภาคเบื้องบน?”
ต้วนหลิงเทียนรู้เรื่องที่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าถูกแบ่งออกเป็น ภูมิภาคเบื้องบน และภูมิภาคเบื้องล่างดี
ในตอนนั้นเขายังคิดเผื่อไว้แล้วด้วยซ้ำว่าลัทธิบูชาไฟอาจเป็นขุมพลังจากภูมิภาคเบื้องบน
อันที่จริงเขาเองก็เตรียมใจรับเรื่องราวไว้แต่แรกแล้ว
เหตุเพราะวันที่พี่สาวฝาแฝดของเค่อเอ๋อปรากฏตัวออกมาและเปิดเผยฐานะ กระทั่ง ตี้จิ่ว จากเผ่าพันธุ์มังกรก็ทำท่าทางคล้ายไม่เคยได้ยินขุมพลังนาม ลัทธิบูชาไฟ มาก่อน
ก่อนหน้านี้แม้ต้วนหลิงเทียนจะรู้ว่าเผ่าพันธุ์มังกรแข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์มังกรมากนัก
จนกระทั่งเขาไปถึงประเทศฝูเฟิง และตั้งรกรากอยู่ในตระกูลซือถู เขาจึงได้อ่านพบบันทึกเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์มังกรในม้วนบันทึกเรื่องราวของตระกูลซือถูที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ
เผ่าพันธุ์มังกรนั้นไม่ใช่แค่เป็นขุมพลังชั้น 4 แต่พวกมันยังถือว่าเป็นขุมพลังกึ่งชั้น 3 อีกด้วย!
ถึงแม้กล่าวกันตามหลักแล้วขุมพลังกึ่งชั้น 3 จะยังเป็นแค่ขุมพลังชั้น 4 แต่พลังรบเมื่อเทียบกันแล้วก็แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ!
เรียกว่าแม้จะอ่อนแอกว่าขุมพลังชั้น 3 แต่ก็มีพลังอำนาจลบขุมพลังชั้น 4 ได้ง่ายดาย!
อย่างไรก็ตามกระทั่งตัวตนสำคัญจากขุมพลังเช่นนั้น ยังไม่รู้จักเรื่องราวของลัทธิบูชาไฟ…
วินาทีนั้นต้วนหลิงเทียนก็คาดเดาได้ทันที ว่าบางทีลัทธิบูชาไฟสมควรไม่ใช่ขุมพลังในภูมิภาคเบื้องล่าง แต่เป็นขุมพลังจากภูมิภาคเบื้องบน!
อย่างไรก็ตามแม้เขาจะคิดไว้แล้วว่าลัทธิบูชาไฟอาจเป็นขุมพลังในภูมิภาคเบื้องบน แต่ก็ไม่คิดเลยว่าขนาดในภูมิภาคเบื้องบนมันยังถือเป็นขุมพลังระดับแนวหน้า!
3 ลัทธิ 9 ขุมพลัง ไม่ว่าจะเป็นลัทธิใด ล้วนมีพลังอำนาจอันเบ็ดเสร็จ ยากที่จะมีใดในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าสั่นคลอนได้
ลัทธิบูชาไฟเป็นหนึ่งในนั้น…
หลังได้รับทราบว่าลัทธิบูชาไฟเป็นขุมพลังระดับไหน สีหน้าต้วนหลิงเทียนกลายเป็นหมองคล้ำทันที…
ขุมพลังที่เรืองอำนาจอยู่ ณ จุดสูงสุดของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า?
‘เค่อเอ๋อไปมีสัมพันธ์กับขุมพลังระดับลัทธิบูชาไฟได้อย่างไร กระทั่งมีพี่สาวฝาแฝดจากขุมพลังเช่นนั้นได้?’
ต้วนหลิงเทียนคิดไม่ออกจริงๆ
ลัทธิบูชาไฟคือ 1 ใน 3 ลัทธิทีมีพลังอำนาจสูงสุดในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า
อย่างไรก็ตามเค่อเอ๋อกลับมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวบ้านเกิดเขาที่เมืองวายุโปรย?
เมืองวายุโปรยนั้นอย่าว่าแต่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า กระทั่งในอาณาจักรนภาล่อง ในทวีปเมฆาล่อง ยังถือเป็นเมืองชนบทที่เล็กจ้อยที่สุด…
ลัทธิบูชาไฟกับเมืองวายุโปรย เรียกว่าเป็นอะไรที่ห่างไกลกันพันหมื่นแสนลี้!
ทว่าเค่อเอ๋อที่ออกเดินทางจากเมืองวายุโปรยมาพร้อมกันกับเขา กลับมีส่วนเกี่ยวข้องกับลัทธิบูชาไฟ..แถมสตรีหน้าตาที่เหมือนเค่อเอ๋อราวกับแกะผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นพี่สาวของนาง…กลับบอกว่ามาจากลัทธิบูชาไฟ!?
เมื่อเห็นสีหน้าที่แปรเปลี่ยนกลับกลายไปของต้วนหลิงเทียน หานเฉวี่ยไน่ก็นิ่งเงียบไม่กล่าววาจา
อารมณ์ของต้วนหลิงเทียนตอนนี้ นางย่อมเข้าใจได้เป็นอย่างดี
ในตอนแรกที่นางไม่รู้ว่าลัทธิบูชาไฟคืออะไร นางก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก
แต่เมื่อนางได้อ่านในคัมภีร์โบราณม้วนนี้ นางจึงค่อยรับทราบว่าที่แท้ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ยังมีขุมพลังอันน่ากลัวเช่นลัทธิบูชาไฟดำรงอยู่!
นั่นคือมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า! 3 ลัทธิ 9 ขุมพลัง เป็นดั่งมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ที่ครองอำนาจเหนือขุมพลังชั้นใดๆในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ามาแต่ครั้งโบราณ
ในตอนนั้นที่นางทราบเรื่องนี้ นางก็มีคิดไว้แล้วว่าหากพี่ใหญ่หลิงเทียนของนางได้รับทราบเรื่องขุมพลังของสตรีที่มาพาตัวพี่สาวเค่อเอ๋อไปล่ะก็…เขาต้องยากจะรับไหวแน่นอน
เป็นนางคิดถูกจริงๆ
ตอนแรกนางยังคิดด้วยซ้ำว่าจะปกปิดเรื่องลัทธิบูชาไฟนี้จากพี่ใหญ่ของนาง แต่พอนางคิดอีกครั้งก็พบว่านี่เป็นการไม่เหมาะสมสักเท่าไร
เพราะจะช้าจะเร็วพี่ใหญ่หลิงเทียนของนางก็ต้องได้รู้ และเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะได้รู้
“พี่ใหญ่หลิงเทียน…”
คราวนี้เรียกว่าถึงตาหานเฉวี่ยไน่กล่าวปลอบต้วนหลิงเทียนบ้างแล้ว
“ข้าไม่เป็นไร”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวเบาๆ ก่อนที่จะกล่าวบอกหานเฉวี่ยไน่ “เฉวี่ยไน่ ช่วยจัดห้องให้ข้าด้วย ข้าอยากพักผ่อนสักหน่อย”
“ได้”
หานเฉวี่ยไน่พยักหน้า ก่อนที่จะพาต้วนหลิงเทียนไปยังห้องหับว่างเปล่า
เมื่อรู้ว่าอารมณ์ของต้วนหลิงเทียนไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่ หานเฉวี่ยไน่ก็กล่าวลาต้วนหลิงเทียนทันทีที่ส่งถึงห้อง
เมื่อนางจากมาใบหน้าของนางก็เผยความทุกข์ระทมออกมาเช่นกัน นางรู้สึกว่านางกับพี่ใหญ่หลิงเทียนช่างตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายนัก ต่างเข้าใจความทุกข์ของอีกฝ่ายกันอย่างดี
และพอคิดถึงสถานการณ์ของนางตอนนี้ ใจนางก็หม่นหมองลงถึงขีดสุด
หากนางเลือกที่จะหนี นางก็อาจจะหลบหนีไปจากคฤหาสน์คลื่นขจีได้ไม่ยาก…เพราะบิดาของนางเป็นคนที่ตระเตรียมหนทางหนีให้นางเอง ทั้งยังพยายามกล่าวให้นางหนีไปแล้ว แต่เป็นนางที่ไม่อาจละทิ้งคฤหาสน์คลื่นขจีไปได้
ในคฤหาสน์คลื่นขจี หานซิ่นกับคนอื่นๆนั้นนางไม่ได้แยแสแม้แต่น้อย
หากแต่นางใส่ใจบิดาของนางกับลุงมู่นัก
ด้วยเหตุนางจึงปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวและเลือกที่จะอยู่ที่นี่
“ข้าไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าข้าหานเฉวี่ยไน่กลับมีวันนี้ได้…หากข้ารู้ว่าหานซิ่นเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์เช่นนี้ข้าจักมิสนใจมัน! หากวันนั้นข้าไม่ไปหามัน ข้าคงไม่ต้องพบกับนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนั่น!”
เมื่อไหร่ก็ตามที่คิดถึงเรื่องนี้ หานเฉวี่ยไน่รู้สึกเสียใจไม่น้อย
อย่างไรก็ตามหานเฉวี่ยไน่รู้ดี ว่าคำ ‘กัดไม่ปล่อย’ เป็นอย่างไร…แม้วันนั้นนางจะคลาดกับนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง แต่หานซิ่นก็คงมีหนทางอีกมากมายที่จะทำให้นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องสนใจในตัวนาง
อันที่จริงไม่ต้องอะไรมากมาย แค่ภาพเหมือนของนางใบเดียวก็เกินพอ…
เมื่อหานเฉวี่ยไน่จากไป ต้วนหลิงเทียนก็นั่งขัดสมาธิบนเตียงด้วยความอื้ออึง ในใจเต็มไปด้วยเรื่องราวของเค่อเอ๋อ
ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปพักหนึ่ง เขาก็ตระหนักได้ว่า ถึงคิดไปตอนนี้ก็ป่วยการ จึงเลิกจมอยู่กับความสับสน ‘เค่อเอ๋อจะอย่างไรก็ถูกพี่สาวฝาแฝดของนางพาตัวไป แถมไม่คล้ายนางจะคิดทำร้ายเค่อเอ๋อแต่อย่างไร…ข้าแค่หวังว่านางจะมีเมตตาไม่ทำร้ายลูกในท้องเค่อเอ๋อด้วย’
จนถึงตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยังจดจำโทสะของสตรีนางนั้นได้ดี ยามที่นางคนพ้บว่าเค่อเอ๋อตั้งครรภ์ลูกเขา
ยังคล้ายนางจะลงมือฆ่าเขาให้ตายทันทีด้วยซ้ำ!
“บ่มเพาะ! สั่งสมพลัง!”
เมื่อคิดว่าเค่อเอ๋อสมควรถูกนำตัวไปยังภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ต้วนหลิงเทียนก็คิดได้แต่ว่าต้องเร่งบ่มเพาะพลังเท่านั้น!
เท่าที่เขารู้มาหากคิดจะผ่าน ‘กำแพง’ ที่กั้นขวางระหว่างภูมิภาคเบื้องบนกับภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเอาไว้ อย่างน้อยๆพลังฝึกปรือต้องบรรลุขอบเขต อริยะเซียนก่อนเท่านั้น หาไม่แล้วก็เป็นไปไม่ได้เลย…
มีเพียงผู้ฝึกตนที่มีพลังฝึกปรือตั้งแต่อริยะเซียนขั้นต้นขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะสามารถเดินทางผ่าน ‘กำแพง’ ดังกล่าว สัญจรไปมาระหว่างภูมิภาคเบื้องบนและภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้อย่างอิสระ…
“เค่อเอ๋อ…รอข้าก่อน สักวันข้าจะไปช่วยเจ้ากับลูกให้จงได้!”
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อใด ในแววตาของต้วนหลิงเทยนคล้ายมีเพลิงระอุขุมหนึ่งกำลังลุกโหมขึ้นมา เขาวูบร่างเข้าเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ทั้งเดินขึ้นไปยังชั้น 3 ทันที
‘หวังว่าปิดด่านบ่มเพาะคราวนี้ข้าจะบังเกิดความก้าวหน้า…หากกระทั่งขอบเขตเซียนข้ายังไม่อาจทะลวงถึง ข้าจะเอาปัญญาสามารถที่ไหนไปช่วยเฉวี่ยไน่’
การปิดด่านบ่มเพาะครั้งนี้ ต้วนหลิงเทียนนับว่ามีแรงกดดันมหาศาลนัก
ยังห่างไกลนักสำหรับเขาที่คิดจะช่วยเหลือเค่อเอ๋อ หากแต่สถานการณ์ที่เฉวี่ยไน่เผชิญอยู่ตอนนี้เรียกว่า ไฟไหม้คิ้วแล้ว
(*ไฟไหม้คิ้ว ก็คล้ายๆ ไฟลนก้นบ้านเรา)
ตอนที่ 1,653 : หลิงเทียน
ถึงแม้ว่าหานเฉวี่ยไน่จะเป็นคุณหนูใหญ่คฤหาสน์คลื่นขจี แต่นางก็เป็นเป้าหมายการจับตามองของอาวุโสฝ่ายหานซิ่น!
เรื่องที่มีคนพักอาศัยในบ้านพักของหานเฉวี่ยไน่ ทั้งยังเป็นบุรุษแปลกหน้าไม่นานก็ล่วงรู้มาถึงหูหานซิ่น!
“บัดซบ! ยาโถวน้อยนั่นถึงแม้นางจักไม่กังวลเรื่องชื่อเสียงที่จะเสียหาย…แต่นางไม่คิดหรือไรว่าหากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปจะทำให้นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องบันดาลโทสะ?”
ใบหน้าหานซิ่นบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก
ตอนแรกที่มันจงใจให้นายน้อยคฤหาสน์เห็นหานเฉวี่ยไน่ ก็เพราะต้องการล้างแค้นเรื่องที่หานเฉวี่ยไน่ไม่ให้ความร่วมมือช่วยเหลือมันในการตามหาฆาตกรที่สังหารหลานชายคนเดียวของมัน!
ในอดีตนั้นมันก็มีความรู้สึกดีๆให้หานเฉวี่ยไน่ไม่น้อย แต่เมื่อรู้ว่าหลานชายของมัน เพราะไปติดพันกับสตรีของต้วนหลิงเทียนที่เป็นสหายอันดีของหานเฉวี่ยไน่ จึงประสบเคราะห์ถึงขั้นตกตายอนาถ มันก็โยนความรู้สึกดีๆดังกล่าวทิ้งไปหมดสิ้น!!
และตั้งแต่ที่หานเฉวี่ยไน่ไม่คิดให้ความช่วยเหลือมันตามหาฆาตกรแต่โดยดี มันจึงคิดทำลายหานเฉวี่ยไน่เสีย!
แน่นอนว่ามันคิดทำลายหานเฉวี่ยไน่ แต่ไม่คิดทำลายคฤหาสน์คลื่นขจี!
คฤหาสน์คลื่นขจีจะอย่างไรก็เป็นขุมพลังที่ชุบเลี้ยงอุ้มชูมันมาจนทำให้มันมีได้ทุกอย่างดั่งวันนี้ หากไม่มีคฤหาสน์คลื่นขจีก็ไม่มีมัน หานซิ่น!
ยิ่งไปกว่านั้นที่มันมีอำนาจสูงล้ำเหนือผู้คนมากมายในเขตอิทธิพลล้วนเป็นเพราะคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน!
หากไร้คฤหาสน์คลื่นขจีมันก็ไม่ต่างใดจากสุนัขกลางถนน!
ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่เคยคิดจะทำลายคฤหาสน์คลื่นขจีแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งหมดที่ต้องการก็คือสร้างความฉิบหายให้หานเฉวี่ยไน่เท่านั้น! เพราะนางเลือกที่จะไม่ร่วมมือกับมันหาตัวฆาตกรเอง!!
พอได้ยินว่าเรือนพักของหานเฉวี่ยไน่มีบุรุษหนุ่มแปลกหน้ามาเยือน อีกทั้งยังอาศัยอยู่ในนั้นกว่าเดือนแล้ว หานซิ่นจึงแทบรอไปเยือนที่พักของหานเฉวี่ยไน่ไม่ไหว และคิดฆ่าชายหนุ่มแปลกหน้าผู้นั้นเสียเพื่อรักษาชื่อเสียง!
แน่นอนว่ามันไม่สนใจชื่อเสียงของหานเฉวี่ยไน่
แต่มันใส่ใจกับความปลอดภัยของคฤหาสน์คลื่นขจี หากเรื่องที่มีบุรุษอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับสตรีที่กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับตัว..ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะพิโรธถึงเพียงใด! เกรงว่าคฤหาสน์คลื่นขจีไม่อาจทานรับความพิโรธนั้นได้แน่!
ถึงตอนนั้นน่ากลัวคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะลงมือล้างบางคฤหาสน์คลื่นขจีทิ้งไปเสียเพื่อรักษาหน้า!
หากมีอะไรเกิดขึ้นกับคฤหาสน์คลื่นขจี อาวุโสเช่นมันก็คงเป็นดั่งปลาในบ่อยากหลบหนี!
“ไป! รีบไปแจ้งเตือนยาโถวน้อยโง่งมนั่นเสีย ว่าให้รีบขับไล่บุรุษผู้นั้นไปให้พ้น…หากข่าวเรื่องนี้แพร่ออกไปถึงหูนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง นางจักมิได้ตกตายคนเดียว แต่คฤหาสน์คลื่นขจีจะต้องถูกกลบฝังไปพร้อมกับนาง!!”
หานซิ่นมองไปยังชายชราในชุดสีเขียวด้านขวา ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม
ชายชราในชุดสีเขียวเป็นผู้อาวุโสในคฤหาสน์คลื่นขจขีคนหนึ่ง มันมักรอรับคำสั่งและดูแลเรื่องราวต่างๆให้หานซิ่น ทั้งยังบูชาหานซิ่นราวกับเทพเซียน
พอได้ยินคำสั่งของหานซิ่นมันก็เร่งรับคำ และไปหาหานเฉวี่ยไน่ทันที
“คุณหนูใหญ่ท่านสมควรรู้ดีว่าบัดนี้ท่านมิได้เป็นแค่คุณหนูใหญ่แห่งคฤหาน์คลื่นขจีเท่านั้น แต่ท่านยังเป็นคู่หมั้นของนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องอีกด้วย…หากผู้อื่นพบว่าท่านให้บุรุษมาร่วมอาศัยใต้ชายคาเดียวกัน ยังฟังดูเป็นอันใดได้? ข้ากลัวว่าหากนายน้อยคฤาหสน์ฟ้าลิ่วล่องมาได้ยินเข้า…คงไม่มีวันปล่อยเรื่องนี้ไปแน่!”
เมื่อชายชราชุดเขียวเห็นหานเฉวี่ยไน่ มันก็เปิดประตูเห็นภูผากล่าวออกมาทันที
“มาหาข้าเพียงเพราะคิดบอกเรื่องนี้?”
เมื่อเผชิญหน้ากับสุนัขรับใช้ข้างกายหานซิ่น หานเฉวี่ยไน่เพียงกล่าวตอบออกไปอย่างไร้แยแส “เช่นนั้นอาวุโสเค่อเชิญกลับไปเถอะ ข้าไม่ส่งนะ”
อาวุโสฝ่ายในของคฤหาสน์คลื่นขจีคนนี้ เรียกว่า หานเค่อ
ได้ยินวาจาขับไล่ของหานเฉวี่ยไน่ สองตาหานเค่อทอประกายวูบวาบ อย่างไรก็ตามมันไม่กล้าเผยอารมณ์อะไรออกมาเพราะกริ่งเกรงฐานะหานเฉวี่ยไน่ เพียงกล่าวออกมาด้วยเสียงต่ำ “อาวุโสสูงสุดรู้แต่แรกแล้วว่าท่านต้องมิฟังคำของข้าเป็นแน่ ถึงแม้ว่าท่านมิอาจหักใจขับไล่ชายหนุ่มคนนั้นออกจากคฤหาสน์คลื่นขจี แต่อย่างน้อยท่านสมควรให้เขาไปพักที่อื่นที่มิใช่พักร่วมชายคาเดียวกับท่าน..”
“ท่านคิดว่าหากเรื่องฉาวโฉ่พรรค์นี้แพร่ออกไปจะเกิดอะไรขึ้น? หรือท่านอยากให้คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมาระบายโทสะกับคฤหาสน์คลื่นขจีเรา..คุณหนูใหญ่?”
กล่าวถึงจุดนี้หานเค่อก็ใช้ไพ่ตายออกมา…ความชอบธรรม!
หานเฉวี่ยไน่ย่อมใส่ใจกับความปลอดภัยของคฤหาสน์คลื่นขจี เรื่องนี้ไม่ใช่แค่มันแต่อาวุโสคนอื่นๆเองก็รู้ดี!
หาไม่แล้วหานเฉวี่ยไน่คงเลือกหลบหนีไปเนิ่นนานด้วยความช่วยเหลือของผู้นeคฤหาสน์!
หากหานเฉวี่ยไน่คิดจากไปจริงๆ ต่อให้พวกมันอยากจะหยุดนางเพียงใดแต่พวกมันก็คงไม่อาจหยุดยั้งนางได้!!
ไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งอื่นใด อาศัยพลังฝีมือของผู้นำคฤหาสน์เพียงคนเดียวก็ทัดเทียมกับหานซิ่นแล้ว
ด้วยมีผู้ฝึกสัตว์อย่างมู่อี้เคียงข้างผู้นำคฤหาสน์อีกสักคนลงมือ พร้อมฝูงสัตว์ร้ายอันน่ากลัวเหล่านั้น คงยากที่จะมีใครหยุดยั้งนางได้!
แถมคราวนี้หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์ของคฤหาสน์คลื่นขจีล้วนขึ้นอยู่กับการกระทำของหานเฉวี่ยไน่ น่ากลัวผู้นำคฤหาสน์คงมาสั่งสอนพวกมันที่กล้ากล่าววาจาถือดีแบบนี้กับหานเฉวี่ยไน่ไปนานแล้ว!
“ไสหัวไป!!”
หานเฉวี่ยไน่ขมวดคิ้ว ทั้งตะคอกเสียงใสไล่คนดั่งหมูหมาออกมาดั่งลั่น!
เมื่อถูกหานเฉวี่ยไน่ขับไล่มาด้วยท่าทางไม่ไว้หน้า หานเค่อและอาวุโสคนอื่นๆที่มาด้วยก็ชักสีหน้ามีโทสะไม่น้อย หากแต่พวกมันก็ไม่กล้าทำอะไรอื่นอีก เป็นหานเค่อโบกมือพาทุกคนกลับไป
หลังจากหานเค่อและคนอื่นๆจากไป ชิงหนูค่อยปรากฏตัวออกมาพร้อมถอนหายใจ “คุณหนู เรื่องนี้พวกมันกล่าวไปก็ถูก…บางทีพวกเราสมควรจัดที่พักอื่นๆให้เขาอยู่ดีหรือไม่?”
“ข้าจะไม่ขับไล่พี่ใหญ่หลิงเทียนไปไหนเด็ดขาด!!”
หากเป็นตามปกติ หานเฉวี่ยไน่คงฟังคำของชิงหนูอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดขึ้นในช่วงเวลาแบบนี้ นางเลือกที่จะบอกปัดปฏิเสธออกไปโดยไร้ซึ่งความลังเลแม้แต่นิดเดียว!
ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่ใช่พี่ใหญ่หลิงเทียนของนาง ทว่าตั้งแต่ที่หานเค่อมาก้าวก่ายเช่นนี้มีหรือหานเฉวี่ยไน่จะทำตามมัน? นับประสาอะไรกับอีกฝ่ายคือพี่ใหญ่หลิงเทียนของนาง!
นางเป็นใคร อีกฝ่ายนับเป็นตัวอะไร?!
แถมสาเหตุที่หานเค่อกล้ามากล่าววาจาโอหังพรรค์นี้ต่อหน้านาง ไหนเลยนางยังไม่รู้ได้ว่ามันรับคำสั่งผู้ใดมา?
“ฮึ! ในที่สุดเจ้าก็นั่งไม่ติดที่แล้วรึไง? เจ้ากลัวว่าข่าวฉาวนี้จะแพร่ออกไปใช่หรือไม่? กลัวว่าเกิดทำให้นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องน่าตายนั่นไม่พอใจขึ้นมา มันจะมาระบายโทสะลงกับคฤหาสน์คลื่นขจี ทั้งลงหัวพวกเจ้างั้นสิ!”
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อใด หานเฉวี่ยไน่พลันกล่าวเย้ยเยาะออกมา ปากยังเบ้ออกด้วยความชิงชัง
ลึกลงไปในแววตายังเผยประกายเย็นชา มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้นางออกอาการจงเกลียดจงชังได้ขนาดนี้…หานซิ่น! อาวุโสสูงสุดคฤหาสน์คลื่นขจี สกุลหาน!!
ส่วนอีกด้านนั้น พอหานเค่อนำสิ่งที่หานเฉวี่ยไน่ตอบสนองมารายงานหานซิ่น มันก็หัวร้อนเป็นฟืนไฟ!
“บัดซบ! ยาโถวน้อยนั่นคิดก่อกบฏขึ้นมาตอนนี้รึไรกัน!?”
ใบหน้าหานซิ่นมืดดำปานจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก ทั้งยังอัปลักษณ์ปั้นยากนัก ลูกตายังเผยประกายเย็นเยียบเสียดแทงปานจะฉีกผ่าได้ทุกสิ่ง
“อาวุโสสูงสุด คราวนี้คุณหนูใหญ่ทำเกินไปแล้วจริงๆ! แล้วพวกเราจักทำอย่างไรกันดีเล่าท่าน? พวกเรามิอาจปล่อยให้นางกระทำเรื่องนี้ตามอำเภอใจของนางได้! เกิดงานวิวาห์ล่มเพาะเรื่องนี้..คฤหาสน์คลื่นขจีเราได้กลบฝังไปพร้อมกับนางแน่!!”
หานเค่อกล่าวออกมาด้วยความกังวลใจ
“ตอนนี้ก่อนอื่นใด…เจ้าไปเร่งตรวจสอบตัวตนของบุรุษผู้นั้นมาเสีย! ว่ามันเป็นใครแล้วมาหายาโถวน้อยนั่นทำอะไร…หรือที่แท้มันต้องการอันใดจากคฤหาสน์คลื่นขจีของพวกเรากันแน่!”
หานซิ่นมองหานเค่อด้วยแววตาลงลึก ค่อยกล่าวออกเสียงเข้ม
หานเค่อเร่งรับคำแล้วรีบไปกระทำตามคำสั่งทันที
ในฐานะสุนัขรับใช้ของหานซิ่น รวมถึงอาวุโสฝ่ายในของคฤหาสน์คลื่นขจี หานเค่อย่อมมีวิธีการไม่น้อยในการตรวจสอบความเป็นมาของต้วนหลิงเทียน
แน่นอนว่าผลการตรวจสอบของมันถูกจำกัดอยู่แค่ เมืองคลื่นขจีเท่านั้น…
เพราะไม่ว่ามันจะใช้เส้นสายอย่างไร มันก็พบว่า หลิงเทียนคนนี้คล้ายจะปรากฏตัวออกมาจากอากาศว่างเปล่า อยู่ดีๆก็มาโผล่ที่เมืองคลื่นขจีเพื่อตามหาหานเฉวี่ยไน่เสียอย่างนั้น!!
“หลิงเทียน?”
เมื่อหานเค่อย้อนกลับมารายงานหานซิ่น ในที่สุดหานซิ่นก็ได้ทราบนามของต้วนหลิงเทียน แน่นอนว่าเป็นนาม เทียน แซ่ หลิง ที่จงใจปลอมขึ้นมา ไม่ใช่ชื่อแซ่ที่แท้จริง
“คนนอก? สหายของยาโถวน้อย?”
ลูกตาหานซิ่นส่องแสงเรืองขึ้นมาวูบหนึ่ง “เท่าที่ข้ารู้นอกจากติดตามชิงหนูไปเที่ยวเล่นที่ทวีปมนุษย์เมื่อมิกี่ปีก่อน นางก็อยู่แต่ในบ้านมิได้ออกไปที่ใด…แม้จะออกไปข้างนอกบ้าง แต่ก็กลับมาในเวลาอันสั้น มิน่าไปพบพานสหายอันใดได้…”
“ชายหนุ่มผู้นั้นสามารถอยู่ร่วมบ้านเดียวกับนางได้ เห็นชัดว่านางมีความสัมพันธ์อันดีกับมันไม่น้อย…ชายหนุ่มผู้นั้นสมควรเป็นคนที่นางไปรู้จักมักคุ้นที่ทวีปมนุษย์”
หานซิ่นลองคาดเดาออกมา
อนิจจาไม่ว่ามันจะลองคาดเดาจนใกล้เคียงมากมายเพียงไร ก็ยากที่มันจะล่วงรู้ความจริงได้
ในตอนแรก สตรีที่หลานชายมันคิดล่วงเกิน…ก็เป็นคู่หมั้นของชายหนุ่มที่ชื่อว่า ต้วนหลิงเทียน
และคนที่ฆ่าหลานชายมันก็เป็นข้ารับใช้ ของบิดาชายหนุ่มคนนั้น
หากมันสามารถคาดเดาเรื่องนี้ได้ออก เกรงว่ามันคงไม่อาจอยู่เฉยแบบนี้ได้
“สมควรเป็นเช่นนั้น”
หานเค่อเห็นด้วยกับวาจาคาดเดานี้ของหานซิ่น
“จะอย่างไรก็ช่างเถอะ…พวกเราต้องทำให้นางไล่เจ้าหนุ่มนั่นไปให้ได้! อย่างน้อยๆก็ให้ออกมาจากเรือนพักของนางก็ยังดี! นอกจากนั้นให้คนของพวกเราไปจับตาดูสาวใช้ของนางไว้ให้ดี อย่าให้ใครไปกล่าววาจาเหลวไหลนินทาอันใดเด็ดขาด! บังคับให้พวกนางสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์ไปเลยก็ดี! ใครที่มันกล้ากล่าวเรื่องนี้ออกมาต้องตาย!!”
หานซินมองหานเค่อทั้งสั่งการออกมาฉะฉาน
“รับทราบ ท่านอาวุโสสูงสุด”
หานเค่อกล่าวรับคำสั่งด้วยความเคารพ “ข้ารับปากท่าน..ว่าสาวใช้เหล่านั้นจักมิมีวันกล่าวถึงเรื่องนี้ออกมาได้!”
“ดี! เสร็จเรื่องนี้แล้วเจ้าไปหารือกับอาวุโสคนอื่นๆเสีย! ให้ทั้งหมดรวมตัวกันไปกดดันผู้นำคฤหาสน์ กล่าวบอกความจริงออกไปว่าคุณหนูใหญ่กลับชุบเลี้ยงบุรุษแปลกหน้าไว้ใต้ชายคาเดียวกัน! ตอนนี้สถานการณ์ของคฤหาสน์คลื่นขจีของพวกเราตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงเพียงใดเล่าไปให้ครบ! บอกไปว่าพวกเราเพียงต้องการให้บุรุษผู้นั้นออกจากเรือนที่พักของนางเท่านั้น!”
หานซิ่นกล่าวสั่งหานเค่อสืบต่อ “ตอนนี้ยาโถวน้อยนั่นมันเคียดแค้นชิงชังพวกเรา พวกเราจึงต้องกดดันบิดาของนางให้ไปกล่าวบอกกับนางเอง…เพราะหากพวกเราไปบีบนางมากเข้าผู้ใดจะไปรู้ เกิดนางหนีขึ้นมาจะทำอย่างไร?”
“เรื่องนี้ขอท่านอาวุโสสูงสุดวางใจ ข้าจักไปหารือกับอาวุโสท่านอื่นๆ ทั้งพากันไปกดดันให้ท่านผู้นำคฤหาสน์เข้าใจสถานการณ์…ข้าเชื่อมั่นว่าผู้นำคฤหาสน์ย่อมให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของคฤหาสน์คลื่นขจีเป็นที่สุด เพราะเรื่องนี้สำคัญใหญ่หลวงนัก!!”
หานเค่อตอบรับ
“เหอะ! ให้ความสำคัญกับคฤหาสน์คลื่นขจีงั้นเหรอ?”
หานซิ่นยกยิ้มแสยะ “หากให้ความสำคัญกับคฤหาสน์คลื่นขจีจริง ไฉนมันถึงได้มีความคิดส่งบุตรีให้หนีออกไปเสียเล่า? ในใจของมันคฤหาสน์คลื่นขจีแม้สำคัญ..แต่น่ากลัวว่ายังสำคัญไม่เท่าความสุขชั่วชีวิตของบุตรีหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของมัน!!”
“ทว่าสำหรับยาโถวน้อยนั่น บิดาของนางก็มีความสำคัญมากกว่าทุกสิ่ง! รวมถึงความสุขชั่วชีวิตของนาง!!”
หานซิ่นหัวเราะเยาะออกมา “ดังนั้นงานวิวาห์ครั้งนี้พวกเราไม่ต้องกลัวว่านางจะชิ่งหนี…สิ่งที่พวกเราต้องจัดการดูแลให้ดีที่สุดตอนนี้ก็คือ…ทำให้การแต่งออกของคุณหนูใหญ่คฤหาสน์คลื่นขจีราบรื่น! เพราะเรื่องนี้ยังจะทำให้คฤหาสน์คลื่นขจีของพวกเราจักได้ชื่อว่ามีสัมพันธ์อันดีกับคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!!”
“ถึงแม้นิสัยของนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจักเจ้าชู้กรุ้มกริ่มไปบ้าง แต่จักอย่างไรก็ถือเป็นมังกรในหมู่มนุษย์! อีกทั้งในภายภาคหน้าก็สมควรได้เป็นผู้นำคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!!”
กล่าวถึงท้ายประโยคลูกตาของหานซิ่นก็เผยประกายเจิดจ้าออกมา คล้ายมันกำลังเห็นอนาคตอันสดใสของคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานส่องสว่างอยู่รำไร…
ตอนที่ 1,654 : ผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน หานเจิ้งเทียน!
หลังจากอาวุโสระดับสูงฝั่งหานซิ่นรวมตัวกันได้ 2 เค่อ สุดท้ายพวกมันก็ปลุกระดมอาวุโสทั้งหลายให้ไปกดดันผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจี!
ผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจีเป็นชายวัยกลางคนหน้าตาหล่อเข้มปานหยกเสลา สวมใส่ไว้ด้วยชุดคลุมสีเงิน ทั่วกายให้บรรยากาศน่าเกรงขามกลิ่นอายพลังไม่ใช่ชั่ว เพาะสร้างเป็นแรงกดดันขุมหนึ่ง!
ถึงแม้หานเค่อและอาวุโสอื่นๆจะมารวมตัวกดดันอีกฝ่าย แต่พอพวกมันเผชิญหน้ากับผู้นำจริงๆ ก็นิ่งไปไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง!
หานเจิ้งเทียน ผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจีมองไปยังหานเค่อและคนอื่นด้วยสายตาเย็นชา ก่อนถามออกมาด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ “อาวุโสทั้งหลาย มิทราบลมอันใดหอบพวกท่านมาถึงนี่?”
ตอนนี้เองหานเค่อและคนอื่นๆถึงได้รู้สึกตัว
หานเค่อพลันก้าวออกมาคนแรกประสานมือพร้อมกล่าว “ท่านผู้นำ ในเมื่อนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องกล่าวว่าจะตบแต่งคุณหนูใหญ่แล้ว…”
“อะไร? นี่พวกเจ้ารวมหัวกันมาโน้มน้าวให้ข้าเห็นชอบด้วยหรือไร?”
หานเจิ้งเทียนแค่นคำเย้ยเยาะออกมา ไม่คิดกล่าวด้วยวาจาดีๆอีกต่อไป
“ท่านผู้นำ พวกเรามิได้มาเพราะเรื่องนี้”
หานเค่อเร่งกล่าวสืบต่อ
ตอนนี้เองในใจของหานเค่อก็ลอบด่าทอผู้นำคนนี้ไม่น้อย
เรื่องนี้ใช่อะไรที่หานเจิ้งเทียนจะตัดสินใจโดยพลการได้หรือ? แม้หานเฉวี่ยไน่จะเป็นบุตรีคนเดียวของอีกฝ่ายก็ตาม…
เพราะนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องประกาศไปแล้วว่าจะแต่ง กระทั่งกำหนดวันงานและส่งบัตรเชิญไปยังแขกเหรื่อมากมายแล้วด้วย!
คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องตัดสินใจลงมือโดยเร็วเพราะรู้ดีว่าคฤหาสน์คลื่นขจีย่อมไม่คิดปฏิเสธ ทั้งยังไม่มีปัญญาปฏิเสธ!
ในสายตาหานเค่อก็เห็นตามนี้ด้วยเช่นกัน
ดังนั้นหานเจิ้งเทียนจึงไร้สิทธิ์ในการตัดสินใจด้วยเหตุผลส่วนตัวอีกต่อไป เว้นแต่ฝ่ายคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะยกเลิกเอง ไม่อย่างนั้นจะอย่างไรคุณหนูใหญ่คฤหาสน์คลื่นขจีก็ต้องแต่งกับนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!
“หืม? ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้งั้นเหรอ?”
มาตอนนี้ฝั่งหานเจิ้งเทียนเริ่มอยากรู้อยากเห็นบ้างแล้ว
“ท่านผู้นำ…เมื่อมินานมานี้มีบุรุษแปลกหน้ามาหาคุณหนูใหญ่ แถมยังพักที่เรือนของคุณหนูใหญ่ร่วมเดือน…พวกเรากลัวว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงคุณหนูใหญ่…ท่านผู้นำช่วยไปกล่าวบอกคุณหนูใหญ่ให้นางพาบุรุษผู้นั้นไปพักเรือนหลังอื่นเถอะ…”
หานเค่ออธิบายถึงเจตนาการมาทันที
“หืม?”
เมื่อหานเจิ้งเทียนได้ยินสิ่งที่หานเค่อพูดก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง เพราะมันเองก็ไม่รู้เลยว่ามีบุรุษแปลกหน้ามาพักอยู่ที่เรือนของบุตรี!
อย่างไรก็ตามพอได้ยินคำของหานเค่อแล้ว หานเจิ้งเทียนอดที่จะเย้ยหยันกลับไปเสียไม่ได้ “ชื่อเสียง? บุตรีข้าเป็นเช่นไร บิดาเช่นข้ารู้ดีที่สุด! ข้าเชื่อในตัวบุตรีข้าว่ามิมีทางทำเรื่องอันใดให้เสื่อมเสียแน่!!”
“พวกเจ้ามิบอกมาให้ชัดเลยเล่า?! ว่าอยากให้ข้าไปหานางและเชิญให้สหายของนางที่เป็นบุรุษไปพักที่อื่นเพื่อมิให้เกิดเรื่องผิดใจกับคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง?”
วาจาประโยคหลังหานเจิ้งเทียนยังหัวเราะออกมาดังๆ จงใจเย้ยเยาะทุกคนอย่างเห็นได้ชัด
หากเป็นก่อนหน้านี้การที่หานเค่อและอาวุโสคนอื่นมากล่าววาจาถึงบุตรีมันทำนองนี้ล่ะก็ มันจะตบเสียให้หน้าสะบัดโดยไม่สนว่าหน้าไหนเป็นหน้าไหน!
อย่างไรก็ตามตอนนี้สถานการณ์ของคฤหาสน์คลื่นขจีก็มิค่อยจะสู้ดีนัก มันไม่กล้าทำอะไรวู่วามแม้จะเป็นผู้นำคฤหาสน์ก็ตาม
หานเค่อและอาวุโสคนอื่นๆ แม้ไม่กล่าวอะไรออกมา แต่สีหน้าท่าทางก็เผยให้รู้ความนัยใจหมดสิ้น
“ข้าจะบอกพวกเจ้าอีกครั้ง…ต่อให้นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมาสู่ขอถึงคฤหาสน์คลื่นขจี แต่ข้าก็ยังมิได้ตบปากรับคำอะไรมัน เพราะในฐานะบิดาข้ามีสิทธิ์เลือกลูกเขยของข้า!”
ทันใดนั้นแววตาที่หานเจิ้งเทียนใช้มองทั้งหมดก็แปรเปลี่ยน ยังคล้ายผู้พิทักษ์สวรรค์ที่กำลังพิโรธ พาลให้หานเค่อและอาวุโสคนอื่นๆกดดันไม่น้อย!
“ไสหัวไป!!”
ตวาดไล่ออกมาคำหนึ่ง กลิ่นอายพลังมหาศาลขุมหนึ่งพลันปะทุออก มวลอากาศเริ่มบิดเบือน!
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
……
ทันใดนั้นคลื่นลมที่ออกมาจากปากของหานเจิ้งเทียนก็คล้ายจะจับตัวมีสภาพ พุ่งซัดเข้าใส่หานเค่อและอาวุโสคนอื่นๆ จนร่างเซถอยไปหลายก้าว!
หน้าหานเค่อและอาวุโสคนอื่นๆเปลี่ยนสีไปมาหลายรอบทันที หากแต่สุดท้ายพวกมันก็ได้แต่จากไปอย่างไม่กล้าพูดอะไร
สำหรับพวกมัน เรียกว่าได้กระทำตามหน้าที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับเรื่องที่หานเจิ้งเทียนตัดสินใจจะทำหลังจากนี้ ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกมันอีก
“หานซิ่น!”
สองตาหานเจิ้งเทียนทอประกายสว่างจ้าขึ้นมาทันทีหลังจากที่ทุกคนจากไปหมดแล้ว แววตายังคล้ายจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คน
ก่อนหน้านี้ก็เป็นหานซิ่นที่นำพานายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมา ยิ่งไปกว่านั้นยังเห็นด้วยกับข้อเสนออีกฝ่ายอย่างออกหน้าออกตา!
หลังจากที่มันรับทราบเรื่องนี้มันก็เร่งรุดไปหาหานซิ่นทันที ยังพยายามลงมือทุบตีหานซิ่นให้สาหัสด้วยซ้ำ เพราะพลังฝีมือของมันสูงกว่าเล็กน้อย
อนิจจาตอนนั้นเหล่าอาวุโสกว่า 8 ส่วนของคฤหาสน์คลื่นขจีกลับเข้าข้างหานซิ่น กระทั่งสนับสนุนการตัดสินใจของอีกฝ่าย ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่อาจเล่นงานหานซิ่นได้อีก
ถึงแม้มันจะมีโมโหหานซิ่นไม่น้อย แต่มันก็โกรธตัวเองนัก เพราะตอนนี้ชะตาชีวิตบุตรีคนเดียวกับกลายเป็นมาเกี่ยวพันกับโชคชะตาของคฤหาสน์คลื่นขจี!
หากบุตรีมันเลือกไม่แต่งงาน น่ากลัวคฤหาสน์คลื่นขจีจะพบพานหายนะ!
แต่หากนางเลือกที่จะตบแต่งออกไป น่ากลัวว่าความสุขชั่วชีวิตของนางคงแหลกสลายไม่มีชิ้นดี ในฐานะบิดามันย่อมเสียใจไปชั่วชีวิตเพราะกระทั่งลูกสาวคนเดียวยังไม่สามารถปกป้องไว้ได้!
เนื่อจากหานซิ่นและอาวุโสกว่า 8 ส่วนตัดสินใจเช่นนั้น มันจึงตัดสินใจได้อย่างเด็ดเดี่ยว!
มันจะให้ลูกสาวหลบหนีไปเสีย!
ไม่มีวันปล่อยให้ความสุขชั่วชีวิตของนางต้องถูกทำลายเช่นนี้เด็ดขาด!!
สำหรับเรื่องราวหนักหนาหลังจากนั้น ตัวมันในฐานะผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจีจะแบกรับไว้แต่เพียงผู้เดียว กระทั่งไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะรอดชีวิตไปได้หลังให้บุตรีหนีไปแล้ว
มันยินดีตายเพื่อบุตรี!
อนิจจามันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าบุตรีอันเป็นแก้วตาดวงใจของมันกลับเลือกที่จะไม่จากไป นางยินดีสละซึ่งทุกอย่างกระทั่งความสุขชั่วชีวิต
ด้วยเหตุนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมาจึงไม่มีวินาทีไหนที่ใจมันสงบลง ยังครุ่นคิดหาหนทางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นมันไม่มีวันผลักลูกสาวตัวเองลงสู่กองไฟแน่นอน!
นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเป็นตัวดีอันใด? ไหนเลยยังไม่รู้ชื่อเสียงในด้านชั่วร้ายของอีกฝ่าย! หากลูกสาวของมันอยู่กับตัวบัดซบพรรค์นี้ ก็เสมือนทำลายชีวิตของนาง!
“ดูเหมือนจักมีแค่วิธีเดียวเท่านั้น…”
หานเจิ้งเทียนกล่าวรำพันออกมา
และวิธีที่ว่าก็คือลอบสังหารนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง! ด้วยพลังฝีมือของมัน มันเชื่อว่าหากคิดลอบสังหารอีกฝ่ายจริงๆ ย่อมไม่ยากเย็นอะไร!!
‘คราบใดที่มันตายไปสักคน คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องย่อมยกเลิกงานแต่งเป็นธรรมชาติ…แต่มีหลายสิ่งนักที่ข้าต้องตระเตรียม หากข้าจะฆ่ามันต้องไม่ทิ้งร่องรอยอันใดให้สืบสาวมาถึงคฤหาสน์คลื่นขจีได้’
หานเจิ้งเทียนลอบกล่าวในใจ
‘ว่าแต่มีชายหนุ่มแปลกหน้ามาอยู่กับเฉวี่ยไน่หรือ? มิใช่นางปฏิเสธไม่พบใครหรือไร ไฉนถึงให้ใครไม่รู้มาอยู่ด้วยได้…บุรุษผู้นั้นที่แท้เป็นใครกันแน่?’
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น หานเจิ้งเทียนจึงไปหาเฉวี่ยไน่ทันที
“ท่านพ่อ”
เมื่อเห็นหานเจิ้งเทียนมาหา หานเฉวี่ยไน่ก็ไม่ได้แปลกใจแม้แต่น้อย “พวกหานเค่อกับอาวุโสคนอื่นๆ มันไปกดดันท่านมาหรือ?”
“ยาโถวน้อยเจ้าฉลาดยิ่ง ดูเหมือนว่าที่แท้พวกมันจะมาหาเจ้าก่อนมาหาพ่อสินะ?”
ในแววตาหานเจิ้งเทียนเผยประกายเย็นเยือกวูบวาบขึ้นมา มันรย่อมเดาได้ทันทีว่าไม่พ้นหานเค่อและคนอื่นๆต้องมารังควาญลูกสาวมันแล้วเป็นแน่
“ท่านพ่อท่านคงมิได้มาหาข้าเพื่อโน้มน้าวอะไรข้าหรอกนะ…”
หานเฉวี่ยไน่กล่าวถามออกมา หากแต่พอกล่าวถามจบคำนางก็บังเกิดความเสียใจทันที
บิดาของนางกระทั่งยินดีสละทุกสิ่งให้นางหนีไป แล้วจะมากล่าวให้นางขับไล่ต้วนหลิงเทียนออกไปเพราะวาจาเหลวไหลของผู้อื่นได้อย่างไร?
“เด็กโง่…”
หานเจิ้งเทียนส่ายหัวไปมา แน่นอนว่ามันรู้ดีว่าบุตรีมันมักกล่าววาจาตรงๆแถมปากไวไม่เกรงใจใคร มันจึงไม่ได้สนใจอะไรมากมาย
“ท่านพ่อ ข้าขอโทษ”
หานเฉวี่ยไน่กล่าวขอโทษออกมาหน้าซึม
“เจ้าเป็นลูกสาวของพ่อยังจะมาขอโทษพ่อทำอะไร…อย่างไรก็ตามพ่อยังอยากรู้นักว่าใครกันที่ลูกสาวคนดีของพ่อถึงขั้นใจกว้างยอมให้อยู่ในบ้านด้วยเช่นนี้…ที่สำคัญยังอยู่มาเดือนนึงแล้ว”
กล่าวจบแล้ว สีหน้าท่าทางของหานเจิ้งเทียนก็เผยความอยากรู้อยากเห็นออกมาอย่างออกหน้าออกตา
“ท่านพ่อ เขาคือพี่ใหญ่หลิงเทียนที่ข้าเคยกล่าวถึง”
หานเฉวี่ยไน่กล่าวออกด้วยรอยยิ้ม
“พี่ใหญ่หลิงเทียน? สุดยอดอัจฉริยะหนุ่มจากทวีปมนุษย์ ต้วนหลิงเทียน?”
หานเจิ้งเทียนกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ
“อื้อ เป็นพี่ใหญ่เอง”
หานเฉวี่ยไน่พยักหน้า
“แต่…มิใช่ว่าเขาหายตัวไปหลังสำนักจันทร์จรัสแสงล่มสลายรึ? ใยมาถึงที่นี่ได้เล่า?”
หานเจิ้งเทียนยังรู้เรื่องราวของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย ยังรู้ว่าอีกฝ่ายคืออัจฉริยะมากฝีมือที่สามารถบรรลุจุดสูงสุดในทวีปมนุษย์ได้ในเวลาอันสั้น ก่อนที่จะออกเดินทางมายังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า
กล่าวกันตามตรงมันยังบังเกิดความสนใจในตัวต้วนหลิงเทียนผู้นี้นัก
น่าเสียดายที่บุตรีของมันไม่ได้พาอีกฝ่ายกลับมาด้วย หลังจากที่กลับมาจากการเดินทางครั้งล่าสุด
“ท่านพ่อ ท่านต้องสัญญากับข้าก่อน ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นท่านห้ามสร้างความลำบากใจให้พี่ใหญ่หลิงเทียนเด็ดขาด”
สีหน้าท่าทางหานเฉวี่ยไน่เปลี่ยนไปทันใด นางเข้ามากอดแขนหานเจิ้งเทียนทั้งกล่าวรบเร้าออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง
“ยาโถวน้อยเจ้าเป็นอะไร ใยแลดูขึงขังดุ้รายนักเล่า?”
หานเจิ้งเทียนส่ายหัวยิ้ม
“หากท่านพ่อไม่สัญญากับข้ามาก่อน ข้าไม่บอกท่านหรอก”
หานเฉวี่ยไน่กล่าวออกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
นับว่าเป็นครั้งแรกเลยจริงๆ ที่หานเจิ้งเทียนเห็นบุตรีคนเดียวแลดูขึงขังจริงจังขนาดนี้ รอยยิ้มของมันจึงหายไปและพยักหน้ารับอย่างเป็นการเป็นงาน “เอาล่ะๆ ข้าสัญญากับเจ้า มิว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะไม่สร้างปัญหาให้พี่ใหญ่หลิงเทียนของเจ้าเด็ดขาด!”
“ท่านต้องสัญญาว่า จะไม่แย่งสิ่งของที่พี่ใหญ่มีด้วย!!”
หานเฉวี่ยไน่กล่าวเพิ่มเติม
“ยาโถวน้อยนี่เห็นบิดาเป็นโจรลักขโมยไปแล้วหรือไร…สิ่งของอันใดจากทวีปมนุษย์ ที่พ่อในฐานะผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจีจะอยากได้ถึงขั้นต้องแย่งชิง?”
หานเจิ้งเทียนส่ายหัวไปมาอย่างไม่เข้าใจจริงๆ
“ไม่รู้ล่ะ ท่านพ่อต้องสัญญามาก่อน”
อย่างไรก้ตามหานเฉวี่ยไน่ยังคงดื้อดิงอย่างเอาจริงเอาจัง
“ก็ได้ๆ พ่อสัญญากับเจ้า พ่อจะไม่แย่งชิงอะไรของพี่ใหญ่หลิงเทียนเจ้ามาแน่ ดีหรือไม่?”
แม้น้ำเสียงของหานเจิ้งเทียนจะเผยความจนปัญญาไม่น้อย แต่ในแววตายามมองไปยังหานเฉวี่ยไน่ก็เต็มไปด้วยความรักความอ่อนโยน
เมื่อเห็นหานเจิ้งเทียนสัญญามาแล้ว หานเฉวี่ยไน่ก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นค่อยเล่าเรื่องของต้วนหลิงเทียนออกมา รวมถึงเรื่องตราผนึกมารด้วย
“อะไร! ตราผนึกมาร!?”
เรียกว่าพอได้ยินเรื่องนี้ ลูกตาของหานเจิ้งเทียนก็หดเล็กลงทันที
ถึงแม้ว่าหานเจิ้งเทียนจะแปลกใจกับทุกเรื่องที่บุตรีของมันเล่าออกมา แต่นับว่าทุกเรื่องราว..ถูกเรื่องของตราผนึกมารกลบเสียมิด!
ตอนที่ 1,655 : ต้วนหลิงเทียนออกจากการปิดด่าน!
ตราผนึกมารไม่ใช่เรื่องแปลกปลอมสำหรับหานเจิ้งเทียน!
ตราผนึกมารคือยอดศาสตราเซียน ติดอันดับ 1 ใน 10 ของรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ยิ่งไปกว่านั่นมันยังเป็นลำดับต้นๆอีกด้วย!
เหตุผลที่ไฉนมันถึงติดอันดับต้นๆนั้น ไม่ใช่เพราะความสามารถในแง่ของการเพิ่มพูนพลัง หากแต่เป็นความสามารถวิเศษในการปราบมาร!
ตราผนึกมารนั้นทรงพลานุภาพสูงล้ำนัก หากนำไปใช้กับผู้ฝึกมาร!
ด้วยเหตุนี้พอมันทราบด้วยกลวิธีบางอย่าง ว่าตราผนึกมารอยู่ในทวีปมนุษย์ที่อยู่ในทิศใต้ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า มันจึงส่งชิงหนูออกไปค้นหา อนิจจากลับคว้าน้ำเหลวอยู่หลายปี
ในที่สุดมันก็จำต้องยอมแพ้
อย่างไรก็ตามมันไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าตราผนึกมารที่มันค้นหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ กลับตกมาอยู่ในมือของต้วนหลิงเทียน!
ต้วนหลิงเทียนนั้นเป็นสหายที่บุตรของมันไปพบพานและทำความรู้จักตอนที่นางติดตามชิงหนูไปเที่ยวเล่นที่ทวีปมนุษย์
กล่าวได้ว่า เบาะแสที่มันได้รับมานั้นล้วนเป็นความจริง ตราผนึกมารกลับอยู่ในทวีปมนุษย์ทางใต้จริงๆ!
เพียงแค่ชิงหนูไม่ได้รับ เป็นต้วนหลิงเทียนได้มาครองแทน
ในที่สุดมันก็เข้าใจแล้วว่าไฉนลูกสาวของมันถึงได้ขอให้มันสัญญาอะไรแบบนั้น นับว่าตราผนึกมารนั้นสร้างความสนใจให้มันมากทีเดียว!
แน่นอนว่าหากเทียบกับลูกสาวคนเดียวแล้ว ตราผนึกมารก็ไม่นับเป็นอะไรได้!
ในใจของมันลูกสาวคนเดียวเป็นสิ่งสำคัญที่มีค่ามากที่สุด ยังมีค่ามากกว่าชีวิตของมันเสียอีก!
“ยาโถวน้อยโง่งม เจ้ากลัวพ่อปล้นชิงตราผนึกมารจากพี่ใหญ่หลิงเทียนของเจ้าหรือ?”
หานเจิ้งเทียนส่ายหัวไปมาค่อยกล่าวสืบต่อ “อย่างไรก็ตามความสามารถของพี่ใหญ่หลิงเทียนเจ้านับว่าน่าทึ่งยิ่งนัก ก่อนหน้าข้าคิดว่าเขาคงเทียบได้กับอัจฉริยะระดับต้นๆของคฤหาสน์คลื่นขจี แต่ตอนนี้ดูเหมือนเป็นข้าที่ยังดูเบาเขาไป…สามารถเอาชนะอันดับ 1 ในรายนามนภาของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน อย่างหลินตงผู้นั้นมาได้ ทั้งๆที่หลินตงก็มิได้อ่อนแอไปกว่าอันดับ 1 ในรายนามนภาของคฤหาสน์คลื่นขจีพวกเรา!”
“ที่สำคัญที่สุดคือเขากลับสังหารหลินตงลงได้ทั้งๆที่หลินตงสามารถทะลวงขอบเขตเซียนได้แล้ว…ในเรื่องนี้อย่าว่าแต่คฤหาสนน์หลิ่งหนานหยวนหรือคฤหาสน์คลื่นขจี ต่อให้เป็นทั่วทั้งภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า กระทั่งเป็นภูมิภาคเบื้องบน ก็คงยากจะมียอดฝีมือใต้ขอบเขตเซียนเป็นคู่มือให้เขาได้…”
กล่าวถึงท้ายประโยค สองตาหานเจิ้งเทียนก็สว่างโรจน์ขึ้นมา “ยาโถวน้อย พ่อสนใจพบพี่ใหญ่หลิงเทียนของเจ้านัก…เจ้าจักมิแนะนำเขาให้พ่อรู้จักหน่อยหรือ?”
“ท่านพ่อ ตั้งแต่พี่ใหญ่ปิดด่านบ่มเพาะไปเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่…”
ในขณะที่หานเฉวี่ยไน่ส่ายหัวไปมาคล้ายจะบอกว่าต้วนหลิงเทียนยังไม่ได้ออกจากการปิดด่าน พลันมีเสียงหนึ่งดังแจ้งขึ้นมาจากด้านนอก “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ นายน้อยหลิงเทียนต้องการพบท่านเจ้าค่ะ”
เป็นเสียงของสตรีรับใช้ท่ำหน้าที่เฝ้าประตูนั่นเอง
“พี่ใหญ่หลิงเทียนออกจากการปิดด่านแล้วหรือ?”
สองตาหานเฉวี่ยไน่ทอประกายสว่างจ้าขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำรายงาน “รีบเชิญพี่ใหญ่เข้ามาเร็ว!”
“ดูเหมือนว่าข้ายังมีโชคไม่น้อย”
หานเจิ้งเทียนก็หัวเราะออกมาเช่นกัน
ขณะเดียวกันลึกลงไปในแววตาของมันก็เผยประกายสว่างเต็มไปด้วยความลึกซึ้ง คล้ายครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
เมื่อต้วนหลิงเทียนเข้ามาจนเห็นหานเฉวี่ยไน่ เขาก็สังเกตเห็นว่านางมีแขกอยู่อีกคน
ชายวัยกลางคนแลดูสง่าผ่าเผยคนนี้ ทั่วร่างเผยแรงกดดันให้เขาสัมผัสได้ระดับหนึ่ง…หากเป็นเดือนที่แล้ว แรงกดดันจากกลิ่นอายพลังของชายวัยกลางคนผู้นี้คงสะกดข่มเขาได้แน่ เพราะกลิ่นอายพลังของชายวัยกลางคนผู้นี้นับว่าเหนือกว่ากลิ่นอายพลังทั้งหมดที่เขาเคยพบพานมาก่อน
กระทั่งชิงหนู และเจ้าเมืองคลื่นขจียังไม่มีกลิ่นอายพลังแข็งกล้าขนาดนี้
กระทั่งกลิ่นอายพลังของตี้จิ่ว มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บนั่นก็ยังด้อยกว่า! ส่วนกลิ่นอายพลังของสตรีลึกลับพี่สาวฝาแฝดของเค่อเอ๋อ…เขามิอาจจับสัมผัสใดๆได้เลย!
หลังจากพินิจอีกฝ่ายจนได้แลเห็นหว่างคิ้ว เค้าโครงใบหน้า ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าชายวัยกลางคนหน้าตาดีคนนี้ละม้ายคล้ายหานเฉวี่ยไน่หลายส่วน เขาจึงพอคาดเดาตัวตนของชายเบื้องหน้าได้ทันที
ผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน หานเจิ้งเทียน!
“พี่ใหญ่หลิงเทียน ในที่สุดท่านก็ออกจากการปิดด่านแล้ว!!”
ได้เห็นต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง หานเฉวี่ยไน่ก็เผยสีหน้ามีความสุขและท่าทางเต็มไปด้วยความยินดีออกมาทันที
ด้านหานเจิ้งเทียนพอเห็น มุมปากก็เผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมา
“อ่า”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าให้หานเฉวี่ยไน่ทั้งทักทายนางด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะหันไปมองหานเจิ้งเทียนพร้อมโค้งศีรษะเล็กน้อย “ต้วนหลิงเทียน คารวะผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจี”
ต่อหน้าหานเจิ้งเทียน ต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะปิดบังตัวตนที่แท้จริงอะไร
“ฮ่าๆๆ…ดี ดี! ต้วนหลิงเทียน ข้าได้ยินเฉวี่ยไน่กล่าวถึงเจ้าหลายครั้งหลายครานัก ทั้งยังเล่าเรื่องการเดินทางจากทวีปมนุษย์มาจนถึงวันนี้ อนาคตเจ้านับว่าไร้ขีดจำกัดอย่างแท้จริง!”
หานเจิ้งเทียนยิ้มกล่าว “อย่างไรก็ตามเนื่องจากเจ้าเป็นสหายอันดับของเฉวี่ยไน่ เช่นนั้นก็อย่าได้สุภาพกับข้าให้มาก…หากเจ้าไม่รังเกียจเพียงเรียกหาข้าว่าลุงหานเถอะ!”
ด้วยความสำเร็จและผลงานที่ผ่านมาของต้วนหลิงเทียน มันเองก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวชมจากใจ
“ฮัยยาพี่ใหญ่หลิงเทียน ใบหน้านี้ของท่านเย็นชาขู่ขวัญผู้อื่นยิ่ง ท่านเปลี่ยนกลับได้หรือไม่ ข้าไม่ชอบใบหน้าปลอมที่แสนไร้อารมณ์นี้ของท่านเลย”
หานเฉวี่ยไน่เบ้ปากกล่าวบอกต้วนหลิงเทียนออกมาตามตรง
“เออะ? ใบหน้าปลอม?”
หานเจิ้งเทียนที่ได้ยินอดไม่ได้ที่จะชะงัก
ต้องทราบด้วยว่าทันทีที่ต้วนหลิงเทียนก้าวเข้ามาในห้อง มันก็แผ่สำนึกเทวะสำรวจเขาไปทั่วร่างกายแล้ว
กล่าวไปยังสร้างความประหลาดใจให้มันอยู่บ้าง ที่มันไม่อาจตรวจสอบด่านพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนได้
เมื่อครู่ตอนที่มันใช้ทักษะตรวจสอบพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียน มันพบว่าร่างต้วนหลิงเทียนคล้ายจะเป็นหลุมลึกไร้ก้นบึ้ง แม้จะจ่ายส่งสำนึกเทวะออกไปหยั่งถึงเท่าใดก็ไม่อาจค้นพบสิ่งใดได้
ถึงแม้มันจะประหลาดใจกับเรื่องนี้ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร
ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ากว้างใหญ่ไพศาลนัก ทักษะลี้ลับ วิชาพิสดารอันใดก็มีมากมายนับร้อยแปดพันเก้า ทักษะปกปิดพลังฝึกปรือเองก็มีไม่น้อย บางทักษะวิชากระทั่งเซียนในขอบเขตพลังสูงส่งยังจนปัญญาจะตรวจสอบ
แต่เหตุผลที่หานเจิ้งเทียนชะงัก จนเสียอาการนั้นไม่ใช่เพราะพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียน แต่เป็นคำว่าใบหน้าปลอมต่างหาก!
ใบหน้าของต้วนหลิงเทียน ย่อมโดนสำนึกเทวะของมันแผ่ไปตรวจสอบแล้วเช่นกัน และมันก็ไม่ได้พบร่องรอยการปลอมแปลงใดๆแม้แต่น้อย!!
อย่างไรก็ตามเมื่อมันจับจ้องไปยังใบหน้าของต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง 2 ตาของมันก็ต้องเบิกกว้างออกมาปานลูกวัว ปากยังอ้าออกค้าง ประหนึ่งได้พบความเปลี่ยนแปลงอันพลิกฟ้าคว่ำดิน เพราะใบหน้าแสนเย็นชาแววตาอำมหิตไร้ใจ กลับกลายเป็นใบหน้าหล่อเหลาแฝงความกล้าหาญ คิ้วคมเข้มดั่งดาบ สองตากระจ่างใสเป็นประกาย “นิ…นี่มัน”
นี่มันทักษะแปลงโฉมเลิศล้ำอันใดกันแน่ ไฉนมันไม่เคยพบเคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย?
หากไม่ได้ใช้พลังภายนอกหรืออุปกรณ์ใดเปลี่ยนแปลงกล้ามเนื้อใบหน้า นั่นหมายความว่าต้องใช้พลังของตัวเองเปลี่ยนแปลงแล้ว!
ทันใดนั้นหานเจิ้งเทียนคล้ายฉุกคิดอะไรขึ้นได้ สองตามันทอแสงสว่างวาบขึ้นมาทันที
“ลุงหาน”
ต้วนหลิงเทียนทักทายหานเจิ้งเทียนอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม เขารู้สึกชื่นชมหานเจิ้งเทียนคนนี้ไม่น้อย
อย่างน้อยอีกฝ่ายก็เป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงนัก เป็นบิดาที่ดี…กล้ายืนหยัดไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของนายน้อยจากคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนั่น ยินดีแบกความกดดันที่มีต่อคฤหาสน์คลื่นขจีไว้บนบ่าตัวเอง
นับว่าเป็นบิดาที่มีคุณสมบัติครบถ้วน!
บุคคลเช่นนี้สมควรได้รับความเคารพ
หลังจากนั้นหานเจิ้งเทียนก็เริ่มพูดคุยเรื่องราวสัพเพเหระกับต้วนหลิงเทียน
ไปๆมาๆก็เริ่มกล่าวถึงวีรกรรมซุกซนทั้งหลายในวัยเด็กของหานเฉวี่ยไน่ กระทั่งเรื่องพิเรนทร์มากมายที่นางได้กระทำเอาไว้ เรียกว่าตอนที่นางได้พบพานต้วนหลิงเทียนนั้น ความซุกซนของนางในวัยเด็กแทบหายไปหมดแล้ว ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกสนุกสนานและขบขันไม่น้อย
“ท่านพ่อ ท่านเล่าเรื่องพวกนี้ของข้าออกมาได้อย่างไร หากท่านยังไม่หยุด..ข้าจำได้ว่าท่านปู่เองก็เคยเล่าให้ข้าฟัง ว่าตอนท่านยังเด็ก ท่านเป็นอย่างไรบ้าง…”
หานเฉวี่ยไน่กล่าวออกมาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ท่าทางไม่พอใจที่ถูกบิดาขายเสียเท่าไหร่
“เอาล่ะๆ พ่อไม่แกล้งเจ้าแล้ว”
หานเจิ้งเทียนส่ายหัวไปมา ค่อยมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง “ในเมื่อเจ้าเป็นสหายอันดีของเฉวี่ยไน่ ทั้งเรียกข้าว่าลุงหานแล้ว งั้นจากนี้ไปหากเจ้าไม่ว่าอะไรข้าจะเรียกหาเจ้าว่า เสี่ยวเทียน แล้วกัน”
ต้วนหลิงเทียนเพียงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้ขัดข้องอะไร
“เสี่ยวเทียนข้าได้ยินเฉวี่ยไน่เล่ามา ว่าตอนที่เจ้าอยู่ประเทศฝูเฟิง…เจ้าสามารถฆ่าหลินตงอันดับ 1 ในรายนามนภาของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนได้ ทั้งๆที่มันทะลวงถึงขอบเขตเซียนแล้วจริงหรือ?”
หานเจิ้งเทียนมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอยากรู้นัก
มันไม่รีบกล่าวถึงตราผนึกมารออกมา เพราะกลัวว่าจะทำให้ต้วนหลิงเทียนคิดมาก
ส่วนคำถามที่มันพึ่งถามออกไปนั้นนับเป็นเรื่องที่สร้างความตกตะลึงให้มันมากเป็นอันดับสองรองจากเรื่องตราผนึกมาร
ในฐานะที่เป็นคนที่ทะลวงถึงขอบเขตเซียน มันย่อมรู้ดีว่าการทะลวงถึงขอบเขตเซียนหมายความว่าอะไร นี่ไม่ใช่แค่การพัฒนาเปลี่ยนแปลงเชิงปริมาณ แต่ยังมีความเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอย่างมหาศาล!
ตัวตนที่มีพลังในขอบเขตเซียนนั้น ต่อให้เป็นผู้ที่พึ่งทะลวงผ่าน แต่พลังอำนาจก็ไม่ใช่อะไรที่ตัวตนในขอบเขตสู่เซียนจะต้านทานรับมือได้เลย!
ในคฤหาสน์คลื่นขจีของมันเองก็มียอดฝีมือที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าหลินตงเช่นกัน พลังฝีมือยังนับว่าเป็นอันดับ 1 ในรายนามนภาของเขตอิทธิพลคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน
อย่างไรก็ตามยอดฝีมือเช่นนั้น หากต้องไปเผชิญหน้ากับผู้ที่พึ่งทะลวงผ่านขอบเขตเซียนมาก็มีแต่จะถูกทุบตีทำร้ายอย่างไร้ซึ่งหนทางตอบโต้!
นี่คือความแตกต่างระหว่างขอบเขตสู่เซียนกับเซียน!
เมื่อทะลวงถึงเซียน ก็เสมือนย่างเยื้องมาถึงอีกโลกหนึ่ง!
ด้วยเหตุนี้ทำให้มันอดไม่ได้ที่จะสงสัย ว่าในฐานะที่ยังเป็นยอดฝีมือขอบเขตสู่เซียน ต้วนหลิงเทียนไปทำอีท่าไหนกันแน่ถึงสามารถสังหารหลินตงที่ทะลวงผ่านขอบเขตเซียนไปแล้วได้
“ข้าก็แค่มีโชคนิดหน่อยเท่านั้นล่ะ”
หานเจิ้งเทียนจะอยากรู้เรื่องนี้ ต้วนหลิงเทียนก็มองว่าไม่ได้แปลกอะไร เขาเพียงตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มเท่านั้น
ในฐานะผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจี สายตาของหานเจิ้งเทียนไหนเลยไม่แหลมคม มันมองตาต้วนหลิงเทียนก็รู้แล้วว่าตอบจริงหรือไม่จริง…
ด้วยเหตุนี้ทำให้มันบยังเกิดความตื่นตระหนกในใจนัก
“ถึงแม้ข้าจักไม่รู้ว่าเจ้ากระทำได้อย่างไรกันแน่…แต่การที่เจ้าสามารถกระทำเช่นนั้นได้ เผยให้เห็นว่าภายใต้ขอบเขตเซียนในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ล้วนมิมีผู้ใดเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าอีกต่อไป…”
หานเจิ้งเทียนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
‘ใต้ขอบเขตเซียน?’
ใจต้วนหลิงเทียนผงะไปวูบหนึ่ง หากแต่ไม่ได้กล่าวความเห็นอะไรเพิ่มเติม
หากเป็นเดือนที่แล้วคำกล่าวชมนี้ของหานเจิ้งเทียนอาจพอทำให้เขารู้สึกภาคภูมิได้บ้าง แต่ตอนนี้มันช่างไร้สำคัญเสียเหลือเกิน…
เพราะใต้ขอบเขตเซียน…ไม่ใช่โลกที่เขายืนอยู่อีกต่อไป!
“พี่ใหญ่หลิงเทียน เรื่องที่ท่านมีตราผนึกมารข้าเล่าให้ท่านพ่อฟังไปแล้ว ท่านคงมิโกรธข้าหรอกนะ?”
ตอนนี้เองหานเฉวี่ยไน่ส่งเสียงมาถึงต้วนหลิงเทียน ด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ คล้ายกลัวต้วนหลิงเทียนดุเอาไม่น้อย
“ไม่เป็นไรหรอก”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางๆ “ในเมื่อบิดาเจ้ารู้แล้วว่าข้าเป็นใคร ต่อให้เจ้าไม่เล่าออกไป แต่ข้าเกรงว่าอีกไม่นานบิดาเจ้าก็ต้องรู้อยู่ดีว่าตราผนึกมารอยู่ในมือของข้า”
หานเฉวี่ยไน่พอได้ยินก็หายกังวลทันที
“ยาโถวน้อยเจ้าออกไปเล่นข้างนอกก่อนไป พ่อมีอะไรจะหารือกับพี่ใหญ่หลิงเทียนของเจ้าเล็กน้อย”
หานเจิ้งเทียนหันไปมองหานเฉวี่ยไน่ ก่อนที่จะกล่าวบอกให้นางออกไปข้างนอกก่อน
“ท่านพ่อ”
พอได้ยินคำนี้หานเฉวี่ยไน่โค้งคิ้วคู่งามขึ้นทันใด สิ่งแรกที่คิดก็คือใช่บิดาของนางจะผิดคำสัญญาและแย่งชิงตราผนึกมารจากพี่ใหญ่หลิงเทียนหรือไม่
“เจ้าไม่ต้องกังวลไป”
ในฐานะบิดาของหานเฉวี่ยไน่ หานเจิ้งเทียนย่อมรู้ดีว่าในใจบุตรีคิดอะไรอยู่ เพียงส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะส่งเสียงบอกนางว่าไม่ได้คิดช่วงชิงตราผนึกมารจากต้วนหลิงเทียนแน่นอน…
ตอนที่ 1,656 : รายนามสุดยอดนักรบคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!
เมื่อเห็นว่าหานเจิ้งเทียนเข้าใจความนัยที่นางจะสื่อ และรับปากว่าจะไม่ผิดสัญญา หานเฉวี่ยไน่ก็รู้สึกโล่งอกไม่น้อย
ถึงแม้นางจะสงสัยว่าทำไมบิดาของนางจึงคิดให้นางออกไปก่อนแล้วจะอยู่กับพี่ใหญ่หลิงเทียน 2 คน แต่เห็นได้ชัดว่าบิดานางอยากได้ความเป็นส่วนตัวและไม่อยากให้นางทราบเรื่องนี้
หลังจากที่หานเฉวี่ยไน่จากไปอย่างเชื่อฟัง สีหน้าหานเจิ้งเทียนก็เผยความเคร่งเครียดจริงจังออกมาทันที
“ลุงหาน…”
ต้วนหลิงเทียนมองหานเจิ้งเทียนด้วยสงสัย ด้วยไม่รู้ว่าเพราะอะไรหานเจิ้งเทียนถึงอยากจะคุยกับเขาตามลำพัง
“เสี่ยวเทียน ทักษะแปลงโฉมของเจ้านับว่าเลิศล้ำหาใดเปรียบนัก…สมควรเป็นทักษะลับแปลงโฉมที่พิเศษอย่างยิ่งใช่หรือไม่?”
หานเจิ้งเทียนมองต้วนหลิงเทียนรด้วยสายตาจริงจัง กล่าวถามออก
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ตอนแรกเขาคิดว่าหานเจิ้งเทียนคิดจะสนทนาเสนอข้อแลกเปลี่ยนเรื่องตราผนึกมารอะไรกับเขาเสียอีก แต่ตอนนี้ดูท่าว่าจะไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว
นอกจากนี้เขายังพบว่าท่าทางหานเจิ้งเทียนจะสนใจทักษะลับแปลงโฉมของเขาไม่น้อย
“ทักษะลับของเจ้าย่อมมีค่านัก…แต่มิทราบว่าเจ้าพอจะถ่ายทอดมันให้ข้าได้หรือไม่?”
หานเจิ้งเทียนมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาจริงจัง เปิดประตูเห็นภูผาถามออก
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนอึ้งไปไปครู่หนึ่งมันก็เร่งกล่าวเสริมออกมา “แน่นอนว่าข้ามิได้ขอให้เจ้าสอนเปล่าๆ…เจ้าต้องการแลกเปลี่ยนมันกับอะไรเพียงบอกข้ามา ข้าเองก็ไม่ยอมให้เจ้าต้องเสียเปรียบแน่!!”
“ลุงหาน ยังต้องแลกเปลี่ยนอะไรกันอีก ท่านเป็นบิดาของเฉวี่ยไน่ แน่นอนว่าก็เป็นเหมือนผู้อาวุโสคนหนึ่งของข้า ในเมื่อข้าเองก็เป็นแขกมาเยือนท่านถึงที่แต่มิได้มีอะไรติดไม้ติดมือมา เช่นนั้นถือเสียว่าทักษะแปลงโฉมของข้านี้ มอบให้ท่านเป็นของขวัญแรกพบเถอะ…แต่ข้าหวังว่าท่านจะเก็บทักษะลับแปลงโฉมนี้ไว้กับตัวมิถ่ายทอดให้ใคร กล่าวตรงๆคือข้าไม่อนุญาตให้ท่านถ่ายทอดมันให้ใคร ส่วนเฉวี่ยไน่ข้าจะเป็นคนสอนให้นางด้วยตัวเอง”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา ก่อนที่จะกล่าวตอบออกมาตรงๆเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ที่ผู้เฒ่าหั่วถ่ายทอดทักษะลับแปลงโฉมนี้ให้เขา
อีกฝ่ายยังบอกต่อเขาด้วยว่าทักษะลับแปลงโฉมนี้มีค่ามหาศาลแม้กระทั่งในแดนสวรรค์!
ทักษะลับนี้สามารถหลอกลวงได้ทุกคน
แน่นอนว่าในแง่ของรูปลักษณ์เท่านั้น
หากนำไปใช้กับคนที่ใกล้ชิดสนิทสนมกัน ที่สามารถจับสังเกตพฤติกรรมหรือความคุ้นชินบางประการ กระทั่งกลิ่นตัวเฉพาะ ก็ไม่ยากที่จะมองทะลุถึงตัวตนที่แท้จริงได้ แน่นอนว่าหากปลอมเป็นผู้อื่น แล้วเจ้าของหน้าตามาเห็นก็คงจับได้ทันทีเช่นกัน
“เรื่องนี้เจ้ามั่นใจได้เลยเสี่ยวเทียน ข้ายินดีสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า”
พอได้ยินว่าต้วนหลิงเทียนเต็มใจสอนทักษะลับแปลงโฉมที่เลิศล้ำขนาดนี้ให้ง่ายๆ หานเจิ้งเทียนก็รู้สึกยินดีนัก สองตาทอประกายเจิดจ้า เตรียมกรีดนิ้วหลั่งเลือดเพื่อกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าทันที
“ช้าก่อนลุงหาน!”
ทว่าทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียพลันกล่าวหยุดหานเจิ้งเทียนเอาไว้เสียก่อน
“หืม?”
พอเห็นเช่นนี้หานเจิ้งเทียนอดไม่ได้ที่จะชักหน้าบึ้งตึง เพราะคิดว่าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนใจ
“ลุงหานอย่าพึ่งเข้าใจผิด ข้าแค่อยากจะถามท่านก่อน ว่าท่านคิดเอาทักษะแปลงโฉมนี้ไปใช้เพื่ออะไรกันแน่…”
ต้วนหลิงเทียนมองหานเจิ้งเทียนพร้อมกล่าวถามด้วยน้ำเสียงแววตาจริงจัง
หลังได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน หานเจิ้งเทียนก็เงียบไปทันที
“ลุงหาน…ท่านคงไม่คิดจะใช้มันเพื่อลอบสังหารนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องหรอกนะ?”
ต้วนหลิงเทียนหรี่ตาจี้ถามออกมาอีกครั้งทันที
พอได้ยินคำถามนี้ของต้วนหลิงเทียน แม้สีหน้าของหานเจิ้งเทียนจะไม่แปรเปลี่ยน หากแต่หางคิ้วอดไม่ได้ที่จะกระตุกไปอยู่บ้าง…และต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นชัดถนัดตา บ่งบอกให้รู้ว่าเขาเดาถูกจริงๆ
เหตุผลที่หานเจิ้งเทียนอยากได้ทักษะแปลงโฉมของเขา…
พอเห็นสีหน้าแววตาที่แปรเปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึมของต้วนหลิงเทียน หานเจิ้งเทียนก็รู้ตัวแล้วว่าถูกต้วนหลิงเทียนจับได้
“ข้าไม่อยากให้เฉวี่ยไน่ต้องแต่งกับสารเลวนั่น…ตอนนี้เหลือวิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้น!”
หานเจิ้งเทียนกล่าวออกมาเสียงเข้ม
วาจาที่หานเจิ้งเทียนกล่าวออกมารอบนี้ เท่ากับยอมรับแล้วว่าคิดใช้ทักษะแปลงโฉมเพื่อเอาไปใช้ฆ่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจริงๆ
“ลุงหานท่านยอมทำเพื่อเฉวี่ยไน่ถึงขนาดนี้ ข้าชื่นชมท่านนัก”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเข้ม สองตาทอประกายเฉียบคมขึ้นมา “แต่ขอข้าถามอะไรท่านสักคำ…ท่านแน่ใจหรือไม่ว่าหากท่านปลอมตัวไปฆ่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง แล้วคฤหาสน์คลื่นขจีจะรอดพ้นเรื่องนี้ไปได้โดยที่ไม่ถูกพวกมันสงสัยและตอบโต้?”
“หากท่านแน่ใจว่าเมื่อท่านกระทำลงไปแล้ว คฤหาสน์คลื่นขจีจะปลอดภัยไร้เรื่องราว และตัวท่านจะไม่มีอันตรายใดๆตามมาในภายหลัง…ข้ายินดีมอบทักษะแปลงโฉมนี้ให้ท่านทันที! แต่หากท่านไม่อาจมั่นใจได้เต็มสิบส่วนว่าต้องปลอดภัยไร้เรื่องราว ข้าต้องขออภัยท่านไว้ตรงนี้เลย เพราะข้ามิอาจถ่ายทอดมันให้ท่านได้จริงๆ…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวสืบต่อ
เขาไม่ได้หวงทักษะลับแปลงโฉมสักนิด หากต้องถ่ายทอดมันให้หานเจิ้งเทียน
จะอย่างไรหานเจิ้งเทียนก็เป็นบิดาบังเกิดเกล้าของหานเฉวี่ยไน่ เขาเองก็เห็นเฉวี่ยไน่เหมือนน้องสาวแท้ๆมานานแล้ว เขาย่อมไม่เห็นหานเจิ้งเทียนเป็นคนนอก
หานเจิ้งเทียนพอได้ยินก็ชักสีหน้าเคร่งเครียดสองคิ้วขมวดเป็นปมทันที
มั่นใจเต็ม 10 ส่วน?
แน่นอนว่าไม่อาจ!
ถึงแม้มันจะปลอมแปลงใบหน้าเป็นผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคฤหาสน์คลื่นขจีไปฆ่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง…แต่มันก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะตัดคฤหาสน์คลื่นขจีออกจากผู้ต้องสงสัย เพราะอีกฝ่ายนั้นโหดเหี้ยมอำมหิตนัก
ฆ่าผิดคนไม่ว่า อย่าพลาดฆ่าคนผิด!!
ในสายตาของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง คฤหาสน์คลื่นขจีก็แค่ขุมพลังชั้น 5 นับว่าไม่ได้เป็นอะไรในสายตาของพวกมัน
การจะทำลายลบทิ้งไป ก็แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
“ไม่…”
เผชิญหน้ากับสองตาคมกล้าที่จี้ถามมาของต้วนหลิงเทียน หานเจิ้งเทียนทำได้แค่กล่าวตอบออกไปด้วยรอยยิ้มขื่นขม
มันไม่คิดจะโกหกเพราะรู้ว่าไม่อาจโกหกชายหนุ่มเบื้องหน้าได้ แม้ชายหนุ่มเบื้องหน้าจะยังถือเป็นรุ่นเยาว์ แต่สายตาอีกฝ่ายกลับคมกล้าให้ความรู้สึกคล้ายจะมองทะลุถึงจิตใจของมันได้อย่างไรอย่างนั้น
“เช่นนั้นข้าต้องขออภัยท่านลุงหานด้วย แต่ข้าไม่อาจถ่ายทอดทักษะลับนี้ให้ท่านได้จริงๆ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวขออภัยออกมา
“เสี่ยวเทียนข้ารู้ดีว่าทั้งหมดที่เจ้าทำไป เพราะเป็นห่วงข้า…แต่ข้าไร้ทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ”
หานเจิ้งเทียนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ตอนนี้ หานซิ่น ที่เป็นดั่งตัวแทนของคฤหาสน์คลื่นขจีได้ตบปากรับคำไปแล้วว่ายินดีจัดงานวิวาห์ระหว่างคฤหาสน์คลื่นขจีกับคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี ด้านคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็ได้กำหนดวันแต่งอันเป็นปีหน้าออกมาเรียบร้อย ยังส่งบัตรเชิญไปยังแขกเหรื่อทั่วทุกสารทิศ…เช่นนั้นจึงมีทางเดียวที่จะล่มงานวิวาห์ครั้งนี้ได้…ฆ่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนั่นทิ้ง!”
“ตอนแรกข้าคิดจะให้ยาโถวน้อยเฉวี่ยไน่หลบหนีไปเสีย…แต่ยาโถวน้อยนั่นเฉลียวฉลาดยิ่ง นางไม่อยากสร้างความลำบากใจให้ข้า และไม่อยากให้คฤหาสน์คลื่นขจีต้องตกอยู่ในอันตรายถึงขั้นล่มสลายเพราะมีนางเป็นต้นเหตุ…”
หานเจิ้งเทียนได้แต่ฝืนยิ้มออกมาอย่างขื่นขม
“อันที่จริงข้ายังคิดวิธีบ้าบิ่นอย่างวางยาให้นางตกอยู่ในภาวะไร้สติและลอบพานางหลบหนีไปเสีย…แต่ยาโถวน้อยนางนี้นับว่าฉลาดเฉลียวยิ่ง นางกลับล่วงรู้ว่าข้าอาจใช้วิธีนี้กับนาง จึงลั่นวาจาสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าออกมา ว่าหากข้ากระทำวิธีการทำนองนั้นเพื่อช่วยนางออกไป นางจะไม่ขออยู่อีกต่อไปแม้จะรอดมาได้ก็ตาม…”
วาจาท้ายประโยคหานเจิ้งเทียนเผยความอับจนหนทางออกมาทางสีหน้าแววตา
ลูกสาวของมันปฏิเสธที่จะเชื่อฟังและให้ความร่วมมือ เรื่องนี้ทำให้มันทุกข์ใจนัก
แต่อีกด้านหนึ่งมันก็อดสุขใจเสียไม่ได้ เพราะนี่หมายความว่าลูกสาวตัวน้อยในวันวานที่แสนซุกซนได้เติบโตขึ้นมา จนรู้ผิดชอบชั่วดี กระทั่งเข้าใจคำว่าภาระหน้าที่ๆพึงกระทำแล้ว
ฟังเรื่องที่หานเจิ้งเทียนเล่าออกมา ใจต้วนหลิงเทียนก็อดสะท้านไปเสียไม่ได้
ถึงแม้เขาจะรู้จักกับหานเฉวี่ยไน่มานานปี แต่ในสายตาเขาหานเฉวี่ยไน่เสมือนเด็กสาวตัวน้อยที่ยังไม่เติบโต สดใสร่าเริงและมักซุกซนอยู่เสมอ ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่นางกลับเติบโตและมีความรับผิดชอบถึงขนาดนี้
ด้วยเหตุนี้เขาจึงยิ่งทุกข์ใจกับเรื่องของหานเฉวี่ยไน่นัก
“คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง…”
ในแววตาต้วนหลิงเทียนเผยเพลิงโทสะขึ้นมากองหนึ่ง ยังคล้ายจะผลาญเผาได้ทุกสิ่ง
“ตอนนี้ข้ายังมีความคิดบางอย่าง…”
หานเจิ้งเทียนมองไปยังต้วนหลิงเทียน ค่อยกล่าว “หลังจากที่ข้าลอบสังหารนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องไปแล้ว ถึงแม้คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะมีโมโหจนลงมือกับคฤหาสน์คลื่นขจี แต่ยังมีทางให้เฉวี่ยไน่รอดไปได้…นั่นคือให้เจ้าเป็นผู้พานางออกไป กระทำเช่นนี้ย่อมไม่ขัดต่อคำสาบานของนาง ดังนั้นข้าจึงหวังให้เจ้าถ่ายทอดทักษะลับแปลงโฉมนั่นให้ข้า”
“ทำไม่ได้หรอกลุงหาน!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำคัดค้านทันที
ล้อกันเล่นหรือไร!?
เจตนาของหานเจิ้งเทียนคือละทิ้งชีวิตตัวเอง กระทั่งละทิ้งคฤหาสน์คลื่นขจี! จะให้เขารับปากได้อย่างไร!?
หาไม่แล้วในวันหน้าจะให้เขามีไปสู้หน้าหานเฉวี่ยไน่อย่างไร?
“เสี่ยวเทียนเจ้าสมควรรู้ดีว่าทักษะลับปลอมแปลงโฉมของเจ้า ก็เหมือนผักชีโรยหน้าสำหรับข้า…ต่อให้ไม่มีมันแต่ข้าก็ยังคงจะลงมืออยู่ดี!”
หานเจิ้งเทียนส่ายหัวไปมา ใบหน้าแววตาเผยความเด็ดเดี่ยว คล้ายตัดสินใจแน่วแน่ไปแล้ว
“ลุงหาน เรื่องราวมิได้ง่ายดายเช่นนั้นหรอก ท่านอย่าได้วู่วามดีกว่า”
ต้วนหลิงเทียนเผยยิ้มออกมาอย่างขื่นขม
อันที่จริงเมื่อเดือนที่แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็คิดเหมือนกันว่าการฆ่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องไปเสีย สมควรเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการช่วยหานเฉวี่ยไน่ให้หลุดจากความทรมาณนี้
อย่างไรก็ตามในขณะที่ปิดด่านฝึกฝนเขาก็ตระหนักได้ว่าความคิดนี้มันผิดพลาด
เรื่องที่บิดาของหานเฉวี่ยไน่กระทบกระทั่งกับผู้อาวุโสสูงสุดอย่างหานซิ่นถึงขั้นปะทะกันเลือดตกยางออกนั้น สมควรแพร่ไปภายในคฤหาสน์คลื่นขจีแล้ว! สุดท้ายมิวายต้องล่วงรู้ไปถึงหูคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง! หากไม่เกิดเรื่องกับนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น น่ากลัวคฤหาสน์คลื่นขจีคงหมดสิ้นหนทาง!!
การที่อยู่ดีๆนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมาถูกฆ่าเอาช่วงเวลานี้… 9 ใน 10 ส่วนทั้งหมดย่อมเดาได้ว่าเป็นฝีมือของหานเจิ้งเทียน!!
เช่นนั้นแล้วไม่เพียงแต่คฤหาสน์คลื่นขจี กระทั่งหานเจิ้งเทียนยังจะต้องแบกรับความพิโรธของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!!
วันนั้นต้วนหลิงเทียนเลยตระหนักได้ทันที ที่ยากไม่ใช่ฆ่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง แต่เป็นการแบกรับผลที่จะตามมาหลังฆ่าอีกฝ่ายแล้วต่างหาก!
“หากมีทางอื่นข้าก็มิได้อยากกระทำเช่นนี้…แต่ตอนนี้มันหลงเหลือเพียงทางเดียวแล้ว”
หานเจิ้งเทียนกล่าว
“ลุงหาน ท่านมั่นใจแล้วหรือว่าไม่มีหนทางอื่นจริงๆ…ร้อยถี่ย่อมมีหนึ่งห่าง ท่านลองทบทวนดู…”
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วกล่าวถามเพิ่มเติม “มิวิธีอื่นใดอีกหรือไม่…ที่จะฆ่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง โดยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคฤหาสน์คลื่นขจี”
“ฆ่านายน้อยฟ้าลิ่วล่องโดยที่ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อคฤหาสน์คลื่นขจี ที่จริงก็พอมีอยู่หนทางหนึ่ง…อนิจจาหนทางนั้นก็เป็นไปมิได้เลยเช่นกัน
หานเจิ้งเทียนส่ายหัวไปมาพร้อมถอนหายใจอย่างสะทกสะท้อน
“หนทางใดหรือลุงหาน ที่ท่านว่าเป็นไปไม่ได้?”
ต้วนหลิงเทียนเร่งกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัยทันที
“หลังจากนี้อีก 1 ปี ภายในคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง จะมีการประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบแห่งคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ที่จะมีขึ้นทุกๆ 50 ปี…เท่าที่ข้ารู้นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็จะเข้าร่วมการประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบนี้เช่นกัน…มันยังมุ่งหวังจะได้เป็นอันดับ 1 ในรายนามสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง! ทั้งนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็จงใจเลือกวันแต่งงานกับเฉวี่ยไน่หลังจากสิ้นสุดการประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบนั่น 1 เดือนพอดี”
หานเจิงเทียนกล่าวเล่าออกมาเสียงเย็นสายตายังดุร้ายปานจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คน
“รายนามสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง? ทุกๆ 50 ปี?”
สำหรับรายนามสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง เป็นอะไรที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก ใบหน้าจึงเผยความสงสัยขึ้นมาทันที
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น