War sovereign Soaring The Heavens 1650-1656

 ตอนที่ 1,650 : หลุมพราง!


 


นับเป็นครั้งแรกเลยจริงๆ ตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนรู้จักกันกับหานเฉวี่ยไน่มา แล้วได้เห็นด้านนี้ของนาง!


 


ในสายตาของเขาหานเฉวี่ยไน่เป็นดั่งเด็กสาวซุกซน ที่มองโลกในแง่ดีและร่าเริงอยู่เสมอ อนิจจาตอนนี้นางกลับต่างออกไปจากภาพเด็กสาวเริงร่าในวันวานอย่างสิ้นเชิง


 


และทั้งหมดนี้ เห็นได้ชัดเพราะการสู่ขอวิวาห์ ของนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!


 


‘คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!’


 


เมื่อเห็นหานเฉวี่ยไน่ คนที่เขาเห็นเป็นดั่งน้องสาวแท้ๆกลับต้องกลายมาเป็นทุกข์แบบนี้ ในใจต้วนหลิงเทียนบังเกิดโทสะขึ้นมาอย่างยากระงับ!


 


หากทำได้เขาคงทนลบคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องให้สาบสูญไปจากโลกหล้าไม่ไหว เพื่อคลายกังวลให้นางเสีย!


 


แต่เขารู้ดีว่าด้วยพลังฝีมือของเขาตอนนี้อย่าว่าแต่จะลบทำลายคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเลย อาศัยแค่ยอดฝีมือที่อ่อนแอที่สุดของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องน่ากลัวจะบี้เขาให้ตกตายได้ด้วยนิ้วเดียว+


 


ต่อให้เขาจะมีกระบี่นิลสวรรค์และตราผนึกมารก็เปล่าประโยชน์


 


ตราผนึกมารนั้นมีผลกับผู้ฝึกมารเท่านั้น..


 


ส่วนกระบี่นิลสวรรค์ ด้วยพลังฝึกปรือของเขาตอนนี้ ต่อให้จ่ายออกด้วยปราณแท้ทั้งหมด ก็ฆ่าได้แค่เซียนดั้งเดิมขั้นกลาง หรืออย่างดีก็ขั้นเชี่ยวชาญ!


 


พลังฝีมือระดับนี้กับคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานยังไม่นับเป็นอะไรได้ แล้วจะนับประสาอะไรกับคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!


 


การมาคฤหาสน์คลื่นขจีครั้งนี้ ต้วนหลิงเทียนเพียงอยากทราบเรื่องของลี่เฟยจากหานเฉวี่ยไน่ ว่านางเป็นอย่างไรบ้างแล้ว ยังคิดจะถามหานเฉวี่ยไน่ทันทีที่ได้พบ แต่พอมาเห็นหานเฉวี่ยไน่เป็นทุกข์ร่ำไห้ฟูมฟาย เขาก็ไม่คิดจะรีบถามเพียงพยายามปลอบนางอย่างอ่อนโยน


 


และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็หวนคืนสู่รูปลักษณ์เดิมแล้ว


 


ทันทีที่เขาเข้าสู่เขตที่พักของหานเฉวี่ยไน่ เขาก็คลายทักษะลับทันที


 


อันที่จริงตอนชิงหนูเห็นเขาเมื่อวานนี้ แว่บแรกนางก็จำเขาไม่ได้เช่นกัน


 


หากแต่ด้วยเสียงผ่านปราณแท้ที่เขาเร่งส่งไปเล่าเรื่องราวในอดีต ทำให้นางเลิกสงสัยเขา


 


“เฮ่อ…”


 


ชิงหนูที่ยืนชมเรื่องราวอยู่ห่างๆ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างสะทกสะท้อน


 


นางเฝ้าดูหานเฉวี่ยไน่เติบโตขึ้นมาจากตอนยังเล็กเป็นเด็กน้อย อีกฝ่ายใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลมีความสุขมาตลอด กระทั่งคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมาเยือนจวบจนนายน้อยนั่นสู่ขอนางไปตบแต่ง ตั้งแต่นั้นมาความไร้เดียงสาของหานเฉวี่ยไน่ก็หายไป กลับกลายเป็นคนเงียบขรึมเก็บตัว กระทั่งกับนางเฉวี่ยไน่ยังไม่ค่อยกล่าวด้วยอีกต่อไป


 


หลายครั้งหลายคราที่นางอยากจะบุกไปฆ่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเสียให้รู้แล้วรู้รอด เพราะตราบใดที่นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องตกตายงานวิวาห์นี้ก็เป็นอันยกเลิก


 


แต่ทว่าไม่ต้องกล่าวถึงผู้คุ้มกันที่คอยอารักขานายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะร้ายกาจกว่านางมาก เอาแค่องค์รักษ์พิทักษ์ทั่วไปก็มีพลังฝีมือเหนือนางไปไม่น้อย


 


อีกทั้งถึงนางจะฆ่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องได้จริง หากแต่คฤหาสน์คลื่นขจีย่อมไม่พ้นโทษทัณฑ์แน่นอน…หลังจากนั้นไม่เพียงแต่ตัวนาง แต่คฤหาสน์คลื่นขจีก็ต้องชดใช้! กระทั่งหานเฉวี่ยไน่อาจจะต้องพลอยโดนหางเลขไปด้วย!!


 


เพราะในบรรดาผู้คนที่อยู่ในเขตอิทธิพลของคฤหาสน์คลื่นขจี มีใครไม่รู้บ้าง..ว่านางเป็นคนของหานเฉวี่ยไน่?


 


ถึงตอนนั้นต่อให้นางประกาศถอนตัวออกจากคฤหาสน์คลื่นขจีก่อนลงมือ แต่คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็ต้องตามมาเอาเรื่องเอาราวกับคฤหาสน์คลื่นขจีแน่นอน!


 


ด้วยเหตุนี้ถึงแม้ชิงหนูจะเป็นทุกข์กับหานเฉวี่ยไน่มากเพียงใด นางก็ไม่อาจทำอะไรได้เลย


 


อย่างไรก็ตามแม้ชิงหนูจะไม่อาจช่วยอะไรหานเฉวี่ยไน่ในเรื่องนี้ได้ แต่ลำพังเรื่องการปิดกั้นสำนึกเทวะที่แผ่มาจากทั่วสารทิศเพื่อตรวจสอบเรื่องราวในเรือนนางยังพอกระทำได้


 


แม้นางจะไม่รู้ว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงต้องปลอมตัว แต่นางรู้ว่าเขาต้องไม่กระทำเช่นนี้หากไร้เหตุผลแน่นอน! ดังนั้นนางจึงเลือกแผ่สำนึกเทวะของนางออกไปฉาบคลุมทั่วที่พักของหานเฉวี่ยไน่ ปิดกั้นการสำนึกเทวะอื่นๆ


 


ด้วยเหตุนี้ผู้คนที่มาซุ่มจับตามองอยู่ ก็จะไม่รู้ความเป็นไปใดๆทั้งสิ้น


 


หลังจากที่ร่ำไห้ระบายออกไปพักใหญ่ หานเฉวี่ยไน่ก็ผละออกจากอ้อมอกต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะปาดน้ำตาแล้วพยายามฝืนยิ้มกล่าวถามออกมา “พี่ใหญ่หลิงเทียน ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่?”


 


“ตอนแรกข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าเจ้าอยู่คฤหาสน์คลื่นขจีหรือเปล่า…ข้าก็แค่ลองวัดดวงมาดูน่ะ”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกด้วยรอยยิ้ม หากแต่ลึกลงไปในแววตายังเผยความกังวลทั้งร้อนใจออกมาอย่างยากจะปกปิด


 


“พี่ใหญ่หลิงเทียน เข้าไปคุยกันในบ้านเถอะ”


 


หานเฉวี่ยไน่มองไปรอบๆครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพาต้วนหลิงเทียนเดินตัดลานเข้าไปในตัวบ้าน


 


หลังจากที่เข้ามาในบ้านแล้ว หานเฉวี่ยไน่ก็ปิดประตู ชิงหนูเองก็วูบร่างมาหยุดขวางหน้าประตูเอาไว้ดั่งเทพผู้พิทักษ์ คล้ายจะให้ต้วนหลิงเทียนกับหานเฉวี่ยไน่ได้สนทนากันอย่างปลอดภัย


 


“เฉวี่ยไน่ พี่สาวเฟยเอ๋อของเจ้า กับเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 ได้มาที่นี่หรือไม่?”


 


ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนีท่จะมองถามหานเฉวี่ยไน่ออกมาอย่างอดไม่ไหว


 


“อื้อ”


 


หานเฉวี่ยไน่พยักหน้า


 


“แล้วตอนนี้พี่สาวเฟยเอ๋อของเจ้า กับ 3 ตัวเล็กนั่นเล่า อยู่ที่ไหนในคฤหาสน์คลื่นขจีหรือ?”


 


ลูกตาต้วนหลิงเทียนส่องแสงสว่างจ้า สีหน้ายังเผยความร้อนใจออกมา คล้ายยังอยากงอกเงยปีกเพื่อเหินบินไปหาลี่เฟยมันเสียตอนนี้เลย


 


“พวกนางเคยอยู่ แต่ตอนนี้…”


 


หากแต่ด้านเฉวี่ยไน่พอได้ยินคำถามนี้ของเขา นางกลับเผยยิ้มออกมาอย่างฝืนๆ


 


และก่อนที่นางจะทันได้กล่าวจบ ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวถามขัดขึ้นมาเสียก่อน “เกิดอะไรขึ้น?!”


 


คิ้วต้วนหลิงเทียนยังขมวดเป็นปม


 


“พี่ใหญ่หลิงเทียน พี่สาวเฟยเอ๋อคลอดบุตรให้ท่านไม่ทันไร คนของบิดาท่านก็มารับตัวนางไปแล้ว”


 


หานเฉวี่ยไน่กล่าวถึงตรงนี้ ใบหน้าของนางก็เผยความสงสัยออกมาไม่น้อย “พี่ใหญ่หลิงเทียน ที่แท้บิดาท่านเป็นผู้ใดกันแน่?”


 


“บิดาของข้าน่ะเหรอ?”


 


ต้วนหลิงเทียนยิ่งมายิ่งขมวดคิ้วยู่ย่น “เฉวี่ยไน่ ที่แท้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่?”


 


หลังจากนั้นภายใต้วาจาบอกเล่าของหานเฉวี่ยไน่ ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น


 


“บอกคุณหนูเฉวี่ยไน่ด้วย ว่าฮูหยินของนายน้อยและบุตรชายของนาง กลับไปกับข้าแล้ว”


 


นี่คือวาจาที่ยอดฝีมือลึกลับผู้นั้นกล่าวทิ้งท้ายไว้ ก่อนที่จะจากไปอย่างไร้ร่องรอย


 


เรียกหาลี่เฟยว่าฮูหยินของนายน้อย เช่นนั้นก็หมายความว่าต้วนหลิงเทียนคือนายน้อยของยอดฝีมือลึกลับผู้นั้น!


 


คอนนี้ความสุขความยินดีที่ต้วนหลิงเทียนได้รับทราบว่าเขามีบุตรชาย ได้ถูกความตกตะลึงจากยอดฝีมือลึกลับผู้นั้นกลบไปเสียสิ้น!


 


ยอดฝีมือลึกลับผู้นั้นบุกเข้ามาถึงใจกลางคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน และพาตัวคนออกไปโดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้สักคน!!


 


“ยอดฝีมือที่ร้ายกาจถึงขนาดนี้ กลับเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านพ่องั้นเหรอ…”


 


ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเหลือเชื่อไม่น้อย เพราะเรื่องนี้มันทำใจเชื่อได้ลงคอยากจริงๆ


 


ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าตลอดระยะเวลาหลายปีที่บิดาเขาหายตัวไป พลังฝึกปรือกลับกลายเป็นบรรลุถึงขอบเขตอัศจรรย์ ทั้งยังมาตั้งหลักในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้แล้ว


 


แต่เขาคิดเพียงแค่ว่าบิดาไม่เอาไหนของเขาสมควรเป็นผู้ฝึกตนธรรมดาๆในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเท่านั้น ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะเป็นตัวตนที่ร้ายกาจถึงขั้นนี้


 


“ท่านพ่อ นี่ท่านมีเรื่องปิดบังข้ามากเท่าไหร่กันแน่…”


 


พอคิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มเจื่อนๆออกมา


 


แต่หลังจากได้รับทราบว่า ลี่เฟยและบุตรชายของเขา สมควรถูกคนของบิดาไม่เอาไหนพาตัวไป ต้วนหลิงเทียนก็พลอยโล่งใจออกมาไม่น้อย ก่อนที่จะกล่าวถามหานเฉวี่ยไน่ออกไปอีกครั้ง “เฉวี่ยไน่ นอกจากกล่าวถึงเรื่องเสี่ยวเฟยเอ๋อแล้ว ยอดฝีมือลึกลับผู้นั้นได้กล่าวอะไรเพิ่มไว้อีกหรือไม่?”


 


ลูกตาต้วนหลิงเทียนทอประกายออกมาด้วยความคาดหวัง


 


เพราะตราบใดที่เขารู้ว่ายอดฝีมือลึกลับผู้นั้นเป็นใคร เขาก็มีเบาะแสไว้ให้ตามหาบิดามารดา และครอบครัวของเขาแล้ว!


 


“ไม่เลย”


 


หานเฉวี่ยไน่เผยยิ้มออกมาฝืนๆ “คนผู้นั้นเพียงบอกออกมาทำนองเป็นคนจากครอบครัวของท่าน แต่มิได้กล่าวถึงเรื่องอื่นใดอีก”


 


พอได้ยินต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะผิดหวังเล็กน้อย


 


“พี่ใหญ่หลิงเทียน…”


 


ทันใดนั้นคล้ายหานเฉวี่ยไน่จะคิดเรื่องอะไรออก แต่พอนางกล่าวออกมาได้ไม่ทันไรก็เงียบไปทันทีคล้ายเปลี่ยนใจ


 


“เฉวี่ยไน่เจ้ามีอะไรจะบอกข้างั้นหรือ?”


 


ต้วนหลิงเทียนย่อมสังเกตได้


 


“พี่ใหญ่หลิงเทียน มีบางเรื่องที่ข้าไม่อาจปิดบังท่านได้”


 


หานเฉวี่ยไน่เม้มปากครู่หนึ่งค่อยกล่าวบอกเรื่องราวของหานจิ้นเหนียน หลานชายของอาวุโสสูงสุดออกมา ว่ามันมีเจตนาร้ายกับลี่เฟยอย่างไร และเรื่องที่มันถูกยอดฝึมือลึกลับคนนั้นสังหารได้ทันท่วงที “บางทียอดฝีมือลึกลับผู้นั้นคงลอบคุ้มครองพี่หญิงลี่เฟยมานานแล้ว พอหานจิ้นเหนียนคิดลงมือ ยอดฝีมือผู้นั้นจึงตัดสินใจเคลื่อนไหว…”


 


“หลังจากนั้นเมื่อตัวตนเปิดเผย ยอดฝีมือผู้นั้นก็คงเลือกที่จะพาตัวพี่หญิงไปยังที่ปลอดภัย”


 


นี่คือการคาดเดาของหานเฉวี่ยไน่


 


“หานจิ้นเหนียน!”


 


ทันใดนั้นสองตาของต้วนหลิงเทียนก็เย็นเยียบลง จิตสังหารอำมหิตปะทุออกมาทันใด กลิ่นอายพลังเย็นยะเยือกยังระเบิดออกมาฉาบคลุมไปทั่วร่าง กดดันบีบคั้นในบรรยากาศ ยากที่ผู้คนจะทานทนรับไหว!


 


กระทั่งหานเฉวี่ยไน่เองก็ไม่อาจทานรับแรงกดดันพลังนี้ของต้วนหลิงเทียนได้ไหว!!


 


‘อันใดกัน! พลังฝีมือของพี่ใหญ่หลิงเทียนสูงล้ำเหนือข้าไปแล้ว!?’


 


ใจหานเฉวี่ยไน่ถึงกับสะท้านไปโดยพลัน แววตาเผยออกถึงความไม่อยากจะเชื่อ!


 


ต้องทราบด้วยว่าพลังฝึกปรือของนางตอนนี้อยู่ในขอบเขตสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบ ทว่ายังไม่อาจต้านทานรับแรงกดดันพลังจากต้วนหลิงเทียนไหว! และแม้ไอพลังยังไม่ถึงขอบเขตเซียน แต่ก็ใกล้เคียงเต็มที!!


 


เช่นนั้นนางย่อมสรุปได้ทันทีว่าพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนอยู่ในขอบเขตขีดขั้นอะไร!


 


ครึ่งก้าวเซียน!


 


“พี่ใหญ่หลิงเทียน หานจิ้นเหนียนนั่นมันตกตายอนาถไปแล้ว..”


 


หานเฉวี่ยไน่กล่าวออกมาเบาๆอีกครั้ง เพื่อย้ำเตือนต้วนหลิงเทียน


 


ต้วนหลิงเทียนพอได้ฟังก็หวนกลับมามีสติ เริ่มสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ระงับอารมณ์ที่พุ่งพล่านขึ้นมา


 


สำหรับเขาแล้ว ลี่เฟยก็เป็นดั่งเกล็ดย้อน


 


ใครก็ตามที่กล้าแตะต้องลี่เฟย ก็เหมือนแตะเกล็ดย้อนของเขา!


 


มังกรทุกตัวล้วนมีเกล็ดย้อน ผู้ใดแตะต้อง ตาย!


 


เขาเองก็เช่นกัน!


 


“เฉวี่ยไน่ ตอนที่ข้ามาถึงเมืองคลื่นขจี พอดีข้าได้ยินมาว่า มีอาวุโสสูงสุดเห็นดีเห็นงามกับการแต่งงานระหว่างเจ้ากับนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง…มีอาวุโสสูงสุดที่เห็นด้วยทั้งสิ้นกี่คนหรือ?”


 


ต้วนหลิงเทียนมองถามหานเฉวี่ยไน่ออกมา


 


“มีเพียงคนเดียวเท่านั้น”


 


สองตาหานเฉวี่ยไน่ทอประกายเย็นวาบออกมา ค่อยกล่าวออกมาเสียงเข้ม “ข้ากระทั่งยังสงสัย ถึงเหตุผลการมาเยือนของนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องผู้นั้น…บางทีคงเป็นเพราะ หานซิ่น ด้วยแน่!”


 


“หานซิ่น?”


 


ต้วนหลิงเทียนนิ่งไปครู่หนึ่ง และไม่รู้จะพูดอะไรต่อด้วยไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวกันอย่างไร


 


“หานซิ่น เป็นอาวุโสสูงสุดคนเดียวของคฤหาสน์คลื่นขจี อีกทั้งยังเป็นปู่แท้ๆของหานจิ้นเหนียน”


 


หานเฉวี่ยไน่กล่าว


 


“ทำไมเจ้าถึงคิดแบบนั้น?”


 


พอได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นปู่หานจิ้นเหนียน ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ถูกชะตากับอาวุโสสูงสุดที่ว่านั่นทันที ยิ่งอยากรู้เหตุผลจากหานเฉวี่ยไน่เข้าไปใหญ่


 


เพราะจากที่หานเฉวี่ยไน่บอกเมื่อครู่ ท่าทางการมาเยือนคฤหาสน์คลื่นขจีของนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง เผลอๆอาจเป็นเพราะหานซิ่น!


 


“นั่นเพราะพวกเรามิเคยติดต่อทำการค้าอะไรกับคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเลย แถมนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็มิเคยมาเยือนคฤหาสน์คลื่นขจีของพวกเราสักครั้ง…ทว่าหลังจากที่หานจิ้นเหนียนตกตาย อยู่ๆดีๆนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็แวะมา หากมันเพียงมาเยือนอย่างเดียวก็คงมิแปลกอะไร แต่อยู่ๆหานซิ่นกลับขอให้ข้าไปพบอีกฝ่าย ยังบอกว่าอีกฝ่ายอยากเจอข้า”


 


เมื่อคิดถึงจุดนี้ วาจาประโยคต่อมาของหานเฉวี่ยไน่ก็เต็มไปด้วยจิตฆ่าฟันทันที “วันนั้นข้าไม่ทันคิดว่าอยู่ดีๆ ไฉนนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะอยากเห็นข้าโดยไร้สาเหตุ! แต่พอข้ามาย้อนคิดไปคิดมา ทั้งหมดมิพ้นหลุมพรางที่หานซิ่นจงใจขุดไว้เพื่อให้ข้าร่วงหล่นลงไปเป็นแน่!”



ตอนที่ 1,651 : จงใจล้างแค้น!


พอได้ยินคำของหานเฉวี่ยไน่ คิ้วต้วนหลิงเทียนก็ขมวดย่นยู่ทันที “ที่แท้ เป็นมันจงใจล้างแค้นเจ้างั้นเหรอ?!”


 


เหตุผลที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาแบบนี้ แน่นอนว่าเป็นเพราะได้ทราบถึงตัวตนของหานซิ่น!


 


หานซิ่นไม่เพียงแต่เป็นอาวุโสสูงสุดของคฤาหสน์คลื่นขจีสกุลหาน มันยังเป็นปู่แท้ๆของหานจิ้นเหนียน! และหานจิ้นเหนียนก็ตกตายเพราะยอดฝีมือลึกลับที่ปรากฏตัวเพื่อช่วยเหลือลี่เฟย…สหายของหานเฉวี่ยไน่!!


 


“อื้ม”


 


หานเฉวี่ยไน่พยักหน้า ค่อยกล่าวออกด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง “หานซิ่นนั้น ยามหลานชายของมันอย่างหานจิ้นเหยีนยังอยู่ มันก็ดีกับข้ายิ่งนัก ยังทำราวกับข้าเป็นหลานสาวของมัน…แต่หลังจากที่หานจิ้นเหนียนตกตายไป มันก็เปลี่ยนไปราวคนละคน”


 


“ตอนนั้นมันมาถามข้าว่าเป็นผู้ใดพาตัวลี่เฟยไป ข้าก็ได้แต่บอกไปว่ามิรู้…และเรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้จริงๆ แต่ถึงแม้ว่าข้าจะรู้ข้าก็ไม่คิดบอกมัน! และตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมามันก็เย็นชากับข้า กระทั่งสุดท้ายมาบอกว่าต้องการพบข้า…ข้าจึงถูกนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนั่นพบเห็น!”


 


ขณะกล่าวเล่าสีหน้าของหานเฉวี่ยไน่ก็แย่ลงเรื่อยๆ


 


“ข้าสุดที่จะเข้าใจได้จริงๆ เรื่องนี้เป็นหานจิ้นเหนียนกระทำตัวของมันเองแท้ๆ มันกล้าคิดแตะต้องพี่สาวลี่เฟย! เรื่องนี้นับว่ามันชั่วช้าสมควรตายนัก! แต่หานซิ่นกลับทำเหมือนมันเป็นผู้บริสุทธิ์ ถึงขั้นพยายามตามหายอดฝีมือลึกลับที่พาตัวพี่สาวลี่เฟยไปเพื่อล้างแค้น กระทั่งตอนนี้หานซิ่นยังไม่เลิกราเรื่องนี้ด้วยซ้ำ…”


 


หานเฉวี่ยไน่คล้ายขบคิดไม่เข้าใจจริงๆ


 


“เฉวี่ยไน่ เจ้าคิดง่ายไปแล้ว…”


 


ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาค่อยกล่าว “หานจิ้นเหนียนนั่นไม่ว่าจะอย่างไรก็เป็นหลายชายแท้ๆของหานซิ่น นับว่าเป็นคนที่สำคัญที่สุดสำหรับมัน…ไม่ว่าหานจิ้นเหนียนจะก่อกรรมทำชั่วอะไรมา ก็มิอาจเปลี่ยนความจริงที่อีกฝ่ายเป็นหลานชายของมันได้…ไม่ว่าเจ้าจะเห็นหานจิ้นเหนียนชั่วช้าสมควรตายอย่างไร แต่ในสายตาของมัน หลานมันย่อมไม่ควรตายเช่นนี้…”


 


“คำว่า ความชอบธรรมไร้ญาติมิตร แม้กล่าวออกง่ายดาย แต่เอาจริงๆแล้วนับว่ากระทำได้ยากเย็นนัก…”


(* ความชอบธรรมไร้ญาติมิตร = ด้วยคุณธรรมยิ่งใหญ่ สามารถลงโทษได้แม้แต่ญาติมิตรเพื่อความเป็นธรรม ไร้จิตคิดลำเอียง)


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าว


 


“แต่ถึงแม้มันจะคับแค้นอันใดข้าแต่มันก็มิสมควรกระทำเรื่องนี้ได้ลงคอ! มันมั่นใจได้อย่างไรว่าข้าต้องเลือกที่จะตบแต่งกับนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง..อีกทั้งหากข้าเลือกยอมตายไม่ยอมสยบเล่า? ด้วยทิฐิของนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องน่ากลัวตอนนั้นมันคงไม่ละเว้นคฤหาสน์คลื่นขจีแน่! อย่าได้บอกข้าเชียวว่าสำหรับมันแล้ว คฤหาสน์คลื่นขจียังสำคัญไม่เท่าหานจิ้นเหนียน?”


 


หานเฉวี่ยไน่กล่าวออกด้วยโทสะอันขุ่นขึ้ง


 


หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวแจงออกมาแม้นางจะพอเข้าใจความคิดหานซิ่นขึ้นมา แต่นางรู้สึกเสมือนในใจของหานซิ่นนั้นคฤหาสน์คลื่นขจีกลับมีน้ำหนักความสำคัญไม่เท่าหลานอุบาทว์ของมัน นี่นับว่าทำให้นางโกรธเคืองมากนัก


 


“เฉวี่ยไน่ เจ้าเข้าใจเรื่องนี้ได้ นับว่าเจ้าเติบโตแล้วจริงๆ…”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าลงคราหนึ่ง ค่อยกล่าวสืบต่อ “อันที่จริงมันก็ควรจะคิดถึงเรื่องนี้เช่นเดียวกับเจ้า…แต่ในเมื่อมันกล้าลงมือถลำลึกถึงขั้นนี้ ข้าบอกได้เลยว่าในใจของมันนั้น…ความสำคัญของหานจิ้นเหนียนน่ากลัวจะเหนือกว่าคฤหาสน์คลื่นขจีแล้ว! นอกจากนี้ข้ามั่นใจว่ามันย่อมมองเจ้าออกทะลุปรุโปร่ง…เพราะเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เจ้าไม่คิดละทิ้งคฤหาสน์คลื่นขจีหนีไปแน่!”


 


“สุดท้ายแล้วเจ้าก็คือคุณหนูใหญ่ของคฤหาน์คลื่นขจี แถมบิดาเจ้ายังเป็นถึงผู้นำคฤหาสน์!”


 


“แม้มันจะเป็นอาวุโสสูงสุดของคฤหาสน์คลื่นขจี…แต่อำนาจในการตัดสินใจสูงสุดยังคงอยู่ที่บิดาของเจ้า…การที่นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมาสู่ขอเจ้าไปวิวาห์นั้น ผู้ที่ลำบากใจที่สุดในคฤหาสน์คลื่นขจี ย่อมเป็นบิดาของเจ้า”


 


“บิดาเจ้าด้านหนึ่งก็คือผู้นำของคฤหาสน์คลื่นขจีที่จะทำอะไรก็จำต้องมองภาพรวมเสมอ ส่วนอีกดานหนึ่งก็เป็นบิดาของบุตรีเพียงหนึ่งเดียว ท่านย่อมไม่อาจเพิกเฉยต่อความสุขชั่วชีวิตของเจ้าได้…ไหนเลยไม่รู้ได้ว่าการเลือกยินยอมให้เจ้าตบแต่งกับนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องที่มีชื่อเสียงขึ้นชื่อเรื่องเจ้าสำราญ ย่อมไม่ต่างใดจากผลักเจ้าลงกองไฟ…”


 


“จากที่ข้าเห็น ตอนนี้บิดาของเจ้านับว่าเป็นบิดาอันประเสริฐนัก ท่านเลือกที่จะยืนหยัดอยู่ข้างเจ้า แม้จะไม่ถึงกับบอกปัดงานวิวาห์แต่ก็ไม่ยอมส่งตัวเจ้าให้คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องง่ายๆ เรียกว่าเพื่อความสุขของเจ้า บิดาเจ้าได้เลือกที่จะต่อต้านคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องไปแล้ว”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ยังแฝงเคารพไม่น้อย


 


บางทีบิดาของหานเฉวี่ยไน่อาจไม่ใช่ผู้นำที่ดี…


 


หากแต่คุณสมบัติในการเป็นพ่อคน นับว่ามีมากเกินพอ!


 


ฟังวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่หยาดน้ำตากลับเอ่อล้นรดแก้มหานเฉวี่ยไน่อีกครั้ง “ท่านพ่อ…”


 


ถึงแม้ก่อนหน้านี้นางจะพอรับทราบถึงภาระบนบ่าที่บิดาของนางแบกไว้บ้างแล้ว แต่นางยิ่งรู้ว่าบิดาของนางนั้นต้องเผชิญเรื่องยากเย็นแค่ไหนชัดเจนมากขึ้นจากคำอธิบายของต้วนหลิงเทียน ในใจนางพลันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดทันที


 


และตอนนี้เองนางพลันตัดสินใจอะไรบางอย่างได้


 


แน่นอนว่าเรื่องที่นางตัดสินใจไปแล้วนั้น นางไม่ได้บอกต้วนหลิงเทียนออกมา


 


“พี่ใหญ่หลิงเทียน เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ และเสี่ยวจินกำลังปิดด่านบ่มเพาะพลังอยู่ ข้าเชื่อว่าพวกมันยินดีออกจากการปิดด่านบ่มเพาะทันทีหากรู้ว่าท่านมาที่นี่ ท่านอยากเจอพวกมันหรือไม่ข้าจะไปเรียกให้ท่าน?”


 


เพียงเร่งปราณแท้เล็กน้อย หานเฉวี่ยไน่ก็ระเหยน้ำตาที่หลั่งออกมาจนแห้ง นางพยายามฝืนยิ้มกล่าวออกมาเพื่อเปลี่ยนเรื่อง


 


“ไม่เป็นไรหรอก”


 


ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “จะเร็วจะช้าสุดท้ายก็ต้องได้พบกัน ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนพบกันตอนนี้ก็ได้”


 


ตอนนี้ในใจเขายังคงคิดถึงแต่เรื่องของหานเฉวี่ยไน่


 


สำหรับลี่เฟยและบุตรชายที่พึ่งเกิดของเขานั้น เมื่อมั่นใจว่าปลอดภัยเพราะคนของบิดารับตัวไปแล้วเขาก็วางใจได้


 


และป่านนี้ บางทีลี่เฟยกับลูกชายเขาน่าจะพบกับบิดามารดาของเขาแล้ว


 


สิ่งที่เขากำลังเค้นสมองคิดตอนนี้ก็คือ ทำอย่างไรถึงจะช่วยหานเฉวี่ยไน่ได้!


 


แน่นอนว่าหากเพียงแค่แก้สถานการณ์ให้หานเฉวี่ยไน่รอดไปคนเดียว เพียงเขาพานางหนีไปก็สิ้นเรื่อง…


 


ทว่าต้วนหลิงเทียนเชื่อว่าไม่พ้นผู้นำของคฤหาสน์คลื่นขจีคงกล่าวบอกเรื่องนี้ต่อหานเฉวี่ยไน่ออกมาแล้ว และนางก็คงบอกปฏิเสธไป…เขารู้ดีว่าเฉวี่ยไน่ไม่ใช่คนที่จะละทิ้งญาติมิตรเพราะเห็นแก่ตัว นางจึงไม่มีวันทิ้งคฤหาสน์คลื่นขจีหนีเอาตัวรอดไปเด็ดขาด


 


“พี่ใหญ่หลิงเทียน ก่อนหน้านี้ข้ากับเสี่ยวจินและที่เหลือได้ย้อนกลับไปเกาะป้านเย่วกระทั่งทวีปเมฆาล่อง แต่พวกเราไม่พบท่านเพียงพบเจอเบาะแสที่ท่านทิ้งไว้ จากนั้นวกเราจึงย้อนกลับมาดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า เพื่อไปยังสำนักจันทร์จรัสแสง…อย่างไรก็ตามพอพวกเราไปถึงสำนักจันทร์จรัสแสงมันก็เหลือแต่ชื่อแล้ว เช่นนั้นหลังท่านออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงท่านไปที่ไหนหรือ?”


 


หานเฉวี่ยไน่กล่าวถามออกมารวดเดียวจบ


 


“หืม? สำนักจันทร์จรัสแสงล่มสลายแล้วงั้นเหรอ?”


 


ต้วนหลิงเทียนยังจำได้ ว่าก่อนจะหลบหนีออกจากสำนักจันทร์จรัสแสง เขาฆ่าอาวุโสสูงสุด ที่มีด่านพลังฝึกปรือในขอบเขตเซียนไปแค่คนเดียวเท่านั้น


 


สำนักจันทร์จรัสแสงยังเหลือขอบเขตเซียนคนอื่นๆอีก ไฉนถึงเหลือแต่ชื่อได้ในเวลาอันสั้น?


 


“อื้ม”


 


หานเฉวี่ยไน่พยักหน้าค่อยกล่าวสืบต่อ “ลือกันว่าอยู่ดีๆ ยอดฝีมือระดับสูงของสำนักจันทร์จรัสแสงที่มีพลังในขอบเขตเซียนก็ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ พอข่าวนี้แพร่กระจายออกมา สำนักจึงถึงจุดจบ”


 


ต้วนหลิงเทียนตกใจไม่น้อย แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ จะล่มสลายก็เป็นเรื่องธรรมดา


 


เหตุผลเดียวที่สำนักจันทร์จรัสแสงอยู่ใน 9 พันธมิตร และเป็นขุมพลังชั้น 7 ได้ ล้วนเพราะมีเสาหลักอย่างขอบเขตเซียนคุมบังเหียนอยู่


 


หากอยู่ดีๆตัวตนในขอบเขตเซียนหายตัวไป ไม่เพียงแต่อริเก่าของสำนักจันทร์จรัสแสงจะไม่พลาดโอกาสนี้ กระทั่งอดีตมิตรสหายอันดี ก็คงคิดขอปันน้ำแกงสักถ้วยเช่นกัน!


 


ในฐานะที่เป็นขุมพลังชั้น 7 ถึงแม้ยอดฝีมือขอบเขตเซียนจะหายตัวไป แต่ทรัพยากรอะไรของสำนักจันทร์จรัสแสงย่อมยังเหลืออยู่ไม่น้อย กล่าวไปยังมากมายถึงขั้นทำให้ผู้คนอิจฉาด้วยซ้ำ


 


‘จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครรู้เลยงั้นเหรอ ว่ายอดฝีมือขอบเขตเซียนของสำนักจันทร์จรัสแสงหายไปไหน?’


 


เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกงุนงงไม่น้อย


 


‘ไม่รู้ว่าเจ้าพวกนั้นจะเป็นยังไงกันบ้าง…’


 


ถึงแม้ว่าสำนักจันทร์จรัสแสงจะเหลือแต่ชื่อ ผู้คนเหล่าศิษย์ไม่ได้ถูกฆ่าล้างหฤโหด แต่ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสหายเก่าและคนรู้จักในสำนัก ยังอดห่วงขึ้นมาเสียไม่ได้


 


เผชิญกับคำถามของหานเฉวี่ยไน่ ต้วนหลิงเทียนก็ได้บอกเล่าเรื่องราวการหลบหนีในวันนั้นคร่าวๆ ทั้งยังบอกเรื่องที่ไปลงหลักปักฐานที่ประเทศฝูเฟิงมาพักหนึ่ง


 


ในบรรดาเรื่องราวทั้งหลายยังรวมถึงเรื่องที่ตระกูลซือถู ไม่ว่าจะเป็นการเมืองภายในตระกูล ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลซือถูกับนิกายหยินหมิง และเรื่องราวความบาดหมางของเขากับนิกายหยินหมิง สุดท้ายก็กล่าวถึงเรื่องอ๋องเฉียน กระทั่งเรื่องที่อ๋องเฉียนจ้างหลินตงมาให้ฆ่าเขาเพื่อช่วงชิง ตราผนึกมาร ที่เขาครอบครองอยู่


 


หานเฉวี่ยไน่รู้นานแล้วว่าเขามีตราผนึกมารอยู่ในครอบครอง


 


ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้หานเฉวี่ยไน่ยังไม่รู้เรื่องนี้ เขาก็ไม่ได้คิดจะปกปิดนางเรื่องที่มีตราผนึกมารแต่อย่างไร


 


เพราะอีกไม่นานข่าวเรื่องที่เขามีตราผนึกมารไว้ในครอบครองก็ต้องแพร่กระจายมาถึงคฤหาสน์คลื่นขจีอยู่ดี ถึงตอนนั้นเฉวี่ยไน่ก็ต้องทราบเรื่องราวเป็นธรรมดา


 


“ตราผนึกมาร?”


 


พอกล่าวถึงตราผนึกมาร คิ้วหานเฉวี่ยไน่อดไม่ได้ที่จะขมวดขึ้นมาเป็นปม


 


ยางเองก็จำได้ดีว่านางเคยติดตามชิงหนูไปยังทวีปเมฆาล่องเพื่อค้นหาตราผนึกมาร


 


อย่างไรก็ตามหลังจากออกเดินทางค้นหาอยู่หลายปี แต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลวเพราะไร้เบาะแสของตราผนึกมาร


 


จนกระทั่งนางมารู้ว่าที่แท้ตราผนึกมารกลับอยู่ในมือของต้วนหลิงเทียน!


 


อย่างไรก็ตามถึงแม้นางจะล่วงรู้เรื่องนี้ แต่นางก็ไม่ได้บอกชิงหนูถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนมีตราผนึกมารเลย และยังไม่ได้บอกกล่าวต่อบิดาของนางเช่นกัน เพราะนางไม่อาจรับประกันได้ว่าชิงหนูและบิดาของนางจะอดทนต่อแรงยั่วยวนของตราผนึกมารได้หรือไม่…หากไม่ล่ะก็ทั้งคู่มิพ้นต้องคิดแย่งชิงตราผนึกมารจากพี่ใหญ่หลิงเทียนของนางแน่!!


 


เช่นนั้นผู้ที่ต้องลำบากใจที่สุดก็คือนาง!


 


อีกด้านหนึ่งก็ญาติสนิท อีกด้านก็เป็นพี่ใหญ่หลิงเทียนของนาง


 


เพื่อป้องกันมิให้ญาติสนิทหมางใจกับมิตรสหายอย่างพี่ใหญ่หลิงเทียน นางจึงเลือกที่จะปิดข่าวนี้เอาไว้


 


“เช่นนั้นอีกไม่นานข่าวลือเรื่องตราผนึกมารในมือพี่ใหญ่หลิงเทียน ก็จะแพร่มาถึงคฤหาสน์คลื่นขจีแล้วสิ…”


 


หานเฉวี่ยไน่เป็นกังวลไม่น้อย


 


ไม่ต้องกล่าวถึงยอดฝีมือที่แข็งแกร่งอื่นใดในโลกภายนอก ลำพังแค่ภายในคฤหาสน์คลื่นขจีของนาง หากยอดฝีมือบางคนรู้เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนมีตราผนึกมารอยู่ในครอบครอง น่ากลัวว่าจะทนแรงยั่วยวนของมันไม่ไหวเช่นกัน


 


“เฉวี่ยไน่เรื่องนี้เจ้าวางใจได้ เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป…ก่อนหน้าตอนที่ข้าเดินทางมาถึงคฤหาน์คลื่นขจี ข้ายังใช้ใบหน้าปลอม ทั้งแจ้งชื่อปลอมออกไป”


 


เมื่อเห็นความเป็นห่วงและความกังวลของเฉวี่ยไน่ต้วนหลิงเทียนพลันหัวเราะออกมาเบาๆ


 


ขณะเดียวกันเขาก็ใช้ทักษะลับปลอมแปลงโฉมที่ร่ำเรียนมาจากผู้เฒ่าหั่วทันที เพียงจ่ายปราณแท้เล็กน้อย กล้ามเนื้อใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปฉับไวอย่างอัศจรรย์ กลับกลายเป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าเย็นชาแลดูต่างออกไปจากเดิมเป็นคนละคน!


 


“ตอนนี้ข้าเรียกว่า หลิงเทียน ไม่ใช่ต้วนหลิงเทียน”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวเสียงเย็น


 


“พี่ใหญ่หลิงเทียน…นี่ท่าน…ทำได้อย่างไรกัน”


 


เห็นใบหน้าแววตาทั้งเสียงที่เย็นชาคล้ายคนแปลกหน้า หานเฉวี่ยไน่อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว เรียกว่านางตกตะลึงไปอย่างสิ้นเชิง


 


นางไม่ใช่ไม่คุ้นเคยกับทักษะปลอมแปลงโฉม หากแต่ทักษะปลอมแปลงโฉมทุกชนิดที่นางรู้จัก ถ้าไม่ต้องใช้พลังวิญญาณออกด้วยศาสตร์ลวงตา ก็ต้องใช้อุปกรณ์ไม่น้อยอาทิเช่นหน้ากากหนังมนุษย์…บ้างก็ใช้เครื่องสำอางค์หรือเครื่องประทินโฉม


 


อย่างไรก็ตามดูเหมือนทักษะปลอมแปลงโฉมของต้วนหลิงเทียนจะไม่ใช่ทักษะปลอมแปลงโฉมทั่วๆไป!


 


เรียกว่ากระทั่งนางเองยังไม่อาจจดจำต้วนหลิงเทียนได้เลย ตอนนี้คนเบื้องหน้าของนางไม่เหลือความรู้สึกดั่งที่พี่ใหญ่หลิงเทียนเคยมอบให้สักนิด สีหน้าแววตา กระทั่งน้ำเสียงล้วนห่างเหินเย็นชาจับใจ


 


ด้วยความอยากรู้อยากเห็น หานเฉวี่ยไน่จึงเอื้อมมือออกมาลูบๆจับๆใบหน้าของต้วนหลิงเทียน กระทั่งลองหยิกๆดึงๆดู


 


แต่สุดท้ายแม้กระทั่งจะพยายามแผ่พุ่งพลังวิญญาณไปตรวจสอบ นางก็ไม่อาจพบเห็นร่องรอยการปลอมแปลงอะไรเลย


 


“นิ…นี่มัน ช่างน่าเหลือเชื่อนัก!”


 


หานเฉวี่ยไน่กล่าวอุทานออกมาด้วยความตะลึง



ตอนที่ 1,652 : ไฟไหม้คิ้ว!


 


ทักษะลับแปลงโฉมของต้วนหลิงเทียน เรียกว่าทำให้หานเฉวี่ยไน่ตกตะลึงและเปิดหูเปิดตาครั้งใหญ่แล้วจริงๆ


 


“จริงสิ เฉวี่ยไน่…”


 


ทันใดนั้นเองสองตาต้วนหลิงเทียนพลันนทอประกายสว่างวาบขึ้นมา ด้วยนึกวิธีหาทางบอกปัดการแต่งงานครั้งนี้ได้ออก “ไม่ให้ข้าถ่ายทอดทักษะลับแปลงโฉมนี้กับเจ้าเล่า…พอเจ้าฝึกมันสำเร็จ ก็ทำให้ใบหน้าเจ้าเสียโฉมร้ายแรงไปเสีย คราวนี้นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนั่น เผลอๆจะเร่งยกเลิกงานแต่งกับเจ้าด้วยตัวเอง”


 


ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมา หานเฉวี่ยไน่ก็คิดว่าวิธีแก้ปัญหานี้ของต้วนหลิงเทียนนับว่าใช้ได้ดีไม่น้อย


 


อย่างไรก็ตามพอนางครุ่นคิดอีกครั้ง สีหน้ายินดีก็หมองลง “พี่ใหญ่หลิงเทียนเรื่องนี้คงทำไม่ได้…ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะยกเลิกหรือไม่ยกเลิกงานแต่งด้วยซ้ำ…แต่งานวิวาห์ครั้งนี้เรียกว่าประกาศให้ผู้คนรู้กันไปทั่วแล้ว หากมีเหตุผิดพลาดอันใด คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องย่อมโทษว่าเป็นความผิดของพวกเราคฤหาสน์คลื่นขจีและมาลงโทษพวกเราทีหลัง…ทว่างานแต่งนี้จะอย่างไรก็ต้องถูกจัดขึ้นเพื่อรักษาหน้าตา…”


 


“ดังนั้นต่อให้ข้าเสียโฉมและหน้าตาดูไม่ได้ ถึงนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนั่นแม้จะไม่แยแสข้าอีกต่อไป แต่มันก็คงพยายามทำให้การแต่งงานลุล่วงไปได้ด้วยดี…เพราะมันได้นัดแขกเหรื่ออันใดไว้มากมายแล้ว..อย่าว่าแต่น่าเกลียด ต่อให้ข้าป่วยหนักลุกไม่ไหว แต่มันก็ต้องลากข้าไปแต่งกับมันเพื่อรักษาหน้าแน่…”


 


กล่าวถึงท้ายประโยคหานเฉวี่ยไน่เผยความขื่นขมและอับจนหนทางออกมา


 


คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเป็นขุมพลังชั้น 4 อันแข็งแกร่ง ซึ่งห่างไกลจากคฤหาสน์คลื่นขจีจะเทียบได้


 


ต่อหน้าคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง กระทั่งคฤหาสน์คลื่นขจียังต้องคอยยกหางให้อีกฝ่าย


 


“อะไร? วันแต่งเจ้าถูกกำหนดแล้ว ทั้งยังเชิญผู้คนไปแล้ว?”


 


ใบหน้าต้วนหลิงเทียนจมลงทันใด สองตาทอประกายแสงเย็นกล่าวถามเสียงเข้ม “เฉวี่ยไน่…เป็นวันใด?”


 


“อีก 1 ปีหลังจากนี้”


 


หานเฉวี่ยไน่กล่าว


 


” 1 ปี?”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับค่อยกล่าว “ถ้างั้นหากมีอันใดเกิดขึ้นกับนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องในช่วงเวลานี้เล่า…หากตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น หรือคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องยังไม่คิดจะปล่อยคฤหาสน์คลื่นขจีไป?”


 


“ใช่”


 


หลังจากที่หานเฉวี่ยไน่พยักหน้ารับด้วยทีท่ารังเกียจ นางก็เล่าออกมาด้วยท่าทางไม่พอใจ “ข้าได้ยินเรื่องนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมานานแล้ว นับเป็นตัวบัดซบไม่ต่างใดจากหานจิ้นเหนียนแม้แต่น้อย! จักเป็นการดีถึงเพียงใดจริงหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับมันในปีนี้ ให้มันตกตายไปเลยยิ่งดี!!”


 


ด้านต้วนหลิงเทียนนิ่งเงียบฟังคำสบถของหานเฉวี่ยไน่ไปไม่ตอบคำ หากแต่ในแววตากลับทอแสงสว่างเย็นวาบขึ้นมา


 


“จริงสิ พี่ใหญ่หลิงเทียน ท่านทิ้งข้อความไว้ที่ทวีปเมฆาล่อง ว่าพี่สาวเค่อเอ๋อถูกคนของลัทธิบูชาไฟพาตัวไปงั้นหรือ?”


 


ทันใดนั้นหานเฉวี่ยไน่ก็คล้ายนึกอะไรได้ออก นางจึงกล่าวถามต้วนหลิงเทียนออกมาทันที


 


“อะไรกัน? เฉวี่ยไน่ เจ้ารู้จักลัทธิบูชาไฟด้วยงั้นเหรอ?!”


 


เมื่อเห็นสีหน้าเข้มขึงจริงจังของหานเฉวี่ยไน่ ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ทันทีว่าหานเฉวี่ยไน่อาจจะรู้จักลัทธิบูชาไฟ


 


“ก่อนหน้านี้ข้าเองก็มิรู้จักลัทธิบูชาไฟ…แต่พอข้ากลับมาและถามชิงหนู นางเลยลองไปค้นหาในบันทึกโบราณดู สุดท้ายจึงได้พบบันทึกโบราณม้วนหนึ่งที่มีข้อมูลของลัทธิบูชาไฟ”


 


ขณะกล่าวถึงจุดนี้หานเฉวี่ยไน่ก็สะบัดมือคราหนึ่ง ปรากฏเป็นม้วนคัมภีร์แลดูเก่าแก่ม้วนหนึ่งผุดขึ้นมาจากความว่างเปล่า ก่อนที่จะพลิกข้อมือเบาๆส่งม้วนคัมภีร์นั่นให้ต้วนหลิงเทียน


 


“ข้าเหน็บกระดาษช่วงที่มีเรื่องของลัทธิบูชาไฟบันทึกไว้ให้พี่ใหญ่แล้ว”


 


หานเฉวี่ยไน่กล่าวออกอีกครั้ง


 


ด้วยกระดาษที่เหน็บไว้ด้านข้าง ต้วนหลิงเทียนคลี่คัมภีร์ออกไม่ทันไร ก็ถึงเนื้อหาส่วนดังกล่าว เขาว่ายตาอ่านเนื้อหาที่ว่าทันที


 


ทว่ายิ่งอ่านไปนานเท่าไหร่ สีหน้าต้วนหลิงเทียนยิ่งบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก


 


“ลัทธิบูชาไฟ กลับเป็น 1 ใน 3 ลัทธิของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ทั้งยังเป็นขุมพลังที่เรืองอำนาจอย่างยิ่งในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า…หลังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าถูกแบ่งออกเป็น 2 ภูมิภาค มันก็สืบสานต่อกันมาที่ภูมิภาคเบื้องบน?”


 


ต้วนหลิงเทียนรู้เรื่องที่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าถูกแบ่งออกเป็น ภูมิภาคเบื้องบน และภูมิภาคเบื้องล่างดี


 


ในตอนนั้นเขายังคิดเผื่อไว้แล้วด้วยซ้ำว่าลัทธิบูชาไฟอาจเป็นขุมพลังจากภูมิภาคเบื้องบน


 


อันที่จริงเขาเองก็เตรียมใจรับเรื่องราวไว้แต่แรกแล้ว


 


เหตุเพราะวันที่พี่สาวฝาแฝดของเค่อเอ๋อปรากฏตัวออกมาและเปิดเผยฐานะ กระทั่ง ตี้จิ่ว จากเผ่าพันธุ์มังกรก็ทำท่าทางคล้ายไม่เคยได้ยินขุมพลังนาม ลัทธิบูชาไฟ มาก่อน


 


ก่อนหน้านี้แม้ต้วนหลิงเทียนจะรู้ว่าเผ่าพันธุ์มังกรแข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์มังกรมากนัก


 


จนกระทั่งเขาไปถึงประเทศฝูเฟิง และตั้งรกรากอยู่ในตระกูลซือถู เขาจึงได้อ่านพบบันทึกเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์มังกรในม้วนบันทึกเรื่องราวของตระกูลซือถูที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ


 


เผ่าพันธุ์มังกรนั้นไม่ใช่แค่เป็นขุมพลังชั้น 4 แต่พวกมันยังถือว่าเป็นขุมพลังกึ่งชั้น 3 อีกด้วย!


 


ถึงแม้กล่าวกันตามหลักแล้วขุมพลังกึ่งชั้น 3 จะยังเป็นแค่ขุมพลังชั้น 4 แต่พลังรบเมื่อเทียบกันแล้วก็แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ!


 


เรียกว่าแม้จะอ่อนแอกว่าขุมพลังชั้น 3 แต่ก็มีพลังอำนาจลบขุมพลังชั้น 4 ได้ง่ายดาย!


 


อย่างไรก็ตามกระทั่งตัวตนสำคัญจากขุมพลังเช่นนั้น ยังไม่รู้จักเรื่องราวของลัทธิบูชาไฟ…


 


วินาทีนั้นต้วนหลิงเทียนก็คาดเดาได้ทันที ว่าบางทีลัทธิบูชาไฟสมควรไม่ใช่ขุมพลังในภูมิภาคเบื้องล่าง แต่เป็นขุมพลังจากภูมิภาคเบื้องบน!


 


อย่างไรก็ตามแม้เขาจะคิดไว้แล้วว่าลัทธิบูชาไฟอาจเป็นขุมพลังในภูมิภาคเบื้องบน แต่ก็ไม่คิดเลยว่าขนาดในภูมิภาคเบื้องบนมันยังถือเป็นขุมพลังระดับแนวหน้า!


 


3 ลัทธิ 9 ขุมพลัง ไม่ว่าจะเป็นลัทธิใด ล้วนมีพลังอำนาจอันเบ็ดเสร็จ ยากที่จะมีใดในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าสั่นคลอนได้


 


ลัทธิบูชาไฟเป็นหนึ่งในนั้น…


 


หลังได้รับทราบว่าลัทธิบูชาไฟเป็นขุมพลังระดับไหน สีหน้าต้วนหลิงเทียนกลายเป็นหมองคล้ำทันที…


 


ขุมพลังที่เรืองอำนาจอยู่ ณ จุดสูงสุดของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า?


 


‘เค่อเอ๋อไปมีสัมพันธ์กับขุมพลังระดับลัทธิบูชาไฟได้อย่างไร กระทั่งมีพี่สาวฝาแฝดจากขุมพลังเช่นนั้นได้?’


 


ต้วนหลิงเทียนคิดไม่ออกจริงๆ


 


ลัทธิบูชาไฟคือ 1 ใน 3 ลัทธิทีมีพลังอำนาจสูงสุดในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า


 


อย่างไรก็ตามเค่อเอ๋อกลับมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวบ้านเกิดเขาที่เมืองวายุโปรย?


 


เมืองวายุโปรยนั้นอย่าว่าแต่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า กระทั่งในอาณาจักรนภาล่อง ในทวีปเมฆาล่อง ยังถือเป็นเมืองชนบทที่เล็กจ้อยที่สุด…


 


ลัทธิบูชาไฟกับเมืองวายุโปรย เรียกว่าเป็นอะไรที่ห่างไกลกันพันหมื่นแสนลี้!


 


ทว่าเค่อเอ๋อที่ออกเดินทางจากเมืองวายุโปรยมาพร้อมกันกับเขา กลับมีส่วนเกี่ยวข้องกับลัทธิบูชาไฟ..แถมสตรีหน้าตาที่เหมือนเค่อเอ๋อราวกับแกะผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นพี่สาวของนาง…กลับบอกว่ามาจากลัทธิบูชาไฟ!?


 


เมื่อเห็นสีหน้าที่แปรเปลี่ยนกลับกลายไปของต้วนหลิงเทียน หานเฉวี่ยไน่ก็นิ่งเงียบไม่กล่าววาจา


 


อารมณ์ของต้วนหลิงเทียนตอนนี้ นางย่อมเข้าใจได้เป็นอย่างดี


 


ในตอนแรกที่นางไม่รู้ว่าลัทธิบูชาไฟคืออะไร นางก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก


 


แต่เมื่อนางได้อ่านในคัมภีร์โบราณม้วนนี้ นางจึงค่อยรับทราบว่าที่แท้ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ยังมีขุมพลังอันน่ากลัวเช่นลัทธิบูชาไฟดำรงอยู่!


 


นั่นคือมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า! 3 ลัทธิ 9 ขุมพลัง เป็นดั่งมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ที่ครองอำนาจเหนือขุมพลังชั้นใดๆในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ามาแต่ครั้งโบราณ


 


ในตอนนั้นที่นางทราบเรื่องนี้ นางก็มีคิดไว้แล้วว่าหากพี่ใหญ่หลิงเทียนของนางได้รับทราบเรื่องขุมพลังของสตรีที่มาพาตัวพี่สาวเค่อเอ๋อไปล่ะก็…เขาต้องยากจะรับไหวแน่นอน


 


เป็นนางคิดถูกจริงๆ


 


ตอนแรกนางยังคิดด้วยซ้ำว่าจะปกปิดเรื่องลัทธิบูชาไฟนี้จากพี่ใหญ่ของนาง แต่พอนางคิดอีกครั้งก็พบว่านี่เป็นการไม่เหมาะสมสักเท่าไร


 


เพราะจะช้าจะเร็วพี่ใหญ่หลิงเทียนของนางก็ต้องได้รู้ และเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะได้รู้


 


“พี่ใหญ่หลิงเทียน…”


 


คราวนี้เรียกว่าถึงตาหานเฉวี่ยไน่กล่าวปลอบต้วนหลิงเทียนบ้างแล้ว


 


“ข้าไม่เป็นไร”


 


ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวเบาๆ ก่อนที่จะกล่าวบอกหานเฉวี่ยไน่ “เฉวี่ยไน่ ช่วยจัดห้องให้ข้าด้วย ข้าอยากพักผ่อนสักหน่อย”


 


“ได้”


 


หานเฉวี่ยไน่พยักหน้า ก่อนที่จะพาต้วนหลิงเทียนไปยังห้องหับว่างเปล่า


 


เมื่อรู้ว่าอารมณ์ของต้วนหลิงเทียนไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่ หานเฉวี่ยไน่ก็กล่าวลาต้วนหลิงเทียนทันทีที่ส่งถึงห้อง


 


เมื่อนางจากมาใบหน้าของนางก็เผยความทุกข์ระทมออกมาเช่นกัน นางรู้สึกว่านางกับพี่ใหญ่หลิงเทียนช่างตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายนัก ต่างเข้าใจความทุกข์ของอีกฝ่ายกันอย่างดี


 


และพอคิดถึงสถานการณ์ของนางตอนนี้ ใจนางก็หม่นหมองลงถึงขีดสุด


 


หากนางเลือกที่จะหนี นางก็อาจจะหลบหนีไปจากคฤหาสน์คลื่นขจีได้ไม่ยาก…เพราะบิดาของนางเป็นคนที่ตระเตรียมหนทางหนีให้นางเอง ทั้งยังพยายามกล่าวให้นางหนีไปแล้ว แต่เป็นนางที่ไม่อาจละทิ้งคฤหาสน์คลื่นขจีไปได้


 


ในคฤหาสน์คลื่นขจี หานซิ่นกับคนอื่นๆนั้นนางไม่ได้แยแสแม้แต่น้อย


 


หากแต่นางใส่ใจบิดาของนางกับลุงมู่นัก


 


ด้วยเหตุนางจึงปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวและเลือกที่จะอยู่ที่นี่


 


“ข้าไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าข้าหานเฉวี่ยไน่กลับมีวันนี้ได้…หากข้ารู้ว่าหานซิ่นเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์เช่นนี้ข้าจักมิสนใจมัน! หากวันนั้นข้าไม่ไปหามัน ข้าคงไม่ต้องพบกับนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนั่น!”


 


เมื่อไหร่ก็ตามที่คิดถึงเรื่องนี้ หานเฉวี่ยไน่รู้สึกเสียใจไม่น้อย


 


อย่างไรก็ตามหานเฉวี่ยไน่รู้ดี ว่าคำ ‘กัดไม่ปล่อย’ เป็นอย่างไร…แม้วันนั้นนางจะคลาดกับนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง แต่หานซิ่นก็คงมีหนทางอีกมากมายที่จะทำให้นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องสนใจในตัวนาง


 


อันที่จริงไม่ต้องอะไรมากมาย แค่ภาพเหมือนของนางใบเดียวก็เกินพอ…


 


เมื่อหานเฉวี่ยไน่จากไป ต้วนหลิงเทียนก็นั่งขัดสมาธิบนเตียงด้วยความอื้ออึง ในใจเต็มไปด้วยเรื่องราวของเค่อเอ๋อ


 


ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปพักหนึ่ง เขาก็ตระหนักได้ว่า ถึงคิดไปตอนนี้ก็ป่วยการ จึงเลิกจมอยู่กับความสับสน ‘เค่อเอ๋อจะอย่างไรก็ถูกพี่สาวฝาแฝดของนางพาตัวไป แถมไม่คล้ายนางจะคิดทำร้ายเค่อเอ๋อแต่อย่างไร…ข้าแค่หวังว่านางจะมีเมตตาไม่ทำร้ายลูกในท้องเค่อเอ๋อด้วย’


 


จนถึงตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยังจดจำโทสะของสตรีนางนั้นได้ดี ยามที่นางคนพ้บว่าเค่อเอ๋อตั้งครรภ์ลูกเขา


 


ยังคล้ายนางจะลงมือฆ่าเขาให้ตายทันทีด้วยซ้ำ!


 


“บ่มเพาะ! สั่งสมพลัง!”


 


เมื่อคิดว่าเค่อเอ๋อสมควรถูกนำตัวไปยังภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ต้วนหลิงเทียนก็คิดได้แต่ว่าต้องเร่งบ่มเพาะพลังเท่านั้น!


 


เท่าที่เขารู้มาหากคิดจะผ่าน ‘กำแพง’ ที่กั้นขวางระหว่างภูมิภาคเบื้องบนกับภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเอาไว้ อย่างน้อยๆพลังฝึกปรือต้องบรรลุขอบเขต อริยะเซียนก่อนเท่านั้น หาไม่แล้วก็เป็นไปไม่ได้เลย…


 


มีเพียงผู้ฝึกตนที่มีพลังฝึกปรือตั้งแต่อริยะเซียนขั้นต้นขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะสามารถเดินทางผ่าน ‘กำแพง’ ดังกล่าว สัญจรไปมาระหว่างภูมิภาคเบื้องบนและภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้อย่างอิสระ…


 


“เค่อเอ๋อ…รอข้าก่อน สักวันข้าจะไปช่วยเจ้ากับลูกให้จงได้!”


 


ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อใด ในแววตาของต้วนหลิงเทยนคล้ายมีเพลิงระอุขุมหนึ่งกำลังลุกโหมขึ้นมา เขาวูบร่างเข้าเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ทั้งเดินขึ้นไปยังชั้น 3 ทันที


 


‘หวังว่าปิดด่านบ่มเพาะคราวนี้ข้าจะบังเกิดความก้าวหน้า…หากกระทั่งขอบเขตเซียนข้ายังไม่อาจทะลวงถึง ข้าจะเอาปัญญาสามารถที่ไหนไปช่วยเฉวี่ยไน่’


 


การปิดด่านบ่มเพาะครั้งนี้ ต้วนหลิงเทียนนับว่ามีแรงกดดันมหาศาลนัก


 


ยังห่างไกลนักสำหรับเขาที่คิดจะช่วยเหลือเค่อเอ๋อ หากแต่สถานการณ์ที่เฉวี่ยไน่เผชิญอยู่ตอนนี้เรียกว่า ไฟไหม้คิ้วแล้ว


(*ไฟไหม้คิ้ว ก็คล้ายๆ ไฟลนก้นบ้านเรา)



ตอนที่ 1,653 : หลิงเทียน


 


ถึงแม้ว่าหานเฉวี่ยไน่จะเป็นคุณหนูใหญ่คฤหาสน์คลื่นขจี แต่นางก็เป็นเป้าหมายการจับตามองของอาวุโสฝ่ายหานซิ่น!


 


เรื่องที่มีคนพักอาศัยในบ้านพักของหานเฉวี่ยไน่ ทั้งยังเป็นบุรุษแปลกหน้าไม่นานก็ล่วงรู้มาถึงหูหานซิ่น!


 


“บัดซบ! ยาโถวน้อยนั่นถึงแม้นางจักไม่กังวลเรื่องชื่อเสียงที่จะเสียหาย…แต่นางไม่คิดหรือไรว่าหากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปจะทำให้นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องบันดาลโทสะ?”


 


ใบหน้าหานซิ่นบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก


 


ตอนแรกที่มันจงใจให้นายน้อยคฤหาสน์เห็นหานเฉวี่ยไน่ ก็เพราะต้องการล้างแค้นเรื่องที่หานเฉวี่ยไน่ไม่ให้ความร่วมมือช่วยเหลือมันในการตามหาฆาตกรที่สังหารหลานชายคนเดียวของมัน!


 


ในอดีตนั้นมันก็มีความรู้สึกดีๆให้หานเฉวี่ยไน่ไม่น้อย แต่เมื่อรู้ว่าหลานชายของมัน เพราะไปติดพันกับสตรีของต้วนหลิงเทียนที่เป็นสหายอันดีของหานเฉวี่ยไน่ จึงประสบเคราะห์ถึงขั้นตกตายอนาถ มันก็โยนความรู้สึกดีๆดังกล่าวทิ้งไปหมดสิ้น!!


 


และตั้งแต่ที่หานเฉวี่ยไน่ไม่คิดให้ความช่วยเหลือมันตามหาฆาตกรแต่โดยดี มันจึงคิดทำลายหานเฉวี่ยไน่เสีย!


 


แน่นอนว่ามันคิดทำลายหานเฉวี่ยไน่ แต่ไม่คิดทำลายคฤหาสน์คลื่นขจี!


 


คฤหาสน์คลื่นขจีจะอย่างไรก็เป็นขุมพลังที่ชุบเลี้ยงอุ้มชูมันมาจนทำให้มันมีได้ทุกอย่างดั่งวันนี้ หากไม่มีคฤหาสน์คลื่นขจีก็ไม่มีมัน หานซิ่น!


 


ยิ่งไปกว่านั้นที่มันมีอำนาจสูงล้ำเหนือผู้คนมากมายในเขตอิทธิพลล้วนเป็นเพราะคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน!


 


หากไร้คฤหาสน์คลื่นขจีมันก็ไม่ต่างใดจากสุนัขกลางถนน!


 


ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่เคยคิดจะทำลายคฤหาสน์คลื่นขจีแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งหมดที่ต้องการก็คือสร้างความฉิบหายให้หานเฉวี่ยไน่เท่านั้น! เพราะนางเลือกที่จะไม่ร่วมมือกับมันหาตัวฆาตกรเอง!!


 


พอได้ยินว่าเรือนพักของหานเฉวี่ยไน่มีบุรุษหนุ่มแปลกหน้ามาเยือน อีกทั้งยังอาศัยอยู่ในนั้นกว่าเดือนแล้ว หานซิ่นจึงแทบรอไปเยือนที่พักของหานเฉวี่ยไน่ไม่ไหว และคิดฆ่าชายหนุ่มแปลกหน้าผู้นั้นเสียเพื่อรักษาชื่อเสียง!


 


แน่นอนว่ามันไม่สนใจชื่อเสียงของหานเฉวี่ยไน่


 


แต่มันใส่ใจกับความปลอดภัยของคฤหาสน์คลื่นขจี หากเรื่องที่มีบุรุษอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับสตรีที่กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับตัว..ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะพิโรธถึงเพียงใด! เกรงว่าคฤหาสน์คลื่นขจีไม่อาจทานรับความพิโรธนั้นได้แน่!


 


ถึงตอนนั้นน่ากลัวคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะลงมือล้างบางคฤหาสน์คลื่นขจีทิ้งไปเสียเพื่อรักษาหน้า!


 


หากมีอะไรเกิดขึ้นกับคฤหาสน์คลื่นขจี อาวุโสเช่นมันก็คงเป็นดั่งปลาในบ่อยากหลบหนี!


 


“ไป! รีบไปแจ้งเตือนยาโถวน้อยโง่งมนั่นเสีย ว่าให้รีบขับไล่บุรุษผู้นั้นไปให้พ้น…หากข่าวเรื่องนี้แพร่ออกไปถึงหูนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง นางจักมิได้ตกตายคนเดียว แต่คฤหาสน์คลื่นขจีจะต้องถูกกลบฝังไปพร้อมกับนาง!!”


 


หานซิ่นมองไปยังชายชราในชุดสีเขียวด้านขวา ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม


 


ชายชราในชุดสีเขียวเป็นผู้อาวุโสในคฤหาสน์คลื่นขจขีคนหนึ่ง มันมักรอรับคำสั่งและดูแลเรื่องราวต่างๆให้หานซิ่น ทั้งยังบูชาหานซิ่นราวกับเทพเซียน


 


พอได้ยินคำสั่งของหานซิ่นมันก็เร่งรับคำ และไปหาหานเฉวี่ยไน่ทันที


 


“คุณหนูใหญ่ท่านสมควรรู้ดีว่าบัดนี้ท่านมิได้เป็นแค่คุณหนูใหญ่แห่งคฤหาน์คลื่นขจีเท่านั้น แต่ท่านยังเป็นคู่หมั้นของนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องอีกด้วย…หากผู้อื่นพบว่าท่านให้บุรุษมาร่วมอาศัยใต้ชายคาเดียวกัน ยังฟังดูเป็นอันใดได้? ข้ากลัวว่าหากนายน้อยคฤาหสน์ฟ้าลิ่วล่องมาได้ยินเข้า…คงไม่มีวันปล่อยเรื่องนี้ไปแน่!”


 


เมื่อชายชราชุดเขียวเห็นหานเฉวี่ยไน่ มันก็เปิดประตูเห็นภูผากล่าวออกมาทันที


 


“มาหาข้าเพียงเพราะคิดบอกเรื่องนี้?”


 


เมื่อเผชิญหน้ากับสุนัขรับใช้ข้างกายหานซิ่น หานเฉวี่ยไน่เพียงกล่าวตอบออกไปอย่างไร้แยแส “เช่นนั้นอาวุโสเค่อเชิญกลับไปเถอะ ข้าไม่ส่งนะ”


 


อาวุโสฝ่ายในของคฤหาสน์คลื่นขจีคนนี้ เรียกว่า หานเค่อ


 


ได้ยินวาจาขับไล่ของหานเฉวี่ยไน่ สองตาหานเค่อทอประกายวูบวาบ อย่างไรก็ตามมันไม่กล้าเผยอารมณ์อะไรออกมาเพราะกริ่งเกรงฐานะหานเฉวี่ยไน่ เพียงกล่าวออกมาด้วยเสียงต่ำ “อาวุโสสูงสุดรู้แต่แรกแล้วว่าท่านต้องมิฟังคำของข้าเป็นแน่ ถึงแม้ว่าท่านมิอาจหักใจขับไล่ชายหนุ่มคนนั้นออกจากคฤหาสน์คลื่นขจี แต่อย่างน้อยท่านสมควรให้เขาไปพักที่อื่นที่มิใช่พักร่วมชายคาเดียวกับท่าน..”


 


“ท่านคิดว่าหากเรื่องฉาวโฉ่พรรค์นี้แพร่ออกไปจะเกิดอะไรขึ้น? หรือท่านอยากให้คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมาระบายโทสะกับคฤหาสน์คลื่นขจีเรา..คุณหนูใหญ่?”


 


กล่าวถึงจุดนี้หานเค่อก็ใช้ไพ่ตายออกมา…ความชอบธรรม!


 


หานเฉวี่ยไน่ย่อมใส่ใจกับความปลอดภัยของคฤหาสน์คลื่นขจี เรื่องนี้ไม่ใช่แค่มันแต่อาวุโสคนอื่นๆเองก็รู้ดี!


 


หาไม่แล้วหานเฉวี่ยไน่คงเลือกหลบหนีไปเนิ่นนานด้วยความช่วยเหลือของผู้นeคฤหาสน์!


 


หากหานเฉวี่ยไน่คิดจากไปจริงๆ ต่อให้พวกมันอยากจะหยุดนางเพียงใดแต่พวกมันก็คงไม่อาจหยุดยั้งนางได้!!


 


ไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งอื่นใด อาศัยพลังฝีมือของผู้นำคฤหาสน์เพียงคนเดียวก็ทัดเทียมกับหานซิ่นแล้ว


 


ด้วยมีผู้ฝึกสัตว์อย่างมู่อี้เคียงข้างผู้นำคฤหาสน์อีกสักคนลงมือ พร้อมฝูงสัตว์ร้ายอันน่ากลัวเหล่านั้น คงยากที่จะมีใครหยุดยั้งนางได้!


 


แถมคราวนี้หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์ของคฤหาสน์คลื่นขจีล้วนขึ้นอยู่กับการกระทำของหานเฉวี่ยไน่ น่ากลัวผู้นำคฤหาสน์คงมาสั่งสอนพวกมันที่กล้ากล่าววาจาถือดีแบบนี้กับหานเฉวี่ยไน่ไปนานแล้ว!


 


“ไสหัวไป!!”


 


หานเฉวี่ยไน่ขมวดคิ้ว ทั้งตะคอกเสียงใสไล่คนดั่งหมูหมาออกมาดั่งลั่น!


 


เมื่อถูกหานเฉวี่ยไน่ขับไล่มาด้วยท่าทางไม่ไว้หน้า หานเค่อและอาวุโสคนอื่นๆที่มาด้วยก็ชักสีหน้ามีโทสะไม่น้อย หากแต่พวกมันก็ไม่กล้าทำอะไรอื่นอีก เป็นหานเค่อโบกมือพาทุกคนกลับไป


 


หลังจากหานเค่อและคนอื่นๆจากไป ชิงหนูค่อยปรากฏตัวออกมาพร้อมถอนหายใจ “คุณหนู เรื่องนี้พวกมันกล่าวไปก็ถูก…บางทีพวกเราสมควรจัดที่พักอื่นๆให้เขาอยู่ดีหรือไม่?”


 


“ข้าจะไม่ขับไล่พี่ใหญ่หลิงเทียนไปไหนเด็ดขาด!!”


 


หากเป็นตามปกติ หานเฉวี่ยไน่คงฟังคำของชิงหนูอยู่บ้าง


 


อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดขึ้นในช่วงเวลาแบบนี้ นางเลือกที่จะบอกปัดปฏิเสธออกไปโดยไร้ซึ่งความลังเลแม้แต่นิดเดียว!


 


ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่ใช่พี่ใหญ่หลิงเทียนของนาง ทว่าตั้งแต่ที่หานเค่อมาก้าวก่ายเช่นนี้มีหรือหานเฉวี่ยไน่จะทำตามมัน? นับประสาอะไรกับอีกฝ่ายคือพี่ใหญ่หลิงเทียนของนาง!


 


นางเป็นใคร อีกฝ่ายนับเป็นตัวอะไร?!


 


แถมสาเหตุที่หานเค่อกล้ามากล่าววาจาโอหังพรรค์นี้ต่อหน้านาง ไหนเลยนางยังไม่รู้ได้ว่ามันรับคำสั่งผู้ใดมา?


 


“ฮึ! ในที่สุดเจ้าก็นั่งไม่ติดที่แล้วรึไง? เจ้ากลัวว่าข่าวฉาวนี้จะแพร่ออกไปใช่หรือไม่? กลัวว่าเกิดทำให้นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องน่าตายนั่นไม่พอใจขึ้นมา มันจะมาระบายโทสะลงกับคฤหาสน์คลื่นขจี ทั้งลงหัวพวกเจ้างั้นสิ!”


 


ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อใด หานเฉวี่ยไน่พลันกล่าวเย้ยเยาะออกมา ปากยังเบ้ออกด้วยความชิงชัง


 


ลึกลงไปในแววตายังเผยประกายเย็นชา มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้นางออกอาการจงเกลียดจงชังได้ขนาดนี้…หานซิ่น! อาวุโสสูงสุดคฤหาสน์คลื่นขจี สกุลหาน!!


 


ส่วนอีกด้านนั้น พอหานเค่อนำสิ่งที่หานเฉวี่ยไน่ตอบสนองมารายงานหานซิ่น มันก็หัวร้อนเป็นฟืนไฟ!


 


“บัดซบ! ยาโถวน้อยนั่นคิดก่อกบฏขึ้นมาตอนนี้รึไรกัน!?”


 


ใบหน้าหานซิ่นมืดดำปานจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก ทั้งยังอัปลักษณ์ปั้นยากนัก ลูกตายังเผยประกายเย็นเยียบเสียดแทงปานจะฉีกผ่าได้ทุกสิ่ง


 


“อาวุโสสูงสุด คราวนี้คุณหนูใหญ่ทำเกินไปแล้วจริงๆ! แล้วพวกเราจักทำอย่างไรกันดีเล่าท่าน? พวกเรามิอาจปล่อยให้นางกระทำเรื่องนี้ตามอำเภอใจของนางได้! เกิดงานวิวาห์ล่มเพาะเรื่องนี้..คฤหาสน์คลื่นขจีเราได้กลบฝังไปพร้อมกับนางแน่!!”


 


หานเค่อกล่าวออกมาด้วยความกังวลใจ


 


“ตอนนี้ก่อนอื่นใด…เจ้าไปเร่งตรวจสอบตัวตนของบุรุษผู้นั้นมาเสีย! ว่ามันเป็นใครแล้วมาหายาโถวน้อยนั่นทำอะไร…หรือที่แท้มันต้องการอันใดจากคฤหาสน์คลื่นขจีของพวกเรากันแน่!”


 


หานซิ่นมองหานเค่อด้วยแววตาลงลึก ค่อยกล่าวออกเสียงเข้ม


 


หานเค่อเร่งรับคำแล้วรีบไปกระทำตามคำสั่งทันที


 


ในฐานะสุนัขรับใช้ของหานซิ่น รวมถึงอาวุโสฝ่ายในของคฤหาสน์คลื่นขจี หานเค่อย่อมมีวิธีการไม่น้อยในการตรวจสอบความเป็นมาของต้วนหลิงเทียน


 


แน่นอนว่าผลการตรวจสอบของมันถูกจำกัดอยู่แค่ เมืองคลื่นขจีเท่านั้น…


 


เพราะไม่ว่ามันจะใช้เส้นสายอย่างไร มันก็พบว่า หลิงเทียนคนนี้คล้ายจะปรากฏตัวออกมาจากอากาศว่างเปล่า อยู่ดีๆก็มาโผล่ที่เมืองคลื่นขจีเพื่อตามหาหานเฉวี่ยไน่เสียอย่างนั้น!!


 


“หลิงเทียน?”


 


เมื่อหานเค่อย้อนกลับมารายงานหานซิ่น ในที่สุดหานซิ่นก็ได้ทราบนามของต้วนหลิงเทียน แน่นอนว่าเป็นนาม เทียน แซ่ หลิง ที่จงใจปลอมขึ้นมา ไม่ใช่ชื่อแซ่ที่แท้จริง


 


“คนนอก? สหายของยาโถวน้อย?”


 


ลูกตาหานซิ่นส่องแสงเรืองขึ้นมาวูบหนึ่ง “เท่าที่ข้ารู้นอกจากติดตามชิงหนูไปเที่ยวเล่นที่ทวีปมนุษย์เมื่อมิกี่ปีก่อน นางก็อยู่แต่ในบ้านมิได้ออกไปที่ใด…แม้จะออกไปข้างนอกบ้าง แต่ก็กลับมาในเวลาอันสั้น มิน่าไปพบพานสหายอันใดได้…”


 


“ชายหนุ่มผู้นั้นสามารถอยู่ร่วมบ้านเดียวกับนางได้ เห็นชัดว่านางมีความสัมพันธ์อันดีกับมันไม่น้อย…ชายหนุ่มผู้นั้นสมควรเป็นคนที่นางไปรู้จักมักคุ้นที่ทวีปมนุษย์”


 


หานซิ่นลองคาดเดาออกมา


 


อนิจจาไม่ว่ามันจะลองคาดเดาจนใกล้เคียงมากมายเพียงไร ก็ยากที่มันจะล่วงรู้ความจริงได้


 


ในตอนแรก สตรีที่หลานชายมันคิดล่วงเกิน…ก็เป็นคู่หมั้นของชายหนุ่มที่ชื่อว่า ต้วนหลิงเทียน


 


และคนที่ฆ่าหลานชายมันก็เป็นข้ารับใช้ ของบิดาชายหนุ่มคนนั้น


 


หากมันสามารถคาดเดาเรื่องนี้ได้ออก เกรงว่ามันคงไม่อาจอยู่เฉยแบบนี้ได้


 


“สมควรเป็นเช่นนั้น”


 


หานเค่อเห็นด้วยกับวาจาคาดเดานี้ของหานซิ่น


 


“จะอย่างไรก็ช่างเถอะ…พวกเราต้องทำให้นางไล่เจ้าหนุ่มนั่นไปให้ได้! อย่างน้อยๆก็ให้ออกมาจากเรือนพักของนางก็ยังดี! นอกจากนั้นให้คนของพวกเราไปจับตาดูสาวใช้ของนางไว้ให้ดี อย่าให้ใครไปกล่าววาจาเหลวไหลนินทาอันใดเด็ดขาด! บังคับให้พวกนางสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์ไปเลยก็ดี! ใครที่มันกล้ากล่าวเรื่องนี้ออกมาต้องตาย!!”


 


หานซินมองหานเค่อทั้งสั่งการออกมาฉะฉาน


 


“รับทราบ ท่านอาวุโสสูงสุด”


 


หานเค่อกล่าวรับคำสั่งด้วยความเคารพ “ข้ารับปากท่าน..ว่าสาวใช้เหล่านั้นจักมิมีวันกล่าวถึงเรื่องนี้ออกมาได้!”


 


“ดี! เสร็จเรื่องนี้แล้วเจ้าไปหารือกับอาวุโสคนอื่นๆเสีย! ให้ทั้งหมดรวมตัวกันไปกดดันผู้นำคฤหาสน์ กล่าวบอกความจริงออกไปว่าคุณหนูใหญ่กลับชุบเลี้ยงบุรุษแปลกหน้าไว้ใต้ชายคาเดียวกัน! ตอนนี้สถานการณ์ของคฤหาสน์คลื่นขจีของพวกเราตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงเพียงใดเล่าไปให้ครบ! บอกไปว่าพวกเราเพียงต้องการให้บุรุษผู้นั้นออกจากเรือนที่พักของนางเท่านั้น!”


 


หานซิ่นกล่าวสั่งหานเค่อสืบต่อ “ตอนนี้ยาโถวน้อยนั่นมันเคียดแค้นชิงชังพวกเรา พวกเราจึงต้องกดดันบิดาของนางให้ไปกล่าวบอกกับนางเอง…เพราะหากพวกเราไปบีบนางมากเข้าผู้ใดจะไปรู้ เกิดนางหนีขึ้นมาจะทำอย่างไร?”


 


“เรื่องนี้ขอท่านอาวุโสสูงสุดวางใจ ข้าจักไปหารือกับอาวุโสท่านอื่นๆ ทั้งพากันไปกดดันให้ท่านผู้นำคฤหาสน์เข้าใจสถานการณ์…ข้าเชื่อมั่นว่าผู้นำคฤหาสน์ย่อมให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของคฤหาสน์คลื่นขจีเป็นที่สุด เพราะเรื่องนี้สำคัญใหญ่หลวงนัก!!”


 


หานเค่อตอบรับ


 


“เหอะ! ให้ความสำคัญกับคฤหาสน์คลื่นขจีงั้นเหรอ?”


 


หานซิ่นยกยิ้มแสยะ “หากให้ความสำคัญกับคฤหาสน์คลื่นขจีจริง ไฉนมันถึงได้มีความคิดส่งบุตรีให้หนีออกไปเสียเล่า? ในใจของมันคฤหาสน์คลื่นขจีแม้สำคัญ..แต่น่ากลัวว่ายังสำคัญไม่เท่าความสุขชั่วชีวิตของบุตรีหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของมัน!!”


 


“ทว่าสำหรับยาโถวน้อยนั่น บิดาของนางก็มีความสำคัญมากกว่าทุกสิ่ง! รวมถึงความสุขชั่วชีวิตของนาง!!”


 


หานซิ่นหัวเราะเยาะออกมา “ดังนั้นงานวิวาห์ครั้งนี้พวกเราไม่ต้องกลัวว่านางจะชิ่งหนี…สิ่งที่พวกเราต้องจัดการดูแลให้ดีที่สุดตอนนี้ก็คือ…ทำให้การแต่งออกของคุณหนูใหญ่คฤหาสน์คลื่นขจีราบรื่น! เพราะเรื่องนี้ยังจะทำให้คฤหาสน์คลื่นขจีของพวกเราจักได้ชื่อว่ามีสัมพันธ์อันดีกับคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!!”


 


“ถึงแม้นิสัยของนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจักเจ้าชู้กรุ้มกริ่มไปบ้าง แต่จักอย่างไรก็ถือเป็นมังกรในหมู่มนุษย์! อีกทั้งในภายภาคหน้าก็สมควรได้เป็นผู้นำคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!!”


 


กล่าวถึงท้ายประโยคลูกตาของหานซิ่นก็เผยประกายเจิดจ้าออกมา คล้ายมันกำลังเห็นอนาคตอันสดใสของคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานส่องสว่างอยู่รำไร…



ตอนที่ 1,654 : ผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน หานเจิ้งเทียน!


 


หลังจากอาวุโสระดับสูงฝั่งหานซิ่นรวมตัวกันได้ 2 เค่อ สุดท้ายพวกมันก็ปลุกระดมอาวุโสทั้งหลายให้ไปกดดันผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจี!


 


ผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจีเป็นชายวัยกลางคนหน้าตาหล่อเข้มปานหยกเสลา สวมใส่ไว้ด้วยชุดคลุมสีเงิน ทั่วกายให้บรรยากาศน่าเกรงขามกลิ่นอายพลังไม่ใช่ชั่ว เพาะสร้างเป็นแรงกดดันขุมหนึ่ง!


 


ถึงแม้หานเค่อและอาวุโสอื่นๆจะมารวมตัวกดดันอีกฝ่าย แต่พอพวกมันเผชิญหน้ากับผู้นำจริงๆ ก็นิ่งไปไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง!


 


หานเจิ้งเทียน ผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจีมองไปยังหานเค่อและคนอื่นด้วยสายตาเย็นชา ก่อนถามออกมาด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ “อาวุโสทั้งหลาย มิทราบลมอันใดหอบพวกท่านมาถึงนี่?”


 


ตอนนี้เองหานเค่อและคนอื่นๆถึงได้รู้สึกตัว


 


หานเค่อพลันก้าวออกมาคนแรกประสานมือพร้อมกล่าว “ท่านผู้นำ ในเมื่อนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องกล่าวว่าจะตบแต่งคุณหนูใหญ่แล้ว…”


 


“อะไร? นี่พวกเจ้ารวมหัวกันมาโน้มน้าวให้ข้าเห็นชอบด้วยหรือไร?”


 


หานเจิ้งเทียนแค่นคำเย้ยเยาะออกมา ไม่คิดกล่าวด้วยวาจาดีๆอีกต่อไป


 


“ท่านผู้นำ พวกเรามิได้มาเพราะเรื่องนี้”


 


หานเค่อเร่งกล่าวสืบต่อ


 


ตอนนี้เองในใจของหานเค่อก็ลอบด่าทอผู้นำคนนี้ไม่น้อย


 


เรื่องนี้ใช่อะไรที่หานเจิ้งเทียนจะตัดสินใจโดยพลการได้หรือ? แม้หานเฉวี่ยไน่จะเป็นบุตรีคนเดียวของอีกฝ่ายก็ตาม…


 


เพราะนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องประกาศไปแล้วว่าจะแต่ง กระทั่งกำหนดวันงานและส่งบัตรเชิญไปยังแขกเหรื่อมากมายแล้วด้วย!


 


คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องตัดสินใจลงมือโดยเร็วเพราะรู้ดีว่าคฤหาสน์คลื่นขจีย่อมไม่คิดปฏิเสธ ทั้งยังไม่มีปัญญาปฏิเสธ!


 


ในสายตาหานเค่อก็เห็นตามนี้ด้วยเช่นกัน


 


ดังนั้นหานเจิ้งเทียนจึงไร้สิทธิ์ในการตัดสินใจด้วยเหตุผลส่วนตัวอีกต่อไป เว้นแต่ฝ่ายคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะยกเลิกเอง ไม่อย่างนั้นจะอย่างไรคุณหนูใหญ่คฤหาสน์คลื่นขจีก็ต้องแต่งกับนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!


 


“หืม? ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้งั้นเหรอ?”


 


มาตอนนี้ฝั่งหานเจิ้งเทียนเริ่มอยากรู้อยากเห็นบ้างแล้ว


 


“ท่านผู้นำ…เมื่อมินานมานี้มีบุรุษแปลกหน้ามาหาคุณหนูใหญ่ แถมยังพักที่เรือนของคุณหนูใหญ่ร่วมเดือน…พวกเรากลัวว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงคุณหนูใหญ่…ท่านผู้นำช่วยไปกล่าวบอกคุณหนูใหญ่ให้นางพาบุรุษผู้นั้นไปพักเรือนหลังอื่นเถอะ…”


 


หานเค่ออธิบายถึงเจตนาการมาทันที


 


“หืม?”


 


เมื่อหานเจิ้งเทียนได้ยินสิ่งที่หานเค่อพูดก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง เพราะมันเองก็ไม่รู้เลยว่ามีบุรุษแปลกหน้ามาพักอยู่ที่เรือนของบุตรี!


 


อย่างไรก็ตามพอได้ยินคำของหานเค่อแล้ว หานเจิ้งเทียนอดที่จะเย้ยหยันกลับไปเสียไม่ได้ “ชื่อเสียง? บุตรีข้าเป็นเช่นไร บิดาเช่นข้ารู้ดีที่สุด! ข้าเชื่อในตัวบุตรีข้าว่ามิมีทางทำเรื่องอันใดให้เสื่อมเสียแน่!!”


 


“พวกเจ้ามิบอกมาให้ชัดเลยเล่า?! ว่าอยากให้ข้าไปหานางและเชิญให้สหายของนางที่เป็นบุรุษไปพักที่อื่นเพื่อมิให้เกิดเรื่องผิดใจกับคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง?”


 


วาจาประโยคหลังหานเจิ้งเทียนยังหัวเราะออกมาดังๆ จงใจเย้ยเยาะทุกคนอย่างเห็นได้ชัด


 


หากเป็นก่อนหน้านี้การที่หานเค่อและอาวุโสคนอื่นมากล่าววาจาถึงบุตรีมันทำนองนี้ล่ะก็ มันจะตบเสียให้หน้าสะบัดโดยไม่สนว่าหน้าไหนเป็นหน้าไหน!


 


อย่างไรก็ตามตอนนี้สถานการณ์ของคฤหาสน์คลื่นขจีก็มิค่อยจะสู้ดีนัก มันไม่กล้าทำอะไรวู่วามแม้จะเป็นผู้นำคฤหาสน์ก็ตาม


 


หานเค่อและอาวุโสคนอื่นๆ แม้ไม่กล่าวอะไรออกมา แต่สีหน้าท่าทางก็เผยให้รู้ความนัยใจหมดสิ้น


 


“ข้าจะบอกพวกเจ้าอีกครั้ง…ต่อให้นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมาสู่ขอถึงคฤหาสน์คลื่นขจี แต่ข้าก็ยังมิได้ตบปากรับคำอะไรมัน เพราะในฐานะบิดาข้ามีสิทธิ์เลือกลูกเขยของข้า!”


 


ทันใดนั้นแววตาที่หานเจิ้งเทียนใช้มองทั้งหมดก็แปรเปลี่ยน ยังคล้ายผู้พิทักษ์สวรรค์ที่กำลังพิโรธ พาลให้หานเค่อและอาวุโสคนอื่นๆกดดันไม่น้อย!


 


“ไสหัวไป!!”


 


ตวาดไล่ออกมาคำหนึ่ง กลิ่นอายพลังมหาศาลขุมหนึ่งพลันปะทุออก มวลอากาศเริ่มบิดเบือน!


 


ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!


 


……


 


ทันใดนั้นคลื่นลมที่ออกมาจากปากของหานเจิ้งเทียนก็คล้ายจะจับตัวมีสภาพ พุ่งซัดเข้าใส่หานเค่อและอาวุโสคนอื่นๆ จนร่างเซถอยไปหลายก้าว!


 


หน้าหานเค่อและอาวุโสคนอื่นๆเปลี่ยนสีไปมาหลายรอบทันที หากแต่สุดท้ายพวกมันก็ได้แต่จากไปอย่างไม่กล้าพูดอะไร


 


สำหรับพวกมัน เรียกว่าได้กระทำตามหน้าที่เรียบร้อยแล้ว


 


สำหรับเรื่องที่หานเจิ้งเทียนตัดสินใจจะทำหลังจากนี้ ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกมันอีก


 


“หานซิ่น!”


 


สองตาหานเจิ้งเทียนทอประกายสว่างจ้าขึ้นมาทันทีหลังจากที่ทุกคนจากไปหมดแล้ว แววตายังคล้ายจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คน


 


ก่อนหน้านี้ก็เป็นหานซิ่นที่นำพานายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมา ยิ่งไปกว่านั้นยังเห็นด้วยกับข้อเสนออีกฝ่ายอย่างออกหน้าออกตา!


 


หลังจากที่มันรับทราบเรื่องนี้มันก็เร่งรุดไปหาหานซิ่นทันที ยังพยายามลงมือทุบตีหานซิ่นให้สาหัสด้วยซ้ำ เพราะพลังฝีมือของมันสูงกว่าเล็กน้อย


 


อนิจจาตอนนั้นเหล่าอาวุโสกว่า 8 ส่วนของคฤหาสน์คลื่นขจีกลับเข้าข้างหานซิ่น กระทั่งสนับสนุนการตัดสินใจของอีกฝ่าย ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่อาจเล่นงานหานซิ่นได้อีก


 


ถึงแม้มันจะมีโมโหหานซิ่นไม่น้อย แต่มันก็โกรธตัวเองนัก เพราะตอนนี้ชะตาชีวิตบุตรีคนเดียวกับกลายเป็นมาเกี่ยวพันกับโชคชะตาของคฤหาสน์คลื่นขจี!


 


หากบุตรีมันเลือกไม่แต่งงาน น่ากลัวคฤหาสน์คลื่นขจีจะพบพานหายนะ!


 


แต่หากนางเลือกที่จะตบแต่งออกไป น่ากลัวว่าความสุขชั่วชีวิตของนางคงแหลกสลายไม่มีชิ้นดี ในฐานะบิดามันย่อมเสียใจไปชั่วชีวิตเพราะกระทั่งลูกสาวคนเดียวยังไม่สามารถปกป้องไว้ได้!


 


เนื่อจากหานซิ่นและอาวุโสกว่า 8 ส่วนตัดสินใจเช่นนั้น มันจึงตัดสินใจได้อย่างเด็ดเดี่ยว!


 


มันจะให้ลูกสาวหลบหนีไปเสีย!


 


ไม่มีวันปล่อยให้ความสุขชั่วชีวิตของนางต้องถูกทำลายเช่นนี้เด็ดขาด!!


 


สำหรับเรื่องราวหนักหนาหลังจากนั้น ตัวมันในฐานะผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจีจะแบกรับไว้แต่เพียงผู้เดียว กระทั่งไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะรอดชีวิตไปได้หลังให้บุตรีหนีไปแล้ว


 


มันยินดีตายเพื่อบุตรี!


 


อนิจจามันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าบุตรีอันเป็นแก้วตาดวงใจของมันกลับเลือกที่จะไม่จากไป นางยินดีสละซึ่งทุกอย่างกระทั่งความสุขชั่วชีวิต


 


ด้วยเหตุนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมาจึงไม่มีวินาทีไหนที่ใจมันสงบลง ยังครุ่นคิดหาหนทางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน


 


เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นมันไม่มีวันผลักลูกสาวตัวเองลงสู่กองไฟแน่นอน!


 


นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเป็นตัวดีอันใด? ไหนเลยยังไม่รู้ชื่อเสียงในด้านชั่วร้ายของอีกฝ่าย! หากลูกสาวของมันอยู่กับตัวบัดซบพรรค์นี้ ก็เสมือนทำลายชีวิตของนาง!


 


“ดูเหมือนจักมีแค่วิธีเดียวเท่านั้น…”


 


หานเจิ้งเทียนกล่าวรำพันออกมา


 


และวิธีที่ว่าก็คือลอบสังหารนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง! ด้วยพลังฝีมือของมัน มันเชื่อว่าหากคิดลอบสังหารอีกฝ่ายจริงๆ ย่อมไม่ยากเย็นอะไร!!


 


‘คราบใดที่มันตายไปสักคน คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องย่อมยกเลิกงานแต่งเป็นธรรมชาติ…แต่มีหลายสิ่งนักที่ข้าต้องตระเตรียม หากข้าจะฆ่ามันต้องไม่ทิ้งร่องรอยอันใดให้สืบสาวมาถึงคฤหาสน์คลื่นขจีได้’


 


หานเจิ้งเทียนลอบกล่าวในใจ


 


‘ว่าแต่มีชายหนุ่มแปลกหน้ามาอยู่กับเฉวี่ยไน่หรือ? มิใช่นางปฏิเสธไม่พบใครหรือไร ไฉนถึงให้ใครไม่รู้มาอยู่ด้วยได้…บุรุษผู้นั้นที่แท้เป็นใครกันแน่?’


 


ด้วยความอยากรู้อยากเห็น หานเจิ้งเทียนจึงไปหาเฉวี่ยไน่ทันที


 


“ท่านพ่อ”


 


เมื่อเห็นหานเจิ้งเทียนมาหา หานเฉวี่ยไน่ก็ไม่ได้แปลกใจแม้แต่น้อย “พวกหานเค่อกับอาวุโสคนอื่นๆ มันไปกดดันท่านมาหรือ?”


 


“ยาโถวน้อยเจ้าฉลาดยิ่ง ดูเหมือนว่าที่แท้พวกมันจะมาหาเจ้าก่อนมาหาพ่อสินะ?”


 


ในแววตาหานเจิ้งเทียนเผยประกายเย็นเยือกวูบวาบขึ้นมา มันรย่อมเดาได้ทันทีว่าไม่พ้นหานเค่อและคนอื่นๆต้องมารังควาญลูกสาวมันแล้วเป็นแน่


 


“ท่านพ่อท่านคงมิได้มาหาข้าเพื่อโน้มน้าวอะไรข้าหรอกนะ…”


 


หานเฉวี่ยไน่กล่าวถามออกมา หากแต่พอกล่าวถามจบคำนางก็บังเกิดความเสียใจทันที


 


บิดาของนางกระทั่งยินดีสละทุกสิ่งให้นางหนีไป แล้วจะมากล่าวให้นางขับไล่ต้วนหลิงเทียนออกไปเพราะวาจาเหลวไหลของผู้อื่นได้อย่างไร?


 


“เด็กโง่…”


 


หานเจิ้งเทียนส่ายหัวไปมา แน่นอนว่ามันรู้ดีว่าบุตรีมันมักกล่าววาจาตรงๆแถมปากไวไม่เกรงใจใคร มันจึงไม่ได้สนใจอะไรมากมาย


 


“ท่านพ่อ ข้าขอโทษ”


 


หานเฉวี่ยไน่กล่าวขอโทษออกมาหน้าซึม


 


“เจ้าเป็นลูกสาวของพ่อยังจะมาขอโทษพ่อทำอะไร…อย่างไรก็ตามพ่อยังอยากรู้นักว่าใครกันที่ลูกสาวคนดีของพ่อถึงขั้นใจกว้างยอมให้อยู่ในบ้านด้วยเช่นนี้…ที่สำคัญยังอยู่มาเดือนนึงแล้ว”


 


กล่าวจบแล้ว สีหน้าท่าทางของหานเจิ้งเทียนก็เผยความอยากรู้อยากเห็นออกมาอย่างออกหน้าออกตา


 


“ท่านพ่อ เขาคือพี่ใหญ่หลิงเทียนที่ข้าเคยกล่าวถึง”


 


หานเฉวี่ยไน่กล่าวออกด้วยรอยยิ้ม


 


“พี่ใหญ่หลิงเทียน? สุดยอดอัจฉริยะหนุ่มจากทวีปมนุษย์ ต้วนหลิงเทียน?”


 


หานเจิ้งเทียนกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ


 


“อื้อ เป็นพี่ใหญ่เอง”


 


หานเฉวี่ยไน่พยักหน้า


 


“แต่…มิใช่ว่าเขาหายตัวไปหลังสำนักจันทร์จรัสแสงล่มสลายรึ? ใยมาถึงที่นี่ได้เล่า?”


 


หานเจิ้งเทียนยังรู้เรื่องราวของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย ยังรู้ว่าอีกฝ่ายคืออัจฉริยะมากฝีมือที่สามารถบรรลุจุดสูงสุดในทวีปมนุษย์ได้ในเวลาอันสั้น ก่อนที่จะออกเดินทางมายังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า


 


กล่าวกันตามตรงมันยังบังเกิดความสนใจในตัวต้วนหลิงเทียนผู้นี้นัก


 


น่าเสียดายที่บุตรีของมันไม่ได้พาอีกฝ่ายกลับมาด้วย หลังจากที่กลับมาจากการเดินทางครั้งล่าสุด


 


“ท่านพ่อ ท่านต้องสัญญากับข้าก่อน ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นท่านห้ามสร้างความลำบากใจให้พี่ใหญ่หลิงเทียนเด็ดขาด”


 


สีหน้าท่าทางหานเฉวี่ยไน่เปลี่ยนไปทันใด นางเข้ามากอดแขนหานเจิ้งเทียนทั้งกล่าวรบเร้าออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง


 


“ยาโถวน้อยเจ้าเป็นอะไร ใยแลดูขึงขังดุ้รายนักเล่า?”


 


หานเจิ้งเทียนส่ายหัวยิ้ม


 


“หากท่านพ่อไม่สัญญากับข้ามาก่อน ข้าไม่บอกท่านหรอก”


 


หานเฉวี่ยไน่กล่าวออกด้วยน้ำเสียงจริงจัง


 


นับว่าเป็นครั้งแรกเลยจริงๆ ที่หานเจิ้งเทียนเห็นบุตรีคนเดียวแลดูขึงขังจริงจังขนาดนี้ รอยยิ้มของมันจึงหายไปและพยักหน้ารับอย่างเป็นการเป็นงาน “เอาล่ะๆ ข้าสัญญากับเจ้า มิว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะไม่สร้างปัญหาให้พี่ใหญ่หลิงเทียนของเจ้าเด็ดขาด!”


 


“ท่านต้องสัญญาว่า จะไม่แย่งสิ่งของที่พี่ใหญ่มีด้วย!!”


 


หานเฉวี่ยไน่กล่าวเพิ่มเติม


 


“ยาโถวน้อยนี่เห็นบิดาเป็นโจรลักขโมยไปแล้วหรือไร…สิ่งของอันใดจากทวีปมนุษย์ ที่พ่อในฐานะผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจีจะอยากได้ถึงขั้นต้องแย่งชิง?”


 


หานเจิ้งเทียนส่ายหัวไปมาอย่างไม่เข้าใจจริงๆ


 


“ไม่รู้ล่ะ ท่านพ่อต้องสัญญามาก่อน”


 


อย่างไรก้ตามหานเฉวี่ยไน่ยังคงดื้อดิงอย่างเอาจริงเอาจัง


 


“ก็ได้ๆ พ่อสัญญากับเจ้า พ่อจะไม่แย่งชิงอะไรของพี่ใหญ่หลิงเทียนเจ้ามาแน่ ดีหรือไม่?”


 


แม้น้ำเสียงของหานเจิ้งเทียนจะเผยความจนปัญญาไม่น้อย แต่ในแววตายามมองไปยังหานเฉวี่ยไน่ก็เต็มไปด้วยความรักความอ่อนโยน


 


เมื่อเห็นหานเจิ้งเทียนสัญญามาแล้ว หานเฉวี่ยไน่ก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นค่อยเล่าเรื่องของต้วนหลิงเทียนออกมา รวมถึงเรื่องตราผนึกมารด้วย


 


“อะไร! ตราผนึกมาร!?”


 


เรียกว่าพอได้ยินเรื่องนี้ ลูกตาของหานเจิ้งเทียนก็หดเล็กลงทันที


 


ถึงแม้ว่าหานเจิ้งเทียนจะแปลกใจกับทุกเรื่องที่บุตรีของมันเล่าออกมา แต่นับว่าทุกเรื่องราว..ถูกเรื่องของตราผนึกมารกลบเสียมิด!



ตอนที่ 1,655 : ต้วนหลิงเทียนออกจากการปิดด่าน!


 


ตราผนึกมารไม่ใช่เรื่องแปลกปลอมสำหรับหานเจิ้งเทียน!


 


ตราผนึกมารคือยอดศาสตราเซียน ติดอันดับ 1 ใน 10 ของรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ยิ่งไปกว่านั่นมันยังเป็นลำดับต้นๆอีกด้วย!


 


เหตุผลที่ไฉนมันถึงติดอันดับต้นๆนั้น ไม่ใช่เพราะความสามารถในแง่ของการเพิ่มพูนพลัง หากแต่เป็นความสามารถวิเศษในการปราบมาร!


 


ตราผนึกมารนั้นทรงพลานุภาพสูงล้ำนัก หากนำไปใช้กับผู้ฝึกมาร!


 


ด้วยเหตุนี้พอมันทราบด้วยกลวิธีบางอย่าง ว่าตราผนึกมารอยู่ในทวีปมนุษย์ที่อยู่ในทิศใต้ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า มันจึงส่งชิงหนูออกไปค้นหา อนิจจากลับคว้าน้ำเหลวอยู่หลายปี


 


ในที่สุดมันก็จำต้องยอมแพ้


 


อย่างไรก็ตามมันไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าตราผนึกมารที่มันค้นหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ กลับตกมาอยู่ในมือของต้วนหลิงเทียน!


 


ต้วนหลิงเทียนนั้นเป็นสหายที่บุตรของมันไปพบพานและทำความรู้จักตอนที่นางติดตามชิงหนูไปเที่ยวเล่นที่ทวีปมนุษย์


 


กล่าวได้ว่า เบาะแสที่มันได้รับมานั้นล้วนเป็นความจริง ตราผนึกมารกลับอยู่ในทวีปมนุษย์ทางใต้จริงๆ!


 


เพียงแค่ชิงหนูไม่ได้รับ เป็นต้วนหลิงเทียนได้มาครองแทน


 


ในที่สุดมันก็เข้าใจแล้วว่าไฉนลูกสาวของมันถึงได้ขอให้มันสัญญาอะไรแบบนั้น นับว่าตราผนึกมารนั้นสร้างความสนใจให้มันมากทีเดียว!


 


แน่นอนว่าหากเทียบกับลูกสาวคนเดียวแล้ว ตราผนึกมารก็ไม่นับเป็นอะไรได้!


 


ในใจของมันลูกสาวคนเดียวเป็นสิ่งสำคัญที่มีค่ามากที่สุด ยังมีค่ามากกว่าชีวิตของมันเสียอีก!


 


“ยาโถวน้อยโง่งม เจ้ากลัวพ่อปล้นชิงตราผนึกมารจากพี่ใหญ่หลิงเทียนของเจ้าหรือ?”


 


หานเจิ้งเทียนส่ายหัวไปมาค่อยกล่าวสืบต่อ “อย่างไรก็ตามความสามารถของพี่ใหญ่หลิงเทียนเจ้านับว่าน่าทึ่งยิ่งนัก ก่อนหน้าข้าคิดว่าเขาคงเทียบได้กับอัจฉริยะระดับต้นๆของคฤหาสน์คลื่นขจี แต่ตอนนี้ดูเหมือนเป็นข้าที่ยังดูเบาเขาไป…สามารถเอาชนะอันดับ 1 ในรายนามนภาของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน อย่างหลินตงผู้นั้นมาได้ ทั้งๆที่หลินตงก็มิได้อ่อนแอไปกว่าอันดับ 1 ในรายนามนภาของคฤหาสน์คลื่นขจีพวกเรา!”


 


“ที่สำคัญที่สุดคือเขากลับสังหารหลินตงลงได้ทั้งๆที่หลินตงสามารถทะลวงขอบเขตเซียนได้แล้ว…ในเรื่องนี้อย่าว่าแต่คฤหาสนน์หลิ่งหนานหยวนหรือคฤหาสน์คลื่นขจี ต่อให้เป็นทั่วทั้งภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า กระทั่งเป็นภูมิภาคเบื้องบน ก็คงยากจะมียอดฝีมือใต้ขอบเขตเซียนเป็นคู่มือให้เขาได้…”


 


กล่าวถึงท้ายประโยค สองตาหานเจิ้งเทียนก็สว่างโรจน์ขึ้นมา “ยาโถวน้อย พ่อสนใจพบพี่ใหญ่หลิงเทียนของเจ้านัก…เจ้าจักมิแนะนำเขาให้พ่อรู้จักหน่อยหรือ?”


 


“ท่านพ่อ ตั้งแต่พี่ใหญ่ปิดด่านบ่มเพาะไปเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่…”


 


ในขณะที่หานเฉวี่ยไน่ส่ายหัวไปมาคล้ายจะบอกว่าต้วนหลิงเทียนยังไม่ได้ออกจากการปิดด่าน พลันมีเสียงหนึ่งดังแจ้งขึ้นมาจากด้านนอก “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ นายน้อยหลิงเทียนต้องการพบท่านเจ้าค่ะ”


 


เป็นเสียงของสตรีรับใช้ท่ำหน้าที่เฝ้าประตูนั่นเอง


 


“พี่ใหญ่หลิงเทียนออกจากการปิดด่านแล้วหรือ?”


 


สองตาหานเฉวี่ยไน่ทอประกายสว่างจ้าขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำรายงาน “รีบเชิญพี่ใหญ่เข้ามาเร็ว!”


 


“ดูเหมือนว่าข้ายังมีโชคไม่น้อย”


 


หานเจิ้งเทียนก็หัวเราะออกมาเช่นกัน


 


ขณะเดียวกันลึกลงไปในแววตาของมันก็เผยประกายสว่างเต็มไปด้วยความลึกซึ้ง คล้ายครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่


 


เมื่อต้วนหลิงเทียนเข้ามาจนเห็นหานเฉวี่ยไน่ เขาก็สังเกตเห็นว่านางมีแขกอยู่อีกคน


 


ชายวัยกลางคนแลดูสง่าผ่าเผยคนนี้ ทั่วร่างเผยแรงกดดันให้เขาสัมผัสได้ระดับหนึ่ง…หากเป็นเดือนที่แล้ว แรงกดดันจากกลิ่นอายพลังของชายวัยกลางคนผู้นี้คงสะกดข่มเขาได้แน่ เพราะกลิ่นอายพลังของชายวัยกลางคนผู้นี้นับว่าเหนือกว่ากลิ่นอายพลังทั้งหมดที่เขาเคยพบพานมาก่อน


 


กระทั่งชิงหนู และเจ้าเมืองคลื่นขจียังไม่มีกลิ่นอายพลังแข็งกล้าขนาดนี้


 


กระทั่งกลิ่นอายพลังของตี้จิ่ว มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บนั่นก็ยังด้อยกว่า! ส่วนกลิ่นอายพลังของสตรีลึกลับพี่สาวฝาแฝดของเค่อเอ๋อ…เขามิอาจจับสัมผัสใดๆได้เลย!


 


หลังจากพินิจอีกฝ่ายจนได้แลเห็นหว่างคิ้ว เค้าโครงใบหน้า ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าชายวัยกลางคนหน้าตาดีคนนี้ละม้ายคล้ายหานเฉวี่ยไน่หลายส่วน เขาจึงพอคาดเดาตัวตนของชายเบื้องหน้าได้ทันที


 


ผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน หานเจิ้งเทียน!


 


“พี่ใหญ่หลิงเทียน ในที่สุดท่านก็ออกจากการปิดด่านแล้ว!!”


 


ได้เห็นต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง หานเฉวี่ยไน่ก็เผยสีหน้ามีความสุขและท่าทางเต็มไปด้วยความยินดีออกมาทันที


 


ด้านหานเจิ้งเทียนพอเห็น มุมปากก็เผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมา


 


“อ่า”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าให้หานเฉวี่ยไน่ทั้งทักทายนางด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะหันไปมองหานเจิ้งเทียนพร้อมโค้งศีรษะเล็กน้อย “ต้วนหลิงเทียน คารวะผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจี”


 


ต่อหน้าหานเจิ้งเทียน ต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะปิดบังตัวตนที่แท้จริงอะไร


 


“ฮ่าๆๆ…ดี ดี! ต้วนหลิงเทียน ข้าได้ยินเฉวี่ยไน่กล่าวถึงเจ้าหลายครั้งหลายครานัก ทั้งยังเล่าเรื่องการเดินทางจากทวีปมนุษย์มาจนถึงวันนี้ อนาคตเจ้านับว่าไร้ขีดจำกัดอย่างแท้จริง!”


 


หานเจิ้งเทียนยิ้มกล่าว “อย่างไรก็ตามเนื่องจากเจ้าเป็นสหายอันดับของเฉวี่ยไน่ เช่นนั้นก็อย่าได้สุภาพกับข้าให้มาก…หากเจ้าไม่รังเกียจเพียงเรียกหาข้าว่าลุงหานเถอะ!”


 


ด้วยความสำเร็จและผลงานที่ผ่านมาของต้วนหลิงเทียน มันเองก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวชมจากใจ


 


“ฮัยยาพี่ใหญ่หลิงเทียน ใบหน้านี้ของท่านเย็นชาขู่ขวัญผู้อื่นยิ่ง ท่านเปลี่ยนกลับได้หรือไม่ ข้าไม่ชอบใบหน้าปลอมที่แสนไร้อารมณ์นี้ของท่านเลย”


 


หานเฉวี่ยไน่เบ้ปากกล่าวบอกต้วนหลิงเทียนออกมาตามตรง


 


“เออะ? ใบหน้าปลอม?”


 


หานเจิ้งเทียนที่ได้ยินอดไม่ได้ที่จะชะงัก


 


ต้องทราบด้วยว่าทันทีที่ต้วนหลิงเทียนก้าวเข้ามาในห้อง มันก็แผ่สำนึกเทวะสำรวจเขาไปทั่วร่างกายแล้ว


 


กล่าวไปยังสร้างความประหลาดใจให้มันอยู่บ้าง ที่มันไม่อาจตรวจสอบด่านพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนได้


 


เมื่อครู่ตอนที่มันใช้ทักษะตรวจสอบพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียน มันพบว่าร่างต้วนหลิงเทียนคล้ายจะเป็นหลุมลึกไร้ก้นบึ้ง แม้จะจ่ายส่งสำนึกเทวะออกไปหยั่งถึงเท่าใดก็ไม่อาจค้นพบสิ่งใดได้


 


ถึงแม้มันจะประหลาดใจกับเรื่องนี้ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร


 


ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ากว้างใหญ่ไพศาลนัก ทักษะลี้ลับ วิชาพิสดารอันใดก็มีมากมายนับร้อยแปดพันเก้า ทักษะปกปิดพลังฝึกปรือเองก็มีไม่น้อย บางทักษะวิชากระทั่งเซียนในขอบเขตพลังสูงส่งยังจนปัญญาจะตรวจสอบ


 


แต่เหตุผลที่หานเจิ้งเทียนชะงัก จนเสียอาการนั้นไม่ใช่เพราะพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียน แต่เป็นคำว่าใบหน้าปลอมต่างหาก!


 


ใบหน้าของต้วนหลิงเทียน ย่อมโดนสำนึกเทวะของมันแผ่ไปตรวจสอบแล้วเช่นกัน และมันก็ไม่ได้พบร่องรอยการปลอมแปลงใดๆแม้แต่น้อย!!


 


อย่างไรก็ตามเมื่อมันจับจ้องไปยังใบหน้าของต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง 2 ตาของมันก็ต้องเบิกกว้างออกมาปานลูกวัว ปากยังอ้าออกค้าง ประหนึ่งได้พบความเปลี่ยนแปลงอันพลิกฟ้าคว่ำดิน เพราะใบหน้าแสนเย็นชาแววตาอำมหิตไร้ใจ กลับกลายเป็นใบหน้าหล่อเหลาแฝงความกล้าหาญ คิ้วคมเข้มดั่งดาบ สองตากระจ่างใสเป็นประกาย “นิ…นี่มัน”


 


นี่มันทักษะแปลงโฉมเลิศล้ำอันใดกันแน่ ไฉนมันไม่เคยพบเคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย?


 


หากไม่ได้ใช้พลังภายนอกหรืออุปกรณ์ใดเปลี่ยนแปลงกล้ามเนื้อใบหน้า นั่นหมายความว่าต้องใช้พลังของตัวเองเปลี่ยนแปลงแล้ว!


 


ทันใดนั้นหานเจิ้งเทียนคล้ายฉุกคิดอะไรขึ้นได้ สองตามันทอแสงสว่างวาบขึ้นมาทันที


 


“ลุงหาน”


 


ต้วนหลิงเทียนทักทายหานเจิ้งเทียนอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม เขารู้สึกชื่นชมหานเจิ้งเทียนคนนี้ไม่น้อย


 


อย่างน้อยอีกฝ่ายก็เป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงนัก เป็นบิดาที่ดี…กล้ายืนหยัดไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของนายน้อยจากคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนั่น ยินดีแบกความกดดันที่มีต่อคฤหาสน์คลื่นขจีไว้บนบ่าตัวเอง


 


นับว่าเป็นบิดาที่มีคุณสมบัติครบถ้วน!


 


บุคคลเช่นนี้สมควรได้รับความเคารพ


 


หลังจากนั้นหานเจิ้งเทียนก็เริ่มพูดคุยเรื่องราวสัพเพเหระกับต้วนหลิงเทียน


 


ไปๆมาๆก็เริ่มกล่าวถึงวีรกรรมซุกซนทั้งหลายในวัยเด็กของหานเฉวี่ยไน่ กระทั่งเรื่องพิเรนทร์มากมายที่นางได้กระทำเอาไว้ เรียกว่าตอนที่นางได้พบพานต้วนหลิงเทียนนั้น ความซุกซนของนางในวัยเด็กแทบหายไปหมดแล้ว ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกสนุกสนานและขบขันไม่น้อย


 


“ท่านพ่อ ท่านเล่าเรื่องพวกนี้ของข้าออกมาได้อย่างไร หากท่านยังไม่หยุด..ข้าจำได้ว่าท่านปู่เองก็เคยเล่าให้ข้าฟัง ว่าตอนท่านยังเด็ก ท่านเป็นอย่างไรบ้าง…”


 


หานเฉวี่ยไน่กล่าวออกมาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ท่าทางไม่พอใจที่ถูกบิดาขายเสียเท่าไหร่


 


“เอาล่ะๆ พ่อไม่แกล้งเจ้าแล้ว”


 


หานเจิ้งเทียนส่ายหัวไปมา ค่อยมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง “ในเมื่อเจ้าเป็นสหายอันดีของเฉวี่ยไน่ ทั้งเรียกข้าว่าลุงหานแล้ว งั้นจากนี้ไปหากเจ้าไม่ว่าอะไรข้าจะเรียกหาเจ้าว่า เสี่ยวเทียน แล้วกัน”


 


ต้วนหลิงเทียนเพียงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้ขัดข้องอะไร


 


“เสี่ยวเทียนข้าได้ยินเฉวี่ยไน่เล่ามา ว่าตอนที่เจ้าอยู่ประเทศฝูเฟิง…เจ้าสามารถฆ่าหลินตงอันดับ 1 ในรายนามนภาของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนได้ ทั้งๆที่มันทะลวงถึงขอบเขตเซียนแล้วจริงหรือ?”


 


หานเจิ้งเทียนมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอยากรู้นัก


 


มันไม่รีบกล่าวถึงตราผนึกมารออกมา เพราะกลัวว่าจะทำให้ต้วนหลิงเทียนคิดมาก


 


ส่วนคำถามที่มันพึ่งถามออกไปนั้นนับเป็นเรื่องที่สร้างความตกตะลึงให้มันมากเป็นอันดับสองรองจากเรื่องตราผนึกมาร


 


ในฐานะที่เป็นคนที่ทะลวงถึงขอบเขตเซียน มันย่อมรู้ดีว่าการทะลวงถึงขอบเขตเซียนหมายความว่าอะไร นี่ไม่ใช่แค่การพัฒนาเปลี่ยนแปลงเชิงปริมาณ แต่ยังมีความเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอย่างมหาศาล!


 


ตัวตนที่มีพลังในขอบเขตเซียนนั้น ต่อให้เป็นผู้ที่พึ่งทะลวงผ่าน แต่พลังอำนาจก็ไม่ใช่อะไรที่ตัวตนในขอบเขตสู่เซียนจะต้านทานรับมือได้เลย!


 


ในคฤหาสน์คลื่นขจีของมันเองก็มียอดฝีมือที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าหลินตงเช่นกัน พลังฝีมือยังนับว่าเป็นอันดับ 1 ในรายนามนภาของเขตอิทธิพลคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน


 


อย่างไรก็ตามยอดฝีมือเช่นนั้น หากต้องไปเผชิญหน้ากับผู้ที่พึ่งทะลวงผ่านขอบเขตเซียนมาก็มีแต่จะถูกทุบตีทำร้ายอย่างไร้ซึ่งหนทางตอบโต้!


 


นี่คือความแตกต่างระหว่างขอบเขตสู่เซียนกับเซียน!


 


เมื่อทะลวงถึงเซียน ก็เสมือนย่างเยื้องมาถึงอีกโลกหนึ่ง!


 


ด้วยเหตุนี้ทำให้มันอดไม่ได้ที่จะสงสัย ว่าในฐานะที่ยังเป็นยอดฝีมือขอบเขตสู่เซียน ต้วนหลิงเทียนไปทำอีท่าไหนกันแน่ถึงสามารถสังหารหลินตงที่ทะลวงผ่านขอบเขตเซียนไปแล้วได้


 


“ข้าก็แค่มีโชคนิดหน่อยเท่านั้นล่ะ”


 


หานเจิ้งเทียนจะอยากรู้เรื่องนี้ ต้วนหลิงเทียนก็มองว่าไม่ได้แปลกอะไร เขาเพียงตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มเท่านั้น


 


ในฐานะผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจี สายตาของหานเจิ้งเทียนไหนเลยไม่แหลมคม มันมองตาต้วนหลิงเทียนก็รู้แล้วว่าตอบจริงหรือไม่จริง…


 


ด้วยเหตุนี้ทำให้มันบยังเกิดความตื่นตระหนกในใจนัก


 


“ถึงแม้ข้าจักไม่รู้ว่าเจ้ากระทำได้อย่างไรกันแน่…แต่การที่เจ้าสามารถกระทำเช่นนั้นได้ เผยให้เห็นว่าภายใต้ขอบเขตเซียนในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ล้วนมิมีผู้ใดเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าอีกต่อไป…”


 


หานเจิ้งเทียนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง


 


‘ใต้ขอบเขตเซียน?’


 


ใจต้วนหลิงเทียนผงะไปวูบหนึ่ง หากแต่ไม่ได้กล่าวความเห็นอะไรเพิ่มเติม


 


หากเป็นเดือนที่แล้วคำกล่าวชมนี้ของหานเจิ้งเทียนอาจพอทำให้เขารู้สึกภาคภูมิได้บ้าง แต่ตอนนี้มันช่างไร้สำคัญเสียเหลือเกิน…


 


เพราะใต้ขอบเขตเซียน…ไม่ใช่โลกที่เขายืนอยู่อีกต่อไป!


 


“พี่ใหญ่หลิงเทียน เรื่องที่ท่านมีตราผนึกมารข้าเล่าให้ท่านพ่อฟังไปแล้ว ท่านคงมิโกรธข้าหรอกนะ?”


 


ตอนนี้เองหานเฉวี่ยไน่ส่งเสียงมาถึงต้วนหลิงเทียน ด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ คล้ายกลัวต้วนหลิงเทียนดุเอาไม่น้อย


 


“ไม่เป็นไรหรอก”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางๆ “ในเมื่อบิดาเจ้ารู้แล้วว่าข้าเป็นใคร ต่อให้เจ้าไม่เล่าออกไป แต่ข้าเกรงว่าอีกไม่นานบิดาเจ้าก็ต้องรู้อยู่ดีว่าตราผนึกมารอยู่ในมือของข้า”


 


หานเฉวี่ยไน่พอได้ยินก็หายกังวลทันที


 


“ยาโถวน้อยเจ้าออกไปเล่นข้างนอกก่อนไป พ่อมีอะไรจะหารือกับพี่ใหญ่หลิงเทียนของเจ้าเล็กน้อย”


 


หานเจิ้งเทียนหันไปมองหานเฉวี่ยไน่ ก่อนที่จะกล่าวบอกให้นางออกไปข้างนอกก่อน


 


“ท่านพ่อ”


 


พอได้ยินคำนี้หานเฉวี่ยไน่โค้งคิ้วคู่งามขึ้นทันใด สิ่งแรกที่คิดก็คือใช่บิดาของนางจะผิดคำสัญญาและแย่งชิงตราผนึกมารจากพี่ใหญ่หลิงเทียนหรือไม่


 


“เจ้าไม่ต้องกังวลไป”


 


ในฐานะบิดาของหานเฉวี่ยไน่ หานเจิ้งเทียนย่อมรู้ดีว่าในใจบุตรีคิดอะไรอยู่ เพียงส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะส่งเสียงบอกนางว่าไม่ได้คิดช่วงชิงตราผนึกมารจากต้วนหลิงเทียนแน่นอน…



ตอนที่ 1,656 : รายนามสุดยอดนักรบคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!


 


เมื่อเห็นว่าหานเจิ้งเทียนเข้าใจความนัยที่นางจะสื่อ และรับปากว่าจะไม่ผิดสัญญา หานเฉวี่ยไน่ก็รู้สึกโล่งอกไม่น้อย


 


ถึงแม้นางจะสงสัยว่าทำไมบิดาของนางจึงคิดให้นางออกไปก่อนแล้วจะอยู่กับพี่ใหญ่หลิงเทียน 2 คน แต่เห็นได้ชัดว่าบิดานางอยากได้ความเป็นส่วนตัวและไม่อยากให้นางทราบเรื่องนี้


 


หลังจากที่หานเฉวี่ยไน่จากไปอย่างเชื่อฟัง สีหน้าหานเจิ้งเทียนก็เผยความเคร่งเครียดจริงจังออกมาทันที


 


“ลุงหาน…”


 


ต้วนหลิงเทียนมองหานเจิ้งเทียนด้วยสงสัย ด้วยไม่รู้ว่าเพราะอะไรหานเจิ้งเทียนถึงอยากจะคุยกับเขาตามลำพัง


 


“เสี่ยวเทียน ทักษะแปลงโฉมของเจ้านับว่าเลิศล้ำหาใดเปรียบนัก…สมควรเป็นทักษะลับแปลงโฉมที่พิเศษอย่างยิ่งใช่หรือไม่?”


 


หานเจิ้งเทียนมองต้วนหลิงเทียนรด้วยสายตาจริงจัง กล่าวถามออก


 


“ใช่”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ตอนแรกเขาคิดว่าหานเจิ้งเทียนคิดจะสนทนาเสนอข้อแลกเปลี่ยนเรื่องตราผนึกมารอะไรกับเขาเสียอีก แต่ตอนนี้ดูท่าว่าจะไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว


 


นอกจากนี้เขายังพบว่าท่าทางหานเจิ้งเทียนจะสนใจทักษะลับแปลงโฉมของเขาไม่น้อย


 


“ทักษะลับของเจ้าย่อมมีค่านัก…แต่มิทราบว่าเจ้าพอจะถ่ายทอดมันให้ข้าได้หรือไม่?”


 


หานเจิ้งเทียนมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาจริงจัง เปิดประตูเห็นภูผาถามออก


 


เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนอึ้งไปไปครู่หนึ่งมันก็เร่งกล่าวเสริมออกมา “แน่นอนว่าข้ามิได้ขอให้เจ้าสอนเปล่าๆ…เจ้าต้องการแลกเปลี่ยนมันกับอะไรเพียงบอกข้ามา ข้าเองก็ไม่ยอมให้เจ้าต้องเสียเปรียบแน่!!”


 


“ลุงหาน ยังต้องแลกเปลี่ยนอะไรกันอีก ท่านเป็นบิดาของเฉวี่ยไน่ แน่นอนว่าก็เป็นเหมือนผู้อาวุโสคนหนึ่งของข้า ในเมื่อข้าเองก็เป็นแขกมาเยือนท่านถึงที่แต่มิได้มีอะไรติดไม้ติดมือมา เช่นนั้นถือเสียว่าทักษะแปลงโฉมของข้านี้ มอบให้ท่านเป็นของขวัญแรกพบเถอะ…แต่ข้าหวังว่าท่านจะเก็บทักษะลับแปลงโฉมนี้ไว้กับตัวมิถ่ายทอดให้ใคร กล่าวตรงๆคือข้าไม่อนุญาตให้ท่านถ่ายทอดมันให้ใคร ส่วนเฉวี่ยไน่ข้าจะเป็นคนสอนให้นางด้วยตัวเอง”


 


ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา ก่อนที่จะกล่าวตอบออกมาตรงๆเช่นกัน


 


ก่อนหน้านี้ที่ผู้เฒ่าหั่วถ่ายทอดทักษะลับแปลงโฉมนี้ให้เขา


 


อีกฝ่ายยังบอกต่อเขาด้วยว่าทักษะลับแปลงโฉมนี้มีค่ามหาศาลแม้กระทั่งในแดนสวรรค์!


ทักษะลับนี้สามารถหลอกลวงได้ทุกคน


 


แน่นอนว่าในแง่ของรูปลักษณ์เท่านั้น


 


หากนำไปใช้กับคนที่ใกล้ชิดสนิทสนมกัน ที่สามารถจับสังเกตพฤติกรรมหรือความคุ้นชินบางประการ กระทั่งกลิ่นตัวเฉพาะ ก็ไม่ยากที่จะมองทะลุถึงตัวตนที่แท้จริงได้ แน่นอนว่าหากปลอมเป็นผู้อื่น แล้วเจ้าของหน้าตามาเห็นก็คงจับได้ทันทีเช่นกัน


 


“เรื่องนี้เจ้ามั่นใจได้เลยเสี่ยวเทียน ข้ายินดีสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า”


 


พอได้ยินว่าต้วนหลิงเทียนเต็มใจสอนทักษะลับแปลงโฉมที่เลิศล้ำขนาดนี้ให้ง่ายๆ หานเจิ้งเทียนก็รู้สึกยินดีนัก สองตาทอประกายเจิดจ้า เตรียมกรีดนิ้วหลั่งเลือดเพื่อกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าทันที


 


“ช้าก่อนลุงหาน!”


 


ทว่าทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียพลันกล่าวหยุดหานเจิ้งเทียนเอาไว้เสียก่อน


 


“หืม?”


 


พอเห็นเช่นนี้หานเจิ้งเทียนอดไม่ได้ที่จะชักหน้าบึ้งตึง เพราะคิดว่าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนใจ


 


“ลุงหานอย่าพึ่งเข้าใจผิด ข้าแค่อยากจะถามท่านก่อน ว่าท่านคิดเอาทักษะแปลงโฉมนี้ไปใช้เพื่ออะไรกันแน่…”


 


ต้วนหลิงเทียนมองหานเจิ้งเทียนพร้อมกล่าวถามด้วยน้ำเสียงแววตาจริงจัง


 


หลังได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน หานเจิ้งเทียนก็เงียบไปทันที


 


“ลุงหาน…ท่านคงไม่คิดจะใช้มันเพื่อลอบสังหารนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องหรอกนะ?”


 


ต้วนหลิงเทียนหรี่ตาจี้ถามออกมาอีกครั้งทันที


 


พอได้ยินคำถามนี้ของต้วนหลิงเทียน แม้สีหน้าของหานเจิ้งเทียนจะไม่แปรเปลี่ยน หากแต่หางคิ้วอดไม่ได้ที่จะกระตุกไปอยู่บ้าง…และต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นชัดถนัดตา บ่งบอกให้รู้ว่าเขาเดาถูกจริงๆ


 


เหตุผลที่หานเจิ้งเทียนอยากได้ทักษะแปลงโฉมของเขา…


 


พอเห็นสีหน้าแววตาที่แปรเปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึมของต้วนหลิงเทียน หานเจิ้งเทียนก็รู้ตัวแล้วว่าถูกต้วนหลิงเทียนจับได้


 


“ข้าไม่อยากให้เฉวี่ยไน่ต้องแต่งกับสารเลวนั่น…ตอนนี้เหลือวิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้น!”


 


หานเจิ้งเทียนกล่าวออกมาเสียงเข้ม


 


วาจาที่หานเจิ้งเทียนกล่าวออกมารอบนี้ เท่ากับยอมรับแล้วว่าคิดใช้ทักษะแปลงโฉมเพื่อเอาไปใช้ฆ่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจริงๆ


 


“ลุงหานท่านยอมทำเพื่อเฉวี่ยไน่ถึงขนาดนี้ ข้าชื่นชมท่านนัก”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเข้ม สองตาทอประกายเฉียบคมขึ้นมา “แต่ขอข้าถามอะไรท่านสักคำ…ท่านแน่ใจหรือไม่ว่าหากท่านปลอมตัวไปฆ่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง แล้วคฤหาสน์คลื่นขจีจะรอดพ้นเรื่องนี้ไปได้โดยที่ไม่ถูกพวกมันสงสัยและตอบโต้?”


 


“หากท่านแน่ใจว่าเมื่อท่านกระทำลงไปแล้ว คฤหาสน์คลื่นขจีจะปลอดภัยไร้เรื่องราว และตัวท่านจะไม่มีอันตรายใดๆตามมาในภายหลัง…ข้ายินดีมอบทักษะแปลงโฉมนี้ให้ท่านทันที! แต่หากท่านไม่อาจมั่นใจได้เต็มสิบส่วนว่าต้องปลอดภัยไร้เรื่องราว ข้าต้องขออภัยท่านไว้ตรงนี้เลย เพราะข้ามิอาจถ่ายทอดมันให้ท่านได้จริงๆ…”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวสืบต่อ


 


เขาไม่ได้หวงทักษะลับแปลงโฉมสักนิด หากต้องถ่ายทอดมันให้หานเจิ้งเทียน


 


จะอย่างไรหานเจิ้งเทียนก็เป็นบิดาบังเกิดเกล้าของหานเฉวี่ยไน่ เขาเองก็เห็นเฉวี่ยไน่เหมือนน้องสาวแท้ๆมานานแล้ว เขาย่อมไม่เห็นหานเจิ้งเทียนเป็นคนนอก


 


หานเจิ้งเทียนพอได้ยินก็ชักสีหน้าเคร่งเครียดสองคิ้วขมวดเป็นปมทันที


 


มั่นใจเต็ม 10 ส่วน?


 


แน่นอนว่าไม่อาจ!


 


ถึงแม้มันจะปลอมแปลงใบหน้าเป็นผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคฤหาสน์คลื่นขจีไปฆ่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง…แต่มันก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะตัดคฤหาสน์คลื่นขจีออกจากผู้ต้องสงสัย เพราะอีกฝ่ายนั้นโหดเหี้ยมอำมหิตนัก


 


ฆ่าผิดคนไม่ว่า อย่าพลาดฆ่าคนผิด!!


 


ในสายตาของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง คฤหาสน์คลื่นขจีก็แค่ขุมพลังชั้น 5 นับว่าไม่ได้เป็นอะไรในสายตาของพวกมัน


 


การจะทำลายลบทิ้งไป ก็แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น


 


“ไม่…”


 


เผชิญหน้ากับสองตาคมกล้าที่จี้ถามมาของต้วนหลิงเทียน หานเจิ้งเทียนทำได้แค่กล่าวตอบออกไปด้วยรอยยิ้มขื่นขม


 


มันไม่คิดจะโกหกเพราะรู้ว่าไม่อาจโกหกชายหนุ่มเบื้องหน้าได้ แม้ชายหนุ่มเบื้องหน้าจะยังถือเป็นรุ่นเยาว์ แต่สายตาอีกฝ่ายกลับคมกล้าให้ความรู้สึกคล้ายจะมองทะลุถึงจิตใจของมันได้อย่างไรอย่างนั้น


 


“เช่นนั้นข้าต้องขออภัยท่านลุงหานด้วย แต่ข้าไม่อาจถ่ายทอดทักษะลับนี้ให้ท่านได้จริงๆ”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวขออภัยออกมา


 


“เสี่ยวเทียนข้ารู้ดีว่าทั้งหมดที่เจ้าทำไป เพราะเป็นห่วงข้า…แต่ข้าไร้ทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ”


 


หานเจิ้งเทียนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ตอนนี้ หานซิ่น ที่เป็นดั่งตัวแทนของคฤหาสน์คลื่นขจีได้ตบปากรับคำไปแล้วว่ายินดีจัดงานวิวาห์ระหว่างคฤหาสน์คลื่นขจีกับคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี ด้านคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็ได้กำหนดวันแต่งอันเป็นปีหน้าออกมาเรียบร้อย ยังส่งบัตรเชิญไปยังแขกเหรื่อทั่วทุกสารทิศ…เช่นนั้นจึงมีทางเดียวที่จะล่มงานวิวาห์ครั้งนี้ได้…ฆ่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนั่นทิ้ง!”


 


“ตอนแรกข้าคิดจะให้ยาโถวน้อยเฉวี่ยไน่หลบหนีไปเสีย…แต่ยาโถวน้อยนั่นเฉลียวฉลาดยิ่ง นางไม่อยากสร้างความลำบากใจให้ข้า และไม่อยากให้คฤหาสน์คลื่นขจีต้องตกอยู่ในอันตรายถึงขั้นล่มสลายเพราะมีนางเป็นต้นเหตุ…”


 


หานเจิ้งเทียนได้แต่ฝืนยิ้มออกมาอย่างขื่นขม


 


“อันที่จริงข้ายังคิดวิธีบ้าบิ่นอย่างวางยาให้นางตกอยู่ในภาวะไร้สติและลอบพานางหลบหนีไปเสีย…แต่ยาโถวน้อยนางนี้นับว่าฉลาดเฉลียวยิ่ง นางกลับล่วงรู้ว่าข้าอาจใช้วิธีนี้กับนาง จึงลั่นวาจาสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าออกมา ว่าหากข้ากระทำวิธีการทำนองนั้นเพื่อช่วยนางออกไป นางจะไม่ขออยู่อีกต่อไปแม้จะรอดมาได้ก็ตาม…”


 


วาจาท้ายประโยคหานเจิ้งเทียนเผยความอับจนหนทางออกมาทางสีหน้าแววตา


 


ลูกสาวของมันปฏิเสธที่จะเชื่อฟังและให้ความร่วมมือ เรื่องนี้ทำให้มันทุกข์ใจนัก


 


แต่อีกด้านหนึ่งมันก็อดสุขใจเสียไม่ได้ เพราะนี่หมายความว่าลูกสาวตัวน้อยในวันวานที่แสนซุกซนได้เติบโตขึ้นมา จนรู้ผิดชอบชั่วดี กระทั่งเข้าใจคำว่าภาระหน้าที่ๆพึงกระทำแล้ว


 


ฟังเรื่องที่หานเจิ้งเทียนเล่าออกมา ใจต้วนหลิงเทียนก็อดสะท้านไปเสียไม่ได้


 


ถึงแม้เขาจะรู้จักกับหานเฉวี่ยไน่มานานปี แต่ในสายตาเขาหานเฉวี่ยไน่เสมือนเด็กสาวตัวน้อยที่ยังไม่เติบโต สดใสร่าเริงและมักซุกซนอยู่เสมอ ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่นางกลับเติบโตและมีความรับผิดชอบถึงขนาดนี้


 


ด้วยเหตุนี้เขาจึงยิ่งทุกข์ใจกับเรื่องของหานเฉวี่ยไน่นัก


 


“คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง…”


 


ในแววตาต้วนหลิงเทียนเผยเพลิงโทสะขึ้นมากองหนึ่ง ยังคล้ายจะผลาญเผาได้ทุกสิ่ง


 


“ตอนนี้ข้ายังมีความคิดบางอย่าง…”


 


หานเจิ้งเทียนมองไปยังต้วนหลิงเทียน ค่อยกล่าว “หลังจากที่ข้าลอบสังหารนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องไปแล้ว ถึงแม้คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะมีโมโหจนลงมือกับคฤหาสน์คลื่นขจี แต่ยังมีทางให้เฉวี่ยไน่รอดไปได้…นั่นคือให้เจ้าเป็นผู้พานางออกไป กระทำเช่นนี้ย่อมไม่ขัดต่อคำสาบานของนาง ดังนั้นข้าจึงหวังให้เจ้าถ่ายทอดทักษะลับแปลงโฉมนั่นให้ข้า”


 


“ทำไม่ได้หรอกลุงหาน!”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำคัดค้านทันที


 


ล้อกันเล่นหรือไร!?


 


เจตนาของหานเจิ้งเทียนคือละทิ้งชีวิตตัวเอง กระทั่งละทิ้งคฤหาสน์คลื่นขจี! จะให้เขารับปากได้อย่างไร!?


 


หาไม่แล้วในวันหน้าจะให้เขามีไปสู้หน้าหานเฉวี่ยไน่อย่างไร?


 


“เสี่ยวเทียนเจ้าสมควรรู้ดีว่าทักษะลับปลอมแปลงโฉมของเจ้า ก็เหมือนผักชีโรยหน้าสำหรับข้า…ต่อให้ไม่มีมันแต่ข้าก็ยังคงจะลงมืออยู่ดี!”


 


หานเจิ้งเทียนส่ายหัวไปมา ใบหน้าแววตาเผยความเด็ดเดี่ยว คล้ายตัดสินใจแน่วแน่ไปแล้ว


 


“ลุงหาน เรื่องราวมิได้ง่ายดายเช่นนั้นหรอก ท่านอย่าได้วู่วามดีกว่า”


 


ต้วนหลิงเทียนเผยยิ้มออกมาอย่างขื่นขม


 


อันที่จริงเมื่อเดือนที่แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็คิดเหมือนกันว่าการฆ่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องไปเสีย สมควรเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการช่วยหานเฉวี่ยไน่ให้หลุดจากความทรมาณนี้


 


อย่างไรก็ตามในขณะที่ปิดด่านฝึกฝนเขาก็ตระหนักได้ว่าความคิดนี้มันผิดพลาด


 


เรื่องที่บิดาของหานเฉวี่ยไน่กระทบกระทั่งกับผู้อาวุโสสูงสุดอย่างหานซิ่นถึงขั้นปะทะกันเลือดตกยางออกนั้น สมควรแพร่ไปภายในคฤหาสน์คลื่นขจีแล้ว! สุดท้ายมิวายต้องล่วงรู้ไปถึงหูคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง! หากไม่เกิดเรื่องกับนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น น่ากลัวคฤหาสน์คลื่นขจีคงหมดสิ้นหนทาง!!


 


การที่อยู่ดีๆนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมาถูกฆ่าเอาช่วงเวลานี้… 9 ใน 10 ส่วนทั้งหมดย่อมเดาได้ว่าเป็นฝีมือของหานเจิ้งเทียน!!


 


เช่นนั้นแล้วไม่เพียงแต่คฤหาสน์คลื่นขจี กระทั่งหานเจิ้งเทียนยังจะต้องแบกรับความพิโรธของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!!


 


วันนั้นต้วนหลิงเทียนเลยตระหนักได้ทันที ที่ยากไม่ใช่ฆ่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง แต่เป็นการแบกรับผลที่จะตามมาหลังฆ่าอีกฝ่ายแล้วต่างหาก!


 


“หากมีทางอื่นข้าก็มิได้อยากกระทำเช่นนี้…แต่ตอนนี้มันหลงเหลือเพียงทางเดียวแล้ว”


 


หานเจิ้งเทียนกล่าว


 


“ลุงหาน ท่านมั่นใจแล้วหรือว่าไม่มีหนทางอื่นจริงๆ…ร้อยถี่ย่อมมีหนึ่งห่าง ท่านลองทบทวนดู…”


 


ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วกล่าวถามเพิ่มเติม “มิวิธีอื่นใดอีกหรือไม่…ที่จะฆ่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง โดยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคฤหาสน์คลื่นขจี”


 


“ฆ่านายน้อยฟ้าลิ่วล่องโดยที่ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อคฤหาสน์คลื่นขจี ที่จริงก็พอมีอยู่หนทางหนึ่ง…อนิจจาหนทางนั้นก็เป็นไปมิได้เลยเช่นกัน


 


หานเจิ้งเทียนส่ายหัวไปมาพร้อมถอนหายใจอย่างสะทกสะท้อน


 


“หนทางใดหรือลุงหาน ที่ท่านว่าเป็นไปไม่ได้?”


 


ต้วนหลิงเทียนเร่งกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัยทันที


 


“หลังจากนี้อีก 1 ปี ภายในคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง จะมีการประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบแห่งคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ที่จะมีขึ้นทุกๆ 50 ปี…เท่าที่ข้ารู้นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็จะเข้าร่วมการประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบนี้เช่นกัน…มันยังมุ่งหวังจะได้เป็นอันดับ 1 ในรายนามสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง! ทั้งนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็จงใจเลือกวันแต่งงานกับเฉวี่ยไน่หลังจากสิ้นสุดการประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบนั่น 1 เดือนพอดี”


 


หานเจิงเทียนกล่าวเล่าออกมาเสียงเย็นสายตายังดุร้ายปานจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คน


 


“รายนามสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง? ทุกๆ 50 ปี?”


 


สำหรับรายนามสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง เป็นอะไรที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก ใบหน้าจึงเผยความสงสัยขึ้นมาทันที



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)