War sovereign Soaring The Heavens 1634-1641

 ตอนที่ 1,634 : วรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอด


 


‘แต่ยังไงตอนนี้มันก็ยังไม่ใช่ขอบเขตเซียน’


 


เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็สามารถยืนยันได้


 


ตัวตนในขอบเขตเซียนนั้นไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่น เอาแค่กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกทั่วร่างก็แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด


 


‘ดูเหมือนว่าที่เจ้านี่มันจะได้อันดับ 1 ในรายนามนภามาไม่ใช่เพราะโชค…นับว่าสมคำร่ำลือยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาของเขตอิทธิพลคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนจริงๆ’


 


ต้วนหลิงเทียนคิดจบก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆฟอดหนึ่ง ไม่คิดประมาทอะไรหลินตงอีกต่อไป


 


หลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่อึดใจ เขตแดนของทั้งสองคนก็ก่อตัวแล้วเสร็จในเวลาพร้อมๆกัน ทั้งยังปะทะต้านทานกันให้ผู้ชมเห็นกันชัดเจน


 


ฝ่ายหนึ่งเป็นเขตแดนอันเต็มไปด้วยกระบี่พลังมีสภาพคมกล้านับหมื่นเล่ม มองไปยังคล้ายเป็นโลกแห่งกระบี่


 


ส่วนอีกเขตแดนนั้นกลับมีวังวนพลังนับร้อย วังวนแต่ละลูกยังเปล่งไอพลังสีเขียวครามทั้งหมุนด้วยความเร็วรอบสูงล้ำคล้ายจะดูดกลืนได้ทุกสรรพสิ่ง


 


ยามเมื่อเขตแดนทั้ง 2 ปะทะกัน จุดปะทะก็เต็มไปด้วยคลื่นพลังน่ากลัวพาลให้บรรยากาศคล้ายจะบิดเบือนไป


 


“คิดมิถึงเลยจริงๆ ว่าเขตแดนของเจ้าจะสามารถต้านทานเขตแดนของข้าได้…เป็นข้าดูเบาเจ้าเกินไปแล้วจริงๆ”


 


เห็นฉากดังกล่าวกระทั่งหลินตงเองยังอดไม่ได้ที่จะตกใจ


 


ต้องทราบด้วยว่าภายในเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนนั้น แม้มันจะเผชิญหน้ากับอันดับที่ 2 ในรายนามนภา แต่ทว่าอาศัยเพียงการเปิดกางเขตแดนคราเดียว เขตแดนของมันก็กลืนกินเขตแดนอีกฝ่ายสยบลงได้อย่างง่ายดาย…ทว่าตอนนี้เขตแดนของมันทำได้เพียงทัดเทียมกับต้วนหลิงเทียน ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ!


 


“อันที่จริงเขตแดนของเจ้าก็เหนือคาดจริงๆ”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเรียบ


 


ถึงแม้ว่าเขตแดนเขาจะไม่ได้เปรียบแต่ก็ไม่ได้ยี่หระแม้แต่น้อย


 


เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้มีดีแค่เขตแดน!


 


“เฮอะ! เจ้าคงมิได้กำลังคิดอยู่หรอกนะว่าจะสู้ข้าได้ เพียงเพราะเขตแดนเจ้าเสมอกับข้า?”


 


ความสงบไม่แยแสของต้วนหลิงเทียน ทำให้หลินตงรู้สึกขัดใจไม่น้อย


 


อันที่จริงก่อนหน้าที่จะมาประลอง มันก็พอทราบมาแล้วว่าเขตแดนของต้วนหลิงเทียนร้ายกาจมาก ทั้งยังสมควรเป็นสิ่งที่ทรงพลังที่สุดของอีกฝ่าย ดังนั้นมันเลยไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ที่เห็นเขตแดนต้วนหลิงเทียนทัดเทียมกับของมัน


 


เพราะมันเตรียมใจเอาไว้แล้ว


 


ในฐานะอันดับ 1 ในรายนามนภา และผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดฝีมือที่ร้ายกาจที่สุดในขอบเขตสู่เซียน มันย่อมไม่ได้มีดีแค่เขตแดน!


 


แกร๊ก!


 


ทันใดนั้นเองสองมือของหลินตงพลันปรากฏกรงเล็บเหล็กสวมเอาไว้ ใบมีดแหลมคมเผยกระกายวับวาวเปล่งกลิ่นอายพลังคมกล้าเยียบเย็นเสียดตาปานจะทะลวงได้ทุกสิ่ง!


 


เห็นได้ชัดว่านี่คือศาสตราเซียนคู่กายของมัน!


 


ซัว!


 


ทันใดนั้นร่างหลินตรงพลันไหววูบฉับไว คนพุ่งทะยานมาดั่งสายลมกรรโชกหอบหนึ่ง นำพาเขตแดนวังวนของมันพุ่งเข้าปะทะเขตแดนหมื่นกระบี่ของต้วนหลิงเทียนอย่างแข็งขัน ไอพลังสะท้อนสาดกำจายไปทั่ว ร่างปรี่ตรงเข้าหาต้วนหลิงเทียน!


 


วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!


 


……


 


ทันทีที่หลินตงควบรวมพลังสู้กรงเล็บเหล็กทั้งจ้วงแทงออกมาคล้ายจะกระชากลำไส้ของต้วนหลิงเทียน ไอพลังนับร้อยพันสายพลันพวยพุ่งออกจากตัวกรงเล็บ ก่อเกิดเป็นรังสีพลังไร้สภาพลักษณ์กรงเล็บนับร้อยพันสาย จี้ตรงเข้าหาต้วนหลิงเทียน สภาวะพลังโถมมามืดฟ้ามัวดิน!


 


เรียกว่ากลิ่นอายพลังทำลายล้างของกรงเล็บเหล็กนับร้อยพันนี้ ประหนึ่งฝนดาวตกโถมกระหน่ำใส่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ปาน พาลให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสมือนกำลังจะจมจ่อมลงสู่ทะเลคมมีด!


 


อย่างไรก็ตามแม้จะเผชิญหน้ากับกรงเล็บเหล็กเปี่ยมสภาวะดุร้ายเกรี้ยวกราด สีหน้าต้วนหลิงเทียนยังเฉยเมยไร้นำพา ไม่มีแตกตื่นแม้แต่น้อย!


 


เพียงเห็นร่างในชุดสีม่วงสะบัดมือฉับไวเรียกเกาทัณฑ์บุโรทั่งออกมาคันหนึ่ง ก่อนที่จะควบรวมศรพลังในมือขวา เล็งยิงเฉียงหน้าขึ้นฟ้า คล้ายกำลังใช้ออกด้วยพิรุณดาวตกในพริบตา!


 


พริบตานั้นเองศรพลังที่พุ่งยิ่งออกไป ดั่งมายาพร่างพราว พริบตาก็แตกตัวออกเป็นศรพลังแสงนับร้อยพันดอก ปานพิรุณดาวตก!


 


“เฮอะ! คิดจะต้านทานกรงเล็บข้า ด้วยห่าศรกระจอกๆนี่งั้นหรือ!?”


 


หลินตงย่อมจับสัมผัสได้ชัดว่าห่าศรที่ก่อตัวเหนือฟ้าและพุ่งลงมาดั่งห่าพิรุณนั้นไร้พลังถึงเพียงใด แต่ละดอกศรเรียกว่าถึงปะทะเข้าร่างมัน ก็ยากแม้แต่จะสร้างรอยขีดข่วน!


 


หากเอาห่าศรพรรค์นั้น ปะทะกับกรงเล็บเหล็กที่รวมศูนย์พลังมาของมัน เห็นชัดว่าต้วนหลิงเทียนพ่ายแพ้อนาถแน่!!


 


“การโจมตีของต้วนหลิงเทียนอ่อนด้อยเท่านี้เองหรือ!?”


 


ฝนธนูที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกนั้น พาลให้สายตาของผู้ชมทั้งหลายเผยความดูเบาออกมา เพราะทั้งหมดสัมผัสได้ว่าศรแต่ละดอกนั้นไม่ได้มีพลังอำนาจเท่าที่ควร


 


“ดูเหมือนว่าต้วนหลิงเทียนจักมีดีเพียงแค่เขตแดนแล้วจริงๆ…จากระดับพลังของกระบวนท่าวรยุทธ์นี้ หากมิใช้เขตแดน น่ากลัวว่าเขาจะอ่อนด้อยกว่าแม่นางเฟิ่งเสียอีก!”


 


เห็นฉากนี้ หลายคนก็เริ่มกล่าวออกมา


 


“เฮอะ! ไปลงนรกเสีย!!”


 


ซือถูหมิงและอี้เฟิงพลันกล่าวเย้ยหยันออกมาอย่างสะใจ


 


อ๋องเฉียนก็หัวเราะร่า ปานได้เห็นภาพตราผนึกมารตกอยู่ในมือของมัน


 


มันยังถึงกับเพ้อดั่งฝันกลางวันไปทันที ว่าทันทีที่มันได้รับตราผนึกมารมาล่ะก็ มันจะเอาไปขู่ข่มผู้ฝึกมารทั้งหลายให้สาบานว่าจะจงรักภัคดีต่อมัน หาไม่แล้วมันจะใช้ตราผนึกมารฆ่าเสียให้ตาย!


 


อันที่จริงฝ่ายอ๋องหรงเองก็มีผู้ฝึกมารอยู่หลายคน มันย่อมสามารถใช้ตราผนึกมารเข่นฆ่าได้ง่ายดาย!


 


ด้วยมีตราผนึกมารในมือ แม้มันจะลงมือเพียงหนึ่งกระบวน ก็ฆ่าผู้ฝึกมารขอบเขตเซียนได้มากมาย!


 


“ท่านปรมาจารย์ต้วน!”


 


ซือถูฮ่าว ซือถูหัง ทั้งบิดาและบุตรล้วนเผยสีหน้าวิตกกังวลออกมา เมื่อเห็นว่ากระบวนท่าของต้วนหลิงเทียนด้อยพลังกว่าของหลินตง


 


มีเพียงป๋ายลี่หงและคนอื่นๆเท่านั้นที่ยังคงใจเย็นอยู่ได้


 


ที่พวกมันยังใจเย็นอยู่ได้นั้น เพราะต่างเห็นสีหน้าต้วนหลิงเทียนชัดดีว่าไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ทำให้พวกมันมั่นใจมาก


 


พวกมันล้วนเชื่อมั่นในตัวต้วนหลิงเทียนอย่างไม่มีเงื่อนไข


 


และปรากฏว่าพวกมันไม่ได้เลือกเชื่อผิดคนจริงๆ


 


ในขณะที่ทุกคนดูเบากับห่าดอกศรทั้งหลาย แต่ห่าดอกศรดังกล่าวที่พุ่งลงมานั้นไม่ได้ไปปะทะกับรังสีพลังกรงเล็บของหลินตงแต่อย่างไร พวกมันเพียงพุ่งวกกลับมาม้วนวนรอบกายต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วสูง!


 


พิรุณศรก่อนหน้ายามนี้มองไกลๆให้ความรู้สึกคล้ายระฆังใบเขื่องกำลังคลุมร่างต้วนหลิงเทียนเอาไว้


 


ระฆังศรคลุมกาย!


 


ที่แท้สิ่งที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกในตอนนี้ก็คือ ระฆังศรคลุมกาย เคล็ดป้องกันที่ทรงอานุภาพที่สุดของวิชามหาเกาทัณฑ์ดาวตก!


 


ยามเมื่อระฆังศรปรากฏคลุมกายต้วนหลิงเทียนเอาไว้อย่างมิดชิด ก็พอดีกันกับที่ห่ารังสีพลังกรงเล็บนับร้อยพันของหลินตงบรรลุถึง! พวกมันซัดปะทะเข้ากับระฆังศรอย่างแรง บังเกิดเป็นคลื่นพลังระลอกแล้วระลอกเล่ากำจายออกมา!!


 


ปง! ปง! ปง! ปง!


 


อย่างไรก็ตามเมื่อห่ารังสีพลังกรงเล็บนับร้อยพันสายปะทะทำลายหมดสิ้น ระลอกพลังที่สาดออกทั่วทิศหยุดลง ระฆังศรที่คลุมกายต้วนหลิงเทียนอยู่ก็ไม่เสียหายแม้แต่น้อย!


 


จังหวะนี้ผู้ชมถึงกับเงียบเป็นคนตาย


 


“นั่นมันวรยุทธ์เซียนสายป้องกันอันใดกันแน่ ใยถึงได้ร้ายกาจนักเล่า!?”


 


“พลังป้องกันของวรยุทธ์เซียนสายป้องกันนั่น…น่ากลัวว่าถ้ามิใช่วรยุทธ์เซียนระดับปฐพีคงยากทำลาย!”


 


“ถูกแล้ว! พลังป้องกันของวรยุทธ์เซียนที่ต้วนหลิงเทียนใช้ มันมีพลังอำนาจในการป้องกันเหนือกว่าวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์โดดเด่นไปไกล!”


 


……


 


ผู้คนอดไม่ได้ที่จะอุทานกันออกมาด้วยความตื่นตระหนก เหล่าผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนทั้งหลายที่มองลักษณะพลังและความเข้มข้นของพลังออกก็เร่งกล่าวออกมาด้วยความตื่นตาตื่นใจ พวกมันรู้ว่าวรยุทธ์เซียนป้องกันที่ต้วนหลิงเทียนสำแดงออกนั้นไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง!


 


“วรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอด! ต้วนหลิงเทียนต้องฝึกฝนวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดเป็นแน่..เพราะมีเพียงวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดเท่านั้น ถึงมีพลังอำนาจในการป้องกันน่ากลัวเช่นนี้!!”


 


ไม่นานเหล่าเซียนที่มากประสบการณ์ก็กล่าวออกมาด้วยความตื่นตระหนก!


 


วรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอด!


 


ได้ยินคำนี้ สองตาของผู้ฝึกชมทั้งมวลก็ทอประกายเจิดจ้าขึ้นมาทันที


 


ถึงแม้ชั่วชีวิตพวกมันจะไม่เคยพบพานวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดมาก่อนเลย แต่คนไม่เคยกินหมูก็มิใช่ว่าจะไม่เคยเห็นหมูวิ่ง


 


วรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดนั้น แม้จะเป็นวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ แต่มันเหนือกว่าวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ทั้งหมดอย่างชัดเจน เรียกว่ามีอานุภาพทัดเทียมกับวรยุทธ์เซียนระดับปฐพี ที่มีแต่ขอบเขตเซียนเท่านั้นที่ฝึกปรือได้!


 


วรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอด…กระทั่งขุมพลังชั้น 5 ก็ไม่ใช่ว่าจะมีไว้ในครอบครองกันทุกขุมพลัง!!


 


แต่แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่ฝึกปรือวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดจะมีสายสัมพันธ์กับขุมพลังชั้น 5 อะไรเช่นนั้น


 


เพราะโลกกว้างใหญ่สุดไพศาล ยอดคนในอดีตกาลที่ตายตกก็ทิ้งมรดกไว้มากมาย บ้างก็เจอถ้ำเซียนของเซียนยอดฝีมือที่ทิ้งวรยุทธ์อันร้ายกาจเอาไว้


 


‘ต้วนหลิงเทียนผู้นี้…กลับมีวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดฝึกปรือ!’


 


สายตาที่หลินตงใช้มองต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!


 


ต้องทราบด้วยว่าแม้จะเป็นตระกูลหลินของมันที่เป็นขุมพลังชั้น 6 ยังไม่มีวรยุทธ์เซียนชั้นยอดเลยด้วยซ้ำ!


 


วรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดนั้น สำหรับตัวตนในขอบเขตเซียนแล้วอาจจะไม่ได้นับว่าเป็นอะไร แต่สำหรับผู้ที่อยู่ภายใต้ขอบเขตเซียนมันกลับมีค่ามหาศาล!


 


‘ดูท่าเจ้าต้วนหลิงเทียนอะไรนี่ มันคงไปพบพานวาสนาโดยบังเอิญมา ถึงมีวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดไว้ในครอบครอง…บางทีที่อ๋องเฉียนคิดให้ฆ่ามันแล้วเอาแหวนพื้นที่มันมา น่ากลัวว่าจะต้องการวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอด!!’


 


ไม่นานหลินตงก็นึกขึ้นได้ว่าอ๋องเฉียนอยากให้มันทำอะไร


 


อันที่จริงเรื่องนี้ตอนแรกๆมันก็สับสนไม่เข้าใจ ว่าไฉนองค์ชาย 4 ของประเทศฝูเฟิงถึงได้ต้องการแหวนพื้นที่ของแขกกิตติมศักดิ์จากตระกูลขุมพลังชั้น 7 นักหนา…


 


ในแหวนนั่นมันมีอะไรดีกันแน่?


 


มาตอนนี้ในที่สุดมันก็เข้าใจ


 


‘อ๋องเฉียน ความคิดเจ้านับว่าประเสริฐนัก…คงไม่เป็นอะไรหากข้าไม่รู้ ทว่าตอนนี้ข้ารู้แล้ว ข้าต้องได้ปันน้ำแกงสักถ้วย หากมันกล้าฮุบวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดไว้คนเดียวไม่สนตระกูลหลิน มันก็ลืมเรื่องเอาแหวนพื้นที่ต้วนหลิงเทียนไปได้เลย!’


 


ตอนนี้หลินตงลอบตัดสินใจอย่างลับๆ


 


จนถึงตอนนี้ หลินตงยังคงคิดแค่ว่า วันนี้จะอย่างไรแหวนพื้นที่ของต้วนหลิงเทียนสุดท้ายก็ต้องตกอยู่ในมือของมัน


 


ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะสำแดงระฆังศรคลุมกายออกมา ซึ่งมีพลังอำนาจในการป้องกันเทียบได้กับวรยุทธ์เซียนสายป้องกันระดับปฐพีดั้งเดิม มันก็ไม่ได้หวาดกลัวอะไร


 


‘ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ กลับมีวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดไว้ในครอบครองด้วย?’


 


อ๋องเฉียนเองก็ชมดูเรื่องราวด้วยสายตาตะลึง ‘ไม่เพียงแต่มันจะมีตราผนึกมาร แต่มันยังมีวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอด…นี่มันผ่านประสบการณ์อันใดมาบ้างกันแน่?’


 


หลังจากตกใจ ใบหน้าอ๋องเฉียนก็เผยความประหลาดใจ และความยินดีออกมา


 


ในสายตาของมัน แหวนพื้นที่ของต้วนหลิงเทียนจะตกเป็นของมันทันทีที่ต้วนหลิงเทียนตกตาย ย่อมเป็นธรรมดาที่มันจะได้รับป้ายเซียนที่บรรจุเคล็ดความวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดมาด้วย!


 


เรียกว่าวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดประหนึ่งขนมเปี๊ยะตกจากฟ้า เป็นเรื่องประหลาดใจอันน่ายินดีนัก!


 


ส่วนทางด้านอ๋องหรงก็ตื่นตระหนกไม่น้อย ที่พบว่าต้วนหลิงเทียนมีวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอด


 


ผู้ชมทั้งหลายก็เผยความโลภออกมา


 


เหล่าขอบเขตเซียนทั้งหลายเองก็ไม่เว้น แม้วรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดจะไม่มีความหมายสำหรับพวกมัน แต่ลูกหลานกับตระกูลมันเล่า? ยังไม่เป็นประโยชน์ครั้งใหญ่หรือ?


 


เช่นเดียวกันกับหลินตง ตอนนี้มันก็คิดช่วงชิงป้ายเซียนที่บรรจุวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดของต้วนหลิงเทียนกลับไปตระกูลหลินให้จงได้!


 


มันเจียนจะบรรลุถึงขอบเขตเซียนอยู่รอมร่อ วรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดย่อมไร้ความหมายกับพลังฝีมือของมัน แต่หากมันนำกลับไปตระกูลหลินได้…นั่นจะยกระดับฐานะในตระกูลมันให้ทะยานขึ้นไปอีกขั้นอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!


 


ความดีความชอบครั้งนี้มากพอให้ตระกูลหลินยกย่องบูชามัน!


 


สำหรับรุ่นเยาว์รุ่นหลังๆยามได้ฝึกปรือวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอด ทั้งหมดย่อมต้องนึกถึงมัน!


 


พอคิดถึงจุดนี้ สายตาของหลินตงที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนก็เปี่ยมไปด้วยความโลภทันที


 


ถึงแม้วรยุทธ์เซียนสายป้องกันของอีกฝ่ายจะมีพลังอำนาจป้องกันสูงส่ง แต่มันก็ไม่กังวลเรื่องที่ไม่อาจทำลายการป้องกันนี้ได้แม้แต่น้อย เพราะมันยังไม่ได้เปิดใช้อาคมเซียนระดับ 4 ดาว 2 อาคมที่จารึกไว้บนกรงเล็บเหล็ก!


 


ตราบใดที่มันเปิดใช้อาคมเซียนระดับ 4 ดาวทั้งสอง รวมถึงอาคมเซียนอื่นๆบนกรงเล็บ มันย่อมทำลายการป้องกันนี้ได้แน่!


 


“ตอนนี้เจ้าคงกำลังคิดอยู่สินะ…ถ้าฆ่าข้าได้ก็จะได้รับวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดของข้า?”


 


เมื่อเห็นถึงความโลภในสายตาของหลินตง ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวถามออกมาเสียงเรียบแววตายังเผยประกายเย็นชาวูบวาบ


 


“ข้าจะเอาแล้วเจ้าจะทำอย่างไรได้?”


 


หลินตงหัวเราะเยาะออกมา



ตอนที่ 1,635 : ความเร็วของต้วนหลิงเทียน


 


“ถึงแม้ข้าจักมิรู้ว่าเจ้าไปสรรหาวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดมาได้อย่างไร แต่ทันทีที่เจ้าตายทุกสิ่งทุกอย่างของเจ้าย่อมตกเป็นของข้า! รวมทั้งวรยุทธ์เซียนนั่นด้วย!!”


 


หลินตงกล่าวออกด้วยเสียงเยียบเย็น


 


ในวาจาคล้ายมันบอกว่าสามารถฆ่าต้วนหลิงเทียนได้แน่ๆ


 


“วาจาคำโตใครที่ไหนก็พูดได้ เอาเป็นว่าเจ้าทำลายการป้องกันของข้าให้ได้ก่อนค่อยพูดเถอะ…”


 


ต้วนหลิงเทียนที่ยังไม่คลายระฆังศรคลุมกาย กล่าวออกจากม่านพลังที่เกิดจากดอกศรนับร้อยพันด้วยน้ำเสียงสงบ สองตามองหลินตงอย่างเฉยเมย


 


“ข้าจำต้องยอมรับว่าพลังป้องกันกระบวนท่านี้ของเจ้าสูงส่งยิ่ง…แต่หากเจ้ามีพลังแค่นี้ เช่นนั้นวันนี้เจ้าต้องตาย!”


 


เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนคล้ายจะดูแคลนไม่แยแส หลินตงถึงกับอดไม่ได้ที่จะหัวร้อนขึ้นมา!


 


และทันทีที่เสียงกล่าวออกพร้อมหัวเราะเยาะดังจบคำ มันก็จ่ายส่งปราณแท้เปิดใช้การทำงานของอาคมเซียนบนกรงเล็บทันที! เป็นอาคมเซียนระดับ 3 ดาว 2 อาคม และอาคมเซียนระดับ 4 ดาว 2 อาคม!!


 


ทันใดนั้น ขณะที่ร่างของมันยังพุ่งเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนไม่หยุด มันก็เปล่งพลังกรงเล็บออกมาอีกครา


 


ทว่ารังสีพลังคมกล้าลักษณ์กรงเล็บที่ผุดโผล่ออกมานับร้อยพันรอบนี้ กลับเปล่งกลิ่นอายพลังน่ากลัวกว่าก่อนหน้า!


 


ยามรังสีพลังไร้สภาพลักษณ์กรงเล็บนับร้อยพันสายโถมออกมา แผ่นฟ้าอากาศคล้ายจะถูกฉีกขาด! นอกจากนั้นห่าพลังยังเปล่งกลิ่นอายอันทรงพลังน่ากลัวออกมาถึง 4 กลิ่นอาย!!


 


2 เข้มแข็ง อีก 2 ด้อยลงมา


 


“นั่นเป็นพลังอำนาจของอาคมเซียน!”


 


ตอนนี้เองหลายคนพลันร้องโพล่งออกมาเมื่อเห็นว่ารังสีพลังกรงเล็บไร้สภาพชุดนี้ เปล่งกลิ่นอายพลังที่น่ากลัวกว่าชุดแรกหลายขุม!


 


“อาคมเซียน 3 ดาว 2 อาคม…แถมยังมีอาคมเซียนระดับ 4ดาวอีก 2 อาคม!!”


 


ทางด้านตระกูลซือถู ป๋ายลี่หงที่ชมดูเรื่องราวอดไม่ได้ที่จะตกใจ “สมแล้วที่เป็นคนจากคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน ศาสตราเซียนของมันกลับจารึกอาคมเซียนเอาไว้ถึง 4 อาคม แถม 2 ในนั้นยังเป็นอาคมเซียนระดับ 4 ดาว!”


 


ในฐานะที่เป็นปรมาจารย์เซียนจารึกระดับ 3 ดาว ป๋ายลี่หงเป็นธรรมดาที่จะแยกแยะกลิ่นอายพลังของอาคมเซียนทั้ง 4 ได้ออก และสองในนั้นคืออาคมเซียนระดับ 4 ดาวไม่ผิดแน่!


 


โดยทั่วไปแล้ว ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 4 ดาว สามารถจารึกอาคมเซียนลงบนศาสตราเซียนได้ถึง 4 อาคม


 


และมีเพียงปรมาจารย์เซียนจารึกระดับ 4 ดาวที่ชำนาญการเท่านั้น ถึงจะสามารถจารึก 2 ในนั้นให้เป็นอาคมเซียนระดับ 4 ดาว!


 


เรียกว่าปรมาจารย์เซียนจารึกระดับ 3 ดาวนั้นอยู่คนละโลกกับปรมาจารย์เซียนจารึกระดับ 4 ดาวเลยก็ว่าได้!


 


ตอนนี้สีหน้าป๋ายลี่หงอดไม่ได้ที่จะเคร่งขรึม


 


ถึงแม้ว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจ กระทั่งย้อนไปในวันนั้นต้วนหลิงเทียนยังถึงขั้นลงมือสังหาร เฉียนคงซึ่งเป็นตัวตนในขอบเขตเซียนอดีตอาวุโสสูงสุดของสำนักจันทร์จรัสแสงได้ในกระบี่เดียว!


 


อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นมันหรือกระทั่งพวกซื่อหม่าฉางฟงและคนอื่นๆ ก็รู้ดีว่าทั้งหมดนั่นเป็นเพราะกระบี่ในมือต้วนหลิงเทียน!


 


กระบี่เล่มนั้นสามารถทำให้ต้วนหลิงเทียนที่มีพลังฝึกปรือสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ ฆ่าตัวตนในขอบเขตเซียนได้ง่ายดาย!


 


และเกรงว่ากระทั่งเป็น 10 ยอดศาสตราเซียนในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ก็ไม่ได้มีพลังอำนาจสูงส่งขนาดนี้!


 


เหตุผลที่ตอนนี้แม้มันจะกังวลใจแต่ก็ยังคงนิ่งเฉยเพราะมั่นใจในพลังฝีมือ รวมถึงมั่นใจในไพ่ตายของต้วนหลิงเทียน อันเป็นกระบี่วิเศษเล่มนั้น!


 


เป็นเพราะ ‘ใจกังวลหูตาฝ้ามัว’ จึงทำให้พวกมันตื่นตระหนกและหวาดกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะสู้หลินตงอันเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาไม่ได้! แต่พอพวกมันคิดถึงกระบี่วิเศษแสนลึกลับในมือต้วนหลิงเทียน พวกมันก็รู้ดีว่าหลินตงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป…!


 


“ข้าหวังว่าศิษย์น้องจะมิใช้กระบี่เล่มนั้น…”


 


อย่างไรก็ตามป๋ายลี่หงไม่อยากให้ต้วนหลิงเทียนใช้กระบี่เล่มนั้นออกมาจริงๆ


 


เพราะเมื่อพลังอำนาจของกระบี่ถูกเปิดเผยออกมา น่ากลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะตกเป็นเป้ากลุ้มรุมจากยอดฝีมือทุกผู้คนในแดนดิน อย่าว่าแต่ในประเทศฝูเฟิงแห่งนี้ ขี้คร้านเสาหลักของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนจะรีบแจ้นมาด้วยซ้ำ!


 


เพราะกระบี่นั่นทรงพลังอำนาจมากเกินไป!


 


ไม่ได้เป็นการกล่าวเกินเลยไปแม้แต่น้อย หากจะบอกว่ากระบี่เล่มนั้น ทรงพลังยิ่งกว่า 10 ยอดศาสตราเซียนในตำนานของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!


 


แน่นอนว่าแม้ป๋ายลี่หงจะคิดเช่นนั้น แต่มันก็รู้ดีว่ามันทำได้แค่คิดเท่านั้น


 


พลังอำนาจของอาคมเซียนระดับ 4 ดาวถึง 2 อาคมไม่ใช้อะไรที่ล้อเล่นด้วยได้! คงยากที่ต้วนหลิงเทียนจะป้องกันการโจมตีกระบวนนี้ของหลินตง แม้วรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดของต้วนหลิงเทียนจะมีพลังป้องกันสูงส่งขนาดนั้นก็ตาม!


 


“อาคมเซียนระดับ 4 ดาว กลับถูกจารึกไว้ถึง 2 อาคม…ดูเหมือนหลินตงผู้นี้จะสำคัญกับตระกูลหลินไม่น้อย”


 


อ๋องหรงชักสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที


 


ต้องทราบด้วยว่าตระกูลราชวงศ์ของมันที่มีอำนาจปกครองทั้งประเทศฝูเฟิง แต่อาวุธเซียนที่จารึกอาคมเซียนระดับ 4 ดาวเอาไว้ก็หาได้ยากเย็นนัก มันเองก็ไม่มีไว้ในครอบครองสักเล่ม!


 


และถึงแม้ตระกูลราชวงศ์ของประเทศฝูเฟิงจะมีปรมาจารย์เซียนจารึกระดับ 4 ดาว แต่ก็เป็นปรมาจารย์เซียนจารึกที่พึ่งบรรลุมาได้ไม่กี่ปีเท่านั้น เช่นนั้นจึงยังไม่มีความสามารถสูงพอจะจารึกอาคมเซียนระดับ 4 ดาวถึง 2 อาคมลงศาสตราเซียน จึงกล่าวได้ว่าศาสตราในมือหลินตงเป็นดั่งสมบัติล้ำค่าของประเทศฝูเฟิง!


 


สมบัติที่ล้ำค่าถึงขนาดนี้กระทั่งอ๋องหรง องค์ชายรองแห่งราชวงศ์ยังไม่มีใช้สักเล่ม!


 


“ตอนแรกข้าคิดว่าเมื่อต้วนหลิงเทียนมีวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดที่ทรงพลังป้องกันขนาดนี้ หลินตงคงยากที่จะทำอะไรเขาได้สืบไป…แต่ตอนนี้ต่อหน้าอาคมเซียนพวกนั้น น่ากลัวม่านพลังของต้วนหลิงเทียนคงไม่ต่างใดจากกระดาษ!”


 


“นั่นน่ะสิ เพราะนั่นมันคือพลังของอาคมเซียนระดับ 4 ดาว 2 อาคม!”


 


“อาคมเซียนระดับ 4 ดาวแค่อาคมเดียว ก็มากพอจะสั่นคลอนการป้องกันของต้วนหลิงเทียนแล้ว…แต่นี่กลับใช้ออกมาพร้อมกันถึง 2! กระทั่งเมื่อรวมกับอาคมเซียนระดับ 3 ดาวอีก 2 อาคมนั่น น่ากลัวว่าหลินตงคงโจมตีฝ่าม่านพลังป้องกันต้วนหลิงเทียนได้ง่ายดาย!”


 


“ข้าไม่คิดเลยว่าการประลองเป็นตายพึ่งเริ่มได้ไม่ทันไร ก็กำลังจะจบลงเสียแล้ว…”


 


……


 


เหล่ายอดฝีมือในขอบเขตเซียนมากมายต่างกล่าวกันออกมาอย่างเผ็ดร้อน พวกมันสัมผัสได้ไม่ยากว่าม่านพลังป้องกันของต้วนหลิงเทียน ไม่อาจต้านทานได้แน่ และคงต้องถูกทำลายลงทันที


 


และเมื่อการป้องกันของต้วนหลิงเทียนถูกทำลาย ในสายตาของพวกมันต้วนหลิงเทียนก็คงต้องตายสถานเดียว!


 


“น่าเสียดายนัก ที่เจ้าไม่ได้ตายด้วยมือข้า!”


 


อี้เฟิงกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟัน


 


“ตายไปเสีย! ต้วนหลิงเทียน! เจ้าต้องชดใช้กรรมที่ทำกับข้า!!”


 


ลูกตาซือถูหมิงเผยความดุร้าย กล่าวออกด้วยน้ำเสียงอาฆาตแค้น


 


“น้องสาม ในที่สุดหลินตงก็กำลังจะล้างแค้นให้เจ้าแล้ว…”


 


ใบหน้าเยี่ยมู่ไป๋ก็เผยความกระหยิ่มยิ้มย่องออกมา


 


ขณะเดียวกันความโลภก็ยิ่งพุ่งยิงออกมาจากดวงตาอ๋องเฉียน ราวกับมันเห็นภาพตราผนึกมารอยู่ในมือแล้วก็ไม่ปาน


 


แม้จากวาจาก่อนหน้าที่หลินตงกล่าว จะเผยให้เห็นว่าหลินตงเองก็สนใจวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดไม่น้อย แต่มันไม่สนใจสักนิดหากจะต้องมอบวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดให้หลินตง…สำหรับมันแล้วอาหารจานหลักวันนี้คือตราผนึกมาร!!


 


ต่อหน้าตราผนึกมารวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดไม่นับเป็นอะไร!


 


อย่างน้อยๆ ก็ไม่คู่ควรยกมาเปรียบเทียบ!


 


ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!


 


……


 


ภายใต้สายตาของทุกผู้คน ในที่สุดรังสีพลังลักษณ์กรงเล็บมีสภาพที่แฝงเร้นไปด้วยกลิ่นอายพลังอาคม 4 ขุม ก็ปะทะเข้ากับม่านพลังของต้วนหลิงเทียนที่เป็นดั่งระฆังศรอันเขื่อง!


 


และรังสีพลังกรงเล็บนั่น ก็ไม่ทำให้เกิดแรงปะทะหรือมีพลังสะท้อนกำจายออกมาอีกแต่อย่างใด…


 


เพราะพวกมันเจาะทะลวงม่านพลังของระฆังศรคลุมกายต้วนหลิงเทียนไปได้อย่างง่ายดาย! ปานเหล็กแหลมเสียบแทงใบไม้แห้งกรอบ!!


 


เป็นดั่งที่ใครหลายๆคนคาดเอาไว้ ระฆังศรคลุมกายของต้วนหลิงเทียน ถูกรังสีพลังของหลินตงทำลายลงได้ง่ายดาย! ห่าพลังคมกล้านับพันถล่มลงระฆังศรใบเขื่องอย่างมืดฟ้ามัวดิน!!


 


ได้เห็นฉากนี้กระทั่งป๋ายลี่หง และคนอื่นๆที่มั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียน ยังอดไม่ได้ที่จะเสียวสันหลัง


 


เพราะฉากเบื้องหน้ามันน่ากลัวเกินไป!


 


กระทั่งปายลี่หงและคนอื่นๆ เองก็จำต้องเพ่งมองไปยังระฆังศรที่กำลังจะถูกทำลายสลายหายไปอย่างใจจดใจจ่อ!


 


แม้พวกมันรู้ดีว่าหากต้วนหลิงเทียนชักกระบี่วิเศษเล่มนั้นออกมา ต่อให้เป็นเซียนก็ต้องตายตก…แต่นั่นต้องหมายความว่าต้วนหลิงเทียนมีโอกาสชักกระบี่ออกมาใช้เสียก่อน!!


 


ตอนนี้เรื่องราวมันปุบปับฉับไว ทั้งหมดไม่รู้ต้วนหลิงเทียนจะลงมือทันหรือไม่


 


“จบสิ้นแล้ว…น่าเสียดายยิ่ง”


 


มีน้อยคนนักที่เชื่อว่าต้วนหลิงเทียนจะรอดพ้นจากสถานการณ์นี้ได้


 


“ท่านปรมาจารย์ต้วน!!”


 


ลูกตาของซือถูหังแดงก่ำ ร่างสั่นสะท้านไปอย่างรุนแรง แม้มันต้องการทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยเหลือต้วนหลิงเทียน แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้เลย ทำได้แต่เฝ้ามองเท่านั้น!


 


นั่นคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของมัน!


 


หากเลือกได้ ให้มันตายแทนมันก็ยอม!


 


ซือถูฮ่าวและซือถูโฮ่วที่อยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหลับตาลงและระบายลมหายใจออกมาอย่างสะทกสะท้อน ปากยังสั่นริกๆ


 


ถึงแม้พวกมันจะยังไม่เข้าใจว่าไฉนต้วนหลิงเทียนต้องยอมรับคำท้าประลองเป็นตายนี้ด้วย…เพราะในสายตาของพวกมัน การที่ต้วนหลิงเทียนรับคำท้า…ก็เสมือนพาตัวไปอยู่ในสถานการณ์ 9 ตาย 1 รอด! อีกทั้งต้วนหลิงเทียนสามารถหลีกเลี่ยงได้แท้ๆ แต่กลับเลือกที่จะไม่หลีกเลี่ยง…


 


คนของจวนอ๋องเฉียนหัวเราะร่าออกมาอย่างสะใจ


 


คนของอ๋องหรงได้แต่ส่ายหน้าไปมา


 


อย่างไรก็ตามเนื่องจากต้วนหลิงเทียนไม่ใช่แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูอีกต่อไป จึงนับว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจวนอ๋องหรง ดังนั้นพวกมันจึงชมดูการประลองเป็นตายด้วยความบันเทิงใจ ไม่คิดเสียดายอะไรทั้งสิ้น


 


“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้เห็นว่าสนิทสนมกับแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอย…บางทีข้าอาจใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ได้ ในเมื่อหลินตงมันฆ่าต้วนหลิงเทียนไปแล้ว ตราบใดที่สามารถยุยงแม่นางเฟิ่งให้ไปรบเร้าสื่ออวิ๋น…ซัดทอดความผิดทั้งหมดให้ไปตกที่อ๋องเฉียน…แม้นางจะไม่ไปหาความจากคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน แต่จวนอ๋องเฉียนไม่น่าจะรอดพ้นแน่!”


 


พออ๋องหรงครุ่นคิดถึงเรื่องนี้มันก็เผยยิ้มแสยะออกมา มันหาวิธีใช้ความตายของต้วนหลิงเทียนสร้างความลำบากให้อ๋องเฉียนได้แล้ว


 


“หืม?”


 


อย่างไรก็ตาม เรื่องราวการประลองพลันเปลี่ยนไปในฉับพลันอีกครั้ง ทำให้สีหน้ายิ้มเย้ยของอ๋องหรงจำต้องชะงักลงทันที


 


ในขณะที่ทุกสายตาของผู้คนกำลังจับจ้องไปยังระฆังศรคลุมกายอันเขื่องที่คลุมครอบร่างต้วนหลิงเทียนเอาไว้ พอเห็นระฆังศรนั่นถูกทะลวงทำลายเป็นชิ้นๆ ทั้งหมดก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนที่อยู่ด้านในสมควรตกตายแล้วแน่แท้


 


อย่างไรก็ตามความเปลี่ยนแปลงที่บังเกิดขึ้น ทำให้สองตาของพวกมันต้องเบิกโพลง!


 


ร่างสีม่วงในระฆังศรนั้นถูกห่ารังสีพลังกรงเล็บป่นทำลายจริงๆ…


 


อย่างไรก็ตามนั่นเป็นแค่ภาพติดตา…ไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนจริงๆ!!


 


“อยู่นั่น! ต้วนหลิงเทียนไปอยู่นั่นแล้ว! คะ…ความเร็วนั่นมันอะไรกัน!?”


 


ในบรรดาผู้ที่เฝ้าชมเรื่องราว ย่อมมีขอบเขตเซียนไม่น้อย และคราวนี้อยู่ๆพวกมันก็ร้องโพล่งออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ


 


ทันใดนั้นทุกสายตาของผู้คน ก็หันมองไปยังฟ้าว่างทิศทางหนึ่ง!


 


ที่แห่งนั้นกลับปรากฏร่างชายหนุ่มในชุดสีม่วง ยืนอยู่อย่างสง่างามน่าเกรงขามบนกระบี่พลังมีสภาพเล่มหนึ่ง!


 


แถมไอพลังคมกล้าจากตัวกระบี่ดังกล่าว ยังแผ่กระจายออกมาวูบวาบไม่หยุดดั่งประกายไฟ เพียงแค่มองก็รู้สึกเสียดแทงลูกนัยน์ตานัก!


 


“เฮ่! นี่มันเกิดอันใดขึ้นกัน! เขตแดนหมื่นกระบี่ของต้วนหลิงเทียนหายไปแล้ว!?”


 


ทันใดนั้นก็มีคนค้นพบเรื่องนี้


 


“มะ…หมื่นกระบี่รวมหนึ่ง! กระบี่ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา เกิดจากหมื่นกระบี่ในเขตแดนหลอมรวมสู่หนึ่ง! เป็นเขาเหินกระบี่ที่ก่อเกิดจากเขตแดนเล่มนั้นหลบหนีออกมา!!”


 


ขอบเขตเซียนทั้งหลายที่แลเห็นเรื่องราวกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม



ตอนที่ 1,636 : หลินตง ขอบเขตเซียน!


 


ก่อนหน้าทุกคนไม่เว้นขอบเขตเซียนล้วนจับจ้องไปยังระฆังศรที่ถูกห่ารังสีพลังกรงเล็บนับร้อยพันถาโถม พวกมันจึงไม่ทันสังเกตเรื่องราวอื่นใดอีก


 


ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงไม่ทันสังเกตเห็นว่ากระบี่พลังมีสภาพนับหมื่นเล่มในเขตแดนหมื่นกระบี่ของต้วนหลิงเทียน อยู่ๆก็วูบหายไปอย่างอัศจรรย์! มันพุ่งมาหลอมรวมเป็นหนึ่งใต้เท้าและพาร่างต้วนหลิงเทียนเหินหลบออกมาด้วยความเร็วสูง!


 


ทำให้การโจมตีชุดนี้ของหลินตง นับว่าจั่วลมไปเต็มๆ!


 


เห็นฉากนี้ป๋ายลี่หงและคนอื่นๆ ก็อดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ


 


“ท่านปรมาจารย์ต้วน!”


 


เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนยังอยู่รอดปลอดภัยไร้แม้แต่รอยขีดข่วน ซือถูหังก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งอก!


 


ซือถูฮ่าวกับซือถูโฮ่ว ก็โล่งใจไม่น้อยเช่นกัน


 


ส่วนอีกด้านนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนของจวนอ๋องเฉียนต่างขมวดคิ้วเป็นปม ด้วยไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องราวเหลวไหลพรรค์นี้ขึ้นได้!


 


ภายใต้การโจมตีอันดุร้ายทรงพลังของหลินตง…แต่ต้วนหลิงเทียนกลับหลบได้!?


 


“ตัวบัดซบต้วนหลิงเทียนนี่มันโชคดีนัก! มันรอดไปได้ยังไงกัน!?”


 


อี้เฟิงขบฟันแน่นกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟัน


 


“มันก็โชคดีหลบได้ครั้งเดียว อย่าหวังว่าจะรอดได้เป็นครั้งที่ 2!”


 


ซือถูหมิงกล่าวออกด้วยความอาฆาต


 


แม้อ๋องเฉียนกับเยี่ยมู่ไป๋จะไม่ได้กล่าวอะไรออกมา แต่คิ้วที่ยู่ย่นเป็นปมก็บอกอาการของพวกมันได้เป็นอย่างดี


 


“เร็วยิ่งนัก!”


 


“เร็วเกินไปแล้ว! กระทั่งขอบเขตเซียนหลายคนยังมิอาจมองเห็นด้วยซ้ำ!”


 


“ก็ทุกคนกำลังตั้งใจชมดูว่าต้วนหลิงเทียนจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆหรือไม่ แน่นอนย่อมมิมีผู้ใดมัวมาสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงเขตแดนเขา…ข้าเองก็ไม่คิดเลยว่าเขตแดนของเขาจักทำอะไรเช่นนี้ได้!”


 


“สมแล้วที่เป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์อันดับ 1 ของประเทศฝูเฟิง…ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนั้นยังเอาตัวรอดมาได้!”


 


“ตอนนี้อันดับ 1 ในรายนามนภาของเขตอิทธิพลคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน ใช่กำลังจะลำบากแล้วหรือไม่?”


 


……


 


ทันทีที่ว่าจานี้ของใครก็ไม่ทราบดังขึ้น ทุกสายตาก็หันไปชมมองหลินตงทันที


 


ทุกสายตายังเผยความสงสัยออกมา


 


สัมผัสได้ถึงสายตาเหล่านี้ หลินตงย่อมรู้สึกไม่พอใจนัก!


 


มันไม่คิดเลยว่าการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของมัน จะถูกต้วนหลิงเทียนหลบรอดไปได้แบบนี้! สำหรับมันแล้วเรื่องนี้แทบเป็นไปไม่ได้เลย!!


 


“เขตแดนของมันใช้แบบนี้ก็ได้หรือ?”


 


ตอนนี้หลินตงยังตระหนักได้ถึงเหตุผลว่าทำไมต้วนหลิงเทียนถึงหลบการโจมตีของมันได้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะกระบี่เล่มนั้นที่ควบรวมจากกระบี่หมื่นเล่มในเขตแดน!!


 


“ในเมื่อเจ้ารวมกระบี่แล้ว เขตแดนของเจ้าก็ไม่มีอยู่อีกต่อไป! เช่นนั้นข้าจะใช้วังวนพลังของเขตแดนข้าป่นร่างเจ้าให้แหลก!!”


 


หลินตงมองต้วนหลิงเทียนที่ยืนอยู่บนกระบี่ที่พาเหินหลบไปบนฟ้า ด้วยสายตาเยียบเย็น ตอนนี้นับว่าต้วนหลิงเทียนได้ยั่วให้โทสะมันลุกโหมขึ้นมาจริงๆแล้ว!


 


และบัดนี้ เขตแดนของหลินตงก็ไม่ได้ถูกกระบี่พลังมีสภาพจากเขตแดนของต้วนหลิงเทียนต้านทานอีกต่อไป! วังวนพลังทั้งหมดของมันหวนคืนสู่อิสระเสรี!


 


เช่นนั้นแล้วยามหลินตงพุ่งร่างเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน วังวนพลังนับร้อยขุม ก็โถมถันเข้าล้อมกรอบต้วนหลิงเทียนทั้ง 4 ทิศ 8 ทาง!!


 


และวังวนพลังของหลินตงไม่เพียงจะรวดเร็วเท่าตัวมัน พวกมันยังหนุนเสริมสอดประสานกันเป็นอย่างดี อาศัยแรงหมุนวนของกันและกันปรี่เข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างน่ากลัว!


 


ด้วยการโจมตีที่มาจากตัวหลินตง และวังวนพลังนับร้อยสายที่กลุ้มรุม กลิ่นอายพลังทำลายล้างอันน่ากลัวทั้งหมดก็เพ่งเล็งมายังต้วนหลิงเทียนเป็นจุดเดียว…แต่ละวังวนล้วนเต็มไปด้วยพลังฉีกกระชากแสนอันตรายน่ากลัว มวลอากาศยังเริ่มบิดเบี้ยวส่งเสียงแตกระเบิดไม่หยุดหย่อน!


 


“หลินตงมันเอาจริงแล้ว!”


 


เห็นฉากนี้ ทุกคนก็รู้ดีว่าหลินตงไม่ออมรั้งยั้งมืออะไรสืบไป!


 


อย่างไรก็ตามแม้จะเผชิญหน้ากับหลินตงที่ลงมือเต็มกำลังไม่คิดออมรั้งอะไร ต้วนหลิงเทียนยังไม่แยแส คนท่องกระบี่เหินหลบหลีกซิกแซกซ้ายขวาหน้าหลัง หลบวังวนพลังที่โถมถันเข้ามา 4 ทิศ 8 ทางได้อย่างอัศจรรย์! ยังเอี้ยวตัวปานไร้กระดูกหลบหลีกรังสีพลังมีสภาพที่หลินตงซัดพุ่งออกมาหมายสังหารได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ!!


 


ต้องทราบด้วยว่าความเร็วของต้วนหลิงเทียนยามท่องกระบี่เหินจากเขตแดนนี้…เทียบได้กับความเร็วของขอบเขตเซียนที่พึ่งบรรลุเข้าไปแล้ว!!


 


เกรงว่าหากไม่ใช่ตัวตนในขอบเขตเซียน คงยากที่จะจับได้ไล่ทัน!!


 


“อะไรกัน!? ต้วนหลิงเทียนกลับหลบทุกการโจมตีของหลินตงได้!? หมื่นกระบี่รวมหนึ่งจากเขตแดนของต้วนหลิงเทียน จักมิพิสดารเกินไปหน่อยหรือ!?”


 


“ดูเหมือนว่าการประลองเป็นตายวันนี้ หลินตงคิดฆ่าต้วนหลิงเทียนจักมิได้ง่ายดายแล้ว!”


 


“ข้าว่าไม่เพียงแต่ไม่ง่าย…ในเมื่อมันมิอาจแตะต้องได้แม้แต่ชายเสื้อต้วนหลิงเทียนเช่นนี้ มันไม่มีวันทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้เลย…นับประสาอะไรกับฆ่าให้ตาย! แถมต้วนหลิงเทียนยังเปลี่ยนกระแสการรบได้ง่ายดายนัก หากอาศัยความเร็วนั่นในการลงมือจู่โจมสังหารหลินตงล่ะก็…!!”


 


“ฆ่าหลินตงหรือ…หากทำได้จริงชื่อเสียงของต้วนหลิงเทียนย่อมโด่งดังทะลุฟ้าแน่แล้ว!!”


 


“ข้าล่ะอยากเห็นเหลือเกิน…ว่ายอดฝีมือรุ่นเยาว์อันดับ 1 ของประเทศฝูเฟิงเรา กลายเป็นอันดับ 1 ในรายนามนภา!!”


 


……


 


ตอนนี้สถานการณ์การสู้รบเรียกว่าพลิกตลบปานตีลังกาหงายหลัง ความเปลี่ยนแปลงฉับไวนี้ยากจะทำให้ผู้คนตั้งตัวได้ทันจริงๆ


 


“ดี! ดีมาก! ฮ่าๆๆๆ!”


 


ในขณะที่ทุกคนเห็นว่าหลินตงลงมืออย่างไรต้วนหลิงเทียนก็เหินกระบี่หลบได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ทางด้านหลินตงกลับไม่ได้เป็นกังวลแต่อย่างไร อยู่ๆมันก็หัวเราะร่าออกมาอย่างประหลาด


 


“ขนาดนี้แล้วหลินตงยังหัวเราะได้อยู่อีกหรือ?”


 


เห็นฉากนี้สายตาของทุกคนแปลกไปทันที


 


“มันคงมิได้เสียสติไปแล้วหรอกนะ?”


 


หลายคนกระซิบคาดเดาออกมา


 


“คนที่แข็งแกร่งที่สุดในรายนามนภาพอจับไม่ได้ไล่ไม่ทันจึงกลายเป็นเสียสติไปแล้ว? มันรับความพ่ายแพ้ไม่ได้หรือ?”


 


หลายคนเริ่มหัวเราะเยาะออกมา


 


“มิน่าแปลกใจเลยที่ท่านปรมาจารย์ต้วนมิเลือกหลบเลี่ยงการประลองเป็นตายกับหลินตง…ที่แท้ในน้ำเต้ากลับมียาวิเศษเช่นนี้!!”


 


เมื่อเห็นความเร็วในการเหินกระบี่ท่องเวหาของต้วนหลิงเทียน ซือถูหังรู้สึกสบายใจขึ้นมามาก!


 


“ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าศิษย์น้องจะมีเปรียบได้ถึงขนาดนี้แม้จะไม่ใช้กระบี่วิเศษนั่น!”


 


ป๋ายลี่หงเผยยิ้มออกมา


 


วรยุทธ์วิชาใต้หล้า ความเร็วนับเป็นที่สุด!


 


การที่มีความเร็วเหนือล้ำกว่า หากไม่เพลี่ยงพล้ำ ย่อมอยู่ในตำแหน่งที่คงกระพันเสมอ!


 


ซื่อหม่าฉางฟงและคนอื่นๆเองก็เผยยิ้มโล่งใจออกมาเช่นกัน


 


“เจ้าต้วนนี่จริงๆเลย พอมันเผยความสามารถออกมาให้เห็นทีไร ล้วนทำให้ผู้คนตะลึงทุกที…”


 


เฉินเฉ่าช่วยถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง


 


“จริง!”


 


หนานกงยี่ก็คิดเหมือนกัน


 


ส่วนทางด้านจวนอ๋องหรงนั้น ตอนนี้ตัวอ๋องหรงเองเริ่มเผยสีหน้ามืดดำขึ้นมาแล้ว!


 


เรื่องราวกลับแปรเปลี่ยนไปเหนือคาดคิดนัก เดิมทีมันคิดว่าต้วนหลิงเทียนต้องตายแน่ จึงอุตส่าห์คิดหาวิธีใช้ประโยชน์จากการตายขอต้วนหลิงเทียนอย่างวุ่นวาย หมายสร้างความร้าวฉานให้นิกายอัคคีล่องลอยกับจวนอ๋องเฉียน!!


 


แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า สุดท้ายคนที่จะตายในวันนี้ อาจไม่แน่ว่าจะเป็นต้วนหลิงเทียน!


 


หากต้วนหลิงเทียนยังเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู มันอาจจะรู้สึกดีกว่านี้ เพราะอย่างน้อยๆในระดับหนึ่งมันก็กล่าวได้ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นทรัพยากลบุคคลของจวนอ๋องหรงมัน!


 


อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนออกจากตระกูลซือถูแล้ว สิบในสิบก็เหมือนกับออกจากฝ่ายจวนอ๋องหรง!


 


แน่นอนว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่มีความรู้สึกดีๆให้จวนอ๋องหรงอีกแน่!


 


ไม่ต้องคิดอ๋องหรงก็ทราบเรื่องนี้ดี!


 


ด้วยเหตุนี้มันจึงหวังให้ต้วนหลิงเทียนตายๆไปเสีย หากไม่ตายก็นับว่าขัดใจมันนัก!


 


“หืม? เรื่องราวเป็นเช่นนี้ไฉนน้องสี่ยังนิ่งนัก?”


 


ไม่นานอ๋องหรงก็พบว่าศัตรูที่ยากจะอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้อย่างอ๋องเฉียนยังคล้ายไม่กังวลกับเรื่องราว คิ้วไม่ขมวดแม้แต่น้อย ทำราวกับไม่กังวลเรื่องความเร็วของต้วนหลิงเทียนเลย…


 


‘หรือบางที หลินตงอาจจะยังไม่ได้ใช้ทุกสิ่งที่มี?’


 


ขณะที่อ๋องหรงคิดเช่นนี้มันก็สังเกตสีหน้าของหลินตงทันที และพบว่าขนาดนี้แล้วหลินตงยังสามารถหัวเราะออกมาได้


 


และด้วยแววตาคมกล้าของหลินตงที่คล้ายจะมั่นใจนั่น ก็ทำให้มันสงสัยขึ้นมาทันที


 


“หลินตงไปเอาความมั่นใจนั่นมาจากที่ใดกัน?”


 


ใจอ๋องหรงเต้นรัวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ


 


ขณะเดียวกันมันก็ตั้งหน้าตั้งตารอชมนัก


 


ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ในที่สุดเสียงหัวเราะของหลินตงก็หยุดลง รอยยิ้มยังไม่จางหายไปจากใบหน้า มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงเรียบ “ต้วนหลิงเทียนข้าต้องยอมรับเลยว่าเจ้าแข็งแกร่งนัก…แต่เจ้าอย่าพึ่งได้ใจให้มันมากไป! เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าไม่มีหนทางทำอะไรแล้ว?”


 


“หืม?”


 


ในขณะที่ทุกคนคิดว่าใช่หลินตงเสียสติไปแล้วหรือไม่ หลินตงพลันหยุดหัวเราะ และกล่าววาจาออกมาอย่างถือดี


 


“กระทั่งตอนนี้หลินตงยังกล่าวออกมาแบบนั้นได้…หรือว่ามันยังมีพลังฝีมือย่อยอันใดซุกซ่อนอยู่?”


 


“ก่อนหน้านี้หลินตงก็ลงมือเต็มที่แล้ว คงเหลือก็แต่ปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตรากับปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์เท่านั้น หรือหลินตงคิดอาศัย 2 กลพลังนี้เอาชนะต้วนหลิงเทียน?”


 


“เจ้าล้อเล่นหรือ กระทั่งเขตแดนของหลินตงร้ายกาจถึงปานนั้นยังแตะมิถูกชายเสื้อของต้วนหลิงเทียน! ต่อให้ใช้ปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตรากับสรรพสัตว์ยังจะไปสร้างความแตกต่างอันใดได้ มิมีทางพลิกสถานการณ์ในตอนนี้ได้เลย!”


 


“นั่นสิ กระทั่งศาสตราเซียนที่มีอาคมเซียนระดับ 4 ดาวจารึกไว้ 2 อาคมยังไม่ได้ผล…หลินตงยังเหลืออันใดให้พึ่งอีก?”


 


……


 


ตอนนี้ทุกผู้คนหันไปจับจ้องมองหลินตงด้วยสีหน้าแปลกๆ ต่างสงสัยว่าหลินตงจะยังมีพลังฝีมือย่อยอันใดเก็บงำไว้อยู่อีก!


 


หากมีจริง…แล้วมันคืออะไรกันแน่ ถึงทำให้มั่นใจขนาดนี้!


 


พวกมันต่างคาดไม่ถึงจริงๆ!


 


เห็นหลินตงมั่นใจแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนก็โค้งคิ้วขึ้นด้วยสงสัย แต่ไม่ได้กลัวอีกฝ่ายแต่อย่างไร “ในน้ำเต้าเจ้ามีอะไรก็รีบเผยเถอะ เดี๋ยวจะตายก่อนได้ใช้”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกไปด้วยความมั่นใจ


 


“เจ้าจักได้เห็นมันเดี๋ยวนี้!”


 


หลินตงแสยะยิ้มร่า จากนั้นปราณแท้ในร่างของมันจะปะทุออกมา จากนั้นมันก็เริ่มดูดกลืนปราณแท้ที่แผ่พุ่งออกมากลับคืนทั้งเริ่มชักนำพลังวิญญาณฟ้าดินเข้าสู่ร่าง!


 


ทันใดนั้นเอง ความว่างรอบกายของหลินตงก็บังเกิดความปั่นป่วนขึ้นมา!


 


วังวนพลังอันน่ากลัวนเขตแดนของหลินตง ไม่ทราบพุ่งไปห้อมล้อมกำบังหลินตงตั้งแต่เมื่อใด! ยังซ้อนเป็นชั้นๆยากที่จะฝ่าเข้าไปถึงตัวมันนัก!!


 


ส่วนร่างหลินตงที่อยู่ใจกลางวังวนพลังนั้น ตอนนี้ก็กำลังชักนำพลังวิญญาณฟ้าดินเข้าร่าง หมุนเวียนไปตามเส้นชีพจรเซียน โคจรพลังตามเคล็ดบ่มเพาะ เรียกว่าการดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินของมันยังรวดเร็วจนเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า!!


 


“นั่น…มันกำลังบ่มเพาะพลังงั้นเหรอ?”


 


เห็นฉากนี้ ผู้คนทั้งหมดที่ชมดูอยู่ก็อื้ออึง ทั้งพูดไม่ออก


 


จวนตัวก็มากอดเท้าพระเช่นนี้ยังจะมีประโยชน์อันใด?


(จวนตัวก็มากอดเท้าพระ = มีเรื่องลำบากเดือดร้อน ถึงจะมาขอความช่วยเหลือ…ปกติไม่เตรียมตัว พอจวนตัวจึงหาทางรับมือ)


 


หลายคนอดคิดพิเรนทร์ขึ้นมาไม่ได้ พลันกล่าวออกมาอย่างขบขัน “หรือหลินตงมันคิดจะทะลวงไปยังขอบเขตเซียนตอนนี้กัน?”


 


“ฮ่าๆๆๆๆ…”


 


หลายคนได้ยินก็หัวเราะออกมา เพราะคิดว่าหลินตงเหลวไหลใหญ่แล้ว!


 


ทว่าไม่นานพวกมันก็หัวเราะไม่ออก


 


เพราะครู่ต่อมา เมื่อวังวนพลังวิญญาณฟ้าดินมหาศาลที่ถูกชักนำเข้าร่างหยุดลง ทั่วร่างหลินตงพลันเปล่งกลิ่นอายพลังน่ากลัวเกรี้ยวกราดออกมาขุมหนึ่ง มวลอากาศรอบกายยังแตกระเบิดออกไปเป็นวงกว้าง! พาลให้หลายคนที่ชมดูอยู่อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวกับกลิ่นอายพลังดังกล่าว!!


 


“ขอบเขตเซียน! นั่นมันกลิ่นอายพลังของขอบเขตเซียน!!”


 


จังหวะนี้เองเหล่าผู้ฝึกตนที่บรรลุขอบเขตเซียนแล้ว อดไม่ได้ที่จะหรี่ตากล่าวออก ด้วยไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าหลินตงจะทะลวงด่านเซียนได้ในสถานการณ์เช่นนี้!!



ตอนที่ 1,637 : สิ่งที่อ๋องเฉียนต้องการ!


 


ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การทะลวงผ่านไปยังด่านพลังเซียนของหลินตง เป็นเรื่องราวที่ผู้คนส่วนใหญ่สุดจะคิดคาดจินตนาการได้จริงๆ!


 


เหตุผลที่กล่าวว่าผู้คนส่วนใหญ่ ล้วนเป็นเพราะมีบางคนที่ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะแปลกอะไร!


 


และยังมากกว่าหนึ่งคน!


 


ในบรรดาคนของจวนอ๋องเฉียน ไม่ว่าจะเป็นตัวอ๋องเฉียนเองหรือชายชราทั้ง 2 ที่ประกบอยู่ด้านหลังอ๋องเฉียน แม้จะเห็นหลินตงทะลวงสู่ขอบเขตเซียนพวกมันก็ไม่ได้แปลกใจแม้แต่น้อย!


 


จากอาการไม่แปลกใจของพวกมัน ทั้งรอยยิ้มบางๆนั่น เผยให้เห็นชัดว่าพวกมันรู้แต่แรกแล้วว่าฉากเรื่องราวเช่นนี้จะปรากฏขึ้น!


 


และอันที่จริง พวกมันก็รู้เรื่องนี้มานานแล้ว!


 


หลินตงนั้น ตั้งแต่หลายเดือนที่แล้วมันก็สามารถทะลวงสู่ขอบเขตเซียนได้ทุกเวลา สาเหตุที่ยังไม่ทะลวงเพราะมันจงใจระงับพลังฝึกปรือเอาไว้ เพื่อมาประลองกับต้วนหลิงเทียน!


 


หากมันทะลวงด่านเซียนแต่แรก ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนจะไม่รับคำท้ามาสู้กับมันเลย ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะรับคำท้าและแพ้มัน มันก็คงถูกผู้คนรุมประนามหยามหยันดั่งผู้ใหญ่รังแกเด็กน้อย!


 


อย่างไรก็ตามการทะลวงด่านพลังในขณะประลองเป็นตายนั้น เรื่องราวจะแตกต่างออกไปแล้ว!


 


ถึงแม้มันจะฆ่าต้วนหลิงเทียนตอนนี้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าว่าอะไรมันแม้แต่น้อย!


 


อ๋องเฉียนกับชายชราด้านหลังทั้ง 2 รู้อยู่แล้วก็ไม่นับเป็นอะไร แต่คนอื่นๆที่ไม่รู้เรื่องนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะตกใจและประหลาดใจกันหมด!


 


ในบรรดาผู้ที่ประหลาดใจย่อมรวมถึง ซือถูหมิง อี้เฟิง และเยี่ยมู่ไป๋เช่นกัน!


 


ก่อนหน้านี้พอพวกมันเห็นความเร็วของต้วนหลิงเทียนท่องไปทั่วฟ้า พวกมันก็ไร้ความหวังเรื่องที่หลินตงจะฆ่าต้วนหลิงเทียนได้อีกต่อไป และนั่นทำให้พวกมันหัวเสียนัก!


 


อย่างไรก็ตามฉากเรื่องราวเบื้องหน้าอยู่ดีๆ ก็พลิกตลบลังกา พาลให้พวกมันรู้สึกเสมือนพึ่งตกนรกได้ไม่ทันไรก็โบยบินขึ้นสวรรค์อีกครั้ง!


 


หลินตงกลับทะลวงไปยังขอบเขตเซียน!


 


ความหมายคืออะไรพวกมันทราบดี!


 


“ต้วนหลิงเทียน คราวนี้เจ้าตายแน่!!”


 


ทั้ง 3 ล้วนหันไปถลึงตามองต้วนหลิงเทียนด้วยความอาฆาตอีกครา ในแววตายังเปี่ยมล้นไปด้วยความเย้ยหยัน!


 


หลายคนเมื่อเห็นหลินตงทะลวงไปถึงขอบเขตเซียนต่อหน้าต่อตา พวกมันก็ถึงกับอึ้งตะลึงงันด้วยไม่คาดคิด กว่าจะได้สติก็ต้องใช้เวลาหลายลมหายใจ ทั้งหลายยังเร่งจับสัมผัสพลังหลินตงกันยกใหญ่!


 


อย่างไรก็ตามฉากเรื่องราวเบื้องหน้าทั้งกลิ่นอายพลัง บ่งบอกให้รู้ว่าพวกมันไม่ได้ฝันไป!


 


หลินตงกลับทะลวงผ่านไปยังขอบเขตเซียนแล้วจริงๆ!


 


บังเกิดความก้าวหน้าขณะต่อสู้ ไม่นับเป็นเรื่องแปลกอะไรในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!


 


ทว่าเป็นการหักด่านบรรลุขอบเขตเซียนขณะต่อสู้แบบนี้ กระทั่งในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ายังหาดูได้ยากนัก!


 


“นี่หลินตงมัน…ทะลวงผ่านแล้วจริงๆ?”


 


“ให้ตายเถอะ ข้ายังพึ่งหัวเราะมันเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเหลวไหลอยู่เมื่อครู่…ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าไม่ทันไรมันก็ทะลวงด่านสำเร็จจริงๆ!!”


 


“ต้วนหลิงเทียนเผยความเร็วยามท่องกระบี่ออกมาแบบนั้น ข้าคิดว่าหลินตงคงไร้หนทางทำอะไรได้แล้ว…แต่ไม่คิดเลยว่าในสถานการณ์อับจนเช่นนี้ หลินตงกลับผ่าทางตันด้วยการทะลวงเซียน!”


 


“ถึงแม้ว่าความเร็วของต้วนหลิงเทียนจะสูงล้ำ ถึงขั้นยากที่จะมีผู้ใดที่อยู่ใต้เซียนต้านติด…แต่ก็ยังไม่เท่ายอดฝีมือที่พึ่งบรรลุเซียนได้!”


 


“เรื่องนี้ย่อมเป็นธรรมดา! ยามทะลวงถึงขอบเขตเซียน มิว่าจะผู้ฝึกยุทธ์หรือผู้ฝึกเต๋า ก็ล้วนบังเกิดความเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าคว่ำดิน! ปราณแท้ยกระดับพัฒนาไปสู่ปราณแรกกำเนิด…และปราณแท้ย่อมมิอาจเทียบกับปราณแรกกำเนิดได้เลย! ไม่ว่าจะปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตรา สรรพสัตว์กระทั่งเขตแดน จะมีขุมพลังเป็นปราณแรกกำเนิดทั้งหมด!!”


 


“ต้วนหลิงเทียนนับว่าโชคร้ายยิ่งนัก!”


 


“มิผิด เขาโชคร้ายจริงๆ กลับไม่ย่อมลงมือสังหารหลินตงเสียตั้งแต่มีโอกาส เพราะคิดว่าความเร็วเหนือกว่าจักลงมือตอนใดก็ได้…น่ากลัวคงมิได้คิดเลยว่าในห้วงเวลาที่หลินตงคับขันอับจน แต่หลินตงจะสามารถทะลวงด่านเซียนได้เช่นนี้!!”


 


……


 


เหล่าผู้คนมองหลินตงด้วยความตื่นตระหนก และเริ่มระเบิดบทสนทนาอันร้อนระอุออกมา


 


ในวาจาทั้งหลาย บ่งบอกว่าทุกคนตกใจกับการทะลวงด่านพลังครั้งนี้ของหลินตงกันนัก และอดไม่ได้ที่จะสงสารต้วนหลิงเทียน เพราะเห็นใจต้วนหลิงเทียนที่ได้เปรียบอยู่ดีๆ มาตอนนี้คงมิแคล้วต้องตกตายด้วยน้ำมือหลินตงที่พึ่งทะลวงผ่านมาถึงขอบเขตเซียน!!


 


“เป็นไปได้อย่างไร! เรื่องพรรค์นี้มันเป็นไปได้อย่างไร!?”


 


ใบหน้าซือถูหังถอดสีไปทันใด ยังไม่เหลือเลือดฝาดแม้แต่น้อย!!


 


ก่อนหน้านี้พอเห็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตอย่างต้วนหลิงเทียนมีความเร็วเหนือกว่าหลินตง กระทั่งสมควรฆ่าหลินตงได้มันก็มีความสุขความยินดีนัก…แต่ไม่คิดเลยว่าเพียงเวลาแค่พริบตาทุกอย่างจะพลิกคว่ำลง!


 


สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว นี่นับเป็นหายนะอย่างแท้จริง!


 


ซือถูฮ่าวกับซือถูโฮ่วเองก็ยืนอื้ออึงด้วยไม่ทราบจะกล่าวอะไรออกมาดี ทั้งคู่จับจ้องไปยังหลินตงที่พึ่งทะลวงด่านพลังด้วยสายตาเลื่อนลอย


 


“ทะลวงผ่าน…ขอบเขตเซียนงั้นหรือ?”


 


เห็นความก้าวหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัวของหลินตง ป๋ายลี่หงและเหล่าสหายของต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกตกตะลึงไม่น้อย!


 


แต่พอคิดถึงฉากที่ต้วนหลิงเทียนใช้กระบี่วิเศษสังหารอาวุโสสูงสุดของสำนักจันทร์จรัสแสงที่เป็นเซียน พวกมันจึงไม่ได้กังวลเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนจะถูกหลินตงฆ่าสักเท่าไร! ทว่าพวกมันเริ่มกังวลว่าหากต้วนหลิงเทียนหยิบกระบี่นั่นออกมา จะหลบเลี่ยงเภทภัยและมรสุมช่วงชิงได้อย่างไร?


 


น่ากลัวว่าหากได้เห็นกระบี่วิเศษนั่น ต่อให้เป็นสุดยอดฝีมือที่ร้ายกาจที่สุดในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ก็ต้องบังเกิดกิเลศ!


 


พวกมันเชื่อมั่นนักหากต้วนหลิงเทียนเผยกระบี่ออกมา ต้วนหลิงเทียนต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายที่ยากจะควบคุมได้แน่!


 


ยิ่งไปกว่านั้น เกรงว่าผู้คนของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนจะเร่งรุดมาด้วยความเร็ว!


 


“ต้วนหลิงเทียน เจ้าช่างอับโชคนัก…ที่ต้องมาเจอกับข้าที่ทะลวงขอบเขตเซียนได้อย่างไม่คิดฝันเช่นนี้! อาศัยความเร็วนั่นของเจ้า ถ้าข้ามิได้บรรลุเซียน น่ากลัวว่า 9 ใน 10 คงมิใช่คูมือเจ้า แต่ตอนนี้ข้าทะลวงด่านเซียนแล้ว ต่อหน้าข้าเจ้าก็เหมือนมดตัวกระจ้อยที่ข้าจะเหยียบย่ำเมื่อใดก็ได้!!”


 


หลังจากที่ทะลวงผ่านมายังขอบเขตเซียนแล้ว สีหน้าท่าทางทั้งสภาวะร่างของหลินตงก็แปรเปลี่ยนไปสิ้นเชิง มันมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาไร้แยแส กล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมยคล้ายไม่ยึดถือต้วนหลิงเทียนเป็นจริงจังอะไรอีก


 


“ทะลวงด่านเซียนได้อย่างไม่คิดฝัน?”


 


เผชิญหน้ากับหลินตงที่กล่าววาจาหยันหยามไม่เห็นหัว ต้วนหลิงเทียนเพียงฉีกยิ้มกล่าวสวนไปอย่างไม่เกรงกลัว “ไม่ใช่ว่าเจ้าวางแผนมาล่วงหน้าแล้วรึไง?”


 


ต้วนหลิงเทียนย่อมสังเกตเห็นได้ไม่ยาก ว่าการทะลวงผ่านไปยังขอบเขตเซียนของหลินตงครั้งนี้ ในขณะที่ทุกคนตื่นตระหนกตกใจแต่อ๋องเฉียนกับชายชราทั้ง 2 ด้านหลัง กลับไม่แม้แต่จะแปลกใจอะไรเลย ราวกับล่วงรู้แต่แรกแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น!


 


ดังนั้นเขาจึงสรุปได้ในพริบตา ว่าหลินตงนั้นมีสามารถพอจะทะลวงด่านเซียนได้นานแล้ว หากแต่มันเลือกจะระงับพลังฝึกปรือเอาไว้ เพื่อรอมาทะลวงผ่านในเวลาแบบนี้!


 


“วางแผนมาล่วงหน้า?”


 


หลินตงตกใจไม่น้อยที่ได้ยินคำนี้ของต้วนหลิงเทียน เห็นชัดว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้มาแต่แรก! ทว่ามันก็ไม่ได้ตกใจจนเสียอาการ เพียงกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ไม่ว่าวันนี้เจ้าจะพูดอะไร เจ้าก็ต้องตาย!”


 


สิ้นคำ อาณาบริเวณรอบกายกินรัศมี 100 หมี่จากร่างหลินตงพลันบังเกิดความเปลี่ยนแปลง วังวนพลังทั้งหลายเริ่มแปรเปลี่ยนไป!


 


นอกจากวังวนพลังดังกล่าวจะมีสีเข้มขึ้น พวกมันยังคล้ายหมุนวนด้วยความเร็วรอบที่สูงขึ้นจนน่ากลัว!


 


ถึงแม้ปราณแรกกำเนิดก่อเขตแดน จะมีกลวิธีไม่ต่างจากปราณแท้ก่อเขตแดน แต่เนื่องจากคุณสมบัติของขุมพลัง เช่นนั้นแล้วพลังอำนาจของมันจึงเพิ่มพูนขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ!


 


ตอนนี้เองทั่วกายหลินตงก็แผ่พุ่งปราณแรกกำเนิดออกมา ไม่ว่าใครก็มองเห็นมวลพลังหนาแน่นดังกล่าวได้ชัดเจน!


 


“หลินตงหากข้าเดาไม่ผิด อ๋องเฉียนได้ทำข้อตกลงอะไรบางอย่างกับเจ้าใช่ไหม? ถึงเชิญเจ้ามาจากคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนได้…อย่างเช่นจะมอบของรางวัลมหาศาลหากฆ่าข้าได้ ส่วนมันจะเอาแต่แหวนพื้นที่ของข้าไปอะไรแบบนั้น?”


 


ต้วนหลิงเทียนมองหลินตงด้วยสายตาคมกล้า กล่าวออกเสียงเข้ม


 


และทันทีที่ต้วนหลิงเทียนพูดเรื่องนี้ออกมา ทุกคนก็หันไปมองอ๋องเฉียนทันที!


 


ก่อนหน้านี้ทุกคนก็แปลกใจด้วยไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆหลินตงที่เป็นอันดับ 1 ในรายนามนภาของเขตอิทธิพลคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน ถึงได้อุตริเดินทางมายังประเทศฝูเฟิงเพื่อท้าประลองกับต้วนหลิงเทียนที่มีอันดับด้อยกว่าขนาดนี้!


 


พอมาได้ฟังวาจาประโยคนี้ของต้วนหลิงเทียน พวกมันจึงคล้ายปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทันที!


 


ที่แท้หลินตงถูกอ๋องเฉียนเชิญตัวมา!


 


ยิ่งไปกว่านั้นทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นความโลภในทรัพย์สมบัติที่ต้วนหลิงเทียนมี!


 


“อ๋องเฉียนต้องการทรัพย์สมบัติในแหวนของต้วนหลิงเทียนงั้นเหรอ? หรือว่าจะมีสมบัติเลิศล้ำอันใดในแหวนเขากัน?!”


 


“เรื่องนี้ยังไม่ชัดเจนอีกรึไร!? หากมิมีสมบัติเลิศล้ำอยู่ในแหวนต้วนหลิงเทียน ไฉนอ๋องเฉียนถึงได้กระทำถึงขั้นนี้! กลับจ้างหลินตงให้เดินทางมาจากคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน!!”


 


“การจ้างให้หลินตงมาถึงที่นี่ได้ ราคาที่ต้องจ่ายย่อมไม่น้อยแน่นอน…แล้วเช่นนั้นมูลค่าสิ่งของที่อยู่ในแหวนพื้นที่ต้วนหลิงเทียนจะมหาศาลถึงเพียงใดกันเล่า!?”


 


“สมควรเป็นอ๋องเฉียนที่ล่วงรู้ว่าต้วนหลิงเทียนมีป้ายเซียนที่บรรจุเคล็ดวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดไว้แต่แรกแล้วหรือไม่? และอ๋องเฉียนไม่มีวิธีฆ่าต้วนหลิงเทียน เพราะเขาเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูที่อยู่ฝ่ายเดียวกับอ๋องหรง…จึงเลือกที่จะใช้หลินตงเป็นหมาก?”


 


“เจ้ากล่าวมีเหตุผลนัก! หากเป็นเช่นนั้นทุกอย่างก็เข้าทีแล้ว! อ๋องเฉียนต้องการวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดของต้วนหลิงเทียนเป็นแน่! ด้วยเหตุนี้จึงเชิญหลินตงมาท้าประลองกับต้วนหลิงเทียน พอต้วนหลิงเทียนรับคำท้า ยังเปลี่ยนเป็นการประลองเป็นตาย! ที่แท้เพราะคิดให้หลินตงฆ่าชิงแหวน!!”


 


……


 


เหล่าผู้ชมที่เริ่มสนทนากันไม่นานพวกมันก็พอจะทราบสาเหตุความเป็นมาของเรื่องราว ทั้งหมดหลงคิดว่าที่อ๋องเฉียนต้องการ คือวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอด!


 


“เหอะ!”


 


ลูกตาของอ๋องหรงเผยประกายเย็นชา ยังแค่นเสียงออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะมันก็คิดเหมือนกันกับคนอื่นๆ!


 


อย่างไรก็ตามพอคิดว่าการที่หลินตงทะลวงขอบเขตเซียนได้แบบนี้ อย่างไรต้วนหลิงเทียนก็ต้องตาย มันก็จะได้เริ่มแผนการยุยงนิกายอัคคีล่องลอยใช้ประโยชน์จากแม่นางเฟิ่งอย่างที่คิดไว้ตอนแรก!


 


เมื่อทุกผู้คนหาข้อสรุปกันได้แล้ว ทั้งหมดก็ได้แต่หันมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเวทนาสงสาร


 


คนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยก!


 


วาจาดังกล่าว นับว่าเหมาะจะอธิบายสภาพการณ์ของต้วนหลิงเทียนนัก!


 


ตอนนี้เองมุมปากอ๋องเฉียนตัวต้นเรื่องกลับยกยิ้มแสยะขึ้นมา


 


วรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอด?


 


ก่อนหน้านี้มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้วนหลิงเทียนมีวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอด!


 


สิ่งที่มันต้องการนั้น มีค่าเหนือกว่าวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดอย่างทาบไม่ติด!


 


แน่นอนว่าเรื่องนี้แต่อี้เฟิงกับมันและผู้คุ้มกันเท่านั้นที่รู้!


 


หากยังจะมีคนอื่นอีก ก็คงต้องเป็นตัวต้วนหลิงเทียนเอง!


 


“เหอะ!”


 


ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะเดาสาเหตุการมาของมันออก แต่หลินตงก็เพียงแค่นเสียงสบถตอบกลับ ไม่คิดจะตอบคำถามเขาแต่อย่างไร ทว่าเลือกที่จะกล่าวเย้ยออกมาแทน “ต้วนหลิงเทียน ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ไร้ประโยชน์ที่เจ้าจะกล่าวอะไรให้มากความ! ต่อให้เจ้ามีลิ้นทองคำกล่าวอะไรเก่งแค่ไหน แต่สุดท้ายเจ้าก็หนีความจริงที่ต้องตายไม่พ้น!”


 


“หลินตง…นี่เจ้าคงไม่เหมือนคนอื่นๆหรอกนะ ที่คิดว่าอ๋องเฉียนมันลำบากจ้างเจ้ามาเพื่อวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดในแหวนพื้นที่ข้า?”


 


ต้วนหลิงเทียนมองหลินตงด้วยสีหน้าเฉยเมย ก่อนที่จะค่อยๆกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม ไม่คล้ายตระหนักถึงสถานการณ์วิกฤติที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่แต่อย่างไร!



ตอนที่ 1,638 : พลังอำนาจของตาผนึกมาร!


 


“หลินตง…นี่เจ้าคงไม่เหมือนคนอื่นๆหรอกนะ ที่คิดว่าอ๋องเฉียนมันลำบากจ้างเจ้ามาเพื่อวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดในแหวนพื้นที่ข้า?”


 


ต้องบอกเลยว่าวาจาประโยคนี้ส่งผลกระทบอันรุนแรงนัก!


 


เพราะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกลาววาจาประโยคนี้ออกมา ไม่ใช่แค่อ๋องเฉียนจะตื่นตระหนก กระทั่งชายชราทั้ง 2 ด้านหลังยังหน้าเสีย ตัวหลินตงเองก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว หันไปมองอ๋องเฉียนตามสัญชาตญาณ จึงได้เห็นว่าคนหน้าเปลี่ยนสีไปแล้ว!


 


ใจมันสะท้านขึ้นมาทันใด!!


 


‘หรือที่แท้จะมีสมบัติอื่นใดอยู่ในแหวนพื้นที่ของต้วนหลิงเทียนอีก…จากวาจาของมันท่าทางสิ่งที่อ๋องเฉียนต้องการจะไม่ได้ด้อยไปกว่าวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอด!’


 


ครู่ต่อมาสองตาหลินตงก็ส่องสว่างขึ้น!


 


มันได้ตัดสินใจแล้ว ทันทีที่มันฆ่าต้วนหลิงเทียนตาย แหวนพื้นที่ของต้วนหลิงเทียนมันจะเอาไว้เองไม่ให้ใครแตะ!


 


สำหรับอ๋องเฉียนนั้นมันไม่แยแสแม้แต่น้อย


 


อย่างมากก็แค่คืนค่าจ้างและมัดจำกลับไป!


 


ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่แหวนพื้นที่ต้วนหลิงเทียนจะมีสมบัติเลิศล้ำอะไรเลย เอาแค่วรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอด ก็เหนือกว่าสิ่งของที่อ๋องเฉียนเสนอให้มันแล้ว!


 


“ต้วนหลิงเทียนยังมีสมบัติอันร้ายกาจอื่นใดครอบครองไว้อยู่อีกหรือ?”


 


“แถมฟังจากวาจาเขาแล้ว ท่าทางสมบัติดังกล่าวจักมีค่ายิ่งกว่าวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดเสียอีก!”


 


“มันคืออันใดกันแน่นะ ข้าล่ะสงสัยจริงๆ”


 


“เฮ่ย! พวกเจ้าดูนั่นเร็ว สีหน้าอ๋องเฉียนเปลี่ยนไปถึงขนาดนั้นแล้ว! ท่าทางคงมิคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะกล้าเปิดเผยความจริงออกมา ว่ามีบางสิ่งที่เหนือกว่าวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอด!”


 


“ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนสมควรรู้ดี ว่าสมบัตินั้นมิอาจเก็บไว้ได้อีกต่อไป จึงคิดที่จะจมเรือเสีย!”


 


……


 


ผู้คนมากมายหลายคนกล่าวสนทนากันดังระงมเมื่อพบว่าสีหน้าอ๋องเฉียนเปลี่ยนไป


 


อ๋องหรงเองก็เพ่งมองไปยังร่างต้วนหลิงเทียนเขม็ง ด้วยอยากรู้ว่าในน้ำเต้าต้วนหลิงเทียนขายยาอันใดกันแน่ ถึงขั้นทำให้อ๋องเฉียนเสียอาการได้ขนาดนี้ หลังจากได้ฟังวาจาไม่กี่คำ


 


ส่วนทางด้านป๋ายลี่หง และซื่อหม่าฉางฟงก็ขมวดคิ้วเป็นปม ด้วยไม่รู้ว่าในน้ำเต้าต้วนหลิงเทียนขายยาอันใดเช่นกัน


 


แม้ว่าจะมีสิ่งอันประเสริฐกว่านี้ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวออกมาไม่ใช่หรือไร?


 


หลายคนคิดว่าที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาเพราะคิดว่าตัวเองกำลังจะตาย แต่เหล่าคนสนิทของต้วนหลิงเทียนรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนไม่มีทางตายหรือเป็นรองหลินตงแน่นอน!


 


‘ตัวบัดซบต้วนหลิงเทียนนั่นมันคิดอะไรอยู่กันแน่ อย่าได้บอกข้าเชียวว่ามันคิดจะเปิดเผยเรื่องตราผนึกมารออกมาก่อนตายกัน!?’


 


สีหน้าอ๋องเฉียนเปลี่ยนสีกลับกลาย


 


มาตอนนี้มันเริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว เสียใจที่มันเปิดเผยเรื่องอี้เฟิงเข้าร่วมกับมัน แถมยังพามาที่นี่ด้วย!


 


เพราะนั่นไม่ใช่เป็นการบอกให้ต้วนหลิงเทียนรู้โต้งๆรึไร ว่าอี้เฟิงเป็นผู้บอกเรื่องตราผนึกมารให้แก่มัน!


 


ส่วนเหตุผลที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะทำแบบนี้มันก็เดาได้ไม่ยาก!


 


ต้วนหลิงเทียนสมควรรู้ตัวว่าใกล้ตายเต็มที และไม่อาจรักษาตราผนึกมารได้อีกต่อไป จึงคิดสร้างปัญหาให้มันและไม่ให้มันได้ตราผนึกมารไปโดยง่าย!


 


“คุณชายหลินฆ่ามันเร็วเข้า! หากท่านฆ่ามันตอนนี้นอกจากของรางวัลที่ข้ากล่าวไว้จะเพิ่มเป็นสองเท่า ข้าจะยกวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดให้ท่านด้วย! แต่เร่งฆ่ามันเร็วเข้า! เร็ว! รีบฆ่ามันเสีย!!”


 


ด้วยกังวลว่าต้วนหลิงเทียนจะเปิดเผยเรื่องตราผนึกมาร อ๋องเฉียนจึงได้แต่เร่งกล่าวส่งเสียงผ่านปราณแท้ไปถึงหลินตงอย่างร้อนใจ


 


อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หลินตงตัดสินใจฮุบเอาทุกสิ่งทุกอย่างไว้เองแล้ว จึงไม่แยแสเสียงของอ๋องเฉียนสืบไป


 


สำหรับปัญหาที่มันจะพบเจอหลังจากได้ครอบครองสมบัติของต้วนหลิงเทียน มันไม่ได้กังวลแม้แต่น้อย


 


เบื้องหลังของมันคือตระกูลหลินแห่งคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน ด้วยฐานะของมันกระทั่งให้บิดาอ๋องเฉียน ฮ่องเต้ฝูเฟิงมาเองก็ไม่กล้าแตะต้องมันแม้แต่น้อย นับประสาอะไรกับอ๋องเฉียน!


 


ใครจะกล้าสร้างปัญหาให้มันหลังได้ครอบครอสมบัติของต้วนหลิงเทียน!?


 


แต่แน่นอนว่าถ้ามันกลับคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนทันที น่ากลัวว่าคงต้องถูกลอบสังหารแน่นอน!


 


มันจึงตัดสินใจแล้วว่าหลังจากที่ฆ่าต้วนหลิงเทียนและชิงแหวนมา มันจะประกาศให้ทุกคนทราบว่ามันตั้งใจไปเยือนตระกูลราชวงศ์ของประเทศฝูเฟิงในฐานะแขก ทั้งจะประกาศมอบวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดให้กับฝูเฟิง ถึงตอนนั้นอีกฝ่ายไม่เพียงแต่จะกล้าแตะต้องมัน แต่ก็ไม่มีเหตุผลให้แตะต้องมันอีก!


 


จากความร้อนใจเป็นกังวลเอามากขนาดนั้นของอ๋องเฉียน ทำให้หลินตงตระหนักได้ว่าสมบัติบางอย่างที่ต้วนหลิงเทียนมี เป็นอะไรที่มีค่าเหนือกว่าวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดหลายขุม!


 


ดังนั้นมันจึงคิดว่าการแบ่งวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดให้ประเทศฝูเฟิง ก็ไม่ใช่เรื่องขาดทุน!


 


เพราะสุดท้ายแล้วหากอ๋องเฉียนไม่เชิญมันมาประเทศฝูเฟิง มันก็คงไม่ได้อะไรเลย เช่นนั้นจึงคิดจะตอบแทนประเทศฝุเฟิงด้วยเรื่องนี้


 


หากอ๋องเฉียนล่วงรู้ว่าหลินตงคิดอะไรอยู่ในหัวล่ะก็ น่ากลัวว่ามันคงโมโหจนกระอักเลือดตาย


 


“เหตุผลที่อ๋องเฉียนต้องการให้ข้าฆ่าเจ้า เพราะมันบังเกิดความละโมบในสมบัติของข้า….กล่าวตรงๆ ทั้งหมดที่มันกระทำล้วนเป็นเพราะต้องการ ตราผนึกมาร ในมือข้า!!”


 


ในขณะที่หลินตงคิดจะลงมือสังหารต้วนหลิงเทียนเพื่อปิดปาก เสียงผนึกปราณแท้ของต้วนหลิงเทียนพลันดังสกึกก้องไปทั้งเขาเป่ยหมัง ยังกล่าวออกมารวดเดียวจบ สนั่นลั่นในหูทุกคนพาลให้ตื่นตระหนกตกใจกันถ้วนหน้า!!


 


ตราผนึกมาร!


 


ต้องบอกเลยว่า 3 คำ นี้มีอานุภาพสะท้านฟ้านัก!


 


อย่างน้อยๆหลินตงที่คิดลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนให้จบเรื่องจบราว ก็ถึงกับต้องตะลึงงัน! มวลพลังที่ควบรวมคิดลงมือสังหารยังสลายหายไปอย่างไม่รู้ตัว!!


 


ถึงแม้มันจะคิดไว้แล้วว่าสมบัติบางอย่างในมือของต้วนหลิงเทียนไม่ธรรมดา แต่กระทั่งหลับมันยังไม่เคยฝันว่าจะเป็น ตราผนึกมาร!


 


ตราผนึกมาร นามนี้ไม่ใช่อะไรที่ไม่คุ้นเคยสำหรับมัน!


 


นั่นคือ 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนที่ติดอันดับในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่แห่งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ถึงแม้อานุภาพในการเพิ่มพูนพลังจะไม่ต่างอะไรจากศาสตราเซียนธรรมดาๆ หากแต่พลานุภาพที่แท้จริงของมันคือการ สะกดมารร้ายทั่วหล้า!!


 


ตราบใดที่ตราผนึกมารยังดำรงอยู่ ก็เสมือนกับ ‘ฝันร้าย’ ของเหล่าผู้ฝึกมารทั้งมวล!


 


ตราผนึกมาร 3 คำนี้ไม่เพียงสร้างความตื่นตะลึงให้หลินตง แต่ทุกคนในที่นี้ล้วนตื่นตระหนกกันยกใหญ่!


 


พวกมันจะอย่างไรก็เป็นผู้ฝึกตน และล้วนเคยได้ยินนามของ 10 สุดยอดศาสตราเซียนในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่มาทั้งนั้น และพวกมันยังรู้ถึงพลังอำนาจของตราผนึกมารและแรงดึงดูดใจของมันดี!


 


แต่ในสายตาของพวกมัน ตราผนึกมาร เป็นดั่งสิ่งของในตำนานที่พวกมันมิอาจจับต้องพบพาน


 


ทว่าพวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าวันนี้ตราผนึกมารกำลังจะปรากฏสู่สายตาของพวกมัน กล่าวให้ชัดปรากฏต่อหน้าผู้คนทั้งมวล!


 


“สารเลวเอ๊ย!!”


 


หน้าอ๋องเฉียนบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก ตอนนี้มันไม่อาจกล่าวอะไรออกมาได้อีก เพียงเร่งกล่าวกระซิบออกมาด้วยอำมหิต “ไปฆ่ามัน!!”


 


สิ้นเสียงอ๋องเฉียน ชายชราด้านหลังทั้ง 2 พลันเริ่มลงมือเคลื่อนไหวทันที ทั้งคู่ปรี่ตรงไปหมายสังหารต้วนหลิงเทียน!


 


ขอบเขตเซียน 2 คนปะทุพลังสังหารออกมาในฉับพลันอย่างพร้อมเพรียง ย่อมก่อให้เกิดเสียงดังสนั่นลั่นดังปานฟ้าแตก!


 


และเมื่อเห็นว่าอ๋องเฉียนสั่งให้ชายชราทั้ง 2 ลงมือ อ๋องหรงเองก็ไม่คิดจะให้อ๋องเฉียนหยิบชิ้นปลามันไปได้ง่ายๆ สั่งขอบเขตเซียนใต้อาณัติทั้ง 3 ที่ติดตามมาให้ลงมือทันทีเช่นกัน!!


 


ชายชรา 5 คนที่อยู่ในขอบเขตเซียน ล้วนต้องการสังหารต้วนหลิงเทียนและคว้าแหวนพื้นที่ของเขาทั้งสิ้น!


 


อย่างไรก็ตาม เป้าหมายคือต้วนหลิงเทียนเพียงคนเดียว แต่พวกมันกลับช่วงชิงกันถึง 2 ฝ่าย ยังง่ายดายอีกหรือ?


 


เช่นนั้นทั้ง 2 ฝ่ายจึงเร่งขัดขาและสู้กันก่อนทันที ความโกลาหลพลันอุบัติขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว คล้ายสวรรค์นรกพลิกคว่ำสลับกลับกลาย ผืนฟ้าเปลี่ยนสี


 


ตอนนี้เองเหล่าผู้คนที่มาชมดูเรื่องราวอยู่ก็คล้ายจะได้สติกลับมา


 


“อ๋องเฉียน ในเมื่อเจ้าอยากได้ตราผนึกมารข้านัก งั้นข้าจะให้เจ้าเอง! รับ!!”


 


ในขณะที่เซียนทั้ง 5 ปะทะพลังสู้รบ ต้วนหลิงเทียนที่ตกเป็นเป้าหมายทั้ง 2 ฝ่ายพลันตะโกนออกมาเสียงดังลั่นฟ้าอีกครา ก่อนที่จะสะบัดมือหยิบของบางสิ่งแล้วซัดไปทางอ๋องเฉียนอย่างแรง!


 


กล่าวให้ชัด เขาเขวี้ยงของนั่นไปยังร่างหนึ่งด้านหลังอ๋องเฉียน!


 


และหากจะกล่าวให้ชัดกว่านั้น คือเขาเขวี้ยงมันใส่อี้เฟิง!


 


“ระยำ!!”


 


เมื่อเห็นว่าตราผนึกมารแหวกฟ้าพุ่งมาดั่งดาวตก หน้าอี้เฟิงพลันซีดเผือด ร้องอุทานออกมาเสียงหลง ปะทุพลังชั่วชีวิตหมายพุ่งร่างหลบหนีไปทันที!


 


ไม่ใช่อะไร เพราะตอนนี้กลิ่นอายพลังอันน่าพรั่นพรึงชวนให้ขนพองสยองเกล้าของตราผนึกมารเพ่งเล็งมาที่มันแล้ว!!


 


การปรากฏของตราผนึกมารนั้นมันมาอย่างที่ไม่ทันตั้งตัว อี้เฟิงจึงไม่อาจทำอะไรได้ทันกาล แม้จะพยายามเร่งเร้าพลังทั้งหมดพุ่งร่างไปแล้วก็ตาม!


 


ดังนั้นเพียงเวลาแค่เสี้ยวพริบตาที่ตราผนึกมารพุ่งมา มันก็ไล่อี้เฟิงได้ทัน ซัดกระแทกเข้ากลางอกเปล่งพลังทมิฬขุมหนึ่งห่อหุ้มร่างอี้เฟิงฆ่ามันอย่างรวบรัดหมดจด!


 


กล่าวให้ชัด เป็นดวงจิตของมันที่ถูกตราผนึกมารดูดมาสะกด ทั้งทำลาย!


 


เมื่อไร้ดวงจิต ร่างผู้คนก็เสมือนเปลือกว่างเปล่า หล่นร่วงลงไปเป็นซากเนื้อเลอะเลือนบนเขาเป่ยหมังทันที!


 


พริบตานี้ทุกคนล้วนหยุดทุกสิ่งที่กระทำ เพียงจับจ้องไปยังภาพเรื่องราวที่อุบัติขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ฉากเรื่องราวยังเงียบงันปานคนตาย!


 


แม้กระทั่งยอดฝีมือขอบเขตเซียนทั้ง 2 ของจวนอ๋องเฉียน และ 3 เซียนจากจวนอ๋องหรงก็ต้องหยุดชะงักชมดูเรื่องราว ใบหน้าของพวกมันบางคนยังเผยความหวาดผวาออกมาเมื่อเห็นอี้เฟิง ผู้ฝึกมารที่มีพลังฝีมือไม่ใช่ชั่วตกตายในเวลาแค่พริบตา!


 


ฟุ่บ!


 


และในขณะที่ทุกคนหันกลับไปจับจ้องยังตราผนึกมารที่พึ่งสังหารอี้เฟิงไปนั้น อยู่ๆตราผนึกมารก็สั่นไหวอีกครั้ง มันพุ่งไปอีกทิศทางหนึ่งคล้ายมีเจตจำนงของมันเอง…พุ่งเข้าใส่ชายชราในขอบเขตเซียนคนหนึ่ง!


 


ชายชราคนนี้เป็น 1 ใน 3 ชายชราที่อ๋องหรงพามาด้วย มันเป็นผู้ฝึกมารในขอบเขตเซียนเช่นกัน!


 


“ไม่!!”


 


เมื่อเซียนมารสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายพลังของตราผนึกมารเพ่งเล็งมาที่มัน ใบหน้ายิ่งมาก็ยิ่งหวาดผวาพรั่นกลัว ความคิดแรกของมันคือหลบหนีไปให้ไกล!


 


อนิจจากระทั่งมีสหายทั้ง 2 ของมันช่วยเหลือ ก็ยากที่จะหนีพ้นไปได้!


 


ตราผนึกมารนั้นคึกคักปานถูกฉีดเลือดไก่ พุ่งฝ่าม่านพลังทุกสิ่ง ซัดประทับกลางหน้าผากของมันอย่างจัง พรากชีวิตชราของมันไปอย่างไม่ยินยอม!


 


เมื่อขอบเขตเซียนทั้ง 2 ตกตาย ผู้คนก็ไม่ต้องคาดเดาอีกต่อไป ว่าป้ายศิลามุมแหว่งนี้ใช่ตราผนึกมารหรือไม่ มีแต่ตราผนึกมาร 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่มีพลังอำนาจเช่นนี้!!


 


“ตราผนึกมารน่ากลัวเหลือเกิน!”


 


“น่ากลัวนัก! ยังน่ากลัวยิ่งกว่าคำรร่ำลือเสียอีก!!”


 


“สวรรค์ช่วย! มีผู้ใช้เป็นแค่สู่เซียน แต่กลับพิฆาตสังหารเซียนทั้ง 2 ได้ในเวลาเสี้ยวพริบตาอย่างไร้ซึ่งหนทางต่อต้าน! แล้วนี่ถ้าขอบเขตเซียนเป็นผู้ใช้งาน พลังอำนาจมันจะไม่น่าสะพรึงกลัวกว่านี้เรอะ!?”


 


“สมกับที่เป็น 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนโดยแท้จริง!!”


 


……


 


เหล่าผู้ชมทั้งมวลล้วนจับจ้องไปยังตราผนึกมารด้วยสองตาเป็นประกาย แน่นอนว่าประกายดังกล่าวคือประกายแห่งความโลภ!


 


อนิจจาแม้พวกมันจะอยากได้ตราผนึกมารมากเพียงใด แต่พวกมันไหนเลยจะไม่รู้ว่าไม่อาจกระทำ!


 


จวนอ๋องหรง จวนอ๋องเฉียน ไม่ใช่อะไรที่พวกมันจะล่วงเกินหรือตอแยด้วยได้!


 


และตอนนี้ทั้งอ๋องเฉียนและอ๋องหรงก็หมายตา ตราผนึกมาร นั่น! สายตายังเต็มไปด้วยความโลภนัก!!


 


“ต้วนหลิงเทียน! เจ้ากล้าดีอย่างไร!!”


 


ตอนนี้เองหลินตงก็หวนกลับมารู้สึกตัวหลังจากตะลึงกับพลังอำนาจของตราผนึกมาร สีหน้าของมันมืดคล้ำดำลง มองต้วนหลิงเทียนด้วยอำมหิต เพราะไม่คิดจริงๆว่าต้วนหลิงเทีนจะควักตราผนึกมารออกมาแบบนี้!!


 


“อ๋องเฉียนข้าได้กล่าวไปแล้วว่าจะมอบตราผนึกมารให้เจ้า งั้นเจ้าก็เอามันไปได้เลย!!”


 


ด้านต้วนหลิงเทียนกลับไร้แยแสวาจาของหลินตง เพียงหันไปตะโกนกล่าวกับอ๋องเฉียนอีกครั้ง


 


กล่าวจบตราผนึกมารที่ลอยล่องกลางหาวคล้ายมีดวงตางอกเงย มันพุ่งไปหาอ๋องเฉียนทันที!



ตอนที่ 1,639 : เรื่องราวที่พลิกตลบ!


 


เพียงเวลาชั่วอึดใจ ตราผนึกมารก็ลอยล่องมาถึงเบื้องหน้าอ๋องเฉียน ไอพลังทมิฬที่ปกคลุมอยู่ค่อยๆสลายหายไป


 


หลังจากนั้นตราผนึกมารที่เห็นกันชัดถนัดตาว่าเป็นป้ายหินมุมแหว่ง ก็ค่อยๆร่อนลงบนมืออ๋องเฉียน!


 


การที่ได้ถือตราผนึกมารเอาไว้ในมือ ทำให้อ๋องเฉียนรู้สึกลิงโลดใจนัก!


 


และตอนนี้ทุกสายตาที่อยู่ในเขาเป่ยหมัง นอกจากต้วนหลิงเทียนแล้ว…ล้วนจับจ้องไปยังอ๋องเฉียนทั้งสิ้น!


 


กล่าวให้ชัดคือจับจ้องไปยังตราผนึกมารในมืออ๋องเฉียน!


 


ตราผนึกมารนั้น ด้วยความที่เป็นสิ่งของที่พวกมันเคยได้ยินแต่ในตำนาน ทั้งหมดจึงสนอกสนใจกันไม่น้อย


 


ฟั่บ!


 


แต่ทว่าในขณะที่ทุกสายตาไม่เว้นหลินตงกำลังจับจ้องมองไปยังตราผนึกมารในมืออ๋องเฉียนนั้นเอง พลันมีเสียงกระบี่หอนขึ้นมาเบาๆ ยังเบาเสียราวกับเสียงจั๊กจั่นกระพือปีกดังขึ้นในอากาศ ก่อนที่จะหายไปในชั่วพริบตา!


 


คงมีเพียงยอดฝีมือในขอบเขตเซียนเท่านั้นที่จะสามารถได้ยินเสียงหอนของกระบี่ดังกล่าวได้


 


ในบรรดาผู้คนเหล่านั้น…รวมถึงหลินตงด้วย!


 


“แย่แล้ว!!”


 


พร้อมกันกับที่ได้ยินเสียงหอนของกระบี่ หลินตงก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น มันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังอันน่าหวาดกลัวกำลังปรี่ตรงเข้ามาด้วยความเร็วสูง กลิ่นอายพลังดังกล่าวยังอัดแน่นไปด้วยเจตนาฆ่าฟันอันอำมหิต! สีหน้าของมันเปลี่ยนเป็นหวาดผวาเสียขวัญทันที!!


 


และโชคชะตาของมันได้กำหนดเอาไว้แล้ว ว่าสีหน้านี้จะเป็นสีหน้าสุดท้ายในชีวิตของมัน!!


 


เมื่อยอดฝีมือขอบเขตเซียนหันกลับมา พวกมันก็เห็นคลื่นกระบี่สะบั้นรูปจันทร์เสี้ยวพุ่งแหวกฟ้าหายไปไวๆ


 


ขณะเดียวกัน ร่างหลินตงก็ถูกผ่ากลางจากกระหม่อมถึงหว่างขา ร่างแยกออกเป็นสองเสี่ยง…!


 


ส่วนอีกด้าน ต้วนหลิงเทียนที่เผชิญหน้ากับหลินตง ในมือถือไว้ด้วยกระบี่เล่มหนึ่ง!


 


อย่างไรก็ตามกระบี่ในมือเขากลับไม่ใช่กระบี่นิลสวรรค์แต่อย่างไร มันเป็นกระบี่พลังมีสภาพที่ควบแน่นจากปราณแท้ที่เขาสลับสับเปลี่ยนด้วยความเร็วสูง! แถมด้วยเจตนาฆ่าฟันที่ยังไม่ดับลง พาลให้ตัวกระบี่ยังคงเปล่งกลิ่นอายพลังสังหารออกมาอย่างน่ากลัว!!


 


“นี่มัน…”


 


เมื่อเห็นว่าหลินตงตกตายไปแล้ว สติเหล่าเซียนจึงกลับมาแจ่มใสอีกครั้ง พวกมันมองเรื่องราวด้วยสายตาอื้ออึง เพราะไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้!!


 


หลินตงที่ทะลวงถึงขอบเขตเซียนแล้ว…กลับถูกต้วนหลิงเทียนสังหารในกระบี่เดียวงั้นหรือ?!


 


‘เพราะความสนใจของหลินตงอยู่ที่ตราผนึกมารมิผิดแน่ จึงได้ถูกต้วนหลิงเทียนลอบโจมตีสังหารไปเช่นนี้!’


 


ครู่ต่อมาในใจของเหล่าขอบเขตเซียนทั้งหลายก็ได้แต่คาดเดากันไปเช่นนี้


 


อย่างไรก็ตามการคาดเดาเรื่องนี้ ไม่นานก็ถูกปัดตกไปจากหัวของพวกมัน


 


ผู้ฝึกตนที่มีพลังฝึกปรือในขอบเขตสู่เซียน ต่อให้ลอบโจมตีอย่างไร…แต่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยที่จะสังหารตัวตนในขอบเขตเซียนลงได้แบบนี้…ถึงแม้ขอบเขตเซียนที่ว่าจะพึ่งทะลวงผ่านมาได้ก็ตาม!


 


ช่องว่างระหว่างสู่เซียนกับขอบเขตเซียนนั้น มากมายเกินไป! ยังห่างกันประหนึ่งสวรรค์และโลก…ไม่มีทางหักลบกลบความต่างได้เลย!!


 


ดังนั้นถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะลอบโจมตี แต่หลินตงก็ไม่น่าจะตกตายได้!


 


อนิจจาความจริงตั้งอยู่เบื้องหน้าทั้งเห็นตำตา พวกมันไม่เชื่อก็จำต้องเชื่อ!


 


อย่างไรก็ตาม มีแต่เหล่าขอบเขตเซียนเท่านั้นที่รับรู้ถึงเรื่องนี้ สำหรับผู้อื่นความสนใจของทั้งหมดยังอยู่ที่ตราผนึกมารในมืออ๋องเฉียน แรงดึงดูดและยั่วยวนใจของตราผนึกมารมันสูงเกินไป พวกมันจึงไม่ทันรู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าหลินตงถูกฆ่าตายไปแล้ว!


 


แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นเพราะพวกมันไม่ได้ยินเสียงหอนของกระบี่ ที่เกิดจากกระตวัดกระบี่อันฉับไว!


 


ส่วนบรรดาขอบเขตเซียนทั้งหลาย หลังถูกการกระทำของต้วนหลิงเทียนทำให้ตกใจ พวกมันก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเหลือเชื่ออีกครู่หนึ่ง ก่อนที่จะละสายตาไปสนใจตราผนึกมารในมืออ๋องเฉียนเหมือนเดิม!


 


การตายของหลินตง ตราผนึกมาร


 


ระหว่างทั้งคู่เห็นได้ชัดว่าตราผนึกมารน่าสนใจมากกว่า


 


“เรียนท่านอ๋อง…หลินตงตายแล้ว”


 


ตอนนี้เองชายชราทั้ง 2 ที่หันกลับมาสนใจตราผนึกมาร เร่งกล่าวเตือนอ๋องเฉียนออกมาทันที


 


“ว่าอะไร!?”


 


ได้ยินวาจานี้จากชายชราทั้ง 2 อ๋องเฉียนเสมือนถูกน้ำเย็นราดรดศีรษะ มันฟื้นความรู้สึกจากอาการตื่นเต้นดีใจทันที


 


พอหันไปมองยังเหนือฟ้าทิศทางก่อนหน้า และพบว่าคงเหลือแต่ละอองโลหิตจางๆ แต่ไร้ร่างหลินตง ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ


 


“นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่!? ผู้ใดฆ่ามัน!?”


 


อ๋องเฉียนรู้สึกงุนงงสงสัย ด้วยไม่เข้าใจอย่างสิ้นเชิง


 


แน่นอนว่ามันไม่เคยมีความคิดที่ว่าหลินตงจะถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าอยู่ในหัวแม้แต่นิดเดียว เพราะต้วนหลิงเทียนจะอย่างไรก็ยังอยู่ในขอบเขตสู่เซียน เป็นไปไม่ได้ที่จะมีพลังฝีมือคุกคามหลินตง!


 


ตอนนี้เอง หลายๆคนก็เริ่มสังเกตเห็นอาการผิดปกติของอ๋องเฉียน ยังเริ่มหันมองไปทางเดียวกับอ๋องเฉียน


 


“อ้าว…หลินตงไปที่ใดแล้ว?!”


 


“ไฉนอยู่ดีๆหลินตงถึงหายตัวไปเล่า!?”


 


……


 


หลายคนที่ตระหนักถึงเรื่องนี้ก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ และหลังจากหันมองไปเหนือฟ้าโดยรอบสักพักก็ไม่มีใครเห็นหลินตงแม้แต่คนเดียว


 


หากพวกมันก้มลงไปมองที่พื้นเขาเป่ยหมังสักนิด คงสังเกตุเห็นซากร่างเลอะเลือน 2 เสี่ยงได้ไม่ยาก


 


ถึงแม้เหล่าขอบเขตเซียนจะรู้ดีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ด้วยพวกมันกำลังให้ความสนใจกับตราผนึกมารกันอยู่ จึงไม่มีใครคิดจะกล่าวอธิบายออกมา ทำให้ผู้คนสงสัยกันไปอีกพักหนึ่ง


 


อย่างไรก็ตาม การหายตัวไปของหลินตงก็ไม่ทำให้ผู้คนสนใจอยู่นาน


 


เพราะตราผนึกมารเป็นอะไรที่สร้างความสนใจให้พวกมันมากกว่า


 


“ศิษย์น้อง หลินตงมัน…”


 


ป๋ายลี่หงที่แม้จะคาดเดาอะไรได้ออก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงผ่านปราณแท้กล่าวถามออกมา


 


“ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล หลินตงนั่นมันตายแล้ว ไม่อาจเป็นภัยให้ข้าสืบไป…”


 


ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงตอบกลับ


 


“เจ้าใช้กระบี่เล่มนั้นหรือ?”


 


ป๋ายลี่หงถามถึงกระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนเคยใช้ออกมา เพราะสำหรับมันแล้วนอกจากกระบี่เล่มดังกล่าวมันก็คิดไม่ออกจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนที่อยู่ในขอบเขตสู่เซียนจะฆ่าหลินตงที่ทะลวงผ่านเซียนได้อย่างไรอีก


 


“ใช่”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ เพราะเมื่อครู่เขาใช้กระบี่นิลสวรรค์ฆ่าหลินตงที่พึ่งทะลวงถึงขอบเขตเซียนจริงๆ


 


“มิได้เปิดเผยใช่หรือไม่?”


 


ป๋ายลี่หงกล่าวถามออกมาอีกครั้ง


 


“ไม่แน่นอน”


 


ต้วนหลิงเทียนส่ายหัว พร้อมอธิบายออกมา “ในขณะที่ข้าลงมือ ความสนใจของทุกคนไม่เว้นหลินตงล้วนอยู่ที่ตราผนึกมารในมืออ๋องเฉียนทั้งสิ้น ไม่มีใครมองมาทางข้าเลย…กว่าที่พวกมันจะรู้ตัว ข้าก็ชิงเก็บกระบี่นั่นและเปลี่ยนไปถือกระบี่พลังแทนแล้ว”


 


หลังจากได้ยินเรื่องนี้ ป๋ายลี่หงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ศิษย์น้อง เจ้ามิน่าเปิดเผยเรื่องตราผนึกมารนี่ออกมาเลย แล้วนี่เจ้าคิดมอบให้อ๋องเฉียนเช่นนี้จริงๆหรือ?”


 


“เรื่องนั้นจะเป็นไปได้ยังไงเล่า..ศิษย์พี่ท่านรอชมเรื่องสนุกสนานเถอะ!”


 


ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ในน้ำเสียงยังแฝงไว้ด้วยความสนุกสนานพิกล


 


ป๋ายลี่หงพอได้ยินก็ถึงกับอึ้งไปตาปริบๆ มันยังหันไปมองตราผนึกมารในมืออ๋องเฉียนทันที


 


ในขณะที่ทุกสายตาของผู้คนหันกลับมาสนใจตราผนึกมารอีกครั้ง อ๋องเฉียนที่สัมผัสได้ถึงสายตาละโมบจากทั่วสารทิศ รวมถึงตระหนักได้ถึงความเสี่ยงจากการครอบครองสิ่งของเลิศล้ำ มันก็ระงับความยินดีเร่งเก็บตราผนึกมารทันที


 


เพียงห้วงคิด ตราผนึกมารก็อันตรธานหายไปจากมือของมัน


 


พอมันคิดว่าเก็บตราผนึกมารลงแหวนมิติเรียบร้อยดีแล้ว ก็เร่งหันไปกล่าวกับชายชราเสียงเข้มทันที “พวกเรารีบกลับจวนเถอะ!”


 


หลังกล่าวจบ อ๋องเฉียนก็กลับหลังหันเตรียมตัวออกเดินทางทันที


 


จังหวะนี้คล้ายมันจะลืมเลือนการตายของหลินตงไปหมดสิ้น


 


แต่ในเมื่อเรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว มันคิดจะไปก็ไปได้ง่ายๆหรือ?


 


“น้องสี่มีคำกล่าวที่ว่า ‘พบด้วยกันก็ต้องแบ่งปัน’ เจ้าคงมิคิดฮุบตราผนึกมารนั่นเอาไว้แต่เพียงผู้เดียวหรอกนะ?”


 


เสียงอ๋องหรงพลันดังขึ้นในขณะที่อ๋องเฉียนจะจากไป อีกทั้งยอดฝีมือขอบเขตเซียนทั้ง 2 ที่เคยอยู่ข้างกายก็พุ่งไปขวางหน้าอ๋องเฉียนเอาไว้ หากอ๋องเฉียนไม่คิดแบ่งปันน้ำแกงสักถ้วย วันนี้มันไม่คิดปล่อยให้อ๋องเฉียนจากไปง่ายๆ!!


 


มันสูญเสียยอดฝีมือขอบเขตเซียนไปคนหนึ่ง ทำให้ทุกข์ใจนัก!


 


หากตอนนี้อ๋องเฉียนเอาตราผนึกมารจากไปดื้อๆ ไม่ได้หมายความว่ามันเสียยอดฝีมือขอบเขตเซียนไปหนึ่งคนอย่างสูญเปล่ารึไง?


 


มันย่อมหวังจะได้อะไรชดเชยเป็นธรรมดา!!


 


แน่นอนว่าต่อให้ยอดฝีมือขอบเขตเซียนของมันจะไม่ตกตาย แต่มันก็ไม่มีทางให้อ๋องเฉียนหยิบชิ้นปลามันจากไปคนเดียวง่ายๆแบบนี้ ตราผนึกมารมีค่าเกินกว่าจะปล่อยผ่านไป!!


 


เมื่อเห็นอ๋องหรงเคลื่อนมาขวางทางเอาไว้ สีหน้าอ๋องเฉียนก็มืดดำลง ตะโกนออกไปเสียงแข็ง “พี่รอง! ตราผนึกมารนี้เป็นต้วนหลิงเทียนจงใจมอบให้ข้า เกี่ยวอะไรกับท่านด้วย!?”


 


“เหอะ!”


 


อ๋องหรงพ่นลมเสียงเย็น ไม่แยแสวาจานี้ของอ๋องเฉียน


 


ไม่ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น มันต้องได้ส่วนแบ่งกลับไปให้จงได้! แม้จะไม่ได้ตราผนึกมารมาครอง แต่มันต้องได้สิทธิ์ใช้งาน ไม่มีทางปล่อยให้อ๋องเฉียนยึดไปคนเดียวเป็นแน่!!


 


อิทธิพลของตราผนึกมารมหาศาลเพียงใดไหนเลยมันจะไม่ล่วงรู้!


 


หากอ๋องเฉียนผูกขาดตราผนึกมารไปแต่ผู้เดียว ยังจะต่างอะไรกับติดปีกให้พยัคฆ์!


 


ในฐานะที่เป็นคู่แข่งทางการเมืองกับอ๋องเฉียน อ๋องหรงไม่คิดให้อ๋องเฉียนใช้ตราผนึกมารเพิ่มขุมพลังอย่างไม่รู้จบฝ่ายเดียว จึงเป็นไปไม่ได้ที่มันจะปล่อยมือจากตราผนึกมาร!!


 


นอกเหนือจากคนของจวนอ๋องหรงแล้ว ตอนนี้ทุกสายตาจากทั่วสารทิศไม่เว้นยอดฝีมือจากขุมพลังต่างๆที่มาดูชมการประลองก็เผยความโลภในตราผนึกมารให้เห็นกันชัดเจน อย่างไรก็ตามเมื่อเผชิญหน้ากับขุมพลังของจวนอ๋องหรงและจวนอ๋องเฉียน พวกมันก็ได้แต่ถอดใจในเรื่องนี้


 


ขณะเดียวกันเหล่าขอบเขตเซียนบางคนก็เริ่มกล่าวบอกเรื่องราวให้กับสหายหรือศิษย์ที่มา..ว่าต้วนหลิงเทียนได้ลอบสังหารหลินตงไปแล้ว!


 


ทันใดนั้นพอเรื่องเริ่มแพร่กระจายออกมา ฝูงชนก็แตกตื่นกันยกใหญ่!


 


ต้วนหลิงเทียนลอบจู่โจมสังหารหลินตงในกระบี่เดียว?


 


ถึงแม้ ‘ลอบโจมตี’ จะฟังดูต่ำช้า แต่การที่ตัวตนที่ยังไม่บรรลุขอบเขตเซียนสามารถลอบโจมตี กระทั่งสังหารตัวตนที่บรรลุขอบเขตเซียน…ถึงจะพึ่งทะลวงผ่านมาได้ ก็เป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจนัก!


 


จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนจึงกลายเป็นจุดสนใจครั้งใหญ่อีกครั้ง


 


“ต้วนหลิงเทียน…กลับลอบจู่โจมสังหารหลินตงได้จริงๆ?”


 


“ช่างเป็นการเปลี่ยนแปลงที่พลิกฟ้าคว่ำดินนัก! ตอนที่ต้วนหลิงเทียนเผยความเร็วเหนือชั้น ข้าก็คิดว่าหลินตงคงต้องตายแน่แล้ว…อย่างไรก็ตามพอหลินตงทะลวงผ่านไปถึงขอบเขตเซียน ข้าก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนกลับเป็นฝ่ายที่ต้องตายแทน แต่มิคิดมิฝันเลยจริงๆว่าสุดท้ายคนที่ตกตายยังเป็นหลินตง!!”


 


“หลินตงนั่นมิพ้นเป็นเหมือนพวกเรา ที่มัวแต่ไปสนใจตราผนึกมารในมืออ๋องเฉียน ด้วยเหตุนี้จึงไม่ทันระวังต้วนหลิงเทียน หาไม่แล้วต้วนหลิงเทียนคงลอบสังหารมิสำเร็จ!”


 


“ฮึ่ม! ลอบสังหารแล้วจะอย่างไร! อาศัยขอบเขตสู่เซียนแต่สังหารขอบเขตเซียนได้ ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ข้ามิเคยได้ยินมาก่อน! ถึงจะเป็นการลอบโจมตี แต่ข้าก็ไม่เคยได้ยินแม้แต่ครั้งเดียว!!”


 


“ถูกแล้ว! ต่อให้ครั้งนี้ต้วนหลิงเทียนจะอาศัยการลอบโจมตีสังหารผู้คน แต่ก็สมควรภาคภูมิใจ! สุดท้ายนั่นมันก็ขอบเขตเซียนมิใช่หมูหมากาไก่ ผู้อื่นยังอาศัยขอบเขตพลังสู่เซียนกระทำได้หรือ? หากใครกล้าบอกว่าทำได้ ไปทำให้ข้าพเจ้าดูที!!”


 


……


 


ตอนแรกคำ ลอบโจมตี คล้ายจะเป็นการกระทำอันต่ำช้าไร้ยางอาย


 


แต่พอเกิดขึ้นกับสู่เซียนที่ลอบโจมตีสังหารขอบเขตเซียน จึงไม่มีใครคิดว่าสู่เซียนจะไร้ยางอาย!


 


ยิ่งไปกว่านั้น ต้วนหลิงเทียนกับหลินตงก็กำลังประลองเป็นตายกันอยู่


 


ในเมื่อเป็นหลินตงที่ฟุ้งซ่านเหม่อลอยจนตายตก ก็ล้วนเป็นเพราะมันประมาทผู้อื่นเองทั้งสิ้นยังจะไปโทษผู้ใดได้?


 


“ท่านปรมาจารย์ต้วนฆ่าหลินตง!!”


 


ทางกลุ่มตระกูลซือถู นอกจากซือถูหังกับซือถูโฮ่วที่พบว่าต้วนหลิงเทียนฆ่าหลินตงได้แต่แรก ซือถูหังและคนอื่นๆก็ตกใจกันไม่น้อย พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยว่ากระแสเรื่องราวจะพลิกกลับได้อย่างอัศจรรย์ขนาดนี้!


 


ต้องทราบด้วยว่าก่อนหน้านี้พวกมันพากันสิ้นหวังกันแล้ว!


 


“ฮ่าๆๆๆ…เจ้าต้วนนี่มันร้ายกาจจริงๆ! หลินตงมันจะทะลวงถึงขอบเขตเซียนแล้วอย่างไรเล่า! สุดท้ายก็มันถูกเจ้าต้วนฟันฉับเดียวซี้แหงแก๋มิใช่หรือไร!?”


 


เฉินเฉ่าช่วยหัวเราะออกมาดังลั่น ใบหน้ายังเผยความภาคภูมิใจออกมาราวกับคนที่ฆ่าหลินตงเป็นมันเองไม่ใช่ต้วนหลิงเทียน


 


“ไฉน…ถึงเป็นเช่นนี้ไปได้…ไฉนถึงเป็นเช่นนี้…”


 


ในบรรดาคนของจวนอ๋องเฉียนนั้น เยี่ยมู่ไป๋ได้แต่ส่ายหัวไปมาอย่างยากจะยอมรับ มันไม่อาจยอมรับความจริงที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าหลินตงได้



ตอนที่ 1,640 : ตราผนึกมารไปที่ใดแล้ว!?


 


เยี่ยมู่ไป๋มาที่นี่เพราะต้องการเห็นต้วนหลิงเทียนตกตายกับตา


 


ต้วนหลิงเทียนเป็นผู้ที่สังหารน้องสามของมัน เช่นนั้นมันจึงเกลียดเขาเข้ากระดูกดำ! ยังแทบอดพุ่งไปป่นร่างต้วนหลิงเทียนให้แหลกไม่ไหว อนิจจามันรู้ตัวดีว่าไร้สามารถไม่อาจทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้เลย จึงทำได้แต่ฝากความหวังไว้กับอ๋องเฉียนเท่านั้น..


 


ทว่าตอนนี้กระทั่งอ๋องเฉียนก็ไม่อาจทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้


 


สำหรับตราผนึกมารนั้น มันก็รู้สึกสนใจอยู่บ้าง แต่พอรับทราบว่าหลินตงถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตายไปแล้ว มันก็ไม่มีอารมร์จะมาสนใจตราผนึกมารอีกต่อไป


 


นี่เพราะมันรู้ตัวว่าพลังฝีมือมันมีเท่าไหร่ และรู้ดีว่าคงไม่มีวันได้แตะตราผนึกมาร


 


เยี่ยมู่ไป๋มองต้วนหลิงเทียนอย่างคับแค้น ใคร่อยากพุ่งไปแลกชีวิตฆ่าอีกฝ่ายเสียให้ได้


 


อนิจจาพอมันคิดถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนสามารถฆ่าได้กระทั่งตัวตนในขอบเขตเซียน มันก็ได้แต่หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความคับแค้น ยังบังเกิดความหวาดกลัวจับขั้วหัวใจ สุดท้ายก็ไร้ซึ่งความกล้าแม้แต่จะมองหน้าต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป…


 


เนื่องจากความขัดแย้งกันระหว่างอ๋องหรงและอ๋องเฉียน ความสนใจของผู้ชมกว่า 9 ส่วนจึงอยู่ที่การเผชิญหน้ากันของทั้งคู่


 


ผลที่ตามมาคือต้วนหลิงเทียนคล้ายจะถูกลืมเป็นการชั่วคราว


 


เมื่อเห็นว่าอ๋องเฉียนกับอ๋องหรงเขม่นกันทั้งเริ่มกัดกันยังกับสุนัข มุมปากต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มแสยะขึ้นมา


 


“มันมิรู้จริงๆหรือไรว่าตราผนึกมารมิได้อยู่ในแหวนพื้นที่ของมัน?”


 


ตอนนี้เองมีเสียงหนึ่งดังเข้าหูต้วนหลิงเทียน เป็นเสียงของผู้เฒ่าหั่วที่อยู่ภายในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ


 


“มันไม่มีเวลาจะยืนยันเรื่องนี้หรอกท่านผู้เฒ่าหั่ว มันคงไม่คิดด้วยซ้ำว่าตราผนึกมารจะไม่อยู่ในแหวนพื้นที่มัน…เพราะสุดท้ายตราผนึกมารก็หายไปคามือขณะที่มันกำลังจะเก็บ ยึดตามสามัญสำนึกของมันๆก็ได้แต่คิดว่าตราผนึกมารถูกเก็บลงแหวนไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะหายไปไหน”


 


ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงตอบกลับ


 


“น่ากลัวว่าต่อให้มันหลับก็ยังมิอาจฝันถึงว่าเจ้าจักมีเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ!”


 


เสียงผู้เฒ่าหั่วดังขึ้นอีกครั้ง


 


ภายในชั้นแรกของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ปรากฏร่างผู้เฒ่าหั่วยืนอยู่ ในมือพลิกหมุนป้ายศิลามุมแหว่งดูชมอย่างสนใจ…มันคือตราผนึกมาร!


 


ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ตอนที่ต้วนหลิงเทียนเขวี้ยงปาตราผนึกมารเข้าใส่อี้เฟิง เขาก็ควบคุมบังคับเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติที่ถูกย่นจ่อจนมีขนาดเท่าละอองธุลีให้เกาะติดไปกับตราผนึกมารด้วย…และในเมื่อเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติถูกซ่อมแซมไปถึงชั้นที่ 3 แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็สามารถควบคุมมันได้ในระดับหนึ่ง


 


แน่นอนว่าการควบคุมที่ว่าก็เพิ่มแค่การเคลื่อนที่ไปมาเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรมากมาย


 


อย่างไรก็ตามแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว


 


ด้วยสายอันเฉียบแหลม ต้วนหลิงเทียนย่อมจับจ้องมองความเคลื่อนไหวของอ๋องเฉียนได้ทุกอิริยาบท เมื่อสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะเก็บตราผนึกมารลงแหวน เขาก็ชิงควบคุมเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติให้ดูดตราผนึกมารเข้าไปเก็บไว้เสียก่อน!


 


เนื่องจากอ๋องเฉียนไม่ได้ตรวจสอบว่าตราผนึกมารอยู่ในแหวนแล้วหรือไม่ มันย่อมคิดว่าตราผนึกมารสมควรถูกเก็บลงแหวนไปแล้วเรียบร้อย!


 


แต่มันคงไม่รู้ตัวเลย…ว่าตราผนึกมารนั้นไม่ได้อยู่ในแหวน!


 


“ดูสุนัขกัดกันเข้าเถอะ…ให้พวกมันกัดกันจนขนร่วงหมดตัวไปเลยก็ดี”


 


ต้วนหลิงเทียนมองอ๋องหรงที่กำลังรบกับอ๋องเฉียนด้วยสายตาดูแคลน เขารู้ดีว่าเรื่องนี้กว่าพวกมันจะสะสางกันได้ก็คงอีกนาน!


 


ในสายตาของเขา


 


อ๋องเฉียนที่อยากให้เขาตายย่อมเป็นศัตรูของเขา


 


อ๋องหรงเองก็มิใช่ตัวดีอันใด!


 


อย่างไรก็ตามเขาไม่สนใจจะอยู่ดูผลสุนัขทั้ง 2 ที่กำลังกัดกันว่าตัวใดจะชนะ!


 


ยิ่งไปกว่านั้นเขารู้ดีว่าอีกไม่นานอ๋องเฉียนต้องค้นพบเรื่องที่ตราผนึกมารไม่ได้อยู่ในแหวนของมันเป็นแน่


 


ดังนั้นเขาจึงคิดจะจากไปทันที


 


“คุณชายใหญ่หัง…ศิษย์พี่ครูและสหายของข้า รบกวนฝากไว้ให้ท่านช่วยดูแลแล้ว”


 


ต้วนหลิงเทียนมองซือถูหังค่อยกล่าวส่งเสียงผ่านปราณแท้


 


“ปรมาจารย์ต้วน ท่านจักไปแล้วหรือ?”


 


พอได้ยินเสียงที่ส่งมาจากต้วนหลิงเทียน ซือถูหังละสายตาจากอ๋องเฉียนที่กำลังรบกับอ๋องหรงมาหันมองต้วนหลิงเทียนทันที


 


“ใช่”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ


 


ซือถูหังแน่นอนว่าต้องรบเร้าให้ต้วนหลิงเทียนอยู่ต่อ แต่แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนก็ตอบปฏิเสธไป


 


หลังจากที่กล่าวอำลาป๋ายลี่หง และเหล่าสหายอีกครั้งเรียบร้อยแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็จากไปอย่างเงียบงัน และไม่ได้เดินทางกลับเมืองหลวงของประเทศฝูเฟิงแต่อย่างไร กลับมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือแทน


 


จุดหมายต่อไปของเขาคือคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน


 


แน่นอนว่ามันเป็นแค่ทางผ่านเท่านั้น


 


จุดหมายปลายทางที่แท้จริงของเขาคือ คฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน!


 


ตอนที่อยู่ในเมืองหลวงของประเทศฝูเฟิง ต้วนหลิงเทียนก็ได้สอบถามเกี่ยวกับที่ตั้งของคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานมาแล้ว และนั่นทำให้เขารู้ว่าต้องเดินทางผ่านเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนไปกว่าครึ่งค่อน


 


ต้วนหลิงเทียนเลือกที่จะจากไปเช่นนี้ ป๋ายลี่หงและซื่อหม่าฉางฟงก็รู้สึกลังเลใจไม่น้อย ยังอยากจะติดตามไปกับต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ


 


แต่พวกมันรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนมีเรื่องสำคัญที่ต้องไปกระทำ เพราะพวกมันรู้ว่าสำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว เรื่องของคู่หมั้นทั้ง 2 นั้นสำคัญที่สุด…


 


วัตถุประสงค์การเดินทางครั้งนี้ ก็เป็นต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกออกมาด้วยตัวเอง


 


ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงไม่อยากติดตามไปเป็นภาระให้ต้วนหลิงเทียน


 


ห่างออกไปไกลๆ ตอนนี้ฝ่ายอ๋องหรงกับฝ่ายอ๋องเฉียนก็รบติดพันกันนัวเนีย


 


ฝ่ายอ๋องเฉียนนั้นนอกเหนือจากชายชราทั้ง 2 แล้ว ซือถูหมิงก็เป็นขอบเขตเซียนเช่นกัน!


 


ตอนแรกฝ่ายอ๋องเฉียนมีเซียนถึง 4 แต่อี้เฟิงถูกตราผนึกมารจัดการไปแล้วจึงเหลือแค่ 3


 


แต่ด้านอ๋องหรงก็หลงเหลือขอบเขตเซียนอยู่แค่ 2 คนเท่านั้น ส่วนอีกคนได้ถูกตราผนึกมารสังหารไปแล้ว เพราะมันเป็นผู้ฝึกมารเช่นกัน!


 


เช่นนั้นจากสถานการณ์ปัจจุบันผู้ใดสูงต่ำกว่ากัน ทุกคนล้วนมองออกได้ไม่ยาก


 


ด้วยเหตุนี้อ๋องหรงจึงทำอะไรไม่ได้ นอกจากเฝ้ามองอ๋องเฉียนฝ่าวงล้อมจากไป…


 


“บัดซบเอ๊ย! หากข้ารู้ว่าเรื่องราวจักเป็นเช่นนี้ข้าน่าจะพาคนมาให้มากหน่อย!”


 


ใบหน้าอ๋องหรงอัปลักษณ์ปั้นยากนัก มันเสียใจสุดแสนที่ไม่พาขอบเขตเซียนมาให้มากกว่านี้ ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีปัญญายุดอ๋องเฉียนเอาไว้ได้


 


“ไปกันเถอะ! เร่งกลับไปที่จวน! พวกเราจะรวบรวมคนแล้วไปเดินเล่นที่จวนอ๋องเฉียนสักครา!!”


 


พอคิดถึงเรื่องที่ตราผนึกมารตกไปอยู่ในมืออ๋องเฉียน อ๋องหรงย่อมรู้สึกไม่พอใจอย่างแรง! มันจึงกัดฟันแล้วพาทุกคนกลับจวนอ๋องหรง หมายไปรวบรวมกำลังพลแล้วบุกไปกดดันอ๋องเฉียนถึงจวน เรื่องแบ่งสันปันส่วนสิทธิ์การใช้งานตราผนึกมาร!


 


เมื่อเห็นการจากไปของอ๋องหรงและอ๋องเฉียน ทุกผู้คนก็รู้ว่าคงไม่มีเรื่องบันเทิงใจอะไรให้ดูชมอีก


 


และเมื่อหันมองย้อนไปยังตำแหน่งที่ต้วนหลิงเทียนเคยอยู่ก่อนหน้า ต่างก็พบว่าต้วนหลิงเทียนหายไปแล้วเช่นกัน


 


“อ้าว แล้วต้วนหลิงเทียนเล่า ไปที่ใดแล้ว?”


 


“เขาจากไปตั้งแต่เมื่อใดกันข้ามิทันเห็นเลย?”


 


“พวกเรามัวแต่สนใจอ๋องหรงกับอ๋องเฉียนจนลืมเรื่องอื่น จะไม่ทันเห็นเขาจากไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลก…”


 


……


 


เนื่องจากไร้เรื่องราวใดๆให้ตื่นเต้นอีก ทั้งต้วนหลิงเทียนก็ไม่อยู่แล้ว ผู้คนจึงเริ่มแยกย้ายสลายตัวกันกลับทันที


 


แน่นอนว่ายังมียอดฝีมือขอบเขตเซียนอีกมากมายที่เริ่มเหินร่างแผ่สำนึกเทวะปูพรมค้นหาต้วนหลิงเทียนอย่างตั้งใจ เจตนาของพวกมันชัดเจนนัก คืออยากหาตัวต้วนหลิงเทียนให้เจอแล้วชิงวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดมาเสีย!


 


นอกจากนี้การที่ต้วนหลิงเทียนครอบครองวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์ชั้นยอดแถมตราผนึกมารได้! นั่นหมายความว่าอาจยังมีสมบัติเลิศล้ำอื่นใดอีกในแหวน!!


 


ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงพยายามหาตัวต้วนหลิงเทียนอย่างขยันขันแข็ง


 


อนิจจาที่พวกมันถูกลิขิตให้ผิดหวัง เพราะต้วนหลิงเทียนจากไปไกลแล้ว


 


“ลูกหัง ท่านปรมาจารย์ต้วนได้กล่าวอำลาเจ้าก่อนไปหรือไม่?”


 


ขณะเดินทางกลับตระกูลซือถูในเมืองหลวง ซือถูฮ่าวก็ส่งเสียงผ่านปราณแรกกำเนิดถามไถ่ออกมา


 


ซือถูหังพยักหน้า


 


“แล้วท่านปรมาจารย์ต้วนได้กลับไปที่ตระกูลของพวกเราหรือไม่?”


 


ซือถูฮ่าวส่งเสียงกล่าวถามออกมาอีกครั้ง


 


ซือถูหังส่ายหน้าไปมา “ฟังจากที่ท่านปรมาจารย์ต้วนกล่าว…ท่าทางท่านคงมิกลับไปเมืองหลวงอีกแล้ว และก่อนที่ท่านจะจากไปยังฝากให้ข้าดูแลปรมาจารย์ป๋ายลี่หงและคนอื่นๆให้ดี เห็นชัดว่าท่านปรมาจารย์ต้วนตั้งใจฝากฝังทุกคนไว้กับข้า”


 


“น่าเสียดายยิ่งนัก”


 


ซือถูฮ่าวถอนหายใจออกมาอย่างสะทกสะท้อน การกระทำวันนี้ของต้วนหลิงเทียนก็สร้างความตกตะลึงให้มันนัก


 


มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะมีพลังฝีมือร้ายกาจขนาดนี้ อีกทั้งยังมีตราผนึกมารอันเป็น 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนที่ติดอันดับในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ไว้ในครอบครอง!


 


ต้องทราบด้วยว่าจนถึงเมื่อวานนี้ต้วนหลิงเทียนยังเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูพวกมันอยู่เลย!


 


‘ดูเหมือนเรื่องที่นิกายหยินหมิงถูกทำลาย ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นฝีมือปรมาจารย์ต้วนเพียงคนเดียว…มีตราผนึกมารเช่นนี้ก็มิน่าแปลกใจเลยที่ท่านสามารถสังหารอาวุโสสูงสุดของนิกายหยินหมิงได้’


 


ซือถูฮ่าวลอบกล่าวในใจ


 


อย่างไรก็ตามพอคิดถึงจุดนี้ก็นึกได้ว่าตอนนี้ตราผนึกมารได้ตกไปอยู่ในน้ำมือของอ๋องเฉียน ซึ่งเป็นคู่แข่งกับอ๋องหรง ที่ตระกูลพวกมันเข้าร่วม ทำให้ซือถูฮ่าวเริ่มกังวลขึ้นมาอีกครั้ง


 


ด้วยมีตราผนึกมารอยู่ในมือ อ๋องเฉียนน่ากลัวจะเหมือนพยัคฆ์ติดปีก ยากที่จะเอาชนะได้ง่ายๆ!


 


กระทั่งอ๋องหรงก็คงยากที่จะเอาชนะ!


 


และเมื่ออ๋องหรงล้มเหลวในการขึ้นครองราชน์ ฝ่ายจวนอ๋องเฉียนก็จะได้เป็นฮ่องเต้คนต่อไป ถึงตอนนั้นน่ากลัวว่าตระกูลซือถูของมันจะไม่มีจุดจบอันดี!


 


มันรู้ซึ้งถึงความอำมหิตของอ๋องเฉียนดี!


 


เช่นนั้นแล้วพอนึกถึงเรื่องนี้ ซือถูฮ่าวจึงอดไม่ได้ที่จะกังวลใจอย่างหนัก


 


ถึงแม้ป๋ายลี่หงและคนอื่นๆจะเดินทางมาพร้อมตระกูลซือถู หากแต่บทสนทนาของกลุ่มสหายต้วนหลิงเทียนกลับต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง


 


“บ้าเอ๊ย! เรื่องนี้ยากทำใจรับได้จริงๆ!!”


 


เฉินเฉ่าช่วยกล่าวส่งเสียงถึงทุกคนออกมาด้วยความฮึดฮัด “ตราผนึกมารนั่นเป็น 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนที่ติดรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเลยนะ! แต่กลับถูกอ๋องเฉียนฉกไปดื้อๆแบบนั้น!!”


 


“นั่นสิ! แถมอ๋องเฉียนนั่นก็อยู่ฝั่งตรงข้ามกับอ๋องหรงที่ตระกูลซือถูสนับสนุนอีก หากอ๋องเฉียนมีอำนาจเพิ่มขึ้นมา น่ากลัวว่าจะไม่ส่งผลดีถึงพวกเราเช่นกัน”


 


หนานกงยี่ยิ้มกล่าวออกมาหน้าแห้ง


 


ซื่อหม่าฉางฟงและคนอื่นก็เป็นกังวลเช่นกัน


 


มีเพียงป๋ายลี่หงเท่านั้น ที่คล้ายจะไม่ได้เป็นกังวลกับเรื่องนี้สักเท่าไร


 


ขณะเดียวกันทางด้านอ๋องเฉียน มันก็เดินทางกลับมาถึงจวนอ๋องเฉียนเรียบร้อย


 


และเมื่อกลับมาถึงจวนอ๋องเฉียน สิ่งแรกที่อ๋องเฉียนคิดกระทำก็คือ หยิบตราผนึกมารออกมาลูไล้ให้หายอยากสักครา!


 


ทว่าพอมันคิดจะเรียกตราผนึกมารออกมาลูบไล้หอมจูบให้ชื่นใจมันก็พบเรื่องราวผิดท่าประการหนึ่ง…ตราผนึกมารกลับไม่ได้อยู่ในแหวนพื้นที่ของมัน!


 


“เป็นไปไม่ได้!!”


 


นี่เป็นความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในใจของอ๋องเฉียน เพราะมันรู้สึกว่าการที่ตราผนึกมารไม่อยู่ในแหวนพื้นที่ของมันนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย เพราะมันเป็นคนเก็บตราผนึกมารลงแหวนด้วยตัวเอง!


 


แถมตอนนั้นข้างกายมันก็ไม่มีใครอื่น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครมาแย่งชิงตราผนึกมารไปจากมือมัน!


 


ต่อมาอ๋องเฉียนก็เริ่มค้นหาในแหวนพื้นที่อย่างบ้าคลั่ง พยายามมองสำรวจทุกสิ่งทุกอย่างในแหวนอย่างใจจดจ่อ ทว่าสุดท้ายก็ไม่พบตราผนึกมาร!


 


ทันใดนั้นเหงื่อเย็นเม็ดเขื่องก็เริ่มผุดซึมกลางหน้าผากอ๋องเฉียน สีหน้ายังแปรเปลี่ยนไปมหันต์ “นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่? ผู้ใดสามารถบอกข้าได้บ้างว่านี่มันเรื่องผีสางอันใด!?”


 


ตอนนี้เองอ๋องเฉียนอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกใจ ทั้งไม่ทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่


 


“องค์ชาย 4 เกิดอันใดขึ้นหรือท่าน?”


 


ตอนนี้เองชายชราทั้ง 2 ด้านหลังอ๋องเฉียนก็พบว่าสีหน้าท่าทางของอ๋องเฉียนผิดปกติ จึงเร่งถามออกมาทันที และพอพบว่าตราผนึกมารไม่อยู่ในแหวนพื้นที่ของอ๋องเฉียน พวกมันก็ชักหน้าเหวอทันที


 


เกิดอันใดขึ้นกัน!?


 


วาจาของอ๋องเฉียนนั้น พวกมันรู้ดีว่าไม่มีผิดเพี้ยนแน่นอน!


 


เพราะพวกมันได้กล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าไปแล้ว ว่าจะจงรักภัคดีอยู่ติดตามข้างกายอ๋องเฉียน ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงรู้ดีว่าอ๋องเฉียนไม่จำเป็นต้องหลอกลวงอะไรพวกมันเลย!



ตอนที่ 1,641 : ขโมยไก่ไม่สำเร็จ ยังเสียข้าวสารไปอีกกำมือ!


 


“ไฉนถึงเกิดเรื่องอะไรพรรค์นี้ขึ้นมาได้ ข้าเห็นกับตาชัดๆว่าตราผนึกมารวูบหายเข้าไปในแหวน! แล้วไฉนในแหวนถึงมิมีตราผนึกมารอยู่เล่า!?”


 


อ๋องเฉียนแทบจะเสียสติไปให้ได้ นับว่าเรื่องนี้เคี่ยวกรำจิตใจของมันอย่างยากจะทานทน!


 


หรือว่าแหวนพื้นที่มันจะกินตราผนึกมารเข้าไปแล้ว?


 


“องค์ชาย 4 …ใช่ต้วนหลิงเทียนนั่นมั่นเล่นตุกติกอันใดกับตราผนึกมารหรือไม่?”


 


ตอนนี้เองเฒ่าชรา 1 ใน 2 ด้านหลังอ๋องเฉียนพลันกล่าวเสริมออกมา


 


“เล่นตุกติก? มันยังเล่นตุกติกอันใดได้!? ตัวมันอยู่ไกลจากข้านัก อีกทั้งตราผนึกมารก็ห่างไกลจากมันขนาดนั้น พวกเจ้ามีใครเห็นตราผนึกมารบินกลับไปหามันหรือไม่เล่า?”


 


อ๋องเฉียนพยายามคิดถึงเรื่องราวก่อนหน้าแต่ก็ส่ายหัวไปมาอย่างไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ ก็เหมือนกับเป็ดที่สุกแล้วจะให้มันลุกขึ้นมาบินได้อย่างไร?


 


พอได้ยินคำของอ๋องเฉียนชายชราทั้งสองก็นิ่งเงียบ


 


ในฐานะที่พวกมันก็เป็นตัวตนในขอบเขตเซียน พวกมันย่อมมั่นใจในพลังฝีมือทั้งสายตา หากให้ถามว่าพวกมันเห็นตราผนึกมารบินไปไหนหรือไม่ พวกมันย่อมตอบได้ทันทีว่าไม่มี! และต่อให้ตราผนึกมารบินหนีได้จริงพวกมันก็ไม่มีทางไม่เห็น!!


 


อีกทั้งในเวลานั้นพวกมันยังเห็นชัดถนัดตา ว่าตราผนึกมารวูบหายไปจากอากาศคามือของอ๋องเฉียน เห็นชัดว่าเป็นอ๋องเฉียนเรียกเก็บลงสู่แหวนพื้นที่!


 


ทว่าตอนนี้อ๋องเฉียนกลับบอกว่าหาตราผนึกมารในแหวนพื้นที่ไม่พบ!


 


“องค์ชาย 4 ท่านใจเย็นก่อน ลองหาดูในแหวนดีๆอีกครั้งเถอะ!”


 


ชายชราทั้งคู่อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอีกครั้ง พวกมันรู้สึกว่าเรื่องราวนี้มันแปลกประหลาดเกินไป ยังคิดว่าตราผนึกมารไม่น่าจะหายไปไหนได้นอกจากอยู่ในแหวน…


 


“พวกเจ้าเห็นข้าเป็นเด็ก 3 รึไง!? ข้าค้นหาทุกซอกทุกมุมในแหวนหลายรอบแล้วแต่กลับมิมี! ยังจะให้ข้าหาอีกครั้งกับผีอันใด!?”


 


หลังได้ฟังคำแนะของชายชรา อ๋องเฉียนก็อดไม่ได้ที่จะสบถออกมาอย่างหัวเสีย ท่าทางกิริยาไม่คล้ายเป็นองค์ชายอีกต่อไป


 


การหายไปของตราผนึกมาร ทำให้มันรู้สึกยอมรับไม่ได้แล้วจริงๆ!


 


นอกจากนี้มันยังนำตราผนึกมารกลับมาภายใต้สายตาของอ๋องหรงอีกด้วย!


 


มันย่อมเดาออกได้ไม่ยาก ว่าวันนี้อีกไม่นานอ๋องหรงต้องยกพลมาทวงสิทธิ์เรื่องตราผนึกมารถึงจวนมันแน่!


 


ด้วยอ๋องหรงรู้ถึงพลังอำนาจของตราผนึกมารดี เป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะปล่อยวางเรื่องนี้!


 


หากยังมีตราผนึกมารอยู่ในมือ ต่อให้มันต่อสู้กับอ๋องหรงจนเละกันไปข้าง มันก็ยังพอมีหนทางรักษาตราผนึกมารเอาไว้…แต่ตอนนี้กระทั่งตราผนึกมารมันยังไม่มี จะไม่ให้หัวเสียได้อย่างไรไหว?


 


ไม่เพียงแต่มันไม่มีตราผนึกมาร แต่มันยังชักนำปัญหาใหญ่หลวงมาสู่ตัว!


 


สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือมันไม่รู้เลยว่าตราผนึกมารนั้นหายไปจากแหวนพื้นที่ของมันได้อย่างไร มันมั่นใจมากว่าเก็บตราผนึกมารลงแหวนพื้นที่แล้วแน่ๆ?


 


“หรือยอดศาสตราเซียนที่ติด 1 ใน 10 ในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่จักมีความสามารถพิสดารในการปกปิดซ่อนเร้น?”


 


อ๋องเฉียนอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ เรียกว่าตอนนี้มันดั่งคนหน้ามืดตามัวพยายามคลำหาหนทางไปอย่างสะเปะสะปะ


 


“น้อง 4 ออกมาพบกันหน่อย!!”


 


ในขณะที่อ๋องเฉียนเจียนจะทึ้งหัวตัวเองอยู่รอมร่อด้วยมิอาจขบคิดได้จริงๆว่าตราผนึกมารมันหายไปที่ใดกันแน่ เสียงหนึ่งพลันดังลั่นก้องจวนอ๋องเฉียนของมัน! เป็นอ๋องหรงพายอดฝีมือมากดดันมันแล้วจริงๆ แถมอีกฝ่ายยังพาขอบเขตเซียนแทบมากมายบุกมาอย่างเอิกเกริก คล้ายมาเดินซื้อหาผัดกาดในตลาด!


 


และแน่นอนว่าทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนของอ๋องหรง หน้าอ๋องเฉียนก็บิดเบี้ยวราวเคี้ยวข้าวถูกแมลงวัน


 


“อ๋องเฉียน อ๋องหรงมาหาท่านเพราะเรื่องตราผนึกมารไม่ผิดแน่…แต่ตอนนี้ท่านไม่มีตราผนึกมาร ข้ากลัวว่าให้ท่านกล่าวออกไปพวกมันก็ไม่เชื่อท่านแน่”


 


ซือถูหมิงที่นิ่งเงียบอยู่นานอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา


 


ในเรื่องนี้มันเองก็รู้สึกเหลือเชื่ออยู่บ้าง


 


มันเองก็เห็นกับตาว่าตราผนึกมารวูบหายไปคามือของอ๋องเฉียน หากไม่ใช่หายเข้าแหวนพื้นที่ไป หรือจะให้มันหายไปในอากาศเฉยๆ?


 


ทว่าพอกลับมาถึงจวน อ๋องเฉียนกลับบอกว่าตราผนึกมารไม่อยู่ในแหวน!


 


ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในใจของมันก็คือ อ๋องเฉียนกำลังเสแสร้งตีหน้าเซ่อว่าไม่มีตราผนึกมารต่อพวกมัน เพราะจะอย่างอย่างไรตราผนึกมารก็เป็นวัตถุเลิศล้ำในตำนาน น่ากลัวว่าจะมีคนมากมายที่คิดช่วงชิง


 


แน่นอนว่ามันรู้สึกว่าเรื่องราวนี้โง่งมเกินกว่าที่มันจะทำใจเชื่อได้


 


ทุกผู้คนล้วนเห็นกันชัดถนัดตาว่าตราผนึกมารหายไปคามืออ๋องเฉียน เว้นเสียแต่อ๋องเฉียนจะสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าว่าไม่มีเท่านั้น!


 


อย่างไรก็ตามอ๋องเฉียนจะกล้ากล่าวคำสาบานออกมางั้นเหรอ? ในเมื่อมันเจตนาเสแสร้งแสดงโง่งมแบบนี้ จะรนหาที่ตายทำอะไร?


 


จนถึงตอนนี้ซือถูหมิงก็ฝังหัวแน่วแน่ว่าเป็นอ๋องเฉียนแสร้งตีหน้าเซ่อหลอกมัน ตราผนึกมารก็คงอยู่ในแหวนนั่นล่ะ แค่อีกฝ่ายเสแสร้งไปเท่านั้น!


 


จุดประสงค์ของการเสแสร้งนี้ก็คงแค่จะปิดหูปิดตาหลอกลวงพวกมัน


 


หากอ๋องเฉียนมิอาจปิดหูปิดตาหลอกคนข้างกายได้ แล้วจะปิดหูปิดตาหลอกคนนอกได้อย่างไร


 


อย่างไรก็ตามพออ๋องเฉียนพามัน เยี่ยมู่ไป๋ และขอบเขตเซียนทั้ง 2 ออกไปพบอ๋องหรง เรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อพลันบังเกิดขึ้นตรงหน้า…


 


“ข้าอ๋องเฉียน ขอสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า ว่าถ้าหากข้ามีตราผนึกมารไว้ในครอบครอง! ข้ายินดีถูกอัสนีฟ้าพิฆาตตกตาย!!”


 


ทันทีที่ประจันหน้ากับอ๋องหรง อ๋องเฉียนพลันชิงกล่าวคำสาบานออกมาก่อนที่อ๋องหรงจะทันได้กล่าวอะไรออกมาแม้แต่ครึ่งคำ!


 


เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!


 


……


 


ด้วยเสียงอัสนีลั่นผ่า 9 คำรบ เป็นการบ่งบอกว่าสวรรค์ตอบรับคำสาบานแล้ว!


 


อย่างไรก็ตามถึงแม้สวรรค์จะตอบรับคำสาบานแล้ว แต่อ๋องเฉียนยังอยู่รอดปลอดภัยไม่ถูกฟ้าผ่าหัว ก็พิสูจน์ได้แล้วว่า วาจาที่มันกล่าวสาบานออกไปเมื่อครู่..เป็นความสัตย์จริง!


 


ด้วยอยู่ๆอ๋องเฉียนก็กล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าออกมาแบบนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้อ๋องหรงและขอบเขตเซียนทั้งหลายที่พามาด้วยแปลกใจ ยังสร้างความประหลาดใจให้คนฝ่ายอ๋องเฉียนอีกด้วย และคนที่ประหลาดใจก็คือซือถูหมิงกับเยี่ยมู่ไป๋นั่นเอง…


 


อันที่จริงแล้วในใจเยี่ยมู่ไป๋ก็คิดเหมือนกันกับซือถูหมิง ว่าอ๋องเฉียนกำลังเสแสร้งแสดงหลอกมัน


 


อย่างไรก็ตามพออ๋องเฉียนกล่าวคำสาบานออกมาแบบนี้ ทำให้พวกมันตระหนักได้ทันทีว่าอ๋องเฉียนกลับไม่ได้เสแสร้งตีหน้าเซ่อหลอกพวกมัน!!


 


“เป็นไปมิได้!!”


 


เมื่อเห็นว่าอ๋องเฉียนกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าออกมาแบบนั้นแล้วยังอยู่ดี อ๋องหรงก็รู้สึกเหลือเชื่อเกินกว่าจะรับไหว “น้องสี่ นี่เจ้าคิดเล่นเล่ห์อันใดกันแน่ ทุกผู้คนล้วนเห็นกันชัดถนัดตาว่าตราผนึกมารหายเข้าไปในแหวนพื้นที่ของเจ้า!!”


 


“เล่นเล่ห์กับน้องสาวเจ้า! ข้ากล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าไปแล้ว เจ้าจะไม่เชื่อก็เรื่องของเจ้าเถอะ!!”


 


แต่เดิมอารมณ์อ๋องเฉียนก็มิสู้ดีเป็นทุน พอเห็นว่ากระทั่งมันสาบานไปแล้วแต่อ๋องหรงยังไม่เชื่อมันก็มีโมโหขึ้นมาทันที ถึงขั้นสบถด่าออกไปราวอันธพาล


 


หลังจากนั้นมันก็คร้านจะกล่าวใดกับอ๋องหรงสืบต่อเพียงหันหลังเดินกลับเข้าจวนไปอย่างฮึดฮัดทันที


 


พอเห็นอ๋องเฉียนเผยทีท่าราวเด็กน้อยหัวเสียทั้งกล่าวด่าออกมาแบบนี้ อ๋องงหรงเองก็ถึงกับอึ้งไปไร้คำจะกล่าว! เพราะมันเองก็รู้ดีว่าคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้ามิอาจฝ่าฝืน นี่เป็นกฏเหล็กที่รู้กันดีในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!!


 


“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”


 


ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้กล่าวหยุดอ๋องเฉียนเอาไว้ แต่อ๋องหรงก็ยังรั้งซือถูหมิงเอาไว้และกล่าวถามออกมา


 


“เรียนองค์ชายรอง พวกเรารู้ว่าท่านต้องการมีสิทธิ์ในการใช้ตราผนึกมาร อย่างไรก็ตามพอองค์ชาย 4 กลับมาถึงจวน ท่านก็ได้ค้นหาในแหวนพื้นที่อย่างดีแล้ว แต่กลับมิพบตราผนึกมารอยู่ในนั้น เห็นได้ชัดว่าสมควรเป็นต้วนหลิงเทียนเล่นตุกติกอันใดสักอย่างขณะส่งมอบตราผนึกมาให้องค์ชาย 4”


 


เป็นหนึ่งใน 2 ชายชราที่มักติดตามอยู่ด้านหลังอ๋องเฉียน อดไม่ได้ที่จะกล่าวอธิบายออกมาแทนซือถูหมิง


 


“ถูกแล้ว! จะอย่างไรตราผนึกมารก็เป็น 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนที่ติดรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ บางทีมันอาจมีพลังอำนาจวิเศษที่พวกเรายังไม่ล่วงรู้ เพราะเรื่องที่พวกเรารู้เกี่ยวกับตราผนึกมาร ก็มีแต่เรื่องราวจากข่าวที่ลือกันในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเท่านั้น”


 


ชายชราอีกคนกล่าวเสริมออกมา


 


หลังจากกล่าวจบพวกมันทั้งคู่ก็หันหลังเดินกลับเข้าจวนเพื่อไปคอยคุ้มครองอ๋องเฉียนต่อทันที


 


“น้องสี่เจ้ามันโง่เขลานัก! ไฉนเจ้าถึงไม่ตรวจสอบในแหวนพื้นที่ให้ดีตั้งแต่แรก?”


 


ตอนนี้แม้อ๋องหรงจะไม่อยากเชื่อเพียงใด ก็จำต้องเชื่อ


 


เพราะสุดท้ายอ๋องเฉียนก็กล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าออกมาแล้ว


 


จังหวะนี้อ๋องหรงก็ได้แต่พาคนทั้งหมดย้อนกลับไปเท่านั้น เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะอยู่ในจวนอ๋องเฉียนต่อไป


 


“ถ่ายทอดคำสั่งของข้าออกไป! ให้ทุกคนออกไปตามล่าหาตัวต้วนหลิงเทียนมาให้จงได้โดยไม่ต้องสนว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าใด! ข้าต้องได้ตราผนึกมารนั่น!!”


 


หลังจากที่กลับมาถึงจวน อ๋องหรงก็เร่งสั่งการออกไปทันที มันไม่อาจต้านทานอำนาจล่อลวงยั่วใจของตราผนึกมารได้จริงๆ และหากมันได้ครองตราผนึกมารล่ะก็ คิดเป็นฮ่องเต้ประเทศฝูเฟิงก็เป็นเรื่องราวที่มั่นใจได้เลย!


 


“น้องสี่…หลินตงตกตายไปเช่นนี้ วันหน้าท่าทางเจ้าจักลำบากแล้วล่ะ!”


 


หลังจากออกคำสั่งไป อ๋องหรงก็เริ่มเผยยิ้มออกมาทันที


 


ในขณะเดียวกันกับที่อ๋องหรงถ่ายทอดคำสั่งล่าตัวต้วนหลิงเทียน อ๋องเฉียนที่สงบใจลงแล้วก็เริ่มออกคำสั่งเดียวกัน


 


อีกทั้งหลังจากสั่งการคนไปแล้ว อ๋องเฉียนก็นึกถึงเรื่องที่หลินตงตายขึ้นมาเพราะต้วนหลิงเทียนได้! จึงอดไม่ได้ที่จะหลั่งเหงื่อเย็นออกมาชุ่มหลัง “จะอย่างไรตอนนี้ผู้คนก็ล่วงรู้กันหมดแล้วว่าเป็นข้าที่เชิญหลินตงมาฆ่าต้วนหลิงเทียน! การที่หลินตงมาตกตายในประเทศฝูเฟิง ตระกูลหลินไม่ยอมเลิกรากับข้าง่ายๆแน่”


 


“พวกมันต้องคิดว่าหากข้าไม่เชิญหลินตงมาที่ฝูเฟิง หลินตงก็คงไม่ต้องตาย”


 


พอนึกถึงเรื่องนี้อ๋องเฉียนอดไม่ได้ที่จะหน้าเสีย ครั้งนี้มันคิดขโมยไก่ไม่สำเร็จยังเสียข้าวสารไปอีกกำมือแล้วจริงๆ


 


ถึงแม้ว่าตระกูลราชวงศ์ของประเทศฝูเฟิงก็เป็นขุมพลังชั้น 6 ที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลหลิน แต่เรื่องนี้ทั้งหมดทั้งมวลล้วนมีมันเป็นต้นเหตุ น่ากลัวว่าตระกูลราชวงศ์คงไม่คิดยื่นมือเข้าช่วย


 


ก้นของอ๋องเฉียน ตัวอ๋องเฉียนต้องเป็นผู้เช็ดล้างเอง!


 


หลินตงตกตาย ตราผนึกมารปรากฏ


 


เมื่อจบการประลองเป็นตายระหว่างหลินตงกับต้วนหลิงเทียน เรื่องราวดังกล่าวก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงของประเทศฝูเฟิงในเวลาอันสั้น ดั่งมหาพายุซัดเข้าเมืองก็ไม่ปาน บ้านไหนก็เริ่มกล่าวกันไปทั่ว!


 


และด้วยความเร็วในการแพร่กระจายของข่าวดังกล่าว น่ากลัวอีกไม่นานทั้งประเทศฝูเฟิง กระทั่งทั่วทั้งเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนก็ต้องรับทราบเรื่องราวนี้กันหมดแน่!!


 


หลินตงเป็นผู้ใดเล่า?


 


ยอดฝีมืออันดับ 1 ของรายนามนภา!!


 


กระทั่งเช่นนั้นแล้ว แต่ยังถูกฆ่าตาย อีกทั้งยังตกตายหลังจากที่ทะลวงผ่านไปยังขอบเขตเซียน เรียกว่าข่าวนี้ดั่งพายุที่พัดผ่านไปทั่วเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนแล้วจริงๆ!


 


แน่นอนว่าการตายของหลินตงยังไม่ใช่ข่าวที่สะท้านสะเทือนแดนดินที่สุด!


 


ข่าวที่ยิ่งใหญ่ดั่งระเบิดลงยิ่งกว่าความตายของหลินตงก็คือ การปรากฏขึ้นมาของตราผนึกมาร!!


 


ตราผนึกมาร เป็น 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ต้องกล่าวถึงเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนด้วยซ้ำ ผู้ฝึกตนทั้งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าล้วนอยากครอบครองมันไว้ทั้งสิ้น!


 


เช่นนั้นจึงเดาได้ไม่ยากว่าหากข่าวนี้แพร่ออกไป จะมียอดฝีมือที่เข้มแข็งมากน้อยเท่าใดที่คุ้มคลั่ง!


 


ในขณะที่ข่าวดังกล่าวแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงของประเทศฝูเฟิงปานมหาพายุ ก็มีร่างหนึ่งที่คล้ายจะอิดโรยจากการเดินทางมาถึงเมืองหลวงของประเทศฝูเฟิง!


 


และทันทีที่มาถึงเมืองหลวงของประเทศฝูเฟิง จุดหมายแรกสุดของมันก็คือตระกูลซือถู!


 


“ข้ามาพบซือถูฮ่าว!!”


 


คนผู้นี้ไม่ได้เข้าตระกูลซือถูทางประตูหน้า หากแต่เหินลอยอยู่ในอากาศ เสียงที่กล่าวยังดังก้องปานฟ้าผ่าไปทั่วตระกูลซือถู!


 


ชายคนนี้มาในชุดคลุมลมดำ ใบหน้ายังมีหน้ากากปีศาจที่กำลังยิ้มแสยะปิดบังหน้าตาเอาไว้!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)