War sovereign Soaring The Heavens 1626-1633

 ตอนที่ 1,626 : งานเข้าตระกูลซือถู!


 


แน่นอนว่า 3 เดือนที่กล่าวถึงกันอยู่ตอนนี้ก็คือเวลาในโลกภายนอก


 


ส่วนภายในชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัตินั่นหมายถึง 15 เดือนเต็ม หรือ 1 ปีกับอีก 3 เดือน!


 


“ผู้นำตระกูลซือถู ท่านให้คนออกไปแถลงการณ์เถอะ…ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้า ต้วนหลิงเทียน จะออกจากตระกูลซือถูอย่างเป็นทางการ และไม่ใช่แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูอีกต่อไป!”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับซือถูฮ่าว


 


“ท่านปรมาจารย์ต้วน ท่านมิจำเป็นต้องกระทำสิ่งนี้!!”


 


หน้าซือถูหังเปลี่ยนสีไปอย่างเห็นได้ชัด คล้ายไม่อยากจะเชื่อเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะเลือกหนทางนี้


 


“ท่านปรมาจารย์ต้วน บางครั้งข้าก็ตัดสินใจในมุมมองของผู้นำตระกูลซือถู…แต่ในฐานะบิดาแล้วข้ามิอาจปล่อยให้ท่านต้องออกจากตระกูลซือถูเช่นนี้! สาบานให้ข้าตาย!!”


 


ซือถูฮ่าวกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงจริงจัง


 


ซือถูหังเป็นลูกชายคนเดียวของมัน!


 


“ท่านปรมาจารย์ต้วน ขอท่านทบทวนให้ดีเถอะอย่าได้ด่วนตัดสินใจไปเลย…บางทีอาจมีหนทางแก้ปัญหาที่ดีกว่าการออกจากตระกูลซือถู”


 


วาจาประโยคหลัง ซือถูฮ่าวยังพยายามกล่าวรั้งต้วนหลิงเทียนเต็มที่


 


พอได้ยินคำนี้จากซือถูฮ่าว ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา


 


“ปรมาจารย์ต้วน ท่าน…”


 


เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนหัวเราะทั้งยิ้มร่า ไม่ว่าจะซือถูฮ่าวหรือลูกชายของมันก็สับสนเล็กน้อย ด้วยไม่เข้าใจว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงหัวเราะออกมาได้ในสถานการณ์แบบนี้


 


“ผู้นำตระกูลซือถู…ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ยากนักที่ท่านจะกล่าวออกมาแบบนั้นได้”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวสืบต่อ “สำหรับเรื่องที่ข้าตัดสินใจไปแล้ว ย่อมไม่มีวันเปลี่ยนแปลง…แน่นอนว่าที่ข้าตัดสินใจเช่นนี้ มันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับท่านเลยผู้นำตระกูล อันที่จริงแต่แรกแล้วข้าไม่คิดจะอยู่ที่ประเทศฝูเฟิงนี้นานนัก จะช้าจะเร็วสักวันข้าก็ต้องไป…”


 


“แน่นอนว่าถึงแม้ข้าจะประกาศแยกตัวจากตระกูลซือถูและไม่ได้เป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูอีกต่อไป แต่ข้ายังคงจะรั้งอยู่ในตระกูลซือถูอีกสักระยะ แล้วข้าถึงจะค่อยออกจากตระกูลซือถูและประเทศฝูเฟิงอย่างเป็นทางการหลังจากนี้อีกพักหนึ่ง…”


 


ต้วนหลิงเทียนพูดต่อ


 


ตอนนี้ป๋ายลี่หง ฟงหวู่เต้าและสหายคนอื่นๆของเขามีที่อยู่เรียบร้อยดีแล้ว ไม่มีอะไรที่เขาต้องกังวลอีกต่อไป


 


ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำมีเพียงตามหาขุมพลังที่อยู่เบื้องหลังของหานเฉวี่ยไน่ให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้เจอกับ ลี่เฟย อีกครั้ง


 


เขาได้อยู่ในประเทศฝูเฟิงแห่งนี้มาพักหนึ่ง เขาย่อมได้ข้อมูลมาไม่น้อย และในที่สุดเขาก็คาดเดาได้กว่า 9 ส่วน ว่าขุมพลังเบื้องหลังของหานเฉวี่ยไน่ สมควรเป็นคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน อันเป็นขุมพลังชั้น 5!


 


เขาได้วางแผนเดินทางไปยังคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานเรียบร้อยแล้ว


 


พอได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน ซือถูฮ่าวและซือถูหังก็นิ่งไปไร้คำจะพูด เพราะทั้งคู่ต่างรู้ดีว่าสักวันต้วนหลิงเทียนก็ต้องจากไป…


 


“ท่านปรมาจารย์ต้วน ถึงท่านจำต้องไปจริงๆ แต่ก็มิเห็นต้องถอนตัวจากตระกูลซือถูของพวกเราเลย…”


 


ซือถูฮ่าวกล่าวออกมาเสียงอ่อน


 


“ผู้นำตระกูลซือถู เรื่องนี้ข้าตัดสินใจดีแล้ว ท่านไม่ต้องโน้มน้าวข้าอีก”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวพร้อมหัวเราะเบาๆ ในวาจาคล้ายจะกระจ่างในทุกสิ่งแล้ว


 


“อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ท่านออกแถลงการณ์เรื่องออกจากตระกูลซือถูของข้าแล้ว ข้ารบกวนให้ท่านช่วยประกาศอีกเรื่องหนึ่งให้ข้าด้วย แน่นอนครั้งนี้ท่านเพียงประกาศในนามของข้า ว่าข้าต้วนหลิงเทียนจะยอมรับคำท้าจากยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนด้วยตัวข้าเอง สำหรับวันประลองก็เอาที่มันสะดวกได้เลย…”


 


ต้วนหลิงเทียนมองกล่าวกับซือถูฮ่าว และวาจานี้ทำให้ทั้งพ่อทั้งลูกมึนตึ๊บทันที


 


อะไรนะ…ปรมาจารย์ต้วนคิดรับคำท้าประลองจากยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภา?


 


เรื่องนี้ทำให้ทั้งคู่ตกใจจนอื้ออึงแล้ว!


 


เพราะทันทีที่พวกมันได้ยินว่าต้วนหลิงเทียนให้ออกไปแถลงการณ์เรื่องออกจากตระกูลซือถู ไม่เป็นแขกกิตติมศักดิ์อีกต่อไป พวกมันคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะกระทำเพื่อหลบเลี่ยงการประลอง!


 


แต่มาตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แบบนั้นเสียแล้ว!


 


“ปรมาจารย์ต้วน…เรื่องนี้ท่านมั่นใจหรือ?”


 


ซือถูฮ่าวกล่าวถาม


 


“ถ้าไม่มั่นใจ ข้าจะยังรับคำท้ามันรึไง?”


 


ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ กระทั่งก่อนจะปิดด่านบ่มเพาะเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว เขายังไม่แยแสเรื่องจะประลองกับยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับตอนนี้!


 


“ท่านปรมาจารย์ต้วน…ในเมื่อท่านมั่นใจ เช่นนั้นใยท่านต้องออกจากตระกูลซือถูด้วยเล่า?”


 


ซือถูฮ่าวกล่าวถามออกมาอีกรอบ


 


“ผู้นำตระกูลซือถู รบกวนท่านเร่งแถลงการณ์ให้ข้าด้วย”


 


ต้วนหลิงเทียนส่ายหน้าเบาๆ และหลบเลี่ยงที่จะคุยถึงเรื่องนี้สืบต่อ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดเปลี่ยนใจ


 


เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนได้ตัดสินใจไปอย่างแน่วแน่แล้ว ซือถูฮ่าวก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งและไม่คิดจะเกลี้ยกล่อมอะไรอีก เพราะมันรู้ดีว่ากล่าวไปก็ไร้ประโยชน์


 


เห็นชัดว่าปรมาจารย์ต้วนของมัน ไม่ใช่คนใจโลเลเช้าอย่างค่ำอย่าง


 


ประเด็นร้อนที่พึ่งดังขึ้นมาเมื่อไม่นาน นับว่าทำให้ทั้งประเทศฝูเฟิงฮือฮากันใหญ่ ทว่าหลังจากนั้นไม่ทันไรก็มีอีกเรื่องมาทำให้ทุกคนถึงกับตื่นตาตื่นใจอีกครั้ง


 


ตระกูลซือถูได้ออกมาแถลงอย่างเป็นทางการ!


 


ปรมาจารย์ต้วน หรือต้วนหลิงเทียน ประกาศว่าจะออกจากตระกูลซือถู และไม่เป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูอีกต่อไป!


 


“อะไรกัน!? ปรมาจารย์ต้วนถึงขั้นให้ตระกูลซือถูออกมาแถลงการณ์เรื่องออกจากตระกูลเลยหรือ?”


 


“ดูเหมือนว่าที่แท้ก็จะมิได้ปิดด่านบ่มเพาะอยู่จริงๆ”


 


“ฮึ่ม ที่แท้ปรมาจารย์ต้วน ก็หวาดกลัวยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภางั้นเหรอ?”


 


“เรื่องนี้ยังไม่ชัดเจนหรือไร หากไม่กลัวไหนเลยจะตัดสินใจเช่นนี้…ไม่กี่วันที่ผ่านมาผู้คนก็เอาแต่พากันพูดเรื่องจวนอ๋องหรงด้อยกว่าจวนอ๋องเฉียนกันไม่หยุด”


 


“แต่พอปรมาจารย์ต้วนออกจากตระกูลซือถูและไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกับตระกูลซือถูอีกเช่นนี้…แน่นอนว่าคงไม่มีใครกล้ากล่าวอีกต่อไปว่าจวนอ๋องหรงด้อยกว่า”


 


“ดูเหมือนว่าที่แท้ตลอดเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา ต้วนหลิงเทียน เพียงแค่หวาดกลัวยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาแล้วจริงๆ…เฮ่อ! ข้าอุตส่าห์ยึดถือเขาเป็นแบบอย่าง มิคิดเลยว่าสุดท้ายก็จะหลบหนีเช่นนี้! น่าอดสูนัก!!”


 


“เจ้ามันอ่อนต่อโลกเกินไป!”


 


……


 


วาจาทำนองนี้ดังขึ้นไปทั่วประเทศฝูเฟิง


 


ทั้งหมดเพราะทุกคนล้วนคิดว่าการที่ต้วนหลิงเทียออกจากตระกูลซือถู เพราะหวาดกลัวไม่กล้าสู้กับยอดฝีมืออันดับ 1ในรายนามนภาของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน


 


แม้แต่คนในจวนอ๋องเฉียนก็คิดเช่นเดียวกัน


 


“มันประกาศถอนตัวออกจากตระกูลซือถูจริงๆ?”


 


หลังจากได้รับทราบข่าวนี้ อ๋องเฉียนอดไม่ได้ที่จะอึ้ง ไม่นานมันก็หันไปมองชายวัยกลางคนที่ยืนเหงื่อตกอยู่ข้างล่างทันที “ซือถูหมิง…นี่น่ะเหรอวิธีอันประเสริฐของเจ้า?”


 


ชายวัยกลางคนที่ยืนเหงื่อแตกพลั่กด้านล่างไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นซือถูหมิงเอง


 


เมื่อไม่กี่วันก่อน อ๋องเฉียนตัดสินใจให้อี้เฟิงเลิกเป็นธุระจัดการเรื่องนี้ และลองถามซือถูหมิงดูว่ามีวิธีอะไรหรือไม่ สุดท้ายเป็นซือถูหมิงกล่าวบอกว่ามีวิธีการอันประเสริฐที่สามารถบีบคั้นให้ต้วนหลิงเทียนออกมารับคำท้าได้!


 


ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ข่าวลือซุบซิบนินทาทั้งหลายในประเทศฝูเฟิง ก็เป็นมันจัดการให้คนไปพยายามกระจายข่าวลือออกไป


 


มันกระทำเช่นนี้ด้วยเหตุผลเดียวคือ…กดดันจวนอ๋องหรง!


 


แน่นอนว่าเมื่อจวนอ๋องหรงเริ่มนั่งไม่ติดที่ พวกมันก็ได้แต่ไปไล่บี้ตระกูลซือถูอีกที…ในสายตาของมันต้วนหลิงเทียน ก็แค่เบี้ยตัวเล็กๆสำหรับอ๋องหรง คงยากที่จะรอดพ้นไปได้…!


 


อย่างไรก็ตามมันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าหลังจากปล่อยข่าวลือไปไม่กี่วัน ต้วนหลิงเทียนก็ให้คนออกมาประกาศในนามตัวเองว่าจะถอนตัวออกจากตระกูลซือถูเสียอย่างนั้น!


 


เรื่องนี้แตกต่างจากที่มันจินตนาการเอาไว้โดยสิ้นเชิง!


 


ในสายตาของมัน ด้วยทิฐิของต้วนหลิงเทียน อีกฝ่ายต้องโผล่หัวออกมารับคำท้าแน่!


 


แต่ตอนนี้ดูท่ามันจะคิดผิดไปเสียแล้ว!


 


อี้เฟิงที่นั่งอยู่ฝั้งตรงข่ามซือถูหมิง กำลังมองซือถูหมิงด้วยสายตาเย้ยหยัน


 


ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา สถานการณ์ในเมืองหลวงของประเทศฝูเฟิงเริ่มเปลี่ยนไป มันเองก็ย่อมล่วงรู้ถึงเจตนาของซือถูหมิงดี นั่นทำให้ไม่พอใจเล็กน้อย


 


เหตุผลที่มันไม่พอใจก็เพราะวิธีของซือถูหมิงน่าจะได้ผล…แต่ตอนนี้พอมันพบว่าวิธีของซือถูหมิงก็คล้ายจะล้มเหลว มันก็อดไม่ได้ที่จะลอบยิ้มแสยะในใจ ‘ผู้ใดให้เจ้าคิดอยากเอาหน้าเรื่องนี้เล่า!’


 


“ซือถูหมิง เจ้ามิมีอะไรจะแก้ตัวแล้วหรือ?”


 


เมื่อเห็นซือถูหมิงยืนนิ่งเป็นไก่เสียบไม้ สายตาของอ๋องเฉียนก็ทวีความดุร้ายขึ้นมาไม่น้อย


 


“ท่านอ๋องเฉียน ข้ามิคิดเลยว่าเรื่องจะออกมาเป็นเช่นนี้ได้…”


 


ซือถูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะกล่าวออกด้วยรอยิ้มฝืนๆท่าทางขื่นขมนัก อย่างไรก็ตามไม่ทันที่มันจะทันได้กล่าวจบคำ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นซะก่อน “ท่านองค์ชาย 4 ข่าวดี! มีข่าวดีขอรับ!!”


 


ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในห้องโถงโดยไม่ได้รับอนุญาต


 


“บังอาจ! เจ้ามิรู้กฏหรือไร!?”


 


สีหน้าอ๋องเฉียนมืดดำลงปานจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก!


 


“องค์ชาย 4 โปรดอภัยให้ข้าน้อยด้วย! แต่ข่าวนี้นับเป็นเรื่องเร่งด่วนจริงๆ…เรียนองค์ชาย 4 เมื่อครู่ตระกูลซือถูได้กล่าวแถลงเพิ่มหลังจากที่กล่าวถึงเรื่องต้วนหลิงเทียนออกจากตระกูลซือถู ว่าต้วนหลิงเทียนยินดีรับคำท้าประลองในนามขอองตัวเองขอรับ!!”


 


ชายวัยกลางคนเร่งกล่าวออกมารวดเดียวจบ!


 


“ว่าอะไร!?”


 


พอได้ยินร่างอ๋องเฉียนถึงกับสะท้านขึ้นมาทันใด สีหน้ามืดมนมลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย ลูกตายังเรืองแสงสว่างออกมาวูบวาบ


 


“รับคำท้าประลองในนามของตัวเอง?”


 


ซือถูหมิงที่ยืนเหงื่อตกเมื่อครู่ พอได้ฟังวาจาประโยคนี้ของชายวัยกลางคนก็มีสีหน้าดีขึ้นทันตาเห็น!


 


ข่าวนี้นับว่ามาได้พอเหมาะนัก!


 


ไม่ว่าจะอ๋องเฉียนหรือซือถูหมิงล้วนยินดีกับข่าวนี้ทั้งสิ้น


 


หากจะถามว่ามีใครไม่พอใจ ก็เห็นทีจะมีแต่อี้เฟิงเท่านั้น


 


‘บัดซบ! ต้วนหลิงเทียนนั่นมันเสียสติไปแล้วหรือไร ไฉนถึงได้หาญกล้ารับคำท้าเช่นนี้!?’


 


หน้าอี้เฟิงกลายเป็นอักลักษณ์ปั้นยากนัก หากแต่จังหวะนี้ไม่มีใครคิดจะสนใจสีหน้าของมัน


 


“เร็วเข้า! รีบไปเชิญคุณชายหลินมาเดี๋ยวนี้!!”


 


อ๋องเฉียนกล่าวสั่งชายวัยกลางคนอย่างกระตือรือร้น


 


“รับด้วยเกล้า!”


 


ชายวัยกลางคนรับคำเสร็จก็เร่งจากไปทันที


 


ขณะเดียวกันข่าวเรื่องนี้ก็ได้แพร่ไปทั่วเมืองหลวงของประเทศฝูเฟิงในเวลาอันสั้น


 


เรียกว่ายังเป็นข่าวอันน่าตื่นเต้น สามารถกลบข่าวเด่นประเด็นร้อนก่อนหน้าได้อย่างหมดสิ้น


 


“ปรมาจารย์ต้วนกลับประกาศยอมรับคำท้าประลอง หลังจากถอนตัวออกจากตระกูลซือถูงั้นเหรอ!?”


 


สายตาของใครหลายๆคนถึงกับส่องแสงสว่างจ้าเมื่อได้ยิน


 


“ข้าว่าแล้วเชียว แบบอย่างอันดีของข้า มีหรือจะหวาดกลัวมิกล้าสู้คน!”


 


“เพ้ย! ข้าได้ยินว่าเมื่อครู่เจ้ายังดูถูกปรมาจารย์ต้วนอยู่เลยมิใช่หรือไร อะไรนะ? น่าอดสู? ไฉนเปลี่ยนท่าทีไวนักเล่า?”


 


“เหอะ! อย่าได้ใส่ร้ายข้านะ ข้าไปพูดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อใด ข้าจำมิเห็นได้!”


 


“ข้าได้ยินชัดสองหู…หากเจ้าแน่จริงสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าให้ฟ้าผ่าหัวเจ้าสิ กล้าหรือไม่?”


 


……


 


วาจาทำนองนี้ดังขึ้นไปทั่วเมืองหลวง


 


เพียงเวลาอันสั้นชื่อเสียงที่ดำดิ่งลงของต้วนหลิงเทียนก็พุ่งสูงขึ้นปานตกนรกแล้วทะยานขึ้นสวรรค์ในพริบตา!


 


ขณะเดียวกัน ทางตระกูลซือถูก็ตกเป็นจำเลยสังคม จำต้องแบกรับคำครหาต่างๆนาๆ


 


“เหอะ! ข้าว่ามิพ้นตระกูลซือถูต้องบีบคั้นกดดันท่านปรมาจารย์ต้วนให้ออกจากตระกูลแน่ๆ…ข้าล่ะอยากจะเห็นสีหน้าของพวกมันยามท่านปรมาจารย์ต้วนมีชัยนัก!!”


 


“ตระกูลซือถู! เสียแรงที่ข้าหลงชื่นชม ที่แท้ก็พวกเนรคุณคน! พวกมันลืมเลือนไปสิ้นแล้วหรือไร ว่าท่านปรมาจารย์ต้วนช่วยชีวิตคุณชายใหญ่ที่กำลังจะตายของพวกมันเอาไว้!?”



ตอนที่ 1,627 : ประลองเป็นตาย!


 


เมืองหลวงของประเทศฝูเฟิงกลับกลายเป็นคึกคักขึ้นมาทันตาเห็น เมื่อคำแถลงของตระกูลซือถูถูกประกาศออกมา


 


หัวข้อสนทนาที่ทุกคนกล่าวถึงก็เหลือเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น


 


เรียกว่าทันทีที่การท้าประลองจะมีขึ้นอย่างแน่นอน ก็ทำให้ทุกผู้คนต่างสนใจในเรื่องนี้ทั้งสิ้น!


 


หลินตงแม้จะไม่ใช่คนของประเทศฝูเฟิง แต่ผู้คนในประเทศฝูเฟิงล้วนได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของมันมานานแล้ว


 


หลินตงผู้นี้ เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะสุดยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน!


 


นั่นหมายความว่าหลินตงยังมีเกียรติยศสูงสุดอีกประการหนึ่ง นั่นคือมันเป็นยอดฝีมือในขอบเขตพลังสู่เซียนที่ร้ายกาจที่สุดในเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน!


 


ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะโด่งดังขึ้นมาในประเทศฝูเฟิงในเวลาไม่นาน และมีพลังฝีมือโดดเด่นไม่น้อย แต่นั่นก็แค่ในประเทศฝูเฟิงเท่านั้น..


 


เขาเป็นคนที่เอาชนะ แม่นางเฟิ่ง แห่งนิกายอัคคีล่องลอยได้!


 


ด้วยความที่ก่อนหน้านี้ แม่นางเฟิ่ง ได้รับการขนานนามว่าเป็นสุดยอดฝีมือขอบเขตสู่เซียนรวมถึงสุดยอดอัจฉริยะรุ่นเยาว์อันดับ 1 ในประเทศฝูเฟิง แถมตอนที่ยังไม่ได้แพ้พ่ายต่อต้วนหลิงเทียน ผู้คนยังคาดกันว่านางน่าจะมีพลังฝีมือสูงพอที่จะติด 10 อันดับแรกในรายนามนภาแล้วด้วยซ้ำ


 


ทว่าแม้นางจะร้ายกาจขนาดนั้นแต่ ต้วนหลิงเทียน ก็ยังสามารถมีชัยเหนือนางได้!


 


เช่นนั้นแล้วในสายตาของผู้คนทั้งประเทศฝูเฟิง การที่ต้วนหลิงเทียนจะติด 10 อันดับแรกในรายนามนภา ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไร!


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่งพอพวกมันได้รับทราบว่า หลินตง ผู้ที่มีอันดับสูงส่งในรายนามนภาถึงกับเดินทางมาท้าประลองต้วนหลิงเทียนที่มีอันดับในรายนามนภาแค่ 23 ถึงที่!


 


หลินตงคือผู้ใดน่ะหรือ?


 


นั่นคือ อันดับ 1 ในรายนามนภา!!


 


ต้วนหลิงเทียนนั้นรู้กันว่าแม้จะมีพลังฝีมือมากพอจะติด 10 อันดับแรกในรายนามนภาได้ แต่อย่างไรก็มิอาจปฏิเสTความจริงที่เขายังรั้งอยู่อันดับที่ 23 ได้เลย


 


ทว่าอันดับที่ 1 ในรายนามนภา กลับมาท้าอันดับที่ 23 ?!


 


เรื่องนี้นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเขตอิทธิพลคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนจริงๆ!


 


“ข้าสงสัยนักว่าการต่อสู้ระหว่างปรมาจารย์ต้วนกับหลินตงยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาจักเป็นเช่นไร!?”


 


“ตอนนี้ข้าเพียงหวังให้ทั้งคู่เลือกที่จะประลองอย่างเปิดเผย พวกเราจะได้ชมดูด้วยได้!”


 


“ถูกแล้ว! หากทั้งคู่ไปประลองกันในเขตวังหลวง พวกเราคงอดชมดู!”


 


……


 


ไม่นานกระแสของบทสนทนาของผู้คนก็เริ่มทวีความมืดมนลง นั่นเพราะต่างเป็นกังวลว่าทั้งคู่จะไปประลองกันในวังหลวงหรือไม่ แน่นอนว่าทั้งหลายอยากให้ทั้งคู่ประลองกันในที่สาธารณะมากกว่า


 


ณ โถงหลักจวนอ๋องเฉียน


 


“คุณชายหลิน …ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นนับว่าหยิ่งยะโสไม่น้อย! มันถึงกับบอกว่าท่านสะดวกวันใดก็นัดมาได้เลย…ว่าแต่ท่านคิดจะประลองกับมันวันใด รวมถึงท่านคิดประลองในที่สาธารณะหรือในวังหลวง? หากท่านเลือกประลองในวังจักมิมีผู้ชมมากวนใจ แต่ถ้าประลองด้านนอก น่ากลัวว่าจักมิใช่แค่คนในเมืองหลวง แต่ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศต้องแห่กันมาเป็นแน่!”


 


อ๋องเฉียนมองถามหลินตง ที่พึ่งมาถึง


 


“แน่นอนว่าต้องประลองกันด้านนอก”


 


หลินตงแสยะยิ้มเย้ย “ในเมื่อมันหาญกล้ารับคำท้าของข้า เช่นนั้นข้าก็จะทำให้มันขายขี้หน้าประชาชี!!”


 


“คุณชายหลิน ข้อตกลงของพวกเราคือท่านต้องฆ่ามัน…”


 


อ๋องเฉียนขมวดคิ้ว


 


“เรื่องนี้เจ้าวางใจได้ หลังจากที่ข้าทำให้มันอับอายขายหน้าผู้คนแล้ว ข้าจะฆ่ามันทันที และเอาแหวนพื้นที่มันมาให้เจ้า!”


 


หลินตงกล่าวออกเสียงเรียบ


 


ได้ยินวาจาประโยคนี้ของหลินตง อ๋องเฉียนค่อยวางใจ “คุณชายหลิน แล้วท่านคิดประลองวันใด?”


 


“พรุ่งนี้เลยแล้วกัน หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้วข้ายังต้องรีบกลับคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนอีก”


 


หลินตงกล่าว


 


“ดี!”


 


อ๋องเฉียนรับคำแข็งขัน ก่อนที่จะหันมองไปยังซือถูหมิง ที่นั่งอยู่บนโต๊ะด้านล่างทางขวา “รองผู้นำหมิง สำหรับสถานที่ประลองข้าจักมอบให้เจ้าเป็นคนจัดการ พอได้ที่แล้วมาแจ้งข้าด้วย เอาให้เสร็จก่อนบ่ายก็ดี”


 


“ผู้แซ่ซือถูน้อมรับคำสั่งอ๋องเฉียน!”


 


ซือถูหมิงเร่งตอบกลับเสียงดังฟังชัด หน้าตาหว่างคิ้วแผ่พุ่งไปด้วยความสุขความยินดี


 


ในตอนแรกที่มันออกจากตระกูลมาพึ่งใบบุญอ๋องเฉียน ทางด้านอ๋องเฉียนก็ไม่ได้ดูดีมันเท่าไหร่ นี่ทำให้มันกังวลใจไม่น้อยด้วยกลัวความสามารถของมันจะสูญเปล่า


 


อย่างไรก็ตามครั้งนี้ เพราะวิธีการจัดการเรื่องราวของมัน สามารถล่อต้วนหลิงเทียนให้ออกมารับคำท้าประลองได้สำเร็จ ย่อมนับเป็นความดีความชอบไม่น้อย ทำให้อ๋องเฉียนรู้สึกพึงพอใจ และเริ่มให้ความสำคัญถึงขั้นมอบหมายให้มันไปจัดการเรื่องราวสำคัญต่อทันที!


 


ส่วนอี้เฟิงที่นั่งอยู่อีกฝั่งยามนี้หน้ามันบูดดำราวก้นหม้อ!


 


อย่างไรก็ตามพอเห็นว่าอ๋องเฉียนหันมองมาที่มัน สีหน้าของมันก็กลับมาดูดีมีราศีอีกครั้ง


 


“อี้เฟิง เจ้าไปกระจายข่าวการประลองระหว่างปรมาจารย์ต้วนกับคุณชายหลินตงที่จะเกิดขึ้นพรุ่งนี้เสีย และทันทีที่เจ้าได้รับคำยืนยันเรื่องสถานที่จากรองผู้นำหมิง ก็ไปประกาศบอกสถานที่อีกรอบ! ให้ผู้คนล่วงรู้มากที่สุดว่าการประลองครั้งนี้จะจัดขึ้นนอกวังหลวง ผู้ใดอยากมาชมดูก็มาได้ตามอัธยาศัย!”


 


อ๋องเฉียนกล่าวสั่งอี้เฟิง


 


“รับด้วยเกล้า องค์ชาย 4!”


 


ถึงแม้ว่าอี้เฟิงจะขุ่นขึ้งใจเพราะงานง่ายๆแค่นี้เด็กน้อยที่ใดก็ทำได้แต่อ๋องเฉียนกลับเลือกให้มันทำ…


 


ส่วนเรื่องสำคัญๆ กลับให้ซือถูหมิงจัดการ!


 


อี้เฟิงย่อมตระหนักได้โดยพลัน ว่าตอนนี้ตำแหน่งในใจมันของอ๋องเฉียนนั้นมิอาจเทียบกับซือถูหมิงได้อีกแล้ว ‘ข้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้อีกต่อไปไม่ได้…ข้าต้องหาวิธีเพิ่มตำแหน่งในใจของอ๋องเฉียนให้ได้! บัดซบเอ๊ย! หากไม่ใช่เพราะอ๋องเฉียนบังคับให้ข้ากล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าเรื่องตราผนึกมาร ตอนนี้ข้าคงไม่ต้องอดทนอยู่ที่นี่อย่างกล้ำกลืนเช่นนี้!!’


 


ตอนนี้อี้เฟิงเริ่มบังเกิดความรู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว ที่เลือกแจ้งเรื่องตราผนึกมารให้อ๋องเฉียนรับทราบ


 


‘หากข้ารู้ว่าเรื่องราวมันจะกลับกลายเป็นเช่นนี้ มิสู้ข้าเอาเรื่องตราผนึกมารไปบอกคฤหาสน์หลิงหนานหยวนแต่แรก! ต้วนหลิงเทียนนั่นก็คงจะโดนจัดการได้งายดาย เรื่องราวก็คงมิบานปลายยืดเยื้ออะไร! อ๋องเฉียนสัญญาว่าจะให้ข้าฆ่าต้วนหลิงเทียนกับมือแท้ๆ แต่ตอนนี้เพราะเห็นแก่ตราผนึกมารถึงกับกลับคำ! กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำบิดาของมัน ระยำเอ๊ย!’


 


เรื่องสุดท้ายที่คิด นับว่าเป็นอะไรที่ทำให้อี้เฟิงเจ็บใจที่สุด!


 


ต้วนหลิงเทียนสังหารผู้อาวุโสสูงสุดของมันด้วยตราผนึกมาร และบีบคั้นให้มันต้องหนีเยี่ยงสุนัขหางจุกตูด กระทั่งทำให้นิกายหยินหมิงที่มันลงแรงมาค่อนชีวิตเหลือแต่ชื่อ! นี่คือความอัปยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของมัน!!


 


หากไม่ได้ฆ่าต้วนหลิงเทียนด้วยมือของตัวเอง ไฟแค้นในใจนี้ไหนเลยจะมีวันมอดดับลงได้!!!!


 


อนิจจายามนี้มันไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรสืบไป ด้วยเหตุนี้มันจึงเสียใจนักที่บอกเรื่องตราผนึกมารกับอ๋องเฉียน!


 


อนิจจาในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว และโลกหล้าก็โร้โอสถรักษาอาการเสียใจ อี้เฟิงก็จำต้องกล้ำกลืนฝืนทนยอมรับไปโดยสดุดี…


 


เมื่ออี้เฟิงออกไปกระจายข่าวเรื่องวันประลอง ผู้คนในเมืองหลวงของประเทศฝูเฟิงก็คึกคักขึ้นมาอีกครั้ง “การประลองจะมีขึ้นวันพรุ่งนี้ แถมจัดขึ้นนอกวังผู้ใดคิดมาชมดูก็ได้!?”


 


“ฮ่าๆๆๆ! ประเสริฐ! ประเสริฐยิ่ง!! ข้าคิดมากเกินไปแท้ๆ เรื่องใหญ่เช่นนี้มีหรือจะจัดในวังหลวง!”


 


“การประลองระหว่างปรมาจารย์ต้วนกับยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาต้องน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง! น่าเสียดายที่สถานที่ประลองจะประกาศให้ทราบกันบ่ายนี้ หาไม่แล้วข้าจะรีบไปจองที่เสียตั้งแต่ตอนนี้เลย!!”


 


……


 


ในขณะที่เมืองหลวงประเทศฝูเฟิงกำลังฮือฮากับนัดหมายประลองของต้วนหลิงเทียนกับหลินตงไม่หาย จวนอ๋องเฉียนยังประกาศข่าวอันน่าตื่นตระหนกออกมาอีกครั้ง!


 


“นอกจากนี้…การประลองระหว่างต้วนหลิงเทียนกับหลินตง จะเป็นการประลองเป็นตาย หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ตายตกไม่เลิกรา!!”


 


ทันทีที่ข่าวนี้ถูกประกาศออกมา เมืองหลวงประเทศฝูเฟิงก็ถึงกับต้องเงียบงันไปปานเมืองร้างไร้ผู้คนพักหนึ่ง


 


ประลองเป็นตาย?


 


ทุกผู้คนล้วนตะลึงงันกับคำ 3 คำนี้นัก!


 


พวกมันไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่ายอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน กลับต้องการประลองเป็นตายกับปรมาจารย์ต้วนของพวกมัน!!



ตอนที่ 1,628 : บังเอิญแท้…


 


ประลองเป็นตาย ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ตายไม่เลิกรา!!


 


“สวรรค์! ที่แท้ยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาของคฤหาสน์หลิงหนานหยวน หลินตง ผู้นี้ มีอันใดไม่พอใจในตัวท่านปรมาจารย์ต้วนกัน!?”


 


“มิใช่ว่าที่ประกาศท้าทายท่านปรมาจารย์ต้วนครั้งสุดท้าย ก็มิได้กล่าวถึงเรื่องประลองเป็นตายเลยหรอกหรือ…ตอนนี้ไม่รู้ท่านปรมาจารย์ต้วนจะรู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้วหรือไม่?”


 


“นี่มันจักโหดร้ายกันเกินไปแล้ว! ผู้คนสู้กันเพียงให้รู้สูงต่ำก็พอ ใยต้องฆ่าแกงกันด้วยเล่า?”


 


……


 


เมื่อมีบางคนคืนสติจากอาการตะลึงหลังได้รับทราบประกาศที่จัตุรัสกลางเมือง พวกมันก็เริ่มโพล่งออกมา และนั่นเสมือนจุดชนวนบทสนทนาทันที


 


หลายคนเริ่มกังวลว่าต้วนหลิงเทียนยังจะมาประลองด้วยหรือไม่? เพราะอยู่ๆอีกฝ่ายกลับมาบอกว่าการประลองพรุ่งนี้จะเป็นการประลองเป็นตาย ไม่มีศพไม่เลิกราเช่นนี้!!


 


การประลองเป็นตาย ก็คือการประลองด้วยชีวิต!


 


และนั่นไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแม้แต่น้อย!


 


คนเรานั้นมีเพียงหนึ่งชีวิตเท่านั้น หากตายก็จบสิ้นกันแล้ว!


 


หากไร้ซึ่งความเคียดแค้นชิงชังจริงๆ ใยต้องกระทำถึงขั้นนี้?


 


ไม่นานบทสนทนาของเมืองหลวงประเทศฝูเฟิงก็เริ่มเปลี่ยนประเด็นไปอีกครั้ง


 


“ประลองเป็นตาย…ตอนแรกท่านปรมาจารย์ต้วนมิรู้ด้วยซ้ำว่าจะประลองกันด้วยกฏนี้ แล้วนี่ท่านปรมาจารย์ต้วนจะยังเข้าร่วมประลองกับหลินตงในวันพรุ่งนี้อยู่หรือไม่?”


 


“หากข้าเป็นท่านปรมาจารย์ต้วน ข้าคงมิกล้ามาหรอก…ลองอีกฝ่ายกล้าประกาศให้เป็นการประลองเป็นตายเช่นนี้ นั่นหมายความว่าย่อมมั่นใจในพลังฝีมือมาก หาไม่แล้วยังจะกล้าล้อเล่นกับชีวิตหรือ?”


 


“พลังฝีมือของปรมาจารย์ต้วนแน่นอนว่าย่อมแข็งแกร่ง แต่ข้าเกรงว่าอาจจะยังเทียบกับหลินตงมิได้…อย่างไรหลินตงก็เป็นอันดับ 1 ในรายนามนภา แถมยังถูกขนานนามว่าเป็นสู่เซียนที่แข็งแกร่งที่สุดในเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน! เรียกว่าในเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน…มันไร้พ่ายใต้ขอบเขตเซียน!!”


 


……


 


ผู้คนจำนวนมากรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนน่าจะหนีการประลองครั้งนี้ กระทั่งอาจจะหลบหนีไปจากประเทศฝูเฟิงทันทีที่รู้ว่าการประลองพรุ่งนี้เป็นการประลองเป็นตาย!


 


“ประลองเป็นตาย!?”


 


ในตระกูลซือถู ผู้ที่ล่วงรู้ข่าวคนแรกกลับเป็นซือถูฮ่าว!


 


“มีเรื่องบาดหมางแค้นเคืองอันใดกันแน่ ใยหลินตงนั่นถึงต้องท้าประลองเป็นตายกับท่านปรมาจารย์ต้วนเช่นนี้..เห็นได้ชัดว่ามันคิดฆ่าท่านปรมาจารย์ต้วนชัดๆ!!”


 


ใบหน้าซือถูฮ่าวกลายเป็นบิดเบี้ยวไม่น้อย


 


แต่เดิมที่ต้วนหลิงเทียนเลือกออกจากตระกูลซือถู ก็ทำให้มันรู้สึกผิดมากอยู่แล้ว


 


ตอนนี้พอมาได้ยินเรื่องที่หลินตงอยากประลองเป็นตายกับต้วนหลิงเทียน ปฏิกิริยาแรกของมันก็คือกังวล มันวิตกเกี่ยวกับความปลอดภัยของต้วนหลิงเทียนนัก!


 


ท่ายที่สุดแล้วการประลองเป็นตาย ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาล้อเล่นกันได้!


 


สองตาซือถูฮ่าวที่มารอฟังข่าวที่จัตุรัสทอประกายสว่างวาบ มันเร่งกลับไปยังคฤหาสน์ของซือถูหังทันที


 


ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะประกาศออกจากตระกูลซือถู และไม่ได้เป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ไม่คิดจะออกจากตระกูลซือถูก่อนจะถึงวันที่ต้องจากประเทศฝูเฟิง


 


“ท่านปรมาจารย์ต้วน มิทราบท่านเคยมีเรื่องบาดหมางอันใดกับหลินตงหรือไม่?”


 


ซือถูฮ่าวที่เร่งรุดกลับมา พอพบต้วนหลิงเทียนก็เปิดประตูเห็นภูผาถามออกทันที


 


“ไม่มีนะ กระทั่งหน้ามันข้ายังไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำ”


 


ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “ข้าพึ่งเคยได้ยินนามของมันก็ตอนมาถึงประเทศฝูเฟิงได้ไม่นาน ข้ารู้ว่ามันคืออันดับ 1 ในรายนามนภา อีกทั้งยังเป็นผู้สืบทอดของตระกูลหลิน ที่เป็นตระกูลบริวารของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน และเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ในขอบเขตสู่เซียน”


 


“ว่าแต่ผู้นำตระกูลซือถู ไฉนอยู่ๆท่านถึงมาถามข้าเรื่องนี้เล่า?”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบ ก็โค้งคิ้วถามกลับด้วยความสงสัย


 


“นี่มัน…มิสมเหตุสมผลเลย”


 


หลังจากที่ได้ยินคำถามทั้งใบหน้าสงสัยของต้วนหลิงเทียน ซือถูฮ่าวก็ขมวดคิ้วเป็นปมด้วยไม่เข้าใจว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่…


 


“ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?”


 


ซือถูหังกล่าวถามออกมาทันที


 


“เมื่อครู่ ทางจวนอ๋องเฉียนพึ่งประกาศเรื่องราวออกมาอีกเรื่องหนึ่ง การประลองระหว่างหลินตงกับท่านปรมาจารย์ต้วนพรุ่งนี้…จะเป็นการประลองเป็นตาย!”


 


ซือถูฮ่าวมองต้วนหลิงเทียน กล่าวออกมาชัดถ้อยชัดคำ


 


การประลองเป็นตาย!


 


หน้าซือถูหังเปลี่ยนไปมหันต์ทันใด “อะไรกัน! หลินตงนั่นมันคิดเอาชีวิตท่านปรมาจารย์ต้วนงั้นเหรอ!?”


 


ประลองเป็นตาย!


 


การประลองจะไม่สิ้นสุด หากไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายตก!


 


“การประลองเป็นตายงั้นเหรอ?”


 


พอได้ยินคำบอกของซือถูฮ่าว สองตาต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะทอประกายเรืองวูบขึ้นมา ลึกลงไปในแววตายังเผยความเย็นชาให้เห็น


 


ข่าวนี้นับว่าทำให้เขาตกใจเช่นกัน


 


“หากท่านปรมาจารย์ต้วนมิเคยรู้จักกับหลินตงมาก่อนเช่นนี้…ก็มีความเป็นไปได้ประการเดียว จวนอ๋องเฉียนอยากให้ท่านปรมาจารย์ต้วนตกตาย!”


 


ในฐานะที่เป็นผู้นำของตระกูลซือถู ไหวพริบปฏิภาณของซือถูฮ่าวย่อมไม่ใช่ชั่ว เพียงปราดเดียวก็มองเจตนาออก


 


“แล้วทำไมจวนอ๋องเฉียนต้องอยากฆ่าท่านปรมาจารย์ต้วนด้วยเล่า?”


 


แต่เรื่องนี้ซือถูฮ่าวยังไม่อาจขบคิดได้แตก


 


ซือถูหังเองก็อื้ออึงไปไม่ต่าง


 


ดูเหมือนต้วนหลิงเทียนจะเป็นคนเดียวที่ไม่ได้แปลกใจอะไร ยังคงสงบนิ่งไม่นำพา


 


แรงบันดาลใจจวนอ๋องเฉียนคืออะไร ไหนเลยเขายังไม่รู้? ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะ ‘ตราผนึกมาร’ แน่แท้ ‘พวกมันถึงกับไปตามตัวหลินตงยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนเพื่อมาฆ่าข้าเลยงั้นเหรอ…จวนอ๋องนับว่าหน้าใหญ่ใจป้ำไม่เบา!’


 


“ข้ารู้”


 


ตอนนี้เองพลันมีเสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านนอก เป็น ซือถูโฮ่ว อาวุโสสูงสุดของตระกูลซือถู


 


“ท่านปู่โฮ่ว ท่านรู้หรือว่าไฉนอ๋องเฉียนถึงอยากให้ท่านปรมาจารย์ต้วนตาย?”


 


ทันใดนั้นสองตาซือถูหังพลันเรืองสว่างขึ้นมา


 


จังหวะนี้ทั้งซือถูโฮ่วและต้วนหลิงเทียนเองก็หันไปมองซือถูโฮ่วด้วยความสนใจ


 


ซือถูฮ่าวเผยสีหน้าสงสัยด้วยไม่เข้าใจ


 


ส่วนต้วนหลิงเทียนนั้นขมวดคิ้วทั้งลอบวิตกในใจ ‘อย่าได้บอกข้าเชียวว่าเรื่องตราผนึกมารในมือข้ามันรั่วไหลออกมาแล้ว ถึงขั้นที่อาวุโสสูงสุดของตระกูลซือถูยังล่วงรู้ได้?’


 


อย่างไรก็ตามพอซือถูโฮ่วกล่าวบอกเหตุผลออกมา ต้วนหลิงเทียนก็รู้ได้ทันทีว่าเขาคิดมากไปเอง


 


แต่ทว่าเขากลับไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าใต้หล้ายังจะมีเรื่องบังเอิญพรรค์นี้ได้!


 


จากวาจาที่ซือถูโฮ่วกล่าวบอก ดูเหมือนเรื่องที่อ๋องเฉียนคิดฆ่าเขาจะเป็นเพราะอีกฝ่ายต้องการชดใช้บุญคุณ ของคนผู้หนึ่งที่มันเคยติดค้างไว้ในอดีต!


 


คนผู้นั้นที่ว่าเคยทำงานรับใช้จวนอ๋องเฉียนอยู่พักหนึ่ง แต่ทว่าหลังเกิดเรื่องราวจนมีบุญคุณกับอ๋องเฉียน มันก็เลือกออกจากจวนอ๋อง ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ชายแดนตอนใต้ สร้างกลุ่มโจรเล็กๆขึ้นมากับพี่น้องร่วมสาบาน…


 


ทว่าเมื่อครึ่งปีที่แล้วน้องร่วมสาบานของอีกฝ่ายกลับถูกยอดฝีมือลึกลับฆ่าตาย!


 


ด้วยพลังฝีมือของยอดฝีมือลึกลับผู้นั้น มันรู้ตัวดีว่าไม่มีปัญญาล้างแค้นให้พี่น้อง จึงรอนแรมเดินทางหวนคืนสู่เมืองหลวงอีกครั้ง เพื่อทวงหนี้บุญคุณจากอ๋องเฉียน!


 


และมันต้องการให้อ๋องเฉียนฆ่ายอดฝีมือลึกลับผู้นั้นเป็นการตอบแทนหนี้บุญคุณ!


 


ยอดฝีมือลึกลับนั่นไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นต้วนหลิงเทียนเอง!


 


“เป็นพี่น้องของเจ้านั่นงั้นเหรอ…”


 


พอซือถูโฮ่วเล่าออกมา ต้วนหลิงเทียนก็นึกย้อนไปในความทรงจำ และไม่นานก็นึกถึงเรื่องราวที่เขาเดินทางมาถึงประเทศฝูเฟิงใหม่ๆได้


 


ตอนนั้นกลุ่มโจรโดยมีเฉินเหล่าซันนำมา ได้มาเรียกเก็บค่าคุ้มครองจากหมู่บ้านที่เขาบังเอิญผ่านไปถามทาง แต่สุดท้ายพวกมันก็ถูกเขาฆ่ายกก๊วน


 


หลังจากเขาฆ่าพวกมันไปแล้วก็ไม่ได้คิดจะเสียเวลากำจัดศพแต่อย่างใด


 


เพราะเขารู้สึกว่าลำพังกลุ่มโจรตามแนวชายแดน มันช่างไร้สำคัญเกินกว่าจะเป็นภัยคุกคามอะไรเขาได้!


 


‘ไม่คิดเลยว่าเฉินเหล่าซันนั่นมันจะเป็นพี่น้องร่วมสาบานอะไรกับคนที่มีบุญคุณกับอ๋องเฉียนซะได้’


 


จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะลอบระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน ‘ให้มันได้ยังงี้สิ…ดูเหมือนหลังจากนี้แม้จะเป็นมด ข้าก็ต้องเก็บงานให้เรียบร้อย ไม่อาจดูแคลนใครได้อีก…’


 


“ที่แท้กลับเป็นเช่นนี้!”


 


หลังจากฟังเรื่องราวจากซือถูโฮ่ว ซือถูฮ่าวกับซือถูหังก็เข้าใจได้ทันที



ตอนที่ 1,629 : ประลองที่เขาเป่ยหมัง


 


อันที่จริงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนคิดในวันนั้นก็นับเป็นเรื่องราวอันปกตินัก คนเรายามบี้มดยังมีผู้ใดว่างจัดถึงขั้นทำลายศพมันซ้ำด้วยหรือ?


 


เพราะสุดท้ายแล้วกลุ่มโจรนั่นมันก็แค่ขุมพลังชั้น 8 เท่านั้น ซึ่งไม่ได้เป็นภัยคุกคามอะไรต้วนหลิงเทียนสักกะผีกเดียว…เรียกว่าต่อให้มันยกกันมาสักร้อยกลุ่มโจร ก็ไม่อาจทำอะไรเขาในวันนั้นได้เลย


 


ต้วนหลิงเทียนแค่บังเอิญไปเจอกลุ่มโจรที่มีสายสัมพันธ์กับจวนอ๋องก็เท่านั้น


 


แต่เรื่องนี้ก็นับว่าทำให้เขาพูดไม่ออกอยู่บ้าง


 


อย่างไรก็ตามแม้เขาไม่มีคำจะพูด แต่ก็ไม่ได้เสียใจแม้แต่นิดเดียว!


 


เพราะสุดท้ายแล้วอ๋องเฉียนมันก็ไม่ได้มุ่งเป้ามาที่เรื่องนี้จริงจังอะไร มันกลับหวังในตราผนึกมารที่อยู่ในมือเขามากกว่า!


 


‘คิดเอาตราผนึกมารจากมือข้า ก็ต้องดูด้วยว่าเบี้ยที่เจ้าส่งมามันร้ายกาจพอจะมีปัญญาชิงตราผนึกมารไปจากข้าได้รึเปล่า!’


 


ลึกลงไปในแววตาต้วนหลิงเทียนเผยสายตาเย้ยหยันเล็กน้อย


 


แน่นอนว่าสายตาเย้ยหยันนี้ พวกซือถูฮ่าวทั้ง 3 ไม่ทันสังเกตเห็น


 


“ท่านปรมาจารย์ต้วน ดูท่าคราวนี้อ๋องเฉียนจงใจสังหารท่านแน่แล้ว…หรือท่านจักหนีออกจากประเทศฝูเฟิงเลยดี?”


 


ซือถูหังมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยความเป็นกังวล


 


ต้วนหลิงเทียนเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตมันเอาไว้ เป็นธรรมชาติที่มันไม่อยากให้ต้วนหลิงเทียนต้องประสบภัย ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะเผยความมั่นใจในการประลองกับหลินตง แต่มันก็ไม่เชื่อว่าต้วนหลิงเทียนจะเป็นคู่ต่อสู้ของหลินตงได้!


 


เพราะสุดท้ายแล้ว หลินตง นั่นมันก็คืออันดับ 1 ในรายนามนภาของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน!


 


รายนามนภานั้น มีประวัติศาสตร์ในเขตอิทธิพลคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนมาอย่างยาวนาน ย่อมมีผลกระทบกับจิตใจผู้คนในเขตใหญ่หลวง!


 


“ถูกแล้วท่านปรมาจารย์ต้วน”


 


ซือถูฮ่าวเร่งกล่าวเสริมเพื่อเกลี้ยกล่อมอีกทาง “เห็นได้ชัดว่าแต่แรกอ๋องเฉียนเลือกที่จะปกปิดเจตนาร้ายนี้เอาไว้ พอท่านรับคำท้าประลอง มันถึงค่อยเปิดเผยเรื่องนี้ออกมา! หากท่านรับประลองกับมันเมื่อครึ่งปีที่แล้วนับว่ามิเป็นใด..แต่ทว่าตอนนี้แม้มันจะยังไม่ทะลวงขอบเขตเซียน แต่ก็จวนเจียนเต็มที!”


 


“ปรมาจารย์ต้วน ท่านหนีไปเถอะ”


 


ซือถูโฮ่วก็ช่วยโน้มน้าวอีกคน


 


“ทั้ง 3 ไม่ต้องกล่าวแล้ว”


 


เผชิญหน้ากับการเกลี้ยกล่อมโน้มน้าวจากทั้ง 3 ต้วนหลิงเทียนก็ซาบซึ้งไม่น้อย แต่เขาก็ส่ายหัวไปมาเพื่อปฏิเสธทั้ง 3 “ในเมื่อมันอยากประลองเป็นตายนัก งั้นข้าก็จะประลองเป็นตายกับมัน! หากข้าเลือกที่จะถอยหนีน่ากลัวว่าจะทำให้ข้ามีปมในใจ อีกทั้งปมในใจที่ว่าย่อมส่งผลกระทบต่อวิถียุทธ์ของข้าในวันหน้าอย่างลึกซึ้งแน่”


 


“ดังนั้นข้าไม่คิดหลีกเลี่ยงการต่อสู้ครั้งนี้! หากมันอยากประลองก็ประลอง! หากมันอยากประลองเป็นตายก็ให้มันประลองเป็นตาย!!”


 


ตอนนี้เองจิตต่อสู้อันเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งพลันแผ่พุ่งออกมาจากทั่วร่างของต้วนหลิงเทียน


 


จิตต่อสู้เข้มแข็ง ตัวคนไม่พ่าย!


 


เห็นฉากนี้ซือถูฮ่าว ซือถูหัง และซือถูโฮ่วได้แต่หันมองสบตากันด้วยรอยยิ้มขื่นขม


 


ถึงแม้พวกมันไม่อยากเห็นต้วนหลิงเทียนไปเสี่ยงตาย แต่เมื่อเห็นซึ้งถึงจิตต่อสู้อันเด็ดเดี่ยวทระนงของต้วนหลิงเทียน พวกมันก็รู้ดีว่ายากที่จะเปลี่ยนใจเขาได้


 


ตอนนี้พวกมันทำได้แค่หวังให้การประลองวันพรุ่ง ต้วนหลิงเทียนแคล้วคลาดปลอดภัย


 


เวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างช้าๆ


 


ช่วงบ่ายก็มีข่าวประกาศออกมาจากจวนอ๋องเฉียนอีกครั้ง เป็นการประกาศยืนยันถึงสถานที่จะมีการประลองเป็นตายระหว่างหลินตงกับต้วนหลิงเทียน รวมถึงเวลาที่แน่นอน “เที่ยงตรง ยอดเขาเป่ยหมัง”


 


“ยอดเขาเป่ยหมัง”


 


ไม่นานผู้คนในเมืองหลวงของประเทศฝูเฟิงก็ได้รับทราบข่าว หยกสื่อสารถูกใช้กันทั้งเมืองหลวง เส้นแสงหลากหลายพวยพุ่งแยกย้ายกันไปทั่วสารทิศ


 


ไม่นานเหล่าผู้ฝึกตนไม่ว่าจะยุทธ์หรือเต๋าก็เร่งรุดเดินทางไปยังเขาเป่ยหมังกันจ้าละหวั่น


 


“เพ้ย! ไอ้อ้วนวิ่งเร็วๆเข้า! ขืนชักช้า เดี๋ยวก็มิมีทั่งนั่งชมดีๆกันพอดี! ข้ามิอยากพลาดชมการประลองตอนเที่ยงวันพรุ่งหรอกนะ!!”


 


“คืนนี้ข้าจะนอนมันเสียที่เขาเป่ยหมังนั่นล่ะ หาไม่แล้วเที่ยงวันพรุ่งข้าคงต้องเหาะดูชม”


 


……


 


ผู้คนจากทั่วสารทิศเร่งรุดเดินทางไปยังเขาเป่ยหมังกันหน้าตั้งตาตื่น


 


เรียกว่าค่ำคืนก่อนวันประลอง เขาเป่ยหมังก็คาคั่งไปด้วยผู้คนเสียแล้ว ความซวยก็ตกไปอยู่ที่สัตว์ร้ายทั้งหลาย ที่ต้องกลายเป็นเสบียง…


 


จวนอ๋องเฉียน


 


“เจอตัวมันแล้ว!?”


 


อดีตสารถีของจวนอ๋องเฉียน เยี่ยมู่ไป๋ และหัวหน้ากลุ่มโจรในชายแดนตอนใต้ของประเทศฝูเฟิงถึงกับสองตาลุกวาวขึ้นมาทันที เมื่อข้ารับใช้คนหนึ่งของอ๋องเฉียนมาแจ้งว่าค้นพบยอดฝีมือลึกลับที่สังหารน้องสามของมันแล้ว


 


“ต้วนหลิงเทียน? แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู? ทั้งกำลังจะประลองเป็นตายกับหลินตง?”


 


พอมันได้ทราบว่ายอดฝีมือลึกลับคนนั้นคือต้วนหลิงเทียน สองตามันก็หดเล็กลงโดยพลัน


 


เป็นธรรมดาที่มันจะไม่หลงลืมการหาข่าวสารแม้จะมาอยู่ในจวนอ๋อง


 


ต้วนหลิงเทียน เป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่พึ่งผงาดขึ้นมาในประเทศฝูเฟิงในเวลาไม่นาน เพราะอีกฝ่ายเอาชนะแม่นางเฟิ่งชิงอันดับในรายนามนภามาได้ จึงกลายเป็นมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว


 


เมื่อไม่นานมานี้มันยังได้รับทราบข่าวคราวเรื่องที่หลินตงเดินทางมาท้าประลองต้วนหลิงเทียนเช่นกัน และในที่สุดก็จะมีการประลองเป็นตายในวันพรุ่งนี้!


 


มันเองก็ตั้งใจออกไปชมดูเรื่องราว เพื่อความบันเทิงใจเช่นกัน!


 


อย่างไรก็ตามมันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าข่าวที่ข้ารับใช้ของอ๋องเฉียนนำมาแจ้งวันนี้จะเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อนัก! ที่แท้ยอดฝีมือลึกลับที่สังหารน้องสามของมันที่ชายแดน กลับเป็นต้วนหลิงเทียนนี่เอง!!


 


‘โชคดีนักที่ข้ามาหาองค์ชาย 4…หาไม่แล้วข้าไม่มีวันทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้เลย’


 


คิดถึงเรื่องนี้ เยี่ยมู่ไป๋คิดว่าตัวเองโชคดีเหลือเกิน


 


ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะประกาศออกจากตระกูลซือถูและไม่มีตำแหน่งแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูอีกต่อไป ทว่าลำพังแค่พลังฝีมือส่วนตัวของต้วนหลิงเทียน ก็มากพอจะฆ่ามันให้ตายเป็นร้อยรอบ!


 


‘ตอนแรกข้ายังไม่เข้าใจว่าไฉนหลินตงที่เป็นอันดับ 1 ในรายนามนภาถึงเดินทางมาไกลเพื่อท้าทายต้วนหลิงเทียนที่มีอันดับ 23 ในรายนามนภา…แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทั้งหมดจะเป็นเพราะองค์ชาย 4 สืบรู้ว่าคนร้ายเป็นต้วนหลิงเทียน แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู…แถมอีกฝ่ายช่วยชีวิตคุณชายใหญ่ไว้ จึงมิใช่เรื่องง่ายที่องค์ชาย 4 จักลงมือ’


 


ความคิดในหัวเยี่ยมู่ไป๋โลดแล่นไปเรื่อย สุดท้ายในใจก็คล้ายกระจ่าง ‘สุดท้ายด้วยสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย องค์ชาย 4 ถึงขั้นไปเชื้อเชิญ หลินตง เพื่อมาฆ่าต้วนหลิงเทียนโดยเฉพาะ!!’


 


มันรับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนการประลองเป็นตายระหว่างหลินตงกับต้วนหลิงเทียนพรุ่งนี้ดี จึงรู้ว่าอ๋องเฉียนจงใจเผยการประลองเป็นตายออกมาก่อนประลอง!


 


‘มิคิดเลยว่ากระทั่งข้าจากไปหลายปีดีดักแล้ว แต่องค์ชาย 4 ยังคงใส่ใจข้า…เพื่อตอบแทนบุญคุณข้า องค์ชาย 4 ถึงขั้นเชิญหลินตงผู้นี้มาฆ่าต้วนหลิงเทียนนั่นได้! มิรู้ว่าองค์ชาย 4 ต้องจ่ายราคาออกไปมากมายถึงปานใดจึงสามารถเชื้อเชิญยอดฝีมือระดับนี้มาได้…’


 


ตอนนี้ในใจเยี่ยมู่ไป๋เต็มไปด้วยความซาบซึ้งตื้นตัน สองตายังคลอไปด้วยน้ำตา


 


แน่นอนว่านี่เพราะเยี่ยมู่ไป๋ไม่รู้ความจริง


 


หากมันรู้ความจริงมันคงไม่คิดอะไรแบบนี้


 


อ๋องเฉียนยินดีจ่ายออกด้วยราคามหาศาลจ้างหลินตงมาเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะตราผนึกมารที่อยู่ในการครอบครองของต้วนหลิงเทียนทั้งสิ้น! ส่วนบุญคุณของมันอ๋องเฉียนแทบไม่ใส่ใจด้วยซ้ำ!!


 


อย่างไรก็ตาม ใต้หล้าบางครั้งกลับมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้ได้ ในเมื่อต้วนหลิงเทียนก็เป็นเป้าหมายที่เยี่ยมู่ไป๋อยากให้ฆ่า อ๋องเฉียนจึงผลักเรือตามกระแสน้ำ สมอ้างไปทันที…


 


แม้ว่าคนอย่างเยี่ยมู่ไป๋มันต้อยต่ำเกินกว่าที่อ๋องเฉียนจะมาจริงจังอะไรกับการตอบแทนบุญคุณ แต่เพื่อแสดงให้เห็นผู้คนใต้อาณัติของมันรับทราบถึงความใจกว้าง มันจึงให้คนไปกระจายเรื่องราวทั้งมาแจ้งเยี่ยมู่ไป๋อย่างเปิดเผย ปล่อยให้เยี่ยมู่ไป๋ไปดูว่าพรุ่งนี้ต้วนหลิงเทียนจะตายอย่างไร!


 


“น้องสาม…เจ้ารอก่อนเถอะ พรุ่งนี้คนที่ฆ่าเจ้ามันก็จะตกตายแล้ว…พี่ใหญ่ไม่เอาไหน! ไร้สามารถล้างแค้นให้เจ้าด้วยตัวเอง! หากแต่องค์ชาย 4 กำลังจะล้างแค้นให้เจ้าแทนพี่ใหญ่แล้ว!!”


 


ขณะที่กล่าวพึมพำ ใจของเยี่ยมู่ไป๋ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น


 


ณ โถงหลักของจวนอ๋องหรง


 


“ต้วนหลิงเทียนที่แท้เป็นใครกันแน่? ตอนที่มันประกาศออกจากตระกูลซือถูและถอนตัวจากตำแหน่งแขกกิตติมศักดิ์ ข้าหลงคิดว่าเป็นเพราะตระกูลซือถูกดดันมันเสียอีก…แต่ในเมื่อมันยังรับคำท้าประลองของหลินตงเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้คิดหนีหลินตงตั้งแต่แรก!”


 


ชายวัยกลางคนที่แต่งตัวคล้ายบัณฑิตพึมพำด้วยสงสัย คิ้วยังยกขึ้นยู่หดเป็นปม


 


แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู ต้วนหลิงเทียน แม้มันจะไม่เคยพบเจอตัว แต่มันก็เคยได้ยินนามนี้มาไม่น้อย


 


อย่างไรก็ตามมาตอนนี้มันมีความรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้ กลับเป็นตัวตนที่ลึกลับนัก


 


“องค์ชายรอง จวนอ๋องเฉียนพึ่งประกาศในภายหลังว่าการประลองในวันพรุ่งนี้จะเป็นการประลองเป็นตาย พวกเราต้องยังรอดูว่าต้วนหลิงเทียนจะปรากฏตัวออกมาหรือไม่…หากประลองธรรมดาคนอาจมา แต่พอเป็นการประลองเป็นตายเรื่องราวก็ไม่แน่แล้ว”


 


ชายชราคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังอ๋องหรงกล่าวออก


 


“มิผิด ถึงแม้พลังฝีมือของผู้แซ่ต้วนจักมิธรรมดา ยังถึงกับมากพรสวรรค์อย่างร้ายกาจ แต่ก็นับว่ายังอ่อนด้อยอยู่บ้างเมื่อเทียบกับหลินตง…ข้ามิเข้าใจเลยจริงๆ ว่าไฉนน้องสี่ต้องกระทำเรื่องราวใหญ่โต ถึงขั้นเชิญหลินตง อันดับ 1 ในรายนามนภาจากคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนมาจัดการต้วนหลิงเทียนแบบนี้”


 


อ๋องหรงส่ายหัวไปมาด้วยไม่เข้าใจ มันยังคิดว่าครั้งนี้อ๋องเฉียนประเมินต้วนหลิงเทียนสูงเกินไป


 


“องค์ชายรอง นอกจากพลังฝีมือไม่ธรรมดา ต้วนหลิงเทียนคนนี้ยังมีความสัมพันธ์กับนิกายอัคคีล่องลอยอีกด้วย…แม่นางเฟิ่งนิกายอัคคีล่องลอยคนนั้น…เห็นว่านางมีใจให้ต้วนหลิงเทียน! บางทีคงเป็นเพราะอ๋องเฉียนหวาดกลัวนิกายอัคคีล่องลอย จึงมิกล้าลงมือวู่วาม”


 


ชายชรายังคงกล่าวสืบต่อ “แถมจะอย่างไรก่อนหน้านี้ต้วนหลิงเทียนก็เป็นคนของตระกูลซือถู นับว่าเป็นคนของฝ่ายพวกเราเช่นกัน…อ๋องเฉวียนก็จำต้องระวังในเรื่องนี้ กระทั่งยังคิดตีชิงตามไฟ อาศัยสภาวะเรื่องราวหนุนเสริมบารมี”


 


“อืม สมควรเป็นเช่นนั้น”


 


อ๋องหรงพยักหน้า “ถึงแม้ลำพังตัวมันเองจะโง่งม แต่มันก็มีคนมากความสามารถอยู่ข้างมันไม่น้อย! เหอะ! ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าซือถูหมิงกับคนของตระกูลซือถูบางส่วนจะทรยศไปอยู่ข้างมัน นี่ยังต่างอะไรกับตบหน้าข้ากัน!”


 


กล่าวถึงท้ายประโยค สีหน้าอ๋องหรงก็มืดลง


 


“องค์ชายรอง การประลองพรุ่งนี้ อย่างไรอ๋องเฉียนก็ต้องไปดูชมแน่…ท่านจักไปด้วยหรือไม่?”


 


ชายชรามองอ๋องหรงพร้อมถาม


 


“ข้าย่อมต้องไป”


 


อ๋องหรงพยักหน้า “ไม่สำคัญว่าต้วนหลิงเทียนจะปรากฏตัวหรือไม่ ข้าก็ยังจะไปเพื่อหาทางเล่นงานน้องสี่ให้มันขายขี้หน้าสักหน่อย ก่อนหน้ามันกล้าทำให้ข้าลำบากใจ! ผู้ใดจะไปรู้เกิดพรุ่งนี้ข้าไม่ไปเขาเป่ยหมัง มันอาจจะปล่อยข่าวลือเหลวไหลอย่างข้ากลัวมันอะไรทำนองนี้อีก!!”


 


“ข้าเองก็หวังให้ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นมาเช่นกัน เพราะจนถึงวันนี้ข้ายังไม่เคยพบเจอชายหนุ่มที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศฝูเฟิงเลยสักครั้ง”


 


ชายชรากล่าว


 


“ข้าเองก็อยากให้มันมา ต่อให้มันตกตายเพราะหลินตงก็มินับว่าเป็นอะไร กล่าวไปพวกเราก็นับว่าโชคดีที่มันออกจากตระกูลซือถูก่อน หาไม่แล้วชื่อเสียงของพวกเราคงพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย”


 


อ๋องหรงกล่าว


 


ณ ตระกูลซือถู พื้นที่ภายในคฤหาสน์ซือถูหัง


 


พอรู้ว่าต้วนหลิงเทียนกำลังจะประลองกับยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาของเขตอิทธิพลคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน ป๋ายลี่หงและสหายของต้วนหลิงเทียน ก็ถึงกับนั่งไม่ติดที่ กระวนกระวายใจทั้งกังวลไม่น้อย


 


พวกมันอาศัยอยู่ที่ประเทศฝูเฟิงมาพักหนึ่งแล้ว ย่อมรู้ดีว่าอันดับ 1 ในรายนามนภาของเขตอิทธิพลคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนมีความหมายว่าอะไร!


 


อันดับ 1 ก็คือสุดยอดฝีมือในขอบเขตสู่เซียน! ที่ผู้คนยอมรับว่าร้ายกาจที่สุดในเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน!!



ตอนที่ 1,630 : เมฆดำปกคลุมยอดเขา


 


“ศิษย์น้องในเมื่อเจ้าประกาศถอนตัวออกจากตระกูลซือถูแล้ว พรุ่งนี้เจ้ามิจำเป็นต้องไปก็ได้…”


 


ในสายตาของป๋ายลี่หง ย่อมไม่เห็นต้วนหลิงเทียนเป็นคนอื่นคนไกลอะไรอีก เช่นนั้นมันจึงเปิดประตูเห็นภูผากล่าว “หลินตงนั่นจะอย่างไรก็เป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภา พลังฝีมือของมันย่อมสูงส่ง…นอกจากนี้มันกล้าท้าสู้เป็นตายกับเจ้าทั้งๆที่รู้พลังของเจ้า เห็นชัดว่ามันเตรียมตัวมาพร้อมแล้ว!”


 


“เช่นนั้นการที่เจ้าไปประลองเป็นตายกับมัน เจ้าจักไม่เสียเปรียบหรือ?”


 


ป๋ายลี่หงกล่าวออกเสียงเข้ม


 


“ใช่แล้ว ต้วนหลิงเทียน ถึงแม้หน้าตาจะสำคัญ แต่ก็ไม่มีอะไรเทียบได้กับชีวิต! นอกจากนี้เพียงเจ้าบ่มเพาะให้ทะลวงผ่านขอบเขตเซียนเสียก่อนค่อยไปท้าประลองมันอีกครั้งแล้วเอาชนะมันก็แค่นั้น ถึงแม้ตอนนี้จะต้องทนรับคำถากถางว่ากลัวก็ไม่นับเป็นอะไร ลูกผู้ชายล้างแค้นสิบปีไม่สาย วันหลังเจ้าค่อยเอาชนะมันล้างคำครหาเถอะ…”


 


เฉินเฉ่าช่วยกล่าวแนะนำออกมา


 


“นายน้อยถึงแม้ข้าจักมิรู้ว่าหลินตงนั้นร้ายกาจเพียงใดหากเทียบกับท่าน แต่ข้าก็คิดว่าพรุ่งนี้ท่านยังมิสมควรปรากฏตัว”


 


ฉงเฉวียนยังกล่าวแนะออกมา


 


ไม่นานโฉดคลุมทอง ซื่อหม่าฉางฟงไม่เว้นคู่แฝดหนานกงก็พยายามกล่าวโน้มน้าว หมายเกลี้ยกล่อมให้ต้วนหลิงเทียนล้มเลิกความคิดประลองไปเสีย


 


“ทุกคนใจเย็นก่อน ข้าคงไม่ยอมรับคำท้าของหลินตงมันหรอกหากข้าไม่มั่นใจ…ต่ำกว่าเซียนข้าไม่กลัวใครทั้งนั้น”


 


เผชิญกับวาจาเกลี้ยกล่อมด้วยกังวลของทุกคน ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มตอบไปด้วยความมั่นใจ


 


แต่เมื่อเห็นว่าสายตาทุกคนยังเต็มไปด้วยความกังวล ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวสืบต่อ “ทุกคนในที่นี้ก็อยู่กับข้ามานาน เห็นข้าเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้…อย่าได้บอกเชียวว่าทุกคนคิดจริงๆว่าข้าเป็นคนรนหาที่ตายอะไรทำนองนั้น?”


 


หลังจากกล่าวจบแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหัวเบาๆ


 


วาจานี้ของต้วนหลิงเทียนทำให้ป๋ายลี่หงและคนอื่นๆเงียบลงทันที


 


พอพวกมันย้อนคิดทบทวนดู ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ใช่คนรนหาที่ตายจริงๆ


 


อาจมีหลายครั้งที่สถานการณ์ไม่เป็นใจและดูไม่สู้ดีสำหรับต้วนหลิงเทียน


 


ทว่าสุดท้ายแล้วต้วนหลิงเทียนกลับสร้างความประหลาดใจให้พวกมันเสมอมา


 


พอคิดไปคิดมารวมทั้งฉากเรื่องราวในอดีต รวมถึงเห็นรอยยิ้มเปี่ยมความมั่นใจของต้วนหลิงเทียน ทุกคนก็พอได้สบายใจขึ้นมา


 


“งั้นเช่นนั้นพวกเราจะไปชมดู ว่าเจ้าจะฆ่าหลินตงอะไรนั่นเช่นไร”


 


หนานกงยี่หัวเราะออกมา


 


“ใช่แล้ว! พวกเราจะไปดูว่าอันดับ 1 ในรายนามนภามันจะถูกเจ้าคว่ำยังไง!”


 


เฉินเฉ่าช่วยยังกล่าวโพล่งตามมา


 


ด้วยมีต้วนหลิงเทียนกล่าวเตือน ทำให้มุมมองของทุกคนพลิกกลับร้อยแปดสิบองศาในพริบตาก็ว่าได้ ทั้งหมดกลายเป็นมั่นใจในความสามารถของต้วนหลิงเทียนทันที


 


“เอาล่ะ”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้เขาจะไม่กล่าวอะไรเพิ่มเติม แต่อาศัยรอยยิ้มมั่นใจก็อธิบายได้ทุกอย่างแล้ว


 


หลังจากนั้นทุกคนรวมถึงป๋ายลี่หงก็ไม่คิดรบกวนอะไรต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป ต่างอำลาและแยกย้ายกันกลับที่พักของตัวทันที


 


ด้านต้วนหลิงเทียนก็กลับไปที่ห้องของตัวเองเช่นกัน


 


อย่างไรก็ตามแทนที่จะเข้าไปบ่มเพาะฝึกปรือในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ เขากลับเลือกที่จะนอนเอนหลังอยู่บนเตียง


 


“จะบรรลุถึงขั้นที่ 2 ของยอดใจกระบี่ได้ยังไงกันนะ…”


 


ต้วนหลิงเทียนบ่นพึมพำ คิ้วขมวดเล็กน้อย


 


ถึงแม้ว่าเนื้อหาทั้งหมดของเคล็ดบำเพ็ญจิต ยอดใจกระบี่ จะสลักอยู่ในใจเขาแล้ว รวมทั้งบรรลุถึงขั้นแรกได้มานาน แต่เขาก็รู้สึกว่ายังอีกไกลกว่าจะบรรลุถึงขั้น 2


 


เขารู้ว่าด่านที่ 2 ของมันคืออะไร แต่จะก้าวเท้าข้ามไป นับว่าเป็นอะไรที่ไม่ง่ายเลย!


 


หลังจากที่ใช้เวลาไปมากกว่าปีบนชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ เขาได้พยายามหลายครั้ง ทั้งลำบากลำบนไม่น้อย แต่สุดท้ายก็เพียงจับสัมผัสด่านที่ 2 ได้เลือนราง ยังคลำหาทางเข้าไปไม่พบ…


 


เรียกว่าตราบใดที่เขาค้นพบหนทางล่ะก็ เขาพร้อมจะทะลวงไปถึงด่านที่ 2 ของยอดใจกระบี่ได้ทุกเวลา


 


สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ครุ่นคิดจนลืมเวลา รู้ตัวอีกทีค่ำคืนก็ผ่านพ้นไปแล้วอย่างนั้น


 


เมื่อแสงอรุณสาดส่องทะลุหน้าต่าง ต้วนหลิงเทียนก็ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย ยังอดบ่นโอดครวญออกมาเสียไม่ได้ “ยังคลำทางไม่เจอ…ดูเหมือนว่าข้าต้องสบโอกาส หรือรู้แจ้งโดยบังเอิญถึงจะสามารถบรรลุขั้นที่ 2 ได้ และถึงตอนนั้นความแข็งแกร่งข้าจะยกขึ้นไปอีกระดับ”


 


พอนึกย้อนไปถึงเรื่องราวที่ผ่านมาตลอด 3 เดือนในโลกภายนอก ต้วนหลิงเทียนก็พอใจกับความก้าวหน้าของตัวเองไม่น้อย


 


‘อันดับ 1 ในรายนามนภางั้นเหรอ? ก่อนปิดด่านฝึกฝนข้ายังไม่คิดจะกลัวเจ้าเลย…ในเมื่อเจ้าอยากท้าข้านัก ข้าก็พร้อมน้อมสนองเจ้า! อย่าได้หวังว่าจะมีวันได้กลับคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนได้อีก!!’


 


พอคิดถึงการประลองเป็นตายที่จะเริ่มขึ้นตอนเที่ยงวันนี้ สองตาต้วนหลิงเทียนก็เผยประกายเย็นเยือกออกมา


 


‘หลินตงนั่น ดูเหมือนจะเป็นสายเลือดหลักของตระกูลที่เป็นขุมพลังใต้อาณัติคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนโดยตรง…ข้าล่ะอยากรู้นักหากมันตายคาประเทศฝูเฟิงแบบนี้ ฝ่ายอ๋องเฉียนมันจะเผชิญหน้ากับโทสะของขุมพลังชั้น 6 ยังไง! แม้จะเป็นตระกูลขุมพลังชั้น 6 ที่เทียบได้กับตระกูลราชวงศ์ประเทศฝูเฟิง แต่พวกมันกลับมีรากฐานต่างกันชัดเจน!’


 


ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่แต่มุมปากต้วนหลิงเทียนพลันเผยรอยยิ้มแสยะขึ้นมา


 


ในเมื่ออ๋องเฉียนมันอยากฆ่าชิงทรัพย์เขานัก คราวนี้เขาจะให้มันลองกินยาขมหม้อเดียวกันดู!


 


หลังจากที่ล้างตัวอะไรเรียบร้อยแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ก้าวออกจากบ้าน เดินไปไม่นานก็เห็นซือถูหังกำลังรับประทานอาหารเช้าบนโต๊ะหินอ่อนในลานว่าง


 


“ท่านปรมจารย์ต้วน ท่านกลับออกมาแต่เช้า…หรือเมื่อคืนท่านมิได้บ่มเพาะพลัง?”


 


เมื่อซือถูหังเห็นต้วนหลิงเทียนเดินออกมาด้วยใบหน้าสดชื่นแจ่มใส มันก็ประหลาดใจเล็กน้อย เพราะในสายตาของมันการที่วันนี้ต้วนหลิงเทียนจะไปประลองเป็นตาย อีกฝ่ายสมควรบ่มเพาะพลังให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้


 


ทว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกลับเดินออกจากบ้านด้วยท่าทางคล้ายไม่เป็นกังวลอะไรเลย ทำให้มันตระหนักได้ว่ามันเข้าใจผิด


 


แม้ต้องเผชิญหน้ากับหลินตง ยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาของเขตอิทธิพลคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนแต่ปรมาจารย์ต้วนของมันยังคงใจเย็นแลดูสบายๆนัก ทำให้มันรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนสมควรมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะหลินตงได้ง่ายๆ…


 


อย่างไรก็ตามพอมันคิดถึงเรื่องนี้ มันก็เร่งปฏิเสธความคิดดังกล่าวทันที


 


หลินตงนั้นในฐานะยอดฝีมืออันดับ 1 ของรายนามนภา แถมอีกฝ่ายกล้าที่จะเพิ่มกฏการประลองเป็นการประลองเป็นตายแบบนี้ นั่นหมายความว่าต้องเตรียมตัวมาดี การประลองครั้งนี้คงไม่ง่ายนัก!


 


หาไม่แล้วใครจะกล้าท้าประลองเป็นตาย?


 


เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนเดินมานั่งร่วมโต๊ะ ซือถูหังก็โบกมือให้สาวใช้เร่งจัดสำรับอาหารให้ต้วนหลิงเทียนทันที


 


พอได้เห็นต้วนหลิงเทียนรับประทานอาหารเช้าคำใหญ่คล้ายกับหิวไม่น้อย ทำให้ซือถูหังอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “ท่านปรมาจารย์ต้วน เที่ยงนี้ท่านก็จะประลองเป็นตายกับหลินตงอยู่แล้วแท้ๆ แต่นี่ท่านไม่มีความกังวลอะไรเลยหรือ?”


 


“ยังมีอะไรให้กังวล?”


 


ต้วนหลิงเทียนเงยหน้าขึ้นมาถามเล็กน้อย ก่อนที่จะคีบเนื้อชิ้นใหญ่เข้าปากเคี้ยวหงุบหงับ


 


และคำถามนี้ของต้วนหลิงเทียน ก็ทำให้ซือถูหังไปไม่เป็น ไม่รู้จะพูดอะไรต่อทันที


 


ความมั่นใจของต้วนหลิงเทียนนั้น สุดที่มันจะเข้าใจได้จริงๆ


 


เป็นความสัตย์จริงที่มันหวังให้ต้วนหลิงเทียนแคล้วคลาดปลอดภัย กระทั่งเป็นผู้ชนะ อย่างไรก็ตามพอคิดถึงชื่อเสียงของหลินตงและวีรกรรมอีกฝ่าย ความคิดดังกล่าวคล้ายจะกลายเป็นเรื่องอันยากเย็นทันที


 


ในสายตาของมัน ที่ต้วนหลิงเทียนยังแลดูสบายๆไร้กังวล เพราะอีกฝ่ายคงไม่ทราบว่าหลินตงน่ากลัวอย่างไร


 


‘ช่างเถอะ จะอย่างไรก็ช่าง…ข้าจะขอให้ปู่โฮ่วลงมือช่วยชีวิตท่านปรมาจารย์ต้วนทันทีที่ชีวิตท่านตกอยู่ในอันตราย ต่อให้ข้าจะถูกผู้คนประนามอย่างไรก็ช่าง ขอแค่ท่านปรมาจารย์ต้วนปลอดภัยก็พอ!’


 


ซือถูหังขบคิดในใจอย่างเด็ดเดี่ยว


 


ความคิดนี้ของมันยังบ้าบิ่นนัก


 


ตราบใดที่การประลองตอนเที่ยงวันนี้ หลินตงมีแนวโน้มว่าจะสังหารต้วนหลิงเทียนได้ มันจะขอให้ซือถูโฮ่วสอดมือเข้าช่วยทันที


 


แน่นอนว่าหากลงมือทำเช่นนั้น ต้องถูกผู้คนประนามแน่นอน


 


แต่มันก็คิดไว้แล้ว ว่ามันจะประกาศต่อสาธารณชนกระทั่งสาบานต่ออัสนีสวรรค์ ว่ามันเป็นคนขอให้ซือถูโฮ่วลงมือด้วยตัวเอง ไม่ใช่ความคิดของตระกูลซือถู!


 


อย่างไรก็ตาม คล้ายซือถูหังจะลืมเลือนไปแล้ว มันมีซือถูโฮ่วให้ร้องขอความช่วยเหลือ แต่อ๋องเฉียนไหนเลยขาดยอดฝีมือขอบเขตเซียน? อีกฝ่ายย่อมตระเตรียมรับมือเรื่องนี้ไว้แล้วเช่นกัน!


 


มีคำกล่าวที่ว่า ใจกังวลหูตาฝ้ามัว ซือถูหังก็กำลังเป็นเช่นนั้นอยู่


 


เวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน ไม่นานก็เจียนจะเที่ยงวันอยู่รอมร่อ


 


ตระกูลซือถูนั้นออกเดินทางไปยังสถานที่นัดหมายประลองโดยมีซือถูฮ่าวนำขบวน ยังเป็นการไปอย่างเอิกเกริกยิ่งใหญ่สมฐานะ มุ่งหน้าไปยังประตูเมืองทิศเหนือ


 


หลังจากออกนอกเมืองหลวงของประเทศฝูเฟิงแล้ว ทั้งหมดก็เริ่มใช้การเดินทางๆอากาศ เหาะไปยังยอดเขาเป่ยหมังทันที


 


ภายในกลุ่มคนของตระกูลซือถู ก็มีป๋ายลี่หงและคนอื่นๆอยู่ด้วย


 


ในปัจจุบันป๋ายลี่หงก็เป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูแล้วเพราะฐานะปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาว แน่นอนว่าทุกคนในตระกูลซือถูล้วนยอมรับ!


 


ดังนั้นถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้อยู่ในตระกูลซือถูอีกต่อไป แต่ด้วยมีป๋ายลี่หงอยู่ทั้งคน ซื่อหม่าฉางฟงและคนอื่นๆก็อยู่ดีมีสุขในตระกูล


 


อันที่จริงถึงแม้จะไม่มีฐานะปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวของป๋ายลี่หง แต่ทุกคนก็สมควรอาศัยอยู่ในตระกูลซือถูได้อย่างสุขสบาย เพราะเฟิ่งหวู่เต้าที่เป็นสหายอันดีของทุกคนคือบิดาของแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอย ตระกูลซือถูย่อมไม่พลาดเรื่องนี้


 


“แล้วเจ้าต้วนมันอยู่ไหนล่ะเนี่ย?”


 


เฉินเฉ่าช่วยหันมองไปรอบๆ แต่กลับไม่เห็นต้วนหลิงเทียน


 


“ข้าเองก็ไม่เจอตั้งแต่เช้าแล้ว…ไม่รู้ออกไปไหน”


 


หนานกงยี่ที่มองซ้ายทีขวาที่สุดท้ายก็ส่ายหน้าออกมา


 


“ท่านปรมาจารย์ต้วนจากไปหลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จ…จากที่ท่านกล่าวไว้ เพราะความที่ท่านมิได้เป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูแล้ว เช่นนั้นเป็นการดีเสียกว่าที่ท่านจะเดินทางไปยังขุนเขาเป่ยหมังด้วยตัวเอง”


 


ตอนนี้เองซือถูหังพลันกล่าวตอบข้อสงสัยออกมาด้วยรอยยิ้มขื่นขม


 


“ถ้างั้น เจ้าต้วนน่าจะไปถึงยอดเขาเป่ยหมังอะไรนั่นแล้วล่ะ…”


 


เฉินเฉ่าช่วยกับหนานกงยี่พอเข้าใจเรื่องราวได้ทันที


 


ขุนเขาเป่ยหมังนั้นตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองหลวงประเทศฝูเฟิง ยังห่างจากตัวเมืองหลวงไปนับสิบพันลี้


 


หมื่นลี้นี้หากเป็นคนธรรมดาคงเป็นระยะทางอันไกลโข


 


แต่สำหรับคนในตระกูลซือถู ที่อ่อนแอที่สุดอย่างเฉินเฉ่าช่วยและสหายของต้วนหลิงเทียน ระยะทางแค่หมื่นลี้ก็ใกล้นิดเดียว!


 


แม้ทั้งหมดจะลดความเร็วลงให้เท่าพวกเฉินเฉ่าช่วย แต่ทุกคนก็มาถึงยอดเขาเป่ยหมังก่อนเวลา


 


“ผู้คนมากันมากมายถึงขนาดนี้เชียว!!”


 


อย่างไรก็ตามพอมาถึงยอดเขาเป่ยหมังทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เพราะเหนือยอดเขามีผู้คนเหินลอยรอชมการประลองกันหนาตา!


 


เรียกว่าตอนนี้บริเวณน่านฟ้าเหนือยอดเขาเป่ยหมัง หากมองไกลๆจะเห็นผู้คนตัวเล็กเท่าจุดดำ แต่ทว่าความที่ผู้คนมากมายหนาตา จึงแลเสมือนเมฆฝนดำครึ้มกำลังปกคลุมเหนือยอดเขาก็ไม่ปาน


 


“เห็นว่าผู้คนพากันแห่มาที่เขาเป่ยหมังตั้งแต่เมื่อวาน พากันค้างคืนบนเขาเพื่อจับจองจุดชมการประลองที่ดีที่สุด”


 


ซือถูหังยังกล่าวเสริม “แถมไมใช่แค่ผู้คนที่อยู่ในเมืองหลวง กระทั่งผู้คนที่ได้รับทราบข่าว พวกมันก็เร่งรุดเดินทางข้ามคืนเพื่อมายังขุนเขาเป่ยหมัง…แต่ดูเข้าเถอะ มากันเยอะแยะมากมายจนคล้ายเมฆดำคลุมเขาเช่นนี้ จะให้ท่านปรมาจารย์ต้วนประลองกับหลินตงอย่างไร พวกมันไม่รู้ลืมคิดถึงเรื่องนี้หรือไม่?”


 


เมื่อเห็นว่าน่านฟ้าเหนือเขาเป่ยหมังคับคั่งไปด้วยผู้คน ซือถูหังก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าเบาๆ



ตอนที่ 1,631 : การเผชิญหน้า!


 


บริเวณน่านฟ้าเหนือยอดเขาเป่ยหมัง เรียกว่าคาคั่งไปด้วยผู้คนปานเมฆฝนลอยลงต่ำ


 


อีกทั้งการที่ผู้คนมารวมตัวกันอยู่มากมายขนาดนี้ ขุนเขาที่เคยเงียบสงบในวันวานก็ดังเซ็งแซ่จนคล้ายเสียงกระพือปีกของฝูงแมลง!


 


ความกระตือรือร้นของผู้คนในเมืองหลวงและเมืองใกล้เคียงเป็นเช่นไร คงเห็นชัดถนัดตาแล้ว


 


“อ๋องหรงเสด็จแล้ว!!”


 


ทันใดนั้นเอง ไม่ทราบใครเป็นผู้ตะโกนขึ้นมา


 


ทว่าแทบจะพร้อมกันกับเสียงตะโกนดังกล่าวดังจบคำ เสียงอื้ออึงเซ็งแซ่ของมวลหมู่มหาชนก็เงียบดับลงไปทันที ทั้งหมดยังว่ายตามองไปยังสุดฟ้าไกลตาทิศทางหนึ่งทันที


 


ห่างออกไปไกลๆ ปรากฏขบวนหนึ่งกำลังเหินลอยเข้ามา


 


ผู้ที่เหินร่างนำมาหัวแถวเป็นชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่บนหัววิหกสีทองตัวเขื่อง ในมือข้างหนึ่งมีพัดขนนก อีกข้างไพร่หลังไว้อย่างสงบ แลไปคล้ายบัณฑิตนักศึกษาของตระกูลใหญ่


 


ทว่าทุกผู้คนล้วนรู้จักคนผู้นี้ดี


 


เพราะคนผู้นี้ก็คือ องค์ชายรองแห่งประเทศฝูเฟิง อ๋องหรง!


 


และอ๋องหรงยังมีแนวโน้มว่า…สมควรจะเป็นผู้ที่ได้ครอบครองบัลลังก์เป็นคนต่อไปของประเทศฝูเฟิงเช่นกัน!


 


แน่นอนว่ามันจะได้ยืนหยัดเป็นผู้ชนะคนสุดท้ายหรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องที่แน่นัก เพราะมันเองก็มีคู่แข่งที่ด้อยกว่ามันเพียงเล็กน้อยอยู่มากมาย ผู้ที่มีแนวโน้มที่สุดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน…


 


คนผู้นั้นคืออ๋องเฉียน!


 


ด้านหลังอ๋องหรง มีร่างชายชรา 3 คนที่คล้ายไร้อารมณ์ติดตามไม่ห่าง


 


ชายชราทั้ง 3 นั้น หนึ่งมาในชุดคลุมสีดำ สีขาวและสีเทาตามลำดับ ทว่าสภวะที่พวกมันแผ่ออกให้ความรู้สึกเสมือนคนหลอมผสานไปกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ ราวกับพวกมันเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติไปแล้ว!


 


เรียกว่าเพียงแค่เห็น ทุกคนก็บอกได้ทันทีว่าทั้ง 3 ล้วนเป็นผู้ฝึกตนที่บรรลุขอบเขตเซียน!


 


ส่วนด้านหลังชายชราทั้ง 3 ยังมีอีก 7 คนติดสอยห้อยตามมา


 


คนทั้ง 7 นั่นมาในชุดเกราะสีเงินวับวาว เรียกว่าแต่งองค์ทรงเครื่องมาเต็ม เพราะพวกมันคือองค์รักษ์ผู้พิทักษ์ที่อ๋องหรงนำพามาด้วย ถึงแม้พวกมันจะคละไปทั้งชายหนุ่มและชายฉกรรจ์ แต่ก็มิอาจดูแคลนหน้าตาอายุของพวกมันได้เลย เพราะต่างบรรลุครึ่งก้าวเซียนแล้วทั้งสิ้น! เรียกว่าแม้จะไม่ใช่คนที่ติดอันดับในรายนามนภา แต่ก็ด้อยกว่ากันไม่มาก!


 


“ผู้คนมากันมากมายเหลือเกิน…”


 


ความคึกคักของสถานที่ประลองเป็นอะไรที่สร้างความประหลาดใจให้อ๋องหรงอยู่บ้าง ด้วยไม่คิดว่าการประลองระหว่างต้วนหลิงเทียนกับหลินตงจะดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายขนาดนี้


 


ต้องทราบก่อนว่า…ทั้งเวลาและสถานที่ประลองนั้น พึ่งประกาศเมื่อวานเท่านั้น! ข่าวย่อมไม่อาจแพร่กระจายได้ไกลมากนัก!!


 


หาไม่แล้วน่ากลัวจะแห่กันมามืดฟ้ามัวดินกว่านี้!


 


“คารวะท่านอ๋อง!!”


 


อ๋องหรงมาเช่นนี้ ขุมพลังที่สนับสนุนอ๋องหรงก็เร่งรุดเข้ามาคารวะทักทายทันที


 


“เจ้านั่นน่ะเหรออ๋องหรง คนที่คอยกดดันตระกูลซือถูให้ขับไล่เจ้าต้วนมัน?”


 


ห่างออกไปไกลๆ ป๋ายลี่หงและคนอื่นๆย่อมไม่ติดตามซือถูฮ่าวมาคารวะอ๋องหรงพร้อมตระกูลซือถูแต่อย่างไร กระทั่งเฉินเฉ่าช่วยยังมองไปด้วยสายตาหมั่นหน้า คล้ายไม่พอใจอ๋องหรงผู้นี้อย่างแรง!


 


“เฮอะ! ก็แค่ตัวโง่งมอีกตัว มันกล้าถือดีดูถูกเจ้าต้วน..คอยดูสีหน้าของมันยามรับทราบว่าความถือดีของมันนั้นโง่เขลาเพียงใดเถอะ!”


 


หนานกงยี่ยังสบถด่าออกมาเสียงต่ำ


 


“ซือถูฮ่าว ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก!”


 


เผชิญกับกลุ่มผู้คนมากมายที่แห่กันมาคารวะทักทาย อ๋องหรงเลือกที่จะมองยิ้มไปทางซือถูฮ่าวทั้งกล่าวชมออกมาก่อนใคร


 


“ฝ่าบาทกล่าวชมเกินไปแล้ว กระหม่อมเพียงกระทำตามสมควร”


 


ซือถูฮ่าวย่อมรู้ดีว่าวาจานี้ของอ๋องหรงหมายถึงอะไร ไม่พ้นที่อีกฝ่ายคิดว่าเป็นมันที่จัดการเรื่องต้วนหลิงเทียนออกจากตระกูลซือถู…อย่างไรก็ตามแม้มันจะขมขื่นใจเพียงใดก็จำต้องปั้นหน้ายิ้มร่า


 


พูดตามตรง กระทั่งวินาทีนี้มันยังลอบคาดหวังในใจ ว่าปรมาจารย์ต้วนจะไม่ปรากฏตัวออกมาในการประลอง!


 


ซือถูหังที่ติดตามซือถูฮ่าวมาคารวะทักทายอ๋องหรงด้วย ถึงกับชักสีหน้าถมึงทึง ตอนนี้ในใจมันเต็มไปด้วยความไม่พอใจอ๋องหรงนัก หากแต่มันก็ไม่กล้าฟาดงวงฟาดงาแสดงออกอะไรมากมาย…ด้วยกลัวจะส่งผลกระทบต่อบิดาและตระกูล!


 


“เฮ่! กระทั่งอ๋องเฉียนก็เสด็จมาถึงแล้ว!!”


 


ทันใดนั้นมีเสียงอุทานหนึ่งแว่วดังมาจากฝูงชนไกลห่าง พาลให้ทุกคนหันไปมองทันที


 


และไกลออกไปสุดสายตา ก็ปรากฏภาพคนกลุ่มหนึ่งกำลังเหาะมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน


 


คนกลุ่มนั้นนำมาโดยอ๋องเฉียน สีหน้าท่าทางของมันแลดูสง่างามไม่น้อย


 


ด้านหลังของอ๋องเฉียนมีชายชราสองคนประกบมาติดๆ ด้านหลังชายชราทั้งคสองก็เป็นชายชราอีกคนหนึ่งและชายวัยกลางคนสองคน


 


หากเทียบกับอ๋องหรงแล้ว กลุ่มของอ๋องเฉียนมีคนน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด


 


แถมทั้งหมดยังมาในชุดธรรมดาๆทำให้ผู้คนรู้สึกเข้าถึงได้ง่ายกว่า


 


เพราะจะอย่างไรก็แล้วแต่ องค์รักษ์ผู้พิทักษ์ในชุดเกราะสีเงินทั้ง 7 นั่นก็พาลให้ผู้คนรู้สึกหนาวใจ เรียกว่ามีสภาวะสะกดข่มกันไม่น้อย


 


“พี่รองมิใช่ว่าแค่มาชมดูการประลองเป็นตายหรอกรึไง ไม่ใช่ตัวท่านลงประลองเองเสียหน่อย ใยต้องพาผู้คนมาเยอะแยะมากมายนักเล่า หรือท่านหวาดกลัวผู้ใดลอบทำร้ายถึงขนาดนั้นเลย?”


 


ทันทีที่อ๋องเฉียนปรากฏตัว มันก็เริ่มกล่าววาจาแซะอ๋องหรงทันที ยังเผยยิ้มเย้ยออกมาอย่างจงใจ


 


หลังจากที่ได้ยินวาจาประโยคนี้ของอ๋องเฉียน หลายคนก็หันไปมองอ๋องหรงด้วยสายตาแปลกๆ คล้ายว่าอ๋องหรงจะหวาดกลัวเกินเหตุไปแล้วจริงๆ


 


ยิ่งอ่อนแอขลาดเขลายิ่งต้องอาศัยพวกมากเข้าว่า!


 


ตอนนี้หากเทียบกับอ๋องเฉียนแล้ว อ๋องหรงนับว่าจัดมาเต็มเกินไปจริงๆ…


 


พอได้ฟังวาจากล่าวแซะของอ๋องเฉียน แววตาอ๋องหรงก็เย็นเยียบลงทันที หากแต่ใบหน้ามันยังไม่เปลี่ยนสีอะไร ยังยิ้มกล่าวตอบกลับไป “น้องสี่แล้วมิใช่ว่านอกจากผู้เฒ่าทั้ง 2 มิใช่ว่าเจ้าก็พาข้ารับใช้อีก 2-3 คนมาด้วยหรอกหรือ?”


 


ครืน!


 


ทันทีที่อ๋องหรงกล่าวออกมา ชายวัยกลางคนทั้ง 2 รวมถึงชายชราด้านหลังสุดก็หน้ามืดคล้ำลงทันใด เพราะวาจาของอ๋องหรงคล้ายกับพวกมันเป็นตัวตนต้อยต่ำดั่งข้าทาส!


 


พวกมันนั้นจะกล่าวอย่างไรก็ล้วนเป็นตัวตนในขอบเขตเซียน


 


มีเพียงชายชราคนเดียวที่ยังคงยิ้มแย้มมองดูรอบๆอย่างตื่นตาตื่นใจแม้จะถูกหาว่าเป็นข้ารับใช้ เพราะในอดีตมันก็เป็นเพียงสารถีต้อยต่ำในจวนอ๋องเฉียนจริงๆ


 


มันชินกับการเป็นข้ารับใช้ของอ๋องเฉียนมาแต่แรกแล้ว กระทั่งในอดีตยังไม่แม้แต่จะมีผู้คนสนใจว่ามันเป็นผู้คนหรือไม่ด้วยซ้ำ! แต่นี่อ๋องหรงถึงกับสังเกตเห็นมัน…ดีกว่าแต่ก่อนตั้งเป็นไหนๆ!!


 


ส่วนชายวัยกลางคนทั้ง 2 นั้น ไม่นานผู้คนก็เริ่มเอะใจสงสัย ด้วยใบหน้ากลับคลับคล้ายคลับคลาพิกล


 


“เฮ่ย! พวกเจ้าดูคนผู้นั้นให้ดี…นั่นมิใช่รองผู้นำตระกูลซือถู ซือถูหมิงรึไร?”


 


ไม่นานก็มีคนจดจำซือถูหมิงได้


 


“เฮอะ! ที่แท้ก็เดนคนของตระกูลซือถู คนเรากระทั่งวงศ์ตระกูลยังทรยศได้…นี่มันไม่อายเดียรัจฉานบ้างรึไร?”


 


“คนอย่างมันก็เป็นได้แค่ตัวอัปยศของตระกูลซือถู ดีแล้วที่มันไสหัวออกจากตระกูล เพราะมีมันอยู่ก็จะพาลให้ตระกูลตกต่ำเสียเปล่าๆ!”


 


……


 


หลายคนมองซือถูหมิงไม่เป็นผู้เป็นคน


 


วาจาด่าทอหยามหยันเหล่านี้แน่นอนว่าซือถูหมิงย่อมได้ยินชัดสองรูหู! อย่างไรก็ตามต่อหน้าอ๋องหรงมันก็ไม่กล้าหืออือ ได้แต่ชักสายตาเย็นชาเหลือบมองผู้คนที่ว่าร้ายมัน! มันจะจำเอาไว้ก่อน!!


 


อย่างไรก็ตาม พอพบว่ามีมากมายเหลือจะนับที่กำลังก่นด่าหยันหยามมัน ใจมันก็ละเหี่ยขึ้นมาทันที ขนาดนี้มันจะไปจดจำเพื่อตามไปทวงแค้นไหวหรือ?


 


อีกทั้งมันจะฆ่าผู้คนที่ว่าร้ายนับร้อยนับพันได้หรือ?


 


ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่มันจะจดจำหรือสามารถฆ่าคนทั้งหมดได้หรือไม่ด้วยซ้ำ เพราะต่อให้มันมีสามารถกระทำ อ๋องเฉียนก็ไม่ให้มันกระทำเรื่องเลอะเทอะพรรค์นั้นเด็ดขาด!


 


เพราะสุดท้ายแล้วตอนนี้มันก็คือคนของจวนอ๋องเฉียน ความเคลื่อนไหวอะไรของมันก็คล้ายกับตัวแทนของอ๋องเฉียน หากมันหัวร้อนฆ่าผู้คนที่ว่าร้ายมันมากมายเช่นนี้ ย่อมส่งผลต่อชื่อเสียงของจวนอ๋องเฉียนแน่นอน!


 


และตอนนี้ ชื่อเสียงก็นับเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดของอ๋องเฉียน!


 


มันคือคนที่ต้องการช่วงชิงบัลลังก์ แน่นอนว่าย่อมไม่มีทางปล่อยให้คนในจวนสร้างเรื่องที่จะทำให้มันเสื่อมเสียเด็ดขาด!


 


“จะว่าไป…คนที่อยู่ข้างๆซือถูหมิง ก็หน้าคุ้นๆอยู่นะ”


 


ไม่นานก็มีคนเริ่มคุ้นตาชายวัยกลางคนที่ลอยอยู่ข้างๆซือถูหมิงได้


 


“ฮ้า! ข้าพเจ้าจดจำมันได้แล้ว! มันคืออี้เฟิง!!”


 


ไม่นานก็มีคนโพล่งออกมา


 


“อี้เฟิง? สหายร่วมวิถีท่านนี้…แล้วอี้เฟิงที่ท่านว่าเป็นผู้ใดรึ?”


 


หลายคนเริ่มชักสีหน้างุนงงสงสัย เห็นได้ชัดว่านี่สมควรเป็นครั้งแรกที่พวกมันเคยได้ยินชื่อ อี้เฟิง



ตอนที่ 1,632 : ต้วนหลิงเทียนมาแล้ว!


 


“อี้เฟิงนั้นเป็นประมุขของนิกายหยินหมิง! แต่เมื่อไม่นานมานี้ข้าได้ข่าวว่านิกายหยินหมิงถูกยอดฝีมือลึกลับทำลาย อาวุโสสูงสุดในขอบเขตเซียนถูกสังหารตายตก ตัวมันก็หวาดกลัวจนต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุน…มิคาดเลยว่าที่แท้จะหลบมาพึ่งใบบุญจวนอ๋องเฉียน!”


 


หลายคนประหลาดใจไม่น้อย


 


“ก็แค่สุนัขที่ขลาดกลัวหนีหางจุกตูด!”


 


“สารเลวเช่นมันก็มีวันนี้ได้…ให้มันตายๆไปเสียก็ดี แผ่นดินเราจักได้สูงขึ้นอีกสักหน่อย!!”


 


หลายคนที่เคยได้รับความทุกข์ทรมานเพราะนิกายหยินหมิงเริ่มสบถด่าทอออกมา วาจายังแรงไม่น้อย


 


เห็นได้ชัดว่าชื่อเสียงของอี้เฟิงนั้นค่อนข้างเลวร้ายนัก


 


พอได้ยินวาจาด่าทอสบประมาททั้งหลาย หน้าอี้เฟิงก็มืดดำเป็นตับเป็ด!


 


ส่วนชายชราที่อยู่ข้างๆอี้เฟิงกับซือถูหมิงก็ยังคงยิ้มร่าหันมองเรื่องราวอย่างหน้าชื่นตาบาน ในแววตายังเผยความตื่นเต้นไม่น้อย เพราะวันนี้มันมาดูศัตรูฆ่าน้องสามของมันถูกสำเร็จโทษ!!


 


มันสนใจแค่เรื่องนี้เท่านั้น


 


เรื่องอื่นใดมันไร้แยแสโดยสิ้นเชิง


 


เพราะตราบใดที่ศัตรูฆ่าน้องสามของมันตกตาย มันก็จะกลับไปยังรังโจรที่บริเวณชายแดนตอนใต้ของประเทศฝูเฟิง และเป็นดั่งทรราชน์ท้องถิ่น ปกครองดินแดนเล็กๆของมันอย่างมีความสุข…


 


อ๋องเฉียนไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าวาจาไม่กี่คำของอ๋องหรง จะพลิกกลับสถานการณ์ทำให้มันกลับกลายเป็นเป้ารุมประนามเพราะชื่อเสียงที่ไม่ดีของผู้ติดตามเสียได้ และมันรู้ดีว่าวาจาของมันไม่คมคายเท่าอ๋องหรง จึงไม่คิดจะถกเถียงกับอีกฝ่ายให้ขายหน้า


 


อย่างไรก็ตามมันไม่พูด ไม่ได้หมายความว่าอ๋องหรงจะหยุดพูดเหมือนมันด้วย


 


“น้องสี่ข้าได้ยินว่าหนึ่งในพระเอกของงานวันนี้เป็นแขกกิตติมศักดิ์ของจวนอ๋องเฉียนเจ้ารึ…ว่าแต่ไฉนป่านนี้แล้วยังมิมาอีกเล่า? คงมิใช่ที่แท้เจ้าไปบีบบังคับผู้คนมาหรอกนะ?”


 


อ๋องหรงกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม


 


“พี่รอง หรือท่านมิรู้ว่าแขกกิตติมศักดิ์ของจวนอ๋องเฉียนข้าเป็นใคร? ท่านกล่าวเช่นนี้หรือคิดว่าแขกของข้ามิกล้ามา? หรือท่านคิดว่าแขกของข้ามิกล้าประลองกับต้วนหลิงเทียน?


 


ได้ยินวาจานี้ของอ๋องหรง อ๋องเฉียนพลันดีใจไม่น้อย


 


เพราะมันไม่คิดเลยว่าอ๋องหรงจะย่ามใจกระทั่งโดดลงหลุมเองเช่นนี้ มันรีบเชิดหน้ากล่าวสวนกลับไปอย่างได้เปรียบทันที


 


อ๋องหรงพอได้ยินก็รู้สึกหน้าม้านไม่น้อย ยังเสียใจที่พลั้งปากออกไปอยู่บ้าง


 


เพราะมันคิดแต่จะเย้ยหยันอ๋องเฉียน แต่พออ๋องเฉียนตอบกลับมาแบบนี้ ย่อมบิดเบือนเจตนาของมันไปโดยสิ้นเชิง กลายเป็นมันกล่าววาจาเย้ยเยาะหลินตงแห่งตระกูลหลินในอาณัติคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนแทนทันที


 


“เฮอะ! อ๋องหรง ฟังจากวาจานี้ของเจ้า…ที่แท้เจ้าคิดว่าข้าไม่ดีเท่าต้วนหลิงเทียนอะไรนั่นงั้นเรอะ!?”


 


ทันใดนั้นเสียงสบถเย็นเยียบหนึ่งพลันลั่นฟ้ามาแต่ไกล


 


ไม่นานก็ปรากฏร่างในชุดสีขาววูบมาปรากฏสู่สายตาผู้คน


 


เป็นชายหนุ่มในชุดจอมยุทธ์สีขาวพิสุทธิ์ แววตาของมันตอนนี้ยังคมกล้าดั่งพญาอินทรีย์ จับจ้องมองเขม็งไปที่อ๋องหรงอย่างเอาเรื่อง ไม่ได้แยแสฐานะองค์ชายรองแห่งประเทศฝูเฟิงของอ๋องหรงแม้แต่น้อย!


 


“บังอาจ!!”


 


เมื่อเห็นว่าใบหน้าอ๋องหรงจมลง ชายชราทั้ง 3 ด้านหลังอ๋องหรงพลันตะโกนใส่ผู้มาใหม่ทันที กระทั่งยังเปล่งพลังแผ่พุ่งแรงกดดันพลังของขอบเขตเซียนไปสะกดทับชายหนุ่มในชุดขาวอย่างพร้อมเพรียง!


 


หากแต่แม้จะต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันพลังของตัวตนในขอบเขตเซียนทั้ง 3 ชายหนุ่มคล้ายไร้นำพา ยังลอยร่างเฉยเมย…คล้ายแรงกดดันพลังจากชายชราทั้ง 3 เป็นเพียงสายลมหอบหนึ่ง…


 


ทันใดนั้นชายชราทั้ง 3 พลันตระหนักได้ทันทีว่าชายหนุ่มชุดขาวผู้นี้หาได้ถูกสยบง่ายๆด้วยแรงกดดันพลังของพวกมันไม่! แน่นอนว่านี่ไม่ได้บ่งบอกว่าอีกฝ่ายเป็นตัวตนในขอบเขตเซียนเช่นกัน เรื่องนี้พวกมันมั่นใจเต็มสิบส่วน


 


อย่างไรก็ตามแม้อีกฝ่ายจะไม่ใช่ขอบเขตเซียน แต่น่ากลัวว่าอีกฝ่ายคงสามารถทะลวงผ่านมายังขอบเขตเซียนได้ในเร็ววัน กระทั่งจะทะลวงพรุ่งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้!!


 


เนื่องเพราะทันทีที่พวกมันเปล่งพลังหมายสะกดชายหนุ่ม พวกมันก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังจากร่างชายหนุ่มดังกล่าวทันที…มีกลิ่นอายพลังของขอบเขตเซียนจางๆแล้ว!


 


พวกมันก็เป็นขอบเขตเซียน ย่อมไวต่อสัมผัสพลังเช่นนี้นัก!


 


“นั่นคือ อันดับ 1 ในรายนามนภา หลินตงรึ?!”


 


“หลินตงผู้นี้ช่างโอหังยิ่ง กล้าถือดีวางท่าต่อหน้าอ๋องหรงได้อย่างไร!?”


 


“เหอะ! พวกเจ้าจะไปรู้อะไร มันหยิ่งเพราะมันมีความสามารถที่จะหยิ่ง…เพราะเท่าที่ข้าทราบมาตระกูลหลินของมันก็เป็นขุมพลังชั้น 6 ภายใต้อาณัติของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน เรียกว่าตระกูลมันมิได้ด้อยไปกว่าตระกูลราชวงศ์แม้แต่น้อย…แถมเหมือนมันจะเป็นนายน้อยที่มีสายโลหิตหลักของตระกูล แล้วใยมันต้องกลัวอ๋องหรง?”


 


“มิผิด ด้วยพลังฝึกปรือและอัจฉริยะภาพของมัน ไม่ต้องกล่าวถึงชื่อเสียงที่รู้กันดี เกรงว่าฐานะในตระกูลมันจะสูงส่งมิใช่ชั่ว…น่ากลัวว่ากระทั่งอ๋องหรงก็ไม่กล้าล่วงเกินมันด้วยซ้ำ!”


 


……


 


หลายคนที่อยู่รอบๆเริ่มกระซิบกระซาบกันเบาๆ อ๋องหรงเองก็ย่อมได้ยินบทสนทนาเหล่านี้ดี


 


จังหวะนี้อ๋องหรงถึงกับชักสายตามองไปยังหลินตงอย่างดุร้าย ลึกลงไปในแววตายังเผยเจตนาฆ่าฟัน!


 


มันแทบรอฆ่าหลินตงไม่ไหวแล้ว!


 


อย่างไรก็ตามมันก็ตระหนักเรื่องราวกระจ่างดั่งคนรอบข้าง มันย่อมไม่กล้าล่วงเกินหลินตงจริงๆ! อย่างน้อยก็ไม่กล้าล่วงเกินหลินตงต่อหน้าสาธารณชน!!


 


อ๋องหรงพยายามเลิกสนใจ สุดท้ายกลับเบือนหน้าไปเห็นอ๋องเฉียนอย่างไม่ตั้งใจ และพอพบว่าอ๋องเฉียนกำลังมองหลินตงกับมันเขม่นกันอยู่ด้วยสายตาราวกับชมละครลิงสนุกสนาน ก็พาลให้สีหน้ามันดำคล้ำปานจะคั้นได้เป็นน้ำหมึกทันที!


 


“น้องสี่ข้าไปกล่าวเมื่อใดว่าหลินตงมิกล้าประลองกับต้วนหลิงเทียน อย่าได้บิดเบือนวาจาข้าต่อหน้าผู้คน!”


 


ต่อหน้าผู้คนมากมายอ๋องหรงไม่กล้าหืออือหลินตงโต้งๆ จึงหันไปกลาวกับอ๋องเฉียนด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ


 


อย่างไรก็ตามอ๋องเฉียนมือหรือจะปล่อยเหยื่อที่ติดเบ็ดแล้วเช่นนี้ไปง่ายๆ มันรีบกล่าวเย้ยออกมาต่อทันที “อ้าวพี่รอง แล้ววาจาก่อนหน้าของพี่ท่านที่แท้หมายความว่าอย่างไรเล่า? คำที่ท่านถามข้าว่า ‘คงมิใช่ที่แท้เจ้าไปบีบบังคับผู้คนมาหรอกนะ’ นั่นน่ะ…รบกวนพี่รองอธิบายให้ข้าฟังทีเถอะ!”


 


“เฮอะ!”


 


อ๋องหรงแค่นคำสบถตอบกลับ ก่อนที่จะเลิกสนใจอ๋องเฉียน


 


ในฐานะสายโลหิตหลักของตระกูลหลินและยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภา หลินตงย่อมไม่ใช่ชนชั้นโง่เขลา มันรู้ทันทีว่าอ๋องเฉียนคิดใช้มัน


 


เมื่อเห็นว่าอ๋องหรงเลิกรา มันก็คร้านจะอยู่ให้ผู้คนใช้ประโยชน์อีกต่อไป หาไม่แล้วไม่ใช่มันจะกลายเป็นเบี้ยของอ๋องเฉียนจริงๆรึไง?


 


ฟุ่บ!


 


ทันใดนั้นร่างหลินตงก็ไหววูบเคลื่อนไหว พริบตามันก็วูบหายไปจากฝูงชน หยุดลอยค้างอยู่ในที่โล่งห่างไกลเหนือฟ้า


 


ยังทอดตามองลงไปยังฝูงชนเบื้องล่าง “ต้วนหลิงเทียนมาแล้วหรือไม่?”


 


อย่างไรก็ตามคำถามของมันกลับไร้ซึ่งคำตอบ


 


คงมีแต่เสียงสะท้อนที่ดังก้องไปก้องมาในหุบเขา “ต้วนหลิงเทียนมาแล้วหรือไม่?”


 


“ต้วนหลิงเทียนมาแล้วหรือไม่?”


 


……


 


ตอนนี้เองผู้คนก็เริ่มแหงนดูท้องฟ้า พอพบว่าตะวันร้อนเจิดจ้าเจียนอยู่กลางกระหม่อมบ่งบอกเวลาเที่ยงเต็มที


 


พวกมันก็เริ่มหันมองไปรอบๆเพื่อหาต้วนหลิงเทียน


 


“ปรมาจารย์ต้วน มิมาจริงๆงั้นหรือ?”


 


“อย่างที่ข้าคิดเอาไว้ไม่มีผิด แต่ข้าก็ยังอุตส่าห์เสี่ยงดวงเพื่อมาลองดู…สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ไม่ปรากฏตัวออกมาจริงๆ อย่างว่าล่ะนะ…จะอย่างไรนี่ก็เป็นการประลองเป็นตาย”


 


“ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรที่เขาจักหวาดกลัวอันดับที่ 1 ในรายนามนภา”


 


“น่าเสียดายยิ่ง! เช่นนั้นข้าก็สูญเวลาเปล่าไปเป็นวันแล้ว!!”


 


……


 


หลายคนเริ่มถอนหายใจออกมาอย่างเสียดาย แต่ไม่ค่อยมีใครเยาะเย้ยต้วนหลิงเทียนสักเท่าไหร่


 


เพราะในสายตาของพวกมัน จะอย่างไรหลินตงก็คืออันดับ 1 ในรายนามนภาแห่งเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน ต้วนหลิงเทียนยังมีชื่อเสียงเทียบอีกฝ่ายไม่ได้เลย…พวกมันลองคิดดูว่าหากพวกมันเป็นต้วนหลิงเทียนดูบ้าง พวกมันก็ไม่กล้ามาหรอกหากหลินตงเลือกประลองเป็นตายแบบนี้


 


เพราะการที่หลินตงกล้าท้าประลองเป็นตาย นั่นหมายความว่าย่อมมีความมั่นใจในพลังฝีมืออย่างเห็นได้ชัด!


 


เช่นนั้นแล้วยังจะโดดมาขวางทางปืนให้โง่หรือ?


 


“ไฉนตัวบัดซบต้วนหลิงเทียนนั่นยังไม่มา? หรือมันจะไม่กล้ามาจริงๆ?”


 


ชายชราที่ยืนอยู่ข้างซือถูหมิงกับอี้เฟิง ตอนนี้เริ่มชักสีหน้าถมึงทึงขึ้นมาแล้ว


 


หากต้วนหลิงเทียนไม่มาจริงๆ…ไม่ใช่ว่าการล้างแค้นให้น้องสามของมันต้องล้มเหลวหรือไง?!


 


“มันหวาดกลัวจนไม่กล้ามาจริงๆ?”


 


ตอนนี้กระทั่งอ๋องเฉียนยังเริ่มอยู่ไม่สุข อดไม่ได้ที่จะหน้าเสียไปอยู่บ้าง เพราะหากต้วนหลิงเทียนไม่มา มันก็สูญเสียโอกาสได้รับตราผนึกมารไปน่ะสิ!


 


มิใช่ว่ามันไม่ต้องการส่งคนไปฆ่าต้วนหลิงเทียนเพื่อชิงตราผนึกมารแต่แรก แต่มันพบว่าแม้ต้วนหลิงเทียนจะให้ตระกูลซือถูออกมาแถลงการณ์เรื่องการถอนตัวออกจากตระกูล แต่ต้วนหลิงเทียนก็ยังคงพักอยู่ที่ตระกูลซือถูเหมือนเดิม มันจึงไม่มีโอกาสลงมือ


 


‘ข้าล่ะหวังจริงๆว่าท่านปรมาจารย์ต้วนจักมิมา’


 


ไม่เหมือนความกังวลของอ๋องเฉียน ซือถูฮ่าวผู้นำตระกูลซือถูหวังว่าต้วนหลิงเทียนจะไม่มา


 


ส่วนซือถูหังนั้นเพียงเผยยิ้มขื่นขมออกมา


 


เพราะมันรู้ดี ว่าในเมื่อปรมาจารย์ต้วนกล่าวว่าจะมา คนย่อมมาแน่!


 


มาถึงจุดนี้แล้ว มันเชื่อใจต้วนหลิงเทียนอย่างไร้เงื่อนไข


 


ถึงแม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่ในเขาเป่ยหมังจะคิดว่าต้วนหลิงเทียนไม่น่ามาแล้วจริงๆ แต่พวกมันก็ไม่ได้รีบออกไปไหน เพราะนี่มันก็ยังไม่เที่ยงดีที ผู้ใดจะไปรู้ว่าจะมีเรื่องอัศจรรย์อะไรเกิดขึ้นหรือไม่?


 


หากพวกมันพึ่งไปไม่ทันไร แล้วต้วนหลิงเทียนดันพึ่งมาถึง! คลาดกันงี่เง่าเช่นนี้จะไปร้องทุกข์กับผู้ใดได้?!


 


“อันดับที่ 1 ในรายนามนภา หลินตง ใช่ไหม?”


 


ทว่าทันใดนั้นเอง เสียงเรียบๆเสียงหนึ่งพลันแว่วดังมาแต่ไกล


 


เสียงนี้ดังมาถึงก่อนตัวคน!


 


พอยินเสียงที่แววดังขึ้นมา ซือถูฮ่าวก็ยิ้มเจื่อนๆ “ท่านปรมาจารย์ต้วน…สุดท้ายก็มาแล้ว”


 


ในเรื่องนี้ซือถูหังที่อยู่ข้างๆไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะมันรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนย่อมมาแน่


 


ป๋ายลี่หงและคนอื่นๆเผยประกายสุกใสในแววตา


 


หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกพวกมันออกมาเมื่อวาน พวกมันล้วนมั่นใจเต็มสิบส่วนว่าต้วนหลิงเทียนต้องฆ่าหลินตง และรับชื่อเสียงทั้งหมดของอีกฝ่ายมาได้แน่!


 


“นั่นคือ…ปรมาจารย์ต้วน อดีตแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูงั้นหรือ?”


 


ทันใดนั้นหลายคนเริ่มมองหน้าไถ่ถามกัน


 


“สมควรเป็นเขา!”


 


ทันใดนั้นสองตาของทุกผู้คนก็หันไปจับจ้องยังที่มาของเสียงทันที


 


สุดสายตาปรากฏร่างในชุดสีม่วงหนึ่งค่อยๆเหินเข้ามาอย่างไม่รีบไม่ร้อน


 


จากหว่างคิ้วอันหล่อเหลาและใบหน้าได้รูป นับว่าให้ความรู้สึกไม่ธรรมดา เรียกว่ามีอำนาจดึงดูดเหล่าสตรีผู้ฝึกตนทั้งหลายไม่น้อย เพราะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนปรากฏตัว พวกนางก็มองเขาไม่วางตา คล้ายทนรอเป็นเจ้าของต้วนหลิงเทียนไม่ไหวแล้ว


 


“เป็นท่านปรมาจารย์ต้วน!!”


 


ไม่นานก็มีคนที่จดจำต้วนหลิงเทียนได้ โพล่งกล่าวขึ้นมา


 


และคนที่กล่าวก็เป็นสมาชิกของตระกูลซือถู ถึงแม้ฐานะของมันจะไม่สูงส่งพอที่จะมาพร้อมกับผู้นำตระกูล แต่มันก็มาของมันเองเพราะวันนี้ไม่มีหน้าที่ๆมันต้องทำแต่อย่างไร


 


“นั่นน่ะหรือ ปรมาจารย์ต้วน?”


 


หลังจากได้รับคำยืนยัน หลายคนก็มองสำรวจต้วนหลิงเทียนอย่างจริงจังทันที


 


“ยังเยาว์ยิ่ง!”


 


“เป็นธรรมดา! เพราะข้าได้ยินมาว่าปรมาจารย์ต้วนผู้นี้ยังมีอายุมิถึง 40 ปี!”


 


“อะไรกัน? อายุไม่ถึง 40 ปีแต่มีพลังฝีมือสูงพอจะติด 10 อันดับแรกในรายนามนภาแล้ว? น่ากลัวว่าในประวัติศาสตร์ของประเทศฝูเฟิงคงยากที่จะมีตัวตนเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นมาอีก”


 


“ไม่! เรื่องนี้เจ้าผิดแล้ว เพราะในประวัติศาสตร์ของประเทศฝูเฟิงเรากลับมีตัวตนเช่นนี้ปรากฏตัวออกมาแล้ว! ให้ตายเถอะสหาย…นี่เจ้าลืมแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอยไปแล้วรึไร? ถึงแม้แม่นางเฟิ่งจะพ่ายแพ้ต้วนหลิงเทียน แต่พลังฝีมือของนางก็ถูกยอมรับกับตัวตนระดับเซียนถ้วนหน้า ว่าแข็งแกร่งพอที่จะติด 10 อันดับแรกในรายนามนภาแล้ว!”


 


……


 


ผู้คนเริ่มสนทนากันอย่างอื้ออึงเมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนมาแล้ว


 


จังหวะนี้ หลินตง อันดับ 1 ในรายนามนภา คล้ายจะถูกผู้คนลืมเลือนไปพักหนึ่ง


 


อันที่จริงเรื่องนี้ก็เข้าใจได้ไม่ยาก


 


ถึงแม้ว่าชื่อเสียงของหลินตงจะยิ่งใหญ่โด่งดังกว่า แต่มันก็ไม่ใช่คนของประเทศฝูเฟิง! เช่นนั้นไม่ว่ามันจะโด่งดังเพียงใด ฐานะของมันในใจของผู้คนในประเทศฝูเฟิง ก็สู้ต้วนหลิงเทียนที่โด่งดังขึ้นมาในประเทศฝูเฟิงไม่ได้!



ตอนที่ 1,633 : เขตแดนปะทะเขตแดน


 


แน่นอนว่าถึงแม้ฐานะของต้วนหลิงเทียนในใจผู้คนประเทศฝูเฟิงจะสูงกว่าหลินตง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้คนที่มาชมดูการประลองจะมองว่าวันนี้ต้วนหลิงเทียนจะมีเปรียบแต่อย่างไร


 


ฐานะของต้วนหลิงเทียนในใจพวกมันเป็นความภาคภูมิใจในมาตุภูมิอย่างบริสุทธิ์ใจ เพราะพวกมันล้วนเป็นคนของประเทศฝูเฟิง


 


เกรงว่าหากเป็นต้วนหลิงเทียนที่บุกไปท้าประลองหลินตงถึงถิ่น น่ากลัวว่าฉากเรื่องราวและทัศนคติของผู้ชมที่มีต่อเขาคงเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ!


 


“อืม..เจ้าน่ะหรือคือต้วนหลิงเทียนที่ว่า ชื่อเสียงไม่เบานี่นา…ในเมื่อเจ้ามาแล้วก็ดี อย่าได้ทำให้ข้าผิดหวังเสียเล่า!”


 


ถึงแม้หลินตงจะเป็นอันดับ 1 ในรายนามนภา แต่มันก็เป็นบุตรชายจากตระกูลหลินแห่งคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนเช่นกัน มันย่อมมีความทะนงและถือดีในตัวเป็นธรรมดา จึงไม่ได้แยแส ‘วีรบุรุษ’ ต่างถิ่นแม้แต่น้อย


 


เช่นนั้นพอมันเห็นต้วนหลิงเทียน มันก็ไม่คิดจะสุภาพอะไร


 


“ข้าไม่ทำให้เจ้าผิดหวังหรอก”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบหลินตงเสียงร้อบพร้อมแย้มยิ้มออกมาบางๆ ตั้งแต่ต้นจนจบสีหน้ายังคงสงบไม่แปรเปลี่ยนคล้ายต่อให้ไท่ซานถล่มลงตรงหน้าก็ไม่นำพา


 


“ต้วนหลิงเทียน”


 


ตอนนี้เองกลุ่มอ๋องเฉียน ที่นำโดยอ๋องเฉียนก็หันไปจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจ


 


อ๋องเฉียนพึ่งเคยเห็นต้วนหลิงเทียนแต่ในรูปเท่านั้น เช่นนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกที่มันได้เห็นต้วนหลิงเทียนตัวเป็นๆ แม้จะไม่อยากแต่มันก็จำต้องยอมรับ ว่าชายหนุ่มเบื้องหน้านั้นทั้งหล่อเหลาเยาว์วัยและมีศักยภาพอันโดดเด่นจริงๆ


 


ส่วนชายชราทั้ง 2 ด้านหลังอ๋องเฉียน กลับมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาที่ร้อนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


 


เพราะพวกมันรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนคือผู้ครอบครองตราผนึกมาร


 


ในจวนอ๋องเฉียน ยกเว้นอี้เฟิงกับตัวอ๋องเฉียนแล้ว ก็มีเพียงชายชราทั้ง 2 เท่านั้นที่ล่วงรู้ว่าตราผนึกมารอยู่ในมือของต้วนหลิงเทียน!


 


“ต้วน! หลิง! เทียน!”


 


เมื่อเห็นชายหนุ่มชุดม่วงที่ราวกับหลุดมาจากภาพจำในวันวาน ใบหน้าอี้เฟิงก็กลายเป็นอักลักษณ์ปั้นยากทันที เพราะครั้งสุดท้ายที่มันพบเจออีกฝ่าย อาวุโสสูงสุดของมันตาย แถมมันต้องหนีหัวซุกหัวซุนจนทุกสิ่งอย่างที่เพียรสร้างมาต้องพังทลายลง


 


ยิ่งพอนึกถึงฉากที่อีกฝ่ายใช้ตราผนึกมารในวันนั้น ภาพจำเรื่องราวยังชัดนัก! ร่างมันถึงกับอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว!!


 


หากไม่ใช่เพราะตราผนึกมารไปเล่นงานอาวุโสสูงสุดก่อน น่ากลัววันนี้มันคงไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว!


 


ส่วนด้านข้างอี้เฟิงนั้น ตอนนี้ซือถูหมิงชักสีหน้าเยียบเย็นปานจะฉาบเคลือบไว้ด้วยชั้นน้ำแข็ง!


 


ในความคิดของมัน ที่มันต้องระเห็จออกจากตระกูลจนอยู่ในจุดนี้ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นเพราะต้วนหลิงเทียน!


 


แต่ไหนแต่ไรต้วนหลิงเทียนก็คอยขัดขวางแผนการมันครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งไปกว่านั้นยังทำลายพันธมิตรที่ดีที่สุดของมันอย่างนิกายหยินหมิง กระทั่งบีบบังคับให้อี้เฟิงต้องหนีมาพึ่งจวนอ๋องเฉียน สุดท้ายก็ทำให้มันไร้หนทางเลือกอื่น จำต้องทรยศตระกูลมาเข้าร่วมกับจวนอ๋องเฉียนเช่นกัน แบกรับคำประนามหยามหยันทั้งมวล!


 


‘ต้วนหลิงเทียนข้าจะเฝ้าดูเจ้าตายด้วยสองตาข้า…น่าเสียดายนักที่ข้าไม่ได้ฆ่าเจ้าด้วยตัวเอง!’


 


สองตาของซือถูหมิงทอประกายดุร้ายอาฆาต ครุ่นคิดในใจอย่างคับแค้น


 


ส่วนถัดจากซือถูหมิงและอี้เฟิง ก็เป็นร่างชายชราอันเป็นผู้นำกลุ่มโจรในเขตพื้นที่ชายแดนตอนใต้ของประเทศฝูเฟิง ตอนนี้มันก็จ้องมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเย็นเยียบแฝงจิตสังหารเช่นกัน ‘มันน่ะเหรอที่ฆ่าน้องสาม? อดีตแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู ต้วนหลิงเทียน?’


 


เยี่ยมู่ไป๋ อี้เฟิง และซือถูหมิง ทั้ง 3 จองมองมายังต้วนหลิงเทียนด้วยจิตสังหาร หากเป็นพวกมันคนใดคนหนึ่งต้วนหลิงเทียนคงไม่สนใจ


 


ทว่าสายตาเกลียดชังเต็มไปด้วยจิตอาฆาตกลับมีถึง 3 ที่มาจากจุดเดียวกัน แม้ต้วนหลิงเทียนไม่อยากสนใจก็คงทำไม่ได้


 


และในบรรดาทั้ง 3 คน ซือถูหมิงกับอี้เฟิงล้วนเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาเขาดี


 


มีเพียงเยี่ยมู่ไป๋เท่านั้นที่เขาเคยเห็นมันครั้งแรก


 


‘หืม? เจ้านั่นใครกัน? ดูเหมือนข้าจะไม่เคยเจอมันมาก่อน…แต่มันกลับมองมาปานจะฆ่าข้าให้ได้?’


 


เมื่อเห็นเยี่ยมู่ไป๋ ต้วนหลิงเทียนก็สงสัยเล็กน้อย


 


อย่างไรก็ตามไม่นานก็คล้ายมีดวงไฟส่องสว่างในใจ คล้ายจะนึกอะไรออก ‘จริงสิ! เจ้านั่นคงเป็นหัวหน้ากลุ่มโจร พี่ใหญ่ของผู้นำกลุ่มโจรที่มาเรียกเก็บค่าคุ้มครองที่ข้าฆ่าไปวันนั้น…อดีตสารถีอ๋องเฉียน เยี่ยมู่ไป๋ สินะ’


 


พอนึกถึงข่าวที่ซือถูโฮ่วกลับมาบอกเล่าที่ตระกูลซือถูวันนั้น ต้วนหลิงเทียนก็จำได้ทันที


 


ดังนั้นเรื่องที่อีกฝ่ายจะมองเขาด้วยสายตาชิงชังอาฆาต ก็ไม่ได้แปลกอะไร


 


“อี้เฟิง!”


 


ในบรรดาทั้ง 3 นั้น เยี่ยมู่ไป๋ ซือถูหมิง ไม่ได้ทำให้ต้วนหลิงเทียนแยแสสักเท่าไหร่ แต่กับอี้เฟิงนั้นทำให้เขาบังเกิดความคิดอยากฆ่ามันให้ตายทรมาน!


 


เป็นเพราะอี้เฟิงล่วงรู้ว่าเขาครอบครองตราผนึกมาร!


 


ยิ่งไปกว่านั้นเขายังรับรู้ได้ทันทีจากสายตาของชายชราทั้ง 2 ด้านหลังอ๋องเฉียน มิแคล้วพวกมันต้องรู้เรื่องที่เขามีตราผนึกมารแล้วแน่ๆ!


 


ด้วยวิธีนี้ทำให้เขามั่นใจเต็มสิบส่วน ว่าเป็นอ๋องเฉียนที่จ้างวานให้หลินตงมาฆ่าเขา เพื่อหมายช่วงชิงตราผนึกมาร!


 


แน่นอนว่าจากสถานการณ์ตอนนี้เขารู้ว่า หลินตง ไม่ได้รู้เรื่องที่เขามีตราผนึกมารแม้แต่น้อย ‘ดูเหมือนว่าอ๋องเฉียนจะไม่ได้บอกเรื่องนี้กับหลินตง…จะว่าไปก็สมควรแล้ว หากหลินตงรู้เรื่องตราผนึกมาร ตระกูลหลินของมันเองก็คงยากจะอยู่เฉย อ๋องเฉียนคงไมโง่ถึงขั้นพาหมาป่าเข้าบ้าน’


 


ในขณะที่คนของจวนอ๋องเฉียนจับจ้องต้วนหลิงเทียน คนของจวนอ๋องหรงก็มองพินิจต้วนหลิงเทียนด้วยเช่นกัน


 


“กระทั่งถึงตอนนี้ยังคงสงบใจอยู่ได้…นี่ต้วนหลิงเทียนเสแสร้งหรือมีความมั่นใจจริงๆ?”


 


อ๋องหรงเองก็มีคำถามไม่ต่างจากผู้คนส่วนใหญ่ มันมองชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าไม่ออกจริงๆ


 


ภายใต้สายตาของทุกคน ต้วนหลิงเทียนมองจ้องตากับหลินตงพักหนึ่ง ก็ค่อยเคลื่อนร่างไปยังเหนือฟ้าข้างเขาเป่ยหมัง อันเป็นที่โล่ง


 


ทั้งสองหยุดลอยร่างกลางหาวเผชิญหน้ากัน


 


ชุดสีม่วง ชุดสีขาว โบกสะบัดคล้ายจะเต้นรำหยอกเย้าสายลม


 


วูบ! วูบ! วูบ! วูบ!


 


……


 


เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนกับหลินตงเลือกสถานที่ประลองกันได้แล้ว ผู้คนที่อยู่ไม่ห่างเท่าไหร่ก็เร่งถอยห่างออกทันที พาลให้บังเกิดเป็นพื้นที่ว่างทรงกลมกินรัศมีพันหมี่!


 


แน่นอนว่าผู้ฝึกยุทธ์และผู้ฝึกเต๋าที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยเข้าหน่อย ก็พยายามถอยห่างออกไปให้ไกลกว่านั้น พวกมันไม่กล้าจะเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่เพราะกลัวเป็นปลาในบ่อ…


(มันมีสำนวนที่ว่า ‘ประตูเมืองเกิดเพลิงไหม้ เดือดร้อนถึงปลาในบ่อ’ ก็คือ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร แต่ดันซวยไปด้วย)


 


“ต้วนหลิงเทียน การที่เจ้าได้ตายตกในมือข้าหลินตง…นับเป็นเกียรติอันสูงสุดในชีวิตของเจ้าแล้ว”


 


หลินตงมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงถือดี


 


ในวาจาคล้ายจะบอกว่าอย่างไรวันนี้ต้วนหลิงเทียนก็ต้องตายด้วยน้ำมือมัน!


 


แน่นอนว่ามันย่อมคิดว่าการประลองในวันนี้คงไร้เรื่องราวผิดแปลกอะไร ก็แค่อีกคนที่ต้องฆ่า!


 


“ผยองนัก!”


 


ได้ยินวาจานี้ของหลินตง ผู้ชมทั้งหมดล้วนคิดดุจเดียวกัน


 


แต่แน่นอนทุกคนรู้ดีว่าหลินตงมีทุนรอนที่จะกล่าว! ทุนรอนที่ว่าก็คืออันดับ 1 ในรายนามนภา!!


 


ถึงแม้ในสายตาทุกคน ต้วนหลิงเทียนมีดีพอจะติด 10 อันดับแรกในรายนามนภา แต่อย่างไรก็เป็นเพียง 10 อันดับแรกเท่านั้น เทียบกับหลินตงแล้ว ภาษีต้วนหลิงเทียนยังมีไม่สู้!


 


“อัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่ร้ายกาจที่สุดในประเทศฝูเฟิงของเรา ต้องตกตายวันนี้แล้วหรือ…น่าเสียดาย น่าเสียดายนัก!”


 


“ต้วนหลิงเทียนยังเยาว์กว่าหลินตงหลายปี หากให้เวลาต้วนหลิงเทียนอีกสัก 2-3 ปี หลินตงยังจะนับเป็นอะไรได้…หากแต่ตอนนี้มิมีหวังอันใดที่เขาจักคว้าชัยได้เลย..”


 


“เป็นฟ้าริษยาอัจฉริยะ…”


 


……


 


หลายคนในเขาเป่ยหมังเริ่มมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเวทนา ทั้งเสียดาย พวกมันไม่ได้มองต้วนหลิงเทียนในแง่ดีเลย


 


แน่นอนว่ามีบางคนที่มั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียน


 


คนไม่กี่คนเหล่านั้นย่อมเป็นกลุ่มป๋ายลี่หง


 


“ฟังจากที่เจ้าว่า…แล้วนี่เจ้าจะไม่ตายโหงไม่ได้ผุดได้เกิดเลยหรือ ถ้าตกตายในมือข้า?”


 


หลังจากหรี่มองหลินตงด้วยสายตาลงลึก ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ


 


“หากเจ้าอยากให้ข้าตาย ต้องดูพลังฝีมือเจ้าว่ามีมากพอหรือไม่!”


 


หลินตงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาหลังได้ฟังวาจาของต้วนหลิงเทียน ถึงขั้นนี้แล้วมันก็ยังเห็นต้วนหลิงเทียนเป็นเพียงมดตัวกระจ้อย ที่มันจะบี้จะยีอย่างไรก็ได้ตามใจ


 


“อ้อ…แต่ข้าคิดว่าประโยคนี้เหมาะให้ข้าพูดมากกว่านะ”


 


ต้วนหลิงเทียนยังคงยกยิ้มบางๆ ด้วยความมั่นใจ


 


“ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าไปพกพาความมั่นใจผิดๆนั่นมาแต่ที่ใด!”


 


เหนือคาดคิดมันนัก! ที่ต้วนหลิงเทียนจะยังคงยิ้มได้ในสถานการณ์เช่นนี้ พาลให้ใบหน้าหลินตงจมลงโดยพลัน


 


ทันใดนั้น ความว่างกินอาณาบริเวณโดยมีรัศมี 100 หมี่ยึดร่างหลินตงเป็นจุดศูนย์กลางก็เริ่มสั่นไหว


 


เขตแดนเริ่มควบรวมก่อเกิดขึ้นมาด้วยความเร็ว!


 


“คิดเล่นเขตแดนต่อหน้าข้างั้นเหรอ?”


 


เมื่อสัมผัสได้ถึงการก่อเกิดเขตแดน มุมปากต้วนหลิงเทียนยกยิ้มขึ้นมาทันที


 


นับตั้งแต่เขาฝึกฝนใช้ออกด้วยเขตแดนหมื่นกระบี่ได้สำเร็จ ต้วนหลิงเทียนไม่นำพาเขตแดนของผู้ฝึกตนคนอื่นๆที่ยังอยู่ภายใต้ขอบเขตเซียนแม้แต่น้อย กระทั่งยังมีผู้คนในขอบเขตครึ่งก้าวเซียนหลายคนตกตายภายใต้เขตแดนหมื่นกระบี่ของเขาอย่างไร้หนทางต่อต้าน!


 


ดังนั้นทันทีที่หลินตงเริ่มรวมปราณแท้ก่อเกิดเขตแดน เขาก็เริ่มเปิดใช้เขตแดนเช่นกัน


 


เขตแดนหมื่นกระบี่!


 


ในขณะที่เขตแดนของหลินตงกำลังจะควบรวมก่อตัวแล้วเสร็จ กลิ่นอายคมกล้าเสียดแทงอันร้ายกาจพลันพวยพุ่งทะลักออกมาครอบคลุมในอาณาบริเวณ 100 หมี่โดยยึดต้วนหลิงเทียนเป็นจุดศูนย์กลาง! ยังคล้ายจะฉีกกระชากได้กระทั่งความว่าง!!


 


สำหรับผู้ชมโดยรอบ ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนเริ่มรวมปราณแท้ก่อเขตแดน ทั้งหมดรู้สึกเสมือนมีกระบี่แหลมคมพุ่งมาเสียบแทงกดดันเข้าใส่!


 


“นั่นคือเขตแดนอันร้ายกาจของปรมาจารย์ต้วนที่ร่ำลือ!!”


 


“เขตแดนของปรมาจารย์สามารถทำลายเขตแดนของแม่นางเฟิ่งได้แทบจะทันทีที่ปรากฏ…ข้ามิรู้ว่าเขตแดนของปรมาจารย์ต้วนจะสะกดทำลายเขตแดนของหลินตงได้ด้วยหรือไม่ หากกระทำได้เช่นนั้นก็มีโอกาสเอาชนะแล้ว!!”


 


“ข้ามิคิดเช่นนั้น…ถึงแม้เขตแดนปรมาจารย์ต้วนจะสามารถสะกดกระทั่งทำลายเขตแดนของหลินตงได้ แต่ก็มิได้หมายความว่าจะเอาชนะหลินตงที่เป็นถึงอันดับ 1 ในรายนามนภาได้ง่ายๆ! เพราะมิใช่เพียงแต่เขตแดนของหลินตงเท่านั้นที่ทรงพลัง! แม้เขตแดนจะถูกทำลายแต่วรยุทธ์เซียนทั้งทักษะต่างๆ ก็สามารถกดดันปรมาจารย์ต้วนได้!!”


 


“ในอดีตข้าเคยได้ยินแต่คำร่ำลือถึงเขตแดนปรมาจารย์ต้วน วันนี้ข้ากำลังจะได้เห็นมันกับตาแล้ว!!”


 


……


 


เขตแดนหมื่นกระบี่ที่ทรงพลังของต้วนหลิงเทียนนั้น ทุกคนได้ยินเสียงร่ำลือกันมานานแล้ว นั่นเป็นเหตุให้ทุกคนตื่นเต้นกันใหญ่เมื่อเขากำลังจะเปิดใช้เขตแดน!


 


‘หืม? กลับทรงพลังถึงขั้นนี้เชียว…’


 


ทว่าเมื่อต้วนหลิงเทียนควบปราณก่อเขตแดนหมื่นกระบี่แล้วเสร็จ เขาก็จำต้องแปลกใจ


 


เพราะเขาสัมผัสได้ถึงพลังต้านทานขุมหนึ่ง เป็นพลังต้านทานที่กำลังประชันขันแข่งกับเขตแดนของเขาอย่างไม่ยิ่งหย่อน! ยากที่จะทำลายเขตแดนของอีกฝ่ายลงได้!!


 


ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่าเขตแดนของเขาจะสะกดเขตแดนของหลินตงไม่ได้ด้วยซ้ำ!


 


‘เขตแดนของมันมีอะไรแปลกๆ…ดูเหมือนว่าพลังอำนาจดั้งเดิมของมันจะไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่แท้ๆ แต่กลับแตกต่างจากปกติ…หืม? กลิ่นอายพลังนี่มัน ดูท่าหลินตงคงเจียนบรรลุขอบเขตเซียนเต็มทีแล้วสินะ กระทั่งเขตแดนของมันยังมีกลิ่นอายพลังของขอบเขตเซียนแล้วแบบนี้…ถึงว่า’


 


หากกล่าวบอกว่าเขตแดนของหลินตงแข็งแกร่งทัดเทียมกับเขตแดนหมื่นกระบี่ของเขา ต้วนหลิงเทียนไม่เชื่อเด็ดขาด


 


แต่ในขณะที่จับสัมผัสจากพลังของเขตแดนตอนที่ปะทะกัน ความคิดประการหนึ่งก็ผุดวาบขึ้นมาในหัว และดูเหมือนจะมีความเป็นไปได้เพียงประการนี้ประการเดียว…

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)