War sovereign Soaring The Heavens 1622-1625

 ตอนที่ 1,622 : อ๋องหรง


 


ทว่าตอนนี้จวนอ๋องเฉียนกลับส่งคนมาหาซือถูหมิง เพื่อให้มันไปเข้าเฝ้าที่จวนอ๋อง!


 


แต่ถ้าหากซือถูหมิงตอบรับคำเชิญแล้วไปจวนอ๋องเฉียนล่ะก็ น่ากลัวว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีในสายตาของผู้อื่น!


 


เพราะบรรพบุรุษตระกูลซือถูได้ตัดสินใจแล้ว ว่าทางตระกูลจะเข้าร่วมกับองค์ชายรอง! หากขัดคำสั่งของบรรพบุรุษล่ะก็ ขับออกจากตระกูลสถานเดียว!!


 


“โปรดนำความของข้าไปเรียนต่ออ๋องเฉียนด้วย ว่าข้าขอบคุณในความปรารถนาดีครั้งนี้ของท่านอ๋อง..แต่เกรงว่าข้าคงมิอาจสะดวกไปเข้าเฝ้า”


 


ซือถูหมิงกล่าวกับชายวัยกลางคนที่มาจากจวนอ๋องเฉียนตรงๆ


 


“องค์ชาย 4 รู้แต่แรกแล้วว่าเจ้าจะกล่าวปฏิเสธเช่นนี้…เช่นนั้นท่านจึงให้ข้ามาบอกต่อเจ้า ว่าตอนนี้อี้เฟิงรอพบเจ้าอยู่ที่จวนอ๋องเฉียน”


 


ชายวัยกลางคนกล่าวสืบต่อ


 


อี้เฟิง!


 


ได้ยินคำนี้ของชายวัยกลางคนหัวล้าน ลูกตาของซือถูหมิงหดเล็กลงทันที


 


กระทั่งซือถูจั๋ว และอาวุโสทั้งหลายของตระกูลซือถูที่อยู่ในโถงประชุม ก็ตกใจกันไม่น้อย


 


นามอี้เฟิง ย่อมไม่ใช่นามแปลกหูสำหรับพวกมัน!


 


อี้เฟิง ประมุขนิกายหยินหมิง!


 


วันนี้พวกมันพึ่งได้รับทราบข่าวกันว่า อาวุโสสูงสุดนิกายหยินหมิงถูกสังหารตกตาย ส่วนประมุขอย่างอี้เฟิงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย…นิกายหยินหมิงจึงเหลือแต่ชื่อ


 


ทว่าตอนนี้คนของจวนอ๋องเฉียนกลับบอกว่า อี้เฟิงอยู่ที่จวน!?


 


‘อย่าได้บอกข้าเชียวว่านิกายหยินหมิงไปเผลอล่วงเกินอะไรอ๋องเฉียนเข้า!’


 


พอคิดถึงเรื่องนี้ ใจของซือถูหมิงก็เต้นรัวขึ้นมาทันที มันมองชายวัยกลางคนทั้งเร่งกล่าวออกมา “ใต้เท้าโปรดนำความข้าไปรายงานต่ออ๋องเฉียนด้วย ว่าถึงแม้ข้าจะมีความสัมพันธ์กับนิกายหยินหมิง หากแต่การกระทำอื่นใดของนิกายหยินหมิงนั้น มิมีอันใดเกี่ยวข้องกับข้า!”


 


จังหวะนี้เห็นได้ชัดว่าซือถูหมิงคิดจะตัดสัมพันธ์กับนิกายหยินหมิง


 


“รองผู้นำซือถูหมิง เรื่องนี้เจ้าต้องไปอธิบายกับท่านอ๋องเฉียนด้วยตัวเอง ข้าเกรงว่ามิอาจนำความนี้ไปส่งแทนเจ้าได้”


 


ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “นอกจากนี้องค์ชาย 4 ยังฝากข้ามาบอกเจ้าอีกด้วย ว่าหากเจ้าไม่เต็มใจจะตามข้าไปจวนอ๋อง…เจ้าก็แบกรับความเสี่ยงเอาเองเถอะ!”


 


แบกรับความเสี่ยงเอาเองเถอะ!


 


ทันทีที่ชายวัยกลางคนกล่าวคำนี้ออกมา ซือถูหมิงและทุกคนในโถงประชุมก็หน้าเบี้ยวไปทันที


 


ซือถูหมิงยังหันไปมองซือถูจงทันที


 


“ไปเถอะ”


 


ซือถูจงพยักหน้าให้ซือถูหมิง ค่อยกล่าวเสริม “ในเมื่อเรื่องราวมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ท่านก็มิมีทางเลือกอีกต่อไป อ๋องเฉียนมิใช่คนใจกว้าง”


 


ซือถูหมิงได้ฟังก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆทันที


 


มันรู้ดีว่าเรื่องถึงขั้นนี้แล้ว มันสิ้นไร้หนทางเลือกอื่นอีก หากไม่ไปก็เป็นการผิดใจกับอ๋องเฉียนแน่!


 


ถึงแม้ว่าตระกูลซือถูจะมีองค์ชายสนับสนุนเช่นกัน แต่น่ากลัวว่าองค์ชายผู้นั้นอาจจะไม่เต็มใจเผชิญหน้ากับอ๋องเฉียนเพื่อช่วยเหลือมัน!


 


“ตกลงใต้เท้า ข้าจะไปกับท่าน”


 


สุดท้ายซือถูหมิงก็สงบใจและตัดสินใจออกมา


 


“เช่นนั้นก็ไปกันเลยเถอะ”


 


ชายวัยกลางคนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงคล้ายเบื่อหน่าย ถึงแม้มันจะเป็นแค่ครึ่งก้าวเซียน แต่เพราะมันมีหน้าที่จัดการดูแลเรื่องราวในจวนอ๋องเฉียน ถึงแม้จะเผชิญหน้ากับตัวตนในขอบเขตเซียนอย่างซือถูหมิงมันก็ไม่กลัว ยังเต็มไปด้วยความมั่นใจ


 


มันเป็นสุนัขรับใช้ของพยัคฆ์ ใยต้องกลัวจิ้งจอก? เรื่องก็มีเท่านี้!


 


ด้วยการนำพาของชายวัยกลางคน ไม่นานซือถูหมิงก็ออกจากตระกูลซือถู กระทั่งเดินทางมาถึงจวนอ๋องเฉียน


 


ทว่าในขณะที่ซือถูหมิงติดตามชายวัยกลางคนหัวล้านเข้าไปในจวนอ๋องนั้น ปรากฏร่างที่ปกปิดตัวเองอยู่ข้างนอกจวนอ๋องเฉียน เร่งรุดออกจากที่หลบซ่อนและมุ่งหน้าไปยังจวนอ๋องอีกแห่งที่ใหญ่โตไม่แพ้กันทันที


 


“ซือถูหมิงแห่งตระกูลซือถู ไปหาน้องสี่งั้นเหรอ?”


 


อ๋องหรง ชายวัยกลางคนที่แลดูสง่างามมากบารมี พลันขมวดคิ้วยู่ย่นหลังจากได้ยินคำรายงานจากสายสืบที่มันส่งไปเฝ้าสังเกตการณ์ที่จวนอ๋องเฉียน


 


“เจ้าแน่ใจหรือไม่..ว่าดูให้แน่ชัดแล้วถึงมารายงาน?”


 


ด้านหลังอ๋องหรง ปรากฏชายหนุ่มในชุดคลุมดำผู้หนึ่ง…เป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของอ๋องหรง มันกล่าวถามสายลับที่คุกเข่ารายงานออกมาเสียงเย็น


 


แม้รูปร่างหน้าตาของชายหนุ่มในชุดคลุมดำจะแลดูธรรมดา หากแต่ดวงตาของมันกลับเฉียบคมไม่น้อย ยามจ้องไปยังสายสืบคนดังกล่าว แววตายิ่งทวีความดุร้ายปานพยัคฑ์ มีอานุภาพขู่ขวัญผู้คนนัก!


 


“ข้ามั่นใจ ว่ามองคนมิผิดแน่!”


 


หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สายสืบที่เร่งกลับมารายงานก็กล่าวตอบออกไปอย่างมั่นใจ


 


“เช่นนั้นเจ้าจงไปยังตระกูลซือถู แล้วถามซือถูฮ่าวมันดู..ว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่! แล้วบอกให้มันหาคำตอบที่น่าพอใจมาอธิบายที่จวนอ๋องหรงภายใน 3 วัน!”


 


ชายหนุ่มในชุดคลุมดำกล่าวออกอีกครั้ง


 


“ทราบ”


 


สายสืบคนดั่งกล่าวเร่งรุดรับคำ ก่อนที่จะจากไปอย่างรวดเร็ว


 


และเมื่อผู้นำตระกูลซือถูอย่างซือถูฮ่าวได้รับทราบเรื่องนี้ สีหน้ามันก็คล้ายคนตายทันที “ซือถูหมิงมันกล้าเดินทางไปยังจวนอ๋องเฉียนกลางวันแสกๆ…นี่มันคิดจะทำอันใดกันแน่!?”


 


“ผู้นำตระกูลซือถู ข้านำความมาส่งถึงท่านแล้วนับว่าหน้าที่ข้าจบเพียงเท่านี้ และโปรดไปมอบคำอธิบายให้ท่านอ๋องหรงพึงพอใจในเร็ววัน”


 


สายสืบที่มาแจ้งเรื่องราถึงตระกูลซือถู วางตัวสูงส่งและไม่เห็นหัวผู้ใดแม้แต่น้อย ผิดกับท่าทีเรียบๆร้อยๆ ไม่กล้าหืออือยามอยู่ต่อหน้าอ๋องหรงและหัวหน้าหน่วยข่าวกรองปานคนละคน!


 


ในจวนอ๋องหรงมันก็เสมือนลูกอ๊อดตัวน้อย


 


หากแต่เมื่ออยู่ในตระกูลซือถู มันก็คือผู้ส่งสารของจวนอ๋องหรง! ไม่ต้องก้มหัวให้ผู้ใดทั้งสิ้น!!


 


หลังจากที่คนจากจวนอ๋องหรงกลับไป สีหน้าซือถูฮ่าวยิ่งกลายเป็นมืดดำไปกันใหญ่


 


ส่วนทางด้านอ๋องเฉียน ในที่สุดซือถูหมิง ก็ได้พบกับอ๋องเฉียน หรือองค์ชาย 4 แห่งประเทศฝูเฟิง “ข้าซือถูหมิง ขอคารวะองค์ชาย 4”


 


ต่อหน้าอ๋องเฉียน ซือถูหมิงไม่กล้าไม่สุภาพ


 


“รองผู้นำหมิงอย่าได้มากพิธี นั่งลงเถอะ”


 


อ๋องเฉียนยิ้มรับคำทักทายเล็กน้อย ค่อยผายมือให้ซือถูหมิงนั่งลง


 


อย่างไรก็ตามซือถูหมิงไม่กล้านั่ง


 


“อะไร? หรือรองผู้นำหมิงไม่คิดไว้หน้าข้า?”


 


รอยยิ้มของอ๋องเฉียนหยุดลงทันใด กล่าวถามออกด้วยใบหน้าเย็นชา


 


“มิกล้า! มิกล้า!!”


 


ซือถูหมิงที่หวาดกลัวจับใจเร่งนั่งลงทันที ตอนนี้มันรู้สึกอึดอัดไม่น้อย!


 


“รองผู้นำหมิง ได้ข่าวว่าพักนี้ที่ตระกูลซือถู เจ้าก็มิได้มีความสุขอันใดมากมายใช่หรือไม่?”


 


อ๋องเฉียนมองซือถูหมิงพร้อมถามด้วยรอยยิ้ม


 


“ท่านอ๋องเฉียนล้อข้าเล่นแล้ว ในฐานะรองผู้นำตระกูลซือถู ไหนเลยข้าจักอยู่ในตระกูลอย่างมิมีความสุขได้?”


 


ซือถูหมิงหัวเราะออกมา


 


ถึงแม้ว่าพักนี้มันไม่ค่อยมีความสุขในตระกูลซือถูจริง แต่เรื่องนี้มันยังพูดออกมาต่อหน้าอ๋องเฉียนได้หรือ?


 


เพราะจะอย่างไรสุดท้ายแล้วตระกูลซือถู ก็อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับจวนอ๋องเฉียน!


 


“ดูเหมือนว่ารองผู้นำหมิงยังคงระแวงข้า…”


 


อ๋องเฉียนส่ายหน้าไปมา ก่อนที่จะยกมือขึ้นมาตบ


 


ทันใดนั้น คนที่รออยู่หน้าห้องโถงคนหนึ่งก็เข้าใจสัญญาณดังกล่าว มันเร่งเข้ามาในห้องโถงทันที


 


และเมื่อเห็นหน้าผู้ที่พึ่งเข้ามาในห้องโถง ซือถูหมิงก็ถึงกับต้องลุกขึ้นยืน สองตาของมันเผยประกายเย็นชา ส่งเสียงผ่านปราณกล่าวถามไปอย่างไม่รีรอ “อี้เฟิงเจ้าเสียสติแล้วหรือไรที่มาที่นี่ หรือเจ้ามิรู้ว่าตระกูลซือถูของข้ากับอ๋องเฉียนอยู่คนละฝ่าย?”


 


“รองผู้นำตระกูลซือถู ข้ารู้ดีว่าตระกูลซือถูอยู่คนละฝ่ายกับท่านอ๋องเฉียน”


 


อี้เฟิงไม่ได้ส่งเสียงตอบ หากแต่เลือกที่จะกล่าวออกมาโดยตรง


 


ทันใดนั้นหน้าซือถูหมิงก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เร่งส่งเสียงกล่าวถามไปอีกรอบ “อี้เฟิง นี่เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”


 


“อ่า ข้าก็มิได้คิดจะทำอะไรทั้งสิ้น เพียงแค่อยากให้ท่านทราบถึงสถานการณ์ปัจจุบันเท่านั้น…ตอนนี้ที่ตระกูลซือถูไม่มีที่ให้ท่านยืนอีกต่อไป สิ่งที่ท่านกระทำได้คือพาคนของตระกูลซือที่อยู่ฝ่ายท่านมาเข้าร่วมกับจวนอ๋องเฉียงเพื่อหลบภัยเท่านั้น”


 


อี้เฟิงก็ยังคงกล่าวออกมาโต้งๆ เหมือนเดิม



ตอนที่ 1,623 : ทรยศ!


 


ก่อนที่ซือถูหมิงจะมาถึงที่นี่ มันก็ครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้เอาไว้มากมาย


 


มันยังคิดไปว่าหรือนิกายหยินหมิงไปล่วงเกินอ๋องเฉียนเข้า…จึงถูกฆ่าล้างนิกาย กระทั่งจับตัวอี้เฟิงประมุขนิกายหยินหมิงเอาไว้!


 


แต่ดูท่าทางแล้วเรื่องราวจะไม่ได้เป็นแบบนั้น


 


มันคิดไม่ถึงจริงๆว่าไม่เพียงแต่อี้เฟิงจะทรยศมัน กระทั่งยังกล้าชักชวนให้มันออกจากตระกูลซือถู!


 


“ท่านอ๋องเฉียน หากท่านคิดเชิญข้ามาเพราะเรื่องนี้ เกรงว่าข้าต้องขออภัยด้วย แต่ข้าคงมิอาจอยู่สนทนาด้วยได้อีก”


 


สูดลมหายเข้าลึกๆครั้งหนึ่ง ซือถูหมิงก็ลุกขึ้นยืนพร้อมมองกล่าวกับอ๋องเฉียนออกมาตรงๆ


 


ล้อกันเล่นหรือไง!


 


ตลอดชีวิตมันพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ตำแหน่งผู้นำตระกูล!


 


ถึงแม้ว่ามันจะแพ้พ่ายซือถูฮ่าวมันก็ไม่เคยถอดใจ มันต้องการจะช่วยสนับสนุนให้ลูกชายของมันชนะลูกชายของซือถูฮ่าว เพื่อให้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไปให้จงได้ ถึงตอนนั้นมันก็สามารถเป็นผู้ชักใยอยู่หลังฉากได้ไม่ยาก! แต่อ๋องเฉียนกลับคิดให้มันพาคนของฝ่ายมันมาเข้าร่วมกับจวนอ๋อง นั่นคือการทรยศตระกูล!


 


เมื่อมันทรยศตระกูล นั่นก็หมายความว่ามันจะกลายเป็นผู้ทรยศต่อตระกูล และไม่มีวันที่สายโลหิตของมันจะได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลได้อีก


 


เมื่อมันเลือกที่จะทรยศตระกูล นั่นก็คือการทำลายความพยายามชั่วชีวิตที่ผ่านมาทั้งหมด!


 


มันย่อมไม่เคยคิดจะเลือกหนทางเช่นนี้!


 


หลังจากกล่าวจบคำ ซือถูหมิงก็หันหลังเตรียมจากไปทันที


 


อย่างไรก็ตาม ทันทีที่มันหันหลังกลับมา มันก็ถูกชายชรา 2 คนที่คอยประกบอยู่ด้านหลังอ๋องเฉียนพุ่งมาหยุดเอาไว้


 


“อ๋องเฉียน ท่านทำเช่นนี้หมายความว่าอะไร””


 


หน้าซือถูหมิงเปลี่ยนสีทันที หันมามองอ๋องเฉียนอีกครั้ง ในแววตาเผยให้เห็นโทสะชัดเจน


 


“รองผู้นำหมิงหากเจ้าคิดจะจากไป ข้าก็ไม่ห้ามแต่ก่อนหน้านั้นเจ้าช่วยฟังคำพูดของอี้เฟิงเสียก่อน…หากอี้เฟิงกล่าวจบแล้ว แต่เจ้ายังคิดจะอยู่ในตระกูลซือถูก็ตามใจ”


 


อ๋องเฉียนกล่าว


 


ซือถูหมิงที่ได้ฟัง ก็หันไปเหลือบมองอี้เฟิง “เจ้าคิดพูดอะไรก็พูด แต่เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเจ้าจะกล่อมให้ข้าทรยศตระกูลซือถูได้?”


 


“รองผู้นำหมิง อย่าพึ่งด่วนสรุปไป”


 


เมื่อเห็นซือถูหมิงเหลือบมองมาด้วยสายตาดูแคลนอี้เฟิงก็ไม่ได้มีโมโหอะไร เพียงกล่าวออกเสียงเรียบ “อันที่จริงเรื่องที่ข้าอยากให้ท่านมาเข้าร่วมกับจวนอ๋องเฉียน ล้วนเป็นเพราะคิดช่วยชีวิตของท่าน…”


 


“ช่วยชีวิตข้า? เจ้าหมายความว่าอะไร?”


 


หน้าซือถูหมิงจมลงทันใด


 


“ซือถูหมิง ท่านรู้หรือไม่ว่าไฉนข้าถึงมาอยู่ที่จวนอ๋องเฉียนได้?”


 


อี้เฟิงกล่าวถาม


 


เมื่อเห็นว่าซูถือหมิงนิ่งไปไร้คำตอบ อี้เฟิงก็มองสบตาพร้อมกล่าว “ที่ข้าต้องมาอยู่ที่จวนอ๋องเฉียนเพราะข้าไม่อยากตาย! ท่านรู้หรือไม่ว่าไฉนข้าต้องหนีมาพึ่งใบบุญของท่านอ๋องเฉียน? เรื่องนี้ง่ายดายนัก…ความแข็งแกร่งของขุมพลังต้วนหลิงเทียนช่างน่ากลัวยิ่ง! กระทั่งผู้อาวุโสสูงสุดของข้าก็ตายเพราะมัน!”


 


“และเพราะข้าหวาดกลัวมัน ข้าถึงได้หนีหัวซุกหัวซุนมาเช่นนี้!”


 


อี้เฟิงกล่าวสืบต่อ


 


และเมื่อเห็นสายตาไม่เชื่อของซือถูหมิง อี้เฟิงพลันกัดนิ้วหลั่งโลหิตสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าทันที “หากผู้อาวุโสสูงสุดมิได้ตกตายเพราะต้วนหลิงเทียน และข้ามิได้หลบหนีมาเยี่ยงสุนัขเพราะหวาดกลัวขุมพลังของต้วนหลิงเทียน ขอให้อัสนีสวรรค์พิฆาตร่างข้าตายตก!”


 


ทันที่ที่หยดเลือดของอี้เฟงพวยพุ่งขึ้นไปก่อนจะวูบหายไปอย่างลี้ลับ เสียงอัสนีสวรรค์พลันฟาดผ่าดังติดต่อกัน 9 คำรบเป็นการตอบรับคำสาบาน!


 


ทว่าหลังจากที่กล่าวคำสาบานไปแล้ว อี้เฟิงกลับยังอยู่ดี ไม่ถูกอัสนีจากฟ้าพิฆาตมอดม้วย…


 


นั่นมากพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่ามันไม่ได้กล่าวโป้ปด!


 


ทันทีที่อี้เฟิงกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าแล้วยังอยู่ดี สีหน้าซือถูหมิงก็เปลี่ยนไปอย่างมหันต์ “ต้วนหลิงเทียนนั่น มันมีขุมพลังหนุนหลังแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยหรือ!?”


 


“ใช่! และที่สำคัญ…เรื่องนี้มิมีส่วนเกี่ยวข้องกับนิกายอัคคีล่องลอยอะไรทั้งสิ้น!”


 


อี้เฟิงยังกล่าวต่อ “ถึงแม้ว่าข้าจักมิรู้ว่าต้วนหลิงเทียน ไฉนถึงมีขุมพลังเช่นนี้อยู่…หากแต่ความแข็งแกร่งของมันมิได้ด้อยไปกว่าตระกูลซือถูแม้แต่น้อย”


 


“มิใช่นิกายอัคคีล่องลอย?”


 


พอได้ยินว่าขุมพลังที่อยู่เบื้องหลังของต้วนหลิงเทียนไม่ใช่นิกายอัคคีล่องลอย สีหน้าซือถูหมิงยิ่งคล้ำลงไปกันใหญ่!


 


ในใต้หล้าที่น่ากลัวที่สุดก็คือความไม่รู้!


 


ขุมพลังต้วนหลิงเทียนกลับลึกลับแบบนี้ หากคิดลงมือต่อมันคงยากที่จะทานรับแล้ว!


 


‘ความสามารถในการฆ่าอาวุโสสูงสุดนิกายหยินหมิง และบีบบังคับให้อี้เฟิงต้องหลบหนีมาโดยปล่อยให้นิกายหยินหมิงล่มสลาย…ความแข็งแกร่งของขุมพลังต้วนหลิงเทียนนั่น ไม่ใช่อะไรที่ตัวข้าจะสามารถต้านทานได้เลย!’


 


ตอนนี้สีหน้าซือถูหมิงสลับกลับกลาย เริ่มบังเกิดความลังเลไม่แน่นอน


 


‘เพราะอะไร! ไฉนซือถูฮ่าวถึงไปรับตัวคนที่โดดเด่นเช่นต้วนหลิงเทียนมาเข้าพวกได้! บิดาข้าถูกกำหนดให้แพ้พ่ายบิดาซือถูฮ่าว ข้าก็แพ้พ่ายต่อมัน กระทั่งลูกข้าก็กำลังสิ้นไร้หนทาง ข้าไม่ยอมรับ! ข้าไม่ยอมรับ!!’


 


ใจของซือถูหมิงร่ำร้องแทบบ้า!


 


อย่างไรก็ตามมันรู้ดีว่าต่อให้มันจะไม่พอใจแค่ไหน มันก็จำต้องเลือก!


 


อี้เฟิงกล่าวเป็นเชิงว่าหากมันยังรั้งอยู่ในตระกูลซือถูต่อไปมันต้องตายแน่…เพราะหากขุมพลังของต้วนหลิงเทียนเข้าร่วมกับซือถูฮ่าวจริง มันจะเอาปัญญาที่ไหนไปสู้!!


 


“ท่านอ๋องเฉียน ข้าซือถูหมิงยินดีรับใช้ท่าน”


 


ไม่นานซือถูหมิงก็ตัดสินใจเข้าร่วมกับอ๋องเฉียน


 


เพราะตอนนี้มันไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว


 


“รองผู้นำหมิง..คิดเข้าร่วมกับท่านอ๋อง ท่านก็จำต้องแสดงความจริงใจสักเล็กน้อย”


 


อี้เฟิงกล่าวพร้อมหัวเราะ


 


“แสดงความจริงใจอันใด?”


 


หน้าซือถูหมิงจมลงโดยพลัน


 


แต่ก่อนอี้เฟิงกล้ากล่าวล้อเล่นกับมันเช่นนี้หรือ?


 


“แน่นอนว่าต้องสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า”


 


อี้เฟิงกล่าวสืบต่อ


 


“เจ้า…”


 


หน้าซือถูหมิงเปลี่ยนสีทันที แต่เมื่อมันพบว่าอ๋องเฉียนกำลังจับตาดูมันอยู่ คล้ายรอฟังคำสาบานของมัน ว่าจะรับใช้จวนอ๋องเฉียนและหากทรยศก็ต้องถูกฟ้าพิฆาตตายตก


 


“ท่านอ๋องเฉียนข้าคิดว่าอาจจะดีเสียกว่าหากให้ข้ากับคนของข้ายังคงแฝงตัวอยู่ที่ตระกูลซือถูดั่งสายลับ เพราะบางทีข้าอาจจะหาทางชิงตำแหน่งผู้นำมาได้”


 


ซือถูหมิงกล่าวแนะ


 


กระทั่งถึงตอนนี้มันก็ยังไม่สิ้นหวังในการครอบครองตระกูล และกล่าวเป็นเชิงให้อ๋องเฉียนอนุญาติให้มันรั้งอยู่ที่ตระกูลซือถู


 


แน่นอนว่ามันกล่าวเช่นนี้เพราะเพื่อตัวมันเอง


 


มันไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นตัวทรยศตระกูลซือถู เพราะถ้ามันเลือกที่จะทรยศตระกูลหมายความว่ามันจะไม่มีส่วนเกี่ยวของกับตระกูลซือถูอีกต่อไป…กระทั่งผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชามันก็ไม่แน่ว่าจะเลือกติดตามมันมา


 


ก็จริงที่อาวุโสเหล่านั้นสนับสนุนมันให้ขึ้นเป็นผู้นำ แต่ถ้ามันเลือกจะทรยศตระกูลแบบนี้ ทั้งหลายอาจไม่บ้าทรยศตระกูลไปพร้อมกับมัน!


 


“นั่นมิจำเป็น!”


 


อย่างไรก็ตามอ๋องเฉียนปฏิเสธออกมาทันที “ด้วยมีต้วนหลิงเทียนนั่นอยู่สักคน เจ้าไม่มีวันสู้ฝ่ายซือถูฮ่าวได้เลย!”


 


ได้ฟังคำนี้ซือถูหมิงก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที


 


มันยังคิดจะกล่าวว่า ‘มิใช่ข้าก็มีท่านสนับสนุนหรือ’ แต่มันก็พูดไม่ออก


 


เห็นได้ชัดว่าอ๋องเฉียนอยากให้มันทรยศตระกูลอย่างตั้งใจ


 


และอ๋องเฉียนคิดอะไรอยู่มันก็รู้ดี อีกฝ่ายคิดใช้การทรยศของมันในการเยาะเย้ยอ๋องหรง องค์ชายรองที่เป็นคู่แข่งในการช่วงชิงบัลลังก์!


 


“ข้าจะให้เวลาเจ้าหนึ่งวัน ไปพาคนที่ยินดีติดตามเจ้ามาเข้าร่วมกับจวนข้าเสีย!”


 


ดั่งคำที่ว่า กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ อ๋องเฉียนกล่าวจบก็หันมองชายชราที่อยู่ด้านหลังทั้งสองทันที “พวกเจ้าไปช่วยเหลือรองผู้นำหมิงตระเตรียมการย้ายเถอะ…หากรองผู้นำหมิงกลับไปตระกูลซือถูคนเดียว ข้าเกรงว่าจักมิได้กลับออกมาอีก!”


 


หลังจากที่ซือถูหมิงจากไปโดยมีชายชราทั้ง 2 ประกบติด ในห้องโถงก็หลงเหลือเพียงอี้เฟิงกับอ๋องเฉียน


 


“เจ้านับว่าฉลาดเฉลียวมิเบา ที่ไม่กล่าวถึงตราผนึกมารแม้แต่คำเดียว!”


 


อ๋องเฉียนมองอี้เฟิงด้วยความชื่นชมและพึงพอใจกับ ‘ไหวพริบ’ ของอีกฝ่ายนัก


 


“เรื่องนี้ คนล่วงรู้น้อยเท่าใดยิ่งดี”


 


อี้เฟิงฉีกยิ้มรับ


 


วันต่อมา ตระกูลซือถูประหนึ่งพบพานกับเรื่องราวดั่งฟ้าถล่มก็ไม่ปาน


 


ทั้งหมดนี้เพราะการจากไปของรองผู้นำตระกูลซือถู ซือถูหมิง กล่าวให้ชัดว่าทรยศแล้ว!


 


รองผู้นำตระกูลซือถู ซือถูหมิง ได้นำพาบุตรชายซือถูจั๋ว และอาวุโสของตระกูลซือถูบางส่วน รวมถึงผู้ดูแลจำนวนหนึ่งออกจากตระกูล โดยมีชายชรา 2 คนอันเป็นยอดฝีมือของจวนอ๋องเฉียนมากำกับดูแลการเดินทาง


 


เรื่องราวการออกจากตระกูลซือถูของฝ่ายซือถูหมิงบางส่วน เป็นดั่งพายุที่กระหน่ำซัดตระกูลซือถูหลังจากเรื่องราวในตระกูลสงบไปพักหนึ่ง!


 


ภายในโถงประชุมหลักของตระกูลซือถู เหล่าอาวุโสมากมายหลายคนที่เคยอยู่ข้างซือถูหมิง กำลังคุกเข่าบนพื้นต่อหน้าผู้นำตระกูลซือถู อย่างซือถูฮ่าว


 


“ท่านผู้นำ ข้ามันหูตามืดมัวมิอาจแยกแยะผิดชอบชั่วดี ข้าไม่คิดเลยจริงๆว่าซือถูหมิงมันจะกล้าทรยศตระกูลซือถูเช่นนี้…ข้าจักให้คำสัตย์ปฏิญาณต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าว่าจากนี้ไปทั้งชีวิตของข้า จักมีไว้เพื่อท่านผู้นำและตระกูลเท่านั้น!!”


 


เหล่าอาวุโสหลายคนที่อยู่ด้านหน้าโขกศีรษะกล่าววาจาออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว


 


และพอกล่าวจบคำพวกมันก็พร้อมใจกันหลั่งโลหิตกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าทันที


 


เหล่าอาวุโสด้านหลังก็เริ่มทำตามกันไปติดๆ


 


การที่ผู้อาวุโสเหล่านี้ย้ายมาอยู่ข้างมัน หากเป็นในการก่อนซือถูฮ่าวคงมีความสุขความยินดีนัก


 


ทว่าตอนนี้ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวอัปลักษณ์อย่างสุดจะทน เพราะมันทราบว่าซือถูหมิงทรยศตระกูลแล้วจากไปเช่นนี้!


 


“ท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย การที่พวกท่านไม่ติดตามซือถูหมิงไป ก็มากเกินพอจะพิสูจน์ความจริงใจของพวกท่านแล้ว ที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันแล้วกันไปเถอะ อดีตเป็นเช่นไรมิสำคัญ! จากนี้ต่อไปข้าหวังเพียงว่าทุกคนจักทำเพื่อตระกูลของเราให้ดีที่สุด!”


 


ซือถูฮ่าวกล่าวกับเหล่าอาวุโสทั้งหลาย


 


“ขอบคุณท่านผู้นำ!”


 


เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายเร่งขอบคุณซือถูฮ่าวเป็นการใหญ่


 


“หืม? ซือถูหมิงนั่นมันทรยศตระกูลซือถู และจากไปแล้วงั้นเหรอ?”


 


ที่บ้านลาน พอต้วนหลิงเทียนได้รับทราบเรื่องราวจากซือถูหังเขาก็ประหลาดใจไม่น้อย “แล้วหลังจากที่มันทรยศตระกูลซือถู มันไปอยู่ที่ไหนรึ?”


 


“จวนอ๋องเฉียน”


 


ซือถูหังกล่าวออกด้วยใบหน้าปั้นยาก “ซือถูหมิงนั่นมันช่างกล้านัก ข้าคิดว่ามันเพียงอยากสู้กับบิดาเพื่อช่วงชิงตำแหน่งผู้นำ…แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะเลือกหักหลังตระกูลเช่นนี้! พอมันออกจากตระกูลซือถูไป พวกเราก็เสมือนเสียตัวตนขอบเขตเซียนไปถึง 2!”


 


“แล้วบรรพบุรุษของตระกูลซือถูเล่า รู้เรื่องนี้แล้วหรือยัง?”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวถาม


 


“ท่านพ่อข้าสมควรไปแจ้งเรื่องราวต่อท่านบรรพบุรุษแล้ว…ท่านบรรพบุรุษผู้เฒ่าต้องมีโมโหหนักแน่เมื่อทราบเรื่องนี้! อย่างไรก็ตามป่านนี้ซือถูหมิงมันพาผู้คนของมันไปถึงจวนอ๋องเฉียนแล้ว ต่อให้ท่านบรรพบุรุษผู้ฒ่าโกรธไปก็ไร้ประโยชน์!”


 


วาจาท้ายประโยคของซือถูหังยังเผยความอับจนไม่น้อย


 


ต้วนหลิงเทียนไม่ได้พึ่งมาอยู่ที่ประเทศฝูเฟิงวันสองวัน เขาย่อมรู้ดีว่า จวนอ๋องเฉียน คือสถานที่อย่างไร


 


“ท่านปรมาจารย์ต้วน มีใครบางคนมาฝากข้อความเอาไว้ให้ท่าน และยังกำชับข้าให้ส่งถึงมือท่าน”


 


ทว่าทันใดนั้นเอง เสียงเปี่ยมความเคารพพลันดังขึ้นจากด้านนอกลาน




ตอนที่ 1,624 : คำสั่งของตลาดมืดหยินชาน


 


พอได้ยินคำเรียกต้วนหลิงเทียนก็ตอบสนองโดยการเดินไปยังประตูทางเข้าลานทันที ก่อนที่จะเห็นร่างคนตระกูลซือถูคนหนึ่ง


 


อีกฝ่ายก็คือผู้ที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูหน้าของตระกูลซือถูในวันนี้


 


“เป็นใครมาฝากไว้เหรอ?”


 


ต้วนหลิงเทียนถาม


 


“คนที่ฝากกล่าวแจ้งไว้ว่าชื่อ อี้เฟิง ขอรับ และคนผู้นั้นยังบอกมาอีกว่า…อยากเชิญท่านปรมาจารย์ต้วนไปเยือนจวนอ๋องเฉียนเพื่อสนทนาเรื่องราวในวันเก่าๆสักครา…”


 


คนของตระกูลซือถูกล่าว


 


“อี้เฟิงงั้นเหรอ!?”


 


พอได้ยินคำกล่าวของผู้ที่มาส่งสาร ซือถูหังที่อยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียนพลันโพล่งออกมาทันที “นั่นไม่ใช่นามของประมุขนิกายหยินหมิงรึไร!? ข้าจำได้ว่าประมุขนิกายหยินหมิงก็เรียกว่าอี้เฟิงเช่นกัน!”


 


ด้านต้วนหลิงเทียนก็หน้าเปลี่ยนสีไปเช่นกัน


 


อี้เฟิง!


 


ในที่สุดมันก็ปรากฏตัวอีกครั้ง!


 


ยิ่งไปกว่านั้นมันยังไปพึ่งใบบุญจวนอ๋องเฉียนอีก!


 


‘อี้เฟิงเป็นประมุขนิกายหยินหมิง และนิกายหยินหมิงก็มีความสัมพันธ์กับตระกูลซือถูมาก่อน นั่นหมายความว่าหากเป็นสถานการณ์ปกติ มันสมควรไปเข้าร่วมกับฝ่ายองค์ชายรองอย่างอ๋องหรงถึงจะถูก แต่นี่มันกลับไปเข้าฝ่ายตรงข้ามที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับอ๋องหรงอย่างองค์ชาย 4 อ๋องเฉียน…’


 


ใจต้วนหลิงเทียนจมลงโดยพลัน


 


อาศัยความจริงที่ตอนนี้อี้เฟิงอยู่จวนอ๋องเฉียนได้ นั่นหมายความว่ามันต้องเสนออะไรให้จวนอ๋องเฉียนแน่…เป็นไปได้สูงที่ตอนนี้มันจะคายความลับเรื่องตราผนึกมารในมือข้าออกไปแล้ว…’


 


เมื่อคิดถึงจุดนี้ ลูกตาต้วนหลิงเทียนเผยเจตนาฆ่าฟันออกมาทันที


 


หากเขาทำได้ เขาอยากจะฆ่าอี้เฟิงให้ตาย และฆ่าทุกคนที่รู้เรื่องตราผนึกมารไปเสีย!


 


เพราะเรื่องนี้จะชักนำเภทภัยมาสู่ตัวเขาอย่างไม่สิ้นสุด!


 


‘จวนอ๋องเฉียน…ถ้างั้น 9 ใน 10 ส่วนอ๋องเฉียนต้องรู้แล้วเป็นแน่ว่าข้ามีตราผนึกมาร’


 


ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว


 


อ๋องเฉียนนั่นเขาไม่ได้หวาดกลัวมันแต่อย่างไร


 


อย่างไรก็ตามในฐานะอ๋อง มันต้องมีผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ในขอบเขตเซียนไม่น้อยคอยดูแล ยิ่งไปกว่านั้นผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่ผู้ฝึกมาร…


 


บุกไปฆ่าอ๋องเฉียน…คงไม่ง่ายเลย!


 


‘อย่างไรก็ตามถึงอ๋องเฉียนนั่นมันจะรู้ว่าข้ามีตราผนึกมารอยู่ในมือ แต่มันต้องไม่มีทางปล่อยให้ข่าวเรื่องนี้รั่วไหลแน่นอน มันต้องอยากเก็บเอาไว้ใช้เอง!’


 


เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจดี


 


อันที่จริงหลังจากที่อี้เฟิงหลบหนีไปได้วันนั้น ต้วนหลิงเทียนก็คิดที่จะออกเดินทางไปจากประเทศฝูเฟิงแห่งนี้มาโดยตลอด


 


เพราะหากข่าวเรื่องที่เขาถือครองตราผนึกมารแพร่กระจายออกไป เขาได้ซวยหนักแน่!


 


อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะจากไปตั้งรกรากที่อื่นเขาจำต้องจัดการเรื่องราวของป๋ายลี่หงและคนอื่นๆให้เรียบร้อยเสียก่อน และตลอดหลายวันที่ผ่านเขาก็ตระเตรียมเรื่องนี้จนใกล้เสร็จแล้ว


 


ทว่ามาตอนนี้พอเขารู้แล้วว่าอี้เฟิงไปอยู่กับอ๋องเฉียน เขาจึงไม่รีบร้อนอะไรอีก ‘หากเป็นแค่อ๋องเฉียน…ก็ไม่จำเป็นที่ข้าจะต้องรีบออกจากประเทศฝูเฟิง เพราะตราบใดที่ข้าทะลวงสู่ขอบเขตเซียน ข้าก็ไม่ต้องกลัวผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนในประเทศนี้อีก!’


 


ในเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนมั่นใจมาก


 


ไม่ต้องกล่าวถึง รากฐาน อันแน่นหนามั่นคง ไม่ว่าจะชีพจรเซียนหรือร่างกาย ทันทีที่เขาทะลวงสู่ขอบเขตเซียน ปราณแรกกำเนิดในร่างเขาจะกลายเป็นปราณสุริยันแรกกำเนิด!


 


และจากวาจาที่ผู้เฒ่าหั่วกล่าวบอกไว้ ประโยชน์ที่เขาจะได้รับหลังจากการถ่ายทอดปราณสุริยันแรกกำเนิดของผู้เฒ่าหั่ว มันจะเปิดเผยให้เขารู้เมื่อตัวเขาทะลวงถึงขอบเขตเซียน!


 


กระทั่งจากคำที่ผู้เฒ่าหั่วกล่าวเอาไว้ มันไม่ยากที่จะเอาชนะผู้ที่มีพลังฝึกปรือที่อยู่ในขอบเขตสูงกว่าอีกต่อไป หากเขาใช้ปราณสุริยันแรกกำเนิด!


 


กอปรทั้งด้วยร่างกายอันแข็งแกร่งดุจมังกรเทพยาดา 7 กรงเล็บ เขตแดนหมื่นกระบี่ ยังมีม่านตาพิสดาร รวมถึงเต๋าแห่งใจกระบี่สูงสุด จากเคล็ดบำเพ็ญจิต ‘ยอดใจกระบี่’ ที่เซียนกระบี่ฟงชิงหยางถ่ายทอดให้เขา เขาเชื่อว่าคงไร้ขอบเขตเซียนใดๆในประเทศฝูเฟิงจะรับมือเขาได้อีกต่อไป ทันทีที่เขาทะลวงถึงขอบเขตเซียน!


 


ถึงตอนนั้นกับอีแค่จวนอ๋องเฉียน ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เขากังวลแม้แต่น้อย


 


‘ถึงตอนนั้นข้าจะล้างบาง ตัดรากถอนโคนคนที่มันรู้เรื่องนี้ให้หมด!’


 


เมื่อคิดได้ดังนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ร่ำลาซือถูหังและมุ่งกลับไปยังห้องพักทันที


 


หลังจากที่กลับเข้ามาในห้องพัก และปิดประตูหน้าต่างลั่นดาลลงกลอนอะไรเรียบร้อยดีแล้ว เขาก็เข้าไปในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ และขึ้นไปบ่มเพาะพลังบนชั้น 3 อย่างขยันขันแข็งทันที


 


แน่นอนว่าก่อนที่จะทะลวงถึงขอบเขตเซียน เขาต้องบรรลุจุดสูงสุดสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ และบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนเสียก่อน


 


อย่างไรก็ตามจากการประมาณการของต้วนหลิงเทียน กับระดับพลังในร่างเขาตอนนี้ เขามั่นใจว่าขอเพียงมีเวลาอีกแค่ ครึ่งเดือน เขาจะทะลวงถึงสูงสุดสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ได้ไม่ยาก


 


แน่นอนว่าครึ่งเดือนที่ว่า หมายถึงกาลเวลาในโลกภายนอก


 


‘อี้เฟิงมันอยู่ในจวนอ๋องเฉียน…ถ้างั้นเป็นไปได้สูงว่าเรื่องที่ซือถูหมิงทรยศตระกูลจะเกี่ยวข้องกับมัน’


 


หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนกลับห้องไป ซือถูหังก็เริ่มครุ่นคิดทบทวนเรื่องราวที่ได้รับทราบมา


 


แต่ไม่ว่าจะเป็นทางด้านอี้เฟิงหรือต้วนหลิงเทียน ก็ไม่ได้รู้เลยว่าภัยพิบัติครั้งใหญ่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนมีแนวโน้มจะประสบภัยครั้งใหญ่มากกว่า


 


เพราะตราผนึกมารนั้นมีค่ามากเกินไป มันมีอานุภาพพอให้สุดยอดฝีมือในใต้หล้าทั้งหมดยินดีสร้างมรสุมโลหิตเพื่อช่วงชิง!


 


ในขณะเดียวกันกับที่ทางเมืองหลวงของประเทศฝูเฟิงกำลังวุ่นวายกับเรื่องความเปลี่ยนแปลงในการช่วงชิงอำนาจ ตลาดมืดหยินชานสาขาประเทศฝูเฟิง ก็ได้รับคำสั่งโดยตรงจากฐานบัญชาการหลัก ยังมีภาพเสมือนใบหนึ่งถูกส่งออกมา


 


และภาพเสมือนใบนั้นก็เป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง


 


“ท่านผู้นำออกคำสั่งให้ตามล่าหาตัวชายหนุ่มในรูปมาให้ได้ไม่ว่าจะต้องใช้ทรัพยากกรเท่าไหร่ก็ตาม!”


 


นี่เป็นคำสั่งจากฐานบัญชาการหลักของตลาดมืดหยินชาน ที่ถ่ายทอดไปยังตลาดมืดหยินชานสาขาย่อยทุกแห่ง


 


สาขาย่อยของตลาดมืดหยินชานนั้น ล้วนจัดตั้งขึ้นในเขตปกครองของขุมพลังสำคัญหลายๆแห่ง คำสั่งจากสาขาหลักจะถ่ายทอดสู่สาขาที่อยู่ในเขตขุมพลังชั้น 4 หลังจากนั้น สาขาขุมพลังชั้น 4 ก็เริ่มถ่ายทอดไปยังสาขาของเขตขุมพลังชั้น 5 แล้วก็ลดหลั่นกันมาเรื่อยๆ


 


ในเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนก็มีตลาดมืดหยินชานมาตั้งสาขาอยู่เช่นกัน


 


และสาขานี้ก็ต้องรับคำสั่งจากสาขาเบื้องบนมาอีกที


 


คำสั่งที่มาพร้อมภาพเสมือนนั้นง่ายดายและชัดเจนนัก…ตามหาบุคคลในภาพ ที่เรียกว่า ต้วนหลิงเทียน!


 


“แล้วเร่งถ่ายทอดคำสั่งนี้ไปยังสาขาระดับล่างเสีย”


 


สาขาระดับล่างที่ว่า ก็คือสาขาที่อยู่ต่ำกว่า


 


และนั่นร่วมถึงสาขาของประเทศฝูเฟิงด้วย!


 


ไม่กี่เดือนต่อมาตลาดมืดหยินชานสาขาประเทศฝูเฟิง ก็ได้รับคำสั่งจากตลาดมืดหยินชานสาขาเบื้องบน และได้รับภาพเสมือนชายหนุ่มผู้หนึ่ง พร้อมนามเช่นกัน


 


“ต้วนหลิงเทียน? ชื่อนี้ใยคุ้นหูข้านัก?”


 


ผู้นำตลาดมืดหยินชานสาขาประเทศฝูเฟิง เป็นชายชราผมสีดอกเลามันมาในชุดคลุมสีขาว กำลังครุ่นคิดขณะที่ตัดแต่งกล้วยไม้งามต้นหนึ่งในสวนที่สร้างขึ้นบนยอดเขา แม้ในมือขวาจะตกแต่งกล้วยไม้ แต่มือซ้ายก็ถือภาพเหมือนไม่วาง


 


“ท่านผู้นำ! ข้ารู้แล้วว่านามนี้คือนามของผู้ใด!!”


 


ในขณะที่ชายชราผมสีดอกเลากำลังบ่นพึมพำ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง น้ำเสียงฟังดูยังตื่นเต้นไม่น้อย


 


“โอ้?”


 


พอชายชราในชุดคลุมสีขาวหันไปดู ก็พบว่าเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง และยังเป็นผู้ใต้บังคับบัญชามือดีที่สุดของมัน


“ท่านผู้นำ…อันที่จริงแล้วท่านก็สมควรเคยได้ยินนามนี้มาแล้ว เพียงแค่ท่านมิได้สนใจมันเท่านั้น”


 


ชายวัยกลางคนกล่าวสืบต่อ “ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ที่ประเทศฝูเฟิงมีชายหนุ่มคนหนึ่งเอาชนะแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอยไปได้ และชายหนุ่มคนนั้นก็มีนามเต็มเรียกว่าต้วนหลิงเทียน เห็นว่ามันเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู…และเรียกว่าตอนนี้มันเป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์อันดับ 1 ในประเทศฝูเฟิงก็ว่าได้”


 


“อ้อ! พอเจ้ากล่าวขึ้นมา ข้าก็นึกได้แล้ว”


 


ชายชราในชุดคลุมสีขาวพยักหน้ารับคำก่อนที่จะก้มลงไปดูรูปเหมือนในมือ สองตายังสว่างวาบขึ้นมา “มิรู้ว่าต้วนหลิงเทียนผู้นั้นกับคนในรูปจักเป็นคนๆเดียวกันหรือแค่มีนามคล้ายเหมือนกันแน่ แต่ถ้าหากพวกมันเป็นคนเดียวกันล่ะก็…”


 


เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ ลมหายใจของชายชราคล้ายจะถี่รัวขึ้นมาทันตาเห็น




ตอนที่ 1,625 : อันดับ 1 ในรายนามนภา!


 


ชายชราในชุดคลุมสีขาว ผู้นำตลาดมืดหยินชานสาขาประเทศฝูเฟิง รู้ดีว่าภาพวาดเสมือนในรูปนั้นมี ‘น้ำหนัก’ มหาศาลถึงเพียงใดและมันมีความหมายอย่างไร


 


ภาพวาดเสมือนนี้ถูกถ่ายทอดมาจากเบื้องบน!


 


สาขาใดก็ตามที่ค้นพบตัวบุคคลในภาพ จะได้รับรางวัลใหญ่!!


 


หากสาขาใดสามารถจับตัวบุคคลในภาพเสมือนนี่มาได้ ผู้นำสาขานั้นๆจะได้สิทธิ์ติดตามรับใช้ผู้นำสูงสุดของตลาดมืดหยินชานสาขาหลัก เป็นเวลา 10 ปี!


 


เพียงแค่เรื่องนี้ก็มากพอที่จะทำให้ทุกคนคลั่งกันแล้ว!


 


ผู้นำสูงสุดของตลาดมืดหยินชาน คือผู้นำที่มีเกียรติสูงสุดของตลาดมืดหยินชาน และยังเป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้าของภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้


 


การที่มีโอกาสได้ติดตามยอดคนเช่นนั้นเป็นเวลานับ 10 ปี ได้รับการชี้แนะสอนสั่งด้วยตัวเอง ย่อมเป็นอะไรที่เหมือนความฝันนัก!


 


ด้วยเหตุนี้ใจของชายชราผมสีดอกเลาถึงกับตกอยู่ในความปั่นป่วนทันที เพราะมันเองก็เคยได้ยินนามของชายหนุ่มที่มีชื่อเสียงเลื่องลือขึ้นมาในประเทศฝูงเฟิงเมื่อไม่กี่เดือนก่อน!


 


“จิ่งหยวนเจ้าเร่งเดินทางไปยังเมืองหลวงประเทศฝูเฟิง แล้วลองไปเยือนตระกูลซือถูสักครา ว่าต้วนหลิงเทียนแขกกิตติมศักดิ์ที่ว่าใช่บุคคลเดียวกันกับในรูปเหมือนนี้หรือไม่?”


 


หงเจิ้น ผู้นำตลาดมืดหยินชานสาขาประเทศฝูเฟิงสะบัดมือคราหนึ่ง ภาพเสมือนก็คล้ายวัตถุแข็งปลิดปลิวไปดั่งแผ่นเหล็กเข้ามือของชายวัยกลางคน “หลังจากที่เจ้าคัดลอกภาพนี้แล้วก็ออกเดินทางได้เลย”


 


“ทราบแล้วท่านผู้นำ”


 


จิ่งหยวนพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง ก่อนที่จะนำรูปเหมือนนี้ไปคัดลอก


 


หากต้วนหลิงเทียนมาอยู่ที่นี่ด้วยล่ะก็ คงอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งขึ้นมาคราหนึ่งเป็นแน่ เพราะรูปเหมือนนี้ช่างวาดได้หล่อเหลาเหมือนเขาส่องกระจกนัก…


 


จวนอ๋องเฉียน ประเทศฝูเฟิง


 


“อ๋องเฉียน หากต้วนหลิงเทียนที่ว่ามันยังปิดด่านบ่มเพาะไม่ยอมโผล่หัวออกมาแบบนี้อีก 10 วัน ข้าคงทำได้แค่กลับไปยังคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนเท่านั้น…เพราะข้าสามารถระงับด่านพลังฝึกปรือมิให้ทะลวงผ่านได้มากสุดอีกแค่เดือนเดียว!”


 


ภายในห้องโถงหลักของจวนอ๋องเฉียน ปรากฏร่างชายหนุ่มในชุดสีขาวพิสุทธิ์ มันจิบชาคำหนึ่งค่อยเงยหน้ามองกล่าวกับอ๋องเฉียน องค์ชาย 4 แห่งประเทศฝูเฟิง


 


ในวาจาที่กล่าวน้ำเสียงนั้นเป็นกันเองคล้ายกล่าวกับคนธรรมดา ไม่คล้ายกล่าวกับตัวตนระดับองค์ชายแม้แต่น้อย


 


ลึกลงไปในลูกตาของอ๋องเฉียนฉายแววโทสะเล็กน้อย แต่ก็ดับไปอย่างรวดเร็วจนยากที่ใครจะสังเกต ค่อยปั้นยิ้มร่ากล่าวออก “คุณชายหลินท่านมั่นใจได้เลย ภายใน 10 วันนี้ถึงต้วนหลิงเทียนยังมิออกด่าน ข้าก็จะบังคับให้มันต้องออกมา! ยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาแห่งเขตอิทธิพลคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนมาท้าทายมันถึงที่ทั้งที นับว่าเป็นพรสูงสุดในชีวิตมันแล้ว มิคิดว่ามันจะกล้าหนีหน้าเช่นนี้ ข้าล่ะเชื่อมันเลยจริงๆ!!”


 


“เจ้าไม่ต้องกล่าววาจาประจบสอพลอข้าให้มาก ข้ามาเพราะของรางวัลที่เจ้าเสนอเท่านั้น…ภายใน 10 วันถ้ามันยังไม่ออกมาข้าจะจากไปทันที ส่วนของรางวัลที่เจ้ามอบมา ข้าไม่คืนให้หรอกนะ…”


 


ชายหนุ่มในชุดขาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมยไม่แยแส


 


“เป็นธรรมดา! ย่อมเป็นเช่นนั้น!”


 


อย่างไรก็ตามแม้ชายหนุ่มในชุดขาวจะไม่เห็นหัวมัน แต่อ๋องเฉียนก็ได้แต่ปั้นยิ้มกล่าวออกด้วยดี


 


เพราะชายหนุ่มในชุดขาวพิสุทธิ์ปานคุณชายตระกูลใหญ่ผู้สูงศักดิ์เบื้องหน้า ไม่เพียงแต่เป็นสุดยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาเท่านั้น แต่มันยังเป็นศิษย์ของขุมพลังชั้น 6 ที่มีพลังแกร่งกล้าในเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิงหนานหยวน ที่สำคัญ…พลังอำนาจของขุมพลังดังกล่าว ไม่ได้ด้อยกว่าตระกูลราชวงศ์ของมันเลย!


 


และชายหนุ่มชุดขาวที่ว่าก็เป็นถึงบุตรชายของผู้นำขุมพลังดังกล่าว!


 


2 เดือนที่แล้วมันถึงกับเชิญยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาของเขตอิทธิพลคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนมายังประเทศฝูเฟิง เพื่อฆ่าต้วนหลิงเทียนและชิงแหวนพื้นที่ของอีกฝ่ายมา


 


กล่าวให้ชัดมันต้องการตราผนึกมารในแหวน!


 


แน่นอนว่าเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนครอบครองตราผนึกมาร อ๋องเฉียนไม่ได้โง่พอจะบอกชายหนุ่มผู้นี้ มันแค่กล่าวว่าต้องการของบางอย่างในแหวนมิติต้วนหลิงเทียนเท่านั้น และสิ่งของที่ว่าก็มีค่ากับมันมาก


 


การทำข้อตกลงกับ หลินตง ครั้งนี้ ได้ตกลงกันแน่ชัดแล้ว ถ้าหากหลินตงฆ่าต้วนหลิงเทียนได้…มันจะขอแหวนพื้นที่ของต้วนหลิงเทียนมา


 


ส่วนมันจะมอบรางวัลใหญ่ตอบแทนให้เพิ่ม!


 


เพื่อที่จะประจบหลินตง อ๋องเฉียนถึงกับกัดฟันจ่ายค่าเชิญตัวอีกฝ่ายออกด้วยราคามหาศาลเรียกว่าเชือดเนื้อเถือหนังออกไปก็ไม่ปาน แต่พอคิดว่ามันจะได้ตราผนึกมารกลับมาเป็นของตอบแทน มันก็รู้สึกคุ้มค่าแล้ว


 


“เหอะ! ข้าไปก่อนล่ะ ไม่ต้องส่ง”


 


แค่นเสียงเย็นออกมาครั้งหนึ่ง ชายหนุ่มในชุดขาวก็ลุกขึ้นและเดินจากไปอย่างถือดีทันที ไม่คิดจะแยแสอะไรอ๋องเฉียนแม้แต่น้อย


 


อ๋องเฉียนที่มองแผ่นหลังหลินตงเดินจากไป ก็เผยสีหน้ามืดดำทันที


 


“ท่านอ๋อง หลินตงผู้นี้นับว่าหยิ่งยะโสนัก! ท่านเป็นถึงองค์ชาย 4 แห่งราชวงศ์เรา กระทั่งเป็นผู้ที่จะนั่งบัลลังก์ในอนาคต แต่มันกลับกล้าปฏิบัติต่อท่านเช่นนี้!”


 


อี้เฟิงที่นั่งเงียบอยู่เป็นเวลานานในที่สุดก็กล่าวออกมาในเวลาที่เหมาะสม แถมวาจายังประจบสอพลออย่างเห็นได้ชัด


 


“ฮึ่ม! คนอื่นๆอาจจะยำเกรงข้าในฐานะองค์ชาย 4 แห่งประเทศฝูเฟิง แต่หลินตงผู้นี้มันไม่ต้องยำเกรงอะไรข้า เพราะขุมพลังของมันก็มิได้ด้อยไปกว่าตระกูลราชวงศ์ของข้า”


 


อ๋องเฉียนแค่นคำอย่างไม่สบอารมณ์ทั้งกล่าวออกเสียงเข้ม ทำให้หน้าอี้เฟิงม้านไปทันใด


 


“อี้เฟิง แล้วเจ้ามัวไปทำอันใดของเจ้าอยู่กันแน่? นี่มันก็ปาเข้าไป 2 เดือนแล้ว แต่ไฉนยังไม่ได้เรื่องได้ราวอันใดสักอย่าง?”


 


ไม่นานอ๋องเฉียนก็ชักสายตาเย็นชาจับจ้องไปยังอี้เฟิงเขม็ง


 


“องค์ชาย 4 ตลอด 2 เดือนที่ผ่านข้าก็พยายามเต็มที่แล้ว กระทั่งถึงกับปล่อยข่าวว่าแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู หวาดกลัว หลินตง ยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาของเขตอิทธิพลคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนจนหัวหดเป็นลูกเต่า ไม่กล้าแม้แต่จะออกมารับคำท้า แต่เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่นมันก็ไม่คิดโผล่หัวออกมาสักครั้ง….”


 


อี้เฟิงเผยยิ้มออกมาอย่างอับจนหนทาง


 


“ในเมื่อเจ้าจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้อีกต่อไป”


 


อ๋องเฉียนกล่าวออกอย่างเบื่อหน่าย


 


อี้เฟิงพอได้ฟังก็อดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก มันเองก็ขี้เกียจจัดการเรื่องนี้เต็มที


 


เห็นได้ชัดว่า ต้วนหลิงเทียน แขกกิตติมศักดิ์แห่งตระกูลซือถู ไม่คิดรับคำท้าทายจริงๆ


 


หาไม่แล้วอีกฝ่ายต้องโผล่หัวออกมานานแล้ว


 


หลังจากนั้นในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วัน ผู้คนที่เดินบนถนนหนทางของเมืองหลวงประเทศฝูเฟิงก็พบว่าเนื้อหาในข่าวลือได้แปรเปลี่ยนไปอีกแล้ว


 


ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมานั้น ส่วนมากแล้วมักจะลือกันหนาหูว่า แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู ต้วนหลิงเทียน ไม่กล้ายอมรับคำท้าทายจากหลินตง ยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภาของเขตอิทธิพลหลิ่งหนานหยวน เลือกที่จะปิดด่านหลบหน้าประหนึ่งลูกเต่า


 


แน่นอนว่าเป็นตระกูลซือถูออกมาประกาศด้วยตัวเองว่า…ต้วนหลิงเทียนปิดด่านบ่มเพาะอยู่


 


ในเรื่องนี้ผู้คนส่วนมากย่อมไม่เชื่อ ต่างคิดว่าต้วนหลิงเทียนใช้ข้ออ้างปิดด่านฝึกตน เพื่อหลบหน้าหมายหนีคำท้าประลองทั้งสิ้น!


 


ทว่าแม้วันนี้เรื่องราวจะอยู่ในเชิงประนามต้วนหลิงเทียน แต่กลับเริ่มลือกันว่าหลินตงนั้นเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของจวนอ๋องเฉียนเพิ่มขึ้นมา


 


จวนอ๋องเฉียน!


 


คำ 3 คำนี้จะไม่มีความหมายอะไรมากนัก หากมันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลซือถู!


 


ทว่าพอมันมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลซือถูแล้ว ผู้คนก็เริ่มเชื่องโยงเรื่องราวไปเป็นอีกอย่างทันที!


 


เพราะสุดท้ายแล้ว เรื่องที่ตระกูลซือถูสนับสนุน อ๋องหรง ก็เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันดี!


 


แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูหวาดกลัวไม่กล้ารับคำท้าจากแขกกิตติมศักดิ์ของจวนอ๋องเฉียน นี่ไม่ได้หมายความว่าจวนอ๋องหรง อ่อนด้อยกว่าจวนอ๋องเฉียนหรืออย่างไร?


 


ไม่นานวาจาทำนองดังกล่าวก็เริ่มแพร่กระจายกันไปอย่างเผ็ดร้อน ผู้คนสุมหัวสนทนากันอย่างออกรส ยิ่งมาก็ยิ่งถล่มฝ่ายที่หนีหน้าเสียราวกับเป็นตัวพิการไร้แขนขา..


 


เมื่อเสียงนินทาเริ่มดังมากเข้า กระทั่งอ๋องหรงเองก็นั่งไม่ติดอีกต่อไป มันเริ่มกดดันตระกูลซือถูทันที!


 


ที่เขตที่ดินของตระกูลซือถู คิ้วของซือถูฮ่าวถึงกับยู่ย่นเป็นปมตายยากคลี่คลาย หลังจากส่งคนของจวนอ๋องหรงกลับไป มันก็เดินหน้ามุ่ยไปยังคฤหาสน์ของซือถูหังทันที


 


“ลูกหัง ป่านนี้แล้วท่านปรมาจารย์ยังไม่ออกจากการปิดด่านบ่มเพาะอีกหรือ?”


 


ซือถูฮ่าวกล่าวถามซือถูหังด้วยท่าทางไม่ค่อยสู้ดี


 


“มีปัญหาอันใดหรือท่านพ่อ? อย่าบอกข้านะว่าท่านสนใจเสียงนกเสียงกาที่นินทาท่านปรมาจารย์ต้วนนั่นกับผู้อื่นด้วย? ท่านอย่าได้กังวลไป ท่านปรมาจารย์ต้วนไม่แยแสข่าวลือเหลวไหลพรรค์นั้นหรอก”


 


ซือถูหังหัวเราะออกมา


 


“หังเอ๋อ…ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว”


 


ซือถูฮ่าวเผยยิ้มขื่นขมออกมา และเริ่มเล่าข่าวลือใหม่ให้ซือถูหังฟังทันที อีกทั้งยังบอกจุดประสงค์การมาเยือนของคนจวนอ๋องหรงออกไป เรียกว่าทั้งหมดล้วนเป็นเพราะข่าวลือเรื่องจวนอ๋องหรงอ่อนด้อยกว่าจวนอ๋องเฉียนทั้งสิ้น!


 


ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับจวนอ๋องหรงโดยตรง


 


อย่างไรก็ตามเขาเป็นแขกกิติมศักดิ์ของตระกูลซือถู ที่อยู่ฝ่ายเดียวกับอ๋องหรง เช่นนั้นกล่าวได้ว่าต้วนหลิงเทียนก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับจวนอ๋องหรงในระดับหนึ่ง ยังถูกเหมารวมว่าเป็นทรัพยากรบุคคลของจวนอ๋องหรงเป็นที่เรียบร้อย


 


สำหรับหลินตงนั้น ก็ไม่ต่างกัน! อีกฝ่ายได้ชื่อว่าเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของจวนอ๋องเฉียน จึงนับเป็นทรัพยากรบุคคลของจวนอ๋องเฉียน!


 


“คนจากจวนอ๋องเฉียน มันพยายามจะทำอะไรกันแน่?”


 


ใบหน้าซือถูหังเปลี่ยนเป็นปั้นยากทันที


 


“ข้าคิดมาโดยตลอดว่าเรื่องนี้สมควรมีอันใดไม่ชอบมาพากล…ตอนแรกข้าหลงคิดว่าหลินตงมาท้าทายท่านปรมาจารย์ต้วนเพื่อวัดกันว่าผู้ใดมีพลังฝีมือเหนือกว่ากันแน่ อย่างไรก็ตามมาวันนี้ท่าทางเรื่องราวจะมิได้ง่ายดายเสียแล้ว…ข้ากลัวว่าจวนอ๋องเฉียนต้องมีจุดประสงค์อันใดแอบแฝงบางประการ ถึงได้ราดน้ำมันรดลงกองไฟเช่นนี้…”


 


ซือถูฮ่าวกล่าววินิจฉัย


 


“ท่านพ่อ…ท่านหมายความว่าหลินตงอาจเป็นคนที่อ๋องเฉียนเชิญมาเพื่อเล่นงานอ๋องหรงเช่นนั้นหรือ”


 


ลูกตาซือถูหังหดเล็กลงทันใด


 


“เป็นไปได้อย่างยิ่ง”


 


ซือถูฮ่าวพยักหน้า “น่าเสียดายที่ท่านปรมาจารย์ต้วนยังมิออกจากการปิดด่านบ่มเพาะ…จะว่าไปนี่มันก็ 3 เดือนแล้วใช่หรือไม่ที่ปรมาจารย์ต้วนปิดด่าน?”


 


“ใช่ นับว่าเกิน 3 เดือนไปเล็กน้อย”


 


ซือถูหังพยักหน้า


 


“ตอนนี้คนในจวนอ๋องเฉียนเริ่มนั่งกันไม่ติดแล้ว…กระทั่งอ๋องหรงยังกล่าวเสนอทางเลือกมาให้พวกเรา 2 ทาง”


 


ซือถูฮ่าวกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ


 


“ทางเลือกอันใด?”


 


ซือถูหังขมวดคิ้ว


 


“อ๋องหรงกล่าวว่าหากท่านปรมาจารย์ต้วนปิดด่านบ่มเพาะอยู่จริง ให้พวกเราหาวิธีปลุกอาจารย์ต้วนให้จงได้ และกล่าวถามว่ามีความมั่นใจในการประลองครั้งนี้หรือไม่…หากมีก็ยอมรับคำท้าเสีย แต่หากไม่มีก็จำต้องหาทางลง!”


 


ซือถูฮ่าวกล่าว


 


“หาทางลงอย่างไร?”


 


ซือถูหังกล่าวถามเสียงเข้ม คิ้วยังขมวดย่น


 


“ให้ท่านปรมาจารย์ต้วนประกาศต่อสาธารณชนว่าจะถอนตัวออกจากตระกูลซือถู และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับตระกูลซือถูของพวกเราอีกต่อไป”


 


ซือถูฮ่าวถอนใจออกมาเฮือกใหญ่


 


“นั่นจะได้อย่างไร!”


 


สีหน้าซือถูหังเปลี่ยนไปอย่างมาก “ท่านปรมาจารย์ต้วนคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิตข้า ข้าจะปล่อยให้ท่านต้องทำอะไรเช่นนี้ได้อย่างไร! ท่านพ่อ เรื่องนี้ข้ามิเห็นด้วยนะ!!”


 


“ไม่เด็ดขาด! ว่าแต่แล้วทางเลือกที่ 2 เล่า…ทางเลือกอีกทางที่อ๋องหรงบอกท่านพ่อมาคืออะไร?”


 


วาจาท้ายประโยคของซือถูหังยังคาดคั้นราวกับจะไขว่คว้าฟางเส้นสุดท้าย


 


“ทางเลือกที่ 2 คือให้ท่านปรมาจารย์ต้วนหลบหนีไปเสีย…นี่นับเป็นการหลบหนีอย่างแท้จริง!”


 


ซือถูฮ่าวกล่าวจบก็ระบายลมหายใจออกมายืดยาว


 


“แล้วผู้นำตระกูลซือถูอยากเลือกทางไหนหรือ?”


 


ทันใดนั้นมีเสียงกล่าวถามดังขึ้น ปรากฏร่างหนึ่งเปิดประตูออกมา ก่อนที่จะค่อยๆก้าวออกมาต้องรับแสงตะวันร้อนที่สาดส่องลง จนเผยให้เห็นเป็นร่างในชุดสีม่วง


 


ร่างในชุดสีม่วงนี้เป็นชายหนุ่มในชุดสีม่วงอันมีคิ้วคมเข้ม ใบหน้าได้รูปปานหยกเสลา


 


“ท่านปรมาจารย์ต้วน!”


 


เมื่อเห็นร่างในชุดสีม่วง ซือถูหังอดไม่ได้ที่จะโพล่งคำทักออกไปด้วยความดีใจ สองตายังลุกวาวขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด


 


“ปรมาจารย์ต้วน”


 


ซือถูฮ่าวย่อมต้องเผยยิ้มเจื่อนๆทักออกไป เพราะมันรู้ว่าวาจาที่กล่าวไปก่อนหน้าทั้งหมด อีกฝ่ายสมควรได้ยินหมดสิ้น พาลให้มันรู้สึกกระดากใจไม่น้อย


 


ชายหนุ่มในชุดสีม่วงที่พึ่งเดินออกมาไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นต้วนหลิงเทียน ที่ปิดด่านบ่มเพาะไปเป็นเวลานานกว่า 3 เดือน!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)