War sovereign Soaring The Heavens 1594-1597
ตอนที่ 1,594 : ไอหนุ่มหน้าขาว
นับว่าฉากเรื่องราวที่เห็นตำตานี้ทำให้ซือถูหังเลอะเลือนแล้วจริงๆ
แม่นางเฟิ่ง แห่งนิกายอัคคีล่องลอย ผู้ที่รั้งอยู่ในอันดับ 23 ของนายนามนภา ยอดฝีมือรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งแห่งประเทศฝูเฟิง กลับโผเข้าอ้อมกอดของต้วนหลิงเทียนแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูอย่างที่ไม่มีใครคิดใครฝัน!
สวรรค์!
ผู้ใดสามารถบอกมันได้บ้าง นี่มันอะไรกันแน่!?
‘หากจะวัดกันด้านความหล่อแล้ว..ถึงแม้ว่าข้าจะด้อยกว่าท่านปรมาจารย์ต้วนเพียงเล็กน้อย แต่ก็มิได้แย่อันใดนี่นา…’
ซือถูหังลอบบ่นในใจ
แน่นอนว่ามันย่อมทำได้แค่กล่าวในใจไม่กล้ากล่าวออกมา อันที่จริงจากที่มันเห็น ท่าทางแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอยกับปรมาจารย์ต้วนแขกกิติมศักดิ์ของตระกูลซือถูมันสมควรรู้จักกันมาก่อน…
หาไม่แล้วไหนเลยแม่นางเฟิ่งคนนี้จะเปิดผ้าคลุมหน้าท่ามกลางผู้คนแบบนี้ได้
“เทียนหวู่”
ในแววตาคมกล้าของต้วนหลิงเทียนบัดนี้มีเพียงภาพเฟิ่งเทียนหวู่ที่สะท้อนอยู่ เขากระชับวงแขนกอดร่างเฟิ่งเทียนหวู่เอาไว้แนบแน่น ยังลูบหลังศีรษะนางอย่างแผ่วเบาอ่อนโยนเป็นที่สุด ใจยังสงบลงคล้ายล่องเรือมาพบท่า
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ต้องยอมรับ ว่าในใจเขามีเฟิ่งเทียนหวู่แล้ว
บางทีตอนแรกเขาอาจไม่ได้มองเฟิ่งเทียนหวู่ในเชิงชู้สาวอะไร
อย่างไรก็ตามเฟิ่งเทียนหวู่กลับยินดีทำเพื่อเขาถึงขั้นตัวตายไม่เสียดาย นั่นทำให้นางมาประทับอยู่ในใจเขาอย่างไม่รู้ตัว
ใจเขาก็ทำมาจากเลือดเนื้อไม่ใช่ตอไม้ไร้ความรู้สึก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เฟิ่งเทียนหวู่หายตัวไป เขาก็ได้พยายามตามหาและทำทุกทางเพื่อหาข่าวของนาง
ส่วนหนึ่งที่เขามายังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ก็เพราะคิดตามหาเฟิ่งเทียนหวู่
อย่างไรก็ตามเขาไม่พบเบาะแสของนางเลย
ทว่ากลับไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าการมาประเทศฝูเฟิงครั้งนี้เพื่อตามหาศิษย์พี่อย่างป๋ายลี่หง กลับทำให้เขาได้พบเจอเฟิ่งเทียนหวู่!
และเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆก็คือ เฟิ่งเทียนหวู่กลับเป็นถึง แม่นางเฟิ่ง แห่งนิกายอัคคีล่องลอย ที่มีนามกระเดื่องเลื่องลือไปทั่วประเทศฝูเฟิง กระทั่งมีชื่อเสียงมิใช่ชั่วในเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน!
ก่อนหน้านี้แม้เฟิ่งเทียนหวู่จะไม่ได้เลิกผ้าคลุมหน้าออก แต่เขาก็จดจำนางได้ตั้งแต่แรกเห็น!
เพราะเฟิ่งเทียนหวู่ในวันนี้ กลับเหมือนกันกับเฟิ่งเทียนหวู่ในวันวานที่เขาได้พบครั้งยังอยู่เมืองหงส์ฟ้าจักรวรรดิศิลาทมิฬ!
“พี่ใหญ่ต้วน”
ไม่สนใจสายตานับหมื่นพันที่จ้องมาอย่างอื้ออึง เฟิ่งเทียนหวู่กอดร่างต้วนหลิงเทียนไว้แน่น ฝังหัวลงอกแกร่งอีกฝ่าย คล้ายกลัวร่างเบื้องหน้าจะเลือนลับหายไปดั่งหมอกควัน…
จังหวะนี้เสมือนในโลกหล้าไร้อื่นใด คงเหลือไว้เพียงพี่ใหญ่ต้วนของนางแต่เพียงผู้เดียว
ยังไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่กลับปรากฏหยาดน้ำตาอันท่วมท้นไปด้วยมวลอารมณ์สองสายหลั่งรินลงมารดแก้มกระจ่าง
“นี่มันเกิดอันใดขึ้นกัน! ใช่ข้าฝันไปหรือไม่!? บ้าไปแล้ว! ไฉนแม่นางฟ้าของข้าพเจ้ากลับโผตัวเข้าอ้อมอกแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูเช่นนั้นเล่า!!”
ไม่นานศิษย์บุรุษของนิกายอัคคีล่องลอยก็เริ่มรู้สึกอิจฉาจนตาเขียว พวกมันพอกันมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดุร้าย ปานอยากจะสลับร่างกับต้วนหลิงเทียนให้ได้อย่างไรอย่างนั้น
เหล่าอาวุโสของนิกายอัคคีล่องลอยเองก็ตะลึงงันไปไม่ต่าง
แม่นางเฟิ่งของพวกมัน ปกติแล้วทั้งหมดรู้สึกเสมือนนางเป็นโฉมงามน้ำแข็งไร้อารมณ์ นอกเหนือจากตัวประมุขนิกายแล้ว นางไม่เคยคิดจะสุงสิงกับผู้ใด วาจาที่กล่าวกับผู้อื่นยังนับคำได้
อย่างไรก็ตามวันนี้พอได้พบพานกับ ท่านต้วน แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู ไม่เพียงแต่นางกล่าววาจาด้วยน้ำเสียงโหยหา ยังโผร่างเข้าอ้อมอกอีกฝ่ายคล้ายดรุณีน้อยที่ตกอยู่ในห้วงรักเมื่อแลเห็นบุรุษในฝัน!
“มันคือบุรุษที่อยู่ในใจเทียนหวู่หรือ?”
ประมุขนิกายอัคคีล่องลอยขมวดคิ้ว ศิษย์ของนางนั้นหมกมุ่นอยู่กับการเดินทางกลับไปยังทวีปเมฆาล่อง และบางเวลาก็ชอบยิ้มโง่งมใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ในฐานะสตรีที่มีประสบการณ์ไหนเลยยังไม่รู้ได้ว่าศิษย์นางกำลังคิดถึงบุรุษในใจ
และนางก็คาดไว้แล้วว่าบุรุษของนางสมควรอยู่ที่ทวีปเมฆาล่องนั่น!
ในเรื่องนี้นางไม่ได้คิดแทรกแซงเข้ามายุ่งวุ่นวาย เพราะรู้ดีว่าสำหรับสตรีแล้วเงื่อนใดล้วนคลี่คลายได้ หากแต่บ่วงรักยากจะแก้ ในเมื่อศิษย์นางมีใจให้ผู้อื่นแล้ว…ต่อให้นางคิดห้ามก็ป่วยการ!
นอกจากนี้นางยังเชื่อมั่นนัก ว่าบุรุษที่ศิษย์นางมีใจให้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
ถึงแม้คนผู้นั้นจะมาจากทวีปมนุษย์ก็ตาม!
อย่างไรก็ตามเรื่องที่นางคิดไม่ถึงจริงๆเลยก็คือ บุรุษของศิษย์นางที่แท้กลับเป็น แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูเสียได้ “นี่มันจะบังเอิยเกินไปหน่อยหรือไม่ จากท่าทีเจ้าหนุ่มนั่นดูก็รู้ว่ามันเองก็มิล่วงรู้มาก่อนว่าเทียนหวู่อยู่ที่นี่…ข้ามิเคยเชื่อในเรื่องพรหมลิขิตอันใด แต่ตอนนี้ดูท่าไม่เชื่อคงไม่ได้…”
พรหมลิขิต แม้เป็นนามธรรมไม่อาจจับต้อง หากแต่ดำรงอยู่จริง
ดั่งเช่นต้วนหลิงเทียนกับเฟิ่งเทียนหวู่
แม้ทั้งคู่จะอยู่ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอันกว้างใหญ่ไพศาล ทว่ากลับมาพบพานกันได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คงเป็นพรหมลิขิตที่ดลบันดาลให้ทั้งคู่ได้กลับมาเจอกันแน่แท้!
“เอ่อ…”
ผู้คนจากขุมพลังทั้งหลายที่มานิกายอัคคีล่องลอยเพื่อชมดูการประลอง ต่างเผยความตะลึงลานไม่เข้าใจ
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่!?”
พวกมันตกตะลึงด้วยไม่เข้าใจแล้วจริงๆ ว่าตอนนี้มันกำลังเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น!
แม้นางเฟิ่ง ศิษย์นิกายอัคคีล่องลอย ผู้ที่ได้อันดับที่ 23 ในรายนามนภา ทั้งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในประเทศฝูเฟิง ว่าเป็นยอดฝีมือรุ่นย์เยาว์อันดับ 1 กลับรู้จักมักคุ้นกับแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู ท่านต้วน?
ไม่ใช่แค่นั้น ท่าทางความสัมพันธ์ยังไม่ใช่ธรรมดา!
“ยามที่ทั้งคู่พบเห็นกับอีกฝ่าย ทั้งสีหน้าแววตาท่าทางอันเต็มไปด้วยอารมร์นั่น เสมือนคู่รักที่พรัดพรากจากกันหลายปีแล้วได้มาพบกันอีกครั้งมิมีผิด…อย่าได้บอกข้าเชียวว่าทั้งคู่มิรู้มาก่อนจริงๆ?”
ผู้คนจากขุมพลังต่างๆเริ่มสนทนาคาดเดากันไปเรื่อย
“เช่นนั้นใช่ทั้งคู่ถูกพรหมลิขิตบันดาลชักพาให้มาเจอกันอีกครั้งหรือไม่?”
หลายคนเริ่มกระซิบถึงเรื่องนี้
“ให้ตายเถอะ ข้าว่านัดหมายประลองวันนี้คงล่มไม่เป็นท่าแล้ว…คู่รักที่ไหนจะสู้กันเล่า!”
หลายคนที่ตระหนักถึงเรื่องนี้เริ่มส่ายหัวไปมา
“เทียนหวู่ไฉนเจ้าอยู่ที่นี่ได้!”
“พี่ใหญ่ต้วนไฉนท่านมาที่นี่ได้?”
ไม่ทราบว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ หากแต่ในที่สุดต้วนหลิงเทียนกับเฟิ่งเทียนหวู่ก็คล้ายดึงสติกลับเข้าร่าง ต่างคนต่างกล่าวถามออกมาอย่างพร้อมเพรียง
ครู่หนึ่งต่างอดไม่ได้ที่จะตะลึง ก่อนที่จะส่งยิ้มให้กัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฟิ่งเทียนหวู่ ใบหน้าสะคราญงามล่มเมืองของนางยามนี้เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อปานแอปเปิลแดงสุก พาลให้หลายคนอดไม่ได้ที่จะจุ๊ปากด้วยความขัดใจ
เสียงจุ๊ปากดังกล่าวทำให้เฟิ่งเทียนหวู่พลันได้สติขึ้นมา ไม่นานบทสนทนาจากผู้คนรอบๆเริ่มดังเข้าหู
ครู่ต่อมานางก็ชะงักไป ค่อยมองต้วนหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจ “พี่ใหญ่ต้วน…ท่านคือแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูหรือ?”
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับค่อยเผยยิ้มแห้งๆ “เทียนหวู่ ข้าไม่คิดเลยว่าที่แท้เจ้าจะเป็นแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอย…หากไม่ใช่เพราะข้าพยายามตามหาเจ้าเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ…ข้าคงคิดว่าโลกใบนี้มันแคบนักจริงๆ…”
หลังได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน เฟิ่งเทียนหวู่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกวาบหวามในใจ
ที่แท้พี่ใหญ่ต้วนของนางก็คอยตามหานางอยู่เสมอ
เฟิ่งเทียนหวู่ย่อมสัมผัสได้ถึงสายตายากจะเชื่อโดยรอบ หากแต่ตอนนี้นางไม่สนใจผู้ใดทั้งสิ้น
ในสายตาของนางผู้อื่นจะคิดจะว่าอย่างไรล้วนไร้สำคัญ
นางอยากทำอะไรก็ทำไม่จำเป็นต้องขอความเห็นใคร!
ทันใดนั้นเองเฟิ่งเทียนหวู่ก็หันกลับมาว่ายตามองไปยังกลุ่มอาวุโสสของนิกายอัคคีล่องลอย กระทั่งมองสบตากับประมุขอย่างสื่ออวิ๋น “ท่านอาจารย์ การประลองวันนี้ข้ายอมแพ้”
ยอมแพ้!
เฟิ่งเทียนหวู่กล่าวออกมาโดยไม่ได้ระงับเสียงอะไร ทำให้ทุกคนได้ยินกันถ้วนหน้า
จังหวะนี้มีหลายต่อหลายคนที่ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะต่างก็เดาไว้แล้วว่าสมควรเป็นอีหร็อบนี้
อย่างไรก็ตามยังมีเสียงโห่ออกมาด้วยความไม่พอใจ และผู้ที่ส่งเสียงดังกล่าวก็เป็นเหล่าชายหนุ่มเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ชายของนิกายอัคคีล่องลอยหรือบุรุษหนุ่มจากขุมพลังต่างๆที่หลงใหลในความงามของเฟิ่งเทียนหวู่
“ข้าล่ะมิอยากจะเชื่อจริงๆ ว่าแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู ที่แท้ก็แค่บุรุษที่เกาะผู้หญิงกินคนหนึ่ง!”
ทันใดนั้นเองมีเสียงหนึ่งโพล่งดังขึ้นมา และเสียงที่ดังขึ้นมานี้ยังทำให้ผู้คนมากมายอดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่น!
เจ้าของเสียงไม่ใช่ใครที่ไหน กลับเป็นชายชราจากนิกายคงเฉิน ไป๋หยิน!
มันย่อมไม่พลาดโอกาสเล่นงานต้วนหลิงเทียน!
“เทียนหวู่ ข้าเคารพการตัดสินใจของเจ้า”
ถึงแม้ประมุขนิกายอัคคีล่องลอยจะบังเกิดความไม่พอใจอยู่บ้าง เพราะการยอมรับความพ่ายแพ้ของเฟิ่งเทียนหวู่ย่อมส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงนิกายอัคคีล่องลอยไม่มากก็น้อย หากแต่นางรู้ดีว่าเรื่องอะไรยังพอบังคับได้ แต่เรื่องของหัวใจไม่อาจบีบคั้น เช่นนั้นแล้วนางจึงได้แต่เลือกเคารพการตัดสินใจของเฟิ่งเทียนหวู่ และไม่คิดเข้าไปก้าวก่าย
อย่างไรเสียวาจาเจตนาหาเรื่องของเฒ่าชราไป๋หยินจากนิกายคงเฉิน ก็ทำให้นางอดไปหันมองต้วนหลิงเทียนเสียไม่ได้
นางอยากรู้นักว่าบุรุษที่ศิษย์นางมอบหัวใจให้ จะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไร
เพราะสุดท้ายแล้ววาจาของชายชราจากนิกายคงเฉิน ก็เสมือนดูหมิ่นศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของต้วนหลิงเทียน!
“เจ้าลองกล่าวอีกที!”
ใบหน้าเฟิ่งเทียนหวู่คล้ายจะฉาบคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็งทันใด ยังจับจ้องไปยังชายชราไป๋หยินของนิกายเฉินคงด้วยสายตาเย็นเยียบ พาลให้มันอดตัวสั่นไปเสียไม่ได้…
บางทีตอนนี้เฟิ่งเทียนหวู่อาจไม่ใช่ภัยคุกคามอะไรสำหรับมัน
หากแต่พรสวรรค์ของเฟิ่งเทียนหวู่กลับทำให้มันหวาดกลัว!
วันนี้เฟิ่งเทียนหวู่อาจเทียบมันไม่ได้…แต่นางจะใช้เวลาอีกกี่ปีกัน?
ความก้าวหน้าของเฟิ่งเทียนหวู่ เป็นอะไรที่ผู้คนในประเทศฝูเฟิงรับทราบกันดี นางใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งปีเท่านั้นในการไต่อันดับในรายนามนภาจนมาถึงอันดับที่ 23!
ตอนนี้แม้เฟิ่งเทียนหวู่ยังไม่ได้ทะลวงขอบเขตเซียน แต่น่ากลัวว่าพลังฝีมือของนางคงสูงพอจะเบียดเข้าไปอยู่ 10 อันดับแรกในรายนามนภาได้ไม่ยาก!
ตัวตนเช่นนั้น วันใดที่ทะลวงไปถึงขอบเขตเซียน ต้องกลายเป็นตัวตนที่มีพลังอำนาจครอบงำมันได้ทันที!
เพราะสุดท้ายแล้วมันก็เพียงขอบเขตเซียนทั่วๆไปเท่านั้น
เช่นนั้นแล้วพอเผชิญหน้ากับสายตาเย็นชาถามมาเสียงเย็นของเฟิ่งเทียนหวู่ มันจึงไม่กล้ากล่าวอะไรสืบต่อแม้ครึ่งคำ!
ในสายตาของมันไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงสื่ออวิ๋นประมุขนิกายอัคคีล่องลอยที่มันไม่อาจเทียบได้ด้วยซ้ำ กระทั่งเฟิ่งเทียนหวู่เองก็ไม่ใช่คนที่มันจะตอแยด้วยได้…
เพราะเผลอๆในเวลาอีกแค่ไม่กี่ปี เฟิ่งเทียนหวู่ก็มีพลังฝีมือสูงพอจะบดขยี้มันแล้ว!
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม วาจาเปิดประเด็นนี้ของไป๋หยินจากนิกายคงเฉิน ก็ทำให้บรรยากาศโดยรอบเวทีประลองเปลี่ยนไปทันใด ผู้คนมากกว่า 9 ส่วนล้วนหันไปจับจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาแปลกๆ คล้ายต้วนหลิงเทียนจะเป็น ‘ไอหนุ่มหน้าขาว’ ที่ต้องพึ่งพาบารมีสตรีแล้วจริงๆ
เนื่องจากวาจาและท่าทีเย็นเยียบที่เฟิ่งเทียนหวู่มองถามไป๋หยินจากนิกายคงเฉิน จึงทำให้ไม่มีผู้ใดหาญกล้ากล่าวแซวอะไรต้วนหลิงเทียนในเรื่องนี้ออกมา
หากแต่สายตาของพวกมันนั้นไม่ได้ถูกจำกัด
พวกมันต่างมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเย้ยเยาะ คล้ายอยากจะรู้นักว่าต้วนหลิงเทียนจะทำอย่างไร!
ท่ามกลางสายตาของทุกผู้คน ต้วนหลิงเทียนเพียงปรายตามองไปรอบๆอย่างไร้แยแสรอบหนึ่ง ค่อยหันไปยิ้มกล่าวกับเฟิ่งเทียนหวู่ “เทียนหวู่ การประลองวันนี้เจ้าไม่ต้องยอมแพ้หรอก…ไหนๆพวกเราก็ไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว ให้พี่ใหญ่ต้วนชมดูฝีมือเจ้าหน่อยว่าก้าวหน้าไปถึงขนาดไหนแล้ว…”
ตอนที่ 1,595 : ก่อลักษณ์หงส์ไฟ!
“พี่ใหญ่ต้วน ท่านอย่าได้สนใจวาจาเหลวไหลของพวกมันเลย”
หลังได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน เฟิ่งเทียนหวู่ก็คิดว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกำลังรู้สึกเสียศักดิ์ศรีทำให้ตัดสินใจแบบนั้น จึงเร่งกล่าวออกมาทันที
ในสายตาของนาง ช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา พลังฝึกปรือของนางก้าวหน้าด้วยความเร็วอัศจรรย์!
ถึงแม้ในกาลก่อนพี่ใหญ่ต้วนจะร้ายกาจกว่านาง หากแต่ตอนนี้คงไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของนางได้ ทำให้นางพยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้ไปเสีย
เพราะสุดท้ายแล้วในที่นี้ก็มีขอบเขตเซียนอยู่มากมาย ทั้งหมดสมควรมองออกว่านางลงมือเต็มที่แล้วหรือไม่
หากนางจงใจอ่อนข้อยอมแพ้ให้ต้วนหลิงเทียน น่ากลัวจะยิ่งไม่ใช่เรื่องดีสำหรับต้วนหลิงเทียน
เป็นธรรมดาที่เฟิ่งเทียนหวู่จะคิดเหมือนกับคนอื่นๆ เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนมีพลังฝีมือไม่พอจะสู้กับนางตอนนี้ได้
อย่างไรก็ตามนางไม่เคยสนใจเรื่องพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนเลย นางไม่สนด้วยซ้ำต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะกลายเป็นคนธรรมดา เพราะใจที่นางมีให้ต้วนหลิงเทียนไม่มีวันแปรเปลี่ยน นางรักต้วนหลิงเทียนอย่างที่ต้วนหลิงเป็น
“เทียนหวู่ เจ้ายังไม่เข้าใจข้าหรือ…เจ้าก็รู้จักข้ามานานเคยเห็นข้าสนใจเสียงเห่าหอนของสุนัขหรือไม่? พวกมันจะคิดอะไรข้าไม่เคยสน…แต่ข้าได้ยินมาว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา เจ้าได้พยายามอย่างมากจนได้รับอันดับที่ 23 ในรายนามนภาของเขตอิทธิพลคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน ข้าเลยอยากเห็นพลังฝีมือของเจ้าในตอนนี้ดู”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มสบายๆ ไม่คล้ายคนที่ถูกยั่วยุจากวาจาของผู้อื่นแต่อย่างใด
พอได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน เฟิ่งเทียนหวู่ก็มองสบตาต้วนหลิงเทียนไม่วาง และนางก็แลเห็นแต่เพียงความมั่นใจระคนตื่นเต้นเท่านั้น!
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นแววตานี้ของต้วนหลิงเทียน!
‘หรือพี่ใหญ่ต้วนพบพานวาสนาอันใด หลังจากที่เดินทางมาถึงดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า?’
เฟิ่งเทียนหวู่ลอบคาดเดา
พอย้อนคิดดูเฟิ่งเทียนหวู่ก็ตระหนักได้ว่า ในเมื่อพี่ใหญ่ต้วนของนางเดินทางมาที่นี่ในฐานะแขกกิตติมิศักดิ์ของตระกูลซือถู อีกทั้งยังกล้าท้าทายนางทั้งๆที่สมควรได้ยินวีรกรรมของนางมาแล้วว่าพลังฝีมือสมควรก้าวหน้าจนติดอันดับ 1 ใน 10 รายนามนภา
อันที่จริงแล้วด้วยพลังฝีมือของนางตอนนี้ หากนางต้องการนางย่อมกลายเป็น 1 ใน 10 อันดับแรกของรายนามนภาได้ทุกเมื่อ
ดังนั้นภายใต้เรื่องราวเหล่านี้ แต่พี่ใหญ่ต้วนของนางกลับกล้าเดินทางมาประลองด้วย นั่นหมายความว่าพี่ใหญ่ค้วนของนางสมควรพบพานวาสนาบางอย่างในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!
ครู่หนึ่งแววตาเฟิ่งเทียนหวู่ก็เปลี่ยนไป นางพยักหน้ารับ ไม่คิดปฏิเสธอีกต่อไป
ทันใดนั้นทุกผู้คนไม่เว้นสื่ออวิ๋นประมุขนิกายอัคคีล่องลอย อดไม่ได้ที่จะจับจ้องมองไปยังเรื่องราวบนเวทีประลองด้วยสองตาลุกวาว!
ขวับ! ขวับ!
ครู่ต่อมาทุกคนที่อยู่ใกล้ๆเวทีประลองพลันก้าวถอยออกมา เพื่อเว้นระยะห่างให้ทั้งคู่ได้ประมือกันอย่างสะดวก!
และตอนนี้ทุกสายตาก็จับจ้องมองไปยังต้วนหลิงเทียนที่กำลังเผชิญหน้ากับเฟิ่งเทียนหวู่อย่างไม่ให้คลาดสายตา!
“ข้าไม่คิดเลยว่าแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู กลับยืนกรารประลองกับแม่นางเฟิ่งต่อจริงๆทั้งๆที่นางปล่อยให้มันชนะไปแล้ว นี่มันมั่นใจจริงๆรึ…ว่าจะเอาชนะแม่นางเฟิ่งได้?”
หลายคนที่ไม่ได้มองต้วนหลิงเทียนว่ามีหวังสักเท่าไหร่ในตอนแรก เริ่มมองต้วนหลิงเทียนใหม่อีกครั้ง
“ก็มิแน่หรอก! บางทีต้วนหลิงเทียนคงคิดว่าแม่นางเฟิ่งจะออมมือให้ล่ะมั้ง มันก็แค่จะเล่นละครให้พวกเราดูเท่านั้น!”
บางคนกล่าวขึ้นมา
“เล่นละคร? เฮอะ! เหลวไหลสิ้นดี ที่นี่มีขอบเขตเซียนอยู่ตั้งเท่าไหร่…ไหนเลยยังมองมิออกว่าแม่นางเฟิ่งออมมือหรือไม่!”
“นั่นน่ะสิ! ข้าว่าหากแม่นางเฟิ่งออมข้อให้มันจริงๆ มันจะยิ่งขายหน้ามากกว่าเดิม!”
……
เสียงกระซิบของผู้คนแม้จะไม่ได้ดังมากมายอะไร แต่มันก็ดังชัดเจนในหูของต้วนหลิงเทียนและเฟิ่งเทียนหวู่
จังหวะนี้เฟิ่งเทียนหวู่อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วคู่งามจนบึ้งตึง
สำหรับต้วนหลิงเทียนยังคงมีสีหน้าท่าทางสบายๆ คล้ายวาจาผู้อื่นเป็นดั่งลมที่ผายออกมา…
อันที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้สนใจวาจาอะไรของพวกมันแม้แต่น้อย
อ่อนข้อให้?
ถึงแม้เขาจะไม่ทราบว่าตอนนี้พลังฝีมือที่แท้จริงของเฟิ่งเทียนหวู่เป็นอย่างไร แต่เขาก็มั่นใจในพลังฝีมือของตัว!
ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ได้กล่าวอย่างขอไปที
เขาอยากจะรู้พลังฝีมือของเฟิ่งเทียนหวู่จริงๆ เขารู้ว่าพลังฝีมือของเฟิ่งเทียนหวู่นั้นก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด แต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันสุดที่ไหนกันแน่
“เทียนหวู่มาเถอะ ไม่ต้องออมรั้งยั้งมือ…”
ต้วนหลิงเทียนมองเฟิ่งเทียนหวู่ ค่อยกล่าวออกด้วยรอยยิ้มวาดหวัง
“พี่ใหญ่ต้วนท่านแน่ใจนะ…ตอนนี้พลังฝีมือของข้า คิดชิง 10 อันดับแรกในรายนามนภาก็มิใช่เรื่องยากเย็น..”
เฟิ่งเทียนหวู่อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามย้ำ
“เอาหน่า เจ้าไม่ต้องกังวลไป”
การตอบคำด้วยท่าทีสบายๆของต้วนหลิงเทียน ทำให้เฟิ่งเทียนหวู่สงบใจลงได้
ตอนนี้เองเฟิ่งเทียนหวู่พลันเริ่มลงมือ มือทั้ง 2 พลันยกขึ้นตั้งท่า ปราณแท้พวยพุ่งปะทุออกมาลุกโหมไปทั่วร่าง!
กำลังลุกโหมจริงๆ!
ปราณแท้ของเฟิ่งเทียนหวู่กลับแตกต่างจากผู้ฝึกยุทธ์และผู้ฝึกเต๋าขอบเขตสู่เซียนทั่วไป มันกเปล่งกลิ่นอายร้อนลวกแผดเผา พาลให้ผู้คนที่ยืนอยู่รอบๆ สัมผัสได้ถึงคลื่นความร้อนอันระอุ!
“ปราณแท้แฝงคุณสมบัติ…พลังฝึกปรือของแม่นางเฟิ่งกลับบรรลุครึ่งก้าวเซียน ขาดอีกเพียงเล็กน้อยก็จะทะลวงขอบเขตเซียนได้แล้ว!!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงปราณแท้ร้อนระอุของเฟิ่งเทียนหวู่ ขอบเขตเซียนทั้งหลายในลานประลองอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก
ในฐานะที่พวกมันเป็นถึงขอบเขตเซียน จะดีจะร้ายพวกมันก็มีสัมผัสพลังต่างจากขอบเขตสู่เซียน จึงรู้ดีว่าจากปราณแท้ที่แผ่ออกมาจากร่างเฟิ่งเทียนหวู่ตอนนี้ น่ากลัวอีกไม่ถึงปีนางก็จะทะลวงผ่านขอบเขตเซียนได้แล้ว!
วินาทีนี้กระทั่งไป๋หยินจากนิกายคงเฉินยังอดไม่ได้ที่จะหน้าซีดเผือด! มันรู้สึกเสียใจนักที่ไปกล่าววาจาว่าร้ายต่อต้วนหลิงเทียน!!
หากมันรู้ว่าพรสวรรค์เฟิ่งเทียนหวู่กลับเหนือคิดคาดกระทั่งเจียนบรรลุเซียนแล้วแบบนี้ มันไม่กล้ากล่าวแซะบุรุษของนางเด็ดขาด!!
น่าเสียดายที่โลกหล้าไม่มีโอสถรักษาอาการเสียใจ!
ยามเมื่อปราณแท้แผ่กลิ่นอายพลังร้อนลวกแผดเผาของเฟิ่งเทียนหวู่ปะทุออกมา พวกมันก็เริ่มพวยพุ่งขึ้นไปควบรวมเป็นกระบี่เพลิงเล่มเขื่อง กลิ่นอายพลังคมกล้าจากกระบี่ไฟปานจะผ่าเผาได้ทุกสรรพสิ่ง!
นอกจากกระบี่เพลิงเล่มเขื่องแล้ว ไม่ไกลยังเริ่มปรากฏรูปลักษณ์สัตว์ร้ายมหึมาก่อตัวขึ้นมาเช่นกัน!
ยามเมื่อสัตว์ร้ายดังกล่าวก่อตัว ทั่วร่างมันก็เริ่มแผ่กลิ่นอายของปราณโลหิต ไอพลังสีแดงท่วมไปทั่วกาย นอกจากนั้นยังมีเปลวเพลิงลุกติดพรึ่บขึ้นเร่าๆ ราวกับปราณของมันคือไฟที่ผลาญเผาได้ทุกสิ่ง!
ทันทีที่วิหกเพลิงตัวเขื่องปรากฏ บรรยากาศบริเวณลานประลองก็ร้อนระอุขึ้นมาทันที!
กระทั่งศิษย์บางคนของนิกายอัคคีล่องลอยที่มีด่านพลังฝึกปรืออ่อนด้อยยังไม่อาจรั้งอยู่สืบไป! จำต้องเร่งล่าถอยออกไปให้ห่างอย่างไว เพราะพวกมันไม่อาจทานทนไอร้อนที่แผ่ออกมาจากปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ของเฟิ่งเทียนหวู่ได้! ทำได้เพียงมองนางด้วยสายตาชื่นชมห่างๆ!!
นี่คือแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอยของพวกมัน เป็นดั่งความภาคภูมิใจสูงุสดของนิกายพวกมัน!
กระทั่งพวกมันเองยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปลาบปลื้ม ที่ได้เป็นคนของนิกายอัคคีล่องลอย!
“นี่มัน…หงส์ไฟ?”
พอเห็นวิหกตัวเขื่องที่ก่อร่างเหนือศีรษะเฟิ่งเทียนหวู่ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสนใจ เพราะมันช่างละม้ายคล้ายกับหงส์เพลิงอมตะ หรือนกฟีนิกซ์ในโลกเก่าของเขานัก! อย่างน้อยๆมันก็ละม้ายคล้ายกัน 7-8 ส่วน!!
“ท่านผู้เฒ่าหั่ว…นั่นคือหงส์ไฟใช่หรือไม่?”
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามผู้เฒ่าหั่วในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ
ผู้เฒ่าหั่วคืออีกาทองคำ 3 ขา วิหกเทพสุริยันจากโบราณกาลความรู้ย่อมมีมากมายมหาศาล…เช่นนั้นแล้วในสายตาของต้วนหลิงเทียน ผู้เฒ่าหั่วย่อมรู้แน่ว่า สัตว์ปราณมีสภาพจากปราณแท้ก่อลักษณ์ของเฟิ่งเทียนหวู่..ใช่ หงส์ไฟ หรือนกฟีนิกซ์ที่เขารู้จักหรือไม่!
“หืม? นั่นคือวิหกไฟสายพันธุ์ย่อยของหงส์ไฟ…ดูเหมือนโลกใบนี้จักมิได้มีแค่มังกรเทพยาดา หากแต่ยังมีหงส์ไฟดำรงอยู่ด้วย”
เสียงของผู้เฒ่าหั่วดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนทันที “แม่นางผู้นี้นับว่ามีวาสนาดีไม่น้อย กลับได้รับแก่นแท้โลหิตของวิหกไฟมาหลอมผสาน…ทั้งน่ากลัวว่าจะมิใช่วิหกไฟธรรมดา”
วิหกไฟ!
สายพันธุ์ย่อยของหงส์ไฟ!
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าเฟิ่งเทียนหวู่ไปพบพานวาสนาปาฏิหาริย์อะไรมา แต่เขาก็รู้สึกยินดีและมีความสุขกับนางนัก!
และทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนพลันพบว่าอาณาบริเวณรอบกายเฟิ่งเทียนหวู่ ในพื้นที่รัศมี 100 หมี่พลันเริ่มร้อนระอุขึ้นมาในฉับพลัน ทั้งยังมีไอพลังแดงฉานปานเปลวไฟแผ่ซ่านปกคลุมไปทั่ว!
กระทั่งตัวเขาก็ตกอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว!
พริบตาต่อมา มันก็ไม่ใช่เพียงแค่ไอพลังแดงฉานปานเปลวไฟอีกต่อไป หากแต่กลับเป็นเปลวไฟจริงๆ! ยังแผดเผาไปทั่วพื้นที่รัศมีโดยมีเฟิ่งเทียนหวู่เป็นจุดศูนย์กลาง ถึงแม้เปลวเพลิงนี้จะไม่ได้ร้อนแรงอะไรมากมาย แต่พอผสานรวมเข้ากับกลิ่นอายพลังระอุของนาง มันก็ยิ่งทวีความร้อนแรงมากยิ่งขึ้น!!
เฟิ่งเทียนหวู่ที่อยู่กลางเขตแดนเปลวไฟ เป็นดั่งเสมือนเทพธิดาอัคคีไม่มีผิด!
เพลิงไฟในใต้หล้า ปานจะอยู่ใต้บัญชานาง!
ไม่ว่าจะเป็นกระบี่เพลิงจากศาสตราปราณแท้ก่อลักษณ์ หรือปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ กระทั่งเขตแดนจากปราณแท้ก่อเขตแดน เฟิ่งเทียนหวู่ก็สำแดงทั้งหมดออกมาในเวลาเพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้น ยังรวดเร็วเสียคนคนส่วนใหญ่แทบไม่อาจจับความเคลื่อนไหวได้ทัน!!
ซู่ม!
ทันใดนั้นเองเฟิ่งเทียนหวู่พลันลงมือเคลื่อนไหวอีกครา เปลวเพลิงในเขตแดนพลันผนึกควบรวมสู่ร่างดั่งเกราะคลุมกาย! ร่างคนยังทะยานเข้าหาต้วนหลิงเทียนปานดาวตกร่วงฟ้า!
ทุกที่ทางที่เคลื่อนผ่าน ประหนึ่งอุกกาบาตเพลิงที่ผลาญเผา กลิ่นไหม้ฟุ้งตลบไปในอากาศ!
“นางมิได้ออมรั้งยั้งมือ!!”
เมื่อเห็นการลงมือของเฟิ่งเทียนหวู่ ตัวตนในขอบเขตเซียนทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมาด้วยความตกตะลึง สองตายังทอแสงจ้า!
ในฐานะที่พวกมันบรรลุถึงขอบเขตเซียนแล้ว พวกมันย่อมสัมผัสได้ว่าเฟิ่งเทียนหวู่ใช้ออกด้วยพลังทั้งหมดจริงๆ! นอกจากนั้นจากพลังฝีมือที่เผยออก…น่ากลัวว่าต่อให้เป็น 5 อันดับแรกในรายนามนภา นางก็สามารถคว้ามาได้ไม่ยากเย็น!!
“ประมุขสื่ออวิ๋นได้รับศิษย์อันประเสริฐนัก!!”
เหล่าตัวตนในขอบเขตเซียนของขุมพลังต่างๆใบไม่ได้ที่จะหันมองไปยังสื่ออวิ๋นประมุขนิกายอัคคีล่องลอยด้วยใบหน้าแววตาเปี่ยมล้นไปด้วยความอิจฉา!
ไม่เพียงแต่สื่ออวิ๋นจะทรงพลังถึงขั้นบดขยี้พวกมันได้ง่ายดาย กระทั่งศิษย์ของนางก็ร้ายกาจข่มศิษย์ของพวกมันจนหงอ ยามนี้พวกมันอิจฉาผู้คนจนตาแดงก่ำแล้ว!
“แม่นางเฟิ่งแข็งแกร่งยิ่ง!”
“จากการลงมือของนาง ท่าทางจะมิได้ยั้งมืออะไร! ข้าอยากรู้นักแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูจักรับมือได้หรือไม่!!”
“รับได้กับผีเถอะ! ไม่มีวันซะล่ะ!!”
……
ทั้งหลายจับจ้องมองฉากเรื่องราวเบื้องหน้าอย่างใจจดจ่อ พวกมันใคร่รู้นักว่าชะตากรรมของต้วนหลิงเทียนจะเป็นอย่างไร เมื่อต้องเผชิญกับแม่นางเฟิ่งที่ร้ายกาจขนาดนี้
อีกทั้งพวกมันหลายคนยังคล้ายจะมองเห็นภาพต้วนหลิงเทียนแพ้พ่ายอย่างอนาถเรียบร้อยแล้ว!!
ตอนที่ 1,596 : เที่ยงแท้ลำดับ 5 !
เมื่อเห็นถึงความมั่นใจของต้วนหลิงเทียน เฟิ่งเทียนหวู่ก็ไม่คิดออมรั้งยั้งมืออะไรสืบไป!
นี่คือความเชื่อมั่นในตัวต้วนหลิงเทียนอย่างหมดใจ และบอกให้ผู้อื่นได้รู้ว่านางไม่ได้ออมมือแม้แต่น้อย!
นางไม่ได้ออมมือ และนางก็ไม่จำเป็นต้องออมมือ!
‘พลังฝีมือของเทียนหวู่กลับก้าวหน้ามาถึงขนาดนี้แล้ว…’
เมื่อเห็นเฟิ่งเทียนหวู่ใช้ออกด้วยพลังทั้งหมด ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะอื้ออึงอยู่บ้าง ถึงแม้เขาจะรู้ว่านางสมควรแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะร้ายกาจได้ถึงขนาดนี้
หากเขาไม่ทะลวงมาถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ล่ะก็ น่ากลัวว่าต่อให้ใช้ออกด้วยพลังทั้งหมดก็ไม่น่าจะรับมือเฟิ่งเทียนหวู่ได้!
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
……
หลังจากที่ได้เห็นซึ้งถึงพลังทั้งหมดที่เฟิ่งเทียนหวู่ปลดปล่อยออกมาแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงพลังฝีมือของนางชัดเจน เพียงห้วงคิด อาณาบริเวณกินรัศมี 100 หมี่รอบตัวเขาปานจะแปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นทะเลกระบี่!
กระบี่นับพันนับหมื่นที่ผุดโผล่ออกมาล่องลอยในอากาศ ปานจะทรงพลังอำนาจสะบั้นได้ทุกสิ่ง ทุกที่ทางที่กระบี่ลอยล่องผ่าน คล้ายจะฉีกกระชากได้กระทั่งความว่าง บังเกิดเป็นเสียงดังครืนๆ!
และทันทีที่เขตแดนหมื่นกระบี่ของเขาซ้อนทับกับเขตแดนเพลิงของเฟิ่งเทียนหวู่ กระบี่ทั้งหลายก็ปลดปล่อยพลังอำนาจอันน่ากลัว พาลให้เขตแดนเพลิงของเฟิ่งเทียนหวู่เริ่มปริร้าวปานกระจกที่ถูกกระแทก!
เรียกว่าตอนนี้เขตแดนหมื่นกระบี่ของต้วนหลิงเทียนเปรียบได้กับค้อนอันเขื่อง ที่ฟาดทุบลงไปยังเขตแดนเพลิงของเทียนหวู่ไม่ต่างอะไรจากกระจกบาง!
ดังคำกล่าวที่ว่า ‘ดึงขนเส้นเดียวสะท้านไปทั้งร่าง’ เขตแดนเพลิงของเฟิ่งเทียนหวู่ แม้จะถูกทำลายไปแค่เพียงส่วนที่ทับซ้อนกับเขตแดนหมื่นกระบี่ของต้วนหลิงเทียน หากทว่าผลกระทบกลับลุกลามไปทั่วทั้งเขตแดนของนาง!
ทันใดนั้นเพียงชั่วพริบตาดุจละอองไฟสว่างวาบ เขตแดนหมื่นกระบี่ของต้วนหลิงเทียนที่ทรงพลังอำนาจครอบงำ ก็ทำลายเขตแดนเพลิงของเฟิ่งเทียนหวู่จนพินาศ!
อันที่จริงแล้วเขตแดนเพลิงของเฟิ่งเทียนหวู่นั้นร้ายกาจมาก!
อย่างไรก็ตามยังมีช่องว่างไม่น้อยหากจะนำมาเปรียบเทียบกับเขตแดนหมื่นกระบี่ของต้วนหลิงเทียน เขตแดนเพลิงของนางกลับกลายคล้ายอ่อนแอถูกทำลายได้ง่ายดายปานเหยียบใบไม้แห้งกรอบ!
“ไม่จริงน่า! ล้อกันเล่นหรือไร!?”
เห็นฉากนี้ผู้ชมมากมายอดไม่ได้ที่จะคิดไปในแนวทางเดียวกัน!
“แม่นางเฟิ่ง กลับยั้งมือให้ต้วนหลิงเทียนจริงๆหรือ?!”
“เรื่องนี้ชัดเจนนัก! ต่อให้เป็นครึ่งก้าวเซียนทั้งคู่ถึงแม้เขตแดนจะแข็งแกร่งกว่ากันจริงๆ แต่ก็ไม่มีทางสยบได้หมดจดถึงเพียงนี้ นี่พวกนางจะไม่เสแสร้งแสดงเกินจริงไปหน่อยรึไง?”
“สุดท้ายแล้วแม่นางเฟิ่งกลับอ่อนข้อให้มันจริงๆ!”
……
หลายคนเริ่มกระซิบกระซาบกล่าวออก
แน่นอนว่าในบรรดาพวกที่กล่าววาจาซุบซิบนินทาออกมาพวกมันมีเรื่องหนึ่งที่เหมือนกัน…พวกมันไม่ใช่ตัวตนในขอบเขตเซียน!
ส่วนตัวตนในขอบเขตเซียนทั้งหลายไม่เว้นประมุขนิกายอัคคีล่องลอยอย่างสื่ออวิ๋น ทุกคนต่างเงียบกริบ! ไม่มีผู้ใดปริปากแม้แต่คนเดียว!!
‘ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ มาจากทวีปมนุษย์แน่หรือ?!’
สื่ออวิ๋นมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาตะลึงลาน!
ถึงแม้นางจะมีคิดคาดเอาไว้บ้างแล้ว ว่าบุรุษที่ศิษย์ของนางมอบใจให้ต้องมิใช่ชนชั้นสามัญ แต่ไม่คิดเลยจริงๆว่าจะน่ากลัวถึงขนาดนี้!
เพียงปลดปล่อยเขตแดน ก็ทำลายเขตแดนของเฟิ่งเทียนหวู่ได้ราบคาบ!
ในฐานะที่นางก็เป็นขอบเขตเซียนคนหนึ่ง ไหนเลยนางยังไม่รู้ได้ว่าศิษย์ของนางมิได้ออมรั้งยั้งมือแม้แต่น้อย! กระทั่งเขตแดนที่เฟิ่งเทียนหวู่ใช้ออก ยังเป็นการใช้ออกด้วยพลังสูงสุดแล้ว!
แต่กระนั้นทันทีที่ถูกเขตแดนของต้วนหลิงเทียนทับซ้อน ก็ถูกเขตแดนของต้วนหลิงเทียนบดขยี้ทำลายจนพินาศสิ้นทันที!
อีกทั้งนางยังมั่นใจถึงขีดสุดว่าต้วนหลิงเทียนไม่แม้แต่จะบรรลุครึ่งก้าวเซียนด้วยซ้ำ ทำให้นางตระหนักได้ทันทีว่าเขตแดนของต้วนหลิงเทียนมันร้ายกาจเพียงใด มันมิใช่เขตแดนธรรมดาๆเป็นแน่!
ต้องทราบด้วยว่าเขตแดนของเฟิ่งเทียนหวู่ศิษย์นางก็คือเขตแดนอัคคีระดับสูงแล้ว!
อีกทั้งสาเหตุที่เฟิ่งเทียนหวู่ทรงพลังเหนือผู้อื่น ส่วนหนึ่งแล้วก็มาจากเขตแดนเพลิงอันทรงพลังของนาง!
อนิจจาเขตแดนเพลิงระดับสูงอันทรงพลังของนาง ต่อหน้าเขตแดนกระบี่ประหลาดอันน่ากลัวของต้วนหลิงเทียน กลับถูกทำลายลงได้อย่าง่ายดายในเวลาเพียงพริบตาเดียว ยังรวดเร็วจนผู้คนมากมายไม่อาจตระหนักได้ด้วยซ้ำ!
“เขตแดนของต้วนหลิงเทียนนั่น มันเป็นเขตแดนอันใดกันแน่!?”
ชายชรานามไป๋หยินจากนิกายคงเฉิน บัดนี้หน้าของมันซีดเป็นไก่ต้ม! พอได้เห็นเขตแดนของต้วนหลิงเทียน มันก็ตระหนักได้ทันทีว่าต้วนหลิงเทียนทรงพลังมากพอจะเอาชนะเฟิ่งเทียนหวู่ได้สบาย!
มันเองก็เป็นตัวตนที่บรรลุถึงขอบเขตเซียนคนหนึ่ง สองตาย่อมแลเห็นชัด ว่าเฟิ่งเทียนหวู่ไม่ได้ผ่อนพลังยั้งกระบวนแม้แต่น้อย!
อนิจจาพลังอำนาจของเขตแดนต้วนหลิงเทียนกลับเหนือล้ำกว่ากันอย่างทาบไม่ติด!
เรื่องนี้ยังนำพาความตื่นตระหนกมาสู่ขอบเขตเซียนทั้งหลายเช่นกัน!
และในขณะที่พวกมันอุทานกันออกมาด้วยความตื่นตระหนก คนอื่นๆที่ไม่ใช่ขอบเขตเซียนที่หลงคิดว่าเฟิ่งเทียนหวู่ออมมือให้ต้วนหลิงเทียนจึงได้ทราบ ว่าสุดท้ายเป็นพวกมันที่เข้าใจผิด!
“หากแม่นางเฟิ่งมิได้ออมมือ…เช่นนั้นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น มันร้ายกาจจริงๆงั้นหรือ!?”
“นั่นสิ เช่นนั้นก็เกินจริงมากไป! ทันทีที่มันปลดปล่อยเขตแดนออกมา กลับบดขยี้เขตแดนของแม่นางเฟิ่งได้ทันที…อย่าได้ลืมกันไปว่าแม่นางเฟิ่งจะอย่างไรที่ติดอันดับรายนามนภาได้สูงเช่นนี้ ส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นเพราะเขตแดนอันทรงพลังของนาง!”
“แม่นางเฟิ่งที่มิอาจมีเปรียบในด้านเขตแดน ก็ดั่งพยัคฆ์ไร้เขี้ยว…เช่นนั้นจักทำอันใดได้?”
……
หลายคนยากจะทำใจยอมรับเรื่องราวได้ เขตแดนของต้วนหลิงเทียนสร้างความตื่นตระหนกให้พวกมันมากเกินไป!
“พี่ใหญ่ต้วน เขตแดนของท่านคืออันใดกัน?!”
หลังจากที่เขตแดนของนางถูกบดขยี้ เฟิ่งเทียนหวู่ก็ตกตะลึงไม่น้อย หลังจากที่นิ่งไปพักหนึ่งก็เร่งกล่าวถามออกมาด้วยความประหลาดใจ “ข้ารู้สึกว่าต่อหน้าเขตแดนของท่าน เขตแดนของข้ามิอาจต้านทานได้เลย!”
“เขตแดนหมื่นกระบี่น่ะ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวพร้อมยิ้มบางๆ
“เขตแดนหมื่นกระบี่…”
เฟิ่งเทียนหวู่ที่ได้ยินก็พยักหน้ารับ ไม่นานแววตานางพลันสว่างจ้าขึ้นมา
ถึงแม้ว่านางจะมั่นใจว่าพี่ใหญ่ต้วนของนางสมควรมีพลังฝีมือไม่ธรรมดาจากความมั่นใจที่เผยออก แต่เรื่องราวเมื่อครู่ยังทำให้นางตกตะลึงเกินไป!
เพียงพี่ใหญ่ต้วนสำแดงเขตแดนออกมา เขตแดนของนางก็ถูกทำลายลงแล้ว!
และพอลองย้อนคิดกลับไป ทันทีที่พี่ใหญ่ต้วนของนางเผยเขตแดนออกมา นางก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาล ทว่าตอนนั้นนางยังไม่ทันตระหนักได้ถึงเรื่องนี้…
จนกระทั่งเขตแดนของนางถูกทำลายลงไปแล้ว นางจึงรับทราบได้ว่า..พลังของนางนั้นไม่อาจเทียบกับพี่ใหญ่ต้วนได้เลย!
การที่เขตแดนนางถูกทำลายไปแบบนี้ พลังรบของนางก็หายไปมากมาย!
หากต้องสู้กับพี่ใหญ่ต้วนสภาพนี้ นางมิอาจต่อสู้ได้…ยังต้องแพ้พ่ายอย่างอนาถแน่!
“เขตแดนหมื่นกระบี่?”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบเฟิ่งเทียนหวู่ ทุกคนที่อยู่ใกล้ๆก็ได้ยินคำพูดของเขาชัดเจน
“เขตแดนหมื่นกระบี่…ช่างสมชื่อนัก ในเขตแดนเต็มไปด้วยกระบี่นับพันนับหมื่นเล่ม อีกทั้งยังควบแน่นมีสภาพจนแทบมิต่างอันใดจากกระบี่จริงๆ!”
“ช่างเป็นเขตแดนที่ทรงพลังอำนาจสยบนัก…ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโลกหล้ายังมีเขตแดนทรงพลังพรรค์นี้ดำรงอยู่ด้วย!”
……
สายตาของทุกผู้คนล้วนกำลังจับจ้องไปยังกระบี่นับหมื่นเล่มที่ลอยล่องอยู่ในเขตแดนของต้วนหลิงเทียน พวกมันแต่ละเล่มล้วนเปล่งกลิ่นอายพลังคมกล้า มากล้นไปด้วยอานุภาพทำลาย!
กระบี่วิเศษทั้งหลายห้อมล้อมเวียนวนปานจะสร้างโลกกระบี่รอบต้วนหลิงเทียน!
“เขตแดนหมื่นกระบี่!?”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ด้านสื่ออวิ๋นก็อดไม้ได้ที่จะหรี่ตาลง ‘หากนั่นเป็นเขตแดนหมื่นกระบี่จริง…อย่าได้บอกข้าเชียวว่าเขาเป็นผู้สืบทอดของทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1!’
ภายในใจของสื่ออวิ๋นมีความลับประการหนึ่งที่กักเก็บเอามาไว้แสนนาน
นั่นคือวาสนาที่นางบังเอิญพบพานครั้งยังเยาว์!
การพบพานกับวาสนาโดยบังเอิญครั้งนั้น ทำให้สื่ออวิ๋นได้รับมรดกตกทอดชุดหนึ่ง ในหยกบันทึกเสียงบ่งบอกว่าเจ้าของมรดกนี้เป็นอิสตรียังบอกอีกว่า ตัวนางคือผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 5 หงส์ฟ้าจรัสแสง แห่ง 7 ทวาราเที่ยงแท้ที่เคยลือชื่อในครั้งโบราณ!
สุดท้ายสื่ออวิ๋นที่บังเอิญพบมรดกนี้ นางก็ได้กลายเป็นผู้สืบทอดของหงส์ฟ้าจรัสแสง!
และเพราะวาสนาโดยบังเอิญครั้งนี้ ทำให้พลังฝีมือของนางก้าวหน้าขึ้นครั้งใหญ่ ยังทำให้ศักยภาพของนางทะลุขีดจำกัดดั้งเดิม กลายเป็นยอดฝีมือที่แม้แต่ราชวงศ์ของประเทศฝูเฟิงก็จำต้องหวั่นเกรง!
นางรู้ดีว่าหากนางไม่ได้รับสืบทอดมรดกเคล็ดบำเพ็ญจิตนั่นมา อย่าได้กล่าวถึงเรื่องกลายเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนที่กระทั่งตระกูลราชวงศ์ยังยำเกรงเลย กระทั่งด่านพลังขอบเขตเซียนนางก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะบรรลุได้หรือไม่!
เรียกว่าทั้งชีวิตของนางได้แปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และนั่นทำให้นางรู้สึกซาบซึ้งบุญคุณจากมรดกของสตรีลึกลับนัก และนางก็จำคำสั่งเสียที่อีกฝ่ายบันทึกไว้ในหยกบันทึกเสียงได้เป็นอย่างดี
ข้อความที่บันทึกกล่าวเอาไว้ชัด ว่าหลังจากที่ตัวนางได้รับสืบทอดมรดกไปแล้ว นางต้องส่งต่อมรดกนี้ให้สืบทอดต่อไปอย่าให้สาบสูญ และจงเฝ้ารอวันที่ 7 ทวาราเที่ยงแท้จะปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
และเมื่อ 7 ทวาราเที่ยงแท้ปรากฏตัวขึ้น ผู้สืบทอดของหงส์ฟ้าจรัสแสงอย่างนางก็ต้องกลับไปรวมตัวกับ 7 ทวาราเที่ยงแท้ทันที และเพื่อ 7 ทวาราเที่ยงแท้แล้ว ต่อให้นางต้องสละทุกสิ่งก็จำต้องกระทำ!
สื่ออวิ๋นเองก็รู้ตัวดีว่าศักยภาพและพรสวรรค์ดั้งเดิมของนางนั้นมันแค่ค่าเฉลี่ยเท่านั้น ยากที่จะปรบสบความสำเร็จอะไรในชีวิตได้ถึงแม้จะขยันบ่มเพาะฝึกปรือต่อไปก็ตาม! ด้วยเหตุนี้นางจึงพยายามเฟ้นหาอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่สามารถเป็นผู้สืบทอด หงส์ฟ้าจรัสแสงต่อจากนางได้มาโดยตลอด…
และเฟิ่งเทียนหวู่ก็คืออัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่นางค้นพบ นางจึงตัดสินใจถ่ายทอดมรดกทั้งหมดให้เฟิ่งเทียนหวู่ทันที! แม้จะมาจากทวีปมนุษย์ก็ตาม…หากแต่ศักยภาพพรสวรรค์ของเฟิ่งเทียนหวู่ก็ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!
สิ่งที่ทำให้สื่ออวิ๋นประหลาดใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เมื่อเฟิ่งเทียนหวู่บ่มเพาะพลังด้วยเคล็ดบำเพ็ญจิต หงส์ฟ้าจรัสแสง ก็ประสบความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด ราวกับเคล็ดบำเพ็ญจิตนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อนาง!
เมื่อได้เห็นเฟิ่งเทียนหวู่ประสบผลสำเร็จจากการบ่มเพาะด้วยเคล็ดบำเพ็ญจิตหงส์ฟ้าจรัสแสง ภายในเวลาแค่ไม่กี่ปี นางก็รู้ดีว่าบัดนี้ได้พบพานผู้สืบทอดที่แท้จริงของหงส์ฟ้าจรัสแสงแล้ว หากตายไปนางก็สามารถเชิดหน้าชูตาได้อย่างภาคภูมิใจยามพบกับสตรีที่ทิ้งมรดกนี้ไว้!
ด้วยพรสวรรค์ที่ไม่ดีเด่อะไรของนาง ย่อมไม่อาจแบกรับนามผู้สืบทอดของหงส์ฟ้าจรัสแสงได้!
อย่างไรก็ตามศิษย์นางกลับทำได้ยอดเยี่ยมนัก!
นางยังถึงกับเชื่อมั่นว่าศิษย์ของนางผู้นี้ ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้อีก 5 ลำดับที่เหลือแน่ แน่นอนว่าในนั้นไม่นับผู้สืบทอดของหมอกพิรุณ!
นางไม่กล้ายกเฟิ่งเทียนหวู่ไปเปรียบเทียบกับผู้สืบทอดของทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 หมอกพิรุณ!
นั่นเพราะในข้อความที่อยู่ในบันทึกที่สตรีลึกลับทิ้งไว้ให้ ได้บอกกล่าวข้อมูลของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ให้นางรับทราบอย่างละเอียด รวมถึงเรื่องทวาราเที่ยงแท้ลำดับ 1!
หมอกพิรุณ ในฐานะทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 นั้น..แตกต่างจากเที่ยงแท้ลำดับอื่นๆทั้ง 6!
นั่นเพราะนามนี้สามารถดำรงอยู่ได้หลายพันปีโดยไม่จำเป็นต้องมีผู้สืบทอด กระทั่งอาจจะดำรงอยู่หลายหมื่นปี กระทั่งร้อยพันปีได้โดยไร้ผู้สืบทอด อย่างไรก็ตามยามที่ผู้สืบทอดปรากฏตัว นั่นหมายถึงอรุณรุ่งแห่งยุคใหม่กำลังจะสาดแสง!
ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า มีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่า
ผู้สืบทอดของหมอกพิรุณ ทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 เพียงโบกมือก็เรียกลมสั่งฝน สะท้านสะเทือนไปทั้งแดนดิน!
และประโยคดังกล่าวครั้งหนึ่งก็เคยเป็นที่ยอมรับไปทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า เช่นนั้นทำให้ทุกคนรับทราบกันดีว่าผู้สืบทอดหมอกพิรุณเป็นตัวตนเช่นไร และ 7 ทวาราเที่ยงแท้เป็นขุมพลังอันใด!
“กล่าวกันว่าผู้สืบทอดนามหมอกพิรุณก่อนหน้า…ก็คือสุดยอดฝีมือที่เรียกหาตัวเองว่าเซียนกระบี่ฟงชิงหยาง เขตแดนที่เชี่ยวชาญก็มิใช่ใดอื่นนอกจาก เขตแดนหมื่นกระบี่!”
นี่คือเหตุผลที่ทำให้สื่ออวิ๋นตกใจนัก เมื่อพบว่าเขตแดนที่ต้วนหลิงเทียนใช้คือเขตแดนหมื่นกระบี่!
ตอนที่ 1,597 : เข้าสู่รายนามนภา!
‘มันไม่ควรมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้…จะอย่างไรดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าก็กว้างใหญ่ไพศาลนัก เรื่องมหัศจรรย์มีแทบทุกประเภท แม้ผู้สืบทอดของหมอกพิรุณคนที่แล้วจะชำนาญเขตแดนหมื่นกระบี่ แต่ก็มิมีผู้ใดล่วงรู้ว่าแท้จริงแล้วเขตแดนดังกล่าวเป็นอย่างไร…’
ไม่นานสื่ออวิ๋นก็กล่าวปลอบใจตัวเอง ‘สมควรเป็นเรื่องบังเอิญ ที่นามของเขตแดนเหมือนกัน’
มาถึงจุดนี้ใจสื่ออวิ๋นก็หวนคืนสู่ความสงบ
‘อย่างไรเสียแม้มันจักมิใช่ผู้สืบทอดหมอกพิรุณแต่พลังฝีมือช่างร้ายกาจอย่างหาได้ยากนัก อายุสมควรไม่ได้มากกว่าเทียนหวู่เท่าไหร่ แต่กลับมีพลังสามารถบดขยี้เทียนหวู่ได้ขนาดนี้แล้ว’
ลูกตาสื่ออวิ๋นยิ่งมายิ่งทอประกายจ้า ยังคิดรับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์นิกายผ่านสายสัมพันธ์กับเทียนหวู่!
หากนางได้รับศิษย์ทั้ง 2 อย่างเฟิ่งเทียนหวู่และต้วนหลิงเทียนล่ะก็ ความสำเร็จในภายภาคหน้าของนิกายอัคคีล่องลอยคงไร้จำกัดแล้ว!
เฟิ่งเทียนหวู่คือผู้สืบทอดหงส์ฟ้าจรัสแสง เช่นนั้นอนาคตของนางจึงไม่อาจหยุดอยู่ที่นิกายอัคคีล่องลอยได้
สำหรับต้วนหลิงเทียนนั้น ถึงแม้พรสวรรค์จะสูงมากและพลังฝีมือตอนนี้ก็เหนือกว่าเฟิ่งเทียนหวู่ แต่นางไม่คิดว่าหลังจากนี้ไปต้วนหลิงเทียนจะเทียบกับเฟิ่งเทียนหวู่ได้…เพราะยิ่งมาเคล็ดบำเพ็ญจิตหงส์ฟ้าจรัสแสงยิ่งทรงอานุภาพ นางมั่นใจในตัวเฟิ่งเทียนหวู่นัก
ด้วยเหตุนี้นางจึงคิดดึงตัวต้วนหลิงเทียนมาเข้าร่วมนิกายอัคคีล่องลอย ชุบเลี้ยงให้กลายเป็นประมุขนิกายคนต่อไป
“น่าเสียดาย…ในเมื่อเขตแดนแม่นางเฟิ่งถูกทำลายเช่นนี้ ก็ไร้หนทางแล้ว เฮ่อ…”
หลายคนเริ่มส่ายหัวและถอนหายใจออกมา
สายตาต่างๆที่หันไปจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนตอนนี้ฉายความซับซ้อนไม่น้อย
พวกมันล้วนคิดว่าต้วนหลิงเทียนคงไม่มีทางสู้แม่นางเฟิ่งได้ หากแต่ความจริงเสมือนมือหนาตบฟาดใบหน้าพวกมันดังฉาด!
ถึงแม้หลายคนยังข้องใจและคิดว่าแม่นางเฟิ่งอาจจะออมมือให้ต้วนหลิงเทียน หากแต่ด้วยความที่ขอบเขตเซียนทั้งหลายต่างกล่าวกันว่าแม่นางเฟิ่งลงมือสุดตัวแล้ว พวกมันจึงไม่อาจกล่าวอะไรได้อีก…หลังจากทั้งหมดแล้วพวกมันก็แค่สงสัย…สายตาพวกมันจะสู้ตัวตนในขอบเขตเซียนได้หรือ?
“นอกเหนือจากเขตแดน ปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ของแม่นางเฟิ่งก็ทรงพลังยิ่ง..ฮึ่ม! หากต้วนหลิงเทียนมิใช้เขตแดน ย่อมไม่มีวันเอาชนะแม่นางเฟิ่งได้!”
“วาจานี้ของเจ้าไม่กล่าวเกินไปหน่อยหรือ…เขตแดนก็เป็นพลังฝีมือย่อยของต้วนหลิงเทียน ไฉนมันถึงมิอาจใช้ได้ นอกจากนี้มันก็มิได้ห้ามแม่นางเฟิ่งมิให้ใช้เขตแดนแต่แรก เพียงแค่เลือกใช้เขตแดนทำลายเขตแดนของนางก็เท่านั้น”
“นั่นสิ! นอกจากจะเป็นผู้ฝึกตนที่ต่ำกว่าขอบเขตสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ หาไม่แล้วผู้ใดจะหวังพึ่งปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์?”
“เจ้าจะกล่าวว่าหากทั้งคู่อยู่ในขอบเขตสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบ มันมิใช่คู่มือของแม่นางเฟิ่งว่างั้น?”
……
ผู้ชมต่างซุบซิบสนทนากันวุ่นวาย ยามนี้ในวาจายังเริ่มกล่าวกันไปในทางหากต้วนหลิงเทียนไม่ใช้เขตแดนก็ไม่ใช่คู่มือแม่นางเฟิ่ง
เพราะสำหรับพวกมัน ในด้านอื่นๆต้วนหลิงเทียนไม่น่าจะเทียบแม่นางเฟิ่งได้
คำกล่าวของพวกมัน พอต้วนหลิงเทียนได้ยินก็ได้แต่ลอบขำในใจ และภายใต้สายตาของผู้คน เขาก็สลายเขตแดนหมื่นกระบี่ไปเสีย
เพียงห้วงคิด กระบี่พลังมีสภาพเสมือนจริงนับหมื่นเล่ม ที่ปรากฏในอาณาบริเวณรัศมี 100 หมี่โดยมีเขาเป็นจุดศูนย์กลาง ก็หายไปในพริบตา ทำให้ทุกคนไม่เว้นเฟิ่งเทีนยหวู่แปลกใจไม่น้อย
“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นกลับเลิกใช้เขตแดนจริงๆ?”
ลูกตาหลายคนเบิกโพลงออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
“ดูเหมือนมันจักได้ยินพวกเรา”
“ก็เห็นกันอยู่ชัดๆว่าได้ยิน”
“มันคิดทำอันใดกัน? หรือจะสู้กับแม่นางเฟิ่งต่อโดยไร้เขตแดน”
“หากเป็นเช่นนั้น มันก็รนหาที่ตายแล้ว!”
……
ผู้คนทั้งหลายเริ่มฮือฮากันอีกครั้ง สายตาที่มองต้วนหลิงเทียนยังคล้ายมองตัวโง่งม เพราะสำหรับพวกมันมีแต่ตัวโง่งมเท่านั้นที่กระทำแบบนี้
เห็นได้ชัดว่าชัยชนะอยู่ในมือ แต่กลับเลือกจะหาเรื่องโดยละทิ้งจุดแข็ง!
ห่างออกไปไม่ไกล ซือถูหัง กับซือถูโฮ่วก็ประหลาดใจกับการสลายเขตแดนของต้วนหลิงเทียนเช่นกัน
ถึงแม้ว่าพวกมันจะรู้แต่แรกว่าพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนร้ายกาจมากพอจะติดอันดับในรายนามนภา แต่ต่างก็ไม่คิดกันเลยว่าเขตแดนของต้วนหลิงเทียนจะทรงพลังเสียจนบดขยี้เขตแดนแม่นางเฟิ่งได้ง่ายดาย
ต้องทราบด้วยว่าแม่นางเฟิ่งมิใช่ครึ่งก้าวเซียนธรรมดาๆ!
แม้ตอนนี้นางยังอยู่ในอันดับที่ 23 ของรายนามนภา แต่พลังฝีมืออันแข็งแกร่งที่ทุกคนได้ประจักษ์ ต่างเห็นชัดว่าตอนนี้นางสามารถเข้าสู่สิบอันดับแรกของรายนามนภาได้แน่นอน!
แต่กระนั้นนางก็เสียเปรียบต่อหน้าต้วนหลิงเทียน และดูเหมือนจะแพ้พ่ายเป็นที่แน่นอนแล้ว!
อย่างไรก็ตามในขณะที่พวกมันคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะไล่บี้และเอาชนะแม่นางเฟิ่งในคราวเดียว ต้วนหลิงเทียนกลับกระทำเรื่องเหนือคาดพวกมันอีกครั้ง!
เสียงกระซิบสนทนาของผู้ชม ทั้งคู่ก็ได้ยินเช่นกัน
แต่พวกมันคิดว่าไร้สาระนัก!
เขตแดนก็คือส่วนหนึ่งของพลังฝีมือ หากเขตแดนแข็งแกร่งก็บ่งบอกให้รู้ว่าพลังฝีมือผู้ใช้ย่อมแข็งแกร่ง!
ที่พวกมันทั้งคู่คิดไม่ถึงก็คือ เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนคล้ายจะกังวลกับเสียงนกกาของผู้ชม กลับสลายเขตแดนหมื่นกระบี่ไปแบบนั้น
“พี่ใหญ่ต้วน มิจำเป็นต้องสู้ต่อแล้ว”
เฟิ่งเทียนหวู่เป็นฝ่ายริเริ่มกล่าวบอกต้วนหลิงเทียน
ต้วนหลิงเทียนที่ได้ฟัง ก็นิ่งคิดไปครู่หนึ่งค่อยพยักหน้า
อันที่จริงที่เขาสลายเขตแดนหมื่นกระบี่นั้น เพราะคิดทดสอบพลังความแข็งแกร่งของปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ของเฟิ่งเทียนหวู่ ว่ามันจะสู้กับมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บของเขาได้หรือไม่เท่านั้น…
เขา ต้วนหลิงเทียน กระทำตามความสนใจของตัวเอง ไม่เคยนำพาวาจาผายลมของใคร!
หากแต่ตอนนี้พอได้ยินคำของเฟิ่งเทียนหวู่เขาก็เริ่มสงบลง จึงได้คิดว่าหากจะวัดพลังของปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ของเฟิ่งเทียนหวู่จริง ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนกระทำตอนนี้…
“การประลองในวันนี้ ท่านต้วน แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู มีชัยเหนือ แม่นางเฟิง แห่งนิกายอัคคีล่องลอย! เช่นนั้นนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ท่านต้วน จะกลายเป็นผู้ที่อยู่ในรายนามนภาอันดับที่ 23 ส่วนแม่นางเฟิ่งจะถูกลบออกจากรายนามนภา!”
ตอนนี้เองประมุขนิกายสื่ออวิ๋นพลันประกาศผลการประลองออกมา เมื่อเห็นว่าเรื่องราวคงไม่มีอะไรแล้ว
สำหรับผลลัพธ์ดังกล่าวหลายคนยังรู้สึกยากจะเชื่ออยู่บ้าง
อนิจจาความจริงตั้งอยู่ตรงหน้า พวกมันจะไปทำอะไรได้
ไม่ว่าจะอะไรยังไงก็ตาม วันนี้ผลลัพธ์การประลองก็ออกมาแล้ว ทั้งหลายได้แต่ชักสีหน้าแววตาซับซ้อน
พวกมันมาที่นี่เพราะอยากรู้ ก้นบึ้ง ของท่านต้วนแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู
และตอนนี้พวกมันก็ได้รับทราบถึงความแข็งแกร่งของผู้อื่นแล้ว
หากเป็นเพียงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนมีพลังฝีมือเทียบได้กับครึ่งก้าวเซียน ก็ไม่ได้เป็นภัยคุกคามอะไรกับขุมพลังอื่นๆมากนัก
แต่อารมณ์ของพวกมันกลายเป็นสลับซับซ้อน เพราะเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างต้วนหลิงเทียนกับเฟิ่งเทียนหวู่
ในประเทศฝูเฟิง มีใครบ้างไม่ทราบฐานะแม่นางเฟิ่งของนิกายอัคคีล่องลอย?
เรียกว่าแม่นางเฟิ่งผู้นี้มีอำนาจอยู่ในมือ สามารถเป็นตัวแทนอาจารย์ของนางอย่างประมุขสื่ออวิ๋นได้!
กล่าวได้ว่าเฟิ่งเทียนหวู่เพียงคนเดียว ก็สามารถเป็นตัวแทนของทั้งนิกายอัคคีล่องลอย!
นั่นหมายความว่าหลังจากนี้เส้นกันระหว่างตระกูลซือถูกับนิกายอัคคีล่องลอยจะถูกทำลายลง กลับกลายเป็นชิดใกล้สนิทกันมากยิ่งขึ้น!
นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับพวกมันเลย!
ตอนนี้ในเมื่อการประลองก็สิ้นสุดลงแล้ว คนจากขุมพลังอื่นๆก็เริ่มทยอยกันเดินทางจากไป หลังอำลาประมุขสื่ออวิ๋นของนิกายอัคคีล่องลอยเรียบร้อย
แม้แต่ของเขตเซียนของนิกายคงเฉิน อย่างชายชราไป๋หยินก็ออกจากพื้นที่ลานประลอง เพื่อย้อนกลับไปรับตัวนายน้อยนิกายคงเฉินกลับนิกาย ในระหว่างเดินทางกลับสีหน้าของมันก็ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่ามันกลับเป็นผู้ชนะ…อย่างไรเสียมิว่าจะเกิดอะไรขึ้นมันก็ต้องตาย!”
ในระหว่างเดินทางกลับฟ่งเหินกล่าวคำเหล่านี้ออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในวาจาเผยให้เห็นว่ามันแค้นต้วนหลิงเทียนเข้ากระดูกดำ “หากมันไม่ตายข้าไม่มีวันกินอิ่มนอนหลับ!”
“นายน้อย…หากทำได้ท่านควรลืมความแค้นระหว่างท่านกับแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูผู้นี้ไปเสีย…”
สุดท้ายไป๋หยินก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา
“ทำไมเล่า!?”
ได้ยินคำของชายราไป๋หยิน สีหน้าของมันก็เปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ทันที “มันทำร้ายข้าถึงขนาดนี้ แต่ท่านยังบอกให้ข้าลืม? นั่นเป็นไปไม่ได้!”
“นายน้อยข้ารู้ดีว่าท่านแทบทนรอฆ่ามันให้ตายไร้ที่ฝังไม่ไหว…แต่ท่านสมควรรู้ไว้ว่าตอนนี้ไม่ใช่แค่ตระกูลซือถูที่สนับสนุนมัน แม้แต่เฟิ่งเทียนหวู่ ก็มิอาจนิ่งดูดาย!”
ชายชราไป๋หยินกล่าวออกด้วยใบหน้าขื่นขม
“เฟิ่งเทียนหวู่??”
ฟ่งเหินขมวดคิ้ว ด้วยมันไม่เคยได้ยินนามนี้มาก่อน
“เฟิ่งเทียนหวู่ก็คือนามเต็มของแม่นางเฟิ่ง”
ชายชราถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“แม่นางเฟิ่งไฉนไปเกี่ยวกับตัวบัดซบของตระกูลซือถูนั่นได้? นอกจากนี้มิใช่มันเอาชนะนางแล้วชิงอันดับในรายนามนภามาหรือไร ข้ามั่นใจว่านางสมควรเกลียดมัน เป็นไปได้อย่างไรจะหันไปสนับสนุนมัน?!”
แม้ฟ่งเหินจะรู้เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนมีชัยในวันนี้ แต่มันก็ไม่ได้ทราบรายละเอียดแต่อย่างใด
เพราะรายละเอียดของเรื่องราว ชายชรายังไม่มีเวลากล่าวบอกมัน
“นายน้อยเรื่องนี้ท่านอาจยังไม่ทราบ…”
ชายชราถอนหายใจออกมาอีกเฮือกหนึ่ง ค่อยกล่าวเรื่องราวทั้งหมดออกมา
รวมถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนกับเฟิ่งเทียนหวู่ไม่เพียงแต่จะรู้จักกันธรรมดา ยังคล้ายจะเป็นคนรักกันอีกด้วย!
“อะไร!? ต้วนหลิงเทียนกับแม่นางเฟิ่งของนิกายอัคคีล่องลอยกลับมีสัมพันธ์เช่นนั้น!?”
หลังได้รับทราบเรื่องราวทั้งหมด สีหน้าฟ่งเหินก็ถมึงทึงนัก เส้นเลือดขอดผุดโผล่บนขมับ ใบหน้ายิ่งกลายเป็นดุร้าย “มันจะไปมีสัมพันธ์กับแม่นางเฟิ่งเช่นนั้นได้อย่างไรกัน! ไม่จริง! เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้!!”
ฟ่งเหินคำรามออกมาด้วยความคับแค้น หากแต่ร่างยังเดี้ยงไม่อาจลุกมาฮึดฮัดฟัดเหวี่ยงอะไรได้
ถึงแม้มันจะอวดดี แต่ก็มิใช่ตัวโง่งม
หากจะถามว่ารุ่นเยาว์คนใดในประเทศฝูเฟิงที่มันไม่กล้ามีเรื่องด้วย ก็ไม่ต้องคิดอะไรเลย มันตอบได้ทันทีว่าคือแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอย!
ในประเทศฝูเฟิงยังมีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าแม่นางเฟิ่งมีสิทธิ์มีเสียงไม่ต่างใดจากประมุขนิกายอัคคีอย่างสื่ออวิ๋น?
ด้วยพลังฝีมืออันน่ากลัวของสื่ออวิ๋น กระทั่งรุ่นเยาว์จากตระกูลราชวงศ์ ยังไม่กล้าโอหังต่อหน้าแม่นางเฟิ่งด้วยซ้ำ!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น