War sovereign Soaring The Heavens 1579-1589
ตอนที่ 1579
ท่านต้วน
ตอนนี้เวลามันก็ผ่านมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว หลังจากที่ตระกูลซือถูส่งสารท้าประลองในนามท่านต้วนมาให้แม่นางเฟิ่ง แห่งนิกายอัคคีล่องลอย
ตลอดเวลาเกือบครึ่งเดือนที่ผ่านมา ข่าวการประลองดังกล่าวก็แพร่ไปทั่วทั้งนิกายอัคคีล่องลอย และเพียงพริบตาผู้คนกว่าครึ่งของประเทศฝูเฟิงก็ได้รับทราบเรื่องนี้ไปด้วย! มันจึงกลายเป็นประเด็นอันร้อนแรงที่ผู้คนพากันกล่าวถึงไม่หยุด!
ผู้คนมากมายล้วนอยากมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้
เช่นนั้นแล้วเหล่าผู้ทรงอิทธิพลจำนวนมากที่เป็นยอดฝีมือของแต่ละขุมพลังล้วนส่งจดหมายเยี่ยมเยียนมายังนิกายอัคคีล่องลอย เพื่อเป็นสักขีพยานในการต่อสู้!
หนึ่งในผู้ที่จะลงประลองนั้นก็คือ แม่นางเฟิ่ง แห่งนิกายอัคคีล่องลอย ตอนนี้ตราบใดที่จังเป็นคนของประเทศฝูเฟิง แทบไม่มีใครไม่รู้จักนาง!
แม่นางเฟิ่งนั้นผงาดขึ้นมาเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว นางยังสามารถชิงอันดับที่ 23 ในรายนามนภามาครองได้สำเร็จ! สุดท้ายจึงกลับกลายเป็นยอดฝีมือที่มีชือเสียงเลื่องลือ!
หากจะกล่าวว่าตอนแรกๆที่แม่นางเฟิ่งเปิดตัวยังไม่โด่งดังเท่าไหร่ล่ะก็…หลังจากที่นางฝึกปรืออยู่อีกครึ่งปีแล้วออกมาปรากฏตัวอีกครั้ง เรียกว่าผู้คนในประเทศฝูเฟิงก็ได้ยินเสียงคำร่ำลือจากนางกันทั่ว กระทั่งในเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน ก็นับว่ามีชื่อเสียงไม่น้อย!
นั่นเพราะนางใช้เวลาเพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น ในการใต่ขึ้นมาจากอันดับท้ายๆในรายนามนภาจนมาถึงอันดับที่ 23
ตอนนี้นางก็อยู่ในอันดับที่ 23 ในรายนามนภามาถึงครึ่งปีแล้ว
จากความก้าวหน้าของนางในอดีต ทำให้ตอนนี้ผู้คนต่างมั่นใจกันถ้วนหน้า ว่าพลังฝีมือของนางสมควรติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของรายนามนภา!
แน่นอนว่าหากนางอยากจะขึ้นไปอยู่ใน 10 อันดับแรกของรายนามนภา แม่นางเฟิ่งผู้นี้ก็จำต้องออกเดินทางไปนอกประเทศเพื่อไปส่งสารท้าทาย…
เพราะในประเทศฝูเฟิง ไม่มี 10 อันดับแรกในรายนามนภาอยู่เลย..
ส่วนอีกด้านที่เป็นคู่ประลองของแม่นางเฟิ่ง ท่านต้วน นั้น…พึ่งปรากฏตัวขึ้นในตระกูลซือถูเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว! ไม่มีใครในประเทศฝูเฟิงรู้จักนามนี้เลยสักคน!
และในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือน ผู้ที่อยากรู้ความเป็นมาของ ‘ท่านต้วน’ ก็ได้พยายามสืบเรื่องราวทั้งหมด!
พบว่า ท่านต้วน ผู้นี้ พึ่งปรากฏตัวในตระกูลซือถูเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว และทันทีที่ปรากฏตัวออกมา ก็สามารถรักษาโรคประหลาดของคุณชายใหญ่ตระกูลซือถูให้หายขาดได้อย่างอัศจรรย์!
ต้องทราบด้วยว่าก่อนหน้านั้น ทุกคนล้วนคิดว่าคุณชายใหญ่ตระกูลซือถูนั้นต้องตายแน่แล้ว!
เพราะสุดท้าย ไม่ว่าจะปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 4 ดาว ปรมาจารย์เซียนหลอมโอสถระดับ 4 ดาว ก็ไม่อาจหาสาเหตุโรคร้ายได้ ยังกล่าวกันว่าคุณชายใหญ่สมควรถูกคำสาปไม่ก็คุณไสยอันใดสักอย่าง!
กระทั่งปรมาจารย์แพทย์ของราชวงศ์ ผู้เป็นหมอหลวงก็ได้กล่าวตัดสินชะตาของคุณชายใหญ่ตระกูลซือถูไว้แล้ว ว่าจักอยู่ได้ไม่เกินสิ้นเดือน…ทำให้ทั้งหมดคิดว่าคุณชายใหญ่ตระกูลซือถูไร้ความหวังอันใดแล้ว
ทว่าทันใดนั้นเอง อยู่ๆท่านต้วนผู้นี้ก็ปรากฏตัวออกมาก่อนเส้นตายสิ้นเดือนที่ว่าแค่เพียงอาทิตย์เดียว!
และทันทีที่ท่านต้วนผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นมา ก็สามารถฉุดดึงคุณชายใหญ่ตระกูลซือถูที่ก้าวขาข้างหนึ่งผ่านประตูนรกไปแล้วให้กลับมาได้สำเร็จ! อีกทั้งในเพียงเวลาแค่เดือนครึ่ง คุณชายใหญ่ตระกูลซือถูก็กลับมาแข็งแรงหายดีดังเดิม!!
อีกทั้งทั้งหมดยังสืบทราบมาว่า การเดินทางมาประลองกับแม่นางเฟิ่งของท่านต้วนผู้นี้ คุณชายใหญ่ตระกูลซือถูยังเป็นผู้นำพามาด้วยตัวเอง!
จังหวะนี้ทุกผู้คนอดไม่ได้ที่จะตกใจ
ท่านต้วน ผู้นี้ที่แท้เป็นผู้ใดมาจากไหนกันแน่..ถึงกับสามารถรักษาโรคประหลาดที่กระทั่งปรมาจารย์ระดับ 4 ดาวทั้งหลายยังต้องจนปัญญาได้สำเร็จ! นับว่าอัศจรรย์นัก!!
ผู้ที่สืบทราบถึงจุดนี้ก็ยิ่งพยายามหาข้อมูลลงลึกกันใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ ว่าท่านต้วนผู้นี้เป็นใครมาจากไหน และมีชื่อแซ่ว่าอะไร รู้กันแค่คนของตระกูลซือถูล้วนเรียกหาว่า ปรมาจารย์ต้วน ทั้งสิ้น…
เช่นนั้นแล้วท่านต้วนคนนี้ เสมือนอยู่ๆก็ผุดโผล่ขึ้นมาจากความว่างเปล่าในประเทศฝูเฟิง ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ความเป็นมาเลย
ตอนนี้ในสายตาของผู้คนในประเทศฝูเฟิง ปรมาจารย์ต้วน หรือท่านต้วนที่เป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู คล้ายจะมีม่านหมอกแห่งความลับปกคลุม
อันที่จริงแล้ว ผู้คนมากมายจากขุมพลังต่างๆ ที่ส่งสารว่าจะมาเยี่ยมเยียนนิกายอัคคีล่องลอยคราวนี้ นอกจากจะมาชมดูการประลองชิงอันดับในรายนามนภาแล้ว พวกมันยังอยากมาแลเห็น ท่านต้วน ที่ว่ากับตา ว่าเป็นผู้ใดกันแน่!
ในบรรดาขุมพลังทั้งหมด ผู้ที่เงียบนิ่งไม่เคลื่อนไหว ล้วนเป็นคู่แข่งไม่ก็ศัตรูของตระกูลซือถูทั้งสิ้น
พวกมันเขม่นกับตระกูลซือถูมานานปี ย่อมรู้ไส้รู้พุงของตระกูลซือถูดีกว่าใคร การปรากฏตัวขึ้นมาอย่างฉับพลันของท่านต้วนย่อมทำให้พวกมันรู้สึกกดดัน!
ความกดดันที่ว่าไม่ได้มาจากพลังฝีมือของท่านต้วน
การที่อีกฝ่ายส่งสารท้าประลองชิงอันดับในรายนามนภา ก็บ่งบอกให้รู้ว่า…ท่านต้วนผู้นี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์หรือผู้ฝึกเต๋าก็ยังเป็นเพียงตัวตนในขอบเขตสู่เซียน! ซึ่งพลังฝีมือเท่านี้ไม่ใช่อะไรที่คุกคามพวกมันได้เลย
แรงกดดันที่ทำให้พวกมันรู้สึกหนักอึ้งนั้น มาจากความลึกลับที่ปกคลุมห้อมล้อมปรมาจารย์ต้วนผู้นี้
เพราะสุดท้ายแล้วอีกฝ่ายกลับสามารถรักษาโรคประหลาดของคุณชายใหญ่ตระกูลซือถู ที่แม้แต่เหล่าปรมาจารย์ระดับ 4 ดาวทั้งหลาย กระทั่งหมอหลวงก็จนปัญญาได้สำเร็จ! นี่ไม่ใช่อะไรที่ตัวตนในขอบเขตสู่เซียนทั่วไปจะกระทำได้
ยังผลให้ ท่านต้วน ที่แสนลึกลับไร้ที่มาที่ไปผู้นี้ มีชื่อเสียงขึ้นมาในประเทศฝูเฟิงไม่น้อย ถึงแม้จะยังไม่ทันได้ประลองกับแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอยก็ตาม!
แน่นอนว่าชื่อเสียงทั้งหลาย ส่วนใหญ่แล้วมาจากความสามารถในการรักษาคุณชายใหญ่ตระกูลซือถู
โรคประหลาดนี้ของคุณชายใหญ่ตระกูลซือถู เป็นที่กล่าวถึงกันอย่างมากในประเทศฝูเฟิง หลายคนรอนแรมเดินทางมาไกลเพื่อหวังรักษาคุณชายใหญ่เพื่อของรางวัล แต่กลับไร้ผู้ใดที่สามารถรักษาได้สักคน!
ประเด็นดังกล่าว ตัวต้วนหลิงเทียนเองก็พึ่งมาทราบจากซือถูหังในขณะเดินทางนี่เอง
“ท่านปรมาจารย์ต้วน ตอนนี้ชื่อเสียงของท่านได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศฝูเฟิงแล้ว…ตอนนี้ต่อให้ท่านปราชัยต่อแม่นางเฟิ่ง นามของท่านก็จะพัดผ่านไปทั่วประเทศฝูเฟิงดั่งพายุ ถึงตอนนั้นหากศิษย์พี่และสหายของท่านอยู่ในประเทศฝูเฟิงจริงๆ ย่อมรู้ว่าท่านอยู่ในตระกูลซือถูเราและมาหาท่านด้วยตัวเองเป็นแน่!”
ซือถูหังกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม
“อะไร นี่คุณชายใหญ่ไม่มั่นใจในตัวข้าเลยหรือ?”
ได้ยินวาจานี้ของซือถูหัง ต้วนหลิงเทียนก็แสร้งทำเป็นน้อยใจขึ้นมา
ซือถูหังที่ได้ยินคำนี้ หน้าเจื่อนไปทันใด เร่งกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มขื่นขม “ข้ามิได้หมายความเช่นนั้นท่านปรมาจารย์ต้วน…ข้าเพียงกล่าวถึงความเป็นไปได้ประการหนึ่งเท่านั้น”
ถึงแม้มันจะเชื่อมั่นในตัวต้วนหลิงเทียนไม่น้อย แต่เรื่องประลองกับแม่นางเฟิ่งยิ่งมาก็ยิ่งไม่มั่นใจ แน่นอนว่ามันย่อมไม่กล้ากล่าวเรื่องนี้ออกมาด้วยกลัวต้วนหลิงเทียนจะผิดหวัง
อย่างไรก็ตามมันประเมินความคิดอ่านต้วนหลิงเทียนต่ำไป
ทันทีที่มันกล่าวถึงเรื่องนี้ออกมา ต้วนหลิงเทียนไหนเลยจะไม่ล่วงรู้ความคิดมันได้ อย่างไรเสียเขาไม่ได้ถือสาอะไรแม้แต่น้อย
เพราะต้วนหลิงเทียนรู้ดี ว่าเรื่องราวบางอย่างต่อให้เขามีลิ้นทองคำก็ยากจะทำให้ผู้คนเชื่อถือ
วิธีเดียวที่จะทำให้ผู้คนเชื่อจริงๆ มีแต่เขาต้องแสดงออกด้วยการกระทำเท่านั้น!
ดังนั้นหลังได้รู้ถึงความไม่มั่นใจจากซือถูหัง ต้วนหลิงเทียนก็เพียงกล่าวหยอกไปอย่างสนุกๆ แต่ไม่คิดจะแก้ไขอะไร เพียงเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องไปแทน “คุณชายใหญ่หัง ตอนนี้ก็เหลืออีกแค่เดือนเดียวก่อนที่ซือถูจั๋วนั่นจะออกจากห้องสำนึกตน แล้วต่อไปท่านจะทำอย่างไรต่อ ในเมื่อมันลงมือกับท่านถึงขนาดนี้?”
กล่าวถึงท้ายประโยคต้วนหลิงเทียนก็หยีตามองซือถูหัง
หลังได้ยินต้วนหลิงเทียนกล่าวถึงเรื่องซือถูจั๋ว สีหน้าซือถูหังก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจังทันใด ในแววตายังเผยความเด็ดเดี่ยวออกมา
ซือถูจั๋วนั้น เป็นคนที่เกือบฆ่ามันตาย!
ด้วยเหตุผลบางประการทำให้มันกับบิดาไม่อาจเป็นศัตรูกับฝ่ายของซือถูหมิงได้อย่างโจ่งแจ้ง ทำให้จำต้องปล่อยวางเรื่องของอาคมมารนี้ไปอย่างช่วยไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ในใจมันไม่มีวันปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านเลยไปง่ายๆ
สุดท้ายแล้วมันก็เกือบตาย!
หากมันตกตายไป มันย่อมรู้ดีว่าในอนาคตฝ่ายซือถูหมิงต้องเข้าครอบงำตระกูลซือถูได้อย่างเบ็ดเสร็จแน่…
และหากพวกซือถูหมิงได้เป็นผู้นำจริงๆล่ะก็ ด้วยนิสัยอำมหิต…ไม่พ้นคนของฝ่ายมันต้องถูกฆ่าตายหมดสิ้น!
“ปรมาจารย์ต้วน แม้ก่อนหน้าข้าจะไม่คิดว่าซือถูจั๋วมันจะกล้าลงมือถึงขนาดนี้…แต่ในเมื่อข้ารู้แล้วว่ามันกล้าทำขนาดนี้ ข้าจะไม่ปล่อยให้มันมีโอกาสใดๆอีกเด็ดขาด!”
หลังสูดลมหายใจเข้าเพื่อสงบอารมณ์ครู่หนึ่ง ซือถูหังค่อยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ราวกับจะผุดซึมขึ้นมาจากหล่มน้ำแข็ง
“ท่านแค่รู้ว่าควรทำอย่างไรก็พอ”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ เขาเองก็นับว่าถูกชะตากับซือถูหังไม่น้อย
สำหรับซือถูหังแล้ว เขาไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายเลวร้ายอะไรเลย
“หากมีอะไรให้ข้าช่วย ท่านก็บอกมาแล้วกัน”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอีกครั้ง
“ขอบคุณท่านปรมาจารย์ต้วน”
เมื่อได้ยินวาจาคิดช่วยเหลือนี้ของต้วนหลิงเทียน สองตาซือถูหังทอประกายวาบวัวขึ้นมาทันที เร่งประสานมือขอบคุณอย่างเป็นทางการ
ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะยังมีอายุน้อยกว่ามันราวๆปีสองปี แต่ในใจของมัน…ฐานะต้วนหลิงเทียนนับว่าอยู่สูงนัก มันไม่กล้าตีตัวเสมอปฏิบัติกับต้วนหลิงเทียนเหมือนดั่งสหาย
“ด้วยความเร็วในการเดินทางของพวกเรา สมควรถึงนิกายอัคคีล่องลอยบ่ายนี้ใช่หรือไม่?”
เมื่อเห็นตะวันร้อนที่ลอยเด่นกลางหาว ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาด้วยสงสัย
“สมควรถึงประมาณยามบ่าย”
ซือถูหังพยักหน้า “หลังจากที่พวกเราไปถึงนิกายอัคคีล่องลอยพวกเราจะพักกันคืนหนึ่ง…วันพรุ่งนี้พวกเราจักเดินชมนิกายอัคคีล่องลอยในฐานะแขก ส่วนการประลองระหว่างท่านกับแม่นางเฟิ่งเป็นวันมะรืน!”
“เอาตามนั้นล่ะ”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าแม้ซือถูหังจะแก่กว่าเขาไม่มาก แต่ต้วนหลิงเทียนก็เทียบกับอีกฝ่ายในด้านการจัดการเรื่องราวจิปาถะพวกนี้ไม่ได้
มีคำกล่าวที่ว่า แต่ละคนมีด้านเก่งไม่เหมือนกัน เขาไม่ค่อยถนัดการจัดการเรื่องราวยิบย่อยอะไรเท่าไหร่
การเดินทางออกจากเมืองหลวงฝูเฟิงครั้งนี้ ต้วนหลิงเทียนยังสัมผัสได้แต่แรกว่าไม่ได้มีแค่ เขา ซือถูหัง และซือถูโฮ่วเท่านั้น…
มีอีก 5 คนที่ลอบติดตามมาอย่างลับๆ!
หากไม่ใช่เพราะประสบการณ์ในการสะกดรอยและย้อนรอยในชีวิตที่แล้ว ต้วนหลิงเทียนอาจจะไม่พบตัวทั้ง 5
เพราะทั้ง 5 ที่ลอบติดตามมานั้น เป็นดั่งอสรพิษในเงามืด สามารถซ่อนเร้นและปรากฏออกมาสังหารได้อย่างน่ากลัว
‘เป็นครึ่งก้าวเซียนทั้ง 5 คนเลย…แถมท่าทางยังฝึกฝนวิชาเร้นกายกันมาอย่างดี น่ากลัวว่านอกจากข้าจะมีคนที่พลังฝึกปรือต่ำกว่าเซียนแค่ไม่กี่คนที่สามารถพบตัวพวกมันได้’
หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนเปิดใช้ เนตรเทวะ เขาย่อมแลเห็นกลิ่นอายพลังของผู้ที่ซ่อนตัวอย่างแนบเนียนในมุมอับสายตาได้ไม่ยาก
ต่อให้พวกมันจะซ่อนตัวดีเลิศถึงเพียงใด หากด่านพลังไม่เหนือกว่าต้วนหลิงเทียนมากจริงๆ ย่อมไม่มีวันเล็ดรอดเนตรเทวะของต้วนหลิงเทียนได้เลย
ตอนที่ 1580
ประมุขนิกาย สื่ออวิ๋น
แน่นอนว่าที่ต้วนหลิงเทียนสามารถบอกได้ว่าทั้ง 5 เป็น ครึ่งก้าวเซียน ทั้งๆที่ยังไม่เห็นตัวนั้น เพราะกลิ่นอายพลังที่เขาแลเห็นมันเหมือนกันกับรองเจ้าสำนักจันทร์จรัสแสง…
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ด่านพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนทะลวงมาถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ การรับรู้ของเขายิ่งมาก็ยิ่งเฉียบคมมากขึ้น!
ต้วนหลิงเทียนมั่นใจมาก ว่าทั้ง 5 คนนี้ลอบติดตามพวกเขามาตั้งแต่ออกจากตระกูลซือถู!
‘หรือพวกมันทั้ง 5 จะเป็นคนของ 18 เงาผู้พิทักษ์ของตระกูลซือถู?’
พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ต้วนหลิงเทียนก็นึกถึงเรื่องราวที่เขารู้มาก่อนหน้านี้
ตอนที่เขาอยู่ในตระกูลซือถูนั้น เขาก็คอยเงี่ยหูฟังเรื่องราวต่างๆอยู่บ่อยครั้ง หลายเรื่องที่เป็นความลับก็ผ่านหูเขาไปไม่น้อย รวมถึง 18 เงาผู้พิทักษ์ด้วย
เห็นว่า 18 เงาผู้พิทักษ์นั้น ส่วนมากพลังฝีมือล้วนอยู่ในขอบเขตครึ่งก้าวเซียนทั้งสิ้น!
ถึงแม้แต่ละคนอาจมีพลังฝีมือเทียบไม่ได้กับผู้ที่อยู่ในรายนามนภา อย่างไรก็ตามด้วยความสามารถในการเร้นกายแบบนี้ กระทั่งคนในรายนามนภาก็ไม่แน่ว่าจะล่วงรู้ถึงตัวตนพวกมัน!
หากคนในรายนามนภาไม่อาจสัมผัสถึงการลอบติดตามของพวกมัน เผลอเปิดช่องว่างสักเล็กน้อย ก็อาจถูกพวกมันลอบสังหารเอาได้ง่ายๆ!
นี่นับเป็นความน่ากลัวของ 18 เงาผู้พิทักษ์!
18 เงาผู้พิทักษ์ของตระกูลซือถู จะขึ้นตรงกับประมุขตระกูลซือถูแต่ผู้เดียว
ดังนั้นผู้ที่ส่งเงาผู้พิทักษ์ทั้ง 5 มา สมควรเป็นซือถูฮ่าว
‘ผู้นำตระกูลซือถูนับว่าหวังดีจริงๆ…ด้วย เงาทั้ง 5 แม้ระหว่างทางจะเกิดเรื่องอะไร พวกมันก็สามารถคลายความกังวลให้ได้’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าว
‘ว่าไปแล้วขุมพลังของตระกูลซือถูก็นับว่าน่ากลัวนัก…ขุมพลังชั้น 7 อย่างสำนักจันทร์จรัสแสงไม่อาจเทียบได้เลย’
บางทีในด้านจำนวนของยอดฝีมือขอบเขตเซียน สำนักจันทร์จรัสแสงอาจไม่ด้อยไปกว่าตระกูลซือถู
อย่างไรก็ตามคุณภาพของกำลังรบไม่อาจเทียบตระกูลซือถูได้เลย
นอกจากนี้จำนวนของครึ่งก้าวเซียนของสำนักจันทร์จรัสแสง ก็น้อยกว่าตระกูลซือถูมาก!
สำนักจันทร์จรัสแสง มีชนชั้นรองเจ้าสำนักแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ทว่าด้านตระกูลซือถู ไม่ต้องนับเหล่าอาวุโสที่อยู่ในระดับครึ่งก้าวเซียนด้วยซ้ำ ลำพังแค่ 18 เงาผู้พิทักษ์ แทบทุกคนล้วนอยู่ในขอบเขตครึ่งก้าวเซียนกันหมดแล้ว
จุดนี้สำนักจันทร์จรัสแสงไม่อาจเทียบได้เลย
ด้วยมี 5 เงาผู้พิทักษ์ลอบคุ้มครอง คณะเดินทางของต้วนหลิงเทียนจึงไม่ประสบอุบัติเหตุใดๆระหว่างการเดินทางเลย
นิกายอัคคีล่องลอย มีส่วนคล้ายกับสำนักจันทร์จรัสแสงเรื่องหนึ่ง ในด้านของพื้นที่ตั้งอันเป็นพื้นที่ภูเขา
อย่างไรก็ตามสถานที่ตั้งของนิกายอัคคีล่องลอยนั้น กอปรไปด้วยภูเขาไฟที่ดับแล้วทั้งคุกรุ่นอยู่ จุดนี้สำนักจันทร์จรัสแสงไม่อาจเทียบได้
ระหว่างการเดินทางต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบข้อมูลของนิกายอัคคีล่องลอยจากซือถูหังมาคร่าวๆ เขายังพบว่านิกายอัคคีล่องลอยจัดเป็นขุมพลังชั้น 7 ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าตระกูลซือถู
ทั้งหมดเป็นเพราะประมุขนิกาย!
ประมุขนิกายอัคคีล่องลอย เป็นยอดฝีมือหญิงที่เรียกว่าสื่ออวิ๋น นางนับเป็นชนชั้นสุดยอดฝีมือคนหนึ่ง มีเพียงยอดฝีมือในตระกูลราชวงศ์แค่ไม่กี่คนที่สามารถเอาชนะนางได้
ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ยังได้รับการยอมรับจากยอดฝีมือของขุมพลังต่างๆ
เรื่องนี้จะให้คิดอย่างไร?
สื่ออวิ๋น ประมุขนิกายอัคคีล่องลอย เป็นสตรีที่นับว่าร้ายกาจอย่างยิ่ง! หากไม่นับขุมพลังหลักของตระกูลราชวงศ์ นางยังถูกกล่าวขานกันว่าร้ายกาจที่สุดในบรรดายอดฝีมือทั้งหลายของขุมพลังชั้น 7!!
ด้วยมีตัวตนอย่างสื่ออวิ๋นอยู่ กระทั่งตระกูลราชวงศ์ยังไม่กล้ามีเรื่องหมางใจกับนิกายอัคคีล่องลอย!
บางคนถึงกับบอกว่า..
กระทั่งในตระกูลราชวงศ์เอง ก็มีเพียงน้อยคนที่ทัดเทียมกับสื่ออวิ๋น!
หลังจากที่ได้รับรู้เรื่องของประมุขนิกายอัคคีล่องลอยอย่างสื่ออวิ๋น ต้วนหลิงเทียนก็ประหลาดใจอยู่นาน เขาเองก็คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าสตรีนางหนึ่งกลับมีพลังฝีมือร้ายกาจ จนเป็นตัวตนที่ใครในประเทศฝูเฟิงอันกว้างใหญ่ก็ไม่กล้าล่วงเกินนางได้แบบนี้
นอกจากนี้ต้วนหลิงเทียนยังรับทราบมาอีกว่า แม่นางเฟิ่ง ที่อยู่ในอันดับที่ 23 ของรายนามนภา เป็นศิษย์ปิดสำนักของสื่ออวิ๋น
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจอย่างลับๆ ‘นับว่าอาจารย์เป็นอย่างไรศิษย์เป็นอย่างนั้นจริงๆ’
แน่นอนต้วนหลิงเทียนยังตระหนักได้ชัด ว่าในภายภาคหน้าความสำเร็จของแม่นางเฟิ่งผู้นี้ ต้องก้าวล้ำเหนืออาจารย์อย่างสื่ออวิ๋นไปไกลอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
หลังจากได้รับทราบถึงตัวตนของสื่ออวิ๋นจากปากของซือถูหัง ต้วนหลิงเทียนก็บังเกิดความสนใจในยอดหญิงผู้นี้ไม่น้อย เขาอยากรู้นักว่าประมุขหญิงแห่งนิกายอัคคีล่องลอยเป็นสตรีอย่างไรกันแน่ ถึงได้นำพาขุมพลังชั้น 7 ของตัวให้ผงาดเป็นขุมพลังชั้น 7 อันดับ 1 ในประเทศฝูเฟิงได้ ทั้งยังเป็นที่ยอมรับของตระกูลราชวงศ์แบบนี้
ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านั้นนับถือผู้มีพลังฝีมือเป็นที่สุด
บางทีศิษย์ในสำนักกระทั่งอาวุโสในนิกายอัคคีล่องลอย อาจเทียบกับขุมพลังชั้น 7 อื่นๆไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะการดำรงอยู่ของสื่ออวิ๋นคนเดียว ถึงได้ทำให้นิกายอัคคีล่องลอยสามารถเบียดผู้อื่นขึ้นมาเป็นอันดับ 1!
ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ขอเพียงมีสุดยอดฝีมือนำพาสักคน ก็ไม่มีปัญหาที่จะยกระดับขุมพลังของตัว
หลังจากมาถึงนิกายอัคคีล่องลอย ศิษย์นิกายก็ต้อนรับขับสู้อย่างดี
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนพบว่า ศิษย์นิกายอัคคีล่องลอยหลายคนที่พอรู้ว่าเขาคือ ท่านต้วน แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูผู้ส่งสารท้าประลอง ทั้งหลายต่างก็พากันมองมาที่เขาด้วยแววตาสงสาร
‘ดูทำเข้า…ท่าทางคนพวกนี้จะมั่นใจในตัว แม่นางเฟิ่ง มาก’
เรื่องนี้ก็ไม่ยากที่ต้วนหลิงเทียนจะเดาออก มาตอนนี้เขายิ่งอยากรู้นัก ว่าแม่นางเฟิ่งผู้นี้เป็นคนเช่นไรกันแน่ ถึงได้ประสบความสำเร็จขนาดนี้
ตอนนี้เขาแทบรอเจอแม่นางเฟิ่งไม่ไหวแล้ว
อย่างไรก็ตามเขารู้จากซือถูหังมาว่า หากอยากพบแม่นางเฟิ่ง ก็จำต้องรอจนกว่าจะถึงวันมะรืนอันเป็นวันประลอง!
ก่อนหน้านั้นคิดพบนางแทบเป็นไปไม่ได้เลย
ไม่ใช่เพราะแม่นางเฟิ่งผู้นี้กำลังเตรียมการประลองอะไร แต่เพราะว่านางมักจะบ่มเพาะพลังอยู่ในเขตหวงห้ามของนิกาย กระทั่งศิษย์ฝ่ายในของนิกายยังไม่ค่อยได้พบเห็นตัวนางด้วยซ้ำ
ยังกล่าวกันว่าตลอดปีที่ผ่านมา กระทั่งผู้ที่พบเจอแม่นางเฟิ่งบ่อยครั้งที่สุด ก็เป็นจำนวนที่นับได้ด้วยมือข้างเดียว
ทั้งหมดนี้ยังผลให้ตัวตนของแม่นางเฟิ่งยิ่งทวีความลึกลับเข้าไปใหญ่ และนั่นยิ่งทำให้ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความอยากรู้อยากเห็นไม่น้อย
ถึงแม้ศิษย์นิกายอัคคีล่องลอยจะไม่ได้มองต้วนหลิงเทียนในแง่ดีสักเท่าไหร่ แต่ทั้งหมดก็ตระเตรียมที่พักให้เขาอย่างดี เป็นคฤหาสน์หลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาไฟที่ดับแล้วในเขตนอก ที่ทางสะอาดสะอ้านข้าวของครบครัน
“แขกทั้ง 3 สถานที่แห่งนี้จะเป็นที่พักอาศัยของพวกท่าน โปรดพักผ่อนให้สบาย…พรุ่งนี้เช้าอาวุโสของพวกเราจะมาพบพวกท่าน”
ศิษย์นิกายอัคคีล่องลอยกล่าวกับพวกต้วนหลิงเทียนจบก็จากไปทันที คล้ายไม่ค่อยอยากอยู่สุงสิงกับพวกเขาเท่าไหร่
พวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 ได้แต่ส่ายหัวไปมา ก่อนที่จะแยกย้ายกันเข้าห้องพัก
ในขณะเดียวกันนั้น ทางด้านเผ่าพันธุ์มังกร ต้วนหรูเฟิงก็รอคอยจนแทบจะหมดความอดทนอยู่รอมร่อ
ตั้งแต่กู่มี่เปิดเผยความจริงออกมา เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าพันธุ์มังกรนำโดยเฉวี่ยฉาน ก็บังเกิดความไม่พอใจในตัวตี้จิ่วนัก
และเป็นตี้ชาน ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรบอกกล่าวกับต้วนหรูเฟิงว่า ขอเวลาหารือหนทางแก้ปัญหากับอาวุโสคนอื่นๆสักพัก เพื่อให้ต้วนหรูเฟิงพึงพอใจ…
และนั่นทำให้ต้วนหรูเฟิงได้แต่รอคอยมาจนบ่าย!
หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ตี้ชานอยู่บ้าง คงเป็นไปไม่ได้เลยที่จ้าวตำหนักเมฆาครามอย่างต้วนหรูเฟิง จะอดทนรอคอยได้เนิ่นนานขนาดนี้
อย่างไรก็ตามหลังจากที่รอจนถึงบ่ายแล้วยังไม่ได้เรื่องราว ในที่สุดต้วนหรูเฟิงก็ทนรอไม่ไหว “พวกเจ้าคุยกันมาทั้งบ่ายแล้ว ป่านนี้ยังหาข้อสรุปกันไม่ได้รึยังไง!?”
น้ำเสียงของต้วนหรูเฟิงนั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ทำให้ตี้ชานและอาวุโสคนอื่นๆชะงัก หยุดหารือกันทันที
ทันใดนั้นนอกเสียจากตี้จิ่วตัวต้นเหตุที่ทำได้แค่นอนหมดสภาพอย่างไม่มีใครสนใจแล้ว อาวุโสทั้งหมดก็ได้เห็นพ้องต้องกัน ส่งเสียงผ่านปราณแรกกำเนิดไปบอกกับตี้ชาน ให้แก้ปัญหาตามที่คุยกันไว้
สุดท้ายแล้วปัญหาครั้งนี้ก็เริ่มมาจากเผ่าพันธุ์มังกรของพวกมัน
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่บุตรชายของจ้าวตำหนักเมฆาครามอาจไม่ใช่คนสังหารตี้ยงบุตรชายตี้จิ่วเลยด้วยซ้ำ ต่อให้อีกฝ่ายสังหารไปจริงๆ ก็นับว่าสร้างบุญคุณอันใหญ่หลวงให้แก่เผ่าพันธุ์มังกร เพราะได้ขจัดตัวก่อเภทภัยให้เผ่าพันธุ์มังกร!
อันตรายและหายนะที่จะเกิดจากมังกรมาร 5 กรงเล็บนั้น สุดที่ทั้งหมดจะจินตนาการออกได้จริงๆ!
พวกมันยังเชื่อว่าหากเรื่องนี้แพร่งพรายไปยังคนในเผ่าพันธุ์มังกรล่ะก็ ตี้จิ่วย่อมตกเป็นเป้าของผู้คนทั้งเผ่าแน่นอน สำหรับตำหนักเมฆาครามนั้น แม้จะบุกรุกเข้ามาอย่างอุกอาจ แต่คงไม่มีใครในเผ่ามังกรคิดตำหนิในเรื่องนี้อีกต่อไป เพราะในสายตาของทุกคน นี่จะกลายเป็นการกระทำอันชอบธรรมของตำหนักเมฆาครามทันที เพราะสุดท้ายแล้วนี่ก็เป็นการกระทำของบิดาที่มาเพื่อบุตร!
ถึงแม้คนในเผ่าพันธุ์มังกรจะมีความภาคภูมิใจในเผ่าพันธุ์สูงล้ำ แต่พวกมันก็เป็นพวกที่สามารถแยกแยะบุญคุณความแค้นได้ชัดเจน
ใครก็ตามที่ช่วยเหลือพวกมันไว้ พวกมันจะจดจำไปจนวันตาย!
ในฐานะผู้นำเผ่าพันธุ์มังกร ปกติแล้วตี้ชานย่อมมีสิทธิ์มีเสียงสูงสุดในเผ่าพันธุ์ กระทั่งยังสามารถตัดสินเรื่องราวโดยไม่ฟังความเห็นของใคร! อย่างไรก็ตามคราวนี้มันไม่อาจใช้อำนาจนี้ได้..
เพราะสุดท้ายแล้วเรื่องช่วยปกปิดให้ตี้จิ่ว มันก็ผิดเต็มประตู
เพราะมันรู้มานานแล้วว่าตี้ยงลูกตี้จิ่วยังมีชีวิตอยู่ ก่อนที่จะถูกฆ่า!
ต่อมามันยังช่วยตี้จิ่วออกตามหาผู้ต้องสงสัยอย่างต้วนหลิงเทียน กระทั่งยังใช้กำลังคนของเผ่าพันธุ์มังกรเท่าที่ใช้ได้ให้แยกย้ายกันไปตามหาต้วนหลิงเทียนทั่วทั้งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!
เช่นนั้นแล้วตี้ชานจึงรู้ตัวดี ว่าคราวนี้มันไม่อาจตัดสินใจได้เองโดยไม่ฟังคำของอาวุโสคนอื่น
แต่นแน่นอนว่าในระหว่างปรึกษาหารือ มันยังยืนกรานความคิดของมันเรื่องหนึ่ง!
นั้นคือตี้จิ่วต้องไม่ตาย!
ตี้จิ่วเป็นมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บ! และยังเป็นมังกรทองตัวเดียวนอกเหนือจากมัน! ตี้จิ่วจะเป็นผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนต่อไป!!
หากตี้จิ่วตกตาย นั่นหมายความว่าเผ่าพันธุ์มังกรจะสิ้นไร้ผู้นำเผ่าพันธุ์ในวันหน้า!
ในเผ่าพันธุ์มังกรนั้น มีเพียงมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บเท่านั้นที่สามารถเป็นผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรได้ นี่เป็นกฏของเผ่าพันธุ์ที่ยึดถือกันมาแต่โบราณ
คนในเผ่าพันธุ์มังกร แม้จะร้ายกาจเลิศล้ำปานใดหากไม่ใช่มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ ก็ไม่มีอำนาจบารมีมากพอจะเป็นผู้นำของเผ่าพันธุ์มังกร!
มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บนั้น เป็นดั่ง ‘ความเชื่อมั่น’ และศูนย์รวมความศรัทธาของทั้งเผ่าพันธุ์มังกร! เป็นความเชื่อแบบไม่ลืมหูลืมตาอย่างที่ไม่อาจมีใครมาแทนที่ได้!!
“ท่านจ้าวตำหนักต้วน”
ตี้ชานมองต้วนหรูเฟิงพร้อมกล่าวออกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เผ่าพันธุ์มังกรของพวกเราจะชดใช้ให้ท่าน”
“แค่ว่ามา…ตกลงพวกเจ้าจะให้ข้าพาตัวมันไปฆ่าลับหูลับตาของพวกเจ้า หรือจะให้ข้าฆ่ามันต่อหน้าต่อตาพวกเจ้า!”
ต้วนหรูเฟิงมองตี้ชาน ค่อยกล่าวออกอย่างไม่แยแส
ได้ยินวาจานี้ของต้วนหรูเฟิง หน้าตี้จิ้วพลันเผยความหวดาผวาออกมาทันที มันรีบหันไปมองตี้ชานอย่างวิงวอน มันกลัวใจเหลือเกินว่าตี้ชานจะละทิ้งมันจริงๆ!
คำกล่าวที่ว่า ‘ใจกังวลหูตามืดมัว’ นั้นนับว่าเป็นจริงไม่น้อย
เพราะตอนนี้ดูเหมือนตี้จิ่วจะลืมเลือนไปหมดสิ้น ว่ามันคือมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บเพียงหนึ่งเดียวนอกจากตี้ชานอันเป็นผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนปัจจุบัน เช่นนั้นแม้มันจะทำผิดพลาดอะไรไปมากมายเท่าไหร่ แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เผ่าพันธุ์มังกรจะทอดทิ้งให้มันตายโดยไม่สนใจการสืบทอดมรดก…
ตอนที่ 1581
ตี้ชานหงุดหงิด
“ท่านจ้าวตำหนักต้วน ในฐานะที่ท่านเป็นจ้าวตำหนักเมฆาคราม ท่านสมควรรู้จักเผ่าพันธุ์มังกรของเราดี…หากตี้จิ่วมิใช่มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ หากมันกล้าสร้างปัญหาให้ท่านมันจะเป็นจะตายอย่างไรข้าคงไม่สน…”
ตี้ชานมองต้วนหรูเฟิงค่อยกล่าว “ทว่าจะอย่างไรตี้จิ่วก็เป็นมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ! ข้ามั่นใจว่าท่านจ้าวตำหนักต้วนสมควรรู้ความสำคัญของมันที่มีต่อเผ่าพันธุ์มังกรของเราดี…พวกเรามิอาจส่งมันให้จ้าวตำหนักต้วนฆ่าได้จริงๆ”
ตี้ชานกล่าวยืนกรานคำขาดออกมา ไม่เว้นพื้นที่ให้ต่อรองเช่นกัน
“ใช่!”
ตอนนี้เองเหล่าอาวุโสเผ่าพันธุ์มังกรรวมถึงเฉวียฉานเองที่ไม่พอใจตี้จิ่ว ก็พยักหน้ากล่าวออก
ในเรื่องนี้พวกมันเห็นด้วยกับตี้ชาน
หากตี้จิ่วไม่ใช่มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บล่ะก็ พวกมันเองคงไม่มีวันละเว้น ยังไม่ต้องให้ถึงมือต้วนหรูเฟิงด้วยซ้ำ!
อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วตี้จิ่วมันก็เป็นมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ! เป็นตัวตนที่สำคัญต่อเผ่าพันธุ์มังกรของพวกมันมาก ทั้งหมดไม่มีทางเลือกจำต้องปกป้องตี้จิ่วเพื่อเผ่าพันธุ์มังกร เพราะตี้จิ่วเสมือนอนาคตของเผ่าพันธุ์มังกร!!
ถึงแม้ตี้ชานผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรนั้น จะมีอายุไขยืนยาวจนแทบไร้วันตาย
ทว่าตามกฏของเผ่าพันธุ์มังกร มันก็ต้องออกจากตำแหน่งผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรในอีก 1,000 ปีหลังจากนี้…กล่าวให้ชัดตี้ชานจำต้องออกจากภูมิภาคเบื้องล่างเพื่อขึ้นไปยังภูมิภาคเบื้องบน
ถึงตอนนั้นตี้ชานต้องไปเข้าร่วมกับเผ่าพันธุ์มังกรที่ภูมิภาคเบื้องบน!
นี่คือภาคกิจหลักของผู้นำเผ่าพันธุ์มังกร อันเป็นมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บทุกคน และเป็นกฏของเผ่าพันธุ์มังกรที่ตั้งมาตั้งแต่สมัยโบราณ กระทั่งตี้ชานก็ไม่อาจฝ่าฝืนได้
พอถึงวันที่ตี้ชานต้องจากไป เผ่าพันธุ์มังกรย่อมต้องการผู้นำคนใหม่
และผู้นำที่ว่าต้องเป็นมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บเท่านั้น
ในเผ่าพันธุ์มังกรของภูมิภาคเบื้องล่าง มีมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บตัวอื่นเหลืออยู่แค่ตี้จิ่วคนเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ตี้จิ่วจึงถูกกำหนดให้เป็นผู้นำคนต่อไป!
ถึงแม้กลุ่มมังกรอาวุโสจะไม่พอใจการกระทำของตี้จิ่วมากเพียงใด แต่พวกมันก็ไร้หนทางเลือกอื่น
หากตอนนี้ในเผ่าพันธุ์มังกรมีมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บอยู่อีกสักคน พวกมันจะไม่ปกป้องตี้จิ่วจนหน้ามืดตามัวแบบนี้!
พอได้ยินคำของตี้ชานทั้งการสนับสนุนของอาวุโส ตี้จิ่วก็โล่งใจไม่น้อย
มาตอนนี้มันค่อยตระหนักได้ ว่าก่อนหน้าเป็นมันหวาดกลัวไปจนไม่ลืมหูลืมตาแล้วจริงๆ จะอย่างไรมันก็คือมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บว่าที่ผู้นำคนต่อไป! ไม่มีใครกล้าทิ้งมันแน่!!
“ตี้ชาน ข้าไม่สนใจว่ามังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บมีความสำคัญอะไรกับพวกเจ้า ข้ารู้แค่ตี้จิ่วมันเกือบฆ่าลูกข้า! แถมคนเผ่าพันธุ์มังกรเจ้ายังกล้าออกตามล่าหาตัวลูกข้า! พวกเจ้ามิใช่วางแผนเอาไว้ว่าหลังจากพบตัวลูกข้า จะพามาให้ตี้จิ่วมันฆ่าระบายแค้นรึไง?”
ต้วนหรูเฟิงกล่าวออกเสียงเย็น ท้ายประโยคยังแฝงเร้นไปด้วยโทสะอันเกรี้ยวกราด
เมื่อต้วนหรูเฟิงมีโทสะขึ้นมา เชือกรัดผมพลันขาดผึง เส้นผมยาวสลวยเริ่มโบกสะบัดไปแม้ไร้ลม มองไปยังคล้ายอสรพิษมิชีวิต!
อีกทั้งกลิ่นอายที่แผ่ออกมาทั่วร่างยังแปรเปลี่ยนไปในฉับพลัน!
ลูกตาที่เคยเป็นสีดำ บัดนี้กลับกลายเป็นสีแดงฉานปานโลหิต!
จิตสังหารอันตรายเอ่อล้นออกมาทั่วร่าง ยังแผ่พุ่งออกไปสะกดมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บทั้ง 7!
ตอนนี้นอกจากตี้ชานแล้ว ตี้จิ่วรวมถึงอาวุโสที่เหลือล้วนเผยสีหน้าหวาดกลัว กระทั่งเฉวียฉานยังเริ่มเหงื่อตก
ตี้จิ่วและชิงเหยียนที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อยกว่าใคร นับว่าได้รับผลกระทบจากจิตสังหารอำมหิตนี้อย่างรุนแรง หน้าพวกมันเปลี่ยนเป็นสีแดง กระอักโลหิตออกมาคำใหญ่
วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!
……
ตอนนี้เองความว่างเปล่าโดยรอบอันมีต้วนหรูเฟิงเป็นจุดศุนย์กลางพลันเริ่มบิดเบือน
ต้นไม้ใบหญ้าทั้งขุนเขาเริ่มสั่นสะเทือนหักโค่นพังทลาย
กระทั่งคนของเผ่าพันธุ์มังกรที่อยู่ห่างไกลยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกดดันเสมือนถูกบีบกำหัวใจ เร่งรีบถอยห่างออกไปอย่างจ้าละหวั่น ด้วยหวาดกลัวจะตกตายเพราะเป็นเหยื่อไอพลังดั่งภัยพิบัติอันน่ากลัวนั่น!
“กลิ่นอายพลังที่ร้ายกาจนัก!”
หลังจากอาวุโสที่เป็นมังกรเทพยาดา 4 กรงเล็บนำพาทั้งหมดให้ล่าถอยออกไป พวกมันก็ได้แต่ชักสีหน้าหวาดผวามองไปยังขอบฟ้าไกลห่าง จับจ้องบรรยากาศที่บิดเบือนไกลตาจากกลิ่นอายพลังด้วยความยำเกรง
คนในเผ่าพันธุ์มังกรที่ถูกช่วยให้พ้นจากระยะอันตราย พวกมันต่างหวาดกลัวไปถึงแก่นกายแต่แรก มาตอนนี้ก็ได้แต่มองไปไกลตาด้วยความหวาดผวา “นะ…นี่คือ กลิ่นอายพลังของจ้าวตำหนักเมฆาครามหรือ?”
จังหวะนี้พวกมันรู้สึกเสมือนต้วนหรูเฟิงเป็นดั่งเทพมาร จ้าวผู้ปกครองใต้หล้า!
เทพมารมาผู้ใดหาญกล้าต่อกร!
“จ้าวตำหนักต้วน ท่านต้องให้เรื่องมันเลยเถิดจริงๆงั้นหรือ?”
ตี้ชานชักสีหน้าเคร่งเครียด ทันใดนั้นทั่วร่างพลันปรากฏแสงสีทองเจิดจ้า ร่างของมันแปรเปลี่ยนกลับกลายสู่รูปลักษณ์ที่แท้จริง! มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ!!
ยามเมื่อร่างมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ ที่มีขนาดมหึมาลำตัวยาวกว่า 1,000 หมี่ปรากฏขึ้น ก็ประหนึ่งมีฉากม่านปิดฟ้าบดบังแสงตะวัน พาลให้ครึ่งเผ่าพันธุ์มังกรตกอยู่ในเงามืดทันที!
“นะ…นั่นคือ ร่างที่แท้จริงของท่านผู้นำ!?”
ทันทีที่คนของเผ่าพันธุ์มังกร เงยหน้าขึ้นไปเห็นร่างหมึมาดังกล่าว ทั้งหมดก็เผยความตื่นตระหนกตกใจออกมาบนใบหน้าทันที
“ท่านผู้นำถึงกลับหวนคืนสู่ร่างที่แท้จริงเช่นนี้…หรือคิดจะปะทะแตกหักกับจ้าวตำหนักเมฆาคราม?!”
คนในเผ่าพันธุ์มังกรหลายคนอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความหวาดหวั่น
หากตัวตนอันทรงพลังเหนือผู้ใดในแดนดินเทพยุทธ์เซียนเต๋า 2 คนปะทะกันด้วยพลังทั้งหมด…เห็นที่ว่าเผ่าพันธุ์มังกรกว่าครึ่ง ไม่พ้นวอดวาย!
“ตี้ชาน ดูเหมือนว่าเจ้าตั้งใจจะสู้กับข้าจริงๆ”
เผชิญหน้ากับร่างที่แท้จริงของตี้ชาน ต้วนหรูเฟิงยังคงสงบไม่แยแส คล้ายไม่ได้รับผลกระทบจากกลิ่นอายพลังจากร่างมหึมาของตี้ชานแม้แต่น้อย
กลับกันกู่มี่ที่ลอยร่างอยู่ด้านหลังต้วนหรูเฟิงพลันหน้าซีดลง
ถึงแม้ว่าพลังฝีมือของมันจะร้ายกาจ กระทั่งนับเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งในตำหนักเมฆาคราม
อย่างไรก็ตามต่อหน้าตัวตนอันทรงพลังที่แท้จริงอย่างต้วนหรูเฟิงกับตี้ชาน มันก็เสมือนมดอ่อนแอตัวหนึ่ง!
“จ้าวตำหนักต้วน หากท่านคิดสังหารตี้จิ่วให้จงได้ ข้าก็มีแต่ต้องสู้กับท่านเพื่อปกป้องมันเท่านั้น!”
เสียงตี้ชานดังสนั่นปานฟ้าคะนอง “แน่นอนว่าหากท่านเต็มใจเลือกวิธีอื่นในการแก้ปัญหา มิว่าจักเป็นอันใดเผ่าพันธุ์มังกรของข้าล้วนยินดีน้อมสนองและปฏิบัติต่อท่านดั่งมิตรสหาย…และเผ่าพันธุ์มังกรเรามิเคยทำร้ายมิตรสหาย!”
“อะไร? นี่เจ้ากำลังขู่ข้างั้นเรอะ?”
ต้วนหรูเฟิงหัวเราะออกมา ทั่วร่างปรากฏไอพลังดั่งเพลิงทมิฬปะทุออกมาอีกครา พวกมันแผ่ขยายคลุมฟ้าเปลี่ยนอาณาบริเวณให้มืดมิดดั่งราตรีกาล
อีกทั้งทันใดนั้นเอง ยังคล้ายมีเพลิงโลหิตอันแดงฉานลุกไหม้ในดวงตาต้วนหรูเฟิง ให้ความรู้สึกดุร้ายอำมหิตปานจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คน!
เมื่อเห็นกลิ่นอายพลังที่ปะทุออกมาทั่วร่างของต้วนหรูเฟิง กระทั่งพลังอำนาจยังคล้ายจะสะกดข่มกลิ่นอายพลังมังกรของมันได้ชะงัด สีหน้าตี้ชานก็เปลี่ยนไป ลูกตาเผยความหวาดกลัวระคนหงุดหงิดออกมาทันที!
ใจหนึ่งมันก็อิจฉาพลังอันน่าสะพรึ่งของต้วนหรูเฟิงนัก
สุดท้ายแล้วเวลาที่ต้วนหรูเฟิงใช้ในการก้าวขึ้นมาสู่จุดนี้ก็แสนสั้น! อนิจจาแต่พลังฝีมือของอีกฝ่ายกลับเป็นที่รู้จักกันดี กระทั่งได้รับการขนานนามว่าเป็นอันดับ 1 ในรายนามยอดเซียน!!
ต่อหน้าต้วนหรูเฟิง มันมั่นใจไม่ถึง 5 ส่วนว่าจะเอาชนะได้…
ในทางกลับกันมันก็รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย ที่ต้วนหรูเฟิงไม่เหลือทางเลือกไว้ให้มันเลย! หรืออีกฝ่ายไม่เห็นความนัยวาจาที่มันเลือกจะผูกมิตรเมื่อครู่?
ที่นี่คือถิ่นที่อยู่อาศัยของเผ่าพันธุ์มังกร! ในฐานะที่มันเป็นผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรมันต้องกล่าวหาทางลงอ้อมๆโดยไม่ให้เสียศักดิ์ศรี!
อย่างไรก็ตามมันพบว่าต้วนหรูเฟิง คล้ายจะไม่เข้าใจเจตนาของมันจริง และคิดว่ามันอยากจะสู้ด้วยแบบนี้!
ปัญหาก็คือ ถึงมันเลือกที่จะสู้กับต้วนหรูเฟิงจริงๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่สู้กันที่นี่!!
ตอนที่ 1582
ผู้นำถูกู่
“ท่านจ้าวตำหนักต้วนใยท่านไม่ลองกล่าวบอกข้าดูเล่า…ว่าท่านมีเงื่อนไขอันใดที่จะพอทำให้ท่านไว้ชีวิตตี้จิ่วได้บ้าง?”
เมื่อเห็นว่าต้วนหรูเฟิงคิดลงมือแตกหักจริงๆ ตี้ชานได้แต่ยอมลงให้ ถึงแม้มันจะไม่ได้กลัวที่ต้องสู้กับต้วนหรูเฟิง แต่มันก็ต้องคิดให้มากเข้าไว้ เพราะหากมันแพ้พ่ายขึ้นมาคงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเผ่าพันธุ์มังกร
มันเป็นผู้นำของเผ่าพันธุ์มังกร การกระทำของมันก็คือตัวแทนของเผ่าพันธุ์ มันไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม ยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่มันมั่นใจไม่ถึงครึ่งว่าจะเอาชนะต้วนหรูเฟิงได้
“ท่านผู้นำ!”
เมื่อเห็นว่าตี้ชานยอมเป็นฝ่ายลงให้ต้วนหรูเฟิงแบบนี้ เฉวี่ยฉานและอาวุโสมังกรคนอื่นๆถึงกับหน้าเสียทันที
ถึงแม้ว่าพวกมันต่างรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะแตกหักกับจ้าวตำหนักเมฆาครามอย่างต้วนหรูเฟิง แต่พวกมันก็รู้สึกยากยอมรับนักที่ผู้นำของพวกมันต้องเป็นฝ่ายยอมถอยก้าวหนึ่งทั้งๆที่อยู่ในดินแดนของตัว!
แต่แน่นอนว่าพวกมันไม่กล้าระบายโทสะอะไรใส่ต้วนหรูเฟิง เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ทำผิดอะไร
จังหวะนี้เฉวี่ยฉานและมังกรอาวุโสคนอื่นๆได้แต่หันมาถลึงตามองตี้จิ่วอย่างคาดโทษ หากอีกฝ่ายไม่ใช่มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บล่ะก็ พวกมันจะทุบตีตัวบัดซบชักศึกเข้าบ้านนี่ให้ตาย!
อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวอย่างตี้จิ่วกลับไม่สนใจสายตาของเฉวี่ยฉานและคนอื่นๆเลย
หลังจากที่ตระหนักได้ว่าจะอย่างไรเผ่าพันธุ์มังกรก็จะต้องปกป้องมัน มันก็ไม่กลัวอะไรอีก
อย่างไรก็ตามยามหันไปมองต้วนหรูเฟิง ในแววตามันเผยประกายเย็นเยียบขึ้นมา
เรื่องราวในวันนี้ทำให้มันหวาดกลัวแทบตาย! แต่ตอนนี้ในที่สุดมันก็สามารถสงบใจลงได้เสียที!!
มันไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าจ้าวตำหนักเมฆาครามที่ชื่อเสียงเลื่องลือกลับเป็นบิดาของต้วนหลิงเทียน คนที่มันอยากจะฆ่าให้ตายเสียได้!
อย่างไรก็ตามในเมื่อมันรู้แล้วว่าวันนี้มันไม่ตายแน่ๆ ใจมันก็กลับมาฮึกเหิมลำพองอีกครั้ง!
ความเกลียดชังที่มีต่อต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งฝังลึกเข้ากระดูก!
แน่นอนว่ามันยังกลัวต้วนหรูเฟิง และไม่กล้าเผยทีท่าอะไรออกมา
‘ต้วนหลิงเทียน ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าเจ้าจะเป็นลูกของต้วนหรูเฟิง..ความอัปยศอดสูที่บิดาเจ้ามอบให้ข้าวันนี้ ข้าจะให้เจ้าชดใช้เป็นสิบเท่าร้อยเท่า! เว้นเสียแต่เจ้าจะหดหัวอยู่ในตำหนักเมฆาครามชั่วชีวิต หาไม่แล้วข้าตี้จิ่วจะฆ่าเจ้าให้ตาย!!’
ใจตี้จิ่วกู่ร้องด้วยอาฆาต ตอนนี้หากต้วนหลิงเทียนยืนอยู่ตรงหน้า มันจะกระโจนเข้าไปฉีกทึ้งร่างอีกฝ่ายให้แหลกอย่างไม่ต้องคิด!
ตอนนี้มันไม่คิดด้วยซ้ำว่าต้วนหลิงเทียนจะใช่คนที่ฆ่าลูกมันจริงๆหรือไม่!
ต่อให้ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่ฆาตกรที่แท้จริง มันก็ไม่มีวันปล่อยต้วนหลิงเทียนไปเด็ดขาด!
“อะไรกันตี้ชาน ที่เจ้าอุตส่าห์คืนร่างเดิมมิใช่ว่าอยากจะเล่นกับข้าหรอกรึไง?”
ได้ยินวาจาหาทางลงของตี้ชาน ต้วนหรูเฟิงยังไม่คลายพลังแต่อย่างไร เพียงกล่าวถามออกไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
และวาจานี้ของต้วนหรูเฟิง ทำให้ตี้ชานอับอายไม่น้อย
ยังดีที่ตอนนี้มันอยู่ในรูปลักษณ์มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บยาวกว่า 1,000 หมี่ จึงไม่อาจมีใครเห็นถึงสีหน้าที่เปลี่ยนไป
ครู่ต่อมาร่างมังกรยาวนับพันหมี่ของตี้ชาน ก็ทอแสงสว่างวาบคราหนึ่ง ก่อนที่จะจำแลงกายเป็นมนุษย์อีกครั้ง ร่างชายชราในชุดคลุมสีทองลอยเด่นกลางหาว ที่เคนสง่างามเผยแรงกดดันออกมาไม่น้อยยามนี้แลดูอ่อนลงหลายส่วน
การที่มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บยาวกว่าพันหมี่หายไป ย่อมทำให้เงาทะมึนที่ฉาบปกคลุมเผ่าพันธุ์มังกรสลหายหาย แสงตะวันพลันสาดส่องลงมาอีกครั้ง
“มิได้ต่อสู้กัน!”
จังหวะนี้คนของเผ่าพันธุ์มังกรที่สังเกตการณ์อยู่ห่างไกล พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ถึงแม้ใจหนึ่งพวกมันก็อยากเห็นการปะทะกันระหว่างจ้าวตำหนักเมฆาครามที่เลื่องลือกับผู้นำของพวกมัน แต่อีกใจก็ไม่ยินดีที่จะเห็นเผ่าพันธุ์มังกรย่อยยับวอดวายเพราะผลพวงจากการปะทะ!
“จ้าวตำหนักต้วน ท่านช่วยไว้หน้าผู้อื่นบ้าง”
ในขณะที่ตี้ชานหวนคืนสู่ร่างมนุษย์และคล้ายจะตกอยู่ในสถานะกล้ำกลืนนั้นเอง พลันมีเสียงหนึ่งแว่วดังมาตามสายลมยากระบุทิศทางปานเสียงกระซิบของภูตผี
“หืม?”
ได้ยินเสียงนี้ต้วนหรูเฟิงขมวดคิ้วทันที เพราะเสียงนี้นับว่าคุ้นหูนัก หากแต่ยังไม่อาจนึกออกได้ทันที
ตี้ชานที่ได้ยินเสียงนี้ไม่มีอาการตึงเครียดอะไร ยังอดไม่ได้ที่จะโล่งใจ คล้ายพบพานผู้ช่วยชีวิต…
หลังจากนั้นไม่นาน ก็ปรากฏร่างหนึ่งวูบมาฉับไว ในที่นี้ผู้ที่จับตามองความเคลื่อนไหวของมันได้ทันก็มีแต่ต้วนหรูเฟิงกับตี้ชานเท่านั้น มันเหินมาหยุดข้างตี้ชาน เผยตัวออกมาให้เห็นเด่นชัด
เป็นชายหนุ่มผู้หนึ่ง!
รูปร่างสูงโปร่ง คิ้วเข้มคมใบหน้าหล่อเหลาไม่เบา หากแต่ให้บรรยากาศน่ากลัวคล้ายชั่วร้ายอย่างไรพิกล หว่างคิ้วยังมีสัญลักษณ์ประหลาดคล้ายสัญลักษณ์ประจำเผ่าพื้นเมืองอันใดสักอย่าง
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งดังกล่าว มาในชุดคลุมลมดำ หากแต่โม่งคลุมกับถูกเลิกออกไว้ด้านหลัง เผยให้เห็นผมสีแดงปานโลหิตทอดยาวปรกไหล่ รับกับใบหน้าหล่อเหลาของมันเป็นอย่างดี
ความประทับใจแรกยามเห็นร่างชายหนุ่มผู้นี้ก็คือ “หน้าสวย”
“ผู้นำถูกู่”
เมื่อพบกับชายหนุ่มหน้าสวยแต่ให้บรรยากาศชั่วร้ายน่ากลัวผู้นี้ ตี้ชานกลับเป็นฝ่ายเริ่มกล่าวทักทายออกมาก่อน
มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าคนผู้นี้จะย้อนกลับมา
ก่อนหน้านี้ที่มันปรากฏตัวออกมาช้า เป็นเพราะมันกำลังรับรองแขกหรือก็คือชายผู้นี้อยู่ ทำให้ออกมาจัดการเรื่องราวสายไปอยู่บ้าง
“ผู้นำถูกู่”
อาวุโสอย่างฉานเฉวี่ยมังกรโลหิต และอาวุโสคนอื่นๆก็กล่าวทักทายชายหนุ่มผู้นี้ทันที ไม่มีใครกล้าไม่สุภาพ
‘ผู้นำถูกู่? หรือจะเป็นผู้นำตลาดมืดหยินชาน?’
ตี้จิ่วที่ลุกขึ้นมายืนได้แล้วหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย เมื่อแลเห็นชายหนุ่มหน้าสวยแต่แลดูชั่วร้ายในชุดคลุมลมดำ ใจมันบังเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ทั้งยังตกใจกับการปรากฏตัวของอีกฝ่ายไม่น้อย
“เจ้ามาที่นี่ทำอะไร?”
เห็นชายหนุ่มในชุดคลุมลมดำปรากฏตัวขึ้นมา สีหน้าต้วนหรูเฟิงเผยความจริงจังขึ้นมาทันที
ต้องทราบด้วยว่า แม้จะเผชิญหน้ากับร่างที่แท้จริงของตี้ชาน สีหน้าต้วนหรูเฟิงยังไม่แปรเปลี่ยน
อย่างไรก็ตามการปรากฏตัวของชายหนุ่มในชุดคลุมลมดำ ทำให้ต้วนหรูเฟิงเพิ่มความระแวดระวังขึ้นมา
“ท่านจ้าวตำหนักต้วน ท่านมาเยือนเผ่าพันธุ์มังกรได้ หรือข้าถูกู่จะมาบ้างไม่ได้ อันที่จริงข้ามาก่อนท่านเสียอีกและข้าก็พึ่งกลับไป…แต่บังเอิญข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังจึงรู้ว่าท่านเองก็มา จึงอดไม่ได้ที่จะย้อนกลับทักทายท่านเสียหน่อย”
ชายหนุ่มในชุดคลุมลมดำมองกล่าวกับต้วนหรูเฟิงด้วยรอยยิ้ม
แน่นอนว่าเป็นยิ้มเสแสร้ง
ลึกลงไปในแววตาของมันยังเผยประกายวูบวาบเย็นเยียบไม่ขาด เห็นได้ชัดว่ามันไม่ถูกกันกับต้วนหรูเฟิง!
“โฮ่? เดี๋ยวนี้ตลาดมืดหยินชานเจ้ายื่นมือมาทำธุรกิจในเผ่าพันธุ์มังกรด้วย…ไม่คิดว่ากำลังทำเรื่องเกินกำลังอยู่รึไร?”
ต้วนหรูเฟิงกล่าวเย้ย
“เรื่องตลาดมืดเหยินชานไม่ลำบากให้ท่านจ้าวตำหนักต้วนออกความเห็น…ข้าเพียงอยากรู้นักว่าไฉนจ้าวตำหนักต้วนถึงมาเยือนเผ่าพันธุ์มังกรได้ อีกทั้งดูท่าจ้าวตำหนักต้วนยังอารมณ์เสียไม่น้อย?”
ชายหนุ่มในชุดคลุมลมดำมองถามต้วนหรุเฟิงด้วยความสนใจ
“เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องนี้หรอกถูกู่หลิง ตลาดมืดหยินชานเจ้าจะทำธุรกิจอุบาทว์อันใดกับเผ่ามังกรก็เรื่องของเจ้าไม่เกี่ยวอะไรกับข้า…แต่เป็นการดีเสียกว่าที่เจ้าจะไม่สะเออะสอดมือมายุ่งเรื่องระหว่างข้ากับเผ่ามังกร! หาไม่แล้วข้าจะพาเด็กๆไปเยือนรังตลาดมืดหยินชานของเจ้าสักครา!!”
ต้วนหรูเฟิงยังกล่าวค่อนแคะออกมา
เมื่อได้ยินวาจาที่คล้ายจะเป็นการข่มขู่อยู่รอมร่อของต้วนหรูเฟิง รอยยิ้มบนใบหน้าชายหนุ่มในชุดคลุมลมดำพลันหายไป “จ้าวตำหนักต้วน หรือตำหนักเมฆาครามท่านคิดจะเปิดศึกกับตลาดมืดหยินชานของข้าและเผ่าพันธุ์มังกรพร้อมกัน?”
“ผู้นำถูกู่เจ้าจะคิดอะไรก็เรื่องของเจ้า…ว่าแต่นี่เจ้าสำคัญตัวผิดไปหรือไม่? เจ้าไม่ลองถามผู้นำตี้ชานดูก่อนเล่า ว่าเต็มใจจะอยู่ข้างเดียวกับตลาดมืดหยินชานของพวกเจ้ารึเปล่า?”
มุมปากต้วนหรูเฟิงยกยิ้มแสยะ ไม่ได้กลัววาจาเชิงยกตนข่มท่านของชายหนุ่มในชุดคลุมลมดำแม้แต่น้อย
ตอนที่ 1583
สระชำระมังกร
พอได้ยินวาจาประโยคนี้ของต้วนหรูเฟิง ชายหนุ่มในชุดคลุมลมดำพลันหันไปมองตี้ชานด้านข้างทันที จึงได้เห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของอีกฝ่าย
ตี้ชานนั้นย่อมตกที่นั่งลำบาก! ทั้ง 2 คนนี้หนึ่งก็คือจ้าวตำหนักเมฆาคราม อีกหนึ่งก็คือผู้นำตลาดมืดหยินชาน มันย่อมรู้ดีว่าทั้ง 2 ยักษ์ใหญ่นี้ไม่ลงรอยกันมาโดยตลอด มันย่อมไม่อยากมีเอี่ยวกับเรื่องระหว่างทั้งคู่!!
ยิ่งไปกว่านั้นมันก็รู้ดีแก่ใจ
ถึงแม้ตลาดมืดหยินชานจะร่วมมือกับเผ่าพันธุ์มังกรของมันเพื่อต่อต้านตำหนักเมฆาครามจริงๆ ก็ไม่แน่ว่าพวกมันจะสามารถสยบตำหนักเมฆาครามได้!
และหากตำหนักเมฆาครามมิอาจถูกพวกมันสยบได้ล่ะก็…คราวนี้หายนะครั้งใหญ่คงได้อุบัติขึ้นกับเผ่าพันธุ์มังกรของพวกมันแน่!
จะอย่างไรเสียตลาดมืดหยินชานนั้นก็ไม่เหมือนกันกับเผ่าพันธุ์มังกรของพวกมัน อีกฝ่ายเขม่นกับตำหนักเมฆาครามมาเนิ่นนาน ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ได้ลงมือในที่แจ้งอะไร แต่ก็มีการกระทบกระทั่งสู้รบกันมาโดยตลอด…ทว่าเผ่าพันธุ์มังกรของมันไม่ใช่!
นอกจากนี้ธุรกิจและชื่อเสียงของตลาดมืดหยินชานก็ไม่ใช่ตัวดีอะไร!
หากพวกมันรวมมือกับตลาดมืดหยินชานในบางเรื่องยังพอทำเนา เพราะสุดท้ายแล้วขุมพลังมากมายในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าก็มีการติดต่อทำการค้ากับตลาดมืดหยินชาน แต่แน่นอนว่าไม่มีใครอยากร่วมมือกับตลาดมืดหยินชานอย่างออกหน้าออกตา
หากเผ่าพันธุ์มังกรของพวกมันตกลงเป็นพันธมิตรกับตลาดมืดหยินชานล่ะก็ ชื่อเสียงในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าของพวกมันคงได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวง!
เพราะธุรกรรม 9 ใน 10 ส่วนของตลาดมืดหยินชานนั้น ผู้คนก็รู้กันดีว่ามันเป็นธุรกิจสีดำ ขึ้นชื่อในเรื่อง ‘ชื่อเสีย’ ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอยู่แล้ว!
หากพวกมันเข้าร่วมกับตลาดมืดหยินชานจริงๆ น่ากลัวเผ่าพันธุ์มังกรที่ยิ่งใหญ่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ คงเสมือนได้ลงไปเกลือกกลั้วปลักโคลน ดั่งมุสิกสกปรกบนถนนที่ผู้คนอยากเหยียบให้ตายแน่แท้
นี่คือสิ่งที่ตี้ชานไม่อยากเห็น!
ดังนั้นไม่ว่าเผ่าพันธุ์มังกรจะเปิดศึกกับตำหนักเมฆาครามหรือไม่ ตี้ชานก็ไม่มีวันร่วมมือกับตลาดมืดหยินชานต่อต้านตำหนักเมฆาครามเด็ดขาด!
“ผู้นำถูกู่ น้ำใจนี้ของท่านข้าเพียงรับไว้ด้วยใจเถอะ…หากแต่คราวนี้พวกเราเผ่าพันธุ์มังกรเป็นฝ่ายผิดต่อตำหนักเมฆาคราม”
เผชิญหน้ากับสายตาของผู้นำตลาดมืดหยินชาน ตี้ชานได้แต่กล่าวปฏิเสธออกมาด้วยวาจาสุภาพ
“เหอะ!”
เมื่อได้ยินคำปฏิเสธของตี้ชาน ถูกู่หลิงแค่นเสียงออกมาคำหนึ่งใบหน้ายังแปรเปลี่ยนไปไม่น้อย เสียงกล่าวยังกลายเป็นแข็งกร้าว “ในเมื่อเป็นแบบนี้ข้าก็ไม่ขอยุ่งเรื่องราวบัดซบอะไรของพวกเจ้าแล้วกัน”
หลังจากชายหนุ่มในชุดคลุมลมดำหรือผู้นำตลาดมืดหยินชานถูกู่หลิงกล่าวจบ ร่างมันก็คล้ายกลับกลายเป็นสายลมกรรโชก พัดหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ถึงแม้ถูกู่หลิงจะคาดไว้แล้วว่าตี้ชานต้องปฏิเสธมันแบบนี้ แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะไม่พอใจตี้ชานอยู่บ้างที่ปฏิเสธมัน
และในเมื่อมันไม่อาจลากเผ่าพันธุ์มังกรให้ร่วมหัวจมท้ายต่อต้านตำหนักเมฆาครามกับมันได้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่มันต้องอยู่ที่นี่สืบไป
“ท่านผู้นำถูกู่ ต้วนหรูเฟิงมีบุตรชายคนหนึ่งเรียกว่าต้วนหลิงเทียน! ข้าคิดว่าตอนนี้มันยังไม่ได้อยู่ในตำหนักเมฆาคราม กระทั่งต้วนหรูเฟิงเองก็น่าจะยังไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน!!”
ทว่าก่อนที่ร่างผู้นำตลาดมืดหยินชานถูกู่จะหายไป กลับมีเสียงหนึ่งส่งตรงถึงหูมัน
‘ลูกชายต้วนหรูเฟิง? ต้วนหลิงเทียน? น่าสนใจดีนี่!’
สองตาผู้นำตลาดมืดหยินชานเรืองสว่างขึ้นมาทันใด แต่เพราะมันพุ่งร่างจากออกไปทันที จึงไม่มีใครทันได้แลเห็นแววตานี้ของมัน
ถูกู่หลิงไม่แคลงใจในข้อมูลนี้
เพราะทันทีที่มันได้ยินเสียงที่ส่งมา มันก็ระบุได้ทันทีว่าผู้ที่ส่งเสียงคือตี้จิ่วมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ
ถึงแม้ในสายตาของถูกู่หลิง ตี้จิ้วจะเป็นแค่มดปลวกตัวกระจ้อยไร้สำคัญ ไม่คู่ควรให้กล่าวถึง
อย่างไรก็ตามด้วยสายเลือดมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บของตี้จิ่ว ก็ทำให้ถูกู่หลิงสนใจตี้จิ่วอยู่บ้าง เพราะมันรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น
กล่าวให้ชัดมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บทั้งหลายล้วนเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น
ถึงแม้มันจะไม่รู้ว่าเผ่าพันธุ์มังกรบาดหมางกับต้วนหรูเฟิงด้วยเรื่องอะไร แต่มันยังพอเดาได้ว่าสมควรเกี่ยวข้องกับตี้จิ่วไม่น้อย
ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่แคลงใจสงสัยในวาจาของตี้จิ่ว
หลังจากเร่งส่งเสียงให้ถูกู่หลิงก่อนที่จะจากไปได้ทัน ลูกตาของตี้จิ่วพลันทอแสงเย็นเยียบออกมา ‘ต้วนหลิงเทียน รอคนของตลาดมืดหยินชานไปหาเรื่องเจ้าเถอะ! เผลอๆข้าอาจจะไม่ต้องทำอะไร ตลาดมืดหยินชานก็จะจัดการเจ้าแล้ว!’
อันที่จริงตี้จิ่วเองก็ไม่มั่นใจว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้อยู่ในตำหนักเมฆาครามจริงหรือไม่
เหตุผลที่มันกล่าวบอกผู้นำตลาดมืดหยินชานไปแบบนั้น เพียงเพราะมันคิดสร้างปัญหาให้ต้วนหลิงเทียนเท่านั้น!
แน่นอนว่าถึงตอนนี้ต้วนหลิงเทียนจะอยู่ในตำหนักเมฆาครามแล้ว แต่ตี้จิ่วเชื่อว่าตลาดมืดหยินชานต้องจับตาดูเป็นพิเศษ และทันทีที่ต้วนหลิงเทียนโผล่หัวออกมา ต้องเจอดีแน่!
ในฐานะศัตรูเก่าของตำหนักเมฆาครามอย่างตลาดมืดหยินชาน ที่มีเรื่องกันมานานปี ตลาดมืดหยินชานย่อมยินดีทำทุกทางเพื่อโค่นล้มตำหนักเมฆาคราม ไม่คิดปล่อยให้โอกาสดีๆอะไรพลาดไปแน่!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเรื่องบุตรชายของจ้าวตำหนักเมฆาคราม!
“ท่านจ้าวตำหนักต้วนโปรดบอกเงื่อนไขของท่านมาเถอะ…ข้าคิดว่าท่านคงมีบางอย่างในใจแล้ว”
ตี้ชานมองต้วนหรูเฟิง เปิดประตูเห็นภูผากล่าวถาม
ต้วนหรูเฟิงไม่เหลือทางเลือกไว้ให้มันเลย เช่นนั้นมันจึงได้แต่เป็นฝ่ายยอมลงให้แบบนี้ ถึงแม้จะน่าอายและเสียศักดิ์ศรี แต่มันก็ไม่มีหนทางใดอื่น
“เช่นนั้น หลังจากนี้ 3 ปี ให้ลูกชายข้าเข้าสระชำระมังกรของพวกเจ้าแล้วกัน”
เผชิญกับคำถามของตี้ชาน ต้วนหรูเฟิงพลันกล่าวออกมาชัดถ้อยชัดคำ
ตอนนี้เขารู้ดีว่าตี้ชานจนตรอกแล้ว จะบีบคั้นอะไรไปก็คงไม่เป็นผลดีอีก
ถึงแม้ว่าตัวต้วนหรูเฟิงจะไม่ได้กลัวเผ่าพันธุ์มังกร แต่ก็จำต้องระวังสายสัมพันธ์ของเผ่าพันธุ์มังกรอยู่บ้าง เพราะเผ่าพันธุ์มังกรเองก็มีสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับเผ่าพันธุ์มังกรที่ภูมิภาคเบื้องบน!
กล่าวลือกันว่าเผ่าพันธุ์มังกรได้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม หนึ่งอยู่ในภูมิภาคเบื้องบน หนึ่งอยู่ในภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้…
สระชำระมังกร!
ในที่สุดต้วนหรูเฟิงก็ระบุเงื่อนไขออกมา และคิดให้ต้วนหลิงเทียนบุตรชายเข้าสู่สระชำระมังกรของเผ่าพันธุ์มังกร!
ทันทีที่ต้วนหรูเฟิงกล่าวเงื่อนไขนี้ออกมา ตี้ชานและอาวุโสเผ่าพันธุ์มังกรทั้งหลายหน้าเปลี่ยนสีไปทันที พวกมันไม่คิดเลยว่าเงื่อนไขของต้วนหรูเฟิงจะโหดร้ายขนาดนี้!
“ไม่มีวัน!!”
ก่อนที่ตี้ชานจะทันได้ตอบสนองอะไร กลับเป็นตี้จิ่วที่โพล่งตะโกนออกมาเสียงดัง “สระชำระมังกรเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์มังกรเรา! มีเพียงมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บเท่านั้น ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในสระชำระมังกรได้! จ้าวตำหนักต้วนท่านอย่าได้รังแกผู้คนให้มันมากเกินไปนัก!!”
“รังแกกันเกินไป?”
ได้ยินเสียงคำรามของตี้จิ่ว ต้วนหรูเฟิงพลันแสยะยิ้มเยาะ “ไม่เป็นไรที่เจ้าจะไม่ให้ลูกชายข้าเข้าสระชำระมังกร เช่นนั้นข้าก็จะเอาชีวิตเจ้าเสียให้มันจบๆไป ข้ารู้ว่าสำหรับเจ้าแล้วการได้เข้าไปยังสระชำระมังกรนั้นมีความสำคัญนัก…แต่เจ้าคิดเสียให้ดีเถอะ ว่าต่อให้เจ้าไม่ได้เข้าไป 3 ปีหลังจากนี้ อย่างน้อยอีก 5,000 ปีเจ้าก็ยังมีโอกาส!”
“แต่ถ้าเจ้าตายวันนี้ ก็อย่าว่าแต่ 5,000 ปี อีก 50,000 ปีเจ้าก็ไม่มีวันได้เฉียดใกล้สระชำระมังกร!”
ต้วนหรูเฟิงกล่าวออกมาเสียงดังฟังชัด
แต่ละวาจาทุกๆถ้อยคำประหนึ่งขุนค้อนหนักอึ้งทุบลงกลางอกตี้จิ่ว ทำให้สีหน้าตี้จิ่วซีดเผือกไปทันใด อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว!
ถึงแม้ว่ามันรู้ดีว่าเผ่าพันธ์มังกรต้องทำทุกทางเพื่อปกป้องมัน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับจิตสังหารของต้วนหรูเฟิง มันก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวออกมาจากก้นบึ้งของใจ!
สระชำระมังกรนั้นเป็นดั่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์มังกร!
และมันจะเปิดออกให้ 1 คนเข้าไปได้ทุกๆ 5,000 ปี
ในเมื่อสระชำระมังกรมันเปิดออกทุก 5,000 ปีและมีคนเดียวที่เข้าไปได้…เช่นนั้นโอกาสนี้จึงยิ่งเป็นอะไรที่มีค่าและสำคัญกับเผ่าพันธุ์มังกรนัก!
แน่นอนว่าโอกาสอันสำคัญและมีค่าขนาดนี้ ย่อมมีเพียงมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บวัยเยาว์ที่จะเข้าไปได้!
หลังจากที่มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ ลงไปแช่ตัวในสระชำระมังกรแล้ว พวกมันจะได้รับการขัดเกลาชำระล้าง จะสามารถยกระดับพัฒนาได้มากมายเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับศักยภาพและพรสวรรค์ของเจ้าตัว
ว่ากันว่าสระชำระมังกรนี้ สามารถปลุกศักยภาพซ่อนเร้นแอบแฝงในร่างให้ปะทุออกมาถึงขีดสุด!
สระชำระมังกรนี้ กระทั่งผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนปัจจุบันอย่างตี้ชาน ยังไม่เคยได้เข้าไป
กล่าวไปแล้วเรื่องนี้ถือเป็นโศกนาฏกรรมของตี้ชานก็ว่าได้
ในตอนที่มันยังเยาว์วัยนั้น ในเผ่าพันธุ์มังกรกลับมี มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บรุ่นเยาว์นอกจากมันอยู่อีกคนหนึ่ง ทว่ามังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บคนนั้นกลับเป็นผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าสู่สระชำระมังกร…
ก่อนที่จะเข้าไปยังสระชำระมังกร มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บที่ว่ามีพลังฝีมือเหนือกว่าตี้ชานเพียงแค่เล็กน้อย
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ออกมาจากสระชำระมังกร ตี้ชานก็ไม่อาจเทียบกับอีกฝ่ายได้เลย ถูกสยบได้ง่ายดายอย่างไร้หนทางต่อกร! แถมพลังฝีมือหลังจากนั้นอัตราก้าวหน้าก็ประหนึ่งสวรรค์และโลก!!
เช่นนั้นพลังของสระชำระมังกรมันยิ่งใหญ่เพียงใดก็พอจะทราบได้
ในตอนนั้นมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บคนนั้น ก็เป็นว่าที่ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรรุ่นต่อไป
อย่างไรก็ตามหลังจากที่มันออกมาจากสระชำระมังกร ด้วยพลังฝีมือที่ก้าวหน้าและไร้ผู้ใดต้านติด ทำให้มันถือดีลำพองใจไม่น้อยทำตามอำเภอใจไม่เห็นอยู่ในสายตา สุดท้ายมันก็ได้ไปตอแยกับสตรีโฉมงามนางหนึ่ง
ทว่าสตรีนางนั้นกลับเป็นคุณหนูของขุมพลังจากภูมิภาคเบื้องบน…มังกรหนุ่มวัยเยาว์คนนั้นจึงถูกผู้ติดตามของนางสังหารตกตาย!
ด้วยเหตุนี้ มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บที่สมควรนำพาเผ่าพันธุ์มังกรให้รุ่งโรจน์เหนือใดในแดนดินเพราะได้รับพลังอันยิ่งใหญ่จากสระชำระมังกร ก็จำต้องจากโลกไปอย่างน่าอนาถ กลับกลายเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของเผ่าพันธุ์มังกร!
สุดท้ายแล้ว ‘ตัวสำรอง’ อย่างตี้ชาน จึงได้ขึ้นรับตำแหน่งผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรแทน
อย่างไรก็ตามมันนับเป็น ผู้นำของเผ่าพันธุ์มังกร 1 ในไม่กี่คนที่ไม่ได้ผ่านการเข้าสู่สระชำระมังกร
มาตอนนี้ตี้ชานก็ไม่ใช่มังกรรุ่นเยาว์อีกต่อไป พลังฝีมือของมันเรียกว่าเจียนถึงจุดอิ่มตัวเต็มที ถึงแม้มันจะได้เข้าสู่สระชำระมังกรอีกครั้ง มันก็แทบไม่เหลือศักยภาพพรสวรรค์อันใดให้รีดเค้น คงไม่อาจก้าวหน้าอะไรได้มากมาย
ดังนั้นแล้ว สระชำระมังกร ที่จะเปิดขึ้นในอีก 3 ปีหลังจากนี้ มันจึงเลือกที่จะให้ตี้จิ่วได้เข้าไป
มันเชื่อว่าหลังจากได้รับการชำระและปลดปล่อยศักยภาพจากสระชำระมังกร! ตี้จิ่วย่อมกลายเป็นผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรที่ร้ายกาจเหนือมันแน่ๆ!!
การที่ตี้ชานไม่ได้เข้าสระชำระมังกรในปีนั้น ทำให้พลังอำนาจของเผ่าพันธุ์มังกรเข้าสู่ช่วงขาลง กระทั่งวันนี้ยามพบเจอต้วนหรูเฟิงผู้นำขุมพลังชั้นเดียวกัน มันยังต้องประพฤติตัวเรียบๆร้อยๆแบบนี้
ต้องทราบด้วยว่า ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรแทบทุกรุ่นก่อนหน้าที่ได้เข้าไปในสระชำระมังกร ล้วนกลายเป็นสุดยอดฝีมืออันดับหนึ่งในแดนดิน และยังถือเป็นตัวตนอันร้ายกาจกระทั่งในภูมิภาคเบื้องบน ในภูมิภาคเบื้องล่างแทบไม่มีผู้ใดต้านทานได้!
ประสิทธิภาพของสระชำระมังกรมีมากเพียงใด ดูจากเรื่องนี้ก็รู้
ด้วยเหตุนี้ทันทีที่ต้วนหรูเฟิงกล่าวเงื่อนไขที่จะให้ลูกชายเข้าสู่สระชำระมังกรออกมา ตี้จิ่วถึงได้รีบโพล่งออกมาทันทีด้วยความร้อนใจ กระทั่งลืมเลือนไปว่าต้วนหรูเฟิงไม่ใช่ตัวตนที่มันจะยั่วยุได้!
ที่มันร้อนใจรีบตะโกนออกมาแบบนั้น เพราะมันไม่อยากเจริญรอยตามตี้ชาน!
ในบรรดาผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรทั้งหลายที่เคยมีมา ตี้ชาน เป็นอะไรที่น่าอดสูอย่างแท้จริง! หากโอกาสในการเข้าสระชำระมังกรที่จะเปิดหลังจากนี้ 3 ปีถูกต้วนหลิงเทียนแย่งไปล่ะก็ มันไม่วายพบพาน ‘โศกนาฏกรรม’ ดุจเดียวกันกับตี้ชาน!!
ตอนที่ 1584
ข้อเสนอของต้วนหรูเฟิง
ในความคิดของตี้จิ่ว
สระชำระมังกรที่จะเปิดในอีก 3 ปีหลังจากนี้นั้น
หากมันได้เข้าไปล่ะก็ มันต้องได้รับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และความสำเร็จในอนาคตของมันต้องก้าวล้ำเหนือตี้ชานไปไกล!
ทว่าหากมันพลาดโอกาสที่จะเข้าไปในสระชำระมังกรในอีก 3 ปีหลังจากนี้ล่ะก็ มันก็ต้องรอไปอีก 5,000 ปี นับว่าต้องพลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตไป…ถึงแม้อายุขัยของมังกรจะยืนยาว หากแต่คำว่ารุ่นเยาว์ของเผ่าพันธุ์มังกรนั้น จำกัดอยู่ที่ 5,000 ปีเท่านั้น หลังจากเกิน 5,000 ปีไปแล้วก็ถือว่าเป็นมังกรผู้ใหญ่
เมื่ออายุเลย 5,000 ปี ศักยภาพอันใดก็แทบไม่มีเหลือ
โดยทั่วไปแล้วเมื่อมังกรมีอายุเลย 5,000 ปีไป ความก้าวหน้ายิ่งมายิ่งจำกัด ยากที่จะประสบความสำเร็จครั้งใหญ่อะไรได้อีก
และตอนนี้วาจาของต้วนหรูเฟิง ก็กำลังดับความหวังของมัน!
มันจะเต็มใจยอมรับได้อย่างไร!
อย่างไรก็ตามเมื่อต้องเผชิญหน้ากับต้วนหรูเฟิง ที่ร้ายกาจมันก็หวาดกลัวจนไม่กล้าจะกล่าวอะไรต่อ ทำได้แค่เร่งส่งเสียงไปหาตี้ชานอย่างร้อนใจ “ตาแก่ สระชำระมังกรถือเป็นรากฐานของเผ่าพันธุ์มังกรเรา! มันเปิดออกทุกๆ 5,000 ปีแบบนี้ ท่านต้องไม่ปล่อยโอกาสอันดีนี้ให้หลุดลอยและปล่อยให้ต้วนหรูเฟิงคว้าไปได้เด็ดขาด! หาก3 ปีหลังจากนี้ท่านปล่อยให้คนนอกได้เข้าไปในสระชำระมังกรล่ะก็ เผ่าพันธุ์มังกรของพวกเราคงได้อยู่อย่างซบเซาแบบนี้ไปอีก 5,000 ปี!!”
วาจาของตี้จิ่วนับว่าแทงเข้าจุดตายของตี้ชานเช่นกัน
ในฐานะมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน ตี้จิ่วย่อมรู้ดีกว่าใครว่าตี้ชานเสียใจแค่ไหนที่พลาดโอกาสเข้าสระชำระมังกร
และแน่นอนว่าตัวตี้ชานเอง ก็ย่อมทราบซึ้งถึงความเสียใจที่ไม่ได้เข้าสระชำระมังกร!
จนถึงทุกวันนี้ก็ไม่มีวันไหนเลยที่ตี้ชานจะไม่เสียใจเรื่องพลาดโอกาสเข้าสระชำระมังกร เพราะเรื่องนั้นทำให้พลังฝีมือมันมีเพียงเท่านี้! ไม่อาจนำพาเผ่าพันธุ์มังกรให้หวนกลับมารุ่งโรจน์…ถึงทุกวันนี้เผ่าพันธุ์มังกรจะนับเป็นขุมพลังอันร้ายกาจบนดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า แต่ก็เทียบไม่ได้กับเผ่าพันธุ์มังกรในกาลก่อน ที่มีพลังอำนาจเบ็ดเสร็จดั่งผู้ครองใต้หล้า!
ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนก่อนๆเพราะได้เข้าสู่สระชำระมังกร พลังฝีมือจึงกลายเป็นเอกอุเหนือใครในแดนดิน สามารถนำพาเผ่าพันธุ์มังกรให้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดยากที่ใครจะเทียบได้
ในช่วงเวลานั้น มีน้อยขุมพลังนักที่หาญกล้าต่อกรกับเผ่าพันธุ์มังกร
ถึงแม้ว่ากำลังรบโดยรวมของสมาชิกในเผ่าพันธุ์มังกรที่เหลือจะไม่แตกต่างจากตอนนี้
ทว่าสาเหตุหลักที่เผ่าพันธุ์มังกรมีอำนาจสยบได้ทุกขุมพลัง ล้วนเป็นเพราะพลังฝีมือของผู้นำเพียงคนเดียว!
ในฐานะผู้นำมังกรยุคนี้ ตี้ชานไร้พลังอำนาจมากพอที่จะนำพาเผ่าพันธุ์มังกรให้รุ่งเรืองได้แบบนั้น
หาไม่แล้วมันคงไม่ถูกต้วนหรูเฟิงบีบคั้น กระทั่งเป็นฝ่ายยอมลงหาทางสงบศึกแบบวันนี้!
หากตี้ชานถูกแทนที่ด้วยผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนก่อน ต้วนหรูเฟิงคงไม่อาจบุกมาวางอำนาจถึงขั้นนี้ได้ เพราะพลังฝีมือของผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนที่แล้วสยบได้แทบทุกคนในแดนดิน!
เรียกว่าผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนก่อนนั้น มีพลังฝีมือติดอยู่ใน 3 อันดับแรกของรายนามยอดเซียน!
ได้ยินเสียงของตี้จิ่ว ตี้ชานเองก็รู้สึกหงุดหงิดใจเป็นที่สุด
หากไม่ใช่เพราะเจ้าก่อเรื่อง เผ่าพันธุ์มังกรเราจะตกอยู่ในสภาพเหมือนสุนัขจนตรอกเช่นนี้หรือ?
หากเจ้าไม่สร้างปัญหาให้ลูกชายต้วนหรูเฟิง จะถูกบิดามันตามมารังควาญเช่นนี้รึไร?
อย่างไรก็ตามแม้จะไม่พอใจการกระทำของตี้จิ่วมากมายเพียงใด แต่ตี้ชานเองก็ไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขของต้วนหรูเฟิง!
ถึงแม้ตี้ชานจะพลาดโอกาสในการเข้าสู่สระชำระมังกร แต่ในอีก 3 ปีหลังจากนี้มันวางแผนให้ตี้จิ่วได้เข้าไป หากตี้จิ่วได้รับการชำระจากสระชำระมังกรล่ะก็ย่อมประสบความสำเร็จ และเป็นผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรที่ยิ่งใหญ่ในภายภาคหน้าได้แน่!
ถึงตอนนั้นตราบใดที่ตี้จิ่วมีเวลาได้เติบโตล่ะก็ ไม่ว่าจะตำหนักเมฆาคราม หรือตลาดมืดหยินชาน เผ่าพันธุ์มังกรก็ไม่จำเป็นต้องกริ่งเกรงอีกต่อไป!
ในฐานะผู้นำเผ่าพันธุ์มังกร ตี้ชานนับว่าปฏิบัติหน้าที่ได้ดีและมันเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความสามารถ ยังเป็นคนที่เห็นแก่ส่วนรวมนัก
หากมันเป็นคนเห็นแก่ตัว…มันคงเลือกที่จะเข้าสระชำระมังกรเอง ไม่ให้ตี้จิ่วเข้าไปแบบนี้
ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ได้พัฒนาก้าวหน้ามากมายอะไร แต่ยุงตัวเล็กก็ยังมีเนื้อ อย่างน้อยๆพลังฝีมือมันก็ต้องสูงขึ้นกว่าตอนนี้และมีพลังมากพอจะสยบต้วนหรูเฟิงและคนอื่นๆ
แต่เพราะมันเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนรวมของเผ่าพันธุ์มังกร จึงเลือกละทิ้งความต้องการส่วนตัว และให้โอกาสอันมีค่าแก่ตี้จิ่ว
ครั้งที่ล่วงรู้ว่าลูกชายของตี้จิ่วอย่างตี้ยงอันเป็นมังกรมารถูกลอบช่วยเอาไว้ มันก็ไม่เอาไปเปิดเผยกับใคร
ก่อนหน้าที่ตี้จิ่วร้องขอความช่วยเหลือให้มันส่งคนไปหาต้วนหลิงเทียน มันก็ไม่ได้ปฏิเสธ
ไม่ใช่ว่ามันกลัวตี้จิ่ว แต่มันกลัวว่าตี้จิ่วจะมีโทสะจนออกจากเผ่าพันธุ์มังกรไป เช่นนั้นแล้วเผ่าพันธุ์มังกรคงไร้ผู้สืบทอด มันเองก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบ!
แม้มันจะต้องกระทำเรื่องราวที่ขัดต่อมโนธรรมในใจเพื่อช่วยตี้จิ่ว มันก็ยอม
ตี้ชานนั้นเป็นคนที่เห็นแก่เผ่าพันธุ์มังกรอย่างแท้จริง
ตลอดชีวิตมันก็อุทิศให้แก่เผ่าพันธุ์มังกร
ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะเห็นด้วยกับต้วนหรูเฟิง
สูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง ตี้ชานก็ตัดสินใจกล่าวคำขาดกับต้วนหรูเฟิง “จ้าวตำหนักต้วน ในเมื่อท่านรู้เรื่องของสระชำระมังกรดี ท่านควรรู้ว่าสระชำระมังกรมีค่าต่อเผ่าพันธุ์มังกรเราเพียงใด…ท่านสมควรรู้ว่าเผ่าพันธุ์มังกรของพวกเราไม่มีวันยอมให้คนนอกเข้าไป”
“ข้าบอกไปแล้วไง ว่าเจ้าจะลืมเรื่องเข้าสระชำระมังกรไปก็ได้…แต่เจ้าต้องส่งตี้จิ่วมาให้ข้า!”
วาจาต้วนหรูเฟิงยังคงเย็นเยียบ และไม่คิดเปลี่ยนใจ
แถมตั้งแต่ต้นจนจบคล้ายไม่ได้แปลกใจอะไรที่ตี้ชานปฏิเสธ
“จ้าวตำหนักต้วน ท่านอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย…”
ตี้ชานกล่าวออกเสียงเข้ม
“ทำให้เจ้าลำบากใจ?”
ต้วนหรูเฟิงยกยิ้มแสยะกล่าวเย้ยออกมาทันที “ตี้ชาน นี่เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า…ข้าต้วนหรูเฟิงมาหาเรื่องเผ่าพันธุ์มังกรโดยไร้เหตุผลหรือไร? หากเผ่าพันธุ์มังกรของเจ้าไม่มาล้ำเส้นข้าก่อน ต่อให้เจ้าเชิญ ข้าก็ไม่มีวันเข้ามาเหยียบหลุมอาจมนี่!”
หลุมอาจม!!
หากวาจาเปรียบเทียบถิ่นที่อยู่ของเผ่าพันธุ์มังกรเป็นหลุมอาจมนี่แพร่ออกไป เกรงว่าทั้งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าคงได้สะเทือนกันบ้าง…
ทันทีที่ต้วนหรูเฟิงกล่าวเปรียบเทียบแบบนี้ออกมา เฉวี่ยฉานและอาวุโสทั้งหลายต่างหน้าแดงก่ำไปด้วยโทสะ แต่ไม่มีผู้ใดกล้าหืออือส่งเสียงอะไร!
พวกมันรู้ดีว่าจ้าวตำหนักเมฆาครามกำลังมีน้ำโห
ตอนนี้หากใครกล้าหืออือออกไป ไม่ใช่รนหาที่ตายรึไง?
พวกมันไม่ใช่ตัวโง่งม!
“จ้าวตำหนักต้วน ข้ายอมรับว่าครั้งนี้เป็นเผ่าพันธุ์มังกรของพวกเราผิดต่อท่าน…ทว่านอกเหนือจากสองเงื่อนไขนี้ มิว่าอันใดข้าล้วนยินยอมท่านทุกอย่าง”
ตี้ชานกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ
ในใจยังเต็มไปด้วยความปวดปร่าขื่นขมนัก
หากมันเป็นคนที่ได้เข้าไปในสระชำระมังกรเมื่อ 5,000 ปีที่แล้ว ไหนเลยจะเกิดเรื่องแบบนี้ได้?
หากมันได้เข้าไปยังสระชำระมังกรเมื่อ 5,000 ปีที่แล้วล่ะก็ คิดบดขยี้ต้วนหรูเฟิงคงเป็นอะไรที่ง่ายดายนัก!
“ข้าจะไม่พูดซ้ำเป็นครั้งที่สาม…”
ต้วนหรูเฟิงกล่าวออกเสียงเรียบ พาลให้ตี้จิ่ว ตี้ชาน และอาวุโสคนอื่นๆของเผ่าพันธุ์มังกรหน้าเสียทันใด
พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าต้วนหรูเฟิงจะอำมหิตแบบนี้!
ให้บุตรชายของมันเข้าสระชำระมังกรหลังจากนี้อีก 3 ปี!
หรือให้ตี้จิ่วตาย!
“ท่านจ้าวตำหนักต้วน…”
ตี้ชานหน้าดำคร่ำเครียด คิ้วยังขดยู่เป็นปม มันเริ่มครุ่นคิดถึงเรื่องสู้ตายเพื่อขับไล่ต้วนหรูเฟิงออกไปจากเผ่าพันธุ์มังกรขึ้นมาแล้ว
“ข้ายังพูดไม่พบ”
ต้วนหรูเฟิงขัดจังหวะตี้ชาน ค่อยกล่าวเพิ่มเติม “ถึงแม้ว่าข้าไม่คิดจะพูดซ้ำเป็นครั้งที่ 3 แต่ข้ามีข้อเสนอเรื่องเข้าสระชำระมังกรของลูกข้าให้พวกเจ้าเลือก…และข้อเสนอนี้ก็นับว่าเป็นธรรมกับเผ่าพันธุ์มังกรของเจ้าด้วย หากเจ้ารับข้อเสนอนี้..ข้าก็ยินดีปล่อยวางเรื่องตี้จิ่ว”
ตี้ชานและมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บทั้งหมดหรี่ตามองต้วนหรูเฟิง ต่างอยากฟังข้อเสนอที่ว่าของต้วนหรูเฟิงขึ้นมาทันที!
“ท่านจ้าวตำหนักต้วนโปรดว่ามา…”
ตี้ชานมองต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาจริงจัง ใคร่ฟัง ‘ข้อเสนออันเป็นธรรม’ สักครา
“เท่าที่ข้ารู้ถึงแม้สระชำระมังกรของพวกเจ้าจะเปิดในอีก 3 ปีหลังจากนี้…แต่เวลาเปิดที่แน่นอนยังอยู่ในการตัดสินใจของผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรใช่หรือไม่…หากข้าเข้าใจไม่ผิดพวกเจ้าสามารถชะลอเวลาเปิดให้กลายเป็น 6 ปีหลังจากนี้ได้?”
ต้วนหรูเฟิงมองตี้ชานพร้อมยิงคำถามออกมา
“นับว่าจ้าวตำหนักต้วนรู้เรื่องราวของสระชำระมังกรพวกเรามากมายนัก”
ตี้ชานเผยยิ้มขื่นขมออกมา ในใจลอบสาปแข่งต้วนหรูเฟิงไม่น้อย หากอีกฝ่ายไม่บังเกิดความละโมบคิดไม่ซื่อกับสระชำระมังกรมานาน ไหนเลยจะรู้เรื่องสระชำระมังกรดีขนาดนี้ได้? “เป็นเรื่องจริงที่ข้าสามารถตัดสินใจเลือกเวลาเปิดสระชำระมังกรได้…แต่ข้าสามารถหน่วงเวลาไปได้มากสุดอีกแค่ 3 ปี หากมิมีผู้ใดเข้าไปใช้สระชำระมังกรในอีก 6 ปีหลังจากนี้…สระชำระมังกรจะปิดไปอีกเป็นเวลา 5,000 ปี”
“ดูเหมือนที่ข้ารู้มาก็ไม่ผิด”
ต้วนหรูเฟิงพยักหน้า ค่อยหันมองไปยังตี้จิ่วพร้อมกล่าว “ข้อเสนอของข้าคือ ให้พวกเจ้าชะลอการเปิดสระมังกรเพิ่มไปอีก 2 ปี นั่นคือข้าจะให้พวกเจ้าเปิดมันในอีก 5 ปีหลังจากนี้…ถึงตอนนั้นข้าจะให้ตี้จิ่วมันประลองกับลูกชายข้าต้วนหลิงเทียน ผู้ใดชนะก็ได้สิทธิ์ในการเข้าใช้สระชำระมังกรไปเสีย! ผู้นำตี้ชานใช่พอใจกับข้อเสนอนี้ของข้าหรือไม่ หากยังไม่พอใจอีก ก็รบกันเถอะ!”
กล่าวถึงท้ายประโยคต้วนหรูเฟิงก็หันไปมองตี้ชาน ทั้งเริ่มเร่งเร้าพลังออกมาจนบรรยากาศสะท้านอีกครั้ง คล้ายพร้อมลงมือล้างผลาญมังกรทุกตัวให้รู้แล้วรู้รอดไป
“อีก 5 ปีหลังจากนี้หรือ?”
ตี้ชานที่ได้ฟังคำของต้วนหรูเฟิงก็ไม่ได้รีบตอบรับอะไร เพียงหันไปมองตี้จิ่วแทน
เพราะในบรรดาคนของเผ่าพันธุ์มังกร มีเพียงตี้จิ่วเท่านั้นที่เคยพบเจอต้วนหลิงเทียนบุตรชายของต้วนหรูเฟิงมาก่อน นั่นหมายความว่าตี้จิ่วรู้เรื่องของต้วนหลิงเทียนมากกว่าใคร…
อย่างไรก็ตามพอตี้ชานหันไปมองตี้จิ่ว มันก็พบว่าสองตาตี้จิ่วลุกวาวส่องแสงจ้า คล้ายเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจถึงขีดสุด ราวกับมันเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ของต้วนหรูเฟิง!
“ตี้จิ่ว เจ้ามั่นใจหรือไม่?”
ตี้ชานส่งเสียงผ่านปราณกล่าวถามตี้จิ่ว เพื่อยืนยัน
“ตาแก่ผู้นำ! รีบตกลงรับข้อเสนอมันเร็วๆ! รีบรับข้อเสนอมันเร็วเข้า!!”
ตี้จิ่วเร่งส่งเสียงตอบกลับอย่างตื่นเต้น ยังคล้ายรีบร้อนไม่น้อย “ข้าเคยเจอต้วนหลิงเทียนมาแล้ว ในน้ำเต้ามันขายยาอันใดข้ารู้หมด! แม้ศักยภาพพรสวรรค์มันจักสูง…ทว่าอย่าว่าแต่ 5 ปีเลย ต่อให้อีก 20 ปี มันก็ไม่มีวันเอาชนะข้าได้! ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าต้วนหรูเฟิงบัดซบนี่มันจะกล้ายื่นข้อเสนอโง่งมเช่นนี้ออกมา!!”
กล่าวถึงท้ายประโยคน้ำเสียงที่ส่งไปของตี้จิ่วยังเผยความสะใจ เต็มไปด้วยความดูถูกไม่น้อย
“เจ้าแน่ใจหรือ”
หากแต่ตี้ชานยังคงไม่มั่นใจ “ในเมื่อต้วนหรูเฟิงกล้ายื่นข้อเสนอเช่นนี้มา ย่อมเป็นเพราะมันมีความมั่นใจอย่างยิ่ง…เจ้าควรไตร่ตรองให้ดี หากถึงวันนั้นเจ้าพ่ายแพ้ขึ้นมาไม่เพียงแต่เจ้าจะเสียโอกาสในการเข้าสระชำระมังกร เจ้าจักกลายเป็น ‘คนบาป’ ของเผ่าพันธุ์มังกร…เพราะเผ่ามังกรของพวกเราจำต้องซบเซาไปเช่นนี้อีก 5,000 ปี ไม่ใช่มีแค่เจ้าที่เสียประโยชน์เพียงผู้เดียว!!”
คนบาปแห่งเผ่าพันธุ์มังกร!
ต้องกล่าวเลยว่าวาจาแรงครั้งนี้ของตี้ชาน สะท้านใจตี้จิ่วไม่น้อย
หากแต่ในใจของตี้จิ่ว ยังคงเต็มไปด้วยภาพต้วนหลิงเทียนในวันนั้น ที่มันจะลิขิตเป็นตายอีกฝ่ายเมื่อใดก็ได้ขึ้นมา จึงกล่าวตอบตี้ชานไปด้วยความมั่นใจ “ตาแก่ผู้นำ! รีบตอบรับมันไป ข้ามั่นใจนัก! ให้ต้วนหลิงเทียนมันมีพรสวรรค์สูงส่งเพียงใด มันก็มิได้ท้าทายสวรรค์มากพอจะทัดเทียมข้าได้ในเวลาแค่ 5 ปี! แถมผู้ใดจะไปรู้ว่ามันจะมีปัญญารอดชีวิตถึงวันนั้นหรือไม่ ต่อให้มันดวงดีรอดมาได้ ข้าก็มั่นใจนักว่าสามารถบดขยี้มันได้ง่ายดาย!!”
ตอนที่ 1585
กุญแจเปิดสระชำระมังกร
ทั้งเมื่อตี้จิ่วนึกถึงเรื่องที่มันได้ลอบส่งเสียงไปบอกผู้นำตลาดมืดหยินชานเรื่องต้วนหลิงเทียนก่อนหน้า มันก็ยิ่งสบายใจขึ้นมาไม่น้อย!
ในสายตาของมัน
5 ปีหลังจากนี้ก็ไม่แน่ด้วยซ้ำว่าต้วนหลิงเทียนจะยังมีชีวิตอยู่!
ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีชีวิตอยู่จริงๆ แต่ก็ไม่มีวันเป็นคู่ต่อสู้ของมันได้เด็ดขาด!
‘คิดให้ต้วนหลิงเทียนเอาชนะข้าในอีก 5 ปีหลังจากนี้เหรอ เจ้ามันตัวโง่งมขนานแท้!’
ตี้จิ่วคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าต้วนหรูเฟิงจะยื่นข้อเสนอเป็นใจให้มันแบบนี้ ยังดูถูกความคิดของต้วนหรูเฟิงนัก อีกฝ่ายคิดจริงๆเหรอว่าเวลาแค่ 5 ปี ต้วนหลิงเทียนจะมีปัญญาเอาชนะมันได้?
“ตาแก่ข้าว่าที่ต้วนหรูเฟิงมันยื่นข้อเสนอแบบนี้ออกมา เพราะว่ามันก็ยังกริ่งเกรงเผ่ามังกรของพวกเรา เพียงแค่มันกลัวเสียหน้าที่จะเปิดเผยออกมาเท่านั้น…มันเสนอเงื่อนไขแบบนี้เพียงเพราะคิดหาทางลงให้ตัวเองเป็นแน่! มันสมควรรู้ดีกว่าใครว่าลูกมันไม่มีวันเอาชนะข้าได้ในเวลาแค่ 5 ปี!!”
ตี้จิ่วที่กำลังได้ใจเร่งส่งเสียงกล่าวย้ำกับตี้ชาน
อย่างไรก็ตามตี้ชานยังคงลังเลไม่น้อย “ที่เจ้าพูดมาข้าก็ไม่ใช่ว่าจะไม่คิด…แต่ต้วนหรูเฟิงผู้นี้สามารถก้าวขึ้นมามีอำนาจในเวลาอันสั้นนัก! จ้าวตำหนักเมฆาครามคนก่อนเป็นตัวตนเช่นไรเจ้าสมควรรู้ดี ทว่าต้วนหรูเฟิงเพียงลำพังกลับชิงอำนาจยึดครองตำหนักเมฆาครามมาได้! กระทั่งกู่มี่กับหรงหยวนเองที่ไม่ค่อยจะเชื่อฟังจ้าวตำหนักเมฆาครามคนก่อน ก็กลายเป็นเคารพนับถือต้วนหรูเฟิงหมดใจ…”
“ต้วนหรูเฟิงผู้นี้นับว่ามิใช่ธรรมดาอย่างแท้จริง…ที่มันกล้าเสนอเรื่องนี้ขึ้นมารวมถึงการกระทำทั้งหมดที่กระทำลงไปในวันนี้ ข้ากลัวว่าจุดประสงค์หลักของมันที่แท้ก็คือคิดให้บุตรชายของมันได้เข้าสระชำระมังกรของพวกเรา!”
ตี้ชานกล่าวสืบต่อ มันรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างไรชอบกลกับเรื่องรับข้อเสนอของต้วนหรูเฟิง
อย่างไรก็ตามมันดูจากท่าทีของต้วนหรูเฟิงแล้ว เรื่องนี้สมควรเป็นขีดจำกัดของอีกฝ่าย
ดังนั้นถึงแม้ว่าตี้ชานจะไม่เห็นด้วยเพียงใดแต่มันก็ไม่ได้รีบปฏิเสธออกไป หันมากล่าวถามความเห็นตี้จิ่วก่อนแบบนี้
เพราะสุดท้ายแล้ว ตี้จิ่วก็สมควรเป็นผู้ที่ไม่อยากให้สิทธิ์ในการเข้าสระชำระมังกรตกไปอยู่ในมือคนนอกมากที่สุด!
อย่างไรก็ตามตี้จิ่วกลับเต็มไปด้วยความมั่นใจนัก
อีกทั้งเมื่อเห็นสีหน้าต้วนหรูเฟิงที่เริ่มเคร่งขึ้นเรื่อยๆ แถมปราณมารยังแผ่ออกมาแทบจะย้อมฟ้าให้อาสัญ คล้ายใกล้หมดความอดทนเต็มที มันก็รู้ดีว่าต้องตัดสินใจแล้ว!!
“ตี้จิ่ว…เจ้าแน่ใจนะว่าจักให้ข้ารับข้อเสนอมัน”
ตี้ชานยังกล่าวถามตี้จิ่วอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“รับตกลงรับข้อเสนอมันเร็วตาแก่! ข้าเชื่อว่ามันแค่แสร้งทำเป็นลึกลับเท่านั้น!”
ตี้จิ่วตอบกลับไปด้วยความมั่นใจถึงที่สุด
เมื่อเห็นว่าตี้จิ่วมั่นใจว่าจะเอาชนะต้วนหลิงเทียนได้มากขนาดไหน พร้อมทั้งแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างต้วนหรูเฟิง ในที่สุดตี้ชานก็หันไปพยักหน้าเห็นด้วย “จ้าวตำหนักต้วนข้าจักยอมรับข้อเสนอนี้ของท่าน เวลาเปิดสระชำระมังกรจะยืดไปเป็นหลังจากนี้อีก 5 ปี…หากต้วนหลิงเทียนบุตรชายท่านมีชัยเหนือตี้จิ่ว ลูกท่านก็ได้สิทธิ์เข้าสระชำระมังกร หากลูกชายท่านพ่ายแพ้ ตี้จิ่วจักเป็นผู้ที่ได้รับสิทธิ์เข้าสระชำระมังกร”
“ในเมื่อผู้นำตี้ชานเห็นด้วยกับข้อเสนอของข้า เช่นนั้นก็ส่ง 1 ในกุญแจที่ใช้เปิดสระชำระมังกรมาฝากไว้กับข้าเถอะ…จะเป็นกุญแจตะวัน หรือกุญแจจันทราก็ได้ เพื่อให้ข้ามั่นใจ”
หลังจากตี้ชานตกลงรับข้อเสนอ ต้วนหรูเฟิงพลันกล่าวออกมาเสียงเรียบ
สระชำระมังกรนั้น นอกจากจะเปิดออกทุกๆ 5,000 ปีและเข้าไปได้เดียงคนเดียวแล้ว การจะเปิดเข้าไปทุกครั้ง ยังต้องใช้กุญแจตะวัน กับกุญแจจันทรา ที่สืบทอดกันมาในเผ่าพันธุ์มังกรเพื่อใช้ในการเปิดมันอีกด้วย
โดยทั่วไปแล้วกุญแจทั้ง 2 จะถูกเก็บไว้กับตัวผู้นำเผ่าพันธุ์มังกร
ดังนั้นต้วนหรูเฟิงจึงขอกุญแจจากตี้ชานโดยตรง
“ท่านจ้าวตำหนักต้วน เรื่องนี้จำเป็นด้วยหรือ…เป็นไปได้หรือไม่ที่ท่านกลัวว่าข้าผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรจะหลอกลวงท่าน?”
ตี้ชานขมวดคิ้ว
กุญแจตะวัน และกุญแจจันทรา ก็เสมือน ‘ของศักดิ์สิทธิ์’ สำหรับเผ่าพันธุ์มังกร มันย่อมไม่เต็มใจส่งมอบให้ใคร แม้ต้วนหรูเฟิงจะเอาไปเป็นการชั่วคราวก็ตามที
“ข้าต้องกลัว!”
คำตอบของต้วนหรูเฟิงนับว่าตรงไปตรงมานัก นั่นทำให้สีหน้าของตี้ชานมืดลงทันที เพราะนี่เสมือนต้วนหรูเฟิงแคลงใจในความน่าเชื่อถือของตัวมัน!
“ท่านจ้าวตำหนักต้วน…หากท่านไม่เชื่อใจข้า เช่นนั้นให้ข้าสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าด้วยหรือไม่?”
ตี้ชานมองต้วนหรูเฟิงเขม็ง
“สาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าแน่นอนว่าย่อมต้องทำอยู่แล้ว แต่ข้าจะเก็บหนึ่งในกุญแจเปิดสระชำระมังกรไว้กับข้า…ท่านสามารถมั่นใจได้ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกร หลังจากนี้อีก 5 ปี ไม่ว่าต้วนหลิงเทียนลูกชายของข้าจะชนะหรือแพ้ ข้าจะส่งมอบกุญแจนั่นคืนให้ท่าน…แน่นอนว่าข้าก็จะกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าด้วย!”
ต้วนหรูเฟิงกล่าว
เมื่อเห็นว่าต้วนหรูเฟิงกล่าวออกมาถึงขนาดนี้ ตี้ชานก็ไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไป เพราะตอนนี้ถ้าขืนยังยืนกรานปฏิเสธ นั่นหมายความว่าใจมันมีเรื่องแอบแฝง!
‘ตี้จิ่ว ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง’
ตี้ชานลอบกล่าวในใจ ก่อนที่จะยกมือขึ้นเบาๆ ปรากฏกุญแจรูปจันทร์เสี้ยวที่คล้ายทำจากหยกผุดโผล่จากความว่าง ยามต้องสะท้อนแสงตะวัน ตัวกุญแจยังเปล่งแสงออกมาเรืองรองนวลตา แลไปนับว่างดงามนัก
กุญแจดอกนี้คือกุญแจจันทรา 1 ใน 2 กุญแจที่ต้องใช้ในการเปิดสระชำระมังกร!
หลังจากได้รับกุญแจจันทรามาแล้ว ทั้งต้วนหรูเฟิงกับตี้ชานก็เอ่ยคำสาบานต่อทันฑ์สวรรค์เก้าเก้า
คำที่ตี้ชานกล่าวสาบานต่อทัณฑ์สวรรคืเก้าเก้าก็คือ หากต้วนหลิงเทียนสามารถเอาชนะตี้จิ่วได้ มันจะเปิดสระชำระมังกร และอนุญาตให้ต้วนหลิงเทียนเข้าไปใช้สระชำระมังกร
ส่วนคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าของต้วนหรูเฟิงก็คือ หากต้วนหลิงเทียนพ่ายแพ้ตี้จิ่วในอีก 5 ปีหลังจากนี้ มันจะล้มเลิกความคิดใช้สระชำระมังกร และจะส่งกุญแจจันทราดอกนี้คืนให้เผ่าพันธุ์มังกรเหมือนเดิม
“ผู้นำตี้ชาน หลังจากนี้ 5 ปี ค่อยพบกันใหม่”
หลังจากกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าแล้ว ต้วนหรูเฟิงก็มองกล่าวกับตี้ชาน
หลังจากนั้นก็ไม่รอให้ตี้ชานกล่าวอะไรเพิ่มเติม ร่างคนกลับกลายเป็นเงาเลือนหายตัวไปต่อหน้าต่อตาตี้ชานและคนอื่นๆทันที
“ท่านผู้นำ เห็นชัดว่าจ้าวตำหนักต้วนมีความมั่นใจในตัวบุตรชายสูงนัก…เรื่องนี้ท่านใจร้อนเกินไปหรือไม่?”
อาวุโสชิงเหยียน มังกรเทพยาดาสีเขียว 5 กรงเล็บกล่าวถามด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
เฉวียฉานและอาวุโสคนอื่นๆของเผ่ามังกรเองก็ขมวดคิ้วมองตี้ชานเช่นกัน
“ในเมื่อเรื่องราวมันบานปลายมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้ายังจะปฏิเสธได้อีกหรือ!? พวกเจ้ามิเห็นหรือไรว่าต้วนหรูเฟิงมีนิสัยเอาแต่ใจเพียงใด แถมนั่นสมควรเป็นขีดจำกัดล่างของมันแล้ว! นอกจากนี้ตี้จิ่วที่รู้จักบุตรชายของต้วนหรูเฟิงดีที่สุดก็เต็มไปด้วยความมั่นใจนัก! และในเมื่อกระทั่งมันยังเห็นด้วยที่จะรับข้อเสนอของต้วนหรูเฟิง พวกเจ้าจะให้ข้าตัดสินใจอย่างไรได้อีก?”
ตี้ชานกล่าวออกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
จังหวะนี้เฉวียฉานและอาวุโสเผ่าพันธุ์มังกรคนอื่นๆก็หันไปมองตี้จิ่วเขม็ง “ตี้จิ่ว เจ้ามั่นใจแน่หรือ””
“ตี้จิ่ว เจ้าอย่าได้ตบหน้าตัวเองให้บวมเพื่อดูอ้วน มิใช่สักแต่จะกล่าว หากอีก 5 ปีหลังจากนี้เจ้าพ่ายแพ้ ไม่เพียงแต่เจ้าจะพลาดโอกาสอันดี เจ้ายังจะกลายเป็นคนบาปของเผ่าพันธุ์มังกร!”
“ตี้จิ่ว เรื่องนี้เจ้ามิอาจล้อเล่นได้!”
……
อาวุโสมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บแต่ละคนทยอยกันกล่าววาจาออกมาคาดคั้นตี้จิ่ว
“อาวุโสทั้งหลายข้าเข้าใจถึงความกังวลของพวกทานดี”
ตี้จิ่วว่ายตามองตี้ชานและอาวุโสคนอื่นๆ “ข้าได้เจอต้วนหลิงเทียนลูกชายของต้วนหรูเฟิงมาแล้ว วันนั้นที่ข้าเจอมัน ตัวมันก็แค่สู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบเท่านั้น…พวกท่านคิดจริงๆหรือว่าสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบจะเอาชนะข้าได้ในอีก 5 ปีหลังจากนี้? มิต้องกล่าวถึงต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ ต่อให้เป็นต้วนหรูเฟิงเองให้มันมีด่านพลังฝึกปรือเท่าลูกมันตอนนี้ ในเวลา 5 ปีมันก็ไม่มีวันเอาชนะข้าได้!!”
หลังจากกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจถึงขีดสุด ตี้จิ่วก็จากไปทันที
ถึงแม้ว่ามันจะกล่าวออกมาด้วยความเชื่อมั่น แต่มันก็ไม่คิดประมาท!
หลังจากทั้งหมดแล้วเรื่องนี้ก็สำคัญใหญ่หลวง
ใน 5 ปีนี้มันจะปิดด่านบ่มเพาะอย่างจริงจัง มันเองก็สัมผัสได้ว่าจุดรอคอยของมันเริ่มคลายตัวแล้ว หากมันสามารถทะลวงด่านพลังได้ล่ะก็ พลังฝึกปรือของมันก็จะทัดเทียมกับ สื่อชิง มังกรเทพยาดาสีม่วง 5 กรงเล็บ อันเป็นผู้อาวุโส!
มันยังเชื่อมั่นอีกว่า ในอีก 5 ปีหลังจากนี้ มันสามารถเอาชนะ อาวุโสอย่าง สื่อชิง ได้!
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่หมายความว่าตี้จิ่วหวาดกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะมีพลังฝีมือก้าวหน้าขึ้นมาจนเป็นภัยคุกคามกับมันได้ แต่มันต้องการเอาชนะต้วนหลิงเทียนด้วยพลังอำนาจที่เหนือชั้นให้ได้มากที่สุด เพื่อตอกหน้าต้วนหรูเฟิงให้รู้กันไป ว่าการตัดสินใจครั้งนี้มันโง่เขลาถึงเพียงใด!!
ถึงแม้วันนี้มันจะไม่กล้าหืออืออะไรยามอยู่ต่อหน้าต้วนหรูเฟิง แต่ในใจของมันก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ยังคิดจะสับร่างต้วนหรูเฟิงให้แหลกเป็นพันหมื่นชิ้น!
แน่นอนว่ามันรู้ตัวดีว่ามันไม่มีพลังสามารถที่จะทำแบบนั้น
เช่นนั้นมันจึงได้แต่ใช้วิธีอื่นเพื่อตอบโต้ตัวบัดซบต้วนหรูเฟิงนั่น!
การประลองกับต้วนหลิงเทียนในอีก 5 ปีหลังจากนี้ เป็นโอกาสที่ฟ้าประทานมาให้มันอย่างไม่ต้องสงสัยเลย วันนั้นมันจะใช้พลังฝีมือที่แข็งแกร่งอย่างที่ต้วนหลิงเทียนทาบไม่ติด ถล่มต้วนหลิงเทียนให้ย่อยยับ บดขยี้อีกฝ่าย ให้ทั้งพ่อทั้งลูกพบพานกับความสิ้นหวัง!!
ความคิดในหัวตี้จิ่วตอนนี้ ต้วนหรูเฟิงแน่นอนว่าไม่รู้
แต่ก็แน่นอนอีกว่าต้วนหรูเฟิงไม่เคยสนใจอยากจะรู้!
หลังจากที่ออกมาจากเผ่าพันธุ์มังกรได้สักพัก ในที่สุดกู่มี่ที่ลอยร่างติดตามต้วนหรูเฟิงมาด้านหลังก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา “ท่านจ้าวตำหนัก อีก 5 ปีหลังจากนี้ นายน้อยจักสามารถเอาชนะตี้จิ่วได้จริงหรือ ถึงแม้ตี้จิ่วนั่นจักยังมิได้เติบโตเต็มที่ แต่อย่างไรมันก็เป็นถึงมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ…อาศัยพลังฝีมือของมันตอนนี้ มากพอจะยืนหยัดทัดเทียมกับอาวุโสมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บที่อ่อนแอที่สุดได้แล้ว…”
ฟังจากคำถามของกู่มี่แล้ว เห็นได้ชัดว่ามันไม่คิดว่าจ้าวตำหนักน้อยของมันอย่างต้วนหลิงเทียน จะเอาชนะตี้จิ่วได้ในเวลาแค่ 5 ปี
เพราะสุดท้ายแล้วมันก็รู้ดีว่าสายเลือดของตี้จิ่วมันเป็นอย่างไร มีพรสวรรค์ถึงเพียงไหน
กระทั่งในปัจจุบันพลังฝีมือของตี้จิ่วก็นับว่าสูงมากแล้ว ถึงแม้อีกฝ่ายจะไร้ความก้าวหน้าพัฒนาอันใดในระยะเวลา 5 ปีหลังจากนี้ แต่จ้าวตำหนักน้อยของมันก็ไม่แน่ว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้!
“กู่มี่ เจ้าเองก็ไม่ใช่คนนอก ข้าจึงไม่คิดจะปิดบังเจ้าอีก”
ลูกตาต้วนหรูเฟิงทอประกายเรืองขึ้นมาวูบหนึ่ง ค่อยกล่าว “เหตุผลที่ข้ามาในวันนี้ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะ เจตจำนงของท่านผู้เฒ่าพยากรณ์! อันที่จริงกระทั่งตัวข้าเองยังไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าลูกชายของข้าจะสามารถเอาชนะตี้จิ่วได้ในอีก 5 ปีหลังจากนี้ เพราะเรื่องราวมันเหลือเชื่อไม่สมจริงเกินไป!”
กล่าวจบต้วนหรูเฟิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“ท่านผู้เฒ่าพยากรณ์!?”
วาจาของต้วนหรูเฟิงทำให้สองตากู่มี่ลุกวาวขึ้นมาทันที
“อันที่จริงแล้วนับเป็นครั้งที่ 2 ที่ข้าได้พบกับท่านผู้เฒ่าพยากรณ์…ท่านผู้เฒ่าอยู่ๆก็มาหาข้าถึงตำหนักเมฆาคราม กล่าวไปด่านพลังฝึกปรือของท่านล้ำลึกนัก กระทั่งมาปรากฏตัวตรงหน้าข้าได้อย่างไรข้าก็มิอาจทราบได้…เรื่องนี้เจ้าสมควรรู้ใช่หรือไม่ว่ามันหมายความว่าอะไร?”
กล่าวถึงท้ายประโยคสีหน้าต้วนหรูเฟิงก็เผยความเคร่งขรึมไม่น้อย
“ทะ…ท่านผู้เฒ่า หรือจักเป็นยอดฝีมือจากภูมิภาคเบื้องบน?”
กู่มี่อึ้งไปอ้าปากหวอพักหนึ่ง ค่อยกล่าวถาม
“ข้ามั่นใจว่าท่านผู้เฒ่าสมควรมาจากภูมิภาคเบื้องบน…ยิ่งไปกว่านั้นข้ารู้สึกว่าพลังฝีมือของท่านผู้เฒ่า กระทั่งในภูมิภาคเบื้องบนยังนับเป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้า!”
ต้วนหรูเฟิงกล่าวสืบต่อ
“ผู้คนล้วนกล่าวกันว่าท่านผู้เฒ่าพยากรณ์เป็นดั่งมังกรเทพยาดาเห็นหัวไม่เห็นหาง…กระทั่งผู้นำตลาดมืดหยินชานอย่างถูกู่หลิงนั่น ยังพยายามไปหาท่านผู้เฒ่าหลายครั้งหลายคราแต่สุดท้ายกลับมิเคยได้พบ…มิคิดเลยว่าท่านจ้าวตำหนักกลับมีวาสนาได้พบกับท่านผู้เฒ่าถึง 2 ครั้ง…กระทั่งท่านผู้เฒ่ายังมาหาท่านจ้าวตำหนักเองเช่นนี้!”
กู่มี่กล่าวออกด้วยรอยยิ้ม
ตอนที่ 1,586 : ผู้ใดเป็นบิดาเจ้า
“หากให้ถูกู่หลิงมันล่วงรู้ว่าท่านผู้เฒ่าพยากรณ์ถึงกับมาพบท่านจ้าวตำหนักด้วยตัวเอง ข้าเกรงว่ามันคงโมโหจนกระอักเลือดตาย!”
รอยยิ้มสดใสคลี่กางบนใบหน้ากู่มี่ หากแต่แลแล้วกลับเหมือนคนกำลังจะร้องไห้อย่างไรพิกล แต่มันก็นับว่ามีความสุขจริงๆ คล้ายกำลังเห็นฉากผู้นำตลาดมืดหยินชานอย่างถูกู่หลิงกระอักเลือดอยู่อย่างไรอย่างนั้น
ต้วนหรูเฟิงยิ้มบางๆ แต่ไม่ได้ตอบคำอะไร
อันที่จริงกระทั่งมันเองก็แปลกใจกับเรื่องนี้ไม่น้อย
ตอนที่มันบังเอิญได้พบผู้เฒ่าพยากรณ์ครั้งแรก มันก็รู้สึกว่าตัวเองมีโชคนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ผู้เฒ่าพยากรณ์เต็มใจทำนายให้บุตรชายของมันอีกคน ก็นับว่าสร้างความประหลาดใจให้มันไม่น้อย!
พอมาครั้งที่ 2 ที่ตัวผู้เฒ่าพยากรณ์มาหามันเองถึงหน้าประตู อีกทั้งเป็นฝ่ายริเริ่มเอ่ยคำทำนายของมันกับบุตรชายให้โดยไม่ต้องกล่าวถามก็ทำให้มันตื้นตันใจถึงที่สุด
อย่างไรก็ตามแม้ใจของต้วนหรูเฟิงจะเต็มไปด้วยความตื้นตันแต่ก็อดสงสัยไปเสียไม่ได้ ว่าบุตรชายของมันที่แท้มีเวทมนตร์อันใดกันแน่ถึงได้ดึงดูดผู้เฒ่าพยากรณ์ได้ขนาดนี้?
ด้วยเหตุนี้มันจึงเริ่มนึกถึงความเป็นไปได้มากมาย
ทว่าความเป็นไปได้ที่นึกออกล้วนยากเป็นจริงทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตามตั้งแต่หรงหยวนเข้ามาหามันครั้งล่าสุดและกล่าวรายงานว่าเผ่าพันธุ์มังกรกำลังตามล่าหาตัวต้วนหลิงเทียนกันจ้าละหวั่น มันก็เชื่อมั่นในคำของผู้เฒ่าพยากรณ์หมดใจ!
นั่นเพราะครั้งที่สองที่ผู้เฒ่าพยากรณ์มาหามันนั้น ได้เอ่ยถึงเรื่องเผ่าพันธุ์มังกรไว้แต่แรก!
ถึงแม้ผู้เฒ่าจะไม่ได้กล่าวจำเพาะเจาะจงอะไร แต่กลับเน้นถึงเรื่องหนึ่ง ว่าให้มันทำอย่างไรก็ได้เพื่อหาหนทางให้บุตรชายของมันต้วนหลิงเทียน มีโอกาสเข้าไปยังสระชำระมังกร
นอกจากนี้ผู้เฒ่าพยากรณ์ยังได้บอกถึงความสำคัญของสระชำระมังกรมาโดยละเอียด ว่ามันจะเปิดขึ้นทุกๆ 5,000 ปี และอนุญาตให้ผู้ใดก็ได้เข้าไปคนเดียวเท่านั้น ยังกล่าวถึงช่วงเวลาว่าสมควรเป็นอีก 5 ปีหลังจากนี้
จึงเกิดเป็นข้อเสนอให้ต้วนหลิงเทียนประลองกับตี้จิ่วในอีก 5 ปีหลังจากนี้
และข้อเสนอนี้ก็เป็นตัวผู้เฒ่าพยากรณ์ที่กล่าวบอกออกมาเอง
ถึงแม้กระทั่งตัวต้วนหรูเฟิงเองจะไม่มั่นใจสักนิดว่าบุตรชายจะเอาชนะตี้จิ่วได้ในอีก 5 ปีหลังจากนี้ แต่มันก็เชื่อในคำทำนายของผู้เฒ่าพยากรณ์
นั่นเพราะทุกอย่างที่ผู้เฒ่าพยากรณ์เคยกล่าวบอกมาไม่เคยผิดพลาดเลย
หลังจากนั้นไม่นานกู่มี่ก็ได้รับทราบเรื่องราวทั้งหมดดังกล่าวจากต้วนหรูเฟิง มันเองก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ “ข้าเคยได้ยินพลังอำนาจของท่านผู้เฒ่าพยากรณ์มาเนิ่นนานแล้ว ว่าสามารถหยั่งรู้ฟ้าดินมองเห็นอนาคต…มิคาดกลับมาหาท่าน และรู้เรื่องราวระหว่างจ้าวตำหนักน้อยกับเผ่าพันธุ์มังกรดั่งตาเห็น”
“ท่านจ้าวตำหนัก แล้วนี่พวกเราจะเดินทางกลับตำหนักเมฆาครามเลยหรือไม่?”
กู่มี่มองถามต้วนหรูเฟิง
ในความเห็นของมันตอนนี้ท่านจ้าวตำหนักสมควรกลับไปสั่งการณ์ที่ตำหนกเมฆาคราม ให้ระดมกำลังกันออกตามหาตัวนายน้อย
“พวกเรายังไม่ต้องรีบกลับตำหนักเมฆาคราม”
ทว่าหลังได้ฟังคำถามของกู่มี่ ต้วนหรูเฟิงพลันส่ายหัวไปมาค่อยกล่าว “พวกเราจะไปที่คฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานก่อน”
คฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน!
ได้ยินคำตอบของต้วนหรูเฟิง กู่มี่อดไม่ได้ที่จะงุนงง “คฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน?”
“ใช่ พวกเราจะไปที่นั่นก่อน ข้าสงสัยว่าตอนนี้ลูกสะใภ้ของข้าคนหนึ่งน่าจะอยู่ที่นั่น…ข้าจะไปรับนางน่ะ”
ต้วนหรูเฟิงหัวเราะ
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้กล่าวถึงคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานเลยในหยกบันทึกเสียงที่ทิ้งไว้ในอาณาจักรนภาล่องของทวีปเมฆาล่อง อย่างไรก็ตามในข้อความที่ต้วนหลิงเทียนทิ้งไว้ ทำให้ต้วนหรูเฟิงพอจะคาดเดาได้ว่า เฉวี่ยไน่ ที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวถึงสมควรเป็นคุณหนูของคฤหาสน์คลื่นขจีของสกุลหาน
นอกจากนี้มันยังรับทราบมาจากกู่มี่อีกด้วย ว่าก่อนหน้านี้คนของคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานก็ได้ระดมกำลังคนออกไปตามหาบางสิ่งในทะเล
จากการปะติดปะต่อเรื่องราว ทำให้ต้วนหรูเฟิงอนุมานได้ว่า คฤหาสน์คลื่นขจีกำลังออกตามหาตัวต้วนหลิงเทียนนั่นเอง
ในบันทึกต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกไว้ว่าได้ออกเดินทางจากเกาะป้านเยว่ไปพร้อมหานเฉวี่ยไน่ ทว่าระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันทำให้ต้องคลาดกัน
นอกจากนี้จากที่กู่มี่กล่าวบอก ตอนที่คนของคฤหาสน์คลื่นขจีออกมาตามหาบางสิ่ง คุณหนูของคฤหาสน์คลื่นขจีก็ออกมาพร้อมผู้ฝึกสัตว์อัจฉริยะคนหนึ่งด้วย
คุณหนูนางนั้น 9 ใน 10 ส่วนต้วนหรูเฟิงมั่นใจว่าสมควรเป็นหานเฉวี่ยไน่แน่ๆ
เช่นนั้นแล้ว ต้วนหรูเฟิงจึงมั่นใจกว่า 9 ส่วนว่าตอนนี้ลูกสะใภ้นาม ‘ลี่เฟย’ ไปหลบภัยที่ตระกูลหาน
เช่นนั้นมันจึงคิดไปเยือนคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานเพื่อรับตัวลูกสะใภ้กลับบ้าน
‘ข้าได้ยินหรัวเอ๋อกล่าวถึงลูกสะใภ้คนนี้บ่อยครั้ง ทั้งยังชมนางไม่ขาดปาก…คราวนี้ข้าจะได้เห็นนางแล้ว’
ใจต้วนหรูเฟิงเต็มไปด้วยความคาดหวังนัก ว่าอีกไม่นานในที่สุดมันก็จะได้เจอหน้าลูกสะใภ้เสียที
ในขณะที่ต้วนหรูเฟิงพากู่มี่ไปยังคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ยังนั่งบ่มเพาะพลังอยู่ในห้องพักโดยไม่ได้รับทราบเรื่องราวแม้แต่น้อย
ตอนนี้เขาอยู่ในสถานที่อันไม่คุ้นเคย อันเป็นเรือนรับแขกของนิกายอัคคีล่องลอย อีกทั้งผู้อาวุโสของนิกายก็จะมาพบเขาในวันพรุ่งนี้ จึงไม่ได้เข้าไปบ่มเพาะพลังในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติแต่อย่างใด
เวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน ฟ้าก็เริ่มหม่นแสงลงไปทุกขณะ
ยามเย็นที่นิกายอัคคีล่องลอย เมื่อตะวันเจียนลับขุนเขา แสงสุดท้ายก็ย้อมชโลมแผ่นฟ้าให้กลายเป็นแดงฉานปานโลหิต ให้บรรยากาศวังเวงชอบกล
“คุณชายใหญ่ตระกูลซือถู สหายเก่ามาเยือนถึงที่ทั้งที เจ้ามิคิดจะออกมาต้อนรับกันหน่อยหรือ!?”
ทันใดนั้นเสียงแหบๆปานเป็ดหนึ่งพลันดังขึ้นก้องเรือนรับแขก ยังแฝงเร้นไปด้วยปราณแท้ทำให้ต้วนหลิงเทียนได้ยินชัดเจน แน่นอนว่าต้องรบกวนการบ่มเพาะของเขา!
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
เพียงแค่ฟังจากเสียงดังกล่าว เขาก็รู้ว่าผู้มาไม่ได้มีเจตนาดีแน่
“ตัวบัดซบไหนอีก?”
จากที่ฟังก็ทราบว่า อีกฝ่ายสมควรมาหาซือถูหัง ต้วนหลิงเทียนพลันลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องทันที
พอดีกันกับได้เห็นซือถูหังกำลังออกจากห้องมาด้วยสีหน้ามืดมน
“ท่านปรมาจารย์ต้วน”
พอได้เห็นต้วนหลิงเทียน เดิมซือถูหังที่มีสีหน้ามืดมนก็กลายเป็นแจ่มใสออกมาทันใด เร่งกล่าวทักทายออกมา
“ข้างนอกเหมือนจะมีคนมาหาท่านนะ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“ใช่ มันเป็นนายน้อยของขุมพลังชั้น 7 ที่เป็นคู่แข่งทางการค้ากับตระกูลซือถู ข้าเองก็ไม่ชอบขี้หน้ามันนัก…ข้าต้องขออภัยท่านปรมาจารย์ต้วนด้วยที่มันรบกวนท่าน ข้าจะออกไปจัดการเรื่องราวเดี๋ยวนี้ ข้าสัญญาว่าจะไม่ให้มันรบกวนท่านอีก”
วาจาซือถูหังขณะกล่าวท้ายประโยคยังทอประกายเย็นชาออกมา
หากมีแต่มันที่โดนรบกวน มันคงไม่โมโหขนาดนี้
เพราะอีกฝ่ายเขม่นกับมันมานานแล้ว จึงนับว่าเป็นเรื่องปกติ
ทว่าด้วยมีต้วนหลิงเทียนอยู่ด้วย จึงทำให้มันรู้สึกผิดไม่น้อย! เพราะการมาถึงของอีกฝ่ายย่อมเป็นการทำลายความสงบของต้วนหลิงเทียน!!
ในสายตาของมันต้วนหลิงเทียนเป็นดั่งผู้อาวุโสที่น่านับถือ อีกทั้งยังเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู
การที่อีกฝ่ายมารบกวนความสงบของต้วนหลิงเทียนเช่นนี้ จึงไม่ต่างอะไรกับการตบหน้ามันฉาดใหญ่!
“ข้าจะไปเจอมันพร้อมเจ้า”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยออกอีกครั้ง
“ได้”
ซือถูหังย่อมไม่คิดปฏิเสธต้วนหลิงเทียน จึงเดินนำต้วนหลิงเทียนออกไปจากเรือนรับแขกทันที
ด้านนอกเรือนรับแขกของนิกายอัคคีล่องลอย ปรากฏร่างชาย 2 คนกำลังลอยตัวค้างอยู่กลางหาว เป็นชายหนุ่มมาพร้อชายชราที่มีเส้นผมและขนคิ้วเป็นสีขาวโพลน และดูน่าประทับใจไม่เบา
อย่างไรก็ตามต่างจากชายชราโดยสิ้นเชิง ชายหนุ่มนั่นเพียงได้มองต้วนหลิงเทียนก็ต้องขมวดคิ้วทันที
เพราะมองแค่ปราดเดียวต้วนหลิงเทียนก็บอกได้ว่าอีกฝ่ายสมควรเป็นนายน้อยจากตระกูลร่ำรวย ท่าทีหยิ่งผยองถือดีคล้ายไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา เรียกว่าคงใช้ชีวิตสุนัขไปวันๆ
ต้วนหลิงเทียนมักรำคาญคนแบบนี้
“ฟ่งเหิน ระหว่างเจ้ากับข้ามีเรื่องราวกันมามิใช่แค่วัน 2 วัน…หากมีแต่ข้าคนเดียวเจ้าจะใช้ปากสุนัขของเจ้าเห่าให้ดังเพียงใดก็ได้ แต่วันนี้เจ้ากลับกล้ารบกวนปรมาจารย์ต้วน!”
ซือถูหังมองไปยังชายหนุ่มที่แลดูถือดีด้วยสายตาดุร้าย กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ยังไม่รีบมาขอขมาปรมาจารย์ต้วนอีก”
“ปรมาจารย์ต้วน?”
เผชิญหน้ากับท่าทีเอาเรื่องของซือถูหัง ชายหนุ่มนามฟ่งเหินในชุดหรูหราพลันหัวเราะออกมา ก่อนที่จะหันมาให้ความสนใจต้วนหลิงเทียน “ปรมาจารย์ต้วน? ไอ้หนูนี่น่ะเหรอ? ซือถูหังนี่เจ้าล่อข้าเล่นรึไง? แลดูอย่างไรมันก็เด็กน้อยขนอุยชัดๆ แต่เจ้ากลับให้ความเคารพเสียยิ่งกว่าบิดา ใช่เจ้าคิดรับไอ้หนูนี่เป็นบิดาเลยหรือไม่เล่า?”
“ข้าล่ะมิอยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าคุณชายใหญ่ตระกูลซือถูกลับมีงานอดิเรกพิลึกพิลั่นเช่นนี้…ฮ่าๆๆๆ!!”
ฟ่งเหินกล่าวจบก็หัวเราะเยาะออกมาดังลั่น
ต้องกล่าวเลยว่าวาจาของมันนั้นหาเรื่องผู้คนไม่น้อย
“ฟ่งเหิน เจ้าเบื่อชีวิตสุนัขของเจ้ามากนักเหรอ!?”
ได้ยินวาจาเย้ยเยาะของฟ่งเหินซือถูหังก็ไม่อาจทานทนไหวสืบไป พลันตะโกนออกไปด้วยโทสะ ร่างยังเริ่มสั่นไปด้วยความโกรธทั่วกายปะทุออกมาด้วยปราณแท้!
เผชิญหน้ากับซือถูหังที่มีโทสะ ในแววตาฟ่งเหินก็เผยความได้ใจ คล้ายรู้สึกชนะที่ยั่วยุผู้คนสำเร็จ
ทว่าทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนพลันขยับกายมาขวางซือถูหังเอาไว้ไม่ให้ลงมือ
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนมาขวางซือถูหังเอาไว้ ฟ่งเหินก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ค่อยกล่าวเย้ยหยันออกมาอีกรอบ “จึกๆๆ..ซือถูหัง ใช่เจ้าคิดซ่อนตัวอยู่หลังบิดาของเจ้าไปชั่วชีวิตเลยหรือไม่?”
เมื่อถูกต้วนหลิงเทียนขวางเอาไว้ ซือถูหังพลันสงบใจได้เล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามยังอดมีโทสะกับวาจาของฟ่งเหินไม่ได้
“คำก็บิดาสองคำก็บิดา…ดูท่าทางแล้วเจ้าจะขาดบิดาใช่หรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนมองฟ่งเหินค่อยกล่าวเย้ยออกไปเสียงเรียบ
“เจ้าสิขาด…”
ทันใดนั้นสีหน้าฟ่งเหินพลันมืดลงทันที มันคิดโพล่งออกมาว่าขาด ‘บิดา’ ทว่ามันยังกล่าววาจาไม่ทันจบคำ ซือถูหังที่อยู่ดีๆก็ชักสีหน้าตื่นเต้นคล้ายได้ยินอะไรดีๆมาแต่แรก ก็เร่งกล่าวตะโกนถามออกมา “ลูกพ่อไหนเรียก บิดา สักคำสิลูก”
“บิดา!”
นับว่าคำ บิดาของฟ่งเหินกลับดังต่อจากคำที่ซือถูหังเร่งถามออกมาพอดิบพอดี
“ลูกรัก เจ้าช่างเชื่อฟังบิดายิ่ง…”
ซือถูหังพลันแย้มยิ้มออกมาหน้าระรื่น
เมื่อเห็นว่าใบหน้าของฟ่งเหินพลันเริ่มขึ้นสีแดงด้วยความอับอาย ซือถูหังพลันกล่าวสืบต่อออกมา “ฟ่งเหิน…ลูกพ่อ ทำไมเจ้ายังไม่รีบมาขอขมาท่านปรมาจารย์ต้วนอีก?”
ตอนนี้ซือถูหังนับว่าหัวเราะร่าออกมาอย่างสะใจนัก
ไฉนมันไม่ทราบมาก่อนว่าท่านปรมาจารย์ต้วนกลับมีด้านนี้ด้วย?
เพราะวาจากล่าวชี้แนะของต้วนหลิงเทียนก่อนหน้านี้ ทำให้มันเร่งกล่าวคำออกไปได้พอดิบพอดี
ฟ่งเหินเองก็ไม่อาจระงับวาจาได้ทัน
“ซือถูหัง เจ้ามันรนหาที่ตาย!”
เมื่อถูกทำให้อับอายขายหน้าอย่างที่ไม่เคยโดนมาก่อน ฟ่งเหินพลันปะทุพลังออกมา บรรยากาศในรัศมี 100 หมี่โดยยึดมันเป็นจุดศูนย์กลาง เริ่มเต็มไปด้วยกลิ่นอายพลังของมัน!
ตอนที่ 1,587 : ผู้เฒ่าพยากรณ์!
“สู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่!”
หน้าซือถูหังเปลี่นสีทันที เมื่อเห็นถึงไอพลังที่ครอบคลุมไปทั่วพื้นที่รัศมี 100 หมี่
ถึงแม้ว่ามันพึ่งจะอยู่ในขอบเขตสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ แต่มันก็ตระหนักดีว่านี่คือพลังของปราณแท้ก่อเขตแดน!
ปราณแท้ก่อเขตแดน เป็นกลพลังที่จะใช้ออกได้ก็ต่อเมื่อบรรลุสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่!
มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าคู่ปรับเก่าของมันจะทะลวงถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่แล้ว!
พอนึกถึงฉากก่อนหน้าซือถูหังก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งเหงื่อเย็น! ที่แท้ฟ่งเหินจงใจกล่าวยั่วยุให้มันลงมือ เพื่อที่จะได้ตอบโต้กลับมาด้วยพลังของสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่!!
ในกาลก่อนตอนที่ฟ่งเหินยังอยู่ในขอบเขตสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบ อีกฝ่ายก็นับว่ามีพลังฝีมือพอกันกับมัน!
ทว่าตอนนี้ฟ่งเหินกลับทะลวงไปถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่แล้ว พอมันถามตัวเองก็รู้คำตอบดีว่าไม่ใช่คู่มืออีกฝ่าย!
ยิ่งพอได้นึกถึงเรื่องราวก่อนหน้า มันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งใจนัก หากไม่ได้ปรมาจารย์ต้วนขวางไว้ล่ะก็ เกรงว่ามันคงได้อับอายขายหน้าไปแล้ว!
“ซือถูหัง เป็นเจ้ารนหาที่ตายเอง!”
ฟ่งเหินตะโกนออกมาด้วยโทสะ มันไม่อาจอดทนต่อซือถูหังได้อีกต่อไป ความอัปยศที่ได้รับจากซือถูหังทำให้มันลืมความตั้งใจแรกเริ่มไปหมดสิ้น
พอได้เห็นว่าฟ่งเหินบรรลุสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่แล้ว แถมเตรียมพร้อมลงมือจู่โจมซือถูหัง ซือถูโฮ่วก็ชักสีหน้าเคร่งขรึม หว่างคิ้วยู่ย่นทันที
ทว่าในขณะที่มันจะลงมือขัดขวางไม่ให้ฟ่งเหินทำร้ายซือถูหังนั้นเอง มันก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังจากชายชราที่ติดตามฟ่งเหินแผ่พุ่งออกมาสะกดมันเอาไว้
“ซือถูโฮ่ว ปัญหาของรุ่นเยาว์ ก็ให้รุ่นเยาว์สะสางกันเอง”
ชายชราคิ้วขาวกล่าวออกเสียงเบา
“เหอะ!”
ถึงแม้ว่าซือถูโฮ่วจะไม่ได้กลัวชายชราคิ้วขาว แต่มันก็ไม่อาจลงมือได้ เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายเพ่งเล็งมันแล้ว
อย่างไรก็ตามมันไม่กังวลแม้แต่น้อย
มันเชื่อว่าต้วนหลิงเทียนจะไม่นิ่งดูดาย
อย่างที่ซือถูโฮ่วคิดไว้ไม่มีผิด ตอนที่เขตแดนของฟ่งเหินกำลังจะปลดปล่อยพลังสะกดซือถูหัง ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ลงมือออกมา!
ไม่มีผู้ใดเห็นว่าต้วนหลิงเทียนลงมืออย่างไร ทว่าพื้นที่ในรัศมี 100 หมี่พลันสะเทือนสะท้านขึ้นมาอีกครั้ง กลิ่นอายพลังคมกล้าขุมหนึ่งปะทุออก ก่อนที่จะควบรวมเป็นกระบี่นับหมื่นเล่ม!
กระบี่นับหมื่นเหินลอยฉวัดเฉวียนกลางหาว ยามเคลื่อนไหวยังคล้ายจะทะลวงผ่าได้ทุกสิ่ง!
เขตแดนหมื่นกระบี่!
กระบี่พลังมีสภาพนับหมื่นเล่มที่ผุดโผล่ออกมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเกิดจากการที่ต้วนหลิงเทียนเปิดใช้เขตแดน และพริบตาที่มันปรากฏออกมา มันก็ทำลายเขตแดนของฟ่งเหินให้แหลกพินาศได้ทันที!
แน่นอนว่าที่เขตแดนฟ่งเหินถูกทำลายได้ง่ายดายแบบนี้ เพราะอีกฝ่ายพึ่งบรรลุสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ได้ไม่นาน จึงยังไม่อาจใช้เขตแดนได้อย่างเชี่ยวชาญ
“หยุดมือ!”
ชายชราคิ้วขาวขมวดคิ้วเป็นปม มันไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะลงมือเคลื่อนไหว ทั้งๆที่มันก็กล่าวบอกไปแล้วว่าเรื่องของรุ่นเยาว์สมควรให้รุ่นเยาว์สะสางกันเอง
ถึงแม้มันจะเห็นว่าต้วนหลิงเทียนยังเยาว์วัย แต่อีกฝ่ายก็เป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู ยังถูกเรียกขานว่าปรมาจารย์ต้วน นั่นหมายความว่าอายุที่แท้จริงของอีกฝ่ายสมควรพอๆกับมัน!
เช่นนั้นแล้วมันคิดว่าในฐานะผู้อาวุโส ย่อมไม่สมควรลงมือสอดเรื่องของรุ่นเยาว์
อย่างไรก็ตามมันไม่คิดจริงๆ ว่าอีกฝ่ายจะลงมือทำลายเขตแดนของฟ่งเหินอย่างไร้ปราณีถึงเพียงนี้!
ถึงแม้ว่าเขตแดนของต้วนหลิงเทียนจะทำให้มันตกตะลึง เพราะตั้งแต่เกิดมา มันก็ไม่เคยเห็นเขตแดนหมื่นกระบี่มาก่อน
แถมกระบี่ที่ผุดโผล่ออกมาแต่ละเล่มก็มีกลิ่นอายพลังคมกล้าร้ายกาจนัก!
แต่อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็ทำให้มันมีโมโหถึงที่สุด เพราะการสอดมืออย่างหน้าไม่อายของต้วนหลิงเทียน!
ทว่าในขณะที่ชายชราคิ้วขาวเตรียมลงมือนั้นเอง คราวนี้มันกลับถูกซือถูโฮ่วแผ่พลังมาสะกดแทน! ทั้งถูกกล่าวเสียดสีออกมา “เฒ่าหยิน ไม่ใช่เจ้ากล่าวเองหรือว่าเรื่องของรุ่นเยาว์ก็ต้องให้รุ่นเยาว์สะสางกันเอง?”
กล่าวจบ ซือถูโฮ่วก็หัวเราะออกมาดังลั่น ในใจรู้สึกลิงโลดนัก! เพราะนี่เสมือนอีกฝ่ายขุดหลุมฝังศพตัวเองแท้ๆ!!
“ซือถูโฮ่ว หรือเจ้ายังมีหน้ากล้ามาบอกข้าว่ามันเป็น รุ่นเยาว์ งั้นเหรอ!? มันเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูของพวกเจ้า ทั้งด่านพลังฝึกปรือของมันสมควรบรรลุครึ่งก้าวเซียนแล้ว ข้ามั่นใจว่าอายุของมันคงมิน้อยไปกว่าผู้นำตระกูลซือถูกระมัง?”
ชายชราคิ้วขาวกล่าวเสียดสี
“เช่นนั้นเจ้าก็คิดผิดแล้วหยินไป๋…ถึงแม้ท่านปรมาจารย์ต้วนจะเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูเรา แต่ท่านยังเยาว์ยิ่งกว่าเสี่ยวหังเสียอีก”
ซือถูโฮ่วกล่าวออกด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน
ยังเยาว์กว่าเสี่ยวหัง?
ซือถูหังไม่ใช่ว่าเป็นรุ่นเยาว์ที่อายุน้อยที่สุดในตระกูลซือถูแล้วหรอกเหรอ?
“อะไร!? ยังเยาว์กว่าซือถูหัง?”
แน่นอนว่าชายชราคิ้วขาวย่อมรู้ว่าเสี่ยวหังที่ซือถูโฮ่วกล่าวเป็นใคร แต่มันไม่อาจทำใจเชื่อได้จริงๆ ว่าแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูจะยังเยาว์กว่า!
เพื่อให้รู้ชัดชายชราคิ้วขาวพลันใช้ออกด้วยทักษะวิญญาณลี้ลับ แผ่พุ่งพลังวิญญาณไปตรวจสอบอายุของต้วนหลิงเทียนทันที
ไม่นานจากการตรวจสอบมันก็พบว่า อีกฝ่ายยังมีอายุแค่ 36 ปี!
36 ปี!
พอได้รับทราบอายุของต้วนหลิงเทียนจากการตรวจสอบ ชายชราคิ้วขาวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกยากยอมรับ
36 ปีบรรลุครึ่งก้าวเซียน?
ศักยภาพพรสวรรค์เช่นนี้แม้จะไม่อาจเทียบได้กับ แม่นางเฟิ่ง แห่งนิกายอัคคีล่องลอย แต่ก็ไม่ได้ด้อยกว่ากันมากนัก
อย่างไรก็ตามพอมันจำได้ว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นแขกกิตติมศักดิ์ ทั้งซือถูหังยังเรียกหาว่าปรมาจารย์ต้วนด้วยความเคารพ มันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเหลวไหลอยู่บ้าง! คุณชายใหญ่ตระกูลซือถูกลับเรียกหาชายหนุ่มวัย 36 ปีว่าปรมาจารย์ด้วยเคารพ เรื่องนี้แพร่ออกไป ไม่ใช่ว่าเป็นที่น่าขบขันหรือไร!?
“หืม?”
ในตอนแรกที่ต้วนหลิงเทียนทำลายเขตแดนของฟ่งเหิน เขาก็ไม่คิดจะลงมือทำร้ายอะไรมัน เพราะอย่างน้อยๆอีกฝ่ายก็มีขุมพลังชั้น 7 อยู่เบื้องหลัง…
อีกทั้งสุดท้ายแล้วขุมพลังของมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลซือถู…
ถึงแม้พลังฝีมือของเขาตอนนี้จะไม่เลว แต่ก็ไม่คิดว่าจะสามารถรบซึ่งๆหน้ากับขุมพลังชั้น 7 ได้ด้วยตัวคนเดียว เช่นนั้นจึงเบามือไว้…ไม่ได้ทำร้ายอะไรอีกฝ่าย
อย่างไรก็ตามเมื่อตระหนักได้ถึงพลังวิญญาณของชายชราที่แผ่พุ่งออกมาตรวจสอบเขาอย่างโจ่งแจ้ง ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีโมโห เช่นนั้นจึงเลือกที่จะตบฟาดออกไป 1 ฝ่ามือ!
พลังฝ่ามือไร้สภาพแหวกฟ้าไปฉับไวสุดที่ฟ่งเหินจะตั้งตัวได้ทัน มันจึงรับประทานเข้าไปเต็มคำ!
แน่นอนว่าฟ่งเหินที่ถูกฝ่ามือดังกล่าวซัด ก็จำต้องร่ำร้องออกมาเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด! คนยังปลิดปลิวกระเด็นไปไม่เป็นท่า!
แต่พิกลนักไม่นานมันก็ไม่ส่งเสียงร้องอะไรอีก…น่ากลัวจะสิ้นสติไปแล้ว!
“นายน้อย”
เมื่อเห็นฟ่งเหินถูกซัดปลิว จนลมหายใจรวยรินทั้งยังสิ้นสติกลางอากาศจนร่างร่วงตกลงมา! ชายชราคิ้วขาวก็เร่งพุ่งร่างไปรับตัวฟ่งเหินไว้ก่อนที่จะร่วงตกฟ้าไปตาย!!
และเมื่อตรวจสอบอาการ มันก็พบว่ากระดูกทั่วร่างของฟ่งเหินยามนี้แหลกไปทั่วกาย! หน้าชายชราคิ้วขาวก็มืดดำลงทันใด แววตาเผยอำมหิตเย็นเยียบจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนเขม็ง “บัดซบ! เจ้าจักทำเกินไปแล้ว…ต่อให้เจ้าจะเป็นแขกกิตติมศักดิ์ นิกายคงเฉินเราก็ไม่มีวันปล่อยเจ้าไป!!”
“นิกายคงเฉิน? ข้าล่ะอยากรู้นักว่านิกายคงเฉินจักทำอันใด! หากพวกเจ้าคิดจะทำอะไรท่านปรมาจารย์ต้วนก็ข้ามศพข้าไปก่อน!”
เมื่อเห็นว่าชายชราคิ้วขาวกล้าข่มขู่ต้วนหลิงเทียน ซือถูหังก็ก้าวออกมาประกาศกร้าว ใบหน้ายังถมึงทึงแววตาดุร้ายเอาเรื่องนัก!
“เหอะ!”
ชายชราคิ้วขาวคิดไม่ถึงอยู่บ้างว่าซือถูหังจะออกหน้าเพื่อต้วนหลิงเทียนขนาดนี้ หน้ามันบิดเบี้ยวทั้งดำลงปานหมึก เร่งพุ่งร่างจากไปเพื่อรักษาอาการให้นายน้อยของมันทันที
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้หวาดกลัวคำขู่ของอีกฝ่าย แต่การที่ซือถูหังออกหน้าปกป้องก็ทำให้เขาซึ้งใจไม่น้อย
“ท่านปรมาจารย์ต้วน ท่านไม่ต้องไปสนใจวาจาของหยินไป๋มันหรอก…หากนิกายคงเฉินของพวกมันคิดทำอะไรท่านจริงก็ให้มันมา แถมพวกมันยังต้องผ่านข้ากับบิดาไปก่อน!”
ซือถูหังที่ประกาศกร้าวออกมาอย่างเกรี้ยวกราดเมื่อครู่ พอหันมาทางต้วนหลิงเทียนก็กล่าวออกด้วยรอยยิ้มทันที
“อ่า”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
“ข้าไม่คิดเลยจริงๆว่าฟ่งเหินจากนิกายคงเฉินนั่นมันจักทะลวงไปถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ก่อนเจ้า เสี่ยวหัง”
ตอนนี้เองซือถูโฮ่วพลันกล่าวออกมาพร้อมถอนหายใจ
“ข้าเองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้พิกลนัก…ปกติฟ่งเหินนั่นอย่างดีมันก็ทำได้แค่ทัดเทียมกับข้า ทว่าตอนนี้ข้ายังห่างจากสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่อีกไกล…ไฉนมันถึงบรรลุไปแล้วได้?”
ซือถูหังกล่าวออกด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“บางทีมันคงพบพานวาสนาอันใด”
ซือถูโฮ่วกล่าว
“เช่นนั้นสุนัขบัดซบนั่นมันก็โชคดีนัก!”
ซือถูหังพ่นลมออกมาอย่างขัดใจ
การปรากฏตัวของชาย 2 คนจากนิกายคงเฉิน นับว่าเป็นเพียงเหตุการณ์เล็กๆสำหรับพวกต้วนหลิงเทียน
อย่างไรก็ตามสำหรับทางนิกายเฉินคงแล้ว นี่นับเป็นความอัปยศขายหน้านัก! เพราะนายน้อยของนิกายคงเฉินกลับถูกผู้คนทุบตีจนตัวร้าว!!
“หากแขกกิตติมิศักดิ์บัดซบของตระกูลซือถูนั่นไม่ตาย ข้าฟ่งเหินขอสาบานว่าข้าจะไม่ขออยู่เป็นผู้คน!”
แม้ว่ากระดูกทั่วร่างยังไม่หายดี แต่หลังรับประทานโอสถรักษาไปฟ่งเหินก็ฟื้นขึ้นมากล่าววาจาได้ ยังดุร้ายเอาเรื่องนักทั้งๆที่ยังขยับร่างกายไม่ได้ก็ตาม…และแน่นอนว่าสภาพนี้ มันคงต้องนอนเป็นผักบนเตียงไปอีกนาน!
นี่นับเป็นครั้งแรกในชีวิตของฟ่งเหินจริงๆ ที่ถูกทุบตีทำร้ายสาหัส ทั้งถูกหยามหยันให้เสียหน้าขนาดนี้!
…
เมื่อย่ำค่ำ ต้วนหรูเฟิงกับกู่มี่ก็เข้าใกล้เขตของคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานเต็มที
ทว่าหลังจากที่กำลังจะถึงคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานนั้น อยู่ดีๆ ร่างต้วนหรูเฟิงก็หยุดค้างกลางอากาศ ใบหน้ายังเผยความประหลาดใจออกมา
กู่มี่ที่หยุดร่างลงพอเห็นสีหน้าตื่นๆของต้วนหรูเฟิงมันก็แปลกใจไม่น้อย ยังไม่เข้าใจว่าในแผ่นดินนี้ยังมีอะไรที่ทำให้จ้าวตำหนักของมันเสียอาการได้ขนาดนี้…
อย่างไรก็ตามแม้จะสงสัยแต่กู่มี่ก็ไม่กล้ากล่าวถามหรือรบกวนอะไรต้วนหรูเฟิง
หลังจากตะลึงไปพักหนึ่ง ต้วนหรูเฟิงพลันหันไปมองกล่าวกับกู่มี่ “อาวุโสกู่ช่วยไปพาลูกสะใภ้ข้าออกมาจากคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานที และหากเป็นไปได้ขอให้หลีกเลี่ยงการพบปะกับคนของสกุลหานด้วย”
แม้จะไม่เข้าใจว่าไฉนต้วนหรูเฟิงสั่งให้ทำแบบนี้ แต่กู่มี่ก็รับคำอย่างเชื่อฟังปานประกาศิตขององค์จักรพรรดิ!
“ทราบแล้วท่านจ้าวตำหนัก”
หลังจากขานรับ กู่มี่ก็มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานเพียงลำพัง
หลังจากที่กู่มี่จากไปไม่ทันไร พลันมีร่างหนึ่งผุดโผล่ออกมาจากความว่างเปล่าตรงหน้าต้วนหรูเฟิง!
เป็นชายชราในชุดมอซอแลไปคล้ายขอทานเฒ่าอย่างไรชอบกล ผมสีขาวที่คล้ายไม่ได้ดูแลมานาน ถูกปล่อยยาวรุงรังอีกทั้งหนวดเคราก็ขึ้นหรอมแหรมเป็นตอ เรียกว่าไม่มีที่ใดในตัวแลดูดีแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามเมื่อต้องเผชิญหน้ากับ ‘ขอทานเฒ่า’ ดังกล่าว ต้วนหรูเฟิงกลับเต็มไปด้วยความเคารพ ไม่กล้าละเลยทีท่าแม้แต่น้อย “ต้วนหรูเฟิง ขอคารวะผู้เฒ่าพยากรณ์!”
ตอนที่ 1,588 : วิกฤตของลี่เฟย
อาวุโสผู้เฒ่าพยากรณ์!
จากที่ต้วนหรูเฟิงกล่าว อาวุโสผู้เฒ่าพยากรณ์ที่ว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากผู้เฒ่าพยากรณ์ที่มีพลังอำนาจหยั่งรู้ฟ้าดิน!
บางทีแม้แต่ผู้ฝึกตนในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าส่วนใหญ่ ก็ทำได้แค่รับทราบนามและพลังสามารถของผู้เฒ่าพยากรณ์มาจากคำบอกเล่าเท่านั้น น้อยคนนักที่จะเคยได้พบพานกับผู้เฒ่าพยากรณ์ตัวเป็นๆ เช่นนั้นแล้วด้วยภาพลักษณ์ชายชราที่มาในชุดมอซอปานขอทานเฒ่า คงยากที่พวกมันจะเชื่อมโยงกับผู้เฒ่าพยากรณ์อันสูงส่งในจินตนาการได้!
เกรงว่าต่อให้ผู้เฒ่าพยากรณ์ปรากฏตัวออกมาต่อหน้าและบอกว่า ‘ข้าคือผู้เฒ่าพยากรณ์’ ก็อาจจะไม่มีผู้ใดเชื่อ!
อย่างไรก็ตามชายชราในชุดมอซอปานขอทานนี้ เป็นคนเดียวกับที่ต้วนหรูเฟิงพบเจอมาแล้ว 2 ครั้ง! ย่อมเป็นผู้เฒ่าพยากรณ์ตัวจริง!!
“เจ้าคงกำลังแปลกใจที่ไฉนข้ารั้งเจ้าไว้มิให้เข้าไปยังคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน แล้วรับตัวลูกสะใภ้ของเจ้าออกมาเองใช่หรือไม่?”
มองไปที่ต้วนหรูเฟิงที่คล้ายยังคงสับสน เฒ่าพยากรณ์พลันกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
ตอนแรกต้วนหรูเฟิงก็คิดเข้าไปคฤหาสน์คลื่นขจี และรับตัวลูกสะใภ้อย่างลี่เฟิงออกมาด้วยตัวเองจริงๆ
ทว่าด้วยเสียงที่ส่งมาของผู้เฒ่าพยากรณ์เมื่อครู่ จึงทำให้มันหยุดลงทันที
เป็นสาเหตุให้กู่มี่สงสัยว่าทำไมต้วนหรูเฟิงถึงไม่เข้าไปด้วย…
สุดท้ายนี่กลับเป็นความตั้งใจของผู้เฒ่าพยากรณ์ ไม่ใช่ของต้วนหรูเฟิง
“หากท่านอาวุโสให้ข้ากระทำเช่นนี้ ย่อมหมายความว่าท่านผู้อาวุโสมีเหตุผลบางประการ”
ต้วนหรูเฟิงกล่าว
“อืม ที่จริงแล้วเจตนาของข้าก็ล้วนเป็นเรื่องเดียวกันกับที่ข้ามิให้เจ้าพาลูกชายเจ้าออกจากทวีปเมฆาล่องมาด้วย…ตอนนี้เจ้าคงคิดเผยตัวบอกสหายของลูกเจ้าทั้งรับคู่หมั้นของเขากลับไป กระทั่งยังคิดตามหาลูกชายเจ้า เพื่อพากลับไปบ่มเพาะที่ตำหนักเมฆาครามแล้วใช่หรือไม่? แต่ข้าขอบอกไว้…ว่าอย่าได้ทำเช่นนั้นเด็ดขาด เพราะนั่นมิเหมาะสม! เป็นการดีที่สุดที่เจ้าจะปล่อยให้เขาเติบโตได้เอง เช่นนั้นแล้วความสำเร็จของเขาจักมิได้หยุดอยู่แค่ภูมิภาคเบื้องล่าง!”
เฒ่าพยากรณ์กล่าวออกด้วยรอยยิ้ม
“ความสำเร็จ…มิได้หยุดแค่ภูมิภาคเบื้องล่าง?”
ต้วนหรูเฟิงตื่นตระหนกไปไม่น้อย มันย่อมรู้ความหมายในวาจาของผู้เฒ่พยากรณ์ดี แน่นอนว่านั่นหมายความว่าหากปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนเดินตามหนทางของตัวเอง ขีดจำกัดของความสำเร็จย่อมไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่ภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้!
“กล่าวไปลูกชายเจ้ากับข้ามีสัมพันธ์อันชิดใกล้กันนัก…ข้าจึงมิอยากเห็นเขาเดินไปในทางที่ผิด…เจ้าเพียงเข้าใจเถอะว่าการปล่อยให้เขาเดินตามทางนั้นประเสริฐกว่าไปอยู่ที่ตำหนักเมฆาคราม ถึงแม้ตำหนักเมฆาครามจักเป็นบ้านของเขาก็ตาม…แต่แน่นอนว่าข้ามิได้ห้ามมิให้เขากลับบ้านและพบกับครอบครัวที่ตำหนักเมฆาคราม ข้าเพียงหวังว่าเจ้าจักปล่อยให้มันเป็นไปตามทางของมัน ให้เขาเป็นฝ่ายเจอพวกเจ้าเอง…ที่ได้พบสักวันย่อมได้พบ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
ชายชรากล่าวออกมาอีกครั้ง
“อา”
ต้วนหรูเฟิงพยักหน้ารับอย่างอื้ออึง มันตกใจไม่น้อยด้วยไม่คิดเลยว่าพรสวรรค์ของบุตรชายตัวเองจะยอดเยี่ยมถึงขั้นผู้เฒ่าพยากรณ์ยังพยายามถึงขนาดนี้
“ท่านผู้อาวุโส ที่ท่านกล่าวว่าท่านกับบุตรข้ากล่าวไปมีสัมพันธ์ชิดใกล้ มิทราบข้าขอถามท่านได้หรือไม่ว่ามันหมายความว่าอะไร?”
ต้วนหรูเฟิงกล่าวถาม
“เขาคือหมอกพิรุณ ข้าคือความลับสวรรค์”
เผชิญคำถามของต้วนหรูเฟิง ผู้เฒ่าพยากรณ์เพียงตอบออกมาสั้นๆเพียง 8 คำเท่านั้น
และเมื่อเสียงชายชราดังจบคำร่างคนก็อันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตาต้วนหรูเฟิง ราวกับไม่เคยปรากฏมาก่อน
“เขาคือหมอกพิรุณ ข้าคือความลับสวรรค์? แล้วนี่มันหมายความว่าอะไรกัน?”
ต้วนหรูเฟิงคุ้นเคยกับผู้เฒ่าพยากรณ์มาบ้างแล้ว จึงไม่ได้ตกใจอะไรมากมาย
“ดูเหมือนว่าวาสนาของเทียนเอ๋อจักยิ่งใหญ่เหนือข้าในอดีตนัก…กระทั่งท่านผู้เฒ่าพยากรณ์ที่ยากพบพาน ยังเป็นฝ่ายมาหาข้าเองเพื่อเขาเช่นนี้”
ต้วนหรูเฟิงถอนหายใจ
ถึงแม้ตอนแรกมันจะคิดว่าโชคดีได้พบพานกับผู้เฒ่าพยากรณ์ แต่ไปๆมาๆ กลับเข้าใจแล้วว่าที่แท้ผู้เฒ่าพยากรณ์มาพบตัวมันเพื่อบุตรชายนี่เอง หาไม่แล้วเกรงว่ามันคงไม่มีวาสนาได้พบผู้เฒ่าพยากรณ์แต่แรก
นอกจากนี้แม้จะพบพานกับผู้เฒ่าพยากรณ์ หากอีกฝ่ายไม่เต็มใจ ก็อย่าได้หวังว่าจะได้รับคำทำนายอะไร
ยิ่งมาต้วนหรูเฟิงยิ่งมั่นใจหนักข้อ ว่าทั้งหมดที่ผ่านมาผู้เฒ่าพยากรณ์มีจุดประสงค์เพื่อลูกชายของมันเท่านั้น
ถึงแม้มันจะไม่ทราบว่าลูกชายของมันเกี่ยวข้องกับผู้เฒ่าพยากรณ์อย่างไรก็ตาม
หากต้วนหลิงเทียนมาได้ยินวาจาเมื่อครู่ของผู้เฒ่าพยากรณ์ เกรงว่าคงมีตกอกตกใจกันบ้าง
นั่นเพราะตอนที่เขาได้รับสืบทอด ยอดใจกระบี่ เซียนกระบี่ฟงชิงหยางก็ได้กล่าวบอกไว้ ว่าเขาคือผู้สืบทอดเพียงหนึ่งเดียวของหมอกพิรุณ
และเซียนกระบี่ฟงชิงหยาง ก็คือหมอกพิรุณ เช่นกัน!
แน่นอนว่าเซียนกระบี่ฟงชิงหยางคือหมอกพิรุณรุ่นก่อน
กล่าวไปตอนนี้ในใจต้วนหลิงเทียนก็ได้ยึดถือเซียนกระบี่ฟงชิงหยางเป็นอาจารย์ไปแล้ว ถึงแม้จะไม่เคยพบหน้าค่าตาอีกฝ่ายมาก่อนก็ตาม
ต้องทราบด้วยว่าก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นซื่อหม่าฉางฟงจากทวีปเมฆาล่อง หรือฟางฮุ่ยจากจวนเจ้าเมืองชงซัน ต้วนหลิงเทียนเพียงยอมรับทั้งหมดเป็นครูเท่านั้นไม่ใช่อาจารย์
ครูกับอาจารย์แม้ฟังแล้วไม่ต่างกันเท่าใด หากแต่ความหมายกลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หมอกพิรุณ ความลับสวรรค์
หากใครรู้จัก 7 ทวาราเที่ยงแท้ ที่เคยโด่งดังในกาลก่อน 2 นามนี้คงทำให้พวกมันสะท้านสะเทือนอยู่บ้าง!
ทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 หมอกพิรุณ
ทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 2 ความลับสวรรค์
(เหมือนตอนแรกจะแปลว่าพยากรณ์ไปมั้ง เอาเป็นความลับสวรรค์แทนนะ)
กล่าวได้ว่าหมอกพิรุณและความลับสวรรค์ ก็คือทวาราเที่ยงแท้ 2 ลำดับแรก ของ 7 ทวาราเที่ยงแท้
หากทายาทหมอกพิรุณคือตัวแทนแห่งความแข็งแกร่งในการต่อู้ เช่นนั้นทายาทความลับสวรรค์ก็คือตัวแทนแห่งภูมิปัญญาของ 7 ทวาราเที่ยงแท้
ด้วยมีหมอกพิรุณ ความลับสวรรค์ และอีก 5 ทวาราเที่ยงแท้ที่เหลือรวมกัน ยังผลให้ 7 ทวาราเที่ยงแท้กลายเป็นขุมพลังที่ยิ่งใหญ่น่าพพรั่นพรึง! ยังยิ่งใหญ่ยิ่งกว่า 3 ลัทธิที่ทรงพลังที่สุดในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเสียอีก!!
แน่นอนว่าในยุคสมัยนั้น ที่ 7 ทวาราเที่ยงแท้ยิ่งใหญ่คับฟ้า ล้วนเป็นเพราะทายาทหมอกพิรุณ
ยามนั้นทายาทของหมอกพิรุณก็คือ เซียนกระบี่ฟงชิงหยาง!
ในยุคสมัยนั้นเซียนกระบี่ฟงชิงหยางเป็นยอดคนอย่างแท้จริง อาจมีคนที่ไม่รู้จัก 7 ทวาราเที่ยงแท้ แต่ไม่มีใครไม่รู้จักเซียนกระบี่ฟงชิงหยาง
ทว่าด้วยความที่ 7 ทวาราเที่ยงแท้ได้เร้นกายหายไปจากประวัติศาสตร์มาเนิ่นนาน ตำหนักเมฆาครามจึงไม่มีบันทึกเรื่องราวของ 7 ทวาราเที่ยงแท้อยู่เลย
ดังนั้นต้วนหรูเฟิงจึงไม่ทราบถึงการดำรงอยู่ของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ เลยไม่รู้ว่าหมอกพิรุณ คือเที่ยงแท้ลำดับ 1 ส่วน ความลับสวรรค์คือเที่ยงแท้ลำดับ 2
หากมันรู้ล่ะก็ มันต้องเข้าใจวาจาของผู้เฒ่าพยากรณ์ไปแล้ว
คฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน
ภายในห้องหับอันมีแสงไฟสว่างไสว บรรยากาศภายในห้องสงบเงียบ ปรากฏร่างสตรีเลอโฉมนางหนึ่งกำลังไกวเปลน้อยเบาๆ แววตาที่อ่อนโยนดั่งสายน้ำจับจ้องมองร่างน้อยๆที่กำลังนอนอยู่ในเปลด้วยใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม
ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อใด ในใจสตรีดังกล่าวปรากฏร่างในชุดสีม่วงขึ้นมา พาลให้สองตาเหม่อลอยด้วยคำนึง
“ตัวเลวร้ายพวกเรามีลูกน้อยแล้ว…ลูกชายของพวกเราคลอดแล้วเจ้ารู้หรือไม่?”
สตรีนางนั้นกล่าวรำพัน
ฟังจากวาจาที่กล่าวรำพันกับตัว สตรีเลอโฉมที่กำลังไกวเปลเบาๆนี้ ที่แท้เป็น 1 ใน 2 คู่หมั้นของต้วนหลิงเทียน ลี่เฟย
“เค่อเอ๋อ…ป่านนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง หากเจ้าปลอดภัยตอนนี้ลูกเจ้าใช่คลอดแล้วหรือไม่?”
เมื่อคิดถึงเค่อเอ๋อขึ้นมา สองตาของลี่เฟยก็เผยความเศร้าอีกครั้ง
นางกับเค่อเอ๋อนั้นสนิทสนมกลมเกลียวยิ่งกว่าพี่น้อง เพราะคราวเคราะห์จำต้องพรัดพราก ไม่มีสักวันที่นางจะไม่หวงกังวลในความปลอดภัยของเค่อเอ๋อ
ถึงแม้ทารกน้อยในเปลหลังเล็กไม่ทราบจะแลคล้ายผู้ใดกันแน่ หากแต่หว่างคิ้วกับดวงตาที่ห้าวหาญนั้น ละม้ายคล้ายต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง
นี่เพราะยังแบเบาะนัก
หากโตขึ้นต้องเหมือนต้วนหลิงเทียนไม่มีผิดเพี้ยน!
ทารกน้อยคนนี้คือลูกชายของต้วนหลิงเทียนที่ลี่เฟยคลอดออกมา
ลี่เฟยมองลูกน้อยในเปล จับจ้องมองหว่างคิ้วดวงตากลมใส
หากให้กล่าวนางก็บอกได้ว่าไม่คล้ายนาง แต่กลับคล้ายต้วนหลิงเทียนมากกว่า
ลี่เฟยไม่ได้รู้ตัวเลย ว่าภัยคุกคามครั้งใหญ่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้นางเต็มที…
“นายน้อยท่านคิดกระทำเรื่องนี้จริงๆหรือ? ถึงแม้คุณหนูใหญ่เฉวี่ยไน่กับ เจ้า 3 ตัวเล็กนั่นจะไม่อยู่ แต่ท่านชิงหนูยังอยู่ที่นี่ ข้ากลัวว่านางจะพบท่านก่อนที่จะทันได้เข้าใกล้ห้องของสตรีนางนั้น…”
ชายหนุ่มคนหนึ่งเผยแววตาลังเล กล่าวกับชายหนุ่มในชุดหรูหราข้างกายด้วยความหวั่นหวาด
ชายหนุ่มในชุดหรูหราคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนมันคือหานจิ้นเหนียน ที่พบพานกับลี่เฟยครั้งมาถึงคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานวันแรก และเป็นหลานชายคนเดียวของอาวุโสสูงสุดตระกูลหาน
“เฮอะ! เจ้าคิดว่าข้าจะโง่งมเหมือนเจ้ารึไร?”
เมื่อหานจิ้นเหนียนได้ยินคำของสุนัขรับใช้ มันก็กล่าวดูถูกออกมาเสียงเย็น “ก่อนที่พวกเราจะมาข้าขอให้ลุงเป่ยเรียกชิงหนูไปที่อื่นแล้ว ในเมื่อชิงหนูมิอยู่ แม่นางผู้นั้นก็เหมือนปลาบนเขียงรอให้ข้าไปแล่สับหรือทำอันใดก็ได้! น่าเสียดายนักที่นางกลับคลอดเสียแล้ว ไม่งั้นตอนนี้ข้าคงได้ลองลิ้มรสชาติของสตรีมีครรภ์สักครา!”
“เหอะ! กล่าวไปแล้วล้วนเป็นความผิดของเฉวี่ยไน่ที่ดูแลนางดีเกินไปจนข้ามิอาจหาโอกาสได้เลย…คราวนี้นางกลับพาเจ้าตัวเล็กบัดซบทั้ง 3 นั่นจากไปเอง นับว่าช่วยข้าได้มาก!”
ขณะที่กล่าว หานจิ้นเหนียนก็พาสุนัขรับใช้มาถึงหน้าห้องลี่เฟยในที่สุด
“เอาล่ะ เจ้าไปเฝ้าอยู่ด้านนอกแล้วคอยดูต้นทางเอาไว้ให้ดี!”
หานจิ้นเหนียนกำชับสุนัขรับใช้ ก่อนที่จะเดินไปหยุดหน้าประตูห้องของลี่เฟย
เมื่อสุนัขรับใช้จากไปดูต้นทางด้านนอก หานจิ้นเหนียนก็แทบรอเปิดประตูห้องของลี่ไหวไม่ไหว!
แม้ประตูห้องของลี่เฟยจะลงกลอนทั้งลั่นดาลไว้แน่นหนา แต่ด้วยพลังของหานจิ้นเหนียนก็นับว่าไร้ประโยชน์!
แอ๊ด….
ประตูถูกเปิดออก และแม้เสียงมันจะแผ่วเบาเพียงใด หากแต่ยังดังพอที่จะปลุกลี่เฟยจากภวังค์ ทำให้นางตื่นตัวทันที
“เป็นเจ้า!”
หลังจากเห็นหานจิ้นเหนียนเปิดประตูแล้วเดินเข้ามาในห้อง สีหน้าลี่เฟยก็เปลี่ยนเป็นมีโทสะไม่น้อย “เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
“แม่นางน้อยแสนงาม พี่มาทำอันใด…เจ้ามิรู้จริงๆหรือ?”
หานจิ้นเหนียนค่อยๆปิดประตูลั่นดาล แล้วหันกลับมากล่าวกับลี่เฟยด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ไสหัวไป!”
ลี่เฟยตะคอกไล่ “หากเจ้าไม่ไปข้าจะเรียกหาอาวุโสชิงหนู!”
“ชิงหนู? ข้ากลัวว่าชิงหนูคงกลับมาที่นี่มิได้อีกพักใหญ่…อย่าได้คิดพึ่งนางเลย”
หานจิ้นเหนียนหัวเราะออกมา ก่อนที่จะค่อยๆก้าวเดินมาหาลี่เฟยช้าๆ
ลี่เฟยย่อมรู้ดีมาโดยตลอดว่าในหัวของหานจิ้นเหนียนมันคิดเรื่องอุบาทว์อะไร สีหน้าจึงซีดลง…หากแต่นางเตรียมใจไว้แล้ว ว่าต่อให้นางต้องตายนางก็ไม่มีวันยอมปล่อยให้เดียรัจฉานผู้นี้ก่อการสำเร็จ!
อย่างไรก็ตามพอคิดถึงลูกน้อย ในใจก็อดไม่ได้ที่จะปวดแปลบขึ้นมา
“ลูกแม่ หากแม่มิอยู่ดูแลเจ้าเติบโต ขอเจ้าอย่าได้ตำหนิแม่…”
ในหัวลี่เฟยคิดถึงเรื่องฆ่าตัวตายขึ้นมา เพราะต่อให้นางตายนางก็ไม่มีวันยอมให้หานจิ้นเหนียนสมหวัง
อย่างไรก็ตามตอนนี้เองพลันมีเสียงหนึ่งดังเข้าหูลี่เฟย “แม่นาง ท่านคือลี่เฟยคู่หมั้นของต้วนหลิงเทียนใช่หรือไม่?”
เสียงที่ส่งตรงถึงหูนี้เห็นได้ชัดว่ามาจากร่างชายชราที่อยู่ๆ ก็ผุดโผล่ขึ้นมาจากอากาศว่างเปล่าในห้อง ยังอยู่ด้านหลังของหานจิ้นเหนียนโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย!
ชายชรามาในชุดคลุมสีเทา ร่างกายผ่ายผอมนัก ในมือข้างหนึ่งถือไว้ด้วยไม้เท้าประหลาด…
ตอนที่ 1,589 : หานจิ้นเหนียน ชะตาขาด
“ท่าน…ท่านเป็นใคร?”
ได้ยินคำถามของชายชราผ่ายผอมในชุดคลุมสีเทา ลี่เฟยมองถามอีกฝ่ายกลับไปทันที ยังคล้ายจะลืมเลือนการคงอยู่หานจิ้นเหนียนไปเสียสิ้น…
“แม่นางน้อย เจ้าอย่าได้ดิ้นรนให้เหนื่อยเลย…หากมีผู้ใดอยู่ด้านหลังพี่จริง มีหรือพี่จักมิรู้ได้?”
หานจิ้นเหนียนหัวเราะร่า มันยิ่งเดินเข้ามาใกล้ลี่เฟยมากขึ้นเรื่อยๆ ในแววตาเผยเจตนาอุบาทว์ออกมาชัดเจน
“กับอีกแค่สู่เซียนตัวกระจ้อย คิดว่าจักมีปัญญาสัมผัสถึงข้าได้งั้นหรือ?”
ทันใดนั้นเสียงแหบห้าวของชายชราพลันดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้สีหน้าหานจิ้นเหนียนเปลี่ยนไปอย่างร้ายแรง พริบตานี้มันก็ทราบได้ทันทีว่าลี่เฟยไม่ได้เสแสร้งหลอกล่ออย่างโง่งม หากแต่มีคนอยู่ด้านหลังของมันจริงๆ!!
แต่ก่อนที่มันจะหันกลับไป พลันมีร่างชราวูบผ่านมันไปหยุดอยู่เบื้องหน้าของมัน
เป็นชายชราผ่ายผอมเนื้อติดกระดูกมาในชุดคลุมลมสีเทา มือข้างหนึ่งถือไว้ด้วยไม้เท้าประหลาดที่ไม่ทราบทำมาจากวัสดุอะไร หยุดยืนอยู่ข้างๆเปลหลังเล็กด้านข้างลี่เฟย ทอดตามองลงไปยังทารกในเปล
ใบหน้าทารกน้อยตุ้ยนุ้ยจ้ำม่ำน่ารักน่าชังนัก
ชายชรายังพบว่าหว่างคิ้วทารกน้อยละม้ายคล้ายจ้าวตำหนักของมันหลายส่วน!
จังหวะนี้มันย่อมตระหนักได้ทันทีว่านี่คือลูกน้อยของลี่เฟยกับนายน้อยของมันเป็นแน่ “ลูกของท่านจ้าวตำหนักน้อย! สวรรค์! หากท่านจาวตำหนักรู้ว่ามีหลานแล้ว มิรู้ท่านจักมีความสุขถึงเพียงใดกัน!!”
ยามมองไปยังทารกในเปลแววตาสีหน้าเย็นชาแต่เดิม พลันกลายเป็นยิ้มร่าแฝงไปด้วยความอ่อนโยนทันที
แน่นอนว่ารอยยิ้มของมันน่าเกลียดนัก ราวกับกำลังร่ำไห้อย่างไรอย่างนั้น
กู่มี่ค่อยๆโค้งตัวก้มลงอุ้มทารกน้อยออกมาอย่างเบามือ ด้วยกลัวว่าจะทำให้ทารกน้อยรู้สึกอึดอัดหรือตื่นขึ้นมา เช่นนั้นการกระทำจึงอ่อนโยนคล้ายโอบอุ้มสมบัติล้ำค่า
“ท่าน…”
ใบหน้าลี่เฟยเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเห็นชายชราแปลกหน้าก้มลงอุ้มลูกน้อยของนาง ทว่าเมื่อเห็นการกระทำที่เต็มไปด้วยความระมัดระวังทั้งอ่อนโยนเป็นที่สุด นางก็ไม่ได้กล่าวขัเอะไรออกมา
นางย่อมเห็นชัดว่าชายชราไม่ได้มีเจตนาร้าย
อย่างไรก็ตามนางยังคงสงสัยอยู่ไม่น้อย ว่าชายชราล่วงรู้นามของนางกับบุรุษของนางได้อย่างไร แถมยังวาจาเมื่อครู่…
“เฮ่ย! นี่เจ้ามิใช่คนของคฤหาสน์คลื่นขจีของข้านี่นา! เจ้าเข้ามาได้อย่างไร!?”
ตอนนี้เองหานจิ้นเหนียนที่ได้สติ ก็เร่งมองตรวจสอบชายชราอย่างระวัง “ไอ้แก่ ข้าไม่สนว่าเจ้าจักเป็นผู้ใดมาจากไหน แต่จักเป็นดีเสียกว่าหากเจ้ารู้ว่าอะไรมันดีต่อตัว! ปู่ของข้าคืออาวุโสสูงสุดของคฤหาสน์คลื่นขจี หากเจ้า…”
“หนวกหู!”
เสียงอวดโอ่ของหานจิ้นเหนียนนับว่ารบกวนทารกน้อยในอ้อมอกกู่มี่ไม่น้อย ทำให้รอยยิ้มบนหน้ากู่มีพลันชะงักค้างทันใด แม้จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา หากแต่บรรยากาศในห้องคล้ายจะเย็นเยียบลงไปทันตา!
พริบตาต่อมารอบกายหานจิ้นเหนียนก็ปรากฏเถาวัลย์ไม้แห้งมากมายเสียบทะลวงออกมาจากความว่างเปล่า!
ยามเมื่อเถาวัลย์แห้งทะลวงออกมาจากความว่าง มันก็เปล่งกลิ่นอายคมกล้าน่าหวั่นหวาด! และไม่ทันที่หานจิ้นเหนียนจะกล่าววาจาได้จบคำ ร่างมันก็ถูกเสียบทะลวงจนปุพรุน!!
ทันทีที่เถาวัลย์แห้งทะลวงเข้าร่างหานจิ้นเหนียน พวกมันก็ดั่งอสรพิษมีชีวิตเลื้อย ชอนไชไปทั่วร่างกายหานจิ้นเหนียน!
บ้างกะทะลวงดวงใจ บ้างก็ทะลุออกเอว บ้างก็เสียบทะลวงสมองจนผุดโผล่ออกมาจากศีรษะลูกตา!
โดยรวมแล้วฉากดังกล่าวเป็นอะไรที่น่าสยดสยองนัก!
อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นฉากสังหารอำมหิต หากแต่ไร้ซึ่งโลหิตหลั่งไหลออกมาแม้แต่หยาดหยด ราวกับผู้ลงมือกลัวกลิ่นคาวคลุ้งจะสร้างความรำคาญให้ทารกน้อย…
แน่นอนว่าแม้ฉากนี้จะน่ากลัวแต่ลี่เฟยก็ไม่ยี่หระแม้แต่น้อย เพราะนางเห็นฉากอำมหิตและความตายอันน่าสยดสยองมาแล้วมากมายตอนหายนะบนเกาะป้านเยว่
กระทั่งพอเห็นหานจิ้นเหนียนตายตก นางยังอดดีใจขึ้นมาเสียไม่ได้
เพราะนางเตรียมระเบิดตัวเองให้แหลกแต่แรก! คิดยอมตายแต่ไม่ยอมให้เดียรัจฉานย่ำยีอยู่แล้ว!!
วินาทีนั้นนางยังรู้สึกปวดร้าวในใจ ด้วยไม่อยากจากต้วนหลิงเทียน และทารกน้อยของนาง
“นายหญิงน้อยโปรดตามข้ามา…ท่านจ้าวตำหนักกำลังรอพวกเราอยู่ด้านนอก”
กู่มี่ที่อุ้มลูกของลี่เฟยอย่างเบามือกล่าวบอกลี่เฟยเสียงอ่อน
“ท่าน…ท่านเรียกหาข้าว่านายหญิงน้อย?”
ทว่าพอลี่เฟยได้ยินวาจาเรียกหาของกู่มี่ นางก็อึ้งไปไม่น้อย
“คู่หมั้นของท่านคือจ้าวตำหนักน้อยของข้า…เช่นนั้นท่านก็ต้องเป็นนายหญิงน้อยของข้า”
ไม่มีเวลาให้ลี่เฟยตอบคำอะไร พลันมีพลังไร้สภาพอันอ่อนโยนขุมหนึ่งแผ่ออกมาปกคลุมทั่วร่างนางเอาไว้ หอบหิ้วนำพาร่างลี่เฟยให้พุ่งออกจากคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานในพริบตา
ในขณะที่ถูกนำตัวออกมาลี่เฟยยังงุนงงไม่หาย
บุรุษของนางไปเป็นจ้าวตำหนักน้อยตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ไม่นานภายใต้การนำพาของกู่มี่ ลี่เฟยก็ได้พบต้วนหรูเฟิง
เมื่อเห็นว่าชายวัยกลางคนเบื้องหน้ามีเค้าโครงใบหน้าทั้งหว่างคิ้วละม้ายคล้ายบุรุษของนางมากกว่า 7 ส่วน..ไม่ต้องให้อีกฝ่ายกล่าวบอกลี่เฟยก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร!
เพราะนางเคยได้ยินบุรุษของนางกล่าวถึงชายผู้นี้มาก่อน
“ท่าน…พ่อ?”
ลี่เฟยมองต้วนหรูเฟิงด้วยความตกใจ กล่าวออกเสียงสั่น
ทว่าหลังจากที่กล่าวเรียกหาอีกฝ่ายว่าท่านพ่อแล้ว ใบหน้าของนางอดไม่ได้ที่จะขึ้นสีแดงเรื่อขึ้นมา
“เจ้าคือเฟยเอ๋อหรือ…อาช่างงดงามน่าดูเหมือนดั่งที่หรัวเอ๋อกล่าวไว้มิมีผิด…หืม?! ทะ…ทารกน้อยนี่!!”
เมื่อต้วนหรูเฟิงเห็นใบหน้าของลี่เฟย สองตาก็สว่างจ้าอดไม่ได้ที่จะลอบยกนิ้วโป้งให้ลูกชายในใจ นับว่าสายตาอีกฝ่ายนั้นยอดเยี่ยมเหมือนบิดาเช่นมันไม่มีผิด! ทว่าทันใดนั้นเองสายตาต้วนหรูเฟิงพลันเหลือบไปเห็นทารกน้อยในอ้อมแขนกู่มี่ และเพียงมองปราดเดียวก็แลเห็นหว่างคิ้วดวงตาที่ละม้ายคล้ายต้วนหลิงเทียน 5-6 ส่วน ยิ่งไปกว่านั้นยังนับว่าคล้ายตัวมันเองเช่นกัน
“นี่คือลูกของข้ากับเขา”
ลี่เฟยกล่าวออกมาด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
“ว่าอะไร!!”
ถึงแม้ใจจะลอบคาดเดาไว้แล้ว แต่พอได้ฟังวาจายืนยันจากลี่เฟย ต้วนหรูเฟิงก็เต็มไปด้วยความยินดี ในใจบังเกิดความรู้สึกปิติถึงที่สุด เร่งฉกทารกน้อยในอ้อมแขนกู่มี่มาอย่างเบามือทันที
ยังอุ้มไวราวกับเป็นสิ่งล้ำค่าที่ไม่อนุญาตให้ผู้ใดแตะ
พอได้อุ้มทารกน้อยไว้ในอก และได้เห็นดวงตากลมใสของทารกน้อยที่จ้องกลับมา ต้วนหรูเฟิงพลันฉีกยิ้มกว้างแทบถึงใบหู!
มันเป็นปู่คนแล้ว!
ไม่ทราบเมื่อไหร่ดวงตาต้วนหรูเฟิงพลันรื้นขึ้นมาเล็กน้อย!
“ท่านพ่อ…”
ตอนนี้ลี่เฟยพลันนึกถึงพลังฝีมือของชายชราที่พานางเหินออกมาจากตระกูลหาน อีกทั้งยังนึกถึงวาจาที่อีกฝ่ายเรียกบุรุษของนางว่า จ้าวตำหนักน้อย กระทั่งจ้าวตำหนัก…นางจึงมองต้วนหรูเฟิงกับกู่มี่ด้วยความสงสัยทันที
เท่าที่นางรู้มาในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ ผู้ที่ถูกเรียกหาว่าจ้าวตำหนัก ล้วนเป็นผู้นำของขุมพลังที่มีลำดับชั้นสูงกว่าคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานเสียอีก!
อย่างไรก็ตามตอนนี้จิตใจของต้วนหรูเฟิงยังคงจดจ่ออยู่ที่ทารกน้อยในอก ไม่ทันได้สนใจคำของลี่เฟยแม้แต่น้อย
เป็นกู่มี่ที่อยู่ข้างๆ กล่าวไขข้อของใจให้นางทันที “นายหญิงน้อย นี่คือท่านจ้าวตำหนัก ของตำหนักเมฆาคราม…ตำหนักเมฆาครามนับเป็นขุมพลังระดับแนวหน้าในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ยังเป็นขุมพลังที่คฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานมิอาจเทียบได้ เพราะตำหนักเมฆาครามของพวกเราคือ ขุมพลังกึ่งชั้น 3”
ขุมพลังกึ่งชั้น 3!
ร่างลี่เฟยอดไม่ได้ที่จะสะท้านไปทันใดเมื่อได้ยินวาจานี้ของกู่มี่
ในระหว่างที่นางอยู่ในคฤหาสน์คลื่นขจีของสกุลหาน ด้วยความว่างไม่มีอะไรทำมากมาย นางก็ได้หาความรู้ทั่วไปผ่านการอ่านบันทึกเรื่องราวต่างๆในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า
ในความรู้ดังกล่าว มีพูดถึงเรื่อง ขุมพลังกึ่งชั้น 3 เอาไว้
ถึงแม้ว่าขุมพลังกึ่งชั้น 3 นี้ กล่าวไปแล้วยังคงเป็นเพียงขุมพลังชั้น 4 หากแต่พลังอำนาจกลับเหนือชั้นกว่าขุมพลังชั้น 4 ไปไกล จึงเรียกหาว่าขุมพลังกึ่งชั้น 3
ขุมพลังกึ่งชั้น 3 ในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านั้น นับว่าเป็นขุมพลังที่แข็งแกร่งและมีอำนาจมากที่สุดแล้ว
ในบันทึกที่ลี่เฟยอ่าน ย่อมมีเรื่องราวของดินแดนเทพยุทธ์ที่ถูกแบ่งออกเป็น 2 ภูมิภาคเอาไว้ด้วยเช่นกัน
และภูมิภาคเบื้องบนนั้น ก็ไม่ค่อยลงมาวุ่นวายเรื่องในภูมิภาคเบื้องล่าง และไม่คิดจะมาช่วงชิงอำนาจอะไร
มาตอนนี้พอนางได้รับทราบว่าบิดาของบุรุษที่นางรักกลับเป็นถึงจ้าวตำหนักเมฆาคราม ที่เป็นขุมพลังกึ่งชั้น 3 อันเปรียบได้กับมหาอำนาจสูงสุดของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเบื้องล่าง จะไม่ให้นางไม่ตกใจอย่างไรไหว?
“ท่านพ่อ!”
หลังจากที่รับทราบฐานะของต้วนหรูเฟิงแล้ว ลี่เฟยเร่งทรุดตัวลงคุกเข่ากลางอากาศทันที
“เฟยเอ๋อ ลูกทำอะไร?”
เมื่อเห็นภาพนี้หน้าต้วนหรูเฟิงเปลี่ยนไปทันที
“ท่านพ่อ! น้องหญิงเค่อเอ๋อหายตัวไป ข้าขอร้องให้ท่านพ่อช่วยตามหานางด้วย!”
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อใด ตอนนี้หยาดน้ำตาพลันไหลออกมาจากสองตาของลี่เฟย
ในตอนที่เกาะป้านเย่วเกิดเรื่องนางหนีออกมาอย่างรีบร้อนจึงพลัดพรากกับเค่อเอ๋อ สุดท้ายนางก็มาถึงคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน
อย่างไรก็ตามด้วยสภาพร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวยของนาง จึงไม่อาจย้อนกลับไปตามหาเค่อเอ๋อได้…
และเพราะนาง หานเฉวี่ยไน่รวมถึงเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 จึงต้องคอยปกป้องนางเอาไว้ไม่อาจจากไปไหน จนหลังจากที่นางคลอดบุตรและอาการแข็งแรงดีแล้ว หานเฉวี่ยไน่จึงวางใจและพาเจ้าตัวเล็กออกไปยังเกาะป้านเยว่ อย่างไรก็ตามทั้งหมดยังไม่ได้กลับมา
“พวกเจ้าช่างห่วงใยในกันและกันเหมือนกันนัก…”
หลังจากที่ต้วนหรูเฟิงได้ยินคำวิงวอนของลี่เฟย ก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ยกมือเปล่งพลังไร้สภาพประคองร่างลี่เฟยให้ลุกขึ้น “เฟยเอ๋ออย่าได้กังวลใจไป เค่อเอ๋อปลอดภัยดี…”
“น้องหญิงเค่อเอ๋อปลอดภัยดีจริงๆหรือ?”
หลังได้ยินคำของต้วนหรูเฟิง สองตาลี่เฟยเป็นประกายขึ้นมาทันที
“เป็นเรื่องจริง”
ต้วนหรูเฟิงพยักหน้า ก่อนที่จะกล่าวบอกนางถึงเรื่องที่ได้ย้อนกลับไปเจอหยกบันทึกเสียงที่ต้วนหลิงเทียนฝากไว้ในทวีปเมฆาล่อง นอกจากนี้ยังเล่าเรื่องราวในหยกบันทึกเสียงให้ลี่เฟยฟัง “ถึงแม้สตรีนางนั้นจะนำตัวนางไปยังลัทธิบูชาไฟ…แต่ข้าคิดว่านางมิควรทำอันตรายใดๆเค่อเอ๋อ เพราะนางอ้างว่าเป็นพี่สาวฝาแฝดของเค่อเอ๋อ”
“ข้ามิเคยได้ยินเค่อเอ๋อกล่าวถึงเรื่องที่นางมีพี่สาวฝาแฝดมาก่อนเลย…”
พอได้ยินเรื่องนี้ ลี่เฟยเองก็แปลกใจเช่นกัน
“บางทีกระทั่งตัวเค่อเอ๋อเองก็ยังไม่รู้”
ต้วนหรูเฟิงระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน ก่อนที่จะเปิดเผยเรื่องราวออกมาทุกสิ่ง รวมถึงเรื่องที่เค่อเอ๋ออาจจะเป็น ธิดาเทพ แห่งลัทธิบูชาไฟ…
“ท่านพ่อ ท่านมิอาจไปช่วยน้องหญิงเค่อเอ๋อที่ลัทธิบูชาไฟได้หรือ?”
ลี่เฟนกล่าวถาม
“ลัทธิบูชาไฟ แม้จะเป็นภูมิภาคตอนบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ก็ยังถือเป็นขุมพลังชั้นสูงที่ทรงพลังเปี่ยมล้นไปด้วยอำนาจ! ดินแดนเทพยุทธืเซียนเต๋ามีทั้งสิ้น 3 ลัทธิ 9 ขุมพลัง! ลัทธิบูชาไฟเป็นหนึ่งใน 3 ลัทธิ…สำหรับ 9 ขุมพลัง นั่นก็หมายถึงขุมพลังชั้น 1 ถึง 9 ที่มีอยู่ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าทั้งหมดไม่ว่าจะภูมิภาคเบื้องบนหรือเบื้องล่าง…ในภูมิภาคเบื้องบนจักมีแค่ขุมพลังชั้น 1 ขุมพลังกึ่งชั้น 1 ขุมพลังชั้น 2 ขุมพลังกึ่งชั้น 2 และก็ขุมพลังชั้น 3…”
“อย่างไรก็ตาม กระทั่งขุมพลังชั้น 1 ในภูมิภาคตอนบนยังห่างไกลจากการจะเทียบกับลัทธิบูชาไฟ…ตำหนักเมฆาครามของข้า เป็นเพียงขุมพลังกึ่งชั้น 3 ในภูมิภาคเบื้องล่างเท่านั้น…”
ในวาจาของต้วนหรูเฟิง เผยให้เห็นถึงความอับจนไม่น้อย…
หากลัทธิบูชาไฟเป็นขุมพลังในภูมิภาคเบื้องล่าง ป่านนี้มันคงบุกไปชิงตัวเค่อเอ๋อมานานแล้ว เพราะไม่มีที่แห่งใดในภูมิภาคเบื้องล่างนี้ที่ต้วนหรูเฟิงไม่อาจไป!
“ลัทธิบูชาไฟ…กลับทรงอำนาจถึงเพียงนี้? ไฉนน้องหญิงเค่อเอ๋อไปเกี่ยวข้องกับขุมพลังน่ากลัวและยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้? แล้วนางจะเป็นไรหรือไม่ แล้วลูกน้อยในท้องนางเล่าจะเป็นอย่างไร?”
ใบหน้าสะคราญโฉมของลี่เฟยเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
“อะไรนะ!? เค่อเอ๋อก็ตั้งครรภ์ด้วยหรือ!?”
คำที่ลี่เฟยพึมพำด้วยความกังวลนั้น ต้วนหรูเฟิงย่อมได้ยินชัดเจน สร้างความตกตะลึงให้มันนัก!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น