War sovereign Soaring The Heavens 1572-1575

ตอนที่ 1572

 

สตรีที่มาจากทวีปมนุษย์


 


ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่ ว่าภายในตระกูลซือถูจะมีเรื่องราวความขัดแย้งอะไรกัน


 


เพราะนั่นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา


 


เรื่องที่เขาสนใจคือวัตถุดิบที่เขาให้ซือถูฮ่าวไปรวบรวม!


 


แน่นอนว่าวัตถุดิบเหล่านั้นไม่ได้เป็นวัตถุดิบที่ต้องใช้ในการทำลายอาคมมารของซือถูหังแม้แต่น้อย!


 


อาคมมารที่กัดกินพลังชีวิตของซือถูหังตอนนี้ เขาอาศัยเพียงพลังวิญญาณก็ทำลายมันได้ไม่ยากในเวลาแค่ไม่กี่วัน!


 


เหตุผลที่เขาให้รายการวัตถุดิบไปนั้น เพราะเขาคิดใช้ให้ตระกูลซือถูรวบรวมวัตถุดิบ สำหรับซ่อมแซมฟื้นฟูเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเท่านั้น!


 


นอกจากนี้ต้วนหลิงเทียนยังคิดใช้ตระกูลซือถูให้รวบรวมวัตถุดิบเพื่อใช้ฝึกฝนการจารึกอาคมเซียน!


 


ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้ทะลวงมาถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่แล้ว พลังวิญญาณย่อมยกระดับมาตามติด และมันก็มากพอให้เขาจารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวได้!


 


อย่างไรก็ตามแม้เขาจะจารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวได้แล้ว แต่เขาไม่ได้มีวัตถุดิบให้ใช้มากนัก


 


เช่นนั้นจึงได้แต่อาศัยอำนาจของตระกูลซือถูรวบรวมมาให้!


 


“ปรมาจารย์ต้วน วัตถุดิบที่ท่านต้องการอยู่นี่แล้ว”


 


ต้องกล่าวว่าผู้นำตระกูลซือถูอย่างซือถูฮ่าวดำเนินการฉับไวนัก ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งเดือนก็สามารถรวบรวมวัตถุดิบในรายการมาให้เขาครบถ้วน ทั้งหมดถูกเก็บไว้ในแหวนมิติแล้วมอบมาให้ต้วนหลิงเทียน


 


แน่นอนว่าที่อีกฝ่ายสามารถรวบรวมวัตถุดิบมาได้อย่างราบรื่น เพราะวัตถุดิบที่ต้วนหลิงเทียนหมายเอาไปซ่อมเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ไม่ใช่วัตถุดิบหายากอะไร


 


วัตถุดิบที่หายากนั้น…อย่าว่าแต่ขุมพลังชั้น 7 อย่างตระกูลซือถูเลย ให้เป็นขุมพลังชั้น 6 ก็ไม่ใช่ว่าจะหาได้!


 


เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนจึงไม่คิดใช้งานคนเกินกำลัง


 


“เอาล่ะ หลังจากนี้ไม่ถึงหนึ่งเดือน ข้าจะมอบคุณชายใหญ่ที่สมบูรณ์พร้อมให้ท่าน”


 


ต้วนหลิงเทียนแย้มยิ้ม กล่าวออกด้วยความั่นใจ


 


“ข้าเชื่อมือท่าน ปรมาจารย์ต้วน!”


 


ซือถูฮ่าวยิ้มร่าออกมาด้วยความยินดี โดยไม่ได้รู้เลยว่ามันหลงกลต้วนหลิงเทียน ที่หลอกให้ไปสรรหาวัตถุดิบมามากมายเสียแล้ว..


 


แน่นอนว่าถึงแม้มันจะรู้ มันก็ไม่คิดปริปากบ่นแม้ครึ่งคำ!


 


เพราะสุดท้ายแล้ววินาทีนี้ก็มีเพียงต้วนหลิงเทียนคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วงชิงบุตรชายมันมาจากเงื้อมมือของมัจจุราช!


 


เดือนต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ไปรักษาอาการของคุณชายใหญ่ทุกๆ 7-8 วัน ส่วนเวลาที่เหลือเขาก็หมกตัวอยู่กับการจารึกอาคมเซียน!


 


ตลอดเดือนที่ผ่าน ต้วนหลิงเทียนก็สามารถใช้เคล็ดจารึกพิสดารจารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวได้คล่องปร๋อ!


 


ขณะเดียวกัน อาคมมารแมงมุมหยินที่กัดกินพลังชีวิตซือถูหังก็ถูกขจัดออกไปโดยสมบูรณ์


 


“ปรมาจารย์ต้วน บุญคุณช่วยชีวิตครั้งนี้ ข้าซือถูหังจักจดจำไว้มิมีลืมเลือน!”


 


หลังจากที่อาคมมารแมงมุมหยินถูกขจัดไป ไม่นานซือถูหังก็ฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์ มันประสานมือคารวะขอบคุณต้วนหลิงเทียนจากใจจริง


 


“คุณชายใหญ่ซือถูเกรงใจไปแล้ว”


 


ต้วนหลิงเทียนยิ้มอ่อน


 


และตอนนี้ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ได้รับยันต์เต๋าระดับ 4 ดาวเป็นรางวัล เป็นยันต์เต๋าเทพเคลื่อนและยันต์เต๋าม่านพลังทอง หากเขาใช้พวกมัน ก็จะสงผลให้ความเร็วและม่านพลังป้องกันของเขาเทียบได้กับขอบเขตเซียน!


 


ช่วงเวลานี้เอง พอซือถูหังพลันพบว่าต้วนหลิงเทียนพึ่งมาเยือนประเทศฝูเฟิงเป็นครั้งแรก ทั้งไม่คุ้นเคยกับผู้ใดเลย มันจึงเชิญต้วนหลิงเทียนให้อยู่ในตระกูลซือถูทันที


 


สำหรับการตัดสินใจของซือถูหังครั้งนี้ผู้นำตระกูลเองก็เห็นด้วย


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่งอีกไม่กี่วันต่อมาพอซือถูหังได้รับทราบว่าต้วนหลิงเทียนที่แท้ยังเป็นถึงปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวอีกด้วย! มันก็ยิ่งบังเกิดความยินดีมากขึ้น ยังถึงกับต้องเร่งรุดไปหาต้วนหลิงเทียนเพื่อขอขมาทันที!


 


“ปรมาจารย์ต้วน ต้องอภัยอย่างยิ่งที่ข้ามิรู้มาก่อนว่าท่านเป็นถึงปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาว…ขออภัยในความเลินเล่อและสะเพร่าของตระกูลซือถูครั้งนี้ด้วย!”


 


ล้อกันเล่นหรือไร!


 


ก่อนหน้านี้ในตระกูลซือถูมีปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น!


 


และปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวที่ว่า ก็ดันอยู่ฝ่ายซือถูหมิง!


 


เป็นเวลาเนิ่นนานแล้วที่ธุรกิจจารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวถูกฝ่ายซือถูหมิงผูกขาดมาโดยตลอด ทำให้ซือถูหมิงมีอำนาจบาตรใหญ่ในตระกูล ไม่ว่ามันทำอะไรแต่ละคนล้วนพร้อมใจกันปิดหูปิดตาข้างหนึ่งเสมอ


 


เช่นนั้นทันทีที่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาว มันจึงเร่งรุดมาหาต้วนหลิงเทียนทันที!


 


ขณะเดียวกันมันยังให้คำมั่นต่อต้วนหลิงเทียนอีกด้วย ว่าสามารถอยู่ในตระกูลซือถูได้ตราบนานเท่านานตามความพอใจ และตระกูลซือถูจักตอบแทนให้อย่างดีที่สุด!


 


และการเปิดเผยฐานะปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวออกมา ต้วนหลิงเทียนไม่ได้พลั้งเผลอแต่อย่างใด ยังเป็นการ ‘จงใจ’ ของเขาด้วย


 


เพราะด้วยสถานะปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาว ย่อมทำให้เขาตั้งหลักในตระกูลซือถูได้มั่นคงยิ่งขึ้น!


 


นอกจากนี้ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวยังยกระดับคุณค่าในตัวเขาให้สูงขึ้นอย่างมาก


 


และอย่างที่ต้วนหลิงเทียนคิดเอาไว้ไม่มีผิด ซือถูหังได้กลับมาเขาอีกครั้งในเวลาแค่ไม่กี่วัน เพื่อขอให้เขาจารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวลงในศาสตราเซียนจำนวนหนึ่ง “ปรมาจารย์ต้วนศาสตราเซียนเหล่านี้ล้วนเป็นสินค้าของตระกูลซือถูเรา…พวกเราจักจัดหาวัตถุดิบมาให้ท่าน แล้วผลกำไรแบ่งปันกันครึ่งครึ่งดีหรือไม่?”


 


“ได้สิ ไม่มีปัญหา”


 


ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะรู้ดีว่าต่อให้เขาส่วนต่างกำไรมากกว่านี้ ตระกูลซือถูก็ไม่คัดค้าน แต่เขาไม่คิดเรียกร้องอะไรแบบนั้นออกมา


 


เขาไม่ได้ขาดหินเซียน


 


ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขาให้ค่าความสัมพันธ์กับตระกูลซือถูเหนืออื่นใด เช่นนั้นแล้วเขาจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องราวในอนาคตของเขา อีกทั้งยังได้ใจตระกูลซือถูอีกด้วย


 


สิ่งที่เขาสนใจไม่ใช่ผลประโยชน์อย่างหินเซียน แต่เป็นผลประโยชน์เรื่องอื่น


 


“ปรมาจารย์ต้วน ท่าน…”


 


ได้ยินคำตอบตกลงทันทีของต้วนหลิงเทียน ซือถูหังถึงกับหน้าเหวอไปตาปริบๆ…มันเรียกราคาครึ่งครึ่ง เพราะเผื่อมาให้ต้วนหลิงเทียนทำการต่อรองอะไรไว้แล้ว…


 


อีกทั้งบิดามันก็ได้กล่าวบอกบรรทัดฐานต่ำสุดที่รับได้คือ 3 ต่อ 7


 


3 ส่วนเป็นของตระกูลซือถู 7 ส่วนเป็นของต้วนหลิงเทียน


 


มันไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะตอบตกลงทันที โดยไม่คิดแม้แต่จะต่อรองอะไรสักคำ!


 


จังหวะนี้ในใจมันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดขึ้นมา


 


“เอ่อ…ปรมาจารย์ต้วน ข้าว่าข้าเพิ่มส่วนต่างผลกำไรให้ท่านอีกดีกว่า”


 


ซือถูหังกล่าวออกด้วยน้ำเสียงขื่นขม


 


“ไม่ต้องหรอก ข้าไม่ได้ขาดแคลนหินเซียน”


 


ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา ค่อยเปิดประตูเห็นภูผากล่าวออก “อันที่จริงข้ามีเรื่องคิดขอแรงตระกูลซือถูเสียหน่อย ข้าประสบเหตุจำให้พรัดพรากกับศิษย์พี่และสหายของข้า…ข้าอยากให้ตระกูลซือถูช่วยตามหาเบาะแสว่าศิษย์พี่และสหายของข้าได้มาถึงประเทศฝูเฟิงแล้วหรือไม่..”


 


“กลับเป็นเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้! ปรมาจารย์ต้วน ท่านวาดรูปเหมือนของศิษย์พี่ท่านและสหายมาเถิด ข้าจักเร่งทำสำเนาแล้วให้บิดาส่งคนกระจายตัวกันไปออกค้นหาทันที!”


 


ซือถูหังกล่าวรับออกมาอย่างไม่อิดออดแม้แต่น้อย


 


“ลำบากพวกท่านแล้ว อ่าจริงสิ..ศิษย์พี่ของข้ายังเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวเหมือนข้า”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ยังกล่าววาจาเสริมหลังบอกเรื่องที่ป๋ายลี่หงเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวออกมา “ศิษย์พี่ของข้าไม่เหมือนข้า…ข้านั้นคุ้นเคยกับการออกเดินทางแสวงหาความแข็งแกร่ง ไม่ช้าก็เร็วสักวันข้าก็ต้องออกจากตระกูลซือถู…ทว่าศิษย์พี่ของข้าอาจยินดีเข้าร่วมกับตระกูลซือถู”


 


วาจาท้ายประโยคของต้วนหลิงเทียนนั้น ต้วนหลิงเทียนจงใจกล่าวเพิ่มเพื่อเน้นความสำคัญ


 


หลังได้ยินเรื่องนี้จากปากต้วนหลิงเทียน ลูกตาซือถูหังพลันทอแสงจ้าออกมาทันใด


 


ผ่านไปสักพักมันพึ่งตระหนักได้ ว่าต้วนหลิงเทียนยังอายุน้อยกว่ามันเสียอีก!


 


ตัดสินจากความสำเร็จของต้วนหลิงเทียนในวันนี้…เช่นนั้นความสำเร็จในวันหน้าย่อมไร้ขีดจำกัด! น่ากลัวว่าไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ต้องจากไป!!


 


ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มันกับบิดาต้องหนักใจอยู่บ้าง


 


ทว่าความที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมา ประหนึ่งแสงอรุณที่สาดส่องมาปัดเป่าหมอกควันสลัวในใจไปหมดสิ้น!


 


“ขอปรมาจารย์ต้วนโปรดวางใจ! ตราบใดที่ศิษย์พี่ของท่านมาถึงประเทศฝูเฟิงเราแล้ว ตระกูลซือถูของเราย่อมหาคนพบแน่!”


 


ซือถูหังกล่าวรับประกันออกมา


 


“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง…”


 


เมื่อเห็นว่าซือถูหังคิดจากไป ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวออกมาอีกครั้ง


 


“มีอันใดที่ข้าสามารถช่วยปรมาจารย์ต้วนได้อีก?”


 


ซือถูหังกล่าวถามออกมาอย่างไม่กล้าละเลย


 


“ข้าอยากรู้น่ะ..ในประเทศฝูเฟิงมียอดฝีมือที่ติดอันดับในรายนามนภารึเปล่า”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวถาม


 


“ย่อมมี”


 


ซือถูหังพยักหน้า “มีคนจากประเทศฝูเฟิงเราทั้งสิ้น 6 คนที่ติดอันดับในรายนามนภา อีกทั้งผู้ที่มีลำดับสูงสุดในรายนามนภายังมีอันดับถึง 11!”


 


“แล้วท่านรู้หรือไม่ว่าคนผู้นั้นอยู่ที่ไหน?”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาอีกครั้ง


 


“ข้าเกรงว่าคิดหาตัวคนผู้นั้นคงยากที่จะพบได้ในเวลาอันสั้น…ข้าได้ยินมาว่ายามนี้คนผู้นั้นกำลังปิดด่านเพื่อทะลวงขอบเขตพลัง…ทั้งในฐานะผู้ฝึกตนพเนจรไม่สังกัดฝักฝ่าย จึงเป็นเรื่องยากที่จะมีผู้ใดทราบว่ามันปิดด่านบ่มเพาะอยู่ที่ใด”


 


ซือถูหังส่ายหน้า


 


“ถ้างั้นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดา 5 คนที่เหลือล่ะ?”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาอีกรอบ


 


“ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดา 5 คนที่เหลือ เป็นผู้ที่ได้อันดับในรายนามนภาอันดับที่ 23…มิยากที่จะพบเจอตัวนาง เพราะนางเองก็เป็นศิษย์ของขุมพลังชั้น 7 แห่งหนึ่งในประเทศฝูเฟิงเรา…ปรมาจารย์ต้วน ท่านคิดท้าทายนางหรือ?”


 


ซือถูหังกล่าวถามด้วยความสงสัย


 


ซือถูหังเองก็ได้รับทราบจากซือถูโฮ่วมาก่อนแล้วว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนมิใช่ชั่ว ยังถึงขั้นร้ายกาจนัก! การถามถึงยอดฝีมือรายนามนภาเช่นนี้ มีความตั้งใจอันใดมันย่อมทราบ!


 


ท้าทายยอดฝีมือในรายนามนภาที่แข็งแกร่ง หากเอาชนะก็ช่วงชิงอันดับมาเป็นของตัวได้ทันที!


 


ส่วนยอดฝีมือในรายนามที่พ่ายแพ้ ก็จะถูกลบหายไปจากรายนามนภาทันที!


 


เหตุผลที่รายนามนภามีกฏว่าผู้แพ้ต้องถูกลบออกจากรายนามไปเลยโดยไม่ใช้การลดหลั่นอันดับนั้น ก็เพื่อป้องกันมิให้เกิดการฮั้วหรือจงใจยอมแพ้อะไรทำนองนั้น


 


“ใช่”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า เขาเองก็คิดเรื่องท้าทายชิงอันดับในรายนามนภามาสักพักแล้ว เพราะหากเขาติดอันดับในรายนามนภาเขาย่อมสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง และยกระดับฐานะในประเทศฝูเฟิงได้อย่างรวดเร็ว!


 


นอกจากนี้เขายังจะกลายเป็นที่รู้จักในเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนอีกด้วย


 


ต้วนหลิงเทียนไม่ได้คิดกระทำเพราะอยากอวดอ้างพลังฝีมือ แต่กระทำเพื่อให้เอื้อประโยชน์ต่อการตามหาตัวป๋ายลี่หงและสหายคนอื่น


 


“ปรมาจารย์ต้วน แม้ข้าจักมิกังขาในพลังฝีมือของท่าน หากแต่การท้าทายอันดับ 23 เลยเช่นนี้กลับเสี่ยงไปอยู่บ้าง เพราะน่ากลัวว่าตอนนี้พลังฝีมือของนาง…สมควรสูงส่งพอที่จะติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของรายนามนภาแล้ว!”


 


ซือถูหังกล่าวออกมาด้วยความยำเกรง


 


“เห? ทำไมท่านพูดแบบนั้นล่ะ?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอียงคอโค้งคิ้วด้วยสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมซือถูหังถึงประเมินอันดับที่ 23 ในรายนามนภาสูงขนาดนี้


 


“สตรีนางนี้กล่าวไปแล้วนางถือได้ว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะระดับตำนานของประเทศฝูเฟิงเราเลยก็ว่าได้…อายุนางยังมิได้มากมายอะไร กระทั่งยังอ่อนวัยกว่าปรมาจารย์ต้วนด้วยซ้ำ! นอกจากนี้ข้ายังทราบมาอีกว่า นางมีต้นกำเนิดอยู่ในทวีปมนุษย์อันไกลห่าง! แต่เหลือเชื่อนัก…นางเป็นสตรีที่มาจากทวีปมนุษย์แท้ๆหากแต่พลังฝีมือของนางกลับก้าวหน้าด้วยความเร็วอัศจรรย์ ใช้เวลาฝึกปรือในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเพียงแค่ครึ่งปีเท่านั้น ก็สามารถยกระดับพลังฝีมือได้อย่างปาฏิหาริย์ ถึงขั้นที่สามารถเอาชนะยอดฝีมืออันที่ 95 ในรายนามนภาลงได้! สุดท้ายเพียงเวลาไม่กี่ปี นางก็มาถึงอันดับที่ 23!”


 


วาจาท้ายประโยคของซือถูหังอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความยำเกรง “และตอนนี้มันผ่านมาครึ่งปีแล้ว ตั้งแต่วันที่นางได้รับอันดับที่ 23 ในรายนามนภา…”

 

 

 


ตอนที่ 1573

 

แม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอย


 


“วีรสตรีจากทวีปมนุษย์งั้นเหรอ?”


 


หลังได้ยินคำบอกเล่าจากซือถูหัง ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจไม่น้อย


 


สตรีนางนั้น กระทั่งประเทศฝูเฟิงยังยกให้เป็นสุดยอดอัจฉริยะระดับตำนาน!


 


แถมนางยังมีอายุน้อยกว่าเขา!


 


ยิ่งไปกว่านั้นฟังจากที่ซือถูหังบอก นางใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งปีก็สามารถยกระดับพลังฝึกปรือให้สูงขึ้นมาได้อย่างก้าวกระโดด เผยให้เห็นชัดว่านางมีอัจฉริยะภาพก้าวล้ำเหนือรุ่นเยาว์คนใดในประเทศฝูเฟิง!


 


และที่สำคัญคือสตรีนางนั้นเหมือนกันกับเขา มาจากทวีปมนุษย์!


 


‘ดูเหมือนว่านอกจากทวีปเมฆาล่องแล้ว ทวีปมนุษย์อีก 2 แห่งก็เต็มไปด้วยเสือซุ่มมังกรซ่อน’


 


ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าว


 


หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนได้ฟังเรื่องราวของยอดหญิงนางนี้ ความคิดแรกเลยก็คือนางสมควรมาจากทวีปมนุษย์อีก 2 ทวีปที่เหลือ ไม่ใช่จากทวีปเมฆาล่อง


 


เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็มาจากทวีปเมฆาล่อง หากมีสตรีที่โดดเด่นถึงเพียงนั้น ไหนเลยเขาจะไม่เคยได้ยินชือเสียงเรียงนามของนางมาก่อน…


 


แน่นอนว่าเขายังไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ที่นางจะมาจากทวีปเมฆาล่องเสียทีเดียว


 


เพราะบางทีนางอาจจะถ่อมตัวและเก็บงำพลังฝีมือที่แท้เอาไว้ก็เป็นได้…


 


“ว่าแต่…หากข้าสามารถเอาชนะนางได้ ข้าจะกลายเป็นคนมีชื่อเสียงในประเทศฝูเฟิงแน่ๆใช่ไหม?”


 


ต้วนหลิงเทียนมองจ้องซือถูหังพร้อมถาม


 


“แน่นอน”


 


ซือถูหังพยักหน้าอย่างมั่นใจ “หากท่านเอาชนะนางได้ไม่เพียงแต่ท่านจะมีชื่อเสียงโดงดังในประเทศฝูเฟิง…เกรงว่าชื่อเสียงท่านจะเลื่องลือไปทั่วเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนด้วยซ้ำ…”


 


หลังได้ยินคำของซือถูหังแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ตัดสินใจได้ “งั้นข้าจะท้าทายนาง!”


 


“ท่านตัดสินใจแล้ว?”


 


เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนที่ได้รับทราบความเป็นมาและรายละเอียดไปแล้ว แต่ยังกล้าตัดสินใจท้ารบ ซือถูหังก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามย้ำออกมา


 


“อ่า ข้าตัดสินใจดีแล้ว”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “ท่านช่วยจัดการให้ข้าได้หรือไม่?”


 


“เรื่องนี้มิได้ยากเย็นอันใดเลย…เพียงส่งสารท้าประลองถึงนางเท่านั้น!”


 


ซือถูหมิงกล่าวตอบค่อยพยักหน้า “ขอท่านปรมาจารย์ต้วนโปรดวางใจ ข้าจะรีบไปจัดการให้ท่านเอง!”


 


“เอาล่ะ รบกวนท่านแล้ว”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า แน่นอนว่าพอเห็นซือถูหังรับปากจัดการเรื่องนี้ให้ เขาก็วางใจไม่น้อย


 


หลังจากได้รับภาพเหมือนป๋ายลี่หงและคนอื่นจากต้วนหลิงเทียน ซือถูหังก็ออกไปตามหาผู้บิดา อันเป็นนำตระกูลซือถูทันที


 


พอได้รับทราบว่าต้วนหลิงเทียนมีศิษย์พี่ที่เป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาว และตราบใดที่สามารถหาตัวพบ อีกฝ่ายมีแนวโน้มจะเข้าร่วมกับตระกูลซือถู ซือถูฮ่าวก็บังเกิดความสนใจอย่างมาก


 


ซือถูฮ่าวเองก็คาดไว้แต่แรกว่าอย่างต้วนหลิงเทียนคงไม่รั้งอยู่ตระกูลซือถูนานนัก จะไม่ให้มันดีใจได้อย่างไร!


 


ถึงแม้มันจะไม่ได้รู้จักต้วนหลิงเทียนมานานอะไร แต่ไหนเลยมันจะบอกไม่ได้ว่าต้วนหลิงเทียนนับเป็นมังกรในหมู่มนุษย์! สักวันย่อมทะยานสู่ฟ้า ไม่อาจรั้งอยู่ในตระกูลซือถูอันกระจ้อยร่อยของพวกมันได้นาน


 


ด้วยเหตุนี้มันจึงลอบหนักใจอยู่หลายครั้ง


 


เพราะสุดท้ายแล้วหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนจากไป ฝ่ายมันก็จะไร้ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวทันที


 


ตอนนี้แม้ยังหาศิษย์พี่ของต้วนหลิงเทียนคนนั้นไม่พบ แต่อย่างน้อยๆ พวกมันก็พอได้เห็นแสงแห่งความหวังประหนึ่งเช้าวันใหม่รางๆ!


 


“ท่านพ่อ ท่านช่วยปรมาจารย์ต้วนตามหาศิษย์พี่กับสหายเถอะ…ส่วนข้าจะจัดการเรื่องส่งสารท้าประลองไปยังนิกายอัคคีล่องลอยเอง”


 


หลังจากส่งรูปเหมือนป๋ายลี่หงกับคนอื่นให้ซือถูฮ่าวแล้ว ซือถูหังพลันกล่าวแจ้งอีกเรื่องออกมา


 


“ส่งสารท้าประลองไปยังนิกายอัคคีล่องลอย??”


 


ได้ยินคำของซือถูหัง คิ้วซือถูฮ่าวอดขมวดเป็นปมเสียไม่ได้ “เกิดอันใดขึ้น? เจ้าไปมีเรื่องราวบาดหมางกับคนของนิกายอัคคีเลื่อนลอยตั้งแต่เมื่อไหร่?”


 


ครู่ต่อมาสีหน้าของซือถูฮ่าวพลันเคร่งขึ้นหลายส่วน


 


นิกายอัคคีล่องลอยเป็นขุมพลังชั้น 7 ของประเทศฝูเฟิง ความแข็งแกร่งไม่ได้ต้อยต่ำไปกว่าตระกูลซือถูของมันเลย!


 


ตอนนี้พอมาได้ยินว่าบุตรชายของมันจะส่งสารท้าประลองไปถึงนิกายอัคคีล่องลอย ความคิดแรกคือมีเรื่องบาดหมางอะไรกัน!


 


ในความเห็นของมันนี่ไม่ใช่เรื่องดีแม้แต่น้อย


 


“ท่านพ่อ ท่านเข้าใจผิดแล้ว…”


 


ซือถูหังส่ายหน้าไปมา “ไม่ใช่ข้าส่งสารท้าประลองไปเพราะข้ามีเรื่องบาดหมางอะไรกับคนของนิกายอัคคีล่องลอย…แต่เป็นปรมาจารย์ต้วนวานให้ข้าไปส่งสารท้าประลองแทนเขา”


 


“ปรมาจารย์ต้วน?”


 


ซือถูฮ่าวยิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้น “ปรมาจารย์ต้วนมีเรื่องบาดหมางกับนิกายอัคคีล่องลอยหรือ?”


 


“เปล่า”


 


ซือถูหังส่ายหน้าไปมา และไม่รอให้ซือถูฮ่าวถามอะไรอีก เพียงกล่าวบอกเหตุผลการไปส่งสารท้าประลองครั้งนี้ทันที “เป็นปรมาจารย์ต้วนคิดท้าทายอันดับที่ 23 ในรายนามนภา…ส่งสารไปยังนิกายอัคคีล่องลอยครั้งนี้ ก็เพื่อท้าประลองกับแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอย”


 


“ส่งสารท้าประลองให้แม่นางเฟิ่ง?!”


 


พอได้ทราบว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้มีเรื่องราวบาดหมางกับนิกายอัคคีล่องลอยซือถูฮ่าวก็อดไม่ได้ที่จะโล่งใจ หากทว่าหลังได้ยินวาจาต่อมาของบุตรชาย ลูกตามันก็อดไม่ได้ที่จะเผยความสับสน “ผู้ที่ติดอันดับในรายนามนภาของประเทศฝูเฟิงเราก็มีไม่น้อย…ไฉนปรมาจารย์ต้วนกลับเลือกที่จะท้าทายแม่นางเฟิ่งเล่า?”


 


“แม่นางเฟิ่งผู้นั้นมิใช่ตัวตนธรรมดา!”


 


วาจาท้ายประโยคของซือถูฮ่าวเผยความกริ่งเกรงไม่น้อย!


 


เพราะไม่ว่าจะเป็นซือถูหัง ซือถูฮ่าวหรือแม้แต่ผู้คนส่วนใหญ่ในประเทศฝูเฟิง ก็รู้กันดีว่าแม่นางเฟิ่งผู้นี้พึ่งผงาดขึ้นมาในเวลาเพียงแค่ไม่กี่ปี!


 


สำหรับชื่อเต็มของแม่นางเฟิ่ง พวกมันไม่มีผู้ใดล่วงรู้!


 


กระทั่งในนิกายอัคคีล่องลอยเองก็มีน้อยคนนักที่รู้จักชื่อแซ่เต็มๆของแม่นางเฟิ่ง!


 


ในนิกายอัคคีล่องลอย ไม่ว่าจะอาวุโสของนิกาย ศิษย์สาวกอะไรล้วนเรียกหานางว่าแม่นางเฟิ่งทั้งสิ้น…และนางก็เป็นถึงศิษย์ปิดสำนักของประมุขนิกายอัคคีล่องลอย! หลังจากที่นางเข้าสู่นิกายได้ไม่กี่ปีนางก็ได้ถูกวางตัวให้เป็นว่าที่ประมุขนิกายอัคคีล่องลอยคนต่อไป! ทั้งยังเป็นมือหนึ่งของรุ่นเยาว์ในสำนักอัคคีล่องลอยอีกด้วย!!


 


ปีที่แล้วนางเป็นที่รู้จักกันดี ว่าเป็นสุดยอดฝีมืออันดับหนึ่งในขอบเขตสู่เซียนของนิกายอัคคีล่องลอย!


 


“ท่านพ่อแม่นางเฟิ่งมิธรรมดา…หรือท่านคิดว่าปรมาจารย์ต้วนเป็นคนธรรมดา”


 


พอได้ยินคำนี้ของซือถูหัง ซือถูฮ่าวอดไม่ได้ที่จะยิ้มแห้งๆด้วยความกระดากใจ


 


“ปรมาจารย์ต้วนย่อมมิใช่ธรรมดา จากที่อาวุโสโฮ่วกล่าวบอก วันแรกที่ปรมาจารย์ต้วนถูกทดสอบ พลังฝีมือท่านสมควรติดอันดับในรายนามนภาแน่นอน! อย่างไรก็ตามถึงแม้ปรมาจารย์ต้วนจักติดอันดับในรายนามนภาได้ แต่ก็อาจเอาชนะแม่นางเฟิ่งไม่ได้! เวลาผ่านมาครึ่งปีเช่นนี้ สมควรมากพอให้แม่นางเฟิ่งยกระดับพลังฝีมือจนสูงพอติด 10 อันดับแรกในรายนามนภาแล้ว!”


 


วาจาประโยคหลังของซือถูฮ่าวเห็นชัดว่าไม่ได้มองต้วนหลิงเทียนในแง่ดีเลย


 


“ท่านพ่อ ข้าเองก็กล่าวบอกเรื่องนี้กับปรมาจารย์ต้วนไปแล้ว…แต่ทว่าหลังจากที่รู้ ปรมาจารย์ต้วนก็ยังเต็มไปด้วยความมั่นใจ ข้าเชื่อว่าคนอย่างปรมาจารย์ต้วนไม่ใช่คนวู่วามทำอะไรโดยประมาท”


 


ในวาจาซือถูหังเห็นชัดว่าตีค่าต้วนหลิงเทียนไว้สูงลิบ!


 


แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนเป็นผู้ที่ฉุดมันขึ้นมาจากประตูยมโลก ช่วยชีวิตของมันเอาไว้!


 


ไหนเลยมันจะไม่เข้าข้างต้วนหลิงเทียนได้!!


 


“เอาล่ะ ในเมื่อปรมาจารย์ต้วนอยากประลองกับนาง เจ้าก็ไปส่งสารท้าประลองถึงแม่นางเฟิ่งในนามปรมาจารย์ต้วนเถอะ…หลังจากส่งสารท้าประลองแล้ว ข้าจะให้อาวุโสโฮ่วพาเจ้ากับปรมาจารย์ต้วนไปยังนิกายอัคคีล่องลอยเพื่อประมือกับแม่นางเฟิ่งเอง…หากมิใช่เพราะข้ามีเรื่องราวที่ต้องจัดการในตระกูลล้นมือ ข้าเองก็อยากไปนิกายอัคคีล่องลอยด้วยตัวเอง เพื่อยลโฉมแม่นางเฟิ่งผู้นี้สักครา…”


 


ซือถูฮ่าวกล่าวออกมา ในวาจาเผยให้เห็นถึงความสนใจในตัวแม่นางเฟิ่งที่ว่าไม่น้อย


 


ถึงแม้ว่าแม่นางเฟิ่งผู้นี้จะโด่งดังขึ้นมาจนผู้คนรู้จักไปทั่ว แต่มันเองก็ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายเลยสักครั้ง


 


“ข้าได้ยินว่าแม่นางเฟิ่งผู้นี้งดงามประหนึ่งธิดาสวรรค์จุติลงมาเกิด มีอำนาจถึงขั้นล่มเมืองได้ทีเดียว…คราวนี้ข้าติดตามปรมาจารย์ต้วนไป คงได้ยลโฉมนางเป็นบุญตาแล้ว…”


 


ซือถูหังกกล่าวออกมาพร้อมหัวเราะ


 


“ตามใจเจ้าเถอะ แต่หลังจากที่เสร็จเรื่องการท้าประลองของปรมาจารย์ต้วนกับแม่นางเฟิ่งแล้ว เจ้าก็ติดตามข้าเข้าวังหลวง เพื่อหารือเรื่องพิธีวิวาห์ระหว่างเจ้ากับองค์หญิงชิวหมิงเถอะ”


 


ซือถูฮ่าวพลันกล่าวย้ำเตือนเรื่องหนึ่งออกมา พร้อมฉีกยิ้ม


 


หลังจากได้ยินเรื่องนี้ ซือถูหังอดไม่ได้ที่จะบังเกิดอาการเขินอายถึงขั้นหูแดง ยังเร่งรุดหลบหนีหน้าบิดาไปเสียอย่างนั้น…


 


“เด็กน้อยนี้ โตขนาดนี้แล้วแต่ยังคงนิสัยขี้อายนัก…”


 


เมื่อเห็นซือถูหังเขินจนหลบหน้าจากไป ซือถูฮ่าวอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนในแววตาแฝงไปด้วยความรัก


 


ต้องบอกเลยว่าซือถูหังนั้นเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของมันจริงๆ


 


ไม่ถึง 2 วันสารท้าประลองของต้วนหลิงเทียนที่ซือถูหังร่าง และใช้ให้คนของตระกูลซือถูไปส่ง ก็บรรลุถึงนิกายอัคคีล่องลอย…


 


กล่าวให้ชัดมันส่งถึงมือศิษย์เฝ้าประตูนิกายอัคคีล่องลอย


 


“แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู ท่านต้วน…ต้องการท้าประลองกับ แม่นางเฟิ่ง อันดับที่ 23 ในรายนามนภา?”


 


พอศิษย์นิกายอัคคีล่องลอยได้เห็นสารท้าประลอง สองตาทั้งหลายก็เบิกกว้างทันที “ไร้ชื่อเสียงเรียงนามอันใดแท้ๆ แต่กล้าเรียกหาตัวเองว่า ท่านต้วน…คนผู้นี้ช่างกล้านัก! มันคิดหรือว่าสามารถเทียบกับแม่นางเฟิ่งของนิกายอัคคีล่องลอยพวกเราได้!? ตัวโง่งมอีกคนที่หาเรื่องขายขี้หน้า!!”


 


ในฐานะที่เป็นศิษย์ทำหน้าที่เฝ้าประตูนิกายอัคคีล่องลอย แม้มันจะไม่ได้มาทำหน้าที่ทุกวัน แต่ตลอดปีที่ผ่านมาก็ได้รับสารท้าประลองมาไม่ต่ำกว่า 10 ฉบับ!


 


เนื้อหาของสารท้าประลองของทั้งหมดล้วนแล้วแต่คิดท้าทายแม่นางเฟิ่งทั้งสิ้น!


 


ถึงแม้จะมีผู้ท้าชิงมากมาย แต่ผลลัพธ์เดียวที่ทั้งหมดได้รับกลับไป…คือแพ้พ่ายคามือแม่นางเฟิ่ง!


 


ด้วยชื่อเสียงที่เลื่องลือขึ้นมาของแม่นางเฟิ่ง นับวันยิ่งมีสารท้าประลองส่งมาน้อยฉบับลงทุกที! กระทั่งเดือนที่แล้วก็ไม่มีมาแม้แต่ฉบับเดียว!!


 


ทว่าไม่คิดเลยว่าพึ่งผ่านมาได้แค่เดือนเดียวกลับมีสารท้าประลองส่งมาอีกฉบับแบบนี้!


 


นอกจากนี้บุรุษที่แส่หาเรื่องเจ็บตัวขายหน้าคราวนี้ยังวางท่าไม่เผยนามออกมา เพียงลงนามอย่างถือดีไว้ว่า ท่านต้วน เท่านั้น!


 


หากต้วนหลิงเทียนได้รู้ความในใจของศิษย์นิกายอัคคีล่องลอยเขาคงอดไม่ได้ที่จะสลดใจ เพราะตัวเขาเองแท้ๆยังไม่รู้เลยว่าความในสารเป็นอย่างไร…


 


หากสารประลองใบนี้เป็นเขาที่เขียนมันเองกับมือ เขาย่อมลงชื่อเต็มของตัวเองมาแล้ว


 


ทว่าด้วยความที่ผู้ที่ร่างสารท้าประลองฉบับนี้กลับเป็นซือถูหัง และซือถูหังเองก็เคารพนับถือเขาเป็นอย่างมาก อีกฝ่ายย่อมไม่กล้าเขียนชื่อแซ่เต็มๆของเขาโดยตรง


 


ท่านต้วน ในสายตาของซือถูหังนั้น เป็นคำเรียกหาที่ให้ความเคารพ! และมันก็แสดงความเคารพต่อต้วนหลิงเทียนออกมาในรูปแบบนี้!


 


“ตระกูลซือถู? ตระกูลซือถูที่อยู่ในเมืองหลวงน่ะหรือ?”


 


ศิษย์คนหนึ่งของนิกายอัคคีล่องลอยพอได้ยินก็นึกสงสัยขึ้นมา


 


“ดูเหมือนว่าจะใช่นะ”


 


ศิษย์ที่อ่านสารกล่าวตอบ


 


“อืม…ลงไว้ว่าแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูอีกด้วย หรือตระกูลซือถูมิกลัวขายหน้า?”


 


ศิษย์อีกคนกล่าวออก


 


“ถึงแม้แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูอย่างท่านต้วนบ้าบออันใดนี่จักแพ้พ่ายไป ก็คงมีผลกระทบต่อตระกูลซือถูแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นล่ะ…เพราะอย่างไรเสีย แม่นางเฟิ่งของนิกายอัคคีล่องลอยพวกเรา ก็คือสุดยอดอัจฉริยะที่รู้จักกันดีในนามสุดยอดฝีมืออันดับ 1 ในขอบเขตสู่เซียนของประเทศฝูเฟิง! สำหรับอันดับที่ 11 ในรายนามนภานั่น มันดีแต่หลบหน้าไม่กล้าสู้กับแม่นางเฟิ่งด้วยซ้ำ หาไม่แล้วอันดับที่ 11 คงเปลี่ยนมือไปนานแล้ว!”


 


“ข้าเองก็ได้ยินจากผู้อาวุโสมาว่า…พลังฝีมือของแม่นางเฟิ่งยามนี้สมควรก้าวไปอยู่ใน 10 อันดับแรกได้สบายๆ!”


 


……


 


แต่ละคำที่กล่าวออกมาของศิษย์นิกายอัคคีล่องลอย เห็นชัดว่าเทิดทูนและยกย่องแม่นางเฟิงมากมายเพียงใด!

 

 

 


ตอนที่ 1574

 

ต้วนหรูเฟิงที่ทะยานขึ้นมาดั่งจรวด


 


ที่ตั้งของนิกายอัคคีล่องลอยนั้น ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่ใจกลางที่มีภูเขาไฟล้อมรอบ


 


แน่นอนว่าภูเขาไฟหลายลูกที่อยู่บริเวณนี้นอกจากลูกที่ตั้งติดกับพื้นที่ตรงกลางที่ยังคุกรุ่นอยู่เสมอ ลูกอื่นนั้นเป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทไปแล้วทั้งสิ้น


 


เขตในกับเขตนอกของนายก็แบ่งแยกกันในพื้นที่ระหว่างภูเขาไฟที่ดับกับยังคุกรุ่นอยู่


 


พื้นที่ๆภูเขาไฟยังคุกรุ่นอยู่นั้น กล่าวไปยังเป็นเขตหวงห้ามของนิกายอัคคีล่องลอย ยังเป็นพื้นที่อันพิเศษของเขตใน เพราะมันเป็นสถานที่บ่มเพาะพลังของตัวตนในขอบเขตเซียนของนิกาย


 


โดยปกติแล้วพื้นที่ส่วนนี้จะอนุญาตให้แต่ผู้อาวุโสฝ่ายในระดับสูงๆเท่านั้นที่สามารถเข้ามาได้ แน่นอนว่ายังต้องมีเรื่องที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น…


 


อย่างไรก็ตามเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา กฏดังกล่าวกลับต้องถูกละเว้นไปเพื่อคนๆหนึ่ง!


 


ยังเป็นคนแรกที่ไม่ได้บรรลุขอบเขตเซียน แต่สามารถมาฝึกฝนบ่มเพาะพลังในพื้นที่ต้องห้ามส่วนนี้ของนิกายอัคคีล่องลอยได้! นอกจากนี้นางยังเป็นศิษย์ปิดสำนักของประมุขนิกายอัคคีล่องลอย ที่รู้จักกันดีในนาม ‘แม่นางเฟิ่ง’


 


ตอนนี้หลายคนยังจดจำได้ดีว่ายามที่นางมาถึงนิกายเป็นครั้งแรก ทั้งหลายต่างพากันอิจฉากันขนาดไหน ยังซุบซิบนินทาว่าร้ายกันอย่างไร…


 


ทั้งหมดคิดว่าเพียงเพราะนางโชคดีที่มีอาจารย์เป็นประมุขนิกาย ทำให้สามารถลอบเข้าประตูหลังมาได้เช่นนี้ อีกทั้งยังร่ำลือกันว่านางมีวาจาประจบประแจงเป็นเลิศ ประมุขถึงกล้าละเว้นกฏดังกล่าวให้นางเข้ามาฝึกปรือในพื้นที่หวงห้าม อันเป็นสถานที่ๆมีพลังวิญญาณฟ้าดินหนาแน่นที่สุด…


 


ต้องทราบด้วยว่าก่อนหน้านี้ประมุขนิกายอัคคีล่องลอย เคยรับศิษย์ส่วนตัวไว้ 2 คน อนิจจาไร้ผู้ใดได้รับอภิสิทธิ์ดั่ง แม่นางเฟิ่ง สักคน! ไม่อาจเข้ามาฝึกฝนบ่มเพาะในพื้นที่ต้องห้ามของนิกายแบบนาง..


 


อย่างไรก็ตามหลังจากวันนั้นผ่านมาไม่กี่ปี ก็ไม่มีใครกล้ากล่าวนินทาว่าร้าย แม่นางเฟิ่ง ผู้นี้อีกต่อไป และไม่มีใครกล้าคิดว่านางไร้คุณสมบัติบ่มเพาะในพื้นที่อันประเสริฐแห่งนี้แม้คนเดียว!


 


ล้อกันเล่นหรือไร!


 


จากความสำเร็จที่นางเผยออกมาทุกวันนี้ นางถูกลิขิตมาแล้วเต็มสิบส่วนว่าต้องบรรลุขอบเขตเซียนได้แน่ๆ อีกทั้งพลังฝีมือในภายภาคหน้าย่อมไม่มีทางต่ำต้อยไปกว่าประมุขนิกายและยอดฝีมืออันเป็นเสาหลักของนิกายแน่นอน


 


นั่นเพราะให้เป็นประมุขนิกายและอาวุโสขอบเขตเซียนทั้งหลาย ตอนที่ทั้งหมดมีอายุเท่านาง ไม่มีผู้ใดมีความสำเร็จได้ถึงครึ่งของนางสักคน!


 


ดังนั้นไม่ว่าจะสูงหรือต่ำในนิกาย ไม่มีใครหาญกล้าว่าร้ายนางสืบไป


 


ในบริเวณใจกลางของพื้นที่ต้องห้ามของนิกาย มีลานแห่งหนึ่งถูกสร้างไว้อยู่กลางภูเขา


 


ในลานเต็มไปด้วยแปลงดอกไม้อันเขียวขจี มีไม้ดอกไม้ประดับงดงามยากจะเห็น ปลูกเรียงรายกันเป็นระเบียบ ให้ความรู้สึกสงบเงียบนัก


 


ถัดจากลานก็เป็นบ้านหลังหนึ่ง และยามนี้ก็ปรากฏร่างสตรีในชุดสีแดงเพลิงปานเทพธิดาอัคคีเปิดประตูเดินเข้ามาในลานอย่างเงียบงัน


 


ผมยาวสลวยของนางทอดยาวลงมาถึงเอวบางดั่งม่านน้ำตก รูปโฉมพวงพักต์แลดูสมบูรณ์ไร้ตำหนิ แม้นกล่าวว่าธิดาสวรรค์จุติลงมาเกิดยังไม่เกินเลย


 


คิ้วโค้งงาม ดวงตากระจ่างใส จมูกเล็กโด่งสัน ริมฝีปากอวบอิ่มขึ้นสีดั่งอิงเถา ทั้งหมดลงตัวปานภาพวาดที่รังสรรมาจากเซียนสวรรค์…


 


ไม่ใช่คำกล่าวเกินเลยแม้แต่น้อย หากจะบอกว่าสตรีชุดแดงนางนี้ เป็นโฉมงามล่มเมือง!


 


“ยังอีกแค่ก้าวเดียว…”


 


สตรีนางนั้นพึ่งออกมาจากบ้านและยืนอยู่ในลานได้ไม่นาน นางก็ถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนล้า “พี่ใหญ่ต้วน…อีกไม่นานเทียนหวู่จะไปหาท่านแล้ว…ท่านอาจารย์กล่าวไว้ตราบใดที่ข้าทะลวงถึงขอบเขตเซียนเมื่อใด ท่านอาจารย์จะวางใจให้ข้าออกจากดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ากลับไปยังทวีปเมฆาล่อง…พี่ใหญ่ต้วนท่านรอข้านะ อีกแค่ก้าวเดียวข้าก็จะทะลวงผ่านจุดรอคอยสุดท้ายและบรรลุเซียนแล้ว…”


 


ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อใด หากแต่สตรีโฉมงามนางนั้นกลับแหงนมองฟ้าทิศใต้ ด้วยสายตาเปี่ยมความหวัง


 


สุดท้ายก็กลับกลายเป็นเลื่อนลอยท่วมท้นไปด้วยคะนึงหา…คล้ายใจของนางลอยละลิ่วปลิวเหินข้ามเมฆไปยังแดนไกล


 


อย่างไรก็ตามไม่นานกลับมีร่างหนึ่งมาเยือนถึงที่ทำให้นางหลุดออกจากห้วงคิดแสนหวาน และผู้ที่พึ่งมาถึงก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น สื่ออวิ๋น ประมุขนิกายอัคคีล่องลอย


 


สื่ออวิ๋นนั้นเป็นสตรีที่แลดูสง่างามทั้งเต็มไปด้วยกลิ่นอายสูงส่งมากบารมี ใบหน้าของนางสะอาดหมดจดทั้งยังเต็มไปด้วยความสมบูรณ์แบบ เผยให้เห็นว่าครั้งยังเยาว์นางก็ไม่ได้งดงามด้อยไปกว่าสตรีที่เรียกหาตัวเองว่า เทียนหวู่ เลย


 


“เทียนหวู่”


 


ทันทีที่สื่ออวิ๋นปรากฏตัวนางก็เดินมาหยุดข้างสตรีในชุดแดงเพลิงและเรียกหาทันที ยังผลให้สตรีชุดแดงต้องหลุดจากภวังค์กลับมามีสติอีกครั้ง


 


“อาจารย์”


 


ต่อหน้าสื่ออวิ๋น สตรีในชุดแดงเพลิงเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ เพราะนางมีอย่างทุกวันนี้ได้ทั้งหมดเป็นเพราะอีกฝ่าย


 


“เจ้าเตรียมตัวเอาไว้…อีกครึ่งเดือนหลังจากนี้ แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู จะมาเยือนนิกายเราและต้องการประลองกับเจ้า”


 


สื่ออวิ๋นยกมือขึ้นปรากฏสารม้วนหนึ่ง ยื่นส่งไปให้สตรีชุดแดง


 


“ตระกูลซือถู? ตระกูลซือถูในเมืองหลวงน่ะหรือ?”


 


สตรีชุดแดงรับสารท้าประลองมาด้วยความสงสัย


 


“มิผิด เป็นตระกูลซือถูในเมืองหลวง…หากแต่แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูผู้นี้ ข้าได้ยินมาว่ามันมิใช่ธรรมดา ยามประลองกับมันเจ้าก็อย่าได้ประมาทไป”


 


สื่ออวิ๋นกล่าวเตือน


 


“อื้อ”


 


สตรีชุดแดงพยักหน้ารับเบาๆ ค่อยคลี่สารท้าประลองออกอ่าน เมื่อเห็นคำว่า ‘ต้วน’ นางอดไม่ได้ที่จะอื้ออึงไปเล็กน้อย


 


“ท่านต้วน? ชื่อเต็มไม่ระบุ..ท่าทางจะหยิ่งยะโสไม่น้อย”


 


สตรีชุดแดงกล่าว


 


“มิว่ามันจะเป็นผู้ใด จะหยิ่งยะโสหรือไม่…ข้าก็เชื่อมั่นในตัวเจ้า”


 


สื่ออวิ๋นกล่าว


 


ขณะเดียวกันทางด้านเมืองหลวงของประเทศฝูเฟิง ซือถูหังก็ได้กลับมาหาต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง


 


“ปรมาจารย์ต้วน ข้าได้ส่งสารท้าประลองให้ท่านแล้ว…อีกครึ่งเดือนหลังจากนี้ ท่านจะประลองกับ แม่นางเฟิ่ง แห่งนิกายอัคคีล่องลอยอย่างเป็นทางการ”


 


หลังจากพบต้วนหลิงเทียน ซือถูหังก็เปิดประตูเห็นภูผากล่าวรายงานทันที


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า จากนั้นลูกตาค่อยทอประกายเรืองขึ้นมาวูบหนึ่งถามว่า “ศิษย์สตรีของนิกายอัคคีล่องลอยที่ร้ายกาจคนนี้ นางแซ่ เฟิ่ง งั้นเหรอ?”


 


“ใช่”


 


ซือถูหังพยักหน้า


 


“แซ่เฟิ่งจากทวีปมนุษย์…หรือจะเป็นเทียนหวู่กัน?”


 


กระทั่งต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่ทราบว่าไฉนอยู่ดีๆถึงบังเกิดความคิดนี้ขึ้นมา


 


“ท่านรู้จักชื่อแซ่เต็มๆของแม่นางเฟิ่งผู้นี้หรือไม่?”


 


ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ค่อยถามซือถูหังออกไป


 


“เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้”


 


ซือถูหังส่ายหัวไปมา “ที่จริงอย่าว่าแต่ข้าเลยท่านปรมาจารย์ต้วน น่ากลัวว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศฝูเฟิง…กระทั่งคนในนิกายอัคคีล่องลอยเอง ก็ไม่ได้ล่วงรู้ถึงชื่อแซ่เต็มๆของนางด้วยซ้ำ…”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับอีกรอบ ก่อนที่จะส่ายหัวไปมาเบาๆ ล้มเลิกความคิดที่แม่นางเฟิ่งจะเป็น เฟิ่งเทียนหวู่ ออกไปทันที


 


‘ไม่น่าเป็นเทียนหวู่ไปได้ แม้ศักยภาพของเทียนหวู่จะดี แต่นั่นก็แค่ในทวีปเมฆาล่อง…ถึงนางจะมีรากฐานดีเพียงไหน แต่ก็ไม่น่าจะยกระดับพลังฝึกปรือขึ้นมาได้พรวดพราดหลังมาถึงดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้อย่างเหลือเชื่อแบบนี้’


 


เมื่อคิดถึงความสำเร็จที่ร่ำลือกันของ แม่นางเฟิ่ง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ต้วนหลิงเทียนก็ขจัดความสงสัยที่ว่านางอาจจะเป็นเฟิ่งเทียนหวู่ไปหมดสิ้น


 


อย่างไรก็ตามพอนึกถึงเฟิ่งเทียนหวู่ขึ้นมา ใจต้วนหลิงเทียนก็อดรู้สึกเศร้าไปเสียไม่ได้ ‘เทียนหวู่ เจ้าไปอยู่ไหนแล้ว…รู้หรือไม่ว่าพี่ใหญ่ต้วนกำลังตามหาเจ้าอยู่’


 


เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนคล้ายจมอยู่ในห้วงอารมณ์ และท่าทางจะเป็นเอามากไม่น้อย ซือถูหังก็ไม่กล้ารบกวนอะไรเร่งเดินจากไปอย่างเงียบๆทันที


 


มันรู้ดีว่าตอนนี้สิ่งที่มันควรทำที่สุดคือไม่รบกวนเวลาของปรมาจารย์ต้วน


 


ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า เผ่าพันธุ์มังกร


 


เผ่าพันธุ์มังกรนั้น สถานที่อยู่ของพวกมันเป็นอะไรที่ลึกลับสำหรับผู้ฝึกยุทธ์และผู้ฝึกเต๋าในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านัก อย่างไรก็ตามต่อให้รู้…ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครจะเข้าไปได้!


 


ทว่าสำหรับบางคน การบุกมาเยือนรังมังกรถึงที่แบบนี้ ก็ง่ายดายเสมือนเดินชมสวนว่างร้างผู้คน…


 


ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งพร้อมร่างชราในชุดคลุมลมดำ บุกเข้ามาถึงที่ซ่อนเผ่าพันธุ์มังกรดื้อๆ! อย่างที่ไม่คิดจะปกปิดอะไรแม้แต่น้อย ยังคล้ายจะบุกเข้ามาอย่างดุดันด้วยซ้ำ!!


 


นั่นเพราะความเร็วในการพุ่งร่างเข้ามาของทั้งคู่มันเหนือชั้นเกินไป จนผู้ที่เฝ้าปากทางเข้ารังมังกร ไม่แม้แต่จะตอบสนองอันใดได้ทัน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนล่วงล้ำเข้าถิ่นที่อยู่ของมันไปแล้ว…


 


ร่างที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงจากขอบฟ้าไกลไม่ใช่ใครอื่นนอกจากต้วนหรูเฟิง จ้าวตำหนักเมฆาครามและกู่มี่ หนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีพลังสามารถสูงส่ง…


 


แต่เดิมด้วยความเร็วของต้วนหรูเฟิง สมควรบุกมาถึงรังมังกรในเวลาอันสั้นหลังจากที่ออกจากสำนักจันทร์จรัสแสง


 


ทว่าขณะที่เดินทางมาถึงครึ่งทาง กลับต้องเจอปัญหาบางอย่าง


 


‘ไม่คิดเลยว่าคนของลัทธิบูชาไฟ จะลงมาจากภูมิภาคเบื้องบนมาเยือนภูมิบาคเบื้องล่างแบบนี้…หากเข้าใจไม่ผิด คนที่มันประกาศตามหาไปทั่วก็คือลูกสะใภ้ของข้าอย่างเค่อเอ๋อ เป็นแน่!’


 


แม้จะบุกเข้ามาถึงรังมังกรแล้วแต่ต้วนหรูเฟิงก็ไม่ได้สนใจอะไรในเผ่าพันธุ์มังกรแม้แต่น้อย


 


จิตใจยังจมอยู่กับความคิดยามเผชิญหน้ากับคนองลัทธิบูชาไฟก่อนหน้า


 


คนกลุ่มนั้นของลัทธิบูชาไฟนับว่าพลังฝีมือไม่ใช่ชั่วเลย แต่ละคนล้วนอ่อนด้อยกว่ากู่มี่แค่เล็กน้อยเท่านั้น…หากทั้งกลุ่มกลุ้มรุม กระทั่งกู่มี่ก็ไม่น่าจะเอาชนะพวกมันได้


 


และหลังจากที่ต้วนหรูเฟิงลงมือด้วยตัวเองจัดการคนทั้งกลุ่มจนตกตายเกือบหมด และเหลือคนสุดท้ายไว้ใช้ทักษะลี้ลับควาญวิญญาณ จึงได้ทราบว่าพวกมันไม่ใช่ตัวตนสำคัญอันใดในลัทธิบูชาไฟ


 


แน่นอนว่าในเมื่อมันไม่ใช่คนสำคัญอะไรในลัทธิบูชาไฟ พวกมันก็ไม่ได้มีข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์มากนัก


 


ต้วนหรูเฟิงพบว่า พวกมันลงมายังภูมิภาคเบื้องล่างคราวนี้ เพราะกำลังตามหาคนสำคัญของลัทธิบูชาไฟที่หายตัวไปนานปี…ธิดาเทพ


 


จากเบาะแสที่ต้วนหลิงเทียนบุตรชายของมันทิ้งไว้ที่ทวีปเมฆาล่อง ทำให้ต้วนหรูเฟิงอนุมานได้ว่า ธิดาเทพที่ลัทธิบูชาไฟกำลังตามหาสมควรเป็นเค่อเอ๋อ ที่ได้ถูกสตรีนางหนึ่งที่กล่าวว่าเป็นพี่สาวและอ้างว่ามาจากลัทธิบูชาไฟพาตัวไปแล้ว


 


ถึงแม้มันจะไม่เคยเห็นเค่อเอ๋อมาก่อน แต่ก็ไม่ได้ไม่รู้จักเรื่องราวของนางอะไร


 


นั่นเพราะมันมักจะได้ยินภรรยากล่าวถึงเค่อเอ๋ออยู่บ่อยครั้ง ว่าลูกสะใภ้คนนี้เติบโตมาด้วยกันกับต้วนหลิงเทียน ทั้งเรื่องราวต่างๆความเป็นมาของนาง ภรรยามันก็เล่าให้ล่วงรู้หมดสิ้น


 


ฟุ่บ!


 


สายลมหอบหนึ่งพัดมาฉับไว ปรากฏเป็นร่างชายชราในชุดคลุมสีแดงฉานผุดโผล่ขึ้นมาปิดกั้นต้วนหรูเฟิงและกู่มี่เอาไว้


 


ต้วนหรูเฟิงได้สังเกตเห็นถึงการมาของคนผู้นี้แต่แรก จึงหยุดคิดเรื่องราวอะไร และหยุดร่างลง


 


“ข้าล่ะกำลังสงสัยอยู่นัก ว่าผู้ใดมันกล้าบุกรุกเผ่าพันธุ์มังกร…ที่แท้ก็เป็นเจ้าเองหรือ เจ้าเฒ่ากู่มี่”


 


ชายชราในชุดคลุมสีแดงเลือดหันไปมองกู่มี่ด้วยความสนใจทันที เห็นชัดว่ามันรู้จักกันกับกู่มี่มาก่อน


 


หลังจากนั้นมันก็เบนตาไปมองยังร่างต้วนหรูเฟิงที่ลอยร่างอยู่ด้านหน้ากู่มี่ ถึงแม้มันจะไม่รู้จักมักคุ้นกับต้วนหรูเฟิง แต่ก็ไม่ยากอะไรที่จะเดาฐานะของอีกฝ่ายออก จากการสังเกตเห็นท่าทางเรียบๆร้อยๆของกู่มี่ที่ยืนประกบอยู่ด้านหลังแบบนี้


 


“ยินดีที่ได้พบ ท่านจ้าวตำหนักเมฆาคราม”


 


หลังจากคาดเดาความเป็นมาของชายวัยกลางคนเบื้องหน้าออก ชายชราก็ค่อยโค้งคารวะกล่าวทักอีกฝ่ายอย่างสุภาพ


 


ต้วนหรูเฟิง จ้าวตำหนักเมฆาคราม ใช้เวลาไม่ถึง 40 ปีด้วยซ้ำ ในการก้าวขึ้นมาถึงจุดๆนี้!


 


ระยะเวลา 40 ปี สำหรับเผ่าพันธุ์มังกรแล้ว เสมือนนอนหลับฝันไปตื่นหนึ่งเท่านั้น!


 


หากทว่าเพียงระยะเวลาอันสั้น ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ากลับบังเกิดยอดคนเช่นนึ้นมาได้ ยอดคนที่ว่าไม่ใช่ใครอื่นเป็นต้วนหรูเฟิงเอง!


 


ใช้เวลาไม่ถึง 40 ปี ต้วนหรูเฟิงก็สามารถครองอำนาจในตำหนักเมฆาครามได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และนั่นคือขุมพลังที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเผ่าพันธุ์มังกรของมันเลย เสมือนจ้าวในที่แจ้งกับผู้ยิ่งใหญ่ในความมืดก็ไม่ปาน


 


ถึงแม้ต้วนหรูเฟิงจะอายุน้อยกว่ามันเป็นรอบๆ แต่มันไม่กล้าละเลยท่าทีปฏิบัติต่ออีกฝ่ายแม้แต่น้อย


 


เพราะมันรู้ดีว่าพลังฝีมือของต้วนหรูเฟิงเหนือล้ำกว่ามันไปมาก กระทั่งยังเทียบได้กับผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรของพวกมันด้วยซ้ำ!


 


ทั้งพลังและสถานะของต้วนหรูเฟิง คือตัวตนที่ทัดเทียมกับผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรอย่างแท้จริง!

 

 

 


ตอนที่ 1575

 

กู่มี่แห่งตำหนักเมฆาคราม?


 


“ท่านจ้าวตำหนัก นั่นเป็นมังกรโลหิต 5 กรงเล็บของเผ่าพันธุ์มังกร เฉวี่ยฉาน”


 


ในขณะที่ชายชราในชุดคลุมสีแดงเลือดกล่าวคารวะทักทายต้วนหรูเฟิง กู่มี่พลันส่งเสียงผ่านปราณแรกกำเนิดกล่าวบอกฐานะของอีกฝ่ายให้ต้วนหรูเฟิงทราบ “นอกจากนี้มันยังเป็นผู้คุมกฏของเผ่าพันธุ์มังกรอีกด้วย”


 


“ข้ามาหา ตี้จิ่ว ตอนนี้มันอยู่ไหน”


 


ต้วนหรูเฟิงมองมังกรโลหิต เฉวี่ยฉาน เบื้องหน้าค่อยกล่าวเสียงเรียบ


 


ตี้จิ่ว?


 


หากต้วนหรูเฟิงกล่าวบอกว่ามาหาผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรเฉวี่ยฉานคงไม่แปลกใจอะไร แต่พออีกฝ่ายบอกว่ามาหาตี้จิ่ว มันย่อมรู้สึกพิกลแล้ว


 


ตี้จิ่วแม้จะเป็นมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บเหมือนผู้นำเผ่าพันธุ์มังกร แต่มันก็ยังไม่ได้เติบโตเต็มที่


 


ถึงแม้พลังฝีมือตี้จิ่วจะใช้ได้ แต่กระทั่งตัวมันเองพลังฝีมือยังนับว่าห่างไกลจากจ้าวตำหนักเมฆาครามลิบโลก…


 


“จ้าวตำหนักเมฆาคราม ข้าขอเรียนถามท่านได้หรือไม่ ว่าไฉนท่านถึงได้มาหาตี้จิ่ว?”


 


เฉวี่ยฉานกล่าวถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ


 


มันย่อมสัมผัสได้ว่าท่าทางจ้าวตำหนักเมฆาครามจะไม่ได้มาดีเป็นแน่!


 


“เฉวี่ยฉานท่านจ้าวตำหนักข้ามาหาตี้จิ่วก็มาหาตี้จิ่ว เจ้าจะถามให้มากความทำอะไร! ท่านจ้าวตำหนักข้าต้องรายงานให้เจ้ารู้งั้นเหรอ?”


 


กู่มีกล่าวออกมาด้วยความเย้ยหยัน มองเฉวี่ยฉานด้วยสายตาหาเรื่อง


 


แม้เฉวี่ยฉานจะเป็นมังกรโลหิต 5 กรงเล็บ แต่กู่มี่ก็ไม่ได้หวาดกลัวมันแม้แต่น้อย อันที่จริงอีกฝ่ายยังเป็นคู่ปรับเก่าของมันด้วยซ้ำ ถึงแม้มันจะเอาชนะเฉวี่ยฉานไม่ได้ง่ายๆ แต่อีกฝ่ายก็ยากจะทำอะไรมันได้เช่นกัน!


 


“ข้าย่อมมิได้หมายความเช่นนั้น…”


 


หากมีแค่กู่มี่คนเดียวเฉวี่ยฉานจะไม่กลัวเลย ทว่าต่อหน้าต้วนหรูเฟิงแบบนี้ มันไม่กล้าฉุนเฉียวทำอะไรบุ่มบ่าม!


 


กู่มี่คนเดียวก็สามารถพัวพันรับมือมันได้แล้ว


 


น่ากลัว…ต้วนหรูเฟิงลงมือเพียงครั้งก็สยบมันได้ง่ายดาย


 


ครู่ต่อมาเฉวี่ยฉานพลันพบว่าต้วนหรูเฟิงไม่ได้เห็นหัวมันแม้แต่น้อย อีกฝ่ายเลือกจะเมินคำถามมันแล้วพุ่งร่างข้ามหัวมันไปเสียดื้อๆ พุ่งตรงเข้าไปยังส่วนลึกถิ่นที่อยู่เผ่าพันธุ์มังกร!


 


ทันใดนั้นเองสำนึกเทวะอันทรงพลังก็แผ่พุ่งออกจากร่างต้วนหรูเฟิง พริบตาพื้นที่กว่าครึ่งของเผ่าพันธุ์มังกรก็อยู่ในความรับรู้ของต้วนหรูเฟิง คล้ายคนจะพลิกเผ่าพันธุ์มังกรทั้งเผ่าให้คว่ำลง เปิดเผยทุกสิ่งออกมาจนหมด!


 


สำนึกเทวะอันทรงพลังของต้วนหรูเฟิง ทำให้เฉวี่ยฉานถึงกับหน้าเปลี่ยนสี แม้สำนึกเทวะนั่นจะไม่ได้แผ่พุ่งมาที่มันตรงๆ ทว่าลมหายใจของมันถึงกับติดขัด ยิ่งมายิ่งรู้สึกว่าตัวเองเล็กกระจ้อยร่อยเพียงใด


 


‘เสียงลือว่าจ้าวตำหนักเมฆาครามต้วนหรูเฟิงผู้นี้แม้จะพึ่งผงาดขึ้นมายึดครองตำหนักเมฆาคราม แต่พลังฝีมือมิได้ด้อยไปกว่าท่านผู้นำ…บัดซบข่าวลือล้วนเหลวไหลทั้งเพ! พลังฝีมือมันเหนือกว่าที่ลือกันไว้หลายขุม!!’


 


เฉวี่ยฉานตะลึงลาน ในใจยังอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความหวาดกลัว


 


อย่างไรก็ตามพอคิดถึงเรื่องที่ต้วนหรูเฟิงเมินไม่เห็นหัวมัน ทั้งไม่ไว้หน้าเผ่าพันธุ์มังกรแม้แต่น้อย ทำให้เฉวี่ยฉานบังเกิดโทสะขึ้นมาทันที “จ้าวตำหนักต้วนท่าน…”


 


เฉวี่ยฉานที่คิดจะหยุดต้วนหรูเฟิง พลันถูกร่างในชุดคลุมลมดำหนึ่งพุ่งมาขวางเอาไว้ก่อน


 


“เฉวี่ยฉาน ไม่เห็นเจ้าหลายปี ให้ข้าดูหน่อยปะไร ว่าเจ้าก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว…”


 


ผู้ที่หยุดเฉวี่ยฉานย่อมเป็นกู่มี่


 


ร่างกายผอมแห้งในชุดคลุมลมดำ แววตาสีโคลนทอประกายเย็นเยือก มุมปากแสยะยิ้ม มือหนึ่งถือไม้เท้าควงไปมา อีกมือหักนิ้วเล่นดังกล็อกๆ ให้บรรยากาศราวกับคนพร้อมมีเรื่องได้ทุกเวลา พาลให้เฉวี่ยฉานตาขวางไปทันใด


 


หากมีเพียงกู่มี่คนเดียว เฉวี่ยฉานคงพุ่งไปรบกันให้รู้เรื่องแล้ว…


 


อนิจจาตอนนี้จุดประสงค์มันเพียงแค่คิดขัดขวางต้วนหรูเฟิง…แต่ในเมื่อทำไม่ได้ เช่นนั้นมันยังจะลงมือให้เจ็บตัวทำอะไร?


 


มันเลยไม่ได้บ้าจี้ลงมือกับกู่มี่


 


‘ไปหาท่านผู้นำ!’


 


ตอนนี้เรื่องเดียวที่เฉวียฉานคิดได้ก็มีเท่านี้ เพราะคนเดียวในเผ่าพันธุ์มังกรที่มีพลังสามารถพอจะหยุดต้วนหรูเฟิงได้ ก็มีแค่ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนเดียวเท่านั้น!


 


เฉวี่ยฉานเพียงถลึงตามองกู่มี่ด้วยสายตาอาฆาตอีกครั้ง ก่อนที่จะพุ่งร่างหายไป


 


กู่มี่ก็ไม่ได้ตามมันไปแต่อย่างใด เพียงเร่งพุ่งร่างตามแผ่นหลังไวๆของต้วนหรูเฟิงไปทันที


 


“กู่มี่ เจ้าเคยเห็นเจ้าตี้จิ่วอะไรนั่นแล้วใช่หรือไม่? ลากคอมันมาให้ข้า!”


 


ใบหน้าต้วนหรูเฟิงแม้จะยังสงบเฉยเมย หากแต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยจิตฆ่าฟัน


 


มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บที่เรียกว่า ตี้จิ่ว นั่น…เกือบฆ่าบุตรชายมันตายแล้ว!


 


ในโลกใบนี้ในสายตาของต้วนหรูเฟิง มีเพียง 2 คนที่ไม่อาจมีใครมาแทนที่ได้ และนั่นคือลี่หรัว กับต้วนหลิงเทียน


 


ที่มันทิ้งต้วนหลิงเทียนไว้ในทวีปเมฆาล่อง ก็เพราะอยากให้บุตรชายวางรากฐานให้แน่นหนา ยามที่มาถึงดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าพลังฝึกปรือจะได้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว


 


หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ มันคงพาต้วนหลิงเทียนมายังตำหนักเมฆาครามตั้งนานแล้ว


 


“ทราบ!”


 


กู่มี่รับคำแข็งขัน สองตาทอประกายเจิดจ้า เร่งแผ่สำนึกเทวะออกไปค้นหาทันที


 


หลังจากที่ได้รับทราบว่า ตี้จิ่ว เกือบสังหารจ้าวตำหนักน้อย ใจมันก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดนัก!


 


นั่นเพราะตอนที่ตี้จิ่วเดินทางผ่านท่าบริเวณชายฝั่งทะเลตอนใต้หมายออกจากดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า มันก็ได้ทักตี้จิ่วและสนทนากันพักหนึ่ง และเมื่อคิดว่าเป้าหมายของตี้จิ่วไม่ใช่จ้าวตำหนักน้อยมันจึงไม่ได้ขัดขวางอีกฝ่าย…


 


หากมันรู้แต่แรกว่าเป้าหมายของตี้จิ่วคือจ้าวตำหนักน้อย มันไม่มีวันปล่อยให้ตี้จิ่วพุ่งร่างลงใต้ไปแบบนั้น!


 


ด้วยความละอายใจในเรื่องนี้ กู่มี่จึงแผ่สำนึกเทวะออกไปเต็มกำลัง หมายหาตัวตี้จิ่วให้พบโดยเร็วที่สุด


 


ต้วนหรูเฟิงและกู่มี่ได้แผ่สำนึกเทวะออกมาตรวจสอบผู้คนไปทั่วอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเช่นนี้ ย่อมทำให้เผ่าพันธุ์มังกรรู้สึกได้ ตอนแรกพวกมันทั้งหมดก็มีโมโหทั้งเดือดดาลอยากออกมาสั่งสอนกู่มี่กับต้วนหรูเฟิงนัก


 


อย่างไรก็ตามพอพวกมันออกมาและแลเห็นว่าเหล่าอาวุโสในเผ่าพันธุ์ที่ลงมือไวกว่าพวกมัน กลับถูกอีกฝ่ายทุบตีคนละฝ่ามือก็สิ้นสภาพสู้รบ ทำให้พวกมันไม่กล้าทำอะไรสืบไป…


 


“พวกมันที่แท้เป็นผู้ใดกันแน่?!”


 


“พวกมันลงมือกับคนของเผ่าพันธุ์มังกรเราอย่างไม่เห็นหัวผู้ใด ยังทำราวกับออกมาเดินเล่นชมสวนหลังบ้าน…”


 


“อย่ายอมให้พวกมันหยามหน้าเราอีกเลย! พวกเราออกไปสู้มันเถอะ!!”


 


“สู้กับผีอันใด! เจ้าเห็นชายชราชุดดำผู้นั้นหรือไม่? ข้าว่ามันมิพ้นเป็นข้ารับใช้ของชายวัยกลางคนนั่น…ทว่าลำพังชายชุดดำตบฟาดออกมาฝ่ามือเดียว ก็เอาชนะมังกรเทพยาดา 4 กรงเล็บของเผ่าพันธุ์พวกเราได้ง่ายๆ”


 


“หากอาวุโส มังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บทั้งหลายมิลงมือ น่ากลัวว่าจะไม่มีผู้ใดสามารถหยุดพวกมันได้!”


 


……


 


เมื่อเห็นว่าต้วนหรูเฟิงกับกู่มือลงมืออย่างไม่ไว้หน้าใครและอุกอาจมากถึงเพียงใด คนในเผ่ามังกรก็ได้แต่คับแค้น ทว่าจนปัญญาจะทำอะไรได้ จำต้องปล่อยให้อีกฝ่ายตรวจสอบไปอย่างไม่อาจต้านทาน


 


ตอนนี้พวกมันทำได้แค่เฝ้ารอให้เหล่าอาวุโสมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บออกโรง!


 


“ผู้ใดกัน!? กล้าบุกมาทำเรื่องบังอาจเพียงนี้ถึงเผ่าพันธุ์มังกร!!”


 


คล้ายสวรรค์ได้ยินคำภาวนาของคนในเผ่าพันธุ์มังกรหรืออย่างไรไม่ทราบ ไม่นานก็มีร่างกำยำหนึ่งพุ่งมาพร้อมเสียงประกาศกร้าวปานฟ้าผ่า หยุดขวางหน้าต้วนหรูเฟิงกับกู่มี่เอาไว้ เป็นชายชราร่างใหญ่ในชุดสีเขียว…


 


ชายชราร่างใหญ่ผู้นี้ ลอยร่างค้างกลางหาวอย่างสง่างาม ในแววตายังเต็มไปด้วยประกายคมกล้า สภาวะร่างสงบเปี่ยมพลัง คล้ายไม่ได้รับผลกระทบจากความเดือดดาลหัวเสียแม้แต่น้อย!


 


“อาวุโสชิงเหยียน!”


 


“เป็นอาวุโสชิงเหยียนจริงๆ!!”


 


“อาวุโสชิงเหยียน เป็น 1 ในบรรดามังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บของพวกเรา! ท่านต้องรับมือ 2 ตัวดีนั่นได้แน่!”


 


……


 


ทันทีที่ชายชราร่างกายกำยำปรากฏตัวขึ้น เหล่าคนในเผ่าพันธุ์มังกรก็กลับมามีกำลังขวัญแข็งกล้าอีกครั้ง พวกมันเลิกหวาดกลัวพลังอำนาจของผู้บุกรุกทันที


 


เมื่อโดนชายชราร่างหนาหยุดขวางเอาไว้ อดไม่ได้ที่คิ้วของต้วนหรูเฟิงจะขมวดขึ้นมาด้วยความขัดใจ! ตอนนี้ยิ่งหาตัวตี้จิ่วไม่เจอ อารมณ์ก็ยิ่งไม่ค่อยสู้ดีเป็นทุน!!


 


“ไสหัวไป!!”


 


กู่มีกลับเป็นผู้ที่โพล่งออกมาเสียงดังเสียก่อน ทั้งยังพุ่งร่างออกมาลงมือดื้อๆ! สะบัดไม้เท้าคราหนึ่ง พาลให้อาณาบริเวณกินรัศมี 100 หมี่รอบตัวบังเกิดความเปลี่ยนแปลงทันใด! กระทั่งความว่างยังคล้ายจะถูกสะกด!!


 


ซัว! ซัว! ซัว!


 


……


 


ในอาณาบริเวณ 100 หมี่รอบตัวกู่มี่พลันปรากฏเถาวัลย์แห้งเหี่ยวผุดโผล่ชอนไชออกมาจากความว่าง! พริบตาร่างชราหนาใหญ่นามชิงเหยียนที่พึ่งมาถึง ก็ถูกเถาวัลย์แห้งเหี่วดังกล่าวรัดพัวพันไปอย่างที่ไม่อาจตอบสนองอันใดได้ทัน!!


 


หลังจากที่ถูกมัดร่าง ชิงเหยียนก็ไม่ใช่ไม่ต่อต้าน ทว่าให้มันเร่งเร้าพลังเท่าไหร่ก็ไม่อาจคลายการรัดกุมของเถาวัลย์แห้งๆนี่ได้เลย อีกทั้งพลังอำนาจทั่วกายยังถูกสะกดไว้ไม่อาจใช้ออก คิดคืนร่างที่แท้จริงยังทำไม่ได้!


 


“ขะ…เขตแดนเถาไม้แห้งเหี่ยว! จะ…เจ้าคือ กู่มี่ แห่งตำหนักเมฆาครามงั้นเหรอ!?”


 


ในขณะที่ชิงเหยียนกำลังตกตะลึงกับพลังอำนาจของเถาวัลย์แห้งเหี่ยวที่รัดพันรอบตัว มันก็คล้ายนึกอะไรได้ออก เร่งกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก


 


อย่างไรก็ตาม กู่มี่ ไม่คิดจะสนใจอะไรมัน เพียงสะบัดมือคราหนึ่ง เถาไม้แห้งที่รัดพันร่างชิงเหยียนก็เหวี่ยงร่างมันออกไปดั่งลูกข่าง! ผู้ชราหมุนคว้างติ้วๆไม่ทราบกี่รอบ สุดท้ายค่อยชนกำผนังเขา ร่างจมฝังไปลึกมองเห็นเป็นหลุมดำ!


 


กู่มี่ที่เขวี้ยงร่างตัวเกะกะให้พ้นทางไปแล้ว ก็ลอยร่างรอกลงอากาศให้ต้วนหรูเฟิงนำเข้าไปด้านในต่อ


 


ในฐานะมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บ ชิงเหยียนย่อมมีความภาคภูมิใจในตัวเองไม่น้อย แต่วันนี้มันกลับถูกผู้คนไม่เห็นหัวทั้งเขวี้ยงทิ้งราวหมูหมา ยังจะให้มันทนไหวได้อย่างไร!?


 


ฮู่มมมม!!


 


เปรี๊ยงงง!!


 


ชิงเหยียนที่ร่างฝังลึกในเขาเดือดดาลถึงขีดสุด มันคำรามออกมาดังลั่นด้วยโทสะ ระเบิดพลังชั่วชีวิตออกมาอย่างเกรี้ยวกราด! พริบตาที่มวลพลังปะทุออก เขาลูกนั้นพลันแตกระเบิดออกทันที!!


 


ปรากฏเป็นร่างมังกรเทพยาดาสีเขียวตัวใหญ่มหึมายาวหลายร้อยหมี่ทะยานออกมาจากเศษซากขุนเขาขึ้นไปลอยค้างกลางหาว มองไปยังกรงเล็บพบว่ามันมีถึง 5 กรงเล็บ!


 


“อาวุโสชิงเหยียนคืนร่างที่แท้จริงเช่นนี้ ท่านหมายลงมือจริงจังฆ่าผู้บุกรุกแล้ว!”


 


เห็นฉากนี้ คนในเผ่าพันธุ์มังกรที่หน้าเสียเมื่อครู่ พลันเผยความตื่นเต้นเต็มไปด้วยความหวังออกมาอีกครั้ง


 


“ชายชราร่างผอมผู้นั้นที่แท้เป็นใครกันแน่…เมื่อครู่แม้จะเป็นการชิงลงมือก่อน แต่กลับรัดพันทั้งเขวี้ยงปาร่างอาวุโสชิงเหยียนไปได้ง่ายๆเช่นนี้ จนยั่วโทสะให้อาวุโสชิงเหยียนเดือดดาลได้ถึงขีดสุด…มิธรรมดาเลยจริงๆ”


 


คนของเผ่าพันธุ์มังกรหลายคนยังอดไม่ได้ที่จะตระหนักถึงเรื่องนี้


 


“เมื่อครู่หากข้าฟังไม่ผิด คล้ายอาวุโสชิงเหยียนจะสงสัยว่ามันคือ กู่มี่แห่งตำหนักเมฆาคราม…”


 


เผ่ามังกรคนหนึ่งกล่าวออกมาด้วยความไม่แน่ใจ


 


“อะไร!? กู่มี่แห่งตำหนักเมฆาคราม?”


 


เผ่าพันธุ์มังกรหลายคนหันมองหน้ากันเองทั้งส่ายหัว เห็นชัดว่าไม่เคยได้ยินนามดังกล่าว…ทว่ามีบางคนที่กลับหน้าดำคร่ำเครียด เงยหน้าขึ้นมองเรื่องราวบนฟ้าด้วยสายตาเป็นกังวล


 


“ข้าหวังว่ามันจักมิใช่กู่มี่แห่งตำหนักเมฆาคราม…หาไม่แล้ว อาวุโสชิงเหยียนจบสิ้นแน่!”


 


เป็นเหล่าอาวุโสมังกรเทพยาดา 4 กรงเล็บ ที่เคยได้ยินเสียงคำร่ำลือของกู่มี่มาก่อน!


 


“ท่านอาวุโส กู่มี่แห่งตำหนักเมฆาครามร้ายกาจมากหรือ?”


 


ทันใดนั้นรุ่นเยาว์ของเผ่าพันธุ์มังกรหลายคนก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมา


 


“กู่มี่แห่งตำหนักเมฆาคราม ไม่ว่าจะฐานะหรือพลังฝีมือกล่าวไปมิได้ต้อยต่ำไปกว่า ท่านอาวุโสผู้คุมกฏของเผ่าพันธุ์มังกรเรา…อาวุโสเฉวี่ย! เมื่อหลายร้อยปีที่แล้วอาวุโสเฉวี่ยปะกะกับกู่มี่นับสิบครั้ง…ทว่าผลลัพธ์กลับทำได้แค่เสมอ!”


 


หนึ่งในอาวุโสมังกรเทพยาดา 4 กรงเล็บกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม


 


“อะไรนะ!?”


 


และวาจานี้ของมัน นับว่าทำให้คนในเผ่าพันธุ์มังกรที่ได้ฟังตื่นตระหนกไปทันที


 


ในฐานะคนในเผ่าพันธุ์มังกร พวกมันรู้ดีว่าอาวุโสผู้คุมกฏแห่งเผ่าพันธุ์มังกร อย่างอาวุโสเฉวี่ยฉานนั้นร้ายกาจปานใด…พลังฝีมืออาวุโสเฉวี่ยฉานจัดอยู่ใน 3 อันดับแรกของเผ่าพันธุ์มังกร!


 


ทว่าตัวตนเช่นนั้นกลับทำได้เพียงสู้เสมอกับกู่มี่แห่งตำหนักเมฆาคราม?


 


‘หวังว่าตาแก่นั่นมันจักมิใช่กู่มี่แห่งตำหนักเมฆาครามจริงๆ…’


 


ทันใดนั้นคนในเผ่าพันธุ์มังกรทั้งหลายก็ลอบภาวนาในใจอย่างลับๆ


 


อนิจจาคำภาวนานี้ของพวกมันถูกกำหนดให้ล้มเหลว


 


เพราะเวลาเพียงแค่พริบตา ร่างชิงเหยียนในรูปลักษณ์มังกรเทพยาดาสีเขียว 5 กรงเล็บ ก็ถูกกู่มี่ลงมือซัดไป 10 กระบวนท่าจนทั่วกายยับเยิน!


 


ตูมมมม!!


 


เสียงสนั่นลั่นดังขึ้นอีกครั้ง ทุกผู้คนในเผ่าพันธุ์มังกรได้แต่ชมมองร่างชราในชุดคลุมลมดำอันผ่ายผอมลอยร่างค้างกลาวหาวอย่างไร้แยแส…


 


กลับกัน อาวุโสชิงเหยียนที่พวกมันมั่นใจก่อนหน้า…ตอนนี้ถูกซัดร่วงฟ้าตกลงมากระแทกเขาลูกหนึ่งอย่างแรงปานอุกาบาตถล่ม! พาลให้ขุนเขาลูกที่ 2 พังทลายตามลูกแรกไปติดๆ พื้นใต้เท้ายังสั่นสะเทือนไปปานแผ่นดินไหวครั้งใหญ่!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)