War sovereign Soaring The Heavens 1567-1571

ตอนที่ 1567

 

รายนามนภา


“ตระกูลซือถูมีข้อกำหนดว่ารับเฉพาะปรมาจารย์จารึกเซียนมารักษาเช่นนั้นหรือ…งั้นข้าจะกลับไปเดี๋ยวนี้”


ต้วนหลิงเทียนมองตอบสตรีงามที่ชักสีหน้าเคร่งขึ้นมาด้วยท่าทางไม่แยแส


สตรีงามดังกล่าวพอได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ก็แลดูใจเย็นลงทันที เพียงจ้องมองต้วนหลิงเทียนตาเขม็งอีกครั้งค่อยออกเดินนำทางต่อ


ถึงแม้นางจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้ไปพกพาความมั่นใจมาจากไหน แต่นางก็ไม่คิดปล่อยให้อีกฝ่ายกลับไปแบบนี้ ในเมื่อมาก็มาแล้วเช่นนั้นก็จำต้องให้อีกฝ่ายลองดู! หากนางปล่อยให้อีกฝ่ายไปก็เท่ากับว่านางบกพร่องในหน้าที่!!


ด้วยมีสตรีนำทาง ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็มาถึงหน้าเรือนใหญ่หลังหนึ่ง


“ข้าจะเข้าไปแจ้งการมาถึงของท่าน”


สตรีงามหันมากล่าวบอกต้วนหลิงเทียน และก้าวเข้าไปในเรือนหลังดังกล่าวโดยไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนตอบสนอง


ต้วนหลิงเทียนก็ยืนรอเงียบๆหน้าประตู ในแววตาเผยประกายเล็กน้อย ‘สตรีผู้ดูแลฝ่ายในของตระกูลซือถูไม่ธรรมดาจริงๆ…ด่านพลังของนางบรรลุสูงสุดสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ ทว่ากลิ่นอายพลังที่แผ่ออกกลับไม่ได้ด้อยไปกว่ารองเจ้าสำนักจันทร์จรัสแสงเลย’


หากเป็นก่อนหน้านี้ พอต้วนหลิงเทียนทราบว่าพลังฝีมือของนางสมควรทัดเทียมกับครึ่งก้าวเซียนเขาอาจจะระวังมากกว่านี้


ทว่าตอนนี้เขาไม่ได้สนใจอะไร


ด้วยพลังฝึกปรือของเขาตอนนี้ ต่อให้ไม่ใช้กระบี่นิลสวรรค์ เขาก็จัดการตัวตนที่อยู่ใต้ขอบเขตเซียนได้อย่างง่ายดาย!


ไม่นานสตรีดังกล่าวก็กลับออกมาอีกครั้ง โดยมีชายชราติดตามมาด้วย


ชายชรามาในชุดคลุมสีขาว ท่วงท่าสงบแลดูน่าเกรงขาม


ทุกย่ำก้าวแลดูกลมกลืนไปกับธรรมชาติโดยรอบ


นอกจากนี้ยังให้แรงกดดันประการหนึ่งต่อต้วนหลิงเทียน


‘ขอบเขตเซียนงั้นเหรอ…’


ทันทีที่เห็นชายชราที่มาพร้อมสตรีน่าดู ต้วนหลิงเทียนก็บอกได้ทันทีว่าอีกฝ่ายสมควรบรรลุขอบเขตเซียนแล้ว ยังอดไม่ได้ที่จะแปลกใจเล็กน้อย


ที่นี่ดูเหมือนจะเป็นบ้านที่คุณชายใหญ่ตระกูลซือถูพักรักษาตัว…


กลับมีขอบเขตเซียน?


อย่างน้อยๆในขุมพลังชั้น 7 ขอบเขตเซียนก็มีอยู่น้อยคนนัก ทำให้ต้วนหลิงเทียนอดประหลาดใจไม่ได้ที่เห็นตัวตนระดับนี้มาทำหน้าที่เฝ้าไข้อะไรแบบนี้


“นี่คือท่านผู้อาวุโสโฮ่ว”


สตรีงามที่เดินนำชายชรามากล่าวแนะนำชายชราให้ต้วนหลิงเทียน


“อาวุโสโฮ่ว”


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าให้ชายชราพร้อมกล่าวทักทาย


“อาวุโสโฮ่วเป็นอาวุโสระดับสูงของตระกูลซือถูเรา! เช่นนั้นเจ้าโปรดให้ความเคารพด้วย!!”


ชายชรายังไม่ทันได้ตอบคำอะไร กลับเป็นสตรีผู้ดูแลกล่าวส่งเสียงผ่านปราณแท้ออกมาก่อน ท่าทางน้ำเสียงยังเผยความไม่พอใจออกมา


“ผู้ดูแลฝูเจ้าไม่คิดว่าเจ้าจะมากเรื่องไปหน่อยเหรอ จุดประสงค์การมาของข้าคือช่วยคุณชายตระกูลซือถูของเจ้า เป็นอาวุโสระดับสูงแล้วจะอย่างไร หรือเจ้าจะให้ข้าก้มกราบคารวะเลยหรือไม่?”


ต้วนหลิงเทียนมองสตรีด้วยสายตาเฉยเมยกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงประชด


“เจ้า!”


เห็นได้ชัดว่าสตรีงามไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะกล้าพูดออกมาตรงๆแบบนี้ ใบหน้าของนางมืดดำลงทันใด แววตายังเผยความดุร้ายออกมาทันที


“อะไร? ข้าพูดอะไรผิดไปงั้นเหรอ?”


ต้วนหลิงเทียนกล่าวเย้ย


ทันทีที่เขาตัดสินใจมายังตระกูลซือถู เขาก็ตัดสินใจไว้แล้วว่าจะรักษาการวางตัวเป็นอย่างดี เพื่อให้รู้ว่าเขาเป็นคนสำคัญ และมีศักดิ์ศรี!


ด้วยพลังฝีมือและความมั่นใจรวมถึงความสามารถของเขา ย่อมมีคุณสมบัติวางตัวแบบนี้ต่อตระกูลซือถู!


ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็เลิกแยแสสตรีผู้ดูแลสืบไปเพียงหันมองไปทางชายชราด้วยความสนใจ


ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนพลันพบว่ามุมปากายชราพลันยกยิ้มมีเลศนัยขึ้นมา!


ไม่ทราบว่าทำไมแต่พอเห็นรอยยิ้มดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนพลันตื่นตัวขึ้นมาทันที


ปง!


ทันใดนั้นเสียงสนั่นปานหินระเบิดพลันปะทุออก! ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงสายลมแรงหอบหนึ่งสาดมาทางเขา!!


ยังมีกลิ่นหอมโชยมาพร้อมกับสายลมแรงดังกล่าว!


กลิ่นหอมนี้ไม่ใช่อะไรที่ไม่คุ้นสำหรับต้วนหลิงเทียน เป็นน้ำหอมที่ผู้ดูแลฝูใช้! อีกฝ่ายพุ่งปราดออกมาจากข้างกายชายชรา แถมลงมือต่อเขาเสียอย่างนั้น!


การลงมือของผู้ดูแลฝูทำให้ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจเล็กน้อย


อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่ใช่พลับสุกอ่อนนุ่มที่ใครคิดจะบีบเล่นก็ทำได้! แขนขวาเขาไหววูบ ปราณแท้พวยพุ่งออกมาฉับไวไหลผ่านชีพจรเซียน 99 สาย ควบรวมสู่หมัด ก่อนที่จะง้างชกสวนออกไป!


ฝ่ามือของผู้ดูแลฝูมาได้รุนแรงไม่น้อย! สภาวะยังประหนึ่งพัดใบลานอัดเขื่องหมายฟาดต้วนหลิงเทียนให้ปลิดปลิว!!


หากแต่ต้วนหลิงเทียนก็ยิงหมัดออกไปหมายปะทะรับฝ่ามือดังกล่าวโดยไร้ความหวั่นหวาดอะไร


ทันใดนั้นหมัดฝ่ามือก็ปะทะกันอย่างจัง!


เปรี๊ยงงง!!


เสียงสนั่นลั่นดังปานฟ้าร้อง! พลังจากหมัดต้วนหลิงเทียนกับพลังจากฝ่ามือของผู้ดูแลฝูระเบิดออกอย่างแรง!!


การประมือครั้งนี้ ไร้วรยุทธ์เซียน ทั้งไร้ลูกเล่นใดๆของตัวตนในด่านสู่เซียนทั้งหมด เพียงปราณแท้ก็เท่านั้น ไม่ต้องใช้เขตแดนอะไรให้วุ่นวาย!


แน่นอนสำหรับต้วนหลิงเทียนมันไม่ใช่แค่ปราณแท้…ยังเป็นพลังดิบเถื่อนจากร่างกาย!


เพราะหลังจากต้วนหลิงเทียนทะลวงมาสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ ร่างกายของเขาก็ทวีความแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้นอย่างน่ากลัว!!


แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนที่พึ่งทะลวงมาถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ ย่อมไม่อาจเอาชนะนางได้ในแง่ของปริมาณปราณแท้


และถึงเขาจะมีชีพจรเซียน 99 สาย หากแต่เขาเป็นฝ่ายลงมือทีหลัง จึงไม่ได้มีความได้เปรียบเรื่องจ่ายส่งพลังงานฉับไวอะไร


เช่นนั้นแล้วในแง่พลังทำลายจากปราณแท้คราวนี้เขาจึงไม่ได้มีเปรียบอะไรนาง..


มวลอากาศ ณ จุดที่ฝ่ามือหมัดปะทะเริ่มเบิดเบือน หากแต่ต้วนหลิงเทียนยังยืนนิ่งหน้าไม่เปลี่ยนสี!


ตรงกันข้าม ผู้ดูแลฝูที่ลงมือออกมาด้วยความมั่นใจกลับกลายเป็นสีหน้าบิดเบี้ยว สุดท้ายก็ถูกพลังดิบเถื่อนอันร้ายกาจซัดทำลายจนพลังฝ่ามือสิ้นสูญ!


จากนั้นร่างงามก็กระเด็นถอยหลังปลิดปลิวไปไม่เป็นท่า แม้จะไม่ล้มหงายหลังอะไร แต่ทว่าก็เซถลาไปแทบยืนไม่อยู่!


แถมนี่ยังเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนมีเมตตาเบามือให้นางกว่าครึ่ง!


หาไม่แล้วสภาพของผู้ดูแลฝูน่ากลัวว่าอย่างดีคงได้นอนหยอดน้ำข้าวต้มเป็นเดือน อย่างร้ายอาจร่างระเบิดแหลกเหลวตายตก!


“ข้าจะเข้าไปได้รึยัง?”


หลังจากซัดผู้ดูแลฝูจนปลิดปลิวต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้เหลียวแลนางอีกเลย เพียงหันไปกล่าวถามชายชราด้วยแววตาเฉยเมย


ไม่ต้องเดาเขาก็พอทราบได้ว่าสมควรเป็นชายชราสั่งนางให้ลงมือทดสอบเขา!


หาไม่แล้วอยู่ต่อหน้าชายชราเช่นนี้ ต่อให้เป็นผู้ดูแลฝูที่หัวร้อนปานใด นางย่อมไม่กล้าลงมือส่งเดช


“ย่อมเข้ามาได้”


หลังได้ยินวาจาเฉยเมยของต้วนหลิงเทียน ซือถูโฮ่ว ก็พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มพร้อมผายมือเชื้อเชิญ


ต้วนหลิงเทียนไม่ได้กล่าวคำใด เพียงก้าวเดินออกไปตามที่อีกฝ่ายผายมือ


ขณะเดียวกันซือถูโฮ่วที่เตรียมเดินนำต้วนหลิงเทียนไป ก็หันไปมองสตรีผู้ดูแลอีกครั้ง “หมดหน้าที่ของเจ้าแล้ว…เจ้าไปได้”


“ค่ะท่าน”


ผู้ดูแลฝูรับคำด้วยเคารพ


อย่างไรก็ตามก่อนที่นางจะจากไปนางก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนด้วยสายตายำเกรง


‘ข้ามั่นใจว่าเขายังมิได้บรรลุขอบเขตเซียน…ทว่าพลังฝีมือกลับอยู่เหนือข้าไปมาก! หรือเขาจะเป็นยอดฝีมือในรายนามนภากัน?’


ทันทีที่คิดถึงเรื่องนี้ ลูกตาของผู้ดูแลฝูก็ส่องสว่างขึ้นมาทันที


รายนามนภานั้น คือการจัดอันดับพลังฝีมือในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอย่างหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วผู้ที่รับผิดชอบในการดูแลเรื่องนี้จะเป็นขุมพลังชั้น 5


กล่าวง่ายๆว รายนามนภาคือการจัดอันดับยอดฝีมือในเขตการปกครองของขุมพลังชั้น 5!


และรายนามนภานี้ก็จัดอันดับพลังฝีมือในขอบเขตสู่เซียน!


ในรายนามนภานั้นจะมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 100 รายชื่อ นี่คือเหล่ายอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในขอบเขตสู่เซียน และอีกแค่ไม่กี่ก้าวจะบรรลุขอบเขตเซียน!


ว่ากันว่าผู้ที่ติดอันดับในรายนามนภานั้น ต่อให้อ่อนด้อยที่สุด ก็มีพลังฝีมือทัดเทียมกับครึ่งก้าวเซียนทั่วๆไป 3 คนกลุ้มรุม!


หากต้วนหลิงเทียนทราบถึงการมีอยู่ของรายนามนภา เขาคงอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ เพราะมันละม้ายคล้ายเหมือนกับรายนามปฐพีของเขตปกครอง 9 พันธมิตรไม่มีผิด แตกต่างกันก็แค่รายนามปฐพีจัดอันดับยอดฝีมือในขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ ส่วนรายนามนภาจัดอันดับยอดฝีมือในขอบเขตสู่เซียน


อันที่จริงแล้วรายนามปฐพีของเขตปกครอง 9 พันธมิตรก็ทำเลียนแบบรายนามนภานี้นี่เอง…


มีเขตปกครองที่เกิดจากขุมพลังรวมตัวกันอย่าง 9 พันธมิตรมากมาย


หากทว่าในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า มีเขตปกครองของขุมพลังชั้น 5 อยู่แค่หลักสิบเท่านั้น


ทำให้แม้ขุมพลังชั้น 5 บางกลุ่มจะร่วมมือกันสร้างรายนามนภาแต่มันก็มีรายนามนภาไม่กี่ชุดเท่านั้น กลับกันรายนามปฐพีนั้นกลับมีแทบนับไม่ถ้วน


เช่นนั้นผู้ที่สามารถติดอันดับในรายนามนภาได้ จึงนับว่าเป็นสุดยอดฝีมือตัวจริง!


ด้วยเหตุนี้พอผู้ดูแลฝูสงสัยว่าต้วนหลิงเทียนอาจจะติดอันดับในรายนามนภา ทัศนคติของนางที่มีต่อเขาก็แปรเปลี่ยนไป


กระทั่งพอคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาอันแสนเย็นชาและไม่แยแสนาง กับพลังดิบเถื่อนสมชายชาตรีเมื่อครู่ ผู้ดูแลฝูยังอดไม่ได้ที่จะเริ่มรู้สึกร้อนวูบวาบถึงขั้นใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ แลดูเหนียมอายคล้ายกุลสตรีในหอน้อยคอยรักไปทันตา…


ต้วนหลิงเทียนแน่นอนว่าไม่ได้รู้เรื่องทีท่าของผู้ดูแลฝูที่เปลี่ยนไปเลย


และเป็นธรรมดาที่เขาไม่สนใจจะรู้!


ตอนนี้เขาเดินตามผู้อาวุโสระดับสูงอย่างซือถูโฮ่วเข้าไปในเรือน และไม่นานก็บรรลุถึงห้องนอนแห่งหนึ่ง แม้ห้องนอนนี้จะกว้างใหญ่แต่กลับไร้สิ่งของตกแต่งมากมาย มีเพียงของธรรมดาและลายพู่กันที่คล้ายจะเขียนเองเท่านั้น…


เพียงมองการตกแต่งในห้องนอนที่เรียบง่ายสมถะนี้ ต้วนหลิงเทียนก็บังเกิดความรู้สึกประทับใจคุณชายใหญ่ตระกูลซือถูเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน


และตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนก็ได้เห็นร่างชายหนุ่มคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง เป็นคุณชายใหญ่ตระกูลซือถู


คุณชายใหญ่ตระกูลซือถูแม้จะแลดูอิดโรย หากแต่กล่าวไปนับว่าเป็นบุรุษที่หล่อเหลาคนหนึ่ง ตอนนี้ใบหน้าอีกฝ่ายซีดเซียวคล้ายกระดาษ หว่างคิ้วยังปรากฏปานสีดำคล้ายแมงมุมตัวเขื่องเกาะอยู่!


เมื่อต้วนหลิงเทียนเข้ามา คุณชายใหญ่ตระกูลซือถูก็คล้ายสัมผัสได้ถึงการมา มันพยายามฝืนลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก เผยให้ทราบว่าตอนนี้มันอ่อนแรงเพียงใด มองไปคล้ายคนธรรมดาที่กำลังป่วยหนักแม้แต่น้อย


“ท่านปู่โฮ่ว”


มันทักทายซือถูโฮ่วก่อน หลังจากนั้นค่อยมองมาทางต้วนหลิงเทียน กล่าวถามออกมาด้วยริมฝีปากที่แห้งแตก “แล้วคุณชายท่านนี้…”


“คุณชายท่านนี้มาดูอาการเจ้า”


ซือถูโฮ่วคล้ายจะมีสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับคุณชายใหญ่ตระกูลซือถู เพราะแววตาของมันกลับอ่อนโยนลงหลายส่วนขณะกล่าววาจากับอีกฝ่าย


“ข้ายอมแพ้ไปแล้ว ไฉนพวกท่านถึงได้…”


คุณชายใหญ่ตระกูลซือถูกล่าวออกมาพร้อมทอดถอนใจ


“หากยังไม่จบสิ้น! ก็อย่าได้ยอมแพ้!!”


ซือถูโฮ่วกล่าวออกด้วยน้ำเสียงจริงจัง


“เอาล่ะ”


คุณชายใหญ่ตระกูลซือถูพยักหน้ารับ ก่อนที่จะมองต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มฝืนๆ “รบกวนท่านแล้ว…”

 

 

 


ตอนที่ 1568

 

มือที่มองไม่เห็น!


 


ทัศนคติของคุณชายใหญ่ตระกูลซือถู ซือถูหัง นับว่าประทับใจต้วนหลิงเทียนไม่น้อย


 


และทันทีที่ต้วนหลิงเทียนแลเห็นปานรูปแมงมุมดำบนหว่างคิ้วของอีกฝ่าย เขาก็มั่นใจเกินกว่า 9 ส่วนว่านี้สมควรเป็นอาคมมาร แมงมุมหยิน ที่เขาคาดไว้จริงๆ!


 


แน่นอนว่าเขาไม่กล้ามั่นใจเต็มสิบส่วนหากยังไม่ได้ใช้พลังวิญญาณตรวจสอบให้รู้ชัด


 


“ผ่อนคลายเถอะ…”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับซือถูหังด้วยเสียงอ่อน ให้ความรู้สึกเสมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ


 


และทันทีที่ซือถูหังไม่เคร่งเครียดต่อต้านอะไร พลังวิญญาณของต้วนหลิงเทียนพลันแผ่พุ่งออกไปเข้าสู่หว่างคิ้วของซือถูหังทันที กล่าวให้ชัดคือพุ่งเข้าไปยังปานสีดำรูปแมงมุมที่หว่างคิ้วอีกฝ่าย!


 


“อ๊าค!!”


 


ทันทีที่พลังวิญญาณต้วนหลิงเทียนแผ่พุ่งเข้าไปยังปานรูปแมงมุมดำ ซือถูหังพลันกรีดร้องออกมาทั้งทรุดลงไปนอนทันที!


 


“เจ้าทำอะไร!?!”


 


เห็นฉากนี้ซือถูโฮ่วที่อยู่ด้านข้างถึงกับอดรนทนไม่ไหว สีหน้ามันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เร่งจับจ้องต้วนหลิงเทียนตาขวาง


 


อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่ได้แยแสอะไรมัน


 


กลับเผยรอยยิ้มมั่นใจขึ้นที่มุมปากบางๆแทน


 


รอยยิ้มนี้ของต้วนหลิงเทียน ย่อมเข้าสู่สายตาของซือถูโฮ่วเป็นธรรมดา ทำให้มันรู้สึกชะงักไปทันที ‘เขาช่วยหังเอ้อได้จริงๆหรือ…’


 


ตั้งแต่ตอนแรกที่เห็นอีกฝ่ายกระทั่งสยบผู้ดูแลฝู มาตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกลับยิ้มด้วยความมั่นใจแม้จะเห็นอาการป่วยของซือถูหัง…ทำให้ซือถูโฮ่วยิ่งมายิ่งมองชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้ไม่ออก ถึงแม้พลังฝีมือของอีกฝ่ายจะไม่ใช่ขอบเขตเซียนหากแต่กลับเต็มไปด้วยความลึกลับ…


 


“เจ้ามีหนทางแล้วหรือ?”


 


สูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง ซือถูโฮ่วพลันกล่าวถามออกมาเสียงเข้ม


 


อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนยังคงไม่สนใจซือถูโฮ่ว เพียงเอื้อมมือขวาออกไป แล้วใช้นิ้วโป้งกดลงไปยังปานรูปแมงมุมดำที่หว่างคิ้วของซือถูหัง


 


พริบตาต่อมาก็เห็นได้ชัดว่าปานรูปแมงมุมดังกล่าวมันจางลงไปเล็กน้อย!


 


ถึงแม้ว่ามันจะจางลงแค่เพียงเล็กน้อย แต่ซือถูโฮ่วที่จับจ้องมองทุกการกระทำของต้วนหลิงเทียนอย่างไม่วางตาย่อมแลเห็นได้ชัดเจน!


 


ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนไม่จำเป็นต้องตอบ มันก็ได้รับคำตอบที่ต้องการแล้ว รอยยิ้มพลันคลี่กางออกมาบนใบหน้าทันที ยังเป็นรอยยิ้มยินดีที่มาจากก้นบึ้งของใจ!


 


“อา…”


 


เมื่อต้วนหลิงเทียนถอนมือออกมา ซือถูหังก็ตื่นขึ้นมาทันที สีหน้ายังแลดูดีขึ้นเล็กน้อย


 


“เกิดอันใดขึ้นกัน…ไฉนตอนนี้ข้ารู้สึกดีขึ้นแบบนี้?”


 


ซือถูหังกล่าวออกด้วยความแปลกใจ


 


ครู่ต่อมาคล้ายมันนึกอะไรออก เร่งหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยความตกตะลึงทันที “เป็น…ฝีมือท่าน?”


 


“แล้วยังจะมีใครได้ล่ะ?”


 


ต้วนหลิงเทียนรู้ดีว่าตอนนี้ซือถูหังคิดอะไรอยู่ เขากล่าวถามออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ “ข้าพอจะรู้แล้วว่าเจ้าโดนอะไรมา…แถมไม่ใช่เรื่องยากที่จะช่วยเจ้าสลาย อาคมมาร ที่เจ้าโดน.. แต่เจ้าต้องเตรียมวัตถุดิบบางอย่างให้ข้า สำหรับตระกูลซือถูแล้วคงหาพวกมันได้ไม่ยาก”


 


เพียงวาจาครึ่งประโยคแรกของต้วนหลิงเทียนซือถูหังก็อื้ออึงไปแล้ว แทบไม่ได้ฟังท้ายๆเลย


 


ถึงแม้มันจะยังไม่รู้ว่า ‘อาคมมาร’ คืออะไร แต่มันมั่นใจว่าสมควรเป็นอะไรที่ทำให้มันกลับกลายเป็นแบบนี้


 


ทว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดคือ ชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้ากลับบอกว่าสามารถรักษามันได้?!


 


นี่มัน…


 


จังหวะนี้ซือถูหังรู้สึกเสมือนกำลังจะได้หลุดพ้นออกจากขุมนรกขึ้นสู่สวรรค์!


 


ต้องทราบด้วยว่าความทรมานเจียนตายได้เคี่ยวกรำจิตใจมันจนอ่อนล้า และไม่เหลือความหวังอะไรแล้ว


 


อย่างไรก็ตามมันกลับไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าขนาดปรมาจารยเซียนหลอมโอสถระดับ 4 และปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 4 ดาวมากมายล้วนจนปัญญาและกล่าวบอกว่ามันอาจอยู่ได้ไม่พ้นสิ้นเดือนนี้! ทว่าชายหนุ่มผู้นี้กลับสามารถมอบแสงแห่งความหวังให้มัน!!


 


อรุณรุ่งแห่งความหวังนี้ สลายหมอกควันมืดมัวในใจมันทันใด!


 


ใครจะอยากตายหากสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้?


 


นับประสาอะไรกับอยู่ในสภาพไม่ยินยอม!


 


“เจ้าหนุ่ม…อาคมมารคืออันใดหรือ”


 


ตอนนี้เองซือถูโฮ่วที่อยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมา


 


“อาคมมารมันก็เป็นอาคมเซียนประเภทหนึ่ง…แต่ไม่เหมือนอาคมเซียนทั่วไป มันเป็นอาคมเซียนที่จารึกขึ้นมาเพื่อส่งผลร้ายต่อผู้อื่น…นอกจากนี้มันยังเป็นอาคมเซียนประเภทใช้ได้ครั้งเดียวแล้วหายไป คล้ายๆกับยันต์เต๋า”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกตามตรง


 


“มีอาคมเซียนพรรค์นี้อยู่ด้วย!?”


 


ซือถูโฮ่วอดไม่ได้ที่จะตกใจเมื่อได้ยิน “ข้าพึ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก!”


 


“แล้วไฉนเสี่ยวหังถึงได้โดนอาคมมารนี้เล่า!?”


 


ซือถือโฮ่วเร่งกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย


 


“อาคมมารในเมื่อมันเป็นอาคมเซียนประเภทหนึ่ง เช่นนั้นมันก็ต้องมีการจารึก…โดยมากแล้วมันจะถูกจารึกไว้ในศาสตราหรือสิ่งของที่ต้องใช้ อีกทั้งยังสามารถผสานเข้ากับอาคมเซียนทั่วไปได้อย่างไร้ร่องรอย ยากที่คนทั่วไปจะสังเกตเห็น เมื่อมีคนสัมผัสกับศาสตราเซียนที่จารึกอาคมมารเอาไว้ เมื่อเปิดใช้อาคมเซียนในศาสตราดังกล่าวก็จะกระตุ้นอาคมมารให้ทำงาน และมันจะเริ่มแทรกซึมทำร้ายตัวผู้ใช้ทันที”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกชัดถ้อยชัดคำ


 


เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขารู้จากหยกบันทึกข้อมูลที่มีเคล็ดวิชาจารึกพิสดาร


 


อย่างไรก็ตามข้อมูลที่บันทึกไว้ในแผ่นหยกมีเพียงข้อมูลและวิธีทำลายอาคมมารเท่านั้น ไม่มีวิธีจารึกอาคมมารแต่อย่างใด


 


นอกจากนั้นอาคมมารที่ถูกบันทึกไว้ในหยกดังกล่าวก็เป็นอาคมมารเบื้องต้น แม้จะมีมากมายหลายอาคมหากแต่ก็นับเป็นอาคมมารทั่วๆไป


 


อาคมมารแมงมุมหยินที่ซือถูโหวโดนนั้นเป็นอาคมมารแมงมุมหยินระดับ 2 ดาว ซึ่งถือว่าไม่ได้ร้ายกาจและซับซ้อนอะไรมากมาย


 


“ศาสตราเซียน?”


 


ได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน ซือถูโฮ่วกับซือถูหังหันหน้ามามองสบตากันทันที และต่างเห็นถึงแววตาเหลือเชื่อของกันและกัน


 


“ข้าได้ยินมาว่า คุณชายซือถูเป็นแบบนี้หลังจากได้รับศาสตราเซียนพระราชทาน?”


 


ต้วนหลิงเทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งค่อยกล่าวถามออกไป


 


ซือถูโฮ่วเงียบไปทันใด


 


“ไม่มีทางเป็นท่านลุงไปได้!”


 


ซือถูหังส่ายหัวไปมา กล่าวออกด้วยความมั่นใจถึงที่สุด


 


ท่านลุงที่มันกล่าวนั้น แน่นอนว่าคือฮ่องเต้ฝูเฟิง!


 


“เจ้าเอาศาสตราเซียนนั่นออกมาให้ข้าดูหน่อยได้ไหม?”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามซือถูหัง


 


ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะยังรักษามันไม่หาย แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่อาการของมันดีขึ้นทันตาเห็น ซือถูหังจึงไม่คิดปฏิเสธ ทั้งยังมองต้วนหลิงเทียนเสมือนฟางเส้นสุดท้ายของมัน รีบให้ความร่วมมือแต่โดยดี


 


“นี่ท่าน”


 


ยกมือขึ้นเบาๆ ปรากฏหอกยาว 7 ฉื่อจากความว่าง ยื่นส่งให้ต้วนหลิงเทียน


 


เมื่อรับหอกดังกล่าวมาต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดาของวัตถุดิบที่ใช้หลอมหอกเล่มนี้ทันที


 


ตัวหอกมีไอเย็นเสียดกระดูกนัก เพียงจับก็รู้สึกเสมือนถูกไอเย็นชำแรก


 


หากแต่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจอะไร สองตาเขาสังเกตเห็นอาคมเซียน 3 อาคมที่จารึกไว้บนด้ามหอกทันที


 


เขาสามารถจดจำอาคมเซียนทั้ง 3 ได้ ต่างเป็นอาคมเซียนระดับ 3 ดาวทั้งสิ้น


 


จากที่เขารู้มาหอกนี้สมควรมีอาคมเซียนระดับ 4 อยู่ด้วย และเนื่องจากไม่ได้อยู่ที่ด้ามเช่นนั้นก็ต้องเป็นปลายหอก


 


แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมพึ่งเคยเห็นอาคมเซียนระดับ 4 ดาวเป็นครั้งแรก เพราะตั้งแต่มายังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า นี่ก็เป็นครั้งแรกเลยจริงๆที่เขาเห็นอาคมเซียนระดับ 4 ดาว…


 


อาคมเซียนระดับ 4 ดาวกระทั่งศิษย์พี่ของเขาอย่างป๋ายลี่หงยังไม่มีสามารถจารึก!


 


แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เพราะความรู้ของศิษย์พี่อ่อนด้อยอะไร หากแต่ด่านพลังฝึกปรือไม่สูงพอจะจารึกอาคมเซียนระดับ 4!


 


ตราบใดที่ศิษย์พี่เขาบุกทะลวงไปถึงขอบเขตเซียน กลายเป็นตัวตนในขอบเขตเซียนได้สำเร็จ พลังวิญญาณก็ต้องเพิ่มพูน ถึงตอนนั้นก็ไม่ยากอะไรที่จะจารึกอาคมเซียนระดับ 4 ดาว!


 


ตราบใดที่พลังฝึกปรือถึง ศิษย์พี่เขาย่อมกลายเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 4 ดาวได้ทันที!


 


“พบเบาะแสอันใดหรือไม่?”


 


ซือถูหังอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมา


 


อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนยังไม่ได้ตอบคำ ความสนใจของเขายังอยู่ที่อาคมเซียนระดับ 4 ดาวที่ปลายหอก


 


อาคมเซียนระดับ 4 ดาวนี้มีไว้ทำอะไร ต้วนหลิงเทียนก็ยังไม่สามารถบอกได้


 


ผ่านไปครู่หนึ่งหลังจากการสังเกตรายละเอียดต่างๆบนรอยจารึก พลังวิญญาณเขาก็สัมผัสได้ถึงร่องรอยบางอย่างที่หลงเหลือไว้จางๆในลวดลายและอักขระจารึกของอาคมเซียนระดับ 4 ดาวดังกล่าว…


 


“เป็นอาคมมารจริงๆ”


 


ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่มุมปากของต้วนหลิงเทียนพลันปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยันขึ้นมา


 


“เจ้าบอกว่าฮ่องเต้ไม่มีวันทำร้ายเจ้าแน่หรือ?”


 


พอละสายตาออกมาจากหอกต้วนหลิงเทียนก็หันไปถามซือถูหังทันที


 


“ใช่”


 


ซือถูหังพยักหน้าด้วยความมั่นใจ “ไม่ต้องสนใจเรื่องที่ฮ่องเต้เป็นท่านลุงของข้า ด้วยฐานะของท่าน ย่อมมิมีเหตุผลที่จักทำร้ายข้าเช่นนี้…อีกทั้ง…”


 


เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ใบหน้าที่ซีดเซียวของซือถูหังก็คล้ายจะขึ้นสีแดงเล็กน้อย ท่าทางของมันแลดูคล้ายสาวน้อยขี้อายอย่างไรชอบกล ถึงขั้นไม่อาจกล่าวให้จบประโยคได้


 


“หากมิเกิดเรื่องร้ายๆอันใดกับเสี่ยวหัง…อีกครึ่งปีหลังจากนี้เสี่ยวหังจักเข้าพิธีวิวาห์กับองค์หญิงชิวหมิง…อีกทั้งนี่ยังเป็นสมรสพระราชทานจากฝ่าบาท”


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วเพราะซือถูหังกล่าวไม่จบคำ ซือถูโฮ่วพลันกล่าวต่อออกมาก่อน “องค์หญิงชิวหมิงยังเป็นธิดาเพียงคนเดียวของฝ่าบาท”


 


ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้


 


เช่นนั้นแล้ว ฮ่องเต้ ก็ไม่มีแรงจูงใจในการทำร้ายคุณชายใหญ่จริงๆ


 


ในฐานะธิดาองค์เดียว ไม่ต้องบอกก็รู้ฝ่าฮ่องเต้ฝูเฟิงจะรักถนอมองค์หญิงขนาดไหน!


 


ย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฆ่าลูกเขยที่กำลังจะแต่งงานกับธิดาของตัวเองแบบนี้!


 


เพราะสุดท้ายแล้วโลกนี้ก็เสมือนประเทศหัวเซี่ยบนโลกเก่าเขาในสมัยโบราณ พิธีวิวาห์ของบุตรีมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เป็นไปไม่ได้ที่จะมาล้อเล่นอะไรแบบนี้!


 


“หากไม่ใช่ฮ่องเต้…ถ้างั้นก็หมายความว่ามีการจารึกอาคมมารหลังจากนั้น”


 


ต้วนหลิงเทียนหันไปมองซือถูหังทั้งกล่าวถามออกมาทันที “หลังจากที่ฮ่องเต้มอบหอกเล่มนี้ให้กับเจ้า มีใครเคยขอยืมมันไปหรือไม่? เพราะหากมีมือมืดคิดจะจารึกอาคมมารลงบนหอกจริงๆ ต่อให้เป็นผู้ฝึกมารที่เป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสูง ก็ต้องใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนในการจารึกมัน! อาคมมารนั้นต่างจากอาคมเซียนทั่วไป…เพราะมันเป็นอาคมที่ใช้ได้ครั้งเดียวและมีอันตรายสูงกว่า”


 


“ใช่แล้วเสี่ยวหัง เจ้าได้ให้ผู้ใดยืมหอกเล่มนี้ไปหรือไม่?”


 


ซือถูโฮ่วเร่งถามออกมาทันที


 


ก่อนที่ซือถูหังจะกล่าวตอบ ทั้งซือถูโฮ่วกับต้วนหลิงเทียนก็รอจะฟังคำตอบนี้ด้วยความสนใจแล้ว


 


เมื่อได้ยินคำอธิบายของต้วนหลิงเทียนและคำถามของซือถูโฮ่ว สีหน้าของซือถูหังก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง ในแววตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ไม่เข้าใจ สุดท้ายก็กลายเป็นคับแค้น


 


“เป็นผู้ใด!?”


 


ลูกตาซือถูโฮ่วเย็นลงทันใดเมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ยังถามออกมาเสียงเย็น


 


ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนยังรู้สึกเสมือนอุณหภูมิในห้องลดต่ำลงอย่างฉับพลัน!


 


‘สมแล้วที่เป็นขอบเขตเซียน ยามมีโมโหช่างต่างจากคนธรรมดานัก’


 


ต้วนหลิงเทียนที่ลอบคิดในใจอดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้น


 


“ซือถูจั๋ว”


 


ซือถูหังถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง


 


“เป็นมันจริงๆ!!”


 


สีหน้าซือถูโฮ่วยิ่งมายิ่งมืดลง “สารเลวนั่นมันกล้าดีอย่างไร! ข้าจะลากคอมันไปโถงคุมกฏเดี๋ยวนี้!!”


 


กล่าวจบซือถูโฮ่วก็เผยท่าทีเดือดดาลยังคล้ายจะเร่งรุดไปทุบตีผู้คน


 


“ท่านปู่ช้าก่อน!”


 


“ช้าก่อน!”


 


เสียงซือถูหังดังขึ้นพร้อมๆกันกับต้วนหลิงเทียน หยุดร่างซือถูโฮ่วเอาไว้ได้ทันท่วงที


 


“หืม?”


 


ซือถูโฮ่วมองซือถูหังด้วยความสงสัย ก่อนจะหันไปมองต้วนหลิงเทียนอย่างสับสน มันไม่รู้ว่าไฉนทั้งคู่ถึงกล่าวหยุดมันออกมาพร้อมเพรียงราวกับนัดกันมาแบบนี้…

 

 

 


ตอนที่ 1569

 

คฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน


 


“ท่านปู่ พวกเรามิมีหลักฐานเอาผิดมัน…”


 


ซือถูหังกล่าวออกด้วยรอยยิ้มขื่นขม


 


“มิใช่ว่ามีคุณชายท่านนี้หรอกรึ?”


 


ซือถูโฮ่วกล่าวออกมา ก่อนที่จะหันมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาเลื่อมไส เห็นได้ชัดว่าเชื่อถือในความสามารถของต้วนหลิงเทียนแล้ว


 


แน่นอนว่านี่เป็นเพราะต้วนหลิงเทียนพึ่งสร้างปาฏิหาริย์ ฟื้นฟูอาการซือถูหังได้ทันตาเห็น ซึ่งเรื่องนี้เป็นอะไรที่กระทั่งปรมาจารย์เซียนหลอมโอสถระดับ 4 ดาว ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 4 ดาว และแม้แต่ปรมาจารย์แพทย์ที่เป็นหมอหลวงยังไม่อาจกระทำได้สำเร็จ!!


 


“จากที่คุณชายท่านนี้กล่าวบอก อาคมมาร ที่ว่ามันไร้ร่องรอยยากแยกแยะ…การที่คุณชายท่านนี้สามารถค้นพบอาคมมารได้ล้วนเป็นเพราะคุณชายมีความสามารถสูงส่ง…ทว่าคนอื่นไหนเลยจักมีปัญญาค้นพบมันได้?”


 


ซือถูหังเผยความกังวลออกมา


 


“ตราบใดที่คุณชายท่านนี้รักษาเจ้าจนหายดี ยังกล้ามีอ้ายอีตัวใดไม่เชื่อ?!”


 


ซือถูโฮ่วเห็นชัดว่าไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆทั้งสิ้น


 


“ถึงแม้ว่าคุณชายท่านนี้จักรักษาข้าได้ แต่เกรงว่าอาศัยเพียงถ้อยคำวาจา ย่อมมิอาจทำให้ผู้ใดเชื่อเรื่องอาคมมารได้ลง…เพราะหากคุณชายท่านนี้มิได้เล่าเรื่องราวของอาคมมารออกมา ข้าเองก็มิรู้ด้วยซ้ำว่าโลกหล้าที่แท้มีอาคมมารอยู่ด้วย แถมซือถูจั๋วมิใช่ตัวโง่งม มันย่อมปัดสวะให้พ้นตัว กระทั่งสามารถรอดพ้นข้อกล่าวหาไปได้แน่…”


 


ซือถูหังกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ


 


“คุณชายซือถูกล่าวถูกแล้ว พวกเราไม่อาจวู่วาม…หากท่านคิดจะไปจับซือถูจั๋วที่ว่าจริง เรื่องนี้ต้องคิดให้มาก”


 


สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็กล่าวออกมา


 


ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าซือถูจั๋วเป็นใคร แต่จากท่าทีของซือถูหังและซือถูโฮ่ว เห็นชัดว่าซือถูจั๋วต้องมีความเกี่ยวข้องกับซือถูหังในฐานะคู่แข่งหรืออะไรสักอย่าง


 


“คุณชายท่านนี้กล่าวถูกแล้ว…”


 


ซือถูหังพยักหน้าเห็นด้วยกับต้วนหลิงเทียน มันพยายามกระเสือกกระสนลุกขึ้นมาจากเตียงอย่างยากลำบาก ค่อยประสานมือโค้งคารวะต้วนหลิงเทียนด้วยความขอบคุณ “ขอบคุณท่านปรมาจารย์ที่ช่วยเหลือข้า…หาไม่แล้วน่ากลัวว่าตัวข้าคงมิอาจอยู่พ้นเกินสิ้นเดือน…”


 


ถึงแม้ชายหนุ่มในชุดสีม่วงเบื้องหน้าจะยังไม่ทันรักษามันให้หายดี แต่อาการของมันก็ดีขึ้นทันตาเห็นราวปาฏิหาริย์ ยังเปลี่ยนคำเรียกหาด้วยความยกย่องเลื่อมไส


 


“คุณชายใหญ่ซือถูเกรงใจไปแล้ว”


 


ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ


 


“ข้าขอทราบนามสูงส่งของท่านปรมาจารย์ได้หรือไม่?”


 


ซือถูหังกล่าวถามด้วยความสุภาพ


 


“ต้วนหลิงเทียน”


 


ภายใต้สายตาที่จับจ้องมองมาด้วยความสนใจบองซือถูหังกับซือถูโฮ่ว ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆกล่าวตอบ


 


จนถึงตอนนี้ยิ่งมองเขายิ่งประทับใจในตัวคุณชายใหญ่ผู้นี้นัก


 


ด้วยประสบการณ์ 2 ช่วงชีวิต สายตาในการดูคนของเขาไม่ใช่ต่ำทราม เพียงเห็นกริยาและการกระทำของอีกฝ่าย เขาก็รู้ได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่คนรวยรุ่นที่ 2 จำพวกนายน้อยอวดดีนิยมวางอำนาจบาตรใหญ่ หากแต่เป็นสุภาพบุรุษและวิญญูชนอันเที่ยงแท้คนหนึ่ง


 


“เป็นปรมาจารย์ต้วนนี่เอง”


 


อย่างไรก็ตามอาการของซือถูหังก็ไม่ใช่ว่าจะฟื้นฟูดีขึ้นมากมายอะไร หลังยืนได้ไม่นานร่างมันก็ทรุดลงไปนั่งบนเตียงอีกครั้ง


 


“เสี่ยวหังเจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ”


 


เห็นดังนั้น ซือถูเร่งวูบร่างมาประคองให้อีกฝ่ายนอนลงทันที


 


“อา”


 


ซือถูหังเชื่อฟังคำ ก่อนที่จะยิ้มให้ต้วนหลิงเทียนด้วยความขอบคุณอีกครั้ง สองตาปิดลงพักผ่อน…


 


ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็รู้งาน เมื่อเห็นซือถูโฮ่วเดินออกไป เขาก็เดินตามไปเพื่อให้ซือถูหังได้พักผ่อนดีๆ


 


“ปรมาจารย์ต้วนข้าต้องขออภัยกริยาไม่เหมาะสมและความหยาบคายที่ตัวข้ากระทำลงไปก่อนหน้านี้ด้วย…”


 


ทันทีที่ออกมาจากห้องของซือถูหัง ซือถูโฮ่วก็ประสานมือกล่าวขอขมาต้วนหลิงเทียนออกมาด้วยแววตาสำนึกผิดและเสียใจ เห็นได้ชัดว่ามันกล่าวถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ลอบสั่งให้ผู้ดูแลฝูทดสอบต้วนหลิงเทียน


 


“อาวุโสโฮ่วอย่าได้คิดมากไป ข้าเข้าใจดีว่าท่านเป็นห่วงคุณชายใหญ่มากเพียงใด”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าว


 


หลังจากได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ซือถูโฮ่วพลันยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ทั้งเร่งถามออกมาด้วยความสนใจทันที “ปรมาจารย์ต้วน ท่านใช่ยอดฝีมือในรายนามนภาหรือไม่?”


 


“ยอดฝีมือในรายนามนภา?”


 


เมื่อเห็นซือถูโฮ่วมองถามมาตาเป็นประกายด้วยความคาดหวัง ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสับสน “เอ่อ…นั่นมันอะไรเหรอ?”


 


‘รายนามปฐพี’ เขาเคยได้ยินมาก่อน


 


หากแต่ ‘รายนามนภา’ นั่นมันอะไรกัน?


 


“ปรมาจารย์ต้วน…ท่านมิรู้จักรายนามนภาหรือ?”


 


เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนไม่คล้ายแสร้งทำเป็นไม่รู้จริงๆ ซือถูโฮ่วอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมาด้วยความประหลาดใจ


 


“ข้าพึ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกนี่ล่ะ”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบ “ข้าเคยได้ยินเรื่อง รายนามปฐพี มาก่อน ว่ามันมีไว้จัดอันดับยอดฝีมือในขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์”


 


“รายนามปฐพีกับรายนามนภานั้นต่างกันราวฟ้าดิน…ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า มีรายนามปฐพีมากมายหลายชุดนัก หากแต่มีรายนามนภาเพียงแค่ราวๆ 10 กว่าชุดเท่านั้น”


 


ซือถูโฮ่วส่ายหัวไปมา


 


“ท่านบอกรายละเอียดของมันได้หรือไม่?”


 


หลังได้ยินคำของซือถูโฮ่ว ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวถามเพิ่มเติมออกมา เขาเริ่มสนใจรายนามนภาอะไรนี่ขึ้นมาแล้ว


 


จากนั้นภายใต้การกล่าวชี้แนะของซือถูโฮ่ว ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบว่ารายนามนภาที่ว่าคืออะไร มันคือสิ่งที่ขุมพลังชั้น 5 ได้จัดสร้างขึ้นภายใต้การปกครอง เป็นการจัดอันดับยอดฝีมือในขอบเขตสู่เซียน ในรายนามได้รวบรวมไว้ซึ่งรายชือของสุดยอดฝีมือขอบเขตสู่เซียน!


 


ประเทศฝูเฟิงแม้จะเป็นขุมพลังชั้น 6 และตั้งตัวเป็นประเทศอิสระ แต่กล่าวไปก็อยู่ภายในเขตอิทธิพลของขุมพลังชั้น 5 อย่างคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน และยังต้องจ่ายส่วยเพื่อตัดปัญหาเช่นกัน


 


ในพื้นที่อิทธิพลของ คฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนนั้นมีขุมพลังชั้น 6 ทั้งสิ้น 11 ขุมพลัง และประเทศฝูเฟิงก็เป็น 1 ในนั้น


 


ดังนั้นแล้วยอดฝีมือในรายนามนภาของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน ก็คือสุดยอดฝีมือขอบเขตสู่เซียนในเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน


 


ในบรรดายอดฝีมือขอบเขตสู่เซียนมากมายที่อยู่ในเขตอิทธิพลนี้ มีเพียงคนในประเทศฝูเฟิงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ติดอันดับในรายนามนภา


 


“ข้ามิคาดจริงๆว่าอย่างท่านปรมาจารย์ต้วนจักไม่ทราบเรื่องรายนามนภา…ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าปรมาจารย์ต้วนมาจากที่ใด?”


 


ซือถูโฮ่วกล่าวถามด้วยความสงสัย


 


“ข้ามาจากเขตปกครองของ 9 พันธมิตรน่ะ”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกไปตามตรง เพราะเดิมทีเขาก็ตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าจะขอแรงตระกูลซือถูให้ช่วยตามหา พวกป๋ายลี่หง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร


 


“เขตปกครอง 9 พันธมิตรหรือ?”


 


ซือถูโฮ่ว โค้งคิ้วขึ้น “หากข้าจำมิผิดเขตปกครอง 9 พันธมิต สมควรตั้งอยู่ในพื้นที่ชายขอบดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเรา เลยจากทะเลทรายลงไปตอนใต้…มิคิดเลยว่าสถานที่เช่นนั้นจักเพาะสร้างคนอย่างปรมาจารย์ต้วนขึ้นมาได้”


 


ซือถูโฮ่วถอนหายใจออกมา


 


“อาวุโสโฮ่ว ก่อนหน้าพวกท่านกล่าวถึง ซือถูจั๋ว ข้าสงสัยว่าคนผู้นี้เป็นใครกันเหรอ?”


 


ต้วนหลิงเทียนอยากรู้เรื่องนี้


 


ต้องทราบด้วยว่าคุณชายใหญ่ตระกูลซือถูอย่างซือถูหังนั้น คือว่าที่ผู้นำตระกูลซือถูคนต่อไป…


 


กลับมีบางคนคิดฆ่า!


 


ยิ่งไปกว่านั้นฟังจากแซ่แล้ว สมควรเป็นคนของตระกูลซือถู!


 


“ซือถูจั๋ว ก็นับเป็นคนในตระกูลซือถูของเรา อีกทั้งยังเป็นคุณชายรอง…หากแต่มันก็มิได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเสี่ยวหัง หากจะไล่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดจริงๆ เกรงว่าต้องย้อนไปหลาย 10 ชั่วอายุคน”


 


ซือถูโฮ่วกล่าวออกอย่างไม่รีบไม่ร้อน


 


จากคำพูดของซือถูโฮ่วทำให้ต้วนหลิงเทียนเข้าใจได้ ว่าซือถูจั๋วกับซือถูหังต่างก็เป็นรุ่นเยาว์ในตระกูลซือถู หากแต่ไม่ได้มาจากสายเลือดเดียวกัน


 


“การสืบทอดมรดกและตำแหน่งประมุขของตระกูลซือถูมิได้อิงตามสายเลือด หากแต่คัดเลือกจากคนในรุ่นรองที่มีความสามารถโดดเด่นที่สุด และทำการสนับสนุนอุ้มชูให้กลายเป็นประมุขคนต่อไป ตอนนี้ผู้นำตระกูลซือถูของพวกเราคือบิดาของเสี่ยวหัง…ทว่าด้วยความสามารถ เสี่ยวหังก็เป็นผู้ที่โดดเด่นที่สุด จึงเป็นเหตุผลที่ไฉนถูกตั้งให้เป็นว่าที่ผู้นำรุ่นต่อไป…”


 


ซือถูโฮ่วกล่าวสืบต่อ “อย่างไรก็ตามในชนรุ่นเดียวกันกับเสี่ยวหัง ก็ยังมีผู้ที่โดดเด่นอีกคน…หากเสี่ยวหังมิอาจดำรงตำแหน่งผู้นำได้ มันย่อมเสียบตำแหน่งว่าที่ผู้นำทันที และจักได้เป็นผู้นำคนต่อไปของตระกูล”


 


“คนผู้นั้นก็คือซือถูจั๋ว?”


 


หลังได้ยินเรื่องราวจากปากซือถูโฮ่ว ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้ทันทีว่าแรงจูงใจในการฆ่าซือถูหังของซือถูจั๋วคืออะไร…ที่แท้ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าคิดช่วงชิงตำแหน่งกล่ายเป็นผู้สืบทอดคนต่อไปของตระกูลซือถู


 


เพราะสุดท้ายแล้วตราบใดที่ซือถูหังยังมีลมหายใจ มันก็สิ้นไร้โอกาส…


 


“ใช่!”


 


ลูกตาซือถูโฮ่วทอประกายด้วยแสงเย็นเยียบค่อยกล่าวสืบต่อ “ข้ามิคิดเลยว่ามันจะหาญกล้าขนาดนี้…ถึงขั้นกล้าทำลายกฏของตระกูล!”


 


กฏข้อแรกของตระกูลซือถูก็คือ…ห้ามไม่ให้ลูกหลานในตระกูลเข่นฆ่ากันเองอย่างเด็ดขาด!


 


“ก็นะ…อาคมมาร มันไม่ใช่อะไรที่ผู้คนทั่วไปจะสามารถมองออกได้”


 


ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา


 


“ปรมาจารย์ต้วน ท่านก็พักอยู่ในเรือนของเสี่ยวหังเถอะ…ก่อนอื่นข้าจักรีบไปแจ้งเรื่องนี้ให้ผู้นำตระกูลทราบก่อน ตอนนี้ข้าไม่รบกวนท่านพักผ่อนแล้ว”


 


ซือถูโฮ่วกล่าวกับต้วนหลิงเทียนจบ ก็หันไปสั่งให้หญิงรับใช้ในเรือนมาดูแลต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะจากไป


 


“คุณชายต้วนโปรดตามข้ามาทางนี้”


 


ในฐานะเรือนของคุณชายใหญ่ตระกูลซือถู ย่อมมีสตรีรับใช้อยู่มากมาย เมื่อได้ยินคำสั่งของซือถูโฮ่ว หนึ่งในนั้นก็รีบเข้ามานำพาต้วนหลิงเทียนไปยังห้องพักทันที


 


ห้องพักนั้นแม้จะว่างเปล่า ไร้สิ่งของตกแต่งอะไรมากมาย แต่ก็สะอาดสะอ้านแลดูโล่งสบายน่าอยู่ สมควรมีคนมาปัดกวาดเช็ดถูเป็นประจำ


 


“คุณชายต้วนหากท่านต้องการอันใด ข้าน้อยรอฟังคำสั่งท่านอยู่หน้าประตู”


 


ในขณะที่สตรีรับใช้กล่าวกับต้วนหลิงเทียน นางก็พยายามเล่นหูเล่นตาโปรยเสน่ห์ใส่ต้วนหลิงเทียนเต็มที่ ถึงแม้นางไม่รู้ว่าชายหนุ่มในชุดสีม่วงคนนี้เป็นใคร และจะสามารถรักษาคุณชายใหญ่ได้หรือไม่ แต่อาศัยท่าทีปฏิบัติที่อาวุโสระดับสูงอย่างซือถูโฮ่วมีให้ นางก็ยินดีทอดสะพานเตรียมรับใช้ปรนิบัติเขาด้วยดี…ทุกเรื่อง!


 


หากนางสามารถทำให้ตัวตนเช่นนี้หลงใหลหรือถูกใจได้ ก็เป็นโอกาสที่นางจะได้ท่องทะยานขึ้นฟ้าในคราวเดียว…


 


อนิจจาแม้สตรีรับใช้นางนี้จะแลดูใช้ได้ทั้งทรวดทงองค์เอวเข้ารูปไม่เบา แต่ยังนับว่าห่างไกลจากคู่หมั้นทั้ง 2 ของต้วนหลิงเทียนหลายขุม


 


‘ไม่รู้ว่าตอนนี้ศิษย์พี่กับพวกลุงเฟิ่งไปอยู่ที่ไหน…ข้าหวังว่าทั้งหมดจะเดินทางมายังประเทศฝูเฟิงเช่นกัน’


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวพึมพำในใจ


 


‘ค่อยถามผู้นำตระกูลซือถูดู ว่ามีขุมพลังชั้น 5 ไหนที่มีแซ่หานบ้าง’


 


นี่เป็นเบาะแสเดียวที่ต้วนหลิงเทียนมีเกี่ยวกับภูมิหลังของหานเฉวี่ยไน่


 


ตระกูลของหานเฉวี่ยไน่นั้นเห็นชัดว่าสมควรเป็นตระกูลใหญ่ กระทั่งตระกูลหานโบราณในทวีปเมฆาล่อง ก็ถูกสร้างขึ้นด้วยข้ารับใช้ธรรมดาๆของตระกูลหานที่ออกจากตระกูลไปเมื่อ 10,000 ปีก่อน


 


และเรื่องที่เขาเดาว่าตระกูลของหานเฉวี่ยไน่น่าจะเป็นขุมพลังชั้น 5 ก็มาจากหินเซียนที่นางมอบให้เขา


 


หินเซียนที่นางมอบมา 9 ส่วนเป็นหินเซียนระดับ 5 และ 1 ส่วนเป็นหินเซียนระดับ 4


 


นี่เป็นไปตามเกณฑ์หินเซียนที่จะขุดได้จากสายแร่หินเซียนระดับ 5 ซึ่งมีขุมพลังชั้น 5 ครอบครอง!


 


ต้วนหลิงเทียนนอนคิดเรื่องราวอยู่บนเตียงไม่ได้เข้าไปฝึกฝนในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติแต่อย่างไร


 


เพราะเขารู้ดีว่าแม้จะเข้าไปฝึกก็ไม่อาจฝึกได้นาน


 


และหลังจากที่นั่งๆนอนคิดเรื่องราวอะไรไปได้ไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงเรียกของสตรีรับใช้หน้าห้อง ว่าผู้นำมารอพบเขาแล้ว


 


ผู้นำ ที่สตรีรับใช้กล่าวรายงานก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นผู้นำตระกูลซือถูนั่นเอง


 


ที่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เข้าไปฝึกในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติก็เพราะรู้ดีว่าผู้นำตระกูลซือถูต้องเร่งรุดมาหาเขาโดยเร็วที่สุดเป็นแน่! เพราะอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นบิดาบังเกิดเกล้าของซือถูหัง เมื่อรู้ว่ามีคนที่จะสามารถช่วยชีวิตลูกชายได้ปรากฏตัวออกมา ไหนเลยยังจะกล้ารอช้าได้?


 


นี่คือความห่วงใยของบุพการี!


 


ไม่มีบิดามารดาคนใดไม่รักลูก!


 


เมื่อก้าวออกมาจากห้องต้วนหลิงเทียนก็ได้เห็นซือถูโฮ่วอีกครั้ง และข้างๆซือถูโฮ่วก็มีร่างที่แลดูไม่ธรรมดามาด้วย อีกฝ่ายเป็นชายวัยกลางคน สูงเท่าค่าเฉลี่ยมาในชุดคลุมสีน้ำเงิน ใบหน้าหล่อได้รูปปานหยกเสลา หว่างคิ้วคมเข้มดั่งดาบ อำนาจบารมีแผ่พุ่งออกมาไม่น้อย


 


เห็นได้ชัดว่าสมควรเป็นผู้นำตระกูลซือถู ซือถูฮ่าว!

 

 

 


ตอนที่ 1570

 

ซือถูจั๋ว


 


“ปรมาจารย์ต้วน”


 


แม้ต้วนหลิงเทียนจะแลดูเยาว์วัย หากแต่ทันทีที่ซือถูฮ่าวผู้นำตระกูลซือถูพบหน้าต้วนหลิงเทียน มันก็ไม่กล้าละเลยอะไร ในน้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความชื่นชม


 


ส่วนด้านต้วนหลิงเทียน แว่บแรกที่เห็นซือถูฮ่าว เขาก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นตัวตนในขอบเขตเซียน


 


“ผู้นำตระกูลซือถู”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าให้ซือถูฮ่าวเป็นการทักทาย


 


ถึงแม้ซือถูฮ่าวจะเป็นตัวตนในขอบเขตเซียน ทว่ายามเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้รู้สึกกดดันอะไรเลย


 


ถึงแม้พลังฝึกปรือเขาจะอยู่ที่ขอบเขตสู่เซียน ทว่าเขาก็เคยสังหารตัวตนในขอบเขตเซียนที่พลังเหนือกว่ามาแล้ว! เช่นนั้นเขาย่อมไม่เสียอาการ หรือโดนข่มขวัญอันใดต่อหน้ายอดฝีมือขอบเขตเซียน!!


 


เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนไม่อ่อนน้อมไม่ถือดีจนเกินงาม ซือถูฮ่าวก็ยิ่งประเมินต้วนหลิงเทียนสูงขึ้นกว่าเดิม


 


ก่อนหน้านี้ตอนมันได้ยินซือถูโฮ่วกล่าวถึงอีกฝ่ายไว้อย่างดี มันยังหลงนึกว่าใช่ซือถูโฮ่วกล่าวเกินจริงไปหรือไม่ ทว่ามาตอนนี้มันรู้แล้วว่าไม่มีเท็จแม้ครึ่งคำ!


 


ชายหนุ่มนาม ต้วนหลิงเทียน ผู้นี้…พิเศษจริงๆ!


 


“ปรมาจารย์ต้วน ข้าได้ยินอาวุโสโฮ่วกล่าวบอกว่า หากท่านคิดกำจัดอาคมมารของบุตรชายข้าท่านจำต้องใช้วัตถุดิบจำนวนมาก…ข้ามิทราบว่าท่านต้องการวัตถุดิบอันใดบ้างหรือ?”


 


ซือถูโฮ่วกล่าวถามออกมาเสียงดังฟังชัด หากแต่ในน้ำเสียงกลับเจือไปด้วยความกังวลระคนตื่นเต้นไว้ไม่น้อย


 


เดิมทีซือถูฮ่าวก็สิ้นหวังด้วยคิดว่าอาการป่วยของบุตรชายมันไร้หนทางรักษาแล้ว! หากทว่าในยามที่สิ้นหวังถึงขีดสุด…อรุณรุ่งแห่งความหวังพลันมาเยือนอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว ย่อมทำให้มันรู้สึกท่วมท้นไปด้วยมวลอารมณ์ยากอธิบาย!


 


“ข้าวาดรูปวัตถุดิบ พร้อมทั้งเขียนคำอธิบายประกอบไว้ด้านข้างแล้ว”


 


ต้วนหลิงเทียนส่งมอบม้วนกระดาษม้วนหนึ่งไปให้ซือถูฮ่าว ตอนที่เขานอนเล่นอยู่ในห้องก่อนหน้า เขาก็เจียดเวลาลุกขึ้นมาวาดรูปวัตถุดิบต่างๆเตรียมเอาไว้แล้ว ยังมีคำอธิบายบอกไว้อย่างละเอียด


 


“ปรมาจารย์ต้วน หากข้ารวบรวมวัตถุดิบพวกนี้มาได้ครบแล้ว…ต้องใช้เวลานานเท่าใดท่านถึงจะรักษาหังเอ้อให้หายดีหรือ?”


 


ซือถูฮ่าวรับม้วนกระดาษจากต้วนหลิงเทียนมาคลี่กางชมดูพักหนึ่ง ค่อยม้วนมันแล้วเก็บไว้อย่างดีราวกับสมบัติล้ำค่า หลังจากนั้นมันก็เงยหน้าขึ้นมามองถามต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเปี่ยมความหวัง


 


“หนึ่งเดือน”


 


ต้วนหลิงเทียนตอบคำด้วยความมั่นใจ “ไม่เกินหนึ่งเดือนข้าจะมอบคุณชายใหญ่ตระกูลซือถูที่แข็งแรงสมบูรณ์ให้ท่านผู้นำตระกูล”


 


ไม่เกินหนึ่งเดือน!


 


ได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน ไม่เพียงซือถูฮ่าว ซือถูโฮ่วเองก็สองตาลุกวาวขึ้นมาทันที!


 


หลังจากนั้นซือถูฮ่าวก็อำลาต้วนหลิงเทียน และรีบร้อนออกไปทันที เห็นชัดว่ามันคิดไปรวบรวมวัตถุดิบมาให้เร็วที่สุด!


 


ก่อนจากไปมันยังกล่าวคำสัญญากับต้วนหลิงเทียนว่าจะมอบยันต์เต๋าระดับ 4 ดาวให้ทันทีที่ซือถูหังหายขาด


 


เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้รีบร้อนอะไร


 


ตระกูลซือถูได้ลั่นวาจาทั้งสาธารณชนก็รับทราบดีอยู่แล้ว คงไม่มีทางทำลายชื่อเสียงตัวเองด้วยการบิดพริ้วคำสัญญาเด็ดขาด


 


ยิ่งไปกว่านั้นก่อนที่จะมายังตระกูลซือถู ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเรื่องราวมาไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นซือถูหังหรือผู้นำตระกูลซือถู ล้วนเป็นคนดีและผู้คนก็ชื่นชมสรรเสริญกันถ้วนหน้า


 


สิ่งที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนแปลกใจอยู่บ้างก็คือ แม้ซือถูฮ่าวจะจากไปแล้วแต่ชายชราอย่างซือถูโฮ่วกลับไม่ได้ไปไหน


 


ทั้งมีห้องว่างหลายห้องในเรือนหลังนี้ ทว่าซือถูโฮ่วกลับเลือกที่จะอยู่ห้องตรงข้ามของต้วนหลิงเทียน คล้ายจะมาอยู่เป็นเพื่อนบ้านเขาเสียอย่างนั้น


 


“ดูเหมือนว่าอาวุโฮ่วจะกลัวว่าข้าจะหนีไปสินะ…”


 


ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาพร้อมยิ้ม


 


ไม่กี่วันหลังจากนั้นซือถูโฮ่วก็ยังคงอยู่ในเรือนที่พักของซือถูหัง กลับกันอีกด้านหนึ่งในเขตตระกูลซือถูกลับมีบรรยากาศอึมครึมขึ้นมา


 


“ปรมาจารย์ต้วนที่ว่ามันอยู่ในเรือนที่พักของซือถูหังมาสองสามวันแล้วงั้นเหรอ? แถมไอเฒ่าซือถูโฮ่วนั่นก็อาศัยอยู่ห้องตรงข้ามอีก?”


 


ชายหนุ่มที่มีสีหน้าอึมครึมคนหนึ่งเดินวนไปวนมาขณะพึมพำกับตัวเองเบาๆ ในแววตาเผยประกายเย็นชาออกมาไม่ขาด


 


“หรือ…ปรมาจารย์ต้วนอะไรนั่น มันจักล้างอาคมมารของซือถูหังได้จริงๆ?”


 


คิดถึงจุดนี้สีหน้าชายหนุ่มที่แลดูอึมครึมก็กลายเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาทันที มันเดินไปยังโถงรับแขกที่อยู่ในบ้านของมันทันทีเพื่อพบกับแขกของมันที่พักอยู่ที่นั่น


 


แขกที่ว่าเป็นชายในชุดคลุมลมดำ ใบหน้ายังมีหน้ากากประหลาดแลดูน่ากลัวปานภูตผีสวมใส่ปิดบังหน้าตาเอาไว้


 


“คุณชายจั๋ว…ท่านรีบร้อนมาหาข้าเช่นนี้มีอันใดหรือ?”


 


ชายในหน้ากากกล่าวถามเสียงเรียบ


 


จากคำของชายสวมหน้ากาก เห็นชัดว่าชายหนุ่มที่พึ่งเดินเข้ามาที่แท้คือคุณชายรองตระกูลซือถู ซือถูจั๋ว!


 


“เจ้ามั่นใจแน่หรือ…ว่าอาคมมารของเจ้าจักมิมีผู้ใดทำลายมันได้?”


 


ซือถูจั๋วกล่าวถามเสียงเข้ม


 


“ย่อมแน่!”


 


ชายสวมหน้ากากผีกล่าวออกด้วยน้ำเสียงมั่นใจเต็มสิบส่วน “ถึงแม้อาคมมารของข้าจักมิใช่อาคมระดับสูงอันใด แต่ข้ามั่นใจนักว่าในพื้นที่อิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน มีผู้ที่สามารถทำลายอาคมมารของข้านับได้ด้วยมือข้างเดียว!”


 


“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าไม่กี่วันมานี้ มีคนผู้หนึ่งไปดูอาการซือถูหัง และตอนนี้มันก็พักอยู่ที่เรือนนั่น…แถมไอ้เฒ่าซือถูโฮ่ว ก็เฝ้าอยู่ที่นั่นด้วย!”


 


ซือถูจั๋วกล่าวออกเสียงเครียด “ข้ากลัวว่าปรมาจารย์ต้วนอะไรนั่น มันจักรู้วิธีทำลายอาคมมาร!”


 


“เป็นไปมิได้!”


 


ชายในหน้ากากผีกล่าวยืนยันออกมา


 


“แล้วเจ้าจักอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ว่าอย่างไร? หากมันทำอะไรไม่ได้ ใยป่านนี้ยังไม่ออกจากตระกูลซือถูไปอีก?”


 


ซือถูจั๋วกล่าวถาม


 


ชายในหน้ากากผีได้ฟังคำถามนี้ก็นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง “เช่นนั้นท่านหาโอกาสไปดูซือถูหังนั่น แล้วข้าจักตามไปด้วย…หากข้าเห็นอาการของซือถูหัง ข้าสามารถบอกได้ทันทีว่ามันมีสามารถทำลายอาคมมารของข้าได้หรือไม่”


 


“ตอนนี้ก็ทำได้แค่เท่านี้วิธีเดียวแล้ว…หากเจ้านั่นมันสามารถทำลายอาคมมารของเจ้าได้จริงๆ ความพยายามของพวกเราครั้งนี้ก็ต้องกลายเป็นไร้ค่า!”


 


สีหน้าซือถูจั๋วยิ่งมายิ่งมืดมน


 


หลังจากนั้น 2 วันซือถูจั๋วก็ไม่อาจสงบใจทนรอได้อีก เมื่อพบว่า ‘แขก’ ยังอยู่ในเรือนของซือถูหัง มันจึงพาชายหน้ากากผีไปเยี่ยมซือถูหังด้วยข้ออ้างคิดไปเยี่ยมเยียน “พี่ใหญ่” ทันที


 


หลังจากเห็นซือถูหัง สีหน้าภายใต้หน้ากากผีก็แปรเปลี่ยนไปทันใด


 


นั่นเพราะมันพบว่าอาการของซือถูหังกลับดีขึ้นแล้วจริงๆ!


 


อีกทั้งพลังของอาคมมารก็จางหายไปมาก!


 


“ที่แท้ปรมาจารย์ต้วนนั่นมันเป็นใครกันแน่ มันกลับทำลายอาคมมารของข้าได้จริงๆ..!!”


 


ชายหน้ากากผีเร่งส่งเสียงผ่านปราณแท้ไปยังซือถูจั๋วทันที เรื่องนี้ทำให้มันตกใจนัก ในแววตายังเผยความเหลือเชื่อออกมาไม่น้อย


 


หากแต่อาการท่าทีภายนอกของมันยังคงสงบอยู่


 


“พี่ใหญ่ดูเหมือนท่านจะดีขึ้นมากแล้ว…ท่านปรมาจารย์ต้วนช่างเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ยอดเยี่ยมนัก กระทั่งปรมาจารย์เซียนจารึก 4 ดาวยังมิอาจมีปัญญาทำอันใดได้ ทว่าปรมาจารย์ต้วนกลับสามารถรักษาท่านได้!”


 


ซือถูจั๋วกล่าวกับซือถูหังด้วยรอยยิ้ม ค่อยกล่าวสืบต่อ “พี่ใหญ่หัง ข้าหวังว่าท่านจักรีบหายดีในเร็ววัน เพราะข้ายังมีเรื่องมากมายรอให้ท่านชี้แนะเกี่ยวกับวรยุทธ์เซียนที่ข้าฝึกปรือ”


 


“อืม”


 


ซือถูหังพยักหน้ารับด้วยความเฉยเมย ค่อยกล่าว “เจ้ามีอันใดอีกหรือไม่ หากไม่มีแล้วข้าอยากพักผ่อน”


 


พอตระหนักได้ว่าที่มันต้องเป็นแบบนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะซือถูจั๋ว! ซือถูหังก็ไม่อาจปั้นหน้าแย้มยิ้มอะไรได้อีก แม้จะไม่เผยท่าทีเป็นอริอะไรกัน แต่อารมณ์ของมันก็ไม่ใช่ว่าจะสู้ดีนัก!


 


เพราะมันไม่อาจฝืนทำเป็นปกติยิ้มแย้มให้กับคนที่สามารถซ่อนดาบในรอยยิ้มคิดฆ่ามันเช่นนี้ได้!


 


“เช่นนั้นพี่ใหญ่พักผ่อนก่อนเถอะ ข้าไม่รบกวนท่านแล้ว”


 


คล้ายซือถูจั๋วจะไม่สนใจความเฉยเมยไม่แยแสของซือถูหัง มันยังคงปั้นหน้ายิ้มแย้มกล่าวคำอำลาด้วยท่าทางสุภาพ


 


ทว่าทันทีที่มันเดินออกจากห้อง ก็ปรากฏร่างหนึ่งยืนรออยู่ในล้านว่าง จึงเร่งทักอีกฝ่ายออกไปทันที “อาวุโสโฮ่ว”


 


“คนผู้นี้มาติดตามรับใช้เจ้าตั้งแต่เมื่อใดกัน? แล้วมันเป็นใคร?”


 


ลูกตาซือถูโฮ่วจับจ้องมองเขม็งไปยังชายในหน้ากากผีทันทีอย่างไม่วางตา กล่าวถามออกมาเสียงเย็น


 


“นี่เป็นสหายของข้าที่บังเอิญรู้จักกันตอนออกไปท่องเที่ยวข้างนอกน่ะ”


 


ซือถูจั๋วกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม


 


“หากข้าเข้าใจมิผิด มันเป็นผู้ฝึกมารใช่หรือไม่?”


 


ซือถูโฮ่วมองซือถูจั๋วด้วยสายตาคมกล้า กล่าวจี้ถามออกไปทันที


 


“ผู้ฝึกมาร?”


 


ซือถูจั๋วลอบสะท้านไปเล็กน้อย ค่อยเร่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาวุโสโฮ่วท่านล้อข้าเล่นแล้ว…ตระกูลของเรามีกฏห้ามคบค้าสมาคมกับผู้ฝึกมารเด็ดขาด ไหนเลยข้ายังไม่ล่วงรู้ได้ ข้ามิกล้ามีสหายเป็นผู้ฝึกมารหรอก”


 


“เช่นนั้นก็ดี!”


 


ซือถูโฮ่วพยักหน้ารับเบาๆ


 


“จริงสิข้าได้ยินมาว่าที่พี่ใหญ่มีอาการดีวันดีคืนเช่นนี้ ล้วนเป็นเพราะปรมาจารย์ต้วน…อาวุโสโฮ่ว มิทราบปรมาจารย์ต้วนผู้นั้นอยู่ที่ใดเหรอ ข้าคิดไปคารวะขอบคุณเขาในนามของพี่ใหญ่หังสักครา”


 


ซือถูจั๋วกล่าวถามวือถูโฮ่วออกมาตาใส


 


ซือถูโฮ่วยังไม่ทันได้ตอบคำอะไร ประตูห้องตรงข้ามห้องมันก็เปิดอ้าออกมาทันที ปรากฏร่างในชุดสีม่วงหนึ่งค่อยๆเดินเข้ามาในลานว่าง เป็นบุรุษหล่อเหลาหน้าตาคมคาย คิ้วเข้มดั่งดาบ ประกายตาสดใสมากไหวพริบ นับว่าหล่อเหลาและเต็มไปด้วยความสง่างามไม่ธรรมดา


 


เพียงแค่มอง ซือถูจั๋วยังอดรู้สึกด้อยกว่าอย่างช่วยไม่ได้


 


“ปรมาจารย์ต้วน!”


 


ซือถูโฮ่วที่เห็นชายหนุ่มชุดม่วงออกมา ก็เร่งกล่าวคำทักทายด้วยรอยยิ้มทันที


 


“อาวุโสโฮ่ว”


 


ต้วนหลิงเทียนยิ้มทั้งพยักหน้ารับคำทักของซือถูโฮ่วเบาๆ ก่อนที่จะเดินไปยังโต๊ะหินอ่อนในลาน ค่อยหยิบถ้วยชาออกมาตั้งวางอย่างไม่รีบร้อน ทั้งยกกาน้ำชารินชาหอมจรุงพ่นควันฉุยออกมาละเลียดจิบอย่างสุขอุรา ไม่ได้แยแสหรือให้ความสนใจซือถูจั๋วกับชายชุดคลุมลมดำที่สวมหน้ากากผีที่ยืนอยู่ในลานด้วยแม้แต่น้อย


 


ชายในหน้ากากผีถึงกับหยีตามองต้วนหลิงเทียนทันที ในแววตายังเต็มไปด้วยประกายเย็นเยียบ


 


ชายหนุ่มผู้นี้น่ะเหรอ ที่สามารถทำลายอาคมมารของมันได้?


 


“สวัสดีปรมาจารย์ต้วนข้าน้อยเรียกว่าซือถูจั๋ว ข้าต้องขอบคุณท่านแล้วจริงๆ หากมิได้ท่านน่ากลัวอาการของพี่ใหญ่จักเลวร้ายนัก…ขอท่านจงมั่นใจตราบใดที่ท่านสามารถรักษาพี่ใหญ่ข้าจนหายดีได้ ตระกูลซือถูเราจักตอบแทนท่านอย่างงาม”


 


เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้ชายตาเหลือบมองมันมาเลย ซือถูจั๋วอดไม่ได้ที่จะมีโมโห หากแต่มันพยายามระงับอารมณ์ไว้อย่างดี เร่งปั้นยิ้มกล่าวทักทายต้วนหลิงเทียนทันที


 


“ซือถูจั๋ว?”


 


ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนพลันวางจอกชา ค่อยหันไปมองซือถูจั๋วด้วยสายตาเฉยเมย หากแต่พยักหน้าให้เบาๆคราหนึ่ง “ข้าเคยได้ยินนามนี้มาก่อน เจ้าคือคุณชายรองสกุลซือถู?”


 


คำว่า ‘รอง’ นั้น ต้วนหลิงเทียนยังเน้นเสียงหนักเป็นพิเศษ


 


ลึกลงไปในแววตาซือถูจั๋วฉายแววเย็นเยือกออกมาทันที วาจาที่ต้วนหลิงเทียนจงใจเน้นหนัก มิต้องสงสัยเลยว่าเป็นการแขวะแผลเก่าของมันอย่างแรง!


 


อย่างไรก็ตามเมื่อคิดถึงว่าในที่นี้ยังมีซือถูโฮ่วอยู่ด้วย มันก็ไม่กล้าทำอะไรวู่วาม


 


“ถูกแล้ว ข้าคือคุณชายรองสกุลซือถู”


 


ซือถูจั๋วฝืนยิ้มตอบคำ


 


อย่างไรก็ตามในเวลาเดียวกันนี้เองมันก็ลอบส่งเสียงผ่านปราณแท้หาต้วนหลิงเทียน “ข้ามิรู้ว่าเจ้าเป็นผู้ใด…แต่ข้าแนะนำว่าเจ้าอยู่ให้ห่างเรื่องนี้ไว้จักประเสริฐกว่า! เพียงบอกไปว่าเจ้ามิอาจรักษาอาคมมารได้แล้ว และย้ายมาอยู่ฝั่งข้า ข้ายินดีจะมอบยันต์เต๋าระดับ 4 ดาวให้เจ้า 3 แผ่น! นับว่าดีกว่าของรางวัลที่ตระกูลือถูจักให้เจ้าเสียอีก!”


 


“อยู่ฝ่ายเจ้า?”


 


ได้ยินเสียงผ่านปราณแท้ของซือถูจั๋ว ต้วนหลิงเทียนชักสีหน้ามึนงง ค่อยกล่าวโพล่งถามออกมาด้วยเสียงจริง “อะไรกัน!? ไม่ใช่ว่าซือถูหังเป็นพี่ใหญ่ของเจ้าหรือไร ไฉนเจ้ายังให้ข้าไปอยู่ฝ่ายเฝิ่ยเจ้าอะไรนั่นเล่า? หรือนี่เจ้าอยากให้พี่ใหญ่ของเจ้าตายกัน?”


 


“ไม่ต้องมาเส้แสร้งแสดงเป็นตัวโง่งม ในเมื่อเจ้ารู้วิธีทำลายอาคมมาร เช่นนั้นเจ้าย่อมรู้จักอาคมมารดี…หากข้าเดาไม่ผิดตอนนี้ซือถูหังก็สงสัยข้าแล้วใช่หรือไม่?”


 


ซือถูจั๋วยังคงส่งเสียงผ่านปราณแท้กล่าวเตือนต้วนหลิงเทียนทันที คล้ายตอนนี้เรื่องราวยังคงอยู่ในกำมือของมัน

 

 

 


ตอนที่ 1571

 

ตระกูลราชวงศ์ใจเหี้ยม


 


“ไม่คิดเลยว่าที่แท้คุณชายรองก็รู้จักอาคมมารด้วย! ดูท่าแล้วคุณชายรองเองก็รู้ดีใช่หรือไม่…ว่าอาคมมารนั่นมันมาจากที่ไหน?”


 


หลังได้ยินคำของซือถูจั๋ว ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวออกมาเสียงดังฟังชัด


 


เขาไม่คิดจะส่งเสียงผ่านปราณแท้อะไร!


 


ได้ฟังคำของต้วนหลิงเทียน ด้านซือถูโฮ่วยิ่งมาก็ยิ่งชักสีหน้าดุร้าย มันมองซือถูจั๋วเขม็งคล้ายดูว่าจะปฏิเสธอะไรหรือไม่


 


“นี่ท่านกล่าวถึงเรื่องอันใดกัน อาคมมารมันคืออะไรหรือข้ามิเห็นเคยได้ยินมาก่อน?”


 


ซือถูจั๋วไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะกล้ากล่าวโพล่งออกมาแบบนี้ พาลให้มันมีโมโหนัก! หากแต่ก็ไม่กล้าจะตอบรับอะไร เพียงตีหน้าเซ่อไม่รู้ประสาออกไปแทน!


 


“เห? คุณชายรองไม่รู้จักอาคมมารงั้นเหรอ แปลกจัง…เมื่อครู่เจ้ายังกล่าวเรื่องอาคมมาร ทั้งให้ข้าวางมือจากการรักษาคุณชายใหญ่อยู่เลย นี่ข้าฟังอะไรผิดไปเองงั้นเหรอ?”


 


ต้วนหลิงเทียนหัวเราะทั้งยกนิ้วก้อยขึ้นมาแคะหูเล่นเบาๆ


 


“อย่าได้ใส่ร้ายป้ายสีข้า!”


 


ด้วยสัมผัสถึงสายตาคมกล้าที่จับจ้องมองมาของซือถูโฮ่ว สีหน้าซือถูจั๋วจึงมืดคล้ำดำลงทันใด ยังถลึงตามองต้วนหลิงเทียนด้วยความขุ่นขึ้ง “ที่แท้เจ้าเป็นใครกันแน่ถึงได้กล้าใส่ร้ายป้ายสีข้าแบบนี้! กล้าดีอย่างไรมายุยงให้ข้ากับพี่ใหญ่เกิดความร้าวฉาน!”


 


“ใส่ร้าย?”


 


ต้วนหลิงเทียนยังคงหัวเราะขำ กล่าวออกเสียงหยัน “คุณชายรองคำก็ใส่ร้ายสองคำก็ป้ายสี เช่นนั้นทำไมพวกเราไม่มากล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าให้รู้กันไปเลยเล่า?”


 


ในขณะที่กล่าวออกต้วนหลิงเทียนก็ยกมือขึ้นเตรียมกรีดนิ้วหลั่งโลหิตสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า


 


“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครมาจากไหนกัน! อย่างเจ้ามันคู่ควรให้ข้ากล่าวสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าด้วยหรือ!?”


 


ลึกลงไปในแววตาของซือถูจั๋วเผยความตื่นตระหนกเสียขวัญออกมาทันที หากแต่มันยังตีหน้าเข้มกล่าวออกไปด้วยความถือดี ไม่คิดกล่าวคำอำลาซือถูโฮ่ว และหันไปมองชายสวมหน้ากากผีทันที


 


จากนั้นก็คล้ายมีสายลมกรรมโชกพัดมาหอบหนึ่ง ร่างซือถูโฮ่วพลันอันตรธานหายไปจากจุดเดิม!


 


ปรากฏตัวอีกทีก็กั้นขวางระหว่างชายหน้ากากผีกับซือถูจั๋วแล้ว!


 


“ผู้เฒ่าโฮ่วท่านทำเช่นนี้หมายความว่าอะไร?”


 


ซือถูจั๋วขมวดคิ้ว


 


“ข้าคิดว่าพวกเจ้าสมควรกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ…เจ้ามิคิดว่าเรื่องนี้สมควรกระทำหรอกหรือ?”


 


ซือถูโฮ่วกล่าวออกเสียงเย็น


 


ซือถูจั๋วที่ได้ยินก็หน้าเปลี่ยนสีทันที “อาวุโสโฮ่ว! มันเป็นใครมาจากไหนใยข้าต้องไปสาบานอะไรกับมันด้วย? อย่าลืมว่าที่นี่คือตระกูลซือถู หรือท่านคิดช่วยคนนอกรังแกข้า?”


 


“รังแกอันใดที่ไหนกัน และถึงแม้ข้าอาจคิดช่วยเหลืออันใดใคร แต่นี่ก็มิใช่เพื่อให้เจ้ามีโอกาสได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์หรอกรึ?”


 


ซือถูโฮ่วกล่าวสืบต่อ


 


และในขณะที่สีหน้าของซือถูจั๋วมืดลงนั้นเอง ซือถูโฮ่วพลันลงมือออกมา!


 


ร่างมันคล้ายกระพริบหายไปวูบหนึ่ง ผุดโผล่อีกครั้งก็ปรี่ตรงไปลงมือเล่นงานชายสวมหน้ากากผีแล้ว!


 


กลิ่นอายพลังทั้งแรงกดดันของขอบเขตเซียนแผ่กำจายออก ถาโถมสะกดร่างชายหน้ากากผีเอาไว้ทันที ด้านชายหน้ากากผีพอสัมผัสได้ถึงแรงกดดันทั้งจิตสังหารที่ปานเมฆทะมึนกำลังแผ่มาปกคลุม หน้ามันก็เคร่งเครียดไม่สู้ดี!


 


ถึงแม้พลังฝีมือของชายหน้ากากผีจะทัดเทียมได้กับครึ่งก้าวเซียน หากแต่สุดท้ายก็ยังอีกไกลกว่าจะบรรลุขอบเขตเซียน ด้วยเหตุนี้ช่องว่างระหว่างพลังฝีมือมันกับซือถูโฮ่ว จึงมากมายอย่างที่มิอาจกลบ!


 


เผชิญหน้ากับการลงมือของซือถูโฮ่ว ชายหน้ากากผีไม่กล้าออมรั้งพลังอันใด มันปะทุพลังชั่วชีวิตเตรียมรับมือทันที!


 


ล้อกันเล่นหรือไร!?


 


กล้าอ้อมรั้งยั้งมือต่อหน้าขอบเขตเซียน ยังไม่ใช่หาที่ตายหรอกหรือ!?


 


อย่างไรก็ตามเพราะเหตุนี้ทำให้ชายหน้ากากผีจำต้องเปิดเผยออกมา ว่าที่แท้มันเป็นผู้ฝึกมาร!


 


เมื่อชายหน้ากากผีเร่งเร้าพลัง กลิ่นอายพลังของผู้ฝึกมารก็กำจายออกมาในบรรยากาศ ด้านต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ทันทีว่าตราผนึกมารในแหวนมิติถึงกับสั่นไหวคล้ายอยากออกมาเต็มทน!


 


ทว่าต้วนหลิงเทียนกลับอยู่เฉยๆไม่คิดทำอะไร เพราะเรื่องนี้ไม่มีที่ให้เขาสอดมือ!


 


“เป็นผู้ฝึกมารจริงๆ!”


 


หลังจากที่พบว่าชายในหน้ากากผีเป็นผู้ฝึกมารจริงๆ ซือถูโฮ่วพลันแสยะยิ้มเย็นเยือก กลิ่นอายพลังของมันทวีความเกรี้ยวกราดขึ้นทันใด เห็นชัดว่าคิดลงมือฆ่าคน!


 


ใบหน้าซือถูจั๋วแปรเปลี่ยนไปมหันต์ มันรีบใช้โอกาสนี้เรียกป้ายหยกแผ่นหนึ่งออกมาบดขยี้ทันที


 


หลังจากที่ป้ายหยกถูกขยี้แหลก ก็ปรากฏดวงแสงหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้าหายลับไปทิศทางหนึ่งปานดาวหาง!


 


‘ป้ายหยกนั่น…จารึกอาคมเซียนแจ้งเตือนไว้งั้นเหรอ?’


 


ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว อาคมเซียนในป้ายหยกแบบนี้ไม่ใช่ของแปลกหน้าสำหรับเขา ย้อนกลับไปตอนที่ยังอยู่สำนักจันทร์จรัสแสง เขาก็ได้รับป้ายหยกจารึกอาคมเซียนแจ้งเตือนมาเหมือนกันในช่วงที่เข้าร่วมแข่งขันล่าสัตว์


 


อย่างไรก็ตามหากเทียบกับป้ายหยกแจ้งเตือนที่เขาได้รับวันนั้น ของซือถูจั๋วสมควรมีพลังเหนือกว่าเห็นๆ


 


อย่างน้อยหลังจากที่มันบดขยี้ป้ายหยก อาคมเซียนแจ้งเตือนก็ทำงานฉับไว กระทั่งซือถูโฮ่วที่บรรลุขอบเขตเซียนก็ไม่อาจหยุดยั้งได้ทัน


 


แน่นอนว่าส่วนใหญ่แล้ว เป็นเพราะซือถูโฮ่วไม่ได้ใส่ใจมันแต่แรก!


 


หลังจากที่ซือถูโฮ่วรู้ว่าชายใส่หน้ากากผีเป็นผู้ฝึกมาร มันก็ไม่คิดปราณีอะไร! โจมตีออกไปด้วยกระบวนสังหารทันที และเพียงหนึ่งฝ่ามือก็บดขยี้ร่างชายในหน้ากากผีให้ตายตกได้ง่ายดาย!!


 


“ซือถูจั๋ว! เจ้ากล้าสมคบคิดกับผู้ฝึกมาร หมายสังหารพี่ใหญ่ของเจ้าได้อย่างไร!?”


 


หลังจากที่ฆ่าชายในหน้ากากผีไปแล้ว ซือถูโฮ่วก็หันมากล่าวถามซือถูจั๋วด้วยเสียงเย็นชา ยังเย็นเสียจนปานจะผุดแทรกออกมาจากหล่มน้ำแข็ง!


 


“อาวุโสโฮ่ว ข้ามิรู้จริงๆว่ามันเป็นผู้ฝึกมาร!”


 


แม้จะถึงขั้นนี้แล้ว แต่ซือถูจั๋วก็ยังคงยืนกรานปฏิเสธ


 


“เจ้าไม่รู้จริงๆว่ามันเป็นผู้ฝึกมาร!?”


 


“เจ้าเก็บวาจาของเจ้าไว้กล่าวบอกกับอาวุโสคุมกฏเถอะ!”


 


ทันทีที่กล่าวจบคำ ซือถูโฮ่วพลันก้าวเดินออกมาทันที มันคิดจับซือถูจั๋วไปยังโถงคุมกฏ!


 


ทว่าทันใดนั้นเอง ปรากฏสายลมหอบหนึ่งพัดมาฉับไว มีร่างชายวัยกลางคนผู้หนึ่งมากับสายลมดังกล่าว มันมองซือถูโฮ่วด้วยสายตาเย็นชา “อาวุโสโฮ่ว ข้าสงสัยนักว่าบุตรชายข้าทำผิดอันใด ท่านถึงได้คิดจับคนไปส่งที่โถงคุมกฏเช่นนี้?”


 


“ซือถูหมิง ลูกเจ้านับว่าเป็นตัวดีนัก!”


 


เมื่อเห็นชายวัยกลางคนปรากฏตัวขึ้นมา ซือถูโฮ่วพลันขมวดคิ้วกล่าวออกเสียงเย็น “วันนี้ข้าจักลากตัวมันไปโถงคุมกฏให้จงได้ มิว่าอันใดมันก็กล้าสมคบคิดกับผู้ฝึกมารปองร้ายคนในตระกูล! ความผิดนี้ใหญ่หลวงนัก!!”


 


‘ซือถูหมิง?’


 


เมื่อต้วนหลิงเทียนได้ยินนามผู้มาใหม่ ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองพินิจชายวัยกลางคนที่พึ่งมาทันที


 


ซือถูหมิงคนนี้ก่อนที่เขาจะมาถึงตระกูลซือถู ก็เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของมันมาบ้างแล้ว มันนับเป็นลำดับสองในตระกูล รองจากผู้นำตระกูลอย่างซือถูฮ่าว มีฐานะเป็นอาวุโสสูงสุดลำดับ 3 ทั้งยังเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียน!


 


หลังจากซือถูโฮ่วกล่าวจบ สายตาก็มองเขม็งไปยังซือถูจั๋วอีกครั้ง


 


คราวนี้ซือถูหมิงไม่ได้หยุดมัน เพียงมองด้วยสายตาเย็นเยียบ


 


ซือถูจั๋วที่กำลังจะถูกจับไปยังโถงคุมกฏหันมามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเอาเรื่องครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะปล่อยให้ซือถูโฮ่วจับตัวไปแต่โดยดี


 


‘ซือถูหมิงดูท่าไม่ง่ายเลย…น่ากลัวว่าครั้งนี้อาวุโสโฮ่วคงยากจะจัดการซือถูจั๋วได้!’


 


ต้วนหลิงเทียนลอบคิด


 


และผลลัพธ์ก็เป็นเช่นเดียวกับที่ต้วนหลิงเทียนคาดเอาไว้ ถึงแม้ซือถูจั๋วจะถูกลงโทษ หากแต่โทษมันก็แค่ให้ไปนั่งสำนึกผิดอยู่ในห้องขังของโถงคุมกฏเป็นเวลา 3 เดือนเท่านั้น…


 


“ทำไมโทษถึงได้เบานักล่ะ!?”


 


ต้วนหลิงเทียนรู้สึกอึ้งกับเรื่องนี้เสียไม่ได้


 


“ซือถูโฮ่วมันยืนกรานถ่ายเดียวว่ามิรู้มาก่อนว่าชายในหน้ากากเป็นผู้ฝึกมาร…ไม่เพียงเท่านั้นมันยังผลักไสความผิดทั้งหมดไปที่ผู้ฝึกมารนั่นคนเดียว ส่วนเรื่องอาคมมารที่เป็นฝีมือของผู้ฝึกมารที่ตายไปนั่น มันยืนกรานว่ามิเคยรู้เรื่องราวอาคมมารเลย ด้วยเหตุนี้โถงคุมกฏจึงทำได้แค่ลงโทษมันฐานคบค้าสมาคมกับผู้ฝึกมารโดยไม่รู้ตัวเท่านั้น…”


 


ซือถูโฮ่วกล่าวออกมาด้วยวาจายากยอมรับ ใบหน้ามันเผยอาการไม่พอใจถึงที่สุด


 


“ไม่ใช่ว่ามันสมควรถูกสั่งให้สาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์รึไง…ถ้ามันไม่กล้านั่นก็หมายความว่ามันเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังจริงๆ?”


 


ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่าปัญหาเรื่องนี้ ความจริงแล้วแก้ไขได้ง่ายดายนัก กล่าวสาบานคำเดียวก็จบ!


 


“เรื่องราวมิได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น…”


 


ซือถูโฮ่วได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ส่ายหัวไปมา


 


หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ได้รู้สาเหตุจากปากของซือถูโฮ่วทันที


 


ปรากฏว่าตระกูลซือถูเองก็ไม่ได้ปรองดองกันแต่อย่างไร


 


ตระกูลซือถูนั้น ฉากหน้าให้ความเคารพนับถือผู้นำตระกูล…ทว่าลับหลังมีกว่าครึ่งที่อยู่ฝ่ายรองผู้นำตระกูลอย่างซือถูหมิง!


 


ด้วยเหตุนี้กล่าวได้ว่าตระกูลซือถูแบ่งออกได้เป็น 2 ฝ่าย!


 


ไม่เพียงแค่นั้นยอดฝีมือขอบเขตเซียนที่ร้ายกาจของตระกูลซือถูก็มีเพียง 5 คน นอกจากซือถูฮ่าวกับซือถูหมิงแล้ว ก็เหลืออีกแค่ 3


 


ซือถูโฮ่ว เป็นหนึ่งในนั้นและอยู่ข้างซือถูฮ่าว


 


หนึ่งในสองยอดฝีมือขอบเขตเซียนที่เหลืออยู่ข้างซือถูหมิง


 


ส่วนคนสุดท้ายนั้นยังวางตัวเป็นกลาง


 


และผู้ที่ยังรักษาความเป็นกลางอยู่ก็คือยอดฝีมือขอบเขตเซียนที่ร้ายกาจที่สุดของตระกูลซือถู และยังมีตำแหน่งในตระกูลซือถูสูงที่สุด แถมมีลำดับอาวุโสเหนือกว่าซือถูโฮ่วเสียอีก คนของตระกูลซือถูล้วนเรียกขานมันดั่งบรรพบุรุษ!


 


จากที่ซือถูโฮ่วกล่าว บรรพบุรุษของตระกูลซือถูผู้นี้ ไม่ได้เผยตัวออกหน้ายุ่งเรื่องราวใดๆของตระกูลซือถูมานานปีแล้ว


 


การปรากฏตัวครั้งสุดท้ายก็คือวันที่ซือถูฮ่าวขึ่นรับตำแหน่งผู้นำตระกูล


 


“ข้าไม่คิดเลยว่าสถานการณ์ในตระกูลซือถูที่แท้แล้วซับซ้อนไม่น้อย…เช่นนั้นเรื่องนี้ก็จำต้องถูกปล่อยให้ผ่านเลยไปง่ายๆ?”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวถาม


 


“สุดท้ายแล้วเสี่ยงหังก็มิได้ประสบเหตุร้ายถึงตายอันใด เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ยังไม่ร้ายแรงถึงขั้นมิอาจยอมความ…ตระกูลซือถูฉากหน้านั้นยิ่งใหญ่งดงาม แต่เรื่องราวภายในนั้นเน่าเฟะนัก! แถมอาวุโสทั้งหลายก็มิมีผู้ใดกล้าตอแยซือถูหมิง เพราะนั่นจักเป็นการทำลายรากฐานของตระกูลซือถู จนเป็นการเปิดโอกาสให้ศัตรูภายนอก!”


 


ซือถูโฮ่วระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน แม้ใจไม่ยินยอม แต่สุดท้ายแล้วก็จำต้องปล่อยผ่านเลยไปแต่เพียงเท่านี้


 


“ศัตรูภายนอก? ไม่ใช่ว่าตระกูลซือถูกก็มีตระกูลราชวงศ์หนุนหลังอยู่รึไง?”


 


ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว “ยังมีใครกล้าเพิกเฉยตระกูลราชวงศ์แล้วลงมือกับตระกูลซือถูอีกหรือ?”


 


“ตระกูลราชวงศ์?”


 


ซือถูโฮ่วได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหัวไปมา “ไม่ต้องคิดถึงความอำมหิตใจเหี้ยมของตระกูลราชวงศ์อันใด ตระกูลซือถูเราเพียงเกี่ยวข้องกับตระกูลราชวงศ์ผ่านสนมหลี่เพียงคนเดียวเท่านั้น…ขุมพลังที่หาญกล้าชนกับตระกูลซือถูเราก็มีสัมพันธ์กับตระกูลราชวงศ์คล้ายคลึงกัน ทั้งบางขุมพลังพวกมันยังใกล้ชิดกับตระกูลราชวงศ์มากกว่าพวกเราเสียอีก…”


 


“อันที่จริงแล้วตระกูลราชวงศ์มิได้ขัดข้องอันใดกับการปะทะกันระหว่างพวกเรากับขุมพลังอื่นด้วยซ้ำ…กระทั่งที่แท้ตระกูลราชวงศ์ยังหวาดกลัวพวกเราปรองดองกับขุมพลังอื่น! ซ้ำร้ายหากมีวันใดที่พวกเรากับขุมพลังอื่นปรองดองกันได้จริงๆ…มิวายตระกูลราชวงศ์นี่ล่ะ จักเป็นผู้สร้างชนวนความขัดแย้งให้พวกเรากับขุมพลังอื่นเอง…”


 


หลังกล่าวออกมาจบประโยค ซือถูโฮ่วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า เรื่องนี้เขาพอเข้าใจ


 


ตระกูลราชวงศ์ย่อมไม่อยากให้ขุมพลังชั้น 7 ใต้อาณัติร่ปรองดองร่วมมือกัน เพราะหากทั้งหมดร่วมมือกันพลังอำนาจย่อมสามารถทัดเทียมได้กับตระกูลราชวงศ์!


 


เพื่อกำจัดภัยคุกคามดังกล่าวตระกูลราชวงศ์ย่อมยินดีที่จะเห็น ความบาดหมางระหว่างขุมพลังใต้อาณัติ!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)