War sovereign Soaring The Heavens 1551-1562

 ตอนที่ 1551

 

อาจารย์ของเฉวี่ยไน่


 


 


“ศิษย์น้องนี่เจ้าสามารถฆ่าจ้าวเฟิง…สูงสุดสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ได้จริงๆ? หากเทียบพลังฝีมือของมันแล้ว น่ากลัวว่านอกจากขอบเขตเซียนและรองเจ้าสำนักที่บรรลุครึ่งก้าวเซียนมิกี่คน ก็ยากจะมีใครเทียบมันได้…ศิษย์น้องนี่เจ้าร้ายกาจถึงเพียงใดกัน?”


 


ป๋ายลี่หงกล่าวถามออกมาเสียงเข้ม มันอยากรู้ขอบเขตพลังฝีมือสูงสุดของต้วนหลิงเทียนนัก


 


“ศิษย์พี่ข้าไม่คิดปิดบังท่าน…แต่ตอนนี้ใต้เซียน ข้าไม่กลัวใคร”


 


ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ปกปิดอะไร เพียงกล่าวตอบออกมาตามตรง


 


และวาจาไม่กี่คำนี้ก็เป็นอะไรที่เขามั่นใจมาก!


 


แน่นอนว่ายังไม่มีแค่เท่านี้


 


นั่นคือทันทีที่เขาบรรลุถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ หากเป็นตัวตนในขอบเขตเซียนทั่วๆไป เขาก็อาจสังหารได้!


 


“เจ้ามั่นใจว่าสามารถมีชัยเหนือยอดฝีมือครึ่งก้าวเซียนได้งั้นเหรอ?”


 


ป๋ายลี่หงสูดลมหายใจเข้าด้วยความตื่นตระหนก


 


“ใช่”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า แม้ยอดฝีมือครึ่งก้าวเซียนจะแข็งแกร่ง แต่หากเขาใช้ยอดสมบัติสวรรค์อย่างกระบี่นิลสวรรค์ล่ะก็ ด้วยพลังฝีมือตอนนี้เพียงกระบี่เดียวเขาก็บดขยี้พวกมันได้!


 


“ดูเหมือนต่อไปข้ามิต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของศิษย์น้องแล้ว…ศิษย์น้องตอนนี้พลังฝีมือของเจ้านับว่าก้าวข้ามตัวข้าไปแล้ว ถึงข้าจะเป็นศิษย์พี่เจ้าก็เถอะ…”


 


ป๋ายลี่หงกล่าวพร้อมทอดถอนใจ


 


สำหรับคำของต้วนหลิงเทียน ป๋ายลี่หงไม่คิดแคลงใจสงสัย


 


ในขณะเดียวกันป๋ายลี่หงก็ยินดีกับต้วนหลิงเทียนนัก เพราะนี่หมายความว่าต้วนหลิงเทียนสามารถปกป้องตัวเองได้แล้ว


 


“ไม่ว่าต่อไปข้าจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่ท่านก็จะเป็นศิษย์พี่ของข้าต้วนหลิงเทียนเสมอ”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงจริงจัง


 


พอได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน ป๋ายลี่หงก็ฉีกยิ้มร่า ท่าทางมีความสุขนัก


 


“ศิษย์น้อง”


 


ทันใดนั้นคล้ายป๋ายลี่หงนึกอะไรขึ้นออก ยิ้มบนหน้าเริ่มหายไป กล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าขึงขัง “เจ้าสามารถเปิดเผยพลังฝีมือของเจ้ากับข้าได้ แต่เจ้ามิอาจเปิดเผยพลังฝีมือนี้ให้ผู้อื่นรับรู้ได้ง่ายๆ…หาไม่แล้วเจ้าจักชักนำปัญหามาสู่ตัว”


 


“ข้าเข้าใจ”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า


 


เขาไม่ได้โง่ เป็นธรรมชาติที่เขาจะรู้ว่าคำชักนำปัญหามาสู่ตัวของป๋ายลี่หงคืออะไร


 


หากอาวุโสระดับสูงอย่างเฉียนคงล่วงรู้พลังฝีมือของเขา น่ากลัวอีกฝ่ายจะรุดมาหาเขาเป็นคนแรก!


 


นั้นเพราะพลังฝีมือของเขาในตอนนี้ มันมากเกินพอจะฆ่าจ้าวเฟิงได้อย่างง่ายดาย!


 


“นอกจากนี้ข่าวลือทั้ง 2 ข่าวนั่นสมควรเป็นฝีมือของหลิวฮ่วน…ทว่ามันเองก็สมควรรู้ว่าเรื่องนี้คงมิอาจทำอันใดพวกเราได้มาก ข้าคิดว่ามันสมควรหวังผลบางประการอยู่”


 


ป๋ายลี่หงกล่าวออกมาอีกครั้ง


 


“การลงมือครั้งนี้ของมันข้าคิดว่าคงไม่มีอะไรมากไปกว่า มันเห็นว่าข้ากลับมาก็ปิดด่านบ่มเพาะไม่ออกไปไหน มันจึงกลัวว่าข้าจะปิดด่านบ่มเพาะแบบนี้ต่อเนื่องไป 2-3 ปี กระทั่งพลังฝีมือข้าเหนือกว่ามัน…ถึงตอนนั้นความต่างของพลังระหว่างข้ากับมันจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง”


 


ลูกตาต้วนหลิงเทียนทอประกายสว่างจ้าออกมา


 


“สมควรเป็นเช่นนั้นจริงๆ”


 


ป๋ายลี่หงพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนยิ้มแสยะกล่าวคำปรามาส “เฮอะ! โชคร้ายที่มันคงคาดมิถึงว่าตอนนี้พลังฝีมือเจ้าก้าวข้ามมันไปนานแล้ว…เจ้าสามารถฆ่าจ้าวเฟิงได้ คิดฆ่าหลิวฮ่วนคงมิต่างใดกับตัดหญ้าฆ่าไก่!”


 


“ในเมื่อมันร้อนใจนัก ข้าก็จะสงเคราะห์มันสักหน่อย”


 


ลูกตาต้วนหลิงเทียนฉายแววเย็นเยียบออกมา น้ำเสียงยังไร้อารมณ์นัก


 


ตอนออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงเขาไม่กลัวหลิวฮ่วน


 


ตอนนั้นเขายังไม่ได้รับยอดสมบัติสวรรค์ อย่างกระบี่นิลสวรรค์ด้วยซ้ำ


 


วันนี้พลังฝีมือของเขาก้าวหน้าเหนือกว่าวันนั้นเสียอีก เขายิ่งไม่เห็นหลิวฮ่วนอยู่ในสายตา!


 


“คราวนี้ศิษย์พี่มิทำแผนเจ้าล่มแน่”


 


ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ป๋ายลี่หงก็กล่าวออกมาอย่างกระอักกระอ่วน


 


“ทว่า…ศิษย์พี่อยากให้เจ้ารอสักพักก่อนที่จะลงมือ ตอนนี้นอกจากหลิวฮ่วนข้ากลัวว่ายังมีคนอื่นที่คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของเจ้าทุกฝีก้าว”


 


ป๋ายลี่หงคล้ายนึกอะไรขึ้นได้ กล่าวออกเสียงเข้ม


 


“ศิษย์พี่หมายถึงเฉียนคงงั้นเหรอ?”


 


ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว


 


“มิผิด”


 


ป๋ายลี่หงพยักหน้า “ข้ารู้สึกว่าระหว่างมันกับจ้าวเฟิงคงมิใช่ง่ายดาย ยังล้ำลึกยิ่งกว่าศิษย์อาจารย์เสียอีก…จากท่าทีของเฉียนคงเมื่อมิกี่วันก่อน เห็นชัดว่ามันยังไม่คิดเลิกราเรื่องการตายของจ้าวเฟิงง่ายๆ! ข้ากลัวว่ามันจะเฝ้าจับตาดูเจ้า”


 


“ข้าเข้าใจแล้ว”


 


ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ครุ่นคิดในใจ


 


“ถ้างั้นข้าบ่มเพาะพลังให้บรรลุถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ก่อนดีกว่า ค่อยไปเล่นกับหลิวฮ่วน”


 


วาจาท้ายประโยคต้วนหลิงเทียนยังเน้นเสียงหนักคำ ‘เล่น’ ชัดเจน


 


วันต่อมาต้วนหลิงเทียนก็เลือกที่จะกระทำเหมือนที่ผ่านมา…ปิดด่านบ่มเพาะอย่างเงียบๆบนชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ตัดขาดเรื่องราวความเป็นไปในโลก


 


ขณะเดียวกันเจ้าสำนักอย่างเจียงเว่ยก็ประกาศเรื่องหนึ่งออกมาอย่างเป็นทางการให้ทราบกันไปทั่ว


 


“อาวุโสป๋ายลี่ได้กล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าแล้ว..ว่ามิรู้เห็นใดๆต่อการตายของจ้าวเฟิงทั้งสิ้น เช่นนั้นหากมีผู้ใดกล้าใส่ร้ายอาวุโสป๋ายลี่หงอีก จักได้รับโทษสถานหนัก!”


 


นี่เป็นวาจาที่เจียงเว่ยประกาศออกมา


 


และเมื่อคำของเจียงเว่ยเริ่มแพร่ออกไป ทั่วสำนักจันทร์จรัสแสงก็ปั่นป่วนขึ้นมาอีกรอบ


 


“ที่แท้เสียงอัสนีลั่นฟ้าวันก่อนก็เป็นเสียงตอบรับคำสาบานจากทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าของอาวุโสป๋ายลี่!”


 


“ในเมื่อฟ้ามิได้ลงทัณฑ์อันใดอาวุโสป๋ายลี่ เช่นนั้นเรื่องนี้สมควรมิมีใดเกี่ยวข้องกับอาวุโสป๋ายลี่จริงๆ”


 


“ข้ามิคิดเลยว่าเรื่องของจ้าวเฟิงจะทำให้เจ้าสำนักบีบคั้นให้อาวุโสป๋ายลี่กล่าวคำสาบานได้…นี่ท่านมิกลัวอาวุโสป๋ายลี่เกิดความรู้สึกเหมือนมิได้รับความไว้วางใจหรือ”


 


“อาวุโสป๋ายลี่จะอย่างไรก็เป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 เดียวของสำนักจันทร์จรัสแสงเรา หากท่านติดใจเอาความเรื่องนี้แล้วออกจากสำนักไป..น่ากลัวอีก 8 ขุมพลังกับตลาดมืดหยินชานจะฉวยโอกาส”


 


“ครั้งนี้ท่านเจ้าสำนักทำเกินไปแล้วจริงๆ”


 


……


 


ตอนนี้ทั้งสำนักจันทร์จรัสแสงกล่าวกันถึงเรื่องนี้ คนส่วนใหญ่ยังเข้าข้างอาวุโสป๋ายลี่


 


ขณะเดียวกันเหล่าอาวุโสระดับสูงที่อยู่ในเขตหวงห้ามก็ได้รับทราบเรื่องราวครั้งนี้แล้วเช่นกัน ทั้งหมดเร่งไปพบเจียงเว่ยทันที


 


“เจ้าสำนัก เรื่องนี้ทำเกินไปแล้ว!”


 


“หากอาวุโสป๋ายลี่ออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงจริงๆ เจ้านับเป็นคนบาปของสำนักเรา!”


 


“ฮึ่ม! กับอีแค่จ้าวเฟิง…ต่อให้อาวุโสป๋ายลี่ฆ่ามันจริงแล้วจะอย่างไร! คุณค่าของมันในสำนักจันทร์จรัสแสงยังเทียบกับอาวุโสปายลี่ได้หรือ?”


 


……


 


อาวุโสหลายคนเริ่มตั้งคำถามออกมาทันทีเมื่อเห็นหน้าเจียงเว่ย


 


จังหวะนี้เจียงเว่ยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่ใจ หันไปมองเฉียนคงข้างๆด้วยสีหน้ามืดคล้ำทันที “อาจารย์ลุงเฉียน หม้อก้นดำใบนี้…นี้ท่านคงไม่คิดโยนมาให้ข้าแบกเพียงคนเดียวหรอกนะ”


 


เฉียนคงเองก็ไม่วายต้องถูกดึงมาเกีย่วข้องเช่นกัน แม้มันจะไม่อยากมาแต่มันก็ต้องมา


 


แน่นอนว่ามันไม่ได้มาเพื่อตำหนิเจียงเว่ย แต่มันมาเพื่อยหยุดยั้งอาวุโสคนอื่นไม่ให้ตำหนิเจียงเว่ย


 


ทันทีที่เจียงเว่ยกล่าวออกมา ทุกสายตาก็หันมองไปยังเฉียคงทันที


 


“ศิษย์น้องเฉียนเกิดอันใดขึ้น?”


 


“ศิษย์น้องเฉียน หรือคนที่บีบคั้นอาวุโสป๋ายลี่ให้กล่าวคำสาบานจักมิใช่เจ้าสำนักแต่เป็นเจ้า…เช่นนั้นเจ้ามันก็ตัวโง่งมแล้ว!!”


 


“พี่เฉียนข้ารู้ดีว่าจ้าวเฟิงเกือบได้เป็นศิษย์ปิดสำนักของท่าน…แต่ไหนเลยท่านจะมาสนใจความเป็นตายของมันขนาดนี้!”


 


……


 


อาวุโสชราหลายต่อหลายคนหันมองทั้งจี้ถามเฉียนคง ทั้งหมดล้วนเป็นคนเก่าคนแก่ของสำนักจันทร์จรัสแสงทั้งสิ้น


 


ยามคุยกับเฉียนคงจึงไม่สุภาพมากมารยาทเหมือนเจียงเว่ย


 


“หากมันเป็นบุตรชายของข้าเล่า!?”


 


เผชิญหน้ากับพี่น้องที่จับจ้องมองมาอย่างเค้นความ สีหน้าเฉียนคงมืดลงปานจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก และสุดท้ายมันก็เปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างมันกับจ้าวเฟิงออกมา


 


ทันใดนั้นฉากเรื่องราวกลับกลายเป็นเงียบงันปานคนตาย


 


เห็นชัดว่าเหล่าผู้ชราของสำนักจันทร์จรัสแสง ไม่เคยล่วงรู้เรื่องจ้าวเฟิงกับเฉียนคงมาก่อนเลย! ทั้งหมดจึงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปไร้คำจะกล่าว!!


 


หากเรื่องมันเป็นแบบนี้ พวกมันก็ไม่คิดจะตำหนิเฉียนคง


 


เพราะสุดท้ายแล้วหากเป็นพวกมัน พวกมันก็คงเลือกจะทำแบบนี้เช่นกัน


 


เจียงเว่ยที่ยืนอยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะโล่งใจ


 


มันไม่สนใจว่าระดับล่างจะกล่าวถึงเรื่องนี้ว่าอย่างไร ทว่ามันใส่ใจกับทีท่าของระดับสูงนัก


 


เพาะไม่ว่าจะอย่างไร มันก็ต้องให้ความสำคัญกับท่าทีของระดับสูงอันเป็นผู้ชราเหล่านี้ เพราะทั้งหมดเป็นดั่งเสาหลัก ผู้พิทักษ์สำนักจันทร์จรัสแสง


 


สำหรับเจียงเว่ยแล้ว เรื่องราวจบลงเช่นนี้ย่อมดีนัก!


 


อย่างไรก็ตามมันไม่ทราบเลย ว่านี่ยังเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากนี้จะมีเรื่องราวใหญ่โตที่เหนือสามัญสำนึกของมันอุบัติขึ้น!


 


พื้นที่ฝ่ายใน สำนักจันทร์จรัสแสง


 


“ต้วนหลิงเทียนบัดซบนั่นมันยังสงบใจปิดด่านบ่มเพาะอยู่ได้!?”


 


ใบหน้าหลิวฮ่วนยิ่งมายิ่งบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก เดิมทีมันคิดว่าต้วนหลิงเทียนย่อมต้องกระวนกระวายใจในเรื่องนี้บ้าง แต่มิคาดจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะเฉยอยู่ได้!


 


จังหวะนี้มันรู้สึกขายหน้าทั้งว่างเปล่าด้วยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร


 


หรือทั้งหมดที่มันลำบากลำบนทั้งยังต้องลอบกระทำอย่างเหน็ดเหนื่อยจะกลายเป็นไร้ค่า?


 


มันไม่อาจยอมรับได้! มันไม่คิดให้เรื่องนี้จบลงแต่เพียงเท่านี้ แต่จะให้มันทำอย่างไรได้?


 


ถึงแม้มันไม่เต็มใจรับเพียงใด แต่ตอนนี้มันจะยังทำอะไรได้อีก?


 


“รอ! รอต่อไป…ข้ามิเชื่อว่าต้วนหลิงเทียนมันจะหดหัวอยู่ในคฤหาสน์ของป๋ายลี่หงไปได้ชั่วชีวิต”


 


หลิวฮ่วนกัดฟันดังกรอดกล่าวออกมาอย่างอาฆาต


 


ขณะเดียวกัน บริเวณใจกลางสำนักจันทร์จรัสแสง ก็มีร่างหนึ่งเหินออกมาจากทิวเมฆที่ปกคลุมสำนักจันทร์จรัสแสง ร่างดังกล่าวคล้ายมาตรวจสอบอะไรบางอย่าง ไม่นานก็อันตรธานหายไปท่ามกลางม่านเมฆ


 


พริบตาร่างดังกล่าวก็วูบมาบรรลุถึงหุบเขาลึกห่างไกลแห่งหนึ่ง


 


“ท่านอาจารย์! ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว!!”


 


หานเฉวี่ยไน่รีบร้องทักด้วยความคิดถึงเมื่อเห็นร่างงามวูบมาโผล่เบื้องหน้า


 


“เฉวี่ยไน่ข้าขอให้สหายของข้าลองทำนายเรื่องพี่สาวเค่อเอ๋อของเจ้าดูแล้ว…นางปลอดภัยดี ทว่าอีกมินานนางจักต้องเผชิญหน้ากับคราวเคราะห์ที่เกี่ยวพันถึงชีวิตนาง…นางจะรอดตัวไปได้หรือไม่ล้วนขึ้นอยู่กับโชควาสนาของนางเอง”


 


เมื่อสตรีเลอโฉมเห็นหานเฉวี่ยไน่ นางก็ยิ้มอย่างพึงใจ ก่อนระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน


 


ด้านหานเฉวี่ยไน่ตอนที่สตรีเลอโฉมบอกว่าเค่อเอ๋อปลอดภัยดี นางก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มยินดีออกมา


 


ทว่าพอได้ยินวาจาประโยคหลังของสตรีเลอโฉม ว่าเค่อเอ๋อกำลังจะเผชิญคราวเคราะห์ที่เกี่ยวพันถึงชีวิต สีหน้าหานเฉวี่ยไน่ก็เปลี่ยนไปทันใด “คราวเคราะห์เกี่ยวพันถึงชีวิตหรือ? ท่านอาจารย์ ท่านผู้เฒ่าพญากรณ์…กล่าวเช่นนั้นจริงหรือ?”


 


สหายที่อาจารย์ของนางกล่าวถึง ก็คือ ‘เฒ่าพญากรณ์’ ที่โด่งดังในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า


 


แน่นอนว่านางย่อมไม่คิดสงสัยในคำทำนายของผู้เฒ่าพญากรณ์!

 

 

 


ตอนที่ 1,552

 

7 ทวาราเที่ยงแท้


 


 


 


ผู้เฒ่าพยากรณ์นั้นเป็นยอดคนผู้หนึ่ง! ผู้เป็นดั่งตำนานมีชีวิตในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!!


 


กระทั่งบิดาของนาง ผู้เป็นผู้นำคหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน ชั่วชีวิตยังไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้พบพานผู้เฒ่าพยากรณ์สักครั้ง


 


กลับกัน ครั้งหานเฉวี่ยไน่ยังเป็นเด็ก ยามที่ออกเดินทางติดตามอาจารย์ไป นางได้พบกับผู้เฒ่าพยากรณ์แล้วครั้งหนึ่ง


 


ยามนั้นผู้เฒ่าพยากรณ์ยังทำนายทายทักว่าอีกไม่นาน นางจะได้เดินทางไปยังทวีปมนุษย์อย่างทวีปเมฆาล่องที่อยู่ห่างไกล ถึงตอนนั้นนางจักพบพานกับวาสนาที่รอนางอยู่


 


ถึงแม้ในตอนนี้นางยังไม่รู้ว่าวาสนาที่ผู้เฒ่าพยากรณ์กล่าวหมายถึงอะไร


 


แต่ยามที่นางได้เดินทางไปยังทวีปเมฆาล่อง นางก็ได้พบพานความสุขครั้งใหญ่ในชีวิต เพราะนางได้พบเจอกับต้วนหลิงเทียน เค่อเอ๋อ ลี่เฟย รวมไปถึงเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 อย่างเสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ และเสี่ยวจิน


 


ต่อหน้าพวกพี่ใหญ่ นางคล้ายได้พบพานอิสระเสรีที่แท้จริง


 


อีกฝ่ายไม่ได้ปฏิบัติกับนางเป็นดั่ง คุณหนูใหญ่สกุลหาน นางได้เป็นตัวของตัวเองอย่างที่ไม่เคยได้เป็นมาก่อน…


 


“ท่านอาจารย์ พอมีหนทางใดช่วยพี่สาวเค่อเอ๋อให้พ้นจากคราวเคราะห์หรือไม่?”


 


เสียงหานเฉวี่ยไน่สั่นไปไม่น้อย นางไม่อยากให้พี่สาวเค่อเอ๋อที่มีจิตใจดีงามและอ่อนโยนกับนางต้องประสบคราวเคราะห์อันใด ทั้งยิ่งไม่อยากเห็นพี่ใหญ่หลิงเทียนเศร้าโศก


 


หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพี่สาวเค่อเอ๋อ พี่ใหญ่หลิงเทียนจะทุกข์ทรมานใจถึงเพียงใดกัน?


 


“สหายเก่าข้าบอกว่านางทำได้แค่พึ่งพาตัวเองเท่านั้น”


 


สตรีเลอโฉมระบายลมหายใจออกมาอย่างจนปัญญา


 


“ไม่! ข้าต้องไปหาพี่สาวเค่อเอ๋อที่เกาะป้านเยว่เดี๋ยวนี้! ข้าต้องเจอพี่สาวเค่อเอ๋อ!!”


 


หานเฉวี่ยไน่กล่าว และเตรียมจะพุ่งร่างออกไป


 


“นางมิได้อยู่เกาะป้านเยว่ กระทั่งทวีปเมฆาล่องอีกต่อไป”


 


อย่างไรก็ตามวาจาของสตรีเลอโฉม กลับทำให้เค่อเอ๋อต้องชะงักร่างลงทันที นางยังอึ้งกับคำนี้ไม่น้อย เร่งหันกลับมาถามอาจารย์แสนสวยของนางทันที “ท่านอาจารย์ แล้วพี่สาวเค่อเอ๋ออยู่ไหนเหรอ?”


 


“ข้าก็มิรู้ว่านางอยู่ที่ใด”


 


สตรีสวยงามกล่าวตอบ “อย่างไรก็ตามครั้งนี้ที่ข้ากลับมาหาเจ้าเพราะมีเรื่องต้องบอกเจ้า…ข้าจะจากไปสักพัก”


 


“ท่านอาจารย์ ท่านจะไปแล้วหรือ?”


 


ไม่รอให้สตรีเลอโฉมกล่าวจบคำดี หานเฉวี่ยไน่เร่งกล่าวถามออกมาหน้าเสีย


 


ในสายตาของนาง อาจารย์คนนี้แทบไม่ต่างอะไรจากมารดาของนางเลย


 


เมื่ออาจารย์กล่าวออกมาแบบนี้ นั่นหมายความว่านางกำลังจะไปแล้ว ไหนเลยเฉวี่ยไน่จะยินยอม


 


“อื้ม”


 


หญิงงามพยักหน้า “ข้าต้องจากไปเพื่อกระทำเรื่องราวอันสำคัญยิ่งบางอย่าง…สำหรับเจ้ากับพี่สาวลี่เฟยและสหายน้อยทั้ง 3 ของเจ้า สามารถย้อนกลับไปยังทวีปเมฆาล่องดูสักครั้งได้ สหายเก่าของข้าทำนายว่าพี่ใหญ่หลิงเทียนของเจ้าสมควรย้อนกลับไปทวีปเมฆาล่อง บางทีครั้งนี้เจ้าอาจยืนยันที่อยู่ของเขาได้”


 


พี่ใหญ่หลิงเทียน!


 


ลูกตาของหานเฉวี่ยไน่เผยประกายจ้าใสออกมาทันทีเมื่อได้ยินคำของสตรีแสนงาม


 


“สำหรับมังกรเทพยาดานั่น…”


 


ขณะสตรีเลอโฉมกล่าว นางก็สะบัดมือเรียกกระบี่สั้นงดงามเล่มหนึ่งมอบให้เฉวี่ยไน่ “หากเจ้าพบเจอเผ่าพันธุ์มังกรที่คิดทำร้ายเจ้า ให้จ่ายปราณแท้ลงไปยังกระบี่สั้นเล่มนี้เพื่อเปิดใช้งานเสีย…แล้วเจ้าจักมิต้องกังวลอันใดอีกต่อไป”


 


หลังจากส่งกระบี่สั้นให้หานเฉวี่ยไน่แล้ว สตรีเลอโฉมก็สลายร่างหายไปในอากาศอย่างไร้ร่องรอย


 


“ท่านอาจารย์”


 


หานเฉวี่ยไน่กำกระบี่สั้นไว้แน่น ลูกตางามเริ่มเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา อาจารย์อยู่ที่คฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานกับนางมาเนิ่นนานแล้ว


 


จากไปครานี้แม้จะได้พบกันอีกครั้ง แต่ก็มิรู้ว่าจะอีกเนิ่นนานเพียงใด


 


ถึงแม้อาจารย์ของนางจะกล่าวบอกไว้แต่แรกว่าสักวันต้องจากไป แต่นางไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึงรวดเร็วขนาดนี้


 


อย่างไรก็ตามพอคิดได้ว่าอาจารย์ของนางนั้นพลังฝีมือสูงส่งเสียยิ่งกว่าบิดา เช่นนั้นนางคิดไปที่ใดก็ไร้ผู้ใดทำอันตรายใดได้…เช่นนั้นตราบใดที่ยังมีลมหายใจ สักวันต้องได้พบกันอีกครั้งเป็นแน่


 


“เฉวี่ยไน่ หลังจากวันนี้เจ้าบ่มเพาะจิต ด้วยเคล็ด ธุลีแดง ของข้าได้อย่างวางใจ…ถึงเวลาแล้วที่ทายาทของข้า ธุลีแดงจะเฉิดฉาย!”


 


ทันใดนั้นเองเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นในหูของหานเฉวี่ยไน่จากเหมาะเจาะ


 


หลังจากที่สตรีเลอโฉมออกจากคฤหาสน์คลื่นขจี นางก็มุ่งหน้าขึ้นเหนือ


 


“นิกายบูชาไฟ หนอ นิกายบูชาไฟ…มิคิดเลยว่า ธิดาเทพ ที่สาบสูญไปหลายปีของพวกเจ้า ที่แท้จักเป็นคนใกล้ตัวของศิษย์ข้าเช่นนี้ ข้าหวังว่านิกายบูชาไฟจักมิทำอันใดเกินเลย…หาไม่แล้ว 7 ทวาราเที่ยงแท้ ของพวกเราจักมิมีวันละเว้นพวกเจ้า! ถึงแม้ยามนี้พวกเราจักมีน้อยคนและด้อยกำลัง! ทว่ายามนี้ทายาทของอันดับหนึ่งแห่ง 7 ทวาราเที่ยงแท้ที่หลับไหลมานานก็ได้ตื่นขึ้นแล้ว…บางทีคงเป็นดั่งที่เฒ่าพยากรณ์ว่าเอาไว้…ถึงเวลาแล้วที่ 7 ทวาราเที่ยงแท้ของพวกเราจักเปล่งประกายอีกครั้ง!”


 


สตรีเลอโฉมกล่าวพึมพำกับตัวเบาๆ


 


เนิ่นนานมาแล้ว 7 ทวาราเที่ยงแท้นั้นเป็นขุมพลังอันยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า


 


ต่อมาดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน และ 7 ทวาราเที่ยงแท้ ก็ได้สาบสูญไปจากโลกหล้า เลือกที่จะปกปิดเร้นกายอย่างสันโดษ สุดท้ายใต้หล้าก็ลืมเลือนไป…


 


นับตั้งแต่ 7 ทวาราเที่ยงแท้ก่อตั้งขึ้น ไม่เคยมีคนอยู่ในกลุ่มนี้เกิน 20 คน อย่างไรก็ตาม เพียงขุมพลังน้อยคนกลับสะท้านสะเทือนไปทั่วทั้งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า กระทั่งครองราชย์ในยุคสมัยนั้นอย่างไร้ผู้ต่อกร


 


เป็นยุคเดียวกันกับที่กำเนิดมหาบุรุษไร้เทียมทาน และมหาบุรุษผู้นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น…


 


เซียนกระบี่ ฟงชิงหยาง!


 


หนึ่งคนหนึ่งกระบี่พิชิตทั่วหล้า ไร้ผู้ใดหาญกล้าต่อกร!


 


ขุมพลังอันร้ายกาจน่ากลัวที่เรืองอำนาจในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า กับเซียนกระบี่ไร้ผู้ต้าน มีผู้คนน้อยคนนักที่ล่วงรู้ว่าสองสิ่งนี้มีอันใดเกี่ยวข้องกัน…


 


ยังมีน้อยคนนักที่ล่วงรู้ ว่าเซียนกระบี่ฟงชิงหยาง กลับเป็น 1 ในทายาทของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ ผู้ถือครองนาม หมอกพิรุณ!


 


7 ทวาราเที่ยงแท้ มี 7 ผู้เที่ยงแท้


 


หมอกพิรุณ นั้นมาเป็นอันดับ 1


 


เที่ยงแท้ลำดับ 2 คือพยากรณ์


 


เที่ยงแท้ลำดับ 7 คือธุลีแดง


 


นอกเหนือจาก 3 เที่ยงแท้ที่ปรากฏตัวออกมาตอนนี้ อีก 4 เที่ยงแท้ยังคงเก็บตัวอยู่ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอย่างเงียบงัน รอคอยเวลาอันสมควรที่จะออกมาโลดแล่นอีกครั้ง


 


‘ฟังจากเฒ่าพยากรณ์ดูเหมือนทายาท หมอกพิรุณ และผู้สืบทอดฟงชิงหยางผู้นี้ กระทั่งพลังอำนาจของมันยังมิอาจล่วงรู้ชะตาได้…บางทีข้าอาจมีวาสนาได้เห็น 7 ทวาราเที่ยงแท้กลับมาผงาดเหนือแดนดินอีกครั้ง’


 


คิดถึงจุดนี้สองตาให้ความรู้สึกเสมือนสารทฤดูก็เปล่งประกายออกมาเจิดจ้า


 


ในขณะที่หานเฉวี่ยไน่ คิดพาลี่เฟิงและเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 กลับเกาะป้านเยว่นั้นเอง กลับมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น


 


หานเฉวี่ยไน่ก็จำต้องยกเลิกการเดินทางเป็นการชั่วคราว


 


ทารกในท้องลี่เฟยกำลังจะคลอด!


 


ณ คฤหาสน์ป๋ายลี่หง สำนักจันทร์จรัสแสง


 


“ไฉนอยู่ดีๆใจข้าถึงได้ว้าวุ่นขึ้นมาถึงเพียงนี้…คล้ายข้ารู้สึกเสมือนกำลังจะมีบางสิ่งเกิดขึ้น”


 


บนชั้น 3 เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ต้วนหลิงเทียนพลันลืมตาขึ้นมาด้วยความกังวล สองคิ้วขมวดยู่ย่นเป็นปมยากคลี่คลาย


 


ตอนนี้หากกล่าวกันตามจริง เขาควรทะลวงด่านพลังไปถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ได้แล้ว


 


ทว่าอยู่ดีๆใจเขากลับว้าวุ่นขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล ทำให้เขาไม่อาจสงบใจบ่มเพาะพลังต่อได้


 


ลองบังคับให้ตัวเองบ่มเพาะพลังอยู่พักหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งหงุดหงิดกระสับกระส่ายขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ สุดท้ายเขาก็ทำได้แค่ออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ออกมาด้านนอกห้องเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์


 


จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนไม่คิดใดอื่นนอกจากสูดอากาศให้ใจสงบ


 


ดังนั้นหลังจากออกมาแล้ว เขาก็เลือกจะออกจากคฤหาสน์ของป๋ายลี่หง กระทั่งออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงไปทันที


 


แม้จะมีศิษย์สำนักจันทร์จรัสแสงทักทายเขาระหว่างเดินออกจากสำนัก แต่ต้วนหลิงเทียนก็ว้าวุ่นใจเกินกว่าจะตอบกลับ ทั้งยังเดินไปเหมือนคนเหม่อลอยสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว


 


“ศิษย์พี่หลิงเทียนเป็นอันใดไป ไฉนสีหน้าแววตาเลื่อนลอยเช่นนั้น”


 


“นั่นสิผิดจากยามปกติยิ่ง…แววตาศิษย์พี่คล้ายมีเรื่องกังวลหรืออันใดให้ทุกข์ใจนัก ศิษย์พี่เป็นอันใดไปกัน”


 


……


 


จังหวะนี้ศิษย์สำนักจันทร์จรัสแสงที่พบเจอต้วนหลิงเทียนระหว่างทางก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย


 


เพราะตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเสมือนคนไร้วิญญาณก็ไม่ปาน


 


“ต้วนหลิงเทียน ในที่สุดเจ้าก็โผล่หัวออกมาเสียที!”


 


หลิวฮ่วนที่เฝ้ารออยู่ด้านนอกสำนักจันทร์จรัสแสงมาเนิ่นนาน เริ่มสะกดรอยตามต้วนหลิงเทียนไปอย่างเงียบงัน มันเองก็พยายามตรวจสอบดูอย่างละเอียดว่าป๋ายลี่หงได้ติดตามออกมาหรือไม่


 


แน่นอนว่าด้วยความระวัง มันจึงไม่คิดลงมือใกล้ๆสำนักจันทร์จรัสแสง


 


“หืม?”


 


หลิวฮ่วนที่ลอบสะกดรอยตามต้วนหลิงเทียนมาด้านหลัง ไม่นานก็พบเรื่องผิดปกติ ‘สารเลวน้อยนั่นมันเป็นอันใด ไฉนวันนี้รู้สึกว่ามันแตกต่างไปจากทุกที หรือมันเจอตัวข้าแล้ว!?’


 


อย่างไรก็ตามหลังจากที่หลิวฮ่วนตรวจสอบท่าทีของต้วนหลิงเทียนอีกสักพัก ก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก


 


ครึ่งวันผ่านไป แม้ต้วนหลิงเทียนจะเพียงเดินเท้าออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงอย่างไม่รีบไม่ร้อน ทว่าตอนนี้ก็นับว่าออกจากเขตสำนักมาไกลพอสมควร


 


เมื่อต้วนหลิงเทียนเข้ามาถึงป่าลึก หลิวฮ่วนก็ไร้ลังเลอันใดสืบไป เลือกที่จะลงมือทันที!


 


ปงงง!!


 


เสียงสนั่นลั่นขึ้นในอากาศ มวลพลังมหาศาลขุมหนึ่งปะทุออก เป็นหลิวฮ่วนลงมือด้วยพลังชั่วชีวิต ลอบซัดหมัดพลังสังหาร หมายป่นร่างต้วนหลิงเทียนให้ต้วนหลิงเทียนจบสิ้นในกระบวนเดียว!!


 


เมื่อเห็นว่าหมัดพลังสังหารของมันเจียนบรรลุถึงร่างต้วนหลิงเทียน ลูกตาอำมหิตเปี่ยมจิตสังหารของหลิวฮ่วนก็เผยประกายยินดีระคนเย้ยหยันทันที!


 


ในสายตาของมัน ในที่สุดวันนี้หนามที่คอยทิ่มแทงตำใจก็จะหายไปเสียที!


 


เปรี๊ยง!!


 


ทว่าเมื่ออีกเสียงหนึ่งดังลั่นขึ้นมาอีกครั้ง แววตายินดีของหลิวฮ่วนก็จำต้องแข็งค้างกลับกลาย


 


สวรรค์!


 


มันเห็นอันใด?!


 


สองตาหลิวฮ่วนแลเห็นกระจ่างชัดนัก ยามเมื่อหมัดพลังสังหารของมันเจียนบรรลุระเบิดร่างต้วนหลิงเทียน กลับพบว่ามีม่านพลังแสงจ้าหนึ่งผุดโผล่ขึ้นคลุมกายต้วนหลิงเทียนเอาไว้! สามารถป้องกันหมัดพลังสังหารที่ใช้ออกด้วยพลังชั่วชีวิตมันได้อย่างง่ายดาย!!


 


และเมื่อมันตรวจสอบโดยละเอียด มันก็พบว่าม่านพลังดังกล่าวคล้ายถูกสร้างจากรังสีพลังกระบี่สีทองเล่มหนึ่งที่กำลังเคลื่อนไหววนกายด้วยความเร็วอัศจรรย์!!


 


และเมื่อเห็นว่าม่านพลังสีทองนั่น ไม่แม้แต่จะกระเพื่อมสั่นไหวด้วยซ้ำหลังจากทานรับหมัดพลังสังหารชั่วชีวิตของตัวเองไป สีหน้าหลิวฮ่วนก็แปรเปลี่ยนไปอย่างมหันต์


 


มาตอนนี้มันย่อมตระหนักได้เป็นธรรมชาติ ว่ามันตีค่าต้วนหลิงเทียนต่ำเกินไป!


 


“เขตแดนซบเซา!”


 


หลิงฮ่วนเร่งใชออกด้วยปราณแท้ก่อเขตแดนของมันทันที รอบกายโดยยึดมันเป็นจุดศูนย์กลางในรัศมีร้อยหมี่ปรากฏสนามพลังพิสดารประการหนึ่ง!


 


เขตแดนของหลิวฮ่วนนี้ เรียกว่า เขตแดนซบเซา!


 


ภายในสนามพลังดังกล่าวนอกจากตัวหลิวฮ่วนผู้ใช้เองแล้ว ผู้ฝึกตนทุกคนจะรู้สึกเสมือนในร่างมีสิ่งขัดขวางไม่ให้พลังงานไหลเวียนได้อย่างอิสระ พลังฝีมือล้วนถูกระงับลงไปอย่างน่ากลัว!


 


ขณะเดียวกันที่เปิดใช้เขตแดน หลิวฮ่วนก็หยิบศาสตราเซียนของมันออกมา


 


ความว่างเปล่าเหนือศีรษะของมัน ยังปรากฏศาสตราปราณแท้ก่อลักษณ์ กับสัตว์ปราณแท้มีสภาพจากปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์!


 


ตอนนี้เองในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็หันกลับมา สองตาทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง


 


หลังจากที่พบว่าหลิวฮ่วนเป็นผู้ลอบโจมตีด้านหลัง เขาก็คล้ายไม่แปลกใจ กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “อาวุโสหลิวฮ่วน เจ้านับว่าไม่ยอมพลาดโอกาสในการสังหารข้าจริงๆ…เป็นเจ้าที่ไปยุยงให้จ้าวเฟิงตามมาฆ่าข้างั้นสิ?”


 


“แล้วจักอย่างไร?”


 


หลิวฮ่วนหัวเราะเยาะ “น่าเสียดายที่มันกลับใช้การมิได้นัก กลับถูกยอดีมือที่ใดก็มิรู้สังหารก่อนที่จะได้ฆ่าเจ้า!”


 


“อ้อ แล้วถ้าข้าบอกว่า…จ้าวเฟิงนั่น เป็นข้าลงมือฆ่ามันเองเล่า?”


 


ทันใดนั้นเอง หลิวฮ่วนพลันได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นเข้าหู


 


ครั้งนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้กล่าวออกตามตรงหากแต่ใช้ปราณแท้ควบแน่นส่งเสียงออกไป!

 

 

 


ตอนที่ 1,553

 

ยันต์ม่านกระจกฉายลักษณ์


 


 


 


“เจ้า?”


 


หลังได้ยินเสียงผ่านปราณแท้ของต้วนหลิงเทียน เห็นชัดว่าหลิวฮ่วนตะลึงไปไม่น้อย ไม่นานค่อยกล่าวถามออกมาอย่างดูถูก “อาศัยเจ้าน่ะรึฆ่าจ้าวเฟิง? เรื่องไร้สาระดั่งฝันละเมอ!!”


 


“จะไร้สาระดั่งฝันละเมอหรือไม่ เดี๋ยวเจ้าจะได้รู้เอง!”


 


ต้วนหลิงเทียนตอบกลับอย่างไม่แยแส


 


ขณะเดียวกัน ความว่างเหนือร่างเขาพลันปรากฏมังกรเทพยาดาขึ้นมาจากปราณแท้ควบแน่นมีสภาพ ทั่วกายมังกรพลังดังกล่าวยังมีปราณโลหิตหนาแน่นขุ่นขลั่ก!


 


ทันใดนั้น เสียงมังกรคำรามก็กึกก้องลั่นป่า!


 


ร่างใหญ่เคลื่อนไหวฉับไว มังกรพลังของต้วนหลิงเทียนพุ่งจี้ไปยังสัตว์ปราณแท้มีสภาพที่ก่อร่างเหนือสีรษะของหลิวฮ่วนทันที!


 


การปรากฏตัวของมังกรเทพยาดา เหนือศีรษะต้วนหลิงเทียนทำให้หลิวฮ่วนอึ้งไปพักหนึ่ง!


 


มังกร!


 


กลับเป็นมังกรเทพยาดาจริงๆ!


 


ในตอนนี้มันตกตะลึงถึงขั้นลืมตระหนักไปว่าต้วนหลิงเทียนได้มาถึงขอบเขตสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว!


 


ในใจมันมีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น ปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ของต้วนหลิงเทียนกลับเป็นมังกรเทพยาดา! อีกทั้งทั่วกายยังมีกลิ่นอายปราณโลหิต เผยให้เห็นชัดว่ามันเกิดจากการดูดซับแก่นแท้โลหิต!!


 


ปง! ปง!


 


เสียงสนั่นลั่นดังขึ้นสองครั้งติด ดึงสติหลิวฮ่วนให้กลับมาอยู่กับร่องกับรอยทันที


 


และตอนนี้ศาสตราปราณกับสัตว์ปราณของมัน ก็ถูกมังกรปราณของต้วนหลิงเทียน บดขยี้ไปเป็นที่เรียบร้อย!


 


“เจ้า…”


 


ในขณะที่หลิวฮ่วนหันมาจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนด้วยใบหน้าตื่นตระหนก ต้วนหลิงเทียนก็เรียกกระบี่นิลสวรรค์และจ่ายปราณแท้ลงไป 3 ส่วน เปิดใช้พลังอำนาจของกระบี่ พร้อมวาดกระบี่ออกไปอย่างเรียบง่ายซ้ายไปขวาเบาๆ


 


เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!


 


……


 


ทันใดนั้นคล้ายมีเสียงบางสิ่งแตกระเบิดดังขึ้นในอากาศ


 


เป็น เขตแดนซบเซา จากปราณแท้ก่อเขตแดนของหลิวฮ่วน…


 


ถูกต้วนหลิงเทียนทำลายในกระบี่เดียว!


 


“ไม่จริง…เป็นไปมิได้!!”


 


เผชิญหน้ากับฉากนี้ ลูกตาหลิวฮ่วนเบิกโพลง ความตื่นตระหนกยากจะเชื่อฉายเต็มใบหน้า!


 


ในเวลาเพียงเสี้ยวพริบตา ปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตรา ปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ และปราณแท้ก่อเขตแดนของมัน กลับถูกต้วนหลิงเทียนทำลายจนพินาศสิ้น!!


 


วิ้ง!


 


และในขณะที่หลิวฮ่วนตื่นตระหนกเสียขวัญ ต้วนหลิงเทียนก็ลงมืออีกครั้ง กระบี่นิลสวรรค์ตวัดผ่าอากาศฉับไว รังสีพลังสะบั้นพุ่งซัดออกจากกระบี่ ตัดแขนข้างที่ถือศาสตราเซียนของหลิวฮ่วนจนขาด ยังง่ายดายคล้ายใช้ดาบในตำนานผ่าเต้าหู้!


 


“อ๊ากกก!!” เมื่อแขนข้างที่ถือกระบี่ร่วงตกลงบนพื้น หลิวฮ่วนก็แหกปากร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ยามมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ลูกตาของมันยังทำราวกับพบพานภูตผี “จะ…เจ้า…ได้อย่างไร”


 


“ข้าแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไงหรอ?”


 


ต้วนหลิงเทียนย้อนคำหลิวฮ่วน กล่าวจบก็เผยยิ้มจางๆ ค่อยปริปากกล่าวถามเสียงเรียบ “อาวุโสหลิวฮ่วน ตอนนี้เจ้าเชื่อแล้วรึยัง? หรือยังคิดว่าที่ข้ากล่าวก่อนหน้าเป็นวาจาเหลวไหลหาสาระไม่ได้อยู่อีก?”


 


“ไม่จริง…เป็นไปมิได้! เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ ไฉนเจ้าถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้!?”


 


หลิวฮ่วนยังไม่อยากจะเชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่เหนือสามัญสำนึกของมันเกินไป!


 


ยังพึ่งผ่านไปเท่าไหร่กัน ต้วนหลิงเทียนที่เป็นได้แค่มดตัวกระจ้อยในสายตาของมัน กลับร้ายกาจเหนือมันไปแล้ว!


 


ยิ่งไปกว่านั้น กระบี่ในมือของต้วนหลิงเทียนก็เป็นอะไรที่น่ากลัวอย่างถึงที่สุด!


 


เพียงคลื่นสะบั้นเดียวจากกระบี่ดังกล่าว…กลับทำลายเขตแดนซบเซาของมันจนพินาศสิ้น!


 


“ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเบา กระบี่นิลสวรรค์ในมือเริ่มกู่ร้องออกมาอีกครั้ง ใบกระบี่ปรากฏแสงพลังสีครามฉาบคลุม หนึ่งกระบี่พุ่งแทงออกไปฉับไวไร้สำเนียง!


 


คราวนี้รังสีกระบี่พุ่งไปเป็นเส้นตรงดั่งลำแสงสังหาร หมายเสียบทะลวงกลางอกหลิวฮ่วน!


 


หลิวฮ่วนที่หวาดผวา แต่เดิมมันก็คิดจะชิงลงมือจบเรื่อง ไหนเลยยังมีกะใจนึกถึงการใช้วรยุทธ์ป้องกันได้ทัน มันจึงเลือกที่จะหลบหลีกทันที


 


แต่คิดหนีก็หนีได้หรือ?


 


ซึบ!!


 


รังสีพลังกระบี่พุ่งไวปานลำแสง ชำแรกเข้ากลางอกหลิวฮ่วนอย่างง่ายดาย ยังทะลวงกลางใจจนทะลุออกหลัง! คล้ายม่านพลังคลุมกายใดๆทั่วกายหลิวฮ่วนไร้สำคัญ ดั่งหนึ่งเท้าย่ำเหยียบใบไม้แห้งกรอบจนย่อยยับ!!


 


หลิวฮ่วน อาวุโสฝ่ายในของสำนักจันทร์จรัสแสง ที่สุดก็ตกตายไปเช่นนี้ ตกตายไปพร้อมกับความไม่เข้าใจ ยังตกตายด้วยน้ำมือศิษย์ใหม่ที่พึ่งเข้าสำนักมาได้ไม่ทันครบ 2 ปี…


 


กวาดทุกสิ่งริบแหวนมิติทุกอย่างจากศพของหลิวฮ่วนจนเหี้ยน ต้วนหลิงเทียนก็สะบัดมือทำลายซากศพของหลิวฮ่วนให้สลายหายไปไม่เหลือแม้แต่ธุลี…


 


ความจริง ออกมาคราวนี้เขาไม่ได้คิดล่อหลิวฮ่วนแม้แต่น้อย…


 


เขาแค่อยากออกมาผ่อนคลายจิตใจ ให้หายว้าวุ่นสับสน


 


เพราะก่อนหน้านี้ระหว่างบ่มเพาะฝึกฝน เขาก็รู้สึกว่าใจเขามันปั่นป่วนยากที่จะสงบลงได้ ทำอย่างไรก็ไม่เป็นผลคล้ายเสมือนกำลังจะเกิดเรื่องอะไรบางอย่าง…


 


อย่างไรก็ตามหลังจากฆ่าหลิวฮ่วนไป ความรู้สึกสับสนว้าวุ่นทั้งหลายก็อันตรธานหายไปเช่นกัน


 


และในขณะที่ฆ่าหลิวฮ่วน ต้วนหลิงเทียนไม่ทราบเลยว่ามีร่างหนึ่งลอบจับตามองเขาจากไกลๆ


 


ร่างนี้ยังไปมาไร้ร่องรอย พลังฝีมือน่ากลัวว่าจะเหนือกว่าหลิวฮ่วนคนละเรื่อง!


 


สามารถลอบเร้นปิดบังตัวตน จนต้วนหลิงเทียนไม่อาจสัมผัสได้ ย่อมเป็นตัวตนในขอบเขตเซียนแน่แท้!


 


‘มิคิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้จะเก็บงำพลังฝีมือได้ยอดเยี่ยมนัก…หมายความว่าที่แท้ชือหมิงสมควรตกตายด้วยน้ำมือมันแล้วจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นกระบี่ในมือมันนั่นมันอะไรกันแน่ ไฉนกลิ่นอายถึงได้น่ากลัวและสูงส่งถึงเพียงนั้น พิกลนัก…’


 


ยอดฝีมือขอบเขตเซียนเผยตัวออกมาหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนจากไป มันเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง


 


ชายวัยกลางคนร่างใหญ่แลดูกำยำแข็งแกร่งนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนของตลาดมืดหยินชาน ไท่หวู่!


 


ตั้งแต่ครั้งก่อนที่ผู้นำตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตรเพิกถอนภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียนไป มันก็บังเกิดความสนใจในตัวต้วนหลิงเทียนไม่น้อย จึงเลือกที่จะลอบมาเฝ้าสังเกตการณ์ที่ด้านนอกสำนักจันทร์จรัสแสง


 


ก่อนหน้านี้มันก็ได้รับทราบถึงเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นในสำนักจันทร์จรัสแสงเช่นกัน


 


วันนี้ในขณะที่มันเฝ้ารอกระต่ายหน้าโพรง มันก็พบว่าต้วนหลิงเทียนกลับเดินออกมาจากสำนักจันทร์จรัสแสงด้วยตัวเอง


 


ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีเรื่องน่าสนใจเกิดขึ้น เพราะอาวุโสฝ่ายในอย่างหลิวฮ่วนเลือกที่จะสะกดรอยตามต้วนหลิงเทียนออกมา ทั้งยังเผยเจตนาฆ่าต้วนหลิงเทียนให้มันเห็นชัด!


 


ตั้งแต่ต้นจนจบมันเลือกที่จะซ่อนตัวและรอดูชมเรื่องราว!


 


ในตอนแรกมันคิดว่าต้วนหลิงเทียนถึงคราวชะตาขาดแน่แล้ว…ทว่าผลลัพธ์กลับอยู่เหนือความคาดหมายของมันโดยสมบูรณ์ ผู้ที่ตายมิใช่ต้วนหลิงเทียน กลับเป็นอาวุโสฝ่ายในของสำนักจันทร์จรัสแสง!


 


ปรากฏการณ์มังกรเทพยาดา และกระบี่ลึกลับ!


 


ตอนนี้มันรู้สึกคล้ายต้วนหลิงเทียนเสมือนมีม่านแห่งความลึกลับปกคลุมไว้ทั่วกาย ยากที่มันจะหยั่งถึง!


 


กระบี่ลึกลับนั่นทรงพลังอย่างยิ่ง คงเป็นการโกหกหากบอกว่ามันไม่หวั่นไหว


 


อย่างไรก็ตามทันทีที่มันบังเกิดจิตคิดละโมบหมายช่วงชิงกระบี่ลึกลับเล่มนั้น ในใจมันก็บังเกิดสังหรณ์อัปมงคลแรงกล้า สัญชาตญาณยังร้องเตือนว่านี่เป็นอันตรายที่ถึงตาย!


 


ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่คิดวู่วามด่วนลงมือ!


 


“ข้าล่ะอยากรู้นักว่าคนของสำนักจันทร์จรัสแสงจักทำหน้าอย่างไร หากได้เห็นฉากที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าอาวุโสฝ่ายในเช่นนี้”


 


ทันใดนั้น ยันต์เต๋าแผ่นหนึ่งพลันปรากฏบนมือไท่หวู่ มุมปากเผยรอยยิ้มแสยะออกมา


 


ในฐานะที่มันเป็นตัวตนในขอบเขตเซียน ความเร็วย่อมเหนือกว่าต้วนหลิงเทียน!


 


นอกจากนี้ต้วนหลิงเทียนก็คิดออกมาเดินเล่นสูดอากาศเพื่อสงบใจเท่านั้น เขาจึงไม่ได้รีบร้อนกลับสำนักแต่อย่างใด ไท่หวู่จึงกลับมาถึงสำนักจันทร์จรัสแสงก่อนเขา


 


ทันทีที่ไท่หวู่มาถึงสำนักจันทร์จรัสแสง มันก็เลือกบุกรุกมาถึงใจกลางสำนัก ทำให้ตัวตนในขอบเขตเซียนของสำนักจันทร์จรัสแสง รวมถึงเจ้าสำนักอย่างเจียงเว่ยที่พักอยู่ในเขตหวงห้ามสัมผัสได้ถึงการมาเยือนของมันทันที! ทั้งหมดเร่งเหินขึ้นมาในอากาศ!!


 


ตอนนี้เองไท่หวู่เร่งบดขยี้ยันต์เต๋าในมือ


 


ทันใดนั้นน่านฟ้าเหนือสำนักจันทร์จรัสแสงคล้ายปรากฏม่านพลังโปร่งแสงดั่งกระจก…หากต้วนหลิงเทียนอยู่ที่นี่คงอดไม่ได้ที่จะตกใจ เพราะนี่มันคล้ายกับภาพฉาย 3 มิติในโลกเก่าของเขานัก!


 


ยันต์เต๋าที่ไท่หวู่บดขยี้คามือคือยันต์เต๋า ม่านกระจกฉายลักษณ์!


 


ม่านกระจกฉายลักษณ์นั้นสามารถบันทึกสิ่งต่างๆที่เราเห็น ไม่ว่าจะเป็นคนสัตว์สิ่งของล้วนบันทึกได้หมดสิ้น! รวมทั้งสามารถฉายแสดงออกมาให้เห็นกันชัดๆ!!


 


หลังจากที่บดขยี้ยันต์เต๋าแล้ว ไท่หวู่ก็เร่งรีบหนีจากไป


 


ตอนนี้เองเจียงเว่ยและอาวุโสทั้งหลายที่รุดมาถึงน่านฟ้าก็พบ ภาพที่กำลังฉายอยู่กลางหาว ยังเป็นการดึงความสนใจของพวกมันจากการตามล่าตัวผู้บุกรุกทันที…


 


นั่นเพราะหนึ่งใน 2 ร่างที่ปรากฏในม่านแสงปานกระจกนั่น เป็นคนคุ้นเคยของพวกมัน!


 


“นั่นมันหลิวฮ่วนนี่…”


 


หนึ่งในอาวุโสสำนักจันทร์จรัสแสงกล่าวออกด้วยความแปลกใจ


 


“แล้วชายหนุ่มผู้นั้นเป็นใครกัน?”


 


“ดูเหมือนหลิวฮ่วนจักลอบสะกดรอยตามชายหนุ่มคนนี้”


 


……


 


เหล่าอาวุโสระดับสูงของสำนักจันทร์จรัสแสงที่ชมมองภาพที่ฉายเหนือฟ้าบนม่านแสง ก็รู้ได้ทันทีว่าหลิวฮ่วนกำลังลอบสะกดรอยตามชายหนุ่มในชุดสีม่วงที่พวกมันไม่รู้จัก


 


แน่นอนว่าเหตุผลที่เหล่าผู้ชรา ชนชั้นสูงของสำนักจันทร์จรัสแสงไม่รู้จักร่างในชุดสีม่วงก็ไม่แปลกอะไร


 


รวมทั้งเจียงเว่ยเองก็เช่นกัน แม้มันจะได้ยินชื่อเสียงเรียงนามต้วนหลิงเทียนมานานแล้ว แต่ยังไม่เคยพบตัวจริงสักครั้ง เป็นธรรมดาที่จะไม่รู้จักต้วนหลิงเทียน


 


อย่างไรก็ตามเจียงเว่ยและเฒ่าชราขอบเขตเซียนไม่รู้ ไม่ใช่ว่าคนในสำนักจันทร์จรัสแสงคนอื่นๆจะไม่รู้!


 


ทันทีที่ม่านแสงดั่งกระจกปรากฏบนฟ้าและฉายภาพเรื่องราว ผู้คนในสำนักจันทร์จรัสแสงก็ตื่นตระหนกกันยกใหญ่!


 


“นั่นมัน ม่านกระจกฉายลักษณ์นี่!!”


 


ศิษย์ฝ่ายในที่มีความรู้หลายคนของสำนักจันทร์จรัสแสงโพล่งออกมาด้วยความแปลกใจ


 


“ม่านกระจกฉายลักษณ์ กลับปรากฏบนฟ้า…หมายความว่ามีคนใช้ยันต์เต๋าม่านกระจกฉายลักษณ์…แม้ยันต์เต๋านี่จักมิได้ระบุระดับชั้นเอาไว้ แต่มีเพียงปรมาจารย์ยันต์เต๋าระดับสูงๆเท่านั้น ที่สามารถสร้างได้…”


 


อาวุโสฝ่ายในของสำนักจันทร์จรัสแสงหลายคนอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ


 


“เฮ่! นั่นมันอาวุโสหลิวฮ่วนไม่ใช่รึ!? นั่นอาวุโสกำลังสะกดรอยตามผู้ใดไปกัน”


 


ศิษย์ฝ่ายในหลายคนจดจำหลิวฮ่วนได้ทันที


 


“เดี๋ยวนะ…ชุดสีม่วง แผ่นหลังไวๆนั่น… หรืออาวุโสหลิวฮ่วนลอบสะกดรอยตามศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนกัน?!”


 


“ไม่ผิดแน่! นั่นศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน!!”


 


“อาวุโสหลิวฮ่วนคิดทำอะไรกัน ถึงได้สะกดรอยตามศิษย์พี่ต้วนไปแบบนี้?!”


 


“นี่เจ้าไปอยู่ที่ใดมา มิรู้หรือว่าศิษย์พี่ต้วนมาจากเมืองชงซัน และอาวุโสหลิวฮ่วนก็บาดหมางกับเจ้าเมืองชงซัน ฟางฮุ่ย ที่เป็นครูของศิษย์พี่ต้วน! เรียกว่าอาวุโสหลิวฮ่วนนั้นเป็นศัตรูที่มิอาจอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันกับฟางฮุ่ยก็ว่าได้! อาวุโสหลิวฮ่วนคิดลอบตามไปฆ่าศิษย์พี่ต้วนแน่ๆ!!”


 


……


 


เหล่าศิษย์ในสำนักจันทร์จรัสแสงอดไม่ได้ที่จะแตกตื่นเมื่อเห็นภาพที่ฉายอยู่บนฟ้า หลายคนถึงกับหวั่นใจลอบภาวนาให้ต้วนหลิงเทียนรอดพ้นอันตราย เห็นชัดว่าต่างห่วงต้วนหลิงเทียนกันไม่น้อย


 


ที่คฤหาสน์ของป๋ายลี่หงเอง ก็เห็นภาพบนฟ้าชัดเจน เฟิ่งหวู่เต้ากับคนอื่นๆก็กำลังชมดูเรื่องราวอยู่เช่นกัน


 


ภาพจากม่านกระจกฉายลักษณ์นี้ปรากฏขึ้นกลางฟ้า เช่นนั้นแล้วทั้งสำนักขอเพียงออกมายืนในที่ๆเปิดโล่งจนแลเห็นท้องฟ้า ก็สามารถมองเห็นภาพบนฟ้าได้ชัดเจน!


 


“นี่มันอะไรกัน!?”


 


เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆ ย่อมไม่รู้จักม่านกระจกฉายลักษณ์ ทั้งหลายจึงไม่เข้าใจว่าไฉนปรากฏภาพเรื่องราวบนฟ้าได้แบบนี้


 


“แย่แล้ว!!”


 


ทว่าเมื่อฉากบนฟ้าแปรเปลี่ยนไป ป๋ายลี่หงที่ดูอยู่พลันร้องโพล่งออกมาอย่างหวาดกลัว เพราะในภาพบนฟ้า ตอนนี้หลิวฮ่วนได้ลอบโจมตีต้วนหลิงเทียนจากด้านหลังแล้ว!


 


ผู้ที่ไม่รู้เรื่องราว อาจคิดว่าป๋ายลี่หงหวาดกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะตาย


 


ทว่าในเมื่อป๋ายลี่หงทราบพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนแล้ว มันก็ไม่ได้กังวลในความปลอดภัยของต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป


 


พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนก้าวหน้าจนเหนือล้ำมัน ไหนเลยจะไม่รู้เรื่องที่หลิวฮ่วนลอบสะกดรอยตามและลงมือจากด้านหลัง!?


 


ไม่จำเป็นต้องเดามันก็รู้ผลลัพธ์..หลิวฮ่วนตายแน่!!


 


ที่ป๋ายลี่หงโพล่งร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว เพราะมันตระหนักได้ว่ามีผู้ประสงค์ร้ายบางคนได้ทำการบันทึกเรื่องราวดังกล่าว รวมถึงฉากที่ต้วนหลิงเทียนสังหารหลิวฮ่วนเอาไว้ด้วยการใช้ยันต์ม่านกระจกฉายลักษณ์! และนำเรื่องนี้มาเปิดเผยให้สำนักจันทร์จรัสแสงทราบกันถ้วนหน้า!!

 

 

 


ตอนที่ 1,554

 

พลังฝีมือถูกเปิดเผย


 


 


“เป็นฝีมือผู้ใดกัน!?”


 


หน้าป๋ายลี่หงบิดเบี้ยวนัก มันเองก็คิดทำลายม่านกระจกฉายลักษณ์บนฟ้า แต่มันก็รู้ดีว่าตัวเองหาได้มีพลังอำนาจเช่นนั้นไม่!


 


หากม่านกระจกฉายลักษณ์ปรากฏออกมาแล้ว ถ้าไม่ใช่ยอดฝีมือขอบเขตเซียน ก็ยากที่จะทำลายมันได้!


 


ในตอนนี้ป๋ายลี่หงเพียงเคียดแค้นตัวเองนัก ที่อ่อนด้อยจนไร้สามารถในการทำลายม่านกระจกฉายลักษณ์ มิอาจช่วยเหลือศิษย์น้องของมัน


 


“หากเจ้าสำนักกับคนอื่นเห็นก็มิเป็นไร…แต่หากเฉียนคงแลเห็นเรื่องนี้…”


 


คิดถึงจุดนี้ป๋ายลี่หงก็ยิ่งร้อนใจขึ้นมานัก


 


“ต้วนหลิงเทียน? ชายหนุ่มคนนี้น่ะหรือคือต้วนหลิงเทียน?”


 


ด้วยเสียงตะโกนจากเหล่าศิษย์ ยอดฝีมือขอบเขตเซียนของสำนักทั้งหลายจึงได้รับทราบอัตลักษณ์ของชายหนุ่มชุดม่วงบนม่านกระจกฉายลักษณ์เหนือฟ้า ทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง


 


ความบาดหมางระหว่างต้วนหลิงเทียนกับหลิวฮ่วนพวกมันทราบดี


 


อย่างไรก็ตามพวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าหลิวฮ่วนยังจะคับแค้นฝังใจไม่เลิก จนกล้าฆ่าต้วนหลิงเทียนแบบนี้!


 


จังหวะนี้เจียงเว่ยอดไม่ได้ที่จะลอบเสียใจ หากมันลอบสังหารหลิวฮ่วนทิ้งไปเสียแต่เนิ่นๆ คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้!


 


มันสามารถจินตนาการออกได้เลย หากป๋ายลี่หงเห็นภาพต้วนหลิงเทียนถูกสังหาร อีกฝ่ายจะโกรธแค้นถึงเพียงไหน เกรงว่าเผลอๆจะสะบั้นเยื่อใยกับสำนักจันทร์จรัสแสงเอา!


 


นั่นไม่ใช่อะไรที่มันอยากจะเห็น!


 


ขณะเดียวกันนอกจากเฉียนคงแล้ว ผู้อาวุโสชราทั้งหลายก็หน้าเปลี่ยนสีไปตามๆกัน ความคิดของพวกมันก็ทำนองเดียวกันกับเจียงเว่ย ป๋ายลี่หงย่อมโมโหแน่หากเห็นหลิวฮ่วนฆ่าต้วนหลิงเทียน!!


 


“ม่านกระจกฉายลักษณ์นี่ต้องถูกทำลาย!!”


 


เจียงเว่ยและอาวุโสชราไม่กี่คน เผยประกายตาเย็นชา พวกมันเตรีมพร้อมทำลายม่านกระจกฉายลักษณ์ทันที!


 


อย่างไรก็ตาม เมื่อปราณแท้เริ่มคุกรุ่นขึ้นมาเตรียมซัดออกลงมือ ภาพเรื่องราวในม่านกระจกก็แปรเปลี่ยนในฉับพลัน…ยังทำให้พวกมันตกตะลึงจนทำให้ปราณแท้ที่ผนึกควบรวมขึ้นมาสลายหายไป!


 


เพราะในม่านกระจกฉายลักษณ์บนฟ้า มันฉายถึงจังหวะที่หลิวฮ่วนลอบลงมือจู่โจมสังหารต้วนหลิงเทียนจากข้างหลังแล้ว!!


 


และพริบตานั้นเอง ทั่วร่างต้วนหลิงเทียนกลับปรากฏม่านพลังสีทองหนึ่งฉาบคลุมไปทั่ว สามารถทานรับหมัดพลังสังหารของหลิว่ฮ่วนได้อย่างไม่ยากเย็น!


 


“นี่มัน…ม่านพลังที่แข็งแกร่งยิ่งนัก!!”


 


จังหวะนี้ทุกคนในสำนักจันทร์จรัสแสงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น


 


พวกมันตกตะลึงกับม่านพลังป้องกันอันแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียน


 


“จากท่าทางทั้งสภาวะของอาวุโสหลิวฮ่วน เห็นชัดว่าหมัดพลังนั่นทุ่มออกด้วยพลังสุดตัว…แต่ข้ามิคิดเลยว่าศิษย์พี่ต้วนแค่อาศัยม่านพลังจากวรยุทธ์ป้องกัน จักต้านทานเอาไว้ได้ไม่ยากเย็น…”


 


“เหลือเชื่อ! ช่างเหลือเชื่อยิ่งนัก!!”


 


“พลังป้องกันของศิษย์พี่ต้วนนั่นมัน…นี่ที่แท้ศิษย์พี่ต้วนร้ายกาจถึงขั้นใดกัน!?”


 


“จักร้ายกาจเกินไปแล้ว! นี่ศิษย์พี่ต้วนยังใช่ผู้คนเหมือนเราๆหรือไม่!?”


 


……


 


เหล่าศิษย์สำนักจันทร์จรัสแสงถูกภาพเรื่องราวทำให้ตกตะลึงพรึงเพริดไปแล้วจริงๆ


 


ไม่ได้หันกลับมาแต่อย่างใด เพียงกางกั้นม่านพลังหนึ่ง ก็รับกระบวนท่าสังหารด้วยพลังชั่วชีวิตของหลิวฮ่วนได้อย่างง่ายดาย!


 


ต้วนหลิงเทียนแข็งแกร่งถึงเพียงใดกัน?


 


ต่อให้เป็นยอดฝีมือสูงสุดสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่กระทั่งครึ่งก้าวเซียน น่ากลัวว่าคงไม่อาจทานรับการโจมตีของหลิวฮ่วนได้อย่างไร้เรื่องราวเช่นนี้!


 


“ศิษย์น้อง…”


 


หากเป็นยามปกติได้เห็นภาพนี้ป๋ายลี่หงคงจะโล่งใจที่ต้วนหลิงเทียนปลอดภัยไร้อันตราย


 


ทว่าตอนนี้ไม่เพียงแต่มันจะไม่ได้ระบายลมหายใจอย่างโล่งอก อารมณ์ยังกลับกลายเป็นหนักอึ้ง!


 


เพราะฉากต่อไปไม่ใช่อะไรที่มันต้องการเห็นเลย!


 


ในขณะเดียวกันด้านเฟิ่งหวู่เต้ากับคนอื่นๆที่อยู่ในคฤหาสน์ป๋ายลี่หง ก็ได้แลเห็นภาพทั้งหมดชัดตา


 


พอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนป้องกันการโจมตีจากหลิวฮ่วนได้ทั้งหมดก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก


 


“นี่มันภาพอันใดกันแน่สามารถฉายขึ้นกลางฟ้า แถมยังชัดเจนเสมือนมองเห็นด้วยตาตัวเอง”


 


เฟิ่งหวู่เต้ากับคนอื่นๆค่อนข้างสงสัยในเรื่องนี้


 


สุดท้ายเป็นซื่อหม่าฉางฟงที่ตระหนักใดได้กล่าวตอบออกมาทันที “นี่สมควรเป็นพลังของยันต์เต๋าม่านกระจกฉายลักษณ์ …พวกเจ้าจำได้ไหมว่าตอนที่พวกเราซื้อป้ายหยกบันทึกข้อมูลมา ในนั้นก็มีเรื่องนี้กล่าวบอกเอาไว้ ม่านกระจกฉายลักษณ์…ภาพที่ปรากฏชัดเจนเสมือนกับส่องกระจก!”


 


“จริงสิ ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น”


 


“เป็นผลของม่านกระจกฉายลักษณ์จริงๆ”


 


“ยันต์เต๋าม่านกระจกฉายลักษณ์นั่น มิใช่ว่ามีแต่ปรมาจารย์ยันต์เต๋าระดับ 4 ดาวขึ้นไปถึงจะเขียนได้หรอกหรือ…ในเขตปกครองของ 9 พันธมิตรที่ข้าจำได้ ไม่มีข้อมูลใดบันทึกว่ามีตัวตนระดับนั้นอยู่เลยนี่นา…”


 


……


 


เมื่อได้ยินคำของซื่อหม่าฉางฟง คนอื่นๆก็นึกขึ้นได้เช่นกัน


 


“ม่านพลังสีทองนั่น สมควรเป็นรังสีพลังกระบี่…การป้องกันอันทรงพลังเช่นนี้ มิใช่ขอบเขตของวรยุทธ์ป้องกันระดับมนุษย์โดดเด่นจักมีได้…นี่มันวรยุทธ์เซียนเลิศล้ำอันใดกันแน่!?”


 


เหนือขึ้นไปบนฟ้า เหล่าระดับสูงของสำนักจันทร์จรัสแสงที่เหินลอยอยู่ อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับเรื่องราวที่ฉายออก ยังอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าที่แท้ต้วนหลิงเทียนสำแดงวรยุทธ์เซียนป้องกันอันใด…


 


“พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนผู้นี้สูงส่งนัก!”


 


กระทั่งเจียงเว่ยที่หวาดกลัวภาพเรื่องราวสังหารก่อนหน้า มาตอนนี้ยังยิ้มออกมาอย่างยินดี “ข้ามิคิดฝันเลยว่าสำนักจันทร์จรัสแสงเรากลับมีสุดยอดอัจฉริยะเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้น…อัจฉริยะระดับนี้ขอเพียงขัดเกลาอีกเล็กน้อย วันหน้าต้องกลายเป็นเสาหลักของสำนักเรา กระทั่งเรื่องที่จะยกระดับสำนักเราให้กลายเป็นขุมพลังชั้น 6 ก็มิใช่เรื่องที่จักเป็นไปมิได้!!”


 


ตอนนี้ในใจของเจียงเว่ยตื่นเต้นนัก มันชมมองร่างต้วนหลิงเทียนในม่านกระจกฉายลักษณ์ด้วยสองตาลุกวาว


 


ยกเว้นเฉียนคง อาวุโสที่เหลือก็สองตาลุกวาวทอประกายจ้าเช่นกัน!


 


ถึงแม้พวกมันจะเคยได้ยินเรื่องราวของเด็กหนุ่มอัจฉริยะที่โด่งดังขึ้นมาทั้งสำนักในเวลาอันสั้นอย่างต้วนหลิงเทียนมาบ้าง แต่พวกมันคิดว่าเป็นแค่เด็กน้อยที่โชคดีเพราะมีป๋ายลี่หงอุ้มชูเท่านั้น..


 


อย่างไรก็ตามมาวันนี้พวกมันได้ตระหนักแล้ว ว่าชายหนุ่มคนนี้ที่ถูกป๋ายลี่หงรับเป็นศิษย์น้องไม่ใช่ชนชั้นธรรมดาสามัญที่บังเอิญมีโชคอย่างที่พวกมันเข้าใจ!


 


บรรลุพลังฝีมืออันร้ายกาจขนาดนี้ได้ก่อนอายุ 40!


 


แล้วในอนาคตหากเติบโตขึ้นเต็มศักยภาพ จะร้ายกาจถึงเพียงใด?!


 


กลับกันด้านเฉียนคง ตอนนี้ใบหน้าของมันเริ่มบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ ‘นี่น่ะเหรอศิษย์น้องของป๋ายลี่หง ต้วนหลิงเทียน? มิคิดเลยว่าจะบรรลุพลังฝีมือระดับนี้ด้วยวัยเพียงเท่านี้…ดูเหมือนที่จ้าวเฟิงตกตายจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับมันไม่มากก็น้อย!’


 


คิดถึงจุดนี้ลูกตาเฉียนคงก็มีแสงยิงออกมาสว่างจ้า ยังเต็มไปด้วยจิตสังหาร!


 


ไม่นานนักเรื่องราวในม่านกระจกฉายลักษณ์ก็เริ่มเปลี่ยนไปอีกครั้ง


 


ในม่านกระจก ต้วนหลิงเทียนค่อยๆหันกลับมาเผชิญหน้ากับหลิวฮ่วนอย่างไม่รีบไม่ร้อน


 


ครู่ต่อมา หลิวฮ่วนก็ใช้ปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตรา ปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ ยังกางเขตแดนทั้งหยิบชักศาสตราเซียนออกมา เห็นชัดว่าเตรียมพร้อมลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนด้วยพลังทั้งหมดแล้ว!


 


ถึงแม้ภาพที่บันทึกไว้ด้วยม่านกระจกฉายลักษณ์จะไร้เสียง


 


อย่างไรก็ตามยอดฝีมือบางคนเพียงอ่านปากก็รู้เรื่องราว!


 


เฉียนคงเองก็เป็นตัวตนที่มีสามารถดังกล่าว


 


ปากที่ขมุบขมิบกล่าวคำของหลิวฮ่วน ยิ่งมายิ่งทำให้ใบหน้ามันมืดลง


 


“อาศัยเจ้าน่ะรึฆ่าจ้าวเฟิง? เรื่องไร้สาระดั่งฝันละเมอ!!”


 


นี่คือวาจาที่หลิวฮ่วนกล่าว


 


“จะไร้สาระดั่งฝันละเมอหรือไม่ เดี๋ยวเจ้าจะได้รู้เอง!”


 


นี่คือคำที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออก


 


และฉากต่อไปก็ทำให้ทั้งสำนักจันทร์จรัสแสงตื่นตระหนกอีกครั้ง


 


กล่าวให้ชัดทำให้ผู้ที่มองภาพเรื่องราวจากม่านกระจกฉายลักษณ์ตื่นตระหนก


 


ต่างได้เห็นว่า…แม้จะเผชิญกับพลังสามารถทั้งหมดของหลิวฮ่วน ต้วนหลิงเทียนยังไม่หวั่นกลัว หากแต่เลือกใช้ปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ออกมา…จังหวะนี้ทั้งหมดพลันตระหนักได้ทันที ว่าต้วนหลิงเทียนบรรลุสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว!!


 


ปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ คือเครื่องหมายการค้าของสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบ!


 


และสิ่งที่ทำให้พวกมันตกใจไปกันใหญ่ก็คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น!


 


พวกมันเห็นชัดถนัดตา ปราณแท้ก่อลักษณ์ที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออก กลับปรากฏเป็นร่างมังกร! เป็นมังกรเทพยาดาจริงๆ!!


 


มังกรเทพยาดานั้นสำหรับส่วนใหญ่ที่ชมดูอยู่…ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นอะไรที่ดำรงอยู่ในเรื่องเล่าเท่านั้น…


 


ในที่นี้ผู้ที่เคยเห็นมังกรเทพยาดาตัวจริง มีเพียงกลุ่มของเฟิ่งหวู่เต้ากลุ่มเดียว!


 


ทว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกลับใช้ปราณแท้ก่อลักษณ์ สร้างมังกรเทพยาดาออกมา! อีกทั้งทั่วกายของมังกรเทพยาดานั่นยังเผยไอพลังสีแดงฉานจากปราณโลหิตชัดเจน!


 


จังหวะนี้ไม่ว่าจะเป็นเจียงเว่ยหรือผู้อาวุโสทั้งหลาย อดไม่ได้ที่จะอิจฉาโชควาสนาของต้วนหลิงเทียนนัก! เพราะต้วนหลิงเทียนกลับได้รับแก่นแท้โลหิตของมังกรเทพยาดามาดูดซับ ก่อนที่จะบรรลุสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบ!!


 


ครู่ต่อมาพวกมันก็ได้เห็น ว่ามังกรเทพยาดาที่สร้างขึ้นจากปราณแท้ของต้วนหลิงเทียน มันบดขยี้กลพลังทั้ง 2 ชนิดของหลิวฮ่วนได้ง่ายดายเพียงใด..


 


“แข็งแกร่งยิ่งนัก!”


 


“มันเป็นมังกรเทพยาดาจริงๆ!”


 


“มิคิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะสามารถหาแก่นแท้โลหิตของมังกรเทพยาดามาดูดซับได้ นี่มันโชควาสนาอันใดกัน…”


 


……


 


เหล่าอาวุโสของสำนักจันทร์จรัสแสงได้แต่อุทานออกมาด้วยความตื่นตาตื่นใจ


 


“ศิษย์พี่ต้วน นับว่าร้ายกาจท้าทายสวรรค์ยิ่ง!”


 


“หากไม่ใช่เขาแล้วจักเป็นผู้ใดท้าทายสวรรค์ได้ขนาดนี้! ไม่เพียงแต่ทะลวงถึงสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบในเวลาอันสั้น กลับสามารถสร้างมังกรเทพยาเช่นนั้นจากปราณแท้…ศิษย์พี่ต้วนนับเป็นปาฏิหาริย์ของรุ่นเยาว์ในสำนักจันทร์จรัสแสงเราจริงๆ”


 


“ข้าไม่รู้ว่าศิษย์พี่ต้วนจะเอาชนะอาวุโสหลิวฮ่วนได้หรือไม่…อย่างไรเสียอาวุโสหลิวฮ่วนก็เป็นสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ ยังมีความสามารถสร้างเขตแดนอันร้ายกาจนั่น”


 


……


 


เหล่าศิษย์สำนักจันทร์จรัสแสง ได้แต่แหงนมองฟ้าด้วยความวาดหวัง


 


และทันใดนั้นต้วนหลิงเทียน ก็ลงมือไขข้อสงสัยให้พวกมัน


 


เห็นกันแค่ว่า ต้วนหลิงเทียนเพียงเรียกกระบี่ออกมาเล่มหนึ่ง จากนั้นก็วาดกระบี่จากซ้ายไปขวาอย่างไร้เรื่องราว…ทว่าพลังอำนาจกระบี่…กลับสามารถทำลายเขตแดนซบเซาของหลิวฮ่วนลงได้อย่างง่ายดายนัก!!


 


และในขณะที่หลิวฮ่วนกำลังตกตะลึง ต้วนหลิงเทียนก็ตวัดกระบี่ซัดคลื่นสะบั้นสายหนึ่ง ตัดแขนหลิวฮ่วนข้างที่ถือศาสตราลงจนขาดด้วนเสมอไหล่!


 


เป็นเพราะม่านกระจกฉายลักษณ์นั้นบันทึกเรื่องราวในมุมมองของผู้บันทึก ศิษย์สำนักจันทร์จรัสแสงจึงสามารถแลเห็นเรื่องราวทั้งหมดได้ไม่มีตกหล่น แม้ความจริง การลงมือทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะรวดเร็วเกินกว่าที่สายตาของมันจะมองได้ทัน!


 


“แข็งแกร่งยิ่ง!”


 


“ร้ายกาจนัก!”


 


……


 


ทั่วทั้งสำนักจันทร์จรัสแสง ไม่ว่าศิษย์หรืออาวุโส ตอนนี้ล้วนถูกพลังอันน่ากลัวที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกสร้างความตกตะลึงให้ไม่รู้จบจริงๆ


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับคนที่เคยบาดหมางกับต้วนหลิงเทียนมาก่อน ตอนนี้ถึงกับขาสั่นกลืนน้ำลายหนืดเหนียวลงคอด้วยความหวาดกลัว


 


แน่นอนว่าทั่วกายยังหลั่งเหงื่อเย็นชุ่มโชก หลังเปียกชุ่มไปเป็นแถบ!


 


หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็เห็นต้วนหลิงเทียนเสือกกระบี่แทงออกไปตามอำเภอใจ ยิงรังสีพลังกระบี่สังหารทะลวงกลางใจหลิวฮ่วนจนตายตก…


 


จังหวะนี้ไม่มีใครเห็นใจที่หลิวฮ่วนตกตายแม้แต่คนเดียว ต่างรู้สึกว่ามันสมควรโดนดีเช่นนี้แล้ว!


 


เพราะสุดท้ายแล้วเป็นมันที่คิดลอบฆ่าผู้อื่นเขาก่อน…


 


“ศิษย์พี่ต้วนชำระแค้นให้ท่านอาจารย์สำเร็จแล้ว!!”


 


ในพื้นที่ฝ่ายนอกของสำนักจันทร์จรัสแสง หลิงอวิ๋น กับฉงหู่ ที่ชมดูเรื่องราวอยู่ถึงกับใจเต้นด้วยความยินดี พวกมันหันมามองสบตากัน และต่างเห็นถึงความยินดีในแววตาอีกฝ่าย


 


“ฟ้าประทานพรให้สำนักจันทร์จรัสแสงของข้าแล้ว! ฟ้าประทานพรให้สำนักจันทร์จรัสแสงของข้าแล้วจริงๆ!!”


 


อีกด้านหนึ่ง ตอนนี้เจียงเว่ยเจ้าสำนักจันทร์จรัสแสงดีใจจนเนื้อเต้น มันรู้สึกท่วมท้นไปด้วยมวลอารมณ์ยินดียากจะกล่าว เหล่าอาวุโสทั้งหลายก็ชักสีหน้าดีใจจนลืมแก่


 


มองไปยังร่างที่ทำลายซากศพของหลิวฮ่วนอย่างไร้อารมณ์ของต้วนหลิงเทียน พวกมันคล้ายแลเห็นอนาคตอันรุ่งโรจน์ของสำนักจันทร์จรัสแสง!!


 


เนื่องจากความตื่นเต้นยินดีนี้เอง พวกมันจึงไม่มีใครทันได้สังเกตเลย..ว่าเฉียนคงได้ลอบจากไปอย่างเงียบงันเนิ่นนานแล้ว..

 

 

 


ตอนที่ 1555

 

ความตายของเฉียนคง


 


 


 


ในขณะที่เฉียนคงลอบจากไป ด้านป๋ายลี่หงเองก็เร่งรุดไปยังประตูหน้าสำนักทันที มันคิดสกัดต้วนหลิงเทียนเอาไว้และให้ต้วนหลิงเทียนเร่งหลบหนีไปจากสำนักจันทร์จรัสแสงเสีย!


 


เหตุผลที่ต้องกระทำเช่นนี้ล้วนเป็นเพราะเฉียนคง!


 


ในสายตาของมัน ทันทีที่เฉียนคงเห็นฉากสังหารนี้ มันต้องคิดว่าต้วนหลิงเทียนเป็นคนฆ่าจ้าวเฟิงแน่!


 


ด้วยท่าทีปฏิบัติต่อจ้าวเฟิงที่เฉียนคงเผยให้เห็น น่ากลัวมันคงไม่คิดปล่อยต้วนหลิงเทียนให้รอดไปได้ง่ายๆ!


 


ในขณะที่ป๋ายลี่หงเร่งรุดออกไป เฉียนคงที่ลอบลงมาจากฟ้าก็มาถึงคฤหาสน์ของป๋ายลี่หง เมื่อมันไม่พบตัวต้วนหลิงเทียนสีหน้ามันก็มืดดำลงทันใด


 


ดังนั้นเฉียนคงจึงเริ่มออกหาตัวต้วนหลิงเทียนไปทั่วสำนักจันทร์จรัสแสง สุดท้ายก็มาจบที่ประตูหน้าสำนัก หมายเฝ้ารอกระต่ายหน้าโพรง


 


‘ป๋ายลี่หง!’


 


ทันทีที่มาถึงประตูหน้าสำนักจันทร์จรัสแสง เฉียนคงก็พบตัวป๋ายลี่หงทันที ใบหน้าของมันเผยความอึมครึมออกมาไม่น้อย


 


อย่างไรก็ตามมันไม่คิดแหวกหญ้าให้งูตื่น เพียงเฝ้ารออย่างเงียบงัน


 


ป๋ายลี่หงกำลังรอคน…มันก็เช่นกัน!


 


ต้วนหลิงเทียนในฐานะกระต่าย ย่อมไม่ได้รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่สำนักจันทร์จรัสแสง ตอนนี้เขากำลังเดินกลับสำนักจันทร์จรัสแสงอย่างสบายอารมณ์


 


เดินมาไม่นานเขาก็แลเห็นจุดสีดำไกลๆ


 


สองเท้าก้าวเดินไปเรื่อย ไม่นานจุดสีดำไกลตาก็ค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น สุดท้ายก็แลเห็นเป็นสำนักจันทร์จรัสแสง และประตูใหญ่สำนักจันทร์จรัสแสงก็ค่อยๆชัดเจนในลูกตา


 


“กลับมาแล้ว”


 


เมื่อเห็นประตูหน้าสำนักจันทร์จรัสแสง รอยยิ้มพลันคลี่กางบนใบหน้าต้วนหลิงเทียน “พอกลับไปแล้วข้าให้คนไปแจ้งข่าวเรื่องการตายของหลิวฮ่วนกับครูเลยดีกว่า…ทันทีที่รู้ครูต้องมีความสุขแน่”


 


“ต้วนหลิงเทียน!”


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนก้าวเข้าหาประตูสำนักจันทร์จรัสแสงอย่างไม่รีบไม่ร้อน พลันมีเสียงเย็นหนึ่งดังลั่นขึ้นมา เสียงดังกล่าวยังกึกก้องไปทั่วทั้งสำนักจันทร์จรัสแสง!


 


จังหวะนี้คนในสำนักจันทร์จรัสแสงถึงกับสะดุ้งตกใจปานระเบิดลง


 


และตอนนี้เองก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ม่านกระจกฉายลักษณ์บนฟ้าเริ่มจางหายไป


 


เกือบทุกคนอดไม่ได้ที่จะตกใจกับเสียงตะโกนดังลั่น ทั้งหมดหันมองไปยังทิศทางประตูใหญ่สำนักทันที เพราะตระหนักได้ว่าเสียงดังมาจากทิศทางนั้น


 


“อาจารย์ลุงเฉียน!”


 


อาวุโสและเหล่าศิษย์เริ่มเดินทางไปยังประตูหน้าสำนัก ด้านเจียงเว่ยที่ได้ยินเสียงหน้าก็เปลี่ยนสีทันใด โพล่งคำออกมาด้วยความตื่นตระหนก


 


“ศิษย์น้องเฉียน!?”


 


“ศิษย์พี่เฉียน!?”


 


จังหวะนี้อาวุโสระดับสูงอันเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนของสำนักจันทร์จรัสแสงก็ขมวดคิ้ว ด้วยไม่เข้าใจว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่


 


“แย่แล้ว!!”


 


ไม่นานก็เป็นเจียงเว่ยที่ตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนใคร ใบหน้าเริ่มกลายเป็นผวาทันที


 


“มีอันใดกัน?”


 


ทันใดนั้นอาวุโสหลายคนก็มองถามเจียงเว่ยด้วยสงสัย


 


“อาจารย์ลุงเฉียนเห็นพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนแล้วว่าร้ายกาจเพียงใด มิพ้นท่านต้องสรุปว่าต้วนหลิงเทียนฆ่าจ้าวเฟิงแน่! พวกเราต้องรีบไปหยุดอาจารย์ลุง!”


 


ทันทีที่กล่าวจบคำ ร่างเจียงเว่ยก็คล้ายสายลมกรรโชกพัดวูบไปยังประตูหน้าสำนักทันที


 


อาวุโสคนอื่นพอได้ยินก็รู้ความได้ทันที ต่างหน้าซีดกันเป็นแถวด้วยรู้ดีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น!


 


“ศิษย์น้องเฉียนเจ้าเลอะเลือนแล้วหรือ!!”


 


“พี่เฉียนอย่าได้วู่วามเชียว!!”


 


……


 


ทั้งหลายเร่งตามเจียงเว่ยไปติดๆ ขณะพุ่งร่างงยังอดไม่ได้ที่จะสบถคำตำหนิเฉียนคุนออกมา


 


มาตอนนี้พวกมันย่อมตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ดี!


 


อารมณ์และนิสัยของเฉียนคุนพวกมันไหนเลยยังไม่รู้ได้ ลองอีกฝ่ายมั่นใจว่าต้วนหลิงเทียนมีพลังฝีมือสูงพอจะฆ่าจ้าวเฟิงได้แบบนี้ ย่อมไม่คิดเมตตาต้วนหลิงเทียนแน่!


 


เพราะเฉียนคุนนั้นเป็นคนที่ ยินยอมฆ่าผิดพันคน..แต่ไม่ยอมปล่อยให้คนร้ายคนเดียวหนีรอดไปได้!!


 


อย่างไรก็ตามตอนนี้ในสายตาของพวกมันต้วนหลิงเทียนเป็นดั่ง ‘สมบัติ’ ของสำนัก ในสายตาของพวกมันอนาคตของสำนักจันทร์จรัสแสงล้วนขึ้นอยู่กับต้วนหลิงเทียนแล้ว! ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงไม่คิดปล่อยให้เฉียนคงทำร้ายต้วนหลิงเทียนได้เด็ดขาด!


 


อย่างไรก็ตามตอนนี้สถานการณ์มิสู้ดีนัก!


 


พวกมันรู้ดีแม้จะรีบไปเพียงใดแต่ก็สายเกินการณ์แล้ว กว่าพวกมันจะไปถึงต้วนหลิงเทียนก็คงตายไปแล้ว


 


อีกด้านหนึ่งต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินเสียงตะโกนดังลั่น ก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ จึงหันมองไปยังต้นเสียงด้วยความสงสัยทันที


 


“ศิษย์น้องหนีเร็ว!!”


 


จากนั้นก็มีเสียงคุ้นเคยดังขึ้นตามมา


 


เขาย่อมจดจำได้ว่าเสียงที่พึ่งดังเป็นของป๋ายลี่หง


 


ทั้งน้ำเสียงป๋ายลี่หงยังเต็มไปด้วยความกังวลนัก


 


ได้ยินเสียงกังวลของป๋ายลี่หง ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดท่า


 


และทันใดนั้นเองเขาก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลขุมหนึ่งกดทับลงมายังร่างของเขา อีกทั้งอยู่ๆทุกอย่างรอบตัวเขาคล้ายกลับกลายสีทอง มองไปคล้ายเขาตกอยู่ในทะเลสีทองก็ไม่ปาน


 


‘เขตแดนงั้นเหรอ! แถมไม่ใช่เขตแดนของสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ทั่วๆไป!’


 


ใจต้วนหลิงเทียนฉุกคิดได้ทันที หน้ายังเปลี่ยนสีไปไม่น้อย


 


ถึงตอนนี้แม้เขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขารู้ว่าสมควรมีตัวตนในขอบเขตเซียนกำลังลงมือกับเขาแน่นอน!


 


“ต้วนหลิงเทียนข้าจะส่งเจ้าไปปรนนิบัติรับใช้ลูกชายข้าจ้าวเฟิงในปรโลก!!”


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังถูกมหาสมุทรสีทองสะกดพลังทั่วร่างไว้นั้น แรงกดดันมหาศาลจากผู้ที่ตะโกนใส่เขาก็ถาโถมทับมาอีกรอบ


 


แรงกดดันที่มาพร้อมเสียงตะโกนนั่นแทบทำให้เขาอึดอัดจนแทบสิ้นสติ!


 


ทว่าในห้วงเวลาที่ร่างกายเขาถูกแรงกดดันมหาศาลถาโถมมานั้นเอง กลิ่นอายพลังขุมหนึ่งพลันปะทุแผ่พุ่งออกมาจากทะเลปราณของต้วนหลิงเทียน มวลปราณแท้มหาศาลขุมหนึ่งพลันพุ่งดั่งน้ำเชี่ยวไปตามชีพจรเซียนทั้ง 99 สาย


 


ภายใต้การชักนำของมังกรพลังจากเคล็ดบ่มจิต 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม ปราณแท้ที่เอ่อล้นออกมาก็โคจรครบรอบในพริบตา!


 


ทันใดนั้นทะเลปราณที่หว่างคิ้วของต้วนหลิงเทียนก็สั่นไหวคล้ายกำลังจะระเบิด!


 


ความรู้สึกวิงเวียนจนคล้ายจะเป็นลมบังเกิดขึ้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตามรอบนี้ต้วนหลิงเทียนไม่รู้สึกอึดอัด กลับรู้สึกว่าทั่วร่างคล้ายเบาลง!


 


ทั้งหมดเป็นเพราะเขาทะลวงด่านพลังแล้ว!


 


ภายใต้แรงกดดันจากเขตแดนของตัวตนระดับเซียนรวมถึงกลิ่นอายพลังเปี่ยมจิตสังหาร ทำให้ต้วนหลิงเทียนทะลวงผ่านไปยังสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ได้สำเร็จ!


 


เดิมทีต้วนหลิงเทียนก็ขาดอีกเพียงเล็กน้อยก็จะทะลวงไปยังสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ได้อยู่แล้ว เวลาที่เขาใช้บ่มเพาะพลังในชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลงไม่ได้สูญเปล่าแต่อย่างใด


 


มีเพียงเหตุผลเล็กน้อยเท่านั้นที่ทำให้ก่อนหน้าเขาไม่อาจทะลวงผ่านจุดรอคอยได้


 


ทว่าคราวนี้ด้วยเขตแดนทั้งแรงกดดันรวมไปถึงจิตสังหารจากตัวตนขอบเขตเซียนที่ตะโกนออกมาด้วยอาฆาต ทำให้ต้วนหลิงเทียนสามารถทะลวงผ่านด่านพลัง หักผ่านจุดรอคอยสุดท้ายไปได้ในพริบตา


 


ทันทีที่บรรลุถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ แม้เขตแดนมหาสมุทรสีทองประหลาดจะสร้างความกดดันให้เขา แต่มันก็ไม่ได้มากเหมือนตอนแรกอีกต่อไป


 


อย่างไรก็ตามสังหรณ์อัปมงคลยิ่งมายิ่งแรงกล้า!


 


ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่กำลังพุ่งจี้มาหาเขาด้วยความเร็วสูง!


 


ไร้ซึ่งความลังเลใดๆต้วนหลิงเทียนเปิดใช้ม่านตาพิสดารทันที พลังวิญญาณมหาศาลหลั่งไหลปานน้ำเชี่ยวไปยังตาซ้าย พริบตาฉากเรื่องราวในตาซ้ายเขาก็เริ่มช้าลง


 


และในช่วงเวลาดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนสะบัดมือเรียกกระบี่นิลสวรรค์ออกมาทันที กระทั่งจ่ายปราณแท้ที่เพิ่งเพิ่มพูนขึ้นมาลงสู่ตัวกระบี่แทบหมดสิ้น!


 


อย่างไรเสียต้วนหลิงเทียนก็เหลือปราณแท้ติดตัวไว้ส่วนหนึ่ง


 


ปราณแท้กว่า 9 ส่วนเริ่มผสานเข้ากับกระบี่นิลสวรรค์ด้วยความเร็วสูง


 


ทันใดนั้นตัวกระบี่นิลสวรรค์ก็สั่นไหวอย่างแรง กลิ่นอายคมกล้ากระหายเลือดแผ่ซ่านออกมาน่ากลัว! ด้วยไอพลังสีครามที่ฉาบไปทั่วใบกระบี่ พาลให้มวลอากาศโดยรอบถึงกับสั่นสะท้าน!!


 


ไม่ลังเลและไม่คิดอะไรทั้งสิ้น ต้วนหลิงเทียนตวัดกระบี่นิลสวรรค์ออกไปฉับไวตามอำเภอใจ!


 


ในขณะที่ตวัดกระบี่ ต้วนหลิงเทียนยังรู้สึกราวกับเขาสามารถเชื่อมใจกับกระบี่นิลสวรรค์ได้!


 


การเชื่อมใจนี้ให้ความรู้สึกอันยอดเยี่ยมแก่เขานัก สุดที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดใดๆได้


 


ฟั่บ!


 


กระบี่นิลสวรรค์ตวัดออกฉับไว แว่วเสียงเบาๆพอให้ได้ยินเท่านั้น


 


ขณะเดียวกันนั้นเอง ภายใต้สายตาของเจียงเว่ยและอาวุโสระดับสูงที่พึ่งรุดมาถึงหน้าสำนัก พวกมันก็ได้เห็นว่าร่างชราแก่หง่อมที่กำลังพุ่งเข้าหาต้วนหลิงเทียนนั้น ได้ถูกตัดแบ่งออกเป็น 2 เสี่ยง!


 


ขณะเดียวกันมหาสมุทรสีทองที่แผ่ล้อมโดยรอบก็สลายหายไป


 


“อาจารย์ลุงเฉียน!”


 


“ศิษย์น้องเฉียน!!”


 


“พี่เฉียน!!”


 


วินาที่ที่เห็นร่างเฉียนคุนถูกผ่ากลางจนแยกเป็น 2 เสี่ยง เสียงกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกทั้งเสียใจพลันดังขึ้นในอากาศ ไม่ใช่เสียงใครที่ไหนเป็นเจียงเว่ยกับเหล่ายอดฝีมือขอบเขตเซียนที่พึ่งมาถึง


 


พวกมันแต่เดิมก็ใจเสียไม่น้อย ด้วยคิดว่าต้วนหลิงเทียนอาจถูกเฉียนคุนฆ่าตาย!


 


อย่างไรก็ตามฉากเรื่องราวเบื้องหน้ากลับทำให้พวกมันตะลึงงันไปอย่างสมบูรณ์


 


ต้วนหลิงเทียนกลับสังหารเฉียนคุนได้ในกระบี่เดียว!


 


จังหวะนี้ไม่ใช่แค่ลูกตาเจียงเว่ยและอาวุโสคนอื่นๆจะเผยความหวาดกลัว กระทั่งสองตาคู่หนึ่งที่ลอบมองชมเรื่องราวของสำนักจันทร์จรัสแสงยังอดไม่ได้ที่จะเผยความหวาดกลัว…เป็นไท่หวู่! ตอนนี้หน้าผากมันยังมีเหงื่อเย็นผุดซึมออกมา!!


 


‘ชะ…โชคดี โชคดีนัก!’


 


วินาทีนี้ความคิดเดียวในใจของไท่หวู่ก็คือมันโชคดีนัก! โชคดีที่มันไม่ปรากฏตัวออกไปช่วงชิงกระบี่ลึกลับในมือของต้วนหลิงเทียนแต่แรก!


 


ถึงแม้มันจะกล้าพูดว่าพลังฝีมือมันเหนือกว่าเฉียนคง…


 


แต่ต่อหน้ากระบี่สังหารเมื่อครู่ มันรู้ตัวดีว่ามันมิอาจรับ!


 


กระบี่นั่นทั้งเร็วและทรงพลังเกินไป!


 


เร็วจนทำให้มันรู้สึกสิ้นไร้พลัง กระทั่งใจยังสั่นไหวไปด้วยความหวาดกลัว!


 


“ศิษย์น้องเจ้ารีบหนีไปก่อนเร็วเข้า!!”


 


ถึงแม้ว่ากระทั่งป๋ายลี่หงเองก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวกระบี่ในมือต้วนหลิงเทียน แต่สติของมันก็ไม่เตลิดอะไร เร่งกล่าวตะโกนเตือนต้วนหลิงเทียนอย่างร้อนใจอีกรอบ!


 


ถึงแม้มันไม่รู้ว่าไฉนกระบี่เล่มนั้นของต้วนหลิงเทียนถึงได้น่ากลัวขนาดนี้ แต่มันรู้ดีว่าราคาที่ต้องจ่ายย่อมไม่น้อย เพรากลิ่นอายปราณแท้ในร่างของต้วนหลิงเทียนกลับลดฮวบลงอย่างน่าตื่นตระหนก!


 


เกรงว่าคงยากที่ต้วนหลิงเทียนจะสำแดงอำนาจกระบี่เช่นนั้นได้อีกครั้ง!


 


“สหายกับครอบครัวเจ้า ข้าจักปกป้องดูแลให้เอง!”


 


ป๋ายลี่หงยังคงกล่าวเตือนอีกครั้ง


 


“เฉียนคง…”


 


หลังได้ยินคำของป๋ายลี่หง ต้วนหลิงเทียนก็สามารถตระหนักถึงเรื่องราวได้ทันที


 


‘ไม่คิดเลยจริงๆว่าจ้าวเฟิงนั่นที่แท้กลับเป็นลูกของเฉียนคงจริงๆ’


 


ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็นึกถึงวาจาที่เฉียนคงกล่าวไว้ก่อนหน้าได้ เขาจึงตระหนักได้ทันทีว่าข้อสันนิษฐานเหลวไหลของเขาที่แท้กลับถูกเผง!


 


หากแต่เขายังไม่อาจเข้าใจได้จริงๆ ว่าไฉนเฉียนคงถึงรู้ว่าเขาเป็นคนลงมือฆ่าจ้าวเฟิง?


 


เพราะฟังจากเสียงตะโกนด้วยอาฆาตและการลงมือเมื่อครู่ เห็นชัดว่าเฉียนคงมันมั่นใจว่าเขาลงมือ ยังคิดฆ่าเขาให้ตายในท่าเดียว!

 

 

 


ตอนที่ 1556

 

ไล่ล่า


 


 


 


อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนรู้ดีแก่ใจว่าไม่มีเวลาให้เขาคิดอะไรมาก


 


เฉียนคงนั่น จะอย่างไรก็เป็นอาวุโสระดับสูงของสำนักจันทร์จรัสแสง!


 


อีกทั้งในฐานะขอบเขตเซียน เฉียนคงสมควรเป็นเสาหลักของสำนักจันทร์จรัสแสง!!


 


หากเขาฆ่าเฉียนคงในที่ลับก็แล้วไป แต่ฆ่ามันต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนี้ เรื่องราวมันใหญ่หลวงเกินกว่าจะแก้ไขแล้ว!


 


และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขากลับสังหารเฉียนคงได้ในกระบี่เดียว! นี่ไม่ใช่เพราะพลังฝีมือที่แท้เขาร้ายกาจเหลือเชื่อ หากแต่เป็นเพราะพลังอำนาจของกระบี่มันน่าสะพรึง..และตอนนี้กระบี่นิลสวรรค์ก็สูบปราณแท้เขาไป 9 ส่วน!


 


เขาเหลือปราณแท้อยู่แค่ 1 ส่วนเท่านั้น!


 


“ศิษย์พี่ ข้าขอฝากลุงเฟิ่งครูและสหายข้าไว้กับท่านแล้ว”


 


ทันทีที่คิดถึงเรื่องนี้เขาก็เร่งกล่าวบอกป๋ายลี่หงทันที


 


ทันใดนั้นเองสองตาต้วนหลิงเทียนพลันทอประกายออกมาวูบหนึ่ง ในรัศมีรอบตัวเขาร้อยหมี่ปรากฏกลิ่นอายพลังขุมหนึ่งกำจายออก!


 


ภายในรัศมี 100 หมี่รอบตัวเขา เริ่มปรากฏปราณกระบี่อันร้ายกาจฟุ้งตลบไปทั่ว ไม่นานมวลพลังก็ควบรวมก่อเกิดกระบี่พลังมีสภาพเล่มแล้วเล่มเล่า มองไปคล้ายสุสานกระบี่ก็ไม่ปาน!


 


และนี่คือเขตแดนที่ต้วนหลิงเทียนได้รับ หลังจากทะลวงถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่!


 


ปราณแท้ก่อเขตแดน! จะได้รับเขตแดนแบบใดต้วนหลิงเทียนไม่อาจเลือกได้!


 


อย่างไรก็ตามทันทีที่บรรลุถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันทีว่าเขาได้รับเขตแดนอะไรมา…มันคือเขตแดนที่ทรงพลังอำนาจจู่โจมอันน่าสะพรึง เขตแดนหมื่นกระบี่!


 


เหตุผลที่เขาได้รับเขตแดนชนิดนี้ ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ว่ามันสมควรเกี่ยวข้องกับเคล็ดบำเพ็ญจิต ยอดใจกระบี่!


 


และเมื่อตระหนักว่าเขาได้รับเขตแดนอะไรมา เขาก็ทราบได้อย่างไม่รู้สาเหตุว่ามันสามารถทำอะไรได้!!


 


ทันใดนั้นยามเมื่อกระบี่หมื่นเล่มปรากฏออกมา พวกมันก็ลอยล่องฉวัดเฉวียนในรัศมี 100 หมี่รอบกายเขา ไม่มีเล่มใดที่เขาไม่อาจควบคุม และบัดนี้กระบี่พลังทั้งหมื่นเล่มอยู่ๆพวกมันก็พุ่งเข้าสู่จุดศูนย์กลาง อันเป็นตัวเขา!


 


ฉากกระบี่หมื่นเล่มอยู่ดีๆ พลันพุ่งแหวกอากาศส่งเสียงหวีดหวิวมาด้วยความฉับไว หมายทะลวงเข้าร่างเขาที่อยู่ใจกลางนั้นเป็นอะไรที่น่ากลัวนัก!


 


ทว่าพริบตานั้นเองร่างต้วนหลิงเทียนพลันลอยขึ้น หมื่นกระบี่ที่พุ่งเข้ามา มิคาดกลับมาควบรวมอยู่ใต้ฝ่าเท้า…หมื่นกระบี่พลันรวมสู่หนึ่งอัศจรรย์! กลับกลายเป็นกระบี่พลังมีสภาพสีทองแผ่กลิ่นอายน่ากลัวเล่มหนึ่ง! และกระบี่ดังกล่าวก็พาร่างเขาพุ่งทะยานแหวกอากาศขึ้นฟ้าไปด้วยความเร็วอันน่าตื่นตระหนก!!


 


“เขตแดนที่น่ากลัวยิ่ง! ยังรวดเร็วนัก! ความเร็วนั่นมันเหนือล้ำกว่าครึ่งก้าวเซียน…ทัดเทียมกับขอบเขตเซียนแล้ว!!”


 


เหนือขึ้นไปบนฟ้าสูง ไท่หวู่ที่เห็นฉากหมื่นกระบี่รวมหนึ่ง และต้วนหลิงเทียนขี่กระบี่พุ่งออกไป อดไม่ได้ที่จะกล่าวคำด้วยความตกใจ


 


“อย่างไรก็ตามสีหน้าไอ้หนูนั่นมันมิค่อยสู้ดีเท่าไร…ท่าทางการใช้กระบี่ลึกลับนั่นจักกินพลังมันมิใช่น้อย มันมิน่าจะใช้กระบี่สำแดงพลังนั่นได้อีกแล้ว!”


 


ในฐานะยอดฝีมือขอบเขตเซียน สายตาไท่หวู่ย่อมมิใช่ชั่ว มันมองสถานการณ์ของต้วนหลิงเทียนออกได้ในพริบตา


 


ดังนั้นมันจึงเร่งรุดติดตามเขาไปทันที


 


ในขณะที่ไท่หวู่ไล่ล่าต้วนหลิงเทียนไป ด้านเจียงเว่ยและอาวุโศขอบเขตเซียนของสำนักจันทร์จรัสแสง ก็ฟื้นสติจากอาการตะลึง พวกมันเร่งรุดติดตามต้วนหลิงเทียนไปด้วยใบหน้าตื่นตระหนก


 


พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าเรื่องราวจะลุกลามบานปลายกลายเป็นใหญ่โตถึงขนาดนี้!


 


ต้วนหลิงเทียนกลับฆ่าเฉียนคงได้!


 


เฉียนคงเป็นใคร?


 


นั่นคืออาวุโสระดับสูงของสำนักจันทร์จรัสแสง เป็นตัวตนที่ร่วมเป็นร่วมตายกับสำนักมานาน…


 


ทว่าวันนี้กลับตกตายลงต่อหน้าต่อตาพวกมัน!


 


แถมคนที่ฆ่าเฉียนคงยังเป็นศิษย์สำนักจันทร์จรัสแสง!


 


ถึงแม้พวกมันจะมองต้วนหลิงเทียนในแง่ดีเพียงใด และรู้ดีว่าวันหน้าหากเติบโตต้วนหลิงเทียนจะนำพาเกียรติยศมาให้พวกมันขนาดไหน อย่างไรก็ตามตอนนี้เรื่องราวกลับเลยเถิดบานปลายเกินควบคุมแล้ว!


 


หากมีแต่พวกมันที่เห็นต้วนหลิงเทียนฆ่าเฉียนคงก็แล้วไป!


 


ปัญหาคือตอนนี้คนในสำนักส่วนใหญ่ที่เร่งรุดออกมาตามเสียงตะโกนของเฉียนคงได้เห็นฉากสังหารกันทั้งสิ้น!


 


เฉียนคงแม้จะเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนและเป็นเสาหลักของสำนักจันทร์จรัสแสง ทำให้ไม่ค่อยมีผู้ใดพบเห็นบ่อยนัก แต่ก็มีอาวุโสในสำนักหลายคนจดจำมันได้!


 


หากกระทั่งผู้ชราที่ร่วมเป็นร่วมตายกับสำนักมานานปี ถูกศิษย์คนหนึ่งสังหารลงตรงหน้า แต่พวกมันยังคิดให้ศิษย์คนดังกล่าวรับตำแหน่งเจ้าสำนักในวันหน้า…น่ากลัวว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสามารถทำใจยอมรับได้!!


 


ดังนั้นทันทีที่ต้วนหลิงเทียนสังหารเฉียนคงลงต่อหน้าคนเกือบทั้งสำนัก พวกมันก็รู้ดีว่าหลงเหลือเพียงหนทางเดียวเท่านั้น…ต้วนหลิงเทียนต้องตาย!


 


เพราะเนื่องจากเรื่องราวบานปลายมาถึงขนาดนี้! ต้วนหลิงเทียนมีแน้วโน้มจะชิงชังสำนักจันทร์จรัสแสงเพราะเฉียนคง…เช่นนั้นจำต้องฆ่าต้วนหลิงเทียนเสียเพื่อตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม ไม่ให้อีกฝ่ายกลายเป็นภัยต่อพวกมันในอนาคต!


 


พวกมันไม่อาจแบกรับความเสี่ยงอันใดได้!


 


หากต้วนหลิงเทียนเติบโตไปกว่านี้ สมควรเป็นหายนะของสำนักจันทร์จรัสแสงแล้วจริงๆ


 


พวกมันต้องกำจัดภัยคุกคามนี้ตั้งแต่ยังไม่เติบโต!


 


จังหวะนี้พวกมันโยนป๋ายลี่หงทิ้งไว้ด้านหลัง ถึงแม้ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวจะหายาก แต่ก็ไม่เท่ากับความอยู่รอดของสำนักจันทร์จรัสแสง


 


เช่นนั้นแล้วในขณะที่เจียงเว่ยกับอาวุโสทั้งหลายติดตามต้วนหลิงเทียนไป เจียงเว่ยก็ไม่ลืมส่งเสียงบอกรองเจ้าสำนักทั้งหลาย “พวกเจ้ารีบไปจับตาดูป๋ายลี่หงเอาไว้ อย่าให้หลบหนีไปได้!”


 


รองเจ้าสำนักที่ได้ยินเสียงสั่งอย่างเร่งร้อนผ่านปราณแท้ของเจียงเว่ย พวกมันก็เร่งรุดไปยังคฤหาสน์ป๋ายลี่หงทันที และได้พบว่าป๋ายลี่หงกำลังจะพาพวกเฟิ่งหวู่เต้าออกเดินทางพอดี! พวกมันจึงเร่งหยุดป๋ายลี่หงเอาไว้!!


 


กล่าวให้ชัดพวกมันเร่งรุดไปหยุดป๋ายลี่หงที่กำลังจะพาพวกเฟิ่งหวู่เต้าหลบหนี!


 


“อาวุโสป๋ายลี่ ท่านเจ้าสำนักมีคำสั่งขอให้ท่านพักอยู่แต่ในคฤหาสน์…โปรดอภัยให้พวกเราที่ต้องล่วงเกินท่านเช่นนี้”


 


หนึ่งในรองเจ้าสำนักกล่าวออกมา ส่วนรองเจ้าสำนักคนอื่นๆก็เริ่มปิดล้อมพวกป๋ายลี่หงเอาไว้


 


“พวกเจ้าสนใจทำการค้ากับข้าหรือไม่?”


 


ป๋ายลี่หงมองรองเจ้าสำนักไม่กี่คนที่ปิดล้อมด้วยสายตาพินิจ ค่อยกล่าวยื่นข้อเสนอออกมา


 


“การค้าอันใดรึท่าน?”


 


รองเจ้าสำนักหลายคนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วถามด้วยสงสัย


 


“หากวันนี้พวกเจ้าปล่อยให้ข้าจากไป ข้าจักมอบศาสตราเซียนที่จารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาว จำนวน 3 อาคมให้พวกเจ้า”


 


ป๋ายลี่หงกล่าวออกอย่างเฉยเมย


 


ทว่าวาจาเฉยเมยนี้ของป๋ายลี่หง กลับทำให้รองเจ้าสำนักทั้งหลายสองตาลุกวาว!


 


“ข้าสามารถสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าได้…อย่างไรเสียยามนี้เกรงว่าคงมิสะดวก พวกเจ้าเองก็คงไม่อยากให้เสียงทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าตอบรับดังแจ้งเตือนผู้อื่นใช่หรือไม่?”


 


ป๋ายลี่หงกล่าวออกมาอีกครั้ง


 


“ไปกันเถอะ!”


 


ครู่ต่อมารองเจ้าสำนักพลันหันมองหน้าสบตากัน ก่อนที่จะพยักหน้าลงอย่างพร้อมเพรียง ไม่เพียงแต่พวกมันจะขัดคำสั่งเจ้าสำนัก พวกมันยังช่วยพาป๋ายลี่หงและพวกเฟิ่งหวู่เต้าหลบหนีออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงอีกด้วย!


 


แน่นอนว่าการลอบหลบหนีออกไปแบบนี้ ยากที่ใครจะสามารถล่วงรู้ได้


 


เหตุผลที่ว่าไฉนพวกมันถึงขัดคำสั่งจ้าวสำนัก ก็เพราะข้อเสนอของป๋ายลี่หงมันยั่วใจเกินไป!


 


ศาสตราเซียนที่จารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวจำนวน 3 อาคม…กระทั่งเจ้าสำนักกับยอดฝีมือขอบเขตเซียนของสำนักยังไม่มีใช้!


 


สำหรับพวกมันแล้ว ป๋ายลี่หงจะอยู่หรือตายไม่ได้เกี่ยวพันกับชีวิตของพวกมันมากนัก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผลประโยชน์ที่พวกมันจะได้รับ! สำหรับคำอธิบายต่อเจียงเว่ย พวกมันเพียงกล่าวอ้างว่ามาสายเกินไป ป๋ายลี่หงกับพวกลอบหลบหนีไปแล้วก็เท่านั้น…


 


หลังจากที่รองเจ้าสำนักทั้งหลายพาป๋ายลี่หงกับพวกเฟิ่งหวู่เต้าหลบหนีออกมาห่างจากสำนักพอสมควร ทั้งหมดก็กระทำการสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้ากันเรียบร้อย รองเจ้าสำนักจึงปล่อยให้ป๋ายลี่หงกับพวกจากไปด้วยรอยยิ้ม


 


ถึงแม้ว่าพวกมันจะยังไม่ได้รับศาสตราเซียนที่จารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาว 3 อาคมทันที แต่พวกมันก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะป๋ายลี่หงกล่าวสาบานไปแล้ว จะอย่างไรพวกมันก็ต้องได้!


 


ยิ่งไปกว่านั้นป๋ายลี่หงยังระบุในคำสาบานชัดเจนว่าจะส่งมอบศาสตราเซียนให้พวกมันภายใน 3 ปี! พวกมันจึงไม่ได้เกรงกลัวป๋ายลี่หงจะบิดพริ้วอะไร!


 


เวลา 3 ปีสำหรับพวกมันแล้วไม่ได้นานอะไรเลย


 


เรื่องที่บรรดารองเจ้าสำนักจรัสแสงทำการค้ากับป๋ายลี่หงนี้ เกรง่วาหากให้เจียงเว่ยรับทราบมันคงได้กระอักเลือดตาย!


 


ในขณะที่ป๋ายลี่หงพาเฟิ่งหวู่เต้ากับคนอื่นๆหลบหนีไปจากสำนักจันทร์จรัสแสง บริเวณหน้าประตูใหญ่ของสำนักจันทร์จรัสแสง ไม่ว่าจะเหล่าศิษย์ อาวุโสผู้ดูแลทั้งฝ่ายในฝ่ายนอกก็ยังคงยืนมึนอยู่กับที่ ต่างอื้ออึงกับเรื่องราวนัก!


 


เพราะฉากที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้สะท้านสะเทือนหัวใจพวกมันมากเกินไป!


 


โดยเฉพาะเหล่าอาวุโสที่จดจำเฉียนคงได้ พวกมันอดไม่ได้ที่จะกล่าวพึมพำด้วยความเหลือเชื่อ “ต้วนหลิงเทียน กลับสังหารได้กระทั่งอาวุโสเฉียนคงเลยงั้นหรือ?”


 


“อาวุโสเฉียนคง…เสาหลักของสำนักจันทร์จรัสแสงเรา ยอดฝีมือขอบเขตเซียนที่สร้างคุณงามความดีให้สำนักเรามากมาย กลับตกตายด้วยน้ำมือต้วนหลิงเทียนในกระบี่เดียว..นี่เป็นไปได้อย่างไร?”


 


“เหลือเชื่อนัก…เรื่องนี้ดั่งฝันไปก็มิปาน ไฉนต้วนหลิงเทียนอยู่ๆถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้?!”


 


……


 


สีหน้าของเหล่าอาวุโสที่รู้จักเฉียนคงเผยความตกตะลึงยากจะเชื่อ


 


ยิ่งไปกว่านั้นวาจาที่พวกมันสนทนากันก็ถูกผู้คนโดยรอบได้ยินหมดสิ้น


 


“อาวุโสเฉียนคง!?”


 


“เสาหลักสำนักจันทร์จรัสแสงเรา?”


 


“ยอดฝีมือขอบเขตเซียน?”


 


……


 


วาจาทั้งหมดของอาวุโสกลุ่มนี้ เหล่าศิษย์ที่ยืนอยู่ข้างๆล้วนได้ยินชัดเจน!


 


ไม่นานตัวตนของชายชราที่พึ่งตกตายก็เริ่มแพร่กระจายออกไป


 


เฉียนคง เสาหลักสำนักจันทร์จรัสแสง ยอดฝีมือขอบเขตเซียน!


 


“สวรรค์! นี่ข้ามิได้ฝันไปจริงหรือ!? ศิษย์พี่ต้วนตอนแรกก็ฆ่าหลิวฮ่วนไปคนนึงแล้ว…มาตอนนี้ยังฆ่าอาวุโสเฉียนคงอีกคน…ให้ตายเถอะนั่นขอบเขตเซียนนะ?!”


 


“ขอบเขตเซียนนั้นแทบจะเป็นตัวตนอันไร้เทียมทานสำหรับขอบเขตสู่เซียน…อย่าได้บอกข้าเชียวว่าที่แท้ศิษย์พี่ต้วนก็บรรลุขอบเขตเซียนแล้ว?”


 


“ก่อนที่ศิษย์พี่ต้วนจะพุ่งหายไป ข้าเห็นว่าศิษย์พี่ต้วนใช้ปราณแท้ก่อเขตแดน…พลังฝีมือที่เผยออกนับว่าเหนือกว่าตอนที่ฆ๋าหลิวฮ่วนนัก!”


 


“ปราณแท้ก่อเขตแดน เป็นสัญลักษณ์ของสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่…เช่นนั้นหมายความว่าอย่างน้อยศิษย์พี่ต้วนต้องบรรลุสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่!”


 


“จะอย่างไรก็อยู่ในขอบเขตสู่เซียน! ในสายตาข้าศิษย์พี่ต้วนสมควรเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนที่ปกปิดตัวตนไว้แต่แรก หาไม่แล้วจะฆ่าอาวุโสเฉียนคงได้อย่างไร?”


 


“มีเหตุผล ข้าเองก็คิดว่าศิษย์พี่ต้วนสมควรเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียน”


 


……


 


เหล่าศิษย์สำนักจันทร์จรัสแสงคุยจ้อเรื่องต้วนหลิงเทียนไม่หยุด ในแววตาของพวกมันเผยความยำเกรงไม่น้อย


 


ไม่เพียงแต่พวกมันเท่านั้น กระทั่งผู้อาวุโสและผู้ดูแลหลายคนยังอดไม่ได้ที่จะยำเกรงพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน ใบหน้าของพวกมันแม้จะตกตะลึงหากแต่เผยความเคารพนับถือไม่ต่าง


 


แต่อย่างไรก็ตามในแววตาพวกมันยังเจือกังวลอยู่บ้าง เพราะพวกมันก็รับทราบด้วยว่าหลังจากที่ฆ่าเฉียนคงแล้ว ท่าทางของต้วนหลิงเทียนมิค่อยสู้ดี เห็นชัดว่าเหนื่อยล้าไม่น้อย!


 


เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ไท่หวู่ แต่เจียงเว่ยและอาวุโสขอบเขตเซียน รวมถึงอาวุโสฝ่ายในที่มากฝีมือบางคนก็ค้นพบด้วยเช่นกัน ทั้งหมดเห็นชัดดียามต้วนหลิงเทียนใช้กระบี่น่ากลัวฆ่าเฉียนคง


 


ทั้งหมดตระหนักได้ว่าต้วนหลิงเทียนคงยากจะสำแดงพลังกระบี่อันร้ายกาจเช่นนั้นได้อีกครั้ง จึงได้กล้าติดตามมาแบบนี้


 


แน่นอนว่าที่พวกมันไล่ล่าต้วนหลิงเทียนมา นอกจากคิดตัดไฟแต่ต้นลมแล้ว…กว่าครึ่งยังเพราะคิดละโมบในกระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนใช้!


 


ในฐานะที่เป็นขอบเขตเซียน สายตาของพวกมันย่อมไม่ใช่ต่ำทราม ยังมีความเข้าใจเหนือกว่ายอดฝีมือทั่วๆไป


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนตวัดกระบี่สังหารเฉียนคง กลิ่นอายพลังจากปราณแท้ของต้วนหลิงเทียนไม่ได้เข้มแข็งมากมาย ทว่าเป็นกระบี่ในมือนั่น…ที่เปล่งกลิ่นอายพลังคมกล้าอันร้ายกาจ!

 

 

 


ตอนที่ 1557

 

ต้วนหลิงเทียนผู้อัปโชค…


 


ด้วยเหตุนี้เหล่าตัวตนขอบเขตเซียนทั้งหลายไม่เว้นเจียงเว่ย ก็เริ่มหมายตาอยากครอบครองกระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนใช้!


 


พวกมันจึงเร่งติดตามมาทันทีโดยไม่ต้องคิด!


 


ห่างออกไปด้านหน้า ต้วนหลิงเทียนที่ท่องกระบี่หนีมา ตอนนี้เริ่มเหนื่อยล้าอิดโรยไม่น้อย


 


กระบี่ที่เขาใช้สังหารเฉียนคงนั้นแลดูเรียบง่าย แต่อันที่จริงเขากลับต้องจ่ายปราณแท้ออกไปถึง 9 ส่วน! และเขาก็ได้ใช้ปราณแท้ที่เหลืออยู่เพื่อสร้างเขตแดนรวมปราณ อันเป็นเขตแดนหมื่นกระบี่ เพื่อหลบหนีออกจากสำนักจันทร์จรัสแสง!!


 


ด้วยพลังของเขตแดนหมื่นกระบี่ เขาจึงหนีออกมาจากสำนักจันทร์จรัสแสงได้แบบนี้..


 


ต้องกล่าวเลยว่า หมื่นกระบี่รวมหนึ่งนั้นเหินบินฉับไวนัก!


 


แต่เพราะมันรวดเร็วขนาดนี้ ก็จำต้องจ่ายปราณแท้ไปรักษาสภาพไม่น้อยเช่นกัน!


 


หลังจากบินออกมาได้ระยะหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกว่าปราณแท้ทั่วร่างกำลังจะหมดลง อีกทั้งพลังวิญญาณเขาเองก็แทบจะไม่มีเหลือ เพราะใช้ออกด้วยม่านตาพิสดารไปก่อนหน้านี้…


 


ปราณแท้ ทั้งพลังวิญญาณเขาตอนนี้ เรียกว่าร่อยหรอเจียนแห้งเหือดเต็มที!


 


ทำให้ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกอาการไม่ค่อยสู้ดีนัก…นี่ไม่ใช่ความเหนื่อยล้าทางกายแต่เป็นทางจิต!


 


‘ทำไงดีล่ะทีนี้…ยอดฝีมือขอบเขตเซียนของสำนักจันทร์จรัสแสงตามมาใกล้ทันแล้ว หรือต้องลองเจรจากับพวกมันจริงๆ’


 


หลังจากที่ฆ่าเฉียนคงและเร่งรุดหลบหนีจากมา ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ว่าเหล่ายอดฝีมือขอบเขตเซียนของสำนักจันทร์จรัสแสงก็พุ่งร่างไล่ตามเขามาเช่นกัน


 


ถึงแม้เขาจะฆ่าเฉียนคงได้ในกระบี่เดียว แต่นั่นเป็นเพราะกระบี่นิลสวรรค์ที่สูบกลืนปราณแท้ไป 9 ส่วน!


 


หากไม่มีกระบี่นิลสวรรค์ แม้ตัวเขาจะทะลวงมาถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ได้ แต่เกรงว่าคงยากจะเอาชนะตัวตนในขอบเขตเซียนได้ง่ายดาย ไม่ต้องฝันเรื่องฆ่าในกระบี่เดียวแบบนี้เลย


 


แถมตอนนี้ก็ยากที่เขาจะใช้กระบี่นิลสวรรค์ได้อีก


 


เพราะต้องจ่ายออกด้วยปราณแท้ถึง 9 ส่วนหากคิดจะรบกับเซียน!


 


“พวกมันตามมาใกล้ทันแล้ว”


 


ตอนนี้เองเสียงของผู้เฒ่าหั่วพลันดังออกมาจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ


 


“อาวุโสหั่ว ท่านว่าข้าทำอย่างไรดี?”


 


ต้วนหลิงเทียนเผยยิ้มขื่นขม ไม่เพียงแต่กระบี่พลังสีทองใต้ฝ่าเท้ากำลังจางลงทุกขณะราวกับพร้อมจะหายไปได้ทุกเวลา ความเร็วยังตกลงไปอย่างเห็นได้ชัด


 


“เพียงหาสถานที่ๆมิถูกรบกวนจากสภาพแวดล้อม แล้ววางเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเอาไว้…ขอเพียงพวกมันไม่ลงมือทำลายสภาพแวดล้อมโดยรอบเล่น เจ้าก็สมควรปลอดภัย”


 


ผู้เฒ่าหั่วคิดก่อนที่จะกล่าวตอบ


 


ทันทีที่ผู้เฒ่าหั่วกล่าวออกมา ต้วนหลิงเทียนก็รู้เจตนาทันที


 


“น่าจะได้ผล”


 


เมื่อไร้ทางเลือกอื่นใดแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไร้ลังเลอะไรสืบไป ดิ่งร่างลงมาจากฟ้า หายไปในป่าทึบ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พบก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง


 


“เอานี่ล่ะ!”


 


ต้วนหลิงเทียนรีดเค้นปราณแท้ที่ยังเหลือออกมา ใช้ออกด้วยพลังหยิบยกไร้สภาพ ยกหินมหึมาให้ลอยขึ้น กอนที่เขาจะซัดพลังอย่างแยบคายขุดหลุมลึกใต้ก้อนหินดังกล่าว และเร่งโยนเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไว้ในก้นหลุมนั่นทันที


 


และทันทีที่เขาคลายพลังหยิบยกจนหินก้อนใหญ่กำลังร่วงลงมากลับที่เดิม ร่างเขาก็วูบหายไปในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทันที


 


ตึง!


 


เมื้อก้อนหินตกลงมา มันก็ปิดบังหลุมลึกเล็กๆที่ต้วนหลิงเทียนขุดเพื่อซ่อนเจดีย์ไว้อย่างมิดชิด เจดีย์ที่ถูกย่นย่อจนเล็กเท่าเม็ดฝุ่นก็วางแน่นิ่งใต้ก้นหลุม ไร้ลมฝนอันใดแผ้วพาน


 


ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากผู้ที่ไล่ตามมาไม่ซัดพลังทำลายไปทั่ว ก็คงยากที่จะทำให้เขาโผล่ออกมาได้


 


หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนวูบร่างเข้าเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไป เขาก็มุ่งหน้าไปยังชั้น 3 ทันที หมายนั่งโคจรพลังฟื้นฟูปราณแท้และพลังวิญญาณอย่างเร่งด่วน


 


สำหรับเขาเรื่องนี้สำคัญนัก


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนขุดหลุมใต้หินใหญ่ และซ่อนตัวในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ไท่หวู่ ยอดฝีมือขอบเขตเซียนของตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตรที่ลอยอยู่เหนือฟ้าสูงก็พบเห็นการกระทำนี้เช่นกัน


 


“คิดซ่อนในหลุมแบบนั้นเลยรึ?”


 


ไท่หวู่มองไปยังเรื่องราวที่เกิดขึ้นในป่าทึบเบื้องล่างด้วยรอยยิ้มขบขัน


 


หลังจากนั้นคล้ายมันตระหนักได้ถึงบางสิ่ง จึงปกปิดกลิ่นอาย และลอยขึ้นไปหลบซ่อนตัวในก้อนเมฆต่อทันที


 


ไท่หวู่เพียงซ่อนตัวได้ไม่ทันไร ก็ปรากฏร่างคนกลุ่มหนึ่งเหินพุ่งมาด้วยความเร็วสูง…


 


เจียงเว่ยเจ้าสำนักจันทร์จรัสแสงและยอดฝีมือขอบเขตเซียนมาถึงแล้ว! พวกมันยังหยุดร่างค้างกลางหาวและเริ่มสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบทันที…


 


“กลิ่นอายพลังของมัน ดูเหมือนจักหายไปแถวๆนี้”


 


เจียงเว่ยขมวดคิ้ว


 


“ลองหาดูรอบๆก่อนเถอะ”


 


ครู่ต่อมาเจียงเว่ยและคนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันไปทุกสารทิศเพื่อทำการตรวจสอบพื้นที่ด้านล่างอย่างละเอียด


 


ในฐานะตัวตนที่บรรลุถึงขอบเขตเซียน พวกมันย่อมก่อเกิดสำนึกเทวะแล้ว ทุกสิ่งอย่างที่อยู่ในรัศมีตรวจจับจากสำนึกเทวะของพวกมัน ยากที่จะรอดพ้นไปได้…


 


เหนือขึ้นไปบนฟ้า สีหน้าไท่หวู่ที่ซ่อนหลังก้อนเมฆก็เริ่มมืดลงทุกขณะ


 


ยอดฝีมือขอบเขตเซียนของสำนักจันทร์จรัสแสง กล่าวไปแล้วไม่ว่าหน้าไหนมันก็ไม่กลัว


 


แต่หากยอดฝีมือขอบเขตเซียนของสำนักจันทร์จรัสแสงด้านล่างกลุ้มรุมมัน…ฉิบหายแน่!


 


ดังนั้นมันถึงได้ร้อนใจและเป็นกังวลนัก เพราะกลัวเจียงเว่ยและคนอื่นๆ จะตัดหน้าชิงกระบี่ลึกลับนั่นไปจากต้วนหลิงเทียนก่อนมัน…ตอนนี้มันก็ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากเฝ้าดูอย่างเงียบๆ


 


‘ไอ้หนูหวังว่าเจ้าจะซ่อนตัวให้ดีและไม่ปล่อยให้พวกมันพบตัวเจ้าง่ายๆ…หาไม่แล้วเจ้านับว่าทำให้ข้าผิดหวังนัก’


 


ไท่หวู่ลอบกล่าว


 


มันกล่าวเช่นนี้เห็นชัดว่าอยากให้ต้วนหลิงเทียนรอดพ้นการตรวจจับ


 


หากต้วนหลิงเทียนมาได้ยินคำของไท่หวู่เขาคงพูดอะไรไม่ออก


 


ภายใต้สายตาของไท่หวู่ กลุ่มคนของสำนักจันทร์จรัสแสงได้ทำการตรวจสอบพื้นที่ป่าทึบอย่างละเอียดกว่าครึ่งชั่วยาม หากแต่ก็ไม่มีแววจะพบเจอต้วนหลิงเทียนแต่อย่างไร


 


เห็นเช่นนี้ไท่หวู่ก็วางใจไม่น้อย


 


“มิพบเจออันใดเลย”


 


เจียงเว่ยขมวดคิ้ว “กลิ่นอายพลังของมันหายไปจุดนี้แน่นอน…อย่าได้บอกข้าเชียวว่ามันมุดดินหนีได้”


 


“บางทีมันอาจมีทักษะอันใดที่สามารถปิดบังกลิ่นอายได้มิดชิด ยากที่พวกเราจักสัมผัส”


 


หนึ่งในขอบเขตเซียนกล่าวคาด


 


“อาจเป็นได้”


 


เรื่องนี้ได้รับการเห็นด้วยจากยอดฝีมือขอบเขตเซียนของสำนักจันทร์จรัสแสงคนอื่น


 


“สมควรเป็นเช่นนั้น…หาไม่แล้วคนที่ยังมิได้ทะลวงผ่านขอบเขตเซียน ไหนเลยสามารถรอดพ้นสำนึกเทวะของพวกเราได้”


 


ในที่สุดเจียงเว่ยและคนอื่นๆ ก็เห็นพ้องต้องกัน


 


พวกมันจะไปคิดได้อย่างไร ว่าหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนเข้าสู่เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติแล้ว ร่องรอยของเขาก็เสมือนสาบสูญไปจากโลกหล้าโดยสมบูรณ์ เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติจะอย่างไรก็เป็นยอดสมบัติสวรรค์ พวกมันไหนเลยจะตรวจพบได้…


 


“ดูท่าตอนนี้พวกเราได้แต่แยกย้ายกันไปตามหาที่อื่น…”


 


ไม่นานยอดฝีมือขอบเขตเซียนของสำนักจันทร์จรัสแสง รวมถึงเจียงเว่ยก็เลือกที่จะแยกย้ายกันไปคนละทิศทาง


 


เมื่อเห็นว่าคนของสำนักจันทร์จรัสแสงเหินร่างไปกันหมดแล้ว ไท่หวู่ก็ไม่คิดจะเผยตัวออกมาแต่อย่างไร


 


ใบหน้าของมันยังสงบคล้ายกำลังเฝ้ารออะไรบางอย่าง


 


และเพียงเวลาชั่วกาน้ำเดือด เจียงเว่ยและขอบเขตเซียนของสำนักจันทร์จรัสแสงก็กลับมารวมตัวกันจุดเดิมอีกครั้ง


 


เห็นได้ชัดว่าพวกมันเพียงกล่าวลวง และจากไปเพื่อล่อหลอกต้วนหลิงเทียนให้ตายใจเท่านั้น


 


มาตอนนี้พวกมันยืนยันได้แล้วว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้อยู่แถวนี้จริงๆ


 


คราวนี้พวกมันจึงเริ่มแยกย้ายกันออกไปคนละทิศเพื่อตามหาต้วนหลิงเทียนอย่างจริงจัง


 


และตอนนี้เองไท่หวู่เลือกที่จะเผยตัวออกมา


 


“เหอะๆ หากมิใช่เพราะข้าติดตามมันมาอยู่ตลอด ก็คงมิรู้เช่นกันว่ามันหลบซ่อนอยู่ใต้หินโง่ๆนั่น…”


 


หลังจากที่เผยตัวออกมา ไท่หวู่ก็มองไปยังหินใหญ่ใต้ฝ่าเท้า


 


ฟังจากคำของมัน เห็นได้ชัดว่ารู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนหลบอยู่ตรงนั้น


 


“ต้วนหลิงเทียน แม้ข้ามิรู้ว่าเจ้าใช้ทักษะอันใดในการปกปิดกลิ่นอาย แต่วันนี้ต่อหน้าข้าไท่หวู่เจ้าได้แต่โผล่หัวออกมา! ไม่ว่าทักษะของเจ้าจักเลิศล้ำปานใดก็ตาม!!”


 


หลังจากกล่าวเย้ยหยัน ไท่หวู่ก็ยื่นมือออกมา


 


ทันใดนั้นเองปราณแท้พลันทะลักออกมาม้วนวนรอบแขน มองไปคล้ายอสรพิษ 2 ตัวกำลังเลื้อยพัน แผ่กลิ่นอายพลังอันร้ายกาจไม่ใช่ชั่ว!


 


พริบตาต่อมาเมื่อแขนของไท่หวู่วะบัดลง อสรพิษพลังทั้ง 2 ก็พุ่งแหวกฟ้าลงไปยังผืนดินเบื้องล่างด้วยความฉับไว!


 


ทุกที่ทางที่อสรพิษพลังแหวกผ่าน บังเกิดเป็นเสียงระเบิดดัง ฮึงๆ มวลอากาศยังคล้ายจะสะท้านสะเทือนไปด้วยพลังอำนาจอันน่ากลัว!


 


เปรี๊ยง!


 


เปรี๊ยง!!


 


ไม่นานอสรพิษพลังก็พุ่งตกลงมาถึงพื้น ระเบิดวินาศสันตะโรจนกลายเป็นหลุมลึก!


 


ถึงแม้ว่าอสรพิษพลังทั้ง 2 จะไม่ได้ซัดลงหินใหญ่อย่างจัง หากแต่ด้วยแรงสั่นสะเทือนจากการระเบิด ก็ทำให้มิติภายในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติปั่นป่วนทันที!


 


มิติเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัตินั้น ยังคงไร้เสถียรภาพจนกว่าจะซ่อมแซมชั้นที่ 4 ได้สำเร็จ


 


เช่นนั้นแล้วต้วนหลิงเทียนที่ซ่อนตัวอยู่ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติจึงต้องถูกขับออกมาอย่างช่วยไม่ได้ แถมร่างเขาถูกขับออกมาอย่างแรง กระแทกหินจนกลิ้งกระเด็นไป ทำให้สภาพร่างกายเลอะเทอะมอมแมมนัก!


 


เนื่องจากปราณแท้ยังไม่ฟื้นฟูมาได้มากมายอะไร ต้วนหลิงเทียนจึงเร่งฟื้นฟูพลังอย่างไม่คิดชีวิต ทำให้จำต้องมอมแมมเป็นหนูตกท่อเพราะตั้งตัวกับความเปลี่ยนแปลงไม่ทันเช่นนี้…


 


“ซวยแล้วไง!”


 


ต้วนหลิงเทียนรู้ตัวได้ทันที ว่างานเข้าเขาแน่แล้ว…


 


ในตอนแรกที่เขาเลือกจะซ่อนตัวแบบนี้ ก็รับรู้ถึงความเสี่ยงแบบนี้ดี


 


เขาไม่รู้ว่าผู้ที่ไล่ล่าเขาจะทำลายพื้นที่แบบนี้หรือไม่ หากไม่เขาก็รอดตัวไปแต่หากพวกมันทำเขาก็ช่วยไม่ได้ที่ต้องโผล่ออกมา…


 


แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นจึงต้องแบกรับความเสี่ยงนี้ไว้


 


อนิจจาวันนี้ดูท่าเขาจะอับโชคเสียแล้ว


 


“ไม่คิดเลยว่าพวกมันจะบ้าพลังทำลายพื้นที่แบบนี้จริงๆ…”


 


เมื่อตระหนักได้ว่าตอนนี้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจ ต้วนหลิงเทียนก็เลิกคิดอะไรให้วุ่นวาย เพียงแหงนมองร่างที่กำลังโรยตัวลงมาจากฟ้าทันที


 


อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นร่างในชุดคลุมลมดำที่กำลังโรยตัวลงมา เขาก็อดขมวดคิ้วเสียไม่ได้ ‘เจ้านี่ดูไม่เหมือนยอดฝีมือขอบเขตเซียนของสำนักจันทร์จรัสแสง…แถมกลิ่นอายพลังนั่นของมันช่างต่างจากคนของสำนักจันทร์จรัสแสงนัก’


 


ผู้ที่โรยตัวลงมาจากฟ้าแน่นอนว่าย่อมเป็นไท่หวู่


 


“ต้วนหลิงเทียน”


 


หลังจากที่ไท่หวู่เผยตัวออกมา มันก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจ “นับว่าในน้ำเต้าเจ้ามียาดีซุกว่อนไว้นัก…ถึงสามารถหลอกเฒ่าชราไร้ค่าของสำนักจันทร์จรัสแสงเช่นนี้ได้…แต่น่าเสียดายเจ้ายังคิดตื้นเกินไปหากจะหลอกข้าไท่หวู่”


 


“เจ้าเป็นใคร?”


 


ใบหน้าต้วนหลิงเทียนเคร่งขรึมขึ้นทันใด เขาเดาถูกจริงๆ เจ้านี่ไม่ใช่คนของสำนักจันทร์จรัสแสง!


 


อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายกล้าเรียกขอบเขตเซียนของสำนักจันทร์จรัสแสงว่าเฒ่าชราไร้ค่า ท่าทางมันจะมีพลังฝีมือเหนือกว่าคนของสำนักจันทร์จรัสแสง!


 


“มิสำคัญว่าข้าเป็นใคร…เจ้าเพียงรู้ไว้ว่าวันนี้เจ้าต้องตายด้วยน้ำมือข้า”


 


ไท่หวู่กล่าวออกด้วยเสียงเฉยเมย

 

 

 


ตอนที่ 1558

 

ระเบิดสังหาร!


 


ถึงแม้ว่าไท่หวู่จะเป็นระดับสูงของตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตร แต่จะอย่างเสีย..ไม่ว่าก่อนหน้าที่มันจะย้ายมาสาขานี้ หรือหลังจากที่อยู่สาขานี้แล้ว ตัวมันก็ยังถือเป็นนักฆ่าคนหนึ่ง


 


และตราบใดที่เป็นนักฆ่าของตลาดมืดหยินชาน จำต้องกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าว่าจะไม่เปิดเผยฐานะออกไปเด็ดขาด!


 


หาไม่แล้วพวกมันก็ต้องถูกอัสนีฟ้าพิฆาตตายตก!


 


“ข้ากับเจ้าไม่เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกันมาก่อน แล้วทำไมเจ้าต้องฆ่าข้าด้วย?”


 


ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดหยีลงเมื่อได้ยินคำของไท่หวู่


 


“เจ้าข้าเราท่านแม้ไร้ความแค้นบาดหมาง แต่อย่างไรเสียเจ้าเคยได้ยินคำนี้หรือไม่ ‘คนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยก’ ข้าต้องการกระบี่เล่มนั้นของเจ้า!”


 


ไท่หวู่เผยยิ้มเย็นเยือกออกมาน่ากลัว แววตาเผยความโลภให้เห็นเด่นชัด


 


“กระบี่เหรอ?”


 


ได้ยินคำของไท่หวู่ต้วนหลิงเทียนก็ถึงกับอึ้งไปทันที อย่างไรก็ตามไม่นานเขาก็ตระหนักได้ว่าไม่พ้นมันต้องตาพึงใจกระบี่นิลสวรรค์แน่นอน


 


“อย่าได้แสร้งโง่งมตีหน้าเซ่ออันใด! อาศัยเจ้าที่ยังมิได้ตัดผ่านไปถึงขอบเขตเซียน กลับมีพลังสามารถสังหารเฉียนคงได้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะกระบี่เล่มนั้นของเจ้ามิใช่หรอกรึ? ถึงเฉียนคงมันจักเป็นสัดใส่ข้าวที่ใช้การมิได้แต่มันก็เป็นขอบเขตเซียนคนหนึ่ง!”


 


ไท่หวู่กล่าวเย้ยหยันออกมา


 


“อ้อ เจ้าหมายถึงกระบี่เล่มนี้เหรอ?”


 


เมื่อต้วนหลิงเทียนยกมือขึ้น กระบี่นิลสวรรค์ก็ผุดโผล่ออกมาจากความว่างเข้ามือ


 


พอได้เห็นกระบี่นิลสวรรค์ในมือของต้วนหลิงเทียน สองตาไท่หวู่ก็ลุกวาวขึ้นมาทันใด


 


“แล้วเจ้าก็ไม่บอกข้าแต่แรก เอาสิ…หากเจ้าอยากได้ข้าก็จะมอบมันให้เจ้า…แต่นั่นเจ้าต้องสามารถใช้มันได้ก่อนนะ”


 


ต้วนหลิงเทียนโยนกระบี่เบาๆ ก่อนที่จะจับปลายกระบี่เอาไว้แล้วยื่นด้ามกระบี่ไปให้ไท่หวู่ คล้ายคิดมอบกระบี่ให้มันแต่โดยดีแล้วจริงๆ


 


“ไอ้หนูเจ้าคิดจักทำอันใดกัน?”


 


เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนกลับให้ความร่วมมือแต่โดยดี ไท่หวู่จึงอดระแวงไปเสียไม่ได้! มันระแวดระวังตัวและไม่คิดเอื้อมมือไปรับกระบี่ต้วนหลิงเทียนอย่างวู่วาม!!


 


“ข้าจะไปทำอะไรได้เล่า?”


 


ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมาเบาๆ “หากข้ามีลูกไม้อะไรคิดใช้ออก ข้าคงไม่มัวมาเสียเวลาพูดเยอะอย่างกับเจ้าหรอกหน่า… เจ้าเองก็เป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนที่ร้ายกาจไม่ใช่รึไง? อย่าบอกว่าเจ้ากลัวจนไม่กล้ารับกระบี่ที่ข้ายื่นให้?”


 


วาจาท้ายประโยคต้วนหลิงเทียนยังเน้นคำว่า ‘ยื่นให้’ เป็นพิเศษ


 


ได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียนไท่หวู่พลันคืนสติ และตระหนักได้ว่าทั่วกายของต้วนหลิงเทียนตอนนี้อ่อนแอนัก ไม่น่าจะมีปราณแท้เปิดใช้งานกระบี่ได้อีก


 


และเป็นอย่างที่ต้วนหลิงเทียนว่า หากมีกลวิธีอันใดไฉนต้องมากล่าววาจาให้มากความ


 


ก่อนหน้านี้เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนใช้กระบี่ฆ่าเฉียนคงอย่างไร มันก็เห็นชัดถนัดตา


 


กระบี่เล่มนี้แม้แลดูเรียบง่ายสามัญ หากแต่พลังอำนาจกลับน่าสะพรึงถึงขีดสุด!


 


กลิ่นอายพลังที่ตัวกระบี่แผ่ออกมา ทรงพลังเสียจนสามารถสะกดลมหายใจของมันได้!


 


หากกระบี่เล่มนั้นตวัดจี้ใส่มัน มันไม่อาจไม่ตาย!


 


เรื่องนั้นมันไม่คิดสงสัยแม้แต่น้อย


 


เมื่อตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ ไท่หวู่พลันผ่อนคลายความระวัง เอื้อมมือไปรับกระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนยื่นมอบให้แต่โดยดี


 


อย่างไรก็ตามหน้ามันจำต้องเปลี่ยนสีกลับกลายในพริบตา


 


นั่นเพราะมันพบว่า กระบี่ที่แลคล้ายจะเบาปานขนนกยามอยู่ในมือของต้วนหลิงเทียน ยามมันกอบกุมไว้แล้วต้วนหลิงเทียนปล่อยมือ กระบี่กลับหนักจนมันถือไม่ไหวยังพาลทำให้ร่างมันล้มคะมำหัวทิ่ม แถมตัวกระบี่ยังทับมือมันให้เจ็บปวดนัก!


 


แม้มันจะพยายามเอามือออกมาจากการกดทับของกระบี่ได้ แต่ไม่ว่ามันจะใส่แรงมากมายเพียงใด มันก็ไม่อาจยกกระบี่ขึ้นมาได้เลย!!


 


“ไอ้หนู นี่มันอันใดกัน!? ไฉนเจ้าที่เป็นสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่กลับใช้กระบี่ที่หนักถึงเพียงนี้ได้อย่างง่ายดาย ทว่าข้ากลับมิอาจยกมันขึ้นมาได้!?”


 


หลังจากลองพยายามหยิบยกกระบี่จนหน้าดำคร่ำเครียด ไท่หวู่ก็จนปัญญาได้แต่ถลึงตามองจี้ถามต้วนหลิงเทียนเสียงแข็ง


 


ในความคิดของมัน ต้องมีความลับบางประการที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนใช้กระบี่เล่มนี้ได้!


 


และหากคิดจะหยิบยกใช้งานกระบี่เล่มนี้ จำต้องเข้าใจความลับที่ว่าเสียก่อน!


 


“ข้ามอบกระบี่ให้เจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่อาจยกมันขึ้นมาใช้งานได้ไหวเอง…เรื่องนี้เจ้าโทษข้าไม่ได้นา”


 


ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา ก่อนที่จะถอนหายใจคล้ายจะบอกว่าช่วยไม่ได้…


 


ขณะเดียวกันไท่หวู่ก็พบว่าในแววตาของต้วนหลิงเทียน ไร้ซึ่งความกลัวเกรงอะไรมันแม้แต่น้อย สงบนิ่งคล้ายเผชิญเรื่องไร้สำคัญ!


 


ราวกับอยู่ดีๆอีกฝ่ายก็บังเกิดความเปลี่ยนแปลงทางความคิดครั้งใหญ่!


 


“ไอ้หนู เจ้าต้องเล่นกลอันใดสักอย่าง!”


 


ใบหน้าไท่หวู่สะท้านทั้งมืดลงทันใด ตะคอกเสียงออกมาดังลั่น “ข้าแนะนำให้เจ้าเร่งกล่าวบอกความลับของกระบี่เล่มนี้ออกมาเสียแต่โดยดี…หาไม่แล้วข้าจักฆ่าเจ้าให้ตายแม้ข้าจักมิอาจล่วงรู้ความลับนั่นก็ตาม!”


 


วาจาท้ายประโยคยามกล่าว ทั่วร่างไท่หวู่ยังเผยจิตฆ่าฟันอันอำมหิตออกมา


 


“ข้าจะไปเล่นกลอะไรได้เล่า?”


 


ต้วนหลิงเทียนยังคงส่ายหัวไปมาอย่างช่วยไม่ได้ แววตาท่าทางไม่ได้มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความหวาดกลัว คล้ายไม่แยแสการคุกคามของไท่หวู่แม้แต่น้อย


 


“ไอ้หนู ใช่เจ้ากำลังคิดว่าข้าอยากได้กระบี่เล่มนี้มากจนมิกล้าฆ่าเจ้าอยู่หรือไม่?”


 


หน้าไท่หวู่จมลงทันใด กล่าวถามออกมาเสียงเย็น


 


ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มบางๆ แต่ไม่ไดตอบคำอะไร


 


“ไอ้หนูข้าสามารถทำลายอนาคตเจ้าหรือฆ่าเจ้าให้ตายได้ง่ายดายนัก…ข้าจักเตือนเจ้าไว้ว่าสมควรให้ความร่วมมือกับข้าเสียแต่โดยดี หากเจ้าเชื่อฟังดีๆ ทำให้ข้าอารมณ์ดีข้าอาจจะเมตตาปล่อยเจ้าไปทั้งมีชีวิต!”


 


ไท่หวู่กล่าวเย้ยออกมา


 


“เจ้าจะทำลายอนาคตข้ายังไงกัน?”


 


ได้ยินคำของไท่หวู่ ต้วนหลิงเทียนชักสีหน้าเหรอหราตาปริบๆ คล้ายไม่รู้ว่าไท่หวู่พูดอะไร


 


“เจ้าต้องมิทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในสำนักจันทร์จรัสแสง ก่อนที่เจ้าจะกลับไปใช่หรือไม่?”


 


ไท่หวู่ยิ้มกล่าว “ถึงแม้ข้ามิรู้ว่าไฉนเฉียนคงถึงได้ลงมือสังหารเจ้าเช่นนั้น แต่ต่อให้เจ้ามิได้ฆ่าเฉียนคง น่ากลัวว่าสำนักจันทร์จรัสแสงก็มิมีที่เหลือให้เจ้ายืน! เพราะโทษของสำนักจันทร์จรัสแสงร้ายแรงนัก ฆ่าอาวุโสฝ่ายในคนหนึ่งก็ต้องรับโทษตายสถานเดียว!”


 


“ฆ่าอาวุโสฝ่ายในสำนักจันทร์จรัสแสง? เจ้าหมายถึงหลิวฮ่วนงั้นเหรอ?”


 


ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว ยิ่งมายิ่งสับสนด้วยไม่รู้ไท่หวู่กำลังพล่ามอะไร


 


“ข้ามิรู้ว่าหลิวฮ่วนคือใคร แต่อาวุโสที่เจ้าฆ่าไปก่อนหน้ามันบรรลุสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ เช่นนั้นมันสมควรเป็นอาวุโสฝ่ายในของสำนักจันทร์จรัสแสง”


 


ไท่หวู่กล่าวด้วยใบหน้าเย้ยเยาะ “เจ้าอาจมิรู้ตัว แต่ข้าได้บันทึกฉากการสังหารของเจ้าเอาไว้หมดสิ้น และข้าได้ใช้ยันต์เต๋าม่านกระจกฉายลักษณ์ ฉายภาพเรื่องราวทั้งหมดกลางน่านฟ้าสำนักจันทร์จรัสแสงก่อนที่เจ้าจะกลับมา”


 


อย่างไรก็ตามไท่หวู่ไม่ทราบเรื่องหนึ่ง


 


หากต้วนหลิงเทียนไม่ได้ฆ่าเฉียนคง ต่อให้ฆ่าหลิวฮ่วนไป เขาก็ไม่ต้องรับโทษทัณฑ์อะไร


 


หลิวฮ่วนตกตาย ก็เพราะมันสมควรแล้ว


 


ต่อให้หลิวฮ่วนตายไป สำนักจันทร์จรัสแสงก็ไม่คิดลงโทษอะไรเขาแม้แต่น้อย ยังไม่มีใครคิดเห็นใจหลิวฮ่วน เพราะมันรนหาที่ตายเอง


 


สำหรับเจียงเว่ยและอาวุโสขอบเขตเซียนคนอื่นๆ ยังเห็นต้วนหลิงเทียนเป็นสมบัติล้ำค่าด้วยซ้ำ…หากไม่เกิดเรื่องฆ่าเฉียนคงขึ้น น่ากลัวว่าตำแหน่งเจ้าสำนักรุ่นต่อไปคงถูกประเคนมาให้ต้วนหลิงเทียนแล้ว


 


“อ้อ…ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง”


 


ได้ยินคำของไท่หวู่ ในที่สุดข้อข้องใจก่อนหน้าของต้วนหลิงเทียนก็กระจ่างชัด


 


“ข้าไม่แปลกใจเลยที่ทำไมอยู่ๆเฉียนคงถึงตั้งเป้าสังหารมาที่ข้า…ที่แท้เพราะมันพบพลังฝีมือข้าแล้วนี่เอง มันคงคิดว่าข้าเป็นคนฆ่าจ้าวเฟิงงั้นสินะ…”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยความเข้าใจ


 


“เจ้าหนูข้าจักให้เวลาเจ้าอีก 1 เค่อ…หลังผ่านไป 1 เค่อหากเจ้ายังไม่บอกความลับที่สามารถทำให้ใช้กระบี่เล่มนี้ได้ ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย!”


 


หลังจากกล่าวแล้ว คล้ายไท่หวู่จะเพิ่มความน่าเกรงขาม มันถึงกับสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าทันที


 


เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!


 


……


 


หลังจากกล่าวคำสาบานแล้ว ไท่หวู่ก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าเสมือนคนถือไพ่เหนือกว่า คล้ายไร้กังวลว่าต้วนหลิงเทียนไม่มีทางที่จะไม่บอกความลับให้มันแน่


 


“ฮ่าๆๆๆ…!!”


 


ทว่าพอเห็นไท่หวู่กล่าวคำสาบานแบบนี้ออกมา ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะขบขันจนหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น


 


“เจ้าหัวเราะอะไร!?”


 


ไท่หวู่รู้สึกเสียหน้าไม่น้อย


 


“หัวเราะในความไม่รู้ของเจ้ายังไงล่ะ”


 


หลังจากยิ้มบางๆกล่าวตอบไท่หวู่ ต้วนหลิงเทียนพลันเอ่ยออกอย่างเฉยเมย “ก็นะ…ในเมื่อเจ้าชอบกล่าวคำสาบานนัก ข้าจะกล่าวคำสาบานเล่นเป็นเพื่อนเจ้าแล้วกัน”


 


หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เริ่มกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าทันที


 


“หากข้ามีวิธีที่ทำให้ไท่หวู่สามารถใช้กระบี่เล่มนี้ได้ตอนนี้ ขอให้ฟ้าพิฆาตข้าตายตก!”


 


นี่เป็นคำสาบานที่ต้วนหลิงเทียน กล่าวสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า


 


หลังจากที่กล่าวคำสาบานจบจนอัสนีฟ้าลั่นดัง 9 คำรบตอบรับ กลับไม่ยักกะมีสายฟ้าผ่าหัวต้วนหลิงเทียนแต่อย่างไร!


 


เผยให้เห็นชัดว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้โกหกมันจริงๆ…


 


“เจ้าไม่มีวิธีทำให้ข้าใช้กระบี่ได้งั้นเหรอ ไม่จริงน่า! เป็นไปมิได้! แล้วเจ้าที่อยู่ในขอบเขตสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่จักใช้กระบี่เล่มนี้ได้อย่างไร! กระทั่งข้าบรรลุขอบเขตเซียนยังไม่แม้แต่จะยกมันได้!?”


 


เมื่อตระหนักได้ว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้โกหก หน้าไท่หวู่ก็เปลี่ยนสีทันที


 


แรกเริ่มเดิมทีภาพฝันของมันนับว่าสวยหรูนัก…


 


ตราบใดที่มันได้กระบี่ในมือต้วนหลิงเทียนมา มันจะออกจากเขตปกครอง 9 พันธมิตร กลับไปยังตลาดมืดหยินชานสาขาที่มีระดับสูงกว่านี้


 


มันไม่เพียงแต่คิดย้อนกลับไป ยังจะกลับไปฆ่าคนที่เคยต่อต้านมันกระทั่งบีบคั้นขับไล่มันมาให้ตาย!


 


อนิจจาตอนนี้ความจริงกลับเผยให้เห็นชัด ว่ามันไม่มีวิธีใช้กระบี่เล่มนี้ได้


 


“สวรรค์และโลกกว้างใหญ่สุดไพศาล ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเรียบ


 


“เนื่องจากข้าใช้มันมิได้ เจ้าก็ไม่อาจใช้มันได้เช่นกัน! ตายเสีย!!”


 


ไท่หวู่หยีตามองต้วนหลิงเทียนด้วยเจตนาฆ่าฟัน


 


หลังจากที่ฝันมันสลาย มันก็คับแค้นจนอยากฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตาย


 


“ฆ่าข้า? น่าเสียดายที่เจ้าไม่มีโอกาสนั้น”


 


ในขณะที่ไท่หวู่มีโทสะและกำลังจะลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตาย ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวออกมาอย่างไร้แยแส พร้อมสะบัดมือปาป้ายศิลาหนึ่งออกไป


 


ป้ายศิลามุมแหว่งหนึ่งผุดโผล่จากความว่างเข้ามือ และหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนเขวี้ยงปาออกไป คล้ายมันจะระเบิดพลังขึ้นมาอย่างคึกคักปานถูกฉีดเลือดไก่! พุ่งจี้เข้าหาไท่หวู่ด้วยความเร็วสูงล้ำ!!


 


ปงงง!!


 


ก่อนที่ไท่หวู่จะทันได้ลงมืออะไร ป้ายศิลาดังกล่าวก็กระแทกกลางหน้าของมันอย่างแรง…


 


วินาทีต่อมานอกจากดั้งที่หักแล้วไท่หวู่ก็คล้ายไร้บาดแผลอื่นใดอีก หากทว่าแววตาของมันที่เคยถลึงมองมาอย่างดุร้ายกลับเลื่อนลอยไร้ประกายดั่งปลาตาย


 


ดวงวิญญาณของมันสาบสูญไปจากร่างเสียแล้ว


 


กล่าวให้ชัดคือดวงวิญญาณของมันถูกสะกด


 


แน่นอนว่าสิ่งที่สะกดวิญญาณของมันเอาไว้ก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากตราผนึกมาร!


 


ตอนที่ไท่หวู่โรยตัวลงมาและเปิดเผยความต้องการช่วงชิงกระบี่นิลสวรรค์ กลิ่นอายพลังของมันก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนรับทราบแล้ว ว่ามันเป็นผู้ฝึกมารคนหนึ่ง…


 


และทันทีที่รู้ว่าไท่หวู่เป็นผู้ฝึกมารเขาก็ไม่ได้หวาดกลัวมันแม้แต่น้อย


 


ด้วยด่านพลังฝึกปรือขอบเขตสู่เซียนของเขา ผู้ฝึกมารในขอบเขตเซียนด่านแรกๆ ย่อมไม่มีทางรอดพ้นชะตาดับอนาถต่อหน้าตราผนึกมารได้เลย


 


ขอบเขตเซียนนั้นก็แบ่งออกได้หลายระดับ


 


ก่อนหน้านี้ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินป๋ายลี่หงกล่าวบอกเอาไว้ ว่ายอดฝีมือขอบเขตเซียนที่ร้ายกาจที่สุดใน 9 พันธมิตรนั้น เพียงบรรลุจุดสูงสุดของขอบเขตเซียนระดับแรกเท่านั้น


 


ผู้ที่ทรงพลังระดับนั้น ว่ายตามองทั่ว 9 พันธมิตรน่ากลัวว่าจะมีแค่ 2 คน


 


‘ผู้นำ’ ตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตรนับเป็น 1 ในนั้น

 

 

 


ตอนที่ 1559

 

หรงหยวน! กู่มี่!


 


หลังจากที่ฆ่าไท่หวู่ทั้งริบสมบัติทั้งหมดของมันมาหมดแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ซัดฝ่ามือหนึ่งป่นศพของไท่หวู่จนสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เร่งออกจากพื้นที่ป่าที่ถูกไท่หวู่ทำลายทันที


 


ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาคือหาสถานที่พักผ่อน เพื่อฟื้นฟูพลัง!


 


เรื่องอื่นๆนั้นค่อยว่ากันหลังจากที่เขาฟื้นฟูปราณแท้กับพลังวิญญาณเสียก่อน


 


ด้านกลุ่มยอดฝีมือขอบเขตเซียนของสำนักจันทร์จรัสแสงรวมถึงเจียงเว่ยเจ้าสำนัก ก็ได้ออกตามหาต้วนหลิงเทียนเป็นเวลา 10 วัน ทว่าสุดท้ายแล้วความพยายามมันก็ไม่เป็นผลอะไร


 


และทันทีที่กลับมาถึงสำนักจันทร์จรัสแสง พอเจียงเว่ยได้รับรายงานเรื่องป๋ายลี่หงมันก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ!


 


มันไม่ใช่ตัวโง่งม มันรู้ดีว่าไม่พ้นรองเจ้าสำนักทั้งหลายต้องลอบทำข้อตกลงอะไรบางอย่างกับป๋ายลี่หงแน่


 


แต่ถึงมันจะเดาได้แล้วอย่างไร? มันยังจะทำอะไรได้?


 


หรือจะให้มันประหารรองเจ้าสำนัก? ขับไล่รองเจ้าสำนัก?


 


รองเจ้าสำนักจันทร์จรัสแสงส่วนใหญ่ก็บรรลุครึ่งก้าวเซียนแล้วทั้งสิ้น! ทั้งหมดนับเป็นกระดูกสันหลังของสำนัก ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนอาจทะลวงไปยังขอบเขตเซียนได้ทุกเมื่อ เรื่องนี้ทำให้เจียงเว่ยไม่อาจหักใจทำอะไรรองเจ้าสำนักได้


 


หากไร้ซึ่งรองเจ้าสำนักไป สำนักจันทร์จรัสแสงย่อมเสียหายใหญ่หลวง


 


ด้วยเหตุนี้แม้เจียงเว่ยจะมีโมโห แต่ก็ไม่อาจทำอะไรรองเจ้าสำนักเหล่านี้ได้


 


อย่างไรก็ตามเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วก็จำต้องให้มันแล้วกันไป สุดท้ายรองเจ้าสำนักพวกนี้ก็ปล่อยป๋ายลี่หงไปแล้ว มันก็ได้แต่ต้องปล่อยเลยตามเลย


 


สรุปแล้วคราวนี้สำนักจันทร์จรัสแสงไม่เพียงเสีย 1 ในเสาหลักอย่างเฉียนคุน ยังต้องสูญเสียสุดยอดอัจฉริยะอย่างต้วนหลิงเทียน รวมถึงป๋ายลี่หง ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวไป…


 


ด้วยเหตุนี้ เจียงเว่ย เจ้าสำนักจันทร์จรัสแสงถึงหน้าบูดและอารมณ์ไม่ดีไปอีกหลายวัน


 


แน่นอนถึงแม้ว่ามันจะไม่ออกไปไล่ล่าต้วนหลิงเทียนด้วยตัวเองอีก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะยอมแพ้เรื่องนี้ มันลอบส่งผู้อาวุโสที่ไว้ใจได้ให้ออกไปตามหาต้วนหลิงเทียน


 


“กระบี่เล่มนั้น…หากข้าได้มันมา มิใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่สำนักจันทร์จรัสแสงจะทะยานขึ้นไปเหนือใครในขุมพลังทั้ง 9”


 


เมื่อถึงกระบี่ลึกลับที่ต้วนหลิงเทียนใช้ฆ่าเฉียนคงวันนั้น เจียงเว่ยก็รู้สึกอยากได้อยากมีและกระเหี้ยนกระหือรือนัก


 


มันต้องชิงกระบี่นั่นมาให้จงได้!


 


ส่วนทางด้านของต้วนหลิงเทียน เขาก็ได้หามุมสงบในป่าซุกซ่อนเจดีย์หลิงหลงไว้อย่างดี และอาศัยอยู่ในชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลงตลอดเวลา


 


เวลา 10 วันด้านนอก ภายในเจดีย์ก็ผ่านไปเดือนนึงแล้ว ตอนนี้ปราณแท้ก็เกือบฟื้นคืนดังเดิม ส่วนพลังวิญญาณของต้วนหลิงเทียนได้ฟืนฟูเต็มเปี่ยมเรียบร้อย


 


เหตุผลที่เขายังไม่รีบออกมาจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ เพราะต้วนหลิงเทียนต้องใช้เวลาในการทำให้รากฐานด่านพลังสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่มั่นคงเสียก่อน


 


เขาทะลวงขอบเขตสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ในเวลาคับขัน ฐานพลังจึงยังไม่คงที่ดีเท่าไหร่


 


คราวนี้เขาจึงใช้เวลาในชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ เพื่อทำให้ด่านพลังมั่นคง


 


หลังจากที่เขาสามารถใช้พลังสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ได้เต็มประสิทธิภาพแล้ว เขาจะย้อนกลับไปยังสำนักจันทร์จรัสแสง


 


ใจเขาย่อมเป็นกังวลเรื่องป๋ายลี่หงและคนอื่นๆไม่น้อย


 


อย่างไรก็ตามแม้ใจจะกังวล แต่ต้วนหลิงเทียนก็รู้ดีว่าสำนักจันทร์จรัสแสงต้องไม่ทำอันตรายป๋ายลี่หงและคนอื่นๆถึงตายเด็ดขาด เพราะกระทำเช่นนั้นก็มีแต่ร้ายมากกว่าดี


 


ในสายตาของเขา สำนักจันทร์จรัสแสงที่เป็นขุมพลังชั้น 7 ย่อมไม่คิดกระทำเรื่องโง่เขลาแบบนั้น!


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนปรับฐานพลังให้มั่นคง ด้านตำหนักเมฆาครามที่อยู่ไกลห่างก็มีความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง


 


ฟุ่บ!


 


ร่างหนึ่งพุ่งแหวกฟ้ามาด้วยความเร็วสูง ก่อนที่จะเหินร่อนลงตำหนักเมฆาครามที่ลอยค้างอยู่กลางหาวปานสายลมแผ่วพลิ้ว


 


“อาวุโสหรง!”


 


“อาวุโสหรง!”


 


……


 


ปรากฏร่างในชุดเกราะดำทมิฬแลดูเหี้ยมหาญตั้งแถวรอรับการมาถึงของร่างที่พึ่งโรยตัวลงมาดั่งสายลมอย่างเป็นระเบียบ ยังหยุดโค้งคำนับด้วยความสุภาพเปี่ยมเคารพ


 


ผู้ที่ทั้งหลายเรียกหาว่าอาวุโสหรงนั้น เป็นชายชราคนหนึ่ง


 


ชายชราคนนี้มาในชุดคลุมสีเทา ขนคิ้วเส้นผมขาวโพลน หากแต่ใบหน้ากลับแดงก่ำ กลิ่นอายทั้งสภาวะที่แผ่ออกมารอบกายให้ความรู้สึกเสมือนเทพเซียน


 


อย่างไรก็ตามตอนนี้ใบหน้าของผู้ชรากลับเคร่งขรึมไม่น้อย


 


มันพยักหน้าให้กองกำลังเกราะทมิฬคราหนึ่ง ก่อนที่จะเร่งรุดเดินไปตามเส้นทาง ไม่นานก็มาถึงตำหนักหรูหราใหญ่โตที่สุดบนเกาะลอยฟ้าแห่งนี้ มันเดินลัดเข้าห้องหนึ่งไปอย่างไม่คิดสนใจใดอื่น


 


“ท่านจ้าวตำหนัก”


 


ไม่นานชายชราดังกล่าวก็พบเจอต้วนหรูเฟิง จ้าวตำหนักเมฆาคราม ที่กำลังตรวจสอบเอกสารบนโต๊ะอย่างไม่รีบไม่ร้อน


 


“ผู้เฒ่าหรงไฉนวันนี้ท่านดูรีบร้อนนักเล่า?”


 


ต้วนหรูเฟิงกล่าวถาม


 


ชายชราผู้นี้ติดตามมันมานานหลายปีแล้ว อีกฝ่ายรับผิดชอบหน่วยข่าวกรองของตำหนัก เว้นแต่จะเกิดเรื่องบางอย่าง หาไม่แล้วชายชราผู้นี้คงไม่รีบร้อนมาหามัน


 


“ท่านจ้าวตำหนัก…หากข้าจำมิผิดนามของนายน้อยเรียกว่า ต้วนหลิงเทียน ใช่หรือไม่?”


 


ชายชราสูดลมหายใจเข้าลึกๆค่อยถาม


 


“ใช่”


 


ต้วนหรูเฟิงพยักหน้าตอบ ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาด้วยใบหน้าประหลาดใจทั้งเต็มไปด้วยความสุข “อะไร? หรือผู้เฒ่ากู่กลับมาแล้ว?”


 


“ยังไม่”


 


เผชิญกับใบหน้าประหลาดใจแฝงไว้ด้วยความยินดีของต้วนหรูเฟิง ชายชราเพียงส่ายหัวด้วยรอยยิ้มขื่นขมค่อยกล่าวสืบต่อ “ข้าได้รับข่าวมาว่ายามนี้เผ่าพันธุ์มังกรกำลังออกตามหาชายหนุ่มที่เรียกว่าต้วนหลิงเทียนอย่างลับๆ…อีกทั้งคำสั่งนี้ยังถูกถ่ายทอดออกมาโดยตรงจากผู้นำเผ่าพันธุ์มังกร…”


 


“นี่คือภาพเหมือนที่คนของเผ่าพันธุ์มังกรใช้หาตัว ข้ากับลูกน้องเห็นว่าใบหน้านี้ละม้ายคล้ายท่านจ้าวตำหนัก 7-8 ส่วน…ด้วยเหตุนี้ข้าจึงคิดว่าผู้ที่เผ่าพันธุ์มังกรตามหา มิพ้นเป็นจ้าวตำหนักน้อย!”


 


ขณะกล่าวชายชราพลันยกมือขึ้น ปรากฏภาพเหมือนแผ่นหนึ่งออกจากความว่าง


 


ต้วนหรูเฟิงรับมาแล้วดูรูปเหมือนดังกล่าวทันที


 


ชายในรูปนั้นมันมองปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นบุตรชายมัน ต้วนหลิงเทียน ไม่ผิดแน่


 


“นี่มันเกิดอันใดขึ้นกัน มิใช่ว่าลูกชายข้ายังอยู่ทวีปมนุษย์หรอกรึ! ทำไมเผ่าพันธุ์มังกรถึงได้ออกตามหาเขาแบบนี้เล่า?”


 


ใบหน้าของต้วนหรูเฟิงจมลงโดยพลัน


 


หากเกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์มังกรมันต้องกังวลใจไม่น้อย


 


ถึงแม้มันจะไม่ได้หวาดกลัวเผ่าพันธุ์มังกรเลย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกังวลในความปลอดภัยของบุตรชาย เห็นได้ชัดว่าพวกมังกรคงไม่ได้ตามหาตัวลูกมัน เพื่อเชิญไปจิบชายามบ่ายแน่!


 


“ข้าเองก็มิเข้าใจเช่นกัน นายน้อยสมควรยังอยู่ที่ทวีปมนุษย์…เพราะจ้าวตำหนักก็ทิ้งหยกบันทึกเสียงไว้ให้นายน้อยแล้ว ทั้งกู่มี่เองก็เฝ้ารออยู่ที่จุดนัดพบตลอด หากนายน้อยออกจากทวีปมนุษย์คิดมายังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ก็จำต้องผ่านจุดนัดพบนั่นก่อนอื่นใด ทว่าทางกู่มี่ก็มิมีข่าวอันใดเลย”


 


ชายชราผู้นี้เป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของตำหนักเมฆาคราม กล่าวให้ชัดมันเสมือนหูตาของต้วนหรูเฟิง ยากที่จะมีอะไรรอดพ้นสายตามันไปได้


 


ไม่ว่าในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าบังเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไร มันย่อมรับทราบได้ทันที


 


แน่นอนว่าหากเป็นขุมพลังชั้นต่ำมันย่อมไม่คิดจะสนใจ


 


“ดูท่าคงมีเรื่องบางอย่างผิดพลาดแล้วล่ะ…”


 


ลูกตาต้วนหรูเฟิงทอประกายเรืองวูบ กล่าวออกเสียงเข้ม “หรงหยวนข้าคิดจะย้อนกลับไปที่ทวีปเมฆาล่องเพื่อตรวจสอบเรื่องราว เจ้าช่วยไปแจ้งฮูหยินว่าข้าจะออกไปทำธุระเล็กน้อย แต่อย่าได้บอกเรื่องเกี่ยวกับเทียนเอ๋อเด็ดขาด ข้ามิอยากให้นางเป็นกังวล”


 


“ทราบ”


 


หรงหยวนผู้เป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองนี้ ยังเสมือนมือขวาของต้วนหรูเฟิงเช่นกัน หลังจากได้รับคำสั่งต้วนหรูเฟิงมันก็รับคำด้วยความเคารพ ตอบกลับเสียงดังฉะฉาน


 


หลังสั่งหรงหยวนแล้ว ร่างต้วนหรูเฟิงก็พุ่งวูบออกจากตำหนักเมฆาครามไปทันที


 


มันจากไปเพียงลำพังโดยไร้ผู้ติดตาม


 


เป้าหมายคือมุ่งหน้าลงใต้ ไปยังเมืองท่าของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า


 


“ท่านจ้าวตำหนัก!?”


 


บริเวณเมืองท่าเลียบชายฝั่งตอนใต้ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า กู่มี่ที่เฝ้ารอที่จุดนัดพบอดไม่ได้ที่จะทักต้วนหรูเฟิงด้วยความประหลาดใจ มันไม่คิดว่าจ้าวตำหนักจะมาหามันด้วยตัวเองแบบนี้


 


“กู่มี่ ตามข้าไปทวีปเมฆาล่อง”


 


ต้วนหรูเฟิงกล่าวออกด้วน้ำเสียงเรียบเฉยกลับชายชราในชุดคลุมสีเทา


 


หลังจากนั้นมันก็เหินร่างนำกู่มี่ไปยังทวีปเมฆาล่อง


 


ชายชราย่อมไม่กล้าละเลย เร่งรีบติดตามไปทันที


 


แม้ชายชราคนนี้จะสวมใส่ชุดคลุมสีเทาแบบเดียวกับหรงหยวน หากทว่าเทียบกับหรงหยวนที่ให้บรรยากาศคล้ายเทพเซียนแล้ว มันกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ทั่วกายแผ่กลิ่นอายเย็นยะเยือกคล้ายภูตผี…


 


ในมือยังมีไม้เท้าประหลาดถือไว้


 


หากหานเฉวี่ยไน่มาอยู่ตรงนี้ นางคงจดจำมันได้ทันที


 


ชายชราผู้นี้คือ ผู้ที่หยุดคนของคฤหาสน์คลื่นขจีที่นางนำพาออกจากดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าทางตอนใต้ เพื่อออกไปตามหาตัวต้วนหลิงเทียนวันนั้น


 


พลังอำนาจของชายชราคนนี้เพียงคนเดียว ก็สะกดไม่ให้ยอดฝีมือของคฤหาสน์คลื่นขจีกล้าเคลื่อนไหวใดๆ


 


ยิ่งไปกว่านั้นแม้จะเป็นสุดยอดฝีมือที่ร้ายกาจที่สุดข้างกายนางอย่างมู่อี้ก็เคารพเลื่อมไสชายชราไม่น้อย


 


“กู่มี่ หรงหยวนกลับมาแจ้งข้าว่าเผ่าพันธุ์มังกรกำลังออกตามหาตัวลูกชายข้า”


 


ระหว่างทางต้วนหรูเฟิงก็เอ่ยออกมา


 


ถึงแม้น้ำเสียงจะยังเรียบเฉย หากแต่กู่มี่ก็สัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบในนั้น


 


“นายน้อย? มิใช่ว่านายน้อยยังอยู่ในทวีปมนมุษย์หรอกหรือ?”


 


กู่มี่อดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมาทันที


 


“เจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่หลายปี เจ้าพบเจออันใดผิดปกติหรือไม่…หรือมียอดฝีมือกลุ่มใดออกจากดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ามุ่งลงใต้อันใดทำนองนั้น?”


 


ต้วนหรูเฟิงกล่าวถาม


 


“เมื่อสองวันที่แล้ว พึ่งมีคนของคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานมุ่งหน้าลงใต้อีกกลุ่ม”


 


กู่มี่นิ่งคิดไปพักหนึ่งค่อยกล่าวตอบ “ทว่าคนของคฤหาสน์คลื่นขจีมิได้มุ่งหน้าไปทวีปเมฆาล่อง เพียงออกค้นหาในทะเลอยู่นาน คล้ายกำลังมองหาใครสักคน ทว่าสุดท้ายท่าจะคว้าน้ำเหลว”


 


“เจ้าเห็นคนจากเผ่าพันธุ์มังกรบ้างหรือไม่?”


 


ต้วนหรูเฟิงกล่าวถาม


 


“คนของเผ่าพันธุ์มังกรหรือ?”


 


หลังจากได้ยินคำถามของต้วนหรูเฟิง กู่มี่ก็ย้อนคิดเล็กน้อยค่อยตอบ ทว่าหน้ามันเริ่มเผยความเคร่งเครียดออกมา “หนึ่งปีที่แล้ว ตี้จิ่ว มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บได้ผ่านมาทางนี้ และข้าก็ไถ่ถามมันเล็กน้อย เห็นว่ามันกำลังมุ่งหน้าไปยังเกาะแห่งหนึ่ง ยามไปข้าเห็นใบหน้ามันคล้ายยิ้นแย้มยินดี ทว่ายามกลับคล้ายมิค่อยสู้ดีสักเท่าไร”


 


“ไม่ผิดแน่…สมควรเกี่ยวข้องกับตี้จิ่วนั่น!”


 


ต้วนหรูเฟิงที่ได้ยินคำตอบ ใบหน้าก็จมลงทันใด


 


เมื่อได้ยินคำของต้วนหรูเฟิง กู่มี่ก็หน้าเสียไปทันทีด้วยคล้ายตระหนักใดได้ “ท่านจ้าวตำหนักข้าไม่เอาไหน หากมีอันใดเกิดขึ้นกับนายน้อยจ้าวตำหนักเพราะตี้จิ่ว ข้าจักไปฆ่าตี้จิ่วให้ตาย ต่อให้ข้าต้องตายตกในเผ่ามังกร!”


 


เสียงกู่มี่เย็นลงแฝงไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยว


 


“เรื่องนี้ไม่ต้องกล่าวแล้ว ตอนนี้ที่สำคัญคือกลับไปทวีปเมฆาล่องเพื่อสืบเรื่องราว และหาทางรับทราบสถานการณ์เสียก่อน…ในเมื่อคนของเผ่ามังกรยังออกตามหาตัวลูกข้าให้วุ่น ข้ามั่นใจว่าตอนนี้ลูกชายข้ายังปลอดภัยดีอยู่”


 


กล่าวถึงจุดนี้ต้วนหรูเฟิงก็โล่งใจไม่น้อย


 


ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อจดจำได้ถึงคำทำนายที่ผู้เฒ่าพยากรณ์เคยบอกเอาไว้ มันก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกทันที

 

 

 


ตอนที่ 1560

 

3 ลัทธิ 9 ขุมพลัง


 


จากที่ผู้เฒ่าพยากรณ์กล่าวบอกไว้ ต้วนหลิงเทียนลูกชายของมันต้วนหรูเฟิง…มิใช่คนอายุสั้น!


 


เมื่อตระหนักได้ว่าสมควรมีเรื่องบาดหมางระหว่างเผ่าพันธุ์มังกรกับต้วนหลิงเทียน ต้วนหรูเฟิงและกู่มี่ก็เร่งรุดเดินทางไปยังทวีปเมฆาล่องทันที


 


ด้วยความเร็วของทั้งคู่ เพียงเวลาแค่ไม่นานก็บรรลุถึงทวีปเมฆาล่อง


 


เรื่องราวพวกนี้ต้วนหลิงเทียนไม่อาจรับรู้ได้เลย


 


หลังจากที่ฝึกฝนปรับด่านพลังสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ


 


หลังจากที่ออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ต้วนหลิงเทียนก็ย้อนกลับมายังสำนักจันทร์จรัสแสงก่อนอื่นใด


 


หลังจากที่ซุ่มสังเกตการณ์อยู่ 2-3 วัน ในที่สุดเขาก็พบโอกาสอันดี จัดการทุบศิษย์ฝ่ายในของสำนักคนหนึ่งจนสลบ หลังจากที่มั่นใจว่าคงไม่ตื่นง่ายๆ จากนั้นเขาก็ปลอมตัวเป็นอีกฝ่ายอย่างแยบยล ทั้งใช้ป้ายของศิษย์ฝ่ายในคนนี้ลอบเข้าไปตรวจสอบเรื่องราวในสำนักจันทร์จรัสแสงได้อย่างง่ายดาย ไร้ผู้ใดล่วงรู้


 


หลังจากที่เข้ามาในสำนักจันทร์จรัสแสงแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็มุ่งหน้าไปยังฝ่ายในทันที


 


ไม่นานเขาก็ได้รับทราบมาว่าป๋ายลี่หงกับพวกเฟิ่งหวู่เต้าได้หลบหนีไปนานแล้ว แถมไม่น่าจะอยู่ใกล้ๆสำนักจันทร์จรัสแสงอีกต่อไป ต้วนหลิงเทียนพอได้ระบายลมหายใจด้วยความโล่งอกทันที


 


‘ในเมื่อศิษย์พี่พาพวกลุงเฟิ่งไปด้วย นั่นหมายความว่าทั้งหมดยังปลอดภัยดีอยู่…ด้วยพลังฝีมือของศิษย์พี่รวมถึงฐานะปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาว แม้จะออกจากเขตปกครอง 9 พันธมิตร ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีที่ให้ไป’


 


เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ใจต้วนหลิงเทียนที่หนักอึ้งก็เบาลงไม่น้อย


 


หลังจากที่ยืนยันได้แล้วว่าป๋ายลี่หงกับคนอื่นสมควรหลบหนีออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงได้อย่างปลอดภัย ต้วนหลิงเทียนก็แวะออกมายังฝ่ายนอกของสำนัก เพื่อหาตัวหลิงอวิ๋นกับฉงหู่ทันที


 


น่าเสียดายที่หลิงอวิ๋นและฉงหู่ไม่อยู่บ้าน


 


‘คงไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกมันหรอกนะ?’


 


เนื่องจากกลัวว่าตัวตนจะถูกเปิดเผย ต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะตรวจสอบเรื่องราวแต่อย่างใด


 


หลังจากนั้นเขาก็ออกจากสำนักและมุ่งหน้าไปยังเมืองชงซัน


 


อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เปิดเผยตัวตนออกมา


 


ใครจะไปรู้ว่าคนของสำนักจันทร์จรัสแสง ส่งใครมาเฝ้าจวนเจ้าเมืองชงซัน ซุมรอจับเขาไว้หรือไม่?


 


ต้วนหลิงเทียนคอยหาข่าวรอบๆจวนเจ้าเมืองชงซันอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็ได้รับทราบว่าฟางฮุ่ยไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย


 


‘เจ้าสำนักจันทร์จรัสแสงนั่นก็ยังนับว่าไม่ได้ไร้ศีลธรรมอะไร’


 


ในขณะที่บ่นต้วนหลิงเทียนก็เดินออกจากเมืองชงซัน


 


หลังจากออกมานอกเมืองแล้ว ใจต้วนหลิงเทียนก็ฉุกคิดเรื่องราวขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง ‘หลังออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงแล้ว ไม่รู้ศิษย์พี่จะพาพวกลุงเฟิ่งไปยังเมืองหานเหอรึเปล่า…ลองไปดูก่อนแล้วกัน’


 


ด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังเมืองหานเหอทันที


 


เมืองหานเหอนั้น นับเป็นเมืองหลักของเขตปกครอง 9 พันธมิตรก็ว่าได้


 


เมืองหานเหอจะอย่างไรก็เป็นเมืองหลักของ 9 พันธมิตร เป็นดั่งจุดศูนย์รวมของข้อมูลทั้งหลายก็ไม่ปาน เช่นนั้นสมควรสืบข่าวคราวได้ดีที่สุด


 


หลังจากที่มาถึงเมืองหานเหอแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไปนั่งตามเหลาอาหารต่างๆ เพื่อฟังเรื่องราวจากผู้คนกล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในบรรดา 9 ขุมพลัง


 


อย่างไรก็ตามเขาพบว่าเรื่องราวของสำนักจันทร์จรัสแสง กลับไม่ได้แพร่งพรายออกมา


 


ยอดฝีมือขอบเขตเซียนของสำนัก เฉียนคุน ตกตาย… อาวุโสป๋ายลี่หลบหนี สองเรื่องนี้ไม่มีใครพูดถึงกันเลย


 


เรื่องนี้ทำให้ต้วนหลิงเทียนแปลกใจอยู่บ้าง


 


อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่ทราบ ว่ายอดฝีมอขอบเขตเซียนรวมถึงเจียงเว่ย หลังจากที่หาตัวเขาไม่พบ พวกมันก็ให้อาวุโสฝ่ายในและฝ่ายนอกกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า ว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นเด็ดขาด…


 


เรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้น แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนสังหารเฉียนคุน รวมถึงเรื่องที่ป๋ายลี่หงลอบหลบหนีออกไปจากสำนัก


 


เพราะ 2 เรื่องนี้ใหญ่หลวงนัก ไมว่าเรื่องใด ก็ล้วนส่งผลกระทบต่อความมั่นคงสำนักทั้งสิ้น


 


เพราะสุดท้ายแล้ว เฉียนคงก็เป็นหนึ่งในยอดฝีมือขอบเขตเซียนไม่กี่คนของสำนักจันทร์จรัสแสง


 


ป๋ายลี่หงก็คือปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวเพียงหนึ่งเดียวของสำนัก


 


หากบุคคลภายนอกล่วงรู้ว่าเฉียนคงตกตาย ป๋ายลี่หงหนีหาย น่ากลัวสำนักจันทร์จรัสแสงอาจเกิดมรสุมช่วงชิงอำนาจขึ้นมา


 


หลังจากใช้เวลาไป 2 วันในเหลาอาหารต่างๆภายในเมืองหานเหอ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่พบข้อมูลใดๆที่มีประโยชน์เลย


 


จังหวะนี้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเคว้งคว้าง


 


แล้วตอนนี้เขาควรไปที่ไหนดีล่ะ?


 


สำหรับเขาแล้ว การอยู่ในพื้นที่ 9 พันธมิตร ก็ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป


 


ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะรั้งอยู่ในเขตปกครองของ 9 พันธมิตรให้นาน


 


สภาพของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าก็ละม้ายคล้ายทวีปเมฆาล่อง ยิ่งเข้าใกล้จุดศูนย์กลางทวีปมากเท่าไหร่ ก็จะเจอผู้ฝึกยุทธ์และผู้ฝึกเต๋าที่ร้ายกาจมากขึ้นเท่านั้น


 


ยังมีขุมพลังต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะพรรคหรือสำนักอะไร เรียกว่าไม่ขาดขุมพลังชั้น 6 แม้แต่น้อย


 


‘งั้นขึ้นเหนือมุ่งหน้าไปยังหลวงของประเทศฝูเฟิงก่อนแล้วกัน’


 


ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ตัดสินใจได้


 


ในตอนที่ยังอยู่สำนักจันทร์จรัสแสง ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบเรื่องราวทั่วไปในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าจากหยกบันทึกข้อมูลไม่น้อย เขารู้เรื่องขุมพลังใกล้ๆ 9 พันธมิตร อีกทั้งยังรู้อีกว่าพื้นที่เหนือขึ้นไปอันกว้างใหญ่ไพศาลของ 9 พันธมิตรนั้น คือประเทศที่รู้จักกันในนาม ฝูเฟิง


 


ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า นอกจาก สำนัก พรรค นิกายแล้ว ยังมีประเทศของเซียนอีกด้วย


 


แน่นอนว่า ที่เรียกว่าประเทศของเซียนนั้น แต่เดิมพวกมันก็คือตระกูลๆหนึ่ง หากแต่ปฏิเสธจะร่วมมือกับขุมพลังอื่นใด เลือกจะปกครองพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลด้วยกำลังของตัวเอง และสร้างชาติขึ้นมา!


 


พื้นที่อันกว้างใหญ่ กินอาณาบริเวณมากกว่าพื้นที่ปกครองของ 9 พันธมิตรไปกว่าครึ่งนั้น ถูกประเทศที่เรียกว่า ฝูเฟิง ครอบครอง


 


เนื่องจากพวกมันยินดีเป็นหัวไก่ดีกว่าหางหงส์ฟ้า พวกมันจึกเลือกมาสร้างชาติในพื้นที่ไกลห่างธุระกันดาร พวกมันไม่อยากอยู่ใต้อาณัติหรือปกครองของผู้ใด ตั้งตัวเป็นประเทศอิสระ! ซึ่งบังเอิญใกล้กับพื้นที่ 9 พันธมิตรพอดี…


 


ว่ากันว่าด้วยอาณาบริเวณอันกว้างใหญ่ไพศาลของประเทศฝูเฟิง ทำให้ 9 พันธมิตรไม่หวาดกลัวว่าฝูเฟิงจะมายึดอาณาเขตอะไรของพวกมัน


 


เพราะมีทะเลทรายอันแห้งแล้งไร้ชีวิต กั้นขวางระหว่างประเทศฝูเฟิงกับเขตปกครอง 9 พันธมิตรเอาไว้


 


ในทะเลทรายร้อนระอุนี้นอกจากจะเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายอันน่ากลัวแล้ว สภาพแวดล้อมยังอันตรายนัก


 


ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะบรรลุพลังฝึกปรือถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ แต่ถ้าไม่ใช้เขตแดนหมื่นกระบี่ และใช้ออกด้วยหมื่นกระบี่รวมหนึ่งสร้างกระบี่แล้วขี่เหินไปล่ะก็…ต้องใช้เวลาถึง 10 วันกว่าจะข้ามทะเลทรายผืนนี้ไปได้


 


“ไม่น่าแปลกที่ประเทศฝูเฟิงไม่ไปรุกรานจับ 9 พันธมิตรมาควบรวมอะไร…ทะเลทรายบ้านี่มันจะร้อนและกว้างไปไหน!”


 


ยืนอยู่ที่ชายขอบเขตปกครอง 9 พันธมิตร ต้วนหลิงเทียนเหม่อมองทะเลทรายร้อนระอุ ที่เต็มไปด้วยไอความร้อนด้วยสายตาเฉยเมย ปากบ่นเล็กน้อยค่อยตัดสินใจออกเดินทางข้ามทะเลทรายร้อนระอุทันที


 


เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนไม่รู้ก็คือ ขณะที่เขากำลังเดินทางข้ามทะเลทรายนั้น บิดาของเขาต้วนหรูเฟิงก็มาถึงทวีปเมฆาล่องแล้ว


 


พุ่งร่างมาไม่นานก็ผ่านราชอาณาจักรต้าฮั่น ข้ามผ่านจักรวรรดิศิลาทมิฬ เลยพ้นอาณาจักรพนาคราม และบรรลุถึงอาณาจักรนภาล่องในไม่กี่อึดใจ


 


“กู่มี่เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่”


 


ขณะมองลงไปยังอาณาจักรนภาล่องใต้เท้า ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวบอกกู่มี่


 


“ทราบแล้วจ้าวตำหนัก”


 


ต่อหน้าต้วนหรูเฟิง กู่มี่ไม่กล้าละเลยมารยาท ยังให้ความเคารพอย่างถึงที่สุด


 


หลังจากนั้นต้วนหรูเฟิงก็ไปเยือนเมืองหลวงของอาณาจักรนภาล่องทันที


 


ต้องกล่าวบอกเลยว่าต้วนหรูเฟิงไหวพริบดีไม่น้อยที่เลือกจะมาหาข่าวที่เมืองหลวงอาณาจักรนภาล่อง


 


หลังจากไปยังสถานที่ๆคุ้นเคยในอาณาจักรนภาล่อง ต้วนหรูเฟิงก็ได้พบเบาะแสที่มองหา…เบาะแสนี้เป็นต้วนหลิงเทียนตั้งใจทิ้งไว้ให้พวกลี่เฟยก่อนที่จะออกจากทวีปเมฆาล่อง เพราะเขารู้ว่าหากลี่ฟยยังมีชีวิตอยู่ นางต้องย้อนกลับมาที่นี่เพื่อหาข่าวเขาแน่


 


อย่างไรก็ตามเรื่องที่ชวนให้ประหลาดใจก็คือ กลับเป็นบิดาของเขาที่ได้รับทราบเบาะแสนี้ก่อนลี่เฟย


 


กระทั่งหยกบันทึกเสียงที่ตั้งใจฝากไว้ให้ลี่เฟย ตอนนี้ก็อยู่ในมือของต้วนหรูเฟิงเรียบร้อย


 


ด้วยหยกบันทึกเสียงที่ต้วนหลิงเทียนทิ้งไว้ ในที่สุดต้วนหรูเฟิงก็รับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด


 


“เผ่าพันธุ์มังกรมันช่างหาญกล้านัก! เจ้ามันแน่นักหรือตี้จิ่ว! ดี ดีมาก!! กลับกล้าทำลายนิกายของลูกชายข้างั้นเหรอ ข้าจะไปขอคำอธิบายเจ้าถึงรังมังกร!!”


 


ลูกตาต้วนหรูเฟิงเผยเจตนาฆ่าฟันออกมาทันที


 


อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้รับทราบเรื่องที่ ลูกสะใภ้คนหนึ่งถูกนำตัวไป สีหน้ามันก็กลายเป็นหนักอึ้งทันที


 


“ลัทธิบูชาไฟงั้นเหรอ!? ลูกสะใภ้ข้ามีความเป็นมาอย่างไรกันแน่ ไฉนถึงได้มีพี่สาวอยู่ลัทธิบูชาไฟได้? มิใช่ว่าลัทธิบูชาไฟอยู่ภูมิภาคเบื้องบนหรือไร…ไฉนถึงลงมาภูมิภาคเบื้องล่างแบบนี้?”


(ขอเปลี่ยนนิกายบูชาไฟ เป็นลัทธิบูชาไฟนะ…)


 


‘ไม่สิ! หรัวเอ๋อ กล่าวบอกไว้ว่าลูกสะใภ้ที่ชื่อ เค่อเอ๋อ นั้นเติบโตมาพร้อมเทียนเอ๋อ…ไฉนไปเกี่ยวข้องกับลัทธิบูชาไฟในภูมิภาคเบื้องบนได้…แต่เทียนเอ๋อกลับบอกว่ามีสตรีที่อ้างตัวว่ามาจากลัทธิบูชาไฟพาตัวนางไป! ยังบอกว่าเป็นพี่สาวฝาแฝดของนางอีก!!’


 


‘ยิ่งไปกว่านั้นพี่สาวฝาแฝดของเค่อเอ๋อ กลับทรงพลังถึงขั้นซัดตี้จิ่วหมอบได้ในฝ่ามือเดียว!’


 


เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สีหน้าต้วนหรูเฟิงก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันใด


 


ตี้จิ่วนั้นแม้ไม่ได้อยู่ในสายตามัน แต่จะอย่างไรตี้จิ่วก็นับว่าไม่ใช่ชนชั้นต่ำทราม


 


สุดท้ายแล้วตี้จิ่วก็เป็นมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บของเผ่าพันธุ์มังกร!


 


ถึงแม้จะยังไม่โตเต็มวัยดีเท่าไหร่ แต่พลังฝีมือก็ไม่ได้ต่ำต้อย


 


หากสตรีนางนั้นเป็นพี่สาวฝาดแฝดของเค่อเอ๋อจริงๆ ไม่ใช่ว่านางยังพึ่งมีอายุได้ 30 ต้นๆหรอกหรือ?


 


เพียงวัย 30 ต้นๆ กลับมีพลังฝีมือเหนือกว่าตี้จิ่ว?


 


‘นางยังเยาว์แต่กลับมีพลังฝีมือร้ายกาจปานปีศาจ…ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้กล่าวโป้ปดเรื่องมาจากลัทธิบูชาไฟ! ยอดฝีมือรุ่นเยาว์ระดับอัจฉริยะเช่นนี้มีเพียงขุมพลังระดับนั้นถึงจะเพาะสร้างออกมาได้!’


 


มาถึงจุดนี้ต้วนหรูเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะหายใจติดขัด


 


ถึงแม้มันจะได้ยินเรื่องภูมิภาคเบื้องบนมานานแล้ว


 


แต่ก็ไม่เคยพบเจอคนที่มาจากภูมิภาคเบื้องบนมาก่อน


 


‘ในสมัยโบราณ กล่าวกันว่าดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าถูกปงครองด้วย 3 ลัทธิ 9 ขุมพลัง…ขุมพลังทั้ง 9 นั่นก็เป็นขุมพลังชั้น 1 ถึง 9 ที่รู้จักกันดี ส่วน 3 ลัทธินั่นเป็นมหาอำนาจที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า 3 ลัทธินั่นก็ถือครองอำนาจของขุมพลังชั้น 1 ถึง 3 เอาไว้…ยังเป็นมหาอำนาจที่ร้ายกาจที่สุด ลัทธิบูชาไฟก็เป็นหนึ่งในนั้น’


 


‘ตั้งแต่ที่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าถูกแบ่งออกเป็น 2 ภูมิภาค 3 ลัทธิรวมถึงมหาอำนาจที่เข้มแข็งบางส่วนก็ได้ลงหลักปักฐานอยู่ที่ภูมิภาคตอนบน…ผ่านมาเนิ่นนานหลายปีคนภูมิภาคเบื้องล่างก็ลืมเลือน 3 ลัทธินั่นไปหมดสิ้นแล้ว’


 


ทันใดนั้นในใจต้วนหรูเฟิงก็นึกย้อนถึงข้อมูลของลัทธิบูชาไฟที่มันได้รับรู้มา

 

 

 


ตอนที่ 1561

 

มาเยือนสำนักจันทร์จรัสแสง!


 


เหินร่างข้ามผ่านทะเลทรายอันร้อนระอุ มุ่งหน้าไปยังประเทศฝูเฟิงด้วยความเร็วสูงสุด ต้วนหลิงเทียนแม้จะร้อนกับสภาพอากาศแต่ก็ไม่ปริปากบ่นอะไร ใจครุ่นคิดเรื่องราวไปเรื่อยเปื่อย


 


ก่อนหน้านี้ตอนที่ยังอยู่สำนักจันทร์จรัสแสง เขาได้ยินศิษย์พี่กล่าวถึงประเทศฝูเฟิงบ่อยๆ


 


ในวาจายังเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะไปอาศัยอยู่ กระทั่งอยากจะลงหลักปักฐานที่ประเทศฝูเฟิง


 


ป๋ายลี่หงยังกล่าวบอกไว้ ว่าถ้าไม่ใช่เพราะการต้อนรับขับสู้อันดีจากสำนักจันทร์จรัสแสง คงเดินทางไปยังประเทศฝูเฟิงนานแล้ว


 


ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงคาดคิดไปว่าป๋ายลี่หงสมควรพาพวกเฟิ่งหวู่เต้ามายังประเทศฝูเฟิง


 


แถมยังรู้สึกสังหรณ์อย่างประหลาดว่าน่าจะใช่แน่ๆ


 


เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนไม่รู้เลยก็คือในขณะที่เขากำลังเดินทางข้ามทะเลทรายร้อนตับสุกนั้น บิดาไม่เอาไหนในสายตาเขาได้ออกจากทวีปเมฆาล่องเพราะเบาะแสที่เขาเหลือทิ้งเอาไว้ในเมืองหลวงอาณาจักรนภาล่อง


 


“ไปสำนักจันทร์จรัสแสง”


 


ต้วนฟรูเฟิงกล่าวออกเสียงเย็น คนมาไวไปไวดั่งสายลมนัก เพียงวันเดียวก็ออกจากทวีปเมฆาล่อง จนย้อนกลับมาถึงดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอีกครั้ง


 


แน่นอนว่าในเวลาหนึ่งวันนั้น เวลาที่ใช้ในการเดินทางมีไม่ถึง 1 ในสิบด้วยซ้ำ


 


ด้วยเบาะแสที่ต้วนหลิงเทียนเหลือทิ้งไว้ ยังกล่าวบอกว่าได้นำพาเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆมาพักอาศัยอยู่ที่สำนักจันทร์จรัสแสง และสำนักจันทร์จรัสแสงที่ว่าก็คือขุมพลังชั้น 7 ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า


 


ขณะเดียวกันก็เอ่ยถึงสถานที่ตั้งสำนักจันทร์จรัสแสงเอาไว้เช่นกัน


 


ดังนั้นต้วนหรูเฟิงจึงมุ่งหน้าไปยังสำนักจันทร์จรัสแสงพร้อมกับกู่มี่ทันที


 


ต้วนหรูเฟิงลอยร่างเหนือน่านฟ้าสำนักจันทร์จรัสแสงอย่างเงียบงัน สองมือไพร่หลังเหลือบมองลงไปอย่างสงบ ใบหน้าไม่เผยอารมณ์ยินดียินร้ายอะไร


 


อย่างไรก็ตามหากมองลึกลงไปในแววตาจะเห็นถึงความวาดหวังไม่น้อย ความหวังที่จะได้พบเจอหน้าลูกชายอีกครั้ง


 


“เจ้าสำนักจันทร์จรัสแสงเป็นผู้ใด?”


 


กู่มี่ก้าวออกมาก้าวหนึ่ง สองตาทอประกายวาบตะโกนออกมาดังลั่นสำนักจันทร์จรัสแสง!


 


จังหวะนี้ทั้งสำนักจันทร์จรัสแสงอดไม่ได้ที่จะสะดุ้งตกใจ


 


“เสียงนี่..ดังมาจากบนฟ้า! สำนักเรามีอาคมห้ามบิน แต่ทว่าผู้มากลับเหินบินได้…เป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียน!”


 


อาวุโสฝ่ายในของสำนักจันทร์จรัสแสงตระหนักถึงเรื่องนี้ได้ในทันที


 


ครู่ต่อมาพวกมันก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ


 


ยอดฝีมือขอบเขตเซียนมีธุระอะไรกับสำนักจันทร์จรัสแสงของพวกมันกัน?


 


ยิ่งไปกว่านั้นจากวาจายังคล้ายเรียกหาเจ้าสำนักจันทร์จรัสแสงอีกด้วย!


 


ในขณะเดียวกันบริเวณเขตหวงห้ามของสำนักจันทร์จรัสแสง ก็ตื่นตัวกันไม่น้อย


 


“ยอดฝีมือขอบเขตเซียนจากที่ใดกัน?”


 


เจ้าสำนักจันทร์จรัสแสงเจียงเว่ยและยอดฝีมือขอบเขตเซียนทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะสงสัย ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ที่มาเยือนสำนักจันทร์จรัสแสง


 


อย่างไรก็ตามในเมื่อผู้มาเรียกหาเจียงเว่ย เช่นนั้นเจียงเว่ยไม่ออกไปก็ไม่ได้


 


สุดท้ายแล้วนั่นก็คือผู้มีพลังขอบเขตเซียน!


 


ถึงแม้ว่าไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ในขอบเขตเซียนด่านพลังใด แต่เหล่าอาวุโสขอบเขตเซียนทั้งหลายก็เลือกที่จะติดตามเจียงเว่ยเหินร่างขึ้นไปบนฟ้าด้วยเช่นกัน


 


ไม่นานเจียงเว่ยและเหล่าอาวุโส ก็ได้เห็นร่างชายชราคนหนึ่งลอยตัวรอคอยอยู่


 


ชายชราร่างกายผ่ายผอมมาในชุดสีเทา มือข้างหนึ่งถือไว้ด้วยไม้เท้าประหลาด บรรยากาศรอบกายเต็มไปด้วยพลังอันน่าเกรงขาม สร้างแรงกดดันให้พวกมันนัก!


 


ในฐานะที่พวกมันเองก็บรรลุขอบเขตเซียนเช่นกัน ย่อมตระหนักได้ทันทีว่าชายชราผู้นี้มีพลังฝีมือเหนือพวกมัน!


 


จังหวะนี้เจียงเว่ยอดไม่ได้ที่จะเผยสายตาอิจฉาระดับพลังอีกฝ่าย


 


อย่างไรก็ตามเมื่อพวกมันได้แลเห็นชายวัยกลางคนที่ลอยร่างเหนือขึ้นไปจากชายชราร่างผอม สีหน้าของพวกมันก็แปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง


 


ชายวัยกลางคนผู้นี้ลอยร่างอย่างสงบสองมือไพร่หลัง ทั่วกายไม่มีไอพลังเล็ดลอดออกมาแม้แต่น้อย


 


มองผ่านๆอาจคิดว่าเป็นคนธรรมดา แต่ทีท่าสภาวะอีกฝ่ายบอกให้พวกมันรู้ว่าไม่ธรรมดา!


 


ยิ่งท่วงท่าสภาวะสงบเช่นนี้ กลับทำให้พวกมันบังเกิดความหวาดกลัวออกมาจากก้นบึ้งของใจ พวกมันตระหนักได้ทันทีว่าชายวัยกลางคนผู้นี้ สมควรร้ายกาจยิ่งกว่าชายชราผ่ายผอมหลายขุม!


 


ชายชราผู้นี้เห็นชัดว่าคงเป็นเพียงข้ารับใช้ของอีกฝ่าย!


 


“มิทราบใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 2 เป็นยอดคนจากที่ใดหรือ?”


 


เจียงเว่ยและคนอื่นๆย่อมมีความภาคภูมิใจไม่น้อย แต่ต่อหน้าผู้มาเยือนทั้ง 2 พวกมันได้แต่ประพฤติตัวเรียบๆร้อยๆ ไม่กล้าเชิดหน้าหยิ่งยะโสถือดีอันใด


 


ถึงแม้พวกมันจะบรรลุขอบเขตเซียนเช่นกัน แต่พวกมันก็รู้ดีว่าด่านเซียนของพวกมันต้อยต่ำที่สุดในขอบเขตเซียน ไหนเลยยังจะกล้าโอหัง


 


ยิ่งเป็นเรื่องปกติที่จะไม่กล้าวางท่าอะไรต่อหน้าผู้ที่คล้ายจะเป็นขอบเขตเซียนด่านพลังสูงกว่า!


 


“เจ้าสำนักจันทร์จรัสแสงเป็นผู้ใด?”


 


กู่มี่ไม่เพียงไม่แยแสคำถามของเจียงเว่ย ยังไม่เหลือบแลใครสัก เพียงกล่าวถามย้ำคำเดิมออกมา


 


ถูกเมินเฉยเช่นนี้แม้เจียงเว่ยและคนอื่นๆจะขุ่นขึ้งใจ แต่ไหนเลยกล้าแสดงออกทางสีหน้าได้? เจียงเว่ยยังรีบตอบกลับไปทันที “ใต้เท้าท่านนี้ ข้าคือเจ้าสำนักจันทร์จรัสแสง มิทราบว่าท่านมาหาข้าด้วยมีเหตุอันใดหรือ?”


 


ในวาจาของเจียงเว่ยเต็มไปด้วยความกังวลใจ


 


ชายชราร่างผอมผู้นี้ สร้างแรงกดดันให้มันมากเกินไป!


 


ยามถูกชายชราร่างผอมหันมาสบตา เจียงเว่ยรู้สึกราวกับมันเป็นเพียงมุสิกตัวกระจ้อยที่ถูกพญาอสรพิษจับจ้อง ตัวตนที่มันไม่มีวันต่อต้านได้!


 


“สำนักจันทร์จรัสแสงเจ้า มีคนชื่อต้วนหลิงเทียนหรือไม่?”


 


กู่มี่กล่าวถาม


 


ทันทีที่กล่าวจบคำ กู่มี่ก็สังเกตเห็นได้ทันทีว่าสีหน้าแววตาเจียงเว่ยบังเกิดความเปลี่ยนแปลงไปวูบหนึ่ง อย่างไรก็ตามมันกลับสู่ความปกติได้แทบจะในพริบตา


 


ได้ยินคำถามนี้ของกู่มี่ ใจเจียงเว่ยพลันสะท้านไปทันใด คนอื่นก็หน้าเปลี่ยนสีไปเช่นกัน


 


อย่างไรก็ตามพวกมันพยายามควบคุมสีหน้าอารมณ์ ให้กลับสู่ปกติเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้


 


ทว่าในใจของพวกมันเสมือนมีมรสุมโหมกระหน่ำ!


 


ตัวตนที่ลึกลับทรงพลังนี่ มาหาต้วนหลิงเทียนงั้นหรือ!?


 


ต้วนหลิงเทียนมิใช่มาจากทวีปมนุษย์หรือไร? ไฉนไปรู้จักกับยอดฝีมืออันน่ากลัวแบบนี้ได้?


 


จังหวะนี้ในใจของเจียงเว่ยบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลขึ้นมาทันที


 


“เจ้าสำนัก เจ้าชมดูใบหน้าชายวัยกลางคนผู้นั้นเถอะ…กลับละม้ายคล้ายต้วนหลิงเทียนถึง 6-7 ส่วน!”


 


ตอนนี้เองอาวุโสขอบเขตเซียนที่ลอบมองใบหน้าต้วนหรูเฟิงพลันส่งเสียงผ่านปราณแรกกำเนิดกล่าวแจ้งเจียงเว่ยด้วยความร้อนรน


 


เสียงที่ส่งผ่านปราณแรกกำเนิดไปให้เจียงเว่ยยังสั่นไม่น้อ


 


เจียงเว่ยพอได้ยินก็ลอบมองสำรวจต้วนหรูเฟิงอย่างลับๆ


 


ตอนแรกมันไม่ได้สนใจรูปร่างหน้าตาต้วนหรูเฟิงมากนักด้วยไม่กล้ามองอีกฝ่ายนานๆ แต่พอตรวจสอบให้ดีก็พบว่าละม้ายคล้ายเหมือนต้วนหลิงเทียนจริงๆ!


 


โดยเฉพาะหว่างคิ้วที่แผ่พุ่งความองอาจออกมานั่น! ปานจะหลุดออกมาจากพิมพ์เดียวกัน!!


 


‘แย่แล้ว!’


 


ใจเจียงเว่ยสะท้านไปโดยพลัน ความหวาดกลัวเริ่มสะท้อนออกในแววตา


 


จังหวะนี้เจียงเว่ยตระหนักได้ทันทีว่าต้วนหลิงเทียนต้องมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับผู้มาเยือนเบื้องหน้าทั้ง 2 แน่


 


ไร้ซึ่งความลังเลอันใด เจียงเว่ยเร่งส่งเสียงผ่านปราณแรกกำเนิดไปนัดหมายกับอาวุโสขอบเขตเซียนคนอื่นๆทันที “อาจารย์ลุง อาจารย์อา พวกเราตอบให้ตรงกันว่ามิรู้จักต้วนหลิงเทียน ทั้งสำนักจันทร์จรัสแสงเรามิเคยมีศิษย์นามต้วนหลิงเทียน!”


 


ได้ยินเสียงผ่านปราณดังกล่าว อาวุโสทั้งหลายก็เห็นด้วยทันที


 


ตอนนี้พวกมันยังตระหนักได้ทันที ‘ความเป็นมา’ ของต้วนหลิงเทียนน่ากลัวจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว


 


ตอนนี้พวกมันบังเกิดความรู้สึกเสียใจนักที่คิดร้ายต่อต้วนหลิงเทียน!


 


หากต้วนหลิงเทียนไม่ถูกพวกมันไล่ล่า ก็นับว่าไม่มีเรื่องราวบาดหมางอันใดกัน ถึงแม้ภูมิหลังต้วนหลิงเทียนจะไม่ธรรมดา ก็คงไม่มาหาความจากพวกมันแบบนี้


 


อนิจจาตอนนี้ทุกอย่างเลยเถิด จนเหนือการควบคุมของพวกมันอย่างสิ้นเชิง


 


วินาทีนี้พวกมันทั้งหมดล้วนมีความคิดในใจเพียงเรื่องเดียว…หาหนทางเอาตัวรอดจากผู้มาเยือนทั้ง2 ให้ได้! กระทั่งหากถ่วงเวลาได้สักเล็กน้อยก็ยังดี!!


 


เพราะหากถ่วงเวลาอะไรได้ อย่างน้อยพวกมันก็มีเวลาได้หารือแผนการต่างๆด้วยกัน


 


หาไม่แล้วหากทั้งสองได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างสำนักจันทร์จรัสแสงกับต้วนหลิงเทียน น่ากลัวว่าทั้ง 2คงได้ลงมือทำลายสำนักจันทร์จรัสแสงระบายอารมณ์เอา!


 


“เรียนใต้เท้า แม้ข้าจะเป็นเจ้าสำนักจันทร์จรัสแสง แต่ข้ามิเคยได้ยินนามต้วนหลิงเทียมาก่อนเลย”


 


เจียงเว่ยมองตอบกู่มี่อย่างใจเย็น


 


“เจ้ามิเคยได้ยินงั้นหรือ?”


 


เมื่อได้ยินคำตอบเจียงเว่ย ลึกลงไปในแววตากู่มี่เรืองประกายสลัววูบหนึ่ง กล่าวถามซ้ำออกมา


 


“ใช่ ข้ามิเคยได้ยินเลย”


 


เจียงเว่ยยืนยัน


 


“มันไม่เคยได้ยิน แล้วพวกเจ้าเล่า?”


 


กุ่มี่เบนตามามองถามอาวุโสคนอื่นๆของสำนักจันทร์จรัสแสงทันที ขณะที่ถามลึกลงไปในแววตายังเผยประกายหนึ่งวูบวาบขึ้น มุมปากยังยกยิ้มแสยะบางๆ


 


“ใต้เท้า ข้าเองก็มิเคยได้ยินมาก่อน”


 


“ข้าก็มิเคยได้ยินเลยใต้เท้า”


 


……


 


จังหวะนี้อาวุโสสำนักจันทร์จรัสแสงล้วนส่ายหัว ตีหน้ามึนกล่าวตอบว่าไม่เคยได้ยินทั้งสิ้น


 


“เทียนเอ๋อไม่อยู่นี่งั้นรึ?”


 


ตอนนี้เองคิ้วของต้วนหรูเฟิงก็เริ่มขมวดเป็นปม


 


เพราะมันได้ใช้สำนึกเทวะสำรวจตรวจสอบทุกตารางนิ้วของสำนักจันทร์จรัสแสงเรียบร้อยแล้ว หากแต่ไม่พบร่องรอยของต้วนหลิงเทียนเลย


 


“พวกเจ้ามิเคยได้ยิน หรือลังเลที่จะยอมรับ?”


 


กู่มี่ว่ายตามองทั้งหมด ค่อยกล่าวถามเจียงเว่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ


 


ได้ยินวาจานี้ของกู่มี่ ลูกตาของพวกมันก็สั่นไหวทันที พวกมันตระหนักได้ว่าท่าทางยอดฝีมือเบื้องหน้าคงค้นพบอะไรบางอย่างแล้ว


 


อย่างไรก็ตามพวกมันยังแสร้งทำสงบ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นต่อไป


 


“ท่านจ้าวตำหนัก ดูท่าพวกมันคงมิคิดให้ความร่วมมือกับเราแต่โดยดี”


 


หากกู่มี่มาคนเดียวมันคงลงมือด้วยวิธีของมันไปแล้ว ทว่ามีต้วนหรูเฟิงมาด้วย มันไม่กล้าลงมือโดยไม่ได้รับอนุญาต


 


“กู่มี่ เจ้าต้องรายงานเรื่องไร้สาระให้ข้าตั้งแต่เมื่อไหร?”


 


ต้วนหรูเฟิงกล่าวออกเสียงเย็น เมื่อไม่พบตัวต้วนหลิงเทียนในใจย่อมมีความกังวลขึ้นมาไม่น้อย


 


ยิ่งไปกว่านั้นไหนเลยมันจะสัมผัสไม่ได้ว่าตอนนี้เจียงเว่ยและคนอื่นๆ กระวนกระวายใจเพียงใด


 


เห็นได้ชัดว่าพวกมันรู้เรื่องต้วนหลิงเทียนดี แต่กล้าเสแสร้งทำเป็นไม่รู้!


 


“ท่านจ้าวตำหนัก!”


 


ทันทีที่ได้ยินกู่มี่เรียกหาต้วนหรูเฟิง ใบหน้าของเจียงเว่ยและพวกเผยความตื่นตระหนกขึ้นมาทันที


 


คำ จ้าวตำหนัก นี้ ผู้คนทั่วไปไม่อาจใช้เรียกกันได้สุ่มสี่สุ่มห้า


 


ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ามีขุมพลังอันร้ายกาจไม่น้อย แต่ผู้ที่กล้าเรียกตัวเองว่าจ้าวตำหนัก ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากขุมพลังที่มีอำนาจปกครองแดนดิน!


 


คำ จ้าวตำหนัก นี้ส่วนใหญ่แล้วใช้เรียกผู้นำขุมพลังตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไป!


 


ผู้นำขุมพลังตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไป!!


 


เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ได้ เจียงเว่ยและอาวุโสรู้สึกเสมือนจะหน้ามืดตามัวขึ้นมาเสียให้ได้ คล้ายตอนนี้มีเมฆหมอกทมิฬปกคลุมพวกมันก็ไม่ปาน


 


อย่างไรก็ตาม ด้วยเสียงเตือนของเจียงเว่ยทำให้ทุกคนดึงสติกลับมาได้ทันที


 


“บางที มันอาจจงใจเรียกหาเช่นนี้เพื่อขู่ขวัญพวกเรา”


 


นี่คือวาจาที่เจียงเว่ยส่งผ่านปราณแรกกำเนิดมา


 


หลังที่ได้ยินคำเตือนของเจียงเว่ย อาวุโสทั้งหลายก็หวนกลับมาสงบใจได้ทันที พอได้คิดพวกมันยังรู้สึกไม่ชอบมาพากลขึ้นมาเช่นกัน เพราะไหนเลยผู้นำขุมพลังชั้น 5 หรือเหนือกว่านั้นจะมาเยือนสำนักจันทร์จรัสแสงของพวกมันได้?


 


สำนักจันทร์จรัสแสงของพวกมันก็แค่ขุมพลังชั้น 7 เท่านั้น


 


ต่อหน้าขุมพลังชั้น 5 ขึ้นไป พวกมันก็ไม่ต่างจากมด!

 

 

 


ตอนที่ 1562

 

ทักษะลี้ลับ ควาญวิญญาณ!


 


ยิ่งไปกว่านั้นจากลักษณะท่าทีของชายวัยกลางคนที่คล้ายต้วนหลิงเทียน ก็เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ย่อมไม่ธรรมดา!


 


หากต้วนหลิงเทียนมีความสัมพันธ์กับผู้นำขุมพลังชั้น 5 หรือเหนือกว่านั้นจริง ไหนเลยจะมาปรากฏตัวในสำนักจันทร์จรัสแสงได้?


 


จังหวะนี้ไม่ว่าจะเป็นเจียงเว่ยหรืออาวุโสทั้งหลาย ก็ล้วนมีความคิดไปในทางเดียวกัน


 


อย่างไรก็ตามพริบตาต่อมาพวกมันจำต้องเปลี่ยนความคิดทันที


 


เพราะพวกมันได้พบพานกับเรื่องอันน่าตกตะลึงพรึงเพริด!


 


เพราะทันทีที่ชายชราร่างผอมที่ลอยล่องอยู่ไม่ไกลยกมือขึ้น อาณาบริเวณในรัศมี 100 หมี่รอบกายอีกฝ่าย พลันมืดลงปานอยู่ในยามค่ำคืน!


 


ขณะเดียวกันกับที่ทุกอย่างมืดลงนั้น ก็มีเถาวัลย์ไม้เลื้อยที่แลคล้ายจะแห้งเหี่ยวผุดโผล่งอกเงยออกมาจากความว่างเปล่า!


 


สึบ! สึบ! สึบ! สึบ! สึบ!


 


……


 


ความเร็วของเถาวัลย์แห้งเหล่านั้นกลับเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัวนัก พริบตาเดียวร่างเจียงเว่ยและอาวุโสทั้งหลาย ก็ถูกเถาวัลย์แห้งเหล่านี้รัดตัวพัวพัน! ต่างถูกพันธนาการเอาไว้อย่างไม่อาจขัดขืน!!


 


‘ไม่ดี! ปราณแรกกำเนิดของข้าถูกสะกด!!’


 


ในขณะที่พยายามดิ้นรน หน้าเจียงเว่ยก็เปลี่ยนสีไปทันที


 


นั่นเพราะมันพบพานเรื่องราวอันน่ากลัวประการหนึ่ง เถาวัลย์ไม้เลื้อยแห้งๆเหล่านี้ ทันทีที่รัดพันตัวมัน ก็เปล่งพลังสะกดอันน่ากลัว! สามารถระงับพลังปราณแรกกำเนิดของมันได้อย่างหมดจด ไม่อาจรีดเค้นออกมาใช้งานได้แม้แต่หยาดหยด!!


 


“ปราณแรกกำเนิดของข้าถูกระงับ!”


 


“สวรรค์! นี่มันเขตแดนอันใดกัน!?”


 


……


 


ตอนนี้เองเหล่าอาวุโสขอบเขตเซียนของสำนักจันทร์จรัสแสงก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความเสียขวัญ น้ำเสียงของพวกมันยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัวถึงขีดสุด หวาดกลัวจับใจ!


 


พวกมันจดจำไม่ได้ว่าเนิ่นนานเพียงใดแล้วที่พวกมันไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแบบนี้!


 


ตอนนี้เองพอเจียงเว่ยและทั้งหมดหันมองกู่มี่อีกครั้ง ในลูกตาก็มีแต่ความหวาดผวา…ถึงแม้พวกมันรู้ดีว่าชายชราร่างผอมสมควรมีพลังฝีมือเหนือกว่าพวกมัน แต่พวกมันก็ไม่คิดเลยว่าจะห่างชั้นปานทารกน้อยกับผู้ใหญ่แบบนี้!


 


เพียงแค่เปิดใช้เขตแดน ชีวิตของพวกมันทั้งหมดก็ตกอยู่ในกำมือของอีกฝ่ายเสียแล้ว!


 


“ใต้เท้า ข้ามิเคยได้ยินนามต้วนหลิงเทียนมาก่อนเลยจริงๆ!”


 


เจียงเว่ยกล่าวออกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ


 


“ใต้เท้าพวกเรามิได้โกหกท่านจริงๆ…หากท่านไม่เชื่อ ท่านลองไปถามคนอื่นๆในสำนักเราดูเถอะใต้เท้า”


 


หนึ่งในอาวุโสสำนักจันทร์จรัสแสงกล่าวเสแสร้งออกมา


 


“มิจำเป็นต้องวุ่นวายถึงเพียงนั้น”


 


ได้ยินคำตอบเสแสร้งของอาวุโสที่ถูกมัด กู่มีก็กล่าวออกด้วยเสียงแหบแห้ง


 


ขณะเดียวกันมันก็หันไปมองสบตาเจียงเว่ย


 


“มองตาข้า!”


 


กู่มี่กล่าวออกเสียงแข็ง เสียงนี้ยังราวกับจะเจาะทะลวงหูเจียงเว่ยก็ไม่ปาน ทำให้เจียงเว่ยอดไม่ได้ที่จะสะดุ้งตกใจและหันมองสบตากู่มี่ตามสัญชาตญาณ


 


ทันใดนั้นเองดวงตาของกู่มี่คล้ายจะแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง


 


ทั้งลูกตาสีแดงนั่นยังคล้ายจะยิงลำแสงสีแดงหนึ่ง พุ่งเข้าลูกตาของเจียงเว่ย!


 


ทันใดนั้นแววตาของเจียงเว่ยก็กลับกลายเป็นเลื่อนลอยไร้ประกายทันที


 


“นั่นมัน…”


 


เห็นฉากนี้อาวุโสขอบเขตเซียนของสำนักจันทร์จรัสแสงอดไม่ได้ที่จะหน้าเสียปานเห็นผีจนขวัญหนีดีฝ่อกันหมด ยังอดไม่ได้ที่จะโพล่งคำออกมาอย่างหวาดผวา “ควาญวิญญาณ! นั่นมันทักษะลี้ลับควาญวิญญาณ!!”


 


“ทักษะลี้ลับควาญวิญญาณ…ปะ…เป็นไปได้อย่างไร! มะ…ไม่จริง!!”


 


“ยอดฝีมือที่ใช้ทักษะลี้ลับควาญวิญญาณได้ ไฉนมาปรากฏตัวที่นี่!”


 


……


 


เหล่าอาวุโสสำนักจันทร์จรัสแสงที่เห็นเรื่องราว อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวจนตัวสั่น แววตายังเลื่อนลอยคล้ายไม่อยากจะเชื่อเรื่องราว


 


อย่างไรก็ตามความจริงเผยให้เห็นตรงหน้า พวกมันไม่เชื่อก็ไม่ได้


 


อาวุโสสำนักจันทร์จรัสแสง แม้จะบรรลุขอบเขตเซียนที่ต่ำต้อยที่สุด จะอย่างไรพวกมันก็นับว่าเป็นตัวตนในขอบเขตเซียน แน่นอนว่าย่อมรู้จักทักษะลี้ลับควาญวิญญาณในตำนาน


 


พวกมันรู้ดีว่าผู้ที่ใช้ทักษะลี้ลับควาญวิญญาณได้ต้องเชี่ยวชาญการควบคุมพลังวิญญาณสูงเพียงใด ทั้งพลังฝีมือต้องสูงส่งขนาดไหน สำนึกเทวะต้องบรรลุความสำเร็จเช่นไร!


 


อย่างน้อยๆน่ากลัวว่าผู้ที่จะทำแบบนี้ได้มีแต่เสาหลักของขุมพลังชั้น 6 หรือกระทั่งระดับสูงๆ ของตระกูลราชวงศ์ที่ปกครองประเทศ


 


จังหวะนี้หัวใจของพวกมันแทบจะหยุดเต้นลงเสียให้ได้


 


มาตอนนี้พวกมันค่อยนึกย้อนไปถึงตอนที่ชายชราเรียกหาชายวัยกลางคนว่า ‘จ้าวตำหนัก’ “จะ…จ้าวตำหนัก จ้าวตำหนัก…อย่าได้บอกข้าว่าชายวัยกลางคนที่แลคล้ายต้วนหลิงเทียนผู้นี้ เป็นผู้นำของขุมพลังชั้น 5 หรือเหนือกว่านั้นจริงๆ?”


 


“มิผิดแน่! มีแต่ชนชั้นผู้นำขุมพลังชั้น 5 ขึ้นไป ถึงจักมีข้ารับใช้ที่มีทักษะลี้ลับควาญวิญญาณเช่นนี้!”


 


เรื่องมาถึงจุดนี้ เหล่าอาวุโสของสำนักจันทร์จรัสแสงต่างสิ้นหวังกันแล้ว


 


พวกมันรู้ดีว่าต่อหน้าทักษะวิญญาณลี้ลับ เจียงเว่ยไม่มีวันเก็บความลับอันใดได้อีก…


 


อีกฝ่ายสามารถล่วงรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจียงเว่ยรู้


 


หลังจากนั้นไม่นานลำแสงสีแดงที่พุ่งออกจากดวงตาของกู่มี่ก็ค่อยๆจางลง สุดท้ายก็ดับหายไป ทักษะวิญญาณลี้ลับเสร็จสิ้นแล้ว


 


อย่างไรก็ตามลูกตาของกู่มี่ยังคงเย็นชานัก


 


“หืม?”


 


หลังจากที่กู่มี่ยกเลิกทักษะลี้ลับควาญวิญญาณ เจียงเว่ยเจ้าสำนักจันทร์จรัสแสงก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง และทันทีที่มันรู้สึกตัวก็อดไม่ได้ที่จะงุนงง


 


แต่เมื่อเห็นว่ากู่มี่มองมาด้วยสายตาเย็นเยียบมันก็เร่งกล่าวออกไปทันที “ใต้เท้า ข้ามิเคยได้ยินนามต้วนหลิงเทียนในสำนักจันทร์จรัสแสงมาก่อนเลยจริงๆ”


 


ได้ยินวาจานี้ของเจียงเว่ย อาวุโสขอบเขตเซียนของสำนักจันทร์จรัสแสงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างขื่นขม ในใจรู้สึกระทมนัก!


 


“เจ้าสำนักพอเถิด ไร้ประโยชน์ที่จะกล่าวอันใดแล้ว…ใต้เท้าผู้นั้นได้ใช้ทักษะวิญญาณลี้ลับควาญวิญญาณกับเจ้าไปแล้ว”


 


ตอนนี้เองหนึ่งในอาวุโสพลันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า ท่าทางยังคล้ายแก่ตัวลงไปนับสิบปี


 


ได้ยินคำนี้เจียงเว่ยก็หน้าเสียไปทันที “ทะ…ทักษะลี้ลับ คะ…ควาญวิญญาณ?”


 


ทักษะลี้ลับควาญวิญญาณคืออะไร มันย่อมรู้ดี!


 


ในขณะเดียวกันมันก็รู้ว่าตัวตนที่สามารถใช้ทักษะลี้ลับอันน่ากลัวเช่นนั้นได้..มีพลังฝีมือร้ายกาจถึงเพียงใด!


 


น่ากลัวว่ากระทั่งขุมพลังชั้น 6 ยังแทบไม่มีตัวตนระดับนั้น!


 


ทว่าแค่เพียงขุมพลังชั้น 6 คิดทำลายขุมพลังชั้น 7 อย่างสำนักจันทร์จรัสแสง ก็เป็นเรื่องราวอันง่ายดายดุจพลิกฝ่ามือ!


 


จังหวะนี้ใจของเจียงเว่ยอดไม่ได้ที่จะจมจ่อมไปด้วยความสิ้นหวัง


 


“ท่านจ้าวตำหนัก…”


 


ตอนนี้เองกู่มี่ที่ได้รับรู้เรื่องราวทุกอย่างจากเจียงเว่ยด้วยทักษะลี้ลับควาญวิญญาณ ก็ได้กล่าวบอกเรื่องราวความเป็นไปทั้งหมดให้ต้วนหรูเฟิงรับทราบ


 


ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวตั้งแต่ช่วงต้วนหลิงเทียนเข้าสำนักมาใหม่ๆ หรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นล่าสุด


 


ฆ่าหลิวฮ่วน อาวุโสฝ่ายในสำนักที่มีด่านพลังสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่


 


กระบี่เดียวผ่าร่างเฉียนคง อาวุโสสูงของสำนักที่อยู่ในขอบเขตเซียน


 


หลังจากนั้นภายใต้การตามล่าขอบขอบเขตเซียนมากมายหลายคน กลับสามารถหลบหนีไปได้


 


รวมถึงเรื่องความไม่ธรรมดาของกระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนใช้และอำนาจที่น่ากลัวของกระบี่นั่น กู่มี่ก็กล่าวเล่าออกไปหมดสิ้น


 


ในระหว่างที่กู่มี่เล่า ด้านเจียงเว่ยและอาวุโสขอบเขตเซียนของสำนักจันทร์จรัสแสงก็ได้ยินกู่มี่เรียกหาต้วนหลิงเทียนว่านายน้อยชัดเจนดี ในที่สุดพวกมันก็พบความสัมพันธ์ระหว่างชายวัยกลางคนผู้มาเยือนกับต้วนหลิงเทียน…ที่แท้ต้วนหลิงเทียนเป็นบุตรชายของคนผู้นี้!!


 


พริบตานี้พวกมันเสมือนตกอยู่ในหุบเหวแห่งความสิ้นหวัง..


 


พวกมันไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะมีบิดาที่สมควรเป็นผู้นำขุมพลังชั้นที่ 5 ขึ้นไป…


 


“เป็นอย่างที่ท่านผู้เฒ่าพยากรณ์กล่าวไว้ไม่มีผิด ลูกชายของข้านับว่าได้รับพรจากฟ้าแล้วจริงๆ…ข้าคิดว่ากระบี่ที่เทียนเอ๋อใช้ฆ่าขอบเขตเซียนนั่น น่าจักมีพลังอำนาจเหนือกว่ายอดศาสตราเซียน ที่อยู่ใน 10 อันดับแรกศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่นั่นเสียอีก!!”


 


หลังจากได้ยินเรื่องที่กู่มี่เล่า ต้วนหรูเฟิงก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะต้วนหลิงเทียนยังปลอดภัยดี


 


“ท่านจ้าวตำหนัก แล้วพวกมัน…”


 


ชายชราร่างผอมกล่าวถามต้วนหรูเฟิงด้วยความสุภาพ


 


“แล้วแต่เจ้า”


 


ต้วนหรูเฟิงตอบส่งๆอย่างไม่แยแส ค่อยกล่าวออกอีกครั้ง “ไปเผ่ามังกรกันเถอะ”


 


ทันทีที่กล่าวจบคำร่างต้วนหรูเฟิงก็อันตรธานหายไปในอากาศ ในสายตาของเจียงเว่ยและทั้งหมดเสมือนว่าอยู่ดีๆร่างต้วนหรูเฟิงก็หายไปดื้อๆ


 


ความเร็วนี้ทำให้ทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวจับใจ


 


อย่างไรก็ตามเมื่อตระหนักได้ว่ากู่มี่กำลังหันมองมาทางพวกมันด้วยสายตาเฉยเมยไร้แยแส พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกเร่งกล่าวร่ำร้องออกมาอย่างร้อนรน “ขอใต้เท้าโปรดละเว้นด้วย!”


 


“พวกเรามีตาหามีแววไม่ ไท่ซานตั้งอยู่เบื้องหน้ามิอาจแลเห็น กลับทำให้นายน้อยจ้าวตำหนักขุ่นขึ้ง! ขอใต้เท้าโปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วย พวกเรายังมิได้ทำร้ายอันใดนายน้อยของท่าน!!”


 


“พวกเรายินดีช่วยเหลือใต้เท้าออกตามหานายน้อย!!”


 


……


 


เมื่อสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าฟันที่เริ่มแผ่ออกมาจากแววตากู่มี่ อาวุโสทั้งหลายแทบจะฉี่ราดรดกางเกงเสียให้ได้ ทั้งหมดร่ำร้องออกมาราวกับเด็กน้อย


 


ตอนนี้ศักดิ์ศรีของผู้บรรลุขอบเขตเซียนอันใด พวกมันโยนทิ้งไปหมดสิ้นแล้ว


 


สำหรับพวกมันในโลกนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตของพวกมัน


 


มีชีวิตอยู่เท่านั้นที่สำคัญ


 


ตายไปก็ไม่เหลืออะไร…


 


โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่บรรลุขอบเขตเซียนเช่นพวกมัน กว่าที่พวกมันจะฟันฝ่าจนมามีอย่างทุกวันนี้ได้ ต้องผ่านพ้นอะไรมาและเหน็ดเหนื่อยเพียงใด มีแต่พวกมันที่รู้


 


เช่นนั้นแล้วพวกมันไม่อยากตายจริงๆ


 


“หนวกหู”


 


สิ้นคำไร้แยแส เถาวัลย์ไม้เลื้อยแห้งเหี่ยวที่รัดพันตัวทั้งหมดเอาไว้ก็เปล่งพลังอำนาจบีบรัด ยังมีเถาวัลย์แห้งทยอยกันผุดโผล่จากความว่างเพิ่มเติมพุ่งมารัดพวกมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า


 


พริบตาร่างของเจียงเว่ยและอาวุโสขอบเขตเซียนทั้งหลายก็ถูกเถาวัลย์รัดขยี้จนร่างแหลกเหลว อีกทั้งเถาวัลย์ยังดูดกลืนเลือดเนื้อของพวกมัน จนอันตรานหายไปเกลี้ยง…


 


หลังจากนั้นร่างกู่มี่ก็พุ่งวาบตัดฟ้าติดตามต้วนหรูเฟิงไปทันที


 


หลังจากที่กู่มี่จากไป เขตแดนทรงกลมดั่งกลมแก้วรัศมี 100 หมี่ ที่ด้านในมืดประหนึ่งอยู่ในราตรีกาลก็สลายหายไป


 


เถาวัลย์ทั้งหลายก่อนหน้าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย


 


ส่วนเจียงเว่ยเจ้าสำนักจันทร์จรัสแสง และอาวุโสขอบเขตเซียน ก็เสมือนสาบสูญไปจากโลกหล้าอย่างสมบูรณ์


 


แน่นอนว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด คนของสำนักจันทร์จรัสแสงไม่มีผู้ใดรู้เห็นเลย


 


หลังจากนั้นไม่นานผู้คนในสำนักก็พบว่าระดับสูงของสำนักได้หายตัวไปอย่างลึกลับ ตัวเจ้าสำนักเองก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย


 


ด้วยไร้ตัวตนในขอบเขตเซียนกุมบังเหียนสำนัก ไม่นานสำนักจันทร์จรัสแสงก็ตกต่ำลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็ไม่มีวันได้หวนคืนสู่ความรุ่งเรืองดั่งครั้งในอดีตได้อีกเลย


 


แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องราวหลังจากนั้น


 



 


ที่ชายแดนทางใต้ของประเทศฝูเฟิงพื้นที่ติดกับทะเลทรายอันร้อนระอุ วันนี้ก็ยังมีฝุ่นทรายพัดปลิดปลิวคลุ้งตลบ หอบไอความร้อนแผดเผาสาดมาไม่หน่ายเหมือนเคยดั่งเช่นทุกวัน


 


“นี่น่ะเหรอประเทศฝูเฟิง”


 


ต้วนหลิงเทียนที่เดินทางมาจากชายแดนเขตปกครอง 9 พันธมิตร สามารถข้ามทะเลทรายอันกว้างใหญ่มาจนถึงชายแดนประเทศฝูเฟิงได้ในที่สุด


 


ต้วนหลิงเทียนที่หยุดร่างลงระหว่างตะเข็บชายแดน มองไปยังทิศทางของประเทศฝูเฟิงด้วยสายตาอึ้งๆ เพราะเบื้องหน้านั้นคือแหล่งน้ำกลางทะเลทราย มีพืชไม้เขียวชะอุ่ม เรียกว่าฉากด้านหน้ากับด้านหลังเสมือนโลก 2 ใบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!


 


‘ลองไปหาคนพื้นที่แถวนี้สักคน แล้วถามทางไปเมืองหลวงของประเทศฝูเฟิงดีกว่า…’


 


ต้วนหลิงเทียนพูดในใจ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)