War sovereign Soaring The Heavens 1537-1540

ตอนที่ 1537

 

มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ! อีกาทองคำ 3 ขา!


 


“ใช่”


 


หลังได้ยินคำถามจากตี้จิ่ว ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้าตอบคำ


 


“เจ้าเข้าไปก่อน แล้วข้าจักตามเข้าไปทีหลัง”


 


สองตาตี้จิ่วทอประกายเรืองวูบขณะกล่าว


 


จนถึงตอนนี้มันยังมีความระแวงไม่น้อย มันคิดให้ต้วนหลิงเทียนนำหน้า เพราะหากมีอันตรายใดๆ ต้วนหลิงเทียนย่อมเจอก่อน…


 


สำหรับความระแวงของตี้จิ่วนี้ ต้วนหลิงเทียนก็รู้ดี หลังจากตอบรับอย่างขอไปที เขาก็วูบร่างเข้าเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทันที


 


เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเป็นของเขา เข้าไปก่อนแล้วจะมีปัญหาอะไร?


 


เวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน


 


เนื่องจากตี้จิ่วใช้พลังของมันแยกน้ำทะเลอยู่ เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติจึงไม่ถูกรบกวนจากสภาพแวดล้อมภายนอก


 


ด้วยพลังฝีมือของตี้จิ่ว คงยากที่น้ำทะเลจะฝ่าม่านพลังมันเข้ามาได้


 


แถมให้มันกั้นน้ำแบบนี้ติดต่อกันสัก 8 ปี 10 ปีก็ไม่มีปัญหา


 


1 เค่อผ่านไป ตี้จิ่วพลันขมวดคิ้ว “ไอ้หนูนั่นมันคงมิได้ตกตายไปแล้วหรอกนะ?”


 


ทว่าพอคิดถึงเรื่องนี้ ตี้จิ่วก็นึกถึงคำที่ต้วนหลิงเทียนเคยบอกไว้ก่อนหน้าได้ “มันกล่าวไว้ก่อนหน้าว่าหากมีลมหรือน้ำกระทบเจดีย์ มิว่าผู้ใดก็ตามที่อยู่ด้านในจะถูกขับออกมา..”


 


ตี้จิ่วยกมือขึ้นมาโบกส่งๆไปทันที


 


ทันใดนั้นปรากฏสายลมแรงหอบหนึ่งพัดเข้าใส่เจดีย์


 


และแทบจะพร้อมกันกับที่สายลมซัดปะทะเจดีย์ ร่างที่มีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีหนึ่งก็ผุดโผล่ออกมาจากอากาศ เป็นต้วนหลิงเทียนเอง


 


ตอนนี้ความอึดอัดแพร่กระจายไปทั่วร่าง หากแต่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไร ‘ในที่สุดมันก็รอไม่ไหว’


 


ต้วนหลิงเทียนแน่นอนว่าคิดอยู่ในเจดีย์ให้นานที่สุด ไม่รีบร้อนออกมา


 


เขาอยากจะรู้นักว่าตี้จิ่วมันจะมีความอดทนได้สักแค่ไหน!


 


“ผ่านไปเนิ่นนาน ไฉนเจ้ามิออกมาเสียที?”


 


ตี้จิ่วกล่าวถามเสียงเข้ม


 


“มีบางอย่างผิดปกติด้านใน”


 


ต้วนหลิงเทียนยิ้มออกมาอย่างขื่นขม


 


“เกิดอะไรขึ้น?”


 


ตี้จิ่วถามออกมาทันที


 


“ข้าพบว่าสมควรมีคนเข้ามาในเจดีย์อีกครั้งหลังจากที่ข้ากับตี้ยงออกมาวันนั้น ศาสตราเซียนที่มีอาคมเซียนจารึกอยู่ หายไปหมดแล้ว…”


 


ต้วนหลิงเทียนถอนหายใจออกมาอย่างระอา “อย่างที่ข้าคิดเอาไว้ไม่ผิด ตี้ยงลอบเข้ามาคนเดียวจริงๆ”


 


“เหอะ!”


 


ได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียนที่พาดพิงถึงตี้ยง หน้าตี้จิ่วก็มืดลงทันที หลังจากสูดลมหายใจระงับอารมณ์พักหนึ่ง มันก็กล่าวออก “เจ้าไปกับข้าด้วย”


 


หลังได้ยินคำสั่งตี้จิ่ว ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกตื่นเต้นในใจนัก


 


อย่างไรก็ตามเขายังควบคุมอารมณ์ได้ดี เพียงกล่าวออกไปสีหน้าฝืนๆ “อาวุโส ไม่งั้นก็ให้ข้าช่วยแยกน้ำทะเลให้ดีไหม ท่านก็เข้าไปคนเดียวส่วนข้าจะรออยู่ด้านนอก จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องที่อยู่ในเจดีย์ได้แค่ 2-3 ลมหายใจ”


 


“อะไร หรือเจ้าคิดอาศัยจังหวะที่ข้าเข้าไปหลบหนี?”


 


ตี้จิ่วกล่าวเย้ยออกมา “เจ้าอย่าได้ห่วงไป…หลังจากผ่านเรื่องนี้ ตราบใดที่เจ้าสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า ว่ามิมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของตี้ยงลูกข้า ข้าก็ไม่คิดจะทำอะไรเจ้า…อย่างไรข้าก็คือมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงงเล็บ! และเผ่าพันธุ์มังกรมิใช่ชนชั้นไร้เหตุผล!!”


 


วาจาตี้จิ่ว ทำให้ต้วนหลิงเทียนลอบหั่วเราะในใจ


 


มิใช่ชนชั้นไร้เหตุผล?


 


แล้วคนมีเหตุผลอุบาทว์ที่ไหน จะบุกมาเข่นฆ่าคนบริสุทธิ์เป็นผักปลา…ยังทำลายเกาะป้านเยว่เสียพินาศยับ!


 


แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้พูดออกไป


 


หากตอนนี้เขาหาเรื่องตี้จิ่ว ยังต่างอะไรเอาไข่ไปกระทบหิน


 


เขายังไม่สิ้นคิดขนาดนั้น


 


“อาวุโสข้าไม่อาจกล่าวคำสาบานแบบนั้นได้…จะอย่างไรตี้ยงก็รู้เรื่องเจดีย์ประหลาดนี่เพราะข้า กล่าวไปการตายของมันก็เกี่ยวข้องกับข้าโดยตรง…หากข้าสาบานข้าก็คงตายทันที”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มขมขื่น


 


“เฮอะ! ข้าย่อมคิดเรื่องที่เจ้ากล่าวไว้แต่แรกแล้ว มันยังจะไปยากอันใดเพียงเปลี่ยนคำสาบานเล็กน้อยก็พอ”


 


ตี้จิ่วพ่นลมด้วยความดูแคลนค่อยกล่าว “ตอนนี้เจ้าตามข้ามา เวลาเพียง 2-3 ลมหายใจสมควรเพียงพอให้ข้าสำรวจคร่าวๆ”


 


ครั้งนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ปฏิเสธตี้จิ่ว


 


เพราะหากเขาปฏิเสธอีกครั้งตี้จิ่วต้องสงสัยแน่นอน และนั่นเป็นอะไรที่เขาไม่อยากเห็น


 


ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนคิด เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติก็เปล่งพลังดูดรั้งออกมาดึงร่างตี้จิ่วกับเขาเข้าไปทันที


 


ทันทีที่ร่างตี้จิ่ววูบหายไปในเจดีย์ พลังไร้สภาพที่กั้นน้ำทะเลไว้ก็สลายหายไป มวลน้ำมหาศาลเริ่มถาโถมเข้าหาเจดีย์อย่างเกรี้ยวกราด


 


อย่างไรก็ตามมวลน้ำดังกล่าวย่อมถูกม่านพลังของค่ายกลปิดกั้นเอาไว้


 


แน่นอนว่าด้วยวัตถุดิบธรรมดาๆ ม่านพลังย่อมไม่อาจคงสภาพอยู่ได้นาน มันค่อยๆจางลงเรื่อยๆ


 


หลังจากที่จางลงมากเข้าสุดท้ายมันย่อมหายไป หลังจากนั้นมวลน้ำก็คงทะลักท่วมเจดีย์ทันที


 


ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเป็นต้วนหลิงเทียนหรือตี้จิ่ว ก็จำต้องถูกขับออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติในพริบตา


 


‘ผู้เฒ่าหั่ว ทั้งหมดขึ้นอยู่กับท่านแล้ว!’


 


หลังจากเข้าสู่เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หลบออกไปด้านข้างทันที พริบตาทั้งชั้นที่ 1 ก็ถูกปกคลุมไปด้วยม่านหมอก


 


แน่นอนว่าทัศนวิสัยของต้วนหลิงเทียนไม่ได้ถูกม่านหมอกบดบังแต่อย่างไร


 


ทว่าด้านตี้จิ่วที่พึ่งเข้ามา มันก็สังเกตได้ถึงม่านหมอกหนาที่ห้อมล้อมไว้ทั่วกายทันที


 


“ไอ้หนู เจ้าอยู่ไหน?!”


 


ทันใดนั้นตี้จิ่วก็ตระหนักได้ว่าต้วนหลิงเทียนหายตัวไปแล้ว!


 


มันไม่ทันมีเวลาตามหาตัวต้วนหลิงเทียนแต่อย่างใด เพราะมันสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลหนึ่งกำลังพุ่งเข้ามาหามัน “ใคร?!”


 


อย่างไรก็ตามผู้มาไม่คิดจะตอบคำอะไรมัน ซัดพลังมหาศาลขุมหนึ่งแหวกม่านหมอกเข้ามาเล่นงานมันทันที! ทำให้ตี้จิ่วหน้าซีดเป็นศพ เร่งหวนคืนสู่ร่างที่แท้จริงทันที!


 


ด้วยความเป็นมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ มันย่อมกลับสู่ร่างที่แท้จริงได้ในพริบตา ร่างมหึมายาวหลายร้อยหมี่เร่งเร้าพลังอำนาจ ม้วนตัวสะบัดฟาดหางออกไปต้านทานพลังมหาศาลที่พุ่งเข้ามาทันที!


 


ปงงง!!


 


ยามเมื่อหางฟาดกระทบคลื่นพลังดังกล่าว ตี้จิ่วสัมผัสได้ถึงพลังทำลายอันน่ากลัวแล่นวาบผ่านหางมาสะท้านในร่าง จนมันผวา


 


หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ตี้จิ่วก็แลเห็นผู้ลงมือ เป็นชายชราในชุดคลุมสีแดงคนหนึ่ง


 


“เจ้าเป็นผู้ใดกัน?!”


 


หลังจากที่แลเห็นร่างชราในชุดคลุมแดง เลือดลมทั่วกายของตี้จิ่วอดไม่ได้ที่จะปั่นป่วน มันคำรามออกเสียงดัง ยังพยายามระงับพลังที่ปั่นป่วนในร่างเต็มที่


 


ชายชราในชุดคลุมสีแดงนี้ แน่นอนว่าย่อมเป็นผู้เฒ่าหั่ว หลังจากที่เห็นตี้จิ่วสามารถรับการโจมตีเมื่อครู่ได้ ใบหน้าผู้เฒ่าหั่วก็เผยความประหลาดใจให้เห็น


 


วินาทีต่อมา ลูกตาทั้ง 2 ข้างของผู้เฒ่าหั่วคล้ายมีเปลวเพลิงลุกติดดังพรึ่บ!


 


ทันใดนั้นเองทั้งร่างผู้เฒ่าหั่วก็เต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่ปะทุออก ยังต่างจากเปลวเพลิงทั่วไปที่มีสีแดง เพราะเพลิงนี้กลับมีสีทอง!


 


มวลอากาศสั่นไหว ร่างมนุษย์ที่มีเพลิงทองลุกท่วมแปรเปลี่ยนกลับกลายในฉับพลัน ร่างที่แท้จริงของผู้เฒ่าหั่ว อีกาทองคำสามขาพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าตี้จิ่ว!


 


“สัตว์เซียนอันใดกัน?!”


 


ตี้จิ่วย่อมไม่รู้จักร่างที่แท้จริงของผู้เฒ่าหั่ว


 


ล้อกันเล่นหรือไร!


 


ร่างที่แท้จริงของผู้เฒ่าหั่วคือ อีกาทองคำ 3 ขาที่หลงเหลืออยู่เพียงตัวเดียวในจักรวาล ทั้งเอกภพไร้ซึ่งอีกาทองคำ 3 ขาตัวที่ 2 อยู่อีก!


 


ด้านหลังม่านหมอกต้วนหลิงเทียนก็ยืนมองเรื่องราวอย่างเคร่งเครียด


 


ในสายตาเขาย่อมไม่เห็นม่านหมอกอะไร มีเพียงร่างที่แท้จริงของผู้เฒ่าหั่วกับตี้จิ่วกำลังเผชิญหน้ากันเท่านั้น


 


‘ยังเหลืออีก 9 ลมหายใจ…ข้าหวังว่าผู้เฒ่าหั่วจะฆ่ามันได้ทัน! ไม่งั้นข้าซวยหนักแน่!!’


 


ใจต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความหวังและความกังวล


 


ผลการต่อสู้ครั้งนี้จะลิขิตความเป็นความตายของเขา!


 


สำหรับเรื่องที่ผู้เฒ่าหั่วลงมือเพียงครั้งเดียวแล้วหยุดไปต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้


 


ตอนนี้ผู้เฒ่าหั่วกำลังมองหาช่องว่างของตี้จิ่ว เพื่อลงมือสังหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ!


 


ก่อนที่จะเข้ามาในเจดีย์ เขาก็บอกผู้เฒ่าหั่วไว้แล้วว่ามีเวลาเพียง 11 ลมหายใจเท่านั้น


 


ความเป็นความตายของเขาก็ส่งผลกระทบต่อผู้เฒ่าหั่วไม่น้อย เขาเชื่อว่าผู้เฒ่าหั่วย่อมไม่คิดเมตตาปราณีอะไร


 


พริบตาก็ผ่านพ้นไปอีก 1 ลหายใจ


 


ตอนนี้เองร่างผู้เฒ่าหั่วที่หวนคืนสู่รูปลักษณ์อีกาทองคำ 3 ขา ก็เปลี่ยนร่างกลับกลายเป็นไฟสีทอง ละม้ายคล้ายแสงตะวันยามเย็น พุ่งกระแทกเข้าร่างที่แท้จริงของตี้จิ่วอย่างแรง!


 


แน่นอนว่าความเร็วของเพลิงสีทองย่อมไวเกินกว่าที่ต้วนหลิงเทียนจะมองเห็นได้ทัน


 


ร่างของตี้จิ่วอะไรก็ไวเกินกว่าต้วนหลิงเทียนจะมองเห็นเช่นกัน


 


ปง!ปง! ปง!


 


……


 


การลงมือของผู้เฒ่าหั่ว แม้จะเพียงแค่ขยับตัวก็ทำให้อากาศแตกระเบิด เสียงสนั่นลั่นอื้ออึงจนหูต้วนหลิงเทียนแทบดับ


 


ตูม! ตูม! ตูม!


 


……


 


แทบจะพร้อมกันกับเสียงแตกระเบิดของอากาศ อากาศก็ถูกบีบอัดให้กลับกลายเป็นคลื่นกระแทกร้ายกาจ ที่ซัดกวาดออกมาทุกสารทิศ! ต้วนหลิงเทียนเองก็ต้านรับไม่ไหว จำต้องถอยไปหลายก้าวใหญ่!


 


ด้านติ้จิ่วเองก็ไม่กล่าววาจาใดออกมาอีกเลย


 


แน่นอนว่ามันเองก็อยากกล่าวคำ แต่การโจมตีของผู้เฒ่าหั่วนั้นโถมมาดั่งพายุบุแคม สะกดมันเอาไว้ทุกทาง!


 


ตอนนี้ในใจตี้จิ่วหวังเพียงให้เจดีย์เร่งขับมันออกไปโดยเร็วเท่านั้น


 


อย่างไรก็ตามหลังผ่านพ้นไปเกิน 4-5 ลมหายใจแล้วมันยังไม่ถูกขับออกไป ใจมันก็ปรากฏโทสะท่วมท้นขึ้นมาทันที ‘ระยำ! สารเลวน้อยนั่นมันหลอกข้า!!’


 


หากมาถึงจุดนี้แล้วมันยังไม่อาจเดาได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น เกรงว่าชีวิตที่อยู่มาหลายปีคงสูญเปล่า…


 


อย่างไรก็ตามแม้โทสะจะล้นใจทั้งคับแค้นอยากขยี้ร่างต้วนหลิงเทียนให้แหลกคามือ แต่มันก็รู้ดีว่าตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดไม่ใช่มัวแต่มามีโทสะ มันจำต้องรับมือวิกฤตการณ์เบื้องหน้าให้ได้เสียก่อน!


 


ตี้จิ่วลงมือด้วยพลังทั้งหมดอย่างไม่มีออมรั้ง


 


อย่างไรก็ตามถึงกระนั้นมันก็ถูกผู้เฒ่าหั่วซัดจนหน้าทิ่มดิน


 


ภายใต้การลงมืออันดุร้ายของผู้เฒ่าหั่ว ตี้จิ่วไร้ซึ่งหนทางตอบโต้ ยังสัมผัสได้ถึงความตายที่คืบคลานเข้ามาทุกขณะ!


 


การตระหนักเรื่องนี้ทำให้ตี้จิ่วร้อนรนทั้งหวาดกลัวในใจนัก!


 


และเมื่อมันตื่นตระหนกแล้ว ก็ยากจะระงับความผวาดผวาที่เริ่มกัดกิน!


 


‘สัตว์เซียนบัดซบนี่มันตัวอะไรกันแน่ ข้ามิเคยพบเห็นมันในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ามาก่อนเลย ที่น่ากลัวที่สุดยังไม่ร้ายกาจถึงขั้นนี้! จากพลังที่มันเผยออก ด่านพลังฝึกปรือของมันสมควรอ่อนด้อยกว่าข้าหลายขุม แต่ไฉนมันถึงได้ร้ายกาจนัก!’


 


ยิ่งมาตี้จิ่วยิ่งกังวล


 


‘ไม่…แบบนี้อีกไม่ถึง 10 ลมหายใจ ข้าได้ตายคามือมันแน่!’


 


ยิ่งตระหนักได้ถึงความต่างชั้นของฝีมือ ตี้จิ่วก็ยิ่งพยายามครองสติให้สงบมากเท่าที่จะทำได้!

 

 

 


ตอนที่ 1538

 

หลบหนีจากความตาย


 


เป็นเพราะตี้จิ่วกลับมาสงบใจและพยายามป้องกันจุดชีวิตเอาไว้เต็มที่มันถึงไม่ถูกฆ่าตาย และทันทีที่ครบกำหนด 11 ลมหายใจ ม่านพลังจากค่ายกลที่คอยกั้นน้ำทะเลเอาไว้ก็สลาย!


 


ใน 11 ลมหายใจที่ผ่านมาตี้จิ่วอาการสาหัสปางตาย และเจียนถูกผู้เฒ่าหั่วดับชีพอยู่รอมร่อ! อนิจจามันยังอุตส่าห์รอดมาได้!!


 


เมื่อน้ำทะเลโถมถันใส่เจดีย์ ไม่ว่าจะเป็นต้วนหลิงเทียนที่ซ่อนตัวอยู่ หรือตี้จิ่วที่ลมหายใจรวยรินก็ถูกขับออกมาจากเจดีย์ทันที


 


“ไอ้หนู เรื่องนี้ข้าตี้จิ่วไม่มีวันลืม..เจอกันครั้งหน้าข้าไม่ละเว้นเจ้าแน่!!”


 


เมื่อต้วนถูกขับออกมาจากเจดีย์ เขาก็ได้ยินเสียงผ่านปราณแท้ของตี้จิ่ว ที่กำลังหลบหนีไปทันที


 


วินาทีที่ร่างตี้จิ่วถูกขับออกมาจากเจดีย์มันก็รีบขยี้ยันต์เต๋าระดับสูงในมือ ร่างมันพลันแปรเปลี่ยนเป็นเส้นสายอัสนีวูบหายไปในพริบตา


 


ยันต์เต๋าระดับสูงนั้นสามารถใช้ปราณแรกกำเนิดเปิดการทำงานได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องกล่าวคำสำแดง


 


เพียงขยี้พร้อมจ่ายปราณแรกกำเนิดลงไปเท่านั้น


 


ต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินเสียงอิดโรยผ่านปราณแท้ของตี้จิ่ว เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าอาการอีกฝ่ายสาหัสนัก


 


ยิ่งไปกว่านั้นมันยังไม่กล้ารั้งอยู่ต่ออีกแม้แต่วินาทีเดียว เห็นชัดว่ามันหวาดกลัวผู้เฒ่าหั่วจับใจ!


 


“ข้ารีบไปดีกว่า…ตอนนี้อาศัยจังหวะที่มันสาหัสทั้งตื่นตระหนกจนไม่มีสติคิดให้ถี่ถ้วน รีบกลับไปพาลุงเฟิ่งทั้งคนอื่นๆ ออกจากเกาะป้านเยว่!”


 


ต้วนหลิงเทียนไม่คิดรอช้าอะไร ไม่แม้แต่จะกล่าวทักผู้เฒ่าหั่วที่อยู่ในร่างอีกาทองคำ 3 ขาในเจดีย์ เขาก็รีบย่นย่อเจดีย์เก็บไว้ แล้วพุ่งร่างออกจากหุบเหวใต้ทะเลลึก กลับเกาะป้านเยว่ด้วยความเร็วสูงสุด!


 


หลังจากกลับมาถึงเกาะป้านเยว่ เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆก็ยินดีที่ได้พบเขานัก!


 


“มีอะไรไว้ค่อยคุยกัน ตอนนี้พวกเราต้องรีบหนี ก่อนที่ตี้จิ่วมันจะย้อนกลับมาเกาะป้านเยว่!”


 


เมื่อเห็นว่าเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆ คิดจะไถ่ถามอะไร ต้วนหลิงเทียนก็เร่งตัดบท สะบัดมือเปล่งพลังไร้สภาพขุมใหญ่ห่อหุ้มคนทั้งหมด ก่อนที่จะนำพาร่างทั้งหมดพุ่งขึ้นฟ้าไปด้วยความเร็วสูงสุด!


 


อย่างไรก็ตาม ออกจากเกาะป้านเย่วแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้พาทั้งหมดมุ่งหน้ากลับทวีปมนุษย์โดยตรง!


 


เขาเลือกที่จะพุ่งร่างไปทางทิศตะวันออก และเริ่มตีวงโค้งอ้อมไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เหินเลยผ่านทวีปมนุษย์ไปไกลก่อนเปลี่ยนทิศทางอีก 2 ครั้งเข้าทวีปมนุษย์จากด้านใต้ของทวีป!


 


ที่เขาจำเป็นต้องทำแบบนี้เพราะ หวั่นตี้จิ่วจะดิ่งลงใต้มุ่งมมาทวีปมนุษย์โดยตรง ด้วยความเร็วของมันย่อมตามทันเขาได้ในเวลาพริบตา! อีกทั้งมันต้องปูพรมค้นหาเขาไปทั่วทิศเหนือของทวีปเป็นแน่!!


 


และความจริงก็พิสูจน์ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของต้วนหลิงเทียนถูกต้อง!


 


หลังจากที่ตี้จิ่วขยี้แผ่นยันต์เต๋าช่วยชีวิต จนหนีมาได้มันก็เร่งหยิบโอสถเซียนระดับสูงหลายขนานออกมากินรักษาตัว ทำให้อาการบาดเจ็บของมันค่อยๆทุเลาลงทันที


 


ตี้จิ่วตอนนี้แม้สภาพจะไม่สมบูรณ์ทั้งยังสาหัสนัก แต่มันก็ยังมีความมั่นใจว่าสามารถบดขยี้ตัวตนที่ยังไม่ทะลวงมาถึงขอบเขตเซียนได้ง่ายดาย!


 


ขณะเดียวกันความตื่นตระหนกเสียขวัญในใจของมันก็ค่อยๆซาลง มันเริ่มมีสติคิดทบทวนเรื่องราวได้อีกครั้ง


 


“ไม่!”


 


มันรู้สึกผิดท่าขึ้นมาทันทีเมื่อย้อนคิด “นกประหลาดไฟท่วมตัวนั่น มิได้ไล่ตามออกมาฆ่าข้า…หรือที่แท้มันจักออกมาจากเจดีย์ประหลาดนั่นไม่ได้!?”


 


พอคิดถึงเรื่องนี้ ยิ่งมาตี้จิ่วก็ยิ่งยืนยันข้อสันนิษฐานตัวเอง ว่าสมควรไม่ผิด!


 


“บัดซบ! ไฉนข้าถึงมิคิดเรื่องนี้ได้แต่แรก? เช่นนั้นถึงแม้ข้าจักมิอาจเข้าไปในเจดีย์ประหลาดนั่นได้อีกรอบ แต่คิดฆ่าไอเด็กบัดซบนั่นหลังถูกขับออกมาจากเจดีย์ย่อมง่ายดายนัก!”


 


พอคิดถึงต้วนหลิงเทียน ตี้จิ่วก็ขบฟันดังกรอด ใจเต็มไปด้วยความแค้น


 


หากตอนนี้มันยังไม่ตระหนักได้ว่า ที่มันเกือบตายล้วนเป็นแผนของต้วนหลิงเทียน ชีวิตที่ผ่านมาหลายปีของมันคงไร้ค่าเยี่ยงสุนัข!


 


ถึงแม้ตี้จิ่วจะคิดว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่ต้วนหลิงเทียนจะเป็นเจ้าของเจดีย์ประหลาดนั่น แต่มันรู้ได้ทันทีว่าที่มันต้องเกือบตายไม่วายเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนแน่!


 


ทันทีที่มันเข้าไปในเจดีย์มันก็พบเจอกับตัวตนอันน่ากลัวนั่นทันที!


 


ในสายตาของมัน


 


ด้วยพลังฝีมือของสัตว์เซียนอันร้ายกาจนั่น อาศัยพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียน คงตกตายในชั่วพริบตา!


 


แต่ทว่าก่อนหน้านั้น เด็กน่าตายนั่นกลับอยู่รอดได้ถึง 1 เค่อ!


 


ต้องทราบด้วยว่ากระทั่งมันตี้จิ่ว ยังอยู่ได้แทบไม่พ้น 10 ลมหายใจ! ถึงรอดตายมาได้แต่ก็ร่อแร่เต็มที! กระทั่งออกมาแล้วมันยังต้องใช้ยันต์เต๋าช่วยชีวิตหลบหนีมาแบบนี้!!


 


ตอนนั้นในใจมันมีเพียงความตื่นตระหนกจึงไม่อาจคิดอะไรได้ถี่ถ้วน


 


หาไม่แล้วมันคงไม่รีบหนีมาแบบนี้


 


ตอนนี้พอทุกเรื่องราวกระจ่างแจ้งดั่งตาเห็น ตี้จิ่วก็โมโหนัก “สารเลวน้อยเจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้มาหลอกข้า! หากข้าไม่ฆ่าเจ้าให้ตาย ข้าตี้จิ่วยอมเป็นมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บชั้นสวะของเผ่าพันธุ์มังกร!!”


 


ตอนนี้ตี้จิ่วมั่นใจเต็ม 10 ส่วน ว่าสัตว์เซียนอันน่ากลัวนั่น เป็นต้วนหลิงเทียนชักนำมาฆ่ามันแน่นอน!


 


และเพราะต้วนหลิงเทียนคุ้นเคยกับสภาพในเจดีย์ จึงสามารถหลบหนีอันตรายไปได้ หาไม่แล้วด้วยพลังอำนาจของนกไฟประหลาดนั่น อย่างต้วนหลิงเทียนคงตายในพริบตา!


 


ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ไฟแค้นในใจตี้จิ่วยิ่งลุกโหมขึ้นมามากขึ้นเท่านั้น


 


ฟุ่บ!


 


ทันใดนั้นร่างตี้จิ่วก็ปะทุพลังสุดตัวพุ่งหายไปทันใด ร่างมันดิ่งลงไปในหุบเหวลึกใต้สมุทรก่อนหน้าทันที


 


อนิจจาแม้มันจะรีบกลับมาด้วยความเร็วสูงสุด แต่มันก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของต้วนหลิงเทียน


 


กระทั่งเจดีย์ 7 ชั้นนั่นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย


 


“ดูเหมือนว่าจักเป็นแถวๆนี้”


 


มันเดินแหวกดงสาหร่ายที่ต้วนหลิงเทียนเข้าไปตอนแรก ก่อนที่จะลองกระทืบพื้นตามต้วนหลิงเทียน อนิจจาเจดีย์ประหลาดกลับไม่ผุดโผล่ออกมาให้เห็น


 


“ข้ากระทืบผิดจุดรึ?”


 


ตี้จิ่วเริ่มกระทืบพื้นสมุทรในดงสาหร่ายอย่างหงุดหงิด อนิจจาแม้มันจะย่ำจนสาหร่ายเละไปทั้งดง แต่เจดีย์ก็ไม่ปรากฏให้เห็นเลย!


 


“ต้องใช้วิธีอันใดนอกเหนือจากนี้ในการเรียกให้เจดีย์ปรากฏงั้นเหรอ?”


 


หน้าตี้จิ่วมืดคล้ำดำลง มันไม่เข้าใจจริงๆว่าต้องทำอย่างไร


 


หากการกระทำนี้ของตี้จิ่ว ต้วนหลิงเทียนสามารถแลเห็นล่ะก็ เขาคงได้หัวเราะจนปวดท้องตาย!


 


ที่เขาทำแบบนั้น ไม่ใช่อะไรอื่นเพียงหลอกให้ตี้จิ่วไขว้เขวเท่านั้น


 


ตอนที่เขาเหินผ่านบริเวณนั้นครั้งแรก เขาก็ได้แอบปล่อยเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเอาไว้แล้ว ซึ่งตอนนั้นตัวเจดีย์ก็ถูกย่อให้เล็กเท่าเม็ดฝุ่น สุดท้ายพอพาตี้จิ่วเหินกลับมาใกล้ๆแถวนั้น เขาก็แค่คิดให้เจดีย์ขยายใหญ่เท่านั้น


 


เรียกว่าการกระทืบเท้า ก็แค่ดึงความสนใจมันเฉยๆ!


 


หลังจากลองทุกอย่างแต่ไม่อาจทำให้เจดีย์ปรากฏออกมาได้ ตี้จิ่วก็ตระหนักได้ถึงความสิ้นหวัง ใบหน้ามันเผยความสลดหดหู่จนปัญญา


 


“สารเลวน้อยนับว่าเจ้ายั่วโมโหข้าสำเร็จแล้วจริงๆ…! อย่าได้หวังว่าเจ้ากับสหายเจ้าจะมีวันพรุ่ง! ข้าจะฆ่าพวกมันเสียให้สิ้น และนี่มินับว่าขัดต่อคำสาบานเพราะเจ้าผิดคำพูดก่อน!”


 


ด้วยโทสะอันล้นปรี่ ตี้จิ่วปะทุพลังสุดตัวพุ่งขึ้นจากหุบเหวใต้ทะเลลึก ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังเกาะป้านเยว่ในพริบตา!


 


อย่างไรก็ตามพอมันกลับมาถึงมันก็พบว่าทุกคนหายไปหมดแล้ว!


 


มันเหินร่างไปทั่วเกาะป้านเยว่พร้อมตรวจสอบทุกตารางนิ้ว แต่ก็ไม่พบร่องรอยของสิ่งมีชีวิตใดๆ “พวกมันมาจากทวีปมนุษย์…เช่นนั้นสมควรกลับไปทวีปมนุษย์”


 


“เพียงเวลาแค่ไม่นาน สารเลวน้อยนั่นไม่มีวันพาทุกคนหนีไปได้ไกล ตราบใดที่ข้าเหินตามไปถูกทาง ข้าย่อมไล่พวกมันทันได้ในเวลาอันสั้น!”


 


เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ร่างตี้จิ่วก็ดิ่งลงใต้ด้วยความเร็วสูงสุดทันที


 


ทว่าหลังผ่านไป 2 เค่อ ตี้จิ่วก็ได้แต่รำพันอย่างคับแค้น “บัดซบเอ๊ย ดูเหมือนพวกมันจักมิได้มุ่งหน้าลงใต้…หาไม่แล้วด้วยวามเร็วของข้าป่านนี้สมควรไล่ทันไปเนิ่นนาน!”


 


ร่างตี้จิ่วตอนนี้หยุดอยู่กลางหาว ไม่ไกลจากทวีปมนุษย์มากเท่าไหร่


 


“สารเลวน้อยนั่นเจ้าเล่ห์นัก…ข้าคิดเรื่องนี้ได้ ไหนเลยมันยังคิดไม่ได้ มิพ้นมันต้องพาทั้งหมดอ้อมไปทางอื่นแน่!”


 


พอตระหนักได้ตี้จิ่วก็เร่งเหินย้อนกลับไปเกาะป้านเยว่ ขณะที่เหินขึ้นเหนือย้อนกลับ มันก็พุ่งไปซ้ายทีขวาที ปูพรมหาอย่างละเอียด!


 


การย้อนกลับเกาะป้านเยว่คราวนี้ เรียกว่ามันซิกแซกไปมา อย่างไม่คิดพลาดแม้แต่ตารางนิ้วเดียว!


 


อนิจจาหลายวันผ่านไปมันก็ไม่พบอะไรเลย


 


ในที่สุดมันก็ย้อนกลับมาถึงเกาะป้านเยว่ คราวนี้มันเลือกที่จะเหินร่างมุ่งลงทิศตะวันตกเฉียงใต้ก่อนค่อยเปลี่ยนไปหาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้หมายค้นหาให้ทั่ว อนิจจาต้วนหลิงเทียนนั้นได้พาเฟิ่งหวู่เต้ากับทั้งหมดกลับมาถึงบ้านเกิดเขาแล้ว…


 


ทุกครั้งที่กลับมายังทวีปเมฆาล่องต้วนหลิงเทียนมักจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ


 


ทว่าตอนนี้อารมณ์เขาขุ่นมัวนัก ยังคล้ายมีหมอกทมิฬลอยล่องเหนือหัวก็ไม่ปาน


 


คู่หมั้นทั้ง 2 กลับหายตัวไป หนึ่งไม่รู้ไปอยู่ที่ใด อีกหนึ่งกลับถูกพรากไปต่อหน้าต่อตา ความรู้สึกของเขาตอนนี้ราวมีคนควักหัวใจออกไปจากอก แทบจะคลั่งอยู่รอมร่อ!


 


อย่างไรก็ตามในที่สุดเขาก็สามารถสงบจิตสงบใจได้


 


เขารู้ดีแก่ใจ ว่าร้อนรนไปก็เท่านั้น ไม่เกิดประโยชน์ใดๆเลย


 


ต้วนหลิงเทียนย่อมมีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ดีเลิศ เพราะอย่างน้อยเขาก็อยู่มาถึง 2 ชีวิตแล้ว


 


‘เสี่ยวเฟยเอ๋อสมควรอยู่กับพวกเจ้าตัวเล็ก…เช่นนั้นข้ามั่นใจว่าพวกนางคงปลอดภัยดี ผ่านมา 3 ปี ป่านนี้พวกตัวเล็กน่าจะทะลวงถึงหลุดพ้นมนุษย์กันแล้ว ด้วยความที่พวกมันเป็นสัตว์เซียน นอกเหนือจากความแข็งแกร่งไม่ธรรมดา พวกมันสมควรมีลางสังหรณ์อันแม่นยำ ทั้งสัญชาตญาณเหนือมนุษย์ เกาะป้านเย่วถูกทำลายแบบนี้ พวกมันต้องย้อนกลับไปหาเฉวี่ยไน่ทันทีแน่…ป่านนี้คงปลอดภัยดี’


 


หลังจากที่สงบลง ความคิดต้วนหลิงเทียนก็กลับมาแจ่มใส


 


พอคิดได้ ใจเขาก็โล่งขึ้นมาไม่น้อย


 


‘เค่อเอ๋อถูกชือเม่ยพาตัวไปแบบนั้น…แต่จากสายตาท่าทีของนาง เค่อเอ๋อคงสำคัญต่อนางมาก อย่างน้อยๆนางไม่มีวันทำร้ายเค่อเอ๋อได้แน่…นางมาจากนิกายบูชาไฟอะไรนั่นสินะ วันหน้าหากข้าคิดหาตัวเค่อเอ๋อ นี่นับเป็นเบาะแสสำคัญอย่างเดียวที่ข้ามี’


 


เมื่อคิดถึงเค่อเอ๋อแม้ใจเขาจะรู้ว่าตอนนี้นางสมควรปลอดภัย แต่ใจก็ยังอดกังวลไปไม่ได้


 


นั่นเพราะเขาเห็นกับตาว่าชือเม่ยคล้ายไม่ปลื้มเขากับลูกในท้องเค่อเอ๋อสักเท่าไร…


 


ยิ่งไปกว่านั้น จากวาจาของชือเม่ยเขาย่อมจับใจความสำคัญได้…มีคนอีกกลุ่มที่ตามหาตัวเค่อเอ๋อ อีกทั้งยังไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่!


 


“เค่อเอ๋อมีความเป็นมาอย่างไรกันแน่?”


 


เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสงสัย


 


ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้พาร่างเฟิ่งหวู่เต้ากับทุกคนมาถึงเขตปกครอง 10 ราชวงศ์เรียบร้อยแล้ว ยังเป็นพื้นที่ตอนใต้ของทวีปเมฆาล่อง ราชวงศ์ต้าฮั่น! ตอนนี้เขาพาทั้งหมดมายังอาณาจักรพนาคราม อาณาจักรเล็กๆใต้อาณัติจักรวรรดิศิลาทมิฬ!


 


จุดหมายปลายทางของต้วนหลิงเทียนคือหุบเขาลึก ที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านตระกูลฉง


 


ยังเป็น ผาน้ำตกที่เซียนกระบี่ฟงชิงหยาง ทิ้งคำ ‘กระบี่’ เอาไว้!


 


คนที่มากับเขาตอนนี้คือคนที่เต็มใจสละชีวิตเพื่อเขา เขาย่อมไม่คิดปิดบังเรื่องนี้


 


แน่นอนในนี้ก็มีคนที่เคยมาหุบเขาแห่งนี้แล้ว


 


อย่างเช่นฉงเฉวียนกับเฟิ่งหวู่เต้า รวมถึงซื่อหม่าฉางฟง ทั้ง 3 ก็ได้รับประโยชน์กันไปไม่มากก็น้อย


 


ส่วนเฉินเฉ่าช่วย คู่แฝดหนานกง ทั้งโฉดคลุมทองนั้น เป็นครั้งแรก


 


และทันทีที่มาถึงเขาก็ไม่แปลกใจเลย ที่พวกมันจะจมจ่อมอยู่ในภวังค์ หลังเห็นคำว่า ‘กระบี่’ ข้างผาน้ำตก…

 

 

 


ตอนที่ 1539

 

มหาอำนาจที่มิอาจล่วงเกิน…นิกายบูชาไฟ!


 


เฉินเฉ่าช่วยกับคนที่เหลือต่างเป็นผู้ที่มาเยือนผาน้ำตกครั้งแรก ล้วนถูกคำ ‘กระบี่’ บนผาน้ำตกดึงดูดความสนใจไปสิ้น


 


ต้วนหลิงเทียนหันไปกล่าวกับเฟิ่งหวู่เต้า ซื่อหม่าฉางฟง กับฉงเฉวียนเสียงเข้ม “ผู้ที่ทิ้งคำกระบี่ไว้บนผาน้ำตก…เป็นยอดคนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าจริงๆ เรื่องนี้ข้ายืนยันได้แน่ชัดแล้ว”


 


ถึงแม้คำ ‘กระบี่’ จะเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อ แต่ตอนแรกต่างก็คิดว่าวาจาที่เหลือไว้มันเกินจริงไปหน่อย


 


ไม่ต้องกล่าวถึงพวกเฟิ่งหวู่เต้ากับคนอื่น ตอนนั้นกระทั่งต้วนหลิงเทียนยังไม่อยากจะเชื่อ


 


จนกระทั่งวันก่อนพอเขาได้เห็นอาการของตี้จิ่ว ต้วนหลิงเทียนก็พบได้ทันทีว่าเซียนกระบี่ฟงชิงหยางนั้นร้ายกาจถึงเพียงใด


 


นั่นทำให้เขาพลันตระหนักถึงคุณค่าของผาน้ำตกนี่เพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน


 


ด้านพวกเฟิ่งหวู่เต้าพอได้ยิน ก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ


 


ในเมื่อต้วนหลิงเทียนกล่าวยืนยันออกมาเอง พวกมันก็ไม่คิดคลางแคลงสงสัยอะไรอีก หันไปจับจ้องมองคำ ‘กระบี่’ อีกครั้งทันที หมายได้รับความเข้าใจเพิ่มเติม


 


ต้วนหลิงเทียนพาทั้งหมดมาที่นี่ด้วยเหตุผล 2 ประการ หนึ่งเพื่อมาดูมรดกที่เซียนกระบี่ฟงชิงหยางทิ้งไว้อีกครั้ง ส่วนประการที่สองก็เพื่อซ่อนตัวจากตี้จิ่ว


 


เขาเชื่อมั่นว่าหากเป็นที่นี่ต่อให้ตี้จิ่วมาถึงทวีปเมฆาล่อง ให้มันตระเวนหาไปทั่วก็ยากที่จะพบเจอพวกเขา!


 


นั่นเพราะหุบเขาแห่งนี้มีพลังอันยากหยั่งถึงที่เอ่อล้นออกมาจากคำ ‘กระบี่’ ปกคลุม มันสามารถระงับพลังวิญญาณทั้งมวลที่แผ่ลงมาสำรวจได้ โดยที่ไม่ทำให้เจ้าของพลังวิญญาณสัมผัสถึงความผิดปกติ


 


ด้วยเหตุนี้เขาจึงคิดใช้ที่แห่งนี้เป็นที่ซ่อนตัว เพราะมันปลอดภัยที่สุด


 


และดั่งที่ต้วนหลิงเทียนคิดไว้ไม่มีผิด ตี้จิ่วนั้นได้ออกตระเวนล่าตัวต้วนหลิงเทียนไปทั่วทั้งทวีปมนุษย์!


 


ตอนนี้อาการบาดเจ็บของมันก็หายดีหลายส่วน


 


ถึงแม้จะยังไม่ฟื้นฟูถึงขั้นสมบูรณ์พร้อม แต่คงใช้เวลาเพียงไม่นานในการตรวจสอบทั้งทวีปมนุษย์!


 


เวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน


 


ไม่กี่เดือนต่อมา ทวีปเมฆาล่องก็ถูกตี้จิ่วตรวจสอบทุกตารางนิ้ว อนิจจากลับไม่พบร่องรอยต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆเลย จังหวะนี้อดไม่ได้ที่มันจะพิโรธเดือดดาลหนักข้อ!


 


ตี้จิ่วเลือกที่จะย้อนกลับไปยังเกาะป้านเยว่ ก่อนที่จะระบายโทสะแค้นด้วยการซัดพลังทำลายเกาะป้านเยว่!


 


ปง! ปง! เปรี๊ยง! ตูม!!


 


……


 


ภายใต้การซัดพลังระบายแค้นอย่างคุ้มคลั่ง เกาะป้านเยว่ก็ไม่อาจทานทนรับไหวสืบไป รากฐานพังทลาย ตัวเกาะจมลงสู่ก้นสมุทร!


 


บัดนี้เกาะป้านเยว่ที่เคยดำรงอยู่ กลับไม่มีอีกต่อไป คงเหลือเพียงห้วงสมุทรอันว่างเปล่าเท่านั้น!


 


“ต้วน หลิง เทียน!!”


 


เมื่อคิดถึงชายหนุ่มชุดม่วงที่ปั่นหัวมัน ตี้จิ่วได้แต่คำรามออกมาด้วยความคับแค้น ขบเคี้ยวฟันจนหลั่งเลือด อนิจจามันยังจะทำอะไรได้


 


เกลียดชังเคียดแค้นปานใด หาตัวไม่เจอก็เท่านั้น…


 


“จากไหวพริบของสารเลวน้อยนั่น ยงเอ๋อมิพ้นถูกมันล่อลวงเข้าไปในเจดีย์ จนถูกนกไฟสีทองประหลาดนั่นฆ่าตายไปแล้วแน่!”


 


ตี้จิ่วยิ่งคิดก็รู้สึกว่าฆาตกรตัวจริงสมควรเป็นต้วนหลิงเทียนไม่ผิดเพี้ยน! ด้วยความเคียดแค้นสังหารบุตรชาย ใจมันยิ่งทวีความอาฆาตต่อต้วนหลิงเทียนถึงขีดสุด มิอาจอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันได้สืบไป!


 


“ต้วนหลิงเทียน ไม่ช้าก็เร็วข้าต้องหาเจ้าเจอแน่! ถึงตอนนั้นข้าจะทรมานจนเจ้าร่ำร้องขอความตาย!!”


 


หลังคำรามออกด้วยโทสะจนห้วงสมุทรปั่นป่วนอีกรอบ ตี้จิ่วก็จากไป


 


มันมุ่งหน้าขึ้นเหนือ กลับสู่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า


 


จุดหมายปลายทางของมันคือเผ่าพันธุ์มังกร!


 


ในขณะที่มันนึกแค้นต้วนหลิงเทียนจนอยากจับจับอีกฝ่ายมาแล่เนื้อเถือหนังบดกระดูก ใจตี้จิ่วก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงร่างสตรีนางนั้นขึ้นมา


 


สตรีนางนั้นย่อมเป็นชือเม่ย


 


“นิกายบูชาไฟคืออันใดกัน ใยข้าถึงมิเคยได้ยินนามของขุมพลังนี้มาก่อน…ทว่ากลับสร้างยอดฝีมือเช่นนางขึ้นมาได้ เช่นนั้นไม่สมควรไร้ชื่อเสียงบนดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้”


 


ขณะที่พึมพำใจตี้จิ่วก็อดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความสับสน


 


“ฟังจากที่นางว่า คล้ายผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรจักล่วงรู้เรื่องนิกายบูชาไฟ”


 


พอนึกถึงเรื่องนี้ ใจตี้จิ่วก็คิดว่า พอกลับไปถึงจะถามผู้นำให้รู้ความ


 


อย่างไรก็ตามในขณะเดินทาง ส่วนมากอารมณ์ของมันยังเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนคนเดียว!


 


มันว่ามันก็ระวังตัวและรอบคอบมากแล้ว แต่ยังตกหลุมพรางของต้วนหลิงเทียนเสียได้!


 


เรื่องนี้ทำให้มันเจ็บใจทั้งโกรธแค้นนัก!


 


ชั่วชีวิตมัน ไหนเลยยังเคยถูกผู้คนปั่นหัวแบบนี้?


 


ซ้ำร้ายผู้ที่ปั่นหัวมัน เผลอๆจะเป็นฆาตกรฆ่าบุตรชายของมันอีกด้วย!


 


ในฐานะ ‘มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ’ ศักดิ์ศรีมันยังสำคัญกว่าชีวิต! ไหนเลยจะทำใจยอมรับได้..ว่าถูกปั่นหัวเล่นเช่นนั้น!!


 


ด้วยเหตุนี้แม้กระทั่งมันกลับมาถึงเผ่ามังกรแล้ว ใจมันก็ยังเต็มไปด้วยโทสะยากระงับ


 


“ตาแก่ เจ้าเคยได้ยินเรื่อง ‘นิกายบูชาไฟ’ หรือไม่?”


 


หลังจากที่กลับมาถึงเผ่าพันธุ์มังกร ตี้จิ่วก็ตรงไปหาผู้นำเผ่าพันธุ์ อันเป็นมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บ แต่ต่างสายพันธุ์กับมันก่อนอื่นใด


 


“จะ…เจ้าไปได้ยินนาม ‘นิกายบูชาไฟ’ มาแต่ที่ใด!?”


 


พอได้ยินคำถามของตี้จิ่ว สีหน้าผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรเปลี่ยนไปทันที ใบหน้าเผยให้เห็นถึงความหวาดผวาพรั่นกลัว ลูกตาสั่นไหวเลื่อนลอยคล้ายเห็นผี


 


ความหวาดกลัวของผู้นำ ตี้จิ่วย่อมเห็นได้ชัด


 


อา!


 


ทำให้ผู้นำหวาดกลัวได้ถึงขั้นนี้ นิกายบูชาไฟ ที่แท้คืออะไรกันแน่?


 


“ตาแก่ นิกายบูชาไฟ ร้ายกาจมากหรือ?”


 


ตี้จิ่วถามออกไปทันที


 


“บอกข้ามา! เจ้าไปได้ยินนามนิกายบูชาไฟมาได้อย่างไร!? พูด!!”


 


ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรไม่ตอบ แต่เลือกที่จะถามซ้ำ ขณะถามน้ำเสียงเต็มไปด้วยความร้อนรนใจไม่น้อย ราวกับคำตอบนี้สำคัญใหญ่หลวง!


 


เมื่อเห็นผู้นำจริงจังร้อนใจขนาดนี้ ตี้จิ่วก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย จึงกลายเป็นตึงเครียดขึ้นมาเช่นกัน


 


ยกเว้นเรื่องเจดีย์ 7 ชั้นประหลาดนั่น มันเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนเกาะป้านเยว่โดยไม่ปิดบังอะไรเลย รวมถึงสตรีที่กล่าวว่ามาจากนิกายบูชาไฟนั่นด้วย


 


สาเหตุที่มันไม่กล่าวถึงเจดีย์ประหลาด 7 ชั้นนั่น ล้วนเป็นเพราะความโลภในใจและความเห็นแก่ตัวของมันทั้งสิ้น


 


ในสายตาของมัน ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะหลอกมันได้ แต่เจดีย์ 7 ชั้นนั่นไม่ใช่ของปลอม!


 


พลังอำนาจที่ขับไล่มันออกจากเจดีย์เป็นอะไรที่มหาศาลยากหยั่งถึง สุดที่มันจะต้านทานได้จริงๆ!


 


ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะเป็นเจ้าของเจดีย์ดังกล่าว


 


ในความคิดของมัน เจดีย์ประหลาดนั่นสมควรยังอยู่ที่ก้นเหวลึกใต้สมุทร เพียงแค่มันยังหาวิธีเรียกออกมาไม่เจอเท่านั้น


 


ตอนนี้ในเมื่อมันเห็นเจดีย์นั่นแล้ว เช่นนั้นเจดีย์นั่นคือของมัน มิอาจให้ใครแตะต้องได้!


 


‘มรดกของเซียนกระบี่ฟงชิงหยางต้องเป็นของข้าตี้จิ่วแต่เพียงผู้เดียว! มีแต่ข้า ตี้จิ่ว! ที่สมควรเป็นผู้สืบทอดของเซียนกระบี่!!’


 


นี่คือความทะยานอยากของตี้จิ่ว!


 


หลังได้ฟังเรื่องราวจากปากตี้จิ่ว ผู้นำเผ่าพันธุ์พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ดูเหมือนว่านางจะไม่ติดใจถือสาหาความอันใดกับเจ้ารวมถึงเผ่าพันธุ์มังงกรของพวกเรา ขอบคุณสวรรค์!”


 


ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรที่ยังเต็มไปด้วยความกลัว กล่าวออกมาด้วยความโล่งใจ


 


“ตาแก่ นี่เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่านิกายบูชาไฟนั่นมันคืออะไรกันแน่ ไฉนถึงได้กลัวนักเล่า? แถมข้าเองก็ไม่เคยเห็นได้ยินเรื่องนิกายนี้มาก่อน ทำไมกระทั่งเจ้ายังกลัวได้ขนาดนี้…”


 


ในเรื่องนี้ตี้จิ่วอดไม่ได้ที่จะสงสัยนัก


 


“ตี้จิ่ว เจ้ายังมิได้เป็นผู้นำของเผ่าพันธุ์มังกร เช่นนั้นเรื่องนี้ข้ายังมิอาจบอกเจ้าได้…แต่ข้าขอกล่าวบอกเจ้าไว้คำเดียว…นิกายบูชาไฟ เป็นมหาอำนาจที่เผ่าพันธุ์มังกรเรามิอาจล่วงเกินได้โดยเด็ดขาด!”


 


ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรกล่าวออกด้วยน้ำเสียงจริงจัง


 


“ตาแก่เจ้าหมายความว่า…เรื่องนิกายบูชาไฟ เป็นอะไรที่รู้ได้เฉพาะผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรงั้นเหรอ?”


 


ตี้จิ่วสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ ก่อนที่จะกล่าวถาม


 


“มิผิด”


 


ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรกล่าวออกด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ที่จริงไม่ใช่แค่เจ้า กระทั่งอาวุโสในเผ่าพันธุ์เราก็อาจมิมีใครเคยได้ยินเรื่องนิกายบูชาไฟมาก่อน แต่ข้าก็ไม่ได้มั่นใจเต็มสิบส่วน…บางทีพวกมันอาจเคยได้ยินเรื่องนี้มาจากที่ไหนก็ได้”


 


“แต่เจ้าจดจำคำของข้าไว้เสียให้ดี…แม้เจ้าจะถูกคนของนิกายบูชาไฟหยามหมิ่นให้อัปยศอดสูเพียงใด เจ้าก็ทำได้แค่ก้มหัวยอมรับกล้ำกลืนฝืนทนเอาไว้เงียบๆอย่าได้ริอาจต่อต้านเด็ดขาด…เพราะเจ้าคือผู้นำคนต่อไปของเผ่าพันธุ์มังกร เจ้าต้องตระหนักถึงภาพรวมและรับผิดชอบคนทั้งเผ่า!”


 


ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรยังกล่าวกำชับย้ำเตือนออกมา


 


วาจาของผู้นำชราล้วนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นี่ทำให้ตี้จิ่วเองก็รู้สึกหวั่นใจไม่น้อย ด้านหนึ่งก็ยิ่งอยากรู้เรื่องของนิกายบูชาไฟให้มากกว่านี้ ด้านหนึ่งก็เริ่มหวาดกลัวขึ้นมา


 


ถึงแม้ว่ามันจะไม่ล่วงรู้เรื่องของนิกายบูชาไฟ แต่ตอนนี้มันตระหนักได้อย่างหนึ่ง


 


นั่นก็คือ…แม้พวกมันจะเป็นเผ่าพันธุ์มังกร แต่ก็ไม่อาจล่วงเกินอีกฝ่ายได้!


 


“จากที่เจ้าเล่ามา เช่นนั้นเจ้าก็ยังมิแน่ใจว่าผู้ใดฆ่าลูกเจ้ากันแน่?”


 


ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรกล่าวถามเปลี่ยนเรื่องออกมา


 


“ถึงแม้ว่าข้าจะยังไม่แน่ใจ แต่สารเลวน้อยที่เรียกว่าต้วนหลิงเทียนนั่นสมควรมีแรงจูงใจมากที่สุด”


 


ลูกตาของตี้จิ่วเผยความเคียดแค้นออกมาทันใด เร่งกล่าวออกเสียงเข้ม “ตาแก่ เรื่องนี้ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยข้าด้วย ส่งคนของเผ่าพันธุ์มังกรเราออกไปตามหาตัวบัดซบนั่น! ลากคอสารเลวน้อยต้วนหลิงเทียนนั่นมาให้ข้า!!”


 


ได้ยินคำของตี้จิ่ว ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรขมวดคิ้ว “ตี้จิ่ว จากที่ข้าฟังมา คนผู้นั้นสามารถหนีรอดไปได้ใต้เงื้อมมือเจ้า คิดว่าเป็นเรื่องง่ายที่คนของเผ่าพันธุ์มังกรเราจะหาตัวมันหรือ…ถึงแม้จะหาพบแต่เจ้าคิดว่าคนของพวกเราเต็มใจจับมันรึไร?”


 


“ตาแก่ที่มันหนีไปได้ล้วนเป็นเพราะข้าประมาทเอง!”


 


ตี้จิ่วกล่าวยืนกรานออกมา


 


เพราะความเห็นแก่ตัวของมันที่ไม่กล่าวถึงเรื่องเจดีย์ประหลาด 7 ชั้น ทำให้ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคิดว่าต้วนหลิงเทียนสามารถหนีรอดไปได้ต่อหน้าต่อตา


 


“ตี้จิ่ว เจ้าควรรู้ไว้ ว่าเรื่องนี้เผ่าพันธุ์มังกรเรามิอาจช่วยเจ้าได้…เจ้าอย่าได้ลืมไป ในสายตาของผู้คนในเผ่า ต้วนหลิงเทียนคนนั้นนับเป็นผู้มีพระคุณของเผ่าพันธุ์มังกรเราก็ว่าได้ ที่ช่วยกำจัดมังกรมาร…เจ้าคิดว่าคนในเผ่าจะช่วยเจ้าจับตัวผู้มีพระคุณได้หรือ?”


 


ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรส่ายหัว


 


“ตาแก่เจ้าไม่ต้องบอกคนอื่นว่าหาตัวมันเพราะฆ่าลูกข้าก็ได้ เพียงหาข้ออ้างอื่นไปเถอะ…หรือเรื่องแค่นี้เจ้ายังทำไม่ได้?”


 


ได้ยินวาจาของผู้นำชรา ตี้จิ่วเป็นกังวลไม่น้อย


 


พลังฝีมือของมันอาจจะแข็งแกร่ง แต่มันก็ตัวคนเดียว


 


ถึงแม้คนของเผ่าพันธุ์มังกรจะไม่ได้มีมากมายอะไร


 


แต่ถ้าแยกย้ายกันตามหา ก็ย่อมดีกว่ามันหาอยู่คนเดียว


 


“อะไร? นี่เจ้าถึงขั้นให้ข้าหลอกลวงผู้คนเลยงั้นเรอะ!?”


 


หน้าผู้นำชราจมลงทันใด กล่าวถามออกมาเสียงเข้ม


 


“ตาแก่ หากเจ้าจะคิดว่าหลอกลวงก็หลอกลวงเถอะ”


 


หน้าตี้จิ่วไม่สะทกสะท้าน ปานหมูตายไม่กลัวน้ำเดือด


 


“หากข้าปฏิเสธเล่า?”


 


ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรหยีตากล่าวถาม

 

 

 


ตอนที่ 1540

 

ยอดใจกระบี่!


 


“ตาแก่หากเจ้าปฏิเสธ ข้าเองก็ช่วยไม่ได้…ข้าตี้จิ่ว ก็แค่ออกจากเผ่าพันธุ์มังกร กลายเป็นผู้ฝึกตนพเนจรร่อนเร่ไปทั่วแดนดินก็เท่านั้น…”


 


ได้ยินคำของผู้นำเผ่าพันธุ์มังกร ตี้จิ่วเพียงกล่าวตอบไปอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน


 


“นี่เจ้ากล้าขู่ข้างั้นเรอะ?!”


 


ลูกตาผู้นำชราเผยประกายเย็นเยือก ตะคอกถามออกไปทันที!


 


“เจ้าจะคิดอย่างนั้นก็ได้ตาแก่”


 


เพื่อที่จะตามหาตัวต้วนหลิงเทียน ตอนนี้ตี้จิ่วกลายเป็นดื้อรั้นทำทุกทางแล้ว


 


แน่นอนว่านี่เป็นเพราะมันไม่กลัวว่าผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรจะปฏิเสธมัน!


 


“ประเสริฐ! ประเสริฐ!!”


 


ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรโกรธเสียจนหัวเราะฮ่าๆออกมาดังลั่น ก่อนที่จะสะบัดมือซัดร่างตี้จิ่วจนปลิดปลิว “ไสหัวไป!”


 


“ขอบคุณเจ้ามากตาแก่!”


 


ตี้จิ่วที่ถูกซัดทั้งถูกไล่ ไม่เพียงไม่โกรธ หากแต่ยังเผยยิ้มร่าออกมา มันยกมือขึ้นปาดเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก ก่อนที่จะจากไปอย่างอารมณ์ดี


 


เพราะมันรู้ดีว่าตอนนี้ผู้นำรับปากมันแล้ว


 


จะอย่างไรมันก็คือมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ! เป็นมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บสายเลือดระดับสูงในเผ่าพันธุ์มังกรนอกเหนือจากผู้นำ เช่นนั้นมันก็คือผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนต่อไป! หากมันออกจากเผ่าพันธุ์มังกร นั่นหมายความว่าเผ่าพันธุ์มังกรในวันหน้าย่อมไร้ผู้นำ!!


 


ในฐานะผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนปัจจุบัน..ไหนเลยยังปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้?


 


หลังจากกล่าวขอบคุณ ตี้จิ่วก็จากไปทันที มันรู้ดีว่าตอนนี้มันไม่อาจเรียกร้องอะไรเพิ่มได้แล้ว


 


“ต้วนหลิงเทียน ข้าจะตั้งหน้าตั้งตารอวันที่เราได้พบกันอีกครั้ง!!”


 


ตี้จิ่วกล่าวพึมพำด้วยอำมหิต ลูกตาหรี่ลงเผยแสงเย็นวูบวาบ


 


หลังจากนั้นผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรก็ถ่ายทอดคำสั่งให้คนเผ่าออกไปตามล่าหาตัวต้วนหลิงเทียนทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า


 


อย่างไรก็ตามตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยังอยู่ในทวีปมนุษย์ ซ่อนตัวอยู่ที่ผาน้ำตกอันเป็นมรดกของเซียนกระบี่ฟงชิงหยาง


 


และเขาก็กำลังนั่งขัดสมาธิกลางอากาศ หันหน้าไปทางคำ กระบี่’ ที่สลักไว้บนผาน้ำตก


 


สองตาปิดสนิท ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายพลังคมกล้าน่ากลัวออกมาตลอด มองไปให้ความรู้สึกคล้ายกระบี่ไร้ฝักก็ไม่ปาน


 


“นายน้อย นั่งอยู่เช่นนั้นมาครึ่งปีแล้ว ใช่เกิดเรื่องอันใดหรือไม่?”


 


ในหุบเขา ฉงเฉวียนที่มองร่างกลางหาวด้วยสายตาเป็นกังวลกล่าวถามออกมา


 


“ลมหายใจเจ้าหนูยังสม่ำเสมอ ไม่คล้ายมีปัญหาอันใด…ที่ทั่วร่างเปล่งกลิ่นอายออกมาคมกล้าหลังนั่งมา 6 เดือนเช่นนี้ ข้าคิดว่าเจ้าหนูต้องตระหนักถึงอันใดบางอย่างจากคำ ‘กระบี่’ เป็นแน่”


 


ขณะกล่าว เฟิ่งหวู่เต้าก็แหงนมองคำ ‘กระบี่’


 


“เขามิอาจหยั่งถึงด้วยสามัญสำนึกของพวกเรา…”


 


ซื่อหม่าฉางฟงกล่าวเสริมออกมา มันเชื่อมั่นในตัวต้วนหลิงเทียนนัก


 


และตอนนี้สายตาที่ซื่อหม่าฉางฟงใช้มองต้วนหลิงเทียนก็เผยความซับซ้อนไม่น้อย


 


ในบรรดาผู้ที่อยู่ในหุบเขาแห่งนี้ มันกับฉงเฉวียนนั้นพบพานรู้จักต้วนหลิงเทียนมาตั้งแต่แรกๆ ย่อมได้เห็นการก้าวหน้าเติบโต จนบรรลุถึงจุดสูงสุดของทวีปเมฆาล่องมากับตา… เด็กน้อยในวันวานมิคาดกลับกลายเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ ยังก้าวหน้าเสียจนก้าวข้ามทวีปเมฆาล่องไปยังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแล้ว


 


ก่อนหน้านี้ที่ต้วนหลิงเทียนออกไปกับตี้จิ่ว สถานการณ์นั้นไม่ว่าผู้ใดก็ทราบว่า 9 ตาย 1 รอด


 


ในเวลานั้นใจมันเต็มไปด้วยความกังวลนัก


 


ทว่าสุดท้ายแล้ว ต้วนหลิงเทียนกลับรอดกลับมาได้อย่างปลอดภัย ทำให้มันตระหนักได้ว่าต้วนหลิงเทียน สมควรได้รับพรจากฟ้าให้อายุมั่นขวัญยืน!


 


ดังนั้นถึงแม้ตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา อาการของต้วนหลิงเทียนจะผิดแปลกไป แต่มันก็ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นปัญหาอะไร เพราะอย่างไรเสียต้วนหลิงเทียนก็ทำอะไรที่เหนือสามัญสำนึกผู้คนมาตลอด


 


“เจ้าต้วนตื่นแล้ว”


 


ทันใดนั้นเฉินเฉ่าช่วยพลันโพล่งออกมา


 


ทุกสายตาหันไปจับจ้องต้วนหลิงเทียนอย่างพร้อมเพรียง


 


ตอนนี้เองต้วนหลิงเทยนที่นั่งขัดสมาธิกลางอากาศ ก็คลายขาลง กลายเป็นยืนตระหง่านกลางอากาศ และเริ่มเคลื่อนไหววุ่นวาย


 


ตอนแรกนั้นความเคลื่อนไหวผิดแปลกไร้กฏเกณฑ์ หากทว่าต่อมาก็เริ่มเฉียบคมมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งมาแต่ละท่วงท่าการเคลื่อนไหว ยิ่งทำให้อากาศสะท้านสะเทือน!


 


“เจ้าหนูยังมิได้ตื่นขึ้น…ดูเหมือนว่าเจ้าหนูกำลังตกอยู่ในภวังค์รู้แจ้ง!”


 


เฟิ่งหวู่เต้ากระซิบกล่าว


 


จังหวะนี้เองทุกคนค่อยเห็นว่า แม้ต้วนหลิงเทียนจะลุกขึ้นยืนและเริ่มเคลื่อนไหววุ่นวาย แต่สองตายังคงปิดอยู่ และคล้ายจะตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง!


 


ต้วนหลิงเทียนง่วนอยู่กับการเคลื่อนไหว การออกกระบวนท่าแต่ละครั้งแลดูเฉียบคมและน่าทึ่งนัก!


 


คืนวันผันผ่าน ต้วนหลิงเทียนยังคงเคลื่อนไหวไม่หยุดหย่อน คล้ายไม่รู้เหน็ดเหนื่อย!


 


ถึงแม้ในมือต้วนหลิงเทียนจะไร้กระบี่ แต่ท่วงท่าที่กำลังร่ายรำนั้นไม่ว่าผู้ใดมองก็รู้ได้ว่าสมควรฝึกเพลงกระบี่!


 


เพลงกระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนร่ายรำออกมา เริ่มจากไร้กฏเกณฑ์ ต่อมาก็เริ่มเฉียบคมร้ายกาจ


 


ทว่าสุดท้ายยิ่งมา ก็ยิ่งเป็นอะไรที่อยู่เหนือความเข้าใจของเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆอย่างสิ้นเชิง!


 


นั่นเพราะพวกมันพบว่ายิ่งมาท่วงท่ากระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออก กลับยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ ไม่แลดูร้ายกาจน่าชมดูเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป!


 


ตอนนี้ไปๆมาๆกลับหลงเหลือเพียงแค่ การฟัน การแทง และการตวัดกระบี่เชือดเฉือนอันเป็นท่าพื้นฐานเท่านั้น


 


“เกิดอันใดขึ้น!?”


 


หลังจากที่ทุกผู้คนจับตาดูการกระทำของต้วนหลิงเทียนมาทั้งคืน พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย จนต้องหันหน้ามามองถามกันเอง


 


สุดท้ายก็เป็นโฉดคลุมทองที่กล่าวพึมพำออกมาเสียงขรึม “หรือนี่จักเป็น..สูงสุดหวนคืนสู่สามัญ”


 


ร่างที่แท้จริงของโฉดคลุมทองคือ สุนัขนิรยขนทอง และเผ่าพันธุ์สุนัขนิรยขนทองก็มีประวัติศาสตร์อันยาวนานนับหมื่นๆปี ด้วยเหตุนี้ความรู้และภูมิปัญญาของมันจึงเหนือกว่าคนอื่นๆในที่นี้อยู่บ้าง


 


อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครได้ยินเสียงกล่าวพึมพำนี้ของมัน


 


เนื่องจากความสนใจของทุกคนอยู่ที่ต้วนหลิงเทียนกันหมด


 


“ดูเหมือนเจ้าต้วนจะนั่งลงอีกแล้ว”


 


ในขณะที่หนานกงยี่กล่าวพึมพำออกมา ร่างต้วนหลิงเทียนที่เคลื่อนไหวอยู่ก็หยุดลง ก่อนที่จะนั่งขัดสมาธิกลางอากาศอีกครั้ง


 


ในขณะเดียวกันทุกคนก็สังเกตได้ว่ามือของต้วนหลิงเทียนที่พักไวบนหน้าตักนั้น ยังทำท่าคล้ายถือกระบี่เอาไว้


 


อย่างไรก็ตามในมือย่อมไร้กระบี่ มีเพียงอากาศธาตุ


 


“โอย นี่เจ้าต้วนมันเป็นอะไรของมันกันแน่ ข้าไม่เข้าใจจริงๆ”


 


เฉินเฉ่าช่วยส่ายหัวไปมาด้วยความงุนงง


 


อันที่จริงก็ไม่ใช่แค่มัน คนอื่นๆเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน


 


มีเพียงโฉดคลุมทองที่มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้ง ราวกับในใจกำลังตระหนักถึงเรื่องอะไรบางอย่าง


 


ด้านนอกเกิดเรื่องอะไร ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่รับรู้ ตอนนี้เขาจมจ่อมอยู่ในห้วงภวังค์อย่างสมบูรณ์


 


หลังจากที่ตระหนักได้ว่าเซียนกระบี่ฟงชิงหยางสมควรเป็นยอดคนไร้ผู้ต้านของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าในอดีต ต้วนหลิงเทียนก็ให้ความสำคัญกับคำ ‘กระบี่’ มากขึ้น เปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง


 


ดังนั้นเมื่อครึ่งปีที่แล้วเขาจึงเริ่มจับจ้องมองไปยังคำ ‘กระบี่’ อีกครั้ง


 


หนึ่งวันผ่านไป เขาไม่อาจมองเห็นอะไรได้เลย


 


สองวันผ่านไปก็ไม่มีใดเปลี่ยนแปลง


 


ผ่านไปสามวัน ก็ไร้ผลใดๆทั้งสิ้น


 


……


 


จนกระทั่งถึงวันที่ 10 ต้วนหลิงเทียนก็ยังคงนิ่งเฉย


 


อย่างไรก็ตามพอเข้าวันที่ 11 ต้วนหลิงเทียนก็คล้ายสัมผัสได้ถึงเค้าลางอะไรบางอย่างจากคำ ‘กระบี่’ ที่ยากอธิบาย ทั้งยังเลือนรางนัก…


 


การคงอยู่ของมันเสมือนประตู ที่กำลังเปิดอ้าออกให้ต้วนหลิงเทียนก้าวข้ามไปยังขอบเขตอื่น


 


แน่นอนว่า ‘ขอบเขต’ ที่ว่า คือขอบเขตของกระบี่


 


วินาทีนั้นต้วนหลิงเทียนก็หลับตาลง และเริ่มตระหนักถึงบางสิ่งอันวิเศษที่วาบขึ้นมาในใจ


 


การหลับตาลงครั้งนี้กินเวลาไปถึงครึ่งปี


 


แน่นอนว่าตัวเขาเองย่อมไม่รู้ว่าวันเวลาผ่านไปครึ่งปีแล้ว


 


เพราะสำหรับเขาตลอดครึ่งปีที่ผ่าน ใจเขาจดจ่ออยู่กับการตระหนักถึงสิ่งพิเศษที่อยู่ในใจ หลงลืมวันเวลาไปหมดสิ้น


 


สิ่งนั้นจะว่าข้อมูลก็ไม่ใช่ เคล็ดวิชาก็ไม่เชิง เป็นอะไรที่ยากเกินกว่าจะกล่าวอธิบายออกมาเป็นคำพูด


 


และครึ่งปีหลังจากนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ลุกขึ้นมาร่ายรำกระบี่อย่างแปลกประหลาด ยังร่ายรำออกทั้งวันทั้งคืน เพลงกระบี่เปลี่ยนแปลงไม่รู้จบ ทว่าสุดท้ายกลับกลายเป็นกระบวนท่าพื้นฐาน…


 


และหลังจากที่เขานั่งลงขัดสมาธิอีกครั้ง ในจิตใจก็คล้ายมีองค์ความรู้และบางสิ่งระเบิดออกมา!


 


แม้องค์ความรู้จะไม่มากมายอะไร แต่ก็นับเป็นอะไรที่น่าเกรงขามสำหรับต้วนหลิงเทียนนัก


 


“ชนรุ่นหลังในอนาคต…ขอแสดงความยินดีด้วย ตัวเจ้าได้รับการยอมรับจากสำนึกเทวะ ที่ข้าเหลือทิ้งเอาไว้แล้ว”


 


เสียงที่มาพร้อมองค์ความรู้นั่น คล้ายไม่ได้ดังขึ้นในหู แต่ดังก้องอยู่ในใจ


 


“ท่านเป็นใครหรือ!?”


 


เผชิญกับสถานการณ์นี้ ต้วนหลิงเทียนย่อมตื่นตระหนกเป็นธรรมชาติ เขาคิดจะลืมตาขึ้นมา หากแต่เขารู้สึกเหมือนยามนี้กลับสูญเสียความสามารถในการควบคุมร่างกายไปหมดสิ้น!


 


ซักพักในใจต้วนหลิงเทียนก็เริ่มเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก


 


“ข้าเป็นใคร? หรือนี่เจ้ามิได้เห็นข้อความที่ข้าทิ้งไว้ด้านใต้คำ ‘กระบี่’ งั้นรึ?”


 


เสียงดังกล่าวดังขึ้นอีกครั้ง


 


“ท่าน…ท่านคือเซียนกระบี่ฟงชิงหยาง?!”


 


ต้วนหลิงเทียนตะลึงไปทันใด


 


ตอนนี้การสื่อสารระหว่างต้วนหลิงเทียนกับเสียงดังกล่าว คล้ายกำลังสื่อสารรกันในห้วงจิตวิญญาณ


 


“ยังนับว่าเจ้ามิใช่ตัวโง่งมอันใด หาไม่แล้วข้ากลัวว่าต้องพิจารณาเรื่องที่จะให้เจ้าเป็นผู้สืบทอดดีหรือไม่…”


 


เสียงก่อนหน้าดังขึ้นอีกครั้ง ยังเฉยเมยนัก


 


“ผู้สืบทอด?”


 


ต้วนหลิงเทียนอึ้งไปครู่หนึ่ง ยากจะตอบสนองอะไร


 


“ข้ามิมีเวลามากพอจะกล่าวอิบายอะไรกับเจ้า…เพราะนี่เป็นเพียงสำนึกเทวะที่ทิ้งไว้ในคำ ‘กระบี่’ เท่านั้น ยามที่มันถูกปลดปล่อยออกมา ก็เหลือเวลาไม่มากมายอะไรเพียงพอให้ข้าส่งมอบ เคล็ดบำเพ็ญจิต ยอดใจกระบี่ อันเป็นเต๋าแห่งกระบี่ขั้นสูงสุด ที่ทำให้ข้าก้าวย่ำไปทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า…หวังว่าเมื่อเจ้าได้รับการถ่ายทอดไปแล้ว เจ้าจักไม่ทำให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียง”


 


เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่จะหยุดลง


 


ยอดใจกระบี่!


 


ไม่ทันรู้ตัว ต้วนหลิงเทียนก็พบว่ามีองค์ความรู้มหาศาลหลั่งไหลเข้าสู่จิตใจของเขา ราวกับมันเป็นข้อมูลอะไรบางอย่างชุดหนึ่ง


 


สุดท้ายด้วยจำนวนข้อมูลมหาศาล จิตเขาก็ไม่อาจทานทนรับไหว สิ้นสติไปทันที


 


ด้านนอกนั้น เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆ เห็นว่าต้วนหลิงเทียนที่นั่งขัดสมาธิกลางอากาศ…อยู่ดีๆก็ร่วงตกวูบลงมาเสียอย่างนั้น!


 


“นายน้อย!!”


 


เป็นฉงเฉวียนที่ไวกว่าใคร พุ่งไปรับร่างต้วนหลิงเทียนเอาไว้ได้ทัน


 


ทันใดนั้นทั้งหมดก็เร่งกันกรูเข้ามาดูอาการต้วนหลิงเทียนด้วยความห่วงใย


 


การสิ้นสติไปครั้งนี้ของต้วนหลิงเทียนกินเวลายาวนานถึง 9 วัน 9 คืนเต็มๆ โชคดีที่ตลอด 9 วัน 9 คืนนี้ ทุกคนพบว่าลมหายใจต้วนหลิงเทียนยังสม่ำเสมอ กระแสพลังทั่วร่างไหลรื่นไร้ติดขัด ไม่มีปัญหาใดๆ


 


หลังจากที่หลับไหลไป 9 วัน 9 คืน ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ได้สติกลับมาอีกครั้ง ทว่าเขายังไม่รีบลุกขึ้นมา


 


‘ดูเหมือนข้าจะฝันไป…ฝันถึงเซียนกระบี่ฟงชิงหยางมาถ่ายทอดเคล็ดบำเพ็ญจิต อันเป็นเคล็ดบำเพ็ญเต๋ากระบี่ขั้นสูงสุด…ยอดใจกระบี่อะไรสักอย่าง’


 


ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนคิดถึงจุดนี้ เขาพลันตระหนักได้ว่า กลับมีองค์ความรู้ชุดหนึ่งสถิตย์อยู่ในใจของเขา


 


‘ยอดใจกระบี่!?’


 


หลังจากอ่านองค์ความรู้ในใจ ต้วนหลิงเทียนก็ถึงกับตะลึงลาน ‘ไม่ใช่ฝันแต่เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ!?’


 


จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมานั่งอึนสองตาปริบๆ ยังเอื้อมมือไปหยิกเนื้อต้นขารอบหนึ่ง!


 


เขาต้องการยืนยันว่านี่เขากำลังฝันไปหรือไม่!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)