War sovereign Soaring The Heavens 1495-1507
ตอนที่ 1495
ชายสวมหน้ากากทั้ง 2
ต้วนหลิงเทียนพบว่าตอนนี้ทะเลปราณของเขา คล้ายแปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นทะเลสาบเล็กๆ ซึ่งแตกต่างจากทะเลปราณก่อนหน้ามากมายนัก
ทะเลปราณก่อนหน้านั้น อย่างดีคงเรียกได้ว่าแอ่งน้ำขังขนาดใหญ่เท่านั้น
และจากที่เขารู้มา กระทั่งทะเลปราณของผู้ฝึกตนขอบเขตสู่เซียนขั้นต้นไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์หรือผู้ฝึกเต๋า ก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนอกจากกระแสน้ำสายหนึ่งเท่านั้น
ดังนั้นทันทีที่เขาส่องภายในสำรวจทะเลปราณของเขารอบนี้ เขาก็ตระหนักได้ว่าตัวเขาได้ทะลวงมาถึงขอบเขตสู่เซียนขั้นกลางแล้ว…ถึงแม้เรื่องราวจะน่าเหลือเชื่อ แต่มันเป็นความจริง!
“ผู้เฒ่าหั่ว…เรื่องนี้”
ต้วนหลิงเทียนมองผู้เฒ่าหั่วเบื้องหน้าด้วยความตื่นเต้น ในใจมีคำถามผุดขึ้นมามากมาย จนถึงขั้นที่เขาไม่รู้จะถามอะไรออกมาก่อนดี!
“มีอันใดค่อยถามภายหลัง…ที่สำคัญตอนนี้ เจ้าออกไปจัดการผู้สอดแนมทั้ง 2 นั่นก่อนเถอะ”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าวบอกต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะลงจากชั้น 3 กลับไปยังชั้นที่ 1 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ
ใบหน้าซีดเซียวคล้ายชราลงไปหลายปีของผู้เฒ่าหั่ว ไหนเลยต้วนหลิงเทียนยังไม่เห็นได้ กระทั่งยังเห็นได้ชัดเจน เขาจึงรู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะไปเซ้าซี้ถามหาความจริงอะไรจากผู้เฒ่าหั่ว
“ไอ้พวกสกุลโอวหยาง…พวกเจ้ามันแส่หาเรื่องเอง”
ต้วนหลิงเทียนแสยะยิ้มที่มุมปาก
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้รีบร้อนออกไป แต่เริ่มทดสอบพลังของเขาอยู่ในชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเสียก่อน
ตอนนี้ปราณแท้ในร่างของเขามหาศาลดั่งน้ำในทะเลสาบ ยามเร่งเร้าใช้ออก พวกมันแล่นพล่านผ่านชีพจรเซียนทั้ง 99 สายด้วยความเร็วอันน่ากลัว
“ตอนนี้ต่อให้เทียบกับสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ แต่ความสามารถในการปะทุพลังของพวกมัน ไม่เว้นการจ่ายปราณแท้ออกไป เพื่อใช้ปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตรา สรรพสัตว์ กระทั่งก่อเขตแดน พวกมันก็เทียบข้าไม่ได้”
เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนมั่นใจนัก
หากเขาจะเปรียบเทียบปราณแท้ของเขาเป็นดั่งรถยนต์ในชีวิตที่แล้ว ชีพจรเซียนนั้นก็เสมือนถนนหนทาง
ตอนนี้เขาสามารถขับรถยนต์หลายคัน ไปตามถนนหนทางหลายสายได้พร้อมๆกัน!
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนก็รู้ดีแก่ใจ ว่าพลังฝีมือของตัวตนสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ไม่ได้วัดกันที่ความสามารถในการปะทุจ่ายพลัง ยึดติดกับชีพจรเซียนอะไร ต้องมองถึงความสามารถในการใช้ปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ ปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตรา และปราณแท้ก่อเขตแดนอีกด้วย
ทั้ง 3 กลวิธีนั้นต้วนหลิงเทียนเคยเห็นมาแล้ว ย่อมทราบความสูงต่ำของพวกมันดี
“แต่ด้วยพลังของข้าในตอนนี้ ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนไม่ว่าจะยุทธ์หรือเต๋าในขอบเขตสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญ ก็ไม่อาจเอาชนะข้าได้ ถึงพวกมันจะใช้ปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตราก็ตาม!”
ถึงแม้ว่าผู้ฝึกตนในขอบเขตสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญจะเสมือนอยู่กับคนละโลกกับสู่เซียนขั้นกลางเพราะความสามารถปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตรา แต่พลังอำนาจก็ยังมีขีดจำกัด
ด้วยพลังที่เขามีตอนนี้เขาสามารถสยบสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญได้ไม่ยากเย็น เว้นเสียแต่คู่ต่อสู้ของเขาจะเป็นตัวตนผิดแปลกอย่างสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญที่สามารถเอาชนะศัตรูที่มีระดับเหนือกว่าได้!
แน่นอนว่าหากเป็นสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบ เขาไม่กล้ารับประกันว่าจะเอาชนะได้ง่ายๆ
เพราะสุดท้ายแล้วสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบไม่ได้เหนือกว่าสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญในแง่ของพลังเท่านั้น พวกมันยังมีกลวิธีใช้พลังอย่างปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์เพิ่มขึ้นมา!
หลังจากใช้เวลาในชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไปไม่กี่ชั่วยาม ต้วนหลิงเทียนก็ทำความคุ้นเคยกับระดับพลังในร่างของเขา ก่อนที่จะออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไปในที่สุด
‘จริงสิพอระดับพลังฝึกปรือของข้าก้าวหน้า พลังวิญญาณของข้าเองก็ก้าวหน้าเพิ่มพูนขึ้นตามไปด้วย…ข้าสามารถจารึกอาคมเซียนระดับ 2 ดาวได้แล้ว!’
เมื่อกลับมายืนอยู่ในห้องหับของโรงเตี๊ยมที่พัก ต้วนหลิงเทียนก็คิดในใจอย่างยินดี
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เดินออกจากห้อง กระทั่งออกจากโรงเตี๊ยมมาเดินในถนนยามค่ำคืน
“หืม? นั่นมันคิดไปที่ใดกัน?”
เมื่อต้วนหลิงเทียนออกมาถึงถนนหน้าโรงเตี๊ยม มุมหนึ่งด้านหน้าโรงแรมห่างออกไปไกลๆ ปรากฏร่าง 2 ร่างในชุดโม่งดำจับตาดูอยู่
ร่างสองร่างนี้สวมใส่หน้ากากปิดบังใบหน้ามิดชิด
ตอนนี้เองถนนหนทางก็มืดมิด ไร้ผู้ใดสัญจรไปมา
“ท่านปู่ชาน รีบตามมันไปดูกันเถอะ”
ชายในชุดโม่งดำสวมหน้ากากคนหนึ่งกล่าวกับอีกคนด้วยความกระตือรือร้น
ชายในชุดโม่งดำสวมหน้ากากอีกคนไม่กล่าวคำใด เพียงพยักหน้าและนำพาร่างข้างกายติดตามต้วนหลิงเทียนไปอย่างเงียบงัน
‘มีสองคนจริงๆ’
ต้วนหลิงเทียนที่เดินนำอยู่จับสัมผัสได้ทันทีว่ามีร่าง 2 ร่างกำลังลอบสะกดรอยตามเขามา ถึงแม้จะไม่ได้หันหลังกลับไปมองก็ตามที
แน่นอนว่าถึงแม้ตอนนี้เขาจะหันหลังกลับไปมอง แต่เกรงว่าคงไม่อาจสังเกตเห็นร่าง 2 คนที่กำลังสะกดรอยตามเขามาได้
เพราะทั้ง 2 คนนั้นมันลอบเร้นติดตามเขามาในมุมอับ ที่สำคัญถนนหนทางยังมืดมิดไร้แสงเทียนโคม
‘ตอนนี้พอด่านพลังฝึกปรือของข้าทะลวงมาถึงสู่เซียนขั้นกลาง และด้วยทักษะวิญญาณลี้ลับเนตรเทวะ ข้าสามารถตรวจสอบพลังฝึกปรือรวมถึงอายุพวกมันได้ง่ายๆ โดยที่พวกมันไม่รู้สึกตัวแล้วสินะ!’
เมื่อคิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนลอบแผ่พลังวิญญาณออกไปทันทีโดยยังไม่ได้ใช้เนตรเทวะแต่อย่างไร ไม่นานเขาก็ค้นพบพลังฝึกปรือของผู้ที่กำลังสะกดรอยตามเขา
‘อะไร? สู่เซียนขั้นต้น? นี่มันกล้าสะกดรอยตามข้ามาทั้งๆที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยแบบนี้นี่นะ?’
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะอึ้ง เมื่อรู้ถึงพลังฝึกปรือของคนที่สะกดรอยตามมา
‘ไม่สิ! เจ้านี่มันถูกอีกคนซ่อนตัวเอาไว้…ข้าคงไม่อาจสัมผัสถึงมันได้ด้วยซ้ำหากด่านพลังฝึกปรือของข้ายังไม่บรรลุถึงขอบเขตสู่เซียนขั้นกลาง…หากไม่ใช่เพราะมันเองมีวิชาเร้นกายชั้นยอด ก็ต้องอาศัยยอดฝีมือช่วยปกปิดมันเอาไว้เท่านั้น’
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ค้นพบสิ่งผิดปกติ
ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนจึงเริ่มใช้เนตรเทวะตรวจสอบ คนอีกคนทันที
ทันทีที่ค้นพบพลังฝึกปรือของอีกคน ใจต้วนหลิงเทียนก็เต้นรัวขึ้นทันใด
‘สู่…สู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบ!’
ใจต้วนหลิงเทียนจมลงโดยพลัน ‘กระทั่งพ่อบ้านตระกูลโอวหยางยังมีพลังฝึกปรือเพียงสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญ…ตัวตนที่มีพลังฝึกปรือสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบในตระกูลโอวหยางสมควรมีน้อยคน…มันสมควรเป็นผู้อาวุโส!’
‘ตระกูลโอวหยาง…พวกเจ้านับว่าเอาเรื่องนัก ถึงกับใช้สู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบมาสอดแนมข้า!’
ตอนนี้ใจต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะลุกโชนไปด้วยไฟโทสะ!
เขาไม่ได้คิดจะข้องเกี่ยวอะไรกับตระกูลโอวหยางแล้วแท้ๆ หาไม่แล้วเขาคงไม่เลือกปฏิเสธคำเชิญของผู้นำตระกูลโอวหยางแต่แรก
แต่ใครจะไปคิดว่าตระกูลโอวหยางกับกล้าทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง!
ดึกๆดื่นๆแบบนี้ กลับส่งยอดฝีมือมาทำลับๆล่อๆสอดแนมทั้งสะกดรอยตามผู้คน เรื่องนี้หมายความว่าอย่างไร?
คิดฆ่าชิงทรัพย์งั้นเหรอ?
สูดลมหายใจเข้าลึกๆไม่กี่ที ต้วนหลิงเทียนก็ระงับเพลิงโทสะที่ลุกโชนในใจ หวนคืนสู่ความสงบ และเริ่มคิดว่าจะจัดการพวกมันอย่างไรดี
ในที่สุดเขาก็เลือกที่จะเลี้ยวและเดินไปยังถนนสายหนึ่ง
ถนนสายนี้ยังเป็นเส้นทางสายหลักของเมืองหานเหอ แม้จะดึกดื่นมืดค่ำแล้ว แต่ยังพบเห็นผู้คนสัญจรอยู่บนถนนบ้างประปราย
“นั่นมันคิดไปที่ใดกัน?”
หนึ่งใน 2 ร่างโม่งดำหน้ากาที่ลอบติดตามมา อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามขึ้นมาลอยๆด้วยความร้อนใจ
“ลองตามไปดูก่อนเถอะ”
โม่งดำสวมหน้ากากอีกคนยังคงสงบ และจากเสียงชราที่กล่าวออก เผยให้เห็นว่ามันมีอายุไม่น้อยแล้ว
“หืม? นี่มันทิศทางไปยังที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ 9 พันธมิตรมิใช่หรือ…เจ้าหนุ่มนั่นเป็นคนของ 9 พันธมิตรจริงๆ?”
มันเดินตามต้วนหลิงเทียนมากว่า 2 เค่อแล้ว เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนยังคงมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปตามถนนสายหลัก ชายโม่งดำคนหนึ่งกล่าวพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงชรา ในน้ำเสียงยังแฝงความหวั่นเกรงไม่น้อย ฝีเท้าชะลอลงเผยความลังเล
“ท่านปู่ชานสำนักงานใหญ่ของ 9 พันธมิตรยังอยู่อีกไกล บางทีนี่อาจเป็นทางผ่านของมันเฉยๆก็ได้”
ชายในโม่งดำอีกคนกล่าว “ลองตามมันไปดูก่อนเถอะ”
โม่งดำคนก่อนหน้าที่ยังคงลังเลไม่น้อย แต่ในที่สุดก็พยักหน้าและลอบติดตามต้วนหลิงเทียนไปต่อ มันยังคงหอบหิ้วร่างโม่งดำอีกคนไปด้วยเหมือนแต่แรก
และพอมันเห็น ‘เป้าหมาย’ หยุดร่างลงที่แยกหนึ่ง ไม่เดินไปยังถนนมุ่งทิศเหนือสืบต่อ แต่เลี้ยวออกไปทางตะวันตก โม่งดำที่มีน้ำเสียงชราแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะโล่งใจทันที เพราะมันกลัวเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนของ 9 พันธมิตรจริงๆ
คนของ 9 พันธมิตรนั้น ล้วนมาจากขุมพลังชั้น 7 ทั้งสิ้น!
หากมันฆ่าอีกฝ่ายโดยไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ก็ไม่นับว่าเป็นอะไร
แต่หากเรื่องแดงขึ้นมา ย่อมเป็นหายนะสำหรับตระกูลที่อยู่เบื้องหลังแน่นอน
“ข้าบอกท่านแล้วอย่างไรเล่า อย่างมันน่ะหรือจะมีสัมพันธ์กับ 9 พันธมิตรได้”
ชายในชุดโม่งดำอีกคนที่เสียงหนุ่มกล่าวออก
‘ยังดีที่พวกมันตามมาอย่างที่คิด…เมื่อกี้ถ้าข้าเลือกเดินต่อมุ่งหน้าไปทาง 9 พันธมิตรเกรงว่าพวกมันคงไม่กล้าตามมาแน่’
อย่างไรก็ตามชายในชุดโม่งดำสวมหน้ากากทั้ง 2 ไม่รู้เลย ว่าต้วนหลิงเทียนเป้าหมายของพวกมันนั้น ได้สัมผัสถึงความลังเลที่เพิ่มขึ้นทุกขณะจากพวกมัน ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเปลี่ยนทางไปยังทิศตะวันตกแทน…
ถนนมุ่งตะวันตกนั้นเป็นถนนที่เปลี่ยวร้างมาก ยิ่งมาก็ยิ่งมีอาคารบ้านเรือนน้อยลง สุดท้ายก็มาถึงสถานที่ห่างไกลแห่งหนึ่ง
สถานที่ห่างไกลนี้ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง เพราะมันเป็นสถานที่ทิ้งขยะของเมืองหานเหอ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่คิดจะมาเยือนสถานที่แห่งนี้ เว้นแต่จะเป็นผู้ที่มีหน้าที่กำจัดขยะของเมืองหานเหอแทบไม่มีใครเฉียดกราย
และสถานที่แห่งนี้ยังมีพื้นที่กินอาณาบริเวณไปกว่า 2 ลี้
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็เดินมาถึงใจกลางของพื้นที่ทิ้งขยะ ก่อนที่ร่างจะหยุดลง
ขณะเดียวกันเขาก็หันหลังกลับมา
ทันใดนั้นชายในชุดโม่งดำสวมหน้ากากทั้งสอง ก็เร่งวูบร่างไปหลบหลังกองขยะกองโตกองหนึ่งทันที
‘มันนับว่าระวังตัวนัก’
หนึ่งในสองร่างที่แอบซอนหลังกองขยะ ลอบมองต้วนหลิงเทียนที่อยู่ห่างไกลจากช่องเล็กๆ มันครุ่นคิดกับตัวเอง ประกายตายังทอแสงเย็นออกมาวูบหนึ่ง
“จึกๆๆ…”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ ก่อนที่จะมองไปยังกองขยะที่ร่างโม่งดำสวมหน้ากากทั้ง 2 ซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง “พวกเจ้า 2 คนลอบสะกดรอยตามข้ามาตั้งแต่หน้าโรงเตี๊ยม ข้าคิดว่าตอนนี้พวกเจ้าก็สมควรออกมาได้แล้วมั้ง นี่พวกเจ้าคิดจะตามข้าไปถึงเมื่อไหร่กัน?”
หากต้วนหลิงเทียนไม่กล่าวคำว่า ‘2 คน’ ออกมา ชายโม่งดำหน้ากากทั้ง 2 คงคิดว่าเขาแค่กล่าวหลอกล่อ
เพราะสุดท้ายแล้ว ก็มีคนมากมายนัก ที่ชอบกล่าววาจาทำนอง “ข้าพบเจ้าแล้ว” หรือ “โผล่หัวออกมาอย่าได้ซ่อนตัวอยู่อีกเลย” เพราะมีความกังวลว่าจะมีคนลอบติดตามมา ทั้งที่จริงๆแล้วมันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีใครติดตามมาหรือไม่!
ทว่าตอนนี้อีกฝ่ายกลับกล่าวออกมาชัดเจนว่า ‘พวกเจ้า 2 คน’ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นชัดเจน…ว่าอีกฝ่ายรู้แต่แรกแล้วจริงๆว่ามีคนลอบสะกดรอยตามมา!
“เฮอะ! ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะรู้ตัวได้!”
ในขณะที่โม่งดำเสียงชรายังประหลาดใจไม่หาย โม่งดำอีกคนพลันพ่นลมกล่าวพร้อมก้าวออกมาจากด้านหลังกองขยะ
โม่งดำหน้ากากเสียงชราก็อดไม่ได้ที่จะเดินตามออกมา ทว่าแลดูแล้วอาการมิค่อยสู้ดีสักเท่าไร
โม่งดำหน้ากากที่ตามออกมาภายหลังนั้นยังมีท่าทางปลอดโปร่งเหมือนโม่งดำหน้ากากที่ออกมาคนแรก แต่ในแววตาของมันเผยความจริงจังไม่น้อย
นั่นเพราะมันมั่นใจในวิชาปกปิดตัวเองมาก
ทว่าผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์กลับค้นพบมันได้?
ทันใดนั้นสองตาของโม่งดำหน้ากากคนหลังก็ทอแสงเรืองวูบ เร่งใช้ทักษะวิญญาณลี้ลับออกมาทันที
ด้านต้วนหลิงเทียนเองก็สัมผัสได้ทันทีถึงพลังวิญญาณขุมหนึ่งที่พุ่งเข้ามาหมายตรวจสอบพลังฝึกปรือของเขา
“เหอะ!”
ต้วนหลิงเทียนแค่นเสียงออกมาอย่างไม่สบอารมณ์คำหนึ่ง แต่เขาไม่ได้ลงมือเพื่อหยุดอีกฝ่าย ปล่อยให้มันสำรวจพลังฝึกปรือของเขาได้ตามใจ
ถึงแม้ว่าวิชาเนตรเทวะที่ผู้เฒ่าหั่วถ่ายทอดให้เขา นั้นยังมีเคล็ดลับที่ไว้ใช้ระงับพลังวิญญาณของผู้อื่นที่แผ่พุ่งมาหมายสำรวจตัวเอง อย่างไรก็ตามเคล็ดลับดังกล่าวจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อพลังวิญญาณของเขาอยู่ในขอบเขตเซียนขึ้นไป
ตอนนี้เขายังไม่อาจใช้ได้
“สู่เซียนขั้นกลาง!”
หลังจากค้นพบพลังฝึกปรือต้วนหลิงเทียน โม่งดำหน้ากากคนนั้นพลันกล่าวพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงแหบชราทันที…
ตอนที่ 1496
ปะทะโอวหยางชาน
“สู่เซียนขั้นกลาง?”
ชายในชุดโม่งดำอีกคน พอได้ยินวาจาของชายโม่งดำเสียงชราก็ถึงกับผงะไปวูบหนึ่ง ยังร้องโพล่งออกมาด้วยความตกใจทั้งไม่อยากจะเชื่อ
ทว่ายามมันอุทานออกมา เสียงยังต่างออกไปจากตอนแรกที่มันพูด
ตอนแรกเสียงมันมันแหบแห้งนัก
ทว่าที่มันโพล่งออกมากลับไม่!
“โอวหยางชิง!”
ต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินเสียงของมันชัดเจน ก็บอกได้ทันทีว่ามันเป็นใคร!
อีกฝ่ายเป็นคุณชายใหญ่สกุลโอวหยาง โอวหยางชิง!
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนจดจำเสียงตัวเองได้ มันก็แสร้งดัดเสียงแหบกล่าวออกมาทันที “โอวหยางชิงอะไร? ข้ามิรู้ว่าเจ้ากำลังพูดถึงใคร?”
“จึกๆ…คุณชายใหญ่ตระกูลโอวหยางสุดท้ายก็เป็นตัวขี้ขลาด! น่าผิดหวังจริงๆ! ในสายตาของข้าการประพฤติตัวแบบนี้ของเจ้า มันไม่ได้คู่ควรกับผู้สืบทอดตระกูลโอวหยางแม้แต่น้อย กระทั่งน้องสาวเจ้าอย่างโอวหยางหลัวยังคู่ควรมากกว่า!”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวกล่าววาจาเสียดสีออกมา ในน้ำเสียงยังแฝงความเย้ยหยันไม่คิดไว้หน้า
ส่วนชายหนุ่มที่เป็นโอวหยางชิงในชุดโม่งดำพอได้ยินก็มีโมโหนัก! ตอนนี้มันใคร่พุ่งไปฉีกร่างต้วนหลิงเทียนให้แหลกเป็นชิ้นๆ!!
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตสู่เซียนขั้นกลางมันก็ไม่กลัว เพราะนั่นยังไม่มีทางเอาชนะปู่ชานของมันได้!
ปู่ชานของมันคืออาวุโสรองสกุลโอวหยาง บรรลุสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบมาเนิ่นนาน จนบรรลุถึงจุดสูงสุดด่านพลังแล้ว อีกไม่นานก็จะทะลวงไปยังสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่!
อย่างไรก็ตามในขณะที่โอวหยางชิงสืบเท้าก้าวออกคิดกล่าววาจาเผยตัว กลับถูกโม่งดำอีกคนหยุดเอาไว้เสียก่อน
โม่งดำหน้ากากอีกคนที่ว่า ก็คือโอวหยางชาน อาวุโสรองตระกูลโอวหยาง
“คุณชายผู้นี้ ดูเหมือนท่านจักเป็นศัตรูกับตระกูลโอวหยางงั้นสินะ…แต่น่าเสียดายที่พวกเรามิได้มาจากตระกูลโอวหยาง”
โอวหยางชานมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงเรียบ
“จากพลังฝึกปรือของเจ้า…สมควรเป็นชนชั้นอาวุโสของสกุลโอวหยางสินะ ข้าล่ะสงสัยจริงๆว่านี่เจ้าได้รับคำสั่งจากผู้นำตระกูลโอวหยางอย่างโอวหยางป้า หรือจากตัวขี้ขลาดที่กระทั่งชื่อตัวเองยังไม่กล้าพูดอย่างโอวหยางชิงนั่นกันแน่”
สายตาต้วนหลิงเทียนละจากโอวหยางชิงมามองโอวหยางชาน
“เจ้า…”
ฟังต้วนหลิงเทียนเรียกหาว่ามันตัวขี้ขลาดอีกครั้ง โอวหยางชิงก็แทบทนไม่ไหว
อย่างไรก็ตามเพียงมันพึ่งเริ่มกล่าว ก็ถูกพลังไร้สภาพของโอวหยางชานระงับไว้ทันที “คุณชายท่านนี้ พวกเราบอกท่านแล้วว่ามิได้มาจากสกุลโอวหยาง”
เสียงโอวหยางชานนั้นแฝงความขุ่นขึ้งออกมาไม่น้อย
“ไม่ใช่คนตระกูลโอวหยางงั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะ “งั้นถ้าพวกเจ้าไม่ได้มาจากตระกูลโอวหยาง แล้วพวกเจ้าเป็นใคร?”
“เฮอะ! ในเมื่อเจ้ากำลังจะตาย พวกเราก็ไม่คิดจะปิดบังอะไร…พวกเราทั้งคู่มาจาก ‘ตลาดมืดหยินชาน’ เพื่อมารับชีวิตของเจ้า!”
ทันทีที่โอวหยางชานกล่าวจบคำ ปราณแท้ทั่วร่างของมันก็แผ่พุ่งออกมาสองขุมทันที
หนึ่งกลับกลายเป็นขวานยักษ์เล่มเขื่องลอยเหนือศีรษะ สภาวะพลังเหี้ยมหาญราวกับจะผ่าแยกได้ทุกสิ่ง!
ขุมพลังปราณที่สองแปรลักษณ์กลับกลายเป็นพญาอินทรีย์ตัวเขื่องดั่งเมฆก้อนหนึ่ง ยามมันสยายปีกออกกว้างถึงกับบดบังแสงจันทร์ นำพาให้พื้นที่ๆเคยมืดสลัวกลับต้องสิ้นแสงมืดสนิท ประหนึ่งหุบเหวลึกไร้ก้นบึ้งยากจะเห็นสิ่งใด
ทันใดนั้นทั้งขวานทั้งพญาอินทรีย์ก็เหินตัดอากาศแยกออก 2 ทาง ไปหยุดอยู่ด้านหลังทางซ้ายขวาต้วนหลิงเทียน ตอนนี้เสมือนมี 3 มุมสังหารปิดล้อมต้วนหลิงเทียนเอาไว้ก็ไม่ปาน
“เจ้าสามารถหลับไหลอย่างสงบในที่แห่งนี้ เพราะนี่เป็นที่ตายที่เจ้าเลือกเอง!”
โอวหยางชานกล่าวออกเสียงเรียบ สายตาเฉยเมยมองต้วนหลิงเทียนไม่ต่างอะไรจากคนที่ตายไปแล้ว
ตลาดมืดหยินชาน!
ด้านต้วนหลิงเทียนตั้งแต่ได้ยินคำนี้ของโอวหยางชาน เขาก็ครุ่นคิดไปถึงเรื่องหนึ่ง
คำตลาดมืดหยินชานแน่นอนว่าเขาเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ เห็นว่าเป็นอะไรที่กระทั่ง 9 พันธมิตรก็ต้องหวาดกลัว
ตลาดมืดหยินชานนั้น ยังกล่าวกันว่าสาขาหลักของพวกมันเป็นถึงขุมพลังชั้น 3 ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า
ทว่ามันแตกต่างจากขุมพลังชั้น 3 ขุมอื่น เพราะมันเอื้อม ‘มือ’ ออกไปทั่วสารทิศหมายควบคุมทุกสิ่ง!
กระทั่งในสถานที่ไกลห่างเขตชายฝั่งแบบนี้ ‘มือ’ ของตลาดมืดหยินชานยังเอื้อมมาถึง
แน่นอนว่าตลาดมืดหยินชาน สาขาเขต 9 พันธมิตรนั้นไม่ใช่สาขาที่แข็งแกร่งอะไรมากมาย
แต่อย่างน้อยๆสาขานี้ก็ทำให้ขุมพลังชั้น 7 ทั้ง 9 หวาดกลัวจนต้องมาจับมือกันเป็น 9 พันธมิตร!
ที่ 9 ขุมพลังจับมือกันเป็นพันธมิตรนั้น ไม่ใช่เพื่อผนึกพลังกันต้านทานขุมพลังชั้น 6 อย่างที่กล่าวบอกกันผิวเผิน
อันที่จริงแล้วพวกมันตั้งขึ้นมาเพื่อคานอำนาจของตลาดมืดหยินชาน!
ตลาดมืดหยินชานสำหรับพวกมันแล้ว เสมือนขุนเขาสูงชันลำน้ำกว้างใหญ่ ที่พวกมันยากจะข้ามได้ง่ายๆ ทำให้บังเกิดความกดดันอันหนักอึ้ง
แต่พวกมันก็รู้สึกโชคดีไม่น้อย ที่หลายปีมานี้…ตลาดมืดหยินชานไม่ได้ลงมือลงไม้อะไรกับพวกมัน!
อย่างไรก็ตามโลกใต้ดินนั้น ทุกอย่างถูกตลาดมืดหยินชานควบคุมไว้ทั้งสิ้น
ตลาดมืดหยินชานยังนับว่าเป็นขุมพลังอันพิเศษนัก ขอเพียงท่านอยากเข้าร่วมก็สามารถเข้าร่วมได้ทันที ขอแค่ท่านมีพลังฝีมือสูงพอ!
ผู้ที่สามารถเข้าร่วมตลาดมืดหยินชานได้ ก็สามารถรับความมั่งคั่งได้ง่ายๆในเวลาอันสั้น
แน่นนอนว่าก็มีมากมายหลายคนนัก ที่เข้าร่วมตลาดมืดหยินชานแล้วกลับต้องตกตายไปก่อนที่จะได้รับความมั่งคั่งอะไร
มีธุรกรรมมากมายที่ตลาดมืดหยินชานผูกขาด อีกทั้งยังกล่าวได้ว่าตราบใดที่ท่านมีหินเซียนมากพอจ่าย ไม่มีอะไรที่ตลาดมืดหยินชานทำไม่ได้!
‘เจ้าชุดคลุมลมดำนั่น…น่าจะเป็นคนของตลาดมืดหยินชาน’
ด้วยวาจากระตุ้นเตือนนี้ของโอวหยางชาน ทำให้ต้วนหลิงเทียนฉุกคิดได้ทันที ว่าชายชุดคลุมลมดำที่พยายามฆ่าเขาวันนั้น น่าจะเป็นมือสังหารจากตลาดมืดหยินชาน!
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลามาครุ่นคิดเรื่องนี้
“โฮ่? คนของตลาดมืดหยินชาน มีนิสัยเปิดเผยตัวตนให้คนนอกรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
ต้วนหลิงเทียนมองเย้ยโอวหยางชาน กล่าวออกด้วยเสียงขบขัน
“ข้ากล่าวไปแล้ว ว่าสำหรับคนที่กำลังจะตายเช่นเจ้า รู้หรือมิรู้ก็มิมีใดแตกต่าง!”
โอวหยางชานกล่าวเสียงเหี้ยม “ข้าจักส่งเจ้าไปตามทางเดี๋ยวนี้!”
แทบจะสิ้นคำของโอวหยางชาน ขวาดยักษ์ที่ลอยในอากาศก็สับสะบั้นลงมา!
ตัวขวานคล้ายสั่งสมพลังอำมหิตพร้อมพรั่ง ยามฟาดลงใส่ต้วนหลิงเทียน สภาวะของมันเกรี้ยวกราดประหนึ่งจะแยกได้กระทั่งขุนเขา!
ครืน! ครืน! ครืน! ครืน!
……
ขณะที่ขวานมหึมาผ่าอากาศลงมา ทางผ่านของมันก็ถูกแยกออกฉับไว จนบังเกิดเป็นห้วงสุญญากาศจนเกิดเสียงดังครืนๆ
ขวานพลังปราณอันดุร้ายเกรี้ยวกราดกำลังจะผ่าแยกศีรษะต้วนหลิงเทียน!
ดาวตกพิฆาต!
เผชิญหน้ากับปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตราของโอวหยางชาน ต้วนหลิงเทียนที่เตรียมพร้อมรับมือแต่แรก พลันเรียกเกาทัณฑ์ดับตะวันออกมาแล้วยิงลูกเกาทัณฑ์พลังออกไปทันที ศรพุ่งออกไปด้วยสภาวะปานจะทะลวงได้ทุกสรรพสิ่ง ปรี่ตรงเขาหาขวานพลังเล่มยักษ์อย่างไม่หวั่นหวาด!
แน่นอนว่าความเร็วของดอกศรที่พึ่งปล่อย ย่อมเชื่องช้ากว่าความเร็วในการฟาดผ่าลงมาของขวานมากนัก!
ทว่ายามที่ทั้ง 2 ปะทะกัน ฉากอัศจรรย์พลันบังเกิด!
เปรี๊ยง!!
มองไปแลเห็นขวานมหึมาที่ก่อลักษณ์จากปราณแท้ ถูกดอกศรพลังดังกล่าวทะลวงจนทะลุ! ก่อนที่จะเกิดระเบิดคราหนึ่ง เปลวเพลิงกลืนขวานพลังหายไปในพริบตา!!
“อาคมเซียนเจาะทะลวง! อาคมเซียนเพลิงระเบิด!!”
เห็นฉากนี้ โอวหยางชานอดไม่ได้ที่จะโพล่งอุทานด้วยความตื่นตระหนกดังลั่น มันบอกได้ทันทีว่าศรพลังมีสภาพดอกนั้นของต้วนหลิงเทียน อัดแน่นไปด้วยพลังของอาคมเซียนทั้ง 2!
“สายตาเจ้าไม่เลวเลยนี่นา ถึงกับมองอาคมเซียนที่ข้าใช้ออกด้วย”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองโอวหยางชานด้วยความแปลกใจกล่าวออกเสียงเรียบ
ลูกตาของโอวหยางชานใต้หน้ากากถึงกับสั่นไหวไปทันใด มาตอนนี้มันแน่ใจแล้วว่า…ชายหนุ่มเบื้องหน้าเป็นคนของขุมพลังชั้น 7 แน่นอน!
“อาคมเซียนเจาะทะลวง?! อาคมเซียนเพลิงระเบิด!”
หลังจากได้ยินคำอุทานของโอวหยางชาน ทั้งคำยืนยันของต้วนหลิงเทียน โอวหยางชิงก็เต็มไปด้วยอารมณ์ตื่นเต้น
ก่อนหน้านี้มันก็สงสัยเอาไว้แต่แรกแล้วว่าศาสตราเซียนของต้วนหลิงเทียนอาจไม่ได้จารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวไว้แค่อาคมเดียว!
อย่างไรก็ตามมันไม่คิดเลยว่ามันจะคาดเดาได้ถูกจริงๆ ที่แท้ศาสตราเซียนของต้วนหลิงเทียนกลับจารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวไว้สองอาคมจ!!
อาคมเซียนเจาะทะลวง! อาคมเซียนเพลิงระเบิด!!
“ปู่ชานรีบฆ่ามันเร็ว! ตอนนี้มันสงสัยว่าพวกเรามากตระกูลโอวหยาง หากเราปล่อยให้มันมีชีวิตรอดไปได้ ต้องเป็นหายนะของตระกูลโอวหยางแน่!!”
โอวหยางชิงมองกล่าวส่งเสียงผ่านปราณแท้ไปยังโอวหยางชานด้วยน้ำเสียงจริงจัง!
ตอนนี้ในหัวมันมีเพียงความคิดเดียวนั่นก็คือ ฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตาย! ตราบใดที่อีกฝ่ายกลายเป็นศพจมกองขยะแห่งนี้ ทุกสิ่งอย่างของอีกฝ่ายก็จะกลายเป็นสมบัติของมันกับปู่ชาน! แน่นอนมันรู้ดีว่าปู่ชานต้องมอบทุกสิ่งให้มันโดยไม่คิดเก็บไว้เองแน่!!
โอวหยางชานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มันเองก็รู้ดีว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วไร้หนทางให้ถอยกลับ
“หากเจ้าคิดว่าอาศัยศาสตราเซียนที่จารึกอาคมเซียน 3 ดาวไว้ 2 อาคม แล้วจะสามารถสู้ข้าได้ เจ้าก็คิดผิดแล้ว!”
เสียงไม่แยแสโอวหยางชานดังออก ชุดโม่งดำของมันเริ่มสั่นไหวแม้ไร้ลม ขณะเดียวกันก้อนกรวดทั้งขยะทั้งหลายที่อยู่รอบๆมันบนพื้นก็เริ่มลอยล่องขึ้นมา เป็นผลพวงจากคลื่นพลังที่แผ่กำจายออกมาทั่วร่าง
ทันใดนั้นเองโอวหยางชาน ก็แผ่พลังส่วนหนึ่งไปควบรวมก่อเกิดขวานมหึมาอีกครั้ง!
ศาสตราปราณแท้ก่อลักษณ์นั้นสามารถควบรวมสร้างขึ้นได้ตลอดเวลา ตราบใดที่ปราณแท้ยังไม่หมดสิ้น
ต้วนหลิงเทียนทำลายไปหนึ่ง โอวหยางชานก็แค่ต้องสร้างเพิ่มอีก 1!
และคราวนี้แตกต่างจากก่อนหน้าที่เพียงใช้แต่ขวานเล่มเขื่องเท่านั้น!
คราวนี้โอวหยางชานไม่คิดออมรั้งอะไร นอกจากขวานมหึมาแล้ว พญาอินทรีย์ตัวเขื่องในตอนแรกก็พุ่งเข้าหาต้วนหลิงเทียนพร้อมกัน 2 ทิศทาง!
ส่วนตัวมันเองก็สะบัดมือเรียกขวานออกมา ทั้งโจนทะยานออกไปฉับไวปานฟ้าฟาด!
ถึงแม้ว่าขวานอันเป็นศาตราเซียนในมือมันจะไร้อาคมเซียนระดับ 3 ดาวจารึกเอาไว้ แต่หากเป็นระดับ 2 ดาวกลับจารึกไว้ถึง 3 อาคม!
เพื่อที่จะฆ่าต้วนหลิงเทียนในขอบเขตสู่เซียนขั้นกลางให้ตายเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม โอวหยางชานที่แม้จะเป็นสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบก็ถึงกับลงมือเต็มกำลัง พลังสูงสุดของมันนับว่าน่ากลัวไม่เบา ร่างโจนทะยานมาปานจะฟาดทำลายได้ทุกสรรพสิ่ง!
“ตายไปเสีย! รีบๆตายไปเสีย!!”
“พอเจ้าตาย ทุกสิ่งทุกอย่างของเจ้าก็จะกลายเป็นของข้า!!”
ห่างออกไปไกลๆ ใบหน้าใต้หน้ากากของโอวหยางชิงเผยความตื่นเต้นวาดหวังออกมาสุดใจ!
ตอนนี้คล้ายมันได้เห็นศาสตราเซียนที่จารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวไว้ถึง 2 อาคมของต้วนหลิงเทียน กำลังโบกมือเรียกหามันไวๆก็ไม่ปาน นอกจากนั้นมันยังรู้ดีว่าทรัพย์สมบัติในตัวต้วนหลิงเทียน กำลังจะกลายเป็นมหาวาสนาของมัน!!
หน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจัง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับโอวหยางชานที่โถมมาด้วยสภาวะเต็มพลัง!
ดาวตกพิฆาต!
มือยกขึ้นควบศรพลังมีสภาพแล้วยิงออกใส่ขวานมหึมาอีกครา
อย่างไรก็ตามเขามีเวลาพอที่จะยิงศรแค่ดอกเดียวเท่านั้น!
นั่นเพราะพญาอินทรีย์อันเกิดจากปราณแท้ก่อลักษณ์ของโอวหยางชาน ก็พุ่งโฉบเข้ามาเจียนบรรลุถึงตัวเขาแล้ว ไม่เหลือเวลาพอให้เขาควบพลังยิงศรอะไรอีกดอก!
ไม่เพียงเท่านั้น โอวหยางชานเองก็โจนทะยานเข้ามาด้วยภาวะสังหารเต็มพิกัด!
ตอนที่ 1497
อุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน
จังหวะนี้เรียกว่าสถานการณ์ของต้วนหลิงเทียนหน้าสิ่วหน้าขวานมาก!
ศัตรูเข้มแข็งล้อมหน้าล้อมหลัง!
ทว่าใจต้วนหลิงเทียนยังคงเต็มไปด้วยความคิดวุ่นวาย
‘ถึงแม้ด้านพลังฝึกปรือของข้าจะบรรลุถึงสู่เซียนขั้นกลาง แต่สู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบก็ยังสร้างแรงกดดันให้ข้าไม่น้อย…นอกจากนี้ตาแก่สกุลโอวหยางผู้นี้กลับบรรลุสูงสุดสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบ!’
หลังจากได้รับการชำระจากพลังสุริยันของผู้เฒ่าหั่วอีกรอบจนด่านพลังทะลวงขีดขั้น สายตาต้วนหลิงเทียนย่อมดีขึ้นหลายเท่า ทำให้เขามองพลังฝึกปรือโอวหยางชานออกได้ง่ายๆจากการลงมือ
‘ยิ่งไปกว่านั้นตาแก่นี่ถึงกับเปิดใช้อาคมเซียนระดับ 2 ดาวถึง 3 อาคมพร้อมกัน…ท่าทางมันจะฆ่าข้าให้ตายให้ได้ในครั้งเดียว!’
สำหรับเรื่องที่ทำไมอีกฝ่ายคิดอยากฆ่าเขาให้ตาย ต้วนหลิงเทียนก็เดาได้ไม่ยาก
ไม่ใช่อะไรนอกจากพวกมันวิตกกังวล ว่าหากเขาอยู่จะสร้างหายนะให้ตระกูลโอวหยาง
เขารู้ดีว่าทันทีที่เขาใช้อาคมเซียนระดับ 3 ดาวออกไป 2 อาคม ตาแก่คนนี้สมควรรู้ความเป็นมาของเขาแล้ว
ด้วยเหตุนี้อีกฝ่ายจึงเร่งเปลี่ยนท่าทีจากตอนแรก…ไม่คิดประณีประนอมอะไรอีก
กลายเป็นต้องฆ่าเขาให้ได้!
มีเพียงแต่เขาตาย สกุลโอวหยางจึงจะปลอดภัยไร้เรื่องราว
“อยากให้ฆ่าตาย? เกรงว่าพวกเจ้าคงต้องผิดหวัง…วันนี้หนึ่งในพวกเจ้าจะต้องตาย! หลังจากนั้นสกุลโอวหยางของพวกเจ้าก็ต้องชดใช้!”
ทันใดนั้นลูกตาต้วนหลิงเทียนพลันพรี่ลง มองโอวหยางชานที่พุ่งเข้ามาเขม็ง เสียงกล่าวยังดังแฝงความเย็นเยือก
เสียงดังปานฟ้าผ่านี้ยังพาลให้หูของโอวหยางชานกับโอวหยางชิงอื้ออึงไม่น้อย!
“เหลวไหล!”
โอวหยางชิงพลันหัวร่อออกมาอย่างขบขัน เพราะมันคิดว่าต้วนหลิงเทียนเพียงปากดี คิดจริงๆหรือว่าสู่เซียนขั้นกลาง จะมีปัญญาต้านสูงสุดสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบได้?!
ยิ่งไปกว่านั้นปู่ชานของมันไม่ใช่สูงสุดสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบธรรมดา แต่กำลังจะทะลวงผ่านไปยังสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่!
“เจ้ายังเยาว์ทั้งโง่งมนัก!”
โอวหยางชานที่กำลังพุ่งทะยานพร้อมง้างขวานเตรียมสับต้วนหลิงเทียน แค่นเสียงเย็นหัวเราะ
ตอนนี้เองทั่วใบขวานของมันกลับปรากฏกลิ่นอายพลังลี้ลับผุดขึ้นมา 3 ขุม!
เห็นชัดว่าเป็นพลังอำนาจของอาคมเซียนระดับ 2 ดาวทั้ง 3 อาคมที่จารึกเอาไว้!
ฟุ่บ!
ขณะเดียวกันพญาอินทรีย์ตัวเขื่องก็โฉบลงมาเจียนบรรลุถึงต้วนหลิงเทียนอยู่รอมร่อ!
พริบตานี้เอง ห้วงเวลาเสมือนหยุดลง!
ในชั่วเวลาเสี้ยวพริบตา ม่านตาพิสดารของต้วนหลิงเทียนได้เปิดใช้เพลังอำนาจถึงขีดสุด พลังวิญญาณถูกผลาญเผาไปด้วยความเร็วอันน่ากลัว!
ทั้งม่านตาพิสดารของเขายังเล็งเป้าหมายไปที่พญาอินทรีย์ตัวเขื่อง ที่กำลังพุ่งลงมา!
พญาอินทรีย์ตัวเขื่องนี้ คือปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ของโอวหยางชิง! พลังอำนาจของมันมหาศาลถึงขั้นสยบสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบทั่วไปได้ง่ายๆ เช่นนั้นมันร้ายกาจเพียงใดก็น่าจะรู้!
ดังนั้นตั้งแต่แรก ต้วนหลิงเทียนไม่เคยประมาทพญาอินทรีย์ตัวนี้เลย
กล่าวไปพลังอำนาจของพญาอินทรีย์ตัวเขื่องนี้ ยังแกร่งกล้าน่ากลัวกว่าขวานที่เปิดใช้อาคมเซียนทั้ง 3 ของโอวหยางชานเสียอีก!
ด้วยเวลาที่มีจำกัด ต้วนหลิงเทียนจึงไม่อาจยิงศรออกไปอีกดอกได้ทัน เช่นเดียวกันกับโอวหยางชาน ที่ไม่อาจสร้างขวานเล่มเขื่องได้อีกครั้ง
“ตายเสีย!!”
สองตาโอวหยางชานหดหยี มองต้วนหลิงเทียนเขม็งด้วยแววตาเฉยเมยราวมองคนตาย!
ในสายตาของโอวหยางชาน แม้ไม่มีขวานมหึมาจากปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตรา มันก็ยังสามารถฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายได้ง่ายดายนัก!
ขวานมหึมาจากปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตรา เป็นการโจมตีที่อ่อนด้อยที่สุดของมัน
ม่านตาพิสดาร!
เคลื่อนมิติ!
ในห้วงเวลาสุดท้ายก่อนที่พญาอินทรีย์จะโฉบถึงศีรษะของต้วนหลิงเทียน ม่านตาพิสดารก็ได้เปิดใช้พลังอำนาจอันน่าพรั่นพรึงออกมา!
บางทีม่านตาพิสดารที่เปิดใช้งานด้วยพลังวิญญาณของเขาในตอนนี้ ไม่อาจส่งผลอะไรต่อผู้ฝึกตนในขอบเขตสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบได้เต็มที่ แต่หากเป็นสัตว์ร้ายที่เกิดจากปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ ย่อมจัดการได้ง่ายดาย!
เหลือบมองเพียงครั้ง ต้วนหลิงเทียน ก็เบี่ยงทิศทางของพญาอินทรีย์ตัวเขื่องได้ง่ายดาย!
ทันใดนั้นพญาอินทรีย์ตัวเขื่องที่แต่เดิมเจียนโฉบศีรษะต้วนหลิงเทียนได้สำเร็จ ก็กลับกลายเป็นพุ่งเข้าใส่โอวหยางชานอย่างพิสดาร!
เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นฉับไวจนโอวหยางชานไม่อาจตั้งตัวได้ทัน!
มันไม่คิดเลยว่าอยู่ดีๆ พญาอินทรีย์อันเกิดจากปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ของมัน จะหลุดจากการควบคุมและหันมาเล่นงานมันแทนแบบนี้!
ตอนนี้มันไม่อาจคิดอะไรได้ทัน เพียงสะบัดขวานในมือที่ควบรวมพลังเต็มที่ใส่พญาอินทรีย์ตัวเขื่องให้สลายหายไปดั่งหมอกควัน!
สุดท้ายแล้วพญาอินทรีย์ตัวเขื่องนี้ เกิดจากปราณแท้ของมัน
แม้จะคับขันแต่อาศัยเวลาแค่ห้วงคิด มันก็ลดทอนสภาวะไม่ว่าจะความเร็วหรือพลังของพญาอินทรีย์ได้ง่ายดาย โอวหยางชานจึงฟาดขวานทำลายมันได้อย่างไม่เหนื่อยแรง
“ถึงแม้ว่าข้าจักมิรู้ว่าเจ้าใช้กลวิธีอันใดกันแน่ ถึงทำให้ปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ของข้าเปลี่ยนทิศทาง…แต่ถึงแม้มิมีมัน วันนี้เจ้าก็ยากจะรอดพ้นความตายไปได้!”
หลังจากฟาดขวานทำลายพญาอินทรีย์ไปแล้ว โอวหยางชานก็มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยใบหน้าอำมหิต ร่างปรี่ทะยานเข้ามาอีกครั้ง!
“สำแดง!”
ในขณะที่โอวหยางชานพุ่งร่างเตรียมลงมืออีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนที่เตรียมพร้อมรับมือแต่แรกก็ยกมือขึ้นเรียกยันต์แผ่นหนึ่งออกมาพร้อมสะบัดซัดยันต์เต๋าแผ่นนั้นออกไปเบาๆใส่โอวหยางชาน ขณะเดียวกันก็กล่าววาจาเปิดใช้อำนาจยันต์เต๋าดังกล่าว!!
“เฮอะ! เจ้าคิดจริงๆหรือว่าอาศัยยันต์เต๋าแผ่นเดียวจะมีปัญญาทำอะไรข้าได้!!”
เผชิญหน้ากับยันต์เต๋าของต้วนหลิงเทียน โอวหยางชานสบถคำดูแคลน มันไม่แม้แต่จะมองยันต์เต๋าแผ่นนั้นด้วยซ้ำ ยังมองต้วนหลิงเทียนไม่วางตา เหวี่ยงฟาดขวานออกไปหมายฆ่าต้วนหลิงเทียน!
สำหรับพลังสังหารจากยันต์เต๋านั้น มันมั่นใจว่าสามารถขยี้ให้แหลกได้ง่ายๆเสมือนบี้มด
เพียงแค่เปล่งพลังจากขวานออกมาเล็กน้อยก็พอ!
ตั้งแต่ต้นจนจบโอวหยางชานไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่ายันต์เต๋าที่ต้วนหลิงเทียนซัดออกมาจะเป็นยันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาว
เพราะในเขตปกครองของ 9 พันธมิตรนั้น มีเพียง 2 ขุมพลังเท่านั้นที่มียันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาวเอาไว้ใช้งาน ยิ่งไปกว่านั้นสองขุมพลังดังกล่าวยังไม่แจกจ่ายยันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาวออกไปมั่วซั่ว เช่นนั้นแล้วต่อให้ไปตลาดมืดหยินชานก็ยังหาซื้อได้ยากเย็นนัก
และขุมพลังทั้ง 2 ที่ว่า หนึ่งเป็นสำนักใน 9 พันธมิตรเรียกว่าสำนักยันต์ลี้ลับ ส่วนอีกที่นั้น…คือตลาดมืดหยินชานเอง!
แม้แต่ยอดฝีมือรุ่นเยาว์ของตลาดมืดหยินชาน ก็ยากนักที่จะมียันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาวพกติดตัว!
ทำให้มันไม่คิดเลยว่ามันจะโชคร้ายมาพบพานกับตัวเข้าแบบนี้!
“ตาย! รีบๆตายไปเสีย!!”
ห่างออกไปไกลๆ ใบหน้าภายใต้หน้ากากขอโอวหยางชิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น คล้ายตอนนี้มันเห็นสมบัติกองเท่าภูเขาของต้วนหลิงเทียนกำลังรอให้มันไปหยิบหลังจากต้วนหลิงเทียนตายลง!
เปรี๊ยง!!
อย่างไรก็ตามเสียงดังสนั่นที่ลั่นขึ้นมา ทำให้ใบหน้าวาดหวังตื่นเต้นหลังหน้ากากของโอวหยางชิงถึงกับแข็งค้าง
ลูกตายังเบิกโพลง เผยความหวาดกลัวออกมาจากก้นบึ้งของวิญญาณ!
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ถึงทำให้โอวหยางชิงหวาดกลัวมากมายขนาดนี้?
ยามยันต์เต๋าแตกตัวปลดปล่อยพลังสังหารออกมาจนบังเกิดแรงระเบิดนั้น อำนาจทำลายล้างของมันยังทำให้บรรยากาศบริเวณจุดปะทะถึงกับบิดเบือน!
คลื่นกระแทกอันน่าเกรงขามยังแผ่กำจายออกมาน่ากลัว ยังผลให้อากาศถูกซัดจนกลายเป็นคลื่นลมแรงพัดกวาดออกไปทั่วสารทิศ!
สำหรับโอวหยางชาน ผู้ที่ทานรับพลังอำนาจของยันต์เต๋าตรงจุดศูนย์กลางการปะทะนั้น บัดนี้มันถูกพลังสังหารของยันต์เต๋าระเบิดทำลายจนร่างแหลกเป็นเศษเนื้อ!
เศษชิ้นเนื้อที่กระจายเต็มฟ้าของมัน ยังถูกคลื่นกระแทกที่มีพลังอำนาจถึงขั้นบิดเบือนบรรยากาศจู่โจมเล่นงานอีกครั้ง สุดท้ายก็แหลกสลายกลับกลายเป็นเพียงหมอกโลหิต…
กลางอากาศคงเหลือเพียงแหวนพื้นที่วงหนึ่งที่ร่วงตกลงมา…กับขวานเล่มใหญ่ที่ปลิวคว้างไร้ทิศทาง
โอวหยางชาน…ตาย!
มันยังตายอย่างไม่ทันรู้ตัว!
“เหอะๆ แค่สู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบกลับกล้าเพิกเฉยพลังสังหารของยันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาว…ไปเอาความกล้าผิดๆนี้มาจากที่ไหนกัน ดูเหมือนคนสกุลโอวหยางทุกคนล้วนคิดว่าตัวเป็นที่สองรองจากสวรรค์เท่านั้นสินะ”
ต้วนหลิงเทียนพึมพำกล่าวขณะมองหมอกโลหิตของโอวหยางชานด้วยสายตาพิกล
เรื่องราวทั้งหมดนั้นตั้งแต่เริ่มล้วนดำเนินไปตามที่เขาคาดไว้แต่แรก ทว่าสุดท้ายกลับมีเรื่องเหนือความคาดหมายดั่ง ‘อุบัติเหตุ’ เกิดขึ้นในตอนท้ายเสียได้!
ตอนแรกนั้นเขาคิดไว้แล้ว ว่าจะใช้ดอกศรยิงทำลายศาสตราที่เกิดจากการควบรวมปราณแท้ ทั้งใชม่านตาพิสดารเปลี่ยนทิศการโจมตีของสัตว์ร้ายที่เกิดจากปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์!
สุดท้ายก็ใช้ยันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาวซัดทำร้ายโอวหยางชาน!
ยันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาวนั้น ยามปะทุพลังสังหาร เทียบได้กับการโจมตีของสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ทั่วๆไปลงมือเต็มกำลัง
ถึงแม้ว่าโอวหยางชานจะเป็นแค่สูงสุดสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบที่ห่างเพียงครึ่งก้าวบรรลุสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ แต่จะอย่างไรมันก็ไม่ใช่สู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ แน่นอนว่าไม่มีทางต้านรับพลังอำนาจของสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ได้อย่างหมดจด…
ในสายตาของต้วนหลิงเทียนนั้น ‘อุบัติเหตุ’ ที่เกิดขึ้นก็คือ…โอวหยางชานกลับตกตายไปเพราะพลังสังหารนั่นเสียได้!
ในแผนการที่เขาวาดไว้ในหัว โอวหยางชานสมควรปะทุพลังทั้งหมดต้านรับอำนาจสังหารของยันต์เต๋า ทำให้มันอาจจะแค่บาดเจ็บสาหัสแต่ยังไม่ถึงขั้นตกตาย และสุดท้ายต้องกลายเป็นปลาบนเขียงให้เขาแล่สับตามอำเภอใจ…
ทว่าไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าโอวหยางชานจะมั่นใจถึงขนาดที่ไม่คิดจะต้านรับพลังสังหารจากยันต์เต๋า! สุดท้ายจึงทำให้เขากลายเป็น ‘เผลอ’ ฆ่ามันตายไปง่ายดายเพียงเท่านี้!!
“ปะ…ปู่ชาน!”
โอวหยางชิงที่มองหมอกโลหิตที่ฟุ้งไปในอากาศ แต่ไม่เห็นร่างที่คุ้นเคยเหลืออยู่ ก็เผยสายตาเลื่อนลอยไม่อยากจะเชื่อ
ในสายตาของมันปู่ชานนั้นเสมือนเทพสงครามไร้พ่าย…ไหนเลยจะตกตายง่ายดายเช่นนี้!?
“ยะ…ยันต์เต๋าจู่โจม 3 ดาว! มันกลับมียันต์เต๋าจู่โจม 3 ดาว!!”
ถึงโอวหยางชิงจะเป็นตัวโง่งมเพียงใด แต่มันก็รู้ดีว่าคราวนี้มันเตะตอเหล็กเข้าให้แล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้นความแข็งแกร่งของตอเหล็กตอนี้ ยังเป็นอะไรที่แม้แต่ตระกูลโอวหยางที่อยู่เบื้องหลังมันยังไม่กล้ายกเท้าขึ้นมาเตะ!
ใจของมันสั่นสะท้านไปพักหนึ่ง สุดท้ายก็พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์
มันรู้ดีว่าหากยังอยู่ที่นี่ต่อไปมันได้ตายแน่!
ทันทีที่บังเกิดความคิดนี้ขึ้นมา โอวหยางชิงก็หันหลังกลับคิดหลบหนีไปทันที!
อย่างไรก็ตามพอมันหันหลังกลับและเตรียมจะกระโจนร่างหนีไป เสียงเย็นเยียบหนึ่งก็ดังขึ้น “โอวหยางชิงหากเจ้ายังไม่อยากตายก็หยุดอยู่ตรงนั้นแต่โดยดี”
ได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน ใบหน้าโอวหยางชิงภายใต้หน้ากากก็บิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก
หากแต่มันก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไรผลีผลามสืบไป เพียงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นอย่างเชื่อฟัง
“จะ…เจ้าจะไม่ฆ่าข้าแน่นะ?”
โอวหยางชิงกล่าวถามออกมาด้วยเสียงสั่นเทา ตอนนี้มันรู้ดีว่าถึงแกล้งดัดเสียงให้แหบแห้งไปก็ไร้ประโยชน์!
ต้วนหลิงเทียนควบคุมสถานการณ์ไว้หมดสิ้นแล้ว!
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเป็นคนตัดสินชะตาของมัน!
“อะไร? เจ้าสงสัยคำข้างั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวเย้ย
“มะ…ไม่! ไม่กล้า!!”
ไม่ทราบว่าทำไมแต่พอได้ยินเสียงเย้ยนี้ของต้วนหลิงเทียน ฉากที่อีกฝ่ายซัดยันต์เต๋าจู่โจม 3 ดาวไประเบิดร่างปู่ชานของมันจนกลายเป็นละอองเลือดกลับผุดโผล่ขึ้นมาในหัวอีกครั้ง ใจมันกลายเป็นท่วมท้นไปด้วยความหวาดกลัวทันที
ต้วนหลิงเทียนเดินไปหาโอวหยางชิงอย่างไม่รีบไม่ร้อน หลังจากสะบัดมือเก็บแหวนพื้นที่กับขวานเล่มเขื่องของโอวหยางชานเรียบร้อย
“ถอดหน้ากากโง่ๆนั่นของเจ้าออกเสีย แล้วก็ยกเลิกพันธะครองแหวนที่เจ้ามีแล้วส่งมา…อย่าได้คิดเล่นลูกไม้ตื้นๆอะไรกับข้าให้เสียเวลา หากเจ้าไม่อยากเป็นแบบไอ้แก่นั่น!”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองไปที่โอวหยางชิงพร้อมกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก
ตอนที่ 1498
สำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร
“ไม่กล้า! ข้าไม่กล้า!!”
ได้ยินน้ำเสียงขู่ข่มของต้วนหลิงเทียน ไหนเลยโอวหยางชิงจะหลงเหลือความถือดีอะไรอีก! ความหยิ่งทะนงของมันในกาลก่อนมลายหายไปหมดสิ้น!
ตอนนี้มันเสมือนลูกนกที่หวาดกลัวตัวหนึ่งเท่านั้น!
ถอดหน้ากากพร้อมโม่งดำออก หน้าซีดเซียวของโอวหยางชิงก็เผยให้เห็นทันที ลูกตาของมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และจะเป็นเช่นนี้ไปอีกนาน!
“นิ…นี่ แหวนให้ท่าน”
หลังจากที่ยกเลิกพันธะครองแหวน โอวหยางชิงก็ให้ความร่วมมืออย่างดี ใช้พลังประคองแหวนส่งตรงถึงมือต้วนหลิงเทียน
แน่นอนว่าเบื้องหลังความร่วมมือนี้ ใจของโอวหยางชิงถึงกับหลั่งเลือด!
มันคิดว่าจะได้รับทรัพย์สมบัติทั้งหมดของต้วนหลิงเทียนมาครอง แต่ไม่คิดเลยว่าไม่เพียงจับไก่ไม่สำเร็จยังต้องเสียข้าวสารไปอีกกำมือ! กลายเป็นมันต้องส่งแหวนให้อีกฝ่ายแต่โดยดี!!
กล่าวอีกอย่าง มันไม่กล้าขัดขืน!
พอคิดถึงเรื่องที่ปู่ชานอาวุโสลำดับสองของสกุลโอวหยางตายด้วยน้ำมือต้วนหลิงเทียนอย่างไร ไหนเลยมันยังหลงเหลือความกล้าคิดขัดขืน!
“ไปกันได้แล้ว!”
หลังจกาเก็บแหวนพื้นที่ของโอวหยางชิงแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ยกมือขึ้นคว้าแขนของโอวหยางชิงแน่นเสมือนคีมเหล็ก หอบหิ้วมันออกจากพื้นที่ทิ้งขยะ ไปยังสี่แยกที่เขาเลี้ยวมา
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เลี้ยวซ้าย พาร่างโอวหยางชิงมุ่งหน้าไปตามถนนสายเหนือ
“ทะ…ท่านมาจาก 9 พันธมิตรหรือ?”
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนพามันไปตามเส้นทางที่ตั้งของ 9 พันธมิตร และยังใกล้เข้าไปทุกขณะ โอวหยางชิงก็กล่าวถามออกมาเสียงสั่น
“ตอนที่ข้าไปเยือนตระกูลโอวหยางถึงที่ ไม่ใช่ว่าเจ้ากล่าววาจาห้าวหาญเอาเรื่องนักหรือไง พอมามากระเสาะกระแสะแบบนี้ทำให้ข้าอึดอัดจริงๆ…”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองโอวหยางชิงด้วยหางตา ค่อยกล่าวเสียงเย็น
วาจาไม่กี่คำนี้ถึงกับทำให้หูของโอวหยางชิงแดงแปร๊ด แต่มันก็ไร้คำจะกล่าว
มันกล่าวถามออกมาทั้งร่างสั่นระริก “ท่านเป็นใคร…แล้วท่านคิดทำอะไรกับข้ากันแน่…ท่านกล่าวแล้วนะว่าจะไม่ฆ่าข้า ท่านไม่อาจผิดคำพูด! ท่านไม่อาจฆ่าข้า!!”
โอวหยางชิงถูกความตื่นตระหนกเล่นงานจนหวาดกลัวจับใจ
ตอนแรกหลังเห็นต้วนหลิงเทียนใช้ยันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาวฆ่าปู่ชาน มันก็รู้ได้ทันทีว่าต้วนหลิงเทียนมีความเป็นมาไม่ธรรมดาถึงที่สุด แต่จะอย่างไรทั้งหมดมันก็แค่คิดไปเองเท่านั้น…
บางทีต้วนหลิงเทียนอาจบังเอิญโชคดีไปพบพานวาสนา ได้รับ ‘สมบัติ’ ของยอดฝีมือ และในสมบัติดังกล่าวก็มียันต์เต๋าจู่โจม 3 ดาวรวมอยู่ด้วย
ทว่ามาตอนนี้พอคิดว่าต้วนหลิงเทียนกำลังจะไปยัง 9 พันธมิตร ความหวังสุดท้ายว่าต้วนหลิงเทียนอาจแค่บังเอิญได้ของมาก็มลายไปจากใจหมดสิ้น
มันรู้ดีว่าหากต้วนหลิงเทียนเป็นคนของ 9 พันธมิตร และขุมพลังอีกอีกฝ่ายคิดล้างตระกูลโอวหยาง มันก็ไม่อาจทำอะไรได้เลย
แถมต้วนหลิงเทียนยังฆ่ามันได้ราวกับฆ่าไก่ โดยที่ไม่มีใครคิดเอาความ…
พอตระหนักได้ชัดว่าชีวิตของมันและตระกูลล้วนอยู่ในกำมือของต้วนหลิงเทียนหมดสิ้น โอวหยางชิงก็หวาดกลัวจับใจแล้วจริงๆ
“ข้าบอกแล้วว่าจะไม่ฆ่าเจ้า แน่นอนว่าข้าจะไม่ฆ่าเจ้า…”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองโอวหยางชิงด้วยสายตารังเกียจ เขาลอบคิดในใจว่าหากไม่ใช่เพราะคิดหาผลประโยชน์จากมัน เขาคงฆ่ามันให้ตายไปแล้ว
หลังได้ยินคำยืนยันของต้วนหลิงเทียนโอวหยางชิงก็โล่งใจ
ถึงแม้มันจะพอเดาได้ว่าที่ต้วนหลิงเทียนไว้ชีวิตมันเพราะคิดใช้มันทำอะไรสักอย่าง แต่มันก็ไม่ได้คิดมากเรื่องนี้ ขอเพียงแค่มันอยู่รอดก็พอ!
ตราบใดที่มันยังไม่ตายมันจะทำอะไรก็ได้
เพราะเมื่อตายไป ใดๆในหล้าก็เสมือนหมอกควันอันรางเลือน
สำนักงานใหญ่ของ 9 พันธมิตรนั้น ครอบคลุมพื้นที่ตอนเหนือของเมืองหานเหอไม่น้อย
ในพื้นที่ขนาดใหญ่แห่งนี้ ยังแบ่งสันปันส่วนออกเป็น 9 ส่วนไว้สำหรับคนของแต่ละขุมพลัง และแต่ละส่วนที่ว่าก็เป็นสำนักงานของขุมพลังแต่ละขุม
ทันทีที่มาถึงทางเข้าเขตสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร ต้วนหลิงเทียนก็ถูกคนหยุดเอาไว้
“เจ้าเป็นใครกัน ไฉนถึงมาเยือนสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตรเราดึกดื่นเช่นนี้?”
หน้าประตูสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตรนั้น ส่องสว่างไปด้วยแสงไฟ ด้านข้างมองไปนับได้ 18 คนที่ยืนตรวจตรารักษาการณ์
“ข้าเป็นศิษย์ของสำนักจันทร์จรัสแสงน่ะ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวแจ้งตัวตนอกไป แน่นอนว่าตอนนี้เมื่อมาถึง 9 พันธมิตรแล้วเขาต้องเปิดเผยสำนักสังกัด หาไม่แล้วคงยากที่จะเข้าไปด้านในได้
“สำนักจันทร์จรัสแสง!”
ได้ยินวาจาที่ต้วนหลิงเทียนกล่าว ลูกตาของโอวหยางชิงถึงกับเบิกกว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
ตอนนี้ในที่สุดมันก็รู้ความเป็นมาของต้วนหลิงเทียนเสียที
ที่แท้ต้วนหลิงเทียนมาจากสำนักจันทร์จรัสแสง
อนิจจามันรู้เรื่องนี้สายไป
“คนของสำนักจันทร์จรัสแสงรึ?”
ได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียน ชายวัยกลางคนที่มาหยุดเขาไว้พลันขมวดคิ้ว
ขณะเดียวกันมันก็หันไปยังชาย 2 ใน 18 คน “หลิวไห่ หลิวเยว่ ในเมื่อน้องชายผู้นี้กล่าวอ้างว่ามาจากสำนักจันทร์จรัสแสงของพวกเจ้า งั้นข้าจะให้พวกเจ้าตรวจสอบเองแล้วกัน”
ทั้ง 2 คนที่ถูกเรียกว่า หลิวไห่ กับหลิวเยว่นั้น เป็นชายหนุ่มกับชายวัยกลางคน พวกมันพยักหน้าทันที ก่อนที่จะเดินเข้ามาหาต้วนหลิงเทียน
“น้องชายท่านนี้เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นศิษย์ของสำนักจันทร์จรัสแสงเราหรือ แล้วน้องชายมีป้ายแสดงตัวตนของสำนักเรามาด้วยหรือไม่?”
หลิวเยว่มองถามต้วนหลิงเทียนอย่างสุภาพ
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะแลดูยังเยาว์นัก แต่หลิวเยว่ก็เดินทางออกมาประจำการณ์นอกสำนักหลายปีแล้ว มันย่อมสัมผัสได้ถึงบรรยากาศไม่ธรรมดาที่แผ่ออกมาจากร่างต้วนหลิงเทียน หากอีกฝ่ายเป็นศิษย์สำนักจันทร์จรัสแสง ก็ไม่น่าเป็นตัวตนที่ไม่สำคัญ
“มีสิ”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ก่อนที่จะยกมือเรียกป้ายประจำตัวออกมา ก่อนที่จะยื่นส่งให้หลิวเยว่
“ป้ายนี้เป็นของจริง…ว่าแต่เจ้าเป็นศิษย์ฝ่ายนอกรึ?”
หลังจากรับป้ายมาตครวจสอบพักหนึ่ง เมื่อยืนยันได้แล้ว หลิวเยว่ก็คืนป้ายให้ต้วนหลิงเทียนพร้อมถามด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง
“ข้าต้วนหลิงเทียน คารวะศิษย์พี่หลิวเยว่กับศิษย์พี่หลิวไห่ พวกท่านสบายดีนะ”
ต้วนหลิงเทียนเขวี้ยงร่างโอวหยางชิงทิ้งเหมือนขยะชิ้นหนึ่งค่อยป้องมือประสานทักทายทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม
เขาระบุฐานะของทั้งคู่ได้ว่าเป็นศิษย์ฝ่ายในของสำนักจากป้ายประจำตัวที่ห้อยแขวนไว้บริเวณเอว
อย่างไรก็ตามทันทีที่ต้วนหลิงเทียนเปิดปากกล่าววาจานี้ออกมา ทำให้หลิวเยว่กับหลิวไห่ถึงกับทำหน้าเหวอปานเห็นผี!
“ต้วนหลิงเทียน!? ศิษย์ฝ่ายนอกสำนักจันทร์จรัสแสงต้วนหลิงเทียน!?”
ตอนนี้สายตาทั้ง 16 คู่ของอีก 16 คนก็พลันหันมามองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็งอย่างแตกตื่น คล้ายเขามีอะไรดึงดูดสายตาอย่างไรอย่างนั้น
“เอ่อ มีอะไรกันเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนงุนงงไม่น้อย
“ทะ…ท่านคือต้วนหลิงเทียน?”
ตอนนี้เองโอวหยางชิงที่ถูกต้วนหลิงเทียนเขวี้ยงทิ้งเหมือนขยะ ก็กล่าวถามออกมาด้วยดวงตาเบิกโพลงปานเห็นผี จากวาจามันยังคล้ายรู้จักต้วนหลิงเทียนมาก่อน
“หืม? เจ้ารู้จักข้าด้วย?”
ได้ยินวาจานี้ของโอวหยางชิง ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามพร้อมขมวดคิ้ว นี่เขาโด่งดังขนาดนี้เลยรึ?
“เอ่อ…ศะ ศิษย์น้องต้วน หรือเจ้ามิรู้ตัวเลย ว่าตอนนี้ชื่อเสียงเจ้าโด่งดังไปทั้ง 9 พันธมิตรแล้ว”
ตอนนี้เอง ในที่สุดหลิวเยว่ที่หน้าเหวอไปก่อนหน้าก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง มันกล่าวถามต้วนหลิงเทียนพร้อมยิ้มแหยๆหลังได้ยินวาจาโต้ตอบระหว่างต้วนหลิงเทียนกับโอวหยางชิง
“หืม? ชื่อเสียงข้าโด่งดังไปทั่ว 9 พันธมิตรแล้ว?”
ต้วนหลิงเทียนตกใจไม่น้อย
“เหอะๆ ก็เจ้าเข้าสำนักมาไม่ทันไร เจ้าก็ฆ่าเฝิงฟ่านชิงอันดับที่ 99 ในรายนามปฐพีมาจากมัน…กล่าวไปเพียงเรื่องนี้ชื่อเสียงเจ้าก็เริ่มแพร่ไปใน 9 พันธมิตรแล้ว”
หลิวเยว่ถอนหายใจกล่าว
“ต่อมาเจ้ายังเอาชนะเฮ่อจงที่อยู่ในอันดับที่ 66 ของรายนามปฐพีอีก ทำให้อันดับในรายนามปฐพีของเจ้าพุ่งสูงขึ้นในเวลาอันสั้น นับว่าเรื่องนี้ทำให้ 9 พันธมิตรตกใจกันนัก! ตอนนี้เกรงว่าในบรรดาคนของ 9 พันธมิตรหากไม่ใช่ผู้ที่ปิดด่านมาอย่างยาวนานกับผู้ที่รักสันโดษมิสนเรื่องราวในโลก เกรงว่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักเจ้า…”
หลิวเยว่กล่าวสืบต่อ
ต้วนหลิงเทียนอึ้ง ที่แท้เป็นเพราะอันดับในรายนามปฐพีนี่เอง
พอคิดถึงเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็พอเข้าใจเรื่องราวได้ไม่ยาก
เท่าที่เขารู้ รายนามปฐพีนั้น เป็น 9 พันธมิตรจัดขึ้น เพื่อจัดอันดับยอดฝีมือในขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์…
ไม่น่าแปลกใจเลยหากอันดับในรายนามปฐพี จะทำให้ชื่อเสียงเขาแพร่ไปทั้ง 9 พันธมิตร
ตอนแรกต้วนหลิงเทียนไม่ทราบเหตุผลเพราะไม่ทันคิด
มาตอนนี้เขาค่อยตระหนักได้ว่า เพราะอะไรเขาถึงกลายเป็นคนมีชื่อเสียงทั้งๆที่ไม่รู้ตัว
ถึงแม้อันดับในรายนามปฐพี จะเพียงจัดกันในบรรดาผู้ฝึกตนขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ แต่โดยมากแล้วผู้ที่ครองอันดับล้วนป็นหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น
“เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือ…ศิษย์น้องต้วนหลิงเทียน เจ้าอย่าได้ลืมว่าเจ้ายังเป็นแค่หลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบ! ตัวตนในขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบ กลับติดอันดับในรายนามปฐพีได้! นี่เป็นเรื่องที่มิเคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์รายนามปฐพี…!!”
จังหวะนี้หลิวไห่ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอีกคน
“เฮ่ เขาหรือต้วนหลิงเทียน?”
“ยังดูเยาว์วัยยิ่ง!”
“ข้าได้ยินมาว่าเขาพึ่งอายุได้ 35 ปีเท่านั้น…เพียงอายุ 35 ก็ติดอันดับที่ 66 ในรายนามปฐพีแล้ว พลังฝีมือช่างสูงจนน่าเหลือเชื่อจริงๆ”
“ข้าได้ยินมาว่าเขายังเป็นแค่หลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบ เรื่องนี้เรื่องจริงรึ?”
“ข้าเองก็คิดว่าเป็นไปมิได้เช่นกัน ข้าว่า 8-9 ส่วนเป็นสำนักจันทร์จรัสแสงปั้นเรื่อง เพื่อดึงดูดความสนใจผู้คน”
……
ชายวัยกลางคนรวมถึงชายหนุ่มอีก 16 คนที่เหลือซึ่งทำหน้าที่รักษาการณ์ประตูหน้าสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตรเริ่มซุบซิบสนทนากัน
ในวาจาของพวกมัน ล้วนไม่เชื่อว่าต้วนหลิงเทียนจะติดอันดับรายนามปฐพีได้ทั้งๆที่เป็นหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบ
“ข้ายังได้ยินมาว่าต้วนหลิงเทียนคนนี้กลับได้รับการยอมรับจากอาวุป๋ายลี่หง ถึงขั้นถูกยอมรับเป็นศิษย์น้อง…เรื่องนี้ยังน่าตื่นตระหนกเสียยิ่งกว่า!”
“แต่ข่าวนี้น่าจะเป็นความจริง เพราะมันแพร่ออกมาจากสำนักจันทร์จรัสแสง”
“ถูกแล้ว สมควรเป็นเรื่องจริง อาวุโสป๋ายลี่หงเป็นผู้ใด ยังมีคนกล้าล้อเล่นเรื่องนี้อีกหรือ?”
“ไม่ว่าจะอย่างไร เพียงฐานะนี้อย่างเดียวก็ยากที่จะมีใครกล้าล่วงเกินต้วนหลิงเทียนแล้ว…เพราะหากล่วงเกินเขา ย่อมไม่ต่างอันใดจากหาเรื่องอาวุโสป๋ายลี่หง!”
……
เมื่อทั้ง 16 คนกล่าวถึงเรื่องนี้ขึ้นมา พอมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตาพวกมันอดไม่ได้ที่จะเผยความยำเกรง
โอวหยางชิงที่ถูกเขวี้ยงไปกองกับพื้นราวขยะ พอรู้ตัวตนของผู้ที่มันคิดฆ่าชิงทรัพย์ มันก็หวาดผวาพรั่นกลัวไปถึงแก่นกาย
ต้วนหลิงเทียน ศิษย์ฝ่ายนอกสำนักจันทร์จรัสแสง ติดอันดับที่ 66 ในรายนามปฐพี!
หากมีเพียงเท่านี้อาจไม่เป็นอะไร
สิ่งที่มันกลัวจริงๆคืออีก ‘ฐานะ’ หนึ่งของต้วนหลิงเทียน
ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ถูกอาวุโสป๋ายลี่หง..ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวแห่งสำนักจันทร์จรัสแสงยอมรับเป็นศิษย์น้อง!
ใน 9 พันธมิตรมีปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวกี่คนกัน?
‘มิน่าแปลกใจ…มิน่าแปลกใจแล้วว่าไฉนมันถึงมีศาสตราเซียนที่จารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวสองอาคม! ในฐานะศิษย์น้องของปรมาจารย์เซียนจารึกระดับ 3 ดาว ยังจะขาดอาคมเซียน 3 ดาวได้อย่างไร…’
ตอนนี้โอวหยางชิงเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวจนเข้าใจกระจ่าง
อนิจจาเห็นชัดว่าทุกอย่างมันสายไปแล้ว…
“ศิษย์น้องต้วน แล้วเจ้านี่ มันเป็นใครรึ?”
หลังจากกล่าวสนทนาถามไถ่ความเป็นมาอย่างสุภาพ หลิวเยว่ก็หันไปมองโอวหยางชิงที่ถูกเขวี้ยงไปนั่งจุ้มปุ๊กกับพื้นราวสุนัขป่วย ค่อยถามต้วนหลิงเทียนด้วยความสงสัย
ตอนที่ 1499
อาวุโสฮุย
“เอ๋? นั่นมิใช่คุณชายใหญ่ตระกูลโอวหยาง โอวหยางชิงรึไร?”
ทันใดนั้นในบรรดา 16 คนด้านหลัง ก็มีคนที่จดจำโอวหยางชิงได้ จึงกล่าวทักออกมา
คุณชายใหญ่ตระกูลโอวหยาง?
ทันใดนั้นยกเว้นต้วนหลิงเทียน ทุกสายตาก็เบนมาตกที่ร่างโอวหยางชิงอย่างสนอกสนใจ ทำให้มันรู้สึกไม่ได้ที่จะประหม่า
หากเป็นในกาลก่อนที่มันเชิดหน้าเดินอย่างหยิ่งยะโสล่ะก็ ถ้ามีคนของ 9 พันธมิตรหันมาให้ความสนใจมันแบบนี้ มันคงรู้สึกเป็นเกียรติจนตัวลอย!
ทว่าตอนนี้สารรูปมันเสมือนสุนัขไก่รอเวลาเชือด ไหนเลยยังจะมีเกียรติอันใดหลงเหลือ ยังอยากจะขุดหลุมแล้วเอาหัวมุดรูหลบหน้าผู้คนด้วยซ้ำ!
“คุณชายใหญ่ตระกูลโอวหยาง?”
พอได้ยินว่าที่แท้ผู้ที่นั่งหมดอาลัยบนพื้นนี้ กลับเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลโอวหยาง หลิวไห่กับหลิวเยว่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่ไม่ได้ตกใจอะไร
ในฐานะที่เป็นคนของขุมพลังชั้น 7 พวกมันไม่เคยเห็นคนในขุมพลังชั้น 8 อยู่ในสายตา
“ศิษย์น้องต้วนเจ้ากับมันมีเรื่องกันรึ…”
อย่างไรก็ตามทั้ง 2 อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
เพราะพวกมันสังเกตเห็นชัดเจนดีว่าคุณชายโอวหยางนี้เป็นศิษย์น้องเบื้องหน้าหิ้วมา ทั้งยังเขวี้ยงทิ้งราวหมูมา ย่อมไม่ใช่สหายกันแน่นอน
มาตอนนี้สายตาที่ทั้งคู่มองโอวหยางชิง ยังเต็มไปด้วยความดุร้าย
ถึงแม้ศิษย์สำนักจันทร์จรัสแสงบางคนอาจมีเรื่องไม่ถูกชะตากันบ้างในสำนัก แต่โดยมากแล้วหากเจอผู้อื่นคิดร้ายภานอก ศิษย์เหล่านั้นจะละวางเรื่องบาดหมาง หันมาร่วมแรงร่วมใจต้านทานศัตรูก่อน…ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงแต่เดิมชื่นชมเป็นทุน!
ดังนั้นพอคิดว่าโอวหยางชิงอาจคิดร้ายอะไรกับต้วนหลิงเทียน พวกมันจึงเห็นอีกฝ่ายเป็นศัตรูที่ต้องกำจัดทันที แววตาถึงกับเผยจิตฆ่าฟันอย่างไม่ระงับ!
โอวหยางชิงที่ถูกมองด้วยความมุ่งร้ายเปี่ยมจิตสังหารจากทั้งคู่ ถึงกับหวาดผวาขึ้นมาในใจ ร่างสั่นระริกไปทันที!
“เรื่องระหว่างข้ากับมันเกรงว่าคงยากจะบอกกล่าวได้ด้วยคำเพียงไม่กี่คำ…ศิษย์พี่ทั้ง 2 ที่ข้ามาสำนักงานใหญ่ ดึกดื่นขนาดนี้เพราะคิดมาพบอาวุโสฮุยน่ะ”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองโอวหยางชิงอีกรอบด้วยสายตาไม่แยแส ค่อยหันกลับมามองกล่าวกับหลิวเยว่และหลิวไห่
“ที่แท้ศิษย์น้องต้วนมาหาอาวุโสฮุยนี่เอง เอาล่ะข้าจะพาเจ้าเข้าไปพบท่าน”
หลิวเยว่พอได้ยินก็รีบตอบรับทันที
อาวุโสฮุยเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสที่มาดูแลสำนักงานของสำนักจันทร์จรัสแสงที่สำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตรแห่งนี้ ในบรรดาผู้มาประจำการณ์อยู่ที่นี่ อาวุโสฮุยนับเป็นยอดฝีมือลำดับ 2
นอกจากนี้คนของสำนักจันทร์จรัสแสงยังรู้ดี ว่าอาวุโสยังมีอีกฐานะหนึ่ง คือปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 2 ดาว! อีกทั้งยังมีสัมพันธ์อันดีกับอาวุโสป๋ายลี่หงซึ่งเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวไม่น้อย! อีกฝ่ายยังกล่าวอยู่เสมอว่า…ป๋ายลี่หงเป็นดั่งศิษย์พี่ที่เคารพ!
ดังนั้นในสายตาของหลิวเยว่ แม้ต้วนหลิงเทียนจะมาพบอาวุโสฮุยดึกดื่น แต่อีกฝ่ายก็ไม่น่าขุ่นขึ้งอะไร กระทั่งเผลอๆ แม้จะอยู่ท่ามกลางการปิดด่านฝึกฝน ยังมิวายยังจะรีบออกด่านแจ้นมาพบต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ
เพราะสุดท้ายแล้วต้วนหลิงเทียนก็เป็นศิษย์น้องของป๋ายลี่หง!
“ขอบคุณศิษย์พี่หลิวเยว่”
ต้วนหลิงเทียนเร่งกล่าวขอบคุณ ก่อนที่จะยกมืออีกครั้งใช้พลังไร้สภาพดูดรั้งโอวหยางชิงมาถือไว้ ค่อยจะเดินตามหลิวเยว่เข้าไปในสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร
ก่อนเดินจากไป ยังหันมาลาหลิวไห่ด้วยรอยยิ้ม
“เหอะๆ…ด้วยฐานะที่สูงค้ำฟ้าของศิษย์น้องต้วนหลิงเทียน ยังปฏิบัติกับศิษย์ฝ่ายในธรรมดาๆคนหนึ่งอย่างข้าด้วยดีเช่นนี้ ช่างน่านับถือยิ่งนัก…สมแล้วที่เป็นยอดคน!”
มองแผ่นหลังต้วนหลิงเทียนที่หายไปในสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร หลิวไห่อดไม่ได้ที่จะชื่นชม แววตายังเผยความเคารพนับถือ
ในความคิดของมัน ตราบใดที่ชายหนุ่มผู้นี้มิด่วนจากไปก่อนวัยอันควร สักวันต้องเป็นตัวตนที่ท่องทะยานเหนือฟ้า!
เผลอๆ 9 ใน 10 ส่วนยังอาจได้เป็นเจ้าสำนักรุ่นต่อไป!
มันจะไม่ตื่นเต้นยินดีกับการปฏิบัติด้วยดีของตัวตนระดับนี้ได้อย่างไร?
“ดูเหมือนว่าคุณชายใหญ่ตระกูลโอวหยางนั่นจะชะตาขาดแล้ว เล่นกับใครไม่ว่ากล้ามีเรื่องกับต้วนหลิงเทียน”
หลายคนที่เฝ้าหน้าประตูสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตรกล่าวออกมาด้วยความสนุกสนาน
“นั่นสิ ท่าทางตระกูลโอวหยางจะถึงวาระแล้ว…ผู้คนมีตั้งมากดันไปมีเรื่องกับต้วนหลิงเทียนได้ พวกมันไปกินดีหมีหัวใจเสือกันมารึไร??”
หลายคนพยักหน้าเห็นด้วย
“แล้วทำไมโอวหยางชิงนั่นมันถึงกล้ามีเรื่องกับต้วนหลิงเทียนกัน…หรือตระกูลโอวหยางมีตาแต่ไร้แววขนาดนั้นเชียว? ต้วนหลิงเทียนโด่งดังขนาดนี้ไหนเลยพวกมันจะไม่รู้จักกันได้?”
“ฮัยยา เรื่องนี้เจ้ายังมองไม่ออกรึไง!”
“เพ้ย! ทำยังกับเจ้ารู้!”
“เฮอะ! ถึงก่อนหน้าข้าจะไม่รู้ แต่พอเห็นอาการคุณชายใหญ่ตระกูลโอวหยางหวาดผวา ตอนต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกนาม ข้าก็พอเดาได้แล้วว่าก่อนหน้ามันมิรู้ตัวตนต้วนหลิงเทียนมาก่อน! ท่าทางต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้เปิดเผยตัวตนยามมีเรื่องราวกัน!!”
“เห? นี่เจ้าเกิดปีเหยี่ยวรึไรเรื่องพรรค์นี้ยังอุตส่าห์มองเห็น!”
“หากเป็นเพราะแบบนั้น มิใช่ต้วนหลิงเทียนคิดเล่นหมูกินเสืออยู่รึไง ท่าทางคราวนี้ตระกูลโอวหยางจะเตะเอาเข้าตอเหล็กแล้วจริงๆ…ไม่นานพวกมันต้องโดนดีแน่!”
……
16 คนที่เหลือนอกจากหลิวไห่ หันมามองแลกเปลี่ยนสายตากัน และต่างเห็นถึงความสงสารในสายตาสหาย พวกมันรู้สึกสงสารตระกูลโอวหยางอยู่บ้าง
“เฮอะ! ศิษย์น้องต้วนเป็นคนอัธยาศัยดีแถมไม่ถือตัวถึงเพียงนั้น หากมิใช่คุณชายใหญ่โอวหยางไปหาเรื่องก่อนแต่แรก ศิษย์น้องต้วนย่อมไม่คิดลดตัวไปยุ่งกับมันหรอก!”
ถึงแม้ว่ามันจะพึ่งพบเจอกับต้วนหลิงเทียนได้ไม่นาน แต่หลิวไห่รู้สึกได้ว่าต้วนหลิงเทียนไม่ใช่พวกนิยมแสร้งเล่นหมูกินเสือหาเรื่องผู้คนก่อนแน่นอน อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะถือดีหรือหยิ่งอะไรด้วยซ้ำแม้จะมีฐานะกับพลังฝึกปรือร้ายกาจด้วยวัยเพียงเท่านี้
ส่วนอีกด้านนั้น ต้วนหลิงเทียนที่ด้านนอกกำลังกล่าวถึง ก็เดินตามหลิวเยว่มาถึงส่วนของสำนักจันทร์จรัสแสง ในสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร
ฐานของสำนักจันทร์จรัสแสงที่นี่นั้นแม้จะไม่ใหญ่โตเท่าคฤหาสน์สกุลโอวหยาง แต่ก็มีพื้นที่กว้างขวางไม่น้อย
“ศิษย์พี่หลิวเยว่ นอกจากท่านกับศิษย์พี่หลิวไห่แล้ว ที่เหลือนั้นมาจาก 8 ขุมพลังที่เหลือ ขุมพลังละ 2 คนหรือ?”
ในระหว่างทางต้วนหลิงเทียนก็นึกถึง 16 คนที่เฝ้าประตูอยู่ จึงกล่าวถามหลิวเยว่ออกมาเพื่อยืนยัน
“ใช่แล้ว”
หลิวเยว่พยักหน้า “ปกติแล้วหน้าประตูสำนักงานใหญ่จะมีคนเฝ้าไว้ครบ 18 คนเสมอ โดยแต่ละขุมพลังจะส่งมา 2 คน…และวันนี้ก็เป็นเวรเฝ้าระวังของข้ากับหลิวไห่พอดี หากเจ้ามาหลังจากนี้ 2-3 วัน คนของสำนักจันทร์จรัสแสงที่เฝ้าด้านหน้าก็ไม่ใช่พวกข้าแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า เขาพอเดาได้แต่แรก และก็ไม่ผิดจากที่เขาคิดเอาไว้เลย
“ว่าแต่เจ้าเผยตัวต่อหน้า 8 ขุมพลังที่เหลือแล้วแบบนี้…ข้ากลัวว่าพรุ่งนี้คนทั้งเมืองหานเหอย่อมรู้เรื่องราวนี้แน่ ไม่วายแห่กันมามืดฟ้ามัวดินแน่นอน”
หลิวเยว่กล่าวเตือนออกมา เมื่อนึกถึงเรื่องนี้
“ศิษย์น้องต้วน เจ้าเองก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ด้วย..”
ต้วนหลิงเทียนอึ้ง “เตรียมตัวเตรียมใจอะไรกัน?”
“ก็เตรียมตัวเตรียมใจรับมือคนที่จะแห่กันมาท้าทายเจ้าอย่างไรเล่า…พวกมันหวังจะชิงอันดับที่ 66 ในรายนามปฐพีของเจ้าทั้งนั้น”
หลิวเยว่กล่าวสืบต่อ “เจ้าฆ่าเฝิงฟ่านชิงอันดับที่ 99 มาย่อมไม่มีใครคิดติดใจอะไร แต่ตอนเจ้าประลองกับฟางฮุ่ย มันเป็นแค่การประลองเฉยๆ ทำให้บางคนคิดว่าเจ้าอาจได้อันดับที่ 66 มาโดยมิชอบ…พวกมันคิดว่าอาจเป็นเพราะเจ้ากับเฮ่อจงตกลงอะไรกัน แล้วเฮ่อจงเป็นฝ่ายจงใจยอมแพ้เจ้าน่ะ”
กล่าวถึงท้ายประโยคหลิวเยว่ก็พยายามมองสีหน้าต้วนหลิงเทียนอย่างละเอียด พอพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกรธมันก็ลอบโล่งใจ
“จงใจยอมแพ้ข้า?”
ต้วนหลิงเทียนพอได้ยินก็อึ้งไปตาปริบๆ ไม่นานก็หัวเราะออกมาดังร่า “เพราะเฮ่อจงเป็นคนของสำนักจันทร์จรัสแสง? เลยอาจเป็นฝ่ายจงใจยอมแพ้ข้างั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องนี้หรอก”
หลิวเย่วส่ายหัวกล่าว “ตอนนี้หลายคนเริ่มลือกันว่า อาจเป็นเพราะเจ้าเป็นศิษย์น้องของอาวุโสป๋ายลี่หง เฮ่อจงจึงมิอาจทนรับแรงกดดันได้ไหว และเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับอาวุโสป๋ายลี่หง เฮ่อจงจึงยินดีลดตัวลงมาเป็นหินรองเท้าให้เจ้าก้าวข้ามไป…เพราะอย่างไรพวกมันก็ยากจะเชื่อว่าเจ้าจะเอาชนะได้ทั้งๆที่มีขอบเขตพลังฝึกปรือหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบ”
“ว่าไปนั่น นับว่าจินตนาการพวกมันลึกล้ำดีแท้…”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มออกมาอย่างขบขัน ไม่ได้สนใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่
ล้อกันเล่นรึไง!?
ตอนนี้เขาทะลวงมาถึงขอบเขตสู่เซียนขั้นกลางแล้ว ไม่ต้องกล่าวถึงพวกยอดฝีมือขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ที่จะมาท้าทายชิงอันดับอะไรนั่นเลย ให้เป็นคนที่แกร่งที่สุดในรายนามปฐพีมาเอง ต้วนหลิงเทียนก็ปราบได้ง่ายดายนัก!
เพราะผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในรายนามปฐพี อย่างดีก็บรรลุสูงสุดหลุดพ้นมนุษย์ข้นยิ่งใหญ่ พลังฝีมือเต็มที่ก็เพียงทัดเทียมกับยอดฝีมือขอบเขตสู่เซียนขั้นต้น ไม่มีทางที่จะทำอะไรสู่เซียนขั้นกลางได้เลย
พลังฝีมือต้วนหลิงเทียนตอนนี้ มากพอจะบดขยี้สู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญให้แหลกได้อย่างง่ายดาย!
กระทั่งพบพานสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบทั่วๆไป เขาก็มีโอกาสเอาชนะพวกมัน
แน่นอนว่าหากเผชิญหน้ากับสูงสุดสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบ ที่เหลืออีกเพียงครึ่งก้าวบรรลุสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่อย่างโอวหยางชาน เขาก็ยากที่จะมีโอกาสชนะหากไม่ใช้ยันต์เต๋าระดับ 3 ดาวช่วยเหลือ
แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องชั่วคราวเท่านั้น
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนทะลวงไปถึงสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญ และชำนาญการใช้ปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตรา หรือกระทั่งฝึกฝนวรยุทธ์เกาทัณฑ์มหาดาวตกให้บรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิทั้งหมดได้ล่ะก็…
การจะสยบครึ่งก้าวสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่อย่างโอวหยางชาง ก็ไม่นับว่ายากเย็นอะไร!
“ศิษย์น้องต้วน ยิ่งมาข้ายิ่งนับถือทั้งเลื่อมไสเจ้านัก!”
หลิวเยว่ถอนหายใจ “ข้าลองถามตัวเองดู หากข้าลองยืนอยู่ในจุดเดียวกันกับเจ้า…เกรงว่าพอได้ฟังข่าวลือให้ร้ายพวกนี้ ข้าคงไม่มีทางสงบนิ่งเช่นเจ้าอยู่ได้”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวยิ้มบางๆ แต่ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา
เขาใช้ชีวิตมาก็นับว่าเป็น 2 ช่วงชีวิตแล้ว เรื่องข่าวลือเหลวไหลพวกนี้ไหนเลยจะมีผลกับเขา
ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ได้รู้สึกผิดอะไร
‘ข้าอยากจะรู้นัก พรุ่งนี้จะมีใครตาถั่วมาท้าทายข้า…’
ต้วนหลิงเทียนลอบคิด
หากหลิวเยว่ล่วงรู้ว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนบรรลุถึงสู่เซียนขั้นกลางแล้ว กระทั่งล่วงรู้ความคิดต้วนหลิงเทียนตอนนี้ แน่นอนว่าพรุ่งนี้มันคงไปตั้งหน้าตั้งตาดูเหมือนกัน ว่าเจ้าพวกหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่ทั้งเมืองหานเหอที่คิดมาลองดีทั้งหลายพรุ่งนี้ จะประสบชะตากรรมอย่างไร
โอสหยางชิงที่ถูกต้วนหลิงเทียนหิ้วมาดั่งไก่รอเชือด ยิ่งมายิ่งหวั่นใจว่าใช่ต้วนหลิงเทียนจะกลับคำแล้วฆ่ามันหรือไม่
ตอนนี้ในใจมันหลงเหลือเพียงความคิดเดียว หวังว่ามันจะรอด…!
เมื่อหลิวเยว่พาต้วนหลิงเทียนมาถึงหน้าบ้านลานขนาดใหญ่ที่อาวุโสฮุยพักอยู่ อาวุโสฮุยก็เร่งออกจากบ้านมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงกล่าวแจ้งการมาถึง
“ฮ่าๆๆ…ศิษย์น้องต้วนในที่สุดข้าก็ได้พบเจ้าเสียที! หากมิใช่เพราะความจริงที่ว่าข้ายังจากที่นี่ไปไม่ได้อีกพักใหญ่ ข้าคงรีบแจ้นกลับไปสำนักเพื่อพบเจ้านานแล้ว! สุดยอดอัจฉริยะ ศิษย์น้องของอาวุโสป๋ายลี่หง!”
อาวุโสฮุยที่เร่งออกมาต้อนรับต้วนหลิงเทียนกล่าวยิ้มแย้งอย่างอัธยาศัยดี
อาวุโสฮุยนั้นมือชื่อเต็มว่า ต่งฮุย มันชราแล้ว เส้นผมขนคิ้วหงอกขาวนับว่าตัดกับสีผิวทองแดงของมันนัก หากแต่ใบหน้ายังอ่อนวัย แลดูใจดีและเป็นมิตรกับผู้คนปานเฒ่าทารก
หลิวเยว่ที่พาต้วนหลิงเทียนมาส่งถึงกับอึ้ง
ชายชราที่ยิ้มแย้มหน้าตาเปี่ยมอัธยาศัยอันดีคนนี้…ใช่อาวุโสฮุยจริงหรือ?
ต้องทราบด้วยว่ายามอาวุโสฮุยอยู่ที่สำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร แม้อีกฝ่ายจะไม่ใช่คนที่มีนิสัยไม่ดีอะไร แต่ก็ไม่ได้ร่าเริงเหมือนหน้าตาแน่นอน โดยมากแล้วยังมักปลีกตัวอยู่อย่างสันโดษ ไม่ชมชอบสุงสิงกับใครด้วยซ้ำ
ทว่าต่อหน้าต้วนหลิงเทียน อาวุโสฮุยคล้ายเปลี่ยนไปเป็นคนละคน!
ตอนที่ 1500
แลกเปลี่ยนกับตระกูลโอวหยาง
มาตอนนี้หลิวเยว่ก็รู้ได้ทันทีว่าข่าวลือสมควรเป็นจริง อาวุโสฮุยกับอาวุโสป๋ายลี่หงสมควรมีสัมพันธ์อันดีต่อกัน
“อาวุโสฮุย ข้าขอตัวลา”
หลังจากที่พาต้วนหลิงเทียนมาส่งถึงที่แล้ว หลิวเยว่ก็คิดปลีกตัวจากไปทันที
“อืม”
อาวุโสฮุยหันมองหลิวเยว่ค่อยพยักหน้าออกมา
หลังจากนั้นหลิวเยว่ก็หันไปอำลาต้วนหลิงเทียน
“ลำบากพี่เยว่นำทางแล้ว”
หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนลาหลิวเยว่ เขาก็หันไปประสานมือคารวะอาวุโสฮุยด้วยรอยยิ้ม “ต้วนหลิงเทียนคารวะอาวุโสฮุย”
“อะไร? ไฉนศิษย์น้องต้วนเรียกข้าห่างเหินเช่นนั้นเล่า? หรือเจ้าคิดว่าข้ามิคู่ควรเป็นศิษย์พี่ของเจ้า?”
พอได้ยินคำทักของต้วนหลิงเทียน อาวุโสฮุยก็ชักสีหน้าหม่นหมองทันที
“ศิษย์พี่ฮุย”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มเจื่อนๆ
ถึงแม้เขาจะเห็นชัดว่าอาวุโสฮุยเพียงจงใจปั้นหน้าซึม แต่เขาก็ได้แต่เล่นตามน้ำอีกฝ่ายไปเท่านั้น ขณะเดียวกันเขาก็ตระหนักได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างอีกฝ่ายกับศิษย์พี่ของเขาอย่าง ‘ป๋ายลี่หง’ ยังสนิทสนมเหนือกว่าที่คิดไว้เสียอีก
“ประเสริฐ!”
ได้ยินต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนคำเรียกหา หน้าต่งฮุยก็เผยยิ้มกว้างออกมาทันที
“ว่าแต่…เจ้านี่มันเป็นใครหรือ?”
ไม่นานสายตาต่งฮุยก็หันไปสนใจโอวหยางชิงที่พึ่งถูกต้วนหลิงเทียนเขวี้ยงทิ้งอีกรอบ
มันพอเดาได้คร่าวๆว่าที่ต้วนหลิงเทียนมาหามันเอาดึกดื่นขนาดนี้ มิแคล้วต้องเกี่ยวข้องกับคนผู้นี้แน่นอน
“มันคือคุณชายใหญ่ตระกูลโอวหยาง โอวหยางชิง”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองโอวหยางชิงอย่างไม่แยแสค่อยกล่าว
“ตระกูลโอวหยาง? ตระกูลโอวหยางที่อยู่ฝั่งตะวันออกของเมืองหานเหอนี่น่ะรึ?”
ต่งฮุยขมวดคิ้วกล่าวถาม
“เป็นตระกูลโอวหยางนั่น”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
“แล้วเกิดอันใดขึ้นกัน หรือมันมากวนใจอันใดศิษย์น้อง?”
ต่งฮุยถาม
“หากมันแค่มากวนใจข้าเฉยๆ ข้าก็ไม่คงไม่สนใจอะไรมัน…ปัญหาคือมันกลับไปพาผู้อาวุโสของตระกูลมาพยายามฆ่าข้า”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว วาจาท้ายประโยคลูกตายังเผยประกายดุร้าย
“อะไรนะ!?”
ได้ยินคำนี้ หน้าต่งฮุยเปลี่ยนสีทันที มองโอวหยางชิงอีกครั้งลูกตายังเต็มไปด้วยอำมหิต
ในใจของมันยกย่องนับถือป๋ายลี่หงเป็นดั่งอาจารย์มาโดยตลอดในแง่การจารึกอาคมเซียน
ตอนที่มันได้ยินว่าป๋ายลี่หงรับชายหนุ่มคนหนึ่งมาเป็นศิษย์น้อง ด้วยความชื่นชมที่มีต่อป๋ายลี่หงมันจึงแผ่ความชื่นชมมาถึงชายหนุ่มผู้นั้น และมองเป็นศิษย์น้องของมันไปด้วยอีกคน
มันครุ่นคิดถึงฉากการพบพานระหว่างมันกับศิษย์น้องคนนี้ไว้มากมาย แต่ไม่คิดเลยว่าพบหน้ากันครั้งแรกจะเกิดเรื่องแบบนี้ได้!
หากเกิดอะไรขึ้นกับต้วนหลิงเทียนในเมืองหานเหอ แล้วมันจะมีหน้าไปพบป๋ายลี่หงได้อย่างไร!
ดังนั้นต่งฮุยจึงพิโรธนัก ไฟโทสะยังลุกท่วมใจ!
เมื่อสัมผัสได้ถึงจิตฆ่าฟันอันน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากร่างต่งฮุย โอวหยางชิงถึงกับตัวสั่นระริก มันหวาดกลัวจับใจ
มันที่ตื่นตระหนกก็ได้แต่หันไปกล่าวกับต้วนหลิงเทียน “ต้วนหลิงเทียน ท่านกล่าวไว้แล้วว่าจะไม่ฆ่าข้า! ท่านบอกแล้วว่าจะไม่ฆ่าข้า!!”
“หืม?”
ได้ยินคำของโอวหยางชิง ต่งฮุยอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วหน้าบึ้งตึง หันไปมองถามต้วนหลิงเทียน
มันไม่อาจเข้าใจได้
ว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงให้อภัยคนที่คิดจะฆ่าตัวเองแบบนี้
“วาจาที่ข้ากล่าว ดั่งตะปูที่ตอกลงไปแล้ว…เจ้าจะร้อนรนทำอะไร”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเย็น ทำให้โอวหยางชิงหุบปากลงทันที
“อย่างไรก็ตามแม้ข้าบอกว่าข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่นั่นเพราะข้ามีเงื่อนไขบางอย่าง…หากเจ้าให้ความร่วมมือแต่โดยดีไม่คิดเล่นเล่ห์อะไร เจ้าก็ไม่ตาย”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวเสียงเรียบ
“ข้าจะให้ความร่วมมือกับท่าน! ข้าไม่มีลูกไม้อันใด!!”
โอวหยางชิงเร่งกล่าวออกมาทันที ด้วยกลัวต้วนหลิงเทียนจะเปลี่ยนใจแล้วฆ่ามันทิ้ง
“บอกข้ามา ว่าไอ้แก่ที่มันตามเจ้ามาฆ่าข้ามันเป็นใครกันแน่? ด้วยพลังฝีมือของมันข้าเชื่อว่ามันสมควรเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งในตระกูลโอวหยางเจ้า”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองโอวหยางชิงพร้อมถาม
“ชื่อของมันเรียกว่า โอวหยางชาน เป็นอาวุโสลำดับ 2 ของตระกูลโอวหยางเรา!”
โอวหยางชิงไม่กล้าลังเลอะไร เร่งกล่าวตอบออกมาทันที
“พ่อเจ้าสั่งมันมา หรือเป็นเจ้าที่ไปยุยงมัน?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามอีกรอบ
“มิใช่คำสั่งบิดาข้า!”
โอวหยางชิงส่ายหัว
“งั้นก็เป็นเจ้าที่เป็นคนต้นคิดพามันมาฆ่าข้าสินะ?”
ลูกตาต้วนหลิงเทียนเผยประกายเย็นชา กล่าวถามเสียงเย็น
“ไม่! ไม่ใช่!!”
โอวหยางชิงที่เห็นสายตาเย็นเยือกของต้วนหลิงเทียนจ้องมา มันก็ตกใจเสียขวัญเร่งส่ายหัวเป็นพัลวัน “ข้ามิได้ยุยงมันนะ! ข้ามิเคยยุยงมันเลย! เป็นมัน! พอมันได้ยินเรื่องราวของเจ้า และพอรู้ว่าเจ้ามีศาสตราเซียนที่จารึกอาคมเซียน 3 ดาว มันก็วางแผนฆ่าเจ้าเพื่อชิงทรัพย์ทันที!!”
โอวหยางชิงเร่งสร้างเรื่องราว ทั้งผลักไสความผิดทั้งหมดไปยังโอวหยางชานที่ตายไปแล้วทันที
หากโอวหยางชานที่กำลังเดินทางไปปรภพ มาได้ยินวาจาซัดทอดนี้ของโอวหยางชิง มิรู้ว่ามันจะมีโทสะถึงเพียงใดบางทีมันอาจกระอักเลือด หรือบางทีมันแค่เสียใจที่เชื่อวาจายุยงของโอวหยางชิงจนมาเล่นงานต้วนหลิงเทียนจนตัวตาย
วาจาที่โอวหยางชิงพ่นมา แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนไม่เชื่อมันแม้ครึ่งคำ
แต่เรื่องนี้มันก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไรกับเขาเลย
“ตระกูลโอวหยางของพวกเจ้าช่างกล้านัก!”
ต่งฮุยที่ยืนอยู่ข้างๆ พอได้ยินคำของโอวหยางชิงก็เดือดดาลจนแทบระเบิด “พวกเจ้าถึงกับกล้าคิดฆ่าชิงทรัพย์คนสำนักจันทร์จรัสแสงของข้า! ตระกูลโอวหยางเจ้าคราวนี้ขวัญกล้าเทียมฟ้าแล้วจริงๆ!!”
“ศิษย์น้องต้วน ในเมื่อเจ้ารับปากมันแล้วว่าจะมิฆ่ามัน…ทว่าศิษย์พี่ผู้นี้มิเคยรับปากอันใด…ในสายตาข้าในเมื่อสกุลโอวหยางมันเหิมเกริมไม่เห็นสำนักจันทร์จรัสแสงเราอยู่ในสายตา เช่นนั้นก็อย่าได้เก็บชีวิตตัวบัดซบนี่ไว้อีกเลย!”
ถึงแม้ต่งฮุยจะแทบทนไม่ไหวไม่ให้ฟาดโอวหยางชิงตายในฝ่ามือเดียว แต่มันก็เคารพการตัดสินใจของต้วนหลิงเทียนและไม่อาจลงมือทำอะไรได้
“ไม่นะ! ท่านฆ่าข้าไม่ได้นะ!!”
ต้วนหลิงเทียนยังไม่ทันพูดอะไร โอวหยางชิงก็ตีตนไปก่อนไข้ เร่งร้องวิงวอนออกมาน้ำหูน้ำตาไหล
ถูกแล้ว
ต้วนหลิงเทียนบอกว่าจะไม่ฆ่ามัน แต่ไม่ได้บอกว่าจะไม่ให้คนอื่นฆ่ามัน!
“ท่านต้วนหลิงเทียน ท่านรับปากฆ่าแล้วว่าจะไม่ฆ่าข้า เช่นนั้นท่านก็มิอาจทนมองผู้อื่นฆ่าข้า…เรื่องนี้ข้ามิมีใดเกี่ยวข้องเลย! ข้าไม่เกี่ยวอะไรด้วยจริงๆ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะโอวหยางชานบังเกิดความละโมบในสมบัติของท่านทั้งสิ้น! มันคิดฆ่าท่านชิงศาสตราเซียน!!”
โอวหยางชิงที่หน้าซีดไร้สีเลือดเร่งร้อนอธิบายออกมา
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองโอวหยางชิงด้วยความรังเกียจอีกครั้งก่อนที่จะเลิกสนใจใยดีอะไรมันอีกต่อไป หันไปมองต่งฮุยแทน “ศิษย์พี่ฮุยชีวิตมันจะอยู่หรือตายล้วนไม่นับว่าสำคัญอะไรกับข้าหรือท่าน…แต่ข้าขอถามศิษย์พี่ฮุยสักคำ ว่าข้าจะลงมือถอนรากถอนโคนตระกูลโอวหยางเพราะเรื่องนี้ได้หรือไม่?”
วาจาท้ายประโยค ต้วนหลิงเทียนยังกล่าวถามออกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ต่งฮุยพอได้ยินคำนี้ ก็เงียบนิ่งไปทันใด
ไม่นานมันก็ส่ายหัวออกมา “เรื่องนี้ข้ากลัวว่าอาจมิมีน้ำหนักมากพอให้กระทำเช่นนั้น…ถึงแม้ว่าสำนักจะส่งเสริมเจ้า แต่อย่างดีก็เพียงหาความจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง…ยากที่จะลงมือรุนแรงถึงขั้นล้างตระกูลโอวหยาง”
“สุดท้ายจะอย่างไรสกุลโอวหยาง ก็เป็นผู้นำของตระกูลใหญ่อันเป็นขุมพลังชั้น 8 ในเมืองหานเหอ และพวกมันให้ความร่วมมือกับ 9 พันธมิตรเราด้วยดีมาโดยตลอด…การทำลายตระกูลโอวหยางก็เสมือนตัดท่อน้ำเลี้ยง 9 พันธมิตร พลอยให้อีก 8 ขุมพลังประสบความเสียหายไปด้วย…”
ต่งฮุยกล่าว
“เรื่องนี้ ข้าพอจะคาดเดาได้แต่แรก”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มกล่าว “เพราะแบบนี้ข้าเลยไม่คิดจะฆ่ามัน…ข้าคิดใช้เรื่องนี้ยื่น ‘ข้อแลกเปลี่ยน’ กับตระกูลโอวหยางแทน”
คำว่า ‘ข้อแลกเปลี่ยน’ นั้น ต้วนหลิงเทียนเน้นหนักเป็นพิเศษ
ต่งฮุยเองก็สองตาลุกวาว มันทราบได้ทันทีว่า ‘ข้อแลกเปลี่ยน’ ของต้วนหลิงเทียนนั้น ต้องเล่นงานตระกูลโอวหยางแทบทรุดแน่!
“เช่นนี้น่าจักประเสริฐกว่าจริงๆ…”
ต่งฮุยพยักหน้าเห็นด้วย ค่อยกล่าวขอขมาออกมาหน้าซึม “ศิษย์น้องต้วน ศิษย์พี่ผู้นี้ไร้สามารถนัก เรื่องเท่านี้ก็มิอาจช่วยเจ้าได้…”
ในสายตาของมัน การที่มันไม่อาจลงมือทำลายตระกูลโอวหยางได้ เช่นนั้นมันก็ไม่มีคำอธิบายอะไรให้ต้วนหลิงเทียน ยิ่งไม่อาจอธิบายให้กับป๋ายลี่หงผู้กลายเป็นศิษย์พี่ของต้วนหลิงเทียนไปแล้วได้
ดังนั้นในใจมันจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด จึงได้แต่กล่าวขอขมาออกมา
“ศิษย์พี่ฮุยท่านจะกล่าวว่าไม่อาจช่วยข้าได้ยังไงกัน? หลังจากนี้เรื่องตระกูลโอวหยางข้าต้องมอบให้ท่านจัดการแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะ
“เช่นนั้นศิษย์น้องต้วนโปรดวางใจ ศิษย์พี่ผู้นี้จักจัดการเรื่องราวให้ดี!”
ต่งฮุยกล่าวคำมั่นออกมา
เช้าวันต่อมาของสกุลโอวหยาง ผู้นำตระกูลโอวหยางพอได้รับรายงานก็โมโหเป็นฟืนไฟ
“อะไรนะ? หาตัวไอ้ลูกไม่รักดีคนนั้นไม่พบ?”
โอวหยางป้ามองโอวหยางจี้ด้วยใบหน้าโมโห กล่าวถามเสียงเหี้ยม”อย่าได้บอกข้าเชียวว่าเจ้าช่วยซ่อนมันเอาไว้เพราะเห็นแก่อาวุโสรอง?”
“ท่านผู้นำ ให้ข้าน้อยมีความกล้ามากกว่านี้อีก 10 เท่า ข้าก็มิกล้าขัดคำท่านหรอกขอรับ…”
ได้ยินวาจาเปี่ยมโทสะของโอวหยางป้า โอวหยางจี้ได้แต่กล่าวออกมาด้วยใบหน้าขื่นขม
โอวหยางป้าพอได้ยินก็คลายโทสะลงบ้าง
มันเพียงแต่ทดสอบโอวหยางจี้เท่านั้น มันยังเชื่อในตัวโอวหยางจี้ไม่น้อย เพราะโอวหยางจี้ไม่เคยขัดคำสั่งมันมาก่อน
“ท่านพ่อแล้วตอนนี้ท่านจะทำอย่างไรต่อไปเล่า? ยังจะไปหาเขาหรือไม่?”
โอวหยางหลัวกล่าวถามโอวหยางป้า
“ไป! ย่อมต้องไป!”
โอวหยางป้าตอบ ก่อนที่จะกัดฟันแล้วสบถออกมาอีกครั้ง “สารเลวไม่รักดีนั่น…หากข้าเจอมันเมื่อไหร่ข้าจะตีมันให้ตาย!”
ในขณะที่โอวหยางป้าวางแผนที่จะนำของขวัญจำนวนมากไปมอบให้ต้วนหลิงเทียนที่โรงเตี๊ยมที่พักเพื่อขอขมานั้นเอง…เสียงกังวลแฝงตื่นตระหนกพลันดังขึ้นมาแต่ไกล
“ท่านผู้นำแย่แล้ว! แย่แล้วขอรับ!!”
ผู้ที่วิ่งหน้าตั้งมาด้วยท่าทางร้อนรน เป็นคนของตระกูลโอวหยาง
กล่าวให้ชัดคือผู้ที่รับหน้าที่เฝ้าประตูหน้าของสกุลโอวหยาง
“มีเรื่องบัดซบอันใดอีก! ไฉนเจ้าถึงได้โวยวายนัก!?”
โอวหยางป้าแต่เดิมก็อารมณ์ขุ่นมัวเป็นทุน พอมาเจอเสียงเอะอะโวยวาย ก็ไม่ต่างใดจากเทน้ำมันราดรดกองไฟ กล่าวถามออกมาหน้าถมึงทึง
“ท่านผู้นำ คุณชาย..เป็นคุณชาย…”
ร่างผู้เฝ้าประตูที่พึ่งเร่งรุดมา ย่อมกล่าวออกตะกุกตะกักเพราะเหนื่อยหอบ ทว่ามันไม่ทันได้กล่าวจบคำ โอวหยางป้าก็ตะเบ็งเสียงถามออกมาเสียก่อน “เจ้าว่าอะไร? สารเลวนั่น! เจ้าพบมันแล้วหรือ? มันอยู่ที่ใด?!”
ทันทีที่กล่าวจบคำร่างโอวหยางป้าก็วูบไปหยุดหน้าผู้เฝ้าประตูคนนั้นปานสายลม ยังเปล่งกลิ่นอายพลังออกมาด้วยโทสะ
ด้านผู้เฝ้าประตูเมื่อเจอผู้นำอันน่าเกรงขามที่ปกติแล้วพวกมันได้แต่เหลือบมองไกลๆ พุ่งวูบมาอยู่ต่อหน้า มันย่อมไม่อาจทานรับแรงกดดันได้ไหว มีวาจาคิดกล่าวก็ไม่อาจกล่าวออก!
แรงกดดันจากผู้นำตระกูลโอวหยางนั้นทำให้มันหายใจไม่ออก!
“ท่านผู้นำ ให้ข้ากล่าวถามมันเองเถอะ”
ตอนนี้เองโอวหยางจี้พลันก้าวเข้ามาแทรกระหว่างโอวหยางป้ากับผู้เฝ้าประตูคนนั้น ยังขอให้ผู้นำตระกูลโอวหยางถอยไปสักสองสามก้าว ค่อยกล่าวถามผู้มาใหม่ “เจ้ามีอันใดก็ค่อยๆกล่าว มิต้องกลัว…”
“ขอรับ”
คนเฝ้าประตูตระกูลโอวหยางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองโอวหยางป้า เร่งกล่าวบอกเรื่องราวออกมาทันที “เรียนท่านผู้นำ เมื่อครู่มีคนของสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร มาส่งข้อความ…แจ้งว่าให้ท่านไปยังสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร เพื่อรับตัวคุณชายใหญ่กลับ…”
ตอนที่ 1501
หายนะทางทิศตะวันออก
สิ้นคำรายงานตื่นตระหนกของผู้เฝ้าประตู ทุกคนในโถงถึงกับตะลังงัน ไม่ว่าจะโอวหยางป้าหรือโอวหยางหลัวถึงกับหน้าเสีย!
สำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร!
จับกุมตัวโอวหยางชิงไว้งั้นหรือ?
“พี่ชายทำอันใดลงไปกันแน่ ไฉนถึงไปมีเรื่องกับ 9 พันธมิตรได้!?”
โอวหยางหลัวที่กลัวจนใจสั่น หันไปถามโอวหยางป้าอย่างตื่นตระหนก ทว่านางก็พบว่าบิดาของมันก็ชักสีหน้าเหรอหราทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน
“เจ้าแน่ใจหรือ ว่าคนที่มาแจ้งข่าวมาจาก 9 พันธมิตร?”
โอวหยางจี้สูดลมหายใจเข้าเพื่อสงบสติ ค่อยกล่าวถามผู้เฝ้าประตูอีกครั้ง
“คนที่มาแจ้งเรื่องกล่าวไว้เช่นนี้ขอรับ”
ผู้เฝ้าประตูตอบตามตรง
ได้ยินเช่นนั้นโอวหยางจี้ก็คิดว่าเรื่องราวไม่ผิดเพี้ยนแน่แล้ว
ภายในเขตปกครอง 9 พันธมิตร ไหนเลยยังมีใครกล้าแอบอ้างเป็นคนของ 9 พันธมิตร มาแจ้งความเท็จถึงบ้านสกุลโอวหยาง?
“ท่านผู้นำ…”
สูดลมหายใจเข้าลึกๆอีกเฮือก โอวหยางจี้ค่อยหันไปมองโอวหยางป้า มันเข้าใจความรู้สึกอีกฝ่ายดี
“สารเลว! เดียรัจฉานมาเกิด!!”
ไม่นานโอวหยางป้าก็รู้สึกตัว ใบหน้ายังบิดเบี้ยวนัก สบถด่าออกมาด้วยโทสะ!
มันไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าลูกชายของมันไม่เพียงแต่จะไปกล่าววาจาเสียหายกับชายหนุ่มที่น่าจะมาจากขุมพลังชั้น 7 มาตอนนี้ยังกล้าไปมีเรื่องราวกับ 9 พันธมิตรอีก!
9 พันธมิตรนั้น เกิดจากขุมพลังชั้น 7 ทั้ง 9!
นอกจากนี้กิจการและความมั่งคั่งของสกุลโอวหยางล้วนผูกติดกับ 9 พันธมิตร!
ขอเพียง 9 พันธมิตรลงมติถ่ายทอดคำสั่งลงมาสักคำ ตระกูลโอวหยางของพวกมันก็สิ้นชื่อได้ในชั่วข้ามคืน!
ไร้ซึ่งความลังเลอันใด และไม่กล่าววาจากับผู้ใด ร่างโอวหยางป้าเร่งพุ่งออกจากห้องโถงใหญ่ ออกจากตระกูลมุ่งหน้าไปสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตรเพียงลำพังทันที
ตอนนี้เรื่องของต้วนหลิงเทียนถูกมันทิ้งไว้ด้านหลัง
สำหรับมันแล้ว ตอนนี้ 9 พันธมิตรมีความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
“คราวนี้เกรงว่าแม้คุณชายใหญ่จะรอดกลับมาได้ คงไร้คืนวันอันดีใดๆ…”
โอวหยางจี้ระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน
โอวหยางหรัวที่ได้ยินคำนี้ แววตาก็เผยความกังวลออกมาไม่น้อย นางห่วงใยในตัวพี่ชายอย่างโอวหยางชิงนัก
ร่ะหว่างทางไป 9 พันธมิตร โอวหยางป้าก็ครุ่นคิดเรื่องราวความเป็นไปได้มากมายในหัว ฉากแล้วฉากเล่าแล่นวาบผ่านใจ มันเตรียมวิธีคลี่คลายทุกปัญหาที่มันนึกถึง
อย่างไรก็ตามเอาเข้าจริงพอมันรับทราบปัญหาที่บุตรชายมันก่อไว้ มันก็แทบจะเป็นลมล้มพับไปทันที
“อะ…อาวุโสฮุยท่านเข้าใจอันใดผิดไปหรือไม่? ข้ารู้ดีว่าแม้บุตรชายข้ามิใช่ตัวดีอันใด แต่ให้มันมีความกล้ามากกว่านี้ 100 เท่า มันก็มิมีทางกล้ามุ่งร้ายต่อศิษย์สำนักท่านแน่”
หลังจากได้ฟังคำกล่าวจากต่งฮุย ว่าบุตรชายของมันมีเรื่องกับศิษย์อัจฉริยะของสำนักต่งฮุย โอวหยางป้าก็ไม่อยากจะเชื่อ!
ถึงแม้ลูกชายมันจะถือดีหยิ่งผยอง แต่ก็ไม่ใช่ตัวโง่งมขนาดนั้น
เรื่องนี้มันมั่นใจนัก!
“อันใด? หรือผู้นำตระกูลโอวหยางคิดว่าข้าใส่ความบุตรชายของเจ้างั้นเหรอ!?”
ต่งฮุยกล่าวถามเสียงเย็น
“ไม่กล้า!”
ถึงแม้ว่าในใจจะมีความคิดนี้เป็นอันดับแรก แต่ไหนเลยโอวหยางป้าจะกล้าพูด “ข้าเพียงคิดว่าเรื่องนี้ยากเป็นไปได้นัก แม้บุตรชายข้าจักมิใช่ตัวดีอันใด แต่คงมิมีวันกล้าคิดร้ายต่อต้วนหลิงเทียน ศิษย์อัจฉริยะของสำนักท่านได้!”
“โอวหยางป้า…ดูเหมือนเจ้าจะประเมินความสามารถของบุตรชายเจ้าต่ำไปแล้ว…”
ต่งฮุยมองโอวหยางป้าด้วยสายตาเย็นชา ก่อนที่จะหันหลับกลับไปกล่าวถึงคนที่อยู่ด้านในห้อง “ศิษย์น้องต้วน เจ้าพามันออกมาเถอะ จะได้ให้มันมาพูดต่อหน้าผู้นำตระกูลโอวหยางให้รู้กันไป…ว่าสำนักจันทร์จรัสแสงเรามิเคยใส่ร้ายผู้อื่น”
เมื่อต่งฮุยกล่าวเช่นนี้ โอวหยางป้าก็ชำเลือกมองไปยังห้องด้านในด้วยเช่นกัน
และเมื่อมันเห็นร่างหนึ่งก้าวออกมาจากห้อง ลูกตามันเบิกกว้างตะลึงลาน “สะ…สหายน้อยต้วน?”
นั่นเพราะผู้ที่ก้าวออกมากลับเป็นชายหนุ่มในชุดสีม่วงที่มันคุ้นตา มันพึ่งพบอีกฝ่ายเมื่อวาน กระทั่งยังวางแผนจะไปเยือนอีกฝ่ายที่โรงเตี๊ยมแต่เช้าเพื่อนำสิ่งของไปมอบให้เป็นการขอขมา
อย่างไรก็ตามเนื่องจากบุตรชายของมันกล้าไปล่วงเกินคนของ 9 พันธมิตร มันจึงต้องเร่งรุดติดตามมาเช็ดก้นให้บุตรชายมันก่อนแบบนี้
ยิ่งพอได้ฟังว่าลูกชายของมันคิดฆ่าชิงทรัพย์ ต้วนหลิงเทียน ของสำนักจันทร์จรัสแสง มันก็หวาดกลัวจับใจจนหัวใจในอกแทบจะกระดอนทะลักออกปาก!
ต้วนหลิงเทียน นามนี้ไหนเลยยังแปลกปลอมสำหรับมันได้!
ศิษย์ที่พึ่งโดดเด่นมีชื่อเสียงขึ้นมาในเวลาอันสั้นของสำนักจันทร์จรัสแสง ผู้ที่มีพลังฝีมือติดอันดับที่ 66 ในรายนามปฐพี!
นอกจากนี้ยังเป็นศิษย์น้องของ ป๋ายลี่หง แห่งสำนักจันทร์จรัสแสง!
ป๋ายลี่หงนั้น เป็นตัวตนที่ทุกคนรู้จักกันดีใน 9 พันธมิตรแห่งนี้ เพราะอีกฝ่ายคือปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาว 1 ใน 2 คนของเขตปกครอง 9 พันธมิตร! ต่อให้เป็นผู้นำขุมพลังชั้น 7 ทั้งหลาย ยามพบพานยังต้องปฏิบัติด้วยสุภาพ!
เป็นตัวตนที่ทุกผู้คนได้แต่แหงนมอง!
กระทั่งมันเองหากพบพานตัวตนเช่นนี้ ยังต้องปฏิบัติต่ออีกฝ่ายเสมือนตัวมันเป็นหลานชาย!
ทว่าบุตรชายของมันกลับหาญกล้าฆ่าชิงทรัพย์ศิษย์น้องของตัวตนระดับนี้?
มันย่อมไม่อาจทำใจเชื่อได้ลงคอ!
“ฮึ่ม! ศิษย์น้องข้ามีฐานะอันใด ใช่คนที่เจ้าสามารถเรียกหาว่าสหายน้อยได้งั้นเหรอ!?”
ต่งฮุยแค่นคำสบถออกมาเสียงเย็น!
ทันใดนั้นโอวหยางป้าถึงกับอ้าปากพะงาบๆ ยามมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในลูกตาก็เผยความหวาดผวาพรั่นกลัวออกมา
“โอวหยางป้า ผู้นำตระกูลโอวหยางแห่งเมืองหานเหอ คารวะนายน้อยต้วน! ข้ามีตาแต่หามีแววไม่! เมื่อวานนี้กลับละเลยนายน้อยต้วนไป หวังว่านายน้อยต้วนจักให้อภัยความเขลาของข้า!”
ตอนนี้ในใจโอวหยางป้าดั่งมีมรสุมกระหน่ำ
มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่ายอดฝีมือหนุ่มที่ช่วยชีวิตบุตรีของมันเอาไว้ในภูเขาจิ่วฉี กลับเป็น ต้วนหลิงเทียน แห่งสำนักจันทร์จรัสแสง ผู้ที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว 9 พันธมิตรเมื่อไม่นานมานี้
จังหวะนี้มันอดไม่ได้ที่จะก่นด่าบุตรีตัวเองในใจว่า ตัวโง่งม!
หากนางไม่เผลอล่วงเกินต้วนหลิงเทียนให้ขุ่นใจในภูเขาจิ่วฉี ตระกูลโอวหยางของพวกมันอาจผูกไมตรีกับคนระดับนี้ ยกระดับตระกูลให้สูงขึ้นไปได้อีกขั้น!
ด้วยอัจฉริยะภาพของต้วนหลิงเทียน ทั้งมีป๋ายลี่หงหนุนหลัง ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่อีกฝ่ายจะก้าวขึ้นเป็นเจ้าสำนักจันทร์จรัสแสงในภายภาคหน้า!
“ผู้นำโอวหยาง เห็นหน้าตาท่านสดชื่นแจ่มใสแบบนี้ เมื่อคืนท่านหลับสบายดีหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนที่หอบหิ้วร่างโอวหยางชิงมาด้วยก็เขวี้ยงโอวหยางชิงทิ้งลงกับพื้นอีกครา ค่อยหันไปมองถามโอวหยางป้า
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงจะกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ใบหน้ายังปกติไม่มีวี่แววหรือเค้าลางโทสะอะไรเลย
โอวหยางชิงที่พึ่งถูกต้วนหลิงเทียนเขวี้ยงทิ้งอีกรอบ พอเห็นโอวหยางป้า มันก็เร่งส่งเสียง่านปราณแท้ไปหาโอวหยางป้าเพื่อขอความช่วยเหลือทันที “ท่านพ่อ! ช่วยข้าด้วย! ท่านต้องช่วยข้านะ ข้ายังไม่อยากตาย…ท่านพ่อ ข้าเป็นบุตรชายคนเดียวของท่าน! ท่านมิอาจยอมแพ้ต่อตัวข้าได้!!”
อย่างไรก็ตามแม้ได้ยินเสียงวิงวอนของโอวหยางชิง โอวหยางป้าก็ไม่แยแสอะไร
ความสนใจของโอวหยางป้าอยู่ที่ต้วนหลิงเทียนตลอด
นั่นเพราะมันรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนเป็น ‘กุญแจ’ สำคัญของเรื่องนี้ เพียงให้โทสะต้วนหลิงเทียนคลายตัวลงเท่านั้น เรื่องราวจึงอาจพอคลี่คลายให้มีหนทางประนีประนอม
มาตอนนี้มันตระหนักได้ว่าลูกชายมันคิดฆ่าต้วนหลิงเทียน!
แน่นอนมันยังรู้ดีอีกด้วย ว่าที่ลูกชายมันกล้าก่อการอุกอาจขนาดนี้ เพราะไม่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นใคร!
เพราะสุดท้ายแล้วก่อนหน้านี้ พวกมันก็รู้จักชายหนุ่มในชุดม่วงเบื้องหน้าว่ามีแซ่ต้วนเท่านั้น ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายคือคนที่กำลังโด่งดังไปทั่วพันธมิตรในเวลานี้
มันเชื่อว่าหากต้วนหลิงเทียนกล่าวเปิดเผยตัวตนออกมาตั้งแต่เมื่อวาน บุตรชายของมันคงไม่กล้าไปสร้างปัญหาอะไรให้อีกฝ่ายแน่นอน!
จังหวะนี้ในใจมันบังเกิดความไม่ยินยอม และไม่พอใจการกระทำของต้วนหลิงเทียนขึ้นมาไม่น้อย!
นี่ยังมิใช่คิดเล่นหมูกินเสือรึไร?
เป็นธรรมดาที่ไม่ว่ามันจะไม่พอใจเพียงใด มันก็ไม่กล้ากล่าวออกมา…
“สบายดี”
ได้ยินต้วนหลิงเทียนกล่าวถามเรื่องหลับนอนซึ่งเป็นเรื่องปกติทั่วไป โอวหยางป้าจึงกล่าวตอบกลับไปโดยไม่ทันได้คิด
“ผู้นำโอวหยางท่านนอนหลับสบาย แต่ข้ากลับไม่ได้นอนทั้งคืน…ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะคุณชายใหญ่ตระกูลโอวหยาง กับผู้อาวุโสลำดับที่ 2 ของตระกูลโอวหยางท่าน”
ต้วนหลิงเทียนมองกล่าวกับโอวหยางป้าเสียงเรียบ
“อาวุโสลำดับ 2”
พอได้ยินคำกล่าวนี้ของต้วนหลิงเทียน สีหน้าโอวหยางป้าก็มืดคล้ำลงทันใด มันหันไปมองโอวหยางชิงทันที
มาตอนนี้โอวหยางป้าตระหนักได้ว่า ท่าทางเรื่องราวจะซับซ้อนมิใช่น้อย!
หากเป็นแค่บุตรชายของมันคนเดียวมันรู้ดีว่าพลังฝีมือยังไม่สูงพอจะสังหารต้วนหลิงเทียนได้ แม้อีกฝ่ายคิดฆ่าคนก็ไม่อาจสำเร็จ!
ทว่าพอเรื่องราวกลับเกี่ยวพันไปถึงผู้อาวุโสลำดับที่ 2 ของตระกูลโอวหยางอย่างโอวหยางชาน ในที่สุดมันก็ตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์!
“ท่านพ่อข้าเพียงแต่บอกโอวหยางชานเกี่ยวกับเรื่องของนายน้อยต้วนหลิงเทียนเท่านั้น…แต่ใครจะไปรู้ว่ามันกลับหมายตาศาสตราเซียนของนายน้อยต้วนที่อาจจะจารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวเอาไว้!”
ตอนนี้เมื่อโอวหยางชิงกล่าวถึงต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง มันก็กล่าวเรียกหาอีกฝ่ายอย่างดี
สำหรับปู่ชานของมันนั้น กลับเรียกชื่อห้วนๆไปเสียแล้ว
“โชคดีที่นายน้อยต้วนนับว่าเป็นยอดคนนัก กลับมียันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาวไว้ในครอบครอง หาไม่แล้วคงต้องพลาดท่าเสียทีภายใต้เงื้อมมือของโอวหยางชานนั่นเป็นแน่!”
โอวหยางชิงกล่าวบอกโอวหยางป้าด้วยท่าทางมีโทสะ คล้ายมันเป็นห่วงต้วนหลิงเทียนจริงๆ
โอวหยางป้านั้นย่อมรู้ ‘สันดาร’ ของลูกชายมันดี
เรื่องที่โอวหยางชิงพ่นมามันไม่เชื่อแม้ครึ่งคำ!
เพราะโอวหยางชาน อาวุโสลำดับที่ 2 ของตระกูลโอวหยาง ไม่ใช่คนทำอะไรผลีผลามวู่วามอย่างไร้เหตุผลเช่นนั้น
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่เปิดเผยตัวตน แต่จากลักษณะอีกฝ่ายรวมถึงพลังสามารถไม่เว้นสิ่งของที่ครอบครอง ใครดูก็ย่อมพอคาดเดาได้…ว่ามาจากขุมพลังชั้น 7!
และสุดท้ายพวกมันก็เดาถูกจริงๆ ต้วนหลิงเทียนนั้นมาจากขุมพลังชั้น 7!
ยิ่งไปกว่านั้น ฐานะของอีกฝ่ายในขุมพลังชั้น 7 ยังไม่ธรรมดา!
แต่เป็นธรรมดาที่โอวหยางป้าจะไม่ขัดคำบุตรชายของมัน เพราะจนแล้วจนรอดอีกฝ่ายก็ยังเป็นลูกในไส้ของมัน!
บุตรชายของมันไม่ว่าจะเลวร้ายเพียงใด แต่มันก็ทนดูเห็นอีกฝ่ายตายที่นี่ไม่ได้
“อาวุโสรองไปที่ใดแล้ว?”
โอวหยางป้าส่งเสียงผ่านปราณแท้ไปถามโอวหยางชิง ในสายตาของมันโอวหยางชานแม้จะเผชิญหน้ากับยันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาว ก็สมควรรับมือได้ แม้จะบาดเจ็บแต่ก็ไม่น่าถึงขั้นตกตาย
“ท่านพ่อ ท่านปู่ชานตกตายด้วยยันต์เต๋าจู่โจม 3 ดาวของต้วนหลิงเทียนไปแล้ว! ในช่วงคับขันปู่ชานมิคิดว่ายันต์เต๋าของต้วนหลิงเทียนจักเป็นยันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาว จึงมิได้ป้องกันให้ดี…”
โอวหยางชิงกล่าวส่งเสียงผ่านปราณแท้ตอบไปด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
‘ช้าก่อน! ไฉนต้วนหลิงเทียนกลับครอบครองยันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาวได้…ใน 9 พันธมิตร มีเพียงสำนักยันต์ลี้ลับ กับตลาดมืดหยินชานเท่านั้นที่มียันต์เต๋าระดับนั้น…แถมโดยปกติแล้วพวกมันย่อมมิปล่อยยันต์เต๋าระดับนั้นให้เล็ดรอดมาถึงมือคนนอก!’
ตอนนี้เองโอวหยางป้าพลันตระหนักได้ถึงเรื่องนี้
และไม่เพียงแต่โอวหยางป้า กระทั่งต่งฮุยยังตกตะลึงไปเช่นกัน ‘ยะ…ยันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาว? ศิษย์พี่ป๋ายลี่หงกลับมอบของระดับนั้นให้ต้วนหลิงเทียนเลยหรือ!?’
ตอนที่ 1502
หุบไร้ก้นบึ้ง
ไม่น่าแปลกใจอะไรที่ต่งฮุยจะคิดแบบนี้
ในสำนักจันทร์จรัสแสงนั้น นอกจากตัวตนในขอบเขตเซียนที่มีอยู่ไม่กี่คนแล้ว น้อยคนนักที่จะต้านทานยันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาวได้
และมีเพียงป๋ายลี่หง ที่มีฐานะเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวเท่านั้น ที่อาจมีหนทางได้รับยันต์เต๋าระดับนั้นมาครอบครอง
“นายน้อยต้วนเรื่องนี้ล้วนเป็นความผิดของตระกูลโอวหยางเรา…ข้าเองก็คิดไม่ถึงจริงๆว่าโอวหยางชานจะหาญกล้ามุ่งร้ายต่อนายน้อยต้วนเช่นนี้ กระทั่งถึงขั้นคิดสังหารท่านชิงทรัพย์…”
โอวหยางป้ามองต้วนหลิงเทียน พร้อมกล่าวขอขมา
กล่าวจบประโยคต้น มันก็แสร้งทำเป็นรู้สึกยินดี “ยังนับว่าโชคดีนักที่นายน้อยต้วนแคล้วคลาดปลอดภัย ส่วนคนร้ายอย่างโอวหยางชานก็ตกตายชดใช้ความผิด นับว่าเรื่องราวจบลงได้ด้วยดีทุกคนมีความสุข”
“ทุกคนมีความสุข?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวเย้ยออกมา มองจี้โอวหยางป้าด้วยสายตาล้ำลึก ทำให้โอวหยางป้ารู้สึกผิดท่าขึ้นมาทันใด
“อย่างไรก็ตามโอวหยางชานก็ยังเป็นอาวุโสรองของตระกูลโอวหยางเรา ถึงแม้มันจะตกตายไปแล้วแต่ตระกูลโอวหยางเราก็ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าตระกูลโอวหยางเรามิอาจหายันต์เต๋าระดับ 3 ดาวมาใช้คืนท่านได้…แต่พวกเรายังยินดีมอบสิ่งอื่นเป็นของชดเชย”
“นอกจากนี้พวกเรายังยินดีสรรหาสิ่งของที่นายน้อยต้วนปรารถนา และหากอยู่ในกำลังของตระกูลโอวหยาง พวกเราจะหามาให้ท่านให้จงได้”
ในฐานะผู้นำตระกูลโอวหยาง แน่นอนว่าโอวหยางป้าย่อมมีวิจารณญาณที่สูงพอ และสามารถกล่าวหาทางลงได้
เมื่อมันเห็นว่าบุตรชายของมันยังอยู่รอดปลอดภัยแบบนี้ ไหนเลยจะไม่เข้าใจเจตนาของต้วนหลิงเทียนกับต่งฮุย
ไม่มีอะไรนอกจากคิดรีดไถตระกูลโอวหยาง สูบกลืนความมั่งคั่งของพวกมัน!
เช่นนั้นก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะกล่าวออกมา มันก็ชิงเป็นฝ่ายเสนอออกมาเองแบบนี้
สำหรับโอวหยางชิง มันก็คร้านจะกล่าววาจาใดเพื่อช่วยเหลืออีกฝ่ายสืบต่อ เพราะรู้ดีว่าไม่จำเป็น
“ผู้นำตระกูลโอวหยางนับเป็นคนจริงใจนัก! ในเมื่อผู้นำตระกูลโอวหยางจริงใจแบบนี้ข้าเองก็ไม่อาจจิตใจคับแคบอะไรได้…ท่านพาตัวโอวหยางชิงกลับไปเถอะ ข้าจะรอดูความจริงใจของท่านและหวังว่ามันจะเหมาะสม หาไม่แล้วเรื่องราวอาจยังไม่จบสิ้นเพียงเท่านี้…”
ถึงแม้จะแปลกใจเล็กน้อยกับความนกรู้ของโอวหยางป้า แต่ต้วนหลิงเทียนก็พึงพอใจไม่น้อย เขาไม่คิดคัดค้านอะไร เพราะนี่ก็เป็นไปตามที่เขาคาดเอาไว้แล้ว
อย่างไรก็ตาม เขายังไม่วายจะทิ้งท้ายวาจาเพื่อบีบคั้นโอวหยางป้า
ความหมายนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่า กันไม่ให้โอวหยางป้าจัดการเรื่องราวอย่างขอไปที!
“แน่นอน! แน่นอน!!”
ได้ยินคำที่ต้วนหลิงเทียนกล่าว โอวหยางป้าก็หวาดกลัวจับจิต เหงื่อเย็นหลั่งไหลออกมาทั่วกาย ตอนแรกมันหวังว่าจะจ่ายราคาออกไปพอประมาณเพื่อซื้อชีวิตบุตรชายไม่เอาไหนของมันกลับมาเท่านั้น
ทว่าตอนนี้ท่าทางจะเป็นไปไม่ได้แล้ว!
ต้วนหลิงเทียนเป็นคนที่มันไม่อาจตอแยด้วยได้ หากอีกฝ่ายไม่พอใจขึ้นมา เกรงว่าคงไม่อาจรักษาตระกูลโอวหยางที่อยู่เบื้องหลังเอาไว้!
“เช่นนั้นหลังจาก 3 วันข้าจะไปเยือนตระกูลโอวหยางพร้อมศิษย์พี่ฮุย…ข้าหวังว่าความจริงใจของผู้นำโอวหยางจะทำให้ข้าพอใจ…และข้าก็ชมชอบพวกวัตถุดิบแปลกๆ ที่ผู้คนไม่รู้ว่าสามารถเอาไปทำอะไรได้เป็นพิเศษ…”
ต้วนหลิงเทียนมองโอวหยางป้าเขม็งพร้อมกล่าว
วาจาท้ายประโยคของเขานั้นจงใจกล่าวเพื่อเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ เพราะบางทีวัตถุดิบที่แม้แต่ตระกูลโอวหยางก็ยังไม่รู้จักนั้น มันอาจเป็นสิ่งของที่ใช้ซ่อมแซมเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้
ถึงแม้ตอนนี้เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติจะฟื้นฟูชั้น 3 เสร็จสิ้นแล้ว แต่ต้วนหลิงเทียนก็ยังไม่พอใจ
เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติย่อมมีทั้งสิ้น 7 ชั้น กล่าวไปแม้ชั้นที่ 3 จะซ่อมแซมฟื้นฟูแล้ว แต่มันก็ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนชั้นที่มีด้วยซ้ำ
“ขอนายน้อยต้วนโปรดมั่นใจ ข้าต้องทำให้ท่านพึงพอใจได้แน่”
ถึงแม้ใจจะชุ่มโชกไปด้วยเลือด แต่โอวหยางป้าก็ยังยิ้มตอบต้วนหลิงเทียน สุดท้ายมันก็กล่าวลาต้วนหลิงเทียนกับต่งฮุยแล้วกลับไปพร้อมโอวหยางชิง
หลังทั้งคู่จากมา ด้านโอวหยางชิงที่สามารถรอดพ้นหายนะตายตกมาได้สีหน้าแววตามันก็เต็มไปด้วยความยินดีนัก แต่มันก็เลือกที่จะติดตามโอวหยางป้าไปเงียบๆไม่กล่าวอะไรเลย
เพราะสุดท้ายแล้วเรื่องราวครั้งนี้ก็มีมันเป็นตัวการ มันจึงรู้สึกผิดไม่น้อย
“ท่านพ่อ หากท่านอยากดุด่าว่าข้า ท่านก็ดุด่าข้าเถอะ…”
หลังจากที่ออกห่างมาจากสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตรได้สักพัก โอวหยางชิงที่เห็นบิดาไม่กล่าววาจาอะไร มันก็ใจคอไม่ดีขึ้นมา
“ข้าอยากรู้ความจริง”
โอวหยางป้ากล่าว มิคาดมันกลับไม่ดุด่าหรือตะคอกใส่โอวหยางชิง เพียงกล่าวถามออกมาเสียงเรียบ
โอวหยางชิงได้ฟัง ก็ไม่กล้าปกปิดเรื่องราวอะไร เพียงเล่าออกมาตามความจริง
เมื่อกล่าวถึงจุดที่โอวหยางชานถูกฆ่าตาย มันก็สังเกตเห็นว่าร่างบิดาของมันเริ่มสั่นขึ้นมา จึงเร่งกล่าวเสริม “ข้ามันไม่ดี ข้าทำให้ท่านปู่ชานต้องตาย! ข้าสำนึกแล้วท่านพ่อ…ข้ารู้ผิดแล้ว!”
“ในเมื่อเจ้ายังรู้ผิดมีสำนึก ก็นับว่าเจ้ายังไม่เกินเยียวยา…ท่านอาวุโสรองต้องมาตายเพราะเจ้าแบบนี้ ใจข้ารู้สึกผิดต่อท่านยิ่งนัก!”
โอวหยางป้ากล่าวออกด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด
“ใช่ ข้ารู้สึกผิดต่อท่านปู่ชานนัก!”
โอวหยางชิงเร่งพยักหน้าเห็นด้วย ไม่กล้าปฏิเสธ
“หลังจากกลับไปคราวนี้ ข้าตั้งใจจะส่งเจ้าไปยังหุบไร้ก้นบึ้ง”
ลูกตาโอวหยางป้าเผยประกายวับวาวออกมา ความลังเลเล็กๆในตอนแรก พลันมลายหายหลังได้ยินวาจาโอวหยางชิง คงเหลือแต่เพียงความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว
“หุบไร้ก้นบึ้ง?”
ได้ยินวาจานี้ของโอวหยางป้า สีหน้าโอวหยางชิงเปลี่ยนไปทันใด ยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัวไม่น้อย มันเร่งกล่าวออกมาเสียงดังลั่นปานจะตะโกน “ไม่นะท่านพ่อ! ข้าไม่ไปหุบไร้ก้นบึ้งนะ! ท่านทำกับข้าเช่นนี้ไม่ได้ ข้าเป็นลูกชายคนเดียวของท่านนะ! ท่านพ่อ!!”
ได้ยินวาจาโอดครวญของโอวหยางชิง โอวหยางป้าไม่แยแสใดๆ
ลูกชายคนเดียว?
ก่อนหน้านี้อาจจะใช่
ทว่าไม่นานมานี้ภรรยาน้อยของมันที่ไปพบรักและแอบมีสัมพันธ์ด้วยนอกตระกูลได้ตั้งครรภ์ สุดท้ายนางก็คลอดบุตรชายให้มัน
เรื่องนี้ในตระกูลโอวหยางนอกจากมันแล้วก็มีคนสนิทแค่ไม่กี่คนล่วงรู้
และเหตุผลที่มันไม่กล่าวบอกเรื่องนี้ออกมากับใคร เพราะมันกลัวโอวหยางชิงจะคิดร้ายกับบุตรชายคนเล็กของมัน อีกทั้งหากโอวหยางชิงยังอยู่ ทางตระกูลย่อมปฏิเสธบุตรชายนอกสมรสคนนี้ของมัน!
เช่นนั้นแล้วหลังจากที่บุตรชายนอกสมรสคนนี้คลอดออกมา ถึงแม้มันจะมีความสุขความยินดีนัก แต่มันก็ไม่กล้าพาลูกกับภรรยาน้อยมาอยู่ตระกูลโอวหยาง
เดิมดีตระกูลโอวหยางนี้มันก็คิดส่งมอบให้โอสหยางชิงรับช่วงต่อ
อย่างไรก็ตามการกระทำของโอวหยางชิงครั้งนี้ทำให้มันผิดหวังมาก จนมันตัดสินใจเลือกที่จะส่งโอวหยางชิงไปยังหุบไร้ก้นบึ้งแทน
หากโอวหยางชิงไม่อาจรอดชีวิตกลับมาได้ ก็ต้องโทษโชคชะตาของมันที่ไร้วาสนา
ถึงตอนนั้นมันจะพาลูกชายกับภรรยาน้อยคนนั้นเข้าตระกูลมาอย่างผ่าเผย และอบรมสั่งสอนด้วยตัวเองเพื่อให้เป็นทายาทของมัน
“ท่านพ่อ ข้าตายแน่! ตั้งแต่สมัยโบราณไม่มีใครในตระกูลโอวหยางของเรารอดกลับมาจากหุบไร้ก้นบึ้งได้เลย ไม่มีใครรอดชีวิตกลับมาได้!”
โอวหยางชิงร่ำร้องโวยวายออกมาไม่หยุด เพราะมันไม่อยากไปหุบไร้ก้นบึ้ง!
“เจ้าผิดแล้ว ตระกูลโอวหยางของเราเคยมีผู้ที่รอดกลับมาจากหุบไร้ก้นบึ้ง”
โอวหยางป้ากล่าวเสียงเรียบ
“แต่นั่นมันก็ตั้งหมื่นปีมาแล้วนะท่านพ่อ! คนผู้นั้นนับเป็นข้อยกเว้นพิเศษของตระกูลโอวหยางเรา! หลังจากนั้นมานับหมื่นปี ในตระกูลโอวหยางหากไม่ถึงหมื่นก็ต้องมีอย่างน้อยแปดพันคน ที่ไปหุบไร้ก้นบึ้งแล้วมิเคยได้หวนกลับมา!”
ใบหน้าโอวหยางชิงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก มันหวาดกลัวไปถึงก้นบึ้งของใจ ขณะที่มันกล่าวร่ำร้องตามันก็มองท่าทีโอวหยางป้าเขม็ง พอเห็นว่าโอวหยางป้าไม่คิดเปลี่ยนใจ มันก็คิดหลบหนีทันที
แต่ไหนเลยมันจะรอดเงื้อมมือโอวหยางป้าได้
โอ้วหยางป้าพุ่งไปหยุดโอวหยางชิงได้อย่างง่ายดาย “เรื่องนี้ข้าตัดสินใจดีแล้ว! เจ้าอย่าได้มองโลกในแง่ร้ายนัก คนของตระกูลโอวหยางที่รอดจากหุบไร้ก้นบึ้งมาได้เมื่อหมื่นปีที่แล้ว ก็มีสายเลือดผู้นำตระกูลโอวหยางเช่นเดียวกันกับเจ้า..”
“เช่นนั้นเจ้าก็ยังมีความหวังที่จะรอดกลับมาได้สูงนัก…เพราะกล่าวไปหุบไร้ก้นบึ้งก็มีความเกี่ยวพันกับผู้นำตระกูลโอวหยางเราในอดีต…บางทีวิญญาณบรรพชนอาจคอยดูแลปกปักษ์เจ้าเป็นพิเศษ!”
โอวหยางป้ากล่าว
“ยิ่งไปกว่านั้นหากเจ้าสามารถรอดออกมาจากหุบไร้ก้นบึ้งได้ ต้วนหลิงเทียนยังจะนับเป็นอะไร…ให้เป็นสำนักจันทร์จรัสแสง หรือ 9 พันธมิตร ก็มิอยู่ในสายตาของเจ้าอีกต่อไป! บรรพชนท่านนั้นของสกุลโอวหยางเรา ยามนั้นกระทั่งยอดฝีมือของขุมพลังชั้น 6 ยังมิอาจต้านทาน!”
“หากมิใช่เพราะท่านไปล่วงเกินยอดฝีมือของขุมพลังชั้น 5 ท่านคงมิด่วนจากไปเช่นนั้น! คนตระกูลโอวหยางจนบัดนี้ยังมิมีผู้ใดประสบความสำเร็จถึงขั้นนั้นอีกเลย!!”
ตอนแรกขณะกล่าวโอวหยางป้าก็ยังตื่นเต้นอยู่บ้าง ทว่าท้ายประโยคก็ลอบทอดถอนใจ
“ชิงเอ๋อ พ่อคิดว่าเจ้าจักประสบผลสำเร็จเป็นคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของตระกูลโอวหยางเรา”
โอวหยางป้ากล่าวบอกโอวหยางชิง
“ท่านพ่อท่านอย่าได้คิดว่าข้าไม่รู้ คนในตระกูลโอวหยางส่วนใหญ่ที่ไปยังหุบไร้ก้นบึ้งส่วนมากแล้วก็มีสายเลือดผู้นำตระกูลทั้งสิ้น..แต่ท่านดูเถอะว่าเกิดอันใดขึ้นกับพวกมัน! กระทั่งหลังจากพวกมันเข้าไปได้เพียง 3 เดือน ไข่มุกวิญญาณของพวกมันก็แตกสลายแล้ว!!”
โอวหยางชิงกล่าวออกด้วยความหวาดกลัว มันยังดิ้นรนไม่หยุดหมายจะรอดพ้นจากการจับกุมของโอวหยางป้าให้ได้
สุดท้ายโอวหยางป้าก็ได้แต่ฟาดให้มันสิ้นสติ
“ชิงเอ๋อเจ้าอย่าได้ถือโทษโกรธพ่อเลย ครั้งนี้เป็นเจ้าก่อเรื่องใหญ่หลวงแล้วจริงๆ! ไม่เพียงแต่ข้ายังไม่อาจเชื่อวาจาที่เจ้ากล่าวในสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร ทั้งตระกูลเกรงว่ายังไม่มีใครเชื่อเจ้า!”
โอวหยางป้ากล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ
ถึงแม้ว่ามันอาจจะปล่อยโอวหยางชิงไป แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวันหนึ่งที่มันลงจากตำแหน่ง เหล่าผู้อาวุโสในตระกูลต้องรวมตัวกันขับไล่โอวหยางชิงออกจากตระกูลเป็นแน่
อีกทั้งตระกูลโอวหยางยังมีกฏเกณฑ์อันเข้มงวดนัก หากผู้นำตระกูลกระทำผิดร้ายแรง สายเลือดของผู้นำนั้นจะถูกริดรอนสิทธิ์ในการขึ้นเป็นผู้นำตลอดไป
ในตระกูลโอวหยางมีผู้อาวุโสมากมายที่ไม่ได้มาจากสายเดียวกันกับมัน อาวุโสเหล่านั้นล้วนเฝ้ารอให้มันกระทำผิดพลาดมาโดยตลอด เพราะมีเพียงมันผิดพลาดจนสายเลือดถูกริดรอนสิทธิ์ขึ้นเป็นผู้นำ ถึงจะเปิดโอกาสให้สายเลือดอื่นในตระกูลโอวหยางก้าวขึ้นเป็นผู้นำแทน
เพื่อรักษาสิทธิ์สำหรับสายเลือดมันแล้ว โอวหยางชิงจำต้องใจแข็งและตัดสินใจแบบนี้
เพราะทางเลือกนี้ไม่เพียงแต่จะไม่มีอาวุโสคนใดกล่าวแย้งได้ กระทั่งพวกมันยังต้องเฝ้ารอโอวหยางชิงด้วยความหวัง
ถึงแม้ว่าความยังจะเล็กน้อย…จนถึงจุดที่กระทั่งตัวมันเองก็คิดว่าโอวหยางชิงไม่มีวันรอดมาได้
แต่อย่างน้อยๆ ก็ดีกว่าปล่อยให้อีกฝ่ายตกตายในสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร
“หุบไร้ก้นบึ้ง…”
เมื่อนึกถึงเขตหวงห้ามอันตรายที่บรรพบุรุษของตระกูลโอวหยางทิ้งไว้ในกาลก่อน ใจมันอดไม่ได้ที่จะสั่นไหวไปพักหนึ่ง
มีข่าวลือกันว่าหุบไร้ก้นบึ้งนั้นเกี่ยวข้องกับบรรพบุรุษตระกูลโอวหยางของพวกมันอย่างมาก
เป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว ที่ตำนานเรื่องหุบไร้ก้นบึ้งถูกส่งต่อมายังลูกหลานของตระกูลโอวหยาง…ว่าหากมีผู้ใดรอดมาจากหุบไร้ก้นบึ้งได้ จะกลายเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนที่แกร่งกล้าสามารถ
ในตอนแรกด้วยไม่มีลูกหลานของตระกูลโอวหยางคนใดรอดออกมาได้เลย ทำให้ตำนานดังกล่าวค่อยๆกลายเป็นเรื่องเหลวไหล และไร้ผู้ใดเชื่อถือสืบไป…
จนกระทั่งเมื่อ 10,000 ปีที่แล้ว กลับมีคนของตระกูลโอวหยางรอดกลับมาจากสถานที่แห่งนั้นได้จริงๆ และคนผู้นั้นก็กลับกลายเป็นสุดยอดฝีมือที่สะท้านสะเทือนได้กระทั่งขุมพลังชั้น 6! นั่นจึงพิสูจน์ว่าตำนานดังกล่าว มิใช่แค่เรื่องเหลวไหล…
ตอนที่ 1503
ผู้ท้าชิง
ต้วนหลิงเทียนมายังเมืองหานเหอนี้ โดยมีวัตถุประสงค์ 2 อย่าง
อย่างแรกคือหาซื้อปากกาจารึกไว้ใช้งาน
อย่างที่สองนั้นเพื่อมองหาวัตถุดิบที่สามารถซ่อมแซมฟื้นฟูเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ
ปากกาจารึกนั้นเขาได้ซื้อมาเรียบร้อยแล้ว
เรื่องต่อไปที่ต้องกระทำก็คือหาซื้อวัตถุดิบเพื่อใช้ซ่อมแซมเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ
แรกเมื่อมาถึงเมืองหานเหอนั้นเขาตัวคนเดียว ทว่าตอนนี้เขามาถึงสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาถึงฐานปฏิบัติการของสำนักจันทร์จรัสแสง เขาสามารถขอความช่วยเหลือจากต่งฮุยในเรื่องหาวัตถุดิบได้
และด้วยความช่วยเหลือจากต่งฮุย ก็ทำให้เขารวบรวมวัตถุดิบที่สามารถใช้ซ่อมแซมฟื้นฟูเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้ไม่น้อย
แน่นอนว่าในวัตถุดิบดังกล่าวมีชิ้นที่ใช้การได้ดีไม่เท่าไหร่
ทว่าเรื่องที่กลับเหนือความคาดหมายก็คือวัตถุดิบของตระกูลโอวหยาง!
จากคำบอกของผู้เฒ่าหั่ว วัตถุดิบที่โอวหยางป้าสรรหามาให้นั้น ยังสามารถซ่อมแซมฟื้นฟูเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้มากกว่า วัตถุดิบที่เขาไปตระเวณหามาทั้งเมืองหานเหอเสียอีก!
“ขอบคุณท่านแล้วผู้นำโอวหยาง”
ก่อนออกจากตระกูลโอวหยาง ต้วนหลิงเทียนก็มองกล่าวขอบคุณโอวหยางป้าด้วยรอยยิ้ม
โอวหยางป้าที่ตอนนี้เสมือนใจหลั่งเลือด ย่อมชิงชังต้วนหลิงเทียนเข้ากระดูกดำ! แต่แน่นอนว่ามันไม่กล้าเปิดเผยเรื่องนี้ออกมา ยังไม่กล้าเผยแม้แต่ร่องรอยใดๆ..สิ่งที่มันทำได้ มีเพียงตอบกลับด้วยรอยยิ้มเท่านั้น “ตราบใดที่ท่านไม่รังเกียจพวกมัน ข้าล้วนยินดี”
“ข้าไม่ได้ไม่ชอบอะไร ไหนเลยจะรังเกียจได้?”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัว “หากมีโอกาสข้าจะมาเยี่ยมท่านที่ตระกูลโอวหยางอีกครั้ง ผู้นำโอวหยางป้า”
วาจานี้ของต้วนหลิงเทียนทำให้ใจโอวหยางป้าถึงกับสะดุ้ง
ยังจะมีคราวหน้าอีกเรอะ!?
ครั้งนี้เหล่าอาวุโสในตระกูลก็แทบจะรวมตัวกันต่อต้านมันแล้ว หากยังมีคราวหน้าอีกเกรงว่ามันคงได้ถูกเหล่าอาวุโสทั้งหลายจับเลาะกระดูก…
อย่างไรก็ตามพอคิดว่าคราวนี้ได้ส่งบุตรชายตัวปัญหาไปยังหุบไร้ก้นบึ้งแล้ว โอวหยางป้าก็วางใจไปเปราะหนึ่ง
“ผู้นำโอวหยาง ข้าขอลาล่ะ ท่านไม่ต้องส่งนะ…”
เมื่อเห็นอาการของผู้นำตระกูลโอวหยาง ต้วนหลิงเทียนก็แย้มยิ้มกล่าวคำร่ำลาออกมา ก่อนที่จะเดินตัวปลิวจากตระกูลโอวหยางพร้อมต่งฮุยด้วยอารมณ์เบิกบาน
แม้ต้วนหลิงเทียนจะบอกว่าไม่ต้องส่ง แต่โอวหยางป้าก็เดินมาส่งต้วนหลิงเทียนด้วยตัวเองถึงหน้าประตู
โอวหยางหรัวกับพ่อบ้านอย่างโอวหยางจี้เองก็ติดตามโอวหยางป้ามาส่งต้วนหลิงเทียนเช่นกัน
“ต้วนหลิงเทียน…มันเป็นต้วนหลิงเทียนคนนั้นไปได้อย่างไร”
แม้จะผ่านไปหลายวันแต่โอวหยางหลัวก็ยากจะยอมรับได้ ว่าคนที่ช่วยชีวิตนางเอาไว้ในภูเขาจิ่วฉีวันนั้น จะกลายเป็นต้วนหลิงเทียนของสำนักจันทร์จรัสแสงที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเขตปกครองของ 9 พันธมิตรในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามพอคิดถึงเรื่องที่พี่ชายของนางอย่างโอวหยางชิง ต้องถูกส่งไปยังหุบไร้ก้นบึ้งเพราะต้วนหลิงเทียน ใบหน้าโอวหยางหลัวก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที ลูกตายังเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“ต้วนหลิงเทียนเป็นเพราะเจ้าคนเดียว! ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเจ้าคนเดียว! พี่ใหญ่ของข้าถึงต้องถูกส่งไปยังหุบไร้ก้นบึ้ง!!”
หุบไร้ก้นบึ้งนั้น 9 ตาย 1 รอด
โอวหยางหลัวไม่คิดว่าโอวหยางชิงจะรอดจากสถานที่แห่งนั้นได้
โอวหยางหลัวย่อมคิดแก้แค้นให้พี่ชายของนาง
อย่างไรก็ตามพอคิดถึงพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน รวมถึงฐานะความเป็นมาของอีกฝ่าย นางก็ได้แต่ท้อแท้และสำเหนียกถึงความอ่อนแอไร้พลังของตัวเอง ทำได้เพียงกลบฝังความแค้นนี้ไปเท่านั้น
“ศิษย์น้องต้วนเจ้าคิดกลับไปแล้วหรือ เจ้าเองก็มิได้มาเมืองหานเหอบ่อยครั้ง ใยมิอยู่ให้นานกว่านี้สักหน่อยเล่า?”
หลังออกจากตระกูลโอวหยาง ระหว่างทางกลับสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร ต่งฮุยก็ได้ยินว่าต้วนหลิงเทียนคิดกลับสำนักจันทร์จรัสแสงแล้ว ทำให้มันเร่งชักชวนอีกฝ่ายให้อยู่ต่อทันที
“หากศิษย์พี่ป๋ายรู้ว่าข้ายังไม่ทันได้ต้อนรับเจ้าให้ดี มีหวังศิษย์พี่ต้องไม่ชอบใจแน่ๆ”
ต่งฮุยกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงอ่อน
“ศิษย์พี่ฮุยข้ายังไม่กลับภายในสองสามวันนี้หรอก แต่อย่างไรข้าก็มีเรื่องที่ต้องกลับไปทำที่สำนักจันทร์จรัสแสง ไม่อาจรั้งอยู่เมืองหานเหอนี้ได้นานนัก”
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะกล่าวสืบต่อ “ศิษย์พี่ฮุยท่านจะเศร้าทำอะไร ไม่ใช่ว่าพอหมดเวลาประจำการที่นี่ ท่านก็จะได้กลับไปพบเจอข้ากับศิษย์พี่ป๋ายที่สำนักหรือไง?”
“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้วเช่นนี้ข้าก็ไม่คิดรบเร้าเจ้าสืบไป แต่อย่างไรเสียสองสามวันหลังจากนี้ศิษย์น้องต้วนต้องให้ข้าดูแลเจ้าให้มาก ให้ข้าเป็นเจ้าภาพเลี้ยงต้อนรับเจ้าให้ดีเถอะ”
ต่งฮุยกล่าว
“เช่นนั้นก็รบกวนศิษย์พี่ฮุยแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนเห็นด้วยกับเรื่องนี้ เพราะอย่างไรเสียต่งฮุยก็ช่วยเขาเรื่องจัดแจงหาวัตถุดิบไม่น้อย ลำพังเขาไปเดินหาเองคงยากจะได้รับมามากมาย
เมื่อกลับมาถึงฐานของสำนักจันทร์จรัสแสงที่สำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร ต้วนหลิงเทียนไม่ทันได้พักผ่อนให้ดี ต่งฮุยก็กลับมาเรียกหาเขาอีกครั้ง
“เกิดอะไรขึ้นหรือศิษย์พี่ฮุย ไฉนรีบร้อนกลับมาหาข้าได้ล่ะ?”
เขาพึ่งแยกกับต่งฮุยได้ไม่ทันไร แต่ไม่คิดเลยว่าต่งฮุยจะย้อนกลับมาหาเขาเร็วไวขนาดนี้
“ศิษย์น้องต้วนไม่ใช่ข้าอยากรบกวนเจ้าหรอก…แต่ตามกฏการจัดอันดับในรายนามปฐพีของ 9 พันธมิตร ข้าไม่มีทางเลือก”
ต่งฮุยยิ้มออกมาอย่างขื่นขม
“หืม? รายนามปฐพีเหรอ หรือมีคนมาท้าทายข้า?”
ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วขึ้น ถามออกไปด้วยสงสัย
เขาเองก็นึกเรื่องอื่นไม่ออกแล้วนอกจากเรื่องนี้
“เป็นเช่นนั้น”
ต่งฮุยพยักหน้า “ข้าได้ยินมาว่าคนผู้นี้มารอเจ้าตั้งแต่ฟ้าสาง…แต่พวกเรามีธุระที่ต้องไปจัดการที่ตระกูลโอวหยาง ในเมื่อตอนนี้เจ้ากลับมาแล้ว พอคนผู้นั้นรับทราบ ก็เลยมาเรียกหาและยืนรอเจ้าอยู่ด้านหน้าฐานปฏิบัติการสำนักจันทร์จรัสแสงเรา”
“แถมตอนนี้ไม่ใช่แค่มัน พอคนของ 8 ขุมพลังที่เหลือในสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตรรับทราบ พวกมันก็เร่งมากันที่นี่กันเต็มไปหมด…พวกมันมารอดูการประลองของเจ้าทั้งสิ้น ข้าคิดว่าพวกมันอยากรู้ ว่าอัจฉริยะหนุ่มที่โด่งดังในขึ้นมาใน 9 พันธมิตรได้ จักแข็งแกร่งสมคำร่ำลือหรือไม่…”
ต่งฮุยกล่าว
“ในเมื่อที่ต้องมาก็มาแล้ว ข้าออกไปพบมันหน่อยก็แล้วกัน”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบ ก่อนที่จะออกจากที่พักของสำนักจันทร์จรัสแสงมายังด้านนอก
พอออกมาข้างนอกต้วนหลิงเทียนก็ตกใจไม่น้อย เพราะตอนนี้มีผู้คนมายืนรอชมดูเรื่องราวกันมากมายจริงๆ!
นอกจากคนของสำนักจันทร์จรัสแสงแค่ไม่กี่คนแล้ว ล้วนเป็นคนของขุมพลังอื่นทั้งสิ้น พวกมันยังมาล้อมมุงเป็นวงโค้งราวจันทร์เสี้ยว เว้นที่ว่างตรงกลางเอาไว้
มีร่างชายวัยกลางคนแต่งกายในชุดจอมยุทธ์ธรรมดาๆยืนอยู่ในพื้นที่ตรงกลางที่เว้นว่างเอาไว้ดังกล่าว ใบหน้าของชายวัยกลางคนผู้นี้เต็มไปด้วยหลุมบ่อ แลไม่น่าดูนัก
อย่างไรก็ตามสองตาของมันกลับกระจ่างใสเผยประกายคมกล้า น่าเกรงขามไม่น้อย
ต้วนหลิงเทียนรู้ได้ทันทีว่านี่สมควรเป็นผู้ที่มาท้าทายเขา
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่ได้ยึดถือคนผู้นี้เป็นจริงจังอะไร
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่เขาทะลวงมาถึงขอบเขตสู่เซียนขั้นกลางเลยด้วยซ้ำ ต่อให้เขายังเป็นแค่หลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่ คิดกำราบมันก็ง่ายดายนัก!
“นั่นอาวุโสฮุยของสำนักจันทร์จรัสแสง!”
เมื่อต้วนหลิงเทียนกับต่งฮุยเดินออกมา หลายคนก็จดจำต่งฮุยได้
“ที่เดินออกมาพร้อมอาวุโสฮุย ใช่ต้วนหลิงเทียนหรือไม่?”
“ใช่! เป็นเขา! วันก่อนข้ามาเฝ้ายามกะกลางคืนที่หน้าประตูสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร เลยได้เห็นเขา!”
“ข้าคิดว่าเขาจะหลีกเลี่ยงผู้ที่มาทิ้งชิงอันดับในรายนามปฐพีแล้วเสียอีก แต่มิคาดเลยว่าจะออกมารับคำท้าประลองตรงๆเช่นนี้…ดูเหมือนว่าเขาจักมั่นใจในพลังฝีมือตัวเองอยู่บ้าง”
……
คนของ 8 ขุมพลังที่เหลือสนทนากระซิบกระซาบกันเรื่องต้วนหลิงเทียนไปเรื่อย
คนเหล่านี้ส่วนมากจะเป็นศิษย์ฝ่ายในของ 8 ขุมพลังที่เหลือ พวกมันบรรลุขอบเขตสูเซียนแล้วทั้งสิ้น
หากเป็นคนทั่วไปพอมามีคนห้อมล้อมมุงดูตาเขม็งอย่างนี้ อาจประหม่าหรือเสียสมาธิอะไรได้
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนเมื่อเผชิญหน้ากับสายตาของทั้งหมด ใบหน้าของเขายังสงบตั้งแต่ต้นจนจบ คล้ายไม่ได้นำพาอะไรเลย ประหนึ่งพระชราที่ปล่อยวางเรื่องราวทางโลกแล้วก็ไม่ปาน
“ฮึ่ม! เจ้านั่นมันก็แค่อันดับที่ 71 ในรายนามปฐพี…ศิษย์น้องต้วนของเราจะอย่างไรก็เป็นอันดับที่ 66! พวกเจ้าคิดจริงๆหรือว่าศิษย์น้องต้วนของพวกเราจะต้องหลีกเลี่ยงมัน?”
หลิวไห่ที่ได้ยินวาจาสบประมาทของคนจาก 8 ขุมพลัง ก็กล่าวย้อนออกมาด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
“ถูกแล้ว! ศิษย์น้องต้วนหลิงเทียนของพวกเราได้พิสูจน์ตัวเองหลายครั้งแล้ว ว่ามิใช่ร้ายกาจแต่เพียงชื่อ!”
ศิษย์ส่ายในสำนักจันทร์จรัสแสงหลายคนกล่าวเสริม
“ฮ่าๆๆๆ!!”
หลังได้ยินคำท้วงจากคนของสำนักจันทร์จรัสแสง คนอีก 8 ขุมพลังอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“เรื่องของเรื่อง…ล้วนเป็นเพราะเฮ่อจงที่มีอันดับ 66 คนก่อนนั่น! จักอย่างไรมันก็เป็นคนของสำนักจันทร์จรัสแสงพวกเจ้ามิใช่หรือไร?”
“นั่นสิ! ผู้ใดจะไปรู้ว่ามันถูกผู้อาวุโสของสำนักจันทร์จรัสแสงข่มขู่มาหรือไม่ บางทีมันอาจจงใจแพ้ให้ต้วนหลิงเทียนก็ได้!”
……
ถึงแม้ว่าคนของอีก 8 ขุมพลังจะไม่ได้เอ่ยนามผู้อาวุโสที่ว่าออกมา แต่คนของสำนักจันทร์จรัสแสงเองก็รู้ดีแก่ใจว่าเป็นใคร
ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก อาวุโสฝ่ายในป๋ายลี่หง ผู้ที่ยอมรับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์น้อง!
“วาจาพวกเจ้า ล้วนผายลมทั้งเพ!!”
หลิวไห่ฮึดฮัดหน้าแดงก่ำ โพล่งคำตวาดด่ากราดออกมาอย่างไม่ไว้หน้าผู้คน
นอกจากนี้ศิษย์สำนักจันทร์จรัสแสงที่มีอยู่ไม่กี่คนก็เริ่มด่าทอผู้คนออกมาอย่างดุร้ายเช่นกัน
อย่างไรก็ตามยังมีบางคนของสำนักจันทร์จรัสแสงที่ได้ยินวาจานี้ของพวก 8 ขุมพลังอื่น พวกมันก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด
เห็นได้ชัดว่าในใจพวกมันก็มีสงสัยเรื่องนี้อยู่บ้างเช่นกัน
เป็นธรรมชาติที่ต้วนหลิงเทียนจะได้ยินเสียงซุบซิบนินทาโดยรอบชัดถนัดหู รวมถึงข้อสงสัยทั้งหลายในตัวเขา
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้สนใจอะไรเลย
เพราะเขารู้ดีว่าอีกไม่นานพวก 8 ขุมพลังทั้งหลายจะต้องหุบปากลง และไม่นานสายตาสงสัยแคลงใจที่มองมาทางเขาก็จะหายไปเอง
“เจ้าน่ะเหรอ ผู้ที่พึ่งเอาชนะเฮ่อจงจนแทนที่อันดับที่ 66 ในรายนามปฐพีของมัน ต้วนหลิงเทียน?”
ชายวัยกลางคนหน้าตาเป็นหลุ่มบ่อไม่หน้าดู ชักสายตาจี้มองต้วนหลิงเทียนพร้อมกล่าวถามด้วยน้ำเสียงห้วนแกมสั่ง
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนเพียงเหลือบมองมันด้วยสายตาเฉยเมยกล่าวถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ “ถ้าใช่ แล้วยังไง?”
“ถ้าใช่ วันนี้ข้าก็จะเอาชนะเจ้าแล้วรับอันดับนั่นมาเสีย!”
ลูกตาชายวัยกลางคนทอประกายเรืองวูบขึ้นมาอย่างดุร้าย กล่าวออกด้วยวาจายะโสเปี่ยมความมั่นใจ “จดจำเอาไว้เสียให้ดี ว่าผู้ที่เอาชนะเจ้าวันนี้เรียกว่า…”
“ตัวโง่งม!”
ต้วนหลิงเทียนพ่นคำสามพยางคต์ออกมาเสียงดังฟังชัด ขัดจังหวะตอนที่อีกฝ่ายจะกล่าวบอกนามพอดิบพอดี เขาคร้านจะเสียเวลาอะไรให้มากกับคนผู้นี้จริงๆ
เป็นคนท้าก็รีบๆลงมือเสียที จะพล่ามเวิ่นเว้อไปทำอะไร?
“ฮ่าๆๆๆๆ!!”
ต้วนหลิงเทียนที่ขัดคำได้พอดิบพอดีนั้น กลับเป็นอะไรที่สร้างความขบขันให้ผู้คนนัก
เพราะวาจาที่กล่าวขัดมันตรงกับตอนประกาศนามของอีกฝ่ายพอดี กลายเป็นอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก!
“ต้วนหลิงเทียนคนนี้เอาเรื่องจริงๆ แค่วาจาไม่กี่คำก็ยั่วโทสะผู้อื่นให้พุ่งสุดหลอดแล้ว “
ศิษย์อีก 8 ขุมพลังอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า ต่างคิดว่าต้วนหลิงเทียนหาเรื่องผู้อื่นเกินไปแล้ว
“ตอนนี้เพราะวาจานั่นทำให้ต้วนหลิงเทียนแลดูเหนือกว่า…ทว่าหากพลังฝีมือมิถึงขั้นจริงๆ เกรงว่าคงได้เจ็บหนักกันหน่อย!”
ลูกตาของศิษย์ทั้ง 8 ขุมพลังเผยประกายสว่างจ้า เต็มไปด้วยความสนใจ อยากชมดูผู้คนต่อยตีกันนัก!
ด้านชายวัยกลางคนที่ถูกขัดคำและเต็มไปด้วยโทสะ พลันอ้าปากออกมาคิดกล่าววาจาอะไรสืบต่อ
ทว่าต้วนหลิงเทียนกลับขัดคำมันไว้อีกครั้ง “ถ้าเจ้ายังคิดเรื่องแนะนำตัวเองอยู่อีกก็พอได้แล้ว…ข้าไม่สนใจจะรู้ชื่อคนแพ้…”
ตอนที่ 1504
ต้วนหลิงเทียน สู่เซียน?
ข้าไม่สนใจจะรู้ชื่อคนแพ้?!
วาจานี้ของต้วนหลิงเทียนไม่เพียงทำให้ชายวัยกลางคนตะลึงงัน ยังทำให้กับผู้คนที่มาชมดูเรื่องราวรอบๆถึงกับอึ้ง!
บ้า!
บ้าไปแล้ว!!
นี่เป็นความคิดเดียวในใจของทุกคนที่มามุงชม กระทั่งคนของสำนักจันทร์จรัสแสงเองก็ไม่เว้น ทั้งหมดรู้สึกว่าวาจานี้ของต้วนหลิงเทียนถือดีเกินไป!
เพราะสุดท้ายผลการประลองก็ใช่ว่าจะรู้ชัด!
“ประเสริฐ! ประเสริฐ!!”
ชายวัยกลางคนสูดลมหายใจเข้าลึกๆไม่กี่คำเพื่อระงับโทสะ ค่อยมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเอาเรื่อง “ข้าจะให้ทุกคนแลเห็น ว่าวาจานี้มันย้อนกลับไปตบหน้าเจ้าดังปานใด!”
“ถ้าเจ้ามีปัญญาสามารถ ข้าก็เฝ้ารอให้เจ้ามาตบหน้าข้าอยู่…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวพร้อมยกยิ้มบางๆ แลดูไม่ยี่หระแม้แต่น้อย
จังหวะนี้ทุกผู้คนอดไม่ได้ที่จะหันมองส่งสายตากัน
หรือต้วนหลิงเทียนมั่นใจมาก ว่าเอาชนะชายวัยกลางคนผู้นี้ได้?
“หาที่ตาย!”
คำนี้ของต้วนหลิงเทียนไม่ต่างใดจากละอองไฟหล่นลงน้ำมัน จุดประกายโทสะชายวัยกลางคนให้ปะทุออกทันใด ร่างมันพุ่งปรี่เข้าหาต้วนหลิงเทียนปานคนคลั่ง!
ฉับไวปานสายลมพัด!
“สมแล้วที่เป็นยอดฝีมือในรายนามปฐพี อาศัยแค่ความเร็วนี้ก็เหนือกว่าหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่ทั่วไปมากโข!”
เหล่าผู้ชมของ 9 ขุมพลัง ย่อมตระหนักได้ว่าความเร็วของชายวัยกลางคนไม่ใช่ชนชั้นต่ำทราม
ขณะเดียวกันทั้งหมดก็หันไปจับตาดูต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง
ทว่าฉากเรื่องราวต่อมากลับทำให้แววตาทั้งหลายเผยความประหลาดใจกันถ้วนหน้า
“เจ้าเร็วได้แค่นี้หรือ?”
เสียงต้วนหลิงเทียนเอ่ยออกเบาๆ
ขณะเดียวกันเพียงสืบเท้าออกไปก้าวหนึ่งด้วยอริยาบทผ่อนคลาย ทว่าหนึ่งย่ำก้าวนี้…กลับทำให้ร่างวูบไปบรรลุถึงเบื้องหน้าชายวัยกลางคนที่พุ่งมาปานภูตผี!
ฟังจากท่าทางทั้งวาจา บอกให้ทั้งหมดตระหนักได้ว่านี่ไม่ใช่ความเร็วที่แท้ของต้วนหลิงเทียนเป็นแน่
เพราะสุดท้ายแล้วหากคนเราคิดใช้ความเร็วสูงสุด อย่างไรก็ไม่มีทางกล่าววาจาทั้งท่าทางผ่อนคลายเช่นนี้ออกมาได้เลย!
ต่งฮุยที่เดินมาส่งต้วนหลิงเทียน ที่ตอนนี้ยืนชมดูเรื่องราวอยู่ข้างๆ ก็เบิกตากว้างขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นความเร็วที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออก
“ความเร็วนี่…น่ากลัวว่าจะมิได้ต่ำไปกว่าสู่เซียนขั้นกลาง?”
ต่งฮุยลอบสูดลมหายใจเข้าอย่างสะท้าน ‘ความเร็วศิษย์น้องต้วนไม่ใช่ของหลุดพ้นมนุษย์แล้ว…หรือศิษย์น้องต้วนทะลวงไปยังขอบเขตสู่เซียน! มิน่าแปลกใจเลยว่าไฉนศิษย์พี่ป๋ายถึงยอมรับเขาเป็นศิษย์น้อง!!’
ตอนนี้ต่งฮุยคิดว่าเพราะต้วนหลิงเทียนเป็นอัจฉริยะในเชิงยุทธ์อันยากพบพาน ป๋ายลี่หงจึงรับอีกฝ่ายเป็นศิษย์น้อง
ทว่ามันไม่เคยคิดเคยฝันเลย ว่าที่ป๋ายลี่หงยอมรับต้วนหลิงเทียนนั้น ไม่ได้เกี่ยวกับพลังฝีมือแม้แต่น้อย แต่เป็นเพราะต้วนหลิงเทียนสามารถสำเร็จ ‘เคล็ดจารึกพิสดาร’ ของอาจารย์ที่มันไม่เคยพบหน้ามาก่อนต่างหาก!
เรื่องที่ต่งฮุยคิด ก็เป็นเรื่องในหัวของผู้คนทั้งหมดตอนนี้
“ความเร็วที่ต้วนหลิงเทียนกลับใช้ มันเหนือขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์…นี่ต้วนหลิงเทียนทะลวงไปยังสู่เซียนแล้วรึ!?”
“อาจเป็นได้!”
“เช่นนั้นแล้วข่าวลือที่ต้วนหลิงเทียน ได้ติดอันดับในรายนามปฐพี ที่แท้เป็นเพราะบรรลุสู่เซียนแล้วงั้นเหรอ…เช่นนั้น เรื่องหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบติดอันดับได้ก็ข่าวลวงน่ะสิ!?”
“สมควรเป็นข่าวลวงจริงๆ!”
……
ในขณะที่คนของ 8 ขุมพลังสงสัยเรื่องนี้ พวกมันก็ลอบใช้ทักษะวิญญาณลี้ลับตรวจสอบพลังฝึกปรือต้วนหลิงเทียนอย่างอุกอาจ
อย่างไรก็ตามพวกมันกลับไม่อาจตรวจพบอะไรได้
และเพราะเรื่องนี้ทำให้พวกมันยืนยันได้ทันที…ว่าต้วนหลิงเทียนได้ทะลวงไปถึงขอบเขตสู่เซียนเรียบร้อยแล้ว!
ด้วยความสามารถของพวกมัน ย่อมสามารถตรวจสอบพลังฝึกปรือของผู้ที่มีด่านพลังฝึกปรือต่ำกว่าขอบเขตสู่เซียนได้ไม่มีปัญหา
แต่ทักษะวิญญาณลี้ลับของพวกมัน ไม่อาจตรวจสอบพลังฝึกปรือของขอบเขตสู่เซียนหรือเหนือกว่านั้นได้!
“ขอบเขตสู่เซียน!? ต้วนหลิงเทียนบรรลุถึงขอบเขตสู่เซียนแล้ว?”
พอหลิวเยว่กับหลิวไห่ได้ยินว่าต้วนหลิงเทียนทะลวงมาถึงขอบเขตสู่เซียนแล้ว พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก ใบหน้าเหรอหราปานเห็นผีกลางวันแสกๆ
คนอื่นๆของสำนักจันทร์จรัสแสงก็เช่นเดียวกัน
ต้วนหลิงเทียนนั้นไม่ใช่คนแปลกหน้าอะไรสำหรับคนสำนักจันทร์จรัสแสงอย่างพวกมัน!
ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันมั่นใจมาก ว่ายามต้วนหลิงเทียนพึ่งมีชื่อเสียงขึ้นมาต้วนหลิงเทียนพึ่งอยู่ในขอบเขตพลังฝึกปรือหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบเท่านั้น!
และเพราะพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนถูกศิษย์ฝ่ายในของสำนักตรวจสอบยืนยันด้วยตัวเอง ทำให้พวกมันมั่นใจว่าพลังฝึกปรือต้วนหลิงเทียนมีเพียงแค่หลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบเท่านั้น
หากมีผู้ตรวจสอบคนสองคน เป็นได้ว่าอาจผิดพลาด
ทว่าด้วยมีคนมากมายตรวจสอบยืนยัน มันย่อมไม่ผิดพลาด!
ด้วยเหตุนี้ในใจของพวกมันถึงได้เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ทั้งหวาดกลัว!
เพียงเวลาแค่ไม่กี่เดือนต้วนหลิงเทียนสามารถทะลวงจากขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบมาถึงสู่เซียนได้แล้ว?!
ในขณะที่ผู้คนกำลังตกตะลึงกับพลังฝึกปรือต้วนหลิงเทียน ด้านต้วนหลิงเทียนก็คร้านจะเสียเวลาอะไรกับชายวัยกลางคนให้มากความ ยกมือขึ้นควบแน่นปราณแท้ตบฟาดออกไปยังชายวัยกลางคนอย่างไร้เรื่องราว ซัดร่างมันกระเด็นปลิดปลิวไปไม่เป็นท่า!
ร่างชายวัยกลางคนที่ถูกซัดบาดเจ็บสาหัสนัก แต่ก็ไม่ถึงกับพิกลพิการอะไร
พอมันค่อยๆลุกขึ้นมาอย่างยากลำบากได้สำเร็จ สายตาที่มองมายังต้วนหลิงเทียนก็คงเหลือแต่ความหวาดกลัว “จะ..เจ้าทะลวงถึงขอบเขตสู่เซียนแล้ว?”
ในสายตาของมัน ต่อให้เป็นอันดับ 1 ในรายนามปฐพี ก็ไม่สามารถเอาชนะทั้งทำร้ายมันจนร่อแร่ได้ง่ายดายแบบนี้!
มีความเป็นไปได้อยู่ทางเดียวเท่านั้น เรื่องที่อีกฝ่ายสยบมันได้ราบคาบเช่นนี้คืออีกฝ่ายบรรลุถึงขอบเขตสู่เซียนแล้ว!
เมื่อตัดผ่านขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์เข้าสู่ขอบเขตสู่เซียนแล้ว เท่ากับว่าต้องออกจากรายนามปฐพี
และโดยปกตินั้นผู้ที่ติดอันดับในรายนามปฐพี ทันทีที่ทะลวงมาถึงสู่เซียนขั้นต้น ก็มีพลังฝึกปรือทัดเทียมสู่เซียนขั้นกลาง!
“เจ้าก็ไม่ใช่คนโง่นี่นา”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองชายวัยกลางคนพร้อมยิ้มให้บางๆ หลังจากนั้นก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้านพัก โดยที่ไม่สนใจผู้คนทั้งหลายที่ยืนใบ้รับประทานกันแม้แต่น้อย
ทะลวงมาถึงขอบเขตสู่เซียน!
ต้วนหลิงเทียนแห่งสำนักจันทร์จรัสแสง เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตสู่เซียนแล้ว!
หลังอึ้งไปพักหนึ่งคนทั้งหลายก็กลับมารู้สึกตัว แต่ก็ยากจะปกปิดความตกใจกับข่าวใหญ่นี้ได้!
หลังจากนั้นประหนึ่งมหาพายุพัดพาก็ไม่ปาน ข่าวนี้ถูกแพร่ออกไปปากต่อปาก ไม่นานก็กระจายไปทั่วเมืองหานเหอ!
จังหวะนี้คนในเมืองหานเหอที่ไม่ใช่ผู้รักสันโดษหรือปิดด่านบ่มเพาะ ล้วนทราบข่าวนี้ทั้งสิ้น!
ตระกูลโอวหยางก็ไม่เว้น
“มันทะลวงไปถึงขอบเขตสู่เซียนแล้ว?”
โอวหยางหลัวผงะไปทันทีที่ได้รับทราบข่าวนี้ นางยังจดจำได้ดีว่าวันนั้นที่ต้วนหลิงเทียนช่วยชีวิตนางไว้ ปราณแท้ที่แผ่ออกทั่วร่างยังเป็นกลิ่นอายขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์
ด้วยเหตุนี้นางจึงมั่นใจว่าก่อนหน้าต้วนหลิงเทียนยังไม่ใช่ผู้ฝึกตนขอบเขตสู่เซียนแน่ๆ
ทว่ามาตอนนี้…
เดิมทีนางก็สิ้นหวังเรื่องล้างแค้นต้วนหลิงเทียนอยู่แล้ว พอได้รับทราบข่าวนี้ไป ใจนางก็หลงเหลือแต่เพียงความท้อแท้สิ้นหนทาง
“ตัวประหลาด! ตัวประหลาดที่อันตรายนัก! ตระกูลโอวหยางเรามิอาจเป็นศัตรูกับมันได้!!”
หลังจากได้รู้ข่าวเรื่องต้วนหลิงเทียนบรรลุสู่เซียนแล้ว โอวหยางป้าถึงกับหน้าเสีย ใจมันล้มเลิกความคิดต่อต้านต้วนหลิงเทียนไปหมดสิ้น
ไม่ว่าข่าวลือเรื่องทะลวงผ่านขอบเขตสู่เซียนจะกลายเป็นประเด็นร้อนเพียงใด ต้วนหลิงเทียนที่กลับห้องไปบ่มเพาะในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติก็ไม่ได้รู้เรื่องราวแม้แต่น้อย
นอกจากการบ่มเพาะพลังแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ออกมาใช้เวลากับต่งฮุย ให้อีกฝ่ายได้เลี้ยงรับรอง ทั้งสนทนาเกี่ยวกับเต๋าแห่งการจารึกอาคมเซียนบ้าง
เรื่องนี้ทำให้ต่งฮุยตระหนักได้ถึงเรื่องอันน่ากลัวทันที บางทีที่ป๋ายลี่หงไม่น่าจะรับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์น้อง เพราะศักยภาพในเชิงยุทธ์เสียแล้ว…
เพราะมันพบว่ายามถกกันเรื่องจารึกอาคมเซียน องค์ความรู้และความเข้าใจที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมา เป็นอะไรที่ตัวมันเองก็ยากจะเข้าใจ
สุดท้ายมันจึงตระหนักได้ ว่าไม่ใช่พลังฝีมือและอัจฉริยะภาพในเชิงยุทธ์ที่ทำให้ป๋ายลี่หงรับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์น้อง แต่เป็นเพราะความสามารถรวมถึงความเข้าใจในศาสตร์แห่งการจารึกอาคมเซียนของต้วนหลิงเทียนมันสูงจนน่ากลัว
“ศิษย์น้องต้วน เคล็ดวิชาจารึกอาคมเซียนของเจ้า ข้าฟังแล้วมันมิใช่เคล็ดวิชาจารึกทั่วๆไปใช่หรือไม่?”
หลังจากต่งฮุยได้รับฟังเรื่องการจารึกบางอย่าง มันก็อดไม่ได้ที่จะถามต้วนหลิงเทียนออกมา เพราะสัมผัสได้ถึงความแตกต่างบางอย่าง
“ศิษย์พี่ฮุยข้าเองก็ได้ยินศิษย์พี่ป๋ายลี่หงกล่าวว่า ท่านเองก็เคยฝึกเคล็ดจารึกพิสดารมาก่อน…หรือตอนข้าอธิบายท่านจับเค้าลางของเคล็ดจารึกพิสดารไม่ได้เลย?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวหยอกพร้อมหัวเราะ
“คะ…เคล็ดวิชาจารึกพิสดาร!?”
พอได้ยินคำนี้ต่งฮุยนิ่งคิดครู่หนึ่ง ไม่นานสีหน้ายิ่งมาก็ยิ่งเต็มไปด้ววยความหวั่นหวาด “ศะ…ศิษย์น้องต้วน…เจ้าเชี่ยวชาญเคล็ดจารึกพิสดารแล้ว!?”
“ก็ยังไม่นับว่าเชี่ยวชาญหรอก…แค่ก้าวข้ามประตูมาได้แล้วน่ะ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถ่อมตัว ยิ้มบาง
อย่างไรก็ตามแม้เขาจะถ่อมตัว แต่ต่งฮุยก็ชักหน้าเหวอไปกันใหญ่
หลังจากนั้นไม่นานต่งฮุยก็หอบหายใจถี่รัวด้วยความตื่นเต้น “ดูเหมือนศิษย์พี่ป๋ายลี่หงจักได้พบพานบุคคลที่ท่านตามหามานานเสียที…ตอนแรกข้าคิดว่าศิษย์พี่ป๋ายรับศิษย์น้องต้วนเป็นศิษย์น้อง เพราะความสามารถในเชิงยุทธ์เสียอีก”
“ที่แท้ข้ากลับเข้าใจผิดแต่แรก”
ต่งฮุยยืนยันได้สมบูรณ์
ป๋ายลี่หงรับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์น้องนั้น ไม่ใช่เพราะศักยภาพในเชิงยุทธ์แน่นอน แต่เป็นเพราะต้วนหลิงเทียนสามารถสืบทอดเคล็ดจารึกพิสดารได้!
ป๋ายลี่หงเองก็เหมือนกับมัน พลังวิญญาณไม่ได้สูงล้ำเหนือคนทั่วไป ไม่อาจฝึกปรืออะไรเคล้ดวิชาจารึกพิสดารได้
ได้ยินคำนี้ของต่งฮุย ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มรับ แต่ไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่มเติม
“จริงสิพี่ฮุย พวกวัตถุดิบที่ข้าต้องการ จะมาถึงในอีก 2 วันใช่ไหม?”
ต้วนหลิงเทียนมองต่งฮุย ค่อยถามเปลี่ยนเรื่อง
เหตุผลส่วนใหญ่ที่ทำให้เขาต้องอยู่ในเมืองหานเหอเพิ่มอีก 2-3 วันนั้น เพราะกำลังรอวัตถุดิบชุดสุดท้าย
เป็นวัตถุดิบที่ต่งฮุยให้คนไปรวบรวมมาอีกรอบ
และวัตถุดิบเหล่านั้นก็เป็นวัตถุดิบที่ต้วนหลิงเทียนต้องใช้ในการซ่อมแซมฟื้นฟูเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ
“มิผิด อีก 2 วันก็มาถึงกันแล้ว”
ต่งฮุยพยักหน้ารับ มันย่อมไม่กล้าละเลยเรื่องของต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นอีก 2 วัน วัตถุดิบทั้งหลายก็ส่งมาถึง
‘จากที่ผู้เฒ่าหั่วบอก ชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติสามารถฟื้นฟูขึ้นมาได้ 1 ส่วนจากวัตถุดิบพวกนี้…ให้ตายเถอะวัตถุดิบตั้งมากมายของเมืองหานเหอ กลับฟื้นฟูได้แค่ส่วนเดียว ท่าทางการซ่อมชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติจะหนักหนาเอาเรื่องกว่าชั้น 3 มาก…’
ต้วนหลิงเทียนลอบถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ อย่างไรก็ตามเขารู้ดีว่าถึงมันจะยากเพียงใด เขาก็ต้องพยายามรวบรวมหามาให้จงได้!
ตอนที่ 1505
ตลาดมืดหยินชาน
ตอนนี้เมื่อได้วัตถุดิบมาแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่มีเรื่องราวอะไรที่ต้องทำในเมืองหานเหออีก
“ศิษย์พี่ฮุยเรื่องวัตถุดิบหลังจากนี้ ข้ารบกวนท่านแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวกำชับต่งฮุย ก่อนอำลา
“ขอศิษย์น้องต้วนโปรดวางใจ ข้าจะส่งคนออกไปรวบรวมวัตถุดิบไว้ให้เจ้าเป็นพิเศษ…เมื่อได้พวกมันเป็นจำนวนที่น่าพอใจแล้ว ข้าจะให้คนนำกลับไปส่งที่สำนักจันทร์จรัสแสง”
ต่งฮุยพยักหน้ารับปาก
“ขอบคุณศิษย์พี่ฮุยมาก”
หลังกล่าวคำขอบคุณอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนก็จากไป
ตอนออกจากฐานปฏิบัติการของสำนักจันทร์นั้น ต้วนหลิงเทียนเลือกจากไปกลางดึกสงัด ยามเมฆบดบังแสงจันทร์ ก็ทำให้หนทางมันมืดเสียจนแทบมองนิ้วมือไม่เห็น
เหตุผลที่เขาเลือกจากมาตอนนี้ ก็เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาและเรื่องยุ่งยากทั้งหลายโดยไม่จำเป็น
ต้วนหลิงเทียนรู้ดีแก่ใจ ว่าแม้ตอนนี้เขาจะบรรลุสู่เซียนขั้นกลางแล้ว แต่หากต้องปะทะกับยอดฝีมือสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ที่ร้ายกาจจริงๆ เขาก็ยังไร้หนทางเอาชนะ
เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนไม่รู้เลยก็คือ ในขณะที่เขาจากมานั้น…ก็มีคนที่แอบสะกดรอยตามเขามาเช่นกัน
จนกระทั่งร่างต้วนหลิงเทียนโผล่พ้นอาณาเขตของเมืองหานเหอไปสักพัก ร่างดังกล่าวถึงได้หยุดลง
คนผู้นี้มองส่งต้วนหลิงเทียนที่กำลังจากไปในความมืดจนลับตา
ยามเมื่อจันทร์โผล่ออกมาจากหมู่เมฆ แสงนวลสาดส่องลงมาตกกระทบก็เผยให้เห็นใบหน้าหนึ่ง มิคาดคนที่ลอบสะกดรอยตามต้วนหลิงเทียนมาก็คือ ต่งฮุย นั่นเอง
ที่แท้หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนจากมา ต่งฮุยก็ไม่อาจวางใจได้ มันจึงลอบติดตามออกมาส่งต้วนหลิงเทียน เพื่อเฝ้าระวังอันตราย และผู้ประสงค์ร้ายที่คอยจ้องเล่นงานต้วนหลิงเทียนอย่างลับๆ
เมื่อมันติดตามต้วนหลิงเทียนออกพ้นเขตเมืองไปสักพักแล้วไม่พบว่ามีใครอื่นอีก มันถึงค่อยวางใจและกลับฐานปฏิบัติการ
ต้วนหลิงเทียนนั้นเหินร่างด้วยความเร็วสูงสุด หมายมุ่งหน้ากลับไปให้ถึงสำนักจันทร์จรัสแสงโดยไว
‘หวงเฉิง!’
ระหว่างทางกลับสำนักจันทร์จรัสแสง ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงหวงเฉิงขึ้นมา อีกฝ่ายถึงกลับมาดักซุ่มรอเพื่อฆ่าเขา!
ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะเขามียันต์เทพเคลื่อนกับม่านพลังทองระดับ 3 ดาวไว้ในครอบครองหลายใบ เกรงว่าเขาอาจจะสิ้นท่าภายใต้เงื้อมมือมันไปแล้ว
‘ข้าล่ะหวังนักว่าเจ้ายังจะกล้าอยู่ที่สำนักจันทร์จรัสแสงให้ข้ากลับไปล้างแค้น!’
วาจาในใจนี้แน่นอนว่าเป็นวาจาหมายหัวหวงเฉิง!
น่าเสียดายต้วนหลิงเทียนถูกกำหนดให้พบกับความผิดหวัง
ในตอนนั้นเมื่อฆ่าเขาล้มเหลว หวงเฉิงไหนเลยยังจะกล้ากลับไปสำนักจันทร์จรัสแสงได้อีก? มันรู้ดีว่าถึงกลับไปก็มีแต่เภทภัยไม่สิ้นสุด มันจึงเลือกที่จะหลบหนีออกจากสำนัก!
แน่นอนว่าหวงเฉิงไม่ได้หลบหนีไปเพราะกลัวต้วนหลิงเทียน แต่มันกลัวป๋ายลี่หงที่ให้ท้ายต้วนหลิงเทียน
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเดินทางกลับสำนัก ทางด้านเมืองหานเหอ คฤหาสน์หลังหนึ่งที่ตั้งโดดเดี่ยวในถนนเปลี่ยวร้างของเมือง ก็เต็มไปด้วยผู้คน
ผู้คนเหล่านี้เพียงแวะเวียนเข้าไปทำเรื่องราวในคฤหาสน์ไม่นานก็จากไป
คฤหาสน์หลังนี้นั้นกลางวันเงียบสงบไร้ผู้ใดเข้าออก ทว่ามืดค่ำกลางคืนกลับเต็มไปด้วยผู้คนเข้าออก
คฤหาสน์หลังนี้เป็น ‘ฐาน’ ของตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตร!
ในคฤหาสน์นับว่าคึกคักไปด้วยผู้คนนัก มีธุรกรรมมากมายเกิดขึ้น หากเงินถึงไม่ว่าเรื่องใดก็คุยกันได้
ภายในห้องมืดแห่งหนึ่ง เปลวเทียนบนโต๊ะสั่นไหวไปมาด้วยแรงลม สาดแสงสะท้อนร่าง 2 ร่างที่นั่งหันหน้าเข้าหากัน
“ต้วนหลิงเทียนจากสำนักจันทร์จรัสแสงนั่นเป็นเป้าหมายของชือหมิงไม่ผิดแน่! เหตุผลเดียวที่ต้วนหลิงเทียนมาถึงเมืองหานเหอได้โดยสวัสดิภาพจนกระทั่งก่อเรื่องราวใหญ่โต มิพ้นชือหมิงคงตกตายไปแล้ว!”
หนึ่งในร่างที่ต้องสะท้อนแสงเทียนนั้นเป็นชายชราร่างผอม
พิกลนักเส้นผมบนหัวของมันฝั่งซ้ายกลับสีดำส่วนฝั่งขวากลับมีสีขาว ใบหน้าเองก็คล้ายผสมกันอย่างแปลกประหลาด ครึ่งหนึ่งหวานคล้ายสตรี อีกครึ่งกลับเข้มดั่งบุรุษ
มันกำลังมองกล่าวกับชายวัยกลางคนร่างหนาเบื้องหน้า
“เรื่องนี้อาจมีใดผิดพลาดหรือไม่…ปกติแล้วแทบเป็นไปมิได้เลยนี่นา ที่ชือหมิงจักล้มเหลวแบบนี้!”
ชายวัยกลางคนร่างหนานั้น รูปร่างของมันน่าเกรงขามนัก เพียงนั่งเฉยๆก็เสมือนหอคอยเหล็กตั้งตระหง่านยากจะโค่น
“ถึงจะเกิดเหตุขัดข้องอันใด ป่านนี้ชือหมิงก็สมควรกลับมารายงานตัวได้แล้ว…ในเมื่อคนมิกลับ เกรงว่าคงเหลือแต่ศพ”
ชายชรากล่าว
ต็อกๆ!
ทันใดนั้นเองมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ใต้เท้าหยินหยาง”
ชายชราทั้งชายวัยกลางคนเบนตาไปมองยังหน้าประตูห้องทันที เสียงดังกล่าวดังขึ้นจากหลังประตู
“เข้ามา”
ชายชราคล้ายล่วงรู้ว่าเป็นผู้ใดที่มา จึงกล่าวเรียกออกเสียงเรียบ
ขณะเดียวกันมันก็สะบัดมือเบาๆ ประตูก็เปิดออกโดยอัตโนมัติ
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดคลุมสีดำก้าวเข้ามาในห้อง เมื่อมันเห็นชายวัยกลางคนร่างหนา ก็โค้งคารวะอย่างมากมารยาท “ใต้เท้าไท่หวู่”
“มีอันใด?”
ชายชรายกมือขึ้นพร้อมกล่าวถาม ขณะเดียวกันประตูก็ปิดตัวลงอีกครั้ง
“ใต้เท้าหยินหยาง มีนักฆ่า 3 ดาราครึ่งกำลังตามหาท่าน มันบอกว่าอยากสนทนากับท่านเป็นการส่วนตัว”
ชายหนุ่มชุดดำรายงาน “หากท่านมิต้องการพบมัน ข้าจักไล่มันไปเดี๋ยวนี้”
“นักฆ่า 3 ดาราครึ่ง?”
ลูกตาที่แลคล้ายมีหมอกปกคลุมของชายชรา พลันเรืองสว่างขึ้นมาวูบหนึ่ง หลังจากเงียบไปสักพักมันก็กล่าวออก “ให้มันเข้ามาเถอะ”
ในตลาดมืดหยินชานนั้น นักฆ่าถูกแบ่งออกเป็นระดับต่างๆ
ชือหมิง ชายในชุดคลุมลมดำที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าตายไปก่อนหน้านั้น ก็คือนักฆ่า 3 ดาราของตลาดมืดหยินชาน
ส่วนนักฆ่า 3 ดาราครึ่งนั้น แม้จะยังไม่ร้ายกาจเท่าชายชรา แต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันสักเท่าไหร่
ในตลาดมืดหยินชานนั้น หากไม่มีอะไรผิดพลาด แค่เพียงนักฆ่า 3 ดารา ก็มากพอจะสังหารผู้ฝึกต้นสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ได้
เช่นนั้นนักฆ่า 3 ดาราครึ่งน่ากลัวปานใด ก็พอจะรู้ได้
ครู่ต่อมาชายหนุ่มก็กลับออกไป และไปพาร่างหนึ่งในชุดคลุมลมดำมากับมัน ไม่มีใครแลเห็นใบหน้าหรือรูปร่างของคนผู้นี้ได้เลย
กลิ่นอายที่แผ่ออกทั่วกายยังลึกลับนัก
“ใต้เท้าหยินหยาง สบาย”
คนในชุดคลุมลมดำกล่าวทักทายชายชราผมสีขาวดำ เสียงของมันบ่งบอกว่าเป็นบุรุษคนหนึ่ง แต่ดูคล้ายมันจะไม่รู้จักชายวัยกลางคนร่างหนา จึงไม่ได้กล่าวทักทายแต่อย่างไร
อย่างไรเสียชายวัยกลางคนก็คร้านจะสนใจเรื่องพวกนี้ แต่มันก็มองสำรวจชายในชุดคลุมลมดำด้วยความสนใจ
“เจ้ามาหาข้าถึงนี่มีอะไรงั้นเหรอ?”
ชายชราผมขาวดำ ที่มีชื่อรหัสว่าหยินหยาง กล่าวถามผู้มาใหม่
จะอย่างไรมันก็คือระดับสูงของตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตร หากไม่ใช่งานล่าค่าหัวตัวตนขอบเขตเซียน เกรงว่าเรื่องราวอื่นใดคงไม่ต้องถึงมือมัน
ชายในชุดคลุมลมดำที่มาใหม่ยังไม่ตอบ เพียงหันมองไปทางชายที่พามันมาส่ง กับชายวัยกลางคนร่างหนา
“เจ้าไปได้แล้ว”
ได้ยินคำสั่งจากชายชราหยินหยาง ร่างชายหนุ่มชุดดำที่นำคนมาส่งก็เร่งจากไปทันที
“นี่คือใต้เท้าไท่หวู่”
ชายชราหยินหยางมองชายวัยกลางคนร่างหนาค่อยกล่าวแนะนำ
ไท่หวู่!
อย่างไรก็ตามแม้วาจาแนะนำจะเรียบง่าย แต่พอชายในชุดคลุมลมดำได้ยินนามนี้ก็อดไม่ได้ที่จะร่างสะท้าน
กล่าวออกมาอีกครั้งเสียงยังสั่นไม่น้อย “ปะ…เป็นใต้เท้าไท่หวู่!?”
จากนั้นมันก็หันมองไปยังชายวัยกลางคนร่างหนาอย่างละเอียด
พอได้เห็นรอยแผลเป็น จากคมดาบอันน่าสยดสยองที่ลากผ่อนตาซ้ายลงมาเป็นแนวตั้ง มันก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และรีบรายงานเรื่องราวออกไปทันที
ในฐานะมือสังหารของตลาดมืดหยินชาน ระดับสูงที่สุดเท่าที่มันเคยพบก็คือชายชราหยินหยาง
ใต้เท้าไท่หวู่นั้นแม้มันจะได้ยินนามบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยพบพานกับตัว
ดังนั้นถึงไท่หวู่จะมายืนอยู่ต่อหน้าแบบนี้มันก็ไม่รู้จักอีกฝ่าย
อย่างไรก็ตามพอนึกถึงคำร่ำลือของไท่หวู่ ร่างมันก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเทิ้มขึ้นมาเบาๆ
ในบรรดานักฆ่าของตลาดมืดหยินชานนั้นมีข่าวลือหนึ่งแพร่กระจายออกมานานแล้ว ว่าอดีตผู้นำสำนักยันต์ลี้ลับ ได้ตกตายภายใต้น้ำมือของใต้เท้าไท่หวู่!
ตอนที่อดีตผู้นำสำนักยันต์ลี้ลับยังอยู่ พลังฝีมือของมันถือได้ว่าติด 1 ใน 3 อันดับแรกของยอดฝีมือใน 9 พันธมิตร
พลังฝีมือดังกล่าวยังเหนือกว่าชายชราหยินหยาง อาวุโสของตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตรเสียอีก!
มันยังเคยได้ยินความเป็นมาของใต้เท้าไท่หวู่ผู้นี้มาบ้าง
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไปล่วงเกินระดับสูงของตลาดมืดหยินชานสาขาหนึ่ง จึงถูกระดับสูงคนนั้นขับไล่มายังตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตร
ตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตรนั้น กล่าวไปเป็นสาขาที่มีระดับต่ำที่สุดในบรรดาสาขาทั้งหลายของตลาดมืดหยินชานแล้ว
นอกจากนี้ยังมีข่าวลืออีกเรื่องหนึ่งของใต้เท้าไท่หวู่คนนี้
ว่ากันว่าวันแรกที่ถูกส่งมายังสาขา 9 พันธมิตร ไท่หวู่ก็ไม่เป็นที่ต้อนรับของอาวุโสระดับสูงสาขานี้
สุดท้ายใต้เท้าไท่หวู่ก็คร้านกล่าวเรื่องให้มาก เพียงอาศัย 2 หมัดทุบตีสยบระดับสูงของตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตรไว้ได้อย่างราบคาบ!
กล่าวได้ว่าฐานะของอีกฝ่ายในตลาดมืดหยินชานสาขานี้ ยังเหนือกว่าชายชราหยินหยางเสียอีก!
เช่นนั้นแล้วพอได้ยินว่าชายวัยกลางคนคือใต้เท้าไท่หวู่ ชายในชุดคลุมลมดำจึงผงะไป ทั้งบังเกิดความยำเกรงไม่น้อย
“มีเรื่องอะไรเจ้าก็กล่าวออกมาเลยเถอะ ไม่ต้องเกรงใจข้า”
ไท่หวู่พยักหน้าให้คนในชุดคลุมลมดำกล่าว
“ทราบ”
คนในชุดคลุมลมดำรีบขานรับอย่างไม่กล้าละเลย ก่อนที่จะมองไท่หวู่ทั้งหยินหยางค่อยกล่าว “ใต้ท้าไท่หวู่ ใต้เท้าหยินหยาง…เมื่อไม่กี่วันก่อนยามเที่ยงคืน ข้าได้บัเอิญเป็นพยานในเรื่องราวหนึ่ง ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดมืดหยินชานเรา”
คนในชุดคลุมลมดำชักเสียงเข้ม ท่าทางจริงจัง
“หืม?”
ได้ยินคำรายงานนี้ของคนในชุดคลุมลมดำ ไท่หวู่กับชายชราหยินหยางอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันด้วยความสงสัย เห็นถึงความประหลาดใจในแววตาอีกฝ่าย
“คืนนั้นเพราะข้าต้องรีบออกไปทำภารกิจจึงไม่ได้อยู่นาน พอข้ายืนยันฐานะของชาย 2 คนที่ก่อเหตุเสร็จ ข้าก็รีบรุดไปทำภารกิจทันที หลังจากที่ข้าทำภารกิจเสร็จแล้ว ก็เร่งรุดกลับมารายงานท่านที่นี่”
คนในชุดคลุมลมดำกล่าวเรื่องราวชายชราหยินหยาง
“มีเรื่องอันใดกัน?”
ชายชราหยินหยางกล่าวถาม
“มีคนกล้าแอบอ้างว่าเป็นคนของตลาดมืดหยินชานเรา!”
คนในชุดคลุมลมดำกล่าวออก “พวกมันกล้าแอบอ้างว่าเป็นนักฆ่าของตลาดมืดหยินชานเรา…แต่จากที่ข้าเห็นพวกมันมิใช่นักฆ่าของพวกเราแน่! นอกจากนี้นักฆ่าอย่างพวกเราก็ได้กล่าวคำสัตย์ปฏิญาณต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าแล้ว จึงเป็นไปมิได้ที่พวกเราจะเปิดเผยตัวตนเช่นนั้น”
วูบ วูบ
วาจานี้ของคนในชุดคลุมลมดำ ทำให้สีหน้าของไท่หวู่กับชายชราหยินหยางมืดลงทันใด
ตลอดมืดหยินชานนั้น สาขาหลักเป็นถึงขุมพลังชั้น 3
กฏเหล็กที่ตราไว้สำคัญไฉน?
หากไร้กฏเกณฑ์ ทุกวันนี้ยังคงความยิ่งใหญ่เอาไว้ได้หรือ?
ตลาดมืดหยินชานนั้นมีกฏเกณฑ์ข้อบังคับมากมาย
หนึ่งในนั้นก็คือ คนของตลาดมืดหยินชานมิอาจกล่าวเปิดเผยตัวตนได้โดยเด็ดขาดยามออกไปกระทำภารกิจ!
ด้วยเหตุนี้ตลาดมืดหยินชานจึงให้เหล่านักฆ่ามือสังหารทั้งหลาย กล่าวคำปฏิญาณต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า ก่อนที่จะออกไปกระทำภารกิจ!
ตอนที่ 1506
ตระกูลโอวหยางล่มสลาย!
ด้วยเหตุนี้นักฆ่าของตลาดมืดหยินชานจึงมิอาจเปิดเผยตัวตนได้
นักฆ่าของตลาดมืดหยินชานที่กล้าเปิดเผยตัวตน ก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่เบื่อชีวิต! เพราะทันทีที่กล่าวเผยตัวตนออกไปก็นับว่าละเมิดคำสาบาน มิแคล้วถูกอัสณีฟ้าพิฆาตตายตก!
และหากมีใครกล้าแอบอ้างเป็นคนของตลาดมืดหยินชาน…พวกมันก็ไม่ได้รับข้อยกเว้น!
ตลาดมืดหยินชานมีกฏข้อหนึ่งที่ระบุเอาไว้และบังคับใช้อย่างเข้มงวด! หากมีขุมพลังหรือใครก็ตามที่หาญกล้าแอบอ้างว่าเป็นคนของตลาดมืดหยินชาน พวกมันต้องถูกทำลายด้วยน้ำมือของคนตลาดมืดหยินชาน!!
และเพื่อบังคับใช้เรื่องนี้ให้เป็นบรรทัดฐาน
ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าร่วมตลาดมืดหยินชาน วันใดที่บรรลุถึงขอบเขตเซียน จำต้องกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า ว่าจะต้องเร่งรุดไปทำลายใครก็ตามที่หาญกล้าแอบอ้างเป็นคนของตลาดมืดหยินชานทันที หากอยู่ในวิสัยที่กระทำได้!
ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตาม จะต้องถูกอัสนีสวรรค์พิฆาตด่าวดิ้น!
กระทั่งไท่หวู่กับหยินหยางเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ทั้งคู่ได้กล่าวคำสาบานนี้ออกมาแล้ว
หากพวกมันไม่ทราบก็แล้วไป แต่หากพวกมันทราบเรื่องราวแล้วยังนิ่งเฉย พวกมันก็ต้องถูกฟ้าลงทัณฑ์ไปตามสภาพ!
“เจ้าจะพิสูจน์ได้อย่างไร ว่าความที่เจ้ากล่าวเป็นจริง”
หยินหยางมองไปยังนักฆ่า 3 ดาราครึ่งด้วยแววตาเคร่งขรึม “เจ้ากล้าสาบานต่อทัณฑ์สวรร์เก้าเก้าหรือไม่ ว่าวาจาที่เจ้ากล่าวรายงานข้ามิแปลกปลอม..หากกล้ารายงานเท็จแม้ครึ่งคำขอให้อัสนีสวรรค์ฟาดผ่าตายตก!”
นักฆ่า 3 ดาราครึ่งพอได้ยินประโยคนี้ของชายชราหยินหยางมันก็ไม่อิดออดลังเล เพียงหลั่งเลือดกล่าวคำสาบานออกมาทันที
เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!
……
เสียงอัสนีฟาดผ่า 9 คำรบกังวาลไปทั่วเมืองหานเหอยามดึก ทำให้ผู้คนไม่น้อยที่สะดุ้งตื่นขึ้นมา
และผู้ที่ตื่นขึ้นมา ก็ทราบได้ทันทีว่านี่เป็นเสียงที่สวรรค์ตอบรับคำสัตย์สาบานของผู้คน
เมื่อเห็นว่านักฆ่า 3 ดาราครึ่งกล่าวคำสาบานแล้วไม่ถูกอัสนีลงทัณฑ์ ทั้งไท่หวู่และหยินหยางก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกล่าวรายงานเรื่องจริง
เหตุผลที่มันต้องทำการรวจสอบและยืนยันเรื่องนี้ให้แน่ชัด เพราะกริ่งเกรงนักฆ่า 3 ดาราครึ่งคิดใช้แผนยืมมีดฆ่าคน!
ใน 9 พันธมิตรแห่งนี้ ตัวตนระดับมันกับไท่หวู่ ก็คือ ‘มีด’ อันคมกริบ!
“ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าสามารถยืนยันตัวตนของผู้แอบอ้างได้แล้ว?”
ไท่หวู่กล่าวถามนักฆ่า 3 ดาราครึ่งออกมา
“ใช่”
นักฆ่า 3 ดาราครึ่งพยักหน้ารับ
“พวกมันเป็นใคร?”
หยินหยางถาม
“พวกมันเป็นคนของตระกูลโอวหยางแห่งเมืองหานเหอ เป็นตระกูลขุมพลังชั้น 8 ที่อยู่ภายใต้อาณัติของ 9 พันธมิตร…นับว่าร่ำรวยมิใช่น้อย”
นักฆ่า 3 ดาราครึ่งกล่าว
“ตระกูลโอวหยางงั้นเหรอ? “
ได้ยินคำรายงานของมือสังหาร ไท่หวู่กับหยินหยางหันหน้ามองสบตากันทันใด ต่างเห็นถึงประกายตาที่ลุกโชนขึ้นมาดั่งเพลิงไฟในแววตากันและกัน
และคืนนั้นภัยพิบัติถึงขั้นหายนะพลันอุบัติขึ้นที่ตระกูลโอวหยาง!
คนตระกูลโอวหยางทั้งหมดที่อยู่ในตระกูลไม่เว้นโอวหยางป้า ได้ถูกสังหารลงจนหมดสิ้นในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน!
อีกทั้งคนของสกุลโอวหยางยังถูกฆ่าก่อนที่จะได้ตอบโต้อันใด!
กระทั่งบรรพบุรุษของตระกูลโอวหยางที่อยู่ในขอบเขตเซียน แม้จะเร่งรุดออกจากการปิดด่าน เพื่อออกมาต่อต้านมือสังหาร พวกมันก็ทำได้แค่มอบชีวิตให้แก่มือสังหารทีละคนๆ
บรรพบุรุษตระกูลโอวหยางแม้จะอยู่ในขอบเขตเซียนแล้วแท้ๆ แต่กระทั่งจวบจนวินาทีสุดท้ายก่อนที่จะตายยังไม่อาจขบคิดได้ออก ว่าไฉนยอดฝีมือที่น่ากลัวระดับนี้ ถึงได้ลงมือสังหารพวกมันโดยไม่มีแม้แต่วาจาจะกล่าวสักครึ่งคำ
ค่ำคืนนี้ธารโลหิตย้อมชโลมตระกูลโอวหยางจนแดงฉาน…
ยามเมื่อสายธารโลหิตเจิ่งนอง ยอดฝีมือ 2 คนที่บุกมาฆ่าล้างคนสกุลโอวหยางก็จากไปอย่างเงียงงัน
และหลังจากพวกมันจากไป ก็มีคนในชุดคลุมลมดำมากมายพุ่งร่างเข้าๆออกๆ ตระกูลโอวหยาง
จนเมื่อคนของ 9 พันธมิตรทราบเรื่องราว พอมาถึงตระกูลโอวหยางก็พบว่าทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลโอวหยางถูกกวาดไปจนเหี้ยนแล้ว
คงเหลือเพียงซากศพไร้ชีวิตกองสุมบนพื้น สายธารโลหิตย้อมดินจนแดงฉานส่งกลิ่นคาวคลุ้ง
ตระกูลโอวหยางที่ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามเมื่อวาน มาวันนี้กลับกลายเป็นแค่หน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ กลับกลายเป็นอดีตไปโดยปริยาย
ที่สำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร ชนชั้นอาวุโสของแต่ละขุมพลังเร่งรุดมารวมตัวกันทันที
“พวกเจ้าทั้งหมดคิดอย่างไรกับเรื่องของตระกูลโอวหยาง?”
ชายร่างอ้วนหนวดเคราหนาเตอะมองหน้าทุกคนพร้อมกล่าวถามเสียงเข้ม
ลูกตาของมันว่ายมองสบตาผู้ที่อยู่ในห้อง 30 กว่าคนทีละคนๆ
คนกว่า 30 คนในห้องนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นอาวุโสระดับสูงที่ถูกผู้นำส่งมาคลี่คลายสถานการณ์และหาความกระจ่างแก่เรื่องที่เกิดขึ้น
ทั้ง 30 กว่าคนนี้ย่อมถูกส่งมาจากขุมพลังทั้ง 9
หลายคนในห้องนั้น ย่อมมีคนของสำนักจันทร์จรัสแสงและต่งฮุยรวมอยู่ด้วย
‘ไฉนคนของตระกูลโอวหยางถึงถูกฆ่าล้างตระกูลได้ในชั่วข้ามคืน? อย่าได้บอกข้าเชียวว่านี่เป็นศิษย์พี่ป๋ายลี่หงมาลงมือด้วยตัวเอง ช้าก่อน…ต่อให้เป็นศิษย์พี่ป๋ายลี่หงก็ยากจะล้างตระกูลโอวหยางได้ในเวลาชั่วข้ามคืน! แถมยอดฝีมือระดับเซียนของตระกูลโอวหยางยังตกตายหมดสิ้น ไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!’
ตอนแรกต่งฮุยยังคิดว่านี่อาจเป็นฝีมือของป๋ายลี่หงที่ล้างแค้นให้ต้วนหลิงเทียน แต่ไม่นานมันก็ตระหนักได้ว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้
“หืม?”
ทันใดนั้นเองต่งฮุยก็สังเกตเห็นว่าสายตาของผู้คนในห้องล้วนมองมาที่คนของสำนักจันทร์จรัสแสงรวมถึงพวกมัน
“พวกเราจะคิดอันใดได้? สมควรเป็นการลงมือของสำนักจันทร์จรัสแสง…จึกๆ สำนักจันทร์จรัสแสงนั้นประคบประหงมต้วนหลิงเทียนยิ่งนัก พอรู้ว่ามันถูกตระกูลโอวหยางรังแก ก็ถึงขั้นฆ่าล้างตระกูลโอวหยาง!”
ชายวัยกลางคนหน้าตาอัปลักษณ์คนหนึ่งกล่าววาจาเสียดสีออกมา
“ล้างตระกูลโอวหยางได้ในเวลาแค่ชั่วข้ามคืน! ต่อให้เป็นยอดฝีมือขอบเขตสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่หลายคนก็มิอาจกระทำได้…สมควรเป็นการลงมือของยอดฝีมือขอบเขตเซียน!”
คนอื่นกล่าวเสริม
“สำนักจันทร์จรัสแสงนับว่ายิ่งใหญ่เกินไปแล้ว กับอีแค่ความขัดแย้งเล็กๆน้อยๆเช่นนี้ กลับถึงขั้นลงมือทำลายล้างตระกูลขุมพลังชั้น 8 ที่ร่วมมือกับพวกเรา 9 พันธมิตรมานาน…เรื่องนี้สำนักจันทร์จรัสแสงต้องอธิบายพวกเรา!”
ชายชราคนหนึ่งมองเค้นถามต่งฮุย
“ถูกแล้ว! มิว่าอย่างไรสกุลโอวหยางก็เป็นพวกเราอุ้มชูมา! ต่อให้สำนักจันทร์จรัสแสงพวกเจ้าคิดฆ่าล้างบ้านผู้อื่น อย่างน้อยๆพวกเจ้าก็ต้องปรึกษาถามไถ่ความเห็นพวกเราสักคำ นี่พวกเจ้าเห็นขุมพลังชั้น 8 เป็นหัวผักกาดหรือไร!?”
คนอื่นก็เริ่มยิงคำถามออกมา
“ตอนนี้พวกเจ้าเล่นกวาดล้างตระกูลโอวหยางทั้งยกเค้าสมบัติไปหมดเช่นนี้ แล้วกิจการทั้งความวุ่นวายที่ตระกูลโอวหยางทิ้งไว้ผู้ใดจักรับผิดชอบ!? นี่พวกเจ้ามิรู้หรือไรว่ากว่าจะชุบเลี้ยงตระกูลขุมพลังชั้น 8 ให้เชื่อง พวกเราต้องลงแรงไปมากมายเพียงใด! ครั้งนี้พวกเจ้าสำนักจันทร์จรัสแสงทำเกินไปแล้ว!!”
ตอนนี้ต่งฮุยกับคนของสำนักจันทร์จรัสแสง ตกเป็นเป้าโจมตีของอีก 8 ขุมพลัง
“ฮึ่ม! พวกเจ้ากล่าวหาสำนักจันทร์จรัสแสงเราปาวๆเช่นนี้ มีหลักฐานอันใดหรือไม่?”
ชายชราแลดูแข็งแกร่งข้างต่งฮุยตะโกนแค่นคำเย้ยหยันออกมาเสียงเย็น ค่อยว่ายตามองผู้คนในห้องกล่าวถามเสียงเข้ม
ชายชราคนนี้คือผู้รับผิดชอบหลักที่สำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร ที่สำนักจันทร์จรัสแสงส่งมาประจำการ ยังเป็นหนึ่งในรองเจ้าสำนักของสำนักจันทร์จรัสแสง ถานเฉวียน
“ถูกแล้ว! หากไร้หลักฐาน พวกเจ้ามิอาจกล่าวเหลวไหลใส่ความพวกเราได้!”
ต่งฮุยหัวเราะเยาะออกมา
คนของสำนักจันทร์จรัสแสงที่เหลือก็เริ่มประท้วงออกมาเช่นกัน
ถึงแม้ว่าในใจพวกมันเองก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าครั้งนี้ใช้อาวุโสป๋ายลี่หง ใช้สายสัมพันธ์ส่วนตัวให้ยอดฝีมือขอบเขตเซียนมาฆ่าล้างสกุลโอวหยางหรือไม่…แต่พวกมันก็ไม่อาจเผยข้อสงสัยนี้ออกมาได้
“เรื่องนี้ยังต้องใช้หลักฐานอันใดอีก”
ชายวัยกลางคนแลดูแข็งแกร่งผู้หนึ่งลุกขึ้นยืนกล่าวเสียงดัง ยังยิ้มเย้ยหยันไม่น้อย “นอกจากสำนักจันทร์จรัสแสงของพวกเจ้า ยังมีผู้ใดมีแรงจูงใจในการฆ่าล้างตระกูลโอวหยางอีก!?”
“ถูกแล้ว! เห็นกันชัดๆว่าผู้ที่ลงมือฆ่าล้างสกุลโอวหยางคราวนี้สมควรเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียน…หากกล่าวถึงใน 9 พันธมิตรของพวกเรา นอกเหนือจากขุมพลังทั้ง 9 อย่างพวกเราแล้ว ขุมพลังอื่นใดยังมียอดฝีมือขอบเขตเซียนเช่นนี้ได้?”
ชายชราอีกคนกล่าวถาม
“นั่นสิ ในเขตปกครอง 9 พันธมิตรเรา นอกเหนือจากขุมพลังทั้ง 9 อย่างพวกเราแล้วขุมพลังอื่นใดยังมียอดฝีมือขอบเขตเซียนเช่นนี้ได้?” “
ได้ยินคำถามนี้ ถานเฉวียนพลันกล่าวออกมาเสียงเข้ม “หึ! หรือพวกเจ้าหลงลืมตลาดมืดหยินชานกันไปแล้ว?”
ตลาดมืดหยินชาน!
ได้ฟังถานเฉวียนเอ่ยถึงตลาดมืดหยินชานขึ้นมา ฉากในห้องเงียบไปทันใด บรรยากาศยังแปรเปลี่ยนไปในฉับพลัน
ตลาดมืดหยินชานนั้นเป็นดั่ง ‘หนามยอกอก’ 9 ขุมพลังของพวกมันมาช้านาน และยังเป็น ‘แรงผลักดัน’ ให้พวกมัน 9 ขุมพลังต้องหันมาจับมือกันเป็นพันธมิตร!
หากไม่มีตลาดมืดหยินชาน ย่อมไร้ 9 พันธมิตร!
อาจกล่าวได้ว่า 9 พันธมิตรนั้นเกิดขึ้นจากภาวะบีบคั้นของ ตลาดมืดหยินชาน!
ตลาดมืดหยินชาน สร้างแรงกดดันให้พวกมันอย่างสูง!
“เหอะ! อย่าได้ยกตลาดมืดหยินชานมากล่าวอ้างให้พวกเราหวาดกลัวไปหน่อยเลย! จนบัดนี้ตลาดมืดหยินชานเพียงเคลื่อนไหวในเงามืดเท่านั้น ไหนเลยยังเคยทำเช่นนี้มาก่อน!”
ไม่นานก็มีหนึ่งในระดับสูงในห้องคืนสติ พ่นลมเสียงดัง กล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
วาจานี้ของมันก็ทำให้หลายคนเห็นด้วย
“ถูกแล้ว! แม้คนของตลาดมืดหยินชานจักลงมือลึกลับมาโดยตลอด ทว่าเรื่องนี้มันไม่คล้ายเป็นแนวทางการลงมือของพวกมัน!”
“ตระกูลโอวหยางพึ่งมีเรื่องบาดหมางกับต้วนหลิงเทียนของสำนักจันทร์จรัสแสงพวกเจ้าไม่ทันไร ตอนนี้ทั้งตระกูลกลับล่มสลายไปชั่วข้ามคืน หรือเจ้าจะบอกว่าเรื่องนี้มิมีใดเกี่ยวข้องกับสำนักจันทร์จรัสแสงของพวกเจ้าเลย?”
“สำนักจันทร์จรัสแสง กล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับงั้นหรือ?”
……
หลายคนใน 8 ขุมพลังเริ่มกล่าวเยาะต่งฮุยกับคนอื่นๆ
จังหวะนี้ถานเฉวียนกับต่งฮุยถึงกับไร้คำจะกล่าว
เพราะท้ายสุดแล้ววาจาของพวก 8 ขุมพลังก็มีน้ำหนักไม่น้อย
“บางทีอาจเป็นเพราะคนของตระกูลโอวหยางไปล่วงเกินคนของตลาดมืดหยินชานก็ได้!”
สุดท้ายต่งฮุยก็รู้สึกตัวและกล่าวแย้งออกไป
ในขณะที่คนของขุมพลังทั้ง 8 ที่เหลือคิดกล่าววาจาใดเพิ่มเติมนั้นเอง กลับมีร่างชายหนุ่มคนหนึ่งเร่งพุ่งเข้ามาในโถงประชุมอย่างรีบร้อน
การกระทำโง่เขลาบุกเข้ามาอย่างไร้มารยาทนี้ ทำให้ทุกคนในห้องคิ้วขมวดทันที
“ศิษย์สำนักใด ช่างไร้มารยาทนัก!”
“มิได้มาจากสำนักยันต์ลี้ลับข้าแน่!”
“มิใช่คนของข้าเช่นกัน!”
……
คนของ 8 ขุมพลังกล่าวปฏิเสธออกมาอย่างพร้อมเพรียง
ไม่นานสายตาของพวกมันก็เบนไปตกยังร่างของกลุ่มคนจากสำนักจันทร์จรัสแสง
ไม่ได้มาจากสำนักของพวกมัน เช่นนั้นก็เป็นคนของสำนักจันทร์จรัสแสงแล้ว!
ตอนนี้เองไม่ว่าจะเป็นถานเฉวียนหรือต่งฮุย ก็เริ่มปั้นหน้าถมึงทึงขึ้นมาทันที…บัดซบ คนของพวกมันจริงๆ!
ศิษย์สำนักจันทร์จรัสแสงที่บุกเข้ามาอย่างไร้มารยาทนั้น ไม่แยแสบรรยากาศอึมครึมใดๆทั้งสิ้น เร่งกล่าวรายงานเรื่องราวออกมาทันที “อาวุโส อาจารย์ลุง เหตุผลที่ตระกูลโอวหยางถูกกวาดล้าง ได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหานเหอแล้ว!”
“ว่าอะไรนะ!?”
สิ้นคำศิษย์สำนักจันทร์จรัสแสงผู้นี้ ทุกผู้คนในห้องพลันปั่นป่วนขึ้นมาทันที
จังหวะนี้ไม่มีใครสนใจศิษย์สำนักจันทร์จรัสแสงที่ไร้มารยาทอีกต่อไป
สำหรับพวกมันแล้ว สาเหตุที่ทำให้สกุลโอวหยางถูกฆ่าล้างตระกูลสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
“เป็นเพราะอันใด!?”
ตอนนี้เองทั้ง 9 ขุมพลังไม่เว้นคนของสำนักจันทร์จรัสแสงไม่กี่คน ก็มองหน้าศิษย์มาใหม่เป็นสายตาเดียวกัน เร่งกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
ตอนที่ 1507
ความจริงเปิดเผย
ศิษย์สำนักจันทร์จรัสแสงที่รีบร้อนวิ่งเข้ามาหน้าตั้งนั้น เป็นศิษย์ฝ่ายในธรรมดาที่มาประจำการ และที่มันรีบร้อนเข้ามาก็เพราะตื่นตระหนกกับข่าวที่พึ่งได้รับทราบ
ตอนนี้พอถูกทุกสายตาในห้องของตัวตนทรงพลังทั้งหลายจ้องมาก็บังเกิดเป็นแรงกดดันไม่น้อย ทำให้มันถึงกับชะงักค้าง มีวาจาคิดกล่าวก็ไม่อาจกล่าวออก…
“เจ้าไม่ต้องกลัวอันใด กล่าวมาเถอะ”
เมื่อเห็นว่าศิษย์สำนักจันทร์จรัสแสงคนนี้ตื่นกลัว รองเจ้าสำนักจันทร์จรัสแสงก็กล่าวปลอบออกมา
พอได้วาจาปลอบประโลมจากรองเจ้าสำนัก อาการตื่นตระหนกก็คลายลง มันสูดลมหายใจเข้าลึกๆไม่กี่คำ ค่อยกล่าวเรื่องราวออกมา “ยามนี้ข่าวที่แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหานเหอ ล้วนถูกปล่อยออกมาจากตลาดมืดหยินชาน…ที่พวกมันทำลายตระกูลโอวหยาง เพราะมีคนของตระกูลโอวหยางหาญกล้าแอบอ้างเป็นคนของตลาดมืดหยินชาน!!”
ตลาดมืดหยินชาน!
สิ้นคำศิษย์สำนักจันทร์จรัสแสง ทุกคนในห้องถึงกับอุทานออกมาดังอา ปากยังอ้าค้างเอาไว้!
“ฮึ่ม! วันหลังหากไร้หลักฐานอันใด ก็อย่าได้กล่าวเหลวไหล!!”
หลังถานเฉวียนกลับมารู้สึกตัว มันก็ว่ายตามองคนของขุมพลังทั้ง 8 รอบหนึ่ง ค่อยแสยะยิ้มกล่าวตวาดออกมาเสียงเย็นอย่างถากถาง
เผชิญกับวาจาเย้ยเยาะของถานเฉวียนรอบนี้ คนของทั้ง 8 ขุมพลังได้แต่จุกอยู่ในอก ไร้คำใดจะกล่าวตอบโต้
สุดท้ายแล้วพวกมันก็เป็นฝ่ายผิดเองที่ด่วนสรุป
“ท่านรองเจ้าสำนักถานตอนนี้พวกเราอย่าได้กังวลเรื่องนี้อีกเลย พวกเรามาหารือกันถึงเรื่องที่ตลาดมืดหยินชานกระทำเถอะ…คราวนี้พวกมันนับว่าล้ำเส้นเกินไปแล้ว! พวกมันรู้ทั้งรู้ว่าสกุลโอวหยางได้รับการสนับสนุนจากพวกเรา 9 พันธมิตร แต่พวกมันยังกล้าลงมือฆ่าล้างทั้งตระกูล!!”
ชายชราเคราขาวยาวเฟื้อยกล่าวออกหน้าเคร่ง
“เจ้ากล่าวเช่นนั้นก็ไม่ได้…ตลาดมืดหยินชานกล่าวบอกออกมาแล้ว ว่ามีคนของตระกูลโอวหยางกล้าแอบอ้างเป็นพวกมัน ถึงได้ลงมือฆ่าล้างตระกูลเช่นนี้”
“ถูกแล้ว! คราวนี้เป็นคนของสกุลโอวหยางแส่หาเรื่องเองแท้ๆ!”
“ข้าเองก็เคยได้ยินประกาศิตของตลาดมืดหยินชานมา…หากผู้ใดกล้าสมอ้างเป็นพวกมัน ฆ่าไม่ละเว้น!”
“ครั้งนี้ตระกูลโอวหยางผิดเอง ยังจะมีผู้ใดช่วยมันได้?”
……
เหล่าตัวตนระดับสูงของทั้ง 9 ขุมพลังไม่เว้นสำนักจันทร์จรัสแสง เห็นด้วยว่าครั้งนี้สกุลโอวหยางแส่หาเรื่องเอง พวกมันจะถูกตลาดมืดหยินชานฆ่าล้างก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้นประกาศิตข้อนี้ของตลาดมืดหยินชานก็เป็นที่รู้กันดี ว่ามันคือกฏที่ไม่อาจละเมิด!
คนในสกุลโอวหยางก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้!
แต่ถึงกระนั้นคนในสกุลโอวหยางก็ยังกล้าแอบอ้างเป็นคนของตลาดมืดหยินชาง เป็นพวกมันรนหาที่ตายเอง!
“พวกเจ้าจะกล่าวเช่นนี้ก็ไม่ถูก…ถึงตระกูลโอวหยางอาจจะผิด แต่นี่จะไม่ทำเกินไปหน่อยหรือ? ไฉนไม่เพียงฆ่าแค่คนผิดกลับลงมือเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์เช่นนี้!”
“มิผิด! ข้าเองก็คิดว่าตลาดมืดหยินชานกระทำเกินไปแล้ว ดูเหมือนพวกมันจะไม่เห็นหัวพวกเราเลย!”
“ข้าเองก็รู้สึกเช่นนั้น พวกเราส่งคนไปหาคำอธิบายจากพวกมันเถอะ!”
……
นอกจากผู้ที่เห็นด้วยแล้ว ก็มีไม่กี่คนที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของตลาดมืดหยินชาน ตัวตั้งตัวตีหนึ่งในนั้นเป็นคนของสำนักยันต์ลี้ลับ
ส่วนที่เหลือก็เป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับสำนักยันต์ลี้ลับ
เรื่องที่สำนักยันต์ลี้ลับนั้นเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้กับตลาดมืดหยินชาน ไม่ใช่ความลับใน 9 พันธมิตร
ทั้งหมดนี้เพียงเพราะเจ้าสำนักยันต์ลี้ลับคนก่อน ปรมาจารย์ยันเต๋าระดับ 3 ดาวตกตายด้วยมือสังหารของตลาดมืดหยินชาน!
ทั้งหมดสืบเนื่องมาจากการกดขี่ข่มเหงของตลาดมืดหยินชาน ที่บีบคั้นให้เจ้าสำนักยันต์ลี้ลับกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า
เนื้อหาคำสาบานที่ต้องกล่าวต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้านั้นก็คือ มันไม่อาจส่งมอบยันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาวให้แก่ผู้ใดได้เด็ดขาดหากไม่ใช่คนของสำนักยันต์ลี้ลับ
อีกทั้งทุกคนในสำนักยันต์ลี้ลับต้องกล่าวคำสาบานออกมาอีก ว่าหากใครมียันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาวไว้ในครอบครอง ต้องไม่ใช้ยันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาวกับคนนอกเด็ดขาด!
ด้วยเหตุนี้ต่อให้สำนักยันต์ลี้ลับจะมีปรมาจารย์ยันต์เต๋าระดับ 3 ดาวที่สามารถเขียนยันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ได้ก็ไร้ค่า!
สำนักยันต์ลี้ลับเองก็ต้องเสียผลประโยชน์ทางธุรกิจไป!
เรื่องนี้เป็นความอัปยศครั้งใหญ่ของสำนักยันต์ลี้ลับมาโดยตลอด เช่นนั้นพวกมันจึงมองตลาดมืดหยินชานเป็นศัตรูที่มิอาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้
สำหรับเรื่องที่ตลาดมืดหยินชานบีบบังคับให้สำนักยันต์ลี้ลับต้องกล่าวสาบานแบบนี้ เพราะพวกมันไม่อยากให้มีใครในพื้นที่ 9 พันธมิตรมียันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาวไว้ในครอบครอง
เพราะนี่จะส่งผลกระทบต่อ ‘ธุรกิจ’ ของพวกมัน!
ลองนึกภาพว่านักฆ่าระดับ 2 ดาราที่มีขอบเขตพลังฝึกปรือสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบ กำลังจะลอบสังหารเป้าหมายที่มีพลังฝึกปรือต่ำกว่า ทว่าอีกฝ่ายกลับมียันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาวไว้ในครอบครอง จนสามารถฆ่ามือสังหารได้…
เช่นนั้นภารกิจก็ล้มเหลวแล้ว!
ภารกิจล้มเหลวย่อมส่งผลต่อ ‘ความน่าเชื่อถือ’ ของตลาดมืดหยินชาน
สำหรับตลาดมืดหยินชานแล้วความน่าเชื่อถือสำคัญที่สุด!
ด้วยเหตุนี้ตลาดมืดหยินชานจึงไม่อนุญาตให้คนในพื้นที่ปกครอง 9 พันธมิตรมียันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาวไว้ในครอบครอง
“เหอะ! ในเมื่อเจ้าอยากส่งคนไปหาคำอธิบายจากตลาดมืดหยินชาน พวกเจ้าก็ไปกันเองเถอะ…ข้าขออภัยด้วยแต่ต้องบอกว่าพวกเรามิเห็นด้วยเรื่องนี้!”
รองเจ้าสำนักจันทร์จรัสแสงอย่างถานเฉวียน ย่อมรู้เรื่องราวความบาดหมางระหว่างสำนักยันต์ลี้ลับกับตลาดมืดหยินชานดี ย่อมไม่บ้าจี้ตามคำยุยง
“ถูกแล้ว! พวกเจ้าไปกันเองเถอะ หากพวกเจ้าหาคำอธิบายทั้งเจรจาเรื่องราวสำเร็จ พวกเราจักจัดงานเลี้ยงฉลองให้พวกเจ้าเอง!”
“ถูกแล้ว”
……
อาวุโสทั้งหลายที่ไม่ได้สนิทสนมกับคนของสำนักยันต์ลี้ลับกล่าวออกมา
ในฐานะที่เป็นอาวุโสระดับสูงๆของแต่ละขุมพลัง พวกมันคนใดยังไม่ใช่ ‘แพะชรา’ มากประสบการณ์? ไหนเลยจะถูกวาจาไม่กี่คำของคนสำนักยันต์ลี้ลับลากลงเหวได้…
พวกมันไม่มีใครคิดเป็น ‘มีด’ ให้สำนักยันต์ลี้ลับ!
สำหรับขุมพลังอื่นๆที่มีการซื้อขายกับสำนักยันต์ลี้ลับ ก็ได้แต่นิ่งเงียบ…แต่ในใจก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้เช่นกัน
แม้พวกมันจะมีสัมพันธ์อันดี แต่ก็ไม่ได้ดีถึงขนาดนั้น
9 พันธมิตรแม้จะจับมือเป็นพันธมิตรกัน แต่ก็ไม่ได้สมัครสมานกลมเกลียวกันแต่อย่างใด
หากตลาดมืดหยินชานไม่คิดทำลายล้าง 9 พันธมิตรจริงๆจังๆ พวกมันก็ไม่มีวันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้
และตลอดหลายปีที่ผ่านตลาดมืดหยินชานก็ไม่คล้ายมีความคิดเช่นนั้น
“เจ้า…พวกเจ้า!”
ชายชราเครายาวเฟื้อยของสำนักยันต์ลี้ลับพอได้ยินคำของถานเฉวียนกับคนอื่นๆ มันก็มีโมโหไม่น้อย “พวกเรามิได้เป็นพันธมิตรกันหรือไร!?”
“รองเจ้าสำนักยันต์ลี้ลับ ท่านลืมเหตุผลที่พวกเราต้องจัดตั้ง 9 พันธมิตรขึ้นมาแล้วหรือ?”
ถานเฉวียนกล่าวเย้ยออกมา “คราวนี้ตลาดมืดหยินชานกลับมิคิดปกปิดการกระทำของพวกมัน ทั้งที่พวกมันจะปกปิดเรื่องฆ่าล้างตระกูลโอวหยางเอาไว้ก็ได้…ที่พวกมันกระจายข่าวออกมาเช่นนี้ ล้วนเป็นเพราะมันคิดเตือนพวกเรา!”
“คราวนี้ที่ตระกูลโอวหยางพบภัยพิบัติล่มสลาย แม้จะเกินเลยไปบ้าง…แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราเห็นวิธีที่ตลาดมืดหยินชานลงมือหรือไร?”
กล่าวถึงจุดนี้ สายตาถานเฉวียนที่มอง เหอหยิน รองเจ้าสำนักยันต์ลี้ลับก็เผยประกายคมกล้าออกมา
“ถานเฉวียน!”
หน้าเหอหยินจมลงทันใด มีโทสะไม่น้อย!
มันย่อมรู้ความนัยที่แฝงอยู่ในวาจาถานเฉวียนดี!
เรื่องนี้ไม่มีอะไรมากกว่า เหตุการณ์ครั้งก่อนที่อดีตเจ้าสำนักยันต์ลี้ลับถูกยอดฝีมือของตลาดมืดหยินชานฆ่าตาย และมือสังหารยังบีบบังคับให้สำนักยันต์ลี้ลับต้องกล่าวคำสาบานกันหมด!
“รองเจ้าสำนักถาน ท่านไม่กล่าวแรงไปหน่อยหรือ…ถึงท่านมิกล้าแข็งข้อกับตลาดมืดหยินชาน แต่ก็มิจำเป็นต้องขุดคุ้ยเรื่องราวในอดีตมายกยอตลาดมืดหยินชาน เพื่อสะกดข่มความฮึกเหิมของพวกเราเช่นนี้มิใช่หรือไร?”
ชายวัยกลางคนหน้าตาอัปลักษณ์กล่าว
“ผายลม!”
ถานเฉวียนหัวเราะเยาะ “ข้ากล่าวแรงอันใด? ข้าไปยกยอตลาดมืดหยินชานมาสะกดข่มความฮึกเหิมของพวกเราตรงที่ใด โปรดท่านอธิบายให้ข้าฟังสักคำเถอะ!?”
ได้ยินคำจี้ถามของถานเฉวียน ชายวัยกลางคนหน้าอัปลักษณ์ก็เงียบไปไร้คำจะกล่าว
สิ่งที่ถานเฉวียนกล่าว อีกฝ่ายไม่ได้กล่าวตรงๆ แต่เป็นมันที่ร้อนตัวไปเอง
ไม่ใช่แค่มัน อันที่จริงทุกคนย่อมสามารถผูกโยงเรื่องราวได้
ถานเฉวียนกล่าวแบบนี้ ยังมีเจตนาอื่นใดหากไม่คิดจี้แผลสำนักยันต์ลี้ลับ?
อย่างไรก็ตามถานเฉวียนไม่ได้กล่าวออกมาตรงๆ เช่นนั้นก็ไม่นับว่ากล่าวถึงสำนักยันต์ลี้ลับ!
หากมันกล่าวออกมาตรงๆแน่นอนว่าต้องเป็นการผิดใจกับสำนักยันต์ลี้ลับ เช่นนั้นมันจึงไม่โง่กล่าวออกมาตรงๆ
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้พูดไปแล้วหากให้พวกมันไปหาคำอธิบายหรือเจรจาอะไรพวกมันก็ไม่มีทางยอมไป! ว่ากันตามตรงทั้งหลายยังเห็นด้วยกับถานเฉวียนไม่น้อย!
หากนิกายยันต์ลี้ลับหรือสำนักจันทร์จรัสแสงไปเจรจาหาความกับตลาดมืดหยินชานได้จริงๆพวกมันย่อมเห็นดีด้วย
แต่หากให้พวกมันไปเอง พวกมันไม่มีใครอยากไป
ถึงแม้ตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตรจะเป็นสาขาที่อ่อนด้อยที่สุด แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่พวกมันจะไปตอแยด้วยได้!
‘หากศิษย์น้องต้วนรู้ว่าตระกูลโอวหยางล่มสลายไปแล้วแบบนี้ มิรู้จะยินดีหรือไม่?’
ลูกตาต่งฮุยเหม่อลอยไปเล็กน้อย คนลอบคิดในใจ
ไม่ว่าเรื่องราวทางด้านเมืองหานเหอจะปั่นป่วนวุ่นวายเพียงใด ต้วนหลิงเทียนแน่นอนว่าย่อมไม่รู้เรื่อง เพราะตอนนี้เขากำลังมุ่งหน้ากลับสำนักจันทร์จรัสแสง
แม้จะใช้ความเร็วในปัจจุบัน การกลับสำนักจันทร์จรัสแสงก็ยังต้องใช้ระยะเวลาสักพัก
ระยะทางจากเมืองหานเหอกับสำนักจันทร์จรัสแสง ค่อนข้างห่างกันพอสมควร
พอต้วนหลิงเทียนกลับมาถึงสำนักจันทร์จรัสแสง และได้รับทราบถึงการล่มสลายของตระกูลโอวหยาง เขาก็อึ้งไปเช่นกัน
“แอบอ้างเป็นคนของตลาดมืดหยินชาน?”
และทันทีที่ต้วนหลิงเทียนรับทราบข่าวเรื่องนี้ สิ่งแรกที่เขานึกถึงก็คือ…คืนนั้นตอนที่เขาปะทะกับโอวหยางชิงและโอวหยางชาน อาวุโสลำดับ 2 ของสกุลหาน…ดูเหมือนพวกมันจะกล่าวแอบอ้างเป็นคนของตลาดมืดหยินชานจริงๆ
ในตอนนั้นเขาเองก็ยืนยันได้ทันทีว่าโอวหยางชานไม่สมควรเป็นคนของตลาดมืดหยินชาน
อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าวาจาแอบอ้างเพียงไม่กี่คำนั่นจะกลายเป็นการจุดชนวนเภทภัยให้กับสกุลโอวหยาง ถึงขั้นถูกฆ่าล้างทั้งตระกูล…
‘นอกจากโอวหยางชานที่ตาย ก็มีแค่โอวหยางชิงกับข้าที่รู้เรื่องการอ้างตัวเป็นคนของตลาดมืดหยินชาน…โอวหยางชิงมันทำเรื่องราวรั่วไหลงั้นเหรอ?’
คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหัวไปมา เพราะไม่น่าจะเป็นไปได้
‘ถ้าไม่ใช่โอวหยางชิงพลั้งปากบอกออกไป…แสดงว่าคืนนั้นมีบุคคลที่ 4 อยู่ด้วย!’
คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวไปทั่วกาย
คนที่สามารถปกปิดร่องรอยได้อย่างสมบูรณ์จากสัมผัสของเขา อย่างน้อยๆมันต้องเป็นสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่…ไม่สิ! มันน่าจะเป็นถึงตัวตนในขอบเขตเซียน!
หากตัวตนระดับนั้นคิดฆ่าเขาขึ้นมา เกรงว่าต่อให้เขามียันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาวเป็นเข่ง ก็ไม่อาจรอดพ้นความตายไปได้!
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบอารมณ์ที่พุ่งพล่านขึ้นมา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น