War sovereign Soaring The Heavens 1491-1494

 1491  ตระกูลโอวหยาง


 “ตระกูลโอวหยาง?”


ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว



อันที่จริงตอนที่เดินดูของในตลาด ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ว่ามีคนสะกดรอยตามเขา ทว่าบุคคลผู้นั้นคล้ายมีสายข่าวรายงานก็ไม่ปาน แม้เขาจะสลัดมันหลุดหลายรอบ แต่สุดท้ายมันก็ยังกลับมาสะกดรอยตามเขาอยู่ไม่เลิก


 


ต่อมาคนผู้นั้นคล้ายทนไม่ไหวหรือจนปัญญาแล้วอย่างไรไม่ทราบ มันก็ล้มเลิกและหยุดสะกดรอยตามเขา จึงทำให้เขาเลิกสนใจมันไป


 


แต่ใครจะไปรู้ว่ากลับมีคนมารอพบเขาที่โรงเตี๊ยมที่พัก แถมยังเป็นคนของตระกูลโอวหยางอีก


 


ไม่จำเป็นต้องคาดเดาอะไร ต้วนหลิงเทียนก็บอกได้ทันทีว่านี่สมควรเป็นความคิดของโอวหยางหลัว


 


หาไม่แล้วชายหนุ่มที่พึ่งมาถึงเมืองหานเหอได้ไม่นานอย่างเขา ไฉนถึงได้รับความสนใจจากตระกูลโอวหยาง?


 


อันที่จริงที่ต้วนหลิงเทียนคิดไว้ก็ไม่มีผิดสักนิด


 


หลังจากที่กลับมาถึงตระกูลโอวหยาง สิ่งแรกที่โอวหยางหลัวทำก็คือไปหาบิดาของนางอันเป็นผู้นำตระกูลโอวหยางทันที เพื่อเล่าเรื่องราวและเหตุการณ์ร้ายๆที่เกิดขึ้นในภูเขาจิ่วฉี


 


พอผู้นำโอวหยางได้รับทราบว่าบุตรีแสนมีค่าดั่งแก้วตาดวงใจของมันเกือบถูกคนย่ำยีขืนใจ มันก็คิดพุ่งไปเอาเรื่องตระกูลอี้ถึงที่ทันที!


 


อย่างไรก็ตาม ก่อนที่มันจะได้ไปไหน กลับเป็นโอวหยางหลัวที่กล่าวรั้งเอาไว้เสียก่อน


 


และด้วยวาจาที่โอวหยางหลัวกล่าว จึงทำให้มันรับทราบความหนักเบาของเรื่องราว และรู้ว่าตอนนี้สิ่งแรกที่ควรกระทำคือไปตามหาตัวอัจฉริยะหนุ่มผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตบุตรีมันเอาไว้ก่อน…


 


และจากที่บุตรีมันกล่าวบอก อัจฉริยะมากพรสวรรค์หนุ่มคนนั้น 9 ใน 10 ส่วนอาจเป็นคนสำคัญของขุมพลังชั้น 7!


 


เช่นนั้นแล้วหลังจากที่บุตรีของมันวาดรูปเหมือนของชายหนุ่มผู้นั้นเสร็จ มันก็รีบเอาไปทำสำเนาแล้วแจกจ่ายให้คนของสกุลโอวหยางไปตามหาทั่วเมืองทันที


 


ต้องกล่าวเลยว่าฝีไม้ลายมือในการวาดภาพของโอวหยางหลัวนั้นน่าทึ่งนัก!


 


อย่างน้อยรูปที่นางวาดแล้วนำไปทำสำเนาแจกจ่าย ก็ทำให้คนของสกุลโอวหยาง สามารถระบุตัวต้วนหลิงเทียนได้ทันทีที่เห็นเขาเดินดูของในตลาด จนกระทั่งคอยเป็นหูเป็นตาให้ผู้ที่ลอบสะกดรอยตาม สุดท้ายยังได้สืบทราบที่พักของต้วนหลิงเทียน…


 


“เชิญคุณชาย…”


 


พ่อบ้านตระกูลโอวหยางยิ้มหยีตาอย่างอัธยาศัยดี ก่อนที่จะผายมือเชื้อเชิญต้วนหลิงเทียนอีกครั้งด้วยประกายตาเรืองวูบ


 


“แล้วเจ้าจะทำยังไงเหรอ หากข้าบอกว่าไม่?”


 


ต้วนหลิงเทียนเอียงคอมองถามพ่อบ้านสกุลโอวหยาง


 


“คุณชาย…ท่านอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลย”


 


พ่อบ้านตระกูลโอวหยาง ถอนหายใจค่อยกล่าว “คุณชายท่านนี้ ขอท่านโปรดวางใจ ตระกูลโอวหยางของเรามิมีวันลืมบุญคุณที่ท่านช่วยชีวิตคุณหนูรองไว้…ที่ข้ามาเชิญท่านนั้น เพราะนายท่านอยากกล่าวขอบคุณรวมทั้งตอบแทนท่านด้วยตัวเอง พวกเรามิได้มีเจตนาร้าย”


 


ต้วนหลิงเทียนมองพินิจพ่อบ้านสกุลโอวหยางเพื่อจับเท็จอีกฝ่าย จนพบว่าอีกฝ่ายกล่าวความจริง เขาก็พยักหน้ารับ “งั้นก็ไปพบผู้นำเจ้ากันเถอะ”


 


เขาไม่ใช่คนที่ขี้กลัวและหวาดระแวงไปทุกเรื่อง


 


เขาเพียงอยากรู้เจตนาที่แท้จริงของตระกูลโอวหยางเท่านั้น จึงเลือกที่จะยิงคำถามใส่พ่อบ้านที่มาเชิญ


 


และในระหว่างที่เดินทางไปยังตระกูลโอวหยาง ต้วนหลิงเทียนก็รับทราบว่าพ่อบ้านคนนี้เรียกว่าโอวหยางจี้


 


ทว่ายามที่โอวหยางจี้กล่าวถามว่าต้วนหลิงเทียนชื่ออะไรนั้นเขาเพียงตอบกลับไปสั้นๆว่าเขาแซ่ ‘ต้วน’


 


“คุณชายต้วน นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านมาเยือนเมืองหานเหองั้นหรือ?”


 


โอวหยางจี้กล่าวถามเรื่อยเปื่อย


 


“เจ้าถามทำไม?”


 


ต้วนหลิงเทียนย้อนถาม


 


“พอดีข้าได้ยินเรื่องที่ท่านกระทำในตลาด จากคนของข้า…”


 


โอวหยางจี้ตอบ


 


“ที่แท้คนที่สะกดรอยตามข้าทั้งวันเป็นคนของพวกเจ้าสินะ”


 


ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วถาม


 


“มิผิด”


 


โอวหยางจี้กล่าวตอบตามตรง “ผู้ที่สะกดรอยตามท่านนั้นเป็นถึงสู่เซียนขั้นกลางที่ชำนาญด้านการสะกดรอยที่สุดของตระกูลโอวหยางเรา แต่ตัวมันเองก็คาดมิถึงจริงๆว่าจะถูกคุณชายต้วนค้นพบได้ทันที…ก่อนหน้านี้มิเคยมียอดฝีมือในขอบเขตสู่เซียนขั้นกลางหรือกระทั่งขั้นเชี่ยวชาญคนใดสามารถค้นพบการสะกดรอยตามของมันได้เลย…”


 


กล่าวถึงท้ายประโยคโอวหยางจี้อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ


 


“เหนือฟ้ายังมีฟ้า…ไม่ว่ามันเก่งเพียงใด บนโลกนี้ยังมีคนที่เก่งกว่ามันอยู่เสมอเพียงแค่มันยังไม่เคยพบเจอ”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเรียบ


 


“มิผิด! นับว่าครั้งนี้คุณชายต้วนได้สั่งสอนบทเรียนมันครั้งใหญ่แล้วจริงๆ…มันถึงกับท้อแท้เรื่องถูกท่านสลัดหลุดอยู่หลายรอบ จนต้องรอรายงานจากคนในตลาดที่กระจายกำลังกัน…”


 


โอวหยางจี้หัวเราะออกมา


 


“แต่ข้าไม่เห็นว่าจะมีใครคอยสะกดรอยตามข้ากลับมาที่พักนี่นา…แล้วพวกเจ้ารู้ได้ไง”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวถาม


 


เขาอยากรู้เรื่องนี้มากที่สุด


 


ในชีวิตก่อนหน้านี้นอกจากหัวกะทิของหน่วยรบพิเศษเขี้ยวหมาป่า เขายังเป็นราชันทหารรับจ้างระดับยอดพระกาฬ เขามั่นใจเรื่องการสะกดรอยทั้งย้อนรอยมาก และเขาก็มั่นใจอย่างถึงที่สุดว่าไม่มีใครสะกดรอยตามเขาหลังจากที่เขาออกจากตลาด


 


ต้องทราบด้วยว่าตอนนี้เขาทะลวงเปิดจุดชีพจรเซียนได้ครบทั้ง 99 จุด และ 18 จุดสุดท้ายที่เขาเปิดได้นั้น เป็นจุดชีพจรส่วนประสาทสัมผัส หู ตา จมูก ของเขา ทำให้ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นการได้ยิน รับกลิ่น หรือสายตาถูกยกระดับขึ้นไปเหนือมนุษย์ ทำให้ความสามารถในการย้อนรอยของเขากลับกลายเป็นน่ากลัวมากขึ้น


 


อย่างไรก็ตามเขายังไม่อาจค้นพบคนที่สะกดรอยตามเขาได้เลย หลังออกจากตลาด


 


ไม่นับเป็นอะไรที่เขาไม่อาจค้นพบหวงเฉิงกับชายในชุดคลุมลมดำ ที่สะกดรอยตามเขาตอนที่เขาออกจากสำนักจันทร์จรัสแสง เพราะอย่างไรพวกมันก็เป็นถึงสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบ อีกคนยิ่งแล้วใหญ่เพราะมันเป็นถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่! ด่านพลังฝึกปรือของพวกมันเหนือกว่าเขาเกินไป


 


อย่างไรก็ตามคนที่สะกดรอยตามเขาในตลาดนั้นไม่ใช่สู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบแน่ๆ เช่นนั้นแล้วใครกันที่สะกดรอยตามเขามา


 


ในตระกูลโอวหยางนั้น ใครก็ตามที่บรรลุพลังฝึกปรืออยู่ในระดับสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบขึ้นไป ย่อมกลายเป็นเสาหลักของตระกูลอย่างไม่ต้องสงสัยเลย และสมควรเป็นชนชั้นอาวุโสในตระกูล…


 


เป็นไปไม่ได้ที่คนระดับนั้นจะมาสะกดรอยตามเขาด้วยตัวเอง


 


“หลังจากที่ถูกคุณชายต้วนปั่นหัวที่ตลาด จนถูกท่านสลัดหลุดอยู่หลายรอบ สุดท้ายมันก็เลิกล้มความคิดสะกดรอยตามท่านและมาหาข้า”


 


โอวหยางจี้พยักหน้ากล่าว “หลังจากที่มันรีบแจ้นกลับมารายงานข้า ข้าจึงออกไปสะกดรอยตามคุณชายต้วนต่อด้วยตัวเอง…หลังจากที่ข้าพบท่านทั้งทิศทางที่ท่านเดินกลับทำให้ข้าพอคาดเดาโรงเตี๊ยมที่พักของท่านได้ ข้าจึงรีบรุดมาเฝ้ารอท่าน”


 


“เจ้ามีพลังฝึกปรือขอบเขตสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญงั้นเหรอ?”


 


ต้วนหลิงเทียนพลันหยีตากล่าวถามออกไปทันที


 


“คุณชายต้วนปราดเปรื่องนัก”


 


โอวหยางจี้พยักหน้า


 


ใจต้วนหลิงเทียนจมลงทันใด เมื่อพบว่าความสามารถในการย้อนรอยของเขาดูเหมือนจะกลายเป็นไร้ประโยชนหากพลังฝึกปรือมันแตกต่างกันมากเกินไป


 


อย่างไรก็ตามพอคิดถึงเรื่องที่ตอนนี้เขายังเป็นแค่หลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่ เขาก็ทำใจได้…


 


เขาเป็นแค่คนที่อยู่ในขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่ แต่กลับหวังว่าจะค้นพบการสะกดรอยของตัวตนระดับสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญ?


 


หากค้นพบตัวตนระดับนั้นได้จริงๆ เกรงว่าเขาจะกลายเป็นตัวประหลาดแห่งยุคแล้วจริงๆ


 


ต้วนหลิงเทียนที่เดินตามโอวหยางจี้ไปเรื่อยๆ ไม่ทันรู้ตัวก็มาถึงหน้าประตูใหญ่ของตระกูลโอวหยางแล้ว


 


ในฐานะที่เป็นตระกูลใหญ่ขุมพลังชั้น 8 ของเมืองหานเหอ เขตที่ดินของตระกูลโอวหยางที่ตั้งอยู่ในฝั่งตะวันออกของเมืองนั้น มันกว้างใหญ่ไพศาลนัก ยังแลดูงดงามเจริญตาไม่น้อย


 


“พ่อบ้านจี้!”


 


“พ่อบ้านจี้!”


 


……


 


หลังจากที่โอวหยางจี้พาเขาเดินเข้าประตูหน้า ผู้ที่เฝ้าประตูนับสิบๆ ก็เร่งประสานมือคารวะทักทายโอวหยางจี้ทันที


 


ด้านโอวหยางจี้ในขณะที่ก้าวเท้าเข้าตระกูลโอวหยาง มันก็ไม่เหลือสีหน้าเรื่อยเปื่อยยิ้มร่ายามสนทนากับต้วนหลิงเทียนสืบไป เพียงปั้นหน้าเข้มรับการคารวะทักทายจากคนทั้งหลาย ให้เหมาะสมกับฐานะและศักดิ์ศรีของพ่อบ้านตระกูลโอวหยาง


 


อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านประตูใหญ่ จนอยู่กันตามลำพังอีกครั้งสีหน้าเข้มๆของพ่อบ้านจี้ก็กลับมายิ้มร่าเป็นมิตรกับต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง


 


ตระกูลโอวหยางนั้นกว้างใหญ่มาก ต้องใช้เวลาสักครู่เพื่อเดินผ่านลานว่างทั้งพื้นที่ส่วนหน้า


 


บริเวณสนามด้านหน้านั้นยังมีการขุดทะเลสาบ รวมถึงแปลงดอกไม้ที่เรียงรายเป็นแถวงามตา ตามทางเดินก็ปูด้วยหินอ่อนอย่างดี มีแม้กระทั่งภูเขาน้ำตกจำลอง… ประดับประดาเสียราวกับเป็นเขตพระราชวังอะไรทำนองนั้น


 


ตอนเดินทางมาดวงตะวันเองก็เริ่มลดต่ำลงเจียนลับขอบฟ้าอยู่รอมร่อ


 


พอมาถึงตระกูลโอวหยาง ม่านรัตติกาลก็เริ่มคลี่กางแล้ว


 


ตอนนี้เองบริเวณคฤหาสน์ด้านหน้าของตระกูลโอวหยางก็ส่องสว่างไปด้วยเทียนโคมทั้งไข่มุกเรืองแสง แลดูงดงามตระการตาไม่น้อย


 


“คุณชายต้วน ตอนนี้ท่านผู้นำรวมถึงคุณหนูรองกำลังรอท่านอยู่ที่ห้องโถงหลักคฤหาสน์ด้านหน้า…ทั้งคู่รอท่านมาทั้งวันแล้ว”


 


โอวหยางจี้ที่พาต้วนหลิงเทียนเดินมาถึงคฤหาสน์ด้านหน้ากล่าวบอก


 


ต้วนหลิงเทียนพอได้ยินก็มองสำรวจคฤหาสน์เบื้องหน้าทันที


 


มองไปเป็นอาคารสูงตระหง่านแลคล้ายพระราชวัง ด้านข้างคฤหาสน์มีอาคารที่พักสำหรับแขกเรียงราย ยามนี้เองตัวอาคารทั้งหลายก็เปล่งแสงงดงามนวลตาออกมา แลคล้ายดาวล้อมเดือนอยู่บ้าง


 


เมื่อพาต้วนหลิงเทียนเข้ามาในคฤหาสน์ทั้งบรรลุถึงหน้าห้องโถงใหญ่ โอวหยางจี้ก็กล่าวรายงานหน้าประตูเสียงดัง “ท่านผู้นำ คุณชายต้วนมาถึงแล้วขอรับ”


 


“ฮิๆ ที่แท้ท่านแซ่ต้วนหรือ?”


 


แทบจะทันทีที่คำรายงานของโอวหยางจี้จบคำ ร่างที่คุ้นตาต้วนหลิงเทียนร่างหนึ่งก็ออกมาจากห้องโถง เพื่อต้อนรับต้วนหลิงเทียนด้วยตัวเอง


 


โอวหยางหลัวที่ออกมาต้อนรับ มองต้วนหลิงเทียนทั้งยิ้มกล่าว “อย่างไรเล่า? สุดท้ายพวกเราก็ได้เจอกันอีกครั้ง”


 


“แม่นางโอวหยางวิธีการของท่านนั้นไม่ใช่วิธีปฏิบัติต่อผู้มีพระคุณ แต่เป็นวิธีปฏิบัติต่อศัตรู”


 


ต้วนหลิงเทียนจงใจกล่าวเสียงเย็น


 


“แล้วข้าจักหาท่านพบได้อย่างไรเล่า หากข้ามิใช้วิธีนี้?”


 


รอยยิ้มบนใบหน้าของโอวหยางหลัวยังไม่เสื่อมคลาย นางพอเดาได้ว่าต้วนหลิงเทียนจะกล่าวอะไร คงไม่พ้นเรื่องที่คนของตระกูลโอวหยางไปสะกดรอยตามแน่แท้


 


“หลัวเอ๋อ ใยเจ้ายังไม่เชิญผู้มีพระคุณเข้ามาอีก?”


 


ทันใดนั้นเสียงหนึ่งพลันดังออกมาจากด้านในห้องโถงใหญ่ น้ำเสียงยังเข้มขรึมมีความน่าเกรงขาม


 


เพียงฟังเสียงกล่าวนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าสมควรเป็นชนชั้นผู้นำ


 


ต้วนหลิงเทียนเองก็ตระหนักได้ทันที ว่านี่สมควรเป็นเสียงของผู้นำตระกูลโอวหยาง


 


“เชิญคุณชายต้วน”


 


โอวหยางหลัวมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนพร้อมผายมือเชื้อเชิญ


 


ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดเกรงใจอะไร ก้าวอาดๆเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของสกุลโอวหยางทันที


 


ห้องโถงใหญ่ของสกุลโอวหยางนับว่ากว้างขวางและตกแต่งได้สวยงามไม่น้อย


 


ทันทีที่เข้ามาในห้องโถงใหญ่ ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นร่างชายวัยกลางผู้หนึ่ง


 


ชายวัยกลางคนผู้นั้นรูปร่างหนาแกร่งแลดูกำยำมีหนวดเคราเฟิ้มหน้าตาแลดูไม่ต่างใดจากโจรป่า เพียงอีกฝ่ายนั่งอยู่กลางโถง ยังให้ความรู้สึกเสมือนพญาราชสีห์อยู่บ้าง


 


เป็นผู้นำตระกูลโอวหยาง โอวหยางป้า!


 


ด้านหลังของมันมีชายหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่


 


รูปร่างหน้าตาของชายหนุ่มนับว่าแลดูหล่อเหลาไม่เบา มีความละม้ายคล้ายกับโอวหยางหรัวอยู่หลายส่วน


 


ต้วนหลิงเทียนพอเดาได้ทันทีว่าอีกฝ่ายสมควรเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลโอวหยาง พี่ชายของโอวหยางหลัว โอวหยางชิง!


 


‘มีคำกล่าวว่าหงส์มังกรจะอย่างไรก็ต้องให้กำเนิดบุตรเป็นหงส์มังกร…แต่ดูจากหน้าตาโอวหยางป้าผู้นี้แล้ว นับว่าขัดต่อกฏเกณฑ์ธรรมชาติจริงๆ ชายถึกเคราเฟิ้มนี่ มิคาดกลับมีลูกสาวกับลูกชายหน้าหวานแบบนี้ได้…’


 


ใจต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกระตุก รู้สึกอึ้งอยู่บ้าง


 


ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะคิดไปว่าภรรยาของโอวหยางป้าผู้นี้ สมควรเป็นสตรีงามล่มเมืองนางหนึ่ง


 


หาไม่แล้วไฉนจะมีบุตรธิดาหน้าตาดีขนาดนี้ได้?


 


หากภรรยาของโอวหยางป้าไม่ใช่โฉมงามล่มเมือง ก็เหลือความเป็นไปได้อีกทางเท่านั้น…โอวหยางชิงกับโอวหยางหลัวไม่ใช่ลูกแท้ๆของมัน…


 


แน่นอนว่าความเป็นไปได้นี้น้อยนิดนัก


 


ในฐานะผู้นำตระกูลโอวหยาง มีหรือโอวหยางป้าจะเลี้ยงดูลูกคนอื่น


 


“ผู้นำโอวหยาง”


 


ต้วนหลิงเทียนยกมือขึ้นประสานพร้อมเขย่า กล่าวทักทายโอวหยางป้า


 


“ข้าโอวหยางป้า ผู้นำตระกูลโอวหยาง มิทราบสหายน้อยแซ่ต้วนมีนามว่าอะไรหรือ?”


 


โอวหยางป้ายิ้มกว้างกล่าวทักทาย แลดูมีไมตรีขัดกับหน้าตาดุร้ายดั่งโจรป่าของมันนัก


 


“เรียกข้าผู้แซ่ต้วนก็พอ”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบอย่างเฉยเมย ไม่คิดจะบอกชื่อตัวเองออกไป


 


‘ชื่อของมันต้องฟังดูแย่แน่ๆ’


 


หลังจากพาต้วนหลิงเทียนเข้ามาห้องโถงแล้ว โอวหยางหลัวก็เดินตามเข้ามา มองแผ่นหลังต้วนหลิงเทียนที่เพียงกล่าวบอกแซ่แต่ไม่ประกาศนามออกมาด้วยสายตาคาดเดา


 


“เหอะ!”


 


ในขณะที่โอวหยางป้าหน้าชากับคำตอบนี้ของต้วนหลิงเทียน โอวหยางชิงที่ยืนอยู่ด้านหลังพลันชักสีหน้าบึ้งตึงกล่าวออกทันที “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? กระทั่งบิดาข้าถามเจ้ายังทำเล่นลิ้นไม่กล่าวบอก ข้าล่ะอยากรู้นักว่าเจ้ามันเป็นใครมาจากที่ใดกันแน่ถึงได้ไร้มารยาทเช่นนี้!”


 


“ไม่ว่าข้าจะบอกหรือไม่บอกนามของข้าก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของข้าทั้งสิ้น ส่วนถ้าเจ้าจะกล่าวถึงมารยาท ในฐานะที่เจ้าเป็นถึงคุณชายตระกูลโอวหยาง แต่เจ้ากล่าวกับผู้มีพระคุณช่วยชีวิตน้องสาวเจ้าแบบนี้เหรอ?”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบอย่างไม่แยแส

 

 

 


ตอนที่ 1492

 

ผีแสร้งเทพ


 


“เจ้า!”


 


พอได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน โอวหยางชิงถึงกับเดือดดาลจนหายใจไม่ทัน อนิจจามันไม่อาจหาคำใดมาแย้งได้


 


เพราะสุดท้ายแล้วคำพูดของต้วนหลิงเทียนนั้นก็สมเหตุสมผลจริงๆ


 


อีกฝ่ายช่วยชีวิตน้องสาวมันเอาไว้


 


“ฮึ่ม! ชิงเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตน้องสาวเจ้า! เจ้าอย่าได้หยาบคายแล้ว!!”


 


ในช่วงเวลาอึมครึมนี้เอง โอวหยางป้าพลันสบถตำหนิโอวหยางชิงออกมา


 


“สหายน้อยต้วน เรื่องที่เจ้าช่วยหลัวเอ้อไว้ข้าต้องขอบคุณเจ้าอย่างยิ่ง”


 


โอวหยางป้าลุกขึ้นมาทั้งประสานมือคารวะกล่าวขอบคุณต้วนหลิงเทียน


 


“ผู้นำโอวหยางเกรงใจไปแล้ว แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”


 


ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาเบาๆค่อยกล่าว “ตอนนี้ในเมื่อท่านได้กล่าวขอบคุณข้าแล้ว…ก็นับว่าเพียงพอ หากท่านไม่มีอะไรอื่นอีก ข้าจำต้องขอตัวลากลับก่อน…นี่ก็มืดแล้ว ข้านัดพบกับผู้อาวุโสเอาไว้ที่โรงเตี๊ยม”


 


ผู้อาวุโส?


 


ได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน โอวหยางป้ากับโอวหยางหลัวหันหน้ามองสบตากันใด ก่อนที่ต่างจะเผยรอยยิ้มออกมา


 


“คืนนี้ข้าอยากเรียนเชิญสหายน้อยต้วนมากินเลี้ยงที่บ้านข้า เพื่อตอบทานที่ท่านสหายน้อยต้วนช่วยชีวิตลูกสาวข้า…สำหรับผู้อาวุโสของสหายน้อยต้วน แน่นอนว่าข้าย่อมขอเรียนเชิญท่านด้วย…หรือให้ข้าตามสหายน้อยต้วนไปเชิญผู้อาวุโสด้วยตัวเองเลยดีหรือไม่?”


 


โอวหยางป้ากล่าวต้วนหลิงเทียนด้วยใจจริง


 


ต้วนหลิงเทียนที่กล่าวอ้างถึง ‘ผู้อาวุโส’ ขึ้นมา แน่นอนว่าย่อมเป็นข้ออ้างในการปลีกตัวกลับไปโดยไว


 


ผู้ใดจะไปคิดว่าผู้นำตระกูลโอวหยางยังตามตื้อ ถึงขั้นคิดเรียนเชิญอาวุโสของเข้ามากินเลี้ยงด้วย


 


“ผู้นำโอวหยางน้ำใจนี้ของท่านข้าคงขอรับไว้ด้วยใจแล้ว ทว่าเรื่องนี้คงเป็นไปไม่ได้…อาวุโสของข้ามิชอบพบปะคนนอก”


 


ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวกล่าว


 


“ไม่ชอบพบปะคนนอก?”


 


โอวหยางชิงพลันหัวเราะเยาะดังลั่น “เป็นผู้ยิ่งใหญ่มาจากที่ใดกัน…แต่ข้ามิรู้ว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่จริงหรือไม่!”


 


“ผู้นำโอวหยาง ดูเหมือนว่ากระทั่งบุตรชายท่านเองก็ไม่ได้คิดต้อนรับข้าเท่าไหร่…เช่นนั้นข้าขอตัวเลยแล้วกัน”


 


เมื่อเห็นโอวหยางชิงกล่าวโพล่งเสียดสีออกมา ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงไม่รู้สึกไม่พอใจ ยังชมชอบวาจาที่มาได้พอดีนี้ไม่น้อย เป็นข้ออ้างให้เขาจากไปทันที


 


“สหายน้อยต้วนช้าก่อน!”


 


เห็นเช่นนี้โอวหยางป้าก็อดเป็นกังวลขึ้นมาไม่ได้


 


พอได้ยินว่าต้วนหลิงเทียนมีผู้อาวุโสมาด้วย ความคิดแรกของมันคือเชื้อเชิญต้วนหลิงเทียนกับผู้อาวุโสไว้เพื่อเชื่อมไมตรีให้จงได้


 


“โปรดยกโทษให้บุตรชายไม่เอาไหนของข้าด้วยที่มันมิรู้ความ!”


 


โอวหยางป้าที่หน้าเสียเร่งกล่าวกับต้วนหลิงเทียนที่หันหลังทันที ก่อนที่จะหันกลับไปตะคอกใส่โอวหยางชิงด้วยโทสะ “เจ้าลูกไม่รักดี ยังไม่รีบไสหัวไปอีก! ข้ามิน่าปล่อยเจ้าเข้ามาเลยจริงๆ!!”


 


เมื่อถูกโอวหยางป้าหันมาตำหนิด้วยโทสะ โอวหยางชิงถึงกับตื่นตระหนก


 


นับเป็นครั้งแรกเลยตั้งแต่เล็กจนโต ที่มันเห็นบิดามีโมโหถึงขนาดนี้ อีกทั้งบิดามันยังมีโทสะต่อมันเพราะคนนอก!


 


จังหวะนี้อดไม่ได้ที่ใจมันจะเต็มไปด้วยความโกรธ!


 


“เฮอะ!!”


 


แค่นคำด้วยความฮึดฮัดไม่พอใจ โอวหยางชิงก็รีบเดินแซงต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะหยุดหันมามองถลึงตาใส่ต้วนหลิงเทียนทิ้งท้ายค่อยเดินออกจากห้องโถงไป


 


“ข้าขอตัวลาผู้นำโอวหยาง”


 


ต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะรอให้โอวหยางป้ากล่าวอธิบายอะไร เขาเร่งหันหลังก้าวเดินออกไปทันที ในเมื่อมีโอกาสอันดีให้จากไปแบบนี้ ยังอยู่ต่อเขาก็นับเป็นตัวโง่งมแล้ว


 


“ท่านยังมิได้รับอนุญาตให้จากไป!”


 


อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนลืมไปคนหนึ่ง นั่นก็คือโอวหยางหลัว ตอนนี้นางพุ่งร่างมาหยุดต้วนหลิงเทียนไว้ไม่ให้เดินออกจากห้องโถง


 


“แม่นางโอวหยาง นี่เป็นวิธีปฏิบัติต่อผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของเจ้าหรือ?”


 


หน้าต้วนหลิงเทียนจมลงเล็กน้อย “หากข้ารู้ว่าเรื่องราวจะเป็นแบบนี้ ข้าไม่น่าเลือกออกมาช่วยเจ้าแต่แรก”


 


“ท่าน!”


 


หน้าโอวหยางหลัวเต็มไปด้วยความโกรธทันที


 


ต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะสนใจอะไรโอวหยางหลัวสืบไป เขาเดินเบี่ยงไปด้านข้าง ก้าวออกจากห้องโถงใหญ่ทันที


 


อย่างไรก็ตามพอออกจากห้องโถงใหญ่มาแล้ว เขาก็พบว่ามีร่างหนึ่งขวางเขาไว้อีกครั้ง


 


คราวนี้เป็นพ่อบ้านอย่างโอวหยางจี้


 


“หืม? พ่อบ้านจี้ หรือกระทั่งท่านยังคิดหยุดข้าอีกคน?”


 


ลูกตาต้วนหลิงเทียนหรี่ลง ยังเผยประกายเย็นเยียบออกมา


 


“คุณชายต้วนอย่าพึ่งมีโทสะเลยขอรับ ท่านใจเย็นก่อนเถิด อย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลย”


 


โอวหยางจี้ได้แต่เผยยิ้มขื่นขม


 


หากนายท่านของมันไม่ได้กล่าวอะไร มีหรือมันจะปล่อยให้อีกฝ่ายกลับไปได้


 


“พ่อบ้านจี้ ให้สหายน้อยต้วนไปเถิด”


 


ทันใดนั้นโอวหยางป้าพลันกล่าวออกมา


 


“ท่านพ่อ!”


 


หน้าโอวหยางหลัวเปลี่ยนสีทันที นางไม่คิดเลยว่าบิดาของนางจะปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนจากไปง่ายๆเช่นนี้ เพราะสุดท้ายก็เป็นนางที่ลำบากวาดรูปอีกฝ่าย


 


อย่างไรก็ตามโอวหยางป้าไม่สนใจอาการดื้อดึงของโอวหยางหลัว เพียงมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาขอขมาแฝงความรู้สึกผิด “สหายน้อยต้วน วันนี้ข้าต้องขออภัยท่านจากใจ พรุ่งนี้เช้าข้าจะนำของขวัญไปขอขมาสหายน้อยต้วน ทั้งยังจะลากตัวลูกไม่รักดีไปขอขมาท่านด้วยตัวเอง”


 


“ไม่จำเป็น”


 


ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบเสียงเย็นค่อยเดินจากไป


 


หลังจากเดินออกมานอกเขตตระกูลโอวหยางแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกโล่งสบายยังเสมือน วิหกน้อยได้โผบินกลับนภา มัจฉาคืนสมุทรสุดไพศาล


 


ส่วนในห้องโถงใหญ่นั้น ผู้นำตระกูลโอวหยาง โอวหยางป้า ถูกโอวหยางหลัวที่ทำหน้าปั้นปึ่งมองถามด้วยความไม่พอใจ “ท่านพ่อ! ทำไมท่านปล่อยมันไปง่ายๆแบบนั้นเล่า!?”


 


“เกิดเรื่องเช่นนี้แล้วเจ้าจักให้พ่อทำอันใดได้ มิปล่อยให้เขาไป? หรือจะให้พ่อมัดเขาเอาไว้?”


 


โอวหยางป้าส่ายหัวยิ้มออกด้วยความขื่นขม “เขาเดินทางมาเยือนตระกูลโอวหยางเรา เรื่องนี้พ่อกลัวว่ามีคนมากมายรู้แล้ว…ไม่ต้องกล่าวถึงขุมพลังเบื้องหลังเขา ที่มิน่าจะแยแสตระกูลโอวหยางของเราเลย กระทั่งผู้อาวุโสที่มากับเขาก็เกรงว่าจะรู้เรื่องที่เขามาตระกูลโอวหยางเรา”


 


หลังได้ยินคำกล่าวของโอวหยางป้า โอวหยางหลัวก็เลิกฮึดฮัด


 


“ท่านพ่อความเป็นมาของมันมิธรรมดาแน่…ปล่อยไปเช่นนี้ท่านมิเสียดายหรือ?”


 


โอวหยางหลัวกล่าวออกเสียงอ่อน ยังเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจ


 


“แน่นอนว่าพ่อย่อมเสียดายและมิอาจปล่อยให้คลาดกันเช่นนี้ได้ พรุ่งนี้เช้าข้าจักเตรียมของขวัญไปขอขมาเขามากหน่อยเพื่อให้เขาไม่ติดใจเอาความ ทั้งยังจะพาพี่ชายของเจ้าไปขอโทษเขาด้วย…แล้วเจ้าก็เรียกหาเขาดีๆได้แล้ว”


 


เมื่อกล่าวถึงโอวหยางชิง คิ้วโอวหยางป้าอดไม่ได้ที่จะขมวดเป็นปม “ครั้งนี้ชิงเอ๋อนับว่าทำให้ข้าผิดหวังยิ่งนัก”


 


“ท่านพ่อก็อย่าได้ไปว่าพี่ใหญ่เลย พี่ใหญ่แค่พยายามทวงความเป็นธรรมให้ท่าน…ท่านกล่าวขนาดนั้นอีกฝ่ายกลับบอกมาเพียงแซ่ ฮึ กับอีแค่นามยังมิเต็มใจบอกพวกเรา…จะอะไรนักหนา”


 


โอวหยางหลัวพยายามกล่าวช่วยพี่ชายอย่างโอวหยางชิง ก่อนที่จะกล่าวถึงต้วนหลิงเทียนอีกครั้งด้วยความไม่พอใจ


 


“มิรู้ทำไม แต่ดูเหมือนเขาจักมีอคติกับตระกูลโอวหยางเรานัก”


 


ในฐานะผู้นำตระกูลใหญ่ โอวหยางป้าย่อมมีวิสัยทัศน์ไม่ใช่ชั่ว ไหนเลยไม่รู้ได้ถึงความไม่พอใจของต้วนหลิงเทียนที่มีต่อสกุลโอวหยาง แต่มันเองก็ไม่รู้ว่าไฉนถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ “หลัวเอ้อ ลูกแน่ใจหรือว่าเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้พ่อฟังหมดแล้ว ไฉนพ่อรู้สึกว่ายามเผชิญหน้ากับเจ้า เขาถึงได้ตั้งแง่มองเจ้าเสมือนศัตรูได้เล่า?”


 


“ตั้งแง่? มองข้าเป็นศัตรู?”


 


โอวหยางหลัวตัวแข็งทื่อไปทันที ถึงแม้นางเองก็พอรู้ว่าดูเหมือนต้วนหลิงเทียนจะไม่ชอบนาง แต่นางไม่รู้เลยว่าทำไมต้วหลิงเทียนจึงเห็นนางเป็นศัตรูได้


 


“อืม”


 


โอวหยางป้า


 


“หรือเป็นเพราะข้าให้ท่านพ่อใช้วิธีการรุนแรงไปหน่อยในการพาเขามาที่นี่หรือไม่ หาไม่แล้วไฉนเขาถึงมองข้าเป็นศัตรูได้เล่า?”


 


โอวหยางหลัวเผยใบหน้าสับสนงุนงงด้วยไม่เข้าใจ


 


“มิควรง่ายดายเช่นนั้น…ข้ารู้สึกว่าอาการต่อต้านของเขามิได้เกิดขึ้นด้วยเรื่องเท่านี้อย่างเดียว”


 


โอวหยางป้าส่ายหัว “หลัวเอ้อ…ลูกคิดให้ดี แล้วเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พ่อฟังอีกรอบได้หรือไม่ เผื่อเจ้าจะมองข้ามอันใดไป”


 


ขณะที่โอวหยางหลัวพยายามครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ทั้งหมด เพื่อเรียบเรียงแล้วกล่าวเล่าให้โอวหยางป้าฟัง ด้านโอวหยางชิงก็ได้ลอบจับตามองต้วนหลิงเทียนเดินออกจากสกุลโอวหยางไปด้วยสายตาดุร้าย


 


“ไอ้หนู…พ่อกับน้องข้าบอกว่าเจ้ามาจากขุมพลังชั้น 7 …แต่ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าใช่คิดปั่นหัวพวกเราหรือไม่!”


 


เสียงค่อนแคะดูแคลนดังขึ้น โอวหยางชิงรู้สึกขัดหูขัดตาจนหายใจแทบไม่ออก


 


ขณะเดียวกันมันก็ตัดสินใจเรื่องราวใดได้ จึงรุดเร่งไปยังสวนด้านหลังของคฤหาสน์ทันที


 


“ท่านปู่ชาน มีคนเล่นผีแสร้งเทพหมายหลอกต้มตุ๋นตระกูลโอวหยางเรา…มันถึงกับกล่าวอ้างว่ามาจากขุมพลังชั้น 7 กระทั่งท่านพ่อกับน้องสาวมันก็ถูกจูงจมูกไปแล้ว!”


 


โอวหยางชิงที่รีบร้อนบุกมาหาชายชราคนหนึ่ง แสร้งกล่าวออกมาด้วยท่าทีวิตกเป็นกังวล

 

 

 


ตอนที่ 1493

 

โอวหยางชิงมุ่งร้าย


 


ชายชราผมคิ้วขาวโพลนที่ถูกโอวหยางชิงเรียกหาว่าปู่ชานคนนี้ เป็นอาวุโสลำดับ 2 ของตระกูลโอวหยาง โอวหยางชาน


 


โอวหยางชิงยามยังเล็กนั้น ก็เติบโตขึ้นมาด้วยการประคบประหงมของชายชรานามโอวหยางชานผู้นี้ อีกฝ่ายมองมันเสมือนหลานชายในไส้


 


ความรักที่โอวหยางชานมอบให้โอวหยางชิงนั้นยังมากมายกว่าผู้เป็นพ่ออย่างโอวหยางป้าเสียอีก


 


เพราะโอวหยางป้านั้นต้องแบ่งใจไปรักเอ็นดูโอวหยางหลัวด้วยอีกคน


 


ทว่าโอวหยางชานนั้นทุ่มเทใจให้โอวหยางชิงหมดสิ้น


 


“ชิงเอ๋อ บิดาเจ้ามิใช่คนสายตาพร่ามัว ไหนเลยมิอาจแยกแยะจริงเท็จ…คนที่เจ้าว่าอาจจะมาจากขุมพลังชั้น 7 จริงๆ”


 


โอวหยางชานกล่าวออกพร้อมส่ายหัวด้วยรอยยิ้มเอ็นดู


 


“ท่านปู่ชาน กระทั่งท่านเองยังใช้คำว่า ‘อาจจะ’ บางทีมันอาจมิใช่จริงๆก็ได้นี่นา”


 


โอวหยางชิงกล่าวต่อ “ท่านพ่อของข้าอุตส่าคิดจัดงานเลี้ยงให้มัน ทว่ามันกลับกล่าวอ้างว่าต้องรีบไปพบปะอาวุโส ข้าคิดว่ามันแค่กำลังปั้นน้ำเป็นตัวเท่านั้น!”


 


บางทีกระทั่งโอวหยางชิงก็ไม่คิดเลย


 


ว่าวาจาของมันที่กล่าวบอกชายชราเพื่อหวังให้ไปจัดการต้วนหลิงเทียนนั้น กลับเป็นความจริง!


 


เพราะนั่นเป็นข้ออ้างของต้วนหลิงเทียนจริงๆ!


 


“เช่นนั้น คนผู้นั้นจากไปแล้วหรือ?”


 


โอวหยางชานกล่าวถาม


 


“ไปแล้วท่านปู่”


 


โอวหยางชิงพยักหน้า


 


“หากคนผู้นั้นมีเจตนาใดแอบแฝงกับตระกูลโอวหยางจริง ก็มิน่าจะปฏิเสธบิดาเจ้า…เช่นนั้นคนผู้นั้นสมควรไม่มีใดแอบแฝงแล้ว”


 


ดังคำขิงแก่ยิ่งเผ็ดนับว่าไม่ใช่วาจาเหลวไหล โอวหยางชานคล้ายมองเรื่องราวได้ทะลุปรุโปร่ง


 


“ท่านปู่ชานที่ท่านกล่าวก็อาจเป็นได้…แต่หากมันคิดเล่นใหญ่ เพื่อที่จะล่อให้พวกเราตกหลุมพรางที่ลึกกว่าเดิมเล่า?”


 


ได้ยินคำของโอวหยางชาน ใจโอวหยางชิงก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา


 


หากเป็นมันเพียงลำพังคงไม่กล้าคิดทำอะไรใหญ่โตแบบนี้


 


อีกทั้งมันยังได้ยินน้องสาวกล่าวบอกมาอีกด้วย ว่าต้วนหลิงเทียนผู้นั้น สามารถสังหารอี้เทียนสิงได้ในกระบวนท่าเดียว อีกฝ่ายจึงมิใช่อันใดที่มันจะดูแคลนได้เลย


 


พลังฝีมือของมันนั้นเหนือกว่าอี้เทียนสิงแค่เล็กน้อยเท่านั้น


 


“ก็อาจเป็นได้”


 


โอวชางครุ่นคิด ค่อยๆพยักหน้าลงมาเบาๆ


 


“ท่านปู่ชาน กันไว้ย่อมดีกว่าแก้ พวกเราเพียงติดตามมันไปยังโรงเตี๊ยมที่พักของมันเพื่อสังเกตการณ์สักครั้งเถอะ แล้วพวกเราจะได้สืบต้นตอของมันอย่างละเอียด ข้าอยากรู้นักว่ามันนัดพบอาวุโสอะไรไว้จริงหรือแค่กล่าวคำลวงกันแน่!”


 


ลูกตาโอวหยางชิงเผยประกายเย็นวาบกล่าวออก


 


“ชิงเอ๋อ ไฉนดูแล้วคล้ายเจ้ามีเรื่องบาดหมางกับคนผู้นั้นเลยเล่า?”


 


โอวหยางชานรู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล มันเองก็เลี้ยงดูโอวหยางชิงมาแต่เล็กจนโต ไหนเลยยังไม่รู้นิสัยของโอวหยางชิงได้


 


“สัญชาตญานของข้าร้องเตือนว่ามันมีแผนการบางอย่าง หมายคิดหลอกลวงตระกูลโอวหยางของเรา!”


 


แน่นอนว่าโอวหยางชิงเองก็รู้ว่ามันคงยากจะปกปิดเจตนาของมันจากโอวหยางชานได้ จึงพยายามกล่าวเพิ่มเติมออกมาทันที “ผู้ที่มีแผนการร้ายคิดหลอกลวงตระกูลโอวหยางเรา ย่อมมิอาจปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่สืบไป หากพวกเราพบว่ามันมิได้โกหกก็แล้วไป แต่ถ้ามันโกหกพวกเราจริงๆ เช่นนั้นหลังจากคืนนี้ไปมันก็มิได้รับให้อยู่ในโลกนี้อีก!!”


 


วาจาท้ายประโยคของโอวหยางชิง เผยเจตนาฆ่าฟันออกมาชัดเจน ใบหน้ายังเย็นชาปานมีน้ำแข็งฉาบ


 


“ท่านปู่ชานท่านไปกับข้าเพื่อลอบจับตาดูมันกันเถอะ หากผู้อาวุโสอะไรของมันมิปรากฏตัวขึ้นมา ย่อมหมายความว่ามันกล่าวโป้ปดพวกเรา เช่นนั้นพวกเราก็ได้รู้ว่าที่แท้มันคิดไม่ซื่อกับตระกูลโอวหยางของเราจริงๆ พวกเราจำเป็นต้องกำจัดมันเพื่อมิให้มีปัญหาในภายภาคหน้า”


 


โอวหยางชิงกล่าวออกด้วยวาจามุ่งร้าย ลูกตายังเผยเจตนาฆ่าฟันชัดเจน!


 


“ชิงเอ๋อ…ถึงคนผู้นั้นจะโกหก แต่ก็อาจเป็นได้ว่าอีกฝ่ายเพียงกล่าวเพราะคิดหาข้ออ้างจากไป เพราะมิอยากเข้าร่วมงานเลี้ยงของพวกเราเฉยๆ…มิได้หมายความว่าคนผู้นั้นคิดหลอกลวงตระกูลโอวหยางของพวกเรา”


 


โอวหยางชานขมวดคิ้วกล่าว “ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ยังมิอาจพิสูจน์ได้ว่าคนผู้นั้นมิใช่คนของขุมพลังชั้น 7…และหากคนผู้นั้นมาจากขุมพลังชั้น 7 จริงๆ บางทีก็เป็นได้ ที่คนผู้นั้นมิคิดแยแสเรื่องเข้าร่วมงานเลี้ยงตระกูลเรา”


 


“หากพวกเราวู่วามลงมือทำร้ายคนผู้นั้นไป ย่อมเป็นการสร้างความบาดหมางกับขุมพลังที่อยู่เบื้องหลังเขาอย่างมิต้องสงสัย…และหากขุมพลังเบื้องหลังคนที่เจ้ากล่าวเป็นขุมพลังชั้น 7 จริงๆ นั่นจักกลายเป็นหายนะของตระกูลโอวหยางเรา”


 


วาจาท้ายประโยคของโอวหยางชานเผยให้เห็นความหวั่นกลัว


 


“ท่านปู่ชาน เรื่องนี้ข้าคิดไว้แล้ว…ยามพวกเราออกจากตระกูลโอวหยาง พวกเราไม่ต้องผ่านประตูหน้า เพื่อมิให้คนในตระกูลล่วงรู้ว่าพวกเราลอบออกไป ถึงแม้มันจะตายก็ไม่มีใครรู้ได้ว่าเป็นฝีมือของตระกูลโอวหยางเรา!”


 


โอวหยางชิงกล่าวออกมาทันที เห็นชัดว่ามันวางแผนมานานแล้ว


 


เมื่อเห็นว่าโอวหยางชานยังคงลังเล โอวหยางชิงรีบกล่าวสืบต่อ “ท่านปู่ชาน ท่านรู้ดีว่ายอมฆ่าคนบริสุทธิ์ร้อยคนดีกว่าปล่อยให้คนผิดหนึ่งคนเล็ดรอด…ข้ารู้สึกว่ามันเป็นภัยต่อตระกูลโอวหยางของเราจริงๆ…หากปล่อยมันไป มันต้องนำเภทภัยมาสู่ตระกูลโอวหยางเราแน่!!”


 


เมื่อโอวหยางชิงเห็นว่าคิ้วที่ขมวดเป็นปมของโอวหยางชานเริ่มคลายลงหลังได้ยินคำของมัน มันก็กัดฟันทั้งคุกเข่าลงไปบนพื้นทันที


 


“ชิงเอ๋อ นั่นเจ้าจักทำอะไร รีบลุกขึ้นเร็ว!”


 


โอวหยางชานตกใจไม่น้อย รีบลุกขึ้นไปพยุงร่างโอวหยางชิง


 


อย่างไรก็ตามโอวหยางชิงไม่ยอมลุกขึ้น


 


“ท่านปู่ชาน ท่านเชื่อชิงเอ๋อสักครั้งเถอะ…ท่านอยากเห็นตระกูลโอวหยางของเราถูกหลอกลวงจนวอดวายหรือ? ท่านบอกว่าอยากเห็นวันที่ข้าขึ้นเป็นผู้นำมิใช่หรือ…แต่หากพอถึงวันนั้นตระกูลโอวหยางของพวกเรากลับวอดวายไปแล้วเล่า ข้ายังจะเป็นผู้นำได้หรือ?”


 


โอวหยางชิงกล่าวออกด้วยอารมณ์ ในขณะที่กล่าวมันก็โขกหัวลงไปบนพื้นอย่างแรง พาลให้ศีษะแตกหลั่งโลหิต


 


ขณะเดียวกันที่หน้ามันฟุบลงไป แววตาของมันก็เผยประกายเย็นเยียบออก


 


เนื่องจากมันก้มหัวโขกพื้นอยู่ โอวหยางชานจึงมิอาจเห็นแววตานี้ของมัน


 


แน่นอนว่าถึงแม้โอวหยางชิงจะไม่ก้มหัวลงไป แต่โอวหยางชานก็อาจไม่สังเกตเห็นเลย


 


“ชิงเอ๋อลุกขึ้นเร็ว ปู่รับปากทำตามเจ้าว่าแล้ว!”


 


เมื่อเห็นศีรษะของโอวหยางชิงแตกจนโลหิตไหลลงมาเป็นสาย ใจของโอวหยางชานก็เสมือนถูกมีดกรีด


 


ตลอดชีวิตนั้นมันพากเพียรแต่ฝึกฝนวรยุทธ์บ่มเพาะพลัง


 


นอกเหนือจากความสัมพันธ์รักที่ล้มเหลวครั้งยังหนุ่มแล้ว มันก็ไม่เคยมีสตรีคนใดอีกเลย จึงไร้ลูกหลานใช้ชีวิตมาเพียงลำพัง


 


ตอนเด็กน้อยโอวหยางชิงวัยแบบเบาะยิ้มร่าหัวเราะให้มันวันนั้นที่ได้พบกันครั้งแรก มันก็รู้สึกเสมือนมีแสงหนึ่งส่องสว่างในเส้นทางอันมืดมิด


 


ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมามันก็ไม่ได้อยู่ลำพังอีกต่อไป มันมีคนให้รักและห่วงใยในห้วงเวลาสุดท้ายที่เหลืออยู่ของชีวิต


 


เพื่อโอวหยางชิงแล้วมันทำได้ทุกอย่าง ถึงแม้มันจะต้องตายเพื่อการณ์นั้นก็ตามที


 


มาตอนนี้เมื่อเห็นศีรษะโอวหยางชิงแตกหลั่งเลือด มันก็ไม่สงสัยคิดแคลงใจใดสืบไปเพียงเห็นด้วยกับอีกฝ่ายทันที


 


ตอนนี้มันยังเสียใจนัก


 


แน่นอนว่ามันไม่ได้เสียใจที่รับปากโอวหยางชิง แต่เสียใจที่มันไม่รีบรับปากให้เร็วกว่านี้!


 


หากมันรับปากว่าจะลองตามโอวหยางชิงไปตรวจสอบแต่เนิ่นๆ อีกฝ่ายคงไม่ต้องเจ็บตัวหลั่งเลือด


 


“ขอบคุณท่านปู่ชาน ขอบคุณท่านปู่ชาน!”


 


แม้มันจะรู้แต่แรกว่าอย่างไรปู่ชานก็ต้องเห็นด้วยกับมัน แต่โอวหยางชิงก็เร่งกล่าวขอบคุณออกมาพร้อมรอยยิ้ม


 


“ท่านปู่ชานข้าจะไปเตรียมชุดโม่งดำพร้อมหน้ากากเดี๋ยวนี้”


 


โอวหยางชิงรีบกล่าวบอกโอวหยางชาน ก่อนที่จะหันหลังเตรียมวิ่งกลับไปเตรียมของทันที


 


“ไม่ต้องหรอก ของที่เจ้ากล่าวปู่มีอยู่แล้ว…เดี๋ยวปู่เข้าไปหามันก่อน”


 


โอวหยางชานหยุดโอวหยางชิงไว้ ก่อนที่จะเข้าไปค้นของในห้องหับ


 


“ผู้แซ่ต้วน หากเจ้ามีอาวุโสจริงๆก็รอดตัวไป…แต่หากหาไม่ คืนนี้เจ้าตายแน่!”


 


ลูกตาโอวหยางชิงเผยประกายเรืองวูบขึ้นมาด้วยอำมหิต


 


เรื่องของต้วนหลิงเทียนนั้น มันได้ยินจากน้องสาวมาแล้ว


 


อันที่จริงในใจมันก็ตระหนักได้ว่า 9 ใน 10 ส่วน ต้วนหลิงเทียนสมควรมีเบื้องหลังไม่ธรรมดา


 


เพราะมีเพียงชนชั้นอัจฉริยะของ 9 พันธมิตรเท่านั้น ที่จะถือศาสตราเซียนที่มีอาคมเซียน 3 ดาวจารึกแบบนี้ได้!


 


‘จากที่หลัวเอ๋อกล่าวไว้ ไอ้เด็กเหลือขอแซ่ต้วนนั่นสมควรใช้ศาสตราเซียนที่มีอาคมเซียนระดับ 3 ดาวจารึกเอาไว้…แถมดูเหมือนจะมิได้มีแค่อาคมเดียวด้วย’


 


พอนึกถึงเรื่องนี้ใจของโอวหยางชิงก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง


 


เหตุผลที่มันมาหาโอวหยางชานนั้นไม่ใช่เพื่อตระกูลแต่อย่างใด ล้วนเป็นเพราะความต้องการส่วนตัวของมันเอง


 


จุดประสงค์ของมันคือฆ่าต้วนหลิงเทียนแล้วชิงทรัพย์!


 


ไม่ว่าจะเป็นศาสตราเซียนที่มีอาคมเซียนนั่น กระทั่งยันต์เต๋าทั้งหลายที่อีกฝ่ายมี!


 


ในความคิดของมัน สมบัติที่อยู่ในตัวต้วนหลิงเทียนย่อมนับเป็นวาสนาครั้งใหญ่ของมัน!


 


ถึงแม้ว่ามันจะเป็นคุณชายใหญ่ของสกุลโอวหยาง แต่อย่างไรก็ตามตระกูลโอวหยางของมันก็แค่ขุมพลังชั้น 8 ถึงพวกมันจะนับเป็นขุมพลังชั้น 8 ระดับแนวหน้าแต่อย่างไรก็ยังอยู่ใต้ขุมพลังชั้น 7


 


เหมือนตระกูลอื่นๆในเมืองหานเหอ


 


ตระกูลโอวหยางเองก็อยู่ใต้อำนาจของ 9 พันธมิตร


 


ทั้งหมดนี้เพราะขุมพลังทั้ง 9 นั่นเป็นขุมพลังชั้น 7!


 


ขุมพลังชั้น 7 ไม่ว่าเป็นขุมพลังใด ก็มีพลังอำนาจจะทำลายตระกูลโอวหยางมันได้ง่ายดาย


 


ในเมืองหานเหอนี้ไม่เพียงแต่ตระกูลโอวหยางของมันเท่านั้น แต่ขุมพลังชั้น 8 อื่นๆ ก็เป็นได้แค่บริวารของ 9 พันธมิตร


 


ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะช่วยชีวิตน้องสาวมัน แต่มันก็ไม่ได้ซาบซึ้งใจอะไร


 


ไม่ต้องกล่าวถึงช่วยชีวิตน้องสาวมันด้วยซ้ำ ต่อให้อีกฝ่ายช่วยชีวิตมันเอาไว้ แต่หากอีกฝ่ายมีสิ่งที่จะยกระดับตัวมันได้ มันก็ยังคงพยายามสรรหาวิธีที่จะเล่นงานต้วนหลิงเทียนแบบนี้


 


ไม่นานโอวหยางชานก็เดินออกมา


 


ในมือยังถือชุดโม่งดำพร้อมหน้ากากมาด้วย 2 อัน หน้ากากนั้นเป็นหน้ากากที่ปกปิดทั้งใบหน้า สามารถปิดบังใบหน้าได้อย่างสมบูรณ์ ยากจะระบุได้ว่าเป็นใคร


 


“ท่านปู่ชาน เราไปกันเถอะ!”


 


หลังใส่ชุดโม่งดำกลมกลืนไปกับราตรีกาลพร้อมหน้ากากเรียบร้อยแล้ว โอวหยางชิงก็อดเร่งเร้าโอวหยางชางไม่ไหว


 


แน่นอนว่าเพราะมีหน้ากากปิดบังใบหน้ามิดชิด โอวหยางชานจึงไม่อาจเห็นใบหน้าตื่นเต้นยินดีของโอวหยางชิงได้


 


“อืม”


 


โอวหยางชานกล่าวส่งเสียงตอบรับ สะบัดมือคราหนึ่งปรากฏพลังไร้สภาพปกคลุมร่างโอวหยางชิง ก่อนที่จะหอบหิ้วออกจากตระกูลโอวหยางไปอย่างเงียบงันในความมืด


 


ในฐานะผู้อาวุโสลำดับที่ 2 ของตระกูลโอวหยาง พลังฝีมือของโอวหยางชานย่อมไม่ใช่ชนชั้นต่ำทราม


 


ในระหว่างการลอบออกจากตระกูล ผู้ที่เฝ้ารักษาการณ์ของตระกูลโอวหยางไม่อาจจับสัมผัสได้เลย ทั้งสองสามารถข้ามกำแพงมุมหนึ่งของตระกูลออกไปได้อย่างเงียบงัน


 


หลังจากที่ออกจากเขตตระกูลโอวหยาง ร่างทั้งสองก็พุ่งไปตามทางอันมืดมิด สุดท้ายทั้งคู่ก็ถูกความมืดในยามราตรีกลืนหายไป


 


ณ ห้องโถงใหญ่ตระกูลโอวหยาง


 


“ท่านพ่อ…ท่านบอกว่า เป็นเพราะหลังจากที่เขาฆ่าอี้เทียนสิงแล้วข้าท้วงติงเรื่องแหวนพื้นที่ของผู้เฒ่าผิง กระทั่งทวงคืนมางั้นเหรอ?”


 


โอวหยางหลัวที่เค้นสมองครุ่นคิดเรื่องราวและเล่าออกมา ในที่สุดก็จดจำบางสิ่งที่มีประโยชน์ได้


 


“เอ๊า แล้วข้าผิดตรงไหนเล่าท่านพ่อ? จะอย่างไรผู้เฒ่าผิงก็เป็นคนของตระกูลโอวหยางเรานะ การที่ข้าขอแหวนของผู้เฒ่าคืน มีอันใดไม่ถูกเล่า…หากเป็นเพราะเรื่องนี้จริงผู้แซ่ต้วนนั่นก็จิตใจคับแคบเกินไปแล้ว!”


 


โอวหยางหลัวบ่นออกมาอย่างไม่พอใจ


 


“หลัวเอ๋อเอ้ย…ตอนนี้บิดาไม่รู้จะพูดกับเจ้าอย่างไรเลยจริงๆ…”


 


โอวหยางป้ายิ่มขื่นขมออกมา ในที่สุดมันก็รู้แล้วว่าเพราะอะไร


 


“ผู้เฒ่าผิงถูกอี้เทียนสิงฆ่า หากมิได้เขาออกมาช่วยเหลือมิเพียงแต่แหวนพื้นที่ของผู้เฒ่าผิงจะตกเป็นของอี้เทียนสิง กระทั่งแหวนพื้นที่ของเจ้าเองก็ยากรอดพ้น เขาเผยตัวออกมาฆ่าอี้เทียนสิงเพื่อช่วยเจ้า เขาก็สมควรได้รับแหวนพื้นที่ของผู้เฒ่าผิง เจ้าไหนเลยไปทวงของจากเขาเช่นนี้ได้?”


 


โอวหยางป้าส่ายหัวไปมา ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า

 

 

 


ตอนที่ 1494

 

กายสุริยัน!


 


อันที่จริงแล้ว โอวหยางป้าก็รู้ดีแก่ใจ ว่าเรื่องนี้มิอาจตำหนิบุตรีของมันได้เลย…


 


บุตรีของมันนั้นเติบโตมาภายในตระกูล แทบไม่เคยได้ออกไปไหนห่างเมืองหานเหอด้วยซ้ำ นางย่อมไม่เคยได้รับรู้กฏแห่งป่าของโลกภายนอก!


 


“เอ๋าท่านพ่อ! ไฉนท่านถึงกล่าวเหมือนมันเลยเล่า!?”


 


โอวหยางหลัวหน้ายู่เผยความงอแงออกมาทันที


 


นางยังจดจำได้ดีว่าตอนที่นางทวงแหวนพื้นที่ของผู้เฒ่าผิงคืนจากต้วนหลิงเทียน อีกฝ่ายก็กล่าววาจาทำนองเดียวกันกับบิดาของนางออกมาไม่ผิดเพี้ยน…


 


นี่หากนางไม่รู้ว่าบิดาของนางเคยรู้จักกับต้วนหลิงเทียนมาก่อนจริงๆ นางคงคิดว่าใช่บิดามันใช้นัดกับคนนอกให้กล่าววาจาเดียวกันหรือไม่..


 


“หลัวเอ๋อเอย…เรื่องนี้เป็นกฏแห่งป่าในโลกภายนอก”


 


โอวหยางป้าทำได้แค่อธิบายออกมาสั้นๆเท่านี้แค่นั้น…เพราะเรื่องนี้ยากจะเข้าใจได้ง่ายๆ ทั้งหมดต้องพบพานประสบการณ์และรับรู้เรื่องราวต่างๆด้วยตัวเอง


 


“เอาล่ะ ช่างมันเถิด เจ้าอย่าได้คิดมากเรื่องนี้สืบไป…ไปตามพี่ชายของเจ้ามาเสีย ข้าจะคุยกับมันเรื่องที่จักให้มันไปขอขมาสหายน้อยต้วนวันพรุ่งนี้”


 


โอวหยางป้ากล่าวบอกโอวหยางหลัว


 


“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ไม่มีทางเห็นด้วยกับเรื่องนี้หรอก”


 


โอวหยางหลัวกล่าวออกหน้าเจื่อนๆ นางรู้นิสัยพี่ชายของนางดีว่าอีกฝ่ายถือดีแค่ไหน อัตตาสูงลิบเทียมฟ้าเช่นนั้นยังจะทำเรื่องพรรค์นี้ได้?


 


ไม่ต้องไปกล่าวถึงเรื่องขอขมาลาโทษกับคนที่พึ่งมีปากเสียงกันมาเลย ต่อให้พี่ชายนางเป็นฝ่ายผิดและล่วงเกินคนที่ไม่ได้มีปากเสียงอะไรกันมาก่อน พี่ชายนางก็ไม่มีทางขอโทษ!


 


“มันไม่เห็นด้วยมันก็ต้องทำ! ข้าไม่เชื่อว่าถ้าข้าบังคับมันแล้วมันยังจะกล้าไม่ทำ!!”


 


โอวหยางป้ากล่าวออกด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เอาล่ะ ลูกไปเรียกพี่มาเถอะ แต่อย่าได้บอกว่าพ่อคิดให้มันกระทำเรื่องอันใดก่อน…เดี๋ยวพ่อจกล่าวเรื่องนี้กับมันเอง หาไม่แล้วมันคงได้หนีไปก่อนเป็นแน่”


 


เกี่ยวกับนิสัยบุตรชายตัวเอง แม้จะไม่รู้ทั้งหมด แต่ไหนเลยโอวหยางป้ายังไม่ล่วงรู้บางอย่างได้


 


“ก็ได้ท่านพ่อ”


 


โอวหยางหลัวออกจากห้องพร้อมรอยยิ้มขื่นขม มุ่งหน้าไปหาพี่ชายของนาง โอวหยางชิง


 


ทว่าตอนนี้ในเมื่อโอวหยางชิงออกจากเขตที่ดินตระกูลโอวหยางไปแล้ว โอวหยางหลัวย่อมไม่อาจหาตัวมันเจอ


 


เมื่อมาหาพี่ชายและไม่พบอีกฝ่าย โอวหยางหลัวก็รู้ได้ทันทีว่าพี่ชายนางออกไปด้านนอกแล้ว นางอดไม่ได้ที่จะโล่งใจเล็กน้อย


 


หลังจากนั้นนางก็รีบกลับไปรายงานโอวหยางป้าทันที “ท่านพ่อ ข้าไปหาพี่ใหญ่ที่บ้านแล้วแต่มิเจอคน…พอข้าถามข้ารับใช้ในเรือน ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ายังมิเห็นพี่ใหญ่กลับมา”


 


“ไอ้เด็กเหลือขอนั่น! มิพ้นต้องออกไปหาความสำราญระบายอารมณ์หลังถูกข้าตำหนิแล้วแน่…น่าทุบตีมันให้ขาหักนัก!”


 


โอวหยางป้ากล่าวตำหนิออกมาด้วยความไม่พอใจ


 


“พ่อบ้านจี้”


 


ทันใดนั้นเองโอวหยางป้าก็ตะโกนเรียกหาโอวหยางจี้เสียงดัง


 


“ท่านผู้นำ”


 


ทันใดนั้นชายชราที่เฝ้าอยู่หน้าห้องโถงใหญ่ก็เร่งเข้ามารอรับคำสั่ง มันคือพ่อบ้านสกุลโอวหยาง โอวหยางจี้


 


“ส่งคนไปตามหาตัวไอ้เด็กเหลือขอนั่นที่หอนางโลมเสีย! ไม่ว่าเจ้าจักใช้วิธีใดก็ต้องลากคอมันกลับมาให้ได้ ต่อให้ต้องมัดมันมาก็ช่าง ข้าต้องเห็นหน้ามันคืนนี้!”


 


โอวหยางป้ากล่าวสั่งเสียงเหี้ยม


 


“ทราบแล้วท่านผู้นำ”


 


โอวหยางจี้รับคำสั่งด้วยรอยยิ้มขื่นขม เรื่องนี้เป็นอะไรที่มันไม่อยากกระทำเป็นที่สุด อนิจจาแม้ไม่อยากแต่ก็ไม่กล้าไม่เชื่อฟัง เพราะนี่เป็นคำสั่งประมุขผู้นำตระกูล!


 


โอวหยางชิงนั้น แม้จะเป็นผู้สืบทอดโอวหยางป้า เป็นดั่งว่าที่ผู้นำคนต่อไป แต่มันก็ไม่ได้กลัวอะไรอีกฝ่ายเลยเพราะอีกฝ่ายก็เสมือนเด็กไม่รู้จักโตคนหนึ่งเท่านั้น


 


มันมันไม่อาจไม่หวาดกลัวผู้ที่ให้ท้ายโอวหยางชิง!


 


เพราะคนผู้นั้นนับว่ามีอำนาจในตระกูลโอวหยางไม่น้อย ไม่ใช่ใครที่คนอย่างมันโอวหยางจี้จะล่วงเกินได้!


 


ด้านโอวหยางป้าก็คิดว่าตอนนี้โอวหยางชิงคงไปร่ำสุราเคล้านารีเพื่อระบายอารมณ์ที่หอนางโลมตามประสา


 


แต่มันไม่ทราบเลยว่าโอวหยางชิงกลับมีความคิด ‘อุกอาจ’ มุ่งร้ายต่อชายหนุ่มที่มันสนใจและสงสัยว่าจะมาจากขุมพลังชั้น 7!


 


มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าค่ำคืนนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนของสกุลโอวหยางที่จะทำให้ตระกูลต้องพบพานหายนะครั้งใหญ่…


 


ด้านต้วนหลิงเทียนหลังจากกลับออกมาจากตระกูลโอวหยางแล้วก็มุ่งหน้ากลับโรงเตี๊ยมที่พักทันที และไม่ได้ออกไปไหนอีก


 


หากเป็นคนที่ขี้ขลาดหวาดกลัวอันตราย ป่านนี้เขาคงไปซ่อนตัวหรือกระทั่งหาที่พักใหม่ เพื่อหลบไปให้ไกลจากสายตาของตระกูลโอวหยางมากที่สุด


 


แต่เขาไม่ใช่คนแบบนั้นเพราะเขาประเมินทุกสิ่งไว้แล้วว่าไม่เหลือบ่ากว่าแรง จึงไม่มีความคิดหลบหนีดั่งสุนัขหางจุกตูด


 


หลังจากที่กลับมาถึงที่พักต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจรอที่จะเข้าไปยังชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้สืบไป


 


กาลเวลาในชั้นที่ 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติมันไหลช้ามาก สภาพแวดล้อมก็ประเสริฐยิ่ง มากพอที่จะหนุนเสริมให้พลังฝึกปรือเขาก้าวหน้าเร็วไวกว่าผู้อื่นเป็นพันลี้…


 


‘การบ่มเพาะพลังบนชั้น 3 เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติตอนนี้ หากข้าคำนวณไม่ผิด เวลาในโลกภายนอกที่ใช้ไปในการทะลวงไปถึงหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่จากขั้นสมบูรณ์แบบ สมควรน้อยกว่า…เวลาในโลกภายนอกที่ข้าใช้ทะลวงจากหลุดพ้นมนุษย์ขั้นเชี่ยวชาญไปหลุดพ้นมนุษย์ขขั้นสมบูรณ์แบบเสียอีก!’


 


เรื่องนีต้วนหลิงเทียนค่อนข้างมั่นใจ


 


สุดท้ายแล้วการฝึกฝนในชั้นที่ 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ 5 วัน เวลาในโลกภายนอกก็พึ่งผ่านพ้นไปแค่วันเดียวเท่านั้น!


 


ชั้น 2 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไม่อาจเทียบได้เลย!!


 


นอกจากนี้สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะของชั้นที่ 2 ยังด้อยกว่าชั้นที่ 3 มาก


 


หากต้องการจะเปรียบเทียบเรื่องนี้อย่างจริงจังล่ะก็


 


อาจกล่าวชี้ชัดได้เลยว่าความเร็วในการฝึกฝนบ่มเพาะที่ชั้น 2 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ มันช้ากว่าชั้น 3 กว่าครึ่ง!


 


‘ก่อนที่ข้าจะกลับไปยังเกาะป้านเยว่ ข้าสมควรทะลวงไปถึงสู่เซียนขั้นกลาง…หากสามารถทะลวงไปถึงสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญก็คงดีไม่น้อย’


 


พอนึกถึงเรื่องนี้ใจต้วนหลิงเทียนก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น


 


‘ที่ข้าต้องทำตอนนี้คือเร่งบ่มเพาะพลัง ยกระดับพลังฝึกปรือของข้าให้เร็วที่สุด! ด้วยพลังทั้งหมดของข้าตอนนี้คงจัดการพวกตัวตนในระดับสู่เซียนทั่วๆไปได้อย่างไม่ยากเย็น…แต่ข้าตายแน่หากปะทะกับสู่เซียนที่ร้ายกาจของจริง’


 


เนื่องจากเขารู้แล้วว่าหากเป็นตัวตนในขอบเขตสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญขึ้นไปสามารถรอดพ้นการตรวจจับของเขาได้อย่างง่ายดาย ต้วนหลิงเทียนถึงกับรู้สึกกดดันขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


 


เขาต้องการที่จะยกระดับพลังฝึกปรือของเขา!


 


อย่างไรก็ตามทุกอย่างจำต้องใช้เวลาบ่มเพาะปลูกฝัง ไม่อาจเร่งร้อนรวบรัดได้ในเวลาอันสั้น


 


อย่างไรเสียใจเขายังเป็นกังวล ถึงขั้นอดร้อนรนไม่ได้


 


“มีคนกำลังลอบสังเกตุการณ์เจ้าอยู่ด้านนอก…”


 


ไม่ทราบผ่านไปนานเท่าไหร่ ทว่าอยู่ๆพลันมีเสียงผู้เฒ่าหั่วดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน เสียงยังดังปานฟ้าผ่าพาลให้ต้วนหลิงเทียนคืนสติทันที


 


“ผู้เฒ่าหั่วท่านฟื้นแล้ว?”


 


ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนรู้สึกตัว และลืมตาขึ้นมาเขาก็เห็นผู้เฒ่าหั่วอยู่ไม่ไกล


 


“อืม”


 


ผู้เฒ่าหั่วพยักหน้ารับ “การซ่อมแซมชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติรอบนี้ สร้างภาระให้ข้าหนักหนานัก จึงต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นฟูกลับมาได้…แต่ข้ายังนับว่าได้กำไรอยู่บ้าง เพราะยามฟื้นตัวกลับมาความสามารถของข้าก็ฟื้นคืนมาอีกเล็กน้อย”


 


“ตอนนี้สำนึกเทวะของข้าฟื้นฟูแล้วบางส่วน ข้าสามารถแผ่สำนึกสติให้กระจายออกไปตรวจสอบเรื่องราวโดยรอบได้เป็นวงกว้าง…ถึงแม้จักมิได้มีความสามารถในการโจมตีอะไร แต่หากกล่าวถึงเรื่องตรวจสอบยังนับว่าใช้การได้ดี”


 


ผู้เฒ่าหั่วกล่าวสืบต่อ “และตอนนี้ข้าก็พบว่าด้านนอกมีคน 2 คนกำลงจับตาดูเจ้าอยู่…ท่าทางยังมิได้มีเจตนาดี”


 


“มีคน 2 คนกำลังสอดแนมข้างั้นเหรอ?”


 


ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว “หรือจะเป็นพวกตระกูลโอวหยางกัน…ไม่ผิดแน่ต้องเป็นพวกมัน! นี่พวกมันต้องการอะไรจากข้านักหนา!”


 


“ที่สำคัญยามข้าฟื้นพลังกลับมาครั้งนี้ พลังสุริยันของข้าก็ได้ฟื้นคืนกลับมาเสี้ยวหนึ่ง ข้าจักถ่ายพลังขุมนี้เข้าสู่ร่างกายของเจ้าเพื่อปรับแต่งปราณแท้ของเจ้า และยามใดที่ปราณแท้ของเจ้าพัฒนาไปเป็นปราณแรกกำเนิดของพิภพนี้ได้สำเร็จ ถึงตอนนั้นเจ้าสามารถเปลี่ยนขุมพลังสุริยันที่ข้าถ่ายทอดนี้ให้กลายเป็นปราณสุริยันแรกกำเนิด!”


 


ผู้เฒ่าหั่วกล่าวบอกต้วนหลิงเทียน


 


ปราณแรกกำเนิดนั้นเป็นขุมพลังในร่างของตัวตนที่อยู่ในขอบเขตเซียน!


 


หลังจากที่ใครสามารถทะลวงผ่านขอบเขตสู่เซียนจนบรรลุถึงขอบเขตเซียนได้ ปราณแท้ในร่างจะกลับกลายเป็นบริสุทธิ์มากขึ้น และวิวัฒน์พัฒนาไปเป็นปราณแรกกำเนิด


 


“พลังสุริยัน? ปราณสุริยันแรกกำเนิด?”


 


ลูกตาต้วนหลิงเทียนทอประกายสว่างจ้าขึ้นมาทันใดเมือ่ได้ยินเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามคิ้วกลับย่นยู่ลงอีกครั้งหลังจากผ่านไปไม่นาน “ผู้เฒ่าหั่วเรื่องนี้เกรงว่าคงต้องเอาไว้ภายหลัง ตอนนี้ข้าต้องไปจัดการสองคนนั่นก่อน”


 


“มิได้! พลังสุริยันของข้าเพียงฟื้นฟูมาเสี้ยวหนึ่งเท่านั้นและกำลังมอดดับลงทุกขณะ ข้ามิอาจประคองพลังขุมนี้ไว้ได้อยู่นานด้วยสภาพอ่อนแอของข้า…ด้วยปริมาณปราณแท้ของเจ้าในตอนนี้ ข้าใช้เวลาอย่างมากเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น”


 


ผู้เฒ่าหั่วไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนตอบสนองอะไร ยกปลายนิ้วขึ้นมาจี้ออกดั่งกระบี่จรดหน้าผากต้วนหลิงเทียนทันที


 


ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงขุมพลังอันร้อนระอุเต็มไปด้วยอำนาจแผดเผา แผ่พุ่งเข้ามาตีปะทะใบหน้า สุดท้ายก็กลายเป็นพลังความร้อนมหาศาลขุมหนึ่ง ชำแรกเข้าหว่างคิ้วหลั่งไหลไปยังทะเลปราณอย่างอุกอาจ!


 


เสมือนดั่งโจรร้ายบุกเข้ามาปล้นบ้านก็ไม่ปาน!


 


พลังความร้อนขุมนี้เสมือนสะพานเชื่อมให้พลังสุริยันของผู้เฒ่าหั่วชำแรกเข้าร่างเขา ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็พบว่าทะเลปราณของเขาเสมือนกำลังเดือดพล่าน!


 


พริบตาต่อมาต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกวิงเวียน ก่อนที่จะสิ้นสติไปทันที


 


และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนสิ้นสติไป ร่างกายของเขาก็ถูกพลังไร้สภาพยกลอยขึ้นมา ปราณแท้ในทะเลปราณของเขาบังเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!


 


ตอนแรกมันก็เดือดพล่านปานคุ้มคลั่งเสมือนถูกฉีดเลือดไก่!


 


หลังจากนั้นจุดชีพจรเซียนทั่วร่างทั้ง 99 จุดก็เปิดออก พลังความร้อนขุมนั้นชักนำพลังวิญญาณฟ้าดินในบรรยากาศให้หลั่งไหลเข้าร่างต้วนหลิงเทียนผ่านชีพจรเซียนทั้ง 99 สาย หมุนเวียนโคจรไปทั่วร่างรอบแล้วรอบเล่า!


 


ขุมพลังความร้อนนี้น่ากลัวนัก ยังมีพลังอำนาจดูดรั้งมหาศาลปาน “สูบกลืน”


 


พลังวิญญาณฟ้าดินในบรรยากาศของชั้น 3 เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ แต่เดิมที่ไม่อาจมองเห็น มาตอนนี้พวกมันหลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ ควบแน่นอยู่เหนือศีรษะต้วนหลิงเทียน มองไปเห็นมวลของเหลวมหึมาก้อนหนึ่ง ทั้งของเหลวดังกล่าวยังเพิ่มพูนขึ้นทุกขณะเวลา…เป็นพลังวิญญาณฟ้าดินที่ควบรวมหนาแน่นจนมีสภาพ!


 


พลังวิญญาณฟ้าดินอันหนาแน่นดังกล่าวที่ควบรวมจนมีสภาพ เริ่มหลั่งไหลเข้าร่วงต้วนหลิงเทียนอย่างต่อเนื่อง พวกมันม้วนวนดั่งพายุพลัง แตกตัวออกเป็นสายพยายามพุ่งเข้าตามชีพจรเซียนทุกจุดบนร่างต้วนหลิงเทียน!


 


ตอนนี้เองทุกรูขุมขนบนร่างต้วนหลิงเทียนก็ปรากฏมนทิลสีดำอันเป็นสิ่งปนเปื้อนถูกขับออกมา


 


แน่นอนว่ามนทิลสีดำอันเป็นสิ่งปนเปื้อนที่ถูกขับออก…มันมีน้อยนิดนัก


 


นั่นเพราะร่างกายของต้วนหลิงเทียนได้ผ่านการ กำเนิดใหม่ หรือชำระไขกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็นมาแล้วถึง 2 ครั้ง จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ในตัวเขาจะมีมนทิลและสิ่งปนเปื้อนเหล่านี้มากมายเหมือนผู้อื่น…


 


และในตอนนี้หากมีตัวตนอันทรงพลังมาอยู่ที่นี่ล่ะก็ย่อมสามารถบอกได้ทันที ว่าตอนนี้อีกาทองคำสามขา กำลังถ่ายทอดพลังสุริยันเข้ามาชำระล้างร่างกายเขาอีกรอบ ทั้งยังช่วยให้ต้วนหลิงเทียนรู้แจ้งจนสำเร็จ กายสุริยัน!


 


วิธีการนี้การถ่ายทอดพลังทั้งสำนึกรู้แจ้งให้ผู้อื่นบรรรลุถึงกายสุริยันนั้น ชั่วชีวิตของอีกาทองคำสามขา สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เป็นพลังอำนาจอันอยู่เหนือและมีพลานุภาพอันน่าพรั่นพรึงนัก!


 


และตอนนี้เองผู้เฒ่าหั่วก็ได้หวนคืนกลับสู่ร่างที่แท้จริงแล้ว ลักษณ์อีกาทองคำ 3 ขา อันถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงร้อนแรง คลื่นความร้อนอันน่าพรั่นพรึงแผ่กำจายออกไปทุกสารทิศ เปลี่ยนเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติให้ร้อนระอุปานถูกชำระล้างด้วยคลื่นความร้อน!


 


และทั้งหมดทั้งมวลนี้ต้วนหลิงเทียนที่สิ้นสติอยู่ไม่ได้รู้ตัวเลย


 


หนึ่งชั่วยามนั้นเทียบเท่า 2 ชั่วโมง


 


สองชั่วโมงต่อมา ผู้เฒ่าหั่วก็กลับมาสู่ร่างมนุษย์อีกครั้ง ผิวทั่วกายที่เคยสีแดงก่ำยามนี้ซีดลงจนคล้ายชราไปหลายร้อยปี


 


ตอนนี้เองในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ตื่นขึ้นมา


 


ตอนแรกเขายังสับสนงุนงงกับเรื่องราวอยู่บ้าง


 


แต่เมื่อคืนสติได้สักพักเขาก็กลับมาอยู่กับร่องกับรอย และเร่งสัมผัสปราณแท้ในร่างทันที


 


การตระหนักถึงครั้งนี้ทำให้เขาอดหวาดกลัวไม่ได้


 


“นะ…นี่มัน…”


 


ต้วนหลิงเทียนถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด ทำหน้าทำตาเหรอหราราวกับพบพานเรื่องที่ยากจะเชื่อได้ลงคอ


 


“นี่มัน…สู่เซียนขั้นกลางงั้นเหรอ!?”


 


หลังจากนั้นไม่นานต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกตัว เขากลืนน้ำลายลงคอดังอึก กล่าวออกด้วยความประหลาดใจ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)