War sovereign Soaring The Heavens 1481-1486
ตอนที่ 1481
เคล็ดจารึกพิสดารของต้วนหลิงเทียน
มาตอนนี้ต้วนหลิงเทียนพลันเข้าใจแล้วว่าทำไมป๋ายลี่หงถึงได้บอกให้เขาไม่ต้องยิงจุดตายมัน…เพราะป๋ายลี่หงรู้แต่แรกว่าต่อให้เขาไม่ได้ยิงจุดตายสัตว์ร้ายนั่น เขาก็สามารถฆ่ามันได้อยู่ดี!
ไม่ว่าจะอาคมเซียน เพลิงระเบิด หรืออาคมเซียน กัดกร่อน ทั้งหมดป๋ายลี่หงล้วนจารึกมากับมือ
พลังอำนาจของพวกมันตัวป๋ายลี่หงย่อมรู้ดีที่สุด
“ถึงแม้ว่าอาคมเซียนเพลิงระเบิดกับกัดกร่อนจักเป็นอาคมเซียนระดับ 3 ดาวที่มีอานุภาพสูง…อย่างไรก็ตามด้วยพลังฝึกปรือหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบของเจ้า ก็สามารถจัดการได้แค่สู่เซียนขั้นต้นเท่านั้น”
ป๋ายเลหงพลันกล่าวเตือนต้วนหลิงเทียนออกมา
อาคมเซียนนั้น จำต้องใช้ปราณแท้เป็นตัวขับเคลื่อนกระตุ้นใช้
เมื่อปราณแท้แข็งแกร่งมากพอ ก็ย่อมกระตุ้นพลังอำนาจสูงสุดของอาคมออกมาได้
หากปราณแท้ยังไม่แข็งแกร่งมากพอ ก็เพียงกระตุ้นใช้พลังอำนาจของมันได้บางส่วนเท่านั้น
อาคมเซียนระดับ 1 ดาวนั้นแม้จะใช้งานได้ดี แต่ก็เพียงมีผลกับศัตรูที่พลังฝึกปรือทัดเทียมกันเท่านั้น
หากคิดใช้อาคมเซียนระดับ 1 ดาวเอาชนะศัตรูที่พลังฝึกปรือสูงกว่า เกรงว่าคงเป็นเรื่องยาก
ส่วนอาคมเซียนระดับ 2 ดาวนั้นสามารถใช้ต่อกรกับศัตรูที่พลังฝึกปรือเหนือกว่าได้
อย่างไรก็ตามทั้งนี้ทั้งนั้นยังขึ้นอยู่กับพลังฝีมือพื้นฐานของผู้ใช้กับอีกฝ่ายด้วย
เช่นเดียวกับต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ที่ยังพึ่งเป็นหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบ
ถึงแม้เขาจะไม่ได้ใช้ม่านตาพิสดาร ก็ยากที่จะมีผู้ฝึกตนในขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์เอาชนะเขาได้อีกต่อไป ถึงแม้อีกฝ่ายจะใช้อาคมเซียนระดับ 2 ดาว
นั่นเพราะเขาเป็นตัวตนผิดแปลกที่สามารถเอาชนะศัตรูข้ามระดับได้อย่างง่ายดาย หากไม่มีการใช้อาคมเซียนช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตามอาคมเซียนระดับ 3 ดาวนั้น สามารถทำให้ผู้ใช้สามารถต่อกรข้ามระดับได้ถึง 2 ขั้น!
ตัวอย่างเช่นหากผู้ใช้เป็นหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบ หากเปิดใช้อาคมเซียนระดับ 3 ดาวล่ะก็ สามารถสู้กับสู่เซียนขั้นต้นได้อย่างไม่แพ้พ่าย
เมื่อทะลวงผ่านไปถึงหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่ ก็ยังพอต่อกรกับสู่เซียนขั้นกลางได้อย่างไม่เสียเปรียบ!
พลังของอาคมเซียนนั้นขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของปราณแท้
ยิงปราณแท้มีระดับสูงเท่าไหร่ มันยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
แน่นอนว่าถึงจะทรงพลังเพียงใดแต่อามคมเซียนเองก็ยังมีขอบเขตอันจำกัด และหลังจากนั้นก็ขึ้นอยู่กับระดับของอาคมเซียนแล้ว…
หากเป็นอาคมเซียนระดับ 2 ดาว มันสามารถคุกคามได้แค่ตัวตนครึ่งก้าวเซียนเท่านั้น ไม่อาจระคายผิวของตัวตนระดับเซียนได้เลย…มีเพียงอาคมเซียนระดับ 3 ดาวเท่านั้นที่จะคุกคามตัวตนระดับเซียนได้
และหากคิดจะทำร้ายตัวตนในขอบเขตเซียนด้วยอาคมเซียนระดับ 3 ดาวให้ได้ล่ะก็ อย่างน้อยๆผู้ใช้จะต้องบรรลุสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบเสียก่อน
จากสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบไปยังขอบเขตเซียนนั้น ถูกคั่นไว้ด้วย 2 ขีดขั้น
ขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนั้นไม่นับรวม เพราะกล่าวไปแล้วมันก็ยังอยู่ในช่วงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่เท่านั้น
ครึ่งก้าวเซียน มันก็แค่หลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่ที่ใกล้บรรลุเซียนเฉยๆ
แน่นอนว่าความแตกต่างระหว่างขอบเขตสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่กับขอบเขตเซียนนั้น มันมากมายมหาศาลกว่าหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่ไปยังสู่เซียนมากมายนัก
‘ด้วยอาคมเซียนระดับ 3 ดาว ที่ใช้ปราณแท้ของข้าขับเคลื่อนตอนนี้ น่าจะมีผลแค่กับพวกสู่เซียนขั้นต้นเท่านั้น’
ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วขึ้น ลอบคิดในใจ ‘ดูเหมือนว่าข้าต้องรีบยกระดับพลังฝึกปรือให้เร็วที่สุด…ขาดอีกแค่นิดเดียวข้าก็จะทะลวงถึงหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่แล้ว…ถึงตอนนั้นให้เป็นสู่เซียนขั้นกลาง ข้าก็มั่นใจว่าเอาชนะมันได้!’
แน่นอนว่าเป็นการเอาชนะสู่เซียนขั้นกลางโดยที่ไม่ต้องเปิดใช้ม่านตาพิสดาร
สำหรับตัวตนในขอบเขตสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญนั้นต้วนหลิงเทียนไม่กล้าคิด
เพราะเมื่อบรรลุถึงสู่เซียนขั้นกลาง มันจะมีความสามารถพิเศษอย่าง ‘ปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตรา’ ให้ฝึกฝนใช้ออก ต่อให้เขามีม่านตาพิสดาร แต่ก็ต้องจ่ายออกด้วยพลังวิญญาณหมดตัวกระทั่งยังต้องใช้เวลาครู่หนึ่ง…
อนิจจาปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตรานั้น สามารถจู่โจมเขาได้ทันทีในเวลาแค่เสี้ยวพริบตา
‘เส้นแบ่งระหว่างสู่เซียนขั้นกลาง กับขั้นเชี่ยวชาญมันมากมายนัก’
จุดนี้ต้วนหลิงเทียนย่อมตระหนักได้
“ขอบคุณท่านมากศิษย์พี่”
ต้วนหลิงเทียนเก็บเกาทัณฑ์ดับตะวันกลับไป ค่อยกล่าวขอบคุณป๋ายลี่หงจากใจ เขารู้ดีว่าอาคมเซียนระดับ 3 ดาวทั้ง 2 ป๋ายลี่หงต้องทุ่มเทกายใจไปมากมายเท่าใด
อีกทั้งอาคมเซียนทั้ง 2 ชนิดนี้ นับว่าเป็นอะไรที่เข้ากันได้กับอาคมเซียนเจาะทะลวงนัก!
“เจ้าข้าเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน ยังต้องมากพิธีกล่าวขอบคุณไปทำอะไร”
ป๋ายลี่หงส่ายหัวไปมา ค่อยกล่าวถามด้วยความกระตือรือร้น “ว่าแต่ศิษย์น้อง แล้วเรื่องเคล็ดวิชาจารึกพิสดารเล่า…ในช่วงสิบวันที่ผ่านมาเจ้าศึกษามันไปถึงไหนแล้ว?”
“ก็พอได้นะ…เอาเป็นว่าข้าน่าจะใช้เคล็ดจารึกพิสดารนั่น จารึกอาคมเซียนได้แล้วล่ะ”
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะ
ป๋ายลี่หงได้ยินเช่นนั้น ก็ถึงกับอึ้งเป็นไก่ตาแตก
มันพึ่งส่งป้ายหยกบันทึกเคล็ดวิชาจารึกพิสดารให้ต้วนหลิงเทียนไปเมื่อ 10 วันก่อน…
ทว่า 10 วันต่อมา…ต้วนหลิงเทียนกลับบอกว่าสามารถใช้เคล็ดวิชาจารึกพิสดาร จารึกอาคมเซียนได้แล้ว?
เรื่องนี้จะไม่ให้มันประหลาดใจได้อย่างไรไหว!?
“ศิษย์น้องไป! พวกเรารีบกลับ!!”
กล่าวจบคำโดยที่ไม่ทันรอให้ต้วนหลิงเทียนตอบสนองอะไร ป๋ายลี่หงพลันสะบัดมือแผ่พลังไร้สภาพมาฉาบคลุมทั่วร่างต้วนหลิงเทียน หอบหิ้วต้วนหลิงเทียนกลับสำนักจันทร์จรัสแสง ปรี่ตรงไปยังฝ่ายในเร่งกลับคฤหาสน์ด้วยความเร็วสูงสุด!
มันร้อนใจอยากเห็นเคล็ดจารึกพิสดารจากต้วนหลิงเทียนแทบตายแล้ว!
เคล็ดจารึกพิสดาร ที่มันลำบากลำบนมาเกือบทั้งชีวิตแต่ก็ไม่อาจสัมผัสได้แม้ปลายขน
อนิจจาศิษย์น้องที่มันรับมาแทนอาจารย์ ใช้เวลาแค่เพียง 10 วันกลับสามารถจารึกอาคมเซียนโดยใช้เคล็ดจารึกพิสดารนั่นได้!
คฤหาสน์ของป๋ายลี่หง ย่อมมีห้องส่วนตัวอันเงียบสงบ เพื่อไว้ใช้จารึกอาคมเซียนโดยเฉพาะ
ในขณะที่มันทำการจารึกอาคมเซียนนั้น จำต้องใช้สมาธิอย่างสูง หากวอกแวกเพียงครั้งอาคมที่จารึกอยู่ก็มีโอกาสล้มเหลวสูง
ตอนนี้ในห้องหับอันเงียบสงบ ก็มีเพียงต้วนหลิงเทียนกับป๋ายลี่หงอยู่สองคน
บนโต๊ะกลางห้องปรากฏดาบเล่มหนึ่งตั้งไว้ เห็นได้ชัดว่าเป็นศาสตราเซียน
ด้านข้างดาบ ปรากฏภาชนะบรรจุไว้ด้วยของเหลวประหลาดบางอย่าง
ของเหลวนี้มองแล้วแปลกตานัก บ้างก็มีสีแดงบ้างก็เปลี่ยนไปเป็นสีเหลือง
“ศิษย์น้อง…เจ้าบอกว่า เจ้าสามารถจารึกอาคมเซียนแสงเลื่อนลอยได้ด้วยวัตถุดิบจำนวนเล็กน้อยเพียงเท่านี้จริงๆหรือ?”
ป๋ายลี่หงมองไปยังของเหลวประหลาดที่มีสีแดงสลับเหลืองจำนวนน้อยในภาชนะด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
อาคมเซียนแสงเลื่อนลอยนั้นเป็นอาคมเซียนระดับ 1 ดาว
ป๋ายลี่หงย่อมรู้จักอาคมเซียนชนิดนี้ดี เพราะมันเป็นอาคมเซียนระดับ 1 ดาวทั่วๆไป ตัวมันเองก็ฝึกจารึกอาคมเซียนนี้มานับครั้งไม่ถ้วน ในตอนที่มันพึ่งเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 1 ดาวใหม่ๆ
มันย่อมรู้ปริมาณหมึกอาคมที่ต้องใช้เสมือนหลังมือของตัวเอง
แน่นอนว่าที่ตั้งอยู่บนโต๊ะย่อมไม่มีทางพอ!
ตอนนี้ศิษย์น้องมันอย่างต้วนหลิงเทียนคิดจาจารึกอาคมเซียนแสงเลื่อนลอยที่มันรู้จักดี ทว่าวัตถุดิบที่มีอยู่นั้นกลับมีราวๆครึ่งนึง..ไม่สิยังน้อยกว่าครึ่งนึงที่มันเคยใช้เสียอีก ราวๆ 1 ใน 3 เท่านั้น!
ถึงแม้มันจะรู้ดีว่าความอัศจรรย์ของเคล็ดจารึกพิสดารนั้นคือลดวัตถุดิบที่ต้องใช้ลง ทว่าพอพบว่าลดไปได้มากถึงขนาดนี้ มันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเกินจริงอยู่บ้าง
“ศิษย์พี่ท่านคอยดูให้ดี”
ต้วนหลิงเทียนเผยยิ้มอันเต็มไปด้วยความมั่นใจออกมา
ครู่ต่อมามือขวาเขาก็จับปากกาจารึกระดับ 9 ดาวของป๋ายลี่หงไว้ด้วยท่าทางขึงขัง สูดลมหายใจเข้าลึกๆคำหนึ่ง มือซ้ายก็เอื้อมไปหยิบดาบ
นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาจะจารึกอาคมเซียนด้วยเคล็ดจารึกพิสดาร
แน่นอนว่าในระยะเวลา 10 วันที่ผ่าน เขาจำลองการจารึกอาคมเซียนไว้ในหัวหลายสิบครั้ง
เช่นนั้นแล้ววันนี้ก็เพียงกระทำไปอย่างที่เคยกระทำเท่านั้น
มือขวาต้วนหลิงเทียนที่จับปากกาจารึกระดับ 9 ดาวของป๋ายลี่หงพุ่งไปดั่งอัสนี จุ่มลงในหมึกอาคม!
หมึกอาคมนั้นเป็นชื่อเรียกของๆเหลวที่ถูกกลั่นมาจากวัตถุดิบทั้งหลายเพื่อจารึกอาคม
ปากกาจารึกระดับ 9 ดาวดั่งแมลงปอบินโฉบผิวน้ำ เพียงแตะจุ่มลงไปเบาๆ ก็ตวัดขึ้นมาก่อนจะพุ่งจรดขีดลงไปยังดาบในมือซ้าย!
ทันใดนั้นบนใบดาบก็ปรากฏรอยขูดลึกเป็นทาง!
มือขวาที่จับปากกาต้วนหลิงเทียนเมื่อจรดลงไปแล้ว ก็เคลื่อนไหวต่อเนื่องไม่หยุด ลวดลายทั้งอักขระซับซ้อนมากมายเริ่มถูกสลักลงบนใบดาบ
หมึกอาคมเองก็ถูกจ่ายลงไปในรอยขูดดังกล่าว มองไปคล้ายสายน้ำที่กำลังไหลไล่มาในรางน้ำอันแห้งขอด
การกระทำทุกอย่างของต้วนหลิงเทียนมันต่อเนื่องลื่นไหลคล้ายดั่งเมฆเคลื่อนคล้อย!
ทว่าป๋ายลี่หงนั้นตกตะลึงพรึงเพริดไปพักใหญ่แล้ว!
เพราะมันตระหนักเรื่องน่าสะพรึงได้ประการหนึ่ง ความเร็วในการจารึกอาคมของต้วนหลิงเทียนรวดเร็วนัก ยังรวดเร็วยิ่งกว่ามันหลายส่วน! ‘นี่น่ะหรือคือเคล็ดวิชาจารึกพิสดาร!? นี่ศิษย์น้องจ่ายออกด้วยพลังวิญญาณมหาศาลปานใดกันถึงประคองสภาวะพลัง ทั้งลำเลียงน้ำหมึกนั่นได้ต่อเนื่อง…แถมยังรวดเร็วถึงเพียงนี้!? ศิษย์น้องนับว่าเกิดมาเพื่อเคล็ดวิชานี้จริงๆ!!’
ใจป๋ายลี่หงสะท้านจนเต้นไปไม่เป็นจังหวะ ท่วมท้นไปด้วยความตื่นเต้น
เร็ว!
เร็วเกินไป!
มองความเคลื่อนไหวของต้วนหลิงเทียน ใจป๋ายลี่หงหลงเหลือเพียงคำเดียวเท่านั้น
‘ความต่างระหว่างเคล็ดจารึกอาคมธรรมดา กับเคล็ดจารึกพิสดารมันมากมายขนาดนี้เลยหรือ!?’
ตอนต้วนหลิงเทียนจารึกไปกว่าครึ่ง ใจของป๋ายลี่หงก็เสมือนจมจ่อมอยู่ในห้วงภวังค์
“เรียบร้อย…”
ในขณะที่ใจป๋ายลี่หงยังเหม่อลอยอยู่นั้น เสียงต้วนหลิงเทียนพลันดังขึ้นดึงสติของมันกลับมาทันใด คนยังยืนขึ้นพร้อมยื่นดาบมาทางมัน “ศิษย์พี่ท่านลองใช้อาคมแสงเลื่อนลอยในดาบนี่ดูสิ ว่าผลของมันอ่อนด้อยลงรึเปล่า…”
“อะไร? เสร็จแล้ว?”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนป๋ายลี่หงแน่นิ่งไปพักหนึ่งด้วยความตกใจ ยังโพล่งถามออกมาตาปริบๆ
ต้องทราบด้วยว่าตัวมันหากคิดจะจารึกอาคมเซียนแสงเลื่อนลอยนั้น ยังต้องใช้เวลาไปกว่า 2 เค่อ
ทว่าศิษย์น้องของมันกลับทำสำเร็จได้ในเค่อเดียว!
ยังไม่ถึงครึ่งนึงของเวลาที่มันใช้ด้วยซ้ำ!
มันเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวนะ!
สูดลมหายใจเข้าลึกๆจนหน้าอกพองใหญ่ไม่ไม่กี่รอบ ป๋ายลี่หงก็ระงับอาการตื่นตระหนก รับดาบมาจากต้วนหลิงเทียนและเริ่มทดลองใช้อาคมแสงเลื่อนลอยบนดาบทันที
“มะ ไม่ลด…ผลกระทบมิได้ลดลง!!”
ป๋ายลี่หงหายใจถี่รัวกล่าวออกมาอย่างยากลำบาก “เคล็ดวิชาจารึกอาคมช่างเป็นเคล็ดวิชาที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก…เสียดายที่ข้าคงไร้วาสนากับมันอย่างสิ้นเชิง พลังวิญญาณข้ามิได้มีมากมาย ทั้งยังไม่อาจควบคุมมันให้เชี่ยวชาญช่ำชองเช่นศิษย์น้องได้…”
การควบคุมใช้พลังวิญญาณนั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถของจิต!
ป๋ายลี่หงนั้น เห็นชัดว่ามันขาดพรสวรรค์เช่นนี้
ไม่เพียงแต่มันทำไม่ได้ เกรงว่าปรมาจารย์จารึกเซียนส่วนใหญ่ก็ทำไม่ได้
วาจาของป๋ายลี่หง ทำให้ต้วนหลิงเทียนใจชื้นขึ้นมาทันที
ถึงแม้เขาจะจำลองภาพการจารึกอาคมเซียนในหัวมาหลายครั้งแล้ว แต่จะอย่างไรก็ตามนี่เป็นการลงสนามจริงครั้งแรก
ดังนั้นถึงแม้เขาจะมีความมั่นใจ แต่ก็ยังมีความกังวลอยู่บ้าง
“ศิษย์พี่ นี่ปากกาจารึกท่าน”
ในขณะที่ป๋ายลี่หงยังเปิดใช้อาคมเซียนแสงเลื่อนลอย สร้างแสงสว่างออกมาเป็นสายธาร วาดวนไปเวียนมาราวเด็กน้อยได้ของเล่นใหม่ ต้วนหลิงเทียนก็ยื่นส่งปากกาจารึกระดับ 9 ดาวคืนมา
อย่างไรก็ตามป๋ายลี่หงเพียงหยุดมองปากกาจารึกระดับ 9 ดาวนั่นครู่หนึ่ง ไม่ได้รับคืนไป
มันหลับตาวูบหนึ่งทั้งเผยยิ้มขบฟัน คล้ายตัดสินใจอะไรได้
“ศิษย์น้อง ปากกาจารึกด้ามนี้เจ้าเก็บเอาไว้ใช้เถิด…เดี๋ยวศิษย์พี่ค่อยไปหาซื้อด้ามใหญ่ยามไปเมืองหานเหอ”
ป๋ายลี่หงมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซึมๆ กล่าวออกอย่างยากลำบากอยู่บ้าง “เจ้าสำเร็จเคล็ดวิชาจารึกพิสดารของท่านอาจารย์ ปากกาจารึกด้ามนี้สมควรเป็นเจ้าที่รับสืบทอด”
“ศิษย์พี่…หากไม่ใช่เพราะท่านข้ายังมีโอกาสพบพานเคล้ดจารึกพิสดารของท่านอีกเหรอ..ปากกาจารึก 9 ดาวนี่ท่านได้มาด้วยโชคชะตาและวาสนาของท่าน หากข้าสามารถรับมาได้กระทั่งของรักของท่าน ข้าก็ไม่คู่ควรเป็นศิษย์น้องของท่านแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ส่ายหน้าปฏิเสธออกมาด้วยความจริงจัง
ตอนที่ 1482
หลิวฮ่วนเยือนสถานที่หนึ่ง
ต้วนหลิงเทียนเองก็เป็นคนมีหลักการ
เขายอมรับว่าตัวเขาเองก็ต้องการปากกาจารึกนั่นไม่น้อย
ปากกาจารึกระดับ 9 ดาว ใครที่ไหนจะไม่อยากได้?
อย่างไรก็ตามมีวาจาที่กล่าวว่า ‘วีรบุรุษไม่ชิงของรักผู้อื่น’ พอเขาเห็นท่าทีลังเลของป๋ายลี่หง เขาก็รู้ได้ทันทีว่าป๋ายลี่หงเองก็ไม่อาจตัดใจจากปากกาจารึกด้ามนี้ได้
ดังนั้นแล้วเขาเองก็ไม่ควรรับ
มิฉะนั้นเขาก็เห็นแก่ตัวเกินไป!
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนยืนกรานไม่ยอมรับปากกาจารึกด้วยทาทีเด็ดขาด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ สุดท้ายป๋ายลี่หงก็รับมันกลับมา “ศิษย์น้องข้ารู้ดีว่าเจ้าไม่คิดจะพรากของรักไปจากข้า…เช่นนั้นข้าจะรับปากกาจารึกนี่กลับมาชั่วคราว แต่เจ้าต้องรับปากข้าเรื่องหนึ่ง”
“ศิษย์พี่ว่ามาเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนตอบ
“วันใดก็ตามที่เจ้ากลายเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาว…เจ้าต้องยอมรับปากกาจารึกนี้ไปทันที หากเจ้าไม่รับปากข้า! เช่นนั้นเจ้าก็จงรับมันไปเสียตั้งแต่ตอนนี้!!”
จริงอยู่ที่ป๋ายลี่หงเองก็ยากตัดใจจากปากกาจารึกด้ามนี้
ทว่านั่นเป็นเพียงธรรมชาติของมนุษย์
ปากกาจารึกระดับ 9 ดาวนั้น เกรงว่าให้เป็นทั่วทั้งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ก็อาจมีอยู่ไม่มากนัก
ยิ่งไปกว่านั้นมันเองก็ใช้ปากกาจารึกนี่มาเนิ่นนาน ความผูกพันหวงแหนย่อมมีไม่น้อย เป็นธรรมดาที่มันจะไม่เต็มใจมอบให้ใคร
อย่างไรก็ตามมันก็รู้ตัวดี ว่ามันไม่อาจเห็นแก่ตัวได้
ปากกาจารึกด้ามนี้เป็นอาจารย์ที่มันไม่เคยพบเหลือทิ้งไว้…
ถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะเป็นเจ้าของ แต่อาจารย์ของมันแน่นอนว่าย่อมหวังให้ศิษย์ที่สืบทอดเคล็ดวิชาจารึกพิสดารของตัวเองนำไปใช้
มันเชื่อว่าหากอาจารย์ของมันยืนอยู่ตรงนี้ ปากกาจารึกนี่ต้องถูกมอบให้ต้วนหลิงเทียนแน่
“ไม่มีปัญหา”
เมื่อเห็นท่าทีที่คล้ายไม่ยอมรับไม่เลิกราของป๋ายลี่หง ต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจปฏิเสธได้
ในความคิดของเขานั้น อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอน
บางทีตอนที่เขากลายเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาว เขาอาจจะไม่ได้อยู่ที่สำนักจันทร์จรัสแสงแห่งนี้แล้วก็ได้
หลังจากสนทนาเรื่องราวสัพเพเหระเรื่องการจารึกกับป๋ายลี่หงอยู่อีกพักหนึ่ง เขาก็ลาอีกฝ่ายเพื่อกลับฝ่ายนอก
ในระหว่างทางไม่ว่าจะเดินผ่านที่ไหน ต้วนหลิงเทียนพบว่าผู้คนทั้งหลายล้วนมองมาที่เขาราวกับเขามีดอกไม้ทัดหู
‘นับว่าจริงโดยแท้… คนกลัวมีชื่อ หมูกลัวอ้วนพี’
ต้วนหลิงเทียนลอบยิ้มบางๆ
เมื่อเขาเดินผ่านหน้าศาลาอุทิศเขาก็ชะงักฝีเท้า ‘ดูเหมือนตอนนี้ในศาลาอุทิศก็ไม่มีอะไรที่ข้าต้องการเป็นพิเศษ…งั้นคะแนนอุทิศที่เหลือก็แลกยันต์เต๋าเพิ่มแล้วกัน’
สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็เก็บคะแนนอุทิศไว้กับตัว 100,000 แต้ม โดยไม่รวมส่วนที่จะมอบให้หลิงอวิ๋น นอกจากนั้นเขาก็เอาไปซื้อยันต์เต๋าจนหมด
ยันต์เต๋าเป็นอะไรที่สามารถช่วยชีวิตเขาได้
ส่วนคะแนนอุทิศที่เหลือติดตัว 100,000 แต้มนั้น เขาเก็บเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉิน
หากวันดีคืนดี เกิดชั้นแรกของศาลาอุทิศมีศิษย์นำวัตถุดิบที่สามารถซ่อมแซมฟื้นฟูชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้มาขาย…
แต่เขาดันทะลึ่งไม่มีคะแนนอุทิศเหลืออยู่ ตอนนั้นเขาจะไปร้องกับใครได้?
แน่นอนว่าเขาสามารถไปหาศิษย์พี่อย่างป๋ายลี่หงเพื่อขอยืม แต่อีกฝ่ายช่วยเหลือเขามามากแล้ว หากเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากไปรบกวนอะไรอีก
หลังจากที่ซื้อหายันต์เต๋าจนพอใจแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ลองมาเดินดูของที่ชั้น 1 ของศาลาอุทิศ
ทว่าสุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ต้องกลับไปมือเปล่า เพราะหลังจากเรียกให้ผู้เฒ่าหั่วออกมาดูแล้ว แต่ก็ไม่ได้พบวัตถุดิบที่สามารถฟื้นฟูชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้แม้แต่ชิ้นเดียว
‘ดูเหมือนว่าโชคของข้าจะใช้ไปหมดแล้วจริงๆ…’
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะเยาะตัวเองในใจ ก่อนที่จะเดินออกจากศาลาอุทิศไปท่ามกลางสายตาสนใจของเหล่าศิษย์
‘ฟังจากที่ศิษย์พี่กล่าว ดูเหมือนที่เมืองหานเหอจะมีปากกาจารึกขาย…เมืองหานเหอที่ว่า นั่นก็เป็นเมืองใหญ่ที่สุดภายใต้การปกครองของ 9 พันธมิตรงั้นสินะ…สำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตรเองก็ตั้งอยู่ที่นั่นด้วย สมควรลองไปดูสักที’
ในระหว่างทางเดินกลับฝ่ายนอก ต้วนหลิงเทียนก็นึกถึงเมืองหานเหอ
เขาเองก็ได้ยินเรื่องราวของมันมาหลายครั้งแล้ว ใจอยากไปอยู่ไม่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขาก็อยากได้ปากกาจารึกอาคมสักด้าม
‘นอกจากปากกาจารึก…ที่เมืองหานเหออาจมีวัตถุดิบที่ใช้ซ่อมแซมฟื้นฟูชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้…ตอนนี้มันก็ใกล้จะฟื้นฟูได้สมบูรณ์เต็มที หากสามารถฟื้นฟูสำเร็จ ความเร็วในการฝึกปรือข้าจะก้าวหน้าขึ้นอีกมาก!’
พอคิดไตร่ตรองเรื่องนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งอยากไปเยือนเมืองหานเหอให้ได้โดยเร็ว
ชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัตินั้น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อาจใช้ยอดสมบัติสวรรค์ประจำชั้นได้
แต่สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะนั้นนับว่าดีขึ้นไม่น้อย
อีกทั้งเวลา 5 วันบนชั้น 3 ด้านนอกพึ่งผ่านไปแค่ 1 วันเท่านั้น
‘หลังจากนี้อีก 8 เดือนข้าต้องเดินทางกลับเกาะป้านเยว่ เพื่อไปอยู่กับสาวน้อยทั้ง 2 ตอนคลอด…ความสามารถในการต่อสู้ของข้าคงเพิ่มขึ้นไม่น้อยในช่วง 8 เดือนถ้าสามารถฟื้นฟูชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้! ถึงตอนนั้นคิดเดินทางอะไรข้าก็มีพลังมากพอในการเอาตัวรอดแล้ว’
พอคิดบุตรที่กำลังจะลืมตาดูโลกทั้ง 2 ในต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความหวั่นไหว อยากกลับไปให้เร็วที่สุด
‘เมื่อข้าพบท่านพ่อท่านแม่เมื่อไหร่ ข้าจะพาพวกนางมายังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าทันที…ถึงตอนนั้นข้าจะจัดงานแต่งให้พวกนางอย่างยิ่งใหญ่!’
เมื่อคิดถึงคู่หมั้นทั้ง 2 ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มีความสุขนัก
สาวน้อยคู่หมั้นของเขาทั้งคู่ จนถึงตอนนี้พวกนางยังไม่ได้รับสถานะที่พวกนางควรมี
แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากมอบสถานะที่ชัดเจนกับพวกนาง แต่เขาไม่อาจให้ได้ เพราะพ่อแม่ของเขาไม่ได้อยู่ด้วย
บิดามารดาของสาวน้อยทั้งคู่ล้วนตกตายหมดแล้ว หากขาดไปจึงไม่นับว่าเป็นอะไร อย่างไรก็ตามบิดามารดาเขายังมีชีวิตอยู่ หากขาดไป…งานแต่งก็ถือว่าไม่สมบูรณ์
‘บางทีเผลอๆกว่าจะได้เจอท่านพ่อท่านแม่อีกครั้ง ลูกน้อยของข้าคงพูดได้แล้ว…ถึงตอนนั้นข้าเชื่อว่าทั้งสองคนต้องมีความสุขแน่ ที่ได้เป็นปู่ย่าโดยไม่รู้ตัว…’
รอยยิ้มบนใบหน้าต้วนหลิงเทียนยากจะหุบลงได้โดยง่าย
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเดินยิ้มนั้น แน่นอนว่าเหล่าศิษย์ฝ่ายนอกทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความสงสัยในใจ
ไฉนศิษย์พี่ต้วนแลดูยิ้มแย้มอารมณ์ดีนักเล่า?
หรืออาวุโสป๋ายลี่มอบผลประโยชน์อันใดให้?
พอคิดถึงจุดนี้ใจทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะอิจฉา อย่าวไรก็ตามพวกมันรู้ดีว่าแข่งอะไรแข่งได้ แต่แข่งบุญวาสนาไม่ได้!
อีกทั้งต้วนหลิงเทียนเองก็เป็นคนที่พวกมันชื่นชม
“ฉงหู่ ช่วงนี้คนของหลิวฮ่วนมันได้มากวนใจอะไรพวกเจ้ารึเปล่า?”
เมื่อเจอฉงหู่อีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนก็ถามออกไปทันที
“ศิษย์พี่ต้วน ตอนนี้ยังมีใครไม่รู้ว่าท่านเป็นศิษย์น้องของอาวุโสป๋ายลี่อีก? หลิวฮ่วนนั่นป่านนี้ไม่รู้ตกใจเตายไปหรือยัง! มันยังจะกล้ามาตอแยท่านอีกหรือ? ท่านได้ดีพวกเราเองก็พลอยได้อานิสงค์จากท่านมาด้วย!”
ฉงหู่ยิ้ม “จริงสิ ข้ายังมิได้แสดงความยินดีกับศิษย์พี่ต้วนเลย! ยินดีๆ!!”
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้มองโลกในแง่ดีอย่างฉงหู่ จึงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆออกมา
เขาไม่เชื่อว่าหลิวฮ่วนนั่นมันจะละวางเรื่องราวความแค้นได้ง่ายๆ เพียงเพราะเขามีสัมพันธ์อันดีกับป๋ายลี่หง
ตอนนี้หลิวฮ่วน น่ากลัวจะเปลี่ยนจากทวนเปิดเผยเป็นเกาทัณฑ์ซุ่มซ่อนแล้ว
นี่ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเขาเลย
แน่นอนว่าเขาก็ไม่เสียใจสักนิด เพราะด้วยสัมพันธ์ศิษย์พี่น้องระหว่างเขากับป๋ายลี่หงก็ให้ผลดีกับตัวเขามากมาย
อย่างน้อยๆ ตอนนี้หลิงอวิ๋นกับฉงหู่ ก็ยังอยู่ดี
หลิวฮ่วนเองก็ไม่กล้ามาสร้างปัญหาให้พวกมัน
‘แต่ศิษย์พี่คนนี้ก็อุกอาจไม่น้อย…ถึงกับไปหาหลิวฮ่วนซึ่งๆหน้าแบบนั้น’
ตอนป๋ายลี่หงบอกต้วนหลิงเทียนว่าได้ไปกล่าวเตือนหลิวฮ่วนถึงบ้านมาแล้ว ต้วนหลิงเทียนยังอดไม่ได้ที่จะอึ้ง
เขามองไม่ออกจริงๆว่าศิษย์พี่ของเขามีด้านนี้อยู่ด้วย อีกฝ่ายกลับไปกล่าววาจาเตือนหลิวฮ่วนไว้ชัดเจน!
หากหลิวฮ่วนกล้าแตะต้องเขา ตายสถานเดียว!
ถึงแม้ว่าในสำนักจันทร์จรัสแสงจะมีกฏเกณฑ์ห้ามฆ่ากันในสำนักโดยเด็ดขาด
แต่ป๋ายลี่หงเป็นใคร?
กระทั่งผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักจันทร์จรัสแสงยังไม่กล้าอวดอ้าง
ป๋ายลี่หงอยากฆ่าคน ไม่ต้องถามว่ามีเหตุผลหรือไม่มีเหตุผลด้วยซ้ำ เกรงว่าจะไม่มีใครกล้าแตะต้อง!
ความสำคัญของป๋ายลี่หงในสำนักจันทร์จรัสแสงแห่งนี้ ไม่ธรรมดานัก!
ในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา อีก 7 ขุมพลังที่เหลือในบรรดา 9 พันธมิตร พวกมันไม่เคยขาดการส่งคนมาลอบเจรจากับป๋ายลี่หงเพื่อให้ไปเข้าร่วมกับขุมพลังพวกมันแม้แต่น้อย…และตัวตนระดับเซียนของสำนักจันทร์จรัสแสงก็รับรู้เรื่องนี้ดี
ในอดีตนั้นป๋ายลี่หงปฏิเสธอีกขุมพลังทั้ง 7 เพราะชมชอบสำนักจันทร์จรัสแสงเป็นพิเศษ
หากสำนักจันทร์จรัสแสงทำให้ป๋ายลี่หงไม่พอใจ เกรงว่าไม่ต้องให้ขุมพลังทั้ง 7 มาชวน ป๋ายลี่หงก็ไม่แน่ว่าจะอยู่!
ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาว สำหรับขุมพลังชั้น 7 แล้วมีความสำคัญใหญ่หลวงนัก ยิ่งสำหรับสำนักจันทร์จรัสแสง ป๋ายลี่หงก็เสมือนเสาหลักในเรื่องของความมั่งคั่ง!
“ฉงหู่ ข้าฝากคะแนนอุทิศของหลิงอวิ๋นไว้ที่เจ้าแล้วกัน ถ้าเจ้าเจอมันก็เอาให้มันด้วย…ข้ากลัวว่าจะไม่ได้เจอพวกเจ้าไปอีกพักหนึ่ง”
ต้วนหลิงเทียนหยิบบัตรแก้วออกมาพร้อมกล่าวบอกเหตุผลต่อฉงหู่
“ศิษย์พี่ต้วนท่านจะปิดด่านบ่มเพาะหรอ?”
ฉงหู่ถาม
“อืม”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ แต่อย่างไรเสียเขาไม่ได้เปิดเผยเรื่องที่คิดออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงไปยังเมืองหานเหอให้ฉงหู่รู้
เขาไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับใครแม้แต่กับป๋ายลี่หง
เขารู้ดีแก่ใจว่าแม้เขาจะพึ่งมาอยู่สำนักจันทร์จรัสแสงได้ 4 เดือน แต่เขาก็มีเรื่องราวกับคนอื่นไม่น้อย
หากให้คนพวกนั้นล่วงรู้เรื่องที่เขาคิดออกจากสำนักจันทร์จรัสแสง พวกมันไม่มาไล่ฆ่าเขารึไง?
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่ได้คิดจะออกเดินทางทันที
‘ทะลวงไปยังหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่ก่อน ค่อยไปเมืองหานเหอแล้วกัน’
ต้วนหลิงเทียนลอบตัดสินใจเงียบๆ
เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนไม่รู้เลยก็คือ ในตอนที่เขาปิดด่านบ่มเพาะในชั้น 2 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัตินั้น หลิวฮ่วนก็ได้บรรลุถึงเมืองหานเหอแล้ว
เรื่องที่หลิวฮ่วนมายังเมืองหานเหอนั้น แม้แต่ศิษย์ส่วนตัวของมันอย่างซูฉีก็ไม่รู้
เพราะมันปลอมแปลงรูปโฉมออกมา
หลังจากที่หลิวฮ่วนมาถึงเมืองหานเหอ มันก็เดินลัดเลาะไปในตรอกซอยเปลี่ยวร้างก่อนที่จะหายตัวไป
มันไม่ได้ปรากฏตัวออกมา กระทั่งดึกดื่นมืดค่ำ
ในพื้นที่ส่วนตะวันตกของเมืองหานเหอ อันเงียบสงบร้างผู้คน
มีคฤหาสน์หลังหนึ่งตั้งอยู่อย่างไม่โดดเด่นอะไร
ช่วงกลางวันยามผู้คนผ่านไปมา ก็ไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย เพราะมันไม่มีอะไรน่าสนใจ
ทว่ายาดึกนั้น แทบทุกคืนกลับมีร่างมากมายทยอยกันพุ่งเข้าไปในคฤหาสน์หลังนี้ปานภูตผี
หลิวฮ่วนที่มาหยุดยืนอยู่หน้าคฤหาสน์เองก็พุ่งเข้าไปด้วยสายตาเยียบเย็น
ร่างหลิวฮ่วนพุ่งร่างแซงเงาร่างที่คล้ายภูตผีหลายร่างก่อนจะวูบเข้าไปในเขตคฤหาสน์
มันเข้ามาในเขตคฤหาสน์ได้ไม่นาน ประตูคฤหาสน์ก็เปิดออกกว้างเผยให้เห็นเส้นทางอันมืดมิดทอดยาวไปปานจะไร้ก้นบึ้ง
“ข้าต้องการซื้อชีวิตใครบางคน!”
หลิวฮ่วนที่เดินผ่านเส้นทางอันมืดมิดจนเข้าไปยังห้องๆหนึ่ง พลันกล่าวออกด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง…
ตอนที่ 1483
ตั๊กแตนจ้องจับจั๊กจั่น!
มากกว่าหนึ่งครั้งที่ต้วนหลิงเทียนคิดถึงสถานการณ์หลังจากที่เขาทะลวงไปยังขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่ ว่าตัวเขาจะทะลวงเปิดจุดชีพจรเซียนได้กี่จุดกันแน่ แล้วมันจะสามารถทะลวงเปิดได้จนครบหรือไม่…
จุดชีพจรเซียนหรือจุดชีพจรฟ้าดินนั้นมีทั้งสิ้น 99 จุด
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยสืบไป เพราะในที่สุดเขาก็ทะลวงมาถึงขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่เสียที!
“ชีพจรเซียน…”
หลังจากที่ทะลวงเปิดจุดชีพจรเซียนเสร็จสิ้นแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ทำการส่องภายในเพื่อชมดูจำนวนจุดชีพจรเซียนที่เขาทะลวงเปิดได้ทันทีด้วยความกังวล
ในเมื่อเขาทะลวงมายังหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่ได้แล้ว นั่นหมายความว่าจุดชีพจรเซียนของเขาถูกทะลวงเปิดถึงขีดจำกัด หลังจากนี้เขาไม่อาจทะลวงเปิดจุดเพิ่มได้อีกต่อไป
เพราะอารมณ์ที่จดจ่อกับการทะลวงเปิดจุดหลังจากทะลวงมาถึงหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่ ทำให้เขาไม่มีสมาธิพอจะนับจำนวนจุดที่เขาทะลวงเปิดเพิ่มได้!
หากเขานับมันบ้างถึงแม้จะคร่าวๆก็ตาม อย่างน้อยๆเขาก็คงไม่ต้องมานั่งกังวลใจขนาดนี้
อย่างไรก็ตามพอเขานับจำนวนชีพจรรวมในร่างกายของเขาจนเสร็จ เขาก็เสมือนได้ยกหินหนักอึ้งที่ทับอกออกไปทันที
“กะ…เก้าสิบเก้า! นิ…นี่…”
ใจต้วนหลิงเทียนแทบจะโผบินไปเคียงจันทร์ทันทีที่นับจุดชีพจรในร่างเสร็จ!
นี่เป็นอะไรที่เขาฝันอยู่ทุกค่ำคืน ทว่าตอนนี้ฝันกลับกลายเป็นจริง! อารมณ์ทั้งหลายคล้ายได้รับการปลดเปลื้อง!!
เมื่อทราบจำนวนคร่าวๆแล้วเขาก็โล่งใจไม่น้อย
ต้วนหลิงเทียนรู้ดีว่าจำนวนจุดชีพจรเซียน 99 จุดหมายความว่าอะไร
หมายความว่าจำนวนจุดชีพจรของเขาถูกทะลวงเปิดจนถึงขีดจำกัด!
แม้กระทั่งในเทวะตำนานโบราณจากโลกเก่าของเขา…ผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดินซุนหงอคง ผู้ที่กาลครั้งหนึ่งถูกกักขังไว้ใต้ขุนเขา 5 นิ้ว ยังไม่อาจเทียบกับเขาได้ในเรื่องของจุดชีพจรที่ถูกทะลวงเปิด!!
“นับอีกทีซิ”
หลังจากนั้นไม่นานความตื่นเต้นของต้วนหลิงเทียนก็สงบลง ทว่าต่อมาก็กลับกลายเป็นดั่งครั้งแรก ที่เสมือนฝันเป็นจริง “ถูกแล้ว! 99 จุด! อีกรอบ…”
หลังจากนับอยู่หลายรอบ ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ยืนยันได้ ว่าตัวเขาสามารถทะลวงเปิดจุดชีพจรเซียนได้ 99 จุดจริงๆ!
“ท่านผู้เฒ่าหั่ว!”
หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆและใช้เวลาพักหนึ่งเพื่อสงบสติอารมณ์ ต้วนหลิงเทียนก็วิ่งลงไปหาผู้เฒ่าหั่วที่ชั้นแรกทันที
พอผู้เฒ่าหั่วได้ยินเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนทะลวงเปิดจุดชีพจรเซียนได้ถึง 99 จุด มันก็ตะลึงค้างไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาด้วยความไม่แน่ใจ “เจ้าแน่ใจรึว่าสามารถทะลวงเปิดจุดชีพจรฟ้าดินได้ 99 จุดจริงๆ?”
นับเป็นครั้งแรกเลยจริงๆตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนอยู่กับผู้เฒ่าหั่วมา และได้เห็นท่าทางอึ้งๆด้วยความไม่อยากจะเชื่อของผู้เฒ่าหั่ว!
จังหวะนี้ในใจเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกคึกคักขึ้นมาอยู่บ้าง
“ผู้เฒ่าหั่ว ท่านอยากลองตรวจดูเองไหมเล่า?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
ผู้เฒ่าหั่วย่อมไม่เกรงใจใดๆ มือพุ่งไปคว้ามือต้วนหลิงเทียนปานอัสนีฟาด และก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะทันได้ตอบสนองเรื่องราว ผู้เฒ่าหั่วก็ชักมือกลับมาพร้อมกล่าวพึมพำเสียแล้ว “เป็น 99 จุดจริงๆ…นี่เจ้าเป็นมนุษย์แน่หรือ?”
สุดท้ายสายตาที่ผู้เฒ่าหั่วใช้มองต้วนหลิงเทียน ก็คล้ายชมดูตัวประหลาดอยู่บ้าง
ทว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจอะไร
เพราะเมื่อครู่พริบตาที่ผู้เฒ่าหั่วพุ่งมือมาคว้ามือเขาไว้ ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงกระแสพลังอันมหาศาลสุดที่จะหยั่งถึงขุมหนึ่ง ชำแรกเข้ามาทั้งกวาดไปทั่วร่างเขาในเสี้ยวพริบตา จนทำให้เขารู้สึกสะท้านปานมีอัสนีฟาด! ทั้งกระแสพลังดังกล่าวก็หายไปก่อนที่เขาจะทันได้ตอบสนองอะไร!!
ผู้เฒ่าหั่วหดมือกลับไปเสียแล้ว…
ความแข็งแกร่งของผู้เฒ่าหั่วทำให้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะตกใจอีกรอบ
‘น่าเสียดายที่ผู้เฒ่าหั่วไม่อาจออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้ ทั้งยังไม่อาจทำร้ายอะไรคนนอกเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้เลย…ไม่งั้นท่านต้องช่วยข้าได้มาก!’
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสียดาย
หลังจากที่ทะลวงเปิดจุดชีพจรเซียนได้ทั้ง 99 จุด ความสามารถหลายอย่างของต้วนหลิงเทียนก็ถูกยกระดับพัฒนาขึ้นมาอย่างสูง!
ตอนนี้ไม่เพียงแต่โสตประสาทรับฟังของเขาเท่านั้น สายตา กระทั่งประสาทสัมผัสในด้านรับกลิ่นเองก็ถูกยกระดับขึ้นมาจนน่าเหลือเชื่อ
ต้วนหลิงเทียนมั่นใจว่าตอนนี้ต่อให้ไม่ต้องใช้ศาสตราเซียนหรืออาคมเซียนอะไร เพียงอาศัยหมัดเท้าเปล่าเปลือย เขาก็เป็นราชันในขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์!
ความช่วยเหลือที่ 99 จุดชีพจรมอบให้เขาไม่ใช่เรื่องล้อเล่น!
‘ด้วยพลังฝีมือของข้าในตอนนี้ นับว่ามีกำลังป้องกันตัวเองบ้างแล้ว…ถึงเวลาที่ข้าจะออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงไปเปิดหูเปิดตาเสียที’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าว
กลางดึกคืนนั้นต้วนหลิงเทียนก็กระทำตามที่คิดเอาไว้ เขาลอบออกจากบ้านเดี่ยวพร้อมลานของเขา กระทั่งออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงไปอย่างเงียบงัน…
ฟุ่บ!
หลังออกมาพ้นอาณาเขตของสำนักจันทร์จรัสแสงแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างพุ่งทะยานขึ้นฟ้าไปด้วยความเร็วสูง
มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ตั้งของเมืองหานเหอ
เป็นเวลากว่าเดือนแล้วที่เขาวางแผนไปเยือนเมืองหานเหอ ในที่สุดเมื่อผ่านไปหนึ่งเดือนจากวันนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ทะลวงไปยังหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่ได้สำเร็จ ได้เริ่มต้นเดินทางออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงเสียที…
ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีผู้ใดล่วงรู้ เพราะเขากระทำการลักลอบออกมาอย่างรอบคอบไร้ตำหนิ
อนิจจาแม้การกระทำของต้วนหลิงเทียนจะรอบคอบและไร้จุดผิดพลาดใดๆแม้แต่ข้อเดียว แต่ก็ยังมีคนที่สามารถล่วงรู้ถึงการออกเดินทางของเขาได้…
คนที่ล่วงรู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นหวงเฉิงอาวุโสฝ่ายนอก!
“ข้ารอจับกระต่ายนี้มานาน สุดท้ายกระต่ายก็มาถึงหน้าประตูข้าเอง…ต้วนหลิงเทียนนั่น มิคิดเลยจริงๆว่ามันกลับลักลอบออกจากสำนักได้อย่างเงียบเชียบนัก น่ากลัวว่ากระทั่งป๋ายลี่หงยังมิอาจล่วงรู้ด้วยซ้ำ!”
มุมมืดหนึ่งของประตูสำนัก ปรากฏร่างที่พร่าเลือนคล้ายภูตผีของหวงเฉิงแสยะยิ้ม ไม่นานร่างมันก็เป็นดั่งสายลมหอบหนึ่งไล่ตามต้วนหลิงเทียนไปทันที
หวงเฉิงนั้นเชี่ยวชาญวิทยายุทธ์เร้นกายที่มันบังเอิญพบพานด้วยวาสนามาไม่น้อย ทำให้มันมีความสามารถในการปกปิดตัวเองสูงมาก ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนผู้เป็นเชี่ยวชาญสรรพวุธอันดับหนึ่งของโลก ทั้งยังมีความสามารถในการย้อนรอยอันน่าอัศจรรย์ แต่เขาก็ไม่อาจจับสัมผัสการดำรงอยู่ของหวงเฉิงที่แอบอยู่ได้เลย!
จนเมื่อพริบตาที่หวงเฉิงเคลื่อนไหว เสียงแหวกอากาศเบาหวิวที่แว่วดังมาจากด้านหลัง ทั้งเสียงสายลมแรงที่พัดเข้ามาทักขณะก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมหันต์!
พริบตานั้นเองก็ปรากฏร่างเงาหนึ่งวูบมาดักขวางหน้าต้วนหลิงเทียนเอาไว้ ร่างนี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเขาแต่อย่างไร
“หวงเฉิง”
เห็นคนที่มาดักอยู่ด้านหน้า สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็คลายลงหลายส่วน แทนที่ด้วยความประหลาดใจ ด้วยไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะล่วงรู้ความเคลื่อนไหวเขาได้ แต่เขากลับไม่อาจจับสัมผัสมันที่แอบอยู่ได้แม้แต่น้อย!
หวงเฉิงก็นับเป็นอีกคนหนึ่งที่เขามีเรื่องบาดหมางด้วยในสำนักจันทร์จรัสแสง
“ต้วนหลิงเทียน”
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนชักสีหน้าเคร่งเต็มไปด้วยความประหลาดใจ หวงเฉิงพลันยิ้มร่าออกมาอย่างสนุกสนานสมใจ “ข้าอดทนซุ่มรอเจ้าอยู่ 2 เดือน ในที่สุดเจ้าก็โผล่หัวออกมาคนเดียวเสียที…เดือนที่แล้วข้ามิคิดเลยว่าอาวุโสป๋ายลี่จะถึงขั้นติดตามเจ้ามาด้วย…จึงยากที่ข้าจะลงมืออะไรได้!”
“ทว่าวันนี้เจ้าตายแน่!”
สิ้นเสียงหวงเฉิงคลื่นปราณแท้ 2 ขุมก็ก่อตัวเหนือศีรษะของมัน หนึ่งนั่นเริ่มควบรวมกลับกลายเป็นดามหึมา ส่วนอีกหนึ่งกลับกลายเป็นสัตว์ร้ายตัวเขื่อง แลละม้ายคล้ายเสือดาวหรือเสือโคร่ง
วู้มมม!!
ทันทีที่ดาบยักษ์ควบรวมจนมีสภาพมันก็พุ่งเข้าหาต้วนหลิงเทียนจากทางซ้าย มาถึงระยะหนึ่งมันก็หยุดลง กลิ่นอายพลังคมกล้าน่ากลัวแผ่ออกมากดดันในบรรยากาศ!
ปง! ปง! ปง!
……
สัตว์ร้ายที่คล้ายมีชีวิตเองก็ย่ำเท้าเหยียบเวหาพุ่งมาจนบังเกิดเป็นเสียงอากาศระเบิดดังปง!
และในชั่วพริบตาร่างสัตว์ร้ายตัวเขื่องก็พุ่งเข้ามาหยุดอยู่ด้านขวาของต้วนหลิงเทียน มันหยุดคุมเชิงเอาไว้เช่นกัน สีหน้าท่าทางแลดูดุร้ายคล้ายพร้อมจะกระโจนมาขย้ำกลืนร่างต้วนหลิงเทียนได้ทุกเมื่อ!
“ปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตรา ปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์!”
เผชิญหน้ากับการปิดล้อมนี้ สีหน้าต้วนหลิงเทียนแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที
“โฮ่? นับว่าเจ้ามีความรู้มิเลวเลยนี่ ถูกแล้วนี่คือปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตราและปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์!”
หวงเฉินกล่าวเย้ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่างไรเสีย นับตั้งแต่วันนี้ไปเจ้าที่มีพรสวรรค์และศักยภาพในเชิงยุทธ์ถึงขั้นเป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ของศิษย์ฝ่ายนอก จักต้องกลายเป็นธุลีกองหนึ่งบนดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า…อยากรู้นัก เมื่อผ่านไปสักปียังจะมีกี่คนที่จดจำเจ้าได้…”
“หวงเฉิง ข้าจดจำได้ว่าระหว่างข้ากับเจ้าก็มิได้มีเรื่องราวความแค้นบาดหมางถึงขั้นตกตายกันไปข้างนี่นา?”
ลูกตาต้วนหลิงเทียนหรี่ลงกล่าวถามหวงเฉิงด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ “กล่าวไปแล้วดูเหมือนว่าความขัดแย้งของข้ากับเจ้าก็มีเพียงเรื่องเดิมพันคะแนนอุทิศไม่ใช่รึ? แต่จะว่าไปข้าเองก็ไม่ได้บังคับให้เจ้าเดิมพันสักหน่อย เป็นเจ้ามาแทงเสียข้าเอง…เจ้ายังโทษใครได้?!”
“เฮอะ! เจ้าจักพล่ามเรื่องนี้ตอนนี้ก็มิมีความหมายอันใดแล้ว!”
หวงเฉิงกล่าวออกเสียงเหี้ยม “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้า ต้วนหลิงเทียน ถูกกำหนดให้ดับสูญไปจากโลกหล้า…จักไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเจ้าตายด้วยน้ำมือข้า และหากชาติหน้ามีจริงเจ้าก็อย่าได้ลืม…ว่ามีบางคนที่เจ้ามิอาจล่วงเกินได้!”
“อ้อ…ว่าแต่ถ้าตอนนี้ข้าจ่ายให้เจ้า 360,000 คะแนนอุทิศ เจ้าจะปล่อยข้าไปรึเปล่า?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเฉยเมย
“ฮ่าๆๆๆ”
ได้ยินคำถามนี้ของต้วนหลิงเทียน หวงเฉิงก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น สายตาที่มองต้วนหลิงเทียนทำราวกับเห็นตัวโง่งม “ต้วนหลิงเทียนเจ้าจักไม่ไร้เดียงสาไปหน่อยหรือไร หากข้าฆ่าเจ้า…บัตรแก้วในมือเจ้าไหนเลยยังรอดพ้นมือข้า? ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่คะแนนอุทิศ กระทั่งสมบัติทั้งหมดในตัวเจ้าก็เป็นของข้า!!”
“นอกจากนี้ในเมื่อเจ้าได้กลายเป็นศิษย์น้องของอาวุโสป๋ายลี่ มันสมควรให้ศาสตราเซียนที่จารึกอาคมเซียนไว้กับเจ้าใช่หรือไม่…แถมศาสตราเซียนที่จารึกอาคมเซียนนั่น หากให้ข้าเดาก็คงมิพ้นศาสตราเซียนระดับปฐพีที่จารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวไว้ถึง 2 อาคม!”
ตอนนี้สายตาที่หวงเฉิงใช้มองต้วนหลิงเทียนไม่คล้ายมองผู้คน แต่กำลังมองสมบัติล้ำค่า!
เห็นหวงเฉิงที่ใช้สายตาเปี่ยมความโลภมองมา สายตาต้วนหลิงเทียนยังคงไร้แยแส
วาจาที่เขากล่าวออกไปก่อนหน้า เสมือนโยนหินถามทางหวงเฉิงเท่านั้น
อันที่จริงที่ตัวเขาก็มีคะแนนอุทิศไม่ถึง 300,000 แต้มด้วยซ้ำ
เพราะตอนนี้ในบัตรแก้วเขาเหลือแค่ 100,000 แต้ม!
“หวงเฉิงเจ้าผิดแล้ว…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบเสียงเอื่อย
“ข้าผิด?”
หวงเฉิงยิ้มเยาะ “ต้วนหลิงเทียน ให้ข้าดูว่าเจ้ายังมีกลใดคิดละเล่น? หรือเจ้าคิดจริงๆว่าหลังจากผ่านคืนนี้ไปเจ้าจักยังมีลมหายใจ?”
“ข้าจะไปมีกลใดคิดละเล่นได้เล่า?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว “ข้าแค่บอกว่าเจ้าผิด…เพราะศาสตราเซียนของข้ามันไม่ได้จารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวแค่ 2 อาคมแต่เป็น 3 อาคมต่างหาก…ถึงเจ้าได้ไปแต่เจ้าจะกล้าใช้มันงั้นเหรอ?”
วาจาท้ายประโยคต้วนหลิงเทียนยังหัวเราะเยาะออกมาเบาๆ
เร็วเท่าความคิด ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวเรื่องศาสตราเซียนที่จารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวถึง 3 อาคมออกมา ลูกตาหวงเฉิงก็เต็มไปด้วยความละโมบอันไร้สิ้นสุด
และพอได้ยินวาจาหัวร่อท้ายประโยคของต้วนหลิงเทียน หวงเฉิงก็แสยะยิ้มกล่าวเย้ยออกมา “เจ้าคิดว่าข้าจะโง่อยู่ในสำนักจันทร์จรัสแสงต่อหรือไร หลังจากที่ข้าฆ่าเจ้าและชิงศาสตราเซียนที่จารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวถึง 3 อาคมนั่นมาแล้ว?”
“ถึงข้าจะยังอยู่ในสำนักจันทร์จรัสแสง ข้าก็แค่ปกปิดเรื่องนี้ไประยะหนึ่ง…สุดท้ายข้าค่อยจากไปก็ยังได้”
ศาสตราเซียนที่มีอาคมเซียนระดับ 3 ดาวจารึกไว้ถึง 3 อาคมนั้น มากเกินพอที่จะทำให้มันตัดสินใจออกจากสำนักจันทร์จรัสแสง
หวงเฉิงได้ตัดสินใจแล้ว
“โฮ่? ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่วันสองวันที่เจ้าเตรียมการมางั้นสินะหวงเฉิง…กระทั่งหนทางถอยเจ้ายังคิดเอาไว้แล้ว”
ต้วนหลิงเทียนมองสบตาหวงเฉิงอย่างลึกซึ้งค่อยกล่าวออกเสียงเรียบ “แต่เจ้าคิดจริงๆหรือ ว่าวันนี้จะฆ่าข้าได้?”
ตอนที่ 1484
ความตื่นตระหนกถาโถมใส่หวงเฉิง
พอต้วนหลิงเทียนกล่าวจบ ยันต์แผ่นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือเขา
“ยันต์เต๋าเทพเคลื่อนระดับ 3 ดาวนี่ จะทำให้ข้ามีความเร็วเท่าสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่…หวงเฉิงเจ้าคงไม่คิดหรอกนะว่าจะไล่ตามข้าที่ใช้ยันต์เทพเคลื่อน 3 ดาวนี่ได้ทัน?”
ต้วนหลิงเทียนมองหวงเฉิงพร้อมยิ้มแสยะเผยความมั่นใจ
อย่างไรก็ตามแม้จะเห็นต้วนหลิงเทียนควักยันต์เต๋าเทพเคลื่อนระดับ 3 ดาวออกมา สีหน้าหวงเฉิงยังเป็นปกติ ไม่คล้ายแปลกใจอะไร…นับว่าเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง
ทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงสังหรณ์อัปมลคลประการหนึ่ง
“สำแดง!”
แม้ไม่ทราบว่าไฉนใจถึงบังเกิดสังหรณ์ดังกล่าว ทว่าต้วนหลิงเทียนเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตัวเอง เร่งกล่าวคำสำแดง เผยอานุภาพยันต์เต๋าทันที!
ทันใดนั้นแผ่นยันต์ในมือก็สลายหาย พร้อมมีพลังอำนาจลึกลับขุมหนึ่งชำแรกไปทั่วกายต้วนหลิงเทียน
ฟุ่บ!
ร่างต้วนหลิงเทียนพุ่งหายไปจากสายตาหวงเฉิงทันที!
ถึงแม้หวงเฉิงจะใช้ปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตรา กับปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ล้อมต้วนหลิงเทียนเอาไว้ ทว่ามันก็ไม่อาจตอบสนองใดได้ทัน!
หวงเฉิงนั้นจะอย่างไรก็พึ่งเป็นสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบ เผชิญกับความเร็วของสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ มันย่อมไม่อาจแม้แต่จะมองเห็น!
ความเร็วของสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ รวดเร็วสุดที่สู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบทั่วไปจะตอบสนองอันใดได้!
อย่างไรก็ตามแม้เห็นต้วนหลิงเทียนอันตรธานหายไปต่อหนาต่อตา หวงเฉิงก็ไม่แตกตื่นลนลาน มือสะบัดฉับไวปานสายฟ้าเรียกยันต์เต๋าใบหนึ่งออกมาเช่นกัน
“สำแดง!”
ทันทีที่หวงเฉิงกล่าวจบคำ ยันต์เต๋าในมือพลันสลาย พลังอำนาจลี้ลับเอ่อล้นไปทั่วร่าง แล้วมันก็อันตรธานหายไปในอากาศไม่ต่างใดจากต้วนหลิงเทียน!
แน่นอนว่าร่างมันไม่ได้อันตรธานหายไปจริงๆ เพียงแค่เคลื่อนไหวว่องไวเกินกว่าสายตาจะมองเห็น!
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเจ้ามียันต์เต๋าเทพเคลื่อน 3 ดาวให้ใช้อยู่คนเดียว!?”
เมื่อต้วนหลิงเทียนพุ่งไปได้ไม่นานเขาก็ชะลอตัวลงเล็กน้อย นั่นทำให้หวงเฉิงที่ใช้ยันต์พุ่งร่างไล่ตามต้วนหลิงเทียนมาติดๆ ไม่นานมันก็บรรลุถึงด้านหลังต้วนหลิงเทียน
ได้ยินเสียงหวงเฉิง สีหน้าต้วนหลิงเทียนเคร่งขรึมขึ้นมาไม่น้อย
‘หวงเฉิงมันมียันต์เต๋าเทพเคลื่อน 3 ดาวด้วยงั้นเหรอ!?’
นี่เป็นความคิดแรกที่แวบขึ้นมาในใจ
จังหวะนี้เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยนัก ว่าหวงเฉิงมันไปเอาคะแนนอุทิศจากไหนมาซื้อยันต์เต๋าเทพเคลื่อนระดับ 3 ดาว!
นั่นเพราะเขารู้ดีจากท่าทีของอีกฝ่าย ว่าวันนั้นมันเสียคะแนนอุทิศให้เขาเกือบหมดเป็นแน่ ตามหลักแล้วมันไม่น่าจะมีคะแนนอุทิศเหลือพอไปซื้อยันต์เต๋าได้เลย!
ทุนรอนของอาวุโสฝ่ายนอกเช่นมันสมควรมีจำกัด!
อย่างไรก็ตามมีเรื่องหนึ่งที่ต้วนหลิงเทียนไม่ทราบ
ในสำนักจันทร์จรัสแสงนั้น มีการปล่อยสินเชื่อให้เหล่าอาวุโสกู้คะแนนอุทิศออกไปจับจ่ายก่อนได้ และวงเงินกู้ก็มากถึง 200,000 คะแนนอุทิศ!
มันทุ่มหมดหน้าตักเพื่อจับต้วนหลิงเทียนให้ได้ เพราะมันรู้ดีว่าในตัวต้วนหลิงเทียนมีสมบัติกองโตรอมันอยู่! เป็นการลงทุนที่คุ้มเสี่ยง!!
วันนั้นต้วนหลิงเทียนก็มียันต์เต๋าเทพเคลื่อนระดับ 3 ดาวไปต่อกรกับเฮ่อจง ทำให้มันรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนสมควรมียันต์ระดับนี้ติดตัวเอาไว้!
นอกจากนั้นมันยังรับทราบมาอีกว่าต้วนหลิงเทียนเรียกร้องให้เฮ่อจงชดใช้ยันต์เต๋าเทพเคลื่อน 3 ดาว
ในเมื่อมันรู้ว่าต้วนหลิงเทียนต้องมียันต์เต๋าเทพเคลื่อนระดับ 3 ดาวแน่ๆ มันจึงไปกู้เงินกับสำนัก กระทั่งหยิบยืมสหายมามากมาย
เพื่อที่จะฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ได้แน่ๆ มันถึงกับทุ่มหมดหน้าตัก
เพราะมันเชื่อว่านี่เป็นการค้ากำไรงาม! คุ้มค่าที่จะเสี่ยง!!
ฟุ่บ!
หลังจากที่ได้รับทราบว่าหวงเฉิงเองก็มียันต์เต๋าเทพเคลื่อนระดับ 3 ดาวด้วย ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้นด้วยความขัดใจ ยังเสียใจที่ดันทะลึ่งชะลอความเร็วไปวูบหนึ่ง
เหตผลที่เขาชะลอความเร็วลงนั้น ก็เพราะสัมผัสได้ว่าหวงเฉิงไม่ได้ตามมา และเขาอยู่นอกระยะแล้ว
ทว่าไม่คิดไม่ฝันเลยว่าหวงเฉิงจะมียันต์เต๋าเทพเคลื่อน และไล่จี้ตามมาแบบนี้
กระทั่งติดตามมาได้ทัน!
เมื่อต้วนหลิงเทียนเร่งความเร็วถึงจุดสูงสุดอีกครั้ง ก็พอดีกันกับหวงเฉิงที่มาถึงพอดี ร่างทั้ง 2 จึงไล่ตามกันไปติดๆ ระยะห่างไม่ลดลงแต่ก็ไม่เพิ่มขึ้น
“ต้วนหลิงเทียน ข้ากล่าวไว้แล้วว่าวันนี้เจ้าต้องดับสูญไปจากโลกใบนี้ชั่วกาล…ข้าจักส่งเจ้าลงนรกเอง!!”
หวงเฉิงแสยะยิ้มเย้ยหยัน เหนือของของมันปรากฏคลื่นปราณแท้ 2 ขุม เป็นปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตรากับปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ใช้ออกอีกครั้ง!
วู้มมม!
ดาบเล่มเขื่องทะลวงแหวกฟ้ามาอย่างเกรี้ยวกราด ราวกับมันจะพุ่งมาผ่าร่างต้วนหลิงเทียนใหหเป็น 2 เสี่ยง!
ปง! ปง! ปง!
……
สัตว์ประหลาดตัวเขื่องเองก็ย่ำอากาศมาฉับไว จนอากาศแตกระเบิดเสียงดัง มันอ้าปากกว้างกระหายเลือดโถมมาปานจะขย้ำกลืนร่างต้วนหลิงเทียนให้หายไปในหนึ่งคำ!
“สำแดง!”
เมื่อเห็นหวงเฉิงลงมือด้วยอำมหิต ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวออกเสียงเข้มดังสนั่น
ขณะเดียวกันยันต์เต๋าที่ไม่ทราบเรียกมาถือไว้ในมือตั้งแต่เมื่อใดก็สลายหายไปอีกแผ่น
“หืม?”
หวงเฉิงที่ได้ยินเสียงตะโกนต้วนหลิงเทียน หน้าเปลี่ยนสีทันที
พริบตามันก็พบว่าทั่วร่างต้วนหลิงเทียนปรากฏม่านพลังสีทองฉาบคลุมเอาไว้ มองไกลๆคล้ายมีไข่ทองคำกำลังห่อหุ้มร่างต้วนหลิงเทียนก็ไม่ปาน!
เปรี๊ยง!! ปงงง!!
พริบตานั้นเองดาบพลังมีสภาพกับสัตว์ร้ายตัวเขื่องของมัน ก็บรรลุถึงม่านพลังต้วนหลิงเทียน! ยังกระแทกกระทั้นส่งเสียงระเบิดดังสนั่นลั่นฟ้า! ดาบพลังมีสภาพกับสัตว์ร้ายสลายหายไปทันทีหลังปะทะ!!
ทว่าผิดคาดนัก ม่านพลังสีทองนั่นกลับไม่เสียหายแม้แต่น้อย
“มารดามันเถอะ! ยันต์เต๋าม่านพลังทอง 3 ดาว!!”
เห็นฉากนี้สีหน้าหวงเฉิงก็บิดเบี้ยวเหยเก มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะพกยันต์เต๋าม่านพลังทองระดับ 3 ดาวติดตัวไว้ด้วยแบบนี้!
“ต้วนหลิงเทียนดูเหมือนว่าเจ้าจักกลัวตายมิใช่น้อย…ไม่เพียงแต่ยันต์เทพเคลื่อน กระทั่งม่านพลังทอง 3 ดาวเจ้าก็มี!”
หวงเฉิงกล่าวเสียดสีด้วยความขัดใจ
“กลัวตาย?”
หลังจากได้ยินคำหวงเฉิง ต้วนหลิงเทียนก็แค่นเสียงเย้ยเยาะออกมา “หรือเจ้าไม่กลัวตาย งั้นทำไมเจ้าไม่ยืนนิ่งๆให้ข้าปาดคอเจ้าดูสักทีเล่า?”
เมื่อเปิดใช้งานยันต์เต๋าม่านพลังทอง ระดับ 3 ดาว ก็จะปรากฏม่านพลังกล้าแข็งห้อมล้อมคุ้มครองผู้ใช้
การป้องกันของมัน เทียบได้กับการป้องกันด้วยม่านพลังปราณแท้ของตัวตนสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่!
เช่นเดียวกับยันต์เต๋าเทพเคลื่อน 3 ดาว ระยะเวลาใช้งานของมันมีจำกัดแค่ 1 เค่อเท่านั้น
การป้องกันของตัวตนระดับสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ อาศัยพลังโจมตีของหวงเฉิงที่เป็นเพียงสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบ ย่อมไม่อาจฝ่าเข้าไปทำร้ายต้วนหลิงเทียนได้เลย
“ต้วนหลิงเทียน…เจ้าอย่าพึ่งได้ใจให้มันมากนัก!!”
สีหน้าหวงเฉิงยิงมายิ่งหม่นหมองมืดคล้ำ “หลังผ่านไปครบ 1 เค่อ ยามนั้นความเร็วของเจ้าจักตกลง ทั้งม่านพลังนี่ก็จะสลายหายไป ถึงยามนั้นเจ้ายังต่างใดจากปลาบนเขียงรอให้ข้าแล่สับ!”
“อ้อ รอดูกันไปเถอะ!”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองหวงเฉิงเล็กน้อยก่อนที่จะหยุดร่างลงกลางหาว
หวงเฉิงเองก็หยุดลงเช่นกัน
มันรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนกำลังคิดอะไรอยู่ ในเมื่อตัวมันไม่มีปัญญาจู่โจมทำร้ายอีกฝ่ายได้ ทั้งด้วยความเร็วยันต์เต๋าเทพเคลื่อนระดับ 3 ดาว จะหนีหรือไม่หนีก็มีค่าเท่ากัน
ต้องกล่าวเลยว่าตอนนี้ในใจหวงเฉิงคล้ายหลั่งเลือดแล้ว!
ยันต์เต๋าเทพเคลื่อนที่มันไปกู้สำนักทั้งหยิบยืมสหายมามีราคาถึง 300,000 คะแนนอุทิศ ทว่าใช้ได้ไม่ทันไรก็กลายเป็นสิ่งไร้ประโยชน์เสียอย่างนั้น
อย่างไรก็ตามพอคิดถึงความมั่งคั่งที่ต้วนหลิงเทียนมี ใจมันก็ค่อยชื้นขึ้น
ในสายตาของมัน ตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนตายไป คะแนนอุทิศนับล้านต้องตกเป็นของมันแน่!
ถึงตอนนั้นไม่ใช่ว่ามันจะซื้อยันต์เต๋าเทพเคลื่อนเพิ่มอีกสักแผ่นตอนไหนก็ได้รึไง?
ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างโดยมีม่านพลังสีทองคล้ายเปลือกไข่ครอบครุมอยู่ ก็มองหวงเฉิงด้วยสายตาเฉยเมย
หวงเฉิงเองก็จ้องตาต้วนหลิงเทียนเขม็ง ใจมันแทบจะนับเวลาที่ผ่านไปทุกวินาทีไม่ให้มีพลาด รอเวลาที่ยันต์เต๋าม่านพลังทองของต้วนหลิงเทียนจะสิ้นฤทธิ์!
ถึงตอนนั้นก็เป็นโอกาสอันดีงามที่มันจะลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียน!
มันยังแทบอดใจรอเวลาไม่ไหวแล้ว
ด้วยเหตุนี้ภาพเรื่องราวบนฟ้าจึงแปลกประหลาดอยู่บ้าง หนึ่งหนุ่มกับหนึ่งวัยกลางคน ลอยร่างเผชิญหน้าส่งสายตาเขม่นกันโดยไม่มีใครลงมือทำอะไร
เวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน
พริบตา 1 เค่อหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนเปิดใช้ยันต์เต๋าเทพเคลื่อน 3 ดาวก็หมดไป
แน่นอนว่าฤทธิ์ยันต์เต๋าเทพเคลื่อน 3 ดาว ของต้วนหลิงเทียนมันก็ต้องหายไปก่อนของหวงเฉิน
หลังจากนั้นไม่ถึงอึดใจฤทธิ์ยันต์เต๋าเทพเคลื่อน 3 ดาวของหวงเฉินก็หมดไปเช่นกัน
“หวงเฉิง ตอนนี้ท่าทางอำนาจของจันต์เต๋าเทพเคลื่อน 3 ดาวของเจ้าจะหมดลงแล้วสินะ”
ต้วนหลิงเทียนที่เงียบไม่พูดจาอยู่นานพลันกล่าวออกมา
“เฮอะ! ฤทธิ์ยันต์เต๋าเทพเคลื่อนข้าหมดลง ย่อมหมายความว่าอีกมิกี่อึดใจ ยันต์เต๋าม่านพลังทอง 3 ดาวเจ้าก็กำลังจะหมดลงเช่นกัน…ม่านพลังนั่นหายไปเมื่อใด ยามนั้นก็ถึงกาลที่เจ้าต้องตาย!”
หวงเฉิงกล่าวเย้ยออกมาด้วยอำมหิต
“หวงเฉิง ข้าล่ะอยากรู้นัก…ว่าเจ้าไปเอาคะแนนอุทิศมาจากไหนกันแน่ หลังจากจ่ายค่าเดิมพันให้ข้า 360,000 แต้มแล้ว ข้าเชื่อว่าด้วยฐานะอาวุโสฝ่ายนอกของเจ้า คะแนนอุทิศที่เจ้าเหลือไม่น่าจะพอซื้อยันต์เต๋าระดับ 3 ดาวแน่”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถาม
ทว่าเผชิญกับคำถามนี้ของต้วนหลิงเทียน หวงเฉิงพลันพ่นลมออกจมูกด้วยความฉุนเฉียว เลือกที่จะไม่ตอบ
เป็นธรรมดาที่มันไม่อาจกล่าวบอกออกไปได้
หรือจะให้มันบอกว่ามันถึงกับไปกู้ กระทั่งไปไล่หยิบยืมผู้คนมาไม่น้อย?
ไหนจะเรื่องคะแนนอุทิศที่กู้ยืมมา 200,000 จากสำนัก ที่มันต้องจ่ายดอกเบี้ยเดือนละ 20,000 แต้มนั่นอีก!
“จากสีหน้าเจ้าคงได้มาอย่างยากลำบากสินะ…งั้นให้ข้าเดาเจ้าก็คงไม่มียันต์เต๋าเทพเคลื่อนระดับ 3 ดาวเหลือแล้วสิ?”
ต้วนหลิงเทียนหยีตากล่าวถาม
“เฮอะ! แล้วเจ้ายังมีเหลือรึไง!?”
หลังได้ยินวาจาของต้วนหลิงเทียน หวงเฉิงก็เผลอถามออกไปตามสัญชาตญาณทันที
ทว่าทันใดนั้นเอง พอได้เห็นว่ามุมปากต้วนหลิงเทียนยกยิ้มแสยะขึ้นมา หวงเฉิงก็รู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมาทันที
“หวงเฉิง…เรื่องราวในวันนี้ ข้าต้วนหลิงเทียนจะจดจำไว้ไม่มีวันลืม!”
ต้วนหลิงเทียนมองหวงเฉิงด้วยสายตาเย็นเยือก ขณะกล่าวออก ก็ค่อยเรียกยันต์เต๋าออกมาถือไว้ในมืออีกแผ่น และราวกับมีนาฬิกาจับเวลา คำ ‘สำแดง’ ที่ต้วนหลิงเทียนกล่าว ก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ม่านพลังทองสลายหายไปพอดี!
และแล้วร่างต้วนหลิงเทียนก็อันตรธานหายไปจากสายตาหวงเฉิงอีกครั้ง!
“บัดซบเอ๊ย!!”
หน้าหวงเฉิงบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ถึงขีดสุด “ไฉนมันถึงได้มียันต์เต๋าเทพเคลื่อนระดับ 3 ดาวอีกใบได้!? ใยมันถึงได้กลัวตายถึงขนาดนี้ มีติดตัวไว้ใบเดียวยังไม่พออีกรึไร!?”
จังหวะนี้หวงเฉิงรู้สึกเสมือนฟ้ากำลังถล่มลงมา จนมันแทบเป็นบ้า
มันยากจนข้นแค้นถึงกับไปกู้ยืมมาอย่างยากลำบาก…ทว่าต้วนหลิงเทียนกลับควักออกมาดื้อๆอีกแผ่น!
แล้วทีนี้มันจะเอาอะไรไปไล่ตาม!!
ถึงแม้มันจะจับทิศทางที่ต้วนหลิงเทียนพุ่งจากไปได้ ทว่าใครจะบอกมันได้ว่าต้วนหลิงเทียนจะไม่เปลี่ยนทิศทาง?
และถึงแม้มันจะติดตามไปถูกทาง มันก็ไม่มีวันติดตามอีกฝ่ายได้ทันเลย!
ที่มันสามารถติดตามต้วนหลิงเทียนได้ทันก่อนหน้าล้วนเป็นเพราะยันต์เต๋าเทพเคลื่อน 3 ดาว และยังดีที่ต้วนหลิงเทียนไม่ทันได้เปลี่ยนทิศทางอะไร
“บัดซบ! ฆ่าต้วนหลิงเทียนนั่นไม่สำเร็จแบบนี้…ข้ากลับสำนักจันทร์จรัสแสงไม่ได้แล้ว…ต้วนหลิงเทียนนั่นกลับถึงสำนักจันทร์จรัสแสงเมื่อไหร่มันต้องบอกเรื่องนี้กับป๋ายลี่หงแน่ ถึงตอนนั้นหากข้ายังอยู่ในสำนัก มันคิดเอาชีวิตข้าเมื่อไหร่ก็ทำได้”
สูดลมหายใจลึกๆ หน้าที่ซีดเซียวของหวงเฉิงก็ค่อยๆมีอาการดีขึ้น “ก็ดี…ออกจากสำนักมันเช่นนี้เลยก็ไม่มีผลเสียอันใด…อย่างน้อยๆข้าก็ไม่ต้องคืนคะแนนอุทิศที่กู้มาพร้อมดอกเบี้ยอุบาทว์ รวมถึงที่ไปหยิบยืมอาวุโสทั้งหลายมาด้วย”
หวงเฉิงตระหนักดี ว่าตอนนี้มันเหลือเพียงหนทางจากสำนักจันทร์จรัสแสงไปแค่ทางเดียวเท่านั้น
หากมันย้อนกลับไปสำนักจันทร์จรัสแสง มันได้ตายแน่!
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ป๋ายลี่หงมีเหตุผลที่จะฆ่ามัน ต่อให้อีกฝ่ายคิดฆ่ามันเอาสนุกอย่างไร้เหตุผล ก็เกรงว่าจะไม่มีใครกล้าถือสาหาความอะไร!!
สถานะของป๋ายลี่หงในสำนักจันทร์จรัสแสงนั้นพิเศษนัก มีอำนาจเหนือกว่าอาวุโสฝ่ายในมากมาย
ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ตัวมันก็แค่อาวุโสฝ่ายนอกธรรมดาๆ ต่อให้เป็นอาวุโสฝ่ายใน ถ้ากล้าล่วงเกินป๋ายลี่หง ก็คงไม่ได้ตายดี!
ตอนที่ 1485
นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง
“ต้วนหลิงเทียนวันหน้าเจ้าอย่าได้เผลอตกอยู่ในมือข้าเชียว…หาไม่แล้วข้าจักให้เจ้าได้ตายถนาถ!”
เมื่อคิดถึง ‘ตัวการ’ ที่ทำให้มันต้องออกจากสำนักจันทร์จรัสแสง หวงเฉิงก็ขบเคี้ยวจนฟันกรามแทบแหลก กล่าวตะคอกออกด้วยอาฆาต
ในสายตาของมัน เรื่องราวทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของต้วนหลิงเทียน!
หากไม่ใช่เพราะเดิมพันกับต้วนหลิงเทียนมันคงไม่ต้องเสียคะแนนอุทิศ จนบังเกิดความเกลียดชังต่อต้วนหลิงเทียนกระทั่งลุกลามมาถึงขั้นนี้
มันไม่คิดเลยสักครั้ง ว่าต้นตอทั้งหมดเกิดจากความโลภที่ทำให้มันไปแทงเดิมพันกับต้วนหลิงเทียน!
ถึงแม้คราวนี้จะออกห่างมาจากหวงเฉิง แต่ต้วนหลิงเทียนก็ยังเหินบินด้วยความเร็วเต็มพิกัดเท่าที่ยันต์เต๋าเทพเคลื่อน 3 ดาวจะทำได้ จนกระทั่งหมดเวลาทำให้ความเร็วของเขาลดลงจนเป็นปกติ
“โชคดีนักที่ข้ามียันต์เต๋าเทพเคลื่อน 3 ดาวติดตัวไว้ 2 แผ่น…”
ต้วนหลิงเทียนบ่นพึมพำ
คิดถึงฉากเรื่องราวก่อนหน้า อดไม่ได้ที่เขาจะหวาดเสียวอยู่บ้าง
“แต่ตอนนี้ต่อให้เจ้ามียันต์เต๋าเทพเคลื่อนใบที่ 3 วันนี้เจ้าก็ต้องตาย!”
เสียงแหบห้าวหนึ่งปานจะก้องกังวานมาทุกสารทิศดังเข้าหูต้วนหลิงเทียน ทำให้หน้าต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนสี เร่งตะโกนถามออกไปทันที “ใครกัน!?”
ทันใดนั้นปรากฏร่างในชุดคลุมลมดำโผล่มาหยุดขวางเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนเอาไว้ปานภูตผี
ดวงตาของร่างในชุดคลุมลมสีดำอันเต็มไปด้วยความเย็นชาไร้อารมณ์ จ้องมาที่ต้วนหลิงเทียนเขม็ง “ข้าเป็นใครไม่สำคัญ เจ้าเพียงรู้ไว้ว่าข้ามาเพื่อเอาชีวิตเจ้าก็พอ…มิน่าแปลกใจเลยว่าไฉนเจ้ามีราคานัก ที่แท้กลับมีไพ่ตายซุกซ่อนเอาไว้มากมายเพียงนี้”
เสียงกล่าวท้ายประโยคของร่างในชุดคลุมลมดำ คล้ายจะพึมพำกับตัวบ่นความในใจออกมา
และหากฟังจากเสียงกล่าวของร่างในชุดคลุมลมดำแล้ว ท่าทางเรื่องราวระหว่างหวงเฉิงกับต้วนหลิงเทียนจะตกอยู่ในสายตาของมันหมดสิ้น
ตั๊กแตนจ้องจับจั๊กจั่น ไม่รู้ภัยนกขมิ้นอยู่ด้านหลัง!
มันคือ นกขมิ้น ที่อยู่ด้านหลัง!
“เจ้าเป็นมือสังหารงั้นสินะ?”
เสียงกล่าวพึมพำของชายในชุดคลุมลมดำ ต้วนหลิงเทียนย่อมได้ยินชัด สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที
“เจ้านับเป็นคนฉลาด…น่าเสียดายที่โลกนี้มีคนฉลาดกว่าเจ้ามากมาย แต่สุดท้ายพวกมันก็ต้องตายด้วยมือข้า”
ชายในชุดคลุมลมดำยิ้มกล่าวเสียงเย็น “ไอ้หนูเจ้าทำได้แค่โทษชะตาของเจ้าเถอะ…หืม? เจ้ากลับมียันต์เต๋าม่านพลังทองทั้งเทพเคลื่อนระดับ 3 ดาวเหลืออยู่อีกงั้นหรือ…ดูเหมือนว่าไพ่ตายเจ้าจะเยอะกว่าที่ข้าคิด”
ต้วนหลิงเทียนไม่รอช้า เร่งหยิบยันต์เต๋าม่านพลังทองระดับ 3 ดาว รวมถึงยันต์เต๋าเทพเคลื่อนระดับ 3 ดาวออกมาทันที
“ไอ้หนู อย่าได้บอกข้าเชียวว่าเจ้าคิดว่าข้าเป็นเหมือนตัวสวะหวงเฉิงนั่น?”
ชายในชุดคลุมลมดำกล่าวเย้ย “เจ้าคิดว่าอาศัยยันต์เต๋าม่านพลังทองกับเทพเคลื่อนระดับ 3 ดาวนั่นแล้ว จะทำให้รอดพ้นเงื้อมมือข้าไปได้งั้นเหรอ…ข้าจะให้เจ้าดูว่าความคิดของเจ้ามันไร้สาระทั้งไร้เดียงสาเพียงใด”
แทบจะสิ้นคำกล่าวของร่างในชุดคลุมลมดำ ชุดคลุมบนร่างของมันก็เริ่มกระเพื่อมสะบัดอย่างรุนแรง มองไปคล้ายเมฆฝนปกคลุมเมือง
ขณะเดียวกันปรากฏคลื่นพลังอันน่ากลัวทั้งเสียงพลังปะทุของปราณแท้กังวานแผ่พุ่งออกจากร่าง หนึ่งกลับกลายเป็นเคียวมหึมาอีกหนึ่งเป็นสัตว์ร้ายปราดเปรียว
และคลื่นพลังขุมสุดท้ายกลับแผ่กำจายออกไปทั่วสารทิศ
คลื่นพลังขุมสุดท้ายนั้น แผ่ออกมาเป็นวงกว้างกินรัศมี 100 หมี่โดยยึดมันเป็นจุดศูนย์กลาง! แน่นอนว่าครอบคลุมร่างต้วนหลิงเทียนไว้ด้วยเช่นกัน!!
จากร่างมันไปถึงปลายขอบสุดรัศมี 100 หมี่ปรากฏกระแสพลังสีเขียวจางๆอบอวลไปทั่ว
“ปราณแท้ก่อเขตแดน!”
เมื่อเห็นฉากนี้ หน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนสีหนักข้อ “เจ้า…เจ้าเป็นสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่!”
ก่อนหน้าที่ชายในชุดคลุมลมดำไล่เขามาทัน เขาหลงคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะใช้ยันต์เต๋าเทพเคลื่อน 3 ดาว
ทว่าตอนนี้เขาพบแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นถึงตัวตนขอบเขตสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ที่แท้จริง!
หากกล่าวกันว่าปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตราเป็นสัญลักษณ์ของสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญ และปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์เป็นเครื่องหมายของสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบล่ะก็…
เช่นนั้นปราณแท้ก่อเขตแดนก็คือสิ่งที่บ่งบอกว่าผู้ใช้บรรลุถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่แล้ว!
เขตแดนปราณแท้นั้น จะก่อตัวสร้างเขตแดนขึ้นมากินรัศมี 100 หมี่!
และเขตแดนปราณแท้ของตัวตนสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่แต่ละคนก็ใช่ว่าจะเหมือนกัน
ยกตัวอย่างเช่นสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่บางคนนั้นมีเขตแดนแรงโน้มถ่วง ซึ่งภายในรัศมี 100 หมี่รอบตัวมันจะมีแรงโน้มถ่วงเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่ากลัว
แน่นอนว่าผู้เปิดใช้เขตแดนย่อมไม่ได้รับผลกระทบจากพลังอำนาจเขตแดนตัวเอง
สู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่บางคนก็มีเขตแดนวายุ ทันทีที่เปิดใช้เขตแดน จะบังเกิดสายลมรุนแรงพัดกระหน่ำ!
แน่นอนว่าสายลมที่บังเกิดจากเขตแดนของผู้ใช้ ตัวผู้ใช้ย่อมควบคุมใช้ออกได้ดั่งใจต่างแขนขา สามารถควบคุมสายลมให้กลับกลายเป็นคมมีด เชือดเฉือนสะบั้นสรรพสิ่งในเขตแดนให้แหลกเป็นชิ้นๆเพียงห้วงคิด!
นอกจากนี้ยังมีเขตแดนที่ทรงพลังอย่างเขตแดนกระบี่ ยามเมื่อเปิดใช้กเขตแดนกระบี่ ปรากฏกระบี่พลังมีสภาพนับหมื่นเล่มผุดโผล่!
แน่นอนว่ากระบี่ทุกเล่มนั้นล้วนตกอยู่ภายใต้การควบคุมของสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่เจ้าของเขตแดน!
นอกจากนั้นแล้วยังมีเขตแดนอีกมากมายหลากหลาย
“หาไม่แล้วไฉนเจ้าถึงคิดว่าข้าเลือกที่จะกล่าวออกไปว่าวันนี้เจ้าต้องตาย แม้จะมียันต์เต๋าระดับ 3 ดาวอยู่อีกเล่า?”
ชายในชุดคลุมลมดำแสยะยิ้มกล่าว
“เจ้าได้รับการจ้างวานให้มาฆ่าข้าด้วยราคากี่หินเซียน? เพียงเจ้าบอกมาข้ายินดีจะจ่ายหินเซียนให้เจ้า!”
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกอับจนหนทางทันใด เมื่อค้นพบว่าศัตรูเบื้องหน้าเป็นถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่
ดั่งที่อีกฝ่ายกล่าวบอกไว้
ยันต์เต๋าม่านพลังทอง 3 ดาว รวมทั้งยันต์เต๋าเทพเคลื่อน 3 ดาว ล้วนไร้ความหมายเมื่ออยู่ต่อหน้ามัน!
ความเร็วที่ยันต์เต๋าเทพเคลื่อน 3 ดาวมอบให้ แม้จะทัดเทียมกับสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ แต่นั่นก็เป็นแค่สู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ทั่วๆไป
ม่านพลังทองก็เช่นกัน
ยันต์เต๋า 3 ดาวนั้น คงบังเกิดผลเลิศล้ำยัก หากนำไปใช้กับตัวตนที่มีพลังฝึกปรืออยู่ในขอบเขตสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบลงมา…
อย่างไรก็ตามต่อหน้าสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ตัวจริง พวกมันย่อมไม่นับเป็นอะไร
“ไอ้หนูธุรกิจของพวกเราล้วนมีกฏเกณฑ์…ยิ่งไปกว่านั้นหากเจ้าตายมิใช่ความมั่งคั่งทั้งหมดของเจ้าจะตกเป็นของข้าหรือไร เช่นนั้นข้ายังมีความจำเป็นอันใดที่ต้องทำลายกฏ?”
ชายในชุดคลุมลมดำแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมไม่หยุด
ขณะเดียวกันนั้นเอง ศาสตรารูปเคียวอันประหนึ่งจันทร์สีเลือดกลางฟ้า ก็หันคมเคียวมาทางต้วนหลิงเทียน
ส่วนสัตว์ร้ายปราดเปรียวนั่นก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง
ถึงแม้มันจะเป็นสัตว์ร้ายจากปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ แต่มันก็สมจริงดั่งมีชีวิต!
“หินเซียนที่ข้าเสนอให้เจ้าไม่ได้อยู่กับข้า…ตราบใดที่เจ้ายินดีปล่อยข้าไป ข้าพร้อมกล่าวสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า ว่าข้าจะมอบหินเซียนให้เจ้าตามจำนวนที่เจ้าต้องการ!”
ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กล่าวบอกชายในชุดคลุมลมดำ
ลำพังตัวเขาเอง ย่อมไม่หวาดกลัวความตาย
หากแต่เมื่อต้องเผชิญห้วงเวลาคับขันถึงตายแบบนี้ ที่เขานึกถึงล้วนไม่ใช่ตัวเขาเอง
หากเขาตายไปแล้วคู่หมั้นทั้ง 2 จะอยู่อย่างไร? ลูกน้อยทั้ง 2 ที่ไม่รู้ลืมตาดูโลกแล้วหรือยังมิใช่ต้องกำพร้าบิดาโดยที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะเห็นหน้าบิดาหรือ?
ดังนั้นเขาไม่อยากตาย
ตราบใดที่ยังมีความหวังหลงเหลือ เขาย่อมไม่ละทิ้งที่จะดิ้นรนหาทางรอด
เขาไม่ได้เหมือนตัวเขาในอดีตอีกต่อไปแล้ว
ในชีวิตที่แล้วแม้ความตายจะอยู่ตรงหน้า เขาก็สามารถเผชิญหน้ากับมันได้อย่างไม่ยี่หระ เพราะเขาเป็นดั่งหมาป่าเดียวดาย ที่เหลียวหลังมองไปไม่เห็นใคร ความตายจึงไม่นับเป็นอะไรกับเขา
ทว่าตอนนี้เขามีเรื่องที่ให้ห่วงหาและเป็นกังวลนัก
“ไอ้หนูเรื่องไร้สาระอย่าได้กล่าวให้มากความอีก…เจ้าคิดว่าพวกเราที่ทำการค้าเช่นนี้ จักไม่กล่าวคำสัตย์สาบานมาก่อนหรือไร?”
ชายชุดดำกล่าวเย้ย “ดังนั้นไม่ว่าเจ้าจะพล่ามอันใดต่อไปก็ไร้ประโยชน์ ต่อให้เจ้ายินดีมอบหินเซียนระดับ 1 แก่ข้าสัก 10,000 ก้อนก็มิมีความหมาย..เพราะหากข้าตระบัดสัตย์ผิดคำสาบาน ข้าก็จะถูกอัสนีลงทัณฑ์พิฆาตร่างตายตก”
ได้ยินวาจานี้ของร่างในชุดคลุมลมดำ สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก ลูกตาเขาเผยความไม่ยินยอมออกมา ขณะเดียวกันมือก็กำยันต์เต๋า 2 แผ่นแน่นจนยับยู่ยี่
วันนี้เขาต้องตายที่นี่จริงๆ?
ต้วนหลิงเทียนใจเสียไม่น้อย ในสมองยังเต็มไปด้วยความอื้ออึง
“สำแดง!”
“สำแดง!”
ไร้ซึ่งความลังเลใดๆ ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำเปิดใช้ยันต์เต๋าออกมาสองครั้งติด ยันต์เต๋าเทพเคลื่อนทั้งม่านพลังทองระดับ 3 ดาวสำแดงพลังอำนาจทันที!
พริบตาทั่วร่างเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยม่านพลังสีทองปานเปลือกไข่ห่อหุ้ม
ขณะเดียวกันคลื่นพลังลึกลับก็ผสานหลอมรวมเข้ากับร่างเขา มอบความเร็วของตัวตนขอบเขตสู่เวียนขั้นยิ่งใหญ่ให้เขาทันที
เห็นชัดดีว่าตอนนี้แม้สถานการณ์จะสิ้นหวังและมีแต่ทางตายที่รอคอย แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่เลิกที่จะดิ้นรน!
ยืนนิ่งรอความตายไม่ใช่ทางของเขา!
ทันใดนั้นร่างต้วนหลิงเทียนก็พุ่งเป็นเส้นแสงหนีไปทันที!
ชายชุดคลุมลมดำที่ยังลอยร่างที่เดิมมองร่างต้วนหลิงเทียนที่เปิดใช้ยันต์เต๋า 2 ใบเหินบินหนีไปไกลตาด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “ของเด็กเล่น!”
และแทบจะทันทีที่สิ้นคำของมันเขตแดนที่กินรัศมี 100 หมี่ก็สำแดงอานุภาพออกมาทันที!
เขตแดนที่เต็มไปด้วยไอพลังสีเขียวจางๆ ยามนี้กลับกลาบเป็นแดงฉานดั่งโลหิต ในสีแดงฉานยีงมีไอพลังสีดำผสมปนเป กลิ่นอายชั่วร้ายน่ากลัวถึงที่สุดกำจายออกมาตลบในบรรยากาศ!
ทันใดนั้นเองเบื้องหน้าร่างต้วนหลิงเทียนที่พุ่งออกไป ก็พลันปรากฏร่างหนึ่งก่อตัวขวางทางเอาไว้! รูปร่างดั่งมนุษย์แต่ตัวมหึมาปานยักษ์!!
แน่นอนว่ามันเป็นร่างเขื่องที่บังเกิดจากไอพลังทมิฬนั่น!
ร่างมหึมาปานยักษายืนตระหง่านขวางทางต้วนหลิงเทียนเอาไว้ดั่งกำแพงเหล็ก ปิดกั้นหนทางหลบหนีเขาสิ้น
“ฮึ่ม!”
ต้วนหลิงเทียนแค่นเสียสบถ ก่อนที่จะซัดยันต์เต๋าจู่โจม 2 ในมือออกไปทันที
สิ้นคำ ‘สำแดง’ รังสีพลังพิฆาตก็พุ่งออกไปจากยันต์ที่แตกสลาย ถล่มลงใส่ร่างมหึมา!
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนใช้ออกทุกสิ่งที่มีโดยมีคิดจะเสียดายอะไร
เมื่อเกี่ยวข้องกับความเป็นตาย อะไรที่ช่วยให้รอดได้ล้วนไม่มีความหมายที่จะเสียดาย!
หากตายไปก็ไม่เหลืออะไรแล้ว
อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นว่าร่างเขื่องแม้จะถูกรังสีพลังพิฆาตจากยันต์เต๋าสายโจมตีระดับ 2 ดาวเข้าไปเต็มๆ แต่มันกลับไม่เป็นอะไรทั้งไม่มีรอยขีดข่วนแม้แต่น้อย หน้าต้วนหลิงเทียนก็เคร่งเครียดมืดดำทันที “ฉิบ! นี่มันตัวบัดซบอะไร!?”
ไร้อาการชะงักงันอะไร ต้วนหลิงเทียนเร่งเปลี่ยนทิศทางการเหาะ ฉีกออกข้างทันที
อย่างไรก็ตามร่างมหึมาพลันก่อตัวฉับไว ขวางเบื้องหน้าเขาเอาไว้เหมือนก่อนหน้า
หลังจากนั้นไม่ว่าต้วนหลิงเทียนจะเหาะสลับซับซ้อน และเปลี่ยนทิศทางมากเพียงใด ร่างเขื่องก็จะปรากฏขวางทางเอาไว้เสมอ
ร่างมหึมาปานอสุราที่ก่อตัวจากไอพลังทมิฬนั่น ทั้งทั่วกายยังฉาบคลุมไปด้วยไอพลังสีแดงฉาน ให้ความรู้สึกน่ากลัวทั้งมีพลังอำนาจสะกดข่มไม่ธรรมดา พาลให้ผู้คนไม่เว้นกระทั่งต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะใจสั่นเสียขวัญ
“ไอ้หนู เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเจ้าจะหนีไปจากเขตแดนปีศาจโลหิตของข้าได้? เจ้ามันไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!”
ชายในชุดคลุมลมดำยิ้มแสยะกล่าว
ตอนที่ 1486
ชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ!
“เขตแดนปีศาจโลหิต? นี่น่ะเหรออำนาจของปราณแท้ก่อเขตแดน!?”
เมื่อได้ยินวาจาของชายในชุดคลุมลมดำ ม่านตาต้วนหลิงเทียนก็หดแคบลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นเยือก ‘ข้าต้วนหลิงเทียนต้องมาตายที่นี่วันนี้จริงๆหรือ…ข้าไม่ยอม…ข้าไม่ยอมรับ!’
ใจเขาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม
เขายังไม่ได้เห็นหน้าลูกน้อยทั้ง 2 ที่กำลังจะเกิดมาเลย
เขายังไม่ทันได้พบพ่อแม่เขาอีกครั้ง
เขายังไม่ได้กลับไปโลกเก่าเพื่อล้างแค้นคนทรยศ
เขายังมีเรื่องราวอีกมากมายหลายหลากที่อยากทำ
ทันใดนั้นอสุราทมิฬฉาบไอพลังสีเลือดที่ขวางเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน พลันสลายหายกลับกลายเป็นไอพลังทมิฬและไอพลังสีแดงฉาน
ร่างชายชราชุดดำพลันวูบมาหยุดขวางแทนที่ กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมาจากร่างของมันนับว่าไม่ธรรมดานัก
จากสายตาต้วนหลิงเทียนแล้ว อีกฝ่ายไม่คล้ายผู้คน แววตายังเย็นชาอำมหิตดั่งมารร้าย
“ไอ้หนู มันจบแล้ว…”
ในขณะที่ชายในชุดคลุมลมดำกล่าวออกเสียงเรียบ เคียวมหึมาสีแดงฉานเหนือศีรษะของมัน รวมถึงสัตว์ร้ายปราดเปรี่ยว ก็พุ่งรี่เข้าหาต้วนหลิงเทียน ความเร็วในการพุ่งสังหารไม่นับว่ารวดเร็วอะไร ยังออกจะเชื่องช้าราวกับผู้คนเดินปกติ…ทำราวกับจะให้ต้วนหลิงเทียนได้ดื่มด่ำห้วงเวลาแห่งความตายนานๆ!
นี่เป็นนิสัยอำมหิตของชายในชุดคลุมลมดำยามสังหารผู้คน!
ยามมันฆ่า มันไม่ชอบการฆ่าที่รวบรัดหมดจบ!
มันชมชอบเฝ้ามองความสิ้นหวังของผู้ที่กำลังจะตายคามือของมัน!
สำหรับมันแล้ว เรื่องนี้นับเป็นเรื่องสนุกสนานจรรโลงใจ เติมเต็มจิตอันวิปริตบิดเบี้ยวของมัน!
อย่างไรก็ตามสีหน้าท่าทางของต้วนหลิงเทียนนั้น ดั่งกำหนดไว้ให้มันต้องผิดหวัง
เพราะอยู่ๆมันก็เห็นว่าต้วนหลิงเทียนพลันเงยหน้าขึ้นมามองมัน ในแววตาแลดูสงบไร้ความตื่นกลัวโศกเศร้าไม่ยินยอมอะไรอย่างก่อนหน้าสืบไป ยังยิ้มถามออกมาอย่างน่าประหลาด “นี่เจ้า…เป็นผู้ฝึกมารงั้นเหรอ?”
“ไอ้หนูนับว่าเจ้ามีสายตาไม่เลว…สามารถบอกได้ว่าข้าเป็นผู้ฝึกมารทั้งๆที่พึ่งเห็นแค่เขตแดนปีศาจโลหิตของข้า”
ถึงแม้ว่ารอยยิ้มแปลกๆบนใบหน้าต้วนหลิงเทียนจะทำให้ใจมันรู้สึกไม่ชอบมาพากล แต่ชายในชุดคลุมลมดำก็กล่าวเย้ยหยันออกไป “กระทั่งในสำนักจันทร์จรัสแสง นอกจากตัวตนระดับเซียนที่มีน้อยคน ไอ้พวกครึ่งก้าวเซียนนั่นก็ไม่อาจเอาชนะข้าได้!”
“การที่เจ้ามีโอกาสได้ตายด้วยน้ำมือข้า เจ้าก็สามารถภูมิใจได้แล้ว!”
ชายในชุดดำแสยะยิ้มออกมา
“ใครมันจะตายก็ยังไม่แน่นักหรอก”
ต้วนหลิงเทียนแสยะยิ้มเย็นเยือก ทันใดนั้นมือสะบัดฉับไวปานฟ้าผ่า ปรากฏป้ายศิลามุมแหว่งหนึ่งออกมาจากความว่างเปล่า ก่อนที่ชายในชุดคลุมลมดำจะทันได้ตั้งตัว
ไอพลังทมิฬเริ่มกำจายออกมาจากตัวป้ายศิลา ยังแผ่กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
เมื่อเห็นป้ายศิลาประหลาดมุมแหว่ง ใจชายในชุดคลุมลมดำก็รู้สึกสะท้านไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ “ไอ้หนูสิ่งนั้นมันอันใดกัน?”
“ในฐานะที่เป็นผู้เดินในหนทางสายมารคนหนึ่งของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า…ข้าคิดว่าเจ้าสมควรรู้จักยอดศาสตราเซียน 1 ใน 10 ของรายนามอันดับศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ที่มีอำนาจสะกดมารร้ายทั่วหล้าได้ชะงัดดีใช่หรือไม่?”
ยิ้มแสยะบนใบหน้าต้วนหลิงเทียนยิ่งมายิ่งฉีกกว้าง ความสิ้นหวังอับจนก่อนหน้าสลายหายไปไม่มีเหลือหลอ
“1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนของรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่? สามารถสะกดมารร้ายได้ทั่วหล้า…”
เมื่อได้ยินวาจาประโยคนี้ของต้วนหลิงเทียน ชายในชุดคลุมลมดำถึงกับอึ้ง และทันใดนั้นคล้ายมันนึกได้ถึงบางสิ่ง ใจพลันสะท้านเต้นไปไม่เป็นจังหวะ แววตามันเปลี่ยนไปหนักข้อทันใด “ตะ…ตราผนึก”
“ถูกต้อง! เป็นตราผนึกมาร!!”
ต้วนหลิงเทียนตะโกนออกมาเสียงเหี้ยม มือขวาพุ่งคว้าตราผนึกมาร ก่อนที่จะง้างและขว้างมันใส่ชายในชุดคลุมลมดำทันที!
การขว้างนี้ไม่ใช่วิชา วรยุทธ์หรือกระบวนท่าอันใด เพียงการขว้างออกไปธรรมดาๆเท่านั้น
หากทว่ามันประหนึ่งกระบวนท่าสยบฟ้าในสายตาของชายชุดคลุมลมดำนัก!
ป้ายศิลามุมแหว่ง หนึ่งในสิบยอดศาสตราเซียนที่ติดอันดับในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า พอถูกเขวี้ยงออกมาไอพลังทมิฬของมันคล้ายมัจฉาพบพานคุ้งน้ำ พวยพุ่งทะลักออกมาอย่างลิงโลด ความเร็วยังทวีขึ้นจนบรรลุขอบเขตอันน่าพรั่นพรึง!!
ชายในชุดคลุมลมดำพึ่งตอบสนองเรื่องราว ตราผนึกมารนั่นก็บรรลุถึงมัน ทั้งกระแทกร่างของมันอย่างแรงเสียแล้ว!
ปงงงง!!!
เสียงดังสนั่นลั่นขึ้นกลางหาว ร่างชายในชุดคลุมลมดำปลิดปลิวละลิ่วปานว่าวสายป่านขาด!
พริบตาต่อมาลูกตาที่เต็มไปด้วยความหวาดผวาของชายในชุดคลุมลมดำก็หม่นประกายสิ้นแสง คล้ายไม่หลงเหลือจิตวิญญาณอะไรสืบไป
ขณะเดียวกันร่างในชุดคลุมลมดำดังกล่าวก็ไม่หลงเหลือลมหายใจสืบไป
วินาทีที่ตราผนึกมารซัดร่างมันนั้น ตราผนึกมารก็สูบกลืนดวงจิตของมันมาผนึกขังเอาไว้ และไม่นานก็จะถูกย่อยสลายกลายเป็นไอมารบริสุทธิ์
ตอนนี้เองเคียวมหึมาทั้งสัตว์ร้ายปราดเปรียวที่พุ่งไปหมายทำร้ายต้วนหลิงเทียน พอมาถึงครึ่งทางก็เริ่มสลายหายไปดั่งหมอกควันประหนึ่งไม่เคยมีมาก่อน
นอกจากนั้น เขตแดนปีศาจโลหิต ที่กินรัศมี 100 หมี่จากร่างชายในชุดคลุมลมดำ ก็อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน
หลังจากที่สูบกลืนวิญญาณของชายในชุดคลุมลมดำเสร็จสิ้น ตราผนึกมารก็ลอยวกกลับมาหาต้วนหลิงเทียน
“เกือบไปแล้วไง…ดีนะที่มันเป็นผู้ฝึกมาร ไม่งั้นวันนี้ข้าได้ตายแน่!”
หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เรียกขวัญที่เสียไปจนกลับคืนมา ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวพึมพำออกมาอย่างหวาดเสียว
ตราผนึกมารนั้นมีประโยชน์แค่กับผู้ฝึกมารเท่านั้น
ด้วยด่านพลังฝึกปรือหลุดพ้นมนุษย์ของต้วนหลิงเทียน สามารถสยบผู้ฝึกมารที่ยังไม่ทะลวงไปถึงขอบเขตเซียนได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่เขาเรียกมันออกมา
“บางทีมันเองก็ไม่เคยคิด…ว่าไอ้หนูที่มันไม่ยึดถือเป็นตัวอะไรอย่างข้า กลับมีตราผนึกมารที่ข่มขวัญผู้ฝึกมารทุกคนทั้งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าไว้ในครอบครอง…”
ต้วนหลิงเทียนค่อยๆโรยตัวลงมาจากฟ้า ค่อยหยุดร่างยังจุดตกของศพชายในชุดคลุมลมดำ
ขณะเดียวกันเขาก็เอื้อมมือไปกระชากชุดคลุมลมสีดำของมันออก จนแลเห็นรูปลักษณ์อีกฝ่ายชัดถนัดตา
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะอยู่มาแล้ว 2 ช่วงชีวิต แต่ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของชายในชุดคลุมลมดำ
ใบหน้าของอีกฝ่ายนั้นคล้ายจะเน่าเปื่อย มันฟอนเฟะจนยากจะบอกได้ว่าเป็นหน้าของผู้คน
หากเป็นคนอื่นเมื่อเห็นใบหน้าอัปลักษณ์น่ากลัวนี้ของชายในชุดคลุมลมดำ เกรงว่าอาหารมื้อก่อนหน้าคงได้สำรอกออกมาหมดพุง
หลังจากต้วนหลิงเทียนตบๆไปทั่วร่างของชายหน้าอัปลักษณ์ ในที่สุดเขาก็พบแหวนพื้นที่ในอกเสื้อของมัน
ด้วยมันตกตายไปแล้ว พันธะครองแหวนก็สลายหายไป ทำให้แหวนวงนี้ไร้ผู้ใดเป็นเจ้าของ
หลังจากผูกพันธะโลหิตครองแหวนและแผ่สำนึกสติลงไปตรวจสอบสิ่งของในแหวน ต้วนหลิงเทียนก็ถึงกับทำตาโตเท่าไข่ห่าน “โห…นี่น่ะเหรอความร่ำรวยของสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่! โชควาสนาของเจ้านี่นับว่าท่าทางจะยอดเยี่ยมไม่เบา…หินเซียนระดับ 6 นั่น…ล้านก้อนได้มั้งน่ะ?”
เพียงมองคร่าวๆ ต้วนหลิงเทียนก็ประมาณได้ว่าภูเขาหินเซียนระดับ 6 นั่น น่าจะมีต่ำๆล้านก้อน!
นอกจากหินเซียนระดับ 6 แล้วยังมีหินเซียนระดับ 7 เช่นกัน
แน่นอนว่าปริมาณกลับไม่ได้มากมายเหมือนหินเซียนระดับ 6
เรื่องนี้อาจดูแปลกในสายตาของต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง แต่จะอะไรยังไงมันก็นับว่าเป็นประโยชน์กับเขาทั้งสิ้น!
“สู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่คนอื่นๆไม่น่าจะร่ำรวยแบบมัน…ท่าทางที่เจ้านี่มันร่ำรวยขนาดนี้ คงเพราะอาชีพมันเป็นนักฆ่ามากกว่า…”
เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนรู้ได้ทันที
ในช่วงชีวิตที่แล้ว ตอนเขาเป็นทหารรับจ้างธุรกิจส่วนใหญ่ของเขาก็คือการจ้างวานฆ่า
แน่นอนว่าเขาเองก็เป็นคนมีหลักการไม่รับงานฆ่าอย่างส่งเดช สำหรับคนที่จะจ้างให้เขาไปฆ่านั้น…
พวกมันต้องเป็นตัวสารเลวสมควรตาย…!
เพราะไม่ว่าจะอย่างไรเสีย เขาก็ได้รับการฝึกฝนมาในฐานะหน่วยรบพิเศษเขี้ยวหมาป่าของประเทศหัว เขาย่อมมีขีจำกัดล่างหรือบรรทัดฐาน
นั่นทำให้เขารู้ดีว่าหลังฆ่าแล้ว สิ่งของผู้ตายหากเขาอยากได้อะไรก็ได้ทั้งนั้น ถ้ามันไม่เกี่ยวกับภารกิจ…
นอกจากหินเซียนระดับ 6 นับล้านก้อนกับหินเซียนระดับ 7 อีกเป็นแสนๆแล้ว ในแหวนยังมีของอย่างอื่นอีกมากมาย
ไม่เว้นศาสตราเซียนที่จารึกอาคมเซียน รวมไปถึงยันต์เต๋ามากมายเป็นตั้งๆ
“ยันต์เต๋าเทพเคลื่อนกับยันต์เต๋าม่านพลังทอง…ทั้งปึกเลยเหรอ มีมากขนาดนี้เชียว!”
“แล้วนี่มัน…ยันต์เต๋าสายจูโจมงั้นเหรอ”
ต้วนหลิงเทียนมองสำรวจในแหวนพิ้นที่ของชายในชุดคลุมลมดำพักหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ เพราะมันมีกระทั่งยันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาวที่กระทั่งสำนักจันทร์จรัสแสงยังไม่มี!
ยันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาวนี้ ยามเปิดใช้พลังอำนาจของมันเทียบได้กับการจู่โจมของสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่!
จังหวะนี้ลมหายใจของต้วนหลิงเทียนยังอดไม่ได้ที่จะถี่รัวขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“ไม่คิดเลยว่ามันจะมียันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาวด้วย แถมมันกลับมีถึง 2 แผ่น…ของดี!”
ถึงแม้ยันต์เต๋าสายจู่โจมระดับ 3 ดาวจะมีน้อยนักหากเทียบกับยันต์เต๋าเทพเคลื่อนกับม่านพลังทองระดับ 3 ดาว แต่ต้วนหลิงเทียนก็ยินดีหนักหนาที่ได้มาถึง 2!
ต้องทราบด้วยว่าเขายังอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความเสียใจทั้งเสียดายยันต์เต๋าเทพเคลื่อนทั้งม่านพลังทองระดับ 3 ดาวขึ้นมา พอพบว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกมาร …
เพราะสุดท้ายแล้วยันต์เต๋าระดับ 3 ดาวพวกนั้นก็ไร้ประโยชน์ต่อหน้าสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่
แน่นอนสิ่งที่สำคัญที่สุดคือชายในชุดคลุมลมดำนี่เป็นผู้ฝึกมาร!
หากเขาคิดจัดการผู้ฝึกมารที่ยังไม่บรรลุขอบเขตเซียน เพียงหยิบตราผนึกมารออกมาปาใส่ก็จบเรื่องราวอย่างง่ายดาย…
พลังอำนาจสะกดข่มของตราผนึกมารอย่างเดียว ก็มากพอจะจัดการชายในชุดคลุมลมดำได้สบายๆ!
อย่างไรก็ตามตอนนี้พอเห็นยันต์เต๋าเทพเคลื่อนกับม่านพลังทองระดับ 3 ดาวเป็นปึกๆ เขาก็ไม่หลงเหลืออาการเสียดายอะไรอีก เพราะไม่เพียงแต่เขาจะได้รับมันคืน กลับได้คืนมาอย่างมหาศาล!
ที่สำคัญเขายังได้ยันต์เต๋าจู่โจม 3 มาด้วย!
แน่นอนว่าในแหวนย่อมมียันต์เต๋าระดับ 2 ดาวมากมายยิ่งกว่า 3 ดาวเสียอีก
ส่วนระดับ 1 ดาวนั้นไม่มีเลยสักแผ่น
“ก็นะ ด้วยพลังฝีมือของมัน ยังจะพกยันต์เต๋าระดับดาวเดียวไปทำอะไร”
เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้
จากวาจาของชายในชุดคลุมลมดำ ต้วนหลิงเทียนพอประเมินได้คร่าวๆว่ามันสมควรเป็นตัวตนที่อยู่ในขอบเขตสูงสุดสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่
หาไม่แล้วมันคงไม่กล้าอวดโอ่ว่า หากไมใช่ตัวตนขอบเขตเซียนล่ะก็ ไม่มีใครในสำนักจันทร์จรัสแสงจะเอาชนะมันได้ ต่อให้เป็นครึ่งก้าวเซียนก็ตามที
หลังจากมองสำรวจยันต์เต๋าทั้งหลายแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มสำรวจศาสตราเซียน
ศาสตราเซียนที่ดีที่สุดในแหวน เพียงจารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวไว้ 2 อาคมเท่านั้น
ศาสตราเซียนพวกนี้ไม่นับว่ามีความหมายอะไรสำหรับต้วนหลิงเทียน
ล้อกันเล่นหรือไร
เกาทัณฑ์ดับตะวันของเขามีอาคมเซียนระดับ 3 ดาวจารึกไว้ 3 อาคม! ศาสตราเซียนในแหวนพื้นที่ของชายชุดคลุมลมดำย่อมไม่อาจเทียบได้เลย
ในแง่ของมูลค่าแล้วต่อให้รวมศาสตราเซียนทั้งหมดในแหวนวงนี้ ก็เทียบกับเกาทัณฑ์ดับตะวันของเขาคันเดียวไม่ได้!
‘หืม? ยังมีกองวัตถุดิบมากขนาดนี้เลยเหรอ…ไม่รู้ว่าของพวกนี้มีชิ้นไหนเอาไปซ่อมแซมชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้บ้าง’
เมื่อต้วนหลิงเทียนพบกองวัตถุดิบ เขาก็ลอบคิดในใจอย่างสงสัย
ตอนนี้เขาก็กำลังตั้งใจว่าจะซ่อมชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติให้ได้โดยเร็วอยู่พอดี เพราะชั้น 3 นั้นมีความหมายกับเขามาก
เขาจึงใฝ่ฝันที่จะซ่อมแซมฟื้นฟูมันให้ได้โดยเร็ว
“ผู้เฒ่าหั่ว”
ต้วนหลิงเทียนเรียกหาผู้เฒ่าหั่วที่ชั้นแรกของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทันที ขณะเดียวกันเขาก็ถ่ายของจากแหวนพื้นที่ไปให้ผู้เฒ่าหั่วตรวจสอบ
ผู้เฒ่าหั่วมองสำรวจอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ผู้เฒ่าหั่ว ของพวกนี้พอมีอะไรใช้ได้หรือไม่?”
สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็อดถามออกมาไม่ได้
“อืม…โชคดีที่มีวัตถุดิบหลายอย่างพอใช้ได้…จากปริมาณของพวกมันน่าจะพอให้ใช้ฟื้นฟูชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้แล้ว”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าว
หลังได้ยินคำผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนถึงกับยืนอึ้งไปพักหนึ่ง ยังรู้สึกเสมือนฝันไปอยู่บ้าง!
ผ่านไปสักพักต้วนหลิงเทียนค่อยได้สติ กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้นยินดี “เยี่ยมเลย! ในที่สุดพวกเราก็ฟื้นฟูชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้เสียที…นั่นหมายความว่าครั้งหน้ายามข้าเข้าไปฝึกฝนในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ข้าก็สามารถขึ้นไปใช้ชั้น 3 ได้แล้ว!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น