Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1902-1907
ตอนที่ 1902 เดินจากไป
แสงอันเย็นเยือกวิ่งผ่านไปพร้อมเลือดที่สาดกระเซ็น
ตอนนี้ลำคอของหนึ่งในยอดผู้พิทักษ์ถูกเปิดเป็นแผลกว้างพร้อมเลือดที่ไหนออกมาอย่างไม่มีหยุด
ดูท่าแล้วเขาคงไม่อาจรอดชีวิตไปได้อีกแล้ว
แค่ดาบเดียวนี้มันกลับทะลวงปราการของสี่ยอดผู้พิทักษ์ลงได้
ภายในดงปิตินั้นถูกความเงียบงันเข้ากลืนกิน สายตาของทุกผู้คนต่างจับจ้องไปยังเงาร่างนั้น
เด็กคนนี้เหตุใดจึงแข็งแกร่งได้ปานนี้?
ยังเป็นแค่หนุ่มน้อยแต่กลับมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำ ทำไมคนระดับนี้จึงไม่เคยมีชื่อเสียงมาก่อนเลยในเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นกัน?
แค่ดาบเดียวก็สังหารหนึ่งในสี่ยอดผู้พิทักษ์ลงได้ พลังระดับนี้มันควรถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในยอดคนของรุ่นหนุ่มสาวในเมืองจักรพรรดิเก้ามั่นแล้ว
ต่อให้เป็นหรงซีเยว่แห่งหอยอดดอกก็คงไม่มีทางเก่งกาจได้ปานนี้หรอกใช่ไหม?
แล้วเจ้าเด็กคนนี้มันมาจากที่ใดกัน?
“ไสหัวไป!”
เย่หยวนเปิดปากพูดขึ้นพร้อมก้าวเท้าออกไปด้านหน้า
นั้นทำให้คนทั้งสามตรงหน้าต้องสั่นเทาร่างถอยไปด้านหลังอย่างไม่อาจควบคุมได้
คนทั้งสามนั้นถอยหลังไปอย่างไม่อาจห้ามตัวเองได้จนเกือบถึงหน้าประตูของดงปิติแล้วเรียบร้อย
พวกเขาถอยหลังจนไม่อาจที่จะถอยได้แล้ว!
ถอยไปมากกว่านี้เย่หยวนก็คงได้เดินออกดงปิติไป
ถึงเวลานั้นเมื่อไม่มีค่ายกลคุ้มกันแล้วมันคงยิ่งเป็นเรื่องยากเย็นที่จะหยุดเย่หยวนไว้ได้
สีหน้าของคนทั้งสามเปลี่ยนสีไปมาก่อนจะหันไปมองหน้ากันด้วยสายตาสั่นๆ ด้วยท่าทางของผู้ที่ตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด
“ฆ่ามัน!”
ยอดผู้พิทักษ์ทั้งสามใช้พลังที่มีออกมาทั้งหมดทั้งสิ้นและพุ่งตัวออกไปด้านหน้าอีกครั้ง
“ดาบเก้าขั้วแสง!”
“ดาบกวางลมชาด!”
“ดาบวิญญาณอรุณ!”
…
แสงของดาบนี้ส่องสว่างจ้าภายในโถงโล่งๆ นี้เต็มเปี่ยมไปด้วยคลื่นดาบอันบ้าคลั่ง
และเย่หยวนก็ยืนอยู่ท่ามกลางความบ้าคลั่งนี้
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
ในวินาทีชั่วพริบตานี้คนทั้งสี่ได้แลกดาบกันไปนับไม่ถ้วน
เหล่าคนรอบๆ ต่างแทบลืมหายใจมองดูภาพตรงหน้าอย่างที่สายตาไม่อาจจับได้ทันว่าดาบของทั้งสี่คนนั้นปะทะกันไปมากเท่าใดแล้ว
พลังของสี่ยอดผู้พิทักษ์นั้นฝังลึกลงในจิตใจของลูกค้าทุกคนในที่แห่งนี้จนไม่มีใครกล้าที่จะก่อเรื่องใดๆ
แต่เย่หยวน นภาสวรรค์ห้าดาวคนนี้กลับสามารถต่อสู้กับคนทั้งสามนี้ได้อย่างไม่เสียเปรียบแม้แต่น้อย เรื่องนี้มันทำให้ทุกผู้คนตกตะลึงอย่างมาก
คนทั้งสามนี้คือนภาสวรรค์แปดดาว แต่ละคนนั้นมีพลังบ่มเพาะสูงกว่าเย่หยวนถึงสามดาว
แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งสามนั้นกลับไม่อาจชิงความได้เปรียบมาได้แม้แต่น้อย
“ดาบตัดผ่ามิติ!”
ฉัวะ!
เมื่อแสงดาบนั้นปรากฏขึ้นคนทั้งหลายที่มองดูก็นิ่งงันไปทันที
นภาสวรรค์แปดดาวตายลง!
“นี่มัน… แข็งแกร่งจนเกินไปแล้ว!”
“ผสานแรวคิด! แนวคิดแห่งห้วงมิติ! นี่มันยอดอัจฉริยะไร้เปรียบชัดๆ!
“เจ้าเด็กคนนี้มันมาจากไหนกันแน่? คนเช่นนี้ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนเลยในเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นเรา!”
…
ในพริบตาเดียวสองจากสี่ยอดผู้พิทักษ์ก็ได้ตายตกลงไปทำให้ทุกผู้คนตื่นตกใจอย่างที่ไม่อาจจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
และเพลงดาบที่เย่หยวนแสดงออกมานี้มันก็แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในแนวคิดอย่างสูงส่งจนมันกลายเป็นความงดงาม
ตอนนี้พวกเขาทั้งหลายได้รู้อย่างแท้จริงแล้วว่าเย่หยวนนั้นเก่งกาจ
ยอดผู้พิทักษ์อีกสองคนที่เหลือนั้นได้แต่มองดูเย่หยวนด้วยความหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจ
ดาบเมื่อสักครู่นี้ไม่ว่าเย่หยวนจะฟันมันใส่ใครพวกเขาก็คงไม่อาจรับมันไว้ได้
เย่หยวนดึงตัวเจียงไห่ถังเดินออกไปยังประตูอีกครั้งหนึ่ง
แล้วมีหรือที่ทั้งสองคนจะยังกล้าไปขัดขวางใดๆ? ตอนนี้พวกเขาแหวกทางเปิดให้เย่หยวนเดินอย่างไม่รู้ตัว
สภาพของเจียงไห่ถังตอนนี้เหมือนคนเสียสติ แค่ระยะทางไม่กี่ช่วงเท้าที่เดินออกมานี้มันทำให้นางรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังฝันไป
นางนั้นเดินตามเย่หยวนออกมาอย่างว่าง่ายจนถึงหน้าประตูทางออก
ที่ด้านหน้านี้คือประตูทางออกจากดงปิติ แค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น
แต่จู่ๆ ช่องว่างมิติตรงหน้านั้นก็แตกแยกออกมาเผยให้เห็นเงาร่างหนึ่ง
ชายวัยกลางคนในชุดสีเทาอ่อนเดินออกมามองดูเย่หยวนอย่างเย็นเยือก ก่อนจะหันหน้าไปหายอดผู้พิทักษ์ทั้งสองคน
นั่นทำให้หนึ่งในสองคนต้องพูดขึ้นมาด้วยใบหน้าเหยเก “ท-ท่านฝางคุน!”
“ไม่มีปัญญาจะจัดการกับนภาสวรรค์ห้าดาวคนเดียว กลับไปเจ้าต้องรับโทษ!” ฝางคุนบอก
นั่นทำให้ยอดผู้พิทักษ์คนนั้นหน้าถอดสีไปทันที “น-นายท่าน เรา…”
ฝางคุนไม่คิดสนใจคำแก้ตัวและพูดขัดขึ้นทันที “ยังจะมีหน้ามาพูดอ้าง? เจ้าไม่คิดยอมรับผิด?”
“ข้า… ขอน้อมรับผิด!” ยอดผู้พิทักษ์ผู้นั้นตอบกลับมาด้วยใบหน้าซีดเผือด
ผู้คนรอบๆ ตอนนี้ทุกคนต่างแสดงสีหน้าท่าทางอึดอัดออกมาตามๆ กัน
พวกเขารู้และเห็นอย่างชัดเจนว่าเรื่องราวในวันนี้มันมิใช่ความผิดของยอดผู้พิทักษ์เลย
แต่ฝางคุนนั้นเป็นคนที่ไม่คิดสนใจใดๆ นอกจากผลลัพธ์เท่านั้น
ฝางคุนนั้นเป็นถึงยอดนภาสวรรค์เก้าดาวขั้นสุด พลังฝีมือของเขานั้นย่อมเหนือล้ำกว่าสี่ยอดผู้พิทักษ์นี้อย่างมากมาย
ในเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นนี้หากเทพถ่องแท้ไม่ลงมาจัดการเรื่องเอง ตัวเขาก็คงสามารถจัดการทุกผู้คนได้อย่างง่ายดาย
เขาที่เฝ้าดูแลดงปิติมาหลายต่อหลายปีนั้นไม่เคยทำงานผิดพลาดมาก่อน เป็นดั่งเสาหลักที่คอยปักค้ำจุนดงปิติแห่งนี้ให้มั่นคง
ต่อให้ผู้ที่ก่อเรื่องจะเป็นนภาสวรรค์เก้าดาว ตัวเขาเองก็สามารถจัดการมันได้อย่างไม่ยากเย็น
“เท่านี้เรื่องก็คงไม่อาจดำเนินต่อไปได้แล้ว ถึงขั้นทำให้ท่านฝางคุนออกมารับหน้าเองเช่นนี้ เรื่องวันนี้คงจบลงเท่านี้”
“หึ ท่านฝางคุนนั้นมีพลังฝีมือเหนือล้ำ เจ้าเด็กคนนี้มันก็ประมาทจนเกินไป น่าเสียดายที่มีพลังฝีมือมากขนาดนี้กลับต้องมาตายลงง่ายๆ เช่นนี้”
“อ่า ด้วยพลังฝีมือของเขานี้พวกเขาคิดอยากฆ่าสังหารเปิดทางจริงๆ คงสามารถหนีไปได้นานแล้ว แต่นี่เขากลับค่อยเดินออกไปยังทางออกจนสุดท้ายต้องมาเจอทางตัน!”
…
คนทั้งหลายนั้นเป็นแขกประจำดงปิติก็ไม่น้อย แน่นอนว่าพวกเขาย่อมรู้ถึงชื่อเสียงความเก่งกาจของฝางคุน
ไม่มีใครนั้นกล้าจะมาก่อเรื่องที่ดงปิติมันก็เพราะว่าพวกเขาทั้งหลายรู้ดีว่าผู้ดูแลดงปิตินี้มันคือฝางคุน
ฝางคุนถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปมองเย่หยวนและกำลังจะเปิดปากพูดแต่เป็นเย่หยวนก็กลับชิงพูดตัดหน้าขึ้นมาก่อน “ไสหัวไป!”
ฝางคุนผงะไปทันทีที่ได้ยินก่อนจะหัวเราะเย้ยขึ้น “ช่างเป็นเด็กน้อยที่ป่าเถื่อน เจ้าคงไม่คิดว่าข้าเป็นเหมือนขยะพวกนี้หรอกใช่ไหม?”
เย่หยวนจ้องมองดูที่อีกฝ่าย “เจ้าก็ไม่ได้แตกต่างจากพวกมัน หากยังไม่คิดไสหัวไป เจ้าเองก็ต้องตายลงเช่นกัน”
พูดไปเย่หยวนก็ดึงตัวเจียงไห่ถังเดินออกไปอีกครั้ง
ฝางคุนหัวเราะลั่นออกมา “เจ้าคนโง่เขลา ข้าอยากรู้เสียจริงๆ ว่าเจ้าจะสังหารข้าลงอย่างไร!”
แต่ในวินาทีนั้นเองที่เกิดลายสีฟ้าลอยขึ้นมาจากร่างของเย่หยวนเข้าปิดพื้นที่รอบๆ ไว้จนสิ้น
มิติลายพระเจ้า!
ตอนนี้ฝางคุนนั้นอยู่ไม่ห่างจากตัวเย่หยวนมากทำให้ลายสีฟ้าทั้งหลายนี้ไม่ต้องเดินทางไปไกลใดๆ และสามารถสร้างมิติลายพระเจ้าขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว
ฝางคุนนั้นสะดุ้งตกใจรู้สึกได้ถึงความผิดปกติในมิตินี้จนต้องหันหน้ากลับพยายามหนีออกไป
แต่ทว่ามันก็สายเกินไปแล้ว!
ฝางคุนนั้นเบิกตามองภาพตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว
เพราะตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าตนไม่อาจเคลื่อนย้ายมิติไปจากที่ตรงนี้ได้!
ร่างกายของเขานั้นถูกขังไว้ในลูกมิตินี้
ปัง!
และจู่ๆ ฝางคุนก็หันไปพยายามจะโจมตีที่กำแพงของมิติ
แต่ทว่ามิติสีฟ้าครามนี้มันกลับไม่ขยับเคลื่อนแม้แต่น้อย
ลายสีฟ้าทั้งหน้านั้นมันยิ่งมีแต่จะรวมกันหนาแน่นมากขึ้นและมากขึ้นจนปิดพื้นที่ทั้งหมดจนสิ้น
“ป-ปล่อยข้าไป! ให้ตายสิ ปล่อยข้า!” ฝางคุนร้องออกมาด้วยความสิ้นหวัง
ร่างของเย่หยวนปรากฏขึ้นมาในห้วงมิตินี้ด้วยดวงตาที่เย็นเยือก
ฝางคุนมองดูเย่หยวนด้วยร่างกายที่สั่นเทา
ดวงตาทั้งสองนั้นมันทำให้จิตใจของเขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจากส่วนลึก
เย่หยวนมองดูที่อีกฝ่ายก่อนจะพูดขึ้น “ข้าได้ให้โอกาสเจ้าไปแล้วแต่เจ้ากลับไม่คิดรักษามันไว้ เช่นนั้นจงตายไปเสีย”
เย่หยวนชี้นิ้วออกมาพุ่งทะลุผ่านหัวใจของฝางคุนจนทำให้เขาสิ้นใจลงทันที
ฟู่ว!
มิติลายพระเจ้าคลายตัวออกเผยให้เห็นศพของฝางคุนที่ร่วงออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรงใดๆ ทำให้ความเงียบงันเข้าปกคลุมทุกสิ่งอย่าง
ผู้ดูแลแห่งดงปิติ นภาสวรรค์เก้าดาว ท่านฝางคุน กลับตายลงอย่างง่ายดายเช่นนี้?
ทุกคนต่างหันไปมองหน้ากันอย่างไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นอะไรกันแน่
“ไปกัน!”
เย่หยวนดึงตัวเจียงไห่ถังเดินออกไปจากดงปิติจนหายลับไป
สองยอดผู้พิทักษ์ที่เหลืออยู่ได้แต่หันมามองหน้ากันด้วยความตื่นตะลึงอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิต
เพราะเรื่องราวตรงหน้าพวกเขานี้มันสุดเหนือล้ำจนเกินกว่าจะเชื่อ
เดิมทีพวกเขาต่างคาดคิดว่ามันคงกลายเป็นยอดการต่อสู้ฟ้าถล่มดินทลาย ไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องราวมันจะจบลงด้วยความตายของฝางคุนอย่างง่ายดายเช่นนี้
ตอนที่ 1903 ความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที...
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?! ฝางคุนตายลงด้วยน้ำมือของนภาสวรรค์ห้าดาวผู้หนึ่ง?”
เมื่อหยูจินซงได้ยินข่าวนี้เขาก็แทบจะลุกกระโดดขึ้นจากที่นั่ง
พลังฝีมือของฝางคุนนั้นเขารู้ถึงมันอย่างดี
มีหรือที่นภาสวรรค์ห้าดาวคนหนึ่งจะฆ่าสังหารเขาลงได้?
ท่าทางความคิดแรกที่เขามีหลังได้ยินเรื่องราวคือเขาไม่คิดจะเชื่อมันเลยแม้สักนิด
“ช-ใช่ไหมล่ะขอรับ? แต่เจ้าเด็กคนนั้นมันใช้วิชาแปลกประหลาด ปล่อยอะไรบางอย่างออกมาเหมือนเป็นรังไหมครอบท่านฝางคุนเข้าไปด้านในภายในพริบตาเขาก็ตายลง”
เมื่อหัวหน้าของสี่ยอดผู้พิทักษ์นึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวในตอนนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวที่ปะทุขึ้นมาในจิตใจอีกครั้ง
เมื่อเย่หยวนสร้างเรื่องราวใหญ่โตขนาดนั้นแน่นอนว่าทางดงปิติย่อมต้องปิดตัวลงเป็นการชั่วคราว
และที่แห่งนั้นมันคือแหล่งสูบเงินชั้นดีของจวนเจ้าเมือง
เท่านี้เรื่องราวที่เย่หยวนก่อมันย่อมทำให้หยูจินซงโกรธแค้นอย่างสาหัส
หยูจินซงนั้นโกรธจนใบหน้าแดงดำมองดูผู้พิทักษ์คนนั้นก่อนจะบอก “เจ้าบอกว่าเด็กคนนี้มันมาจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แห่งสันเขาใต้? แถมยังเป็นแค่ผู้อาวุโสใหญ่ของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ด้วย?”
ผู้พิทักษ์คนนั้นพยักหน้ารับออกมาพร้อมด้วยเหงื่อเย็นเยียยบ “ขอรับนายน้อย! เด็กคนนั้นมันถูกพิสูจน์แล้วว่าเป็นผู้อาวุโสใหญ่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์จริง นามว่าเย่หยวน ก่อนจะมายังดงปิติมันนั้นได้ไปก่อเรื่องที่สำนักอากาศแจ่มจนแทบฉีกหอลมไหลเป็นชิ้นๆ! อ่า จริงด้วย ก่อนที่มันจะมายังเมืองหลวงจักรพรรดินั้นมันยังฆ่าสังหารนายน้อยตระกูลหวู่ หวู่เทียนลงด้วยพร้อมๆ กับคนรับใช้ตระกูลหวู่พลังบ่มเพาะนภาสวรรค์แปดดาว หวู่หยุน มาถึงเมืองหลวงจักรพรรดิในครานี้มันคงมาเพื่อเรื่องของเจียงยู่ถังเป็นอย่างแน่”
จวนเจ้าเมืองนั้นย่อมมีเส้นสายในการหาข้อมูลอย่างมากมาย พวกเขาแค่ใช้เวลาคืนเดียวก็สามารถสืบสาวเรื่องราวของเย่หยวนได้จนครบถ้วน
ได้ยินคำรายงานของผู้พิทักษ์หยูจินซงก็หน้าเปลี่ยนสีไปทันที
ในเวลาครึ่งเดือนมานี้เย่หยวนแทบจะกลับเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นนี้จากหน้ามือเป็นหลังมือท้าทายสามขั้นอำนาจใหญ่อย่างไม่เกรงกลัว
และแม้ว่าตระกูลหวู่นั้นจะไม่ได้มีพลังอำนาจเทียบเคียงกับสามขั้วอำนาจใหญ่ได้พวกเขาเองก็ไม่ใช่ตัวตนที่ใครๆ จะไปท้าทายได้ง่ายๆ เช่นกัน
เพราะบรรพบุรุษของตระกูลหวู่เองก็เป็นถึงเทพถ่องแท้เช่นกัน!
หยูจินซงหรี่ตาลงมองราวกับงูพิษที่คิดแผนชั่วร้ายได้ “ส่งคำสั่งลงไป สามวันจากนี้ให้ทำการประหารเจียงยู่ถังต่อหน้าผู้คนที่ลานดงสวรรค์! ถึงเวลานั้นเราจะวางกำลังให้รอบ ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะมีสามเศียรหกกรหรือไม่!”
…
ข่าวเรื่องนี้แพร่ไปทั่วจวนเจ้าเมืองอย่างรวดเร็ว และในฐานะหนึ่งในสามขั้วอำนาจใหญ่ทางสำนักอากาศแจ่มเองก็ย่อมต้องรู้เรื่องราวด้วยเช่นกัน
ซ่งหยานไคในตอนนี้กำลังยืนอยู่ต่อหน้าชายวัยกลางคนผู้หนึ่งด้วยท่าทางกลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างจับใจ
โชคยังดีที่ตอนนั้นเขาได้ปล่อยเย่หยวนเดินออกไปและไม่ได้ลงมือคิดหยุดอีกฝ่าย
ไม่เช่นนั้นผลลัพธ์ที่เขาต้องพบเจอมันก็คงไม่ต่างจากฝางคุน
ไม่สิ ตัวเขานั้นอ่อนแอกว่าฝางคุนมาก มันย่อมไม่มีความหวังจะรอดชีวิตใดๆ
“ตอนนี้สถานการณ์ในเมืองมันซับซ้อนยุ่งเหยิงอย่างมากตั้งแต่คืนก่อน ไม่มีใครนึกใครฝันว่าแค่ผู้อาวุโสใหญ่จากเมืองจักรพรรดิเบื้องล่างคนหนึ่งจะสามารถสร้างเรื่องราวให้ใหญ่โตได้ขนาดนี้!” ชายคนนั้นพูดขึ้นพร้อมถอนหายใจยาว
ซ่งหยานไคนั้นได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ใครจะไปคิดว่านภาสวรรค์ห้าดาวคนหนึ่งจะกล้าเดินสังหารออกมาจากดงปิติตรงๆ เช่นนั้นได้?”
ชายคนนั้นพยักหน้ารับออกมา “เจียงยู่ถังเองก็เป็นแค่ผู้ตรวจการน้อยๆ คนหนึ่งไม่มีอะไรสำคัญ การต้องไปทำสงครามกับจวนเจ้าเมืองและหอยอดดอกเพราะตัวเขาคนเดียวมันดูจะไม่คุ้มเสียจนเกินไป ไม่นึกไม่ฝันว่าแท้จริงแล้วเขาจะไปรู้จักเด็กหนุ่มมากพรสวรรค์เช่นนี้เข้า ธุรกิจของดงปิตินั้นต่างเป็นสิ่งที่ทุกผู้คนอิจฉา แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครกล้าไปสร้างเรื่องราวใดๆ มาก่อน ไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนคนเดียวนี้จะทำลายมันลงจนสิ้น!”
ซ่งหยานไคพูดขึ้น “เช่นนั้นเราจะทำอย่างไรต่อดี? เย่หยวนนั้นได้เปิดศึกต่อฟ้าแล้ว แต่เรา… เรากลับอยู่เฉย!”
ชายวัยกลางคนนั้นส่ายหัวออกมา “เบื้องบนได้สั่งลงมาแล้ว เราต้องปกป้องเจียงยู่ถัง! ทั้งจวนเจ้าเมืองทั้งหอยอดดอกต่างคิดจะลงมือกันเต็มที เด็กคนนี้มันมากพรสวรรค์วันข้างหน้าต้องช่วงเหลือเราได้มากมายแน่ เพราะฉะนั้นเราต้องทำการแก้ตัวไถ่โทษกับเรื่องที่ผ่านมาให้ดี!”
เมื่อซ่งหยานไคได้ยินเช่นนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนสีไปอีกครา
…
ทุกคนในเมืองนั้นต่างตามหาเย่หยวนกันอย่างไม่หยุดพักแต่หลังจากพาเจียงไห่ถังออกไปจากดงปิติแล้วมันก็ราวกับว่าคนทั้งสองนั้นได้หายไปกับอากาศ ไม่อาจตามหาร่องรอยใดๆ ได้ไม่ว่าจะพยายามเพียงใด
ทางจวนเจ้าเมืองนั้นต้องการฆ่าสังหารเย่หยวน แต่พวกเขากลับไม่อาจเจอตัวคน
สำนักอากาศแจ่มนั้นต้องการหาตัวเย่หยวนเพื่อทำความเข้าใจ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาเองก็ไม่อาจตามรอยของเย่หยวนได้เจอ
สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เรื่องการประหารเจียงยู่ถังได้ถูกป่าวประกาศไปทั่วทั้งเมืองแล้วในตอนนี้
เมื่อเจียงยู่ถังได้เห็นแสงของท้องฟ้าอีกครั้งเขาก็รู้สึกราวกับจะหน้ามืดเป็นลมไป
เขานั้นคิดเพียงแค่ว่าชีวิตนี้คงจบสิ้นไปอย่างไม่มีใครสนใจในกรงขังนั้น ไม่นึกไม่ฝันว่าทางจวนเจ้าเมืองกลับคิดจะทำให้การตายของเขากลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตถึงขั้นนี้
และจู่ๆ เขาก็ได้เห็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาหาเขา
เมื่อได้เห็นคนผู้นั้นแล้วเจียงยู่ถังก็สั่นสะท้านไปทั้งร่าง
เพราะนี่คือคนร้ายที่ใส่ความเขาและโยนเขามาขังไว้นั่นเอง
หยูจินซงมาถึงเบื้องหน้าเจียงยู่ถังด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “เจียงยู่ถัง เจ้าคงสงสัยว่าทำไมข้าถึงคิดประหารผู้ตรวจการน้อยๆ อย่างเจ้าต่อหน้าผู้คนจนเป็นเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ใช่หรือไม่?”
เจียงยู่ถังนั้นเตรียมใจตายมาได้นานแสนนานแล้ว จะตายอย่างไรมันย่อมไม่ทำให้เขาแตกตื่นได้
สิ่งเดียวที่เขายังกังวลนั้นคือลูกสาว
ทำงานอยู่ในเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นมานานแสนนานเจียงยู่ถังย่อมรู้ดีว่าตัวเขาในตอนนี้อยู่ในสถานะเช่นไร
เขานั้นเป็นเพียงแค่เบี้ยที่เบื้องบนสละเพื่อเกมกระดานใหญ่
ใครจะมาสนใจความเป็นความตายของผู้ตรวจการน้อยๆ คนหนึ่งเช่นนี้?
เจียงยู่ถังนั้นหายใจเข้ายาวก่อนจะถามหยูจินซงขึ้น “นายน้อยหยู เจียงยู่ถังนี้เป็นแค่ผู้น้อยคนหนึ่ง ความตายย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่โตใด ข้าแค่หวังว่าท่านจะไม่ทำให้ลูกสาวข้าต้องเดือดร้อนไปด้วย”
“ฮ่าๆ!” หยูจินซงหัวเราะขึ้นทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น “มีหรือที่ข้าจะทำให้เรื่องราวลำบากแก่น้องไห่ถังได้ ท่านพ่อตา?”
ร่างของเจียงยู่ถังสั่นสะท้านขึ้นทันทีก่อนจะมองดูหยูจินซงด้วยความโกรธแค้น “เจ้า…เจ้าทำอะไรกับนาง?”
หยูจินซงมองดูเจียงยู่ถังด้วยรอยยิ้มอันเย็นเยือก “ข้าจะทำอะไรได้? นางนั้นมาขอร้องข้า ขอให้ข้าปล่อยเจ้าออกไป ก็นะ มีเนื้อมาส่งถึงปากมีหรือที่ข้าจะกล้าปฏิเสธ? ชิๆ ไม่นึกเลยว่าคนเถื่อนๆ อย่างเจ้าจะสามารถมีลูกสาวที่เด็ดดวงได้ขนาดนั้น!”
เจียงยู่ถังโกรธจนร่างสั่นสะท้านตะโกนร้องออกมาอย่างไม่อาจห้ามหยุดไว้ได้ “เจ้า…สัตว์ร้าย! สัตว์หน้าขน!”
เจียงยู่ถังได้แต่แยกเขี้ยวใส่อีกฝ่ายตะโกนคำรามใส่หยูจินซงด้วยน้ำตาที่ไหลลงอาบหน้า
ตอนนี้ดวงใจของเขาแทบแหลกสลายลงแล้ว
แต่หยูจินซงกลับหัวเราะขึ้นมาพร้อมเดินเข้ามาตบบ่าของเจียงยู่ถัง “เจ้าอย่าได้รีบร้อนไป ข้านั้นยังมีข่าวดีมาบอกแก่เจ้าด้วย! มีคนมาเพื่อช่วยเจ้า!”
สภาพของเจียงยู่ถังในตอนนี้ย่อมไม่คิดจะฟังคำจากปากหยูจินซงอีกต่อไป สมองของเขาในตอนนี้มีแต่ความโกรธที่ลูกสาวถูกเหยียดหยาม ความเกลียดชังที่ที่เต็มเปี่ยมหัวใจนี้มันทำให้เขาเจ็บปวดไปทั้งร่างกาย
เมื่อได้เห็นว่าเจียงยู่ถังไม่คิดฟังหยูจินซงจึงถามขึ้นด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “เจ้ารู้จักเย่หยวนใช่หรือไม่?”
ได้ยินเช่นนั้นร่างของเจียงยู่ถังก็สั่นสะท้านขึ้นทันที ดวงตาของเขาแสดงถึงสติที่กลับมา มองดูใบหน้าของหยูจินซงอย่างไม่คิดอยากเชื่อ
“เจ้า…เจ้าบอกว่าเย่หยวนกลับมาแล้ว?”
หยูจินซงบอก “ไม่ใช่แค่กลับมา เขายังไปถึงดงปิติเพื่อช่วยลูกสาวของเจ้าออกมาด้วย น่าดีใจใช่ไหมเล่า?”
“ด-ดงปิติ? เป็นไปได้อย่างไรกัน?” เจียงยู่ถังหรี่ตาลงพร้อมคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆ นาๆ มากมาย
แต่หลังจากได้ยินว่าลูกสาวของตนปลอดภัยแล้วเจียงยู่ถังก็รู้สึกโล่งขึ้นมาในใจ
แต่ไม่นานนักใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปพร้อมมองดูหยูจินซงอย่างโกรธแค้น
ตอนที่ 1904 ไม่เห็นแก่หน้าใคร
“เจ้า…เจ้าคิดจะประหารข้าต่อหน้าผู้คนเพื่อล่อเย่หยวนออกมา?” เจียงยู่ถังตะโกนร้องถามขึ้น
หยูจินซงยิ้มออกมาอย่างมีนัย “เจ้าเองก็ไม่ได้โง่มากนะ เข้าใจเรื่องราวเร็วดี วันนี้ทางจวนเจ้าเมืองเราได้ส่งเทพถ่องแท้ถึงสามคนมาหลบซ่อนรอไว้ในลานประหารแล้ว เมื่อใดก็ตามที่มันปรากฏตัวออกมาเทพถ่องแท้ทั้งสามนั้นจะเข้าโจมตีพร้อมๆ กัน! เจ้าลองเดาเอาเถอะว่าผลจะเป็นอย่างไร? ฮ่าๆ!”
เจียงยู่ถังนั้นตื่นตกใจอย่างมาก เพื่อจะจัดการกับเย่หยวนแล้วจวนเจ้าเมืองถึงขั้นส่งเทพถ่องแท้ออกมาสามคน
เย่หยวนนั้นพัฒนาตนขึ้นไปจนถึงขั้นทำให้จวนเจ้าเมืองเกรงกลัวขนาดนั้น?
ในเวลาแค่ไม่กี่ร้อยปีนี้ เย่หยวนกลับพัฒนาตนไปไกลเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้
เย่หยวนนั้นเดินเข้ามาในถ้ำเสือเพื่อที่จะช่วยเหลือตัวเขาและเจียงไห่ถัง แน่นอนว่าเรื่องนี้มันย่อมทำให้เขาซาบซึ้งอย่างมาก
นี่มันยิ่งทำให้สัญญาที่เขาเคยมีแก่เย่หยวนล้ำค่าขึ้น
เว้นเสียแต่ว่าหยูจินซงคนนี้ช่างทำเรื่องหน้าไม่อายพร้อมที่จะวางแผนชั่วร้ายอย่างไม่เกรงใคร
หากเย่หยวนออกมาช่วยเขาจริงๆ แล้วชีวิตเขาจะไม่ต้องเสียไปอย่างสูญเปล่าหรือ?
คิดได้ถึงตรงนี้ความเกลียดชังที่เขามีต่อหยูจินซงก็ยิ่งเพิ่มทวีอย่างไม่อาจหยุดยั้ง
“เจ้า… เจ้าคนร้ายกาจ! หน้าไม่อาย! หยูจินซง ต่อให้ข้าเจียงยู่ถังคนนี้จะตายเป็นผีไปข้าก็จะไม่ปล่อยให้เจ้าลอยนวลไปได้!”
เจียงยู่ถังนั้นกัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น พยายามอย่างสุดแรงเพื่อจะทำลายโซ่พันธนาการ
แต่น่าเสียดายที่โซ่นี้มันถูกสร้างขึ้นมาจากโลหะศักดิ์สิทธิ์ม่วงทอง อย่าว่าแต่ตัวเขาในสภาพที่ถูกปิดผนึกทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้เลย แม้จะเป็นตัวเขาที่แข็งแกร่งพร้อมก็คงไม่อาจทำลายมันลงได้
“เป็นผี? หึๆ เรื่องนั้นเจ้าต้องเป็นให้ได้เสียก่อนค่อยว่ากล่าว! นำตัวมันไป!”
หยูจินซงนั้นสะบัดชายเสื้อเดินนำทางเจียงยู่ถังเข้ามาในลานประหารทันที
เจียงยู่ถังนั้นเมื่อถูกลากขึ้นมาใบหน้าของเขาก็ขาวซีด
เขาเกลียดชังหยูจินซง เขาเกลียดในความไร้พลังของตน!
แต่เขานั้นไม่มีพลังพอจะเปลี่ยนแปลงใดๆ ได้
“เย่หยวน เจ้า…อย่าได้มาเป็นอันขาด!” น้ำตาอุ่นๆ สองสายไหลลงมาจากดวงตาของเขา
…
ผู้คนที่คิดอยากรู้เรื่องราวชีวิตผู้อื่นนั้นมันมีอยู่เสมอไม่ขาด ทำให้ตอนนี้ลานดงสวรรค์นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยผู้คนมากความอยากรู้อยากเห็นจนแทบไม่มีที่จะยืน
“ช่างไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมการประหารผู้ตรวจการน้อยๆ คนหนึ่งจึงได้เป็นเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้ได้”
“หึ เจ้าไม่รู้สินะ? เจ้าจำเรื่องที่มีคนบุกเข้าดงปิติไปช่วยเด็กสาวออกมาได้หรือไม่? เด็กสาวคนนั้นมันคือลูกสาวของเจียงยู่ถังผู้จะถูกประหารนี้! เรื่องราวในวันนี้ผู้คนทั้งหลายไม่ได้คิดจะมาดูการตัดคอประหารลงโทษคนหรอก!”
“เจ้าพูดถึงเย่หยวนหรือ? ช่างน่ากลัวจริงพระเจ้า! แค่นภาสวรรค์ห้าดาวกลับสามารถสังหารท่านฝางคุนลงได้ จะน่าเกรงกลัวจนเกินไปแล้ว”
“น่าเสียดาย! ด้วยแผนการที่นายน้อยหยูคิดขึ้นมาในวันนี้ต่อให้เย่หยวนจะรู้ว่ามันเป็นเหว เขาก็คงต้องกระโดดลงไป! เว้นเสียแต่ว่าเขาจะไม่คิดช่วยเจียงยู่ถังแล้ว”
…
เรื่องที่เย่หยวนก่อไว้ที่ดงปิตินั้นมันมิใช่ความลับใดๆ อีกต่อไป เรื่องราวนี้มันแพร่ไปทั้งเมืองหลวงจักรพรรดิอย่างรวดเร็ว
เหล่าคนผู้อยากรู้อยากเห็นเรื่องชาวบ้านทั้งหลายจึงย่อมจะมารวมตัวกันเพื่อดูเรื่องราวนี้
เดิมทีแล้วมันเป็นแค่เรื่องของผู้ตรวจการตัวน้อยคนหนึ่ง แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นเรื่องปัญญาที่เย่หยวนก่อขึ้นจนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต
วันนี้ผู้คนทั้งหลายที่มานั้นต่างคิดอยากรู้ว่าเย่หยวนจะกล้าปรากฏตัวออกมาหรือไม่
หยูจินซงนั้นนั่งอยู่บนที่นั่งทรงเกียรติด้วยท่าทางสบายใจ
“เจอตัวเย่หยวนหรือยัง?” หยูจินซงถามผู้พิทักษ์ที่ด้านหลัง
หวังหูคนนี้คือผู้นำของกลุ่มยอดผู้พิทักษ์ที่เคยต่อสู้กับเย่หยวนมาก่อนนั้นเอง
เมื่อได้ยินคำถามของหยูจินซง หวังหูก็รีบกล่าวรายงาน “เรียนนายน้อย เรายังไม่พบร่องรอยของมันเลย นายน้อย เราจัดเตรียมงานใหญ่ขนาดนี้ไว้ หากว่ามัน… ไม่ปรากฏตัวขึ้นมาเล่า?”
หยูจินซงยิ้มออกมา “เด็กคนนั้นมันเป็นสหายกับเจียงยู่ถังมานานนับร้อยๆ ปี แถมยังสนิทกันไม่น้อย เพื่อเจียงยู่ถังแล้วมันถึงกลับกล้าเดินเข้าไปบุกดงปิติเราและช่วยเจียงไห่ถังออกมา แค่นั้นมันก็แสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่ามันมองเจียงยู่ถังเป็นสหายสนิทแค่ไหน เพราะฉะนั้นมันย่อมต้องมา! เจ้าตรวจสอบต่อไป หากเจอร่องรอยของมันแล้วเจ้าอย่าได้รีบร้อนทำการใดๆ จงมารายข้าในทันที”
“ขอรับนายน้อย” หวังหูรับคำและจากไป
เพื่อที่จะจับเย่หยวนแล้วหยูจินซงได้วางเครือข่ายกับดักไว้อย่างแน่นหนา
วันนี้เหล่าทหารที่มารักษาการณ์นั้นต่างเป็นยอดของยอดนักยุทธ ไม่ใช่แค่พลังฝีมือของแต่ละคนจะยิ่งใหญ่ แต่พลังที่ฝึกร่วมกันมามันก็แข็งแกร่งและรุนแรงไม่น้อย
นอกจากนันเขายังพาเหล่ายอดฝีมือนภาสวรรค์ขั้นปลายมาหลายต่อหลายคน แทรกตัวอยู่ตามพื้นที่ลานประหาร
เมื่อเย่หยวนปรากฏตัวออกมา เครือข่ายกับดักทั้งหลายนี้ย่อมจะเข้าโจมตีสังหารเย่หยวนในทันที
ส่วนเทพถ่องแท้ทั้งสามนั้นพวกเขาเองก็ได้ซ่อนตัวอยู่ในลานประหารนี้เช่นกัน
ในหมู่เทพถ่องแท้ทั้งสามนั้น สองคนเป็นเทพถ่องแท้หนึ่งดาว ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นถึงเทพถ่องแท้สองดาว แค่นี้มันก็แสดงให้เห็นได้อย่างดีแล้วว่าเขาระวังในความสามารถของเย่หยวนมากแค่ไหน
เขานั้นมั่นใจอย่างมากว่าตราบเท่าที่เย่หยวนปรากฏตัวออกมา เขาจะสามารถจัดการกับอีกฝ่ายได้อย่างอยู่หมัด
แต่จู่ๆ กลับมีสามเงาร่างเดินขึ้นมายังลานประหาร
เมื่อหยูจินซงเห็นทั้งสามคึนนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มขึ้นมา เขายันตัวลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมก้มคารวะ “หลานจินซงขอคารวะท่านเจ้าสำนักเฟย!”
คนผู้นำมานี้มีพลังสุดแสนเหนือล้ำ เขาเองก็เป็นถึงเทพถ่องแท้คนหนึ่งเช่นกัน
แม้คนทั่วๆ ไปจะไม่รู้จักตัวเขา แต่หยูจินซงย่อมรู้จักอีกฝ่ายดี เขาคนนี้มีนามว่าเฟยหมิงเทียน หนึ่งในผู้ช่วยเจ้าสำนักอากาศแจ่ม
ที่ตามเฟยหมิงเทียนนั้นคือเจ้าตึกลมไหล หลี่ซืออานและผู้ช่วยตึก ซ่งหยานไค
เฟยหมิงเทียนพยักหน้ารับการทักทาย “ไม่ได้เจอกันมานานหลายร้อยปี หลานชายหยูพัฒนาการบ่มเพาะขึ้นไปได้อีกแล้ว!”
หยูจินซงยิ้มรับ “ท่านเจ้าสำนักเฟยกล่าวชมเกินไปแล้ว! หลานนั้นแค่ได้ทำหน้าที่ดูแลกฎหมายตามที่จวนเจ้าเมืองมอบมันมา หลานสงสัยเหลือเกินว่าท่านเจ้าสำนักเฟยมาถึงที่นี่เพราะธุระใด?”
เฟยหมิงเทียนหน้าเสียไปทันที เพราะคำพูดนี้ของหยูจินซงมันเป็นเหมือนยาพิษอาบในน้ำผึ้ง ปิดทางใดๆ ที่เขาจะพูดต่อได้
เมื่อหยูจินซงกล้าจะใส่ร้ายเจียงยู่ถังแล้วเขาก็ย่อมสร้างหลักฐานต่างๆ ขึ้นมาอย่างหนาแน่นเป็นที่เรียบร้อย
ไม่เช่นนั้นแล้วมีหรือที่สำนักอากาศแจ่มจะปล่อยเรื่องผ่านไปเฉยๆ เช่นนี้ได้
เฟยหมิงเทียนกล่าวขึ้น “หลานชายหยู เจียงยู่ถังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็เป็นคนของสำนักอากาศแจ่มเรา เจ้าถือว่าเห็นแก่หน้าพวกเราไว้ชีวิตเขาได้หรือไม่?”
หยูจินซงหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินเช่นนั้น “คำพูดของท่านเจ้าสำนักเฟยไม่ถูกต้องแล้ว! แม้ว่าเจียงยู่ถังนั้นจะฝึกตัวมาจากสำนักอากาศแจ่มแต่ตอนนี้อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนของจวนเจ้าเมือง หลายปีมานี้จวนเจ้าเมืองเราเองก็ได้มอบทรัพยากรบ่มเพาะต่างๆ มากมายให้แก่เขา แต่มันกลับไม่คิดจอบแทนคุณและหันกลับมาคิดลอบสังหารข้า! คนเช่นนี้หากไม่ถูกลงโทษประหารตามกฎหมายแล้วจวนเจ้าเมืองเราจะยังเอาหน้าที่ไหนไปปกครองผู้คนในเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นได้?”
เฟยหมิงเทียนขมวดคิ้วแน่น คำพูดของหยูจินซงนั้นเปี่ยมไปด้วยเหตุผลจนเขาไม่อาจขัดได้เลย
แม้ว่าตึกลมไหลนั้นจะเป็นสถานที่ที่ทางสำนักอากาศแจ่มใช้ในการดูแลเรื่องของเมืองจักรพรรดิเบื้องล่างแต่มันก็ไม่ได้เป็นที่รู้กันต่อหน้าสาธารณะ
ภายนอกแล้ว เมืองจักรพรรดิเบื้องล่างทั้งหมดนั้นล้วนอยู่ใต้การปกครองของจวนเจ้าเมือง
“เช่นนั้นแล้วมันคงไม่มีทางจะบิดพลิ้วได้? หากข้าคิดใช้กำลังพาเขาไปเล่า?”
คลื่นพลังจากร่างของเฟยหมิงเทียนพุ่งทะยานขึ้นพร้อมเข้ากดปะทะกับร่างของหยูจินซงอย่างแรง ดูท่าแล้วเขาคงไม่พอใจกับเรื่องในครั้งนี้อย่างมาก
แต่หยูจินซงนั้นกลับไม่คิดสนใจและยิ้มตอบกลับมา “ท่านเจ้าสำนักเฟย หลานเองก็เข้าใจเรื่องราวดี แต่กฎหมายมันก็เป็นกฎหมาย ไม่มีใครสามารถฝ่าฝืนมันได้ใช่หรือไม่? หากท่านเจ้าสำนักเฟยคิดลงมือจริงๆ ข้าเองก็เกรงว่าท่านพ่อคงไม่อยู่เฉยแน่ ท่านเจ้าสำนักเฟยคงไม่คิดว่าพ่อข้าไม่ได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้เลยหรอกใช่ไหม?”
นั่นทำให้เฟยหมิงเทียนหน้าถอดสี พ่อของหยูจินซงนั้นย่อมคือหยูเหวินเฟิง เจ้าเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นนี้ มีพลังฝีมือสุดเหนือล้ำ
เด็กคนนี้กลับกล้าใช้ชื่อเจ้าเมืองมาขู่เขา!
เดิมทีทางสำนักอากาศแจ่มนั้นคิดว่าการส่งเทพถ่องแท้ออกมาเช่นนี้แล้วหยูจินซงเองก็คงคิดไว้หน้าพวกเขาบ้าง
ไม่นึกไม่ฝันว่าจิตใจของหยูจินซงกลับหนักแน่นได้ขนาดนี้
หยูจินซงมองดูเฟยหมิงเทียนด้วยรอยยิ้ม “ท่านเจ้าสำนักเฟย นี่ไม่ใช่หลานไม่เห็นแก่หน้าท่านหรอกนะ แต่กฎหมายเรานั้นอยู่เหนือทุกสิ่งอย่าง! สำนักอากาศแจ่มเองก็เป็นส่วนหนึ่งของเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นนี้ เมื่อมีคนทรยศเกิดขึ้นมาภายใน พวกท่านไม่คิดจะอยู่ดูการประหารมันเสียหน่อยหรือ?”
ตอนที่ 1905 ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย
เฟยหมิงเทียนนั้นโกรธแค้นจนตัวสั่นเทาแต่เขานั้นไม่มีพลังพอที่จะกระทำเรื่องราวใดๆ ได้
เพราะตัวเขานั้นมีตำแหน่งฐานะใหญ่โต หากคนระดับเขาลงมือแล้วผลลัพธ์มันก็คงกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบกับจวนเจ้าเมืองอย่างแน่นอน
เฟยหมิงเทียนได้แต่พ่นลมหายใจแรงออกมาพร้อมเดินหนีไป
แต่เขานั้นไม่ได้เดินจากลานประหารไป เขาเพียงแค่ถอยไปอยู่ดูสถานการณ์ที่ข้างลานประหารเท่านั้น
“เจ้าสำนักเฟย เราจะทำอย่างไรกันต่อดี?” หลี่ซืออานถามขึ้น
เฟยหมิงเทียนถอนหายใจยาวออกมา “เรื่องนี้มันจัดการไม่ได้ง่ายๆ! เพราะเดิมทีสำนักอากาศแจ่มเราก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบมาแต่แรกแล้ว ทางจวนเจ้าเมือง… คงหวังให้พวกเราแตกหักกันไปข้างหนึ่งเสียตอนนี้!”
หลี่ซืออานบอก “เช่นนั้นแล้ว… เย่หยวนเล่า? หากเราไม่ช่วยเหลือเจียงยู่ถังไว้เรื่องราวที่ผ่านๆ มานั้นเขาคงไม่มีทางปล่อยมันผ่านไปแน่”
เฟยหมิงเทียนได้แต่ส่ายหัวออกมา “ข้าได้หวังว่าเขาจะไม่บ้าบิ่นขนาดนั้น!”
เวลาค่อยๆ เดินผ่านไปแต่สุดท้ายแล้วมันก็ยังไม่มีแม้แต่เงาของเย่หยวน
หยูจินซงนั้นเบื่อที่ต้องรอต่อไปจึงได้สั่งขึ้นมาอย่างเย็นเยือก “เริ่มการประหาร!”
ลูกน้องของเขาจึงตะโกนสั่งขึ้นอย่างแจ่มชัดดังกังวาน “ถึงเวลาแล้ว เริ่มการประหาร!”
เมื่อเพชฌฆาตได้รับคำสั่งเขาก็เดินถือมีดขึ้นไปยืนต่อหน้าเจียงยู่ถัง
เหล่าเพชฌฆาตทั้งหลายนั้นต่างใช้อาวุธพิเศษในการประหารทุกๆ ครั้ง
สำหรับนักยุทธพลังบ่มเพาะอาณาจักรพระเจ้านั้น ต่อให้จะถูกตัดหัวลงพวกเขาก็คงยังไม่ตายง่ายๆ
เว้นเสียแต่ว่าผู้ลงมือจะมีความเข้าใจในแนวคิดที่สูงล้ำพอ ทำลายพลังชีวิตของคนผู้นั้นลงได้มันจึงจะสามารถกลายเป็นการสังหารที่แท้จริง
และไม่ว่าจะดูอย่างไรเพชฌฆาตผู้นี้ก็ไม่ได้มีฝีมือที่เก่งกาจถึงขั้นนั้น
หยูจินซงลุกขึ้นยืนบอกตะโกนลั่น “เย่หยวน ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ เจ้าเก่งกาจมากมิใช่หรือ? ทำไมเจ้าถึงไม่กล้าโผล่หัวออกมาเสียแล้วเล่า? หรือว่าเจ้าแค่ชอบพอเจียงไห่ถังและคิดช่วยแต่นางไม่คิดช่วยพ่อนาง? เจ้าคนขี้ขลาด หากมีปัญญาจริงก็ออกมาเสีย! หากยังไม่ออกมาแล้วเจียงยู่ถังต้องตายลงแน่!”
เจียงยู่ถังหน้าถอดสีทันทีก่อนจะตะโกนลั่นขึ้น “เย่หยวน เจ้าอย่าได้ออกมา! ขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยไห่ถังไว้ ตอนนี้ข้าหมดห่วงแล้ว! พวกมันทั้งหลายนี้วางแผนจับกุมเจ้ามาอย่างดี มันแค่รอให้เจ้าปรากฏกายขึ้น เจ้าห้ามออกมาเป็นอันขาด!”
หยูจินซงที่ได้ยินแบบนั้นก็เผยรอยยิ้มแสนชั่วร้ายออกมาเพราะคำพูดของเจียงยู่ถังนี้มันจะกลายเป็นตัวผลักดันให้เย่หยวนออกมาแทน
“ข้าอยู่นี่!” ในเวลานั้นเองที่เกิดเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
เว้นเสียแต่ว่าเสียงนั้นมันสุดแสนจะใกล้ตัวราวกับว่ามันดังขึ้นที่ข้างหูของหยูจินซง
จู่ๆ หยูจินซงก็รู้สึกชาไปทั้งร่าง สัญชาตญาณของเขาบอกเตือนถึงความอันตรายอย่างถึงที่สุดจนแทบคิดอยากหนีไปให้พ้นๆ จากตรงนี้เสีย
แต่ทว่ามันสายไปแล้ว!
เงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่ข้างกายของเขาพร้อมด้วยลายสีฟ้าที่พวยพุ่ง!
โจมตีคนไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ มีหรือที่เย่หยวนจะยังอ่อนหัดจนปล่อยให้อีกฝ่ายหลบหนีออกไปได้?
หยูจินซงตกอยู่ภายในมิติลายพระเจ้าในพริบตา!
ไม่นานนักมิติลายพระเจ้าก็คลายตัวออกเผยให้เห็นเย่หยวนที่ใช้ดาบจ่อคอหยูจินซงอยู่
และในชั่วพริบตานี้เย่หยวนก็ได้ทำการผนึกทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของหยูจินซงไปแล้ว
เป็นเวลานี้ที่ทุกผู้คนได้เห็นสภาพของเย่หยวนอย่างชัดเจนว่าเขานั้นกำลังใส่ชุดทหารของเมือง
แท้จริงแล้วเขานั้นได้แทรกซึมเข้าไปหลบซ่อนในกองทหารที่มารักษาการณ์
ที่สำคัญกว่านั้นเป้าหมายของเขายังมิใช่เจียงยู่ถังแต่เป็นหยูจินซง!
ภาพตรงหน้านี้มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกเขาทั้งหลายยังไม่ทันรู้ตัวหยูจินซงก็ดงกลายเป็นตัวประกันไปอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
หยูจินซงนั้นเป็นถึงนภาสวรรค์เก้าดาว มันย่อมไม่มีใครคาดคิดว่าเย่หยวนจะสามารถจัดการเขาลงอย่างอยู่หมัดได้ในพริบตาเดียว
เหล่าทหารทั้งหลายนั้นอยู่ไม่ห่างจากตัวหยูจินซงมากนัก และระยะห่างแค่นี้มันก็สั้นเสียยิ่งกว่าเสี้ยวพริบตาสำหรับเย่หยวน
ด้วยพลังฝีมือของหยูจินซงแล้วต่อให้เป็นเย่หยวนมันก็ย่อมไม่มีทางจะจัดการอีกฝ่ายลงอีกคราเดียว
เพราะฉะนั้นเขาจึงได้เตรียมวางแผนใช้มิติลายพระเจ้าในการจัดการกับอีกฝ่ายให้ได้ในพริบตา
เรื่องราวทั้งหลายนี้ถูกลงมืออย่างเป็นระบบและต่อเนื่องโดยไม่ให้โอกาสยอดฝีมือเทพถ่องแท้ทั้งหลายนั้นได้ทันตั้งตัวเลย
เฟยหมิงเทียนมองดูเย่หยวนอย่างไม่คิดอยากเชื่อสายตา รู้สึกตื่นตะลึงอยู่เต็มหัวใจ
ไม่มีใครคิดใครฝันว่าเย่หยวนจะใช้วิธีเช่นนี้ในการช่วยเหลือเจียงยู่ถังแทน
“เด็กคนนี้มันช่างกล้าหาญและเจ้าแผนการ มีพรสวรรค์ที่เหนือล้ำผู้คน น่ากลัวยิ่ง!” เฟยหมิงเทียนร้องบอก
ปัง!
คลื่นพลังสามสายปะทุขึ้นทะลุฟ้า ตอนนี้ในที่สุดเทพถ่องแท้ทั้งสามที่ซ่อนตัวอยู่ก็ได้ปรากฏกายออกมา
คนทั้งสามนี้เดินวางมุมล้อมเย่หยวนไว้ แต่กลับไม่มีใครกล้าก้าวเท้ามาด้านหน้าเลย
ผู้คนรอบๆ ที่เห็นเช่นนั้นต่างตื่นตะลึงกันสิ้น เป็นตอนนี้เองที่พวกเขาทั้งหลายได้รู้ว่าเพื่อจัดการกับเย่หยวนแล้วจวนเจ้าเมืองถึงขั้นส่งเทพถ่องแท้ลงมาจัดการเรื่องราวถึงสามคน
แถมหนึ่งในนั้นยังเป็นถึงเทพถ่องแท้สองดาว!
เพียงแค่ว่าเทพถ่องแท้ทั้งสามนี้ยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไรหยูจินซงก็ถูกจับเป็นตัวประกันไปต่อหน้าต่อตาเสียแล้ว
เรื่องนี้มันเหนือล้ำกว่าที่จะเชื่อได้
หยูจินซงนั้นวางกับดักเอาไว้อย่างแน่นหนาเพื่อคิดจับกุมเย่หยวน แต่สุดท้ายเขากลับพลาดตกเป็นฝ่ายถูกจับเสียเอง
เทพถ่องแท้ทั้งสามนี้กลับกลายเป็นได้เพียงเครื่องประดับฉาก
เทพถ่องแท้สองดาวคนนั้นร้องตะโกนขึ้น “เด็กน้อย ปล่อยจินซงเสีย แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”
เย่หยวนมองดูเขาผู้นั้นด้วยสายตาที่แสนเบื่อหน่ายก่อนจะยกมือขึ้นตบใบหน้าหยูจินซงอย่างแรง
ผัวะ!
เสียงดังฉาดใหญ่นี้ได้ยินกันไปทั่วทั้งลาน
หลายต่อหลายคนที่เห็นภาพนั้นถึงกับต้องยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าของตนอย่างไม่รู้ตัวราวกับว่าตัวพวกเขาเองก็ถูกตบเข้าไปด้วย
“นี่คือส่วนของไห่ถัง!” เย่หยวนบอกอย่างไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา
เมื่อฝ่ามือนี้ฟาดลงครึ่งใบหน้าของหยูจินซงก็ปวมบูดขึ้นทันที
“เจ้า… เจ้ากล้าตบข้า?” คำพูดของหยูจินซงมันฟังได้ไม่ชัดนักพร้อมสายตาที่มองไปยังเย่หยวนอย่างไม่อยากเชื่อ
ผัวะ!
คำตอบที่เขาได้รับคืออีกฝ่ามือหนึ่ง
“นี่คือส่วนของพี่เจียง! สองฝ่ามือนี้เป็นแค่ดอกเบี้ย ชีวิตสุนัขของเจ้าข้าจะรับมันไปเป็นต้นหนี้ เอาล่ะ เจ้าปล่อยเขาเสีย!”
คนทั้งหลายต่างมองดูเย่หยวนด้วยดวงตาเบิกกว้าง
ช่างยิ่งใหญ่!
หากไม่เห็นด้วยตาของตน มันก็คงไม่มีใครเชื่อว่ามีคนมาเล่นกับจวนเจ้าเมืองจนอีกฝ่ายไม่มีทางตอบโต้เช่นนี้ได้
ทั้งท่าทางทั้งฝีมือของเขานี้มันทำให้เรื่องที่ว่ายากเย็นกลับกลายเป็นเรื่องง่ายดาย เป็นสิ่งที่ผู้คนทั่วๆ ไปย่อมไม่มีทางจะสามารถทำได้
สองฝ่ามือนี้ทำให้หยูจินซงหน้าบวมปูดเป็นหัวหมู
เจียงยู่ถังได้แต่มองดูเย่หยวนอย่างมึนงงราวกับว่านี่ไม่ใช่เด็กหนุ่มที่เขารู้จัก
เวลาแค่ไม่กี่ร้อยปีที่ไม่ได้พบเจอ เย่หยวนกลับมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำกว่าที่เขาจะคาดเดาได้
หลังได้ยินคำของหยูจินซง เจียงยู่ถังก็รู้สึกว่าตัวเองอาจจะเป็นต้นตอหายนะแก่เย่หยวน
แต่ใครจะไปคาดคิดว่าแท้จริงเย่หยวนจะมีแผนเช่นนี้ จับตัวหยูจินซงเป็นตัวประกันแทน
“เย่หยวน เจ้าหนีไม่รอดหรอก!” หยูจินซงบอกด้วยคำพูดที่ฟังแทบไม่ออก
“ข้ามีเจ้าอยู่ด้วยมีหรือที่จะหนีไปไม่ได้?” เย่หยวนพูด
“ห-หากปล่อยเจียงยู่ถังไปแล้วมีอะไรมารับรองว่าเจ้าจะไม่สังหารข้า? ข้าจะปล่อยมันก็ย่อมได้แต่เจ้าต้องสาบานต่อเต๋าสวรรค์ก่อนว่าเจ้าจะไม่สังหารข้า!” หยูจินซงร้องบอก
เย่หยวนพยักหน้ารับทันที “ได้สิ!”
เย่หยวนนั้นไม่ได้คิดสังหารหยูจินซงมาแต่แรกแล้ว และเขาก็รู้ดีด้วยว่าตัวเขานั้นไม่อาจสังหารอีกฝ่ายลงได้
การที่จับเขาไว้นี้ก็เพื่อจะช่วยเจียงยู่ถังเท่านั้น
ไม่นานนักเย่หยวนก็ได้กล่าวคำสาบานออกมาทำให้หยูจินซงโล่งใจขึ้นมาก
“ป-ปล่อยมัน!” หยูจินซงร้องบอก
เจียงยู่ถังถูกปลดกุญแจมือโซ่ล่ามออก ความอิสระที่ได้รับมานี้มันราวกับว่าเขาได้ฝันไป
“ไสหัวไป!” เย่หยวนหันไปบอกเทพถ่องแท้ทั้งสาม
เทพถ่องแท้ทั้งสามย่อมกลัวว่าจะทำให้เรื่องราวเสียหายจากแย่กลายเป็นเลวร้ายจึงได้แต่เปิดทางให้
เย่หยวนพาตัวหยูจินซงเดินเข้ามายังลานประหารและบอกกับเจียงยู่ถัง “พี่เจียง ข้ามาช้าไปทำให้ท่านต้องลำบากอย่างมาก! ข้าคงทำให้ท่านผิดหวังแล้ว”
เจียงยู่ถังส่ายหัวออกมาอย่างสุดแรงที่เหลือ “เรื่องทั้งหลายนี้ล้วนต้องขอบคุณเจ้า! การที่เจ้ายอมจะทำถึงขั้นนี้เพื่อพี่คนนี้ ข้าล่ะคิดไม่ผิดจริงๆ ที่รับเจ้าเป็นพี่น้อง!”
ตอนที่ 1906 ข้อแม้
ที่นอกเมืองตอนนี้มันเต็มไปด้วยกองทหารพร้อมสามเทพถ่องแท้ที่เดินนำมาด้านหน้า
ส่วนตรงหน้าของพวกเขานั้นคือหยูจินซงที่ถูกเย่หยวนใช้ดาบจี้คอเดินมาพร้อมๆ กับเจียงยู่ถัง
“เด็กน้อย เราปล่อยเจียงยู่ถังมันไปแล้วแต่เจ้ายังไม่คิดปล่อย เจ้าไม่กลัวว่าจะถูกยอดเต๋าสะท้อนหรือ?” เทพถ่องแท้สองดาวคนนั้นกล่าว
เย่หยวนบอกกลับไป “ที่พวกเจ้าตามมาถึงตอนนี้มันก็เพื่อคิดฆ่าสังหารข้าหลังข้าปล่อยมันไปมิใช่หรือ?”
“หึ! เจ้าคิดว่าตัวเองจะรอดไปได้หรือ? พระนั้นหนีได้ แต่วัดนั้นหนีไม่ได้! เว้นเสียแต่ว่าเจ้าจะไม่สนใจชีวิตของผู้คนในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แล้ว!” หยูจินซงร้องบอก
เย่หยวนนั้นได้สาบานต่อเต๋าสวรรค์แล้วเพราะฉะนั้นเขาจึงไม่เกรงกลัวว่าเย่หยวนจะฆ่าสังหารเขาอีกในครานี้ เขาจึงยิ่งกล้าพูดอย่างไม่เกรงกลัวมากขึ้น
เรื่องราวที่มาของเย่หยวนนั้นทางจวนเจ้าเมืองได้ตรวจสอบจนครบถ้วนแล้ว หยูจินซงรู้ดีว่าการข่มขู่เย่หยวนด้วยเรื่องนี้มันต้องได้ผลที่สุด
แต่เย่หยวนกลับตอบมาอย่างเย็นชา “หากเจ้าจะส่งคนไปทำลายเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ก็เป็นเรื่องที่ข้าไม่อาจห้ามปราบได้ แต่จากวันนี้ไปเจ้าจงระวังตัวให้มาก ไม่เช่นนั้นแล้วสักวันเจ้าอาจจะได้พบว่ามีดาบปักเข้าที่กลางอกอย่างไม่รู้ตัว”
หยูจินซงหน้าถอดสีทันทีที่ได้ยิน “เจ้าขู่ข้า? เจ้าไม่รู้หรือว่าจวนเจ้าเมืองนั้นมีเทพถ่องแท้มากมายเพียงใด?”
เย่หยวนนั้นตอบกลับไปด้วยท่าทางเฉยชา “ข้าแค่พูดบอกความจริง วันนี้เองก็มีเทพถ่องแท้ตั้งมากมายแต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่อาจปกป้องเจ้าได้”
เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวตอนนี้มิใช่แค่หยูจินซง แต่รวมไปถึงเหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายเองก็มีใบหน้าเหยเก
หยูจินซงนั้นเริ่มตัวสั่นขึ้นมา เพราะเขานั้นกลัวเรื่องนี้จริงๆ
เย่หยวนไปไหนมาไหนราวกับเงามืดแถมยังมีแนวคิดแห่งห้วงมิติที่ลึกล้ำ มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจป้องกันได้เลย
และสิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือเจ้าลายสีฟ้านั่น!
หลังจากที่เขาถูกเย่หยวนดึงเข้ามิติลายพระเจ้าไปร่างกายของเขาก็หมดแรงความรู้ใดๆ จะขัดขืน
พลังแนวคิดใดๆ ที่เขาเคยบ่มเพาะฝึกฝนมาล้วนไร้ประโยชน์หายไปสิ้น!
ความไร้พลังนั้นมันยังสร้างความหวาดกลัวให้แก่ตัวเขามาจนถึงวินาทีนี้
เขาไม่คิดอยากจะต้องพบเจอเรื่องราวเช่นนั้นซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง!
แค่คิดว่าต้องถูกคนประหลาดเช่นนี้สะกดรอยตามทุกวัน หยูจินซงก็รู้สึกเสียวสันหลังเย็นวาบขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่แล้ว
หยูจินซงกัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น “เจ้า! เจ้าจำเรื่องราววันนี้ไว้ให้ดี!”
การวางแผนล่อลวงผู้คน ใช้คำหว่านล้อมและต้อนให้จนมุมนั้นคือสิ่งที่หยูจินซงคนนี้ถนัดเป็นอย่างมากที่สุด ในชีวิตเขานั้นไม่เคยวางแผนใดแล้วผิดพลาดเช่นนี้มาก่อน
ไม่นึกว่าวันนี้แผนการใดๆ ของเขาทั้งหลายกลับถูกเย่หยวนผู้ลึกลับคนนี้ทำลายสิ้น ทำให้จิตใจของเขาเกิดความกังวลขึ้นอย่างมาก
แต่จู่ๆ หางตาของเย่หยวนก็กระตุกขึ้น “ในเมื่อมาแล้วพวกท่านจะไม่เผยตัวหน่อยหรือ?”
ไม่มีใครตอบกลับมา เหล่าทหารทั้งหลายเองก็คิดไปว่าเย่หยวนคงสมองเพี้ยนไปแล้วเพราะนอกจากพวกเขามันก็ไม่มีใครที่ไม่ปรากฏตัวอีก
แม้แต่เหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายยังต้องมึนงง
เย่หยวนลากตัวหยูจินซงก่อนจะขยับร่างไปยังที่แห่งหนึ่งที่ไม่ห่างไปนัก
“ยังไม่ออกมาอีกหรือ?” เย่หยวนบอกอีกครั้ง
จู่ๆ ก็มีสองเงาร่างปรากฏออกมา
มันเป็นชายวัยกลางคนในชุดดำและชายชราในชุดเทา
“ท-ท่านเจ้าเมือง!”
“ท่านเจ้าสำนัก!”
ตอนนี้ทั้งเทพถ่องแท้สองดาวผู้นั้นและเฟยหมิงเทียนต่างร้องออกมาด้วยความตื่นตกใจ
เพราะเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วเฟยหมิงเทียนย่อมจะตามติดมาดูเรื่องราวให้ถึงที่สุดด้วย
และคนทั้งสองที่ปรากฏกายออกมานี้มันมิใช่ใครที่ไหนนอกจากเจ้าเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่น หยูเหวินเฟิงและเจ้าสำนักอากาศแจ่ม หลี่คงหมิง!
หลี่คงหมิงมองดูเย่หยวนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง “ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่เก่งกาจ เจ้าเข้าใจในห้วงมิติมากกว่าที่เจ้าสำนักคนนี้คาดเดาไปนัก!”
ทุกคนต่างหันมามองดูเย่หยวนด้วยความตื่นตะลึง พวกเขาทั้งหลายนั้นได้แต่สงสัยว่าเย่หยวนไปตรวจเจอยอดคนทั้งสองนี้ได้อย่างไร
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียแม้แต่เทพถ่องแท้ทั้งหลายที่อยู่ในที่นี้ก็ยังไม่อาจสัมผัสได้ถึงตัวตนของคนทั้งสองนี้เลย!
เพราะฉะนั้นดวงตาของเหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายจึงมองมายังเย่หยวนอย่างตกตะลึง
เย่หยวนนั้นสามารถจับสัมผัสของหยูเหวินเฟิงและหลี่คงหมิงได้ แต่พวกเขาไม่อาจรับรู้ แค่นี้มันก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าเย่หยวนนั้นมีความเข้าใจในห้วงมิติที่เหนือล้ำกว่าพวกเขาแค่ไหน
แต่เย่หยวนนั้นยังเป็นเพียงแค่นภาสวรรค์ห้าดาว!
เย่หยวนไม่คิดสนใจหลี่คงหมิงและหันไปบอกที่อีกความว่างเปล่าหนึ่ง “หากข้าเดาไม่ผิดท่านคงเป็นท่านเจ้าหอยอดดอกแล้ว?”
ทุกคนสั่นสะท้านขึ้นทันที ไม่นึกไม่ฝันว่าแท้จริงแล้วเจ้าหอยอดดอกเองก็จะมาถึงที่นี่ด้วย
หยูเหวินเฟิงและหลี่คงหมิงเองก็หน้าถอดสีไป เพราะพวกเขานั้นไม่สามารถสัมผัสได้เลยว่ามีใครที่ยังซ่อนตัวอยู่ตรงนั้นด้วย
การซ่อนตัวในช่องว่างมิตินั้นเป็นการวิชาการซ่อนตัวระดับสูง
แน่นอนว่าการซ่อนตัวเช่นนี้มันย่อมขึ้นอยู่กับความเข้าใจในห้วงมิติของนักยุทธคนนั้นๆ
เมื่อบ่มเพาะไปได้ถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้แล้วโลกใบน้อยของคนผู้นั้นก็นับได้ว่าสมบูรณ์ทำให้พวกเขาสามารถดึงพลังแห่งห้วงมิติจากโลกใบน้อยออกมาได้มากขึ้น
เพียงแค่ว่าการใช้งานพลังนั้นออกมามันล้วนแตกต่างไปตามแต่ละผู้คน
ต่อให้เป็นคนในอาณาจักรเดียวกัน มันก็อาจเกิดความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ได้
หยูเหวินเฟิงและหลี่คงหมิงนั้นสัมผัสได้ถึงตัวตนของอีกฝ่ายมานาน เพียงแค่ว่าพวกเขานั้นไม่อาจสัมผัสได้ถึงตัวตนของเจ้าหอยอดดอกเลย เรื่องนี้มันย่อมแสดงให้เห็นแล้วว่าในวิชานี้เจ้าหอยอดดอกนั้นเหนือล้ำกว่าพวกเขา
แต่แน่นอนว่าวิชาเช่นนั้นมันเป็นได้แค่ลูกเล่นกับเหล่ายอดฝีมือระดับนี้
เพราะแม้พวกเขาจะซ่อนตัวในห้วงมิติ แต่พวกเขาเองก็ใช้พลังใดๆ ออกมามิได้ ไม่เช่นนั้นแล้วหากใช้พลังออกมาแม้แต่น้อยอีกฝ่ายก็คงสามารถตรวจจับถึงการมีอยู่ได้ทันที จะใช้ลอบโจมตีก็คงไม่สามารถทำได้แล้วในเวลานั้น
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเรื่องราวนี้มันก็ยิ่งทำให้เจ้าหอยอดดอกดูลึกลับมากขึ้นไปกว่าเก่า
เพราะกับยอดฝีมือระดับพวกเขาทั้งหลายความแตกต่างเพียงน้อยมันก็มากพอจะสร้างชัยชนะได้
และการซ่อนตัวเช่นนี้มันยากที่จะตรวจพบ
แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งสามคนกลับไม่สามารถรอดพ้นสายตาของเย่หยวนไปได้เลย!
มีหรือที่ทุกผู้คนจะไม่แตกตื่น?
เจ้าหอยอดดอกในชุดดำคนนั้นเดินออกมาจากความว่างเปล่า เพียงแค่ว่าแม้จะเป็นตอนนี้เขาก็ยังซ่อนอยู่ในผ้าคลุมดำทำให้ผู้คนไม่อาจเห็นเขาได้อย่างชัดเจน
“เจ้าหนุ่ม เจ้าช่างเก่งกาจ! เจ้าสนใจจะมาเข้าหอยอดดอกข้าหรือไม่?” เจ้าหอยอดดอกบอกขึ้น
นั่นทำให้หยูเหวินเฟิงและหลี่คงหมิงหน้าถอดสีทันที พวกเขาไม่นึกไม่ฝันว่าเจ้าหอยอดดอกคนนี้จะพูดเข้าเรื่องทันทีตั้งแต่เปิดปากครั้งแรก
“เย่หยวน เจ้าอย่าได้! สำนักอากาศแจ่มต่างหากคือบ้านของเจ้า!” หลี่คงหมิงบอก
หยูเหวินเฟิงเองก็พูดขึ้นตาม “เย่หยวน ตราบเท่าที่เจ้าเข้ากับจวนเจ้าเมืองเรา ข้าจะลืมเรื่องในวันนี้เสียและจะมอบที่ดินให้เจ้าเท่ากับหนึ่งร้อยเมือง!”
เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวคนที่มองดูอยู่รอบๆ ก็ฮือฮาแตกตื่นขึ้นทันที!
ที่ดินเท่าร้อยเมืองนั้นมันจะมีทรัพยากรมากเพียงใด? จะมีนักยุทธในการปกครองขนาดไหนและจะสามารถสร้างกองกำลังแข็งแกร่งเช่นใดขึ้นได้?
สำหรับนักยุทธแล้วเรื่องนี้มันเหนือล้ำกว่าคำว่าน่าสนใจไปมาก!
ตราบเท่าที่เย่หยวนยอมรับคำ มันจะเท่ากับว่าเขาได้เป็นเจ้าเมืองหลวงจักรพรรดิน้อยๆ เมืองหนึ่งเลย
เดิมทีพวกเขาทั้งหลายนั้นคิดว่าสามยอดฝีมือนี้จะมาเพื่อลงโทษเย่หยวนแต่ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเรื่องมันจะกลับตาลปัตรได้ขนาดนี้
“ท่านพ่อ ข้า…”
“หุบปากไป! เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่ง!”
หยูจินซงที่พยายามจะพูดขึ้นกลับถูกหยูเหวินเฟิงขัดสั่งห้ามทันทีอย่างไร้เยื่อใย
เย่หยวนมองดูที่เจ้าหอยอดดอกพร้อมบอก “หากอยากให้ข้าร่วมหอยอดดอกมันย่อมเป็นไปได้ แต่ข้านั้นมีข้อแม้!”
“ข้อแม้ใด?”
ทุกคนนั้นใจสั่นรัวโดยเฉพาะทางหยูเหวินเฟิงและหลี่คงหมิง
“ส่งตัวหรงซีเยว่มาให้ข้า!” เย่หยวนบอก
เจ้าหอยอดดอกเงียบไปทันทีก่อนที่สุดท้ายจะบอกขึ้น “เจ้าเสนอเงื่อนไขอื่นมาแทน!”
เย่หยวนยกมือขึ้นโบกปัด “ข้านั้นแค่ยื่นข้อแม้ ท่านจะรับหรือไม่ก็ล้วนแล้วแต่ท่าน”
พูดจบเย่หยวนก็หันไปมองหยูเหวินเฟิง “ข้านั้นไม่ต้องการที่ดินหนึ่งร้อยเมืองใดๆ ข้าแค่ต้องการชีวิตของหยูจินซงผู้นี้! หากท่านยอมรับข้าจะเข้าจวนเจ้าเมือง!”
ตอนที่ 1907 ยอดนักหลอมโอสถ
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?!” เมื่อหยูจินซงได้ยินเช่นนั้นเขาก็ระเบิดเสียงร้องขึ้นทันที
แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่คิดสนใจหันกลับมามอง สายตาของเขาจ้องมองไปยังหยูเหวินเฟิงอย่างไม่คิดกลัวแม้แต่น้อย
แต่ความกล้าหาญของเย่หยวนนี้มันกลับทำให้ทุกผู้คนสะท้าน
เขานั้นไม่คิดอยากได้ที่ดินเท่าร้อยเมือง เขานั้นแค่อยากได้ชีวิตของหยูจินซง มันช่างเป็นมุมมองที่กว้างขวาง!
แน่นอนว่ามันต้องมีอีกหลายผู้คนที่คิดว่าเขาโง่เง่า
แต่เจียงยู่ถังที่ยืนอยู่ข้างๆ เขานั้นกลับเข้าใจได้อย่างดีว่าเย่หยวนแค่ต้องการจะระบายความโกรธแค้นให้แก่พวกเขาสองพ่อลูก
ที่ดินของหนึ่งร้อยเมืองนั้นมันจะมีพลังมีอำนาจเพียงใด จะสร้างชื่อเสียงยิ่งใหญ่ได้เพียงไหน? หยูเหวินเฟิงนั้นได้ยื่นข้อเสนอที่ดีเปรียบได้ดั่งเป็นเส้นเลือดของเมืองหลวงจักรพรรดิให้แก่เย่หยวน
แต่เย่หยวนกลับไม่คิดสนใจมันแม้แต่หางตา
หยูเหวินเฟิงร้องบอก “นอกจากเรื่องที่เจ้าว่ามานี้เราย่อมตกลงกันได้ทั้งสิ้น”
เย่หยวนส่ายหัวออกมา “ข้านั้นยื่นข้อแม้ ไม่ได้มาขายข้อเสนอ!”
นั่นทำให้ใบหน้าของหยูเหวินเฟิงดำเขียวขึ้นทันที “เด็กน้อย เจ้าไม่คิดกลัวความพิโรธของจวนเจ้าเมืองเลยใช่หรือไม่? เจ้ารู้ใช่ไหมว่ามันจะหมายความว่าอย่างไร?”
“หึ! หยูเหวินเฟิง เจ้าคิดว่าตัวเองเก่งกาจมากหรือ? ข้า หลี่คงหมิงจะขอปกป้องเย่หยวนเอง!” หลี่คงหมิงบอกด้วยรอยยิ้มของผู้มีชัย
ด้วยนิสัยเจ้าเล่ห์ของเขาแล้วมีหรือที่เขาจะปล่อยโอกาสนี้ไป?
ข้อแม้สองอย่างที่เย่หยวนยื่นมานี้มันเป็นสิ่งที่ทั้งสองคนย่อมไม่มีทางตอบตกลง
เพราะฉะนั้นเย่หยวนย่อมจะเลือกสำนักอากาศแจ่มมาแต่แรกแล้ว
เย่หยวนหันไปมองหลี่คงหมิงพร้อมกล่าวขึ้น “ท่านเองก็อย่าได้เปลืองแรงเลย ข้าจะไม่ร่วมกับสำนักอากาศแจ่มเด็ดขาด”
ใบหน้าของหลี่คงหมิงแข็งค้างไปทันที “ท-ทำไมกัน? เจ้าไม่รู้หรือว่าหากไม่มีสำนักอากาศแจ่มข้าปกป้องแล้วเจ้าจะต้องพบเจอเรื่องราวใดต่อจากนี้ไป?”
“ฮ่าๆๆ! หลี่คงหมิง หลงตัวเองอยู่ครั้งวันสุดท้ายเจ้าก็ได้แค่คิดเข้าข้างตนว่ามันจะเลือกเจ้า! แต่สุดท้ายมันกลับไม่สนใจเจ้าเลย!” หยูเหวินเฟิงหัวเราะลั่น
เย่หยวนบอกขึ้น “พวกเจ้าเองก็อย่าได้คิดว่าตัวเองสูงส่งนักเลย ข้า เย่หยวนผู้นี้ไม่ต้องการให้ใครมาปกป้อง ข้านั้นมาที่เมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นนี้ก็แค่เพื่อช่วยพี่เจียงเท่านั้น เมื่อเรื่องราวในครั้งนี้จบลงแล้วข้าย่อมไม่คิดจะไปยุ่งเกี่ยวกับการละเล่นแย่งชิงอำนาจของพวกเจ้าทั้งหลาย”
คำพูดนี้ทำให้ทุกสิ่งอย่างเงียบลง ทุกผู้คนต่างมึนงงกับคำพูดนี้ของเย่หยวน
โอหัง!
ช่างแสนอวดดี!
แม้ต้องเจอกับเหล่าเทพถ่องแท้มากมาย เย่หยวนกลับไม่คิดกลัวและพูดรนหาที่ตายออกมาเช่นนี้!
เด็กคนนี้สมองมันเพี้ยนหรือ? หรือมันมีอะไรเป็นที่พึ่งพาจริงๆ?
ในเมืองหลวงจักรพรรดินั้นเทพถ่องแท้นับว่าเป็นตัวตนที่สูงส่งที่สุด แต่เย่หยวนกับพูดจาใส่พวกเขาเหมือนเป็นแค่ขยะชิ้นหนึ่ง!
คำพูดเช่นนั้นมันสุดแสนจะโอหัง
เพราะตัวเขาเองนั้นเป็นได้แค่นภาสวรรค์ห้าดาวคนหนึ่ง
เมื่อเทพถ่องแท้ทั้งสามได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็ผงะไปทันทีและเป็นหยูเหวินเฟิงที่หัวเราะลั่นขึ้นมาก่อน “เด็กน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าตัวเองกำลังพูดกับใครอยู่?”
เย่หยวนตอบกลับ “ข้าย่อมรู้ดี!”
นั่นทำให้เสียงหัวเราะของหยูเหวินเฟิงเปลี่ยนกลายเป็นเสียงคำราม “เช่นนั้นก็ย่อมได้ ข้าผู้นี้อยากเห็นเหลือเกินว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจเช่นนั้นมาจากไหน!”
ไม่มีใครคิดใครฝันว่าเย่หยวนกลับพยักหน้ารับ “เช่นนั้นก็เข้ามาลอง”
พูดจบเย่หยวนก็ดันร่างอ่อนแรงของหยูจินซงไป
ทุกคนมึนงงอย่างมาก เย่หยวนกลับคืนตัวประกันให้อีกฝ่ายง่ายๆ เช่นนี้?
แล้วเขาจะเอาอะไรไปสู้?
เทพถ่องแท้ของจวนเจ้าเมืองรีบพุ่งตัวออกมารับหยูจินซงไว้ทันที
เมื่อหลุดรอดจากมือของเย่หยวนมาได้ หยูจินซงก็ได้ร้องตะโกนขึ้น “ท่านพ่อ สังหารมัน! สังหารมัน!”
ปัง!
หยูเหวินเฟิงฟาดซัดฝ่ามือลงมาพร้อมด้วยพลังโลกที่บ้าคลั่งใส่เย่หยวน
“พี่เจียง ตามข้ามา!”
เย่หยวนจับคอเสื้อของเจียงยู่ถังที่มีใบหน้าซีดเผือดและขยับร่างกายจนมันจางหายไปทันที
ฝ่ามือแสนดุดันนี้ของหยูเหวินเฟิงจึงได้แต่ตบลงใส่พื้นที่ว่างเปล่า
นั่นทำให้เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายต้องร้องออกมา “เคลื่อนย้ายมิติ!”
พวกเขานั้นรู้ดีว่าเย่หยวนนั้นเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติอย่างดี แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าจะเก่งกาจไปได้ถึงขั้นนี้
“ไม่แปลกใจเลย! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงกล้าไปบุกดงปิติได้! ที่แท้เด็กคนนี้กลับบ่มเพาะแนวคิดแห่งห้วงมิติไปถึงสี่ดาวแล้ว!”
“ไม่ใช่เพียงแค่นั้น! เขาคนนี้ยังผสานแนวคิดแห่งดาบเข้ากับแนวคิดแห่งห้วงมิติ ช่างเป็นพรสวรรค์ที่น่าหวาดกลัว!”
“ที่แท้แล้วความมั่นใจของเขามันก็มีขึ้นมาเพราะตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีทางแพ้พ่ายนี่เอง!”
…
ระหว่างที่ทุกคนยังตื่นตะลึงไม่หายร่างของเย่หยวนก็ได้ปรากฏออกมาอีกครั้งหนึ่ง
และที่ที่เขาปรากฏตัวออกมามันก็คือระหว่างกลางของสามยอดฝีมือ
เรื่องราวก่อนหน้านี้เย่หยวนได้คำนวณมันไว้อย่างดีแล้ว
หากคนทั้งสามเข้าโจมตีพร้อมๆ กัน เย่หยวนก็จะสามารถหลบหายไปได้ในพริบตา หลบการโจมตีของคนทั้งสามได้ในคราเดียว
ไม่เช่นนั้นแล้วมีหรือที่เขาจะกล้าเอาตัวเองมาเสี่ยงขนาดนี้?
เพราะฉะนั้นก่อนหน้านี้ที่หยูเหวินเฟิงโจมตีมา เย่หยวนถึงแต่หลบเลี่ยงมันตั้งแต่วินาทีแรก
แม้ต้องเผชิญหน้ากับสามเทพถ่องแท้เย่หยวนก็ยังสามารถยืนท่ามกลางคนทั้งสามได้อย่างสง่า
เย่หยวนนั้นดูอย่างไรก็เป็นเพียงแค่นภาสวรรค์ห้าดาว แต่ในด้านของความสง่าแล้วเขาไม่ได้ด้อยไปกว่ายอดฝีมือเทพถ่องแท้สามดาวทั้งสามคนเลย
เย่หยวนมองดูหยูเหวินเฟิงและกล่าวขึ้น “เอาล่ะ ทีนี้เห็นความมั่นใจของข้าหรือยัง?”
หยูเหวินเฟิงหัวเราะขึ้น “แล้ว? เจ้าคิดว่าข้าผู้นี้จะทำอะไรเจ้าไม่ได้เลยแม้แต่นิดเพียงเพราะเจ้ารู้แนวคิดแห่งห้วงมิติหรือ?”
เย่หยวนตอบ “ข้ารู้ดีว่าความเร็วของเทพถ่องแท้นั้นรวดเร็วเมื่อเทียบกับการเคลื่อนย้ายมิติ แต่หากข้าไม่มั่นใจในความเร็วของตนแล้วมีหรือที่ข้าจะกล้ามายืนคุยกับพวกเจ้าทั้งหลายอยู่แบบนี้? หากไม่เชื่ออยากจะลองดูอีกสักครั้งไหมเล่า?”
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้หยูเหวินเฟิงไม่ได้เอาจริงเลยแม้แต่น้อย แต่เย่หยวนเองก็ไม่ได้เอาจริงเช่นกัน
ทุกวันนี้เย่หยวนบ่มเพาะลงไปลึกมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ความเข้าใจในแนวคิดแห่งห้วงมิติของเขาเองก็พุ่งทะยาน ความเร็วในการเคลื่อนย้ายมิติของเขานั้นมันไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ต่อให้เป็นเทพถ่องแท้เขาก็ยังสามารถเคลื่อนย้ายมิติหลบหนีได้
ตราบเท่าที่เขาระวังไม่ถูกโดนพลังโลกของเทพถ่องแท้เข้าได้ ไม่ว่าจะเป็นโลกกว้างเพียงใดเขาก็สามารถเดินทางได้อย่างไรกังวล!
แน่นอนว่าหากผิดพลาดไปจนทำให้เขาตกอยู่ในเขตแดนพลังโลกของเทพถ่องแท้แล้ว แม้จะเป็นเย่หยวนก็คงต้องพบเจออันตรายเช่นกัน
เพราะฉะนั้นเขาจึงได้จับตัวหยูจินซงเพื่อถอยออกมานอกเมืองจะได้สามารถหลบรอดจากพลังโลกของเหล่ายอดฝีมือเทพถ่องแท้ทั้งหลายได้
ทุกสิ่งอย่างมันล้วนอยู่ในการคำนวณของเขา
หากเขาไม่ได้วางแผนการถอยใดๆ ให้แก่ตัวเองมีหรือที่เขาจะกล้าบุกเข้าเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นมาช่วยเจียงยู่ถังด้วยตัวเองเช่นนี้?
หยูเหวินเฟิงนั้นแสดงความลังเลออกมาอย่างชัดเจน เพราะการโจมตีครั้งแรกที่พลาดไปมันก็น่าอับอายพอแล้ว การที่เขา เทพถ่องแท้เกือบๆ ขั้นกลางคนนี้ลงมือเองแต่กลับไม่สามารถจัดการนภาสวรรค์ห้าดาวคนหนึ่งลงได้
ตอนนี้เขาจึงไม่กล้าจะลงมืออะไรอย่างบุ่มบ่ามอีก
และตอนนี้เขาก็ได้เข้าใจเป้าหมายของเย่หยวนแล้วด้วย
เพราะจุดที่เย่หยวนยืนอยู่นั้นมันอยู่นอกระยะพลังโลกของเขาอย่างพอเหมาะพอดี ทำให้เขารู้สึกเจ็บใจอย่างมาก
เจ้าหอยอดดอกที่เงียบตลอดมาจึงได้พูดขึ้น “ช่างเป็นเด็กที่น่ากลัวแท้ น่าสนใจ! น่าสนใจ! แต่ว่าแม้เจ้าจะหนีรอดได้ แต่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์คงไม่สามารถหนีไปกับเจ้าได้?”
เย่หยวนเองก็ไม่ได้แปลกใจใดๆ เพราะเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เองก็เป็นหนึ่งในเมืองใต้การปกครองของเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่น มันย่อมง่ายดายหากพวกเขาคิดอยากสืบเสาะว่าเขาเกี่ยวข้องอย่างไรกับเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์
เขามองดูที่เจ้าหอยอดดอกและบอก “แน่นอนว่าตอนนี้ข้าย่อมไม่พลังใดจะหยุดพวกเจ้าทั้งหลายได้ แต่พวกเจ้าทั้งหลายเองก็คงไม่มีทางจับตัวข้าได้ พวกเจ้าจำไว้ให้ดีแล้วกัน หากพวกเจ้าผู้ใดกล้าแตะต้องเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แล้ว ข้าจะมาทำลายสามขั้วอำนาจแสนอ่อนแอของพวกเจ้าทั้งสามในเวลาห้าร้อยปี!”
คำพูดเหล่านี้เย่หยวนพูดออกมาอย่างเรียบง่ายแต่น้ำเสียงของเขานั้นกลับแฝงไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรง
“หึ เจ้าเด็กน้อยเจ้าช่างแสนมั่นใจ! เวลาห้าร้อยปีเจ้าคิดว่าจะทำลายพวกเราลงได้?” หยูเหวินเฟิงบอก
ดูท่าแล้วเขาคงไม่คิดเชื่อ
เย่หยวนมองดูที่ใบหน้าของเขา “ข้าอาจจะไม่ต้องการเวลาถึงห้าร้อยปีก็ได้ เจ้าอย่าได้ลืมว่าข้านั้นคือนักหลอมโอสถ เป็นยอดแห่งนักหลอมโอสถผู้หนึ่ง!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น