Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1896-1901
ตอนที่ 1896 ใจกว้าง
“เจ้ากล้ารับหรือไม่?!”
ตอนนี้ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใดมันมีเพียงแค่เสียงของเย่หยวนเท่านั้นที่ดังก้องกังวานไปทั่ว
การประกาศเช่นนี้ออกมามันแตกต่างอะไรกับการรนหาที่ตายกัน?
“ฮ่าๆ!” จู่ๆ ทางฝั่งหลินฉางชิงก็หัวเราะขึ้นมาอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด
หลังจากผ่านไปได้สักพักเสียงหัวเราะนั้นก็ค่อยๆ เบาบางลงก่อนจะตามมาด้วยเสียงของหลินฉางชิง “ข้ากล้ารับหรือไม่? เจ้าคิดว่าข้ากลับไหมล่ะ? หากเทพสวรรค์ผู้นี้ไม่กล้ารับแม้แต่คำท้าทายของมดปลวกข้าจะยังมีหน้าไปศึกษายอดเต๋าใดๆ อีก?”
เย่หยวนพยักหน้ารับพร้อมปล่อยคลื่นจิตออกมาจากร่าง
“หากเป็นเช่นนั้นก็มาทำพันธะจิตศักดิ์สิทธิ์กัน!”
หลินฉางชิงหัวเราะออกมา “ทำไม? เจ้ากลัวว่าเทพสวรรค์คนนี้จะกลับคำอย่างนั้นหรือ?”
เย่หยวนมองดูอีกฝ่าย “เจ้ากลัวจะถูกข้าโค่น?”
หลินฉางชิงขมวดคิ้วแน่นก่อนจะหัวเราะขึ้น “เทพสวรรค์อย่างข้ามีหรือจะกลัวเจ้า?”
ทางด้านฝั่งของหลินฉางชิงเองก็มีคลื่นจิตพุ่งออกมาเช่นกัน
เมื่อคลื่นจิตทั้งสองเส้นนี้เข้าปะทะกันมันก็เกิดพลังเต๋าสวรรค์ไหลกลับลงไปยังจิตศักดิ์สิทธิ์ของคนทั้งสอง
ตอนนี้ข้อตกลงสองพันปีได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการแล้ว
หากมีใครคิดจะผิดข้อตกลงนี้พวกจะต้องได้รับผลสะท้อนจากยอดเต๋าและแน่นอนว่ามันคงทำให้เกิดอาการบาดเจ็บสาหัส
“หึ ช่างเป็นมดที่โง่เขลา! คิดอยากสู้กับเทพสวรรค์ผู้นี้เจ้าเองก็น่าจะรับโอสถฟ้าตะวันจันทราไว้ หากเจ้ารับมันไว้มันก็อาจจะยังมพอมีความหวังใดๆ เหลืออยู่บ้าง แต่ตอนนี้…ฮ่าๆ…”
หลินฉางชิงนั้นดีใจอยู่กับตัวเองเพราะผลของข้อตกลงสองพันปีนี้มันแน่ชัดอยู่ในหัวเขาแล้ว
มหาพิภพถงเทียนนี้มันมีวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์อยู่ไม่น้อย แต่ในบรรดาวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายนั้นมันกลับไม่เคยมีเรื่องที่ว่านภาสวรรค์บรรลุขึ้นเป็นเทพสวรรค์ในเวลาสองพันปีเกิดขึ้นมาก่อน
ที่สำคัญเวลาสองพันปีนี้ตัวหลินฉางชิงเองก็ย่อมไม่ยืนอยู่กับที่อย่างแน่นอน
ด้วยพรสวรรค์ของเขาเวลาสองพันปีนี้มันต้องทำให้เกิดความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ได้แน่!
ในการต่อสู้นี้ เขาไม่มีโอกาสใดเลยที่จะแพ้พ่าย
“โอสถฟ้าตะวันจันทรา เจ้าพูดถึงสิ่งนี้?”
ขวดใบน้อยปรากฏขึ้นมาในมือของเย่หยวน วินาทีที่ฝาของมันถูกเปิดออกกลิ่นโอสถภายในมันก็พุ่งกระจายคลุ้งไปทั่วฟ้าดิน
แค่กลิ่นที่หลุดรอดออกมาจากฝาขวดมันกลับรุนแรงมากถึงขนาดนี้
หลินฉางชิงเบิกตากว้างมองดูขวดนใบน้อยในมือเย่หยวนอย่างไม่คิดอยากเชื่อ “เจ้า… เจ้าไปเอาโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะวิญญาณไพศาลมาจากที่ใดกัน?”
เขาที่เกิดมาในวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ย่อมรู้ดีว่าโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะวิญญาณไพศาลนั้นมันเป็นสิ่งของที่หาได้ยากยิ่งแค่ไหน
ต่อให้เป็นในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิโอกาสที่จะมีโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะโมฆะปรากฏออกมามันก็แทบเป็นไปไม่ได้
แม้ว่ามันจะเป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าที่ไม่ได้เป็นประโยชน์ใดๆ แก่หลินฉางชิงแล้วแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าโอสถนี้ในมือเย่หยวนมันเป็นของไร้ค่า
กลับกัน หากโอสถนี้มันถูกวางขายในตลาดแล้วมันคงมีราคาที่ไม่อาจประเมินค่าได้!
หากเย่หยวนคิดนำโอสถฟ้าตะวันจันทรานี้ไปขายในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิ มันคงทำให้เหล่านภาสวรรค์ทั้งหลายต้องคลั่งตาย แม้แต่เหล่าเทพถ่องแท้เองก็คงไม่เว้น
ส่วนในเมืองหลวงจักรพรรดินั้นมันคงเป็นเรื่องที่ใหญ่ยิ่งกว่านั้นมาก
โอสถขั้นเทวะวิญญาณไพศาลนั้นมันมีโอกาสที่จะถูกวางขายในวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์เท่านั้น
ที่สำคัญโอสถฟ้าตะวันจันทรานั้นมันยังเป็นโอสถความยากระดับเก้า อย่าว่าแต่จอมเทพโอสถห้าดาว แม้แต่จอมเทพโอสถเจ็ดดาวก็ยังไม่อาจจะหลอมมันได้ง่ายๆ
โอสถที่เหนือขึ้นเทวะไปคือขั้นเทวะม่วง ขั้นเทวะโมฆะ ขั้นเทวะวิญญาณไพศาล ขั้นเทวะวิญญาณมรณา ขั้นเทวะตำนาน แต่ละขั้นนั้นหลอมได้ยากเย็นกว่าขั้นก่อนๆ หลายเท่าตัว
ยิ่งมันมีขั้นสูง มันก็ยิ่งยากเย็นเท่านั้น
เมื่อไปถึงจุดนั้นแล้วความยากของมันจะไม่สามารถก้าวข้ามได้ด้วยความพยายามของจอมเทพโอสถอีกต่อไป
เหล่านักหลอมโอสถทั่วๆ ไปนั้นสามารถขึ้นถึงจอมเทพโอสถสี่ดาว จอมเทพโอสถห้าดาว หรือจอมเทพโอสถหกดาวก็ยังเป็นไปได้หากมีความพยายาม
แต่ในเรื่องของคุณภาพโอสถนั้นพวกเขาเองก็คงไม่มีทางไปถึงขั้นเทวะวิญญาณไพศาลได้เช่นกัน ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามไปมากเพียงใด
การที่จะหลอมโอสถคุณภาพเช่นนี้ได้มันต้องใช้ความเข้าใจในศาสตร์การหลอมโอสถอย่างล้นเหลือ
หากนับขั้นเทวะม่วงเป็นหนึ่งหน่วยความยาก ความแตกต่างของขั้นเทวะโมฆะและขั้นเทวะวิญญาณไพศาลนั้นมันก็คงแตกต่างกันนับล้านหน่วย!
นักหลอมโอสถส่วนใหญ่นั้นจะไม่อาจหลอมโอสถให้ถึงขั้นเทวะวิญญาณไพศาลได้เลยในชีวิต!
โอสถขั้นเทวะวิญญาณไพศาลของเช่นนี้มันต้องเป็นจอมเทพโอสถที่เก่งกาจชื่อสะท้านโลกาเท่านั้น
หลินฉางชิงนั้นตื่นตกใจอย่างมาก เขานั้นใช้โอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะม่วงเพื่อจะไล่เย่หยวนไป?
ช่างน่าขัน!
แม้ไม่ต้องนับเรื่องศักดิ์ศรีใดๆ แต่เย่หยวนที่มีโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะวิญญาณไพศาลมีหรือที่จะมาสนใจโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะม่วง?
ตงน้อยนั้นยิ้มเย้ยออกมา “เขามีได้อย่างไร? แน่นอนว่าเขาหลอมมันขึ้นมาเอง”
หลินฉางชิงทำหน้าตาไม่คิดเชื่อออกมา “เขาหลอมมันเอง? เจ้าคิดว่าเทพสวรรค์คนนี้จะเชื่อ? แค่นภาสวรรค์คนหนึ่งจะหลอมโอสถฟ้าตะวันจันทราได้ถึงขั้นเทวะวิญญาณไพศาล? เจ้าคิดว่าข้าโง่มาก?”
ตงน้อยได้แต่ยักไหล่กลับไป “เชื่อหรือไม่ก็เรื่องของเจ้า ข้าไม่มีหน้าที่ใดๆ ต้องมาหว่านล้อมให้เจ้าเชื่อ กับเย่หยวนยิ่งแล้วไปใหญ่”
หลินฉางชิงหัวเราะลั่นขึ้น “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าคงไปได้โอสถนี้มาจากในมิติวิเศษที่ไหนสักแห่ง! แต่จะมีโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะวิญญาณไพศาลแล้วทำไม? ต่อหน้าเทพสวรรค์ผู้นี้ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ไม่มีทางชนะ!”
ฟุบ!
เย่หยวนขยับมือและโยนขวดโอสถนั้นไปให้แก่หลินฉางชิงทันที
หลินฉางชิงที่ไม่ทันตั้งตัวจึงรับขวดโอสถไว้อย่างลืมตัว
“โอสถนี้มันไม่มีประโยชน์ใดกับข้าแล้ว หากเจ้ามีผู้น้อยที่ต้องการมอบให้เจ้าก็เอาไปให้พวกเขาเถอะ” เย่หยวนบอก
ทุกผู้คนต่างมองดูภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึงจนลุกตาแทบหลุดออกจากเบ้า
เรื่องนี้… มันจะบ้าบิ่นเกินไปไหม?
นี่คือโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะวิญญาณไพศาล แต่เขากลับมอบมันให้แก่ศัตรูที่หมายเอาชีวิตกัน?
เหล่านักยุทธนภาสวรรค์ทั้งหลายต่างร่ำร้องออกมาจนแทบคลั่งตาย! ทำเช่นนี้มันเป็นการเสียของจนเกินไปแล้ว!
หึ!
เสียงหัวเราะดังขึ้นมาจากปากของเล้งชิวหลิงและพวกตงน้อยอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้
เดิมทีหลินฉางชิงคิดใช้โอสถข่มขู่ไล่เย่หยวน แต่ในพริบตาเย่หยวนกลับกลายเป็นฝ่ายโยนโอสถขั้นเทวะวิญญาณไพศาลออกมาเย้ยอีกฝ่ายแทน ของสิ่งนี้มันเหนือกว่าโอสถขั้นเทวะม่วงที่หลินฉางชิงใช้มากนัก
หลินฉางชิงได้แต่ทำหน้าเหยเกออกมา ในเวลานี้สิ่งที่เขาควรทำคือทำลายโอสถนี้ทิ้งตอบกลับเย่หยวนไป
แต่เขาลังเล!
เพราะนี่คือโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะวิญญาณไพศาล!
ในใจลึกๆ แล้วเขาไม่อาจทำใจทำลายมันลงได้
แน่นอนว่าตัวเขานั้นย่อมไม่ต้องการโอสถนี้ใดๆ อีก แต่ก็อย่างที่เย่หยวนว่าเขานั้นยังมีครอบครัวอีกหลายคนที่ต้องการใช้มัน!
โอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะวิญญาณไพศาลนั้นมันเป็นสิ่งที่สร้างเทพถ่องแท้ได้
ที่สำคัญกว่านั้นเทพถ่องแท้ที่เกิดขึ้นจากมันจะยังได้รับผลประโยชน์มหาศาลจนอาจขึ้นถึงอาณาจักรเทพสวรรค์ได้ไม่ยาก
เมื่อโอสถเช่นนี้ขึ้นมาถึงขั้นเทวะวิญญาณไพศาล มันย่อมไม่ได้จะเป็นแค่โอสถหนึ่งเม็ดอีกต่อไป
ไม่เช่นนั้นมีหรือที่คนยิ่งใหญ่อย่างหลินฉางชิงจะลังเลที่จะทำลายโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า?
“อย่าได้อายไปเลย แม้ว่าวันนี้เจ้าคิดจะสังหารข้าแต่ข้าก็ยังต้องขอบคุณเจ้า อยากน้อยๆ เจ้าก็ได้นำข่าวเรื่องลี่เอ๋อมาบอกข้า เรื่องนี้มันนับเป็นที่สุดของข่าวดีแก่ตัวข้า ในวันหน้า หากเจ้ายังคิดอยากได้โอสถใดอีก เจ้าก็สามารถมาหาข้าเพื่อให้ช่วยทำการหลอมให้ได้ แต่… เจ้าคงต้องเตรียมสมุนไพรหลอมโอสถมาเองนะ”
เย่หยวนพูดจาเสียบแทงออกมาอีกครั้งเหมือนอ่านความคิดของหลินฉางชิงได้
แต่คำพูดเหล่านี้มันออกมาจากจิตใจจริงๆ ของเขา
แม้ว่าวันนี้เขาจะเกือบต้องตายลง แต่การได้ข่าวของลี่เอ๋อเช่นนั้นมันย่อมนำพาความยินดีมาให้แก่เขา
เพราะอย่างน้อยๆ เขาก็ได้รู้ว่าตอนนี้ลี่เอ๋อสบายดี
ปัง!
หลินฉางชิงโกรธจนร่างสั่นสะท้าน วินาทีที่เขาปล่อยพลังออกมาขวดโอสถน้อยๆ นั้นก็แตกสลายเป็นฝุ่นผงไป
โอสถขั้นเทวะวิญญาณไพศาลจางหายไปกับสายลม
หลินฉางชิงจ้องมองมายังเย่หยวนคิดหวังอยากเห็นสายตาเสียตาของเย่หยวน
แต่ทว่าเขากลับคิดผิด
เพราะใบหน้าของเย่หยวนยังคงนิ่งเฉยเหมือนเดิม ไม่มีท่าทางว่าจะเปลี่ยนแปลงอารมณ์ใดๆ ออกมาแม้จะเห็นว่าโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะวิญญาณไพศาลแหลกไปต่อหน้า
เรื่องนี้มันย่อมหมายความว่าเขาไม่คิดสนใจจริงๆ!
หลินฉางชิงนั้นแทบคลั่งตาย เขาไม่นึกไม่ฝันว่าการเดินทางมาในครั้งนี้มันกลับจะกลายเป็นเช่นนี้ไปได้
ตอนที่ 1897 เมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่น
เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจแต่จิตใจของหลินฉางชิงกลับปวดร้าว
นี่มันคือโอสถฟ้าตะวันจันทราขั้นเทวะวิญญาณไพศาล!
ต่อให้จะเป็นวังพำนักเทพสวรรค์มันก็ไม่มีทางจะปรากฏขึ้นมาได้
เพียงแค่ว่าในสถานการณ์เช่นนี้แล้วเขาย่อมไม่มีทางเลือกอื่น
เขานั้นเป็นถึงเทพสวรรค์ที่มีถิ่นกำเนิดในวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์มั่น เขาย่อมมีศักดิ์ศรีของตน
ไม่ว่าเขาจะเสียดายมันมากมายเพียงใดเขาก็จำต้องทำลายโอสถขั้นเทวะวิญญาณไพศาลนี้ทิ้ง!
เพราะเขา หลินฉางชิงนั้นจะยอมเสียหน้าไม่ได้!
แน่นอนว่าตอนนี้เขาเสียหน้าไปอย่างมากแล้วแต่ต้น
“หึ! เจ้าคิดว่าเทพสวรรค์ผู้นี้จะเชื่อหรือว่านี่คือโอสถที่เจ้าหลอม? เจ้ามันก็แค่ไอ้คนโชคดี!” หลินฉางชิงร้องบอกอย่างไม่คิดยอมรับ
“เรื่องของเจ้าสิ เกี่ยวอะไรกับข้า กลับไปบ่มเพาะฝึกฝนให้ดี หวังว่าอีกสองพันปีจากนี้เจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง” เย่หยวนบอก
นั่นทำให้ใบหน้าของหลินฉางชิงบิดเบี้ยวขึ้นทันที เพราะเจ้าเด็กคนนี้มันกลับแย่งคำพูดของเขาไปเสียอย่างนั้น!
คำพูดเช่นนี้มันต้องเป็นผู้แข็งแกร่งกล่าวต่อผู้อ่อนแอมิใช่หรือ?
“ยังไม่ไปอีก? หรือเจ้าจะรอให้พวกข้าเชิญไปกินข้าวด้วยกัน?” ตงน้อยบอก
หลินฉางชิงนั้นย่อมไม่คิดสนใจตงน้อยมากมาย แต่ในเวลานั้นเองที่เจ้าหมูสมบัตินั้นกลับเบิกตากว้างขึ้นมา
จู่ๆ หลินฉางชิงก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองถูกสัตว์ร้ายจ้องมอง
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปมาอยู่หลายคราก่อนที่สุดท้ายจะก้าวเท้าส่งร่างจางหายไป
เฮ้อ…
นั่นทำให้ทุกผู้คนต้องถอนหายใจยาว
เพราะตั้งแต่ที่หลินฉางชิงปรากฏตัวออกมานั้นพวกเขาทั้งหลายก็ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจดังๆ
พลังกดดันจากเทพสวรรค์นั้นมันรุนแรงจนสุดทนทาน
ตุบ!
หลังจากหลินฉางชิงจากไปเย่หยวนก็ไม่อาจทนไหวอีกต่อไป ร่วงลงสลบกับพื้นทันที
ด้วยพลังดัชนีของเทพสวรรค์ แค่การที่เย่หยวนทนมาได้จนถึงตอนนี้มันก็นับได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว
จนเวลาล่วงผ่านไปกว่าสามวันให้หลัง เย่หยวนจึงลืมตาตื่นฟื้นขึ้น
“พี่ใหญ่ ท่านได้สติแล้ว!” อิ้งหมัวหู่ร้องบอกอย่างตื่นเต้นดีใจ
“เด็กน้อย เจ้ามันบ้าบิ่นเกินไป” ตงน้อยบอกเย่หยวนด้วยท่าทางผิดหวัง
เย่หยวนแค่ยิ้มตอบกลับไป ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้นแล้วเขายังจะทำอะไรได้?
เพราะเมื่ออยู่ต่อหน้าเทพสวรรค์แล้วเขายังอ่อนแอจนเกินไป!
“สองพันปีบ่มเพาะขึ้นถึงอาณาจักรเทพสวรรค์ เด็กน้อยเอ๋ย เจ้าจะดูถูกอาณาจักรเทพสวรรค์มากเกินไปแล้ว!” ตงน้อยบอก
เย่หยวนหันไปมองเขา “สองพันปีน่าจะพอ”
เพราะเขานั้นบ่มเพาะแตกต่างจากผู้คนมากมาย สำหรับคนอื่นๆ ทั้งหลายแล้วช่วงคอขวดคือช่วงที่กินเวลามากที่สุด
แต่การบ่มเพาะของเย่หยวนนั้นเขาจะทำความเข้าใจเต๋าก่อนแล้วค่อยรวมพลังปราณ
สำหรับเขาแล้วคอขวดนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่ในการบ่มเพาะ
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเย่หยวนไม่ได้แค่ทำการรวมพลังปราณเทวะเข้าร่างเพียงอย่างเดียว เวลาที่เขามีส่วนมากนั้นเขาได้ใช้มันไปกับการทำความเข้าใจเขาน้อยแห่งถงเทียน
เพราะฉะนั้นตอนที่เล้งชิวหลิงได้เจอเย่หยวนอีกครั้งมันจึงเป็นเรื่องที่สุดแสนเหลือเชื่อเช่นนั้น
จากอาณาจักรราชันพระเจ้าสู่อาณาจักรนภาสวรรค์นั้นมันมิใช่เรื่องง่ายดาย แม้แต่กับยอดอัจฉริยะอย่างเล้งชิวหลิง
แต่เย่หยวนกลับผ่านมันมาอย่างไม่มีปัญหาใด
ทุกผู้คนที่ได้ยินเช่นนั้นต่างทำหน้ามึนงงออกมา รวมไปถึงตงน้อย
“เจ้าเด็กคนนี้มันช่างอวดกล้าดีเสียจริง! ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าเจ้าจะบรรลุอาณาจักรเทพสวรรค์ในสองพันปีได้อย่างไร ที่สำคัญเจ้าเองก็น่าจะพอเดาได้ว่าอีกฝ่ายเองก็คงมีเชื้อสายจากวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์ เผลอๆ อาจจะเป็นเชื้อสายตรงจากจักรพรรดิเทพสวรรค์เลยก็ได้! ทรัพยากรบ่มเพาะที่มันมีย่อมเหนือล้ำกว่าที่เจ้าจะคาดคิดได้” ตงน้อยเตือนขึ้น
เย่หยวนหันไปมองแต่จู่ๆ เขาก็ยื่นมือไปรับเข้าหมูสมบัติมาแทน
ฟุบ!
เจ้าหมูสมบัติพุ่งตัวเข้ามาในอ้อมอกของเย่หยวนอย่างว่าง่าย มันใช้หัวน้อยๆ ของมันพยายามไถลำตัวของเย่หยวนเพื่อแสดงความรักออกมาตามประสาหมู
“อืม เรื่องทั้งหลายนี้ต้องขอบคุณเจ้า ไม่เช่นนั้นแล้วชีวิตของข้าคงต้องดับสิ้น ตงน้อย สรุปแล้วเจ้าหมูสมบัตินี้มันคือตัวอะไรกันแน่?” เย่หยวนหันไปถามตงน้อย
ก่อนหน้านี้ตัวเขาเองก็ยังคิดว่าตนคงไม่รอดชีวิตแล้ว แต่ใครจะไปคาดคิดว่าเจ้าหมูสมบัตินี้กลับจะมาจามไล่หลินฉางชิงจนลอยปลิวไป
ความตื่นตะลึงของทุกผู้คนมันยังมีมาอยู่จนถึงวันนี้
และเย่หยวนเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
ตงน้อยเงียบไปก่อนจะพูดขึ้น “ข้าจะรู้หรือ?”
คำตอบนี้ของตงน้อยมันทำให้เย่หยวนมึนงงอย่างมาก
เพราะเย่หยวนคิดเสมอมาว่าหมูสมบัตินี้มันคือสัตว์เลี้ยงของตงน้อยและตัวเขาน่าจะรู้ที่มาที่ไปของมันดี
ไม่นึกไม่ฝันว่าแท้จริงแล้วตัวเจ้าของเองก็ไม่ได้ทราบชัดเจนเช่นกัน
“เจ้าไม่รู้?”
ตงน้อยส่ายหัวออกมา “หมูสมบัตินั้นถูกมอบให้ข้าโดยเทพสวรรค์โอสถคนก่อนแห่งมิติอนัตตากอไผ่ ตั้งแต่นั้นมามันก็ติดตามข้ามาตลอด ส่วนเรื่องต้นกำเนิดของมันนั้น ข้าเองก็ไม่ทราบได้ อย่ามองข้าเช่นนั้น ข้าเองก็เคยถามเทพสวรรค์โอสถคนก่อนมาแล้ว แต่เขาเองก็บอกว่าไม่รู้เช่นกัน”
เย่หยวนได้แต่ก้มหัวลงมองเจ้าหมูสมบัติในอ้อมอกอย่างไม่รู้ต้องทำตัวอย่างไร
ตลอดมานี้เจ้าหมูสมบัติเป็นตัวตนที่น่าพิศวงมาก
แต่เมื่อได้ยินคำของตงน้อย ตัวตนอันน่าพิศวงของหมูสมบัตินี้มันกลับพัฒนาไปเป็นลึกลับ
“เอาล่ะ แต่ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องขอบคุณเจ้า” เย่หยวนบอกหมูสมบัติ
“อู๊ดๆ”
เจ้าหมูสมบัติส่ายหัวออกมาราวกับว่ามันกำลังบอก ‘ไม่ต้องขอบคุณ แค่หลอมโอสถมาก็พอ’
เย่หยวนได้แต่ยิ้มเมื่อเห็นเช่นนั้น “วางใจเถอะ โอสถนั้นมีแน่นอน!”
“จริงด้วย นายใหญ่ ท่านเดินทางไปยังเมืองจักรพรรดิหยกเมฆาได้เรื่องอย่างไรบ้าง?” หนิงเทียนปิงถาม
จากนั้นเย่หยวนก็เล่าเรื่องที่เขาเจอออกมาพร้อมส่ายหัว “ที่นั่นมันดูเงียบเหงาไร้ผู้คน! ดูท่าหรงซีเยว่คนนี้จะไม่ธรรมดา!”
หนิงเทียนปิงหน้าเปลี่ยนสีไปทันที “นายใหญ่ ข้ามีข่าวร้ายจะมาบอกด้วย ก่อนที่ท่านจะฟื้นไม่นาน หวู่เทียนได้ตายลงแล้ว!”
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่น
เรื่องราวนี้มันดูซับซ้อนจนเกินไป
หลังจากนั้นเย่หยวนจึงได้บอก “ไปกัน ไปดูที่เมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นเสียหน่อย ข้าชักเป็นห่วงความปลอดภัยของพี่เจียงแล้ว”
…
เมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นนั้นเป็นเมืองหลวงจักรพรรดิขั้นกลาง มันย่อมไม่ใหญ่โตเทียบเท่าเมืองหลวงจักรพรรดิพันทะยานได้
แต่เมืองหลวงจักรพรรดิมันก็ยังเป็นเมืองหลวงจักรพรรดิ แตกต่างอย่างที่ไม่อาจเอาเมืองจักรพรรดิมาเทียบเคียงได้
เย่หยวนและเจียงยู่ถังนั้นสนิทกันไม่น้อย ก่อนๆ มาที่เคยพูดคุยกันเย่หยวนเคยได้ยินเจียงยู่ถังบอกไว้ว่าเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นนั้นมีสามกองกำลังขั้วอำนาจใหญ่ จวนเจ้าเมือง หอยอดดอกและสำนักอากาศแจ่ม
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งสามขั้วอำนาจนี้ล้วนเป็นถึงเทพถ่องแท้ขั้นกลางทั้งสิ้น
เมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นนั้นมีสถานการณ์ภายในที่แตกต่างจากเมืองหลวงจักรพรรดิพันทะยานมาก เพราะสามขั้นอำนาจนี้ต่อสู้แย่งชิงกันในเงามืดอย่างที่ไม่มีใครยอมใคร
แน่นอนว่าจากด้านนอกหากมองผิวเผินแล้วจวนเจ้าเมืองย่อมจะควบคุมทุกอย่างในเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นไว้ได้
แต่ขั้นอำนาจทั้งสองนั้นก็ได้ควบคุมเมืองจักรพรรดิไว้มากมาย
เจียงยู่ถังนั้นเป็นคนจากฝ่ายสำนักอากาศแจ่ม มันจึงหมายความว่าสิบเมืองสันเขาใต้นั้นอยู่ใต้อำนาจของสำนักอากาศแจ่มตลอดมา
แน่นอนว่าในพื้นที่รกร้างอย่างสิบเมืองสันเขาใต้นี้มันย่อมไม่มีพลังอำนาจทรัพยากรใดๆ ให้สามขั้วอำนาจหันมาสนใจ
เพราะฉะนั้นภายในสิบเมืองสันเขาใต้นั้นจึงไม่เคยเกิดเหตุการณ์สงครามใหญ่ใดเกิดขึ้นยกเว้นแต่ความขัดแย้งน้อยๆ ภายใน
เจียงยู่ถังนั้นเป็นผู้ตรวจการของแดนนี้ จึงย่อมจะมีตำแหน่งหน้าที่ที่มั่นคง
เจียงยู่ถงนั้นเป็นคนด้อยพรสวรรค์ ด้วยลำพังตัวเขาเองมันคงไม่มีโอกาสจะบรรลุขั้นได้อีกต่อไป
แต่เย่หยวนได้ยินมาว่าเจียงยู่ถังนั้นมีลูกสาวที่เก่งกาจมากพรสวรรค์ สามารถขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์ได้ตั้งแต่ยังอายุน้อยๆ
แน่นอนว่าเรื่องทั้งหมดนั้นมันเป็นเพราะได้เย่หยวนช่วย
ครั้งนั้นตอนที่เกิดพันธะดาบทองคำขึ้น เจียงยู่ถังได้ขอให้เย่หยวนช่วยหลอมโอสถยอดหยกโมฆะให้นั้นมันก็เพื่อที่จะนำไปมอบให้ลูกสาวตนนั่นเอง
เรื่องราวหลังจากนั้นเย่หยวนเองก็ย่อมได้ยินมาบ้างแล้วว่าเมื่อลูกสาวของเขากินโอสถยอดหยกโมฆะเข้าไปนางก็สามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์ได้อย่างรวดเร็ว
จนตอนนี้เจียงยู่ถังถูกจับโทษรอประหาร แต่เรื่องทั้งหลายนั้นมันเป็นสิ่งที่หอยอดดอกจัดการทั้งสิ้น
หรือว่าแท้จริงแล้วหอยอดดอกจะจับมือกับจวนเจ้าเมืองเพื่อไล่ล้างอำนาจของสำนักอากาศแจ่มทิ้งลง?
ระหว่างทางเย่หยวนนั้นพยายามคิดความเป็นไปได้ต่างๆ ของเหตุการณ์ในครั้งนี้อย่างไม่หยุดยั้ง
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ เขาก็มองว่ามันมีโอกาสเป็นไปได้สูงมาก
เพียงแค่ว่าทำไมหรงซีเยว่ถึงได้รับรู้ความผิดพลาดของหวู่เทียนได้อย่างรวดเร็วจนสังหารเขาลงได้?
ตอนที่ 1898 หักขาสุนัขเจ้า
สำนักอากาศแจ่ม ตึกลมไหล
ที่แห่งนี้มันคือสถานที่จัดการดูแลเหล่าศิษย์ทั้งหลายของสำนักอากาศแจ่ม หลังจากศิษย์อย่างเจียงยู่ถังกลับมาจากเมืองจักรพรรดิต่างๆ เขาก็ต้องมายังที่แห่งนี้เพื่อรายงานเรื่องราว
แน่นอนว่าที่ผิวนอกแล้วเจียงยู่ถังยังคงรับคำสั่งโดยตรงจากทางจวนเจ้าเมือง
ด้านในหอนั้นมีชายชราร่างผอมคนหนึ่งมองดูเย่หยวนด้วยสายตาที่ตื่นตกใจไม่น้อย
ชายแก่ถามขึ้น “เจ้าเป็นผู้อาวุโสใหญ่ของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์จริง?”
นภาสวรรค์ที่อายุน้อยขนาดนี้มันย่อมหาได้ยากยิ่งแม้จะเป็นในสำนักอากาศแจ่มเองก็ตาม
กับเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เช่นนั้นที่แม้เจ้าเมืองก็ยังเป็นแค่นภาสวรรค์สองดาว แต่ผู้อาวุโสใหญ่ที่มาจากเมืองเช่นนั้นกลับเป็นถึงนภาสวรรค์ห้าดาว แน่นอนว่ามันต้องทำให้เกิดความตกตะลึง
อาณาจักรบ่มเพาะระดับนี้มันสามารถขึ้นไปเป็นเจ้าเมืองของเมืองจักรพรรดิขั้นกลางได้ง่ายๆ
เย่หยวนหยิบเหรียญประจำตัวออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้ม “ข้านั้นออกเดินทางด้านนอกและเพิ่มจะกลับมาถึงเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แค่ไม่กี่วันก่อน”
ชายแก่รับมันไปดูและแน่นอนว่ามันคือเหรียญตาผู้อาวุโสใหญ่แห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัย
ได้ยินเช่นนั้นแล้วเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนที่เย่หยวนออกเดินทางด้านนอกเขาน่าจะได้พบเจอกับสมบัติล้ำค่าสักอย่างจึงสามารถบรรลุขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว
มันอาจจะเป็นผลวิญญาณเต๋านภาสวรรค์ก็เป็นได้
นภาสวรรค์เช่นนี้มันเป็นนักยุทธที่ไม่มีอนาคตมากมาย
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ชายแก่จึงยิ่งมองดูถูกเย่หยวนหนักกว่าเก่า
นภาสวรรค์ห้าดาวนั้นมันเป็นตัวตนที่มีอยู่ทั่วเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่น คนที่ก้าวไปถึงจุดนั้นได้มันมิใช่ส่วนน้อยเลย
ชายแก่คืนเหรียญให้แก่เย่หยวนและพูดขึ้นอย่างเย็นชา “เจ้ามาหาผู้ดูแลผู้นี้ด้วยธุระใด?”
ชายแก่คนนี้มีนามว่าหลู่เฉิน ผู้ดูแลตึกลมไหลและยังเป็นหัวหน้าผู้ดูแลเจียงยู่ถังโดยตรงด้วย
เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะอีกฝ่าย “ผู้ดูแลหลู่ ผู้ตรวจการคนก่อนของสิบเมืองสันเขาใต้เจียงยู่ถังและเย่ผู้นี้เป็นสหายกัน เย่ผู้นี้แค่ได้ยินว่าเขาถูกจับรอประหารจากทางจวนเจ้าเมืองเพราะเขาไปทำความผิดใดสักอย่างไว้จึงได้เร่งรุดมาเพื่อสอบถาม”
หลู่เฉินหน้าเปลี่ยนสีไปในทันทีที่ได้ยินแต่เขาก็กลับมายิ้มได้อย่างรวดเร็ว “ที่แท้เป็นเรื่องของเจียงยู่ถัง แท้จริงแล้ว… ข้าเองก็ไม่ได้รู้เรื่องราวมากมาย แต่ได้ยินว่าสิ่งที่มันก่อนั้นไม่ใช่เรื่องน้อยๆ เลย”
มีหรือที่สีหน้านั้นของหลู่เฉินจะหลบรอดสายตาเย่หยวนไปได้?
แต่เขานั้นมาเพื่อสอบถามหาข่าวย่อมต้องมีวิธีและธรรมเนียมการปฏิบัติ เขาจึงยิ้มออกมา “ผู้ดูแลหลู่ ช่วยสั่งสอนด้วย”
หลู่เฉินไม่คิดกล่าวใดๆ และทำแค่ยกมือขึ้นลูบเครายาว
เย่หยวนนั่นเข้าใจได้ทันทีจึงหยิบขวดโอสถหนึ่งออกมาและมอบมันให้หลู่เฉินพร้อมรอยยิ้ม “ผู้ดูแลหลู่นั้นคอยดูแลพี่เจียงเสมอมาและพี่เจียงก็ได้ดูแลเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ของข้าด้วยเช่นกัน นี่คือคำขอบคุณเล็กๆ น้อยจากเย่ผู้นี้ ผู้ดูแลหลู่โปรดรับไว้”
ผู้ดูแลอย่างหลู่เฉินนั้นย่อมทำการรับสินบนและส่วนแบ่งจากคนเบื้องล่างอยู่เสมอๆ
พวกเขาทั้งหลายนั้นดูแลผู้ตรวจการเมืองจักรพรรดิต่างๆ
เหล่าผู้ตรวจการนั้นจะได้เงินติดกระเป๋ามาจากเมืองจักรพรรดิ ส่วนพวกเขาผู้ดูแลนั้นก็จะรับส่วนแบ่งที่เหล่าผู้ตรวจการได้มานั้นอีกระดับ
แน่นอนว่าคนอย่างเจียงยู่ถังนั้นย่อมไม่ค่อยแสดงความเคารพใดๆ ออกมาแก่เขา
ต่อให้เขาจะอยากเก็บส่วนแบ่งมากมายเพียงแค่ไหน แต่สุดท้ายมันก็ไม่อาจรีดออกมาได้มากนัก
เพราะฉะนั้นเจียงยู่ถังจึงมีตำแหน่งที่ค่อนข้างต่ำต้อยในตึกลมไหลนี้
เขานั้นเป็นเพียงแค่นภาสวรรค์สี่ดาว ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังฝีมือหรือสถานะ ตัวเขานั้นก็ไม่ได้เป็นคนที่ยิ่งใหญ่ใดๆ เลย
“นี่มัน…โอสถหยกวารีขั้นเทวะ! ของดี!”
เมื่อหลู่เฉินเห็นโอสถในขวดน้อยตรงหน้าสองตาของเขาก็เบิกกว้าง
โอสถหยกวารีนั้นคือโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าขั้นกลาง มันสามารถเพิ่มพูนพลังให้เหล่านักยุทธนภาสวรรค์ได้อย่างมากมาย
โอสถนี้คือโอสถที่เย่หยวนฝึกหลอมในมิติอนันตาก่อไผ่เมื่อนานมาแล้ว ในเวลานั้นฝีมือการหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าของเขายังไม่สูงนักทำให้ได้คุณภาพออกมาแค่ขั้นเทวะ
แต่เจ้าโอสถที่ผิดพลาดนี้มันกลับเป็นสมบัติล้ำค่าในสายตาหลู่เฉิน
หลู่เฉินรับโอสถหยกวารีนั้นและรีบเก็บมันลงไปในทันทีอย่างที่กลัวว่าเย่หยวนจะคิดเปลี่ยนใจ
“อืม ไม่เลว อย่างน้อยเจ้าก็รู้เรื่องราวบนโลก แต่เรื่องของเจียงยู่ถังนี่ข้าว่าเจ้าอย่าคิดมาข้องเกี่ยวดีกว่า ไม่เช่นนั้นเจ้าจะได้ตายไปด้วย” หลู่เฉินเก็บโอสถหยกวารีไปและบอกขึ้น
เขานั้นทำท่าทางเหมือนหมดเรื่องจะคุยกับเย่หยวนแล้วและพยายามจะไล่คนกลับไป
เย่หยวนขมวดคิ้วขึ้นทันที แต่เขาก็ยังควบคุมตัวเองไว้ได้ “พี่เจียงนั้นดูแลข้าผู้นี้มานาน เย่ผู้นี้แค่มาถามไถ่เรื่องราวไม่คิดเรื่องราวใดๆ มากมาย”
หลู่เฉินเองก็ขมวดคิ้วกลับมา “ข้านั้นหวังดี เจ้ารีบๆ ไปเสียเถอะ!”
เย่หยวนรู้สึกได้ถึงความโกรธที่ปะทุขึ้นมาในจิตใจ “ผู้ดูแลหลู่ ท่านรับของไปแล้วแต่กลับไม่ยอมทำตามที่ขอ?”
เขานั้นไม่นึกเช่นกันว่าหลู่เฉินจะเป็นคนหน้าไม่อายเรียกรับสินบนแต่กลับไม่คิดทำตามที่ถูกขอไว้เช่นนี้ เป็นแบบนี้เขาเอาโอสถหยกวารีไปให้หมากินยังดีเสียกว่า
แม้ว่าโอสถนี้มันจะเป็นแค่ขยะสำหรับเย่หยวน แต่สุดท้ายมันก็ยังเป็นโอสถขั้นเทวะที่ล้ำค่าอยู่ดี
เมื่อได้เห็นท่าทางนั้นของเย่หยวนหลู่เฉินก็ยิ้มขึ้น “ทำไม ที่นี่คือตึกลมไหลเจ้าคิดจะหาเรื่องทำร้ายผู้คนหรือ? เจ้าคิดว่าตัวเองจะสามารถติดสินบนข้าคนนี้ได้หรือ! เป็นแค่ผู้อาวุโสใหญ่แห่งเมืองจักรพรรดิหนึ่งอย่าได้มาอวดดีกับผู้ดูแลคนนี้นัก! ไสหัวไป!”
กับคนที่มาจากเมืองด้านล่างนั้นหลู่เฉินย่อมคิดวางท่าเป็นเจ้าไม่สนใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
และท่าทางนั้นของเย่หยวนมันก็ทำให้เขาโกรธเคืองไม่น้อย
เมื่อคนเบื้องล่างทั้งหลายเห็นตัวเขา พวกมันทั้งหลายนั้นล้วนแต่แสดงท่าทางเกรงใจเคารพออกมา
แต่ตอนนี้เย่หยวนกลับกล้าทำตัวเช่นนี้ใส่เขา ช่างไม่รู้จักเสียจริงๆ ว่าอะไรไม่ถูกไม่ควร
ดวงตาของเย่หยวนเบิกขึ้นด้วยความเย็นเยือก “ดูท่าเจ้าจะหลงตัวเองมากนักนะ!”
หลู่เฉินนั้นโกรธแค้นขึ้นในทันทีที่ได้ยิน “เด็กน้อย เจ้าคิดว่าแค่โชคดีได้หลอมผลวิญญาณเต๋านภาสวรรค์แล้วตัวเองจะสามารถอวดดีต่อหน้าผู้ดูแลคนนี้ได้? ผู้ดูแลคนนี้ได้ให้โอกาสเจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับยังไม่ไสหัวไป เช่นนั้นข้าจะหักขาสุนัขของเจ้าแล้วโยนเจ้าทิ้งไปเอง!”
ปัง!
หลู่เฉินปล่อยพลังโลกของตนออกมาพร้อมบดขยี้ไปยังเย่หยวน
หลู่เฉินนั้นเป็นถึงนภาสวรรค์หกดาว ส่วนเย่หยวนเป็นแค่นภาสวรรค์ห้าดาวขั้นกลาง แน่นอนว่าเขาย่อมไม่คิดว่าเย่หยวนจะตอบสนองสู้กลับมาได้
ร่างของเขาขยับพริบตาเดียวพลังโลกนั้นมันก็บดขยี้มาถึงตัวเย่หยวน
แต่เย่หยวนกลับยืนอยู่ตรงนั้นอย่างนิ่งเฉยไม่คิดแม้แต่จะเดินปราณเทวะ ราวกับว่าเขากลัวจนไม่อาจทำอะไรตอบโต้ได้แล้ว
หลู่เฉินที่เห็นเช่นนั้นจึงพูดขึ้น “ไม่รู้จักประมาณตัวเองกลับกล้ามาทำตัวอวดดีต่อหน้าผู้ดูแลคนนี้!”
คนทั้งสองนั้นอยู่ห่างกันแค่ไม่มาก หลู่เฉินจึงมาถึงตัวเย่หยวนได้ในพริบตา
ในวินาทีต่อไป เขาก็คิดจะหักขาเย่หยวนอย่างที่ว่า
แต่ในวินาทีนั้นเย่หยวนกลับขยับ
เขาได้แค่ยืนตรงนั้นพร้อมเหวี่ยงเตะขาออกมา
ตุบ!
เสียงของกระดูกที่หักลั่นไปทั่วทั้งร่างทำให้หลู่เฉินต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ก้มคุกเข่าลงต่อหน้าเย่หยวนในทันที
“อ่า! ขาข้า!” หลู่เฉินร้อง
เย่หยวนมองดูที่เขา “ไม่รู้จักประมาณตนกลับกล้ามาทำตัวอวดดีต่อหน้าข้า? ข้ามอบโอสถหยกวารีให้เพราะเห็นแก่หน้าพี่เจียงหรอกนะ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นคนเก่งกาจมากบารมีหรือ?”
หลู่เฉินนั้นเจ็บปวดจนถึงขั้นกระดูก เหงื่อเย็นเหยียบไหลลงมาท่วมกาย
แรงเตะของเย่หยวนนี้มันหักทำลายกระดูกของเขาจนเป็นผงไม่อาจลุกขึ้นยืนได้
เขานั้นคิดหักขาเย่หยวน แต่สุดท้ายแล้วกลับเป็นตัวเองที่ขาหักลง
ดินแดนของพลังโลกของเขานั้นไม่อาจส่งผลใดๆ แก่เย่หยวนได้เลย
เป็นตอนนี้เองที่หลู่เฉินได้รู้ว่าชายหนุ่มผู้อาวุโสใหญ่แห่งเมืองจักรพรรดิตรงหน้าเขานี้ไม่ใช่คนทั่วๆ ไปที่จะข่มขู่ได้เลย!
“ข้า…ข้าผิดไปแล้ว! ข้า…ข้าขอร้อง ปล่อยข้าไปเถอะ” หลู่เฉินบอกพร้อมเหงื่อที่ไหลท่วมกาย
เย่หยวนพยักหน้าออกมา “ก็ไม่ใช่ว่าข้าคิดจะฆ่าสังหารเจ้า แต่เจ้าน่าจะรู้ดีว่าข้าต้องการอะไร”
หลู่เฉินเบิกตากว้างก่อนจะพยักหน้าออกมา “ข้า…ข้าจะพูด ข้าจะบอกทุกเรื่องที่ข้ารู้!”
ตอนที่ 1899 ก่อเรื่องที่ตึกลมไหล
ได้ยินเรื่องราวที่หลู่เฉินเล่าถึงเจียงยู่ถังเย่หยวนก็เปลี่ยนสีหน้าไปทันที
แท้จริงแล้วเจียงยู่ถังได้ถูกเรียกไปยังจวนเจ้าเมืองหลังกลับมาจากหน้าที่ แต่หลังจากไปถึงจวนเจ้าเมืองเขากลับถูกโยนลงคุกรอความตายด้วยข้อหาลอบสังหารคุณชายหยู
คุณชายหยูคนนี้มีนามเต็มว่าหยูจินซง ลูกชายคนที่สามของท่านเจ้าเมือง บ่มเพาะไปถึงอาณาจักรนภาสวรรค์แปดดาวมีสถานะสูงส่ง
เจียงยู่ถังนั้นเป็นแค่ผู้ตรวจการเมืองจักรพรรดิต่ำต้อย แต่กล้าคิดลอบสังหารหยูจินซง มันจะต้องกลายเป็นเรื่องราวที่ใหญ่โตแค่ไหน?
แต่หลังจากเย่หยวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็มั่นใจได้อย่างมากว่าเจียงยู่ถังนั้นโดนใส่ความ
เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้มันมีแต่ช่องโหว่ ตราบเท่าที่ยังเป็นคนสติดีๆ ก็คงไม่มีใครคิดจะเชื่อและสามารถมองออกได้ทันทีว่าเรื่องมันไม่ชอบมาพากล
เว้นเสียแต่ว่าการมองออกกับการกล้าออกมาพูดขัดนั้นมันเป็นเรื่องราวที่แตกต่างกันคนละโลก
เมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นนี้จะมีสักกี่ผู้คนที่กล้าท้าทายจวนเจ้าเมือง?
ที่สำคัญเจียงยู่ถังยังเป็นแค่ผู้ตรวจการดินแดนบ้านนอกที่ไม่มียศศักดิ์ใดๆ ในเมืองหลวงจักรพรรดิ มันย่อมไม่มีใครคิดจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขา
จากการพูดคุยกับหลู่เฉินนี้เย่หยวนได้รับรู้แล้วว่าสำนักอากาศแจ่มนั้นไม่คิดจะแตกหักกับจวนเจ้าเมืองด้วยเรื่องราวเล็กๆ น้อยเช่นนี้
เย่หยวนมองดูหลู่เฉินพร้อมถามขึ้น “เจียงยู่ถังนั้นยังมีลูกสาวอยู่ นางน่าจะเป็นศิษย์ของสำนักอากาศแจ่มด้วย ตอนนี้นางอยู่ที่ไหนแล้ว?”
หลู่เฉินหน้าเปลี่ยนสีทันทีแต่ยังไม่กล้าที่จะตอบกลับมาตรงๆ
เมื่อเย่หยวนเห็นเช่นนั้นเขาก็รู้สึกใจหายวาบ
ดวงตาของเขาเริ่มทอประกายแสงเย็นเยือกออกมา “เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าสังหารเจ้าในตึกลมไหลนี้?”
เย่หยวนชี้นิ้วออกมาด้วยพลังดาบ คลื่นพลังดาบอันแสนเย็นเยือกนี้มันทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในตึกลมไหลทันที
เมื่อได้เห็นพลังที่รุนแรงปานนั้นหลู่เฉินตึงก้มหน้าลงด้วยท่าทางหวาดกลัวสุดขีด
“น-น-นาง…ถูกไล่ออกจากสำนักอากาศแจ่มไปแล้ว” หลู่เฉินบอก
นั่นทำให้สีหน้าของเย่หยวนดำมืดลงพร้อมถามขึ้นอีก “เจียงยู่ถังนั้นเป็นคนซื่อสัตย์ทำงานอย่างตรงไปตรงมานานหลายต่อหลายปี แม้ว่ามันจะไม่มีผลงานใดๆ มากมายแต่เขาก็ทำงานให้แก่พวกเจ้ามานานปี พวกเจ้าสำนักอากาศแจ่มมันจะทำตัวหน้าไม่อายเกินไปแล้ว!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงความโกรธแค้นของเย่หยวนเขาก็รีบอธิบายออกมา “ม-มันมิใช่อย่างที่เจ้าคิด นาง… นางไปหาคุณชายหยูเพื่อจะช่วยพ่อของนาง แต่สุดท้ายไม่รู้ว่าผลออกมาเป็นเช่นไรแต่นางกลับถูกจับไปขายที่ดงปิติ ทางสำนักรู้สึกเสียหน้าสุดท้ายจึงไล่นางออกไป”
“ดงปิติ?” เย่หยวนขมวดคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร
หลู่เฉินบอกขึ้น “ดงปิตินั้นคือหอนางโลมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงจักรพรรดินี้ เป็นหนึ่งในกิจการของจวนเจ้าเมือง”
เย่หยวนรู้สึกร้อนวาบขึ้นมาในหัวใจ สองพ่อลูกนี้ไม่สมควรเลยแม้แต่น้อยที่ต้องมาพบเจอเรื่องราวสุดหายนะเช่นนี้!
เย่หยวนมองดูก็พอรู้แล้วว่าหลู่เฉินคงไม่ได้รู้ไปมากมายกว่านี้เขาจึงไม่คิดสนใจถามต่อและเดินจากไป
แต่ก่อนที่เขาจะทันเดินไปถึงประตูมันกลับมีเสียงเป่าลมหนึ่งดังขึ้น
วีด! วีด! วีด!
ในวินาทีนั้นจู่ๆ ก็มียอดยุทธนภาสวรรค์มากมายพุ่งตัวออกมารายล้อมเย่หยวนไว้ในทุกทิศทางอย่างที่ไม่อาจมีช่องหลบหนีไปได้
ในเวลานี้หลู่เฉินเองก็ขยับตัวขึ้นมายืนด้วยขาข้าหนึ่งที่ยังไม่หักรวมเข้ากับกลุ่มคนทั้งหลาย
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งมองดูหลู่เฉินและขมวดคิ้วถามขึ้น “หลู่เฉิน เกิดอะไรขึ้นกันจึงได้ส่งสัญญาณว่ามีการบุกตึกลมไหลเช่นนี้? บาดแผลของเจ้าได้มาอย่างไร?”
หลู่เฉินนั้นยังคงหายใจอย่างยากลำบากเพราะอากาศบาดเจ็บ เขาได้แต่ชี้นิ้วไปที่เย่หยวนพร้อมกันฟันพูด “ท่านผู้ช่วยซ่ง เด็กผู้มาจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้มันโหดร้ายถึงกับกล้าทำร้ายข้าในตึกลมไหล หักขาของข้าลงข้างหนึ่ง! เมื่อสักครู่นี้มันยังคิดข่มขู่จะสังหารข้าด้วย!”
ซ่งหยานไคมองดูเย่หยวนด้วยความตื่นตกใจไม่น้อยดูท่าจะไม่อยากเชื่อสักเท่าไหร่
ชื่อของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นมันมีภาพจำที่ติดตาว่าคือเมืองบ้านนอกที่ไม่มีใครสนใจ มันจะให้กำเนิดยอดฝีมือนภาสวรรค์ห้าดาวหนุ่มเช่นนี้ขึ้นมาได้อย่างไร?
หรือว่าเขาจะหลอมผลวิญญาณเต๋า?
แต่ด้วยพลังฝีมือของหลู่เฉิน มีหรือที่เขาจะถูกผู้หลอมผลวิญญาณเต๋าหนุ่มนี้ทำร้ายได้? ที่สำคัญมันยังมิใช่การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ด้วย
ในวินาทีนั้นความเป็นไปได้มากมายวิ่งผ่านสมองของซ่งหยานไคไป
“ฮ่าๆ หลู่เฉิน เจ้ามันจะไร้ฝีมือเกินไปหรือไม่? ถึงกลับแพ้ให้กับเด็กนภาสวรรค์ห้าดาวเช่นนี้!“
“เด็กน้อยที่มาจากเมืองจักรพรรดิบ้านนอก มันคงได้ไปเจอและหลอมผลวิญญาณเต๋านภาสวรรค์เข้าล่ะสิ? ขยะเช่นนี้เจ้าก็ยังไม่มีปัญญาจะจัดการมันหรือ?”
ตอนนี้เหล่านักยุทธทั้งหลายที่มาสมทบนั้นล้วนเป็นผู้ดูแลตึกลมไหลเช่นเดียวกับหลู่เฉินจึงได้ทีเยาะเย้ยกันใหญ่
ดูท่าพวกเขาทั้งหลายคงมีความคิดไม่ต่างจากหลู่เฉินนัก
หลังจากนั้นซ่งหยานไคก็ได้ทำสัญญาณมือออกมาพร้อมมองดูเย่หยวน “หนุ่มน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าโทษการทำร้ายผู้ดูแลตึกลมไหลนี้คืออะไร?”
เย่หยวนมองดูซ่งหยานไคด้วยใบหน้ายิ้มเยาะ “โทษ? หึๆ ดูท่าพวกเจ้าเหล่าคนสำนักอากาศแจ่มนั้นจะรู้จักแต่วิธีการลงโทษคนของตน คนของตนถูกคนอื่นใส่ร้ายจนถูกขังคุกรอความตายพวกเจ้าทั้งหลายกลับไม่คิดสนใจ กลับคิดว่ากล่าวเสริมความผิดให้คนตัวเอง ช่างน่าขัน!”
ซ่งหยานไคหน้าดำมืดลง “หนุ่มน้อย เจ้าช่างมีปากที่กล้าเสียจริงๆ! เด็กที่มาจากเมืองจักรพรรดิหนึ่งกลับกล้าพูดถึงตึกใหญ่เช่นนี้หรือ?”
เย่หยวนมองดูที่ใบหน้านั้นและยิ้มเย้ย “ไม่เช่นนั้นแล้วเจ้าจะให้ข้าพูดอย่างไรเล่า? ปกป้องคนของตัวเองยังไร้ปัญญา คิดว่าจะให้ข้าเคารพพวกเจ้าหรือ? ตอนนี้ข้ามีเรื่องต้องไปจัดการต่อ พวกเจ้าไปให้พ้น!”
กับเจ้าตึกลมไหลนี้เย่หยวนรู้สึกเหยียดหยามและดูถูกมันอย่างมาก และความรู้สึกเช่นนั้นมันย่อมไม่ก่อให้เกิดความชื่นชมใดๆ
ซ่งหยานไคขมวดคิ้วแน่นก่อนจะพูดสั่งขึ้น “ช่างเป็นเด็กที่อวดดีนัก จัดการมันเสีย!”
เหล่าผู้ดูแลทั้งหลายรับคำสั่งและเข้าโจมตีพร้อมๆ กัน
เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายนี้เป็นถึงนภาสวรรค์หกดาวกันทั้งสิ้น แน่นอนว่าพลังฝีมือของพวกเขามันย่อมไม่ธรรมดา
ส่วนตัวซ่งหยานไคนั้นเป็นถึงนภาสวรรค์แปดดาว
ในสายตาของเขาแล้วมีหรือที่คนทั้งหลายนี้จะไม่สามารถจัดการนักยุทธนภาสวรรค์ห้าดาวลงได้?
แต่เขาคิดผิด
เย่หยวนหัวเราะขึ้นพร้อมขยับร่างจนกลายเป็นเงาก่อนจะเข้าปะทะกับเหล่าผู้ดูแลทั้งหลายนี้แทบพร้อมๆ กัน
ไม่นานนักเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นทั่วร่างหลายต่อหลายร่างปลิวลอยไปทุกทิศทาง
เหลือไว้เพียงความเงียบงัน
ซ่งหยานไคมองดูเย่หยวนด้วยดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
นภาสวรรค์ห้าดาวคนหนึ่งกลับสามารถจัดการยอดฝีมือที่เหนือกว่าตนได้ถึงหนึ่งดาวนับสิบๆ คนอย่างง่ายดาย?
ไม่ ไม่ใช่แค่จัดการ!
หากเย่หยวนต้องการจริงเขาสามารถสังหารคนทั้งหลายนี้ได้ด้วยซ้ำ!
จบเรื่องแล้วเย่หยวนก็สะบีดดาบเดินจากไปโดยไม่คิดสนใจซ่งหยานไคอีก
“หยุด!”
ตุบ!
ซ่งหยานไคใช้พลังโลกของคนออกมาล้อมรอบกายเย่หยวนไว้
แต่ทว่าเย่หยวนนั้นกลับไม่คิดรู้สึกรู้สาใดๆ เขาทำตัวราวกับว่าพลังโลกที่ปกคลุมนี้มันไม่มีตัวตนและเดินออกไปอย่างง่ายดาย
ซ่งหยานไคสะดุ้งตัวขึ้นทันทีแต่สุดท้ายเขาก็ไม่กล้าจะลงมือไป
เพราะเขาได้รู้แล้วว่าตัวเองไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อยว่าตัวเองจะสามารถจัดการชายหนุ่มคนนี้ลงได้!
จนในที่สุดเย่หยวนก็เดินหายไปจบลับสายตา เป็นเวลานั้นเองที่เขาเหมือนลืมตาตื่นจาภวังค์ขึ้นมาได้
นี่มัน…นี่มันคือนักยุทธที่หลอมผลวิญญาณเต๋านภาสวรรค์จริงหรือ?
ไม่มีทาง!
ซ่งหยานไคปฏิเสธความคิดนี้อย่างทันที
เพราะไม่มีทางใดเลยที่นักยุทธประเภทนั้นจะแข็งแกร่งได้ปานนี้!
เขาหันกลับไปมองดูหลู่เฉินและถามขึ้น “เจ้าบอกว่าเขามาจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์สินะ? มันหมายถึงเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แห่งสันเขาใต้ใช่ไหม?”
หลู่เฉินเองก็ยังตื่นตะลึงกับภาพตรงหน้าไม่หายเมื่อได้ยินคำถามนั้นของซ่งหยานไคเขาจึงสะดุ้งตัวขึ้นในทันที “ข-ขอรับ! ข้าตรวจดูเหรียญของมันแล้ว มันต้องเป็นผู้อาวุโสใหญ่แห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แน่นอน”
ซ่งหยานไคขมวดคิ้วแน่นก่อนจะถามออกมาอีกครั้ง “เขามาเพราะเรื่องใด?”
หลู่เฉินหน้าเสียไปเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับมา “เพื่อ…เรื่องของเจียงยู่ถัง”
ซ่งหยานไคตื่นตกใจขึ้นทันที ร่างของเขาขยับก่อนจะจางหายไปในพริบตา
ตอนที่ 1900 ข้าจะพาเจ้าออกไปเอง!
“พระเจ้าช่วย ช่างเป็นพ่อหนุ่มที่หล่อเหลา! มาเร็ว รีบเข้ามา! ดงปิติเรานั้นเป็นแหล่งรวมความบันเทิง ข้าขอยืนยันเลยว่าท่านจะต้องสุขจนไม่รู้ลืม”
เมื่อเย่หยวนมาถึงดงปิติเขาก็ได้พบกับหญิงวัยกลางคนหน้าตาดีรีบเดินเข้ามาจับคว้าตัวของเขาไว้ก่อนจะค่อยๆ ชักนำเขาเดินเข้าไปด้านในตัวตึก
เย่หยวนมองดูที่แม่เล้าผู้นั้นและถามขึ้น “ร้านของท่านมีหญิงชื่อเจียงไห่ถังหรือไม่?”
เมื่อแม่เล้าคนนั้นได้ยินนางก็ถามเย่หยวนขึ้นมาด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย “นายน้อย นางผู้นั้นเต็มไปด้วยหนามคม แม้ว่านางจะดูรูปงามแต่นิสัยใจคอของนางนั้นดุร้าย! เรานั้นมีหญิงงามให้เลือกอีกมากมาย ทำไมท่าน… ไม่เลือกคนอื่นดูเสียก่อนเล่า?”
เย่หยวนยิ้มออกมา “นายน้อยผู้นี้ชอบม้าป่าแรงเถื่อน ข้าต้องการนาง ช่วยจัดเตรียมห้องและนำพานางมาให้ข้าด้วย”
แม่เล้านั้นหรี่ตามองก่อนจะพยักหน้าออกมา “หากนายน้อยท่านต้องการเช่นนั้นมันก็ไม่มีปัญหา เอาล่ะ เด็กๆ มาพาแขกขึ้นไปรอบนห้องหน่อย”
ได้ยินเช่นนั้นก็มีเด็กรับใช้รีบวิ่งออกมารับหน้าเย่หยวนและพาเข้าขึ้นไปบนห้อง
ดินแดนแห่งความหรรษานี้มันเป็นที่นิยมในหมู่นักยุทธอย่างมาก
เพราะเส้นทางการบ่มเพาะวรยุทธนั้นมันช่างแสนเดียวดาย ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถไล่ตามเต๋าด้วยใจเด็ดเดี่ยวได้
หลังจากนักยุทธทั่วๆ ไปพัฒนาตนขึ้นมาได้ถึงจุดหนึ่งพวกเขาทั้งหลายก็จะมาถึงทางตันที่ไม่อาจบ่มเพาะให้บรรลุได้อีกต่อไป และแน่นอนว่าเมื่อถึงเวลานั้นแล้วพวกเขาย่อมใช้ชีวิตไปกับแสงสีของโลก
และนักยุทธประเภทนี้แท้จริงแล้วมันนับเป็นคนส่วนมากเสียด้วยซ้ำ
ระหว่างเดินทางขึ้นไปยังห้องเย่หยวนก็ได้รับรู้ว่ากิจการของดงปิตินี้คึกคักเต็มไปด้วยลูกค้า
ใบหน้ารูปร่างของหญิงสาวทั้งหลายที่ทำงานเองก็ดูดีไม่น้อย แถมแต่ละผู้คนยังบ่มเพาะตนขึ้นมาได้อย่างสูงส่งไม่ใช่แค่หญิงบำเรอทั่วๆ ไป
เมื่อบ่มเพาะมาได้ถึงอาณาจักรราชันพระเจ้าหรือแม้แต่อาณาจักรนภาสวรรค์แล้วมันจะมีสักกี่คนกันที่จะยอมปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นแค่ของเล่นของผู้ชายเช่นนี้?
เย่หยวนรักษาใบหน้านิ่งๆ นั้นไว้จนมาถึงห้องและพบว่าการตกแต่งภายในนั้นสุดแสนที่จะหรูหรา
ไม่นานนักเขาก็เห็นชายร่างกำยำสองคนลากพาตัวหญิงสาวนางหนึ่งเข้ามา
เย่หยวนมองดูที่ใบหน้าร่างกายของนางนั้นและเห็นว่าหญิงสาวนางนี้มีร่างกายซูบผอม ทั้งยังมีแผลรอยช้ำบนใบหน้าไม่น้อย
แขนและขาของนางนั้นถูกมัดรวมไว้โดยกุญแจมือและโซ่ล่าม
แต่ก่อนจะถูกส่งขึ้นมาบนห้องนี้เองนางก็น่าจะถูกจัดแต่งสวยอย่างดีจึงพอที่จะกลบเกลื่อนร่องรอยทั้งหลายได้
แม้จะดูซูบผอมแต่ความไม่คิดยอมในสายตาของนางก็ยังส่องประกายอย่างเจิดจ้าอย่างที่ไม่มีอะไรจะปิดบังได้
เย่หยวนที่ได้เห็นสภาพเช่นนั้นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
หลังจากเข้ามาแล้วนางก็จ้องมองดูเย่หยวนตาเขม็ง
หากสายตาสามารถฆ่าผู้คนได้ เย่หยวนก็คงได้ตายไปนับร้อยๆ ครั้งแล้ว
แต่เย่หยวนนั้นกลับพูดขึ้นอย่างไม่คิดสนใจสายตานั้น “ปลดกุญแจมือและโซ่ตรวนนาง”
ชายร่างกำยำทั้งสองผงะไปเล็กน้อยก่อนจะแสดงท่าทางลังเลออกมา “เรื่องนั้น… มันจะไม่ดีมั้งท่าน? นางผู้นี้ดุร้ายอย่างมากทำร้ายแขกเราไปหลายต่อหลายคนแล้ว”
เย่หยวนกล่าว “เจ้าคิดว่านางที่ถูกปิดผนึกทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ไว้นี้จะทำร้ายข้าได้?”
เมื่อคิดได้เช่นนั้นชายผู้หนึ่งก็เข้ามาปลดเครื่องพันธนาการออกจากตัวเจียงไห่ถัง “เจ้าอยู่นิ่งๆ! หากเจ้ากล้าทำอะไรเสียมารยาทต่อแขกอีกเข้าคงรู้ผลที่จะตามมาใช่หรือไม่?”
พูดจบแล้วชายทั้งสองก็เดินจากไป
เย่หยวนยกเหล้าขึ้นมาเทตรงหน้าก่อนจะยกเทใส่อีกแก้วที่ตรงข้ามพร้อมทำท่าเชิญด้วยรอยยิ้ม “มานั่งคุยกันก่อน ค่อยๆ ดื่มให้มันหายกังวล”
เจียงไห่ถังไม่คิดนั่งและมองดูเย่หยวนด้วยดวงตาเย็นเยือก “เจ้าคนหน้าไม่อาย คิดจะใช้เหล้ามอมสติข้าหรือ? ฝันไปเถอะ!”
เย่หยวนแต่ยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้นและยกแก้วขึ้นดื่มไปคนเดียว “เจ้ามีนามว่าเจียงไห่ถัง?”
“แล้ว?”
“พ่อเจ้าคือเจียงยู่ถัง?”
นั่นทำให้เจียงไห่ถังหน้าถอดสีทันที “เจ้าเป็นใครกัน?”
เย่หยวนมองดูที่นางพร้อมด้วยรอยยิ้ม “เวลาแปดร้อยปีเจ้ากลับสามารถขึ้นมาถึงอาณาจักรนภาสวรรค์สี่ดาวได้ ไม่เลวๆ! ดูท่าโอสถยอดหยกโมฆะนั้นจะได้ใช้ประโยชน์จริงๆ”
ได้ยินเช่นนั้นเจียงไห่ถังก็ตื่นตกใจขึ้นมาอย่างมาก
นางมองดูที่เย่ยหวนพร้อมถามขึ้น “เจ้า… เจ้าเป็นใครกันแน่? ทำไมเจ้าถึงได้รู้ว่าข้าเคยกินโอสถยอดหยกโมฆะ?”
เรื่องที่เจียงไห่ถังกินโอสถยอดหยกโมฆะขั้นเทวะลงไปนั้นมันเป็นเรื่องที่มีแค่นางและพ่อเท่านั้นที่ทราบ
เช่นนั้นแล้วชายหนุ่มคนนี้จะไปรู้เรื่องราวมาจากไหน?
เว้นเสียแต่ว่า…
เย่หยวนยิ้มขึ้น “เจ้าคงเดาได้แล้วใช่หรือไม่?”
เจียงไห่ถังมองดูเย่หยวนอย่างไม่คิดเชื่อ “เจ้า… เจ้าคือเย่หยวน? บ้าน่า! พ่อข้าบอกว่าตอนที่เจ้าออกจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ไปเจ้านั้นเป็นแค่ราชันพระเจ้าหนึ่งดาว นี่มันเพิ่งผ่านไปได้ไม่กี่ร้อยปีมีหรือที่เจ้าจะสามารถบ่มเพาะขึ้นมาถึงอาณาจักรนภาสวรรค์ห้าดาวได้? เว้นเสียแต่ว่า… เว้นเสียแต่ว่าเจ้าจะไปเจอผลวิญญาณเต๋านภาสวรรค์มาหรือ?”
เย่หยวนนั้นทำท่าเชิญอีกครั้ง เพื่อบอกให้นางลงมานั่งคุยกันดีๆ
และครั้งนี้เจียงไห่ถังก็ไม่คิดปฏิเสธนั่งลงตรงข้ามเย่หยวน
เว้นเสียแต่ว่าสุดท้ายนางก็ยังไม่คิดดื่ม
เย่หยวนนั้นสัมผัสได้ว่านางยังคงมีจิตใจกังวลในตัวเขาอยู่
ดูท่าแล้วเรื่องที่เจียงยู่ถังถูกจับและเรื่องที่ตัวนางถูกขายให้หอนางโลมนี้มันจะทำให้นางเกิดความกังวลกลัวต่อทุกผู้คนขึ้นมา
“ยื่นมือออกมา” เย่หยวนบอก
เจียงไห่ถังผงะไปเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือออกมาตามที่เย่หยวนบอก
เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่หยวนก็ได้ยื่นมือออกไปจับชีพจรเจียงไห่ถังและค่อยๆ หลับตาลง
ไม่นานนักเขาก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมพยักหน้า “ไม่เลว สมเป็นโอสถยอดหยกโมฆะที่ข้าหลอมกลั่นกับมือ”
เจียงไห่ถังที่ได้เห็นเช่นนั้นจึงถามขึ้น “เจ้าสงสัยข้า?”
เย่หยวนยิ้ม “อย่างที่เจ้าคิดสงสัยข้า ข้าก็ย่อมไม่คิดเชื่อเจ้าอย่างเต็มที่”
เจียงไห่ถังคิดได้เช่นนั้นก็พยักหน้าออกมา “ก็ได้ แต่ข้านั้นกินโอสถยอดหยกโมฆะไปกว่าแปดร้อยปีแล้วเจ้าจะสามารถยืนยันว่าข้าเป็นเจียงไห่ถังได้ด้วยแค่การจับชีพจรหรือ? หรือว่า… เจ้ากำลังหลอกลวงข้า?”
เย่หยวนยิ้มออกมา “โอสถขั้นเทวะนั้นมันมีฤทธิ์ทนนานไม่จางหายไปง่ายๆ ข้าเชื่อว่าเจ้าเองก็น่าจะสัมผัสได้ถึงผลของมันใช่ไหมเล่า โอสถศักดิ์สิทธิ์ที่มีระดับคุณภาพสูงมันจะยิ่งส่งผลนาน โอสถขั้นเทวะม่วงหรือขั้นเทวะวิญญาณไพศาลนั้นสามารถส่งผลประโยชน์ให้แก่นักยุทธได้ทั้งชีวิต และนี่มันยังเป็นโอสถที่ข้าหลอมเองกับมือ ผลมันจะเป็นเช่นไรข้าย่อมรู้ดี”
เจียงไห่ถังนั้นรู้ดีว่าเย่หยวนพูดความจริง เพราะด้วยพรสวรรค์อย่างนางมีหรือที่จะสามารถขึ้นมาถึงอาณาจักรนภาสวรรค์สี่ดาวได้อย่างรวดเร็วปานนี้?
หลายปีมานี้ในการบ่มเพาะของนาง เจ้าโอสถยอดหยกโมฆะมันยังคงส่งผลประโยชน์ออกมาอย่างไม่มีทีท่าจะหมดลงไป ทำให้นางสามารถบรรลุผ่านคอขวดมาได้อย่างรวดเร็ว
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียตอนนี้เจียงไห่ถังก็มีพลังฝีมือไม่ด้อยไปกว่าเจียงยู่ถังผู้เป็นพ่อแล้ว!
ความเร็วในการพัฒนาระดับนี้มันเหนือล้ำกว่าที่นางจะทำเองได้
“ข-ขอบคุณมาก!” เจียงไห่ถังบอก
เย่หยวนส่ายหัวออกมา “แค่เจ้าไม่เกลียดชังข้ามันก็นับเป็นโชคดีแล้ว หากไม่ใช่เพราะข้ามีหรือที่พ่อของเจ้าจะถูกโยนเข้าคุกขังรอความตายเช่นนี้ ตัวเจ้าเองก็คงไม่ต้องตกต่ำมาถูกขายให้กับที่แบบนี้ด้วย”
แต่เจียงไห่ถังกลับส่ายหัวออกมา “เจ้าไม่ต้องคิดเช่นนั้นหรอก พ่อข้าบอกว่าท่านนั้นติดค้างหนี้เจ้าอย่างมาก สัญญาที่ได้ให้ไว้มันต้องทำให้สำเร็จ! ข้ารู้ดีว่าทั้งหมดนั้นท่านทำเพื่อข้าทั้งสิ้น…”
พูดมาถึงตรงนี้น้ำตาของเจียงไห่ถังก็ไม่อาจกลั้นไว้อยู่อีกต่อไป นางปล่อยมันไหลลงมาเหมือนเขื่อนที่แตกรั่ว
เย่หยวนได้แต่ถอนหายใจยาว “พี่เจียงนี้ช่างน่านับถือ! เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้เขาต้องตายลงเช่นนี้แน่ แต่เป็นเจ้านี่แหละ… ทำไมเจ้าถึงได้โง่เขลาไปถามหาความช่วยเหลือจากตัวต้นตอเรื่องกัน?”
เจียงไห่ถังได้แต่ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บใจ “ข้า… ข้าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”
ได้ยินคำเล่าพร้อมทั้งน้ำตาของเจียงไห่ถัง ไฟแห่งความโกรธแค้นของเย่หยวนก็ได้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง
แท้จริงแล้ววันที่เจียงไห่ถังไปหาหยูจินซงวันนั้น เขาผู้นั้นได้บอกให้นางสละร่างกายแลกกับการที่จะให้เขาปล่อยเจียงยู่ถังออกมา
ด้วยนิสัยของเจียงไห่ถังมีหรือที่นางจะยอมรับเรื่องเสียเกียรติง่ายๆ เช่นนั้น แต่ใครจะไปรู้ว่าทางหยูจินซงกลับจุดเทียนกินวิญญาณไว้ในห้องที่พูดคุยกัน
เขานั้นแย่งชิงความบริสุทธิ์ของเจียงไห่ถังไปพร้อมๆ ปิดผนึกทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของนางและส่งนางไปขายที่ดงปิติ
ด้วยนิสัยไม่กลัวตายของเจียงไห่ถังนั้นนางได้เตรียมใจที่จะตายมานานแสนนานแล้วเพียงแค่ว่าเรื่องราวความเป็นความตายของเจียงยู่ถังยังไม่กระจ่างชัด สุดท้ายนางจึงได้แต่ทนอยู่อย่างอัปยศมาจนถึงทุกวันนี้
เย่หยวนถอนหายใจยาวออกมาหลังได้ยินเช่นนั้น สุดท้ายเขาจึงยื่นมือไปดึงตัวเจียงไห่ถังขึ้น “ไปกัน ข้าจะพาเจ้าออกไปเอง”
ตอนที่ 1901 ฆ่าไม่เลี้ยง
คลื่นปราณเทวะอันหนาแน่นและอบอุ่นค่อยๆ ไหลเข้ามาในทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเจียงไห่ถังผ่านเส้นชีพจรของนาง
การทำลายผนึกเช่นนี้ออกมามันง่ายดายเหมือนกวาดเศษใบไม้
ทำให้ตอนนี้นางเริ่มรู้สึกได้ถึงปราณเทวะที่ไหลเข้าสู่แขนขาอีกครั้ง
เจียงไห่ถังมองดูเย่หยวนด้วยดวงตาตื่นตะลึง
“นี่มัน… นี่มันคือผนึกเฉพาะของดงปิติ ต่อให้จะเป็นยอดฝีมือนถาสวรรค์เก้าดาวก็ไม่อาจจะทำลายผนึกนี้ลงได้ง่ายๆ แต่เจ้าทำได้อย่างไรกัน?”
ดินแดนแห่งความสำราญอย่างดงปิตินี้มันเต็มเปี่ยมไปด้วยหญิงบริการที่มีการบ่มเพาะสูง
ส่วนเรื่องการจะควบคุมหญิงเหล่านั้นอย่างไรนั้นทางดงปิติย่อมมีวิธีการที่เด็ดขาดของตน
ผนึกนี้มันเป็นสิ่งที่ผู้คนทั่วๆ ไปไม่อาจจะแตะต้องได้ ไม่ต้องพูดถึงการทำลายลงเลย
ต่อให้เป็นแขกผู้มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรนภาสวรรค์เก้าดาวมันก็ไม่อาจจะทำลายผนึกนี้ลงได้ง่ายๆ
แต่เย่หยวนกลับปัดมันออกเหมือนแค่กวาดเศษใบไม้
“แค่ผนึก ไม่ใช่เรื่องใหญ่ใดๆ ไปกัน” เย่หยวนยิ้มขึ้น
เจียงไห่ถังนั้นได้แต่นั่งนิ่งและสุดท้ายก็ส่ายหัวออกมา “เราเดินออกไปเช่นนี้ไม่ได้! ดงปิตินี้มันมีจวนเจ้าเมืองหนุนหลังอยู่ และที่แห่งนี้ยังมีนภาสวรรค์เก้าดาวเป็นผู้ควบคุม! ไม่ใช่สถานที่ที่ใครคิดจะพาคนออกไปก็สามารถทำได้”
ในเมืองหลวงจักรพรรดินั้นเทพถ่องแท้เป็นตัวตนที่อยู่สูงที่สุด
ในงานดูแลทั่วๆ ไปเช่นนี้มันย่อมไม่มีเทพถ่องแท้คนไหนจะลดตัวลงมาทำ
และในความเป็นจริงแล้วแค่นภาสวรรค์เก้าดาวมันก็มากพอที่จะจัดการนักยุทธส่วนใหญ่ของเมืองหลวงจักรพรรดิได้ง่ายๆ
ที่สำคัญผู้อยู่เบื้องหลังกิจการของดงปิตินี้มันคือจวนเจ้าเมือง จะมีใครกล้ามาก่อเรื่องราวในที่แบบนี้กัน?
แต่เย่หยวนกลับแค่ยิ้มตอบ “หากข้าอยากพาเจ้าออกไปมันย่อมไม่มีใครจะหยุดได้”
พูดจบเย่หยวนก็ไม่สนใจอีกต่อไปว่าเจียงไห่ถังจะยอมร่วมมือด้วยหรือไม่และลากพาตัวนางเดินออกประตูไปทันที
เอี้ยด!
เมื่อบานประตูถูกเปิดออกเขาก็พบว่ามีชายร่างกำยำห้าคนยืนรออยู่ที่ด้านนอก
แม่เล้าคนเดิมมองดูเย่หยวนด้วยรอยยิ้มเย้ย “ข้ารู้ตั้งแต่ที่ท่านถามหานางนี่แล้วว่าท่านคงไม่ได้มาดีแน่ หากท่านนั้นแค่มาเพื่อหาความสนุก ดงปิติเราย่อมพร้อมต้อนรับอย่างดี แต่หากท่านคิดจะลักพาตัวผู้คนไป เรื่องนั้นดงปิติเราคงยอมไม่ได้ ช่วยทำอะไรให้ฉลาดหน่อยเถอะ”
เย่หยวนหันไปมองแม่เล้าคนนั้นพร้อมพูดขึ้น “ข้าอยากไถ่ตัวแม่นางไห่ถัง ว่าราคามา”
เมื่อแม่เล้าคนนั้นได้ยินนางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา “ต้องขอโทษท่านลูกค้าด้วยแต่เบื้องบนสั่งการกำชับมาว่านางผู้นี้ห้ามขายออก! ข้าว่าท่านวางนางลงก่อนจะดีกว่า พวกท่าน…ออกไปจากที่นี้พร้อมกันไม่ได้ ท่านดูพวกเขาทั้งหลายนี้สิ พวกเขาต่างมีใบหน้าท่าทางดุดัน หากพวกเขาต้องลงมือทำร้ายท่านแล้วมันคงจบไม่สวยแน่”
เมื่อได้เห็นเหล่าชายกำยำทั้งหลายเจียงไห่ถังก็หน้าซีดเผือดลงทันที
“เย่หยวน เจ้า…เจ้าไปเองเถอะ!”
เหล่าชายร่างกำยำทั้งหลายนี้ต่างมีพลังฝีมือที่ไม่ธรรมดา ล้วนแล้วต่างเป็นถึงนภาสวรรค์ขั้นกลางทั้งสิ้น
การที่จะมาเป็นผู้ดูแลของหอนางโลมนี้ได้มันย่อมต้องเป็นนักยุทธที่มีพลังฝีมือไม่น้อย
เย่หยวนมองดูด้วยท่าทางเฉยชา “เรอะ? หากไม่ขายเช่นนั้นข้าคงได้แต่ต้องใช้กำลังพานางออกไปแล้ว”
พูดไปเย่หยวนก็ดึงตัวเจียงไห่ถังเดินออกไปด้านนอกทันที
แม่เล้าคนนั้นที่ได้เห็นก็หมดความอดทนลงทันที นางร้องตะโกนสั่ง “ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา จัดการมันเสีย!”
ชายร่างกำยำทั้งห้านี้เดินมุ่งหน้าเข้ามาหาเย่หยวนในทันที
ผัวะ!
เสียงตบดังสนั่นขึ้นส่งร่างของแม่เล้าคนนั้นปลิวลงจากชั้นสองทันที
เหล่าชายกำยำทั้งหลายเองก็ได้แค่จับความอากาศ ไม่อาจแตะต้องได้แม้แต่ชายเสื้อของเย่หยวน
“พระเจ้าช่วย! เจ้ายอดคนนรกส่งนี่! ไปเรียกท่านฝางคุนมาเร็ว! มีคนมาก่อเรื่องแล้ว!”
ที่ด้านล่างมีเสียงแหลมสูงของแม่เล้าดังลอยขึ้นมา
เย่หยวนเองก็ไม่ได้ช้าหรือเร็วจนเกินไป ค่อยๆ เดินพาตัวเจียงไห่ถังลงตามบันไดมา
ดงปิติแห่งนี้มันมีค่ายกลขนาดใหญ่ติดตั้งไว้ภายใน ปิดกั้นมิตินี้ออกจากภายนอก
ต่อให้จะเป็นเทพถ่องแท้ก็ไม่อาจจะย้ายร่างหนีออกไปจากที่แห่งนี้ได้
ไม่เช่นนั้นแล้วใครจะกล้ามาประกันว่าจะไม่มีคนที่ลักพาตัวนางโลมหนี หรือเสร็จกิจแล้วไม่ยอมจ่ายเงิน?
เพราะฉะนั้นแม้ว่าเย่หยวนจะเก่งกาจและเข้าใจในแนวคิดแห่งห้วงมิติเพียงใดเขาก็ไม่อาจพุ่งพาตัวออกไปได้ในพริบตาจากที่แห่งนี้
แต่ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้นมันก็ไม่ได้หมายความว่าเขานั้นไม่อาจใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติออกมาได้
การยกย้ายมิติมุมต่างๆ ภายในตัวตึกนี้มันไม่ได้เป็นปัญหาเลย
เจียงไห่ถังที่เดินตามเย่หยวนออกมาได้แต่มองแผ่นหลังนี้ราวกับว่าตัวเองได้ฝันไป
ยามเฝ้านับไม่ถ้วนมุ่งหน้าเข้ามาแต่สิ่งที่นางเห็นกลับเป็นเพียงแค่แสงสว่างขึ้นมาในเสี้ยวพริบตา
เหล่านภาสวรรค์ขั้นกลางทั้งหลายนั้นถูกสังหารลงด้วยดาบเดียว!
แม้แต่นภาสวรรค์หกดาวขั้นสุดก็ยังไม่อาจรอดดาบเดียวนี้ไปได้
เจียงไห่ถังนั้นเดิมทีคิดว่าเย่หยวนเป็นเพียงแค่นภาสวรรค์ห้าดาวคนหนึ่งคงไม่ได้เก่งกาจมากกว่าตัวนางมากมาย
แต่ตอนนี้นางได้รู้แล้วว่าความคิดนั้นมันผิดไปมากเพียงใด
พลังของเย่หยวนนี้มันเหนือกว่าที่นางคาดคิดจินตนาการไปมากมาย
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งเพียงใด พวกเขาทั้งหลายก็ไม่อาจรอดพ้นจากดาบเดียวนี้ไปได้
สภาพของเย่หยวนในสายตาของเจียงไห่ถังตอนนี้มันเหมือนวีรบุรุษแห่งยุคสมัย
ทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นอย่างเรียบร้อยและอยู่ในการคำนวณ ทุกสิ่งอย่างนั้นง่ายดายไม่ต้องพยายามใดๆ ราวกับว่าโลกใบนี้มันได้อยู่ในกำมือของเขาแล้ว
ในเวลานี้ดวงตาของเจียงไห่ถังจึงเกิดแสงแห่งความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
บางทีเช่นนี้พ่อของนางอาจจะรอดไปได้จริงๆ!
และไม่นานนักมันก็ไม่มีใครจะกล้าเดินเข้ามาขัดขวางอีก
เหล่ายามทั้งหลายต่างกลัวกันจนหัวหดหน้าซีดเผือด ที่ใดที่เย่หยวนเดินผ่านพวกเขาทั้งหลายย่อมจะเปิดทางกว้างด้วยความกลัวที่ว่าจะถูกเย่หยวนเข่นฆ่าสังหารลง
ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!
จนในที่สุดก็มีเงาร่างปรากฏขึ้นมาขวางทางเย่หยวนอีกครั้ง
คนที่นำหน้ามานั้นเป็นถึงนภาสวรรค์แปดดาว
ในคนทั้งสี่ที่ขึ้นมาปิดทางไว้นี้ คนที่อ่อนแอที่สุดยังเป็นถึงนภาสวรรค์เจ็ดดาว!
“หึๆๆ! ยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่ พวกเจ้ามาได้ถูกเวลาพอดี รีบจัดการฆ่าสังหาร…”
แม่เล้าคนนั้นกำลังพูดจาอย่างผู้เหนือกว่าก่อนที่จะถูกดาบแสงพุ่งทะลุร่างจนทุกสิ่งอย่างดับเงียบลง
ตอนนี้หัวและลำตัวของนางมันไม่ได้ติดต่อกันอีกต่อไปแล้ว
นภาสวรรค์แปดดาวคนนั้นเบิกตากว้างเพราะเมื่อสักครู่นี้เขาไม่ได้เห็นว่าเย่หยวนขยับตัวเลยแม้แต่น้อย!
เย่หยวนมองดูที่พวกเขาทั้งหลายและตะโกนไล่ “ไปให้พ้น!”
พูดไปเย่หยวนก็ดึงพาตัวเจียงไห่ถังเดินออกไปอีกครั้ง
เมื่อได้รับรู้เรื่องราวของเจียงไห่ถังแม้ภายนอกเย่หยวนจะยังคงดูเย็นชาไม่สนใจใดๆ แต่ภายในใจของเขานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้นอย่างร้อนแรง
ตอนนี้เขาจึงกำลังมองหาคนที่จะระบายอารมณ์ทั้งหลายนี้ออกมา
และดงปิติที่มีจวนเจ้าเมืองเป็นคนหนุนหลังนี้มันช่างเหมาะเจาะที่จะระเบิดความโกรธออกมาเสียเหลือเกิน
เมื่อเห็นท่าทางดุดันนั้นของเย่หยวนยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่ต่างถอยหลังกันไปคนละก้าวอย่างไม่ได้นัดหมาย
เย่หยวนขยับเคลื่อนอีกครั้ง พวกเขาก็ถอยหลังไปอีกครา
จนในที่สุดนภาสวรรค์แปดดาวที่นำหน้ามานั้นไม่อาจทนเห็นสภาพนี้ได้อีกต่อไปจึงตะโกนร้องสั่งขึ้น “โจมตีมัน! สังหารมันเสีย!”
นั่นทำให้ดาบสี่เล่มพุ่งลงมาพร้อมๆ กับพลังโลกทั้งสี่ก่อให้เกิดเขตแดนแปลกๆ ล้อมตัวเย่หยวนและเจียงไห่ถังไว้อย่างหนาแน่น
นี่คือท่าสังหารอย่างไม่ต้องสงสัย!
ผู้พิทักษ์ทั้งสี่นี้ดูท่าแล้วคงฝึกฝนร่วมกันมาไม่น้อยเพราะการร่วมมือของทั้งสี่นั้นดูเป็นแบบแผนอย่างมาก
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือพลังโลกที่พวกเขาปล่อยออกมานั้นมันกลับผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัวทำให้เกิดคลื่นพลังที่หนาแน่นกว่าเดิมขึ้นมามาก
“เจ้าหนุ่มคนนี้มันมาจากไหนกัน? ถึงได้มีพลังเหนือล้ำขนาดนี้!”
“ใช่ไหมเล่า? เป็นแค่นภาสวรรค์ห้าดาวคนหนึ่งแต่กลับฟันนภาสวรรค์ขั้นกลางคนอื่นๆ เสียราวกับว่าเป็นแค่เศษกระดาษ”
“แต่เขาเองก็บ้าบิ่นเกินไป ยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่นั้นมิใช่ตัวตนที่จะท้าทายเล่นๆ ได้! เมื่อพวกเขาทั้งสี่รวมพลังกันเช่นนี้แล้วแม้แต่นภาสวรรค์เก้าดาวพวกเขาก็เคยฆ่าสังหารลง! แถมยังมีท่านฝางคุนที่ไม่ได้ลงมือใดๆ เลยด้วยอีก!”
“หึๆ โกรธแค้นขนาดนี้เพื่อผู้หญิงคนเดียว ข้าล่ะชอบน้ำใจของมันจริง!”
…
พลังฝีมือที่เย่หยวนแสดงออกมานั้นมันเหนือล้ำ
แต่เมื่อต้องมาเจอกับยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่เช่นนี้แล้วพวกเขาคงไม่มีใครจะคิดเข้าข้างเย่หยวนอีก
ห่างกันหลายต่อหลายดาว ทั้งยังเป็นการต่อสู้แบบสี่ต่อหนึ่ง แถมคนทั้งสี่นั้นยังฝึกฝนร่วมกันมาอย่างดี
ไม่ว่าจะมองอย่างไรเย่หยวนก็ไม่มีโอกาสจะชนะได้เลย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น