Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1888-1891
ตอนที่ 1888 กดหัวเทพสวรรค์
เย่หยวนมองดูที่เขาลูกยักษ์ตรงหน้าด้วยจิตใจที่เย็นเยือก
ไม่มีใครเข้าใจไปได้ดีกว่าเขาว่าเขาน้อยแห่งถงเทียนนั้นมันคืออะไร
มันคือแหล่งกำเนิดเต๋า เป็นจุดต้นของยอดเต๋าแห่งถงเทียน
เย่หยวนนั้นเชื่อมต่อมันเข้ากับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ย่อมจะหมายความว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้มันมิใช่โลกใบน้อยที่แสนเปราะบางอีกต่อไป
ต่อหน้ายอดเต๋าของถงเทียนนี้ ต่อให้จะเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์แล้วมันจะทำไม?
“เจี่ยวชาง ความแค้นของเราในครานี้มีฟ้าดินเป็นพยาน! วันนี้ข้าอ่อนแอเกินกว่าที่จะสังหารเจ้าลงได้ แต่…สักวันหนึ่งข้าจะเข้าไปลากวิญญาณของเจ้าลงนรกเอง! ไปเสีย!”
เย่หยวนสะบัดมือหนึ่งครั้งก่อนจะส่งเขาลูกนั้นให้จางหายไป ก่อนจะเกิดกลุ่มเมฆสีดำพุ่งพวยขึ้นไปยังท้องฟ้า
“เด็กน้อย จักรพรรดิผู้นี้จะจำเรื่องราวในวันนี้ไว้! หลังเจ้ากลับมายังมหาพิภพถงเทียนแล้ว… เจ้าจะต้องไม่ได้ตายดีแน่!”
ปัง!
เมฆดำนั้นเปิดช่องว่างมิติขึ้นและพุ่งตัวจางหายไป
เมื่อเห็นจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางจากไปเช่นนั้นเย่หยวนก็ได้แต่มองดูมันด้วยความเสียดาย
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ได้กลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหม่แล้ว
แต่พลังฝีมือของเขายังอ่อนแอนัก!
แน่นอนว่ายอดฝีมืออาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันย่อมฆ่าไม่ตายง่ายๆ
ที่สำคัญนี่ยังเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางผู้ที่ขึ้นชื่อในเผ่าปีศาจว่าเป็นคนที่อึดถึกทนที่สุด
เมื่อต้องเจอกับยอดฝีมือประเภทนี้ เขาย่อมไม่สามารถฆ่าสังหารอีกฝ่ายลงได้
ที่สำคัญหากไม่ใช่เพราะจอมเทพนิรันดร์สร้างบาดแผลอันหนักหนาให้แก่จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางไว้ แม้ว่าเย่หยวนจะหยิบเขาน้อยแห่งถงเทียนออกมามันก็คงเป็นการยากที่จะหลบหนีความตาย
แต่หลังจากวันนี้ไปจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางเองก็คงต้องพักรักษาตัวเป็นเวลานับหมื่นๆ ปี
ฟุบ ฟุบ…
สองเงาร่างสีดำนั้นพุ่งตัวขึ้นท้องฟ้าไปคิดที่จะหลบหนีตามจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางเพื่อกลับสู่มหาพิภพถงเทียน
เย่หยวนมองดูที่เงาทั้งสองก่อนจะหัวเราะออกมา “สังหารเจี่ยวชางไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าข้าจะไม่สังหารพวกเจ้า! ในเมื่อเจ้ามาแล้วก็อยู่ที่นี่ตลอดไปเถอะ!”
แค่สะบัดมือเขาลูกยักษ์นั้นก็ปรากฏออกมาอีกครั้ง
ปัง!
สองยอดฝีมือเผ่าปีศาจนั้นถูกเขาน้อยแห่งถงเทียนกดทับอย่างไม่อาจขัดขืนจนร่างแหลกเป็นฝุ่นผงทันที
คนทั้งสองนี้คือเทพสวรรค์ขั้นต้น เทียบกับเจี่ยวชางแล้วมันย่อมเหมือนนรกกับสวรรค์
หากเย่หยวนคิดอยากสังหารเขา มันย่อมง่ายดาย
เพียงแค่ว่าในสายตาคนอื่นแล้วเรื่องมันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย
จ่าวมินและตู้หงทั้งสองมีใบหน้าที่ซีดเซียว
ตั้งแต่ที่พวกเขาขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์มาพวกเขาต่างไม่เคยพบเจอกับพลังกดดันที่มหาศาลขนาดนี้มาก่อน
“นี่มัน…เรื่องนี้…เย่หยวน เรื่องราวก่อนหน้านั้นล้วนแต่เป็นความเข้าใจผิด” จ่าวมินร้องบอกด้วยใบหน้าเหยเก
เย่หยวนหัวมองอย่างเย็นชา “ตอนนี้เจ้ากลับมาบอกว่ามันเข้าใจผิด? ระหว่างทางมาทั้งศิษย์นภาสวรรค์ของเจ้าก็คิดฆ่าสังหารข้า ผู้อาวุโสเทพถ่องแท้ของเจ้าก็คิดจัดการข้าลง แถมยังมีเจ้า เทพสวรรค์คนนี้ที่คิดขู่จะฆ่าข้า แต่ตอนนี้เจ้ากลับมีหน้ามาบอกว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน?”
จ่าวมินหน้าซีดเผือดลงทันทีก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างจนปัญญา “เจ้า…เจ้าสังหารข้าไม่ได้! ข้า…ข้าคือยอดผู้อาวุโสจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้างนะ!”
เย่หยวนหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้าง? มันคือที่ไหนกัน? เจ้าคิดว่าข้าที่กล้าท้าทายจักรพรรดิเทพสวรรค์จะมาสนใจเรื่องลบหลู่เมืองน้อยๆ ของเจ้าหรือ?”
เมื่อจ่าวมินได้ยินเขาก็หน้าเสียไปทันที
ใช่แล้ว!
เย่หยวนนั้นท้าทายตัวตนระดับจักรพรรดิเทพสวรรค์อย่างเจี่ยวชางไปแล้ว มีหรือที่เขาจะมาสนใจเรื่องอย่างยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้างนี้?
“เอาล่ะ ไม่ต้องหวังให้เหนื่อยแล้ว! พวกเจ้าห้ามไปไหนทั้งสิ้น!”
พูดจบเย่หยวนก็ชี้นิ้วออกมาทำให้ท้องฟ้าแผ่นดินเปลี่ยนสี
ตอนนี้ลายพระเจ้าหลายต่อหลายลายได้ไหลมารวมกันที่ปลายนิ้วของเขาก่อนจะพุ่งตัวออกมา
“อ่อก!”
“อ่อก!”
“อ่อก!”
จีคัง จี้ฉุน ฉูชิงทั้งหลายต่างแตกสลายกลายเป็นผง
เทพสวรรค์โหมวหยู่ที่หลบซ่อนอยู่ในจิตศักดิ์สิทธิ์ของจี้ฉุนเองก็ได้ถูกทำลายไปพร้อมๆ กับเจ้าของร่างเช่นกัน
จ่าวมินเบิกตากว้างก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปจับคว้าเล้งชิวหลิงไว้
เรื่องราวในครั้งนี้มันเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันไม่มีใครที่จะรับมือได้ทัน
เพียงแต่ว่าแม้เขาจะเร็ว แต่ก็ยังไม่เร็วเท่าเย่หยวน!
เพราะในพริบตาเดียวนี้เย่หยวนกลับเข้ามาขวางหน้าเล้งชิวหลิงไว้ก่อนแล้ว
ปัง!
เย่หยวนชี้นิ้วออกส่งร่างของจ่าวมินกระเด็นกลับออกไปอย่างไม่มีท่าทีจะต่อต้านได้
เวลานั้นเองเขายักษ์ลูกนั้นก็ตกร่วงลงมาอีกครั้ง
ตู้ม!
เหล่ายอดฝีมือเทพสวรรค์ทั้งหลายต่างถูกเย่หยวนกดหัวจนเสียชีวิตไปหลายต่อหลายคน
คนอื่นๆ ก็ได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าแม้แต่ที่จะหายใจ
ภายใต้เต๋าสวรรค์ใหม่นี้ เย่หยวนช่างแข็งแกร่งเสียเหลือเกิน!
และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือเขาลูกนั้นที่มันสามารถฆ่าสังหารเทพสวรรค์ได้เหมือนฆ่าหมูฆ่าหมา!
เมื่อจัดการเรื่องเรียบร้อยเย่หยวนก็ได้ชี้นิ้วออกไปด้านหน้าทำให้เกิดหลุมดำขึ้นมา
“พวกเจ้าทั้งหลายไปเสีย!” เย่หยวนบอก
นั่นทำให้คนทั้งหลายต่างหันมามองเย่หยวนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ตู้หงเป็นคนแรกที่กล่าวถามขึ้นมา “เจ้า…เจ้าจะปล่อยพวกเราไปจริงๆ?”
ในวินาทีนี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์มันก็ไม่ต่างจากกรงขังขนาดใหญ่ของพวกเขา
ภายในกรงนี้ไม่ว่าจะเป็นยอดคนมาจากไหนมันก็ต้องก้มหัวให้แก่เย่หยวน
หากเป็นตัวพวกเขาทั้งหลายเอง พวกเขาคงไม่มีทางปล่อยให้มีผู้รู้เห็นกลับไป
แต่เย่หยวนกลับปล่อยพวกเขาไป
เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงไม่คิดอยากเชื่อและคิดว่าเย่หยวนอาจจะกำลังวางแผนหลอกลวงอะไรสักอย่างอยู่
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่น “ก่อนข้าจะเปลี่ยนใจ รีบไปเสีย!”
ตู้หงหน้าถอดสีทันทีที่ได้ยินเขาพุ่งร่างเข้าไปยังหลุมดำนั้นอย่างไม่คิดลังเลอีก
และตามคาดว่าเย่หยวนไม่ได้คิดจะห้ามใดๆ
ด้วยการนำของตู้หง เหล่าคนทั้งหลายเองก็รู้สึกเหมือนได้ยกเขาออกจากอกรีบตามผู้นำออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ทันที
เย่หยวนหันมาถามเล้งชิวหลิง “เจ้าจะเอาอย่างไรต่อ?”
เล้งชิวหลิงหันไปมองที่กู่เทียนเฉทีหันมามองที่เย่หยวนที ก่อนจะส่ายหัวออกมา “ข้า…ข้าก็ไม่ทราบ”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไปก่อนจะหยิบหินรุ้งเจ็ดสีออกมาโยนให้แก่กู่เทียนเฉ “ผู้อาวุโสกู่ เย่หยวนนั้นได้รับการดูแลจากท่านอย่างดีมานานและไม่มีอะไรจะตอบแทนได้ ถือเสียว่าเจ้าหินรุ้งเจ็ดสีนี้เป็นของตอบแทนท่านแล้วกัน!”
กู่เทียนเฉเบิกตากว้างก่อนจะมองดูเย่หยวนด้วยความตื่นตกใจ “นี่มัน…หลายชายคงไม่ได้ล้อเล่น?”
ด้วยเจ้าหินรุ้งเจ็ดสีนี้เขามีความมั่นใจอย่างมากว่าตัวเองจะสามารถบรรลุขึ้นสู่อาณาจักรเทพสวรรค์ได้
ถึงตอนนั้นต่อให้เป็นยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้างแล้วจะทำไม?
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ผู้อาวุโสกู่ ท่านเองก็ถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เมื่อออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วท่านคงไม่มีทางกลับขึ้นเป็นเจ้าเมืองได้อีก เดิมทีต่อหน้าจี้ฉุนผู้อาวุโสกู่ท่านเองก็ได้ปกป้องข้าไว้ เจ้าหินรุ้งเจ็ดสีนี้ถือว่าเป็นคำขอบคุณจากข้า เย่หยวนคนนี้ ส่วนเรื่องของชิวหลิง นางคงไม่อาจกลับไปยังเมืองหลวงจักรพรรดิพันทะยานได้อีกแล้ว เพราะฉะนั้นจากวันนี้ไปหากนางต้องการนางคงร่วมเดินทางกับข้าไป”
เย่หยวนนั้นสังหารยอดฝีมือจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้างไปมากมาย แถมยังแสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์อย่างชัดเจนด้วย
กู่เทียนเฉและเล้งชิวหลิงนั้นเป็นสองคนที่สนิทกับเขามากที่สุด แน่นอนว่าทุกผู้คนย่อมเห็นและรับทราบดี
หากพวกเขากลับไปแล้วมันคงไม่มีเรื่องดีๆ รอคอยอยู่แน่
กู่เทียนเฉนั้นต่างจากเล้งชิวหลิง เขานั้นเพียงแค่คิดว่าเย่หยวนนั้นมาจากค่ายสำนักใหญ่จึงพยายามที่จะเอาอกเอาใจเย่หยวนก็เท่านั้น
ตอนที่ต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงหินรุ้งเจ็ดสีเย่หยวนก็ได้เห็นธาตุแท้ของกู่เทียนเฉไปแล้ว
ส่วนเรื่องของเล้งชิวหลิง เย่หยวนนั้นมองนางว่าเป็นสหายสนิทคนหนึ่งไปแล้วเรื่องราวมันย่อมแตกต่าง
กู่เทียนเฉรีบตอบกลับมา “หึๆ การที่เฒ่าคนนี้ได้หินรุ้งเจ็ดสีไปเช่นนี้เฒ่าคนนี้คงต้องเริ่มเข้าการเก็บตัวในทันทีและคงไม่มีโอกาสไปดูแลชิวหลิงอีก เช่นนั้นข้าคงต้องขอให้หลานเย่คอยดูแลศิษย์คนนี้ให้ข้าด้วย”
ในสายตาของเขานั้นเย่หยวนสนใจตัวนางเล้งชิวหลิง ทำให้เขากล้าที่จะเสียมากขนาดนี้
เล้งชิวหลิงนั้นยังคงมีใบหน้าที่เรียบเฉยแต่สายตาของนางนั้นเปี่ยมไปด้วยความผิดหวัง
เย่หยวนย่อมเข้าใจดีว่ากู่เทียนเฉกำลังคิดอะไรอยู่ในหัว แต่เย่หยวนเองก็ไม่คิดจะอธิบายอะไรให้ยืดยาว เขาทำแค่เพียงยกมือขึ้นมาคารวะ “ผู้อาวุโสกู่ ดูแลตัวเองด้วย”
ตอนที่ 1889 ผู้ตรวจการ
“เจ้าไม่ควรปล่อยพวกมันไป!”
หลังจากทุกผู้คนจากไปแล้วจอมเทพนิรันดร์ที่ใกล้จางหายไปก็ได้พูดขึ้นพร้อมถอนหายใจยาว
ที่เย่หยวนทำนั้น เขาไม่ได้คิดจะหยุด
และแน่นอนว่าถึงจะคิดอยากมันก็คงไม่มีทางหยุดได้
เย่หยวนในตอนนี้ได้แทนที่ตัวเขาอย่างสมบูรณ์แบบกลายเป็นเจ้าผู้ปกครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ไปอย่างสิ้นเชิง
สถานที่แห่งนี้มันไม่ได้เป็นของเขาอีกต่อไปแล้ว
ตอนนี้ร่างกายของจอมเทพนิรันดร์กำลังค่อยๆ แตกออกเป็นจุดแสงสลายหายไปเรื่อยๆ
ฝั่งหวู่เฉินเองก็ปรากฏร่างออกมาด้วยใบหน้าท่าทางแสนเดียวดาย
เย่หยวนหันไปมองจอมเทพนิรันดร์ “ข้านั้นทำอะไรมีขอบเขตที่ไม่คิดจะล้ำเส้น พวกเขาทั้งหลายนั้นแค่มาเพื่อหาสมบัติไม่ได้มีความแค้นใดๆ กับข้า การสังหารพวกเขาทั้งหลายลงนั้นมันผิดกับหลักการของข้า”
เมื่อได้เห็นใบหน้านั้นของเย่หยวนจอมเทพนิรันดร์ก็ได้แต่ทำหน้าหนักใจ
เขารู้ได้ทันทีว่าเย่หยวนยังคงโกรธแค้นไม่พอใจกับเรื่องที่เขาทำ
การที่เขาจะวางแผนแก้แค้นนั้นมันมิใช่ปัญหา ปัญหาคือเขาทำให้ชีวิตนับล้านๆ บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ดับสูญไป
เหล่าชีวิตทั้งหลายนี้มันไร้ค่าใดๆ ในสายตาของจอมเทพนิรันดร์ แต่กับเย่หยวนแล้วทุกชีวิตบนดินแดนนี้มันล้วนมีค่าไม่สมควรจะต้องตายเปล่าลงเช่นนี้
จอมเทพนิรันดร์ถอนหายใจยาว “เด็กน้อย ใจอ่อนๆ ของเจ้านั้นมันจะทำให้เจ้าต้องเจอเรื่องอันตรายเข้าสักวัน!”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “หากท่านทำตัวแสนโหดร้ายไม่มีจิตใจมันจะต่างจากสัตว์หน้าขนอย่างไรกันเล่า!”
“ฮ่าๆ! เป็นเด็กที่แปลกดีจริง! เด็กน้อย ข้ารู้ดีว่าเจ้านั้นไม่ชอบใจที่ข้าใช้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในการล้างแค้นครั้งนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรเสียเจ้าก็เป็นผู้สืบทอดที่สืบวิชาความรู้ข้าไป! ถึงตอนนี้เจ้าจะปฏิเสธเรื่องนั้นมันก็คงไม่ได้แล้ว!” จอมเทพนิรันดร์หัวเราะขึ้นมา
เย่หยวนไม่คิดยิ้มตอบ “หากไม่เป็นเช่นนั้นมีหรือที่ข้าจะยังยืนคุยกับท่านอยู่อย่างใจเย็นเช่นนี้?”
นั่นทำให้จอมเทพนิรันดร์แสดงใบหน้าดำมืดออกมาด้วยความไม่พอใจ “เด็กน้อย ไม่ว่าเจ้าจะยินดีหรือไม่เจ้าก็ได้สืบทอดความรู้จากจอมเทพนิรันดร์คนนี้ไป เจ้าไม่รู้จักการเคารพรับคำสั่งบ้างหรือ?”
แต่ตอนนั้นเองที่หวู่เฉินที่ยืนเงียบมาตลอดกลับพูดขึ้นมาแทรก “แท้จริงแล้ว… จะเรียกเย่หยวนว่าเป็นคนที่สืบทอดความรู้วิชาของท่านได้ไหมนั้นมันก็พูดยาก เพราะเขานั้นได้ไข่มุกสยบวิญญาณและศิลาจารึกบัลลังก์พิภพไปจากท่านจริงๆ แต่สมบัติทั้งสองอย่างนี้ท่านเองก็เป็นคนทิ้งขว้างมันเองกับมือ ส่วนเรื่องวรยุทธบ่มเพาะและวิชาฝีมือของเขานั้น เย่หยวนได้มันมาจากเขาน้อยแห่งถงเทียนทั้งสิ้นไม่ได้สืบทอดวิชาใดๆ จากท่านเลย”
นั้นทำให้จอมเทพนิรันดร์เบิกตากว้าง “เขา… ไม่ได้บ่มเพาะวรยุทธที่จอมเทพนิรันดร์ผู้นี้เหลือทิ้งไว้หรือ?”
หวู่เฉินส่ายหัวออกมา “เป้าหมายของเขานั้นสูงกว่าของท่าน พลังความรู้ของเขาเองก็เช่นกัน! วรยุทธบ่มเพาะที่เย่หยวนสร้างขึ้นมานี้มันจะต้องสั่นสะท้านทั้งมหาพิภพถงเทียนในวันหน้า!”
ใบหน้าของจอมเทพนิรันดร์แข็งค้างไปพร้อมนึกย้อนไปถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้
เขานั้นเป็นผู้มากพรสวรรค์ หากไม่เจอเหตุร้ายเสียก่อนเขาน่าจะขึ้นไปถึงอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้ไม่ยากในวันหน้า
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็ยังไม่ได้รับการยอมรับจากเขาน้อยแห่งถงเทียน
แต่ตอนนี้เย่หยวนกลับสามารถหลอมเขาน้อยแห่งถงเทียนได้ กลายเป็นเจ้านายที่แท้จริงของมัน
จอมเทพนิรันดร์นั้นเข้าใจหวู่เฉินได้ทันที เขานั้นไม่ได้กล่าวพูดเรื่องราวทั้งหลายนี้ออกมาด้วยความเกลียดชังใดๆ เขาแค่เห็นค่าของเย่หยวนมากขนาดนั้น
และหากมันเป็นไปอย่างที่หวู่เฉินบอกจริงๆ เช่นนั้นเย่หยวนก็อาจจะก้าวขึ้นไปได้เหนือล้ำกว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์เสียอีก?
เรื่องนั้นมัน…จะไม่ฟังดูเหลือเชื่อเกินไปหน่อยหรือ?
และราวกับว่าเขามองออกว่าจอมเทพนิรันดร์กำลังคิดอะไรอยู่ในหัวเย่หยวนจึงพูดขึ้นด้วยใบหน้าไม่พอใจ “เรื่องทั้งหลายบนโลกนี้มันล้วนไม่เกี่ยวข้องกับท่านอีกต่อไป ไปสู่สุคติเถอะ!”
จอมเทพนิรันดร์นั้นถึงขั้นใช้พลังจากวิญญาณที่เขาชุบเลี้ยงมากว่าล้านปีเพื่อการล้างแค้นในวันนี้และยังคิดใช้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดนี้ให้ตกไปสู่ความหายนะ
หากไม่เห็นแก่เรื่องที่ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้จอมเทพนิรันดร์เป็นผู้สร้างมันขึ้นมาเย่หยวนคงไม่มีทางปล่อยให้เขาได้ไหลไปตามวัฏสงสารเช่นนี้แน่
มุมมองของคนแต่ละคนมันก็แตกต่างกันไปอย่างมากมาย
แม้ว่าจอมเทพนิรันดร์นั้นจะมอบอะไรมากมายให้แก่เย่หยวน แต่ตอนนี้เย่หยวนก็แทบจะหมดความอดทนแล้ว
เขาและจอมเทพนิรันดร์นั้นได้มีศัตรูคนเดียวกัน การสังหารเจี่ยวชางให้มันก็ถือว่าเป็นการตอบแทนบุณคุณที่เหลือน้อยนิดนั้นมากพอแล้ว
จอมเทพนิรันดร์ย่อมเข้าใจเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นตามมาจากนี้เขาจึงค่อยๆ สลายหายไปอย่างวางใจ
เมื่อแสงนั้นจากหายไป โลกใบนี้มันก็ไม่มีจอมเทพนิรันดร์อยู่อีกต่อไปแล้ว
ตอนนี้ยอดฝีมือที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างชื่อก้องมหาพิภพถงเทียนตอนนี้ได้จากไปอย่างไม่มีทางกลับ
เย่หยวนมองดูที่จุดแสงที่ค่อยๆ จางหายไปเหล่านั้นด้วยจิตใจที่แสนสุดสับสน
ไม่ไกลออกมาคุนหวู่เองก็กำลังยืนนิ่งด้วยใบหน้าที่เปี่ยมอารมณ์
เด็กหนุ่มที่ฝืนบรรลุอาณาจักรของตนขึ้นมาเมื่อคราวก่อนนั้นได้เติบใหญ่คนค้ำจุนโลก!
ตอนนี้แค่เขาขยับมือครั้งเดียวแม้จะเป็นเทพสวรรค์ก็ยังไม่อาจรอดพ้นไปได้ มันช่างเป็นเรื่องที่เหนือกว่าจะเชื่อได้
“เย่หยวน ให้เขาติดตามเจ้าไปเถอะ เฒ่าคนนี้เองก็ติดค้างจอมเทพนิรันดร์ไว้มาก เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องช่วยแผนการนี้” หวู่เฉินบอก
เขาย่อมรู้ดีว่าเย่หยวนคิดอะไร เพราะคุนหวู่นั้นนับได้ว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับจอมเทพนิรันดร์
เย่หยวนพยักหน้าออกมาพร้อมมองไปทางคุนหวู่ “ผู้อาวุโสท่านเคยช่วยมารดาข้าไว้ แถมยังดูแลข้าอย่างดี หากท่านต้องการท่านก็สามารถติดตามข้าไปได้ แต่ท่านจะออกเดินทางไปกับข้าหรือไม่นั้นมันก็เป็นเรื่องที่ท่านสามารถเลือกได้เอง”
คุนหวู่ถอนหายใจยาวออกมา “ข้าขออยู่ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็แล้วกัน”
เย่หยวนพยักหน้ารับและไม่คิดจะสาวเรื่องให้ยืดยาวต่อ
…
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นมีเรื่องราวนับหมื่นพันให้ต้องจัดการหลังศึก เย่หยวนจึงได้ไปสั่งการพวกฟางเทียนทั้งหลายก่อนจะพาเล้งชิวหลิงกลับมายังประตูปิดโลก
เรื่องของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้เย่หยวนไม่ได้คิดกังวลอีกต่อไปแล้ว
ตราบเท่าที่มันมิใช่จักรพรรดิเทพสวรรค์ที่บุกเข้ามา เขาก็สามารถจัดการทุกอย่างได้ด้วยฝ่ามือเดียว
และแน่นอนว่ายิ่งเมื่อพลังบ่มเพาะของเขาเพิ่มพูนขึ้น ถึงเวลานั้นต่อให้เป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ก็คงจัดการได้ไม่ยากเย็น
ตอนนี้เขาจึงไม่เกรงกลัวเลยว่าจะมีใครเข้ามาก่อเรื่องในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้อีก
เพราะสุดท้ายแล้วมันก็เป็นแค่โลกใบน้อยไม่มีค่าอะไรในสายตาพวกเขาทั้งหลาย
เมื่อนึกขึ้นมาถึงเรื่องราวเสี่ยงตายตอนที่ขึ้นไปครั้งแรกในคราวนั้นและได้เหลียงหวานหรูช่วยไว้มันก็ทำให้เย่หยวนรู้สึกราวกับว่ามันเป็นเรื่องราวอันแสนนานโพ้นในอดีตราวกับว่ามันเกิดขึ้นเมื่อชาติปางก่อน
“ไม่รู้เลยว่าหวานหรูและเจ้าอ้วนเป็นอย่างไรบ้าง” เย่หยวนพูดขึ้นด้วยอารมณ์สุดแสนคิดถึง
หลังจบเรื่องราวในคราวนั้นเหลียงหวานหรูและเซี่ยะจิ้งอวี๋ได้เดินทางไปอยู่ยังดินแดนภายใต้จักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปาภายใต้คำสั่งของเซียวเฟิง
หลายปีผ่านมานี้เขาไม่ได้ยินข่าวคราวของทั้งคู่เลย
ตอนนี้ความทรงจำเก่าๆ ของเย่หยวนในสถานที่เดิมๆ ที่คุ้นเคยเริ่มกลับย้อนขึ้นมาในหัวอีกครั้งทำให้เขารู้สึกคิดถึงมันขึ้นมาจับใจ
“พี่ใหญ่ หากท่านอยากพบเจอพวกเขาก็ไปพบเสียสิ” อิ้งหมัวหู่พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
เย่หยวนพยักหน้าออกมา “เวลาหลายปีมานี้ข้าวุ่นวายกับการตามหาตัวพวกเจ้าอย่างมากจนไม่มีเวลาไปเจอพวกเขา หลังจากหาตัวลู่เอ๋อและลี่เอ๋อเจอเมื่อใดข้าก็คิดว่าจะเดินทางไปยังดินแดนหมื่นสมบัติอยู่”
สถานที่แห่งนี้มันนับว่าอยู่ไม่ไกลจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์สักเท่าใด เย่หยวนจึงพาทุกผู้คนเดินทางมาถึงเมืองจักรพรรดิได้ในไม่ช้า
ตอนนั้นที่เขาจากเมืองจักรรพรรดิอินทรีสวรรค์ไปตามหาพวกอิ้งหมัวหู่ และนับจากวันนั้นมันก็ผ่านมาได้นับร้อยๆ ปีแล้ว
เมื่อกลับมาถึงเมืองเย่หยวนก็รู้สึกได้ถึงคลื่นแห่งความคิดถึงที่สาดซัดในจิตใจ
แต่สภาพของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นมันเต็มไปด้วยธงหลากสีประดับประดา ถนนของเมืองเต็มไปด้วยขนนกสีขาวปูไปทั่วจนถึงทางออกเมือง
ตอนนี้เหล่ายอดฝีมือมากมายกำลังยืนเรียงกันอยู่ที่นอกประตูเมืองด้วยท่าทางเป็นการเป็นงาน
“นายใหญ่ หรือว่าท่านเจ้าเมืองจะรู้ล่วงหน้าว่าท่านจะกลับมาจึงได้ออกมาต้อนรับกัน?” หนิงเทียนปิงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
เย่หยวนจึงตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “หากเขามีพลังเช่นนั้นข้าคงไม่ต้องลำบากเดินทางไปถึงเมืองจักรพรรดิเลิศประกายหรอก!”
“หึๆ ก็ใช่ สงสัยเหลือเกินว่าใครกันนะที่ทำให้ทั้งเมืองต้องต้อนรับถึงขนาดนี้ ช่างทำให้เสียอารมณ์จริงๆ!” หนิงเทียนปิงบอก
เย่หยวนหันไปมองที่มุมหนึ่งด้วยรอยยิ้ม “ดูสิ นั่นไม่ใช่รึไง?”
หนิงเทียนปิงหันไปมองตามและไม่นานก็ได้เห็นรถม้าคันหนึ่งเลื่อนไหลลงมาจากท้องฟ้า
รถม้าเทวะนี้มันเจิดจ้าอย่างมาคลื่นพลังที่มันปล่อยออกมานั้นทำเอาผู้คนแทบลืมหายใจ แท้จริงแล้วมันเป็นถึงสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำ!
เจ้ารถม้าเทวะนั้นเลื่อนตัวลงมาจอดบนพื้นดินก่อนจะเผยให้เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินลงมา
โซชูเจียเดินขึ้นหน้ามาพร้อมๆ กับเหล่ายอดฝีมือนภาสวรรค์ทั้งหลายที่ก้มหัวลง “ข้าน้อยโซชูเจีย ผู้นำอินทรีสวรรค์ขอน้อมคารวะท่านผู้ตรวจการ!”
ชายหนุ่มคนนั้นมีใบหน้าหยิ่งยโสดวงตาแฝงความดูถูก เขาไม่คิดสนใจพวกโซชูเจียและพวกก่อนจะเดินเข้าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ทันที
โซชูเจียกำลังขยับเท้าคิดจะลุกเดินตามแต่ชายหนุ่มคนนั้นกลับขมวดคิ้วแน่นตวาดขึ้น “ข้าอนุญาตให้พวกเจ้าลุกแล้วหรือ?”
ตอนที่ 1890 หากชักช้าเพียงน้อยมันได้ต...
“โม่ซิน!”
ฟุบ!
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่เดินตามหลังชายหนุ่มเข้ามาเตะอกโซชูเจียอย่างแรง
โซชูเจียกระอักเลือดคำโตออกมาพร้อมเสียงไอ ร่างของเขาลอยลิ่วกลับไปไกล
ผู้ติดตามคนนี้มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรนภาสวรรค์ห้าดาว มาจัดการกับนภาสวรรค์สองดาวอย่างโซชูเจียนั้นมันแสนที่จะง่ายดาย
ไม่ไกลออกไปเย่หยวนที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น
เมื่อสักครู่นี้โซชูเจียและคนอื่นๆ เรียกชายหนุ่มคนนี้ว่าท่านผู้ตรวจการ
หรือว่าเจียงยู่ถังจะไม่ได้รับตำแหน่งนี้แล้ว?
เย่หยวนรู้ดีว่าตำแหน่งผู้ตรวจการนั้นมันสำคัญกับเหล่าเมืองจักรพรรดิทั้งหลายเพียงใด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสิบเมืองสันเขาใต้นี้มันเป็นโอกาสที่สุดแสนหาได้ยาก
หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ใดๆ เกิดขึ้นตำแหน่งนั้นมันก็คงไม่มีทางเปลี่ยนมือได้ง่ายๆ
ที่สำคัญชายหนุ่มคนนี้ยังพาผู้ติดตามอาณาจักรนภาสวรรค์ขั้นกลางมาด้วย หากให้พูดแล้วเขาเองก็น่าจะเป็นคนใหญ่คนโตของเมืองหลวงจักรพรรดิผู้หนึ่ง เหตุใดถึงได้กลายมาเป็นผู้ตรวจการของสิบเมืองสันเขาใต้กัน?
“ท่านผู้ตรวจการ ท่านทำเกินไปแล้ว!”
การกระทำของชายหนุ่มมันทำให้เล่งหยูไม่พอใจอย่างมาก
ตอนนี้เขาจึงลุกขึ้นมาพูดบอกถามหาความถูกต้อง
ชายหนุ่มมองดูและหัวเราะเย้ยออกมา “เกินไป? เจ้าพวกบ้านนอกไม่รู้จักมารยาท ในเมื่อพวกเจ้าทั้งหลายไม่รู้ ข้าผู้นี้ก็จะสั่งสอนให้เอง! โม่ซิน คนผู้นี้มันลบหลู่ข้า สังหารมัน!”
เคร้ง!
ดาบยาวถูกชักออกมาทันทีที่มีคำสั่งก่อนจะพุ่งแทงเข้ามาหาหัวใจของเล่งหยู
ไม่มีใครคาดคิดว่าผู้ตรวจการคนนี้มันจะช่างโหดร้ายถึงปานนี้ แค่พูดขัดไม่กี่คำก็จะถูกสังหารลงเสียแล้ว
เพียงแค่ว่าต่อหน้านภาสวรรค์ห้าดาวเช่นนี้เล่งหยูที่เป็นเพียงแค่นภาสวรรค์หนึ่งดาวย่อมไม่มีทางใดที่จะขัดขืนได้เลย
เล่งหยูเบิกตากว้างอย่างไม่ทันที่จะยกมือขึ้นมาปัดป้องใดๆ ได้แต่มองดูปลายดาบนั้นพุ่งแทงเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้เหล่าผู้คนรอบๆ ต่างกรีดร้องขึ้นมาอย่างหวาดกลัวเพราะภาพการตายของเล่งหยูที่จะเกิดขึ้นต่อหน้านี้
แต่ในเวลานั้นเองที่มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมาขวางหน้าเล่งหยูไว้
เขาขยับเพียงแค่สองนิ้วก็ซัดดาบในมือโม่ซินจนลอยปลิวไปได้
โม่ซินเบิกตามองดูชายหนุ่มหน้าตาไม่คุ้นเคยตรงหน้าด้วยความตื่นตะลึง
“เย่หยวน! เจ้า…เจ้ากลับมาแล้ว?”
“เย่หยวน! เป็นเย่หยวนจริงๆ!”
“ผู้อาวุโสใหญ่กลับมาแล้ว!”
…
เมื่อเหล่ายอดฝีมือที่นั่งก้มอยู่ทั้งหลายได้เห็นใบหน้านี้พวกเขาก็แสดงสีหน้าท่าทางตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที
ตำนานผู้นี้ได้หายตัวไปนานหลายร้อยปีแล้ว
ไม่มีใครทราบได้ว่าเขาจากไปที่ไหน แต่ตำนานของเขานั้นมันก็ยังคงอยู่ในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เสมอมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่ผู้ตรวจการคนใหม่มาถึงและคิดจะสังหารผู้คน การกลับมาของเย่หยวนในครั้งนี้มันจึงยิ่งดูอลังการเสียยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
หลายร้อยปีนั้นมันไม่ได้เป็นเวลาที่ยาวนานสำหรับนักยุทธอาณาจักรพระเจ้าทั้งหลาย มันเป็นเวลาเพียงชั่วอึดใจ
โซชูเจียและพวกต่างหันมามองเย่หยวนด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อภาพตรงหน้า
เพราะในเวลาแค่ห้าหกร้อยปีมานี้เย่หยวนกลับสามารถบรรลุขึ้นมาถึงอาณาจักรนภาสวรรค์ห้าดาวได้!
ตอนที่เย่หยวนเชื่อมเขาน้อยแห่งถงเทียนเข้ากับดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นเย่หยวนได้รับปราณเทวะจากทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์เข้ามาอยู่ในกายทำให้เขาสามารถบรรลุขึ้นสู่อาณาจักรลายพระเจ้าห้าดาวได้ทันที!
เรื่องเช่นนี้มันอยู่เหนือกว่าที่ใครจะคาดคิด!
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียเรื่องที่ว่าเย่หยวนติดหล่มอยู่ที่ยอดอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าถึงสามร้อยปีมันก็ยังคงไม่เลือนหายไป
แต่อาณาจักรนภาสวรรค์มันน่าจะยิ่งยากเย็นกว่าอาณาจักรราชันพระเจ้ามิใช่หรือ?
“เย่หยวน เจ้ากลับมาแล้ว!” เล่งหยูมองดูเย่หยวนด้วยใบหน้าตื่นเต้นและดีใจ
เย่หยวนเองก็หันไปมองที่เล่งหยูด้วยรอยยิ้ม “พี่เล่ง ไม่ได้เจอกันเสียนาน!”
เมื่อมองผ่านไปเขาก็เห็นทั้งซวนอี้ เล่งหยู โซชูเจีย เหอชงรวมไปถึงหนิงจื่อหยวนและพวกอยู่กันพร้อมหน้า
เมื่อได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยเย่หยวนก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจ
คนทั้งหลายเหล่านี้เมื่อได้เห็นเย่หยวนพวกเขาก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมา
ตั้งแต่ที่เย่หยวนสร้างยอดฝีมือนภาสวรรค์สี่คนขึ้นมาเขาก็ได้รับตำแหน่งที่เหนือล้ำในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นี้ไปแล้ว
คนทั้งหลายที่เคยมีเรื่องไม่พอใจใดๆ กับเขาต่างก็มุดหน้าหัวหดไม่กล้าต่อต้านเขาอีก
เย่หยวนปกครองทั้งชื่อเสียงและอำนาจในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ ที่แห่งนี้มันก็เป็นเหมือนบ้านอีกหลังของเขา
แต่ตอนนี้ชายหนุ่มคนนี้กลับคิดมาวางท่าสังหารคนตั้งแต่เจอหน้า แน่นอนว่ามันย่อมทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก
ชายหนุ่มคนนั้นขมวดคิ้วแน่น “เด็กน้อย เจ้าเป็นใคร? คนที่หวู่เทียนผู้นี้คิดสังหารเจ้ากลับกล้าช่วยมัน?”
ที่แท้ผู้ตรวจการคนใหม่นี้มีนามว่าหวู่เทียน
หวู่เทียนนั้นเป็นนภาสวรรค์หกดาว แน่นอนว่าเขาต้องมีพลังฝีมือที่ไม่ธรรมดา
แม้ว่าเย่หยวนจะปรากฏตัวออกมา เขาก็ไม่ได้ตื่นตกใจใดๆ แม้แต่น้อย
นอกจากนั้นหนึ่งในผู้ติดตามของเขายังเป็นถึงยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์แปดดาวด้วย
เย่หยวนไม่คิดหันไปมองหวู่เทียนและบอกแก่ทุกคน “ลุกขึ้นเถอะ”
ด้วยคำสั่งนี้ของเย่หยวนคนทั้งหลายก็คิดน้อมรับและยันตัวลุกขึ้น
นั่นทำให้หวู่เทียนหรี่ตาลงมองด้วยความดุร้าย “หากไม่มีคำสั่งข้า พวกเจ้าทั้งหลายห้ามลุก! อย่าได้ลืมไปเสียว่าข้านั้นคือผู้ตรวจการคนใหม่ของเมืองนี้! แล้วก็เด็กน้อยผู้นี้ ข้าพูดกับเจ้าอยู่ หูเจ้าตึงหรือ?”
นั่นทำให้ทุกผู้คนหน้าถอดสีและคุกเข่าลงนั่งอีกครั้งทันที
เพราะอำนาจของผู้ตรวจการนั้นสุดแสนจะยิ่งใหญ่ ความเป็นความตายนั้นขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเขาล้วนๆ
การท้าทายผู้ตรวจการนั้นมันย่อมไม่เกิดผลดีใดๆ อย่างแน่นอน
เย่หยวนยังคงเมินเฉยต่อหวู่เทียนและยกแขนขึ้นมาหนึ่งข้างพร้อมปล่อยปราณเทวะอันมหาศาลของเขาออกมา
นั่นทำให้เหล่ายอดฝีมือนภาสวรรค์ทั้งหลายต้องลุกขึ้นยืนอย่างไม่เต็มใจนัก
“หากมีปัญหาใดข้าจะรับไว้เอง!” เย่หยวนบอก
หวู่เทียนหัวเราะขึ้น “เจ้าจะรับไว้เอง? เจ้าน่ะหรือ? ทีนี้เจ้าลองลงไปคุกเข่าเสียบ้าง!”
หวู่เทียนเข้ามาโจมตีฟาดฝ่ามือลงใส่เย่หยวนอย่างไม่คิดจะพูดเจรจาใดๆ ต่ออีก
ฝ่ามือนี้มันสุดแสนจะรวดเร็ว ไม่ได้ต่างอะไรกับการลอบโจมตี
พลังโลกของนภาสวรรค์หกดาวหลั่งไหลออกมาทำให้สีหน้าของพวกโซชูเจียทั้งหลายถอดสีทันที
นภาสวรรค์หกดาวนั้นช่างแข็งแกร่งแตกต่างจากพวกเขาสิ้นเชิง
“เย่หยวนระวัง!” เล่งหยูตะโกนบอก
แม้ว่าตอนที่เย่หยวนอยู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าเขาจะสามารถข้ามขั้นต่อสู้ได้อย่างไม่ยากเย็นแต่อาณาจักรนภาสวรรค์นั้นมันแตกต่างจากอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าอย่างไม่อาจเทียบเคียงได้
หนึ่งดาวที่เหนือกว่ามันหมายถึงความตายอย่างไม่อาจเลี่ยง!
แต่ทว่าเย่หยวนกลับแค่หัวเราะออกมาพร้อมยื่นนิ้วกลับไปอย่างรวดเร็ว
“อ้า!”
เสียงร้องดังขึ้นมา เป็นฝ่ายเย่หยวนที่กลับสามารถบีบคอของหวู่เทียนไว้ได้แทน
“แข็งแกร่ง!”
“ไม่นึกเลยว่าแม้จะขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์ไปแล้วเย่หยวนก็ยังสามารถข้ามระดับต่อสู้ได้เช่นนี้!”
“ปัญหาแล้วสิ! ไปลบหลู่ท่านผู้ตรวจการเช่นนี้ เราจบสิ้นแน่!”
…
จัดการศัตรูลงด้วยกระบวนท่าเดียว โซชูเจียและพวกต่างตกตะลึงอย่างมาก
แน่นอนว่านอกจากความตกตะลึงแล้วพวกเขาก็ยังมีความกังวลด้วย
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียตำแหน่งผู้ตรวจการนั้นมันก็เหนือกว่าเมืองจักรพรรดิใดๆ!
สีหน้าของผู้อาวุโสที่ติดตามหวู่เทียนมาเปลี่ยนสีเขาถึงคิดจะลงมือตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว
ชายแก่ร้องขู่ขึ้น “เด็กน้อย ปล่อยนายน้อยเทียนเสีย! ผลที่ตามมาจากการทำร้ายเขามันมิใช่สิ่งที่เจ้าจะรับไว้ได้หรอกนะ!”
เย่หยวนมองดูชายแก่และถามขึ้น “ข้าจะถาม เจ้าตอบมา! หากชักช้าเพียงน้อยมันได้ตายแน่!”
ชายแก่หน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง เขานั้นไม่คิดเชื่อว่าเย่หยวนจะกล้าลงมือจริงๆ
เมื่อได้เห็นชายแก่ไม่ยอมตอบกลับมาเย่หยวนก็เพิ่มแรงบีบที่คอมากขึ้น
“แค่ก แค่ก แค่ก!”
หวู่เทียนไอออกมา
“ความอดทนของข้ามีขีดจำกัด!” เย่หยวนร้องบอก
ชายแก่หน้าเปลี่ยนสีและบอกขึ้น “เจ้าถามมา!”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “เจียงยู่ถังไปอยู่ที่ไหนแล้ว?”
ชายแก่ไม่คิดลังเลและตอบกลับมาทันที “เขาได้ทำผิดกฎเมืองหลวงจักรพรรดิและถูกโยนเข้าคุกรอความตายไปแล้ว!”
เย่หยวนได้แต่ขมวดคิ้วแน่นก่อนจะถามขึ้นอีกครั้ง “พวกเจ้าเป็นใคร? เหตุใดถึงได้อยากมาตรวจการสืบเมืองสันเขาใต้นัก?”
ตอนที่ 1891 ไม่รู้จักรักษาโอกาส
ชายแก่คนนั้นย่อมรู้ดีว่าที่เย่หยวนถามนั่นมิใช่เหตุผลของเขา แต่เป็นเหตุผลของหวู่เทียน
เขานั้นเป็นแค่คนรับใช้ผู้หนึ่ง แม้ว่าจะมีพลังบ่มเพาะที่สูงส่งกว่าแต่สถานะนั้นแตกต่างจากหวู่เทียนอย่างสิ้นเชิง
“นายน้อยเทียนนั้นเป็นศิษย์จากหอยอดดอกแห่งเมืองหลวงจักรพรรดิเก้า อาจารย์ของเขานั้นคือปรมาจารย์แห่งหอยอดดอก…”
ชายแก่ยังพูดไม่ทันจบเย่หยวนก็ขัดขึ้น “ดูท่าคำเตือนของข้ามันจะไม่เข้าหูเจ้าสินะ!”
“อ้าก!”
เสียงกรีดร้องดังลั่นออกมาจากปากของหวู่เทียน
ตอนนี้ขาของเขาถูกเย่หยวนหักลงเป็นที่เรียบร้อย
ชายแก่หน้าถอดสีทันที เขานั้นพยายามพูดเรื่องอาจารย์ของหวู่เทียนขึ้นมาเพื่อข่มขู่เย่หยวนให้เกรงกลัว
แต่ใครจะไปรู้ว่าแทนที่อีกฝ่ายจะยอมแพ้ มันกลับกลายเป็นทำให้เขาลงมือจัดการหวู่เทียน
หวู่เทียนนั้นบาดเจ็บจนเหงื่อไหลท่วมกายแต่พลังจับของเย่หยวนนั้นมันก็ยังคงหนักแน่นรุนแรงไม่มีทางหลุดรอดไปได้
มีหรือที่ชายแก่จะยังมีความกล้าเปลี่ยนเรื่องใดๆ อีก? ตอนนี้เขาได้แต่ตอบกลับมา “นายน้อยเทียนนั้น…เขาชอบใจสาวนางหนึ่งจากเมืองจักรพรรดิหยกเมฆาเพราะฉะนั้นเขาจึง…ได้อยากจะได้ตำแหน่งผู้ตรวจการนี้”
เย่หยวนขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยิน “หากมันแค่มาเพื่อเป็นผู้ตรวจการ ทำไมเจียงยู่ถังถึงถูกจับเข้าคุกไป?”
ชายแก่ตอบ “เพราะ…มันไม่รู้จักถอย”
เมื่อเย่หยวนได้ยินเช่นนั้นใบหน้าของเขาก็เย็นชาลงทันที “เจียงยู่ถังไม่ยอมยกตำแหน่งผู้ตรวจการให้พวกเจ้า พวกเจ้าทั้งหลายจึงได้วางแผนร้ายใส่ร้ายเขาทำให้เขาต้องรับโทษตาย เช่นนั้นใช่ไหม?”
ชายแก่เงียบลงไปทันที ดูท่าเย่หยวนคงคาดเดาได้ถูกแล้ว
เย่หยวนยิ้มออกมา “ดีมาก เช่นนั้นพวกเจ้าก็ตายตกไปตามกันเถอะ!”
พูดจบเย่หยวนก็ลงมือคิดสังหารหวู่เทียนทันที
หวู่เทียนและชายแก่หน้าถอดสีทันที ไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนจะกล้าสังหารผู้คนลงทั้งที่รู้เบื้องหลังเช่นนี้
แต่เป็นโซชูเจียก็พูดขึ้นมาแทน “เย่หยวน อย่า!”
นั่นทำให้เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นก่อนจะยั้งมือไว้
โซชูเจียพยายามเดินเข้ามาหาเย่หยวนด้วยสีหน้าซีดเผือด “ผู้ตรวจการหวู่เทียนนั้นมีเทพถ่องแท้เป็นอาจารย์ แถมชื่อเสียงตระกูลหวู่ในเมืองเมืองหลวงจักรพรรดิเก้ามั่นเองก็ยิ่งใหญ่ไม่น้อย สังหารเขาลงไปเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์คงได้ราบเป็นหน้ากลองแน่!”
เหงื่อเม็ดใหญ่หยดไหลลงมาจากใบหน้าของหวู่เทียนแต่เขาก็ยังกัดฟันตอบกลับมา “ใช่ๆ! ข้าจะตายไม่ได้! หากข้าตายไปทั้งหอยอดดอกต้องออกมาแน่! ตราบ…ตราบเท่าที่เจ้าปล่อยข้าไป เรื่องในวันนี้…ข้าจะถือว่ามันไม่ได้เกิดขึ้น”
เย่หยวนหรี่ตาลงก่อนจะปล่อยกำลังออกจากนิ้ว
เขานั้นสามารถทำตัวดุร้ายไม่สนใจใครแค่ไหนก็ได้ตอนที่เขาเดินทาง แต่ตอนนี้มันมีชื่อเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย มันย่อมทำให้ผู้คนทั้งหลายรู้สึกกังวลไม่สบายใจขึ้น
เมื่อเย่หยวนปล่อยแรงหวู่เทียนก็รีบพุ่งตัวหนีออกไปราวสายฟ้า กำลังของเย่หยวนนี้มันช่างน่ากลัวจนถึงที่สุด
“หวู่หยุน สังหารมันให้ข้า! แล้วพวกที่เหลือนั้นก็ด้วย!” หวู่เทียนสั่งออกมำพร้อมชี้ไปยังพวกโซชูเจีย หนิงจื่อหยวนคนทั้งหลายที่ยืนอยู่หลังเย่หยวนด้วยความโกรธแค้น
ใบหน้านั้นของโซชูเจียและพวกต่างซีดเผือดลงทันทีที่ได้ยิน เขาไม่คิดไม่ฝันว่าหวู่เทียนจะกล้าหันกลับมาทำร้ายอย่างรวดเร็วปานนี้
หากไม่ใช่เพราะพวกเขาทั้งหลายร้องขอ เย่หยวนคงได้สังหารหวู่เทียนไปแล้วแท้ๆ แต่ในพริบตาหวู่เทียนกลับสั่งการสังหารพวกเขาทิ้ง
นภาสวรรค์แปดดาวอย่างหวู่หยุน จะมีใครสามารถต้านทานเขาไว้ได้?
“หึ! เจ้าพวกคนโง่เง่ากล้ามาทำร้ายนายน้อยหวู่เทียน! วันนี้ข้าจะให้พวกเจ้าไม่ได้ตายดี!”
เมื่อพลังของนภาสวรรค์แปดดาวถูกปลดปล่อยออกมาสีหน้าของทุกผู้คนมันก็เปลี่ยนไปทันที
พลังโลกอันแสนน่าเกรงกลัวนี้มันทำให้พวกโซชูเจียสิ้นหวังในทันที
“ท่านผู้ตรวจการหวู่ เรื่องนี้… มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันทั้งสิ้น! หวังว่าท่านผู้ตรวจการจะไว้ชีวิตแสดงความเมตตาปล่อยเย่หยวนไป! เรื่องใดที่เขาล่วงเกินท่านไปโซชูเจียผู้นี้จะขอรับผิดไว้เอง!” โซชูเจียกล่าวขึ้น
หวู่เทียนหัวเราะลั่นออกมา “เด็กคนนี้มันกล้าหักขาผู้ตรวจการคนนี้ มันทำความผิดใหญ่หลวงแล้ว! แล้วคนอย่างเจ้า แค่นักยุทธนภาสวรรค์สองดาวคนหนึ่งจะเอาปัญหาที่ไหนมาชดใช้? วันนี้พวกเจ้าทั้งหลายต้องตาย!”
เย่หยวนหรี่ตาลงมองใบหน้าของหวู่เทียน “ข้าได้ให้โอกาสเจ้าไปแล้ว มันเป็นเจ้าเองนะที่ไม่รู้จักรักษา”
“ฮ่าๆ! โอกาส? เด็กน้อยหากเจ้าไม่ได้ลอบโจมตีข้าผู้นี้มีหรือที่ข้าผู้นี้จะพ่ายแพ้แก่เจ้า? เมื่อข้ามีหวู่หยุนอยู่ด้วยแล้วเจ้ายังคิดว่าตัวเองเก่งกาจล้ำฟ้าอีกหรือ? จัดการมัน!” หวู่เทียนหัวเราะขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งเหมือนได้ฟังเรื่องตลก
ในพริบตาเดียวคลื่นดาบอันเย็นเยือกก็ได้เคลื่อนมาถึงตัวเย่หยวน
นี่คือพลังอันเหนือล้ำจนน่าตะลึงของนภาสวรรค์แปดดาว
ตอนนี้เหล่าโซชูเจียและพวกต่างยืนอยู่หลังเย่หยวน หากเย่หยวนคิดหลบดาบนี้พวกโซชูเจียทั้งหลายย่อมต้องถูกสังหารฆ่าลงอย่างแน่นอน
หวู่หยุนคนนี้ดูจะมีประสบการณ์ต่อสู้อย่างมากมายแค่การโจมตีเดียวมันก็แสดงถึงประสบการณ์ที่เหนือล้ำได้
ดาบนี้มันบังคับให้เย่หยวนต้องรับไว้เท่านั้น
เย่หยวนเองก็โกรธจนหน้าดำก่อนจะชักดาบฝ่าน้ำค้างแข็งออกมาทันที
ปัง!
เสียงระเบิดดังขึ้นระหว่างคนทั้งสอง คลื่นพลังอันแสนรุนแรงนี้มันส่งให้พวกโซชูเจียทั้งหลายลอยปลิวไปทันที
“พวกเจ้าถอยไป!” เย่หยวนร้องบอก
ดูท่าตอนนี้เขาคงโกรธจัดจริงๆ
หวู่หยุนได้แต่เบิกตากว้างมองตรงหน้าด้วยความตื่นตกใจ “ผสานแนวคิด! แนวคิดแห่งห้วงมิติ!”
เขานั้นไม่เคยนึกฝันเลยว่าเย่หยวนจะรับดาบนี้ไว้ได้
หวู่เทียนเองก็ได้แต่ทำหน้าเหยเกออกมาเขานั้นเดิมทีย่อมคิดว่าเย่หยวนไม่มีทางรอดไปจากดาบแรกของหวู่หยุนได้ แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าฝีมือของอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งปานนี้
นภาสวรรค์ห้าดาวกลับสามารถเทียบเคียงกับนภาสวรรค์แปดดาวได้ เรื่องเช่นนั้นมันจะน่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อยไหม?
โซชูเจียเองก็มองดูเงาร่างที่คุ้นเคยตรงหน้าด้วยสายตาที่ไม่คุ้นชิน
พลังของเย่หยวนนั้นมันยังคงแข็งแกร่งไม่เสื่อม
แต่มันจะแข็งแกร่งจนมากเกินไป!
หลายร้อยปีก่อนเย่หยวนนั้นเป็นแค่เด็กหนุ่มระดับรองๆ ในสายตาของพวกเขา
แต่เวลามันผ่านไปได้แค่กี่ร้อยปี?
ด้วยพลังฝีมือของเย่หยวนในตอนนี้ต่อให้เดินทางไปทั่วสิบเมืองสันเขาใต้มันก็ไม่มีใครจะต้านทานพลังของเขาได้!
ฟุบ!
ร่างของเย่หยวนขยับพร้อมดึงดาบเข้าและแทงออกมาทำให้มิติรอบข้างเกิดความปั่นป่วนขึ้น
หวู่หยุนเองก็ได้แต่จำใจรับดาบนั้นไว้
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
กลายอากาศนั้นมีคลื่นพลังกระจายออกมาเป็นรอบๆ
พร้อมด้วยแสงเย็นเหยียบที่ถูกส่งออกมารอบๆ ไปทุกทิศทุกทาง
เมื่อหวู่เทียนเห็นเช่นนั้นใบหน้าของเขาก็ขาวซีดไปทันที
“นายน้อยเทียน เด็กคนนี้มันแข็งแกร่งเกินไป ท่านหวู่หยุนอาจจะไม่สามารถชนะมันได้ ทำไมเรา… ไม่หนีกันไปก่อนเล่า?” โม่ซินร้องบอก
“หุบปากไป! เจ้าคิดอยากให้นายน้อยคนนี้ต้องหนีหางจุกตูดไปอย่างนั้นหรือ? หากเรื่องนี้แพร่กระจายไปในเมืองหลวงจักรพรรดิแล้วนายน้อยคนนี้จะยังมีหน้าไปพบผู้คนอีกหรือ?” หวู่เทียนร้องบอกด้วยความไม่พอใจ
โม่ซินตอบกลับมาอย่างกังวล “ตราบเท่าที่ขุนเขายังตั้งตระหง่าน สายน้ำยังไหลเชี่ยวทุกสิ่งอย่างย่อมแก้ไขได้! หากเจ้าเด็กคนนี้มันชนะขึ้นมาจริงๆ เราคงไม่มีโอกาสได้หนีอีกต่อไปแล้ว!”
หวู่เทียนหน้าเปลี่ยนสีไปมาด้วยความคิดไม่ตจกก่อนจะกัดฟันพูดขึ้นในที่สุด “ไปกัน!”
เขานั้นไม่เคยคิดเคยฝันว่าวันแรกที่มาถึงสิบเมืองสันเขาใต้ในฐานะผู้ตรวจการ เขาก็ต้องหนีหางจุกตูดเช่นนี้เสียแล้ว
คนทั้งสองกำลังคิดจะหนีแต่ยังไม่ทันไปถึงไหนก็มีสามงามนางหนึ่งเดินเข้ามาขวางไว้ก่อน
ใบหน้าแสนงดงามนี้ปรากฏขึ้นต่อหน้าหวู่เทียน แต่ตัวเขานั้นไม่มีเวลามาชื่นชมแม้แต่น้อย
เพราะหญิงงามคนนี้เองก็มีพลังที่สุดแสนแข็งแกร่ง!
เล้งชิวหลิงนั้นตอนนี้เป็นถึงนภาสวรรค์หกดาว
“พวกเจ้าห้ามไปไหนทั้งนั้น!” เล้งชิวหลิงบอก
“ให้ตายสิ!” หวู่เทียนกัดฟันแน่นก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีเล้งชิวหลิงทันที
เล้งชิวหลิงนั้นเตรียมรับมือมาแสนนานแล้ว ด้วยพลังของสองแนวคิดน้ำแข็งและไฟที่ถูกปล่อยออกมามันทำให้ใบหน้าของหวู่เทียนถอดสี
แม้ว่าหวู่เทียนจะแข็งแกร่ง แต่มันก็ยังไม่อาจเทียบกับเล้งชิวหลิงที่หลอมเลือดแท้วิหคชาดได้
คนทั้งสองนั้นมีพลังบ่มเพาะระดับเดียวกัน แต่เล้งชิวหลิงนั้นกลับสามารถกดดันหวู่เทียนได้อย่างขาดลอย
ในเวลานั้นเองที่เกิดคลื่นพลังสะท้านโลกาขึ้นบนท้องฟ้าก่อนจะเห็นว่าร่างของหวู่หยุนตกร่วงลงมาจากด้านบน ลงสู่พื้นอย่างไม่มีชิ้นดี
ตอนนี้ทั้งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นเต็มไปด้วยความเงียบงัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น