Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1882-1887
ตอนที่ 1882 ตัวจริงของถังเหยียน!
‘ตู้ม!’
ภายในวังสวรรค์นิรันดร์นี้เกิดคลื่นพลังมหาศาลระเบิดขึ้นเป็นครั้งๆ
คลื่นพลังอันนี้มันทำให้ทั้งวังสวรรค์นิรันดร์นี้ต้องสั่นสะเทือน
เย่หยวนได้แต่พูดขึ้นมาสีหน้าไม่สู้ดี “เกิดอะไรขึ้นกัน?”
“มีคนกำลังท้าทายเขตแดนปิดกั้นของวังสวรรค์นิรันดร์!” หวู่เฉินร้องบอก
เย่หยวนเองก็ตื่นตกใจอย่างมาก “ท้าทาย? การที่สามารถท้าทายพลังปิดกั้นและอยู่รอดมาได้หลายต่อหลายครั้งเช่นนี้ เทพสวรรค์คงไม่มีทางทำได้แน่ใช่ไหม?”
หวู่เฉินเผยพลังออก “ไปกัน เรารีบไปที่โถงนิรันดร์ หากเฒ่านิรันดร์จะทิ้งอะไรไว้มันก็คงจะต้องอยู่ในที่แห่งนั้นเป็นแน่”
เย่หยวนพยักหน้ารับตามคำของหวู่เฉินและพุ่งตัวไปยังโถงนิรันดร์ในทันที
…
ภายในวังสวรรค์นิรันดร์นี้ถังเหยียนกำลังเดินไปอย่างสบายใจ
เหล่าเขตแดนพลังปิดกั้นที่แสนรุนแรงของวังสวรรค์นิรันดร์นี้มันไม่สามารถที่จะทำอะไรกับตัวเขาได้เลย
และเส้นทางที่เขากำลังพุ่งตัวไปนั้นมันก็คือทิศทางของโถงนิรันดร์อย่างน่าเหลือเชื่อ
จนในที่สุดประตูหน้าของโถงนิรันดร์ก็ได้เปิดออกพร้อมด้วยพลังอันรุนแรงที่จะทำให้ผู้คนตัวสั่นเทาได้
แต่ทว่าแม้จะเจอพลังที่แสนรุนแรงเช่นนี้ถังเหยียนกลับแค่ยกมือขึ้นมาโบกสะบัดส่งมันกลับกลายเป็นผงดิน
หลังจากเดินเข้ามาถังเหยียนก็ต้องเบิกตากว้าง
“ศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ?!” แต่ตอนนั้นเองที่กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาก่อนเขา
ถังเหยียนหันหน้าไปมองที่ต้นเสียงและก็บนว่าเย่หยวนกำลังยืนมึนงงอยู่ตรงนั้น
เย่หยวนนั้นได้เข้ามาถึงโถงนิรันดร์จากประตูข้างและได้พบว่าในโถงนี้มันมีตราสี่แบบของสี่สัตว์เทวะอยู่ทั้งสี่มุมห้อง
นอกจากนี้แล้วโถงนี้มันก็มีแต่ความว่างเปล่า ทิ้งไว้แต่แท่นศิลาจารึกกลางห้องที่ส่งพลังอันน่าเกรงขามออกมา
เจ้าศิลานี้เย่หยวนคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี เพราะมันคือศิลาจารึกบัลลังก์พิภพนั่นเอง
แต่ทว่าศิลาจารึกบัลลังก์พิภพนั้นอยู่กับเขาแน่นอน แล้วเจ้าของตรงหน้านี้มันคืออะไรกัน?
เย่หยวนไม่คิดจะเชื่อว่าศิลาจารึกบัลลังก์พิภพในโถงนิรันดร์นี้จะเป็นศิลาจารึกบัลลังก์พิภพของจริงไปได้ เพราะว่าเป้าหมายของจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางมันมิใช่ตัวศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ แต่เป็นเขาน้อยแห่งถงเทียนที่อยู่ภายในศิลาจารึกบัลลังก์พิภพต่างหาก!
และเจ้าเขาน้อยแห่งถงเทียนนี้เอง ตอนนี้มันก็กำลังอยู่ในมือของเย่หยวนด้วยเช่นกัน
“ใช่แล้ว! มันคือศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ!” ถังเหยียนร้องบอกด้วยรอยยิ้ม
เย่หยวนหันไปมองถังเหยียนด้วยใบหน้าแสนเย็นชา “ถังเหยียน เจ้าเป็นใครกันแน่?”
ถังเหยียนมองดูเย่หยวนด้วยรอยยิ้มบางๆ “ด้วยความฉลาดไหวพริบของเจ้า เจ้าคงเดาได้แล้วใช่ไหมล่ะ? ทำไมต้องถามย้ำให้แน่ใจด้วย?”
เย่หยวนได้แต่หรี่ตามองพร้อมขับคำพูดหนึ่งออกมา “จักรพรรดิ… เทพสวรรค์… เจี่ยว… ชาง!”
ถังเหยียนคนนี้มันทำให้เย่หยวนรู้สึกแปลกมานาน
คนผู้นี้ทำตัวไม่เด่น แต่ทุกครั้งเขาก็สามารถผ่านอันตรายมาได้อย่างไร้รอยขีดข่วน
ที่สำคัญเลยคือแม้จะเจอเรื่องราวสุดแสนอันตรายเพียงใด ถังเหยียนก็จะยังสามารถรักษาใบหน้านิ่งๆ นั้นไว้ได้อย่างไม่มีท่าทีประหลาดใจ แน่นอนว่ามันต้องดูแปลกประหลาด
เดิมทีแล้วเย่หยวนคิดมาตลอดว่าถังเหยียนคนนี้จะเป็นยอดฝีมือเทพสวรรค์อีกคน แต่ภายใต้ดาบนั้นของขวังต้าวถังเหยียนคนนี้กลับไม่คิดขยับแม้แต่น้อย มันจึงทำให้เขาตื่นตกใจอย่างมาก
เย่หยวนไม่เคยคิดเคยฝันว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางจะออกมาลงมือเองเช่นนี้!
และตอนนี้ความจริงทั้งหมดมันก็กระจ่างชัดแล้ว!
เย่หยวนเข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมจอมเทพนิรันดร์ถึงได้จัดวางกับดักอันอลังการไว้ขนาดนี้
เพราะเขานั้นต้องการที่จะล่อศัตรูคู่แค้น จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางเข้ามา!
เขาจึงใช้ศิลาจารึกบัลลังก์พิภพเพื่อล่ออีกฝ่าย!
เพราะเย่หยวนนั้นรู้สึกแปลกๆ มาตั้งแต่แรกที่เห็นเรื่องการเลือกผู้สืบทอดแล้ว จอมเทพนิรันดร์ย่อมจะไม่ทำเรื่องราวการหาผู้สืบทอดให้มันใหญ่โตเช่นนี้แน่
เพราะผู้สืบทอดของจอมเทพนิรันดร์มันก็คือตัวเย่หยวน
เพราะฉะนั้นเหตุผลมันจึงเหลือแค่เรื่องเดียว การแก้แค้น!
เว้นเสียแต่ว่าเขาไม่เข้าใจว่าจอมเทพนิรันดร์เอาอะไรมามั่นใจกับการแก้แค้นในครั้งนี้นัก
ตอนนี้เขานั้นตายไปแล้ว แต่ต่อให้เป็นตอนที่ยังมีชีวิตดีเขาก็ย่อมไม่มีทางเทียบเคียงกับจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางได้
จักรพรรดิเทพสวรรค์ เทพสวรรค์ แม้ว่ามันจะขาดกันไปแค่คำเดียวแต่ความแตกต่างของพลังนั้นมันก็แยกขาดจากกันราวฟ้ากับเหว
ต่อให้จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางจะเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้เพราะหลอมผลวิญญาณเต๋าจักรพรรดิสวรรค์ก็ตาม
ถังเหยียนยิ้มขึ้นมา “การที่เฒ่านิรันดร์หาผู้สืบทอดเช่นเจ้าได้ ชีวิตของมันก็คงไม่เสียเปล่าแล้ว!”
เย่หยวนหรี่ตาลงทันที “เจ้ารู้มาก่อนแล้ว?”
เจี่ยวชางยิ้ม “เจ้านั้นสามารถทนรับพลังจากเทพถ่องแท้ทั้งหลายและหลอกสายตาผู้อื่นมาได้ แต่เจ้าย่อมไม่มีทางหลบรอดจากสายตาจักรพรรดิเทพสวรรค์ไปได้! แค่สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ขั้นต้นมีหรือจะทำให้นักยุทธ์นภาสวรรค์เก่งกาจได้ขนาดนั้น? เพียงแค่ว่าเรื่องราวในครั้งนี้เจ้าไม่ควรเข้ามายุ่งด้วยเลย!”
เย่หยวนนั้นได้รับสมบัติสืบทอดจากจอมเทพนิรันดร์ไปแล้ว ในสายตาของจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชาง เขาไม่ควรเอาตัวเข้ามายุ่งกับเรื่องราวแสนไม่ชอบมาพากลนี้เลย
เพราะตอนนี้เขายังเป็นแค่นภาสวรรค์คหนึ่ง การเดินทางนี้มันย่อมอันตรายจนเกินไป
เย่หยวนได้แต่หายใจเข้าลึกและพยายามที่จะกดความตื่นตกใจลงไป
ไม่ว่าอย่างไรเสียการต้องการเผชิญหน้ากับจักรพรรดิเทพสวรรค์มันก็ย่อมทำให้เย่หยวนอดไม่ได้ที่จะตื่นตกใจอย่างมาก
เพราะชายหนุ่มคนตรงหน้านี้คือคนเดียวกับที่ได้ต่อสู้กับจอมเทพนิรันดร์อย่างดุเดือดเมื่อหลายล้านปีก่อน!
แต่จู่ๆ เย่หยวนก็เบิกตากว้างพูดขึ้นอย่างมั่นใจ “ตอนที่จอมเทพนิรันดร์คิดจะเปิดประตูปิดโลกขึ้นอีกครั้ง ข้าก็จำเป็นที่จะต้องตามมาด้วย!”
เจี่ยวชางแสดงท่าทีตื่นตกใจขึ้นมาไม่น้อย “ที่แท้เจ้าเกิดในโลกใบน้อยของจอมเทพนิรันดร์?”
เย่หยวนสะดุ้งขึ้นทันทีได้แต่คิดในใจว่าความคิดของจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางช่างเฉียบแหลม แค่คำพูดเดียวนี้ก็สามารถเดาได้ถึงความจริงที่ว่าเขาเกิดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้
“บ่มเพาะจากดินขึ้นมาถึงนภาสวรรค์ได้ด้วยเวลาแค่พันกว่าปี เจ้าช่างมีพรสวรรค์ที่เหนือล้ำจนข้าคนนี้ยังไม่เคยพบเจอ! เฒ่านิรันดร์มันช่างได้ผู้สืบทอดที่ดีเลิศจริง!” เจี่ยวชางพูดขึ้น
เย่หยวนเองก็ได้แต่เงียบลง
ตอนนี้ความคิดของเขากำลังปั่นป่วน การที่จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางออกหน้ามาลงมือเองเช่นนี้มันเหนือล้ำกว่าที่เขาคาดการณ์ไปมาก
หากเป็นเทพสวรรค์แล้วเขายังพอจะสามารถเล่นกับวังสวรรค์นิรันดร์นี้เพื่อจัดการอีกฝ่ายได้
แต่จักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันแข็งแกร่งเกินไป
เมื่อจักรพรรดิเทพสวรรค์อย่างเจี่ยวชางลงมืออย่างเต็มที่แล้ว ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดย่อมต้องแตกสลายอย่างไม่เหลือชิ้นดีแน่ๆ
“หึๆ เจ้าคงสงสัยสินะว่าทำไมจักรพรรดิผู้นี้ถึงได้ออกมาจัดการเอง แท้จริงแล้วจักรพรรดิผู้ได้นี้รู้ถึงเรื่องที่เฒ่านิรันดร์ครอบครองศิลาจารึกบัลลังก์พิภพมานานแสนนาน ก่อนที่มันจะได้ศิลาจารึกบัลลังก์พิภพมา ต่อให้มันจะมีไข่มุกสยบวิญญาณหรือดาบสิบทิศก็ตาม จักรพรรดิผู้นี้ก็ยังจะสามารถกดดันมันได้อย่างไม่ยากเย็น! แต่เมื่อมันได้ศิลาจารึกบัลลังก์พิภพมา มันกลับกลายเป็นฝ่ายที่กดดันข้าผู้นี้จนไม่อาจโงหัวขึ้นแถมยังจะสามารถขึ้นสู่อาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้ก่อนข้าผู้นี้! เพราะฉะนั้นจักรพรรดิผู้นี้ถึงได้คาดคิดว่าแท้จริงแล้วศิลาจารึกบัลลังก์พิภพมันต้องเก็บซ่อนความลับอันแสนยิ่งใหญ่ไว้อย่างแน่นอน”
ระหว่างที่พูดไปจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางก็ยิ่งแสดงท่าทางรุ่มร้อนขึ้น
แต่ยิ่งเขาพูด เย่หยวนก็ยิ่งตื่นตระหนก
จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางคนนี้ช่างเป็นคนที่แสนน่ากลัว แค่หลักฐานและร่องรอยนิดน้อยแค่นั้นเขากลับสามารถคาดเดาเรื่องราวได้มากมาย
ที่สำคัญเขายังคาดเดาได้ถูกต้อง!
ความลับที่เก็บซ่อนอยู่ภายในศิลาจารึกบัลลังก์พิภพนั้น แม้จะเป็นเต๋าบรรพกาล หากรู้เข้าเขาก็คงแทบคลั่งอยากได้มัน ไม่ต้องพูดถึงจักรพรรดิเทพสวรรค์คนหนึ่งเลย
“หึๆ ไอ้เฒ่านี้มันวางแผนการอย่างใหญ่หลวง มันจะมิใช่เพื่อบอกจักรพรรดิเทพสวรรค์คนนี้ว่าศิลาจารึกบัลลังก์พิภพอยู่ที่นี่หรอกหรือ? ตอนที่มันยังไม่ตาย ข้าผู้นี้ก็ยังไม่กลัวมัน ตอนนี้มันตายไปแล้วยังจะมีอะไรให้ต้องเกรงกลัวอีก? ฮ่าๆ!”
พูดไปจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางก็ค่อยๆ สาวเท้าก้าวไปด้านหน้า เดินไปยังศิลาจารึกบัลลังก์พิภพที่วางตั้งอยู่กลางห้องโถง
‘ตู้ม!’
จู่ๆ วังสวรรค์นิรันดร์ทั้งหมดก็สั่นสะเทือนขึ้นมา
ที่มุมทั้งสี่ของห้องโถงสี่รูปปั้นนั้นได้ขยับไหวขึ้นมาราวกับมีชีวิต
‘โฮ่กๆ!’
ร่างทั้งสี่เปลี่ยนเป็นแสงพุ่งขึ้นฟ้าก่อนที่จะมุ่งหน้าเข้ามาหาศิลาจารึกบัลลังก์พิภพที่กลางห้องโถงพร้อมๆ กัน!
ตอนที่ 1883 ศรที่ลั่นจากคันไม่มีวันหว...
‘ปัง!’
เมื่อคลื่นพลังอันน่าเกรงขามนี้ถูกส่งออกมาร่างกายของเย่หยวนถึงขั้นกับทนทานไม่ไหวจนถูกซัดกระเด็นออกมา
เงานั้นค่อยๆ ก่อร่างสร้างขึ้นมาเป็นรูปร่างที่กลางโถง
“จอมเทพนิรันดร์!” เย่หยวนเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึง จดจำรูปร่างนี้ได้อย่างรวดเร็ว
เพียงแค่ว่าคลื่นพลังที่เงาร่างนี้ปล่อยออกมามันแตกต่างจากที่เคยเห็นที่ด้านนอกดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ฝั่งจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางเองก็ไม่คิดจะทำอะไรเพียงแค่ยืนรออยู่นิ่งๆ
ท่าทางนี้ของเขามันเหมือนกับว่าทุกสิ่งอย่างนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว
กับจักรพรรดิเทพสวรรค์แล้ว มันคงไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้พวกเขาตื่นตะลึงได้อีก
แม้จะเป็นเทพสวรรค์ที่มีชีวิตยังทำไม่ได้ มีหรือที่เทพสวรรค์ที่ตายไปแล้วจะทำอะไรให้เขาตื่นตกใจได้?
จอมเทพนิรันดร์นั้นไม่คิดมองดูเย่หยวน สายตาของเขานั้นจับจ้องมองไปยังจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชาง
“เจี่ยวชาง เจ้ามาจริงๆ!”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางยิ้มออกมา “เจ้าสร้างเรื่องราวใหญ่โตก็เพื่อล่อข้ามามิใช่หรือ? ตอนนี้ข้ามาแล้ว เจ้าจะทำอะไรข้าได้?”
สำหรับตัวเขาแล้วจอมเทพนิรันดร์นั้นเป็นได้แค่เศษฝุ่นผง มันไม่มีทางเลยที่เขาจะกลัวคนตายไปได้
จอมเทพนิรันดร์ยิ้มตอบกลับไป “เรอะ? เช่นนั้นแล้ว… ลองหน่อยจะเสียหายอะไร?! วันนี้ความแค้นระหว่างข้ากับเจ้าจะต้องมาถึงจุดจบ!”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางตอบกลับไป “แค่เสี้ยวของวิญญาณ กลับกล้าพูดจาโอ้อวดปานนี้ ข้าล่ะไม่เข้าใจความคิดของเจ้าจริงๆ! ศิลาจารึกบัลลังก์พิภพข้าขอรับมันไปก่อนล่ะ”
พูดจบจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางก็เดินออกมาด้านหน้าพร้อมด้วยคลื่นพลังที่แสนรุนแรงจนมิติรอบๆ เกิดความบิดเบี้ยวขึ้น
ไม่ไกลไปนักเย่หยวนได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยใบหน้าซีดเซียว
ภายใต้คลื่นพลังอันมหาศาลเช่นนี้ เขานั้นไม่อาจแม้แต่จะขยับปลายนิ้วได้!
“นี่มัน…นี่หรือคือพลังของจักรพรรดิเทพสวรรค์? แข็งแกร่ง!”
แม้ว่าเย่หยวนจะคิดว่าเทพสวรรค์นั้นน่ากลัวแล้ว แต่เมื่อเขาได้เห็นเฉียวหยวนและพวกลงมือก่อนหน้าเขาก็ยังพอจะเข้าใจและเห็นถึงขีดจำกัดของคนเหล่านั้นได้
แต่ตอนนี้เมื่อจักรพรรดิเทพสวรรค์ลงมือ แค่ได้สัมผัสได้คลื่นพลังจากร่างของเขาโลกทั้งใบก็สั่นสะเทือน
พลังเช่นนี้มันเหนือล้ำกว่าความเข้าใจไปมาก
ด้านในทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนหวู่เฉินกล่าวขึ้น “ยอดฝีมือจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นคือตัวตนที่ก้าวข้ามวัฏสงสารไปได้แล้วไม่ยึดติดอยู่กับธาตุทั้งห้าอีก! แน่นอนว่าพลังของพวกเขานั้นมันย่อมเหนือล้ำกว่าที่ผู้คนจะเข้าใจ นี่เป็นแค่พลังกดดันน้อยๆ จากจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชาง เขายังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดออกมา ไม่เช่นนั้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้คงแตกสลายไม่เหลือซากแล้ว”
นั้นทำให้ใบหน้าของเย่หยวนดำคล้ำขึ้นมาทันที เรื่องราวทั้งหลายในครั้งนี้มันเกินกว่าที่เขาจะควบคุมได้
ตลอดมาเย่หยวนนั้นจะพยายามวางแผนก่อนค่อยลงมือทำ
แต่ตอนนี้เรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้ามันเหนือกว่าแผนการใดๆ ที่เขามี
ตอนนี้เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายในวังสวรรค์นิรันดร์ต่อให้เอาไปเทียบกับระดับของมหาพิภพถงเทียนมันก็ยังนับได้ว่าเป็นยอดของยอดฝีมือ
แน่นอนว่าเต๋าสวรรค์ของโลกใบน้อยนี้มันไม่เพียงพอที่จะรองรับพลังอันเหนือล้นของพวกเขา
ตราบเท่าที่คนทั้งสองนี้ลงมือ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดมันคงจบสิ้นอย่างไม่เหลือซากแน่
“จอมเทพนิรันดร์ ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่? นี่คือโลกใบน้อยที่ท่านสร้างขึ้นมาเองกับมือนะ! หรือท่านจะบอกว่าท่านมองดูมันแหลกสลายไปต่อหน้าอย่างไม่รู้สึกอะไรได้?” เย่หยวนร้องออกมาด้วยพลังทั้งหมดที่ร่างกายของเขาจะมี ตะโกนต่อว่าจอมเทพนิรันดร์อย่างโกรธแค้น
นั่นทำให้จอมเทพนิรันดร์นิ่งไปก่อนจะหันหน้ากลับมาดู
“ทำอะไร? ก็ต้องล้างแค้นแน่อยู่แล้ว! ข้าคือเทพสวรรค์ที่เดินทางทั่วฟ้าดิน ห่างอีกเพียงนิดก็จะขึ้นไปถึงอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์แล้วแต่กลับต้องมาจบสิ้นลงด้วยน้ำมือของเจ้าคนชั่วร้ายนี้! ความแค้นนี้หากไม่สะสางวิญญาณข้าก็ไม่มีทางสู่สุคติได้!” จอมเทพนิรันดร์ร้องตอบกลับมาด้วยความแค้น
เย่หยวนได้แต่กัดฟันร้องถาม “ทำไม? ทำไมกัน! ความแค้นของท่านนั้นข้าจะต้องช่วยท่านสะสางสักวันแน่! ทำไมท่านถึงต้องเรียกเขาผู้นี้เข้ามายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วย?”
สภาพของเย่หยวนตอนนี้เองก็เปี่ยมล้นไปด้วยความโกรธแค้น
จะบอกว่าความสำเร็จทั้งหลายที่เขามีมาจนถึงวันนี้มันล้วนแล้วแต่เป็นเพราะจอมเทพนิรันดร์มันก็ไม่ผิดนัก
ตราบเท่าที่เขามีพลังมากพอ เขาย่อมจะตอบแทนสะสางความแค้นที่ผู้มีบุญคุณอย่างจอมเทพนิรันดร์มีไว้แน่
แต่ตอนนี้เรื่องราวทั้งหลายมันกลับพลิกผันเช่นนี้
จอมเทพนิรันดร์มองดูเย่หยวนด้วยสายตาสื่อความหมายก่อนจะว่ากล่าว “เด็กน้อย เจ้าอาจจะได้รับสืบทอดหลายสิ่งอย่างจากข้าไป แต่พลังของจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมิใช่สิ่งที่เจ้าจะคาดการณ์ได้! ห้าล้านปีก่อน ข้าได้จัดเตรียมทุกอย่างมากไว้เพื่อวันนี้ วันนี้แหละที่ข้าจะตัดสินกับมัน!”
ดูท่าแล้วเขาคงรู้ตั้งแต่แรกเห็นว่าเย่หยวนนั้นคือผู้สืบทอดของตน
เว้นเสียแต่ว่าเขาไม่คิดสนใจ แผนการที่เขาวางไว้กว่าห้าล้านปีมันก็เพื่อวันนี้เท่านั้น
“เฮ้อ…”
เสียงหายใจยาวดังขึ้นพร้อมการปรากฏร่างของหวู่เฉิน
นั่นทำให้จอมเทพนิรันดร์ที่มีแต่ไฟแค้นอย่างมั่นคงเกิดท่าทางสั่นไหวขึ้นมาทันที
“หวู่เฉิน! เจ้าตื่นแล้ว!”
หวู่เฉินมองดูจอมเทพนิรันดร์พร้อมถอนหายใจยาวอีกครั้ง “เดิมทีข้าคิดว่าการตกสู่ห้วงนิทราของข้าและการตายของเจี้ยงหุนมันเกิดมาจากการต่อสู้ของเจ้ากับเจี่ยวชาง แต่ดูท่าแล้วมันคงมิใช่!”
จอมเทพนิรันดร์เบิกตากว้างพร้อมด้วยใบหน้าที่สั่นกระตุก
“ข้า… ข้าไม่เกี่ยวด้วย! หากไม่ล้างแค้นนี้ มีหรือที่ข้าจะตายตาหลับได้?! เทียบกันแล้วเจ้าโลกใบน้อยนี้มันจะมีค่าใด? สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์มันจะมีประโยชน์ใด?”
แต่หวู่เฉินกลับยิ้มออกมา “ข้าไม่ได้คิดที่จะมาต่อว่าที่เจ้าทำเช่นนั้นลงไป เจี้ยงหุนและข้านั้นต่างเกิดขึ้นมาได้เพราะเจ้า เพียงแค่ว่าในครั้งนี้เจ้าคิดผิดไปจริงๆ! เย่หยวนคนนี้มีพรสวรรค์ที่เหนือล้ำเสียยิ่งกว่าที่ตัวเจ้าคาดคิด!”
นั่นทำให้จอมเทพนิรันดร์หรี่ตาลงหันมามองเย่หยวนอีกครั้ง
เขานั้นได้จัดการเรื่องราวทั้งหลายมากว่าห้าล้านปีเพื่อเรื่องในวันนี้ แต่เวลาห้าล้านปีนี้โลกมันก็ได้หมุนเปลี่ยน สิ่งต่างๆ ที่มันเปลี่ยนจากเหนือคาดของเขาไปมันก็มีมากมาย
เขานั้นไม่เคยคิดว่าผู้สืบทอดของเขานั้นจะสามารถเหนือล้ำกว่าอาจารย์ได้ และแน่นอนว่าเขาย่อมไม่ได้คาดคิดว่าผู้สืบทอดของเขาจะได้มายืนอยู่ตรงนี้ในวันแห่งโชคชะตาด้วย
ตอนนี้คลื่นอารมณ์ต่างๆ ก็กำลังปะทุขึ้นในจิตใจของเย่หยวน
เจี้ยงหุนที่หวู่เฉินพูดมานี้มันน่าจะหมายถึงวิญญาณประจำศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ!
เย่หยวนนั้นสงสัยมาตลอดว่าทำไมไข่มุกสยบวิญญาณมีวิญญาณอยู่ภายใน แต่ศิลาจารึกบัลลังก์พิภพกลับไม่มี
เมื่อลองคิดกลับไปดู แท้จริงแล้ววิญญาณประจำศิลาจารึกบัลลังก์พิภพนั้นได้ตายลงแล้ว!
ที่สำคัญการตายของเจี้ยงหุนนั้นยังเป็นฝีมือของจอมเทพนิรันดร์โดยตรงด้วย!
ตลอดมานี้เย่หยวนคิดเสมอว่าการหลับใหลของหวู่เฉินเองก็น่าจะเป็นฝีมือของเจี่ยวชาง
แต่ลองคิดดูตอนนี้ มันคงเป็นเพราะว่าจอมเทพนิรันดร์นั้นดึงพลังของสองสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ขั้นสุดนี้มาใช้
หากไม่ได้พบเจอเขา หวู่เฉินก็อาจจะต้องอยู่ในห้วงนิทราตลอดไป
“หึๆ ข้าและเจ้าเองก็อยู่ร่วมกันมานานแสนนาน เจ้าน่าจะรู้จักข้าดี! ข้าเป็นผู้ที่เชื่อแค่ในตัวเองเท่านั้น!” จอมเทพนิรันดร์ร้องบอกพร้อมเสียงหัวเราะ
ก่อนที่เขาจะหันกลับมาหาเย่หยวนและพูดขึ้น “เด็กน้อย เจ้าไม่ควรเดินทางมาในครั้งนี้เลย!”
เย่หยวนนั้นมีใบหน้าที่ดำมืดพร้อมตะโกนร้องกลับไปอย่างรุนแรง “ข้าเกิดที่นี่ ข้าโตที่นี่ พ่อแม่ข้าอยู่ที่นี่ มิตรสหายข้าอยู่ที่นี่! แต่ตอนนี้ท่านกลับคิดจะทำลายดินแดนแห่งนี้ลง มีหรือที่ข้า…จะไม่มาได้?”
“หึๆ เด็กน้อย เจ้านั้นช่างอ่อนโลก! เส้นทางของผู้บ่มเพาะนั้นคือเส้นทางอันแสนโดดเดี่ยว! เจ้าจะมีพ่อแม่แล้วทำไม? สุดท้ายหากพวกเขาไม่อาจบ่มเพาะได้จนถึงจุดสูงสุด สักวันพวกเขาก็จะตายลง! มีเพียงแค่ตัวเจ้าเท่านั้นที่เป็นนิรันดร์!” จอมเทพนิรันดร์หัวเราะลั่น
‘แกรก! แกรก! แกรก!’
ตอนนี้มิติภายในวังสวรรค์นิรันดร์นี้มันเริ่มปริแตกออก
จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางปล่อยคลื่นพลังที่เหนือล้นมากกว่าเก่าออกมาเรื่อยๆ
“หึ นิรันดร์ ข้าขอดูหน่อยเถอะว่าเจ้าได้เตรียมอะไรไว้ให้จักรพรรดิเทพสวรรค์ผู้นี้ถึงต้องใช้เวลาตั้งห้าล้านปี!” เจี่ยวชางหัวเราะ
จอมเทพนิรันดร์กลับมามีสีหน้าเย็นชาเช่นเดิม “ศรที่ลั่นจากคันไม่มีวันหวนคืน! เด็กน้อย ขอให้เจ้าโชคดี!”
ตอนที่ 1884 เด็กหัวรั้น
“หึ เช่นนั้นก็แสดงวิชาของเจ้าออกมา ข้าจะแสดงให้เห็นเองว่าข้าเตรียมอะไรไว้ให้เจ้า!”
จอมเทพนิรันดร์วาดตราขึ้นมาด้วยมือทั้งสองข้างก่อนที่ศิลาจารึกบัลลังก์พิภพด้านล่างจะปลดปล่อยพลังอันแสนรุนแรงออกมา
คลื่นพลังของมันตอนนี้แท้จริงแล้วไม่ได้อ่อนแอไปกว่าคลื่นพลังจากร่างของจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางเลย
เมื่อจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางเห็นเช่นนั้นเขาก็ยิ้มออกมา “แค่พลังเท่านี้? มันแข็งแกร่งเหนือล้ำกว่าเทพสวรรค์ก็จริง แต่เจ้าคิดว่าด้วยพลังเพียงเท่านี้จะพอสังหารจักรพรรดิเทพสวรรค์เช่นข้าลงได้? งั้นเรอะ?”
จอมเทพนิรันดร์หัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นเยือกก่อนที่จะขยับตราในมืออีกครั้ง
จู่ๆ เจ้าศิลาจารึกบัลลังก์พิภพที่ด้านล่างก็ลอยขึ้นมาอยู่กลางอากาศพร้อมส่องแสงสุดแสนเจิดจ้า
ตอนนี้พลังของศิลาจารึกบัลลังก์พิภพนั้นกำลังแข็งแกร่งเพิ่มพูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
นั่นทำให้จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางหน้าเสียไปไม่น้อยก่อนจะปล่อยคลื่นพลังจากร่างของตัวเองออกมาพร้อมด้วยพลังจากเต๋าสวรรค์ที่ลงมาครอบคลุมพื้นที่รอบๆ
ตอนนี้มีลายสีฟ้ากำลังปรากฏขึ้นมาในอากาศ!
เมื่อได้เห็นลายเหล่านั้นเย่หยวนก็ได้แต่เบิกตากว้าง
เพราะเจ้าสิ่งนี้มันช่างคุ้นตาเขาเสียเหลือเกิน!
ลายพระเจ้า!
กลายเป็นว่าลายพระเจ้าเหล่านี้เป็นสิ่งที่จักรพรรดิเทพสวรรค์ก็ควบคุมได้เช่นกัน!
พร้อมๆ กันนั้นลายพระเจ้าสีฟ้านั้นมันก็พุ่งพวยออกมาจากศิลาจารึกบัลลังก์พิภพเช่นกัน
นั่นทำให้จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางหน้าถอดสีไปในทันที
“ฮ่าๆ…เจี่ยวชางคงนึกไม่ถึงล่ะสิ?! ก่อนที่เทพสวรรค์ผู้นี้จะตายลงข้าได้รับรู้ถึงปลายของยอดเต๋าและควบคุมลายพระเจ้าได้! น่าเสียดายที่ร่างกายของข้าในตอนนั้นมันหนักหนาเกินกว่าจะทนไหวแล้ว ไม่เช่นนั้นมีหรือที่เจ้าจะยังได้หายใจจนทุกวันนี้?”
ในเสียงหัวเราะของจอมเทพนิรันดร์นั้นมันเต็มเปี่ยมไปด้วยความผิดหวังและเสียใจอย่างสุดซึ้ง
เขานั้นทำตัวได้สมชื่อยอดอัจฉริยะของเทพสวรรค์ ถึงขั้นสามารถแตะฐานของอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ก่อนตายได้ เพียงแค่อีกก้าวเดียวเขาเองก็จะก้าวขึ้นไปสู่อาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้แล้ว
แล้วตัวตนของจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นคืออะไร?
พวกเขานั้นคือตัวตนที่เอื้อมถึงเต๋าบรรพกาลได้ เป็นตัวตนที่ปกครองดูแลพื้นที่ส่วนใหญ่ของมหาพิภพถงเทียน!
นั่นคือตัวตนที่เหนือล้ำ ตัวตนที่ยืนอยู่เหนือทุกชีวิต!
แน่นอนว่าเขาต้องเจ็บแค้น!
“เทพสวรรค์ผู้นี้ได้ดึงพลังต้นกำเนิดจากสองสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์มาใช้และยังมีพลังโลกที่เก็บสะสมมานานกว่าห้าล้านปี เพื่อการโจมตีเจ้าในวันนี้โดยเฉพาะ! เจ้าเตรียมตัวตายได้เลย!” จอมเทพนิรันดร์หัวเราะลั่นออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ตู้ม!
รอยแตกอันชัดเจนปรากฏขึ้นกลางอากาศในดินแดนศักดิ์สิทธิ์พร้อมด้วยคลื่นมิติอันแสนบ้าคลั่งที่สาดซัด ดึงดูดทุกสิ่งอย่างไปจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
ตอนนี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์กำลังจะเดินเข้าสู่หายนะ
พลังอันรุนแรงทั้งหลายเหล่านี้มันมิใช่อะไรที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้จะต้านรับไว้ได้เลย
ตอนนี้ผู้คนธรรมดามากมายต้องถูกพลังคลื่นมิตินี้กลืนกินจนไม่อาจหวนคืนได้
เมื่อใดก็ตามที่จักรพรรดิเทพสวรรค์ลงมือ ผู้คนย่อมล้มตายกันเป็นเบือ!
ไม่ว่าจะเป็นคำพูดใดก็ไม่อาจอธิบายโศกนาฏกรรมในครั้งนี้ได้แล้ว
หัวใจของเย่หยวนตอนนี้แทบแตกสลาย ตอนนี้อารมณ์ในจิตใจของเขามันไม่อาจจะระบายออกมาเป็นคำใดๆ ได้อีกแล้ว
ด้วยพลังฝีมือของเขาในตอนนี้ เขาไม่อาจหยุดยั้งการปะทะกันของคนระดับจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งสองนี้ได้เลย!
จู่ๆ เขาก็ทำหน้าเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ก่อนจะหันไปหาหวู่เฉิน “ผู้อาวุโส ข้าต้องการเชื่อมต่อกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยไข่มุกสยบวิญญาณและศิลาจารึกบัลลังก์พิภพมันจะพอเป็นไปได้หรือไม่?”
หวู่เฉินตอบกลับมา “แน่นอนว่าได้! แต่…ในเวลานี้มันอันตรายจนเกินไป! หากโลกใบนี้แตกสลายลงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าเองก็คงจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ!”
“ไม่มีเวลามาสนใจมันแล้ว! หากดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้จะแตกสลายลงข้าก็ขอตายไปด้วยดีกว่า!” เย่หยวนกล่าวออกมาอย่างหนักแน่น
หวู่เฉินนั้นอยู่กับเย่หยวนมานานเขาย่อมเข้าใจนิสัยของเย่หยวนเป็นอย่างดี เขาจึงได้แต่ถอนหายใจยาว “ได้ ข้าจะช่วย! แต่สัญญากับข้าว่าหากมันไม่ไหวแล้วจริงๆ เจ้าต้องรีบหนีกลับออกมา!”
เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะส่งจิตศักดิ์สิทธิ์ของตนลงไปยังสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ทั้งสองชิ้น
ไข่มุกสยบวิญญาณและศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ สองสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์นี้คือเสาหลักค้ำยันดินแดนศักดิ์สิทธิ์เอาไว้
ด้วยความช่วยเหลือของหวู่เฉินการรวมจิตของเย่หยวนเข้ากับดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นมันจึงไม่เป็นเรื่องยากเย็น
ในเวลานี้ ร่างกายของเขานั้นได้กลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด
มันเป็นความรู้สึกเหมือนฝันที่เหนือล้ำราวกับว่าตัวเขาได้กลายเป็นโลกทั้งใบ
“อั่ก…”
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นเพราะความเจ็บปวดมหาศาลที่พุ่งเข้ามาโจมตีจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขา
ราวกับว่าตอนนี้จิตศักดิ์สิทธิ์ของเขามันกำลังจะแตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ
ภายในทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนทั้งปราณโกลาหลและลายพระเจ้าต่างพุ่งพวยออกมาผสานเข้ากับตัวทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์!
…
ฟางเทียนดูท้องฟ้าสีดำตรงหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแตกร้าวนั้นด้วยความสิ้นหวัง
“ดูท่าเย่หยวนคงไม่สามารถช่วยเราได้แล้วครั้งนี้! ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องแตกสลายลงแน่แล้ว!”
กวนควางเทียนกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าซีดเซียว “เราช่างไร้ประโยชน์เสียจริงๆ ทุกครั้งเมื่อเจอปัญหาเราก็ต้องให้เย่หยวนช่วยเหลือ! ตอนนี้ข้าไม่รู้เลยว่าเขาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
ฟางเทียนบอกขึ้นอย่างหมดหวัง “การต่อสู้ระดับนั้นเย่หยวนเองก็คงเข้าไปขัดขวางไม่ไหวหรอก ไม่เช่นนั้นสถานการณ์เช่นนี้มันคงไม่มีทางเกิดขึ้น พ่อแม่ของเย่หยวนเป็นอย่างไรบ้าง?”
กวนควางเทียนบอก “สบายใจได้ สัญญานั้นได้ส่งผลมานานแล้ว ตราบเท่าที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่แตกสลายลงพวกเขาย่อมไม่เป็นอะไรแน่”
ฟางเทียนถอนหายใจออกมา “ตอนนี้ด้วยความเสียหายระดับนี้ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์คงสูญเสียไปกว่าครึ่งแล้ว ชีวิตนับไม่ถ้วนต้องถูกทำลายเหลือเพียงเศษผง! ถึงเวลานี้จุดจบมันก็คงอยู่อีกไม่ไกลแล้ว เมื่อโลกใบนี้แตกสลายลง แม้จะเป็นข้าหรือเจ้าเองก็คงไม่มีทางรอดออกไปได้แน่!”
ระหว่างที่คนทั้งสองกำลังพูดคุยกันไปอย่างจนปัญญาพวกเขากลับรู้สึกถึงความเสถียรของโลกที่อีกครั้ง
เหล่ารอยแยกมิติทั้งหลายนั้นกำลังค่อยๆ คืนกลับมาสู่สภาพสงบเป็นปกติ!
ฟางเทียนเบิกตากว้างร้องออกมาอย่างตื่นตะลึง “นี่มัน…เกิดอะไรขึ้นกัน?”
กวนควางเทียนกล่าวขึ้นด้วยท่าทางดีใจ “ฮ่าๆ! ต้องเป็นเย่หยวนแน่! ต้องเป็นเย่หยวนอย่างแน่นอน! ดูท่าเราจะยังพอมีหวังกันอยู่!”
ฟางเทียนเองก็แสดงใบหน้าปลาบปลื้มออกมาราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก “คงลำบากเย่หยวนมากแล้ว!”
ตอนนี้ทุกผู้คนต่างแสดงสีหน้าโล่งอกโล่งใจออกมา
เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาไม่ได้รู้เลยว่าเย่หยวนกำลังทนสู้กับพลังนี้อย่างยากลำบากแค่ไหน
…
“อ่อก!”
เมื่อพลังอันรุนแรงนี้ถูกกระแทกออกมาเย่หยวนก็ต้องกระอักเลือดคำโต
จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางหันมาเหลือบมองก่อนจะยิ้มขึ้น “หึๆ ศิษย์ของเจ้าคนนี้มันช่างหัวรั้นจริงๆ! เพื่อโลกใบน้อยของเจ้านี้มันกลับไม่คิดรักชีวิตอีกต่อไปแล้ว!”
จอมเทพนิรันดร์หัวเราะขึ้น “คิดว่าจะใช้เขาเพื่อทำให้ข้าใจอ่อนหรือ? ไม่มีประโยชน์! วันนี้เจ้าต้องตาย!”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางหัวเราะขึ้น “เรื่องอาจจะไม่จบเช่นนั้น! ตราบเท่าที่ข้าสามารถได้ศิลาจารึกบัลลังก์พิภพไป แม้จะต้องจ่ายราคาไปสักหน่อยข้าก็ไม่เกี่ยง”
จอมเทพนิรันดร์หัวเราะขึ้น “เช่นนั้นหรือ? เจี่ยวชาง เช่นนั้นจงเตรียมรับของขวัญที่ข้าใช้เวลาเตรียมให้เจ้ากว่าห้าล้านปีนี้ไปเถอะ!”
“ดัชนี…ทลาย…สวรรค์!”
ที่เบื้องหน้าของจอมเทพนิรันดร์ลายพระเจ้าได้มารวมตัวกันก่อให้เกิดรูปร่างคล้ายนิ้วมือ
คลื่นพลังจากเจ้านิ้วมือนี้มันเหนือล้ำจนทำให้ฟ้าถล่มดินทลาย!
นั่นทำให้รอยยิ้มของจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางจางหายไปทันที
ตอนนี้เขาเริ่มเร่งพลังขึ้นมาสู้จนถึงจุดสูงสุด
“เฒ่านิรันดร์ จักรพรรดิคนนี้ขอชื่นชมเจ้า! ไม่นึกเลยว่าตายไปแล้วแท้ๆ กลับยังสามารถวางแผนการร้ายไว้ได้ถึงขั้นนี้! แต่ทว่า ของแค่นั้นมันไม่มีทางที่จะสังหารข้าลงได้หรอก!” จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
จากนั้นเขาก็วางตราขึ้นมาตรงหน้าก่อนที่แหวนวงหนึ่งของเจี่ยวชางจะปล่อยคลื่นพลังอันบ้างคลั่งออกมาพร้อมด้วยหมอกหนาสีดำสนิทครอบคลุมร่างเขาไว้
จากนั้นลายพระเจ้าของตัวเขาก็เริ่มลอยออกมารอบๆ เช่นกัน
“พรหมปีศาจเทวะ! เทวรูปอสูรเทวะ!”
พูดจบมันก็มีเงาสีดำหนาปรากฏขึ้นมาบังหน้าเจี่ยวชางไว้
นั่นทำให้จอมเทพนิรันดร์หน้าถอดสีทันที เขาได้แต่ร้องออกมาอย่างตื่นตะลึง “สะ…สมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์! เจ้ากลับมีสมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์ติดตัวด้วย!”
ตอนที่ 1885 มันคงตายแน่!
“อ่อก!”
คลื่นพลังอันแสนหนักหน่วงพุ่งเข้ากระแทกจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนอย่างต่อเนื่องทำให้จิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาแทบแตกสลาย
ร่างกายของเขานั้นมีเลือดไหลออกมาทุกทวาร ทั้งเครื่องในและจิตศักดิ์สิทธิ์ต่างบาดเจ็บอย่างสาหัสทำให้สภาพของเขาในตอนนี้แทบไม่ต่างจากคนใกล้ตายอยู่รอมร่อ
เทวรูปอสูรเทวะที่อยู่ตรงหน้าเขานี้มันแตกต่างจากสิ่งที่พวกข่าวนั่วใช้อย่างมากมาย เพราะมันนั้นมีรูปร่างขนาดไม่ได้แตกต่างไปจากคนผู้หนึ่งเลย
แต่การปรากฏตัวของมันกลับทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดต้องสั่นสะท้าน
หากไม่ใช่เพราะว่าเย่หยวนรองรับพลังส่วนมากเอาไว้กับตัวแล้วดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้มันคงถูกบดทำลายจนไม่เหลือชิ้นดีแล้ว
นี่คือเทวรูปอสูรเทวะที่แท้จริง!
เทวรูปอสูรเทวะที่พวกข่าวนั่วใช้นั้นมันเทียบเคียงกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งว่านี่คือเทวรูปอสูรเทวะที่ถูกใช้ออกมาด้วยพลังของสมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์ มันจึงยิ่งส่งเสริมพลังให้เหนือล้ำไปกว่าเก่า
“เย่หยวน พอเถอะ! การปะทะกันครั้งนี้ของจักรพรรดิเทพสวรรค์เจ้าย่อมไม่มีทางจะทนรับไว้ได้!” หวู่เฉินบอก
แต่เย่หยวนกลับส่ายหัวออกมา “ห-หากข้าถอยกลับแล้ว พ่อข้า แม่ข้า ผู้อาวุโสฟางเทียน พวกเขาทั้งหลาย…ต้องตายลงสิ้น! ต่อให้ข้าต้องตาย ข้า…ข้าก็จะทนรับมันไว้!”
หวู่เฉินแสดงท่าทางที่ไม่เคยทำมาก่อนด้วยการตะคอกกลับใส่เย่หยวน “นี่มันคือการโจมตีที่จอมเทพนิรันดร์เตรียมการมาถึงห้าล้านปี มันมีพลังที่เหนือล้ำจะจินตนาการ! เมื่อใดที่มันเข้าปะทะกับเทวรูปอสูรเทวะแล้วมันคงยิ่งส่งกระแสพลังที่เหนือล้ำกว่าเก่าหลายเท่าตัวออกมาแน่ หรืออาจจะหลายร้อยเท่าตัวเสียด้วยซ้ำ! เจ้าไม่มีทางที่จะช่วยเหลือดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ได้แล้ว!”
เย่หยวนกัดฟันตอบกลับไป “ไม่ลอง…มันย่อมไม่มีทางรู้ได้!”
ในวินาทีนี้เย่หยวนนั้นมีจิตใจที่เย็นเยือกแสนสงบ สมองของเขาพยายามคิดทุกวิถีทางเพื่อหาโอกาสสำเร็จ
การจะให้เขาต้องนั่งดูดินแดนศักดิ์สิทธิ์แตกสลายไปต่อหน้านั้นมันย่อมไม่มีทางจะยอมรับได้
ต่อให้มันจะเป็นแค่เสี้ยวความหวัง เขาก็ต้องช่วยเหลือดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ไว้ให้ได้!
ส่วนอีกด้านจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางก็หัวเราะขึ้นมา “หรือเจ้าคิดว่าเวลากว่าห้าล้านปีมานี้ข้าจะนั่งๆ นอนๆ ไม่ทำอะไร? ต่อให้ข้าจะไม่สามารถบ่มเพาะเพิ่มเติมได้ มันก็ไม่ได้หมายความว่าพลังฝีมือของข้าจะย่ำอยู่กับที่!”
จอมเทพนิรันดร์หรี่ตาลงด้วยเสียงเย็นเยือก “แล้ว? รับพลังดัชนีนี้ไปเถอะ!”
พูดจบจอมเทพนิรันดร์ก็ยกนิ้วขึ้นชี้ออกไป นิ้วที่ถูกสร้างขึ้นด้วยลายพระเจ้าก่อนหน้านั้นจึงพุ่งออกไปหาตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางอย่างรุนแรง
ที่ที่นิ้วนั้นผ่านไปมิติใดๆ ก็แตกสลายไม่มีชิ้นดีปล่อยปราณเทวะกระจายทั่ว
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังอันแสนรุนแรงนี้จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางก็หน้าซีดลงทันที
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียเขาก็ต้องยอมรับว่าของขวัญที่จอมเทพนิรันดร์เตรียมไว้ให้นี้มันเหนือล้ำกว่าที่เขาคาดคิดไปมาก
บรรลุใช้ลายพระเจ้าได้ก่อนตาย ร่างกายเกือบที่จะเปลี่ยนกลายเป็นจักรพรรดิได้ แน่นอนว่าพรสวรรค์ที่เหนือล้ำนี้ของจอมเทพนิรันดร์ย่อมทำให้เขาต้องประหลาดใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
แต่ทว่าตราบเท่าที่เขาใช้วิชานี้ออกมาทุกสิ่งอย่างมันก็จะจบสิ้น
“เทวรูปอสูรเทวะ ปกป้องข้า!” เจี่ยวชางร้องบอก
คำสั่งนี้ของจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางทำให้เทวรูปอสูรเทวะพุ่งตัวเข้ามารับดัชนีนั้นไว้ในทันที
ตู้ม!
คลื่นพลังอันเหนือล้ำกระแทกออกไปทั่ว บนทลายมิติลงในทันที
ต่อให้จะมีการปกป้องของเย่หยวน เหล่าม่านมิติทั้งหลายมันก็ไม่อาจทนรับพลังในระยะนี้ได้อีกต่อไป!
อย่างที่หวู่เฉินบอก การปะทะกันของยอดฝีมือจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันจะสร้างพลังกระแทกที่เหนือล้ำกว่าเก่าขึ้นมาหลายร้อยเท่าตัว
และตอนนี้ด้วยคลื่นพลังทั้งหมดนั้น มีหรือที่เย่หยวน นภาสวรรค์แค่คนเดียวนี้จะสามารถต้านทานมันไว้ได้?
การที่เขาสามารถอดทนมาได้จนถึงตอนนี้มันก็ต้องพึ่งพลังใจและพลังของลายพระเจ้าล้วนๆ
เว้นเสียแต่ว่าพลังอันมหาศาลตรงหน้านี้มันถูกปล่อยออกมาจากยอดฝีมือจักรพรรดิเทพสวรรค์
ที่ด้านนอกของวังสวรรค์นิรันดร์เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายเองก็กำลังตื่นตกใจอย่างมาก
เพราะพลังการปะทะของสองจักรพรรดิเทพสวรรค์นี้มันทำให้เขตแดนปิดกั้นใดๆ ของวังสวรรค์นิรันดร์แตกสลายหายไปจนสิ้นแล้ว
เมื่อเห็นเช่นนั้นมีหรือที่พวกเขาจะยังกล้ายืนดูหรือสำรวจต่อไป? พวกเขาทั้งหลายเลือกที่จะถอยหนีในทันที
ลูกหลงเดียวจากการต่อสู้ของสองจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันอาจลบล้างพวกเขาให้หายไปจนสิ้นได้
“นี่มัน…ต้องเป็นพลังที่เหนือล้ำกว่าเทพสวรรค์ไปแล้วแน่ๆ! มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” จ่าวมินพูดขึ้นด้วยใบหน้าซีดขาว
เฉียวหยวนและอายเมิงหันมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มน้อยๆ แต่สายตาของทั้งคู่ก็เปี่ยมไปด้วยความตื่นตกใจไม่แพ้กัน
“ฮ่าๆ! ไม่นึกเลย! ไม่นึกเลยว่าท่านเจี่ยวชางจะลงมาจัดการเองเช่นนี้!”
เฉียวหยวนหัวเราะลั่นทำให้จ่าวมินและตู้หงหน้าถอดสี
คำว่าท่านเจี่ยวชางจากปากเขานี้ ทั้งสองย่อมรู้ดีว่ามันหมายถึงใคร
“ผิดปกติ! ให้พูดกันตามหลักแล้วโลกใบน้อยมันไม่น่าจะทนทานพลังของจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้เลย แต่ทำไมโลกใบนี้มันกลับยังอยู่ได้อย่างมั่นคงไม่ถูกทำลายลง?” หยางอี้เต่าร้องขึ้น
เพราะพวกเขาทั้งหลายนั้นไม่ได้กังวลเรื่องที่ว่าโลกใบน้อยจะแตกสลายหรือไม่
ต่อให้พวกเขาจะถูกดูดเข้าไปในคลื่นกระแสมิติพวกเขาก็ยังมีปัญญาพอที่จะปกป้องตัวเองในสภาพนั้นได้ จึงไม่มีใครคิดร้อนใจ
เพียงแค่ว่ากับคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้แล้ว มันคงไม่มีใครจะแข็งแกร่งพอรอดออกไปได้
“มันน่าจะมีใครที่พยายามประคองโลกใบน้อยนี้ไว้ เพียงแค่ว่า… นอกจากท่านจอมเทพนิรันดร์แล้วมันจะยังมีใครมาช่วยประคองไม่ให้โลกใบน้อยนี้ถล่มลงจากการต่อสู้ของสองจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้?” ตู้หงถามขึ้นด้วยท่าทางมึนงง
ตอนนั้นเองที่ฉูชิงผู้พยายามหลบซ่อนไม่ทำตัวเด่นมาตลอดกลับพูดขัดขึ้นมา “หรือว่า… จะเป็นเย่หยวน?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นคนทั้งหลายก็หน้าถอดสีไปทันที
“บ้าน่า!” จ่าวมินเป็นคนแรกที่พูดขัดไม่ยอมรับขึ้นมา
เพราะเรื่องราวเช่นนี้มันเหนือล้ำสามัญสำนึกมากเกินไป
“ต-แต่ พวกท่านไม่คิดว่ามันแปลกหรือ? ตั้งแต่ที่มาถึงที่นี่เย่หยวนก็ดูเหมือนจะไร้เทียมทาน! ขนาดเทพถ่องแท้เก้าดาวยังไม่อาจต้านทานเขาได้ การแย่งชิงสมบัติใดๆ สุดท้ายเขาคนนั้นก็เป็นคนที่ชิงความได้เปรียบมาจนสิ้น! เพราะฉะนั้น… เขาอาจจะเป็นคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้!” ฉูชิงเดา
คนรอบๆ ต่างเงียบไม่มีใครพูดออกมา เพราะพวกเขาทั้งหลายนั้นกำลังตกตะลึงกับการวิเคราะห์นี้ของฉูชิง
มันฟังดูเหมือนเป็นเรื่องราวเพ้อฝัน แต่หากสิ่งที่ฉูชิงว่ามามันจริง ทุกสิ่งอย่างมันก็จะกลับมาเข้าที่เป็นเหตุเป็นผล
นักยุทธจากมหาพิภพถงเทียนลงมายังโลกใบน้อย พวกเขานั้นย่อมภาคภูมิเหนือล้ำ
เพราะไม่ว่าจะเป็นยอดอัจฉริยะแค่ไหนในโลกใบน้อย มันก็เป็นได้แค่มดปลวกในสายตาของพวกเขา
แต่ทว่าเย่หยวนนั้นมีพรสวรรค์ที่เหนือล้ำทุกผู้คน
แม้แต่ยอดอัจฉริยะอย่างฉูชิงที่ว่าเหนือล้ำก็ยังไม่อาจเทียบเคียงกับเย่หยวนได้เลย
เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงไม่เคยคาดคิดในเรื่องนี้มาก่อน
แต่ตอนนี้เมื่อฉูชิงเปิดประเด็นขึ้นมา ทุกคนต่างก็เริ่มเข้าใจเรื่องราว
แต่ที่ด้านข้างเล้งชิวหลิงนั้นกำลังกลอกตาไปมาอย่างกังวล นางเองก็ตื่นตะลึงในการคาดเดานี้ของฉูชิงเช่นกัน
ในหมู่คนทั้งหลายนี้นางย่อมเป็นคนที่สนิทกับเย่หยวนมากที่สุด และเข้าใจเขาได้ดีที่สุดด้วยเช่นกัน
การคาดเดานี้ของฉูชิงมันคงไม่ผิดแน่
“แต่ถึงมันจะเป็นผู้ควบคุมโลกใบน้อยนี้ ด้วยพลังแค่อาณาจักรนภาสวรรค์มีหรือที่มันจะต้านทานมิให้โลกใบน้อยนี้ล่มสลายลงด้วยพลังของจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้?” ตู้หงขมวดคิ้วบอก
ทุกคนต่างหันไปมองหน้ากันด้วยความมึนงงไม่แพ้กัน
เพราะนี่คือพลังที่ปล่อยออกมาจากจักรพรรดิเทพสวรรค์ถึงสองคน อย่าว่าแต่อาณาจักรนภาสวรรค์ แม้แต่พวกเขาเหล่าเทพสวรรค์ก็ยังไม่มางจะรับมือไว้ได้
“เฮอะ ใครจะสน! ไม่ว่ามันจะเก่งกาจเพียงใดสุดท้ายเมื่อพลังทั้งสองนี้ปะทะกันมันก็ต้องเป็นวันที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ล่มสลายลง! หากผู้ที่ค้ำจุนโลกใบน้อยนี้ไว้เป็นเย่หยวนจริง เช่นนั้นมัน… ก็คงตายแน่!” เฉียวหยวนหัวเราะลั่น
ตอนนี้สองพลังนั้นกำลังเข้าปะทะกันในระยะประชิด
แต่ในเวลานั้นเองที่กลับเกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้น
ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!
เถาวัลย์จำนวนมากมายพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินมัดร่างของเทวรูปอสูรเทวะไว้
ทำให้การเคลื่อนไหวของเทวรูปอสูรเทวะหยุดลง
และในเวลานั้นที่ดัชนีทลายสวรรค์พุ่งมาถึงพอดี!
ในเวลาเดียวกันนั้นจู่ๆ เย่หยวนก็เบิกตากว้าง ดวงตาทั้งสองของเขาส่องแสงสว่างจ้าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!
ตอนที่ 1886 เหตุผลในการมีอยู่!
“ให้ตายสิ! ไม้ศักดิ์สิทธิ์คุนหวู่!”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางหน้าถอดสีไปทันที ตอนนี้เขากำลังตื่นตะลึงกับเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างมาก
เขานั้นแค่เห็นก็ทราบได้ทันทีว่านี่คือหนึ่งในอสูรพันธุ์พืชจากมหาพิภพถงเทียน ไม้ศักดิ์สิทธิ์คุนหวู่!
ไม้ศักดิ์สิทธิ์คุนหวู่นั้นมีพลังโจมตีที่ไม่รุนแรงนัก แต่ความทนทานนั้นนับได้ว่าเป็นที่หนึ่งจนทำให้ผู้คนต้องปวดหัว
แครก! แครก! แครก!
แต่เจ้าเทวรูปอสูรเทวะมันก็สุดแสนทรงพลังจนแม้แต่ไม้ศักดิ์สิทธิ์คุนหวู่ยังไม่อาจหยุดรั้งมันไว้ได้อย่างเต็มที่
ไม่นานนักเหล่าสายเถาวัลย์ทั้งหลายก็เริ่มแตกออกจนขาดสะบั้นในที่สุด
แต่แค่นั้นมันก็มากเกินพอสำหรับจอมเทพนิรันดร์แล้ว!
“ตายไปเสีย!”
จอมเทพนิรันดร์เบิกตากว้างด้วยความยินดีปล่อยพลังความโกรธแค้นที่สั่งสมมาตลอดชีวิตนี้ออกไป
มันทำให้เกิดช่องว่างมิติขึ้นมาตรงหน้าพร้อมด้วยคลื่นมิติที่สุดแสนรุนแรงทะลวงเข้ามาทำให้รูมิตินี้มันมีแต่จะขยายวงกว้างขึ้นและกว้างขึ้น
ปัง!
ด้วยแค่นิ้วที่ชี้ออกมานั้นเทวรูปอสูรเทวะก็ได้รับความเสียหายอย่างมากจนร่างแหลกสลายไป
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดสั่นสะท้านมิติแตกแยกออกจนอยู่ในสภาพที่กู่ไม่กลับอีกต่อไป
เมื่อเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายเห็นเช่นนั้นพวกเขาทั้งหลายก็หน้าซีดเซียวลง
แม้ว่าพวกเขาทั้งหลายนี้จะเป็นถึงเทพถ่องแท้หรือเทพสวรรค์แต่การต่อสู้ของจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันก็มิใช่สิ่งที่พวกเขาทั้งหลายจะเคยพบเจอมาก่อน
คลื่นพลังอันรุนแรงที่เข้ามาปะทะร่างของพวกเขานี้มันรุนแรงจนเกินกว่าที่จะทนทานได้
“นี่หรือคือพลังของจักรพรรดิเทพสวรรค์? ช่างน่าหวาดกลัวนัก!”
“จอมเทพนิรันดร์นั้นได้ตายไปกว่าห้าล้านปีแล้วแต่กลับสามารถใช้พลังโจมตีเช่นนี้ออกมาได้ ช่างน่ากลัวเกรงเสียจริง!”
“หากจอมเทพนิรันดร์ยังไม่ตายลง ทุกวันนี้เขาคงได้ขึ้นอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ไปแล้วเป็นแน่ และจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางเองก็อาจจะไม่สามารถเทียบเคียงได้เลย!”
…
คนทั้งหลายนั้นรู้ว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางได้ผลวิญญาณเต๋าจักรพรรดิสวรรค์มาไว้ในมือก่อนที่เต๋าของตัวเองจะขึ้นไปถึงระดับจักรพรรดิเทพสวรรค์จริงๆ
แต่จอมเทพนิรันดร์นั้นมาถึงจุดนั้นด้วยพลังของตัวเอง แต่ก็ยังสามารถปล่อยพลังที่น่าหวาดกลัวขนาดนี้ออกมาได้
เทียบกันแล้วใครที่เหนือกว่ามันก็ย่อมชัดเจน
“หึ มิติเริ่มแตกสลายไปแล้ว ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้คงอยู่ได้อีกไม่นาน เย่หยวนคงตายแน่แล้วใช่ไหม?” แต่ตอนนี้เรื่องที่ฉูชิงกังวลที่สุดคือเรื่องของเย่หยวน
จ่าวมินหัวเราะขึ้น “หากเป็นมันที่กำลังค้ำจุนดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ไว้จริงเช่นนั้นมันก็คงกลายเป็นผุยผงไปแล้ว! หึ เจ้าคงโง่เง่าไม่ประเมินตัวเอง สมควรตายแล้ว!”
ฉูชิงยิ้มขึ้น “ตอนนี้คนที่เข้าไปในวังสวรรค์นิรันดร์ก็ได้กลับออกมาจนสิ้นแล้ว หากไม่นับคนที่ตายระหว่างทางมันก็คงเหลือแค่เย่หยวนเท่านั้นที่หายไป! ข้าคิดว่าคนที่กำลังค้ำจุนดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ไว้มันคงมิใช่ใครที่ไหน! ฮ่าๆ สมน้ำหน้ามัน ตายไปเสียเถอะ!”
ไม่ว่าจะอย่างไรฉูชิงก็ฉลาดไม่น้อย
การวิเคราะห์ของเขานี้มันแม่นยำเข้าถึงความจริงได้อย่างรวดเร็ว
แต่ในเวลานั้นเองที่จู่ๆ รอยแตกร้าวของมิติมันก็หยุดลง
เจ้าหลุมดำมิติที่ถูกพลังระดับจักรพรรดิเทพสวรรค์เปิดออกนี้มันกลับมาคืนสภาพได้อย่างรวดเร็ว!
นั่นทำให้ทุกผู้คนเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
“เกิดอะไรขึ้นกัน? ดินแดนศักดิ์สิทธิ์มันกำลังกลับคืนสภาพ!”
“นี่คือพลังของสองจักรพรรดิเทพสวรรค์ที่ปะทะกันอยู่นะ แต่ในเวลาเช่นนี้รอยแตกร้าวมันกลับไม่เพิ่มขยาย แต่กำลังคืนสภาพแทนเสียอย่างนั้น เป็นไปได้อย่างไร?”
“หรือว่า…เย่หยวน?” ตู้หงร้องบอก
ความเงียบงันเข้าปกคลุมทันที เพราะเรื่องนั้นมันเหนือเกินคาดไปมาก
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานี้คือพลังที่เหนือล้ำโลก
แต่ทว่าเหล่ารอยแยกมิตินี้มันกลับค่อยๆ ฟื้นคืนสภาพกลับไปสู่สภาวะปกติ
ความแตกต่างที่แสนขัดแย้งนี้มันย่อมทำให้พวกเขาไม่คิดอยากเชื่อสายตา
ปัง!
แม้ว่าดัชนีทลายสวรรค์จะทำลายเทวรูปอสูรเทวะไปแล้ว พลังของมันก็ยังไม่ได้หมดไปและพุ่งเข้าใส่ร่างของจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางต่อทันที
ในมือของจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางปรากฏสมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์ขึ้นมาอีกครั้งพร้อมปล่อยคลื่นพลังสีดำมืดอันแสนรุนแรงออกมาเพื่อรับการโจมตีตรงหน้านี้
แต่ทว่าการโจมตีนี้มันรุนแรงเกินไป!
นั่นทำให้ร่างของจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางลอยปลิวออกไปทันที
พร้อมด้วยคลื่นพลังอันมหาศาลที่พุ่งผ่านกระจายไปทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์
“เขาใหญ่กดทับโลกา มั่นคงดั่งขุนเขา!” เสียงคล้ายกระแทกสะท้านฟ้าดังขึ้นมาจากปากของเย่หยวน
บนท้องฟ้านั้นเกิดเขาลูกมหาศาลใหญ่ยักษ์ปรากฏขึ้นมาดึงดูดสายตาทุกผู้คน
แม้แต่จอมเทพนิรันดร์เองก็ได้แต่มองภาพนั้นอย่างมึนงง ก่อนจะหันไปมองดูเงาร่างของชายหนุ่มบนนั้น
“นั่นมัน…นั่นมันเขาน้อยแห่งถงเทียน! นี่มัน…เด็กคนนี้สามารถหลอมเขาน้อยแห่งถงเทียนได้! เขากำลังดึงพลังจากเขาน้อยแห่งถงเทียนออกมาเพื่อค้ำจุนดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้! เด็กคนนี้…ทำได้อย่างไรกัน?”
ระหว่างที่พูดไปจอมเทพนิรันดร์ก็ได้แต่หายใจเข้าลึก
ในฐานะผู้ครองเขาน้อยแห่งถงเทียนมากับตัวเขาย่อมรู้ดีเกี่ยวกับเขาน้องแห่งถงเทียน
แม้ว่าตอนนี้ภาพที่ปรากฏบนท้องฟ้านั้นมันจะไม่ชัดเจนจนสายตาไม่อาจมองออกได้ว่ามันคือเขาแห่งถงเทียน แต่เขา ตัวจอมเทพนิรันดร์นั้นมั่นใจมากว่ามันคือเงาของเขาแห่งถงเทียน
เขาน้อยแห่งถงเทียน!
สภาพของจอมเทพนิรันดร์ในตอนนี้ทั้งร่างของเขากำลังค่อยๆ เลือนลางลง
ดูท่าแล้วพลังการโจมตีเมื่อสักครู่คงได้กินพลังเฮือกสุดท้ายของเขาไป
แถมตอนนี้ร่างที่กำลังเลือนรางนี้มันก็ยิ่งค่อยกำลังจางหายไปเรื่อยๆ ด้วย
พลังวิญญาณสุดท้ายของเขามันได้เหือดแห้งไปจนหมดแล้ว
เมื่อมองดูร่างของเย่หยวนบนท้องฟ้านั้นสายตาของจอมเทพนิรันดร์ก็ดูอ่อนลงทันที
พร้อมด้วย…แสงแห่งความเข้าใจที่เกิดขึ้นตรงหน้า
“ฮ่าๆ!”
จู่ๆ จอมเทพนิรันดร์ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
สภาพร่างของจอมเทพนิรันดร์ในตอนนี้มันเริ่มแตกสลายออกแล้ว
พื้นที่ของเทือกเขาสุสานเทพเองก็ได้พังทลายลงราบ
ที่แห่งนี้ที่ได้ให้กำเนิดยอดฝีมือจำนวนมากมายต่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์ สุดท้ายแล้วก็ไม่อาจหนีพ้นจากความหายนะ
จู่ๆ ก็มีเงาร่างหนึ่งเดินเข้ามายืนเคียงข้างจอมเทพนิรันดร์ เพียงแค่ว่าเงาร่างนี้มีสภาพที่ดูไม่ได้เช่นกัน
จู่ๆ จอมเทพนิรันดร์ก็หยุดหัวเราะลงและถามขึ้นทั้งๆ ที่ยังเงยหน้ามองฟ้า “คุนหวู่ ก่อนข้าจะตายในที่สุดข้าก็ได้เข้าใจ!”
ร่างที่ปรากฏขึ้นมาด้านข้างของจอมเทพนิรันดร์นี้มันเป็นตัวคุนหวู่ที่หายตัวไปนั่นเอง!
คุนหวู่ไม่คิดพูด เขานั้นมีสภาพที่อ่อนแรงเป็นอย่างมาก
การต้องจับรัดเทวรูปอสูรเทวะไว้ แม้มันจะเป็นเวลาแค่เสี้ยววินาทีแต่มันก็ยังทำให้พลังวิญญาณของเขาแทบหมดสิ้น
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิเทพสวรรค์ ตัวเขานั้นก็ยังอ่อนแอจนเกินไป
แต่ทว่าจอมเทพนิรันดร์กลับไม่คิดจะให้คุนหวู่ได้พูด เขานั้นพูดยาวขึ้นมาเพื่อบอกแก่คุนหวู่และบอกแก่ตัวเองด้วย
“ข้าจอมเทพนิรันดร์สามารถขึ้นถึงอาณาจักรราชันพระเจ้าด้วยเวลาแค่สามร้อยปี อาณาจักรนภาสวรรค์ในแปดร้อยปี อาณาจักรเทพถ่องแท้ในเวลาสามพันปี อาณาจักรเทพสวรรค์ในเวลาห้าหมื่นปี และใช้เพียงแค่หนึ่งล้านปีพัฒนาจากเทพสวรรค์ขั้นต้นมาจนถึงขั้นสุด! ข้านั้นคิดมาเสมอว่าตนนั้นคือผู้ที่ถูกเต๋าสวรรค์เลือก! วันหน้านั้นข้าย่อมสามารถขึ้นไปสู่จุดสู่สุดได้ ขั้นไปถึงอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์หรืออาจจะไปถึงอาณาจักรเต๋าบรรพกาลได้!”
“แต่ข้านั้นไม่เคยคิดเคยฝันว่าต้องมาตายลงด้วยน้ำมือของเจี่ยวชางนี้! ข้าเจ็บปวดหัวใจ! ข้าต้องการแก้แค้น! ข้านั้นคือผู้ที่ถูกเต๋าสวรรค์เลือกมีหรือที่ข้าจะยอมตายลงได้? เพราะฉะนั้นข้าจึงได้วางแผนการใหญ่ครั้งนี้เพื่อล่อเจี่ยวชางมา ข้าอยากให้มันชดใช้ในเรื่องที่มันทำ ข้าต้องการชีวิตของมัน!”
“แต่ในวินาทีนี้ข้าได้รู้แล้วว่าแท้จริงแล้วนั่นมันก็แค่ความหลงตัวเองของข้า! คนที่ถูกเต๋าสวรรค์เลือกนั้นหาใช่ข้าไม่!”
“ตอนที่เทพสวรรค์คนนี้บรรลุขึ้นอาณาจักรราชันพระเจ้า ข้าได้สร้างดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ขึ้นมา ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ค่อยๆ พัฒนาไป เกิดชีวิตมากมาย เกิดแดนศักดิ์สิทธิ์ เกิดผู้คนทั่วไป แถมยังเกิดยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าขึ้นมาได้!”
“ด้วยความที่พลังของเทพสวรรค์คนนี้ค่อยๆ พัฒนาขึ้นไป ข้าก็ได้เก่งกาจจนแม้แต่เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ยังต้องหวาดกังวล!”
“ในสายตาของข้าแล้ว โลกใบน้อยหรือชีวิตในนั้นมันจะมีค่าใด? พวกเขาทั้งหลายเป็นได้แค่มดตัวน้อย!”
“แต่ตอนนี้ข้าได้เข้าใจแล้ว ที่แท้เหตุผลการมีอยู่ของข้านั้นมันก็เพื่อที่จะได้ให้กำเนิดเด็กหนุ่มคนนี้ขึ้นมา!”
ตอนที่ 1887 ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหม่!
“ฟ-ฟื้นคืนแล้ว!”
เมื่อได้เห็นรอยแตกร้าวทั้งหลายค่อยๆ ปิดหายไปฟางเทียนก็ได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกอันแสนสับสน
เหล่าผู้คนทั้งหลายที่ก่อนหน้านี้ได้แต่กอดกันด้วยความกลัวต่างโห่ร้องกอดกันด้วยความโล่งอกสบายใจแทน
เพราะพลังอันแสนยิ่งใหญ่นั้นมันได้ผ่านไปแล้วแต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้กลับยังไม่ถูกทำลายลง!
กวนควางเทียนยังรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวที่มีในหัวใจ “ฟื้นคืนกลับมาได้จริงๆ! เย่หยวนทำมันได้อย่างไรกัน? คลื่นพลังที่ผ่านมานั้นมันทำให้ข้าแทบรู้สึกเหมือนได้ไปเยือนนรกแท้ๆ”
คลื่นพลังอันแสนรุนแรงนั้นมันแผ่กระจายไปทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์
แม้จะเป็นยอดฝีมือย่างกวนควางเทียนก็ยังรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวัง
แต่พริบตาผ่านไป มิใช่เพียงแค่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะไม่ถูกทำลาย มันกลับมีความเสถียรมากขึ้นเสียอย่างนั้น
ต่อให้บอกว่านี่คือปาฏิหาริย์เขาก็ยังไม่คิดอยากเชื่อ
“ใช่แล้ว ช่างน่าหวาดกลัวจริงๆ! หากไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองข้าเองก็คงไม่มีทางเชื่อได้ว่าโลกหล้านี้จะยังมีคลื่นพลังที่รุนแรงขนาดนั้นอยู่ ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีผู้คนที่สามารถพัฒนาตัวขึ้นไปได้ถึงขั้นนั้นอยู่จริง สุดท้ายแล้วพวกเรามันก็เป็นได้แค่กบในกะลา แต่เย่หยวนนั้นช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ” ฟางเทียนพูดเสริมขึ้นมาด้วยอารมณ์ที่สุดแสนจะบรรยาย
ตอนนี้เหล่าผู้รอดชีวิตของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างโห่ร้องออกมา
ความตื้นตันดีใจของผู้คนทั้งหลายนั้นปะทุขึ้นราวกับภูเขาไฟที่ระเบิดออกส่งเสียงร้องออกมาด้วยความยินดีจากก้นบึ้งของหัวใจ
…
บนอากาศในตอนนี้เย่หยวนกำลังก้มหน้าลงมองพื้นโลก
สายตาของเขาหันไปมองเห็นร่างของจอมเทพนิรันดร์ที่กำลังค่อยๆ จางหายไปด้วยอารมณ์ที่ยากจะสื่อ
เพราะเขานั้นเข้าใจความแค้นของจอมเทพนิรันดร์ดี แต่เพื่อการณ์นั้นแล้วเขาถึงกับกล้าใช้ชีวิตนับล้านๆ ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้เพื่อการแก้แค้น มันช่างโหดร้ายจนเกินทน
เย่หยวนนั้นไม่ได้ถือความคิดที่ว่าทุกชีวิตมีค่าหรือใดๆ แต่เขานั้นเคารพต่อวิถีชีวิตของผู้คนแต่ละคน
เขาได้เริ่มบ่มเพาะมาตั้งแต่อาณาจักรแก่นแท้แห่งปราณจนถึงทุกวันนี้ การเดินทางของจิตใจเย่หยวนนั้นมันย่อมยาวนานและซับซ้อนกว่านักยุทธคนไหนๆ
ในสายตาของเขาต่อให้เป็นแค่คนธรรมดาผู้หนึ่งมันก็มีค่า
ในสายตาของเย่หยวนไม่ว่าจะเป็นนภาสวรรค์ เทพถ่องแท้ เทพสวรรค์หรือจักรพรรดิเทพสวรรค์มันก็ไม่ได้แตกต่างจากผู้คนธรรมดามากมายนัก
คนแต่ละผู้นั้นต่างพยายามหาเส้นทางหลีกหนีชะตาของตน ควบคุมชีวิตของตัวเองไว้
และสุดท้ายไม่ว่าจะเป็นใครมันก็เป็นได้เพียงเศษฝุ่นของโลกใบนี้เท่านั้น
เย่หยวนนั้นไม่เคยคิดจะใจอ่อนต่อผู้ที่สังหารชีวิตนับล้านๆ อย่างไม่คิดสำนึก แต่ตัวเขาเองก็ได้คร่าชีวิตผู้อื่นเพื่อความต้องการของตนมามากเช่นกัน
ในชีวิตนี้ เขามีเส้นที่ขีดกั้นไว้อย่างชัดเจน!
และการกระทำของจอมเทพนิรันดร์นี้มันได้ล้ำเส้นที่เขาขีดไว้อย่างมาก
หากเขาไม่ได้เชื่อมเขาน้อยแห่งถงเทียนเข้ากับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในวินาทีสุดท้ายนั้น ใช้พลังของเขาน้อยแห่งถงเทียนค้ำจุนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไว้ โลกใบนี้มันคงได้แตกสลายไปกับกระแสมิติแล้ว
แต่ว่าความสำเร็จที่เย่หยวนก้าวเดินมาจนถึงทุกวันนี้ได้ มันจะบอกว่าเป็นเพราะจอมเทพนิรันดร์ทั้งสิ้นก็คงไม่ผิดนัก
“คนใกล้ตายนั้นมันก็เป็นดั่งเทียนที่ใกล้ดับ! เรื่องในวันนี้ท่านอย่าได้คิดยึดติดอีกต่อไป ท่าน… ไปสู่สุคติเถอะ!” เย่หยวนมองดูจอมเทพนิรันดร์และกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
จอมเทพนิรันดร์มองดูเย่หยวนด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก
แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรตอบก็เกิดคลื่นพลังมหาศาลปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
“คนใกล้ตายนั้นมันก็เป็นดั่งเทียนที่ใกล้ดับ? ฮ่าๆๆ! เจ้าเกือบสังหารจักรพรรดิเทพสวรรค์ผู้นี้ไปได้ แล้วมีหรือที่ข้าผู้นี้จะปล่อยเจ้าให้ได้ตายตากลับ? เฒ่านิรันดร์ เจ้าดูไว้เถอะ ดูผู้สืบทอดของเจ้าตายไปต่อหน้าต่อตา! ข้าจะทำลายโลกใบน้อยนี้ให้สิ้น!”
คลื่นพลังปราณปีศาจอันรุนแรงพุ่งพวยขึ้นอีกครั้งทำให้สีหน้าของจอมเทพนิรันดร์ต้องเปลี่ยนสีไปทันที
“กลับไม่ตาย!”
จอมเทพนิรันดร์วางแผนการไว้อย่างยิ่งใหญ่ แน่นอนว่าเขาย่อมมีความมั่นใจอย่างมากว่าจะสังหารเจี่ยวชางลงได้
แต่ตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางคนนี้กลับดื้อด้านกว่าที่เขาคาดคิดมาก
พลังของดัชนีนั้นมันแสนสุดจะรุนแรงแต่ชายคนนี้กลับไม่ยอมตายลง!
แต่ทว่าแม้พลังปราณปีศาจของเจี่ยวชางจะรุนแรงมากแค่ไหน มันก็อ่อนแอลงกว่าก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด
แน่นอนว่าดัชนีนั้นมันย่อมทำความเสียหายอันหนักหน่วงให้แก่เขา
เว้นเสียแต่ว่า… ตอนนี้จอมเทพนิรันดร์ไม่มีพลังพอจะหยุดยั้งเขาไว้ได้แล้ว
ทำให้ตอนนี้จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางนั้นำไร้เทียมทานไม่มีใครต้านทานได้!
เมื่อได้เห็นการกลับมาของจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางเช่นนั้นเฉียวหยวนและอายเมิงก็แสดงท่าทางดีใจขึ้นทันที
“ฮ่าๆ มีหรือที่ท่านเจี่ยวชางจะตายลงง่ายๆ เช่นนั้น? เฒ่านิรันดร์เจ้าคงคำนวณพลาดล่ะสิ?! เฒ่านิรันดร์ เย่หยวน จงสั่นกลัวไปเถอะ!” เฉียวหยวนหัวเราะลั่น
จอมเทพนิรันดร์เองก็มีใบหน้าที่สุดแสนขัดเคือง เรื่องราวในครั้งนี้มันเหนือล้ำกว่าที่เขาคาดไปมากจริงๆ
“เด็กน้อย เรื่องราวหายนะในวันนี้มันล้วนเกิดจากข้า ข้าจะจัดการให้แล้วเสร็จเอง เจ้ารีบหนีไป! คุนหวู่ เราจะถ่วงเวลามันไว้ให้เด็กคนนี้ได้มีเวลาหนีไป!” จอมเทพนิรันดร์บอก
คุนหวู่หันไปมองเย่หยวนนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้าออกมารับ
การรักษาสภาพของมิติไม่ให้พังทลายกับการรับมือจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดนี้มันเป็นเหมือนใยแมงมุมขนาดใหญ่ถึงแม้ว่าพลังของจักรพรรดิเทพสวรรค์มันจะรุนแรงเพียงแค่การจะทำให้ใยแมงมุมทั้งหมดทั้งสิ้นพังทลายลงมามันก็มิใช่เรื่องง่าย
พลังที่เย่หยวนดึงออกมาจากเขาน้อยแห่งถงเทียนมันมากพอที่จะหยุดรอยแตกร้าวที่ไหลมาตามใยแมงมุมนี้ได้
แต่ทว่าการที่จักรพรรดิเทพสวรรค์จะลงมือกับนภาสวรรค์นั้นมันง่ายเสียยิ่งกว่าหายใจ ต่อให้เขาจะเป็นผู้ควบคุมโลกใบน้อยหรืออะไรก็ตามมันย่อมไม่มีประโยชน์
“ฮ่าๆ! อยากหนีรึ? วันนี้จะไม่มีใครได้ไปไหนทั้งสิ้น!”
ดูท่าแล้วจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางจะโกรธเคืองอย่างมาก
จากนั้นเขาก็ได้ปล่อยปราณปีศาจทะลุฟ้าก่อนที่มันจะค่อยๆ รวมตัวกันกลายเป็นรูปร่างของดาบยักษ์ขึ้น
คลื่นพลังจากดาบเล่มนี้มันรุนแรงจนทำให้มิติต้องสั่นสะท้านอีกครั้ง
“ดาบปีศาจเทวะ คลื่นทลายนภา!”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางร้องออกมาอย่างโกรธแค้นพร้อมปล่อยดาบปีศาจเทวะออกมา
แต่ในเวลานั้นเองที่กลับเกิดเรื่องราวไม่คาดฝันขึ้น!
เพราะตอนนี้มีเขาลูกใหญ่ตกลงมาจากฟ้าเป็นภาพที่สุดแสนเหลือบรรยายกดทับทุกสิ่งอย่างลงมา
ตอนนี้บนเขาลูกนั้นมันมีลายสีฟ้าไหลเวียนไปทั่วอย่างไม่มีหยุด
ปัง!
ดาบปีศาจเทวะเล่มนั้นแตกสลายลงทันที
จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางได้แต่ร้องออกมาอย่างหวาดกลัวแต่มันก็สายเกินกว่าจะหลบหนีได้แล้ว
ตู้ม!
เสียงดังเกิดขึ้นอีกครั้งส่งให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องสั่นสะท้านอีกครั้ง
ตอนนี้จักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางกำลังถูกเขาลูกยักษ์นั้นบดทับอย่างไม่มีแรงจะขัดขืนได้เลย
ทุกคนต่างมองเขาลูกยักษ์นี้ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“นี่มัน…คืออะไรกัน…ถึงสามารถกดทับจักรพรรดิเทพสวรรค์ลงได้?” เฉียวหยวนพูดขึ้นด้วยใบหน้าซีดเซียว
“ท-ท่านเจี่ยวชางคงไม่ตายลงเช่นนี้หรอกใช่ไหม?” อายเมิงร้องขึ้นด้วยความกลัว
“เย่หยวนทำอะไรลงไปกันแน่ ทำไมจู่ๆ จึงได้แข็งแกร่งปานนี้?”
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้มันก็แค่โลกใบน้อยระดับเทพสวรรค์ใบหนึ่ง ต่อให้เขาจะได้เป็นผู้ควบคุมโลกแล้วมันก็ไม่น่าจะสามารถทำลายจักรพรรดิเทพสวรรค์ลงได้ง่ายๆ เช่นนี้หรอกใช่ไหม?”
…
เหล่ายอดฝีมือเทพสวรรค์และเทพถ่องแท้ทั้งหลายต่างมองเรื่องตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว
ภาพตรงหน้าของพวกเขาทั้งหลายนี้มันเกินกว่าที่จะเข้าใจได้ไปมาก
แต่พวกเขาเองก็เข้าใจว่าตอนนี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์มันได้เกิดขึ้นใหม่แล้ว มิใช่โลกอันแสนอ่อนแอใบเดิมอีกต่อไป
และเย่หยวนที่เป็นผู้ควบคุมโลกใบนี้ก็ช่างสุดแสนจะแข็งแกร่ง
แค่พลิกฝ่ามือแม้แต่จักรพรรดิเทพสวรรค์ก็ไม่อาจต้านทานได้
จอมเทพนิรันดร์และคุนหวู่ต่างมองดูภาพตรงหน้าด้วยดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ
“เทพสวรรค์ผู้นี้…ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขาน้อยแห่งถงเทียนจะมีพลังมากมายถึงขนาดนี้!” จอมเทพนิรันดร์ร้องบอกขึ้น
ตอนนี้ร่างของเย่หยวนก็ยังคงยืนสง่าอยู่กลางอากาศ
เพียงแค่ว่าเงาร่างน้อยๆ ของเขานี้มันกลับดูสุดแสนยิ่งใหญ่ในสายตาของผู้คน
อาณาจักรนภาสวรรค์?
บ้าบอสิ้นดี!
สภาพของเย่หยวนในตอนนี้มันไม่อาจวัดเป็นอาณาจักรบ่มเพาะใดๆ อีกต่อไป
ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ เขา…ไร้เทียมทานอย่างแท้จริง!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น