Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1878-1881
ตอนที่ 1878 วังสวรรค์นิรันดร์
“ช่างเป็นพลังโจมตีที่แสนรุนแรง!”
“ทำไมจู่ๆ ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวถึงได้แข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้กัน?”
“นี่มันผีเต๋าร้อยยันต์ ยันต์ที่แปดสิบเอ็ด เงาผีอนันต์! เขากลับสามารถบ่มเพาะมาจนถึงขั้นนี้ได้แล้ว!”
“ไม่ เดี๋ยวก่อน ก่อนหน้านี้เขาย่อมไม่มีพลังถึงขั้นนี้แน่ เย่หยวนทำอะไรกับเขากันแน่?”
…
คำของเย่หยวนนั้นมันคงยังดังก้องอยู่ในหูของหลายผู้คน เขานั้นบอกออกมาอย่างชัดเจนว่าจะช่วยให้ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวสามารถจัดการกับสองเทพสวรรค์เผ่าปีศาจได้
แต่พวกเขาทั้งหลายเองก็คิดไม่ต่างจากสองเทพสวรรค์เผ่าปีศาจ มองมันเป็นแค่เรื่องตลก
ไม่นึกไม่ฝันว่าในพริบตาเดียวผีเทพสวรรค์ขวังต้าวจะสามารถกำจัดสองเทพสวรรค์เผ่าปีศาจลงได้จริงด้วยดาบเดียว
เย่หยวนมองดูมิติที่แตกหักตรงหน้าพร้อมถอนหายใจยาวออกมา
ดาบนี้มันใช้ออกอย่างรวดเร็วและเก็บกลับไปอย่างรวดเร็ว ไม่เหมือนการต่อสู้ก่อนหน้านี้ที่ทำลายมิติด้วยพลังอย่างเต็มขั้น ดาบนี้มันจึงไม่ส่งผลต่อมิติมากมายนัก
ก่อนหน้านี้ตอนที่ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวต่อสู้กับสองเทพสวรรค์เผ่าปีศาจนี้เขาไม่มีโอกาสใดๆ ที่จะตอบโต้เลย ตัวเขานั้นทำได้มากสุดก็เพียงแค่หลอกล่อความสนใจของทั้งสองไปจากปากถ้ำเท่านั้น
เย่หยวนมองดูที่เทพสวรรค์ทั้งสองก่อนจะพูดเย้ยขึ้น “เจ้ายังจะคิดว่ามันเป็นแค่มุกตลกอีกไหม?”
เฉียวหยวนได้แต่ทำหน้าเหยเก ตอนนี้ตัวเขาที่เป็นถึงเทพสวรรค์กลับถูกเด็กอาณาจักรนภาสวรรค์เย้ยหยัน
แต่ทว่าเด็กคนนี้มันทำอะไรลงไปกันแน่? เหตุใดพลังของผีเทพสวรรค์ขวังต้าวถึงได้เพิ่มพูนขึ้นขนาดนี้?
ผีเต๋าร้อยยันต์ ยันต์ที่แปดสิบเอ็ดนั้นคือสิ่งที่แม้แต่เทพสวรรค์ยังบรรลุได้ยากเย็นยิ่ง แต่ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวนั้นกลับสามารถใช้มันออกมาได้
“เด็กน้อย เจ้าอย่าได้อวดดีไป! การต่อสู้มันยังไม่จบ! อายเมิง เข้าโจมตีพร้อมกัน!”
เฉียวหยวนร้องบอกพร้อมปล่อยพลังปราณปีศาจออกมาจากร่างอย่างมหาศาล
เย่หยวนได้แต่หรี่ตามองภาพตรงหน้า “พวกเจ้าคิดจะต่อสู้ถึงเป็นถึงตายกันเพราะหินรุ้งเจ็ดสีนี้เลย?”
เฉียวหยวนจึงร้องตอบ “แล้วมันทำไม?”
เย่หยวนยิ้มกลับไป “ข้าไม่สนหรอกนะ แต่สมบัติที่แท้ของจอมเทพนิรันดร์มันน่าจะอยู่ในวังแห่งนั้น หากเจ้าคิดอยากสู้กันจนตายไปข้างกับผีเทพสวรรค์ขวังต้าว พลังจากการต่อสู้นี้มันคงทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ถึงเวลานั้นวังแห่งนั้นมันก็คงลอยไหลไปตามกระแสมิติและพวกเจ้าทั้งสองก็ลืมเรื่องที่จะเข้าไปถึงมันได้เลย!”
เมื่อเฉียวหยวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็ชะงักไปในทันที
สิ่งที่เย่หยวนพูดมานั้นมันมีเหตุผล พวกเขาสัมผัสได้ก่อนหน้านี้แล้วว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มันไม่อาจทนทานพลังของเทพสวรรค์ได้เลย
หากพวกเขาทั้งหลายต่อสู้กันจนชี้เป็นชี้ตายจริง โลกใบนี้ทั้งใบคงแตกสลายลงส่งให้วังแห่งนั้นต้องไหลไปตามกระแสมิติ
หากคิดอยากไปยังวัง ถึงเวลานั้นมันก็คงไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว
แต่ทว่าเฉียวหยวนยังไม่คิดยอมแพ้และบอกกับผีเทพสวรรค์ขวังต้าว “ขวังต้าว เด็กคนนี้มันบอกว่ามันจะมอบหินรุ้งเจ็ดสีให้เจ้าแต่มันกลับยังไม่มอบให้เจ้าเลย หรือว่าเจ้าจะคิดปล่อยให้มันแย่งชิงของไปต่อหน้าเช่นนี้?”
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวหันไปมองเย่หยวนก่อนจะพูดขึ้นต่อหน้าทุกผู้คน “ข้ารู้สึกชอบใจน้องชายคนนี้ไม่เบา หินรุ้งเจ็ดสีนี้ข้าจะมอบมันให้น้องชายคนนี้แล้วกัน!”
“ห้ะ?!”
เฉียวหยวนและพวกต่างเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึง
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวที่ต่อสู้กับพวกเขามาค่อนวันเพื่อปกป้องหินรุ้งเจ็ดสีนั้นกลับคิดจะมอบมันให้เย่หยวนไปง่ายๆ เช่นนั้น?
ผู้คนรอบๆ เองก็มีสีหน้าไม่ต่างกับเฉียวหยวนนัก รู้สึกว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้มันเหนือสามัญสำนึกจนเกินไป
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียที่พวกเขาทั้งหลายต้องมาต่อสู้กับเหล่ายอดฝีมือผีเต๋าทั้งหลายนี้มันก็เพื่อแย่งชิงหินรุ้งเจ็ดสี
แต่ตอนนี้ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวกลับคิดที่จะมอบหินรุ้งเจ็ดสีนี้ให้เย่หยวนอย่างง่ายดาย
นี่มัน… ทำให้ผู้คนไม่พอใจอย่างมาก!
แน่นอนว่าที่มากกว่าความไม่พอใจก็คือความอิจฉาริษยา
นั่นคือหินรุ้งเจ็ดสี สิ่งที่ต่อให้มอบให้แก่นักยุทธนภาสวรรค์ไปมันก็เสียของเปล่า!
นี่คือสิ่งที่สามารถทำให้เทพสวรรค์ก้าวเดินพัฒนาต่อไปได้
“เยี่ยมจริงๆ ข้าเองก็เพิ่งจะถูกเรียกออกมาจากมิติผีไร้แดน ยังอยู่บนโลกนี้ได้อีกหลายวัน จนกว่าจะถึงตอนนั้นข้าจะขออยู่กับหนุ่มน้อยเย่หยวนคนนี้แล้วกัน” ระหว่างที่ทุกผู้คนต่างยังตื่นตกใจเรื่องเก่าไม่หาย ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวก็ได้โยนระเบิดก้อนใหญ่ลงมาอีกลูก
ใบหน้าของเฉียวหยวนดำคล้ำได้แต่ด่าทอว่าอีกฝ่ายอยู่ในใจ
เจ้าหมอนี่มันจะทำอะไรก็ไม่มีใครว่า แต่มันกลับคิดมาปกป้องเย่หยวนเสียอย่างนั้น!
เดิมทีเขานั้นยังคงคิดสังหารจัดการเย่หยวนลงระหว่างเดินทางข้างหน้า แต่ตอนนี้เรื่องใดๆ มันก็คงไม่มีทางทำได้แล้ว
ไม่มีใครคิดฝันว่าการต่อสู้แย่งชิงหินรุ้งเจ็ดสีมันกลับจะจบลงเช่นนี้ได้
เหล่าเทพถ่องแท้ต่อสู้กันมากว่าสิบวัน สุดท้ายกลับมีเทพสวรรค์ปรากฏตัวออกมา แต่สุดท้ายกลับไม่มีใครที่ได้หินรุ้งเจ็ดสีไป กลับกลายเป็นเย่หยวนนักยุทธอาณาจักรนภาสวรรค์คนนี้ที่ได้ไป
ตอนนี้ความหวังสุดท้ายของพวกเขาทั้งหลายได้แต่เอาไปฝากไว้ที่วังนั้น
เมื่อมีสามเทพสวรรค์เดินทางมาด้วยมันจึงทำให้อันตรายใดๆ บนเส้นทางไม่ได้เป็นอันตรายอีกต่อไป
ไม่นานเหล่าผู้คนก็ได้เดินทางมาถึงยอดเขาที่สูงที่สุด
หลังจากได้มาถึงหน้าประตูแล้วพวกเขาทั้งหลายจึงได้เห็นความงดงามอลังการที่แท้จริงของวังแห่งนี้
แต่สายตาของเย่หยวนกลับหันไปมองที่ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ
คนผู้นั้นเองก็เหมือนจะรู้สึกได้ถึงสายตาของเย่หยวนและยิ้มตอบกลับมา “พี่เย่ เราได้เจอกันอีกแล้ว! เจ้านี่เก่งกาจจริงๆ ถึงกลับสามารถแย่งชิงหินรุ้งเจ็ดสีมาจากมือของเทพสวรรค์ได้เช่นนั้น!”
คนผู้นี้มันมิใช่ใครอื่นนอกจากถังเหยียน!
เย่หยวนไม่นึกไม่ฝันว่าถังเหยียนผู้ที่เก็บซ่อนพลังไว้นี้จะสามารถเดินทางมาได้จนถึงตอนนี้!
เพราะก่อนหน้าจะถึงแดนกักวิญญาณ เหล่านภาสวรรค์ทั้งหลายที่ผ่านค่ายกลดาบสังหารมาก็ได้ตายลงจนเกือบหมดสิ้นแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกนักยุทธจรที่ไม่มีใครช่วยปกป้องมันยิ่งมีโอกาสจะตายมากกว่า
เย่หยวนไม่นึกไม่ฝันจริงๆ ว่าถังเหยียนจะยังเดินทางมาถึงจุดนี้ได้
“หึๆ พี่ถังเองก็เก็บซ่อนพลังได้อย่างมิดชิด! เย่หยวนคนนี้ขอนับถือ!” เขายกมือขึ้นมาคารวะด้วยรอยยิ้ม
เย่หยวนนั้นคิดมาเสมอว่าตนนั้นเก่งกาจในการอ่านธาตุแท้ผู้อื่น แต่กับถังเหยียนคนนี้เขานั้นไม่สามารถจะมองออกได้จริงๆ
ถังเหยียนยิ้มตอบ “ข้าจะไปมีอะไรให้ผิดซ่อนกัน? ข้ามาถึงนี้ก็ได้ก็เพราะความสามารถในการหลบซ่อนเท่านั้นจึงมาถึงตรงนี้ได้ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นถังคนนี้ก็เกือบตายมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว”
เย่หยวนยิ้มตอบ “พี่ถังช่างถ่อมตัวนัก”
“เหอะ ในที่สุดก็มาถึงรังเฒ่านิรันดร์! วังสวรรค์นิรันดร์! หึๆ หวังว่าเจ้าของสิ่งนั้นคงซ่อนอยู่ที่นี่ใช่ไหม?” เฉียวหยวนหัวเราะและกำลังจะก้าวเดินเข้าไปภายใน
เขานั้นมั่นใจในฝีมือของตนอย่างมากและไม่กลัวว่าจอมเทพนิรันดร์จะวางกับดักใดๆ ไว้
“เดี๋ยวก่อน!” จี้ฉุนร้องบอก
เฉียวหยวนขมวดคิ้วแน่น “หืม? มีอะไรรึเฒ่าโหมวหยู่?”
เทพสวรรค์โหมวหยู่นั้นไม่อาจจะจัดการได้แม้แต่เทพถ่องแท้ แน่นอนว่าเฉียวหยวนย่อมไม่คิดจะเหลือความเคารพใดๆ ให้
โหมวหยู่จึงพูดบอกขึ้น “ท่านเจี่ยวชางส่งพวกเจ้าทั้งสองมานี้เขาไม่กลัวว่าพวกเจ้าจะทำเสียการใหญ่บ้างหรือ?”
เฉียวหยวนที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหัวเราะลั่นขึ้นทันที “โหมวหยู่ เลิกวางท่าต่อหน้าพ่อเจ้าได้แล้ว! หากเจ้าเก่งกาจจริงเหตุใดจึงถูกเฒ่านิรันดร์สะกดไว้กว่าห้าล้านปีเล่า?”
จี้ฉุนหน้าแดงจนเปลี่ยนเป็นสีดำแทบจะระเบิดความโกรธออกมาเสียตรงนั้น
แต่ตอนนี้เขาคือเสือใหญ่ที่หมดแรง มีหรือที่จะต้านทานพลังของเฉียวหยวนได้?
เขาทำได้เพียงแค่พ่นลมอย่างไม่พอใจ “เช่นนั้นก็ตามสบาย! หากเจ้าอยากตายก็เชิญ!”
เฉียวหยวนขมวดคิ้วแน่นทันที คำพูดนี้มันกลับทำให้เขาใจเย็นลงแทน
จู่ๆ สายตาของเขาก็มองไปยังเทพถ่องแท้สามดาวคนหนึ่ง
“เจ้า เข้าไปก่อน!” เฉียวหยวนร้องบอก
เทพถ่องแท้สามดาวคนนั้นหน้าถอดสีแต่ก็ยังคงยืนลังเล
เฉียวหยวนจึงร้องบอก “ไม่ไปก็ตายเสีย!”
พูดไปพลังปราณปีศาจก็พวยพุ่งออกมากดดันร่างของเทพถ่องแท้สามดาวคนนั้นจนไม่อาจหายใจออกได้
ยอดฝีมือเทพสวรรค์ช่างแข็งแกร่ง!
‘ปัง!’
เฉียวหยวนไม่คิดจะให้โอกาสอีกฝ่ายได้ลังเลแม้แต่น้อย เขาต่อยหมัดพุ่งออกมาทำลายร่างของเทพถ่องแท้สามดาวคนนั้นทันที
จากนั้นสายตาของเขาก็ไปจับจ้องที่เทพถ่องแท้อีกคนหนึ่ง “เจ้าเข้าไป!”
เมื่อคนผู้นั้นได้ยินเขาก็หน้าซีดเผือดลงทันที
แต่คราวนี้เขาไม่คิดที่จะลังเลแม้แต่น้อย
แม้จะไม่พอใจสักเท่าไหร่แต่สุดท้ายเขาก็ได้เดินไปยังทางเข้าหลักของวังนั้น
‘ฟู่ ฟู่’.
‘ปัง!’
คลื่นพลังลึกลับถูกปลดปล่อยออกมาทำให้เทพถ่องแท้คนนั้นไม่มีโอกาสแม้แต่จะร้อง ร่างกายของเขาแตกสลายกลายเป็นจุณในทันที
ตอนที่ 1879 กำจัดมันให้ข้า!
ตอนนี้เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายต่างมีสีหน้าหวาดกลัวอย่างเต็มที่ เพราะพลังปิดกั้นของวังสวรรค์นิรันดร์นี้มันช่างแสนรุนแรง
เฉียวหยวนเองก็ตื่นตกใจไม่น้อยก่อนจะหันมาบอกเทพถ่องแท้อีกคนหนึ่ง “เจ้าไป!”
แต่ครั้งนี้คนที่เขาชี้กลับกลายเป็นหยางอี้เต่า
เมื่อหยางอี้เต่าได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของเขาก็ซีดเผือดลงทันที “ทะ…ท่านเทพสวรรค์ เราก็ทดสอบกันไปแล้วมิใช่หรือ?”
เฉียวหยวนหัวเราะขึ้น “ไม่ทดสอบให้มากกว่านี้แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจุดอ่อนของการปิดกั้นนี้มันอยู่ที่ใด?”
แค่คำพูดเดียวนี้มันก็ทำให้ทุกผู้คนตัวแข็งทื่อ
จีคัง ซัวพานและเหล่ายอดฝีมือเทพถ่องแท้ทั้งหลายต่างแสดงสีหน้าไม่สู้ดีออกมา
เพราะเรื่องราวตรงหน้านี้มันคือหายนะที่เข้ามาหาอย่างไม่เลือกหน้า
หยางอี้เต่านั้นรู้ตัวดีว่าคงไม่มีโอกาสรอด จู่ๆ เขาก็ก้มลงคุกเข่าต่อหน้าเย่หยวน
เขารู้ดีว่าตอนนี้มันคงมีแค่เย่หยวนเท่านั้นที่จะช่วยเขาได้
“นะ…น้องเย่! ดะ…ได้โปรดช่วยข้าด้วย!”
เย่หยวนเองก็มึนงงกับเรื่องราวที่เกิดตรงหน้านี้เช่นกัน เพราะจู่ๆ เทพถ่องแท้เก้าดาวคนหนึ่งกลับก้มหัวให้เขาง่ายๆ อย่างนี้?
เมื่อเหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายเห็นภาพนี้พวกเขาทั้งหลายก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโศกเศร้าร่วมกันไปด้วย
แต่ตอนนี้เหล่านภาสวรรค์ที่เหลือจำนวนไม่มากแล้วกลับเป็นฝ่ายที่รู้สึกปลอดภัยแทน เพราะต่อให้พวกเขาทั้งหลายจะเข้าไปในวังมันก็คงช่วยพิสูจน์อะไรไม่ได้มากมาย
เมื่อเฉียวหยวนเห็นเช่นนั้นเขาก็หัวเราะลั่นออกมาทันที
“หึๆ หากเจ้ารู้มาแต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ทำไมก่อนหน้าจึงได้ทำตัวเช่นนั้นเล่า? เขาผู้นี้ได้สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์มาด้วยฝีมือความสามารถของตนแต่พวกเจ้ากลับคิดข่มเหงรังแกผู้คน ตอนนี้พอเกิดเรื่องกลับหันหน้าไปขอพึ่งพาคนที่เจ้าคิดข่มแหง หลังจากนี้ไปเจ้าจะไม่หักหลังเขาอีกหรือ? เด็กน้อยเย่หยวน ข้าขอเตือนความจำเจ้าไว้ ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวมันคงอยู่บนโลกนี้ได้อีกไม่กี่วันหรอก”
เฉียวหยวนนั้นยิ้มกว้างออกมาไม่กังวลแม้แต่น้อยว่าเย่หยวนจะคิดช่วยหยางอี้เต่า
ระหว่างทางที่พวกเขาเดินทางมาแม้พวกเขาจะเก็บซ่อนพลังไว้แต่เรื่องราวความขัดแย้งที่เย่หยวนพบเจอมันก็ย่อมไม่มีทางหลุดรอดพ้นสายตาไป
ถึงตอนนี้หยางอี้เต่าได้แต่นั่งหน้าดำด้วยความเสียใจ
‘ตุบ!’
‘ตุบ!’
‘ตุบ!’
หยางอี้เต่าตบหน้าตัวเองอย่างรุนแรง “เย่หยวน ข้าทำผิดพลาดไปแล้ว! มันเป็นความผิดของข้าทั้งสิ้น! ข้าไม่ควรถูกความโลภเข้าครอบงำจนคิดแย่งสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์จากเจ้าเลย! แต่… แต่สุดท้ายแล้วพวกเราทั้งหลายก็เป็นมนุษย์เช่นกัน เจ้าคิดจะปล่อยให้มีผู้คนต้องตายลงเพราะน้ำมือของปีศาจอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่แล้ว! เย่หยวน ถึงตอนนี้พวกเราทั้งหลายควรร่วมมือกันจัดการศัตรูเผ่าปีศาจให้สิ้นเสียก่อน!”
“ทุกคนนั้นต่างเป็นกำลังหลักของเผ่ามนุษย์ เจ้าจะปล่อยเราตายไปไม่ได้!”
…
เมื่อได้ยินคำพูดของหยางอี้เต่าเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายต่างก็แสดงความเห็นชอบตามๆ กันออกมา พยายามคิดจะใช้กฎหมู่ในการบังคับเย่หยวน
เย่หยวนที่เดิมทียังลังเลไม่น้อยแต่เมื่อหยางอี้เต่าพูดเช่นนั้นออกมา เย่หยวนก็กลับแสดงท่าทีโกรธเคืองขึ้น
“พอ!”
เย่หยวนตะโกนลั่นขัดคำพูดของทุกผู้คนไว้
นั่นทำให้ทุกผู้คนหน้าถอดสี รู้สึกได้ถึงความไม่พอใจของเย่หยวนจากน้ำเสียงนี้ทันที
“หยางอี้เต่า หากเจ้ากลัวตายก็กลัวตายด้วยตัวเอง พยายามบิดเบือนดึงทุกผู้คนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้วเจ้าคิดหวังว่าข้าจะใจอ่อนหรือ? หรือเจ้าแค่คิดว่าข้ามันยังเป็นเด็กน้อยไม่รู้จักโลก?” เย่หยวนมองดูหยางอี้เต่าด้วยรอยยิ้มแสนเย็นเยือก
หยางอี้เต่าหน้าซีดเผือดลงทันทีไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนจะฉลาดปราดเปรื่องปานนี้
ลูกไม้เล็กๆ ของเขานี้เย่หยวนกลับมองออกจนสิ้น
มันทำให้เขาตื่นตกใจอย่างมากเพราะแค่เด็กน้อยอายุไม่กี่พันปีกลับสามารถเข้าใจเรื่องราวบนโลกมองลูกไม้ผู้คนออกได้อย่างชัดเจน
เฒ่าที่อยู่มานับล้านปีนี้กลับไม่สามารถเล่นลูกไม้ใดๆ ต่อหน้าเด็กคนนี้ได้เลย
“แล้วก็พวกเจ้าทั้งหลาย! เจ้าเพิ่งรู้ตัวว่าตนเป็นมนุษย์หรือ? รู้ว่าเรามีศัตรูร่วมกันและควรจะต่อสู้ไปพร้อมๆ กัน? แล้วที่ผ่านๆ มาพวกเจ้าทำบ้าอะไรกันอยู่? ตอนที่พวกมันทั้งสองนี้ไล่ล่าติดตามข้าไปในถ้ำมีพวกเจ้าตัวไหนไหมที่ออกมาช่วยเหลือ? เดิมทีตอนที่จีคังทั้งหลายคิดข่มเหงรังแกผู้คนมีพวกเจ้าสักตัวไหมที่กล้าลุกขึ้นมาช่วยปกป้องข้า? ตอนนี้กลับมาคิดรักตัวกลัวตาย?”
สายตาของเย่หยวนนั้นเต็มไปด้วยความเย้ยหยันมองผ่านหน้าทุกผู้คนไป
ไม่ว่าเขาจะมองผ่านไปทางใด เหล่าเทพถ่องแท้ที่ต้องสายตานี้เข้าก็ต้องก้มหัวลงทันที
เย่หยวนได้แต่พ่นลมหายใจด้วยความไม่พอใจ คนเหล่านี้อวดอ้างแนวคิดร่วมศัตรูของเผ่าพันธุ์แต่สุดท้ายก็เป็นได้แค่พวกเห็นแก่ตัว
คิดจะยกเรื่องศัตรูร่วมของเผ่าพันธุ์มนุษย์มาแล้วใช้กฎหมู่บังคับผู้คน
ที่เฉียวหยวนพูดมานั้นมันย่อมต้องเกิดขึ้นแน่ ต่อให้เขาจะช่วยเหล่าคนทั้งหลายนี้ผ่านเรื่องราวไป เมื่อใดก็ตามที่ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวจางหายไปเหล่าคนทั้งหลายนี้ก็จะกลับมาวางท่าเหนือหัวคนเหมือนเช่นก่อน
“ฮ่าๆ เด็กน้อย ข้าล่ะประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ ดูท่าเจ้าจะเห็นเรื่องราวแจ่มชัดเสียยิ่งกว่าข้าอีก!” เฉียวหยวนหัวเราะลั่นออกมา
เย่หยวนหรี่ตาลงมองไปยังฝูงชนอีกครั้ง “ข้ารู้ดีว่าในหมู่มนุษย์เองก็ต้องมีเทพสวรรค์ซ่อนตัวอยู่เช่นกัน แต่…ข้าล่ะขอชื่นชมความอดทนของพวกท่านจริงๆ ถึงกลับทนทานมาได้จนป่านนี้ หึๆ คิดว่าจะปล่อยให้เรื่องราวดำเนินไปแล้วฉกฉวยจังหวะในโอกาสสุดท้ายกระมัง?”
คำพูดของเย่หยวนนั้นทำให้เฉียวหยวนหน้าถอดสีไป
พวกเขานั้นย่อมสงสัยว่าทางเผ่ามนุษย์เองก็อาจจะมีเทพสวรรค์แฝงตัวมา แต่ตอนนี้แม้จะมีหินรุ้งเจ็ดสีมาวางตรงหน้าพวกเขาก็ยังไม่คิดจะโผล่หน้าปรากฏตัวออกมา มันทำให้เฉียวหยวนคิดไปแล้วว่าแท้จริงมันอาจจะไม่มีเทพสวรรค์จากฝั่งมนุษย์มา
ไม่นึกว่าแท้จริงแล้วเย่หยวนเองก็จะสงสัยเช่นกันว่าในหมู่มนุษย์นั้นมีเทพสวรรค์แฝงตัวเข้ามาด้วย
เย่หยวนกวาดสายตามองไปด้วยรอยยิ้มบางๆ “ไม่คิดจะตอบหรือ? พวกเจ้ามันคิดว่าข้าโง่งมนักกระมัง คิดจะปล่อยให้ข้าสู้กับเทพสวรรค์ของเผ่าปีศาจให้ตายกันไปข้าง? ขอโทษทีแล้วกัน แม้พวกเจ้าจะอยากหลบเลี่ยงแต่ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าได้หลบเลี่ยงแน่! ผู้อาวุโสขวังต้าว ฟันพวกมันสักที กดดันให้เทพสวรรค์ปรากฏตัวออกมาหน่อย!”
เมื่อเฉียวหยวนได้ยินเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่น “ฮ่าๆ เด็กน้อย เจ้านั้นมันช่างอำมหิต! ยอดเยี่ยมจริงๆ!”
แต่คำพูดนี้กลับทำให้จีคังและพวกหน้าถอดสีทันที “เย่หยวน เจ้า… เจ้าคิดจะทำอะไร?”
เย่หยวนยิ้มตอบกลับมาอย่างเย็นเยือก “อย่าว่าข้าเลย คิดจะโทษใครก็ขอให้ไปโทษเหล่าเทพสวรรค์เถอะ! ผู้อาวุโส จัดการ!”
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวพยักหน้ารับพร้อมปล่อยพลังชั่วร้ายออกมาอย่างรุนแรงทำให้เหล่ายอดฝีมือมนุษย์ทั้งหลายต้องมีใบหน้าซีดเซียว
ต่อหน้าผีเทพสวรรค์ขวังต้าวพวกเขานั้นไม่มีกำลังใดๆ ที่จะไปต่อต้านได้เลย มันย่อมไม่ต่างอะไรจากหมูที่ได้แต่นั่งรอถูกเชือด
เมื่อดาบถูกฟันออก มันก็มาพร้อมคลื่นพลังที่บ้าคลั่ง
‘ฟุบ’
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวไม่คิดที่จะลังเลแม้แต่น้อยและฟันดาบออกมาอย่างเต็มแรง
นั่นทำให้เหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายได้แต่ยืนมองตัวแข็ง ตอนนี้พวกเขาทั้งหลายได้เข้าใจแล้วว่าเย่หยวนนั้นไม่ได้ล้อลเล่นกับพวกเขาจริงๆ
แต่ในเวลานั้นเองที่เกิดมีสองคลื่นพลังปะทุขึ้นมารับดาบนี้ไว้
‘ปัง!’
นั้นทำให้พลังของดาบจางหายและทุกสิ่งอย่างกลับเข้าสู่สภาวะเงียบงัน
คลื่นพลังที่ปะทุขึ้นมาท่ามกลางเหล่ามนุษย์นี้มันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเหล่าเทพสวรรค์ของเผ่าปีศาจเลย
นั่นทำให้เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายต้องหน้าถอดสีไปตามๆ กัน
จีคังหรี่ตาลงทันทีเมื่อต้องมองไปเห็นเงาร่างหนึ่งในสองนั้น “ท่านจ่าวมิน ท่าน… ท่านมาด้วย!”
จ่าวมินมองดูที่จีคังด้วยท่าทางไม่พอใจ “หึ! ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้างเราต้องเสียหน้าสิ้นเพราะเจ้า!”
จีคังนั้นแสดงท่าทางอับอายออกมาเพราะการที่เขาถูกเด็กนภาสวรรค์คนหนึ่งกดดันจนถึงขนาดนี้มันย่อมเป็นคำดูถูกที่หนักหนากว่าสิ่งใดๆ ในชีวิต
แต่เขานั้นไม่มีทางเลือก!
นอกจากที่ว่าอีกฝ่ายมีพลังถึงระดับเทพถ่องแท้แล้ว เขายังมีเทพสวรรค์คอยปกป้องอยู่อีกด้วย!
แต่เป็นเทพสวรรค์อีกคนที่พูดขึ้นมา “หึๆ จ่าวมิน เจ้าเองก็อาจจะไม่ได้ดีไปกว่าจีคังหรอก เด็กคนนี้มันไม่ธรรมดา!”
“เลิกไร้สาระได้แล้ว! ตู้หง นี่คือเรื่องภายในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้างข้า ไม่เกี่ยวใดๆ กับเจ้า!” จ่าวมินด่ากราดขึ้น
พูดจบจ่าวมินก็หันไปมองดูเย่หยวนด้วยสายตาเย็นเยือก “เด็กน้อย เจ้าเองก็ช่างกล้า ถึงมาท้าทายยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้างข้าได้! ผลที่ตามมามันย่อมเหนือล้ำกว่าที่เจ้าจะทนรับไหว!”
เย่หยวนมองดูเขาและจู่ๆ ก็ยิ้มออกมา “เจ้าขู่ข้า? ผู้อาวุโสขวังต้าว กำจัดมันให้ข้าที!”
ตอนที่ 1880 ถังเหยียนผู้ลึกลับ
‘ปัง!’
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวนั้นไม่คิดลังเลแม้แต่น้อย เขาใช้เงาผีอนันต์ออกมาฟาดฟันดาบลงในทันที
หนึ่งดาบนี้มันกลับฟาดฟันร่างของจ่าวมินจนปลิวลอยไป
‘อั้ก!’
จ่าวมินที่ถูกดาบนี้เข้าไปต้องรับบาดเจ็บอย่างสาหัส ได้แต่ไอกระอักเลือดออกมา
เงาผีอนันต์ของผีเทพสวรรค์ขวังต้าวนั้นมันรุนแรงจนแม้แต่เฉียวหยวนและอายเมิงร่วมมือกันยังรับไว้ไม่ได้ แล้วมีหรือที่จ่าวมินคนเดียวนี้จะสามารถรับมันไว้ได้?
“ฮ่าๆ! จ่าวมินเจ้าสมองเพี้ยนไปแล้วหรือ? ไม่มองดูสถานการณ์ตรงหน้าแต่เจ้ากลับกล้าคิดท้าทายเย่หยวน?” เมื่อเฉียวหยวนได้เห็นเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่นขึ้นมา
พวกเขาทั้งสองเทพสวรรค์เผ่าปีศาจนี้ยังไม่กล้าที่จะร่วมมือกันจัดการผีเทพสวรรค์ขวังต้าวลง
ตอนนี้จ่าวมินที่ตัวคนเดียวไม่มีใครคอยช่วยเหลือกลับคิดใช้ชื่อยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้างมาข่มขู่เย่หยวน เขาคิดจริงๆ หรือว่าเย่หยวนจะเป็นคนหัวอ่อนยอมใครง่ายๆ เช่นนั้น?
เมื่อเหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายได้เห็นเช่นนั้นพวกเขาต่างก็แสดงสีหน้าตื่นตกใจราวกับว่าหัวใจจะเต้นหลุดออกจากปาก
นี่คือยอดฝีมือเทพสวรรค์ แต่เย่หยวนกลับสามารถซัดร่างของเขาจนลอยปลิวได้ด้วยดาบเดียว
และที่มันจบแค่นี้ก็เป็นเพียงแค่เพราะมิติมันไม่เสถียรพอ ไม่เช่นนั้นเย่หยวนคงได้ฆ่าสังหารผู้คนไปแล้ว
แต่แค่การโจมตีนี้มันก็ได้สร้างความบาดเจ็บให้แก่จ่าวมินอย่างสาหัส
จ่าวมินนั้นพยายามลุกคลานขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ดำมืดเป็นก้นหม้อ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอาการบาดเจ็บหรือเพราะความอับอายที่เขาได้รับ
“ใครที่มาที่นี่ต่างคิดหมายจะครอบครองสมบัติแต่เจ้ากลับเอาชื่อยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้างมาข่มขู่ข้า? ข้าว่าเจ้าคงลืมสมองไว้ที่บ้านเสียแล้วกระมัง?” เย่หยวนเย้ย
“จำเรื่องนี้ไว้ให้ดี!” จ่าวมินได้แต่กัดฟันพูดไป
ภายใต้สถานการณ์ในตอนนี้ผู้ที่กุมอำนาจเหนือล้นนั้นมิใช่เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายเป็นแต่เย่หยวน นักยุทธ์นภาสวรรค์สามดาวคนนี้!
เรื่องทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นได้ก็เพราะว่าผีเทพสวรรค์ขวังต้าวนั้นมีพลังเหนือล้ำกว่าเทพสวรรค์คนอื่นๆ อย่างมาก
และผีเทพสวรรค์ขวังต้าวคนนี้ก็รับคำสั่งของเย่หยวนอย่างไม่คิดบิดพลิ้ว!
จ่าวมิน หนึ่งในยอดฝีมือจากยอดค่ายสำนักนี้แสดงท่าทางโอหังเช่นนั้นออกมาเพราะมันเป็นท่าทางที่เขาแสดงออกมาอยู่ทุกวัน
เพราะเรื่องที่เย่หยวนมีกับจีคังและฉูชิง เขาเองก็ได้เห็นและคิดว่ามันคือการลบหลู่ยอดเมืองหลวงจักรพรรดิสวรรค์กว้างไม่น้อย ทำให้สุดท้ายเขาพูดกล่าวคำข่มขู่เหล่านั้นออกมา
เว้นเสียแต่ว่าเขาไม่คาดฝันว่าเย่หยวนจะลงมือคิดสังหารออกมาในทันทีที่เกิดการถกเถียงขึ้น
คำพูดและการกระทำของเย่หยวนนี้มันไม่ได้เหมือนผู้น้อยหนุ่มสาวเลย มันเป็นท่าทางที่ยอดคนผู้ปกครองดินแดนจะแสดงออกมา
“หึ ในเมื่อเจ้าสองขี้ขลาดนี้ปรากฏตัวออกมาแล้ว เราก็คงพูดจาเรื่องการเข้าวังสวรรค์นิรันดร์กันต่อแล้วได้ใช่ไหม?”
คำพูดเหล่านี้เฉียวหยวนบอกแก่เย่หยวน
เพราะตอนนี้เย่หยวนเป็นคนที่ถือสิทธิ์ในการพูดมากที่สุด
เย่หยวนตอบกลับไปง่ายๆ “เจ้าจะทำอะไรก็เรื่องของเจ้า หากเจ้ามีปัญญาก็เข้าไปเอาสมบัติเสีย หากไม่มีปัญญาก็รอคอยอยู่ด้านนอกไป! ผู้อาวุโสขวังต้าว ไปกัน!”
พูดจบเย่หยวนก็พาผีเทพสวรรค์ขวังต้าวเดินเข้าไปในค่ายกลปิดกั้น
นั่นทำให้เฉียวหยวนต้องเบิกตากว้าง เด็กคนนี้มันช่างกล้าถึงกับคิดเดินเข้าไปง่ายๆ เช่นนั้น มันไม่กลัวตายบ้างหรือ?
“หึ! เจ้าโง่เง่า!” เมื่อจ่าวมินเห็นเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะว่าด่าออกมา
ในขณะเดียวกันในหัวใจของเขาก็ได้แต่สวดภาวนาให้เย่หยวนถูกพลังปิดกั้นนั้นทำลายให้แหลกเป็นชิ้นๆ ไป
แต่ทว่าเขากลับคิดผิด
เพราะหลังจากเย่หยวนเดินไปถึงขอบของพลังปิดกั้น พลังปิดกั้นนั้นกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ แสดงออกมาเลย!
เขาแค่ขยับตัวนิดหน่อยมันก็เดินเข้าไปถึงประตูหน้าวังได้ทันที
‘เอี้ยด’
ประตูนั้นถูกเย่หยวนเปิดออก
นั่นทำให้เฉียวหยวนต้องร้องตะโกนออกมาราวกับคนคลั่ง “ที่แท้เจ้าเด็กคนนี้มันรู้จุดของพลังปิดกั้น! ให้ตาย!”
“จะปล่อยมันเข้าไปไม่ได้! ไม่เช่นนั้นแล้วสมบัติภายในคงถูกมันกวาดไปจนเกลี้ยงแน่!” จ่าวมินร้องขึ้นตาม
เย่หยวนหันกลับมายิ้มให้ทุกผู้คน “พวกเจ้าตามสบายเถอะ ไม่ต้องรีบ ข้าจะขอเข้าไปดูเส้นทางข้างในก่อน”
พูดจบเขาก็เดินเข้าไปในวังสวรรค์นิรันดร์ทันที
“นี่มัน… จะทำอย่างไรต่อดี? เฒ่าจอมเทพนิรันดร์มันวางเขตปิดกั้นไว้อย่างทรงพลัง ด้วยพลังฝีมือของพวกเราทั้งหลายการจะฝ่าเข้าไปมันคงไม่ง่ายแน่!” อายเมิงร้องบอก
คนอื่นๆ เองก็แสดงสีหน้าท่าทางสิ้นหวังออกมา ไม่คิดไม่ฝันว่าในวินาทีสุดท้ายพวกเขาทั้งหลายกลับถูกเย่หยวนแย่งชิงตัดหน้าไป
ในเวลาที่พวกเขาทั้งหลายต่างไม่รู้ต้องทำอย่างไร เย่หยวนกลับเดินผ่านเข้าไปหน้าตาเฉย
“ทุกท่าน ข้าคิดว่าข้าสามารถพาพวกท่านทั้งหลายเข้าไปได้” ระหว่างที่ทุกผู้คนกำลังหมดหวังก็ได้ยินเสียงสวรรค์หนึ่งดังขึ้น
เมื่อมองไปทางต้นเสียงเขาก็พบว่าผู้พูดเป็นเด็กหนุ่มนภาสวรรค์คนหนึ่ง
“เจ้า? เจ้าแน่ใจว่าทำได้อย่างนั้นเหรอ?” จ่าวมินถามขึ้นด้วยความสงสัย
ชายหนุ่มยิ้มตอบกลับมา “ข้าไปให้ดูก่อนก็ได้”
ทุกคนต่างหันไปมองหน้ากันและเป็นเฉียวหยวนก็กล่าวขึ้น “ได้! เจ้าลองไป!”
ชายหนุ่มคนนี้ค่อยๆ เดินออกไปด้านหน้าอย่างช้าเชื่องเหมือนกำลังออกมาเดินเล่นในสวน และสุดท้ายก็เดินไปกลับได้จริงๆ
เว้นเสียแต่ว่าความเร็วในการเดินของเขานั้นมันต่ำกว่าเย่หยวนอย่างเทียบกันไม่ติด
เมื่อทุกผู้คนเห็นเช่นนั้นพวกเขาก็ตื่นเต้นดีใจจนออกนอกหน้ากันทันที
ไม่มีใครคิดฝันว่าเด็กหนุ่มนภาสวรรค์คนหนึ่งกลับจะสามารถฝ่าพลังปิดกั้นอันลึกล้ำนี้เข้าไปได้
เฉียวหยวนเบิกตาขึ้นกว้างด้วยความพอใจ “เจ้ามีนามว่า?”
ชายหนุ่มตอบกลับ “ถังเหยียน”
แน่นอนว่าชายหนุ่มคนนี้ย่อมไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือถังเหยียนนั่นเอง!
แม้แต่เย่หยวนก็คงยังไม่อาจคาดคิดถึงว่าในที่แห่งนี้จะยังมีคนที่สามารถผ่านเขตแดนพลังปิดกั้นนี้เข้าไปได้
“ฮ่าๆ สวรรค์มีตาเสียจริงๆ! เอาล่ะ รีบนำทางเข้าไป!” เฉียวหยวนบอกขึ้นด้วยท่าทางรีบร้อย
แต่ถังเหยียนกลับยิ้มออกมา “ผู้อาวุโสอย่าเพิ่งรีบร้อนไป ถังเหยียนคนนี้ไม่มีพลังฝีมืออื่นแต่พอรู้วิชาเขตแดนปิดกั้นอยู่บ้าง แต่ทว่าผู้น้อยคนนี้มีเรื่องจะขอ”
นั่นทำให้เฉียวหยวนหน้าเปลี่ยนสีไปทันที เขากลับไปสู่สภาวะปกติและถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ว่ามา!”
เพราะถึงเวลานี้แล้วหากถังเหยียนไม่ขออะไรเลยมันคงจะดูแปลกเสียมากกว่า
ถังเหยียนยิ้ม “ผู้อาวุโสต้องพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปกป้องข้าให้พ้นภัยออกไปจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ได้ พวกท่านทั้งหลายต้องสาบานต่อเต๋าสวรรค์ด้วย! อย่าใช้สายตาเช่นนั้นมองข้าเลย ด้วยความสามารถของจอมเทพสวรรค์นิรันดร์มันยังไม่แน่เลยว่าด้านหน้านี้จะมีอะไรรอเราอยู่อีก ข้านั้นแค่ต้องการความปลอดภัย เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายท่านไม่มีเสียมีแต่จะได้ แต่ตอนนี้ผู้น้อยนั้นมีความหวังแค่อย่างเดียวคืออยากกลับออกไปอย่างปลอดภัยก็เท่านั้น”
นั่นทำให้เหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลายหันมองหน้ากันก่อนจะยอมรับข้อเสนอของถังเหยียนอย่างรวดเร็ว
เพราะอย่างที่ถังเหยียนว่า เขตแดนพลังปิดกั้นของจอมเทพนิรันดร์นี้มันช่างแสนที่จะทรงพลัง
แถมที่แห่งนี้ยังเป็นรังของจอมเทพนิรันดร์ ภายในจะมีเขตแดนเช่นใดรออยู่อีกมันก็ไม่มีทางทราบได้เลย
แต่เมื่อมีถังเหยียนไปด้วย เรื่องราวมันก็อาจจะไม่เป็นทางตันเสียทีเดียว
หลังจากสาบานต่อเต่าสวรรค์แล้วถงเหยียนก็ได้พาทุกคนเข้าไปยังวังสวรรค์นิรันดร์
…
หลังจากเข้ามาภายในวังสวรรค์นิรันดร์ได้ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวก็หัวเราะลั่นขึ้นมา “หึ เจ้าโง่พวกนั้นมันจะทราบได้อย่างไรว่านายน้อยคือผู้สืบทอดของท่านจอมเทพนิรันดร์? เท่านี้พวกมันก็คงได้แต่นั่งรออยู่ภายนอกแล้ว”
เย่หยวนยิ้มตอบ “อาจจะไม่เป็นเช่นนั้น!”
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวหน้าถอดสีและถามขึ้น “นายน้อยหมายความว่าอย่างไร?”
เย่หยวนบอก “จอมเทพนิรันดร์นั้นได้วางเรื่องราวอย่างใหญ่โตเช่นนี้ มันก็เพื่อที่จะล่อคนทั้งหลายนี้มา ตอนนี้เมื่อพวกเขาทั้งหลายมาถึงหน้าประตูวังแล้วมีหรือที่จะถูกปิดประตูไล่ใส่หน้าได้?”
นั่นทำให้ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวแสดงท่าทางคิดหนักออกมา “นี่มัน… ท่านจอมเทพนิรันดร์ต้องการที่จะทำอะไรกันแน่?”
เย่หยวนหัวเราะขึ้น “เรื่องนั้นคงต้องไปถามเขาเอาเองแล้ว! ไม่ว่าอย่างไรเสียมันก็คงไม่ใช่เรื่องดีต่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์แน่! หืม?”
จู่ๆ เย่หยวนก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังหนึ่งออกมาจากโถงบัลลังก์ม่วง
แค่ชั่วพริบตานั้นเขาก็ได้เห็นตงน้อยที่ปรากฏตัวออกมาพร้อมเจ้าหมูสมบัติในอ้อมอก
‘อู๊ดๆ’ เจ้าหมูสมบัติหันมาร้องใส่เย่หยวน
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นก่อนจะยิ้มขึ้น “ได้ ข้าจะตามเจ้าไป!”
ตงน้อยเองจึงปล่อยมือ ปล่อยให้เจ้าหมูสมบัติได้วิ่งนำทางเข้าไปยังส่วนลึกของโถงอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ 1881 กวาดเรียบ
“ช่างเป็นกลิ่นอายโอสถที่รุนแรง! หากคนเหล่านั้นได้มาเห็นพวกมันทั้งหลายคงได้เริ่มเข่นฆ่าสังหารกันอีกแน่”
เมื่อเห็นทั้งขวดโอสถและสมุนไพรทั้งหลายตรงหน้าเย่หยวนก็อดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทางปวดหัวขึ้นมา
ด้วยการนำของเจ้าหมูสมบัติ สุดท้ายแล้วพวกเย่หยวนก็ได้มาถึงโถงข้างที่เต็มไปด้วยเม็ดโอสถและสมุนไพร
หากคาดเดาไม่ผิด ที่แห่งนี้คงเป็นห้องที่จอมเทพนิรันดร์ใช้ในการเก็บเหล่ายาโอสถทั้งหลายไว้
เมื่อหมูสมบัติเห็นกองโอสถตรงหน้าสองตาของมันก็ลุกโชนก่อนจะพุ่งตัวออกไปราวสายฟ้าเข้าไปกัดกินขวดโอสถทั้งหลายอย่างตะกละตะกลาม
คุณภาพของเหล่าโอสถทั้งหลายนี้ย่อมไม่ต้องพูดถึง เมื่อเย่หยวนกวาดตามองเขาก็พบว่าพวกมันนั้นเป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหกขึ้นไปทั้งสิ้น แถมยังมีอีกหลายต่อหลายเม็ดที่ขึ้นไปถึงระดับเจ็ด
โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดนั้นมันเป็นสิ่งของที่มีประโยชน์ต่อเทพสวรรค์อย่างมาก
“หืม? นี่มันอะไรกัน?”
เย่หยวนเห็นว่าที่มุมของโต๊ะหนึ่งนั้นมีขวดใบน้อยวางเรียงรายกันไว้หลายใบพร้อมด้วยคลื่นพลังอันแสนรุนแรงที่ถูกปล่อยออกมา
โฮก!
เมื่อเปิดขวดใบหนึ่งออกดูเขาก็ได้ยินเสียงของมังกรคำรามลั่นฟ้าจนแทบทำให้ทั้งโถงถล่มทลายลงมา
เย่หยวนรีบปิดฝาขวดนั้นลงด้วยความตื่นตกใจ “นี่มันเลือดแท้มังกรฟ้า! ภายในขวดใบน้อยนี้มันคงมีเลือดแท้มังกรฟ้าเก็บไว้อยู่หลายหยดหยาด”
คุณค่าของเลือดแท้นี้มันมหาศาล แค่หยดเดียวผู้คนก็แย่งกันจนถึงเป็นถึงตาย
หากเลือดแท้เหล่านี้ถูกเอาไปวางไว้ด้านนอกมันคงทำให้ผู้คนบ้าคลั่งอยากครอบครองเป็นแน่
นั่นทำให้เย่หยวนลังเลไม่น้อยก่อนจะเรียกอิ้งหมัวหู่และหนิงเทียนปิงออกมา
“นายใหญ่!”
“พี่ใหญ่!”
เย่หยวนยื่นขวดเลือดแท้พยัคฆ์ขาวให้แก่อิ้งหมัวหู่และเลือดแท้เต่าดำให้แก่หนิงเทียนปิง ก่อนจะพูดกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ในนี้มันมีเลือดแท้พยัคฆ์ขาวและเลือดแท้เต่าดำ พวกเจ้านำมันไปหลอมกลั่นเถอะ มันน่าจะช่วยเพิ่มพลังความสามารถให้พวกเจ้าได้อย่างมหาศาล”
เมื่ออิ้งหมัวหู่เปิดฝานั้นออกเขาก็พบกับเสียงคำรามร้องของพยัคฆ์ขาวลั่นออกมาจนเขาหน้าของเขาต้องเปลี่ยนสี “ม-มากขนาดนี้?”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “เจ้านั้นมีกายเนื้อของพยัคฆ์ขาวอยู่แล้ว เมื่อนำเลือดแท้ของพยัคฆ์ขาวมาหลอมด้วยมันคงส่งผลประโยชน์ให้เจ้าได้มากกว่าคนผู้อื่นเป็นเท่าตัว”
อิ้งหมัวหู่นั้นกล่าวตอบกลับมาด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ “ขอบคุณมากพี่ใหญ่! ข้าขอตัวเข้าเก็บตัวเพื่อหลอมมันก่อนล่ะ!”
“ขอบคุณนายใหญ่!” หนิงเทียนปิงเองก็พยายามที่จะกดความตื้นตันนี้ไว้และกล่าวคำขอบคุณออกมา
หลายปีมานี้ทั้งอิ้งหมัวหู่และหนิงเทียนปิงต่างพยายามบ่มเพาะในโถงบัลลังก์ม่วงอย่างสุดตัวและก็สามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์มาได้ในที่สุด
เพียงแค่ว่าหากเทียบความเร็วกันแล้ว พวกเขานั้นไม่อาจเทียบเคียงเย่หยวนได้
เมื่อจบเรื่องราวเย่หยวนเองก็ไม่คิดลังเลและยกขวดเลือดแท้มังกรฟ้าขึ้นดื่มไปถึงสามหยดและเริ่มทำการหลอมกลั่นมัน
“ผู้อาวุโสขวังต้าว โปรดดูแลข้าด้วย ข้าขอตัวหลอมกลั่นเลือดแท้มังกรฟ้าก่อน”
“ขอรับนายน้อย!”
ตงน้อยหรี่ตามอง “เจ้าดื่มเลือดแท้มังกรฟ้าไปถึงสามหยดในคราเดียว เจ้าไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้วหรือ?”
เย่หยวนยิ้ม “ข้ากลัวแค่ว่ามันจะไม่พอเสียด้วยซ้ำ!”
เมื่อเลือดแท้มังกรฟ้าไหลลงท้องไปเย่หยวนก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังที่แสนบ้าคลั่งจนทำให้คลื่นพลังจากร่างของเขาต้องปั่นป่วน
หลังจากผ่านไปได้สองชั่วโมงในที่สุดเย่หยวนก็เบิกตาลืมขึ้น ตอนนี้เขาสามารถบรรลุขึ้นมาถึงอาณาจักรลายพระเจ้าสี่ดาวได้แล้ว
ตงน้อยได้แต่มองดูภาพตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง “เจ้ามันใช้วรยุทธ์บ่มเพาะแบบไหนกันแน่? หลอมเลือดแท้มังกรฟ้าไปถึงสามหยดแต่กลับทำได้แค่บรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ขึ้นมาอีกหนึ่งดาว! ที่สำคัญความเร็วการหลอมกลั่นของเจ้านี้มันจะเร็วไปหน่อยไหม?”
เล้งชิวหลิงนั้นใช้เวลากว่าหลายเดือนเพื่อที่จะหลอมเลือดแท้วิหคชาดแค่หยดเดียว แต่เย่หยวนกลับใช้เพียงแค่สองชั่วโมงในการหลอมเลือดแท้มังกรฟ้าถึงสามหยด
ความเร็วนี้มันเหนือล้ำสามัญสำนึก
เย่หยวนยิ้ม “เรื่องนี้ไว้ค่อยคุยกันวันหน้า ตอนนี้เรารีบออกไปจากที่แห่งนี้กันก่อนดีกว่า ภายในวังสวรรค์นิรันดร์นี้มันน่าจะยังมีสมบัติอีกมากมาย ไปเดินดูกันต่อก่อน”
จู่ๆ เจ้าหมูสมบัติก็ร้องขึ้นและพุ่งตัวเข้ามาสู่อ้อมอกของตงน้อยก่อนจะหลับลงในทันที
เย่หยวนจึงได้แต่หันไปมองดูด้านหลังด้วยความตื่นตกใจ เหล่าโอสถทั้งหลายนั้นไม่ได้มีน้อยนิด แต่เจ้าหมูน้อยนี้กลับกลืนกินมันไปจนหมดสิ้นไม่เหลือสิ่งใดไว้
เขาได้แต่ตื่นตะลึงอยู่ในหัวใจ เจ้าหมูสมบัตินี้มันเป็นสัตว์เลี้ยงประเภทใดกันถึงได้กลืนกินทุกสิ่งอย่างไปได้เช่นนี้
โอสถที่มากมายขนาดนี้ถ้าเอาไปให้ผู้คนทั่วๆ ไปกินแล้วร่างกายของพวกเขาคงต้องระเบิดแหลกเป็นซาก แต่เจ้าหมูสมบัตินี้กลับสามารถคงร่างอยู่ได้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง
ภายในท้องของเจ้าตัวน้อยนี้มันเป็นกันแน่?
ในเวลานั้นเองที่จู่ๆ ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวก็พูดขึ้นมา “นายน้อย ข้า…ขวังต้าวคงไม่อาจเดินท่านร่วมกับท่านได้อีกต่อไปแล้ว”
เย่หยวนหัวไปมองผีเทพสวรรค์ขวังต้าวแค่ครั้งเดียวก็เข้าใจได้ว่าเวลาของเขาหมดลงแล้ว “ระหว่างทางมานี้ขอบคุณผู้อาวุโสขวังต้าวมากที่คอยดูแล”
ขวังต้าวรีบพูดขึ้นมา “นายน้อยพูดอะไรกัน? ท่านคือผู้สืบทอดทายาทของนายท่านจอมเทพนิรันดร์ แถมยังเป็นนายท่านของท่านหวู่เฉิน แน่นอนว่าท่านเองก็ย่อมเป็นนายของขวังต้าวผู้นี้เช่นกัน! หากไม่มีพวกเขาทั้งสองแล้วจะมีผีเทพสวรรค์คนนี้ขึ้นมาได้หรือ? นายน้อย เมื่อท่านกลับไปยังมหาพิภพถงเทียนแล้วอย่าลืมมาแวะเวียนเยี่ยมข้าที่มิติผีไร้แดนด้วยล่ะ!”
มิติผีไร้แดนนั้นเป็นเหมือนกับอาณาจักรเทพอสูร มันเป็นดินแดนแห่งหนึ่งในมหาพิภพถงเทียน
เพียงแค่ว่ามิติผีไร้แดนนี้มันเป็นดินแดนสวรรค์ของเหล่ายอดฝีมือผีเต่าทั้งหลาย
เย่หยวนพยักหน้ารับ “แน่นอน! ผู้อาวุโสขวังต้าว ดูแลตัวเองด้วย!”
ขวังต้าวยกมือขึ้นมาคารวะก่อนจะบอกลา “ดูแลตัวเองด้วย นายน้อย!”
เมื่อขวังต้าวจากไปแล้วตอนนี้เย่หยวนจึงไม่มีเทพสวรรค์ใดๆ คอยปกป้องอีกต่อไป
เพราะฉะนั้นเวลานี้เขาจะไปพบเจอกับคนทั้งหลายนั้นไม่ได้อีกแล้ว
โชคยังดีที่หวู่เฉินนั้นรู้สภาพภายในของวังสวรรค์นิรันดร์เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นการจะหลบไม่ให้เจอหน้าคนเหล่านั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นเลย
…
“ช่างเป็นกลิ่นโอสถที่รุนแรงนัก! ของภายในนี้มันต้องเป็นของดีล้ำแน่!” เมื่อได้กลิ่นโอสถที่หอมคลุ้งออกมาจ่าวมินก็ร้องบอกทันที
เฉียวหยวนและพวกนั้นต่างต้องผ่านความยากลำบากอย่างมากกว่าจะมาถึงโถงข้างนี้ได้
เพราะพวกเขาทั้งหลายนั้นมิใช่เย่หยวน เย่หยวนนั้นมีหวู่เฉินคอยนำทางย่อมไม่เกรงกลัวอันตรายใดๆ ที่มีในวังสวรรค์นิรันดร์นี้แม้แต่น้อย
แต่พวกเขาทั้งหลายนั้นได้แต่ค่อยๆ ฝ่าเข้ามาในดินแดนที่ไม่รู้จัก หลายต่อหลายคนต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส บ้างถึงขั้นตายลงไประหว่างทาง
ตอนนี้เหล่าคนทั้งหลายได้แต่เดินเรียงแถวกันเข้ามาในโถงนี้
“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไรกัน?” เมื่อเข้ามาถึงสีหน้าของจ่าวมินก็ซีดลงทันที
เพราะภายในโถงข้างนี้มันเต็มไปด้วยขวดเปล่ากระจัดกระจาย
จีคังเองก็ได้แต่ตะโกนร้อง “นี่มันคือห้องหลอมโอสถของจอมเทพสวรรค์นิรันดร์แน่นอน กลิ่นโอสถที่รุนแรงขนาดนี้แสดงให้เห็นว่าไม่นานมานี้น่าจะยังมีโอสถอยู่มากมาย! เรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือเย่หยวนแน่ ของดีๆ ทั้งหลายโดนเจ้าหมูนั่นแย่งไปจนสิ้น!”
เหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายต่างแสดงท่าทางโกรธแค้นจนหน้าดำหน้าแดงออกมา
เพราะพวกเขาทั้งหลายนั้นต้องการเดินอย่างระวัง พลาดครั้งเดียวอาจถึงตาย ทำให้ไม่สามารถตามติดความเร็วของเย่หยวนได้ทัน
แต่สิ่งที่จีคังพูดมามันก็ไม่ได้ผิดเสียทีเดียว
เพราะโอสถทั้งหลายนี้ถูกหมูแย่งเอาไปจริงๆ
เว้นเสียแต่ว่าหมูที่พูดนี้ไม่ได้แทนตัวเย่หยวน แต่เป็นหมูตัวจริงเสียจริง
“น่าชังนัก! จอมเทพนิรันดร์นั้นเป็นเทพโอสถที่ขึ้นชื่อ โอสถในที่นี้มันจะมีถึงโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดก็ไม่แปลก! แต่เจ้าเด็กคนนั้นมันกลับฉกฉวยไปจนหมด! เมื่อใดที่ข้าจับตัวมันได้เฒ่าคนนี้จะฉีกร่างมันให้เป็นชิ้นๆ!” ตู้หงร้องลั่นด้วยความโกรธแค้น
“ไม่ได้การ! เราต้องรีบตามมันไปเสียแล้วไม่เช่นนั้นเราคงไม่ได้อะไรติดมือกลับไปแน่ ของดีงามทั้งหลายจะตกไปอยู่กับเจ้าเด็กคนนี้ ถังเหยียน เจ้ารีบนำทางไป! หืม? ถังเหยียนมันไปไหนแล้ว?” จ่าวมินร้องขึ้น
“เอ๋? เมื่อกี้เขายังอยู่ตรงนี้อยู่เลย ไปไหนเสียแล้ว?”
“ให้ตาย! หากไม่มีเด็กคนนี้อยู่ด้วยแล้วเราย่อมไม่มีทางรับมือเขตแดนพลังปิดกั้นได้ คงต้องตายแน่”
“เด็กที่ชื่อถังเหยียนคนนี้มันก็ไม่ได้ลึกลับน้อยไปกว่าเย่หยวนเลย”
…
เมื่อทุกคนหันหน้ากลับไปพวกเขากลับพบว่าถังเหยียนที่เป็นผู้นำทางมานั้นได้จางหายไปกับอากาศเสียแล้ว
การที่พวกเขาทั้งหลายเดินทางมาจนถึงตรงนี้ได้มันล้วนแล้วแต่พึ่งพาการนำของถังเหยียนทั้งสิ้น
ตอนนี้เมื่อถังเหยียนหายตัวไป ทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาในใจ
สี่เทพสวรรค์ที่อยู่ตรงนี้ต่างมีสีหน้าซีดเซียว
ในเวลานั้นเองที่มีเงาร่างหนึ่งกำลังวิ่งอยู่ภายในวังสวรรค์นิรันดร์นี้ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ พร้อมพลังปิดกั้นที่จะปะทุขึ้นมาเป็นครั้งๆ
แต่ทว่าพลังปิดกั้นเหล่านั้นกลับไม่อาจทำอะไรร่างนี้ได้เลยแม้แต่น้อย!
หากเย่หยวนมาเห็นภาพนี้เขาคงรู้ได้ทันทีว่าผู้ที่วิ่งอยู่ด้วยความเร็วสูงนี้คือถังเหยียนนั่นเอง!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น