Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1874-1877
ตอนที่ 1874 ถังเหยียน
คำพูดของเย่หยวนนั้นดังก้องไปทั่วด้วยน้ำเสียงที่แสนหยิ่งยโส
แต่ตอนนี้กลับไม่มีใครเลยที่คิดว่าเขากำลังพูดจาอวดดี
เพราะเย่หยวนที่มีธงศึกดาวฤกษ์อยู่ในมือนี้มันมีคุณสมบัติพอที่จะเทียบเคียงกับเทพถ่องแท้ขั้นสุดหลายคนด้วยกัน
แต่อีกด้านทางฉูชิงที่อยู่ห่างออกไปนั้นกำลังยืนมองดูภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าซีดเผือด
ระหว่างทางที่เดินทางมานี้เขาได้ดูถูกเย่หยวนอยู่ตลอดมา
จนมาถึงเวลาที่เย่หยวนผ่านค่ายกลดาบสังหารสวรรค์นี้ที่เขาเริ่มได้เห็นความน่ากลัวที่แท้จริงของเย่หยวน
ถึงเวลานั้นเขาก็ได้ยอมรับแล้วว่าเย่หยวนนั้นเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง
แต่ตอนนี้เขากลับกำลังรู้สึกกลัว!
เย่หยวนที่มีธงศึกดาวฤกษ์อยู่ในมือนี้สามารถต่อสู้จนเสมอกับจีคัง หยางอี้เต่าและพวกได้
การจะสังหารตัวฉูชิงมันก็คงง่ายเสียยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ
เย่หยวนหันมองดูสี่ทิศรอบกายพร้อมโบกสะบัดธงศึกดาวฤกษ์ในมือด้วยรอยยิ้ม “ธงศึกดาวฤกษ์อยู่ที่นี่แล้ว ใครคิดอยากได้ก็จงเข้ามาเอาไป”
ถึงตอนนี้จะยังมีใครกล้าเข้าไปแย่งชิงธงศึกดาวฤกษ์อีก?
เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาทั้งหลายจะเบื่อหน่ายในชีวิตแล้ว
จีคังและพวกต่างแสดงสีหน้าไม่สู้ดีออกมาด้วยความรู้สึกเสียดาย
สองเทพถ่องแท้เก้าดาวบวกกับเทพถ่องแท้แปดดาวอีกคนกลับทำได้แต่ปัดป้องเสมอกับนภาสวรรค์สามดาวคนหนึ่ง
เรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟังมันก็คงเป็นได้แค่เรื่องตลก
แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งหลายได้รู้แล้วว่าเย่หยวนมีคุณสมบัติพอที่จะครอบครองสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์จริง!
“หึ! ไปกัน!” จีคังหันไปบอกทุกคนและเดินนำหน้าไปยังยอดเขาต่อไป
สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ในที่แห่งนี้มันต้องไม่ได้มีแค่ชิ้นเดียวอย่างแน่นอน แถมพลังฝีมือของเย่หยวนเองก็ไม่ธรรมดา เช่นนี้การจะต่อสู้เสี่ยงชีวิตกันเสียแต่ตรงนี้มันคงเป็นเรื่องไม่ฉลาดนัก
เมื่อพวกจีคังจากไปทางหยางอี้เต่าเองก็ตามไปติดๆ
เมื่อเหล่ายอดคนทั้งหลายจากไปแล้วพวกคนอื่นๆ ที่เคยว่าดูถูกเย่หยวนไว้ก็ค่อยๆ เดินหายลับไปเช่นกัน
ในค่ายกลดาบสังหารสวรรค์ตอนนี้คงเหลือแค่จี้ฉุนที่กำลังทนทานผ่านมันมาอยู่
เย่หยวนค่อยๆ เดินหาที่นั่งพักและเริ่มทำสมาธิกับตัว
เดิมทีเขานั้นได้รับความรู้จากค่ายกลดาบสังหารสวรรค์มาไม่น้อย ทำให้ความเข้าใจในแนวคิดแห่งดาบของเขาเพิ่มพูนขึ้นไปจนถึงห้าดาวขั้นปลาย เขาจึงต้องนำมันมาวิเคราะห์ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้อีกครั้ง
แถมเรื่องราวในตอนนี้มันก็เป็นอะไรที่พอเหมาะพอดี ทั้งเล้งชิวหลิงและกู่เทียนเฉนั้นต่างยังไม่ผ่านค่ายกลข้ามมายังฝั่งนี้ ทำให้เขาสามารถนั่งรอได้อย่างสบายใจ
แต่เวลานี้เองที่จู่ๆ ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเย่หยวน
เย่หยวนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองดูตรงหน้าพร้อมถามขึ้น “มีอะไรหรือ?”
“หึๆ เปล่าหรอก ข้าแค่เห็นว่าพี่เย่นั้นมีพลังเหนือล้ำและคิดอยากมาทำความรู้จักไว้ ข้ามีนามว่าถังเหยียนเป็นนักยุทธจรคนหนึ่ง” ชายหนุ่มคนนั้นยกมือขึ้นคารวะพร้อมพูดแนะนำตัว
เย่หยวนเองก็มองเห็นชายหนุ่มคนนี้มาตั้งแต่ก่อนหน้า เดิมทีตอนที่เขาเข้าท้าทายค่ายกลดาบสังหารสวรรค์นั้นเขาสามารถผ่านสามระดับแรกมาได้อย่างง่ายดาย มันจึงทำให้เย่หยวนประหลาดใจไม่น้อย
แต่ทว่าตัวเขาผู้นี้กลับไม่ได้คิดที่จะท้าทายค่ายกลต่อและเลือกที่จะเดินผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายมาทันที
แม้ว่าถังเหยียนคนนี้จะเป็นนักยุทธจรแต่เขาก็มีพลังฝีมือที่นับได้ว่าเหนือล้ำมาก
แต่ว่าเขานั้นทำตัวต่างจากฉูชิงหรือซัวหาน เพราะเขานั้นไม่พยายามที่จะทำตัวเด่นสักเท่าใด
“ที่แท้เป็นพี่ถังนี่เอง ยินดีที่ได้รู้จัก!”
เย่หยวนนั้นเป็นคนที่ตอบรับมารยาทด้วยมารยาท
ถังเหยียนคนนี้เข้ามาทักทายเขาด้วยรอยยิ้มและคำพูดแสนสุภาพ แน่นอนว่าเย่หยวนย่อมจะไม่ทำตัวเสียมารยาทใส่อีกฝ่าย
ถังเหยียนยิ้มตอบ “แท้จริงแล้วตอนที่อยู่ในประตูวิหคชาด ข้านั้นได้เห็นพี่เย่ลงมือจนรู้สึกขนลุกซู่ไปทั่วทั้งกาย! การผสานแนวคิดแห่งดาบและแนวคิดแห่งห้วงมิติเข้าด้วยกันได้ถึงขั้นนี้มันเป็นสิ่งที่ถังคนนี้เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น!”
เย่หยวนกล่าว “เจ้าเองก็พูดเกินไป พี่ถังเองก็คงไม่ได้มีพลังฝีมือที่ธรรมดาเช่นกันใช่ไหมเล่า?”
ถังเหยียนยิ้มขึ้นมาอย่างขื่นขมเมื่อได้ยินเช่นนั้น “หึ ถังคนนี้เคยคิดมาตลอดว่าตัวเองนั้นเก่งกาจแต่หากเทียบเคียงกับพี่เย่แล้วมันเหมือนอยู่กันคนละภพ ก่อนหน้าที่จะมานี้ถังคนนี้เองก็มั่นใจในตัวเองอย่างมากเหลือ แต่ตอนนี้มันช่างน่าขัน เมื่อขึ้นหลังเสือมาแล้วมันย่อมยากที่จะลงได้ ข้าเป็นเพียงแค่นักยุทธจรคนหนึ่งที่ไม่มีที่พึ่งพา ข้าแค่นึกสงสัยว่า… ข้าจะติดตามพี่เย่ไปได้หรือไม่? เป็นแค่ผู้ติดตามก็เพียงพอกับข้าแล้ว”
ถังเหยียนพูดออกมาอย่างสละสลวยแต่แท้จริงแล้วความหมายของเขาก็คือเขาต้องการจะได้คนช่วยคุ้มครอง
เพราะการต่อสู้เมื่อสักครู่นี้มันมิใช่สิ่งที่เขาจะยุ่งเกี่ยวด้วยได้เลย
นักยุทธจรหลายต่อหลายคนคิดที่จะเข้ามาเพื่อหยิบชิ้นปลามันไปในเรื่องราวอันยิ่งใหญ่นี้
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียเทพถ่องแท้ทั้งหลายก็ต้องกดพลังบ่มเพาะของตนลงมายังอาณาจักรนภาสวรรค์
แต่ตอนนี้ทุกผู้คนต่างได้รับพลังเดิมกลับคืนมา สำหรับนักยุทธ์นภาสวรรค์อย่างพวกเขาแล้วเรื่องราวมันคงไม่ง่ายอีก
ตอนนี้จะกลับตัวก็ไม่ได้ จะให้ไปต่อมันก็คงไม่มีทางถึง
แม้ว่าเย่หยวนคนนี้จะเป็นนักยุทธ์นภาสวรรค์เช่นกัน แต่ตอนนี้มันคงไม่มีใครที่จะมองว่าเขาคนนี้เป็นแค่นภาสวรรค์คนหนึ่งแล้ว
ถังเหยียนเข้ามาหาเขาในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะหาผู้ช่วยนั่นเอง
เย่หยวนมองดูถังเหยียนอย่างร้อนแรงพยายามที่จะมองลึกเข้าไปถึงเจตนาแท้จริงของอีกฝ่าย
แต่ถังเหยียนนั้นมีใบหน้าและสายตาที่ซื่อตรง ดวงตาของเขาสงบนิ่งไม่มีสิ่งใดผสมฝนออกมาให้เห็นได้เลย
“หึๆ มิติวิเศษต่อจากนี้ไปมันคงยากเสียยิ่งกว่าค่ายกลดาบสังหารสวรรค์นี้ เย่คนนี้เองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถดูแลตัวเองได้หรือไม่ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการดูแลพี่ถังเลย ต้องขออภัย” เย่หยวนกล่าวขึ้นพร้อมยกมือคารวะแสดงท่าทางขอโทษ
หลังหยุดคิดไปพักหนึ่งสุดท้ายเย่หยวนก็เลือกที่จะปฏิเสธ
เพราะเขาเองก็มิใช่เด็กเมื่อวานซืนที่เพิ่งเข้ายุทธภพมา เรื่องที่ว่าใจคนยากแท้หยั่งถึงนั้นเขาได้พบเจอกันตัวมานับครั้งไม่ถ้วน
เหล่าคนที่เข้ามายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้มีใครบ้างที่ไม่ได้หวังสมบัติ?
คนตั้งมากมายที่เดินทางมาด้วยกันในครั้งนี้ คนที่เย่หยวนพอจะเชื่อใจได้จริงๆ มันก็เห็นคงมีแต่เล้งชิวหลิงเท่านั้น
แม้แต่กู่เทียนเฉ ตัวเย่หยวนเองก็ยังไม่คิดที่จะเชื่อมั่นให้มากมาย
แต่ตอนนี้กลับมีคนแปลกหน้าเดินเข้ามาขอร่วมกลุ่มด้วย มีหรือที่เขาจะยังเดินทางได้ข้างหน้าอย่างไว้วางใจได้?
เพราะแท้จริงแล้วสิ่งที่เย่หยวนกังวลที่สุดหาใช่เหล่าจีคังทั้งหลายไม่
การใช้พลังของธงศึกดาวฤกษ์มันก็แค่เพื่อสร้างข้ออ้าง แท้จริงแล้วเย่หยวนสามารถที่จะใช้พลังของเต๋าสวรรค์โดยตรงจัดการกับพวกจีคังก็ยังทำได้
แต่สิ่งที่เย่หยวนกังวลมากที่สุดในการเดินทางครั้งนี้ก็คือพวกเทพสวรรค์!
คำพูดทั้งหลายที่เขาบอกกล่าวฟางเทียนและพวกนั้นก็เพราะเรื่องนี้!
จะบอกว่าเย่หยวนนั้นแข็งแกร่งอย่างไร้เปรียบในดินแดนศักดิ์สิทธิ์มันก็ไม่ผิด แต่มันก็มีข้อจำกัด
ตอนนี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นกำลังค่อยๆ คืนพลังดั้งเดิมของมันกลับมา แต่มันก็ยังไม่มากพอที่จะต่อต้านเทพสวรรค์ในเวลานี้
หากเทพสวรรค์เข้ามาก่อเรื่องในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้พวกเขาเหล่านั้นอาจจะทำให้โลกใบเล็กนี้แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ
แม้ว่าจอมเทพนิรันดร์นั้นจะเป็นเทพสวรรค์เช่นกัน แต่เขาก็ไม่ได้เป็นแค่เทพสวรรค์ธรรมดาๆ ทั่วไป
เขานั้นแกร่งกว่าเทพสวรรค์คนอื่นๆ อย่างมากล้น!
แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่าการเดินทางครั้งนี้จะไม่มีเทพสวรรค์ที่แอบซ่อนตัวกดพลังบ่มเพาะของตัวเองเข้ามา?
บนร่างของถังเหยียนนั้นมันไม่มีข้อบกพร่องใดๆ ให้จับได้
แต่ความสมบูรณ์แบบนี้เองที่เป็นข้อบกพร่องอย่างหนึ่ง!
เมื่อตอนที่เขาตรวจสอบเจตนาของถังเหยียน ถังเหยียนก็ยังคงทำตัวสงบนิ่งได้อย่างมาก
เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียพลังที่เขาปล่อยออกมามันก็อยู่ในระดับของเทพถ่องแท้ขั้นสุด
แน่นอนว่าแค่นภาสวรรค์คนหนึ่งย่อมไม่มีทางทำหน้าเฉยเมินต่อตัวตนเช่นเขาได้แน่
แน่นอนว่าเย่หยวนเองก็ยังไม่ได้ตัดความคิดที่ว่าถังเหยียนนั้นเป็นแค่คนที่หนักแน่นและมั่นคงทิ้งไป
แต่เขานั้นแค่ไม่อยากจะเสี่ยง
ถังเหยียนถอนหายใจออกมา “ดูท่าถังคนนี้จะรีบร้อนเกินไป ข้าหวังว่าพี่เย่จะไม่คิดติดใจเอาความ ลาก่อน!”
เย่หยวนพยักหน้ารับไว้แต่ไม่ได้พูดใดๆ ตอบกลับไปอีก
เพราะตอนนี้ร่างของจี้ฉุนก็ได้ปรากฏขึ้นมาที่ฝั่งนี้
‘ฟุบ!’
โดยไม่คิดที่จะหยุดพักใดๆ จี้ฉุนใช้วิชาเคลื่อนย้ายออกมาอย่างถึงที่สุดและเพิ่มความเร็วพุ่งตัวหนีไปทันที
จี้ฉุนนั้นผ่านค่ายกลมาได้เพียงสามระดับ และสามระดับแรกนี้มันย่อมไม่สร้างความลำบากใดๆ ให้แก่เขาได้
ภายในค่ายกลนั้นเขาได้เห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในฝั่งนี้ทั้งสิ้น
แน่นอนว่าเขาย่อมเลือกที่จะพุ่งตัวหนีไปในวินาทีที่ออกมาได้
แต่เย่หยวนนั้นรอวินาทีนี้มาแสนนาน เขาหัวเราะลั่นขึ้นพร้อมโบกสะบัดธงศึกดาวฤกษ์ในมืออีกครั้งหนึ่ง
นั่นทำให้พลังแห่งดวงดาวอันรุนแรงพวยพุ่งเข้าไปกระแทกร่างของจี้ฉุนอย่างแรง
‘ปัง!’
จี้ฉุนกระอักเลือดคำโตออกมาแต่เขากลับเร่งความเร็วของตัวเพิ่มขึ้นจากแรงกระแทก!
“เย่หยวน! ความแค้นเราต้องได้สะสางกันสักวัน!”
ไกลออกไปเสียงโกรธแค้นของจี้ฉุนลอยมาตามลม
แต่คลื่นพลังของเขานั้นระส่ำอย่างมาก แสดงอย่างชัดเจนว่าเขากำลังบาดเจ็บหนัก
ทุกคนต่างมองดูภาพตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว ได้แต่เงียบปากเหมือนจักจั่นในหน้าหนาว
ยอดฝีมือเทพถ่องแท้แปดดาวที่สุดแสนแข็งแกร่งผู้เป็นถึงเจ้าเมืองกลับวิ่งหนีเย่หยวนในวินาทีแรกที่เห็นหน้ากัน
เรื่องนี้มันไม่เคยมีให้เห็นมาก่อนบนโลกหล้า
ตอนที่ 1875 ผีเทพสวรรค์ขวังต้าว
“ช่างเงียบเสียเหลือเกิน ดูท่ามันคงมิใช่สถานที่ที่ดีงามแน่ เย่หยวนระวังตัวด้วย” ตอนนี้พื้นที่รอบกายของพวกเขาทั้งหลายนั้นเงียบสงัดจนมันทำให้จิตใจของกู่เทียนเฉรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ที่เห็นนี้มันเปี่ยมไปด้วยพลังงานหยิน ดูท่าแล้วคงมีผีวิญญาณร้ายผ่านไปมาอยู่บ่อยๆ”
แต่ในความเป็นจริงแล้วเย่หยวนไม่ได้กังวลมากมาย
เพราะหวู่เฉินได้บอกเขามาก่อนแล้วว่าที่แห่งนี้มันคือแดนกักวิญญาณ เป็นสถานที่ที่จอมเทพนิรันดร์มอบให้เหล่าผีร้ายอาศัย
ในที่แห่งนี้ผีเต๋าหลายต่อหลายตนได้ถูกเลี้ยงดูให้เก่งกาจ มันอาจจะมีถึงขั้นตัวตนระดับเทพสวรรค์เลยก็เป็นได้
แต่เมื่อมีหวู่เฉินอยู่ด้วยเย่หยวนย่อมไม่คิดกังวล
ตอนนี้มันเป็นเวลาร่วมเดือนแล้วที่พวกเขาทั้งหลายออกมาจากค่ายกลดาบสังหารสวรรค์
ระหว่างทางมานี้พวกเขาได้เห็นศพมากมายหลายต่อหลายศพระหว่างทาง แต่ตัวพวกเขาทั้งหลายเองนั้นยังคงปลอดภัยดี
และแน่นอนว่าทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะเย่หยวน
การที่จะบอกว่ากู่เทียนเฉไม่รู้เรื่องราวของธงศึกดาวฤกษ์มันก็คงไม่มีทางจะเป็นไปได้แน่
แต่สภาพของเย่หยวนในตอนนี้มันมิใช่แค่นภาสวรรค์ทั่วๆ ไปที่จะถูกข่มขู่ได้ง่ายๆ อีกแล้ว
พลังการต่อสู้ของเขานั้นอยู่ในระดับของเทพถ่องแท้เก้าดาว!
ต่อให้กู่เทียนเฉจะคิดอะไรอยู่ในหัว เขาก็ย่อมได้แต่ต้องหักห้ามใจเอาไว้
พวกเขาทั้งสามค่อยๆ เดินทางเข้ามาลึกเรื่อยๆ ในแดนกักวิญญาณจนจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ดังขึ้นมาจากด้านหน้าไม่ห่างออกไกลนัก ทำให้ทั้งสามต้องรีบตั้งท่ารับการโจมตีทันที
“หยางอี้เต่า จัดการเจ้าผีพวกนี้ก่อน ไม่เช่นนั้นมันคงไม่มีใครจะได้หินรุ้งเจ็ดสีไป!” จีคังร้องบอกอย่างไม่พอใจ
พลังโลกของหยางอี้เต่าพุ่งทะยานตอนนี้เขากำลังรับการโจมตีจากผีระดับหกขั้นสุดถึงสามตน
เหล่าผีทั้งหลายนี้เป็นตัวตนที่จัดการได้ยากยิ่ง เพราะแทบทุกตนนั้นรู้วิชาผีเต๋าร้อยยันต์ทำให้พลังการต่อสู้ของพวกมันเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
จีคังเองก็ไม่ได้สบายไปกว่ากัน ตอนนี้เขาเองก็กำลังรับมือกับผีอยู่หลายตน
ยอดฝีมือคนอื่นๆ เองก็กำลังตกที่นั่งลำบากเมื่อเจอวงล้อมนี้ของเหล่าผี
จากนั้นหนึ่งในผีเต๋าก็ร้องขึ้นอย่างโกรธแค้น “พวกเจ้ามนุษย์ทั้งหลายกลับกล้าคิดมาแย่งชิงหินรุ้งเจ็ดสีไป! พวกเจ้าต้องตาย!”
ตอนนี้เหล่าผีเต๋านั้นมีจำนวนเยอะกว่าฝั่งมนุษย์มาก ทำให้ฝ่ายมนุษย์ต้องเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด
ได้ยินคำพูดเหล่านั้นกู่เทียนเฉจึงได้แต่เบิกตากว้างขึ้น
“หินรุ้งเจ็ดสี! ที่แท้มันเป็นหินรุ้งเจ็ดสี!”
เย่หยวนเผลอถามขึ้นด้วยความมึนงง “ผู้อาวุโส หินรุ้งเจ็ดสีมันคืออะไรกัน?”
นั่นทำให้กู่เทียนเฉหันกลับมามองเย่หยวนอย่างแปลกประหลาดใจ “เจ้ากลับไม่รู้จักถึงหินรุ้งเจ็ดสีจริง?”
เพราะในสายตาของเขาแล้วเย่หยวนนั้นเป็นคนที่มีเบื้องหลังสุดลึกล้ำเกินหยั่งถึง มันย่อมไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้ถึงหินรุ้งเจ็ดสีไปได้
นั่นทำให้เย่หยวนต้องผงะไป คิดในใจว่าเช่นนี้ไม่ดีแล้ว
เพราะเหตุผลที่กู่เทียนเฉยังคงเข้าข้างเขามาจนทุกวันนี้มันก็เพราะว่าอีกฝ่ายเกรงกลัวในตัวตนที่ไม่มีจริงของเขา
แต่การที่เขาเผลอถามออกไปเช่นเมื่อกี้นี้มันอาจจะทำให้กู่เทียนเฉรู้สึกสงสัยอะไรขึ้นมาแล้วก็ได้
“อ่า ข้าเคยได้ยินผู้คนพูดถึงชื่อมัน แต่เรื่องที่ว่ามันมีผลใดนั้นข้าไม่ทราบได้” เย่หยวนยิ้มตอบ
แต่คำพูดนี้มันก็ไม่ได้ทำให้ความสงสัยหายไปจากสายตาของกู่เทียนเฉ แต่สุดท้ายเขาก็ยังคงอธิบายออกมา “หินรุ้งเจ็ดสีนั้นคือของวิเศษในเขาแห่งถงเทียน ที่สำคัญมันจะปรากฏออกมาแค่ในเขตของเทพสวรรค์เท่านั้น! แต่ทว่าของสิ่งนี้มันหายากเสียเหลือเกิน ล้านปียังไม่แน่เลยว่ามันจะปรากฏออกมาสักครั้ง หากเทพถ่องแท้คนใดสามารถได้รับหินรุ้งเจ็ดสีมาไว้ในมือได้การจะขึ้นไปอาณาจักรเทพสวรรค์มันก็คงไม่ยากเย็นแล้ว! ของสิ่งนี้สำหรับเทพสวรรค์ทั้งหลายแล้วมันก็มีประโยชน์มหาศาลไม่แพ้กัน”
ได้ยินเช่นนั้นเย่หยวนก็ตกตะลึงขึ้นมาเช่นกัน เพราะสิ่งของที่ทำให้เทพถ่องแท้บรรลุขึ้นเป็นเทพสวรรค์นั้นมันย่อมไม่แปลกที่ผู้คนทั้งหลายจะมุ่งหน้าอยากได้มันอย่างบ้าคลั่ง
ดูท่าคนทั้งหลายนี้คงรู้ตัวดีว่าตนไม่อาจชนะเหล่าผีเต๋าได้ แต่จิตใจก็ไม่คิดที่จะยอมถอย
“เย่หยวน เจ้าหินรุ้งเจ็ดสีนี้เราต้องเอามันมาให้ได้!” กู่เทียนเฉพูดออกมาด้วยสายตาสุดแสนมุ่งมั่น
เพราะพื้นที่โล่งด้านหลังเหล่าผีเต๋าในตอนนี้มันเผยให้เห็นถ้ำลึกลงไป
หากคาดเดาไม่ผิดแล้ว หินรุ้งเจ็ดสีคงต้องอยู่ในถ้ำนี้เป็นแน่
‘ฟุบ!’
กู่เทียนเฉขยับร่างมุ่งหน้าไปยังปากถ้ำทันที
เรื่องราวอันกะทันหันนี้ทำให้ยอดฝีมือหลายคนต้องตื่นตะลึง
“กู่เทียนเฉ เจ้าช่างกล้า!” จีคังร่ำร้อง
“กู่เทียนเฉ เจ้ามันสมควรตาย!” หยางอี้เต่าร้องตามขึ้น
การกระทำของกู่เทียนเฉนี้มันทำให้ทุกผู้คนแทบคลั่งตาย
พวกเขาต่อสู้กันอย่างไม่หยุดพักมาครึ่งค่อนวัน แต่จู่ๆ กู่เทียนเฉกลับฉวยโอกาสช่องว่างได้เสียก่อน
แต่ทว่าความเร็วของกู่เทียนเฉนั้นไม่ธรรมดา ในพริบตาเดียวเขาก็พุ่งตัวเข้าไปถึงถ้ำได้เรียบร้อย
นั่นทำให้หัวหน้ากลุ่มผีเต๋าร้องบอกขึ้น “ผีเฟิง เจ้าตามไปฆ่าสังหารมัน! หินรุ้งเจ็ดสีนั้นเราจะให้ผู้อื่นมาแย่งชิงไปไม่ได้เด็ดขาด!”
“ขอรับ!” ผีเฟิงที่ได้รับคำสั่งรีบมุ่งหน้าลงไปในถ้ำทันที
เมื่อผีเฟิงจากไปมันจึงทำให้ทางฝั่งจีคังเริ่มต่อสู้ได้ง่ายมากขึ้น
“เย่หยวน นี่มัน…” เล้งชิวหลิงไม่นึกไม่ฝันว่ากู่เทียนเฉจะทำตัวบ้าบิ่นได้ขนาดนี้จนไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไรต่อไป
ภายในถ้ำนั้นไม่ทราบได้ว่ามันมีตัวตนเช่นใดอยู่บ้าง นางจึงเป็นห่วงกังวลถึงความปลอดภัยของกู่เทียนเฉ
เย่หยวนไม่คิดขยับและแค่กล่าวขึ้น “รอดูไปก่อนเถอะ อีกไม่นานเหล่าจิ้งจอกเฒ่าที่แฝงตัวเข้ามาคงต้องโผล่หางออกมาบ้างแล้ว”
และไม่นานจากนั้นหัวหน้าผีก็ปลดปล่อยพลังที่เหนือล้ำกว่าเก่าขึ้นมาและพูด “จัดขบวน! สังหารพวกมันทั้งหลายให้สิ้น!”
‘วูว! วูว!’
จู่ๆ ลมหยินรอบๆ ก็เกิดร่ำร้องขึ้นมาพร้อมด้วยคลื่นพลังผีเต๋าอันรุนแรง
เมื่อจีคังและพวกเห็นสภาพเช่นนั้นพวกเขาย่อมได้แต่มองมันด้วยใบหน้าซีดเผือด
ตอนนี้เหล่าผีเต๋าระดับหกขั้นสุดทั้งหลายต่างกำลังปล่อยวาดตราที่ดูลึกลับขึ้นมา พร้อมๆ กับสร้างคลื่นพลังอันแสนหนาแน่นขึ้นตรงหน้า
หัวหน้าผีเต๋าร้องบอก “ผีเทพสวรรค์ขวังต้าว รวมตัว!”
‘โฮ่!’
ตอนนี้ยอดฝีมือผีเต๋าตนหนึ่งกำลังค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่าง!
คลื่นพลังที่หนักแน่นและเย็นเฉียบจากเงาร่างนี้มันค่อยๆ ทำให้พื้นที่รอบๆ แข็งขึ้น
นั่นทำให้จีคังต้องเบิกตากว้างด้วยใบหน้าที่ขาวซีดราวกระดาษ “ผีเทพสวรรค์! ผีเทพเต๋าสวรรค์!”
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวนั้นถือดาบโค้งที่ไม่ทราบได้ว่าทำมาจากวัตถุใด แต่แค่สายตาคู่นั้นของเขามองผ่าน มันก็ทำให้ทุกผู้คนรู้สึกได้ถึงความตายที่มาเยือนตรงหน้า
จากนั้นหัวหน้าผีเต๋าก็คุกเข่าลงทันที “ท่านผีเทพสวรรค์ คนเหล่านี้มันคิดหมายจะแย่งชิงหินรุ้งเจ็ดสีไป นายท่านโปรดลงโทษพวกมันด้วยเถิด!”
“คนที่คิดหมายจะแย่งหินรุ้งเจ็ดสีไป จงตาย!” ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวร้องบอกคำพูดนั้นออกมาด้วยเสียงแหลมที่เสียดบาดแก้วหู
จากนั้นผีเทพสวรรค์ขวังต้าวก็สะบัดดาบโค้งออกมาจนทำให้พื้นที่ที่มันเคลื่อนผ่านแตกสลายลง
คลื่นพลังมิติอันรุนแรงมันทำให้เกิดพายุที่บ้าคลั่ง ราวกับว่าพายุลูกนี้มันคิดจะกลืนกินทุกสิ่งลงไปจนสิ้น
นั่นทำให้พวกจีคังทั้งหลายต้องสะดุ้งพุ่งตัวหนีหายไปทันที
แต่แม้พวกเขาจะรวดเร็วปานใด ดาบของผีเทพสวรรค์ขวังต้าวมันก็ยังเร็วกว่า!
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวนี่คือตัวตนระดับเทพสวรรค์อย่างแท้จริง แน่นอนว่าพลังของเขามันย่อมจะเหนือล้ำกว่าคนทั้งหลายอย่างมาก
แต่เวลานั้นกลับเกิดสองคลื่นพลังอันมหาศาลขึ้นมาในหมู่ยอดฝีมือชาวมนุษย์
คลื่นพลังสีดำทะมึนสองสายพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และมันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าผีเทพสวรรค์ขวังต้าวเลย!
เทพสวรรค์อีกสองคน!
‘ปัง!’
‘ปัง!’
เมื่อพลังสีดำทั้งสองสายพวยพุ่งออกมา มันก็เข้าปะทะกับดาบของผีเทพสวรรค์ขวังต้าวไว้
มิติของดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นมันอ่อนแอเหมือนกระดาษ เมื่อต้องถูกพลังกดดันจากการปะทะนี้มันจึงแตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ ได้ไม่ยาก
ยอดฝีมือเทพสวรรค์ของเผ่าปีศาจผู้นั้นหัวเราะร้องขึ้น “หึๆ ข้าก็นึกว่าจะสามารถเก็บซ่อนตัวตนไว้จนถึงปราสาทของเฒ่าจอมเทพนิรันดร์ได้ ไม่นึกว่าแท้จริงแล้วข้าต้องมาเผยตัวเสียแต่ตรงนี้!”
เทพสวรรค์เผ่าปีศาจอีกคนก็ร้องบอกขึ้น “เฒ่าจอมเทพนิรันดร์นี้มันช่างสมเป็นคนที่ได้ขนานนามว่าเทียบเคียงกับท่านเจี่ยวชางจริงๆ ตายไปแล้วกลับยังสามารถเรียกยอดฝีมือผีเต๋าที่ทรงพลังขนาดนี้ออกมาได้!”
คนทั้งสองนี้คือเทพสวรรค์ของเผ่าปีศาจ!
เมื่อพลังที่ปะทะของคนทั้งสามเบาบางลง มิติรอบๆ จึงค่อยๆ กลับมาสมานตัวได้อีกครั้ง
เย่หยวนมองดูภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
สุดท้ายสิ่งที่เขาเกรงกลัวมากที่สุดมันก็เกิดขึ้นจนได้!
ตอนที่ 1876 เป้าล่อพลัง
“เทพสวรรค์!”
แม้ว่าจะสามารถโชคดีรอดหายนะมาได้แต่เหล่าพวกจีคังทั้งหลายก็ไม่อาจจะดีใจได้แม้แต่น้อย
เพราะการปรากฏตัวอันไม่คาดฝันของเทพสวรรค์เผ่าปีศาจนี้มันทำให้แผนการใดๆ ของพวกเขาล่มไม่เป็นท่า
พวกเขาทั้งหลายนั้นคิดว่าเมื่อเป็นเทพสวรรค์เหมือนๆ กัน สมบัติของจอมเทพนิรันดร์มันก็คงไม่น่าดึงดูดสำหรับเทพสวรรค์คนอื่นๆ นัก
สถานที่แห่งนี้มันเต็มเปี่ยมไปด้วยอันตราย ผลประโยชน์ที่ได้กลับออกไปมันอาจจะไม่คุ้มเสีย
เรื่องเช่นนี้มันเป็นเหมือนการขี่ช้างจับตั๊กแตนสำหรับเหล่าเทพสวรรค์คนอื่นๆ
เพราะฉะนั้นมันจึงไม่มีใครคาดคิดว่าเทพสวรรค์จะปรากฏตัวออกมาเช่นนี้
แต่ตอนนี้สองเทพสวรรค์กลับปรากฏตัวออกมาพร้อมๆ กัน
เมื่อผีเทพสวรรค์ขวังต้าวได้เห็นเทพสวรรค์เผ่าปีศาจทั้งสองเขาก็แสดงสีหน้าเคร่งขรึมออกมา
“ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวเรอะ? หินรุ้งเจ็ดสีนั้นเป็นของเราทั้งสอง เจ้าคงไม่มีอะไรจะโต้แย้งอีกแล้วใช่หรือไม่?” เทพสวรรค์เผ่าปีศาจร้องบอก
แต่ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวกลับประกาศกร้าว “หินรุ้งเจ็ดสีนั้นมีเพียงแค่ผู้สืบทอดของจอมเทพนิรันดร์เท่านั้นที่จะได้รับมันไป! หากพวกเจ้าอยากได้ก็ต้องกำจัดข้าลงเสียก่อน!”
นั่นทำให้เทพสวรรค์เผ่าปีศาจทั้งสองหัวเราะขึ้น “เช่นนั้นก็คงไม่มีทางเลือก อายเมิงมาจัดการมันลงพร้อมๆ กันเถอะ”
เมื่อเทพสวรรค์ทั้งสองขยับร่างมิติรอบข้างก็เกิดสั่นสะเทือนขึ้นทันที
‘ปัง!’
‘ปัง!’
‘ปัง!’
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวเองก็ไม่คิดเกรงกลัวแม้แต่น้อย เขารับมือกับเทพสวรรค์ทั้งสองได้อย่างไม่เป็นด้อยกว่า
และแน่นอนว่าการปะทะกันของเทพสวรรค์เช่นนี้มันย่อมทำให้มิติเริ่มแตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ
เหล่านภาสวรรค์ที่อ่อนแอนั้นต่างถูกกระแสลมที่พัดออกมาทำลายจนสิ้นซาก
แล้วมีหรือที่พวกจีคังทั้งหลายจะยังคงอยู่เฉยได้? พวกเขาทั้งหลายต่างวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง
ตอนนี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์กำลังค่อยๆ แตกสลายลง รอยแตกที่เกิดขึ้นมาก็ค่อยๆ แผ่เป็นแสงกว้างมากขึ้นและมากขึ้น
ตอนนี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์กำลังเข้าสู่หายนะอย่างเต็มรูปแบบ!
ไกลออกไปจิตใจของเย่หยวนนั้นเหมือนมีเลือดหลั่งไหลออกมา
หญ้าทุกต้น ชีวิตทุกสิ่งบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ เขาสามารถสัมผัสถึงมันได้
และสภาพของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ ทั้งภูเขาแม่น้ำกำลังล่มสลาย สายเลือดหลั่งไหลดั่งธารน้ำ
มิติย่อยหลายต่อหลายแห่งต่างกำลังแตกสลายลงไปด้วยพลังของการปะทะที่แสนรุนแรงนี้
“ข้าจะให้พวกมันสู้กันต่อไปไม่ได้!”
เย่หยวนกัดฟันแน่นพร้อมพุ่งร่างออกไปกลางดงศึก
ตอนนี้เทพสวรรค์ทั้งสามกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดทำให้ไม่มีใครสามารถเข้าไปในถ้ำได้อีกเลย
แต่จู่ๆ เงาร่างหนึ่งที่ปรากฏออกมานี้มันก็ทำให้ทุกผู้คนตื่นตะลึง
จีคังหรี่ตามองด้วยความตื่นตกใจ “นั่นมันเย่หยวน! ไอ้เจ้าเด็กคนนี้มันรนหาที่ตายหรืออย่างไร? พวกเขานั้นคือเทพสวรรค์เชียวนะ!”
“หึ มดปลวกที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง คงอยากได้หินรุ้งเจ็ดสีมาก ตายเสียเถอะ!”
อายเมิงหัวเราะเย้ยและต่อยหมัดหนึ่งออกมาด้วยคลื่นพลังสีดำสนิทพุ่งเข้าใส่เย่หยวนอย่างฉับพลัน
เย่หยวนรู้สึกราวกับว่าวันสิ้นโลกได้มาอยู่ตรงหน้า พลังอันรุนแรงนี้มันแทบจะทำให้ร่างของเขาแตกสลายออกเป็นชิ้นๆ ทั้งที่ยังไม่ได้ปะทะ
เทพสวรรค์ช่างแข็งแกร่ง!
“ธงศึกดาวฤกษ์! มิติลายพระเจ้า!”
เย่หยวนร้องตะโกนบอกพร้อมปล่อยพลังเต๋าสวรรค์ใส่ธงศึกดาวฤกษ์อย่างบ้าคลั่ง
พร้อมๆ กันนั้นเขาก็ได้เปิดมิติลายพระเจ้าขึ้น!
ดวงตาทั้งสองของเย่หยวนนั้นเย็นเยียบราวน้ำแข็ง ไม่หลงเหลืออารมณ์ใดๆ อยู่อีก
พลังของธงศึกดาวฤกษ์นั้นมันมากพอจะชนะเทพถ่องแท้ได้ทั้งสิ้น แต่เมื่อต้องมาเจอเทพสวรรค์เช่นนี้มันคงเป็นเรื่องที่เกินตัวไปหน่อย
แต่เย่หยวนนั้นเป็นได้แค่มดปลวกในสายตาของอายเมิง ทำให้เขาไม่ได้ใส่ใจจะโจมตีอย่างสุดตัว
ตอนนี้สติความรับรู้ส่วนมากของอายเมิงนั้นกำลังจดจ่ออยู่กับผีเทพสวรรค์ขวังต้าว
ทำให้หมัดนี้มันมิใช่พลังทั้งหมดที่เขามี
‘ปัง!’
พลังงานสีดำสนิทนั้นพุ่งผ่านธงศึกดาวฤกษ์มาได้และพุ่งเข้าปะทะกับมิติลายพระเจ้าอย่างแรง
ทำให้ลายสีฟ้านับไม่ถ้วนนั้นต้องแตกสลายตัวออกจากกันไป
ร่างของเย่หยวนถูกหมัดนี้ซัดกระเด็นออกจากมิติลายพระเจ้าในทันที
‘อึก!’
เย่หยวนกระอักเลือดออกมาแต่เขาไม่คิดที่จะหยุดชะลอ รีบใช้โอกาสนี้ในการมุ่งหน้าเข้าสู่ถ้ำที่ด้านหลังทันที
“หืม? เด็กน้อยนภาสวรรค์กลับสามารถรับหมัดของข้าไว้แล้วรอดออกไปได้!” อายเมิงร้องขึ้นด้วยความตื่นตกใจ
ตอนนี้มิใช่แค่เขา ทั้งจีคัง หยางอี้เต่าและคนอื่นๆ เองก็มองภาพนั้นอย่างตื่นตะลึง
เย่หยวนสามารถรับหมัดของเทพสวรรค์ไว้ได้!
แม้ว่าอายเมิงจะไม่ได้โจมตีอย่างสุดตัว แต่หากเป็นพวกเขาทั้งหลายแล้ว แม้แต่ซากร่างมันก็คงไม่หลงเหลือ
แต่เย่หยวนกลับรับมันไว้ได้!
ไม่ใช่แค่รับไว้ได้ แต่เขายังเหลือแรงมากพอจะพุ่งร่างเข้าไปในถ้ำด้วย
พวกเขานั้นได้รับรู้ตั้งแต่ที่เริ่มเข้ามาในมิติวิเศษครั้งนี้แล้วว่าเย่หยวนนั้นมันทำให้พวกเขาคาดไม่ถึงอยู่ตลอดๆ
จากนภาสวรรค์สามดาวที่เป็นขยะแสนอ่อนแอจนไม่รู้จะอ่อนแออย่างไรแล้ว แต่กลับสังหารซัวหาน จากนั้นท้าทายฉูชิง แถมยังรับมือเทพถ่องแท้ถึงสามคนพร้อมๆ กันได้
และตอนนี้เขายังสามารถรับหมัดของเทพสวรรค์ไว้ได้ มันช่างเป็นเรื่องที่เหนือกว่าที่ใครจะคาดคิด!
“เฉียวหยวน อายเมิง เจ้าโง่ ทำไมยังไม่ตามมันไปอีก?! เด็กคนนั้นมันมีพลังถึงขั้นเทพถ่องแท้เก้าดาว ผู้คนด้านในย่อมมิใช่คู่มือของมัน!” ตอนนี้จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาท่ามกลางผู้คนที่อยู่ห่างออกไปร้องตะโกนด่าเทพสวรรค์เผ่าปีศาจทั้งสอง
เฉียวหยวนได้แต่ขมวดคิ้วหันไปมองคนผู้นั้น “เจ้ารู้จักข้า?”
คนผู้นั้นไม่คิดสนใจและตะโกนกลับมาอย่างเดือดดาล “พ่อเจ้าคนนี้คือโหมวหยู่! เลิกคิดสงสัยให้มากความแล้วตามมันไปเสีย! หากเจ้าเจอเด็กคนนั้นจงฆ่ามันอย่าให้รอดไปได้!”
แน่นอนว่าคนผู้นี้มิใช่ใครที่ไหน เขาคือจี้ฉุนที่ถูกเย่หยวนเลิกงานจนบาดเจ็บสาหัสนั่นเอง
เฉียวหยวนและอายเมิงหรี่ตาลงพร้อมๆ กัน แต่ไม่นานพวกเขาก็ได้เข้าใจเรื่องราว
เทพสวรรค์โหมวหยู่นั้นคือหนึ่งในลูกน้องของจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชาง
ตอนนั้นเขาได้รับมอบหมายจากจักรพรรดิเทพสวรรค์เจี่ยวชางให้ไปตามล่าจอมเทพนิรันดร์ แต่เขาก็ไม่เคยจะได้กลับมา ไม่นึกไม่ฝันว่าแท้จริงแล้วเขาคนนี้จะยังไม่ตาย
คนทั้งสองย่อมไม่คิดจะสงสัยในตัวโหมวหยู่ เพราะการที่สามารถเรียกเชื่อของพวกเขาออกมาได้อย่างแม่นยำเช่นนี้แถมยังรู้ชื่อโหมวหยู่ มันย่อมมิใช่เรื่องที่ใครๆ จะรู้ได้
คนทั้งสองหันมามองหน้ากันก่อนที่เฉียวหยวนจะบอกขึ้น “ตามไป!”
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวเองก็ร้องขึ้นตาม พร้อมยกดาบสูง “พวกเจ้าคิดจะหนีไปที่ไหน!”
ทำให้สุดท้ายแล้วเทพสวรรค์ทั้งสามจึงตามติดกันเข้าถ้ำไป
ตอนนี้หายนะที่เกิดขึ้นกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์จึงสงบลงชั่วคราว
มิติค่อยๆ กลับคืนสภาพคืนทุกอย่างสู่ความสงบ
แต่ตอนนั้นเองเหล่าคนที่อยู่ในโถงบังคับกฎนั้นได้แต่ยืนหน้าซีดเผือด
เมื่อต้องเผชิญกับหายนะเช่นนี้ พลังฝีมือใดๆ ของพวกเขาย่อมไม่มีประโยชน์
เมื่อต้องเจอเหตุการณ์เช่นนี้พวกเขาก็ได้แต่ยืนรู้สึกถึงความไร้พลังของตน
สิ่งเดียวที่พวกเขาจะทำได้ตอนนี้คือรอเงียบๆ
“หายนะนี้…ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เราจะสามารถผ่านมันไปได้หรือ” ฟางเทียนได้แต่พูดบ่นขึ้นมาด้วยสีหน้าซีดเซียว
…
เมื่อสัมผัสได้ว่าคลื่นพลังอันรุนแรงนั้นสงบลงแล้วเย่หยวนก็ถอนหายใจยาวออกมา
‘อึก!’
เย่หยวนกระอักเลือดออกมาอีกครั้งเพราะตอนนี้ร่างกายของเขากำลังบาดเจ็บอย่างมาก
แม้ว่ามิติลายพระเจ้ามันจะแข็งแกร่งแค่ไหน ต่อหน้าเทพสวรรค์แล้วมันก็เป็นได้แค่มิติบางๆ แสนอ่อนแอ
“ข้ายังอ่อนหัดนัก! เฒ่าจอมเทพนิรันดร์กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?” เย่หยวนร้องขึ้น
ภายในทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาในตอนนี้หวู่เฉินได้แต่นิ่งเงียบ
เพราะเขารู้ดีถึงความรู้สึกของเย่หยวนต่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ ที่นี่มีผู้คนมากมายที่เขาห่วงใย และยังเป็นสถานที่ที่เขาเติบโตมา
แน่นอนว่าเขาย่อมไม่มีทางมองดูโลกใบนี้ล่มสลายไปต่อหน้าต่อตาอย่างไร้อารมณ์ได้
เพราะฉะนั้นความโกรธที่เขามีต่อจอมเทพนิรันดร์มันจึงพุ่งสูงจนถึงขีดจำกัด
จอมเทพนิรันดร์นั้นมีพลังมากพอที่จะกดพลังของพวกเทพสวรรค์ทั้งหลายได้ แต่หลังจากมาถึงเขากลับปลดปล่อยพลังกดดันนั้นทิ้งเสีย
เมื่อพลังของเทพสวรรค์ถูกปลดปล่อย แน่นอนว่าโลกใบนี้มันคงต้องแตกสลายแน่แล้ว
การต้องปะทะกับเทพสวรรค์ด้วยพลังฝีมือของเย่หยวนในตอนนี้มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย
‘ปัง!’
‘ปัง!’
‘ปัง!’
ระหว่างที่เย่หยวนกำลังร่ำร้องด้วยความโกรธเคืองเขาก็ได้ยินเสียงการต่อสู้เกิดขึ้นไม่ไกล
จู่ๆ ดวงตาของเขาก็พบกับแสงเพราะภาพตรงหน้านี้คือถ้ำหลุมยุบขนานใหญ่
ภายในถ้ำหลุมยุบนี้มันมีแสงสาดส่องลงมาจากเบื้องบนเป็นภาพที่สุดแสนสวยงามอย่างเหลือเชื่อ
ตอนที่ 1877 เงาผีอนันต์
“ให้ตาย! เจ้าบ้านี่ ไสหัวไปให้พ้นหน้าพ่อเจ้าเสีย!” ภายในหลุมยุบนั้นมีเสียงคำรามร้องของกู่เทียนเฉดังออกมา
กู่เทียนเฉและผีเฟิงทั้งสองนั้นกำลังเข้าปะทะกันอยู่อย่างดุเดือดภายใน
กู่เทียนเฉนั้นมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำกว่าขั้นหนึ่ง แต่หากจะคิดอยากจัดการผีเฟิงลงแล้วมันก็คงต้องใช้เวลาอีกไม่น้อย
ภายในถ้ำนั้นมีแท่นหินหนึ่งตั้งอยู่พร้อมด้วยหินก้อนหนึ่งที่มีขนาดเท่ากำปั้นวางอยู่ด้านบน
นั่นทำให้เย่หยวนต้องหรี่ตาจ้องมองเจ้าหินก้อนนั้นทันทีด้วยความคิดที่ว่าหินนี้คงเป็นหินรุ้งเจ็ดสีแล้ว
เพราะแม้จะอยู่ห่างไกลกันไม่น้อยแต่เย่หยวนก็ยังรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังงานอันมหาศาลที่ถูกเก็บกักไว้ภายในจนทำให้ตอนนี้อาการบาดเจ็บต่างๆ บนร่างกายของเขามันรู้สึกดีขึ้นมากทีเดียว
“นี่หรือคือหินรุ้งเจ็ดสี? สมชื่อสมคำร่ำลือจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเหล่าเทพสวรรค์ถึงคิดอยากได้มัน” เย่หยวนกล่าวขึ้นด้วยความตื่นตะลึง
ระหว่างที่ดูไปเขาก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังมหาศาลที่ตามมาจากด้านหลัง แน่นอนแล้วว่าคงเป็นผีเทพสวรรค์ขวังต้าวและพวกเทพสวรรค์เผ่าปีศาจที่ตามมา
เย่หยวนจึงได้เหยียบเท้าพุ่งตัวลงไปยังแท่นหินนั้นอย่างไม่รอช้า
“หินรุ้งเจ็ดสีนั้นเป็นของข้า!” ที่ด้านล่างกู่เทียนเฉร้องตะโกนขึ้น
เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจเขาแม้แต่น้อย ตอนนี้เขาทำเพียงแค่ยื่นมือออกไปจับหินรุ้งเจ็ดสีไว้
นั้นทำให้ผีเฟิงหัวเราะลั่น “เจ้าคนเขลาไม่รู้คิด แค่อาณาจักรนภาสวรรค์ก็คิดอาจเอื้อมแตะต้องหินรุ้งเจ็ดสีแล้ว!”
เขารู้เป็นอย่างดีว่าแท่นหินนี้มันมิใช่สิ่งของที่จะปล่อยให้ผู้คนมาหยิบหินรุ้งเจ็ดสีไปจากมันได้อย่างง่ายดาย
‘วูว! วูว!’
มือของเย่หยวนยังไม่ทันได้แตะหินรุ้งเจ็ดสีแต่มันกลับมีคลื่นพลังอันเย็นเยือกไหลวนออกมา
เสียงโหยหวนร้องของเหล่าผีร้ายทั้งหลายดังขึ้น พุ่งทะยานออกมาจากแท่นหินนั้นเข้าปะทะร่างของเย่หยวนอย่างแรง
เหล่าผีร้ายทั้งหลายนี้ต่างมีคลื่นพลังที่สุดแสนแข็งแกร่ง ต่อให้คนที่มาหยิบจับไปนี้จะเป็นเทพถ่องแท้มันก็คงไม่พ้นต้องถูกบดแหลกเป็นชิ้นๆ
เจ้าแท่นหินนี้แท้จริงแล้วมันกลับกลายเป็นสถานที่เก็บซ่อนผีร้าย!
เมื่อกู่เทียนเฉเห็นเช่นนั้นใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดลงเช่นกัน ต่อให้ผีเฟิงจะไม่ได้ตามตัวเขามา แต่หากเขาเข้าไปหยิบหินรุ้งเจ็ดสีไว้ ผลลัพธ์ที่ตามมาของเขามันก็คงไม่แตกต่างจากภาพตรงหน้านี้นัก
โชคยังดีที่ตอนนี้เย่หยวนได้ล่อผีร้ายทั้งหลายออกไปแล้ว
“ฮ่าๆ หินรุ้งเจ็ดสีเป็นของข้าแล้ว!”
ตอนนั้นเองที่กู่เทียนเฉรีบปลดปล่อยพลังออกมาผลักดันร่างของผีเฟิงจนต้องถอยไปหลายก้าว
จากนั้นเขาก็พุ่งร่างออกไปราวสายฟ้า ตะปบมือเข้าที่หินรุ้งเจ็ดสีในทันที
ผีเฟิงเองก็ตื่นตกใจอย่างมากแต่จะไปขวางตอนนี้มันก็คงไม่ทันเสียแล้ว
แต่ในวินาทีนั้นมันกลับมีคลื่นพลังวิญญาณอันแสนรุนแรงพุ่งทะยานขึ้นมาจากร่างของเย่หยวน
คลื่นพลังนี้มันทำให้เหล่าผีร้ายทั้งหลายต้องกรีดร้องแล้วผละตัวออกจากเย่หยวน ราวกับว่าเย่หยวนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดหรือโรคร้าย
เย่หยวนจึงได้ยื่นมือออกไปหยิบและได้หินรุ้งเจ็ดสีมาไว้ในมือในที่สุด
เมื่อเหล่าผีร้ายไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เย่หยวนแล้วพวกมันจึงได้หันไปเล็งเป้ากู่เทียนเฉเป็นคนต่อไป พวกมันพุ่งตัวเข้าไปหาเขาอย่างบ้าคลั่งแทน
‘ฟุบ!’
‘ฟุบ!’
‘ฟุบ!’
และในเวลานั้นสามเงาร่างก็ถึงมาถึงถ้ำหลุบยุบนี้ด้วยคลื่นพลังอันมหาศาล แน่นอนว่าพวกเขานั้นคือเทพสวรรค์ทั้งสามนั่นเอง!
“หึๆ เด็กน้อย ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าจะยังหนีไปไหนได้อีก!” เฉียวหยวนพูดขึ้นด้วยท่าทางดูถูก
“ไม่นึกเลยว่าเด็กนภาสวรรค์คนหนึ่งจะรับหมัดจากพ่อเจ้าคนนี้ได้! เก่งกาจจริงๆ! แต่สุดท้ายมันก็คงจบลงเท่านี้แล้ว ส่งเฉียวหยวนมาเสีย!” อายเมิงบอกขึ้นด้วยรอยยิ้มแสนชั่วร้าย
เพราะถ้ำหลุบยุบนี้มันมีทางเข้าออกเพียงแค่ทางเดียว และตอนนี้ทางออกที่ว่านั้นก็กำลังถูกปิดกั้นไว้โดยสามเทพสวรรค์ แน่นอนว่าหากคิดจะหนีมันก็คงไม่มีทางไปได้
เหล่ายอดฝีมือที่เหลือเองก็ตามมาที่ด้านหลังแต่พวกเขาได้แต่ตามมาห่างๆ ไม่กล้าที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องในครั้งนี้
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวจ้องมองดูเย่หยวนด้วยความโกรธแค้น “เด็กน้อย วางหินรุ้งเจ็ดสีลง!”
เย่หยวนผงะไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มขึ้นมาและหันไปบอกเทพสวรรค์อีกสองคน “ข้าไปบอกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าข้าจะหนี?”
เฉียวหยวนที่ได้ยินเช่นนั้นก็ต้องผงะไปเช่นกันก่อนจะยิ้มขึ้นมา “ไม่หนีน่ะดีแล้ว ดูท่าเจ้าคงยอมรับชะตาของตนแล้ว! ส่งหินรุ้งเจ็ดสีมาแล้วเทพสวรรค์คนนี้อาจจะไว้ชีวิตเจ้าได้!”
เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็หัวเราะออกมาอย่างควบคุมแทบไม่อยู่ “เจ้าปีศาจร้าย พวกเจ้าทุกตัวมันช่างโง่งมเหมือนกันหมดจริงๆ คิดว่าข้าจะโง่เง่าเหมือนพวกเจ้าหรือ? ไว้ชีวิต? เรื่องเช่นนี้เอาไปหลอกเด็กสามขวบมันยังไม่เชื่อเลย”
รอยยิ้มของเฉียวหยวนที่มีในทีแรกจึงหายวับไปทันที “เด็กน้อย เจ้ามันกล้า! เทพสวรรค์คนนี้จะทำการขังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าให้กลายเป็นทาสปีศาจไปนับแสนๆ ปี!”
เย่หยวนไม่คิดสนใจเขาและหันกลับไปหาผีเทพสวรรค์ขวังต้าว “เจ้ามานี่ หินรุ้งเจ็ดสีนี้ข้าจะมอบให้เจ้า! นอกจากนั้นข้ายังจะช่วยเจ้าขับไล่ปีศาจโง่ทั้งสองไปด้วย!”
เมื่อเฉียวหยวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็หัวเราะลั่นออกมา
“ฮ่าๆ เด็กน้อย มุกตลกของเจ้ามันช่างน่าขันจริง ข้าเกือบท้องแข็งตายแล้ว” เฉียวหยวนหัวเราะลั่น
ตอนนี้อย่าว่าแต่เหล่าปีศาจ แม้แต่ทางผีเทพสวรรค์ขวังต้าวก็ไม่คิดจะเชื่อคำพูดของเย่หยวนแม้แต่นิด
แต่ที่เย่หยวนบอกว่าจะมอบหินรุ้งเจ็ดสีให้มันจึงทำให้เขาขยับตัวในที่สุด
แค่ขยับนิดเดียว ร่างนั้นมันก็มายืนอยู่ตรงหน้าเย่หยวนเสียแล้ว
แต่มันมาพร้อมกับคลื่นพลังของความตายที่แสนเย็นเยือกจนเกือบจะแช่ร่างของเย่หยวนให้กลายเป็นน้ำแข็ง
นี่คือคลื่นพลังหยินของผีเทพสวรรค์ แน่นอนว่ายอดฝีมือทั่วๆ ไปย่อมไม่มีทางต้านทานได้
“เด็กน้อย เช่นนั้นก็ส่งหินรุ้งเจ็ดสีมา” ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวบอก
“ขวังต้าว เจ้าจำเฒ่าคนนี้ไม่ได้แล้วหรือ?” เสียงหนึ่งดังเข้ามาในทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของผีเทพสวรรค์ขวังต้าวทำให้ร่างของเขาต้องสั่นสะเทือน
“ท่าน…ท่านหวู่เฉิน?” ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวตอบกลับไป
หวู่เฉินหัวเราะ “หึๆ เป็นเฒ่าคนนี้เอง!”
ร่างของผีเทพสวรรค์ขวังต้าวสั่นสะท้านอย่างรุนแรง คลื่นพลังเช่นนี้ เขานั้นคุ้นเคยกับมันอย่างมาก มันจะเป็นใครได้อีกหากมิใช่หวู่เฉิน?
จอมเทพนิรันดร์นั้นฝึกฝนบ่มเพาะยอดฝีมือผีเต๋า แล้วเขาใช้อะไรในการฝึก?
แน่นอนว่ามันต้องเป็นไข่มุกสยบวิญญาณ!
สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ประเภทวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นี้มันมิใช่สิ่งที่สมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ทั่วๆ ไปจะสามารถเทียบเคียงได้เลย
จะกล่าวบอกว่ายอดฝีมือผีเต๋าทั้งหลายนั้นหวู่เฉินเป็นคนเลี้ยงดูมาทั้งสิ้นมันก็คงไม่ผิดนัก
“เยี่ยม! นายท่าน ท่านยังอยู่ดี! มันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!” ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวกล่าวขึ้นด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ
“หึๆ ตอนนี้มันมิใช่เวลามาระลึกความกัน ข้าขอยืมสิงร่างเจ้าสั่งสอนเหล่าเทพสวรรค์ปีศาจทั้งสองนี้ก่อน” หวู่เฉินบอก
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวไม่คิดแม้แต่จะลังเล แค่พยักหน้าตอบกลับมา “ได้ขอรับ! เมื่อท่านหวู่เฉินลงมือเองเช่นนี้เจ้าสองสวะนี้ย่อมต้องไม่ได้ตายดี!”
จู่ๆ ดวงตาของผีเทพสวรรค์ขวังต้าวก็เบิกกว้างขึ้นพร้อมพลังงานรอบกายของเขาที่เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ
เฉียวหยวนและอายเมิงหน้าถอดสีทันที คิดอยู่ในใจว่าเช่นนี้คงไม่ดีแล้ว
ที่พวกเขาไม่ได้ห้ามผีเทพสวรรค์ขวังต้าวไว้ก่อนหน้ามันก็เป็นเพราะว่าสุดท้ายไม่ว่าใครจะได้หินรุ้งเจ็ดสีไป สุดท้ายพวกเขาทั้งสองก็คงไม่อาจจะละเว้นการต่อสู้กับผีเทพสวรรค์ขวังต้าวได้
เพราะฉะนั้นสิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือการเฝ้าทางออกไว้ให้ดีที่สุด
เมื่อเป็นการสู้สองต่อหนึ่ง โอกาสชนะของพวกเขามันก็ย่อมจะสูงกว่า
ส่วนเรื่องที่เย่หยวนบอกว่าจะช่วยผีเทพสวรรค์ขวังต้าวกำจัดพวกเขานั้น คนทั้งสองย่อมไม่คิดจะใส่ใจมันอย่างจริงจัง
แต่ตอนนี้พวกเขากลับเริ่มเห็นถึงลางไม่ดีขึ้นมาตรงหน้าแล้ว
“อายเมิง โจมตี!” เฉียวหยวนร้องบอกก่อนพุ่งร่างเข้าไปโจมตีผีเทพสวรรค์ขวังต้าวพร้อมๆ กับอายเมิง
ผีเทพสวรรค์ขวังต้าวทำแค่หัวเราะรับ “ผีเต๋าร้อยยันต์… เงาผีอนันต์! ดาบผีพิฆาตมืด!”
ในวินาทีนั้นร่างของผีเทพสวรรค์ขวังต้าวก็ได้กลายเป็นร่างเงานับไม่ถ้วน พวกมันแต่ละตนนั้นก็มีคลื่นพลังที่สุดแสนจะรุนแรงด้วย
เฉียวหยวนและอายเมิงหน้าซีดเผือดลงทันที พยายามที่จะเดินปราณปีศาจของตนขึ้นมาให้ถึงที่สุด
‘ปัง! ปัง! ปัง!’
ดาบจำนวนนับไม่ถ้วนเข้าปะทะอย่างบ้าคลั่งจนมันกลายเป็นตาข่ายดาบหั่นพื้นที่ตรงหน้าจนแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เฉียวหยวนและอายเมิงได้แต่ร้องออกมาอย่างน่าสมเพช ร่างของพวกเขากระเด็นถอยกลับไปไกลพร้อมๆ กับปราณปีศาจบนร่างที่ค่อยๆ เบาบางหายไป
เฉียวหยวนพยายามที่จะคลานลุกขึ้นมาพร้อมกัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น “ให้ตายสิ! มันกลายเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน?!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น