Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1850-1851
ตอนที่ 1850 จัดการเจ้าเด็กนี่เสีย!
“เจ้า… เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? ถึงกล้ามาว่ากล่าวเรื่องในตระกูลเล้งข้าเช่นนี้? สังหารน้อง? เจ้ามีหลักฐานใดกัน? คนที่มันทำให้ตระกูลเล้งต้องเสียหน้ามันก็คือตัวเจ้าและเล้งซู่ มิใช่ข้าเล้งห่าว! เจ้ามายืนพูดจาใดไร้สาระ มีหลักฐานใดกัน?”
เล้งห่าวนั้นถูกเย่หยวนซัดจนลอยปลิวไป ตอนนี้สายตาที่เขามองมายังเย่หยวนมันจึงเปี่ยมไปด้วยความแค้นเคือง
ตั้งแต่ที่เล้งซู่ได้มารู้จักเย่หยวน ทุกสิ่งอย่างมันก็ได้เปลี่ยนแปลงไป
แต่ตอนนี้มันเป็นโอกาสอันแสนดีงาม!
เย่หยวนนั้นรนหาที่ตาย ไปท้าทายหานดงจุนเช่นนั้น นี่มันคือโอกาสที่จะทำให้เขาพลิกกลับมาได้!
เมื่อหานดงจุนเห็นเย่หยวนดวงตาทั้งสองของเขาก็แทบลุกเป็นไฟ
“เจ้าหรือคือเย่หยวนที่สังหารเซี่ยวเอ๋อของข้า?” หานดงจุนกัดฟันกล่าวขึ้น
เย่หยวนนั้นแค่ยิ้มตอบกลับมาน้อยๆ ก่อนจะลากร่างของชายชุดดำและสาวใช้คนหนึ่งออกมาบนสังเวียน
เขาหันหน้าไปหาเล้งหงซิ่ว “สาวใช้นางนี้คือสายลับที่เล้งห่าวใช้ให้มาจัดการเล้งซู่ ไม่กี่วันก่อนนางได้ผสมผงหอมสวรรค์เอ็นอ่อนใส่อาหารของเล้งซู่ เพื่อที่จะทำให้เล้งซู่หมดสภาพในการต่อสู้วันนี้ไป ส่วนเจ้าชายชุดดำคนนี้เขาคือคนสนิทของเล้งห่าว สิ่งที่เล้งห่าวได้ทำมาหลายปีนี้ หากท่านผู้นำตระกูลลองค้นจิตของมันดู ท่านก็ย่อมจะรู้ทุกสิ่งอย่างได้”
เมื่อได้เห็นคนทั้งสองนั้นสีหน้าของเล้งห่าวก็เปลี่ยนไปทันที
สาวใช้นางนั้นยังพอว่า แต่ชายชุดดำนั้นเป็นดั่งแขนขวาของเขาเรื่องราวใดๆ เขาย่อมรู้ดีไม่ต่างจากตัวเล้งห่าว
หากเขาถูกค้นวิญญาณแล้วเรื่องราวมันคงจบสิ้นกัน!
แท้จริงแล้วในวันนั้นที่หน้าบ้านตระกูลเล้ง เย่หยวนก็สามารถสัมผัสรับรู้ได้ถึงตัวตนของชายชุดดำนี้
เพียงแค่ว่าตอนนั้นอีกฝ่ายไม่คิดลงมือ เขาจึงไม่คิดที่จะทำอะไรเช่นกัน
ในวันก่อนหน้านี้ทั้งชายชุดดำและสาวใช้คนนี้แอบพบกันและถูกเย่หยวนรับรู้ได้เพราะสัมผัสด้านมิติของเขา เขาจึงสามารถจับได้อย่างคาหนังคาเขา
แต่เพื่อไม่ให้เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น เขาจึงปล่อยให้ชายชุดดำนั้นได้กลับไป
วันนี้เขาได้ใช้โอกาสที่มีคนมาขัดจังหวะการประลองหานายน้อยคนใหม่ เย่หยวนจึงไปจับทั้งตัวชายชุดดำและสาวใช้มา
เล้งห่าวนั้นแทบจะล้มทรุดลงกับพื้น
“ผู้นำตระกูล อย่าได้ฟังคำของมัน! มันนั้นมีความคิดชั่วร้าย ข้าไม่รู้จักคนทั้งสองนี้เลย!” เล้งห่าวนั้นตื่นตกใจอย่างมากแต่ก็ยังพยายามพูดปกป้องตัวเองออกมา
หลายปีมานี้เขาได้ทำเรื่องราวที่ไม่อาจเปิดเผยได้อย่างมากมายเพื่อที่จะได้รับตำแหน่งนายน้อยของตระกูลมาครอง
เมื่อมันถูกเปิดเผยออกมาแล้วเรื่องราวทั้งหมดคงจบสิ้น!
แต่เย่หยวนกลับกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางเหยียดหยาม “หากไม่ใช่เพราะเล้งซู่ ข้าเองก็ไม่ได้อยากมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวสุดจะน่าทุเรศนี้หรอก กล่าวหาเจ้าหรือ? เจ้าคิดว่าตัวเองมีค่าพอหรือ?”
ใบหน้าของเล้งหงซิ่วเองก็ดูไม่ค่อยดีเช่นกัน
เพราะตอนนี้เรื่องราวมันกำลังดำเนินไปอย่างเหนือความคาดหมายของเขามาก
มีหรือที่เขาจะมองไม่เห็นถึงความลนลานในสายตาของเล้งห่าว?
แต่ว่าเล้งห่าวในสายตาของเขานั้นมิใช่คนชั่วร้ายอย่างที่ถูกกล่าวว่านี้เลย
กลับกัน เขาคิดว่าเล้งห่าวเป็นคนดีมีน้ำใจเสียด้วยซ้ำ
เพราะเช่นนั้นเขาถึงได้คิดจะแต่งตั้งให้เล้งห่าวเป็นนายน้อยสืบทอดตระกูลต่อไป
เล้งซู่นั้นมีนิสัยรักอิสระไม่มีความรับผิดชอบ ให้พูดตรงๆ แล้วคนเช่นนี้ย่อมไม่เหมาะที่จะรับภาระหน้าที่ของผู้นำตระกูล
เรื่องนี้เล้งหงซิ่วได้คิดคำนวณมาอย่างดีแล้ว
เพราะเขานั้นคือผู้นำตระกูล ย่อมต้องคิดการใดๆ ให้รอบคอบก่อนลงมือ
แต่ตอนนั้นเองที่หานดงจุนกลับพูดขึ้นมาด้วยท่าทางโกรธแค้นเพราะตัวเองถูกทำราวกับเป็นอากาศธาตุ “เด็กน้อย ข้าพูดกับเจ้าอยู่ เจ้าไม่ได้ยินข้ารึ? เจ้าคือผู้ที่สังหารเซี่ยวเอ๋อของข้าใช่หรือไม่?”
เย่หยวนได้แต่กลอกตากลับไปตอบ “เจ้าเป็นใคร คิดว่าข้ารู้จักเจ้าไหม? ทำไมข้าต้องเสียเวลาไปคุยกับเจ้าด้วย? ที่สำคัญเล้งห่าวก็เพิ่งเรียกชื่อข้าไปมิใช่หรือ? เจ้าหูหนวกหรืออย่างไร?”
“ฮ่าๆ!”
คำพูดของเย่หยวนทำให้คนตระกูลเล้งหัวเราะลั่นขึ้นมา
ต่อให้เป็นคนตระกูลหานที่เขาพามาด้วยก็ยังอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้น
หานดงจุนนั้นโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด ลูกชายเขาถูกสังหาร แถมยังต้องมาถูกคนร้ายกล่าวว่าให้เสียหน้าเช่นนี้ เรื่องนี้มันบ้าบออะไรกัน?
“เจ้าสารเลว เจ้าสังหารเซี่ยวเอ๋อของข้า วันนี้ต่อให้จักรพรรดิหยกมาเองเขาก็ไม่อาจช่วยเจ้าได้!” หานดงจุนตะโกนบอก
เย่หยวนกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางเย้ยหยัน “ตอนที่ข้าสังหารหานเซี่ยวมีผู้คนมากมายเห็นเหตุการณ์ มันเป็นคนที่คิดเข้ามาลอบโจมตีข้าเอง แต่กลับถูกข้าสวนกลับจนตายไป แต่ตอนนี้เจ้ากลับจะมาบอกว่าข้าผิด หึ คนตระกูลหานนี้มันเอาตัวเองเป็นที่ตั้งเสียจริงๆ!”
หานดงจุนกล่าวขึ้น “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ถึงกล้าเอาตัวมาเปรียบกับเซี่ยวเอ๋อของข้า? หากเทียบกับเขาเจ้ามันเป็นขยะที่แย่ยิ่งกว่าสัตว์หน้าขนเสียอีก!”
เย่หยวนยักไหล่ตอบ “ใช่ ข้านั้นคือขยะที่แย่ยิ่งกว่าสัตว์หน้าขน ที่สังหารลูกเจ้าได้ด้วยดาบเดียว เช่นนั้นแล้วลูกชายเจ้า… ก็คงต่ำเสียยิ่งกว่าขยะที่แย่ยิ่งกว่าสัตว์หน้าขนอีก!”
ฮ่าๆ!”
เสียงหัวเราะดังขึ้นมาอีกระรอกหนึ่งจนทำให้หานดงจุนไม่อาจทนความโกรธแค้นได้อีกต่อไป เขาตะโกนลั่นขึ้น “เจ้าหัวเราะอะไรกัน? หัวเราะอีกครั้งข้าจะฉีกปากเจ้าทิ้งเสีย!”
พูดจบเขาก็หันไปหาเล้งหงซิ่วด้วยสีหน้าท่าทางเย็นชา “เล้งหงซิ่ว เจ้าคิดจะทำอย่างไร? ข้าจะพาคนไปแล้ว เจ้าคงไม่คิดขัดใช่ไหม? เพราะอย่างไรมันก็ยอมรับมาแล้วว่ามันสังหารหานเซี่ยวของข้า!”
เล้งหงซิ่วหันไปมองดูเย่หยวนเล็กน้อยก่อนจะบอก “คนผู้นี้มิใช่คนตระกูลเล้ง หากเจ้าคิดอยากพามันไปข้าก็ย่อมไม่คิดขัด แต่มันต้องไม่เกิดขึ้นในบ้านตระกูลเล้งข้า! หลังจบเรื่องราวตรงนี้แล้วข้าจะไล่มันออกจากบ้านตระกูลเล้งไป จากนั้นเจ้าจะเอามันไปต้มยำทำแกงที่ไหนก็เชิญได้เลย”
เมื่อหานดงจุนได้ยินเช่นนั้นเขาก็ยิ้มออกมา “ได้ เช่นนั้นข้าจะรอ! เด็กน้อย เจ้าจะได้รู้เองว่าโทษที่มาสังหารเซี่ยวเอ๋อมันจะเป็นอย่างไร!”
เมื่อเห็นท่าทางและคำพูดนั้นของหานดงจุนเย่หยวนย่อมไม่คิดตื่นตกใจ ทำแค่ยักไหล่ตอบ “แค่คนเช่นเจ้าคนกักขังข้าไว้ไม่ได้หรอก!”
หานดงจุนจึงหัวเราะขึ้นราวกับได้ยืนเรื่องขำขันมา “เจ้าคนอวดอ้างหน้าไม่อาย แค่นภาสวรรค์สองดาวกลับคิดว่าจะหนีจากน้ำมือของหานคนนี้พ้น! หากข้าปล่อยเจ้าหลุดรอดไปได้ ข้าหานดงจุนจะไม่ขอโผล่หน้าในเมืองหลวงจักรพรรดิพันทะยานนี้อีก!”
หานดงจุนนั้นเป็นถึงเทพถ่องแท้ครึ่งก้าว แน่นอนว่าเขาต้องมีตำแหน่งที่สูงส่งในตระกูลหาน
ไม่ว่าเย่หยวนจะเก่งกาจอย่างไร นภาสวรรค์สองดาวมันก็ไม่มีทางที่จะหนีรอดจากเทพถ่องแท้ครึ่งก้าวได้แน่
เย่หยวนมองไปหาเขาด้วยรอยยิ้ม “เจ้าจำคำที่พูดไว้ให้ดีล่ะ ถึงเวลานั้นอย่าได้กลับคำ”
เขานั้นมีวิชาเคลื่อนย้ายมิติ เพียงแค่คิดก็สามารถไปได้ไกลสุดลูกหูลูกตา
ต่อให้เป็นเทพถ่องแท้ตัวจริงก็คงไม่อาจตามตัวเขาได้ทัน อย่างว่าแต่เทภถ่องแท้ครึ่งก้าวเลย
ที่ด้านข้างนั้นเล้งห่าวกำลังกังวลใจอย่างมาก
เขานั้นคิดอยากจะขึ้นไปสังหารคนทั้งสองนั้นด้วยมือตัวเอง แต่การสังหารปิดปากคนเช่นนั้นมันก็เท่ากับว่าเป็นการยอมรับความผิดไป
แต่หากไม่สังหารลง เมื่อเล้งหงซิ่วตรวจจิตพวกเขาดู เรื่องราวทั้งหมดมันก็จะถูกเปิดเผย
ตอนนั้นเองที่เล้งหงซิ่วพูดขึ้นบ้าง!
“ในเมื่อเจ้าว่าห่าวเอ๋อคิดร้ายต่อซู่เอ๋อ ข้าก็จะทำการตรวจสอบจิตของคนทั้งสองนี้! หากมันไม่เหมือนดั่งที่เจ้าว่า เจ้าอย่าได้หาว่าตระกูลเล้งเราไร้จิตใจเลย!” เล้งหงซิ่วมองดูเย่หยวนอย่างเย็นชา
เย่หยวนไม่คิดพูดตอบใดๆ แต่เขากลับรู้สึกถึงลางสังหรณ์
เหมือนว่าเขาจะดูถูกสายสัมพันธ์ที่เล้งหงซิ่วมีต่อเล้งห่าวเกินไป!
ตอนนั้นเองที่ปราณเทวะของเทพถ่องแท้ถูกปล่อยออกมาใส่ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของคนทั้งสองอย่างรุนแรง
“อ่อก!”
คนทั้งสองกระอักเลือดออกมาทันทีอย่างพร้อมเพรียงก่อนจะร่วงลงกับพื้นพร้อมหมดลมหายใจ
เย่หยวนหน้าเปลี่ยนสีทันที นี่มัน… จะไม่ถือว่าเป็นการปิดปากพยานอย่างหนึ่งหรือ?
เล้งห่าวนั้นแสดงใบหน้าที่แสนกังวลออกมา ตอนนี้ร่างของเขานั้นสั่นสะท้านอย่างถึงที่สุด
เล้งหงซิ่วจะประกาศความผิดของเขาออกมาหรือไม่?
ตาที่หลับของเล้งหงซิ่วค่อยๆ เปิดขึ้นก่อนจะหันมามองเย่หยวน “พูดจาไร้สาระ ทำลายชื่อเสียงตระกูลเล้งข้า! พวกเจ้าทั้งหลาย! มาจัดการเจ้าเด็กนี่เสีย!”
ตอนที่ 1851 กลับดำเป็นขาว
เล้งห่าวนั้นใจเต้นรัวจนแทบหลุดออกมาทางปาก
จู่ๆ ความสุขก็มาหาเขา!
ไม่สิ เรื่องเช่นนี้คงต้องบอกว่าความพยายามที่ผ่านมาหลายปีของเขามันไม่สูญเปล่า!
พ่อบุญธรรมของเขาสุดท้ายก็ยังเข้าข้างเขา!
ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!
หลายเงาร่างพุ่งตัวขึ้นมายังสังเวียนล้อมตัวเย่หยวนไว้ตรงกลาง
แต่เล้งซู่กลับตะโกนร้องขึ้นมาด้วยท่าทางไม่พอใจอย่างมาก “ท่านลุง ไม่ว่าท่านจะคิดเห็นข้าขัดหูขัดตาแค่ไหนท่านก็ไม่อาจจะกลับดำเป็นขาวได้ เรื่องนี้มันมิได้เกี่ยวข้องกับเย่หยวนเลย ท่านปล่อยเขาไป แล้วข้าจะรับผิดชอบทุกสิ่งอย่างเอง!”
เล้งซู่ในตอนนี้นั้นผิดหวังกับตระกูลเล้งอย่างถึงที่สุด
เขาไม่คิดจะอยากสู้ใดๆ มาก่อน แต่ความบิดเบี้ยวของโลกหล้ามันกลับบังคับให้เขาต้องลุกสู้ ทำลายล้างจิตใจเขาจนแตกเป็นเสี่ยงๆ
นี่คือความรู้สึกที่ทำให้เขาเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ
แต่เพราะว่าเย่หยวนเขาจึงสามารถลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคงได้อีกครั้งอย่างวันนี้ ทำให้เขาสามารถชนะเล้งห่าวและชนะใจตัวเองได้
เพราะว่าเย่หยวน เขาจึงสามารถละทิ้งตัวตนเก่าๆ ของตัวไปได้
แต่ตอนนี้เย่หยวนกลับต้องถูกลากมาเกี่ยวพันกับเรื่องราวสุดแสนน่ารังเกียจ แน่นอนว่าเขาย่อมไม่มีทางจะให้อภัยตัวเองกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ได้
แต่ว่าเล้งหงซิ่วกลับพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ “โอหัง! เจ้าหมายความว่าข้าพูดโกหกต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนั้นหรือ? เจ้าบอกว่าเล้งห่าวเลวเช่นนั้น เป็นเช่นนี้ แต่สุดท้ายมันก็แค่คำพูดของเจ้าฝ่ายเดียว! ฝั่งเจ้าเล่าเคยทำอะไรให้ตระกูลเล้งต้องเสียหายบ้าง? เจ้าถอยไป!”
เล้งซู่นั้นมีหน้าที่ซีดเผือดแต่กลับไม่คิดที่จะถอยแม้สักก้าว เขายังยืนบังหน้าเย่หยวนเอาไว้อย่างไม่ยอม “ข้าไม่ถอย!”
เล้งหงซิ่วทำหน้าดำคร่ำเครียดออกมา “ข้าขอประกาศว่าจากวันนี้ไป เล้งซู่จะถูกถอดจากตำแหน่งนายน้อยของตระกูล! เล้งห่าวนั้นจะขึ้นเป็นนายน้อยคนใหม่ของตระกูลเล้งเรา! พวกเจ้าจงเข้าโจมตีพวกมัน จับตัวพวกมันทั้งสองไว้เสีย!”
เมื่อเล้งห่าวได้ยินเขาก็ตื่นเต้นดีใจอย่างมาก
ความหวังหลายปีที่ผ่านมา ในที่สุดเขาก็ได้ตามปรารถนาแล้ว!
ที่สำคัญเมื่อดูจากสภาพการณ์ในวันนี้แล้ว เล้งซู่คงยากที่จะรอดพ้นความตายได้
หึ คนเราควรรู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง แค่คนนอกคนหนึ่งมันคุ้มค่าพอที่จะแลกชีวิตให้หรือ?
ในหัวใจของเขา เขาย่อมไม่เห็นด้วยกับการกระทำนี้ของเล้งซู่
แต่ก็เป็นเพราะเช่นนั้นเองที่มันทำให้เขาได้มีโอกาสขึ้นมา
เวลานั้นเองที่หานดงจุนกลับหัวเราะลั่นออกมา “ฮ่าๆๆ เล้งหงซิ่ว ท่านไม่ต้องมาลงมือกับเจ้าสัตว์หน้าขนนี่หรอก ข้าจะจัดการจับมันด้วยตัวเอง!”
เล้งหงซิ่วพยักหน้ารับเบาๆ โดยไม่ตอบอะไร
เมื่อเรื่องมาถึงตรงนี้แล้วใครจะจับเย่หยวนไปมันก็คงไม่ต่าง
ในทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของชายชุดดำนั้นเล้งหงซิ่วย่อมเห็นเรื่องราวต่างๆ มากมาย
เรื่องราวมากมายที่มันจะทำให้ตระกูลเล้งต้องเสียหาย
แต่มันมีสิ่งหนึ่ง ส่วนใหญ่ๆ ของมันคือการทำเพื่อตัวเขาและเล้งชิวหลิง
เท่านี้มันก็เพียงพอ!
เพราะจิตที่เขาค้นนั้นไม่ใช่จิตของเล้งห่าว เขาย่อมทำได้แค่คาดเดาเจตนาจากการกระทำต่างๆ ของเล้งห่าวเท่านั้น
แม้ว่าเล้งห่าวจะทำผิดมากมายเพื่อได้รับตำแหน่งนายน้อยผู้สืบทอดตระกูลมา แต่มันก็ไม่ได้ร้ายแรงจนถึงขั้นให้อภัยไม่ได้
เพราะสิ่งที่ส่งผลมากที่สุดก็คือความสงสัยและเห็นใจที่เล้งหงซิ่วมีต่อเล้งห่าว
เขาเองนั้นก็ถูกพี่ชายกดทับมาตลอดจนไม่อาจโงหัวขึ้น จนเขาได้มีลูกสาวที่แสนเก่งกาจคนนี้มา เขาจึงพอที่จะลืมตาอ้าปากขึ้นมาได้กับเขาบ้าง
เขาย่อมรู้ดีว่าเล้งห่าวนั้นต้องลำบากมากแค่ไหนกว่าที่จะได้สถานะอย่างทุกวันนี้มา
หานดงจุนหัวเราะลั่นพร้อมมองดูเย่หยวน “เด็กน้อย เจ้าคงไม่มีอะไรจะว่าแล้วใช่ไหม? เจ้านั้นมันปากดี แต่น่าเสียดายที่มันดีแค่ปาก! ต่อหน้าข้า หานดงจุนคนนี้แล้วเจ้ามันก็แค่มดปลวก! มดปลวกย่อมไม่มีทางหลบหนีจากมือข้าไปได้!”
พูดจบหานดงจุนก็ปล่อยพลังโลกออกมาพร้อมพุ่งตัวอย่างรวดเร็ว!
พลังโลกที่รุนแรงนั้นมันพุ่งเข้ามาปะทะเย่หยวนอย่างแรงปิดทางหนีของเขาไว้ในทุกทิศ
ตอนนี้เย่หยวนได้แต่ยืนนิ่งรอการจับกุม!
ปัง!
เสียงดังสนั่นขึ้นเพราะร่างของหานดงจุนพุ่งลงกระแทกกับพื้น
แต่ทว่ามันกลับไม่มีเงาของเย่หยวนอยู่เลย
“นี่มัน… เกิดอะไรขึ้นกัน? เย่หยวนอยู่ที่ไหน?”
ทุกคนต่างมองดูภาพนี้อย่างมึนงง พวกเขาไม่ได้กะพริบตาแม้สักครั้งแต่ว่าเย่หยวนกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยต่อหน้าต่อตา
แต่เป็นทางเล้งหงซิ่วที่หน้าเปลี่ยนสีไป ความเย็นเยือกของเขานั้นเริ่มแสดงให้เห็นถึงความตื่นตะลึง
“เจ้ามองหาข้าหรือ?” เย่หยวนพูดขึ้นมาจากบนท้องฟ้า
หานดงจุนหน้าถอดสีทันที “ค-เคลื่อนย้ายมิติ! เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
“เคลื่อนย้ายมิติ? แนวคิดแห่งห้วงมิติสี่ดาว? พระเจ้าช่วย!”
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าเด็กคนนี้มันถึงได้อวดดีนัก ที่แท้มันสำเร็จแนวคิดแห่งห้วงมิติ!”
“หากมิใช่เทพถ่องแท้แล้วคงไม่มีใครที่จะสามารถจับตัวเขาไว้ได้แน่นอน!”
…
เรื่องนี้ทำให้ฝูงชนเกิดเสียงฮือฮาขึ้นทันที
พวกเขานั้นมีพลังฝีมือที่ต่ำตมย่อมไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเย่หยวนสามารถหลบการโจมตีของหานดงจุนไปได้อย่างไร
แนวคิดแห่งห้วงมิติสี่ดาว ของเช่นนี้สำหรับพวกเขาแล้วมันเป็นดั่งพลังของพระเจ้า
แม้ว่าคนที่สำเร็จแนวคิดแห่งห้วงมิติจะมีไม่มาก แต่มันก็ไม่ได้ไม่มีเลย
ในสถานที่อย่างเมืองหลวงจักรพรรดินี้ มันยังมีปรากฏขึ้นมาหนึ่งถึงสองคนเสมอๆ
แต่คนที่จะบรรลุมันได้ถึงสี่ดาวและใช้เคลื่อนย้ายมิตินี้ได้นั้น มันไม่เคยมีมาก่อนเลย!
เย่หยวนมีพลังมากมายขนาดนี้ ในหมู่นภาสวรรค์ด้วยกันมันย่อมไม่มีใครที่จะสามารถจับกุมเขาไว้ได้
หานดงจุนนั้นมีวิชาปิดกั้นมิติที่ดูจะแข็งแกร่ง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่หยวนแล้วมันก็เป็นได้แค่วิชาเด็กเล่น
การที่เย่หยวนจะหนีออกมาจากการคุมขังของหานดงจุนนั้นมันแสนง่ายดาย
“เจ้าบอกมาใช่ไหม ว่าข้านั้นคือมดที่ไม่อาจหนีการจับกุมของเจ้าได้? เช่นนั้น… เจ้าจะเป็นอะไรล่ะ? เจ้าจับมดยังไม่ได้แล้วยังมีหน้ามาพูดจาโอหังอีกหรือ?” เย่หยวนมองดูหานดงจุนด้วยความเย้ยหยัน
สีหน้าของหานดงจุนนั้นมันแดงก่ำ ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจะอวดอ้างตัวไป แต่มีหรือที่เขาจะรู้ว่าเย่หยวนยังมีไม้ตายลับเช่นนี้อยู่?
ตอนนี้เขานั้นเสียหน้าจนแทบต้องมุดแผ่นดินหนี
เมื่อได้เห็นรอยยิ้มเยาะจากปากของคนตระกูลเล้ง เขาก็ยิ่งไม่พอใจหนักขึ้นกว่าเก่า
เย่หยวนใช้วิชาเคลื่อนย้ายมิติได้ ไม่ว่าเขาจะพาคนมาเท่าไหร่มันก็ย่อมไม่มีทางจับกุมตัวเย่หยวนไว้ได้
ตอนนี้หากคิดจะกลับไปขอกำลังเสริมที่แข็งแกร่ง เย่หยวนก็คงหนีหายไปถึงไหนต่อไหนจนมิอาจตามได้
เพราะฉะนั้นเขาจึงได้แต่หันหน้าไปขอความช่วยเหลือจากเล้งหงซิ่ว
“ผู้นำตระกูลเล้ง ลูกชายข้าตายลง ความผิดนี้เล้งซู่เองก็ไม่อาจจะหนีความผิดนี้ไปได้! ข้าหวังว่าตระกูลเล้งจะเห็นแก่หน้าข้าสักครั้ง!” หานดงจุนยังคงขอร้องออกมาด้วยท่าทางเหนือกว่า
เมื่อตอนที่ผู้นำตระกูลคนก่อนตาย ตระกูลเล้งก็เสียอำนาจไปมาก
สภาพในตอนนี้ตระกูลหานนั้นมีพลังอำนาจที่เหนือกว่าตระกูลเล้งไม่น้อย เขาจึงไม่คิดที่จะให้เกียรติใดๆ แก่ตระกูลเล้ง!
เล้งหงซิ่วตอบกลับมา “โอหัง! เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้ามาพูดกับข้าเช่นนี้?”
“อ่อก!”
ภายใต้แรงกดดันของเล้งหงซิ่ว หานดงจุนก็กระอักเลือดออกมาทันที
“เล้งหงซิ่ว เจ้า!”
เล้งหงซิ่วนั้นตอบกลับมาด้วยใบหน้าดำคร่ำเครียด “เจ้าคิดว่าเสือหลับเป็นแมวป่วยอย่างนั้นหรือ? ต่อให้ตระกูลเล้งของข้ามันจะตกต่ำจากก่อน มันก็ยังไม่ได้ตกต่ำถึงขั้นจะให้ใครไม่รู้อย่างเจ้ามาอวดเบ่งอำนาจใส่ได้! ตอนนี้เจ้าจงรีบไป! ข้าจะจับคนไว้เอง หากเจ้ายังอยากได้มันก็ให้หานเทียนหยู่มาหาข้าด้วยตัวเอง!”
เมื่อเทพถ่องแท้โกรธเคืองขั้น แน่นอนว่าพลังที่ออกมามันย่อมมหาศาล!
หานดงจุนได้แต่ทำหน้าซีดเซียว พยายามคิดหาทางออกอยู่นานจนสุดท้ายก็ร้องบอกทุกคน “กลับกัน!”
หลังจากเขากลับไปเล้งหงซิ่วก็หันมาบอกเย่หยวน “เจ้าหนุ่ม ยอมให้ข้าจับแต่โดนดีเถอะ เพราะหากให้ข้าลงมือเองเรื่องมันคงไม่จบง่ายๆ แน่!”
เย่หยวนยังไม่ทันตอบอะไรแต่เป็นเล้งชิวหลิงที่พูดขึ้นมาพร้อมถอนหายใจยาว “ท่านพ่อ เรื่องนี้ให้มันจบลงแค่นี้เถอะ”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น