Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1836-1839

ตอนที่ 1836 เต๋าสวรรค์นั้นโหดเหี้ยม!

 

ดวงตาของฮั่นเจี้ยนชิงนั้นแดงก่ำด้วยความขาดสติอย่างถึงที่สุด


เขาหันไปร้องบอกตู้หรูเฟิง “ไอ้เด็กคนนี้มันสังหารยอดศิษย์นิกายสว่างชัดไปถึงหกคน! ไม่สังหารมันวันนี้ข้าจะเอาหน้าที่ไหนกลับไปเจอท่านเจ้านิกายกัน?”


ตู้หรูเฟิงบอก “เรื่องของเจ้าสิ! ตราบเท่าที่เย่หยวนไม่ได้ทำผิดกฎวิหาร ไม่ว่าเขาจะคิดฆ่าสังหารผู้คนไปเท่าไหร่เขาย่อมไม่ผิด!”


ฮั่นเจี้ยนชิงตอบกลับมาพร้อมเลือดที่ยังไหลเต็มปาก “วิหารไม่ยุติธรรม! วินาทีที่เย่หยวนมาถึงพวกท่านก็ให้มันไปอยู่สวนป่าบนเพราะอะไรกันเล่า? ทำไมพวกท่านไม่บอกมาแต่แรกว่าเย่หยวนนั้นคือศิษย์ที่วิหารชุบเลี้ยงมา? ทำไมท่านจึงต้องทำเช่นนี้กับเราด้วย?”


เมื่อคนเราเสียสติไปกับความโกรธแค้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อแค่ไหนพวกเขาก็คิดปั้นแต่งขึ้นมาได้


ในสายตาของฮั่นเจี้ยนชิงนั้นเย่หยวนคือศิษย์ที่ทางวิหารชุบเลี้ยงขึ้นมาอย่างลับๆ แต่ว่าเขาคนนั้นกลับถูกสั่งให้มาเข้าร่วมงานชุมนุมการต่อสู้แห่งก่อไผ่ทำให้ผู้คนต้องเจอความยากลำบาก


ตู้หรูเฟิงขมวดคิ้วแน่น “ฮั่นเจี้ยนชิง ขืนยังพูดมากไร้สาระว่ากล่าววิหารอีกเจ้าจะต้องได้รับการลงโทษนั้น!”


ตอนนี้มีเงาร่างอีกหลายคนนอกจากตู้หรูเฟิงปรากฏตัวขึ้น คนทั้งหลายเหล่านี้คือผู้อาวุโสของวิหาร พวกเขาต่างเป็นถึงเทพถ่องแท้ทั้งสิ้น


เมื่อเห็นกำลังที่มากมายขนาดนี้ฮั่นเจี้ยนชิงก็รู้สึกเหมือนได้ถังน้ำเย็นเข้าราดหัว


แค่ตู้หรูเฟิงคนเดียวเขายังไม่อาจเทียบเคียง ตอนนี้มีเทพถ่องแท้อีกหลายคนปรากฏตัวขึ้นมามันย่อมเหนือกว่าจะจัดการได้


“ข้า… ข้าไม่ยอมรับ!” ฮั่นเจี้ยนชิงบอกด้วยความโกรธแค้น


ตู้หรูเฟิงบอกมาด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายขึ้น “ชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่นั้นเดิมทีถูกจัดขึ้นมาเพื่อให้เหล่าศิษย์ที่จะเข้าสู่วิหารได้มีโอกาสเรียนรู้ฝีมือของผู้อื่นและเสริมสร้างความสามารถของตนเอง เหตุผลที่ไม่ห้ามการฆ่าฟันก็เพื่อให้พวกเขาได้ลงมืออย่างเต็มที่ แต่เรื่องราวที่ถึงขั้นฆ่าล้างสังหารกันเช่นนี้มันก็มีเกิดขึ้นแค่ไม่กี่ครั้ง ครั้งนี้เดิมทีเป็นพวกเจ้าเองที่หาเรื่องเข้าใส่ตัวแต่กลับคิดจะมาโทษว่าผู้อื่น เจ้าไปคิดอะไรเช่นนั้นขึ้นมาได้อย่างไร? ผิดหรือถูกข้าว่าทุกผู้คนย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ ข้าเชื่อว่าไม่ต้องให้ข้าพูดตัดสินใดๆ ทุกคนก็ย่อมรู้ดี”


เมื่อเหล่าคนทั้งหลายได้ยินพวกเขาก็พยักหน้าออกมาตามๆ กัน


เพราะเรื่องในครั้งนี้มันเป็นนิกายสว่างชัดที่เริ่มก่อน แต่เมื่อถูกสวนกลับจนแขนขาบิดเบี้ยวเช่นนี้พวกเขากลับคิดจะมาโทษว่าระบายความโกรธใส่เย่หยวนแทน


เดิมทีคนทั้งหลายนั้นต่างไม่ค่อยพอใจอยู่ไม่น้อยที่ได้เห็นนิกายเงาจันทร์ไปพักอยู่สวนป่าบน


แต่ตอนนี้ความคิดใดๆ ทั้งหลายนั้นมันได้หายไปจนสิ้นอย่างที่ไม่อาจรื้อฟื้นกลับมาได้


เย่หยวนนั้นมีพลังยุทธ์ที่เหนือล้ำแถมด้วยความสามารถด้านโอสถที่เหนือใคร เขาย่อมมีสิทธิ์ที่จะอยู่ ณ สวนป่าบนอย่างไม่ต้องสงสัย


ที่สำคัญพวกเขายังรู้ดีด้วยว่าสุดท้ายเรื่องมันก็เกิดขึ้นเพราะเจ้าหมูสมบัติ


ต่อให้พวกเขาจะไม่ทราบว่าหมูสมบัตินี้คืออะไร แต่เบื้องหลังของมันย่อมต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน


ตู้หรูเฟิงมองดูอย่างเย้ยหยัน “ฮั่นเจี้ยนชิง ข้าจะถือว่าเจ้าแค่ใจร้อนด่วนได้ จะละเว้นโทษตายไว้ให้! เจ้านั้นลบหลู่ว่าวิหาร แม้จะพ้นโทษตายแต่มันก็ยังต้องรับโทษทัณฑ์ วันนี้เจ้าจงออกไปจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อไผ่และกลับไปยังนิกายของเจ้า จากนั้นขังตัวเองไว้หนึ่งพันปีห้ามออกจากเขาเด็ดขาด! เจ้ายอมรับโทษนี้ไหม?”


ฮั่นเจี้ยนชิงหน้าซีดเผือดลง เขาได้แต่เงยหน้าขึ้นถอนหายใจยาว “ช่างเถอะ ฮั่นเจี้ยนชิงขอรับโทษทัณฑ์”


ในมิติอนัตตาก่อไผ่นี้ ไม่ว่าจะเป็นนิกายที่ทรงพลังแค่ไหนมันก็ไม่อาจแข็งข้อกับวิหารได้


เพราะวิหารนั้นคือตัวตนที่แสนยิ่งใหญ่


เพราะพวกเขามีเทพสวรรค์อยู่เบื้องหลัง!


เมื่อการต่อสู้จบลง สถานการณ์การแข่งขันของชุมนุมการต่อสู้แห่งก่อไผ่ก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นกว่าเก่า


หยางเชินนั้นตายไปแล้ว มันย่อมไม่มีทางที่เขาจะลุกมาเป็นศิษย์วิหารได้อีก


นั่นทำให้การแย่งชิงที่สองดุเดือดขึ้นอย่างมาก


ส่วนทางด้านเย่หยวนนั้นก็ได้พ่ายแพ้เป็นครั้งแรกในการชุมนุมการต่อสู้แห่งก่อไผ่นี้


อาการหมดสติของเขานั้นดำเนินต่อไปถึงสิบวันสิบคืน ทำให้เขาพลาดการแข่งรอบต่อไปและถูกตัดสิทธิ์ในที่สุด


แต่ว่าแม้เขาจะแพ้ เขาก็ยังยืนหยัดอยู่ในอันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย


ที่สำคัญผู้คนทั้งหลายเองก็เข้าใจดีว่าพวกเขาไม่มีทางไปเขย่าบัลลังก์เย่หยวนลงได้แน่



สิบวันต่อมาเย่หยวนก็ค่อยๆ ลืมตาฟื้นขึ้น


“เจ้าตื่นแล้ว!” ไป่หลี่ชิงหยานที่เห็นเย่หยวนลืมตาตื่นร้องขึ้นอย่างดีอกดีใจ


ตงน้อยเองก็แสดงรอยยิ้มอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนออกมา “ข้าบอกแล้วว่าเด็กคนนี้มันไม่ตายหรอก พวกเจ้าก็ไม่เชื่อข้า”


เย่หยวนยังคงมึนงงอยู่ไม่น้อย สายตาที่เขาใช้มองไป่หลี่ชิงหยานนั้นดูไร้อารมณ์อย่างถึงที่สุด


สายตาที่แสนเย็นชานั้นมันทำให้ไป่หลี่ชิงหยานขนลุกทั้งร่าง


“อะไรกัน? เจ้า… เจ้าคงไม่ได้ลืมข้าไปแล้วหรอกนะ?” ไป่หลี่ชิงหยานร้อง


แต่ไม่นานนักเย่หยวนก็กลับมามีสติเต็มที่และตอบออกมาด้วยรอยยิ้ม “อา…ศิษย์พี่ไป่หลี่ ทำไมข้าจะจำท่านไม่ได้กัน? บางทีอาจเป็นเพราะข้าหมดสตินานไปหน่อยทำให้สมองยังมึนๆ การใช้กระบวนท่านั้นออกมามันสร้างภาระหนักให้แก่ข้าจริงๆ”


ได้ยินเช่นนั้นไป่หลี่ชิงหยานก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ “ข้าไม่นึกเลยว่าแม้แต่หยางเชินผู้สำเร็จแนวคิดแห่งกาลเวลาก็ยังไม่อาจรอดพ้นมือเจ้าไปได้!”


ที่ด้านข้างอี้ชิงเซียงก็พูดขึ้นบ้าง “เย่หยวน เจ้าไม่รู้อะไร แต่ตอนนี้เมื่อเรานิกายเงาจันทร์เดินไปไหนมาไหน เราก็รู้สึกภาคภูมิอย่างบอกไม่ถูกเลย เรื่องนี้ต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ!”


ไม่ว่าจะอย่างไรเสียคนเราก็มักชอบชื่นชมคนเก่ง ดูถูกคนอ่อนแอ


เมื่อคิดถึงท่าทางของชูเวินในวันแรกที่พวกเขามาถึง มันราวกับว่าเวลาผ่านไปนับร้อยๆ ปี


ตอนนี้ชูเวินนั้นเปลี่ยนท่าทีแบบหน้ามือเป็นหลังเท้า เรียกพวกเขาท่านพี่อย่างนั้นอย่างนี้ตลอดเวลา


เรื่องทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นได้เพราะความสามารถและพรสวรรค์ที่เย่หยวนแสดงออกมา


หลังจากส่งทุกคนกลับไปแล้วเย่หยวนก็แสดงสีหน้าไม่สู้ดีออกมาให้เห็น


“ดูท่าเจ้าจะไม่ค่อยสบายนะ!” ตงน้อยบอก


เย่หยวนผงะไปทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้นก่อนจะพยายามปั้นหน้าตาปกติ “ตรงไหนกัน? ข้าสบายดีทุกอย่างแล้ว”


ตงน้อยมองดูดวงตาของเย่หยวนและพูดขึ้นมาด้วยเสียงใสๆ “ข้ารู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงจากภายในกายเจ้า แม้จะไม่สามารถระบุชัดได้แต่ข้าก็รู้สึกถึงมัน”


เย่หยวนหันมามองตงน้อยด้วยความตื่นตกใจ เด็กคนนี้มันมีตาที่เฉียบคมจริงๆ!


เย่หยวนจึงได้แต่ถอนหายใจยาว “เจ้าเห็นมิติลายพระเจ้าไหม?”


ตงน้อยพยักหน้ารับ


เขาย่อมเห็นมิติลายพระเจ้าที่ว่านี้ และที่สำคัญเขายังรู้สึกได้ถึงความอันตรายของมิติลายพระเจ้านี้ด้วย


เย่หยวนพูดต่อ “เจ้าวิชานี้มันเหมือนจะส่งผลต่อจิตใจข้า!”


คิดได้ถึงตรงนี้เย่หยวนก็เริ่มทำหน้าเคร่งเครียด


เมื่อนึกถึงช่วงที่ตัวเขาอยู่ในมิติลายพระเจ้านั้นเย่หยวนก็รู้สึกแปลกๆ กับตัวเองในตอนนั้นมาก


ตัวเขาในตอนนี้นั้นมันไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ อย่างแท้จริงราวกับเป็นแค่เครื่องจักร


ต่อให้ตอนนี้เขาจะกลับมาเป็นคนเก่าได้แล้ว แต่สภาพของตัวเขาในตอนนั้นมันก็ยังคงส่งผลมาถึงตัวเขาในปัจจุบัน


ในเรื่องนี้ เย่หยวนก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก


ให้พูดแล้วมิติลายพระเจ้านั้นมันน่าจะเป็นสิ่งที่บัญญัติเทพแห่งถงเทียนสร้างขึ้นและน่าจะเป็นแค่ส่วนเสริมของวรยุทธ์บ่มเพาะนี้ ไม่น่าจะทำให้รู้สึกแปลกแยกได้ถึงขั้นนี้


แต่ทำไมมันจึงเกิดเรื่องแปลกๆ เช่นนี้ขึ้นมา?


หรือว่ามีความผิดพลาดในตอนสร้างบัญญัติเทพแห่งถงเทียน?


เย่หยวนพยายามครุ่นคิดอยู่นานก็ไม่อาจหาคำตอบได้!


เขาได้นำเรื่องนี้ไปคุยกับหวู่เฉินมาแล้วแต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบได้เช่นกัน


เมื่อตงน้อยได้ยินเช่นนั้นเขาก็ขมวดคิ้วแน่น “วรยุทธวิชานั้นที่เจ้าใช้ออกมามันแข็งแกร่งมาก ข้าสัมผัสได้ถึงพลังเต๋าสวรรค์อันรุนแรงจากมัน ดูท่าแล้วมิติลายพระเจ้าของเจ้านี้จะยังไม่พัฒนาไปถึงขั้นสุด แต่เจ้าจงจำไว้อย่างหนึ่ง… ‘เต๋าสวรรค์นั้นโหดเหี้ยม’”


เย่หยวนผงะไปทันทีที่ได้ยินก่อนจะขมวดคิ้วแน่นจนกลายเป็นปม “เต๋าสวรรค์นั้นโหดเหี้ยม? เต๋าสวรรค์นั้นโหดเหี้ยม! เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

 

 

 


ตอนที่ 1837 เกาะดวงใจมิติ

 

การที่หยางเชินตายลงจึงทำให้งานชุมนุมการต่อสู้แห่งก่อไผ่นั้นดุเดือดขึ้นอย่างมาก


แต่เพราะว่าการต่อสู้ที่ดุเดือดนี้ ลำดับต่างๆ นานา ที่เคยมีการจัดเรียงไว้มันจึงล่มพังอย่างไม่เป็นท่า


แน่นอนว่าเย่หยวนสามารถยืนอยู่เหนือล้ำผู้คนได้อย่างที่ไม่มีใครอาจจะเทียบเคียง


แม้ว่าหลังจากนั้นมาเย่หยวนจะได้พบเจอกับหลัวเจิน อีกฝ่ายก็ต้องขอยอมแพ้หลังประมือกันไปได้แค่ร้อยกว่ากระบวนท่า


แต่ว่าตำแหน่งที่สองของหลัวเจินมันก็นับได้ว่ามั่นคงมาก


สิ่งที่ดุเดือดมากจริงๆ คืออันดับสามถึงห้าต่างหาก


การชุมนุมนี้ดำเนินไปกว่าหนึ่งปี แต่ความห่างช่องว่างของลำดับมันกลับไม่มีใครทิ้งห่างใคร


ในหมู่คนทั้งหลายนั้นใครๆ ก็มีโอกาสมากพอจะขึ้นอยู่ติดอันดับหนึ่งในห้าได้


แต่ว่าสุดท้ายแล้วกลับเป็นไป่หลี่ชิงหยานที่ทะยานขึ้นมาคว้าอันดับสี่ไว้ได้อย่างเหนือคาดผู้คน


เท่านี้มันก็ทำให้นิกายเงาจันทร์ได้รับตำแหน่งสองคน


ตู้หรูเฟิงยืนประกาศอยู่บนแท่นสูง “ห้าอันดับแรกของงานชุมนุมการต่อสู้แห่งก่อไผ่คือเย่หยวน หลัวเจิน เทียนต้าเจียง ไป่หลี่ชิงหยานและหลี่หลง พวกเขาเหล่านี้จะได้เข้าสู่วิหาร สิบวันจากนี้คนทั้งห้าจะได้เข้าไปศึกษายอดเต๋าในดวงใจมิติอนัตตา ศิษย์คนอื่นๆ นั้นให้ไปศึกษายอดเต๋าที่ผาหยกสวรรค์เป็นเวลาสิบปี หลังครบสิบปีแล้วพวกเจ้าต้องออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อไผ่ไปทันที!”


ศิษย์ทั้งหลายที่เข้าร่วมงานชุมนุมการต่อสู้แห่งก่อไผ่นั้นเมื่อได้ยินคำประกาศของตู้หรูเฟิงก็ถอนหายใจยาว


“ก่อนจะมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อไผ่นี้ไม่เคยมีใครคาดคิดว่านิกายสว่างชัดจะต้องเจอหายนะเช่นนี้หรอกใช่ไหม?”


“ใช่ไหมล่ะ? จากนั้นเซินเทียนหลินก็ยอมจำนน ไม่ว่าจะพบเจอใครเขาก็ยอมแพ้สิ้น คงกลัวว่าจะถูกเย่หยวนสังหารลงอีกคน! ขี้ขลาดเสียจริงๆ ทำเช่นนี้กนิกายสว่างชัดยิ่งเสียหน้าเพราะเขาไปอีก!”


“หึ นิกายสว่างชัดยังจะเอาหน้าที่ไหนมาเสียอีก? เรื่องนี้ไปโทษเขาก็ไม่ได้หรอก เพราะแม้แต่หยางเชินยังตายลงด้วยมือของเย่หยวน มีหรือที่เขาจะไม่คิดกลัว? ทำเช่นนี้เองก็เป็นเรื่องดีแล้ว อย่างน้อยๆ มันก็ยังช่วยรักษาชีวิตของเขาไว้ได้”


“เทียบกันแล้วนิกายเงาจันทร์ไร้ชื่อนั้นกลับได้รับตำแหน่งไปถึงสองคน เรื่องนี้มันทำให้ผู้คนต้องตื่นตะลึงจริงๆ”



นิกายสว่างชัดที่ว่ากันว่าเก่งกาจที่สุดกลับไม่สามารถส่งศิษย์เข้าวิหารได้แม้สักคน


เซินเทียนหลินนั้นเดิมที่มีพลังฝีมือมากพอที่จะเข้าวิหารได้ไม่ยาก แต่เห็นหยางเชินตายลงต่อหน้าเช่นนั้นเขาจึงยอมแพ้ทุกสิ่งอย่างไม่ว่าจะพบเจอกับใครก็ตาม


เซินเทียนหลินนั้นฉลาดไม่น้อย เขาทำเช่นนั้นเพื่อแทนคำขอโทษแก่เย่หยวน หวังว่าอีกฝ่ายจะแสดงความเมตตาออกมาบ้าง


ในที่สุดแล้วเย่หยวนก็ปล่อยให้เขามีชีวิตรอดไปจริงๆ


ระหว่างงานชุมนุมนี้ การกระทำของเย่หยวนมันได้เปลี่ยนโชคชะตาของยอดศิษย์จากนิกายต่างๆ มากมาย


“เย่หยวน ขอบคุณมาก!” ไป่หลี่ชิงหยานเดินเข้ามาขอบคุณเย่หยวน


นางเข้าใจดีว่าด้วยพลังฝีมือของนางแต่เดิมนั้นย่อมไม่มีทางจะเข้าสู่วิหารได้แน่


แต่ในเวลาหนึ่งปีนี้เย่หยวนกลับช่วยนางหลอมโอสถใจม่วงหยก สอนกระบวนท่านาง ทำให้พลังฝีมือของนางนั้นพัฒนาขึ้นอย่างมากล้ำจนในที่สุดก็ขึ้นมาติดอันดับหนึ่งในห้าได้


จะบอกว่าการที่นางเข้าวิหารมาได้มันเป็นเพราะเย่หยวนเบิกทางให้ก็ไม่ผิดเลย


เย่หยวนยิ้มตอบ “ท่านนั้นมีพรสวรรค์ที่ดีมากแล้ว ข้าเองก็แค่ช่วยอะไรนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น”


ไป่หลี่ชิงหยานอดไม่ได้ที่จะเถียงขึ้นในใจ เจ้าหมอนี้มันพูดประชดผู้คนกันหรืออย่างไร?


เทียบพรสวรรค์กันแล้วในโลกหล้าจะยังมีใครเทียบเคียงเจ้าได้?


สิ่งที่น่าขันที่สุดคือเมื่อก่อนตอนเจอกันครั้งแรกนางคิดว่าเย่หยวนเป็นแค่ขยะ พาลากเย่หยวนเข้ากลุ่มสอบในเทือกเขาเงาจันทร์ด้วยกัน


คิดได้ถึงตรงนี้ไป่หลี่ชิงหยานก็หน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที


เว้นเสียแต่ว่าตอนนี้ยิ่งเวลาผ่านไปมาก ความห่างเหินที่เย่หยวนมีให้นางมันกลับเพิ่มขึ้น


มันไม่ใช่แค่ความห่างของฝีมือ แต่เหมือนราวกับว่าเย่หยวนนั้นพยายามกันนางไว้ให้ห่างตัว


ความห่างเหินนี้มันไม่ใช่ความห่างเหินด้านระยะทาง แต่มันเป็นความห่างเหินด้านความรู้สึก


เพราะไม่ว่าจะที่ไหนหรือเมื่อใด เย่หยวนก็จะพูดคุยกับนางด้วยท่าทางสุภาพอย่างไร้ความสนิทสนมอยู่เสมอ


เป็นท่าทางที่ทำให้ไป่หลี่ชิงหยานหดหู่อย่างมาก


ตอนนี้ซู่เหยียนก็เดินเข้ามาพูดคุยกับเย่หยวนด้วย “ก่อนจะมายังงานชุมนุมการต่อสู้แห่งก่อไผ่นี้ท่านคงไม่เคยคิดเคยฝันว่านิกายเงาจันทร์เราจะได้รับสิทธิ์มาถึงสองคน เมื่อพวกเรากลับไปท่านเจ้านิกายต้องดีใจมากแน่ๆ”


การที่ได้รับสิทธิ์เข้าวิหารมาถึงสองตำแหน่งนั้นมันไม่ได้แค่ส่งผลดีกับชื่อเสียง แต่ทางวิหารจะมอบรางวัลให้แก่นิกายที่ชุบเลี้ยงยอดศิษย์เหล่านั้นมาด้วยตามจำนวนที่ได้


รางวัลที่ว่านี้มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากกับนิกายระดับเทพถ่องแท้


นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมนิกายต่างๆ จึงทุ่มเททุกสิ่งอย่างเพื่อฝึกฝนและส่งศิษย์เข้ามาสู่วิหารเช่นนี้


เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะ “เวลาปีกว่ามานี้ เย่หยวนต้องขอบคุณท่านผู้อาวุโสซู่ที่คอยดูแลเอาใจใส่อย่างดี เย่หยวนนั้นเป็นได้แค่ผู้ยืมความดีจากคนอื่นโดยไม่ได้ตอบแทน โอสถเหล่านี้ข้าขอมอบให้ศิษย์พี่เจียงและศิษย์พี่อี้เป็นคำขอบคุณ”


เจียงเชอเหยียนและอี้ชิงเซียงนั้นเบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้นทันทีที่ได้เห็นมัน “โอสถคลายเอ็นวิญญาณไผ่ โอสถพรหมทลายมังกร ของเหล่านี้… โอสถเหล่านี้มันช่างเป็นของสุดล้ำค่า!”


แม้ว่าโอสถนี้มันจะอยู่ในผนึกแต่พวกเขาย่อมรู้ดีว่าเมื่อเย่หยวนลงมือหลอม มันย่อมออกมาเป็นโอสถที่มีคุณภาพไม่ต่ำกว่าขั้นเทวะอย่างแน่นอน


โอสถเหล่านี้ หากพลาดโอกาสนี้ไปทั้งชีวิตก็คงหาไม่ได้อีกแล้ว


ในหมู่นิกายทั้งหลายนั้นมันย่อมไม่มีใครหน้าไหนจะสามารถหลอมโอสถได้ถึงขั้นนี้อีกแล้ว


โอสถนี้จะมีประโยชน์ต่อการบ่มเพาะของพวกเขาในวันหน้าอย่างมาก มันจะทำให้พวกเขาบรรลุผ่านคอขวดใดๆ ไปได้อย่างง่ายดาย!


เย่หยวนยิ้มตอบ “ต้องขอบคุณหมูสมบัติข้าจึงมีสมุนไพรให้เลือกใช้มากมาย วันนี้ข้าจึงได้หยิบมันขึ้นมานิดหน่อยเพื่อทำการหลอมโอสถเหล่านี้ให้พวกท่าน”


คนทั้งสองมองดูเย่หยวนด้วยความซาบซึ้งอย่างถึงที่สุด


“นี่มัน… ศิษย์น้องเย่ ในอดีตมันล้วนเป็นความผิดข้า หวังว่าเจ้าจะไม่เก็บมันใส่ใจ” เจียงเชอเหยียนกล่าวขอโทษออกมาด้วยใบหน้าแดงฉาน


อี้ชิงเซียงเองก็กล่าวตาม “ตอนนั้นข้าเองก็คิดร้ายต่อศิษย์น้อยเย่ไม่น้อย นึกถึงแล้วข้าช่างอับอายนัก”


ตอนนี้พวกเขาย่อมเข้าใจได้อย่างดีแล้วว่าการแก่งแย่งอำนาจของฝ่ายค่ายนิกายรองใดๆ มันล้วนเป็นเรื่องไร้สาระต่อหน้ายอดคนที่แท้จริง


เย่หยวนบอก “เรื่องมันแล้วไปแล้ว ไม่ต้องพูดถึงให้เสียอารมณ์อีกหรอก แต่มันมีสิ่งหนึ่งที่ข้าอยากเตือนบอกพวกท่านเอาไว้ กำลังของนิกายนั้นไม่ได้สร้างจากการแก่งแย่งอำนาจภายใน แทนที่จะเสียเวลาไปขัดแข้งขาคนอื่น สู้เอาเวลาไปพัฒนาตัวเองให้เก่งกาจจะดีกว่า”


คนทั้งสองพยักหน้ารับอย่างหนักแน่นด้วยความเห็นด้วยอย่างถึงที่สุด



บนเรือลำน้อยมีคนเจ็ดคนและหมูหนึ่งตัวกำลังนั่งผ่านทะเลสงบวิญญาณ


“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อไผ่นั้นนับเป็นแค่ส่วนนอกสุดของวิหาร เป็นสถานที่วิหารไว้ใช้ติดต่อกับโลกภายนอก แท้จริงแล้ววิหารนั้นมีห้าวังใหญ่ตั้งอยู่บนเกาะทั้งห้า วังทั้งห้านั้นถูกปกครองด้วยยอดผู้อาวุโสเทพสวรรค์ทั้งห้า และห้าเกาะนั้นก็ล้อมรอยอีกเกาะหนึ่งไว้ มันคือเกาะที่สำคัญที่สุดของมิติอนัตตาก่อไผ่เรานามเกาะดวงใจมิติ และดวงใจมิติอนัตตานั้นก็อยู่บนเกาะดวงใจมิตินี้นี่เอง”


ตู้หรูเฟิงบอกเล่าอย่างเชี่ยวชาญ บอกถึงเรื่องราวของวิหารให้แก่ศิษย์ใหม่ทั้งห้าฟัง


เมื่อคนทั้งหลายได้ยินพวกเขาก็มองดูไปด้านหน้าอย่างเหม่อลอย


นี่คือที่ที่หัวใจของมิติอนัตตาก่อไผ่ตั้งอยู่!


เรือน้อยแล่นมาจนถึงฝั่ง ตู้หรูเฟิงจึงหันไปบอกทุกผู้คน “เกาะดวงใจมิตินี้มีพลังปิดกั้นอยู่ทุกหนแห่ง พวกเจ้าทั้งหลายจงตามมาให้ดี! เมื่อใดก็ตามที่เจ้าติดเข้ากับพลังปิดกั้นแล้วต่อให้เป็นเทพที่ไหนก็มาช่วยเจ้าไม่ได้!”


นั่นทำให้คนทั้งหลายแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมาในทันที


เย่หยวนหันหน้าไปมองตงน้อยอย่างสงสัย “เราจะไปดวงใจของมิติอนัตตากันนะ เจ้าจะไปด้วยหรือ?”


ตงน้อยถอนหายใจตอบกลับมา “ทำไม? เจ้ามีปัญหาหรือ?”


ตู้หรูเฟิงหัวเราะและหันมาบอก “การจะเปิดดวงใจมิติอนัตตานั้นต้องใช้พลังของท่านหมูสมบัติ และท่านหมูสมบัติกับตงน้อยก็อยู่ตัวติดกันเสมอ เราจึงต้องให้เขาตามมาด้วย”


“ได้ยินไหม?” ตงน้อยถามขึ้นด้วยท่าทางโอหัง


“อู๊ดๆ!”


หมูสมบัติเองก็หันมาร้องใส่เย่หยวนราวกับภูมิใจในผลงานที่ไม่ใช่ของตัวเองสักนิด

 

 

 


ตอนที่ 1838 บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่เรี...

 

“พลังแห่งห้วงมิติที่หนาแน่นนัก!”


คนทั้งหลายเดินมาจนถึงด้านหน้าทางเข้าและเย่หยวนก็สัมผัสได้ถึงพลังแห่งห้วงมิติปะทะเข้าร่างในทันทีที่มาถึง


ตู้หรูเฟิงพยักหน้ารับ “ดวงใจมิติอนัตตานั้นคือแหล่งกำเนิดมิติที่มีมิติอนัตตาก่อไผ่ทั้งหมดตั้งอยู่แน่นอนว่ามันต้องมีพลังมิติที่แสนรุนแรง เจ้าเป็นคนที่คุ้นเคยกับแนวคิดแห่งห้วงมิติมากที่สุด บางทีเจ้าอาจจะได้ประโยชน์ใดกลับไปก็ได้”


เย่หยวนพยักหน้ารับด้วยท่าทางตื่นเต้นไม่น้อย


ขณะที่ทุกคนกำลังจะเดินเข้าไปด้านในก็ปรากฏสองเงาร่างขึ้นมาขวางทางไว้เสียก่อน “หยุดก่อน! พวกเจ้าเป็นใคร?”


คนทั้งสองใส่ชุดสีดำสนิทพร้อมด้วยคลื่นพลังที่แสนรุนแรง


เมื่อคนทั้งสองปรากฏตัวขึ้นเย่หยวนก็ต้องเบิกตากว้าง


แนวคิดแห่งห้วงมิติ!


คนทั้งสองรู้แนวคิดแห่งห้วงมิติ ที่สำคัญยังบรรลุมันได้ถึงขั้นสูงด้วย


ตู้หรูเฟิงกล่าวขึ้น “กงเหวิน กงเฉิน พวกท่านลืมหน้าข้าไปแล้วเรอะ?”


“อ่า…ที่แท้เป็นอาจารย์ตู้นี่เอง! ท่านเป็นแขกที่ไม่ได้มาบ่อยนัก มีเรื่องใดกัน?” กงเหวินหัวเราะถามขึ้น


ตู้หรูเฟิงตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “เจ้ารู้ใช่ไหมว่างานชุมนุมการต่อสู้แห่งก่อไผ่รอบพันปีมันเคลื่อนมาถึงแล้ว? และข้าก็ได้รับหน้าที่นี้มา ข้าจึงพาคนทั้งหลายที่ผ่านเข้าวิหารมายังดวงใจมิติอนัตตานี้เพื่อเรียนรู้มัน”


กงเหวินหันมองดูเย่หยวนและคนอื่นๆ พร้อมขมวดคิ้วแน่น “ที่แท้คนเหล่านี้คือศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้าวิหารมานี่เอง แต่… งานชุมนุมครั้งนี้ดูท่าจะคุณภาพต่ำไปหน่อย ทำไมจึงมีนภาสวรรค์หนึ่งดาวขั้นกลางหลุดเข้ามาได้กัน?”


ในเวลาหนึ่งปีนี้เหล่าศิษย์ทั้งหลายที่เข้าร่วมงานชุมนุมการต่อสู้แห่งก่อไผ่ล้วนแล้วแต่พัฒนาตัวเองไปอย่างมาก


เย่หยวนเองก็เป็นหนึ่งในนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย


ไม่นานมานี้เขาได้พัฒนาตัวเองและทำการบรรลุขึ้นมา ตอนนี้เขาจึงกลายเป็นนักยุทธอาณาจักรนภาสวรรค์หนึ่งดาวขั้นกลางแล้ว


แม้ว่ามันจะยังเป็นแค่ขั้นเล็กๆ แต่ความเร็วในการบ่มเพาะระดับนี้มันก็เกินกว่าจะเชื่อได้แล้ว


เพราะยังไงเสียหากยอดยุทธนภาสวรรค์คนอื่นๆ คิดจะบรรลุจริงๆ พวกเขาก็ต้องใช้เวลานับพันๆ ปีหรืออาจจะเป็นหมื่นปี


แต่คำพูดนี้ของกงเหวินมันทำให้ทุกคนแสดงสีหน้าแปลกๆ ออกมา


คุณภาพต่ำ?


เย่หยวนนั้นจะคุณภาพสูงจนเกินไปต่างหาก!


ตู้หรูเฟิงหัวเราะบอก “หึๆ พี่กงเหวินท่านมองผิดแล้ว เย่หยวนนั้นเอาชนะทุกผู้ในงานชุมนุมการต่อสู้แห่งก่อไผ่รอบนี้มาได้และสมควรได้รับตำแหน่งอันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย”


กงเหวินผงะไปเล็กน้อยก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยท่าทางดูถูกอีกครั้ง “เขานี่หรือที่หนึ่ง? หึๆ ดูท่าศิษย์ในฤดูกาลนี้มันจะแย่เสียยิ่งกว่าที่ข้าคิด!”


ตู้หรูเฟิงที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรกลับไป เพราะพลังฝีมือของเย่หยวนนั้นไม่ได้เห็นกับตามันย่อมไม่มีใครคิดเชื่อ


‘เหอะ!’


ตอนนั้นเองที่ตงน้อยหัวเราะเย้ยขึ้นมา


เป็นเวลานั้นเองที่พวกกงเหวินได้เห็นว่าแท้จริงแล้วกลุ่มคนนี้มีผู้ติดตามมาด้วย


แต่ว่าเมื่อพวกเขาเห็นหมูสมบัติในอ้อมอกของเด็กน้อยสีหน้าของพวกเขาทั้งสองกลับซีดลงทันที


“เอาล่ะ เลิกพูดไร้สาระเถอะ รีบๆ เปิดให้เราเข้าไปด้านในได้แล้ว” ตู้หรูเฟิงบอก


กงเหวินเองก็ไม่คิดจะพูดตอบใดๆ กลับมา รีบหยิบอาวุธวิเศษสองชิ้นออกมาเปิดผ่าประตูม่านพลังออก


ตู้หรูเฟิงบอก “พวกเจ้าเข้าไปก่อนเถอะ ข้าจะตามไปทีหลัง”


เย่หยวนหรี่ตาลงทันทีอย่างที่ไม่มีใครอาจเข้าใจความคิดของเขาได้


แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังเดินเข้าม่านพลังไปกับคนอื่นๆ


หลังจากเหล่าศิษย์ไปแล้วกงเหวินก็พูดขึ้นมา “นั่นมัน… หรือว่าเด็กคนนั้น… จะเป็นท่านผู้นั้น?”


ตู้หรูเฟิงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เรื่องราวของท่านเจ้าเกาะพวกเจ้าเองก็ย่อมรู้ดี เรื่องครั้งนี้อย่าได้นำไปแพร่งพรายอย่างเด็ดขาด ไม่เช่นนั้น… ผลที่ตามมามันจะหนักหนาจนพวกเจ้าไม่อาจต้านทานได้แน่”


คนทั้งสองเบิกตากว้างและตอบกลับมาอย่างพร้อมเพรียง “แน่นอน!”



บนมิติอันว่างเปล่านี้มีก้อนผลึกขนาดใหญ่วางตั้งอยู่


เมื่อได้เห็นหัวใจของมิติอนัตตาเย่หยวนก็เริ่มคิดหนักขึ้นมา


มาอยู่ในมิติอนัตตาก่อไผ่ตั้งนานหลายร้อยปีในที่สุดวันที่เขาได้เห็นหัวใจของมันก็มาถึง


ตราบเท่าที่เขาสามารถเปิดดวงใจมิติอนัตตานี้และเข้าไปด้านในได้ เขาก็น่าจะสามารถกลับไปยังมหาพิภพถงเทียนได้


“หมูสมบัติ เจ้าเปิดดวงใจมิติอนัตตานี้ได้จริง?” เย่หยวนถามขึ้น


ดวงใจมิติอนัตตานั้นอยู่ในสภาพถูกปิดผนึก ตอนนี้มิติอนัตตาก่อไผ่นั้นแสนที่จะสงบและภายใต้เรื่องราวปกติแล้วมันจะไม่มีทางเปิดดวงใจนี้ออกได้


มีเพียงแค่เวลาที่ศิษย์ใหม่เข้าวิหารมาเท่านั้นที่มันจะเปิดออก


‘อู๊ดๆ’


หมูสมบัติหันมาร้องใส่เย่หยวนด้วยท่าทางไม่พอใจมาก


จู่ๆ ร่างของมันก็ขยับปล่อยลำแสงออกมาจากจมูกพุ่งเข้าสู่ดวงใจมิติอนัตตาในทันที


‘ตูม!’


ดวงใจมิติอนัตตาส่งแรงสั่นสะท้านออกมาพร้อมกับแสงที่สว่างจ้าจนแทบมองไม่เห็นสิ่งใด


ตอนนี้พลังแห่งห้วงมิติอันมหาศาลกำลังหลั่งไหลออกมาทำให้หัวใจของเย่หยวนเลื่อนลอย


เย่หยวนนั้นตื่นเต้นดีใจมาก เขาหันไปโยนโอสถหลายเม็ดให้แก่หมูสมบัติด้วยรอยยิ้ม “ทำได้ดีมาก หมูสมบัติ! เจ้าทำได้ดีมากจริงๆ!”


หมูสมบัติกลืนกินโอสถเหล่านั้นลงไปในทันทีพร้อมหันไปมองยิ้มให้เย่หยวนก่อนจะพุ่งตัวเข้ากอดเขาไว้


ตงน้อยได้แต่ร้องบอก “ไอ้หมูตะกละ!”


ในวินาทีนี้พลังแห่งห้วงมิติพวยพุ่งอย่างล้นหลามทำให้เย่หยวนได้สัมผัสถึงมันจนแทบที่จะหายใจไม่ออก


และแท้จริงภายในดวงใจมิติอนัตตานี้มันไม่ได้บรรจุไว้แค่พลังแห่งห้วงมิติเท่านั้น แต่มันรวมไปถึงต้นกำเนิดของพิภพคล้ายกับเต๋าสวรรค์


นี่คือพลังงานที่จะเป็นประโยชน์แก่นักยุทธ์ทั้งหลาย


แต่เย่หยวนนั้นอ่อนไหวกับพลังของมิติมากที่สุด เขาจึงสามารถทำความเข้าใจมันได้อย่างลึกซึ้งที่สุดด้วย


จู่ๆ เย่หยวนก็รู้สึกได้ถึงเค้าลางเห็นการบรรลุทำให้ร่างของเย่หยวนทั้งตัวราวกับถูกไฟช็อตยืนนิ่งงันไปเสียตรงนั้น


ตงน้อยเบิกตาออกด้วยความตื่นตกใจ “บรรลุได้รวดเร็วปานนี้? เด็กคนนี้มันช่าง…”


แนวคิดแห่งห้วงมิติของเย่หยวนนั้นมันหยุดอยู่ที่สามดาวมานานแสนนาน วันนี้เมื่อต้องพบเจอกับพลังแห่งห้วงมิติที่รุนแรงขนาดนี้เขาจึงสามารถเข้าใจและสามารถบรรลุได้ในทันที


เมื่อคนอื่นๆ เห็นภาพนี้พวกเขาต่างตื่นตกใจจบหุบปากที่อ้าค้างไม่ลง


หลัวเจินยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่เรียกว่าอัจฉริยะ!”


คำพูดที่เขาบอกออกมานี้มันช่างขื่นขมเสียจริงๆ


เวลาพันกว่าปีมานี้เขาได้รับชื่อของยอดอัจฉริยะอย่างเสมอมา แม้แต่ตัวเขาเองก็คิดเช่นนั้น


ไม่ว่าจะด้านความเร็วในการบ่มเพาะหรือความเข้าใจในแนวคิด เขาคิดว่าตัวเองนั้นจะไม่มีทางแพ้พ่ายให้แก่ใครอย่างแน่นอน


จนเขาได้มาเห็นเย่หยวนทำการบรรลุในวันนี้ มันเป็นภาพที่ทำลายความมั่นใจใดๆ ที่เขาเคยมีลงจนสิ้น


คนทั้งสี่รวมไปถึงไป่หลี่ชิงหยานเองก็รู้สึกเช่นนั้นอยู่ลึกๆ ในหัวใจเช่นกัน


“นี่มันไม่ใช่แนวคิดทั่วๆ ไป แต่เป็นหนึ่งในสุดยอดแนวคิด! เจ้าหมอนี่มันสัตว์ประหลาดชัดๆ!” หลี่หลงร้องขึ้นราวกับคนเสียสติ


ภายใต้สายตาของทุกผู้คนเย่หยวนก้าวเท้าเดินเข้าไปจนร่างหายไปกับตา


เย่หยวนเข้าไปไปหนึ่งกับความว่างเปล่า


ตอนนั้นเองที่ตู้หรูเฟิง กงเหวินและกงเฉินก็เดินตามเข้ามาพอดี และได้ทันเห็นการบรรลุของเย่หยวนและภาพที่เขาเดินเข้าสู่ความว่างเปล่านั้นด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง


“นี่มัน… นี่มันแนวคิดแห่งห้วงมิติ! เขาคนนั้นบรรลุแนวคิดแห่งห้วงมิติสี่ดาว! ไอ้เด็กคนนี้มันเก่งกาจถึงขั้นนี้เลยหรือ?” กงเหวินร้องบอก


“ความเข้าใจที่สั่งสมของเขาปะทุขึ้นเมื่อได้เจอกับพลังแห่งห้วงมิติของดวงใจมิติอนัตตา เขาสามารถวิเคราะห์พลังแห่งห้วงมิติได้ในทันทีที่เห็นมันและยังเข้าใจมันอย่างดี! เราไม่มีทางเทียบเคียงกับเด็กคนนี้ได้เลย!” กงเฉินบอก


ตอนนี้แม้แต่ตู้หรูเฟิงก็ตื่นตะลึงอย่างถึงที่สุด


เขารู้ดีว่าเย่หยวนน่าจะได้เข้าใจเต๋ามากขึ้นบ้างแต่ไม่นึกไม่ฝันว่ามันจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่วินาทีแรกเช่นนี้


คนอื่นๆ ยังไม่ทันเริ่มวิเคราะห์แต่เขากลับเข้าใจไปแล้ว!

 

 

 


ตอนที่ 1839 ลักพาตัวเทพสวรรค์

 

ด้านในม่านพลังนั้นกงเหวินและกงเฉินมองดูเย่หยวนที่ด้านบนอย่างอิจฉาริษยา


“ชิๆ เราสองพี่น้องใช้เวลากว่าสี่แสนปีจึงจะบรรลุแนวคิดแห่งห้วงมิติสี่ดาวได้! ไอ้เด็กคนนี้อายุแค่พันกว่าปีกลับสามารถทำได้ถึงขั้นนี้แล้ว!” กงเหวินบอก


ตระกูลกงนั้นเป็นตระกูลที่ได้รับหน้าที่ให้ดูแลดวงใจแห่งมิติอนัตตามารุ่นต่อรุ่น พวกเขาจึงมีความได้เปรียบในด้านการทำความเข้าใจศึกษาแนวคิดแห่งห้วงมิติ


ที่สำคัญพี่น้องกงคู่นี้ยังถือได้ว่าเป็นยอดคนของตระกูลกงด้วย


แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็ยังเริ่มบรรลุแนวคิดแห่งห้วงมิติได้เมื่อเขาอยู่ในอาณาจักรนภาสวรรค์ขั้นปลายแล้ว


ที่สำคัญเวลาที่พวกเขาใช้มันยังแสนจะยาวนาน!


แต่เย่หยวนคนนี้ที่มีอายุแค่พันกว่าปีกลับสามารถทำสิ่งที่พวกเขาต้องใช้เวลากว่าสี่แสนปีเพื่อศึกษา


ปรากฏการณ์เช่นนี้มันคงได้แต่พูดว่าเป็นสัตว์ประหลาด


ตงน้อยหันมาบอก “ใครกันนะที่มันบอกว่าศิษย์ครั้งนี้มีคุณภาพต่ำ?”


กงเหวินตัวแข็งทื่อไปทันทีก่อนจะพูดขึ้นอย่างเขินอาย “นายท่าน ข้า… จะรู้ได้อย่างไรกัน?”


ตงน้อยหัวเราะบอก “ไม่รู้ก็อยากพูด คนบางคนนั้นคือตัวตนที่ทั้งชีวิตพวกเจ้าทำได้แค่เฝ้ามอง เพราะฉะนั้นจงอย่าทำตัวอวดดีให้มากนัก”


กงเหวินนั้นแสดงท่าทีสำนึกผิดออกมาอย่างถึงที่สุด “ขอรับนายท่าน! กงเหวินจะไม่ทำเรื่องเช่นนี้อีกแล้ว!”


ตอนนั้นเองที่เย่หยวนบนมิติว่างเปล่านั้นได้ลืมตาตื่นขึ้นพร้อมถอนหายใจยาว “แนวคิดแห่งห้วงมิตินี้มันช่างเหนือล้ำ การทำความเข้าใจของข้าคงจบลงแค่นี้”


เมื่อพี่น้องกงเหวินได้ยินพวกเขาก็ร้องพ่นคำด่าทอออกมาในทันที “ไอ้เจ้าเด็กคนนี้ เจ้าคิดท้าทายพวกเราอย่างนั้นหรือ? จากสี่ดาวขั้นต้นไปจนถึงขั้นสุดนั้นพวกเราใช้เวลากว่าห้าหมื่นปีนะ!”


ใช้เวลากว่าสามปีในที่สุดแนวคิดแห่งห้วงมิติของเย่หยวนก็บรรลุขึ้นมาถึงสี่ดาวขั้นสุดและไม่อาจจะพัฒนาไปได้อีก


เย่หยวนแค่บ่นออกมาอย่างไม่มีเจตนาใดแอบแฝง แต่พี่น้องกงเหวินกลับคิดว่ามันเป็นความรวดเร็วที่เหนือฟ้าล้ำสวรรค์จนทำให้ผู้คนที่ได้ยินต้องรู้สึกสิ้นหวัง


เย่หยวนขยับร่างและเมื่อเขาปรากฏกายออกมาอีกครั้งเขาก็มาอยู่ข้างๆ ตงน้อยเสียแล้ว


แนวคิดแห่งห้วงมิติสี่ดาว เคลื่อนย้ายมิติ!


ก่อนหน้านี้เย่หยวนสามารถเคลื่อนตัวผ่านห้วงมิติได้แต่มันก็ได้แต่ในระยะไม่ไกลมาก


แต่ตอนนี้เย่หยวนสามารถเคลื่อนที่ได้ในระยะนับหมื่นกิโลเมตรเพียงแค่คิดอยากไป แน่นอนว่ามันย่อมเทียบกับสภาพก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย


ยอดฝีมือนภาสวรรค์ส่วนมากก็พอจะใช้พลังแห่งห้วงมิติและทะลุผ่านมิติได้ในระดับหนึ่ง แต่พลังของพวกเขาเหล่านั้นมันต่างจากเย่หยวนราวฟ้ากับเหว


“ตงน้อย เจ้าตามข้ามาหน่อย ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า” เย่หยวนเปิดปากพูดขึ้น


ตงน้อยแสดงท่าทีมึนงงออกมาเพราะไม่เข้าใจว่าเย่หยวนกำลังคิดวางแผนอะไร แต่สุดท้ายก็ยังเดินตามเขาไป


“อะไรเล่า? เจ้ามีเรื่องใดก็รีบๆ พูดเสีย!” คนทั้งสองเดินมาจนถึงที่ไร้ผู้คนและตงน้อยก็ถามขึ้นอย่างหมดความอดทน


เย่หยวนหันมายิ้มให้ตงน้อยก่อนจะขยับเคลื่อนร่างราวสายฟ้าสกัดจุดบนร่างของตงน้อยไปหลายที


ตงน้อยหน้าถอดสี ตอนนี้เขาไม่อาจขยับไหวร่างกายได้เลย


“เด็กน้อย เจ้ารู้ไหมว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่?” ตงน้อยถามขึ้นด้วยเสียงจริงจัง


เย่หยวนยิ้ม “อย่าเพิ่งกังวลไป ข้าแค่มีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย ท่านเทพสวรรค์!”


ตงน้อยผงะไปทันทีที่ได้ยิน “เจ้าพูดเรื่องอะไร? ข้าไม่เข้าใจ!”


เย่หยวนหัวเราะออกมา “คนตรงอย่างเราๆ ย่อมไม่ต้องพูดอ้อมค้อมให้มากความ ท่านเทพสวรรค์ท่านไม่ต้องแสร้งทำตัวอีกแล้ว ตอนที่เหล่าเทพถ่องแท้ทั้งหลายเห็นท่านคนพวกนั้นต่างแสดงท่าทางประหลาดออกมา หากข้าไม่อาจมองเรื่องนี้ออกได้ข้าก็คงโง่งมจนเกินทนแล้ว”


เพราะแท้จริงแล้วเย่หยวนรู้สึกได้มานานแล้วว่าตงน้อยนั้นมีอะไรแปลกๆ เขามักบอกว่าหมูสมบัติคือสัตว์เลี้ยงของเขา แต่มีหรือที่สัตว์เลี้ยงแปลกประหลาดเช่นนี้จะถูกส่งมอบมาให้เด็กตัวน้อย?


ที่สำคัญ แม้ตู้หรูเฟิงจะปิดบังมันไว้แต่ความเคารพที่เขามีต่อตงน้อยมันก็ไม่อาจปิดได้มิด


เมื่อบวกรวมกับสีหน้าของสองพี่น้องกงเมื่อเห็นตงน้อยแล้ว เย่หยวนก็มั่นใจได้ทันทีว่าตงน้อยนั้นมิใช่หลายของเทพสวรรค์ใดๆ แต่เป็นตัวเทพสวรรค์เอง!


เพียงแค่ไม่รู้ทำไมเขาจึงได้กลายมามีสภาพอย่างในปัจจุบันได้


ตงน้อยทำหน้าเหยเกออกมาในทันที “หรือว่าเจ้าเป็นสุนัขรับใช้ของอู่เต๋า? อย่าได้ลืมไปว่าที่แห่งนี้คือวิหารศักดิ์สิทธิ์! หากเจ้ากล้าลงมือต่อข้าตู้หรูเฟิงและพี่น้องกงคงไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”


เย่หยวนยิ้มตอบ “อู่เต๋า? นั่นเองก็เป็นหนึ่งในเทพสวรรค์ของวิหารใช่ไหม? แต่เขาไม่ได้เกี่ยวข้องใดกับข้าหรอก ที่ข้าเรียกท่านมาก็เพื่อจะเจรจาต่อรองกับท่าน”


หลังจากได้ยินเช่นนั้นตงน้อยจึงแสดงใบหน้าที่โล่งอกโล่งใจขึ้นมา


แต่เขาก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่เย่หยวนจะเจรจานั้นมันต้องมิใช่สิ่งดีงามแน่ๆ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ต้องสกัดจุดร่างของตงน้อยไว้เช่นนี้


เจ้าหมอนี่มันช่างกล้า ทั้งๆ ที่รู้ถึงตัวตนของเขาแล้วเย่หยวนกลับยังกล้าลงมือเช่นนี้ ไม่กลัวบ้างหรือว่าจะถูกลงโทษล้างแค้นทีหลัง?


“พูดมา!” ตงน้อยบอก


เย่หยวนยิ้ม “ข้าอยากเชิญท่านไปยังมหาพิภพถงเทียนกับข้า!”


ได้ยินเช่นนั้นตงน้อยก็เบิกตากว้างออกมาด้วยความตื่นตกใจทันที “เจ้า! เจ้าเป็นคนจากมหาพิภพถงเทียน? นี่มัน… เป็นไปไม่ได้น่า!”


เย่หยวนยิ้ม “ท่านพูดเรื่องปราณเทวะของข้า? หึๆ วรยุทธบ่มเพาะที่ข้าใช้มันพิเศษนิดหน่อยทำให้สามารถดัดแปลงปราณเทวะเป็นแบบของมิติอนัตตาก่อไผ่นี้อย่างไม่ยากเย็นอะไร”


ตงน้อยหน้าถอดสีลงทันที “ไม่มีทาง! เจ้าลืมเรื่องนั้นไปได้เลย!”


เย่หยวนยักไหล่ตอบก่อนจะค่อยๆ ลูบหัวเจ้าหมูสมบัติด้วยท่าทางเอ็นดู “หมูสมบัติ ข้าขอโทษด้วย มันไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากหลอมโอสถให้เจ้า แต่เป็นเพราะชะตาของเราในวันหน้านั้น… สักวันเราจะได้พบกันใหม่”


‘อู๊ดๆ’


หมูสมบัติวิ่งออกจากอ้อมอกของตงน้อยและใช้จาสั้นๆ ทั้งสองข้างของมันถูกับตัวเย่หยวนด้วยน้ำตาไหลนองหน้า เสียใจสุดแสนที่ต้องจากลา


เย่หยวนถอนหายใจยาว “ข้าเองก็ไม่ได้ไร้หัวใจ แต่มหาพิภพถงเทียนนั้นยังมีเรื่องให้ข้าต้องกลับไปจัดการอีกมาก! อืม… บางทีในวันหน้าเมื่อข้าจัดการเรื่องทั้งหลายสิ้นแล้ว ข้าอาจจะกลับมาหาเจ้าที่มิติอนัตตาก่อไผ่แห่งนี้อีกครั้งนะ?”


หมูสมบัติส่ายหัวออกมาอย่างรุนแรงพร้อมเกาะขาเย่หยวนไว้แน่นไม่ยอมคิดที่จะปล่อย


เมื่อตงน้อยเห็นภาพนี้เขาก็กัดฟันร้องขึ้นอย่างโกรธแค้น “หน้าไม่อาย!”


เย่หยวนหันมามองตงน้อย “จริงๆ ที่ข้าเข้าร่วมงานชุมนุมการต่อสู้แห่งก่อไผ่ก็เพื่อจะเข้ามายังดวงใจมิติอนัตตาแห่งนี้ แต่ตอนนี้ข้ากลับได้สร้างสายสัมพันธ์กับมิติอนัตตาก่อไผ่แห่งนี้ไว้เสียแล้ว เมื่อข้าจากมิติอนัตตาก่อไผ่ไปพวกท่านทั้งหลายคงมุ่งหน้าไปเล่นงานนิกายเงาจันทร์เป็นแน่ เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นแล้วข้าจึงต้องทำเช่นนี้ ที่สำคัญสภาพของท่านในปัจจุบันเองก็ไม่อาจจะหลอมโอสถให้หมูสมบัติกินได้ด้วย ท่านมหาพิภพถงเทียนกับข้าเถอะ มันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว”


ตงน้อยมองดูเย่หยวนอย่างแปลกประหลาดใจ ไม่นึกไม่ฝันว่าเขากลับจะมีแผนการเช่นนี้


ดูท่าเจ้าหนุ่มคนนี้จะให้ค่ากับสายสัมพันธ์ไม่น้อย


โดยรวมแล้วเย่หยวนนั้นไม่ได้อยู่อย่างสบายนักในนิกายเงาจันทร์


จริงๆ เมื่อการสังหารเชียนเย่ เขาถึงขั้นไปต่อต้านสร้างความไม่พอใจให้แก่เจ้านิกาย


แต่หากไม่มีนิกายเงาจันทร์นี้ เขาก็ย่อมไม่มีทางใดที่จะเข้ามาเหยียบยังดวงใจมิติอนัตตาแห่งนี้ได้


เย่หยวนนั้นทำอะไรย่อมตัดสินอย่างตรงไปตรงมา


หากวันนี้เขาออกจากมิติอนัตตาก่อไผ่ไปแล้ว มันคงทำให้นิกายเงาจันทร์ต้องพบเจอความยากลำบากแน่ พวกเขาอาจจะถึงขั้นถูกทำลายลงเพราะเขาก็ได้


เพราะฉะนั้นก่อนจะจากไปเขาจึงต้องคิดถึงความเป็นอยู่ของนิกายเงาจันทร์ไว้ก่อน


เดิมทีเขาคิดหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้จนหัวแทบระเบิด แต่เมื่อเขาได้เรียนรู้ถึงตัวตนที่แท้ของตงน้อย เย่หยวนก็นึกแผนนี้ขึ้นมาได้


ที่สำคัญหมูสมบัติยังติดเย่หยวนอย่างมากแล้วด้วย หากเย่หยวนจากไปแล้วมันคงไม่มีใครทำโอสถที่ถูกปากมันได้อีก

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)