Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1822-1825
ตอนที่ 1822 สวนป่าบน
“เจ้า… เจ้าเอาอะไรให้มันกินกัน?” ตู้หรูเฟิงถามด้วยท่าทางสุดสงสัย
เพราะเจ้าหมูสมบัติตัวนี้มันช่างแสนเอาแต่ใจ
ในเวลาที่ผ่านมานั้นเขาได้พยายามทุกวิถีทางเพื่อทำให้หมูสมบัตินั้นพอใจ
เมื่อสักครู่นี้เพื่อหลอมโอสถให้มันกินเขาถึงกับต้องฝืนตัวจนเตาหลอมระเบิดไปจนหลังคาหายไปทั้งหลัง
แต่ใครจะไปคิดว่าเด็กที่ไหนไม่รู้คนนี้กลับสามารถป้อนโอสถให้เจ้าหมูกินได้ง่ายๆ และยังทำให้มันพอใจอย่างมากด้วย
เย่หยวนนั้นได้แต่ยืนนิ่ง “ก็ต้องเป็นโอสถสิ เจ้าเด็กคนนี้มันเพิ่งบอกมามิใช่หรือว่าเจ้าหมูตัวนี้มันชอบกินโอสถ? ข้าเองก็มีโอสถที่หลอมไว้ติดตัวมาบ้างจึงหยิบออกมาให้มันกินไปเสียเท่านั้น”
ตอนที่ได้ยินคำพูดของตงน้อยเย่หยวนก็พอคาดเดาเรื่องราวได้บ้างแล้ว
เจ้าหมูสมบัตินี้มันคงได้กลิ่นโอสถจากร่างกายของเขาจนทำให้มันซุกตัวเข้ามาในอ้อมอกของเขาเช่นนั้น
เมื่อลองมาประกอบเรื่องราวดูมันก็ไม่น่าจะผิดไปได้
แต่เย่หยวนก็ยังแปลกใจไม่น้อยเพราะเจ้าหมูสมบัติตัวนี้มันช่างมีจมูกที่ดีล้ำ
ดูจากท่าทางของมันแล้ว มันน่าจะได้กลิ่นโอสถจากร่างของเขาจากระยะไกลแล้วจึงวิ่งหนีตงน้อยมาหาเขา
เจ้าหมูน้อยตัวนี้มันไม่ธรรมดาเลย!
“หึ! เจ้าอย่าคิดว่าจะรอดไปได้เพราะแค่ป้อนอาหารให้หมูสมบัติ! ตู้… ปู่ สังหารมัน! ไอ้เด็กคนนี้มันกล้ามาตีก้นข้า! อู้ย!” ตงน้อยชี้สั่งมาทางเย่หยวน
ตู้หรูเฟิงจึงทำตามและปล่อยจิตสังหารออกมาเต็มที่
ซู่เหยียนหน้าถอดสีในทันทีพร้อมด้วยอาการปวดหัวไม่น้อย
ตู้หรูเฟิงนั้นมีพลังฝีมือเหนือล้ำกว่าเขามาก
ที่สำคัญด้วยตำแหน่งของอีกฝ่ายแล้วต่อให้ตู้หรูเฟิงจะอ่อนแอกว่าเขา มันก็คงไม่ง่ายที่จะหลุดรอดออกไป
เย่หยวนคนนี้มันช่างรนหาที่ตายเก่งจริง!
เมื่อชูเวินเห็นภาพนี้เขาก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจจนแทบกระโดดขึ้นเต้น
แต่วินาทีนั้นเองที่เจ้าหมูสมบัติกลับลืมตาตื่นขึ้นมาและพุ่งตัวจากอ้อมอกของตงน้อยมาขวางทางระหว่างเย่หยวนกับตู้หรูเฟิงไว้แทน
“ครืดๆ!”
เจ้าหมูสมบัตินี้มันมีท่าทางแทบไม่ต่างจากมนุษย์ ทุกคนมองแค่ปราดเดียวก็รู้ได้ว่ามันกำลังไม่พอใจ
เมื่อตู้หรูเฟิงเห็นเช่นนั้นท่าทางสุดเย็นเยือกที่เขามีจึงหายวับไปกับตา
เมื่อตงน้อยเห็นเช่นนั้นเขาก็ร้องออกมาด้วยท่าทางแสนโกรธเคือง “ไอ้หมูโง่ ช่างอกตัญญูลืมคุณที่ข้าเคยทำให้ไปหมดแล้ว! มาหาข้าเดี๋ยวนี้!”
เจ้าหมูสมบัติส่ายหัวออกมาเมื่อได้ยืนก่อนจะหันหน้าหนีด้วยท่าทางสุดเย่อหยิ่ง
ตงน้อยถึงกับกระโดดขึ้นด้วยท่าทางไม่พอใจ “ทำให้ข้าโกรธแค้นจนจะตายแล้ว! หากเจ้าคิดเช่นนั้นจริงก็จงตามเจ้าเด็กคนนี้ไปเถอะ อย่าได้กลับมาตามหาข้าอีกแล้วกัน!”
เพียงแค่ว่าเสียงใสๆ ของเขานั้นมันทำให้คำพูดนี้ดูไร้น้ำหนักไปอย่างสิ้นเชิง
เดิมทีเขาคิดว่าเจ้าหมูสมบัติจะกลัว แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าเจ้าหมูสมบัติกลับหันตัวพุ่งเข้าไปกอดเย่หยวนไว้อีกครั้งก่อนจะหันมาส่ายหัวให้ตงน้อยด้วยท่าทางแสนน่ารัก
เมื่อตงน้อยเห็นเช่นนั้นเขาก็ร้องออกมา “ไอ้เจ้าคนอกตัญญู เราขาดกัน!”
พูดจบตงน้อยก็เดินจากไปด้วยการเอามือไขว้หลังท่าทางราวผู้อาวุโส
ตู้หรูเฟิงได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น หันไปมองเจ้าหมูสมบัติที ไปมองตงน้อยทีด้วยท่าทางแสนจะลำบากใจ
วินาทีนั้นเมื่อเขาเห็นชูเวินที่ด้านข้างเขาก็เหมือนได้พบทางออกก่อนจะสั่ง “เจ้าคือศิษย์ที่ดูแลเรื่องการมาของนิกายเงาจันทร์ใช่ไหม?”
ชูเวินรีบตอบกลับไป “ครับ แค่ว่ามัน…”
ชูเวินย่อมไม่มีทางรู้ได้ว่าตู้หรูเฟิงต้องการอะไรและกำลังจะบ่นเรื่องราวที่พบเจอออกมาก่อนจะถูกตู้หรูเฟิงพูดขัดขึ้น “จัดให้พวกเขาไปอยู่สวนป่าบนเสีย ไม่ว่าพวกเขาจะต้องการอะไรจงพยายามหาให้อย่างถึงที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าเด็กคนนี้! หากหมูสมบัติเกิดไม่พอใจเรื่องใดๆ ขึ้นมาในระหว่างนี้ ข้าจะมาจัดการเจ้าทันที!”
ชูเวินหน้าถอดสีอย่างซีดเผือดจนถึงที่สุด
ส่วนป่าบนนั้นคือแหล่งที่อยู่ระดับสูงสุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์กอไผ่
นอกจากมันจะมีบ้านเรือนที่หรูหราแล้วมันยังมากไปด้วยพลังวิญญาณอย่างเปี่ยมล้นและหนาแน่นที่สุด
ต่อให้เป็นนิกายเทพถ่องแท้ระดับหนึ่งก็ไม่มีทางจะได้สิทธิเข้าไปอยู่ยังสวนป่าบนแห่งนั้น
แต่ตอนนี้ผู้อาวุโสตู้กลับจะให้นิกายเงาจันทร์ไปอยู่สวนป่าบนเพราะหมูตัวเดียว
มันเรื่องอะไรกัน?!
และไม่ใช่แค่ให้ไปอยู่สวนป่าบน แต่เขายังถูกสั่งให้จัดการดูแลความต้องการของพวกเขาอย่าให้ขาด
ชูเวินนั้นแทบจะอยากทุบหัวตัวเองกับดินให้มันตายลงตรงนี้
เว้นเสียแต่ว่าตำแหน่งของตู้หรูเฟิงนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหนเขาย่อมรู้ดี
เวลานี้เขาจึงได้แต่ต้องกลืนความรู้สึกขมขื่นนี้ลงคอไป
“ศิษย์รับทราบ!” ชูเวินก้มหัวรับ
ตู้หรูเฟิงไม่คิดสนใจชูเวินและตามตงน้อยกลับไปทันที
เรื่องนี้ทำให้นิกายเงาจันทร์ทั้งหลายต่างหันมามองชูเวินเป็นตาเดียว
เมื่อไม่กี่นาทีก่อนเจ้าหมอนี่คิดจะใช้หน้าที่ของตัวเองระบายความไม่พอใจออกมา ทำให้พวกเขาต้องมานอนในโรงฟืน แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าไม่กี่วินาทีต่อมาเรื่องราวมันจะกลับตาลปัตรหน้ามือเป็นหลังมือได้เช่นนี้
เจียงเชอเหยียนเดินขึ้นมายืนหน้าชูเวินด้วยท่าทางอมยิ้มก่อนจะบอก “ศิษย์พี่ชู นำทางไปสิ!”
ชูเวินหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นทันที “เจ้าจะยิ้มทำไม? ไอ้คนชั่วร้ายที่หลงในชะตา!”
เจียงเชอเหยียนหัวเราะขึ้น “ศิษย์พี่ชู ท่านต้องระวังคำพูดไว้ให้มาก มาว่าเราเป็นคนร้ายเช่นนี้เย่หยวนคงไม่พอใจแน่ และเจ้าหมูสมบัติก็จะไม่พอใจด้วย และหากเจ้าหมูสมบัติไม่พอใจ… เจ้าคงรู้ผลที่ตามมานะ!”
และราวกับว่ามันอยากจะยืนยันคำพูดของเจียงเชอเหยียน เจ้าหมูที่อยู่ในอ้อมอกของเย่หยวนจึงร้องขึ้นมาครั้งหนึ่งก่อนจะทิ้งตัวหลับลงอีกครา
ชูเวินหน้าแดงก่ำ เขาพยายามจะสูดหายใจเข้าลึกด้วยอารมณ์ที่แทบคลั่ง
ศิษย์ของวิหารทั้งหลายนั้นต่างวางตัวสูงกว่าเหล่านิกายเทพถ่องแท้ทั้งหลายมาตลอด
แต่วันนี้เขากลับต้องมาทนรับความอัปยศเช่นนี้ มันช่างน่าคับแค้นจริง!
ชูเวินได้แต่หายใจเข้ารับความอัปยศไปเต็มปอดก่อนจะร้องบอก “ตามมา!”
…
สวนป่าบนนั้นมันต่างจากโรงฟืนราวฟ้ากับเหว
ที่แห่งนี้มันคือปราสาทน้อยดีๆ นี่เอง มีทั้งศาลาบนน้ำ บ้านพักและสวนใหญ่ เป็นภาพที่เหนือล้ำเปี่ยมไปด้วยความหรูหรา
เมื่อเข้ามาถึงสวนป่าบนพวกเขาทั้งหลายก็พบกับคลื่นพลังวิญญาณแสนหนาแน่นเข้ามาปะทะร่างทำให้คนทั้งหลายนั้นต้องสะดุ้งตัวขึ้นทันที
“ที่นี่มีบ้านพักหลายแห่ง พวกเจ้าเลือกกันเองเถอะ มีอะไรก็เรียกแล้วกัน”
พูดจบชูเวินก็กำลังจะหันหน้าเดินออกไป
เพราะสถานที่เช่นนี้เขาย่อมไม่คิดจะอยู่ให้นานนัก
“เดี๋ยว!” เย่หยวนหันมาเรียกทักไว้
ชูเวินหน้าแดงขึ้นมาด้วยความไม่พอใจอีกครั้ง “มีอะไรอีก?”
“หืม?” เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นด้วยท่าทางไม่พอใจอย่างมาก
ความเกลียดชังในใจของชูเวินพุ่งพล่านขึ้นทันทีแต่เขาก็ได้แต่จำต้องลดน้ำเสียงลง “ศิษย์น้องเย่ท่านต้องการอะไรอีกหรือ?”
เย่หยวนยิ้มตอบ “ต้องอย่างนี้สิ! เจ้ารอก่อนข้าจะไปเขียนรายการมาให้ เจ้าไปเตรียมสมุนไพรระดับห้าให้ข้าตามที่สั่ง”
สมุนไพรระดับห้าที่เย่หยวนมีติดตัวนั้นมันไม่นับว่ามาก มันย่อมไม่มีพอจะหลอมโอสถกินได้เลย
วิหารศักดิ์สิทธิ์กอไผ่นั้นคือยอดค่ายสำนักของมิติอนัตตากอไผ่นี้ แค่สมุนไพรระดับห้ามันย่อมไม่ใช่ปัญหามากมาย
โอกาสดีๆ เช่นนี้หากเขาไม่รีบคว้ามันไว้ คงต้องมาเสียใจภายหลังเป็นแน่
แต่ว่าชูเวินนั้นกลับยิ่งทำหน้าไม่พอใจออกมาแต่เมื่อหยุดคิดไปพักหนึ่งเขาก็พยักหน้ารับด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ “ได้ ข้าจะรอ!”
สวนป่าบนนั้นมันแสนจะยิ่งใหญ่ คนทั้งห้าจึงแยกย้ายกันไปตามที่พักและเย่หยวนก็รีบเขียนรายชื่อสมุนไพรที่ต้องการทันที
ไม่นานนักเย่หยวนก็กลับมามอบรายการสมุนไพรให้ชูเวิน เมื่อชูเวินได้เห็นมันดวงตาของเขาก็แทบถลนออกมาจากเบ้า
ไอ้เด็กคนนี้มันต้องการแต่ของมีราคา!
ในรายการนั้นมันเปี่ยมล้นไปด้วยสมุนไพรระดับห้ากว่าหลายร้อยชื่อ
นอกจากคนระดับผู้อาวุโสแล้วจะยังมีใครอีกที่สามารถเรียกสมุนไพรระดับห้ามากมายขนาดนี้ได้?
เขาคิดว่าแค่หมูตัวเดียวมันจะทำให้เขาสามารถทำอะไรก็ได้ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์กอไผ่หรือ?
เพราะอย่างไรเสียที่แห่งนี้ก็เป็นเขตแดนของวิหาร ค่ายสำนักที่อยู่บนจุดสูงสุดของมิติอนัตตากอไผ่!
เมื่อเดินออกมาจากสวนป่าบนชูเวินก็หัวเราะขึ้นมา “หึ ตำแหน่งของผู้อาวุโสไช่ที่ดูแลโถงสมุนไพรนั้นมันไม่ได้ต่ำต้อยไปกว่าผู้อาวุโสตู้! ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าแค่หมูตัวเดียวนี้มันจะหยุดความพิโรธของเขาไว้ได้ไหม!”
ตอนที่ 1823 ลมข้างนอกมันแรงระวังเป็นหวัด
เมื่อได้รับรายการของเย่หยวนชูเวินก็รีบเดินทางมายังโถงสมุนไพรทันที
แน่นอนว่าวินาทีที่เห็นรายการนั้นศิษย์ที่จัดการดูแลโถงอยู่ก็ถึงกับสะดุ้งตัวละโยนชูเวินออกมาด้านนอกโถงทันที
“ศิษย์พี่ซง สมุนไพรเหล่านี้มิใช่ข้าที่อยากได้! ข้านั้นได้รับคำสั่งจากผู้อาวุโสตู้หรูเฟิงให้ส่งพวกนิกายเงาจันทร์ไปยังสวนป่าบนและบอกให้ข้าดูแลรับใช้ความต้องการของพวกนั้นอย่างดี สุดท้ายเมื่อคนพวกนั้นไปถึงพวกเขาก็สั่งรายการนี้มาให้แก่ข้า บอกว่าให้ข้ามารับมันไปให้ได้ ข้าเองก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน!” ชูเวินบอกด้วยท่าทางไม่ค่อยพอใจนัก
เมื่อศิษย์พี่ซงคนนั้นได้ยินคำอธิบายของชูเวินเขาก็อดไม่ได้ที่จะหยุดมือลง
“ผู้อาวุโสตู้หรูเฟิง? นิกายเงาจันทร์? นี่มัน… เรื่องอะไรกันแน่?”
ชูเวินยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร? ผู้อาวุโสตู้สั่งมา ศิษย์อย่างเราๆ ย่อมไม่มีทางขัดได้! ศิษย์พี่ซง ข้าว่าเรื่องนี้ท่าน… เอาไปรายงานผู้อาวุโสไช่ให้ท่านตัดสินใจจะดีกว่าไหม?”
ศิษย์พี่ซงคนนั้นก็ได้แต่ทำหน้าเครียดออกมาเพราะรู้สึกได้ว่าคำบอกของชูเวินนี้มันฟังดูมีเหตุมีผล
เรื่องระหว่างคนใหญ่คนโต พวกเขาทั้งหลายย่อมต้องจัดการอย่างระมัดระวัง
เพราะฉะนั้นเขาจึงพาชูเวินไปหาผู้อาวุโสไช่
ชูเวินเล่าบอกเรื่องราวซ้ำพร้อมลงรายละเอียดแก่ผู้อาวุโสไช่ “เด็กที่ชื่อเย่หยวนคนนั้นมันมีท่าทางแสนเย่อหยิ่ง มันใช้วิหารเราเพราะถือว่ามีผู้อาวุโสตู้คอยหนุนให้ ถึงขั้นบอกว่าหากศิษย์ไม่เอาสมุนไพรกลับไปมันจะทำให้ศิษย์ต้องออกจากวิหาร ศิษย์นั้น…”
แน่นอนว่าเมื่อผู้อาวุโสไช่ได้ยินเขาก็ร้องออกมาอย่างโกรธแค้น “เจ้าคนโอหัง! นิกายเงาจันทร์มันกล้าดูถูกวิหารเราถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? นำทางไป! ข้าอยากรู้จริงๆ ว่านิกายเงาจันทร์มันมีอะไรดีถึงได้ไปอยู่สวนป่าบนเช่นนั้น! ไอ้เจ้าตู้หรูเฟิงมันสมองเลอะเลือนไปหมดแล้วเรอะ?”
เมื่อเห็นท่าทางโกรธเคืองของผู้อาวุโสไช่นั้นชูเวินก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก
เขาอยากรู้จริงๆ ว่าตอนนี้มันจะยังมีใครมาปกป้องอีก!
…
“ใครคือเย่หยวน?! ออกมาเจอเฒ่าคนนี้เดี๋ยวนี้!”
ผู้อาวุโสไช่ตะโกนร้องลั่นสวนป่าบนทำให้ผู้คนทั้งหลายที่ผ่านไปมาอยู่รอบๆ ต่างหันมามองดูด้วยความสนใจ
ซู่เหยียนนั้นเป็นคนแรกที่ออกมาเร็วที่สุด เมื่อเขาออกมาพบว่าอีกฝ่ายคือผู้อาวุโสไช่เขาก็อดไม่ได้ที่จะต้องยกมือขึ้นคารวะพร้อมใบหน้าขาวซีด “ที่แท้เป็นพี่ไช่เจินนี่เอง! ข้าขอทราบได้ไหมว่าเย่หยวนไปทำเรื่องอะไรไว้ถึงทำให้พี่ไช่เจินโกรธเคืองได้ขนาดนี้?”
เมื่อคนอื่นๆ ทั้งไป่หลี่ชิงหยานและคนอื่นๆ ออกมาเจอซู่เหยียนในสภาพนั้นพวกเขาก็ได้แต่มองอย่างตาถลน
“นี่มันซู่เหยียนแห่งนิกายเงาจันทร์นี้? ทำไมนิกายเงาจันทร์ถึงไปอยู่สวนป่าบนกัน?”
“ได้ยินว่าสวนป่าบนนั้นเป็นสถานที่ไว้รับรองผู้อาวุโสที่มาจากเกาะใน แม้แต่พวกเราทั้งหลายก็ยังไม่เคยจะได้ไปพักเลย!”
“ข้าว่าพวกนั้นคงเข้าไปพักในสวนป่าบนอย่างไม่ได้รับอนุญาตจนสุดท้ายทำให้ผู้อาวุโสไช่ไม่พอใจและออกมาไล่เช่นนี้ คงมีเรื่องสนุกๆ ให้ดูแล้ว”
…
คนทั้งหลายนั้นต่างมาจากนิกายระดับเทพถ่องแท้เพื่อเข้าร่วมชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่ เมื่อพวกเขาทั้งหลายเห็นว่านิกายเงาจันทร์กำลังเข้าพักที่สวนป่าบนพวกเขาก็ตื่นตกใจกันอย่างมาก
นิกายเงาจันทร์นั้นนับว่าเป็นนิกายระดับกลางค่อนไปทางต่ำในหมู่นิกายระดับเทพถ่องแท้ มีหรือที่พวกเขานั้นจะมีสิทธิ์ไปพักที่สวนป่าบน?
เมื่อคิดได้ว่าเรื่องราวมันต้องเกิดขึ้นอย่างไม่ได้รับอนุญาตและผู้อาวุโสไช่ก็มาเจอเข้าพอดี พวกเขาจึงเข้าใจได้ว่าทำไมผู้อาวุโสไช่ถึงโกรธแค้นเคืองได้ขนาดนี้
ไช่เจินคนนี้มีชื่อในเรื่องอารมณ์ที่รุนแรง ทำให้ทุกผู้คนต่างมองดูภาพตรงหน้าอย่างตื่นตาตื่นใจ
ตุบ!
ไช่เจินขวางรายการนั้นใส่หน้าซู่เหยียนโดยไม่คิดจะไว้หน้าผู้อาวุโสระดับเทพถ่องแท้คนนี้เลยแม้แต่น้อย “ทำอะไร? เจ้าเบิกตาดูเองแล้วกัน! ไอ้เด็กนามเย่หยวนคนนี้มันคิดว่าวิหารเป็นนิกายเงาจันทร์ของพวกเจ้าหรือ? เปิดปากขึ้นมาทีก็สั่งสมุนไพรระดับห้านับร้อยอย่าง ช่างทำตัวโอหังนัก! ที่สำคัญพวกเจ้าเป็นใครถึงกล้ามาอยู่ในสวนป่าบนเช่นนี้? ตอนนี้! รีบออกไป! ไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้!”
ซู่เหยียนนั้นหยิบรายการนั้นขึ้นมาดูพร้อมอ้าปากค้าง
เขาคิดว่าเย่หยวนแค่อยากได้สมุนไพรเล็กๆ น้อยๆ ไม่นึกไม่ฝันว่าเมื่อเย่หยวนสั่ง เขาจะสั่งไปนับร้อยๆ อย่าง
ไอ้เด็กคนนี้มันคิดว่าสมุนไพรของวิหารนั้นเสกได้จากอากาศหรือ?
ซู่เหยียนเองก็ได้แต่ทำสีหน้าอึดอัด “นี่มัน… มันน่าจะเข้าใจผิดอะไรกันแน่ แต่การที่เราเข้ามาอยู่ในสวนป่าบนนี้เป็นเรื่องที่ผู้อาวุโสตู้หรูเฟิงจัดการสั่งมา”
เมื่อไช่เจินได้ยินเช่นนั้นใบหน้าของเขาก็ดำมืดลงทันที “ยู่เหยียน เจ้าคิดจะใช้ชื่อของตู้หรูเฟิงมาขู่ข้า? เจ้าคิดว่าในดินแดนศักดิ์สิทธิ์กอไผ่นี้ข้ายังต้องเกรงกลัวมัน?”
ซู่เหยียนหน้าถอดสีทันทีเพราะตอนนี้เขาได้รู้ตัวแล้วว่าตัวเองหยิบเรื่องมาพูดผิดไป
แม้แต่ตัวเขาเองก็เคยได้ยินมาก่อนว่าไช่เจินนั้นเป็นคนอารมณ์ร้อน
เท่านี้เรื่องราวทั้งหลายมันก็คงยิ่งยากจะคลี่คลายไปอีกเท่าตัว
“พี่ไช่เจินโปรดระงับโทสะก่อน ซู่คนนี้ไม่ได้หมายความแบบนั้น” ซู่เหยียนรีบพูดแก้ออกมา
ไช่เจินถกแขนเสื้อขึ้นเป็นคำตอบ “ไม่ว่าเจ้าจะหมายความว่าอย่างไร ตอนนี้เจ้าก็จงรีบไปเสีย! ภายในสามลมหายใจ หากเจ้ายังไม่ไปอีกอย่าได้มาโทษว่าเฒ่าคนนี้ไม่เกรงใจ! หนึ่ง!”
แม้จะเป็นเทพถ่องแท้เหมือนกันแต่ไช่เจินนั้นกลับไม่คิดไว้หน้าซู่เหยียนแม้แต่น้อย เขาเริ่มทำการนับถอยหลังออกมาทันที
ในสายตาของเขาแล้วตัวตนอย่างซู่เหยียนนั้นมันเป็นได้แค่เรื่องตลก
ซู่เหยียนได้แต่ทำหน้าเหยเกออกมากับความไร้เหตุผลของอีกฝ่ายนั้น
เวลานั้นเองที่เย่หยวนค่อยๆ เดินออกมาจากที่พักในสวนป่าบนด้วยท่าทางเฉยชา “ผู้อาวุโสซู่ หากผู้อาวุโสท่านนี้ต้องการให้เราไป เราก็จงไปกันเถอะ แล้วก็นะ สมุนไพรเหล่านั้นไม่ให้ก็ไม่ต้องให้สิ จะมาเดือดร้อนอะไรนักหนา?”
ไช่เจินหันไปมองทันที “เจ้าคือเย่หยวน?”
เย่หยวนยิ้มตอบ “ข้าน้อยเย่หยวนขอคารวะผู้อาวุโสไช่”
ไช่เจินพ่นลมหายใจแรงออกมา “แค่ศิษย์นิกายระดับเทพถ่องแท้กลับทำตัวแสนโอหัง ไม่คิดให้เกียรติแก่วิหารสักนิด วันนี้ไม่สั่งสอนเจ้าคงไม่ได้แล้ว ไม่เช่นนั้นเจ้าจะคิดว่าตัวเองเป็นยอดอัจฉริยะไปตลอด!”
พูดจบไช่เจินก็ปล่อยพลังของเทพถ่องแท้ออกมาพร้อมยื่นมือเข้าโจมตีเย่หยวน
ไช่เจินโจมตีเข้ามาทันทีอย่างไม่คิดจะฟังคำพูดใดๆ ของเย่หยวนเลย
เย่หยวนรู้สึกได้ถึงพลังโลกที่พุ่งเข้ามาครอบฟ้าคลุมดินรอบตัวเขา
นั่นทำให้ใบหน้าของเย่หยวนเปลี่ยนสีไปทันที เจ้าหมอนี่มันช่างไร้เหตุผลเสียจริงๆ
แต่จู่ๆ ก้อนเนื้อสีชมพูสดก็พุ่งตัวออกมาจากอ้อมอกของเย่หยวนและขวางทางไช่เจินไว้
เมื่อไช่เจินเห็นเจ้าหมูสมบัติเขาก็หน้าถอดสีก่อนจะรีบรั้งมือกลับไปในทันที “ห-หมูสมบัติ!”
หมูสมบัตินั้นแยกเขี้ยวใส่ไช่เจินด้วยท่าทางที่ไม่พอใจอย่างมาก
ไช่เจินรีบแก้ตัวยิ้มกลับไปให้เจ้าหมูสมบัติอย่างเก้ๆ กังๆ “ข-ขออภัย! ข้าไม่รู้ว่าหมูสมบัติอยู่ที่นี่ด้วย”
หมูสมบัติไม่คิดยอมรับรอยยิ้มนั้นและยังคงแยกเขี้ยวใส่ไช่เจิน
ไช่เจินได้แต่ยิ้มๆ ออกมา “ได้ๆ ข้าจะไปแล้ว! ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย! พวกเจ้า… พวกเจ้าอยู่ในสวนป่าบนกันต่อเถอะ น้องซู่เหยียน เย่หยวน พวกเจ้ารีบเข้าไปด้านในเถอะ อย่าได้อยู่ด้านนอกนี้เลย ลมข้างนอกมันแรงระวังเป็นหวัดเอา”
“ฮ่าๆ!”
ไป่หลี่ชิงหยานที่หน้าซีดเผือดด้วยพลังโลกของไช่เจินเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนอดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสภาพแสนนอบน้อมของไช่เจินในตอนนี้
ไช่เจินนั้นมีท่าทางอายๆ ก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้และรีบยกมือขึ้นมาตีหัวตัวเอง “จริงด้วย น้องซู่เหยียน คืนรายการที่เย่หยวนต้องการให้ข้าหน่อย ข้าจะรีบไปจัดเตรียมให้เดี๋ยวนี้เลย วันนี้ข้าจะนำมันมาส่งให้เย่หยวนให้ได้!”
ทุกคนต่างมองดูความเปลี่ยนแปลงของไช่เจินด้วยสีหน้ามึนงง
ทุกคนล้วนตกตะลึงไม่รู้ว่าเจ้าหมูนี่คืออะไร แล้วมันไปมีความสัมพันธ์แบบไหนกับนิกายเงาจันทร์กันแน่
เมื่อพูดกล่าวเช่นนั้นแล้วไช่เจินก็รีบหันหน้ากลับไป ก่อนจะพบชูเวินที่ยังยืนมองเรื่องราวอยู่ด้านหลัง
ผัวะ!
เสียงกระแทกดังสนั่นขึ้นมาเพราะข้อศอกของไช่เจิน
เขาตะโกนว่า “ไอ้โง่! ทำไมเจ้าไม่บอกข้าว่าหมูสมบัติอยู่ที่นี่ด้วย?”
ตอนที่ 1824 เขามิอาจสอนข้าได้
หมูสมบัตินั้นคืออะไรกัน?
เมื่อไช่เจินไม่คิดพูดบอกอะไร ผู้คนทั้งหลายย่อมไม่มีทางเข้าใจ
แต่สิ่งที่ผู้คนสามารถเดาได้ก็คือเจ้าหมูน้อยน่ารักตัวนี้ต้องมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
เว้นเสียแต่ว่าไม่มีใครรู้ว่าทำไมมันถึงไปเกาะติดเย่หยวนเช่นนั้น เรื่องนี้มันทำให้นิกายทั้งหลายต่างอิจฉา
เมื่อกลับมาถึงโถงสมุนไพรแล้วไช่เจินก็รีบสั่งให้คนจัดหาสมุนไพรตามสั่งในทันที เขาถึงขั้นบอกศิษย์ทั้งหลายว่าไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใดก็จงหาสมุนไพรและเตรียมมันให้ได้ในวันนี้ จากนั้นก็นำไปส่งที่สวนป่าบนเสีย
สุดท้ายเขาก็ได้กลับมายังที่พักของคนอีกครั้งด้วยเหงื่อเย็นเหยียบที่ไหลท่วมกาย ก่อนจะถอนหายใจยาวออกมา
“เกือบไปๆ! ตู้หรูเฟิงเจ้าบ้าเกือบทำข้าแย่แล้ว! แต่ทำไมหมูสมบัติถึงมายังที่แห่งนี้? หรือว่า… เพราะท่านผู้นั้นก็มา?”
คิดได้เช่นนั้นไช่เจินก็มีเหงื่อเย็นเหยียบไหลออกมาอีกครั้ง
…
ณ สวนป่าบน ที่พักของเย่หยวน ตอนนี้เจ้าหมูสมบัติกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงนอนด้วยท่าทางแสนสุขสบายจนน้ำลายไหลย้อยออกมา ราวกับว่าแม้ในฝันมันก็ยังกินของอร่อยไม่หยุดปาก
เจ้าตัวน้อยนี้มันคือหมูอย่างแท้จริง นอกจากกินแล้วมันก็ทำแค่นอน
ซู่เหยียนมองดูเจ้าหมูสมบัติที่หลับอยู่ตัวนั้นก่อนจะหันมาหาเย่หยวน “เจ้าคิดว่าเจ้าตัวน้อยนี้มันมีเบื้องหลังใดกันถึงทำให้ทั้งตู้หรูเฟิงและไช่เจินกลัวได้มากปานนั้น?”
เย่หยวนได้แต่ยิ้มแห้งๆ ออกมา “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร? แต่ท่านจะไม่สนใจเด็กคนนั้นเสียหน่อยหรือ?”
ซู่เหยียนสะดุ้งตัวขึ้นทันที “เจ้าหมายถึง… ตงน้อย? เขาก็แค่เด็กคนหนึ่งไม่ใช่หรือ? ต่อให้เขาจะรู้แนวคิดแห่งห้วงมิติแต่พลังฝีมือของเขาก็ไม่ได้เหนือล้ำมากใช่ไหม?”
เย่หยวนยิ้ม “แน่นอนว่าพลังฝีมือของเขาไม่แข็งแกร่ง แต่ท่านอย่าได้ลืมคำที่เขาพูดต่อเจ้าหมูสมบัติสิ เขาอาจจะเป็นศิษย์ของเจ้าของหมูสมบัตินี้หรือบางทีอาจจะเป็นลูกหลานของท่าน และคนที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ก็คือเจ้าของหมูสมบัติตัวนี้!”
ซู่เหยียนหน้าซีดลงทันที ดูท่าเขาคงไม่ได้คิดมากมายเหมือนเย่หยวน
ตอนนี้เมื่อเย่หยวนเริ่มเปิดความคิดนั้น ซู่เหยียนก็มีเหงื่อเย็นเหยียบไหลท่วมกายทันที
การทำให้เทพถ่องแท้สองคนกลัวได้ขนาดนั้น คนที่อยู่เบื้องหลังนั้นจะต้องเป็นคนที่ยิ่งใหญ่แค่ไหนกัน?
“คนที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น…”
เย่หยวนพยักหน้า “แม้ว่าความต่างพลังของเทพถ่องแท้แต่ละดาวจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่การที่ทำให้พวกเขากลัวขนาดนั้นได้แค่เพราะเจอหน้าสัตว์เลี้ยง มันย่อมหมายความว่าผู้อยู่เบื้องหลังหมูสมบัติตัวนี้คือเทพสวรรค์แน่นอน!”
“ไอหยา…”
แม้ว่าเขาจะเตรียมใจมาก่อนแล้วแต่ซู่เหยียนก็ยังอดขนลุกไม่ได้เมื่อได้ยินคำของเย่หยวน
เทพสวรรค์!
ต่อให้เป็นในมหาพิภพถงเทียน เทพสวรรค์เองนั้นก็เป็นตัวตนของผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่ เป็นตัวตนที่สูงส่งเหนือชีวิต
เทพถ่องแท้และเทพสวรรค์ ทั้งสองนี้เป็นตัวตนที่แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง
แม้ว่าซู่เหยียนจะเก่งกาจ แต่แม้จะสามารถพัฒนาตัวเองไปได้จนถึงที่สุดเขาก็ไม่มีทางไปถึงอาณาจักรเทพสวรรค์ได้
ในมิติอนัตตาก่อไผ่นี้ มันไม่เคยมีใครพบเห็นเทพสวรรค์มาก่อนเลย
นี่คือตัวตนที่แสนยิ่งใหญ่เหนือชีวิตอยู่แยกจากผู้คนทั้งหลายสิ้น เป็นตัวตนที่ผู้คนได้แต่เฝ้าสวดภาวนาให้
มีหรือที่ซู่เหยียนจะยังใจเย็นได้?
เพราะแม้แต่เย่หยวนก็ยังรู้สึกหวั่นใจอยู่ไม่น้อย
เพราะตั้งแต่ที่อยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เขาก็ได้ยินเรื่องราวของเทพสวรรค์มาบ้างแล้ว
จนถึงวันนี้ นี่นับได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เขาได้ใกล้กับเทพสวรรค์ขนาดนี้
ตอนนั้นคุนหวูและหวู่เฉินนั้นคาดเดาไว้ว่าเขาคงไม่ได้ไปพบไปเจอกับเทพสวรรค์เข้าแน่ๆ
แต่ตอนนี้ดูท่าเขากลับไม่ได้ห่างไกลจากเทพสวรรค์นั้นสักเท่าไหร่แล้ว
“แต่ทำไมเจ้าหมูสมบัติตัวนี้มันถึงมาเกาะติดเจ้ากัน? น่าจะเป็นครั้งแรกที่มันได้พบเจอเจ้าใช่ไหม?” ซู่เหยียนถามขึ้น
เย่หยวนยิ้มออกมา “ดูท่ามันคงมีเป้าหมายอยู่ที่โอสถของข้า”
ซู่เหยียนทำหน้ามึนงงออกมา “โอสถของเจ้า? ผู้อาวุโสตู้นั้นเป็นถึงจอมเทพโอสถหกดาว จะบอกว่าเขามีฝีมือหลอมโอสถด้อยกว่าเจ้าหรือ? ที่สำคัญมันไม่ใช่แค่ผู้อาวุโสตู้หรูเฟิง แต่บางคนในวิหารนั้นเก่งกาจกว่าเขาอีก ทำไมเจ้าหมูสมบัติมันถึงมาเลือกเจ้ากันเล่า?”
เย่หยวนได้แต่หัวเราะออกมา “ผู้อาวุโสซู่ ท่านต้องการให้ข้าตอบเช่นไรเล่า?”
ซู่เหยียนบอก “แน่นอนว่าบอกความจริง!”
เพราะเขานั้นสงสัยมากว่าเย่หยวนมีดีอะไรติดตัวถึงทำให้หมูสมบัตินี้ทำตัวติดเย่หยวนได้ขนาดนี้ จนถึงขั้นแยกทางจากตงน้อย
เย่หยวนเองก็ได้แต่ตอบกลับไปอย่างหมดสิ้นหนทาง “ย่อมต้องเป็นเพราะข้านั้นหลอมโอสถได้ดีกว่าพวกเขาทั้งหลาย”
ซู่เหยียนนิ่งเงียบไปก่อนจะหัวเราะขึ้น “ไอ้เด็กคนนี้ เวลาจะโม้อะไรก็อย่าทำเกินตัว! มีหรือที่จอมเทพโอสถหกดาวจะอ่อนแอกว่าเจ้าได้? ช่างเถอะๆ คิดเสียว่ามันเป็นโชคชะตาแล้วกัน”
เย่หยวนได้แต่ยิ้มรับโดยไม่คิดจะเถียงใดๆ อีก
ไช่เจินนั้นมีฝีมือการสั่งการที่เด็ดขาดมาก ในที่สุดเขาก็สามารถส่งสมุนไพรในรายการมาได้ภายในวันนั้นจริงๆ
เมื่อเย่หยวนได้เห็นกองภูเขาสมุนไพรตรงหน้าเขาก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นดีใจขึ้น
เขานั้นกังวลเรื่องสมุนไพรระดับห้ามาตลอด เพราะหาอยากเก่งกาจในโอสถระดับห้ามันก็ต้องใช้สมุนไพรระดับห้ามากมายในการฝึกฝน
แต่ตอนนี้ด้วยเจ้าหมูสมบัติ เรื่องราวที่เขากังวลมาตลอดมันก็คลี่คลายลง
ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกกว่าครึ่งเดือนก่อนจะถึงชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่ เย่หยวนจึงสามารถใช้เวลานี้ในการฝึกฝนให้ตัวเขาคุ้นชินกับโอสถระดับห้าได้
หลังผ่านไปได้สามวัน ก็เกิดมีเงาร่างหนึ่งพุ่งตัวเข้ามายังสวนป่าบนอย่างเงียบๆ
เงาร่างนี้มันดูเลือนลางและมองเห็นได้ยากมาก
ในพริบตามันก็มาถึงห้องของเย่หยวน
แค่มองเข้าไปเขาก็เห็นร่างของเจ้าหมูสมบัตินอนอยู่บนเตียง ทำให้หูของเขามีควันออกมาทันทีด้วยความโกรธเคือง
ปัง!
“โอ้ย!”
ตงน้อยเดินเข้าไปและพบว่าตัวเองกำลังชนเข้ากับกำแพงทำให้จมูกของเขามีเลือดไหลซึมออกมา
“เด็กคนนี้มันรู้ถึงวิธีวางค่ายกลห้ามมิติด้วย! หมูสมบัตินั้นเป็นของข้า! เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาแย่งไป?!” ตงน้อยร้องบอก
เพราะเขานั้นรออยู่ถึงสามวันแต่เจ้าหมูกลับไม่คิดกลับไปหาเขา
ตงน้อยที่หมดความอดทนจึงได้คิดแอบเข้ามาขโมยหมูสมบัติไปจากเย่หยวน
แต่ดูท่าเขาจะประมาทเย่หยวนเกินไปหน่อย
เย่หยวนนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านมิติอย่างมาก มีหรือที่เขาจะปล่อยให้ใครแอบย่องเข้าห้องเขาได้ง่ายๆ?
ตอนนั้นเองที่มิติด้านหน้าเกิดบิดเบี้ยวขึ้นเผยให้เห็นร่างของเย่หยวน
เมื่อตงน้อยเห็นเย่หยวนเขาก็แทบจะพ่นไฟใส่ด้วยความแค้น “เด็กน้อย เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? หมูสมบัติเป็นของข้า!”
เย่หยวนยักไหล่ตอบ “ไหนว่าเจ้าจะตัดขาดกับมันไง?”
ตงน้อยแทบสำลักเมื่อได้ยินก่อนจะแก้ตัวออกมา “เรื่องนั้น… เรื่องนั้นมันเป็นคำพูดที่ออกมาด้วยอารมณ์โกรธ! ที่สำคัญการที่หมูสมบัติคิดติดตามเจ้ามันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น อย่าได้คิดว่าแค่โชคดีหลอมโอสถคุณภาพดีได้แล้วจะทำให้หมูสมบัติมันติดตามเจ้าไปได้ตลอดเชียว ข้าขอบอกเลยนะว่าหมูสมบัตินั้นมันเลือกกินมาก!”
“อ่า หากมันคิดอยากกลับไปข้าย่อมปล่อยมันไป เจ้าสบายใจเถอะ ข้าไม่คิดจะทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของมันหรอก” เย่หยวนตอบกลับไป
เขานั้นย่อมไม่คิดจะเลี้ยงหมูสมบัตินี้ไปตลอด มีหรือที่เขาจะทนเลี้ยงเจ้าหมูที่กินโอสถคุณภาพสูงในทุกๆ วันเช่นนี้ได้?
เมื่อได้ยินเย่หยวนบอกเช่นนั้นตงน้อยก็แสดงท่าทางโล่งใจออกมาก่อนจะบอก “เจ้าหลอมโอสถที่ทำให้หมูสมบัติพอใจได้มันย่อมหมายความว่าเจ้านั้นมีฝีมือไม่น้อย เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร? ข้าจะให้ตู้หรูเฟิงรับเจ้าเป็นศิษย์ วันหน้าเจ้าก็จงติดตามตู้หรูเฟิงไปเสีย”
เย่หยวนยิ้มเมื่อได้ยินแต่ก็ส่ายหัวตอบกลับไป “ให้ข้ายอมรับเขาเป็นอาจารย์? ข้าไม่สนใจหรอก เขามิอาจสอนข้าได้”
เมื่อตงน้อยได้ยินเขาก็ตอบกลับมาด้วยความไม่พอใจอีก “เด็กคนนี้ เจ้าช่างไม่รู้จักรับคุณคน! เจ้าแค่บรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์มาได้ไม่นานเจ้าคิดว่าตัวเองเก่งกาจมากนักหรือ? เจ้าคิดว่าคนในมิติอนัตตาก่อไผ่นี้กี่คนที่คิดอยากกราบตู้หรูเฟิงเป็นอาจารย์แต่กลับไม่สามารถทำได้? แล้วเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกันที่จอมเทพโอสถหกดาวจะมิอาจสอนเจ้าได้?”
เย่หยวนไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงกับเขาอีกจึงพลิกหงายมือขึ้นเผยให้เห็นโอสถหลายเม็ด
เมื่อโอสถเหล่านั้นปรากฏออกมาเจ้าหมูสมบัติที่นอนหลับอยู่ก็ลุกเด้งตัวขึ้น พุ่งมาราวกับสายฟ้ากลืนกินเม็ดโอสถบนฝ่ามือของเย่หยวนในพริบตา
ตอนที่ 1825 เปิดประสงค์ร้าย
“อู๊ดๆ” หมูสมบัตินั้นกินกลืนเม็ดโอสถในมือเย่หยวนลงไปอย่างรวดเร็ว
แต่เรื่องนี้มันทำให้ตงน้อยต้องหันมามองเย่หยวนด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“เจ้า… ที่เจ้าป้อนหมูสมบัตินั้นคือโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะ?”
เย่หยวนยกคิ้วขึ้นสูงทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น “เอ๋? เจ้าเด็กคนนี้พอจะมีความรู้อยู่บ้างหรอกหรือนี่ ถึงกับแค่มองปราดเดียวก็แยกออกว่ามันคือโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะ”
เมื่อสักครู่นี้หมูสมบัติมันกินโอสถไปอย่างรวดเร็ว แต่ในเวลาเสี้ยวพริบตานั้นตงน้อยกลับแยกแยะออกได้ว่ามันคือโอสถขั้นใด
ตงน้อยแสดงสีหน้าท่าทางเคร่งขรึมและถามออกมา “โอสถเหล่านี้เจ้าเป็นคนหลอม?”
เย่หยวนเองก็ไม่รู้จะต้องตอบเช่นไร “หากข้าไม่หลอม เจ้าจะเป็นคนหลอมมันหรืออย่างไรล่ะ?”
ตอนนี้ตงน้อยนั้นมีใบหน้าที่ดูแปลกประหลาดไม่สมวัยตัวเองเลยสักนิด
ดูท่าเขาคงตื่นตกใจมาก
“บ้าน่า! เจ้าเพิ่งบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์มาได้ไม่น่าเกินปี เวลาแค่นั้นมีหรือที่เจ้าจะหลอมโอสถให้ได้ถึงขั้นเทวะโมฆะ?” ตงน้อยบอกออกมาด้วยความไม่เชื่อ
มันไม่ใช่เพราะว่าโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะนั้นไม่มีทางหล่อหลอมขึ้นมาได้ แต่หากอยากหลอมโอสถขั้นนั้นให้ได้จริงๆ ผู้หลอมต้องใช้เวลาเรียนรู้ทำความเข้าใจสมุนไพรระดับห้าและฝึกฝนมาอย่างยาวนาน
ไม่ว่าจะเป็นยอดอัจฉริยะด้านโอสถมากแค่ไหน มันก็ย่อมไม่มีทางจะเรียนรู้และเข้าใจศาสตร์แห่งโอสถศักดิ์สิทธิ์ห้าดาวได้ในเวลาแค่ไม่กี่ปี
เย่หยวนได้แต่ยิ้มตอบกลับไป “คนอื่นทำไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าข้าต้องทำไม่ได้ด้วย”
ตงน้อยหรี่ตาลงทันทีที่ได้ยิน “ไม่มีทาง ข้าไม่เชื่อ!”
เย่หยวนเดินเข้าไปหยิกหูของตงน้อยและลากเขาออกมาด้านนอก
ตงน้อยร้องออกมาอย่างเจ็บปวด “โอ๊ย ปล่อยข้า! เจ้าเด็กคนนี้ไปกินใจหมีดีเสือจากไหนมากัน? ถึงกล้ามาหยิกหูข้าเช่นนี้!”
เย่หยวนหันมามอง “เจ้าบุกเข้าที่พักข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต เรื่องราวเหล่านั้นยังไม่ได้จัดการกัน แค่หยิกหูนิดหน่อยจะไม่ได้เลยหรือ?”
ตงน้อยนั้นโกรธเคืองมาก แต่เย่หยวนก็มั่นใจในแนวคิดแห่งห้วงมิติของตนจนเขาไม่อาจต่อสู้ขัดขืนได้เลย
ตอนนี้เจ้าหมูสมบัติรีบวิ่งออกมาวนรอบตัวเย่หยวนไว้ด้วยท่าทางอ้อนวอน
เย่หยวนนั้นผงะไปไม่น้อย จากนั้นจึงค่อยปล่อยมือ
ตงน้อยหันมามองเจ้าหมูสมบัติด้วยดวงตาโกรธแค้น “หึ! ดูท่าเจ้าจะยังรู้จักสำนึกอยู่บ้าง!”
หมูสมบัตินั้นเหมือนกำลังคิดขอโทษจึงเข้าไปคลอเคลียที่ขาของตงน้อย
แน่นอนว่าท่าทางเช่นนั้นย่อมทำให้ตงน้อยมีสีหน้าดีขึ้นมาก แต่เขาก็ยังพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เจ้าหมูสมบัติ เจ้าเลือกมา เลือกข้าหรือเขา?”
เมื่อเจ้าหมูได้ยินเช่นนั้นมันก็หันมองที่ตงน้อยที ที่เย่หยวนทีด้วยสีหน้าสุดยากที่จะตัดสินใจ
ดูท่าเจ้าหมูสมบัติคงไม่อาจทำใจจากใครคนใดคนหนึ่งไปได้
เย่หยวนพูดขึ้น “เจ้าทำแบบนี้หมูสมบัติมันจะไม่ลำบากใจแย่หรือ?”
ตงน้อยตอบกลับมาด้วยเสียงใสๆ “หมูสมบัติเป็นสัตว์เลี้ยงของข้า เรื่องใดที่ข้าทำมันเกี่ยวข้องกับเจ้าด้วย?”
นั่นทำให้เย่หยวนหรี่ตาลงทันที สายตาที่เขาจ้องมองดูตงน้อยนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย “เจ้าบอกว่า… หมูสมบัติคือสัตว์เลี้ยงของเจ้า?”
ตงน้อยรู้สึกได้ถึงสายตาของเย่หยวนที่มองมาจนขนลุกไปทั้งร่าง ก่อนที่จะค่อยๆ ยกมือขึ้นมาลูบหัวและตอบแก้ตัวไป “ข้าหมายถึงมันคือสัตว์เลี้ยงของปู่ข้า! มันจะไม่นับว่าเป็นสัตว์เลี้ยงของข้าด้วยหรือ?”
เย่หยวนหรี่ตาลงทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น “ปู่เจ้าคือใคร?”
ตงน้อยเม้มปากตอบ “บอกไปเดี๋ยวเจ้าก็กลัวตายกันพอดี! ข้าไม่บอกหรอก!”
เย่หยวนไม่คิดพูดถามอะไรอีก แต่จากที่เขาเดาดูปู่ของตงน้อยคนนี้น่าจะเป็นเทพสวรรค์ไม่ผิดแน่
เมื่อตงน้อยไม่คิดบอกเย่หยวนก็ย่อมไม่คิดบังคับถาม เพราะอย่างไรเสียยอดฝีมือระดับนั้นมันก็มิใช่ตัวตนที่เขาในตอนนี้จะไปยุ่งเกี่ยวด้วยได้
เย่หยวนแค่ยกมือขึ้นมาโบกปัด “เจ้ากลับไปเถอะ หากหมูสมบัติมันอยากกลับไปข้าก็ไม่คิดจะห้ามมันหรอก แต่หากข้าจับได้ว่าเจ้าแอบเข้ามาในที่พักของข้าอีก ครั้งหน้ามันไม่จบแค่การหยิกหูแน่!”
เมื่อเห็นสายตาดุร้ายของเย่หยวนนั้นตงน้อยก็อดไม่ได้ที่จะเอามือไปลูบก้นตัวเอง
ภาพจำยังติดตา!
ตงน้อยหยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนจะบอก “ข้าไม่ไปแล้ว! ข้าจะอยู่กับหมูสมบัติที่นี่!”
เย่หยวนชมวดคิ้วแน่น “ไม่!”
แต่เจ้าหมูสมบัติกลับเข้ามาอ้อนเย่หยวนด้วยท่าทางสุดน่ารัก หางสั้นๆ ของมันสั่นไปพร้อมเอาตัวมาถูกไถขาของเย่หยวน
ต่อให้เย่หยวนจะโหดร้ายสังหารผู้คนได้ง่ายๆ เขาก็ไม่อาจต้านทานความน่ารักของเจ้าหมูสมบัตินี้ได้
เพราะอย่างไรเสียสุดท้ายเขาก็ติดค้างหนี้หมูสมบัติตัวนี้ไว้มาก หากไม่ได้มันช่วยไว้ เขาคงไม่มีทางได้มานั่งหลอมโอสถอย่างสบายใจเช่นนี้แน่
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นเย่หยวนจึงได้แต่ถอนหายใจยาว “ก็ได้ แต่หากเจ้าอยากอยู่เจ้าต้องฟังคำข้า! สิ่งใดที่ข้าห้ามเข้าทำ เจ้าห้ามทำมันอย่างเด็ดขาดเข้าใจไหม?”
ตงน้อยหัวเราะขึ้น “ได้! ตอนนี้เจ้าจะหลอมโอสถไหม? ข้าอยากดูเจ้าหลอมโอสถ!”
เย่หยวนบอก “ก่อนถึงเวลาเริ่มชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่ข้าย่อมจะหลอมโอสถตลอด หากเจ้าคิดอยากมองดูข้าหลอมมันย่อมได้ แต่หากเจ้ารบกวนข้า ข้าจะไล่เจ้าไปเดี๋ยวนั้นเลย!”
เมื่อตงน้อยได้ยินเขาก็พยักหน้าออกมาจนหัวแทบหลุด
หึ ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าจะมีฝีมือการหลอมโอสถมากมายแค่ไหน! เจ้าบอกว่าตนหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าขั้นเทวะโมฆะได้แต่เทพสวรรค์คนนี้ไม่มีทางเชื่อมันหรอก! ตงน้อยคิดในใจ
สวนป่าบนนั้นมีห้องหลอมโอสถแยกต่างหาก ด้านในมีอุปกรณ์ทุกอย่างครบครันทำให้เย่หยวนพึงพอใจมาก
ตงน้อยอุ้มเจ้าหมูสมบัติที่นอนอยู่เดินเข้ามาดูการหลอมโอสถของเย่หยวน ยิ่งเขาดูไปมาก สีหน้าของเขาก็ยิ่งเปลี่ยนแปลงไป ความตื่นตะลึงที่มีในหัวใจกลับยิ่งพุ่งขึ้นสูงตามเวลา
“ไอ้เด็กคนนี้มันมีทักษะการหลอมจนถึงขั้นเป็นศิลปะแล้ว! ไม่แปลกใจเลยที่มันจะดูถูกตู้หรูเฟิง บอกว่าเจ้าเฒ่านั่นไม่มีอะไรที่จะสอนมันได้! อย่าว่าแต่ตู้หรูเฟิงเลย หากนับกันแค่โอสถศักดิ์สิทธิ์ห้าดาวแล้วแม้แต่ข้าก็ไม่กล้าจะพูดว่าตัวเองเก่งกาจกว่ามัน! ไอ้เด็กคนนี้มันมีอายุแค่พันกว่าปีแท้ๆ มันต้องใช้วิธีไหนในการบ่มเพาะฝึกฝนกันเนี่ย?”
ยิ่งตงน้อยมอง เขาก็ยิ่งตื่นตะลึงมากขึ้นตาม
เย่หยวนนั้นมีท่าทางการหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าที่ยังดูเก้ๆ กังๆ ไปบ้าง แต่สุดท้ายนั่นมันก็แค่ท่าทาง
เพราะแม้ท่าจะไม่สวยงามนัก แต่โอสถที่ออกมามันก็ล้วนแต่เป็นยอดขั้นเทวะ
ที่สำคัญยิ่งเวลาผ่านไปท่าทางทักษะการหลอมของเย่หยวนมันกลับยิ่งดูคุ้นเคยมากขึ้นและมากขึ้น โอกาสที่โอสถจะหยุดอยู่แค่ที่ขั้นเทวะมันก็มีน้อยลงและน้อยลง
ในวันที่สิบสอง ตงน้อยก็กล่าวขึ้น “เด็กคนนี้มันเกิดมาเป็นนักหลอมโอสถโดยแท้ จะพัฒนาตัวเองเร็วเกินไปแล้ว! เจ้าเด็กคนนี้มันต้องขึ้นไปแตะฐานยอดเต๋าได้แล้วแน่ๆ แข็งแกร่งแท้! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าหมูสมบัติมันถึงได้ไม่อาจตัดใจทิ้งมันลง”
…
ในวันนี้เป็นวันที่เริ่มชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่ขึ้นอย่างเป็นทางการ
เมื่อเหล่าศิษย์นิกายเงาจันทร์เดินทางมาถึง พวกเขาก็ถูกต้อนรับด้วยสายตามากมายหลายคู่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝั่งนิกายสว่างชัดและนิกายปรารถนารวมไปถึงเหล่านิกายเจ้าอำนาจทั้งหลาย พวกเขานั้นมองมาด้วยสายตาที่ดูไม่มีทางเป็นมิตรไปได้เลย
“หึๆ หยางเชิน แม้จะมีพลังฝีมือระดับเจ้า เจ้าก็ไม่อาจพักในสวนป่าบนได้ แต่เจ้าหน้าใหม่พวกนี้มันกลับเข้าไปพักยังที่แห่งนั้นได้!”
คนที่พูดอยู่มีนามว่าหลัวเจิน ศิษย์อันดับหนึ่งของนิกายปรารถนา พลังบ่มเพาะยอดอาณาจักรนภาสวรรค์สองดาว
หยางเชินนั้นเป็นศิษย์อันดับหนึ่งของนิกายสว่างชัด พลังบ่มเพาะของเขาเองก็อยู่ที่ยอดอาณาจักรนภาสวรรค์สองดาว
หยางเชินหันกลับมามองทันที “ไปอยู่สวนป่าบนแล้วมันทำไม? แค่เพราะหมูตัวเดียว! ชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่นี้มีพลังฝีมือเป็นเครื่องตัดสินทุกอย่าง! แค่ได้ไปอยู่สวนป่าบนมันไม่ได้ช่วยให้มันเข้าวิหารศักดิ์สิทธิ์ได้เสียหน่อย!”
หลัวเจินยิ้มตอบ “ข้าได้พูดคุยกับศิษย์น้องทั้งหลายของข้าแล้ว ครานี้เราต้องสั่งสอนนิกายเงาจันทร์ให้มันรู้เสียบ้าง! หากเราคนใดคนหนึ่งได้ไปพบเจอกับศิษย์นิกายเงาจันทร์ จงทำให้มันพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ”
หยางเชินเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะพยักหน้าออกมา “ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่านิกายเงาจันทร์ในรอบนี้มันมีดีอะไรกันแน่!”
คนทั้งสองแลกเปลี่ยนสายตากันพร้อมกำหนดข้อตกลงลับๆ
และจริงๆ มิใช่แค่พวกเขาเท่านั้น แต่เหล่าผู้อาวุโสและศิษย์ของนิกายเจ้าอำนาจทั้งหลายต่างกำลังวางแผนจะจัดการนิกายเงาจันทร์ในชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่อย่างเต็มที่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น