Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1804-1807

ตอนที่ 1804 บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ

 

เพียะ!


“แค่ใช้เจ้าไปส่งหินทองแค่ไม่กี่ก้อนเจ้ากลับใช้เวลาเสียมหาศาล! นี่เจ้าได้กินข้าวไหมเนี่ย? ไอ้เจ้าคนไร้ประโยชน์เอ้ย ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าจะทนอยู่ไปอีกทำไม? ไม่ตายๆ ไปให้พ้นเสียล่ะ?”


ราชันพระเจ้าเจ็ดดาวคนนี้ถือแส้ยาวไว้ในมือพร้อมฟาดมันลงยังร่างของชายร่างกำยำ


การฟาดนี้มันแสนรุนแรงจนแผลนั้นลึกถึงกระดูก


ปึง!


แค่นี้มันยังไม่พอที่จะระบายความไม่พอใจออกมาเขาจึงเลือกที่จะเตะเข้าที่ร่างของชายคนนั้นอีกครั้ง ส่งร่างใหญ่โตนั้นจนลอยลิ่วไป


เมื่อชายร่างกำยำคนนั้นร่วงลงถึงพื้นเขาก็ต้องกระอักเลือดออกมาคำโต


ตอนนี้ศิษย์ทั่วไปหลายต่อหลายคนกำลังยืนมองดูการกระทำของหัวหน้าอยู่ แต่ทุกคนกลับมองดูมันอย่างเคารพและไม่มีใครกล้าเดินออกมาห้ามสักคน


หัวหน้าคนนี้ใส่ชุดศิษย์ของยอดหทัยสวรรค์เป็นที่สะดุดตาอย่างมาก


ฮันยองนั้นลุกขึ้นยืนแทบไม่อยู่พร้อมสายตาที่จ้องมองกลับไปยังหัวหน้าคนนั้นอย่างเย็นชา เขายกมือขึ้นมาลูบคล้ำที่คางของตัวเอง


“โห ดื้อด้านไม่เลวนี่! ยังกล้าจ้องมองข้าแบบนั้นอีก? ข้าจะให้เจ้าได้มองเอง!”


เพียะ!


เสียงแส้ฟาดลงมาอีกครั้งทำให้เนื้อบนใบหน้าของฮันยองหลุดออกมาเป็นภาพที่แสนโหดร้ายและป่าเถื่อนจนเกินคน


หัวหน้าคนนั้นมีวิชาแส้ที่สูงส่งไม่น้อย ปราณเทวะที่ไหลลงมากับแส้นั้นมันมีปริมาณที่พอเหมาะ ไม่หนักจนสังหารผู้คนแต่จะค่อยๆ ตัดทำลายชิ้นเนื้อและสร้างความเจ็บปวดอย่างมหาศาลแทน


ฮันยองมีใบหน้าที่ดำมืดพร้อมกัดฟันแน่น “ตู้ซือชวน ข้าขึ้นเขาไปส่งหินทองและได้เจอเข้ากับหลี่จินเหยาจากนั้นมันก็สั่งใช้งานข้าอีกครั้ง เจ้ายังจะมีหน้ามาบอกว่านี่มิใช่ฝีมือเจ้าที่จัดฉากขึ้นมาอีก?”


ตู้ซือชวนตอบกลับไปด้วยท่าทางไม่พอใจอย่างมาก “ไอ้คนโอหัง เจ้าเป็นแค่ศิษย์ทั่วไปกลับกล้ามาทำตัวเช่นนี้ต่อหน้าศิษย์ชั้นนอกอย่างข้า! เจ้าไปกินใจหมีดีเสือที่ไหนมา?”


เพียะ!


พูดไปเขาก็ฟาดแส้ลงมาอีกครั้ง


ตู้ซือชวนกล่าวออกมาด้วยท่าทางแสนดูถูก “เจ้ายังคิดว่าตัวเองเป็นยอดศิษย์อัจฉริยะคนนั้นอีกหรือ? เจ้ามันก็แค่ไอ้ขยะตัวหนึ่งแล้ว! เป็นได้แค่ขยะที่รอวันเน่าตาย! ฮ่าๆๆ…”


ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสที่ฮันยองได้รับมาจากจงฮันหลินเมื่อตอนนั้น ต่อให้จากนั้นเขาจะรักษาตัวกลับมาได้แต่เขาก็มิอาจกลับหวนคืนสู่จุดสูงสุดของตัวเองได้อีก


สภาพของฮันยองตอนนี้เขาเสียพลังบ่มเพาะไปมากและกลายเป็นแค่ราชันพระเจ้าสามดาวเท่านั้น


เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าตู้ซือชวน เขาย่อมไม่มีพลังใดๆ จะไปต่อต้านได้


ฮันยองกัดฟันแน่นด้วยใบหน้าที่ดำมืด “ไอ้เจ้าสุนัขรับใช้ หากเจ้ามีปัญญาก็สังหารข้าสิ! ไม่เช่นนั้นสักวันหนึ่งเจ้าจะต้องเสียใจที่ไม่ยอมลงมือทำ!”


เขานั้นเป็นคนที่ดื้อด้านมาก แม้ว่าจะถูกเหยียดหยามสารพัดแต่เขากลับไม่เคยยอมแพ้เลยสักครั้ง


ตู้ซือชวนหัวเราะลั่น “สังหารเจ้า? ทำไมข้าต้องสังหารเจ้าด้วย? ตอนนี้ชีวิตข้ามันแสนสุขสบาย สังหารเจ้าไปก็อดสนุกพอดีสิ? ที่สำคัญศิษย์พี่จงยังสั่งให้ข้าคอยดูแลเจ้าให้ดีด้วย! แต่ตอนนี้ข้าเริ่มไม่พอใจขึ้นมาไม่น้อยแล้ว เจ้าจงรับความพิโรธของข้าไป!”


พูดจบตู้ซือชวนก็ฟาดแส้ลงมายังร่างของฮันยองราวกับงูพิษที่กำลังพุ่งเข้าฉกเหยื่อ


ชายคนนี้ดูอย่างไรก็เป็นยอดคนในวิชาการทรมาน การฟาดแต่ละครั้งนั้นมันล้วนทำให้เลือดเนื้อของฮันยองหลุดติดแส้ออกมาด้วย


เรื่องนี้มันอาจไม่ทำให้ถึงตาย แต่มันเลวร้ายเสียยิ่งกว่าตาย


ฮันยองนั้นถูกทำร้ายจนได้แต่กลิ้งเกลือกไปบนพื้น แต่ก็ยังไม่ยอมที่จะร้องออกมาและอดทนอดกลั้นมันไว้


วุด!


เสียของแส้ถูกตีผ่านลมออกมา แต่คราวนี้มันกลับไม่ถูกเป้าหมาย


นั่นทำให้ตู้ซือชวนหน้าถอดสีทันที เขารู้สึกเหมือนตาเบลอๆ ไปนิดหน่อยก่อนจะพบว่าที่ด้านหน้าของเขานั้นปรากฎร่างของชายคนหนึ่งขึ้นมา


ชายคนนี้จับแส้ของเขาไว้มั่นอย่างที่ไม่ว่าตู้ซือชวนจะดิ้นรนแค่ไหนเขาก็ไม่อาจขยับเขยื้อนแส้ของตนได้เลย


ตู้ซือชวนหน้าแดงก่ำขึ้นมาเพราะแรงที่ใช้ก่อนจะตะโกนร้อง “ป-ปล่อยนะ!”


ดวงตาของเย่หยวนนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความเย็นชา ก่อนที่เขาจะสั่นข้อมือน้อยและปล่อยแส้หลุดกลับไป


ตู้ซือชวนนั้นตื่นตกใจเป็นอย่างมากและกล่าวออกมาด้วยท่าทางตื่นกลัว “เจ้า… เจ้าเป็นใคร ถึงกล้ามาทำตัวโอหังในยอดหทัยสวรรค์เช่นนี้? เจ้า… เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าเป็นใคร?”


เย่หยวนตอบ “ข้ารู้ สุนัขรับใช้ของจงฮันหลิน!”


ตู้ซือชวนหน้าซีดลงทันที ตอนนี้ยังมีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจว่าเย่หยวนมาเพื่อหาเรื่อง


แต่เขานั้นไปไหนมาไหนด้วยความเป็นคนของนิกายบุปผาเหิน เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ได้คิดที่จะเกรงกลัวเย่หยวนแม้แต่น้อย


แต่ศิษย์ชั้นนอกคนหนึ่งที่เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน มีหรือที่มันจะกลับท้าทายนิกายบุปผาเหิน?


“ข้า… ข้าขอเตือนก่อนเลยนะว่าข้านั้นเป็นคนของนิกายบุปผาเหิน หากเจ้ากล้าแตะต้องข้าเจ้าจะไม่ได้ตายดีแน่!” ตู้ซือชวนพยายามทำท่าทางข่มขู่เย่หยวนออกมาทั้งๆ ที่แท้จริงแล้วกลัวจนฉี่แทบราด


เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็ยิ้มขึ้น “หากเจ้าไม่บอกว่าตัวเองเป็นคนของนิกายบุปผาเหินข้าอาจจะแค่ต่อยเจ้าให้จบๆ ไป แต่ตอนนี้… เจ้าจะไม่ได้ตายดีแล้ว!”


เย่หยวนและนิกายบุปผาเหินนั้นมีเรื่องกันมานานแสนนาน แต่เจ้าหมอนี่กลับมาใช้ชื่อนั้นต่อหน้าเขา ความโง่เง่านั้นนำพามาซึ่งความฉิบหายจริงๆ!


แต่ว่าเย่หยวนไม่ได้คิดจะลงมือทำการใดๆ ในทันที เขากลับคุกเข่าลงตรวจดูอาการของฮันยองก่อน


ฮันยองนั้นสลบไปเพราะหมดสติ ตอนนี้ร่างกายของเขาเหมือนดอกไม้ที่กำลังบาน ผิวหนังแตกแยกออกให้เป็นเลือดเนื้อภายในจนไม่มีส่วนไหนในร่างที่ยังดูเป็นคนเลย


ความโกรธแค้นที่เย่หยวนมีในใจนั้นมันเหนือล้ำเกินกว่าที่จะมีอะไรมาหยุดได้แล้ว ตอนนี้เขาทำแค่หยิบโอสถออกมาและส่งเข้าปากฮันยอง ก่อนจะค่อยๆ ใช้ปราณเทวะช่วยเขาดูดซับมันไป


เมื่อตู้ซือชวนเห็นเช่นนั้นเขาก็คิดว่ามันเป็นโอกาสที่เย่หยวนไม่ทันมอง คิดหนีออกไปให้ไกล


แต่ว่าวินาทีที่เขาขยับตัว มันกลับมีคลื่นพลังแสนรุนแรงพุ่งผ่านอากาศมา!


ปัง!


หลังขาของตู้ซือชวนถูกกระทบเข้าจนทำให้เขาต้องคุกเข่าลงทันที


เย่หยวนลงมือย่างแม่นยำ ทำให้ตอนนี้ตู้ซือชวนนั้นกลายเป็นอัมพาตไม่อาจขยับได้ เวลานี้ต่อให้อยากหนีมันก็จนปัญญาแล้ว


“อย่าได้รีบร้อนไป เรื่องราวยังไม่ทันเริ่มจะหนีไปไหน?” เย่หยวนพูดกระซิบราวอย่างแผ่วเบาราวเสียจากนรก ทำให้ขนของเขาลุกชันไปทั้งร่างทันที


เขาอยากหนี แต่ตอนนี้เขาหนีไม่ได้!


ไม่นานนักฮันยองก็ค่อยๆ ตื่นลืมตาขึ้นมา ตอนนี้บาดแผลบนร่างของเขากำลังค่อยๆ รักษาตัวเองจนหายไปกับตา


แม้ว่ามันอาจจะยังมีแผลที่ไม่หายบ้าง อาจจะยังเจ็บ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่แล้ว


แน่นอนว่าเรื่องนี้มันเพราะเย่หยวนมาได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นแม้จะเป็นเขาก็คงรักษาไม่ได้ง่ายดายนัก


“ย-เย่หยวน! เจ้า… เจ้ายังไม่ตาย!”


เมื่อฮันยองได้เห็นเย่หยวนอยู่ตรงหน้าเขาก็อดไม่ได้ที่จะร้องขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น


ตั้งแต่สองร้อยปีก่อน ตอนที่ไป่หลี่ชิงหยานขึ้นไปบรรเลงพิณเจ็ดสายบนยอดเพลิงเมฆานั้น ทุกคนต่างเชื่อกันมาตลอดว่าเย่หยวนได้สิ้นชีพลงแล้ว


แต่เย่หยวนกลับกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยลมหายใจที่แข็งแกร่ง


ไม่สิ ในเวลาแค่สองร้อยปีนี้เขากลับบรรลุจากราชันพระเจ้าหกดาวขึ้นมาเป็นราชันพระเจ้าเก้าดาวได้ มัน… มันช่างเป็นความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ


เย่หยวนยิ้มตอบ “เรื่องอื่นไว้ค่อยคุยกันทีหลัง ตอนนี้มีบุญคุณต้องทดแทน มีแค้นต้องชำระ!”


พูดไปเย่หยวนก็ยื่นแส้นั้นให้ฮันยอง


ฮันยองสะดุ้งตัวไปนิดหน่อยก่อนจะเข้าใจได้ในทันที


หลายปีมานี้เขาถูกตู้ซือชวนทรมานจนแทบตายอยู่ทุกวัน


หลายต่อหลายครั้งเขาถึงขั้นคิดจะฆ่าตัวตายให้พ้นๆ เสีย


แต่ว่าเขานั้นเป็นคนที่ถึกทนและมีนิสัยดื้อด้าน สุดท้ายจึงรอดมาจนถึงวันนี้


แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าตัวเองคงกลับขึ้นไปยังจุดสูงสุดของชีวิตไม่ได้อีก แต่เขาก็ยังหวังไว้เสมอมา


ฮันยองรับแส้นั้นไปและกัดฟันแน่น “เย่หยวน ขอบคุณมาก!”


เย่หยวนยิ้มตอบ “เราเป็นพี่น้องกัน จะขอบคุณข้าทำไมกัน? นี่มันแค่ขยะข้างทาง รีบๆ จัดการมันให้เสร็จเถอะ! เจ้าคงไม่คิดให้ข้ารอนานนักใช่ไหม?”


คำพูดนี้ทำให้ฮันยองขมวดคิ้วแน่น เขาสามารถคาดเดาได้ทันทีว่าเย่หยวนต้องการจะทำอะไร


เขาจึงได้แต่กัดฟันตอบกลับไป “ข้าเป็นถึงขนาดนี้แล้วยังจะมาไม่กล้าอีกหรือ? ต่อให้ข้าจะกลับไปอยู่บนจุดสูงสุดของชีวิตไม่ได้แต่ความแค้นนี้ข้าย่อมคิดที่จะชำระมัน! เพียงแค่ว่า… ทำเช่นนี้เจ้าเองก็จะโดนหมายหัวไปด้วย!”


เย่หยวนหัวเราะออกมา “หมายหัว? หึๆ ความแค้นของข้ากับนิกายบุปผาเหินมันมีมาแสนนานจนเกินคำว่าหมายหัวไปแล้ว!”


ฮันยองยืนนิ่งไปนานก่อนจะพยักหน้าออกมา “เจ้าไม่กลัวแล้วมีหรือที่ข้าจะมากลัว? แต่เจ้าตู้ซือชวนคนนี้ข้าคงต้องขอชำระแค้นกับมันให้สาใจหน่อย!”


พูดจบฮันยองก็ค่อยๆ เดินเข้าไปหาตู้ซือชวน


ตู้ซือชวนหน้าซีดเผือดลงทันทีก่อนจะกล่าวขู่ขึ้น “ฮันยอง เจ้าขยะไร้ค่า! เจ้า… เจ้ากล้าตีข้าหรือ?”


ฮันยองยิ้มตอบ “เจ้าโง่มากรึ? ที่ข้าไม่ตีเจ้ากลับไปในช่วงหลายปีนี้เป็นเพราะข้าไม่มีพลังพอ! ไม่เช่นนั้นเจ้าคงได้ตายเป็นหมื่นครั้งไปแล้ว! ตอนนี้เมื่อพี่น้องของข้ามาอยู่ด้วยแล้วข้าย่อมต้องทำให้เจ้าได้ลิ้มรสมันอย่างถึงใจบ้าง!”

 

 

 


ตอนที่ 1805 ก้มกราบขอขมา

 

“พวกเจ้ามันเป็นแค่แมลงวันหรืออย่างไร? เรื่องแค่นี้ยังไม่สามารถจัดการกันได้! ครานี้เจ้าก็ยังปล่อยให้ต้วนชิงหงมันกลับไปได้ง่ายๆ อีกแล้ว!”


ด้านในห้องหนึ่งของยอดดอกตูมสวรรค์ จงฮันหลินกำลังด่าว่าเหล่าผู้ติดตามของนิกายบุปผาเหินทั้งหลาย


ดูแล้วเขากำลังไม่พอใจอย่างมาก


หลังจากผ่านไปร่วมสองร้อยปีจงฮันหลินที่มีพรสวรรค์เหนือล้ำศิษย์คนอื่นๆ ก็สามารถบรรลุขึ้นไปถึงอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวได้


ตอนนี้อีกแค่ครึ่งก้าวเขาก็จะสามารถขึ้นไปเป็นยอดฝีมือนภาสวรรค์เต็มตัว


ตอนนี้เขาจึงได้กลายเป็นยอดคนอันดับหนึ่งของนิกายบุปผาเหินไปอย่างเป็นทางการแล้ว


ต้วนชิงหงและเขานั้นขับเคี่ยวกันมานานแสนนาน ตอนนี้ฝั่งต้วนชิงหงเองก็ได้กลายเป็นอันดับหนึ่งของนิกายดาบเมฆาไปแล้วเช่นกัน


และจนทุกวันนี้ คนทั้งสองก็ยังต่อสู้แข็งขันกันมาตลอด


จงฮันหลินกำลังด่าว่าผู้ติดตามคนอื่นๆ อย่างบ้าคลั่งจนจู่ๆ ก็มีใครบางคนเดินเข้ามารายงานว่ามีคนกำลังมารอพบเขาอยู่ที่ด้านนอก


เขาพ่นลมออกมาอย่างโกรธเกี้ยว “พวกเจ้าอย่าเพิ่งไปไหน เดี๋ยวข้ากลับมาจัดการต่อ!”


เมื่อเขาเดินออกมานอกประตูจงฮันหลินก็ได้เห็นสภาพของตู้ซือชวนที่เนื้อหนังถูกตีจนเปิดอ้าในสภาพที่ดูไม่ได้


เรื่องนี้ทำให้เขาไม่พอใจมาก “ตู้ซือชวน ใครกันที่ทำเจ้าถึงขนาดนี้?”


แม้ว่าตู้ซือชวนจะเป็นคนที่ไม่ได้มากพรสวรรค์แต่เขาก็เก่งกาจในเรื่องควบคุมผู้คนและสามารถทำงานต่างๆ ให้เขาได้อย่างดี เพราะฉะนั้นจงฮันหลินจึงชอบใจตู้ซือชวนมาก


คิดจะทุบตีสุนัขของใครมันก็ต้องดูเจ้าของด้วย ใครจะไปคาดคิดว่าในนิกายเงาจันทร์นี้จะยังมีคนที่กล้ามาลงมือกับคนของจงฮันหลินได้ถึงขนาดนี้อยู่


“ข้าเอง”


จู่ๆ ก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวออกมาด้านหลังตู้ซือชวน


จงฮันหลินที่กำลังเตรียมพร้อมเขาโจมตีต้องสะดุ้งตัวกลับไปเมื่อได้เห็นใบหน้านั้น “จ-จ-เจ้า… ทำไมเจ้ายังไม่ตาย?”


“เจ้ายังไม่ตาย มีหรือข้าจะกล้าตายก่อน?”


เพียะ!


พูดยังไม่ทันขาดคำเย่หยวนก็ยกมือขึ้นตบออกมาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า


เสียงนั้นมันชัดเจนและสะท้าน!


เมื่อถูกโจมตีทีเผลอจงฮันหลินจึงต้องรับฝ่ามือนี้ของเย่หยวนเข้าไปเต็มหน้าจนฟันร่วงหายไปหลายซี่


แน่นอนว่าต่อให้เขาจะเตรียมตัวรับมือไว้ก่อน มันก็คงไม่มีทางใดที่เขาจะหลบรอดฝ่ามือนี้ของเย่หยวนไปได้


ภาพนี้มันทำให้เหล่าศิษย์ที่เดินผ่านต้องหยุดหันมามองเห็นตาเดียว


“ใครกัน? ถึงกล้าไปตบหน้าจงฮันหลินเช่นนี้ มันเบื่อชีวิตมากแล้วหรือ?”


“ไม่เคยเห็นมาก่อน! ในหมู่ศิษย์ชั้นนอกมียอดคนเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”


“เมื่อกี้มันการโจมตีทีเผลอใช่ไหมล่ะ? ด้วยกำลังของจงฮันหลินมันไม่มีทางเลยที่ราชันพระเจ้าเก้าดาวเช่นนั้นจะเทียบเคียงจงฮันหลินได้”



จงฮันหลินล้มลุกคลุกคลานอยู่กับพื้นด้วยความมึนงงอย่างถึงที่สุด ตอนนี้เขาไม่อาจจะประคองตัวให้ลุกขึ้นยืนได้เลย


หลังมึนอยู่นานในที่สุดเขาก็กลับมาหันเจอร่างเย่หยวนอีกครั้งและกล่าวขึ้น “เจ้า… เจ้ากล้าตบข้า? ข้าขอบอกไว้เลยนะว่าเจ้า… เจ้าจะไม่ได้ตายดีแน่!”


เย่หยวนส่ายหัวออกมาพร้อมถอนหายใจ “คำพูดเหล่านั้นไม่ว่าจะเป็นเจ้าเอง เชียนเย่ หรือแม้แต่เจียงเชอเหยียนต่างก็เคยพูดใส่ข้ามาหลายครั้ง แต่จนทุกวันนี้ข้าก็ยังอยู่ได้สบายดี”


จงฮันหลินหน้าถอดสีพร้อมดวงตาที่เบิกกว้างจนแทบถลน


เขารู้ตัวดีว่ามิอาจเทียบเคียงฝีมือเย่หยวนได้ เขาจึงไม่ได้คิดที่จะต่อต้านใดๆ เลย


ตอนที่เย่หยวนเป็นราชันพระเจ้าหกดาว เขาที่เป็นราชันพระเจ้าเก้าดาวก็มิอาจต้านทานได้แม้แต่น้อยแล้ว


ตอนนี้เย่หยวนที่พัฒนาตัวเองจากหน้ามือเป็นหลังมือ บรรลุขึ้นมาเป็นถึงราชันพระเจ้าเก้าดาวได้ เขาที่เป็นแค่นภาสวรรค์ครึ่งก้าวย่อมไม่มีทางต่อต้านใดๆ ได้!


เรื่องแค่นี้จงฮันหลินย่อมรู้อยู่ในใจ


ตอนนี้สิ่งที่เขาควรทำคือการไปแจ้งเชียนเย่!


ตอนนี้เหล่าศิษย์จากนิกายบุปผาเหินต่างออกมาดูเรื่องราวตามๆ กันและจงฮันหลินก็ได้ส่งสัญญาณบอกศิษย์คนสนิทคนหนึ่งไป


ศิษย์คนนั้นเข้าใจได้ในทันทีและพุ่งตัวหายไป


มีหรือที่เรื่องนี้จะหลุดรอดสายตาเย่หยวนไปได้?


เพียงแค่ว่าเย่หยวนไม่คิดจะหยุดเขาและปล่อยให้ศิษย์คนนั้นไปรายงานเรื่อง


เพราะวันนี้เย่หยวนนั้นเดือดดาลกับเรื่องราวอย่างถึงที่สุด!


“ไปก้มกราบขอขมาพี่ข้าเสีย!” เย่หยวนบอก


จงฮันหลินผงะไปทันที เขาหันไปมองตามนิ้วของเย่หยวนที่ชี้ไปและอดไม่ได้ที่จะทำหน้าดำคร่ำเครียดออกมา


“ฮันยอง? เจ้าคิดจะให้ข้าไปก้มกราบขอขมาไอ้ขยะนั่น? ไม่มีทาง! หากเจ้ามีปัญญาก็สังหารข้าเสียเถอะ!”


จงฮันหลินยื่นคอออกมาด้วยท่าทางยอมตายดีกว่าต้องเสียเกียรติ เรื่องเลวร้ายถึงขนาดนี้แล้ว มันคงไม่มีทางเลวร้ายไปกว่านี้ได้


เว้นเสียแต่ว่าคำพูดนั้นมันจะทำให้ทุกคนที่มองดูเรื่องราวต้องอ้าปากค้าง


คนรอบๆ ที่มามุงดูนี้คือศิษย์ชั้นนอกทั้งหลาย พวกเขานั้นต่างรู้ดีว่าจงฮันหลินเก่งกาจแค่ไหนและปกติเป็นคนหยิ่งยโสไม่ยอมคนเพียงใด


วันนี้โดนตบเข้าไปทีหนึ่ง กลับไม่กล้าที่จะต่อต้านแม้แต่น้อย!


ทุกคนต่างหันไปมองเย่หยวนด้วยความตื่นตกใจ ไอ้เจ้าหมอนี่มันเป็นเทพสวรรค์มาจากไหนกัน?


เพียะ!


ตบหน้าเข้าอีกครั้ง!


ครั้งก่อนมันเป็นการตบหน้าฝั่งซ้าย ตอนนี้มันเป็นการตบหน้าฝั่งขวา!


สองฝ่ามือนี้มันทำเอาฟันของจงฮันหลินร่วงไปกว่าครึ่งปาก


บนใบหน้านั้นมันมีรอยฝ่ามือประทับอยู่อย่างชัดเจน


“ไม่กราบข้าก็จะตบจนกว่าเจ้าจะกราบ!” เย่หยวนบอก


จงฮันหลินกัดฟันแน่น “ข้าไม่กราบ! ช่างสิวะ เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้ามากนักหรือ?”


เย่หยวนมองดูที่จงฮันหลินด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่เย็นเยือกจนทำขนลุกตั้ง “หากเจ้ามีปัญญาหลบก็ลองหลบมันดู!”


พูดจบเย่หยวนก็ค่อยๆ ยกมือขึ้นมา มือนี้มันทำให้จงฮันหลินตื่นกลัวอย่างสุดขีด


จากนั้นเย่หยวนก็ตบฝ่ามือออกมา


จงฮันหลินคิดอยากหลบ เขาใช้วิชาการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วปานสายฟ้า!


เวลานี้พลังของนภาสวรรค์ครึ่งก้าวถูกแสดงออกมาอย่างเต็มที่


แต่ทว่า…


เพียะ!


เสียงตบดังลั่นขึ้นมาอีกครั้ง จงฮันหลินที่ถูกตบเข้าที่ใบหน้านั้นถึงกับหน้าหันตัวลอยปลิวไปไกล


“จะกราบไหม?” เย่หยวนถามอีก


ไม่ไกลไปนัก ฮันยองได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างมึนงง


เป็นเวลานี้เองที่เขาได้เห็นพลังที่แท้จริงของเย่หยวนว่าแข็งแกร่งปานใด!


เบื้องหน้าเขานี้ จงฮันหลินที่เก่งกาจปานเทพมารเทพสวรรค์กลับไม่อาจทนต่อต้านฝ่ามือของเย่หยวนได้แม้แต่น้อย


แค่จะหลบเย่หยวนเขายังไม่มีปัญญาหลบ


คนทั้งสองนั้นมีพลังที่ห่างชั้นกันคนละโลก


ทั้งๆ ที่ฝ่ายที่โดนโจมตีอยู่นี้เป็นถึงนภาสวรรค์ครึ่งก้าว


แม้ว่านภาสวรรค์ครึ่งก้าวจะยังไม่นับว่ามีพลังเทียบเท่านภาสวรรค์แท้จริง แต่เมื่อเทียบมันกับราชันพระเจ้าเก้าดาวแล้ว พวกเขาก็ยังจะถูกนับว่าเป็นยอดฝีมือที่อยู่กันคนละโลก


แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่หยวนเขากลับอ่อนแอราวเศษกระดาษ


“ไม่พูด แสดงว่าเจ้ายังไม่คิดยอมกราบสินะ!”


เย่หยวนบอกและตบเข้าที่ใบหน้านั้นอีกครั้ง


จงฮันหลินโดนตบจนเบื้องหน้ามีแต่ดวงดาวลอยระยิบเต็มไปหมด


เย่หยวนเองก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ตอนนี้เขาแค่สาดซัดฝ่ามือเข้าใส่อย่างไม่ยั้ง


จนในที่สุดจงฮันหลินก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป


ตอนนี้เขานั้นไม่อาจรู้ได้เลยว่าทิศไหนเป็นเหนือ ไหนเป็นใต้ ไหนเป็นออก ไหนเป็นตก เขาได้แต่ตะโกนร้องออกมาใส่ความว่างเปล่า “กราบ! ข้าจะกราบแล้ว!”


จงฮันหลินรู้ถึงสภาพตัวเองดีว่าเขาคงทนให้เชียนเย่มาถึงไม่ได้แน่


ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาต้องทำคือถ่วงเวลา


เมื่อเชียนเย่มาถึง เขาต้องเอาคืนเย่หยวนไปนับร้อยเท่าแน่!


เมื่อถูกเย่หยวนตบใส่หน้าไปขนาดนั้น ตอนนี้จงฮันหลินจึงมีสภาพไม่ต่างจากหัวหมู ใบหน้าปูดบวมไปหมดทุกแห่ง


เขาค่อยๆ เดินถ่วงเวลาไปทีละก้าว ทีละก้าวจนในที่สุดก็ไปถึงด้านหน้าของฮันยอง


เย่หยวนมองดูเขาอย่างเฉียบคมและบอก “คุกเข่า!”


จงฮันหลินนั้นถูกเย่หยวนตบจนหน้าชา ตอนนี้เขาจึงไม่มีแรงจะขัดขืนใดๆ และได้แต่คุกเข่าก้มตัวลง


“เจ้าต้องทำอะไรคงไม่ต้องให้ข้าสอนใช่ไหม?” เย่หยวนบอก


จงฮันหลินรีบพูดขึ้นมา “ไม่ต้องๆ! ฮันยอง ข้า… ข้าขอโทษ!”


พูดจบจงฮันหลินก็ก้มหัวลงจรดพื้นดิน


เย่หยวนบอก “หากข้ายังไม่บอกให้เลิก เจ้าก็ห้ามหยุด! ก้มกราบไปจนกว่าพี่ชายข้าจะพอใจ!”


มีหรือที่จงฮันหลินจะกล้าเงยหน้าขึ้นมา? ตอนนี้เขาได้แต่ก้มหัวจรดพื้นและพูดคำขอโทษออกมาติดๆ กัน


เมื่อทุกคนเห็นภาพนี้พวกเขาต่างได้แต่อ้าปากกว้างด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อ


ตั้งแต่ที่จงฮันหลินเข้านิกายมาเมื่อสองร้อยปีก่อน เขานั้นมักเป็นฝ่ายรังแกข่มเหงผู้คนเสมอมา มีหรือที่จะมีใครกล้าข่มเหงรังแกเขาคืนเช่นนี้ได้?


แต่พวกเขาก็เกรงกลัวผลที่จะเกิดขึ้นกับเย่หยวนไปจนถึงจิตวิญญาณ เพราะเรื่องนี้มันคือการลบหลู่นิกายบุปผาเหินอย่างถึงที่สุด!

 

 

 


ตอนที่ 1806 ไม่ไว้หน้าใคร

 

บนยอดดอกตูมสวรรค์นี้คนทั้งหลายต่างพากันมามุงดูเรื่องราวมากขึ้นและมากขึ้น


ตอนนี้บนหน้าผากของฮันยองนั้นมีเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลลงมา เรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้… มันจะเกินมือไปหน่อย


หากยังคงสร้างเรื่องราวให้ใหญ่โตไปกว่านี้ทางนิกายคงได้หันมาสนใจแน่


เรื่องระหว่างศิษย์ทั้งหลายนั้นตราบเท่าที่มันไม่ทำอะไรจนเกินเลยและไม่ละเมิดกฎของนิกาย ทางนิกายเองก็ไม่คิดที่จะสนใจใดๆ


แต่เรื่องราวในวันนี้มันยิ่งใหญ่จนเกินไป


“เย่หยวน ทางเดินขึ้นสวรรค์ดีๆ มีไม่ชอบกลับมาแหกประตูลงนรกด้วยตัวเองเสียแล้ว!”


คนยังไม่ทันมาแต่เสียงของเขาก็ดังมาถึงก่อน


และแน่นอนว่าผู้ที่มาถึงย่อมเป็นเชียนเย่


เมื่อจงฮันหลินได้ยินเสียงนี้เขาก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นทันที รีบลุกขึ้นจากพื้นก่อนจะหัวเราะบอก “ฮ่าๆๆ… เย่หยวนเจ้าตายแน่คราวนี้! กล้ามาลบหลู่นิกายบุปผาเหินเรา เจ้าคงเบื่อชีวิตแล้ว!”


เย่หยวนมองดูจงฮันหลินด้วยสายตาเบื่อหน่ายก่อนจะเตะเท้าออกมา


จงฮันหลินย่อมคิดจะหลบ แต่มีหรือที่เขาจะหลบได้? เท้านี้ของเย่หยวนโดนตัวเขาเข้าเต็มๆ จนจงฮันหลินลุกไม่ขึ้น


“เอาล่ะตอนนี้ความแค้นของพี่ข้าก็เป็นอันชำระเรียบร้อยแล้ว เรามาจัดการเรื่องของเราต่อดีกว่า!” เย่หยวนเหยียบเท้าลงที่หน้าอกของจงฮันหลินพร้อมพูดขึ้น


เชียนเย่รีบเร่งมาถึงและเห็นภาพนี้เข้าพอดี เขาจึงโกรธจนหน้าดำหน้าแดง


“เย่หยวน ปล่อยจงฮันหลิน! ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่ได้ตายดี!” เชียนเย่บอกด้วยความโกรธแค้น


เย่หยวนยิ้มตอบ “พวกนิกายบุปผาเหินมันไม่มีสมองหรือ? เจ้าคิดทำให้ข้าไม่ได้ตายดีมาแล้วแท้ๆ ตอนนี้ทำไมข้าต้องกลัวคำขู่ของเจ้านี้ด้วย?”


เมื่อทุกคนได้ยินเย่หยวนพวกเขาต่างแสดงใบหน้าสุดตื่นตะลึงออกมา


นี่คือเชียนเย่!


แต่ไอ้หมอนี่กลับกล้าพูดแบบนั้นต่อหน้าเชียนเย่ มันคงไม่รู้จักคำว่าตายเสียแล้ว


พูดไปเย่หยวนก็ยิ่งกดแรงลงเท้าหนักขึ้น ทำให้จงฮันหลินที่อยู่เบื้องใต้นั้นต้องกระอักเลือดออกมาคำโต


จงฮันหลินนั้นโกรธแค้นอย่างมาก เขาหัวเราะออกมา “เย่หยวน… เจ้าลองทำร้ายข้าสิ! ยิ่งเจ้าลงมือหนักศิษย์พี่เชียนเย่จะยิ่งเอาคืนเจ้าหนักกว่าเป็นร้อยเท้า! เจ้ากล้าสังหารข้าหรือ? ก-ก็เอาสิ! ฮ-ฮ่าๆๆ!”


เชียนเย่นั้นโกรธจนหน้าดำเมื่อเห็นเย่หยวนกดเท้าลงเช่นนั้น ตอนนึ้คลื่นพลังของเขาแผ่ออกมาอย่างรุนแรงมากขึ้นและมากขึ้น


“ที่ฮันหลินพูดมาย่อมถูกต้อง ต่อให้เจ้าจะเก่งกล้าแค่ไหน แต่เจ้า… กล้าสังหารเขา? ใช้คนที่เจ้าไม่กล้าทำอะไรมาข่มขู่ข้า เจ้า… ช่างโง่เขลาแท้ๆ!”


แต่ละเท้าที่เขาย่ำลงไปมันยิ่งทำให้เชียนเย่ปล่อยพลังออกมาหนักเท่านั้น


คลื่นพลังของอาณาจักรนภาสวรรค์นี้มันทำให้ทุกผู้คนต้องถอยห่างออกไปอย่างไม่รู้ตัว


ส่วนเย่หยวนนั้นกลับยืนรับมันอยู่ในจุดศูนย์กลาง


เชียนเย่คิดจะใช้พลังนี้ทำให้เย่หยวนยอมแพ้!


กึก!


ตอนนั้นเองที่เกิดเสียงกระดูกหักดังขึ้นมา


จงฮันหลินกระอักเลือดออกมาคำโตอีกครั้ง ตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขามันสาหัสมากแล้ว


เย่หยวนกระทืบเท้าลงไปอย่างไม่คิดปรานี


เขาหันไปมองเชียนเย่ด้วยรอยยิ้ม “เจ้าบอกว่า… ข้าไม่กล้าสังหารมัน? ไหนลองพูดมาใหม่สิ?”


น้ำหนักกดของเท้าเย่หยวนนั้นมันมีแต่หนักขึ้นและหนักขึ้น ตอนนี้จงฮันหลินตาเหลือกเลือดไหลออกจากปากไม่หยุด เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเขาคงรอดชีวิตได้ยากแล้ว


เมื่อเชียนเย่เห็นเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตามองอย่างโกรธแค้น จู่ๆ คลื่นพลังกดดันที่ออกมาจากร่างของเขาก็จางหายไปในพริบตา


เขาคิดว่าการขู่นี้บวกกับกฎของนิกายมันจะสามารถทำให้เย่หยวนยอมจำนนได้


แต่เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่ามันกลับจะทำให้เย่หยวนยิ่งไม่ยอม


“เย่หยวน เจ้ามันบ้า! เจ้ากล้าสังหารศิษย์ร่วมนิกายหรือ?” เชียนเย่บอกออกมาอย่างจนมุม


“ศิษย์ร่วมนิกาย? หึ ไอ้คำพูดนี้เมื่อออกมาจากปากเจ้าแล้วมันช่างน่าขัน! ตอนสอบเข้าจงฮันหลินคิดสังหารข้า! แต่พลังฝีมือของมันอ่อนแอจนเกินไปและเมื่อมันจะเป็นฝ่ายตายลงแทนเจ้าก็เข้ามาลอบโจมตีข้าด้วยพลังของยอดฝีมือนภาสวรรค์! จากนั้นเมื่อข้าได้เข้านิกายมาเจ้าก็ใช้วิธีแสนโสโครกบังคับให้ข้าต้องไปเปิดถ้ำหลวงที่ยอดเพลิงเมฆา เจ้าจะบอกว่า… เรื่องทั้งหมดเจ้าไม่ได้คิดสังหารข้าเลย? หากแค่นั้นมันยังไม่เท่าไหร่ ฮันยองที่ไม่ได้มีเรื่องราวใดๆ กับพวกเจ้าแต่พวกเจ้ากลับทำร้ายเขาและทำให้ต้องอับอายมาหลายปี วันนี้พวกเจ้าต้องตาย!”


คำพูดของเย่หยวนมันดังสะท้านไปทั่วทำให้ผู้คนที่มามุงดูตื่นตกใจอย่างมาก


เขาไม่เคยคิดเลยว่าในหมู่ศิษย์ที่เข้านิกายมาด้วยกันในช่วงนั้นมันจะมีตัวตนที่ราวกับเป็นสัตว์ประหลาดเช่นนั้นอยู่ด้วย


จุดสำคัญก็คือเชียนเย่ลอบโจมตีเย่หยวนด้วยพลังของนภาสวรรค์หนึ่งดาว แต่เย่หยวนกลับสามารถหลบรอดออกมาได้


เรื่องเช่นนี้มันน่าเหลือเชื่อจนเกินทำใจยอมรับ


การกระทำของเชียนเย่นี้มันทำให้ผู้คนไม่พอใจมากจริงๆ


ในการสอบเข้านั้น เขากลับกล้าทำร้ายคิดสังหารคนที่ยังไม่ได้รับการยอมรับเป็นศิษย์ในสำนัก ช่างน่าไม่อาย!


เชียนเย่มองดูจงฮันหลินที่กำลังนอนอยู่บนพื้นและกล่าวตอบมา “เจ้ารีบปล่อยเขา! หากจงฮันหลินตาย เจ้าก็ต้องตายไปด้วย!”


เย่หยวนยิ้มตอบ “เรอะ? เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องมาห่วงข้าหรอก”


เชียนเย่นั้นมีใบหน้าที่ดำมืดลงทันที ตอนนี้สายตาของเขาได้แต่มองไปยังร่างนั้นอย่างร้อนใจ


จู่ๆ ก็มีอีกเงาร่างหนึ่งพุ่งตัวมาจากเส้นขอบฟ้า นั่นทำให้เชียนเย่ต้องเบิกตากว้างขึ้นมาพร้อมหันไปมองเย่หยวนทันที


“เจ้าคนป่าเถื่อน ถึงกับกล้ามาทำร้ายศิษย์ด้วยกันกลางวันแสกๆ เช่นนี้! เจ้าจะแก้ตัวอย่างไร?!”


ชายวัยกลางคนคนหนึ่งพุ่งตัวลงมาจากท้องฟ้า คลื่นพลังของเขานั้นแสนรุนแรงดูท่าแล้วคงเป็นยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ระดับสูงแน่


เมื่อได้เห็นสภาพของจงฮันหลินที่ใกล้ตายเต็มทีอยู่ใต้เท้าเย่หยวนชายวัยกลางคนก็กล่าวขึ้นอย่างโกรธแค้น


เชียนเย่ยกมือขึ้นคารวะ “ผู้ดูแลเจิ้ง ไอ้เด็กคนนี้มันโหดร้ายป่าเถื่อน มันขึ้นมาถึงยอดดอกตูมสวรรค์ได้ก็ทำร้ายจงฮันหลินจนกลายเป็นเช่นนี้! หากไม่กำจัดเจ้ามารร้ายนี้ไปเสียวันหน้าศิษย์นิกายเงาจันทร์เราคงได้อยู่อย่างโกรธแค้น!”


ผู้ดูแลเจิ้งหันไปบอกเย่หยวน “ข้าผู้นี้คือผู้ดูแลเจิ้งหยุนเช่อแห่งโถงบังคับกฎ ตอนนี้เจ้าจงปล่อยจงฮันหลินแล้วยอมรับโทษของทางสำนักอย่าได้ขัดขืน!”


เย่หยวนหันไปมองผู้ดูแลเจิ้งคนนั้นแล้วยิ้มบอก “ผู้ดูแลเจิ้ง หากให้ข้าเดาท่านเองก็คงเป็นคนของนิกายบุปผาเหินสินะ?”


ผู้ดูแลเจิ้งหน้ากระตุกไปในทันทีที่ได้ยินและตอบกลับมา “โอหัง! เมื่อเข้านิกายมาแล้วเราล้วนย่อมเป็นศิษย์นิกายเงาจันทร์! ไอ้เจ้าสัตว์ร้ายหากยังไม่ปล่อยเขาอีกอย่าได้หาว่าข้าไม่เกรงใจ!”


เย่หยวนยักไหล่ “มาสิ ข้าอยากรู้ว่าเวลาเจ้าไม่เกรงใจแล้วมันจะเป็นอย่างไร!”


พูดไปแรงกดที่เท้าของเย่หยวนก็เพิ่มมากขึ้นอีกครั้ง


สภาพของจงฮันหลินในตอนนี้ได้แต่หายใจเข้ายาว และสุดท้ายก็หยุดหายใจไป


เจ้าหมอนี่คิดสังหารเขามากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง มีหรือที่เย่หยวนจะปล่อยมันไป?


เมื่อผู้ดูแลเจิ้งเห็นภาพนั้นใบหน้าของเขาก็แสดงความอับจนออกมาอย่างถึงที่สุด


ตอนนี้เย่หยวนไม่คิดจะไว้หน้าเขาเลยแม้แต่น้อย


จงฮันหลินนั้นเป็นยอดคนของนิกายบุปผาสวรรค์ ต่อให้เขาจะเทียบเคียงไป่หลี่ชิงหยานไม่ได้แต่ตำแหน่งที่เขามีมันก็ยากที่จะหาใครมาแทนที่


เพราะฉะนั้นเขาจะตายลงไม่ได้


และนั่นยิ่งทำให้ผู้ดูแลเจิ้งและเชียนเย่ไม่กล้าที่จะลงมือทำอะไรด้วยความหวาดกลัวถึงผลที่จะเกิดหากพวกเขาลงมือ


ระหว่างที่ทั้งสองฝั่งยังคงไม่มีใครลงมือทำอะไรนั้น ผู้คนก็ยิ่งไปมุงดูกันมากขึ้น


ข่าวเรื่องนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งนิกายเงาจันทร์อย่างรวดเร็ว!


บนยอดพรรณสวรรค์ เมื่อไป่หลี่ชิงหยานได้ยินข่าวนี้นางก็สั่นสะท้านขึ้นมาในทันที ก่อนที่จะพุ่งตัวหายไปในพริบตา


บนยอดผู้กล้าสวรรค์มีชายคนหนึ่งกำลังตัดไม้อยู่ก่อนที่เขาจะยิ้มขึ้นมาเหมือนคิดอะไรได้บางอย่าง “หึ เด็กคนนี้มันไม่ทำให้เฒ่าคนนี้ผิดหวังจริงๆ! เพียงแค่ว่าเฒ่าคนนี้อยากรู้เหลือเกินว่าเจ้าจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ได้อย่างไรกัน?”


พูดจบร่างของเขาก็จางหายไปทันทีเหลือทิ้งไว้แต่ความว่างเปล่า


จนถึงตอนนี้ก็เกิดมีชายแก่คนหนึ่งปรากฏตัวออกมาต่อหน้าเย่หยวน “ข้าคือผู้อาวุโสใหญ่แห่งโถงหน้าของยอดดอกตูมสวรรค์ เจ้าหนุ่ม แสดงความเมตตาปรานีบ้างเถอะ ถือว่าเห็นแก่หน้าเฒ่าคนนี้ปล่อยจงฮันหลินไปเสีย”


เย่หยวนหันไปมองเขาด้วยรอยยิ้ม “ขอโทษที วันนี้ข้าไม่คิดจะไว้หน้าใครทั้งสิ้น เขาต้องตาย!”


พูดจบเย่หยวนก็กระทืบเท้าลงจนมันจมหายเข้าไปในอกของจงฮันหลิน

 

 

 


ตอนที่ 1807 เจ้ากลัว

 

“เจ้า… เจ้ากล้าสังหาร… จริงๆ?”


เชียนเย่มองดูสภาพของจงฮันหลินที่ตายลงแล้วอย่างแน่แท้ตรงหน้าด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ


ภายใต้สายตาของทุกผู้คนนี้ เย่หยวนกลับกล้าสังหารผู้คน!


ผู้อาวุโสใหญ่แห่งโถงหน้ายอดดอกตูมสวรรค์คนนั้นเองก็มีใบหน้าที่เหยเกอย่างถึงที่สุด


เขาคิดว่าตัวเองนั้นมีชื่อเสียงอำนาจฐานะสูงส่งมากพอ แต่เย่หยวนกลับไม่คิดจะสนใจเขาแม้แต่น้อย


หากเขายังไม่ได้พูดยังพอว่า แต่เมื่อเขาพูดออกมา เย่หยวนกลับเหยียบลงสังหารจงฮันหลิน


“นี่มัน…


“ไอ้หมอนี่มันบ้ารึเปล่า? ข้าไม่เคยพบเคยเห็นใครกล้าฆ่าสังหารผู้คนในเขตแดนยอดรองทั้งเก้าเลย ไอ้หมอนี่มันรนหาที่ตายเสียแล้ว!”


“มันคงคิดจะตายตกตามกันแหละนะ ไอ้พวกนิกายบุปผาเหินมันก็ทำตัวเสียขนาดนั้น!”



เมื่อต้องมาเห็นภาพการแลกชีวิตเช่นนี้ทุกผู้คนต่างตื่นตะลึง


พวกเขาคิดได้แต่ว่าเย่หยวนนั้นไม่คิดลืมหูลืมตาในความแค้นที่มีและยอมที่จะตายตกตายไปกับจงฮันหลิน


ผู้ดูแลเจิ้งนั้นไม่พอใจอย่างมากและตะโกนร้องออกมาด้วยความโกรธแค้น “สารเลว! พวกเจ้าจัดการมันเสีย!”


ด้านหลังเขานั้นคือยอดฝีมือนภาสวรรค์สองคนที่ได้เตรียมการพร้อมจะลงมืออยู่ทุกเมื่อ


เมื่อได้ยินคำสั่งพวกเขาต่างพุ่งร่างเข้าหาเย่หยวนอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า


“หยุด!”


เสียงหนึ่งดังขึ้นมา เผยให้เห็นร่างของไป่หลี่ชิงหยานที่เข้ามาห้ามเย่หยวนอย่างทันท่วงที


เรื่องราวนี้มันทำให้เย่หยวนแปลกใจไม่น้อย


ไป่หลี่ชิงหยานหันมามองเย่หยวนด้วยความสับสน ใบหน้าของนางนั้นดูราวกับว่ามีคำพูดนับหมื่นพันที่ไม่ได้บอกกล่าว


แต่ตอนนี้มันยังไม่ใช่เวลาจะมาคุยกัน


การปรากฏตัวนี้ของไป่หลี่ชิงหยานมันทำให้ทุกคนตื่นตกใจมาก


“ผู้ดูแลเจิ้ง แม้ว่าเย่หยวนจะละเมิดกฎของนิกายแต่เรื่องราวทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นจงฮันหลินและเชียนเย่ที่ก่อขึ้นมาแต่ต้น! พวกเขาคิดสังหารเย่หยวนครั้งแล้วครั้งเล่า ข้ายืนยันได้!”


ไป่หลี่ชิงหยานในตอนนี้แตกต่างจากตอนที่นางเข้านิกายมาใหม่ๆ มาก


นางในตอนนี้ยังเป็นแค่เด็กไร้ประสบการณ์ใดๆ จึงมักถูกเจียงเชอเหยียนชักนำเสมอๆ เหมือนน้องสาวที่ได้แต่ตามพี่


แต่ตอนนี้บรรยากาศที่นางปล่อยออกมานั้นเป็นอะไรที่แตกต่าง


เมื่อนางพูด คำพูดนั้นมันกลับไม่มีความโกรธเคืองใดๆ เป็นท่าทางของผู้ปกครองอย่างแท้จริง


เวลาที่ผ่านมาร่วมสองร้อยปีนี้ไป่หลี่ชิงหยานได้บรรลุขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์มานานแสนนานแล้ว ตอนนี้นางมีพลังฝีมือไม่ด้อยกว่าเชียนเย่เลย


เพราะอย่างไรอัจฉริยะก็คืออัจฉริยะ ไม่มีใครจะมาห้ามหรือหยุดนางได้


เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนั้น คำพูดนี้มันกลับให้น้ำหนักที่แตกต่างจากคำของเย่หยวนจนทำให้ผู้ดูแลเจิ้งถึงขั้นไม่กล้าลงมือใดๆ


ตอนนั้นเองที่ผู้อาวุโสใหญ่แห่งโถงหน้าตอบกลับมา “หึ! ไป่หลี่น้อย ไอ้เด็กคนนี้มันแสนจะดื้อด้าน ถึงกับกล้ามาฆ่าสังหารยอดศิษย์แห่งยอดดอกตูมสวรรค์ต่อหน้าเฒ่าคนนี้! หากไม่ฆ่าสังหารมันลงเสียวันนี้วันหน้าผู้อาวุโสใหญ่แห่งโถงหน้าผู้นี้จะยังมีหน้าไปพบผู้คน?”


ในที่แห่งนี้เขามีพลังที่สูงที่สุดและยังมีฐานะที่สูงส่งกว่าใครๆ


แต่เย่หยวนกลับไม่คิดไว้หน้าเขาและตอนนี้เขาต้องเสียหน้าไปครั้งใหญ่


ไป่หลี่ชิงหยานยกมือขึ้นมาคารวะบอก “ผู้อาวุโสเถา เย่หยวนนั้นทำเรื่องเช่นนี้มันไม่ควรจริงๆ แต่ตอนนี้เขากำลังโกรธแค้นจนขาดสติ การทำเรื่องราวใดๆ นั้นมันย่อมไม่แปลก ไป่หลี่ชิงหยานผู้นี้ขออภัยแทนตัวเขาด้วย! แต่เรื่องในวันนี้ข้าน้อยอยากจะให้เย่หยวนได้ไปรับโทษกับโถงบังคับกฎและต่อสู้ความจริงกับเชียนเย่! ความผิดนี้ของเย่หยวนไม่สมควรถึงต้องตาย!”


เชียนเย่มองดูเย่หยวนด้วยรอยยิ้ม “เวลาก็ผ่านไปตั้งหลายปีแล้วยังต้องหลบหลังผู้หญิงอีก! ชาตินี้เจ้ามันคงได้แต่หลบหลังผู้หญิงเท่านั้นแหละ!”


ไป่หลี่ชิงหยานหันกลับมามองอย่างเยือกเย็น “เชียนเย่เจ้าหุบปากไป!”


เชียนเย่หัวเราะลั่น “ทำไม ข้าพูดอะไรผิดหรือ?”


ไป่หลี่ชิงหยานนั้นกำลังจะพูดสวนกลับแต่เป็นเย่หยวนก็เดินขึ้นมารับหน้าไว้ก่อน “เชียนเย่ ไอ้เจ้าคนหลงตัวเอง! ครานี้เจ้าไม่โชคดีอีกแน่! วันนี้ข้าจะจัดการสะสางความแค้นแต่เก่าก่อนให้สิ้น!”


เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้นมาทุกคนต่างมองดูเย่หยวนราวกับเขาเป็นคนโง่


ไอ้น้อง ตอนนี้เจ้าแทบเอาตัวไม่รอดแล้วรู้ไหม?


มาอวดดีตอนนี้มีแต่จะยิ่งทำให้เรื่องแย่ไปใหญ่


การปากดีแบบนี้ เจ้าไม่ได้รู้ตัวเลยใช่ไหมว่าเจ้ากำลังพูดอะไรอยู่


แน่นอนว่าฝั่งเชียนเย่ก็หัวเราะลั่นออกมาเมื่อได้ยิน “ข้าไม่โชคดี? ไอ้เด็กนรก เจ้าสมองเพี้ยนไปแล้ว? สภาพตอนนี้เป็นอย่างไรเจ้าไม่เห็นหรอกหรือ?”


เย่หยวนบอก “ข้ามาวันนี้เพื่อเอาชีวิตจงฮันหลินกับเจ้า! ตอนนี้มันได้ตายไปก่อนแล้ว ไม่นานจะเป็นตาของเจ้าบ้าง”


เชียนเย่หัวเราะออกมาเมื่อได้ยิน “แค่คนอย่างเจ้า?”


เย่หยวนพยักหน้า “แค่ข้านี่แหละ! เจ้ากล้าดวลกับข้าไหมละ?”


ไป่หลี่ชิงหยานได้แต่หรี่ตามองด้วยความตื่นตกใจ “เย่หยวนเจ้าบ้าไปแล้วหรือ? เขาเป็นถึงยอดฝีมือนภาสวรรค์นะ!”


เชียนเย่หัวเราะลั่นออกมาเมื่อได้ยิน “ฮ่าๆๆ… เจ้าเป็นแค่ราชันพระเจ้าเก้าดาวกลับคิดท้าทายข้า? เจ้าคิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติพอหรือ?”


เย่หยวนมองดูเชียนเย่ด้วยรอยยิ้มที่แสนเย็นเยือก “เจ้ากลัว!”


เชียนเย่ยิ้มออกมา “ข้ากลัว? หึๆ ไอ้เด็กนรกเจ้าจะมาอวดอ้างตัวตอนนี้มันก็ไร้ประโยชน์! เจ้านั้นเป็นแค่ศิษย์ชั้นนอกคนหนึ่ง เจ้ามีคุณสมบัติใดมาท้าทายข้ากัน?”


สิ่งที่เย่หยวนว่ามานั้นไม่ได้ผิดเลย ตอนนี้เชียนเย่ไม่มั่นใจอย่างมาก


ไม่ใช่เพราะว่าเขาถึงขั้นกลัวเย่หยวน เพียงแต่ว่าเย่หยวนนั้นเป็นตัวตนที่เขาไม่อาจะคาดเดาได้ก็เท่านั้น


ตอนที่เย่หยวนยังเป็นราชันพระเจ้าหกดาวเขาก้าวข้ามขั้นและต่อสู้แบบสองต่อหนึ่งได้ แถมคนที่เขาสู้ด้วยยังเป็นต้วนชิงหงและจงฮันหลินสองยอดอัจฉริยะ


ไม่ได้เห็นเขามาร่วมสองร้อยปี เย่หยวนจะพัฒนาตัวเองไปได้มากแค่ไหนเชียนเย่ย่อมไม่มีทางรู้ได้แน่ชัด


ตอนนี้เย่หยวนนั้นอยู่ในสภาพไม่อาจรอดตายไปได้ เขาจึงไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ต้องลงมือสู้กับเย่หยวนเลย


ชนะไปเขาก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา


แต่หากแพ้วันหน้าเขาคงไม่มีหน้าไปมองใคร


แม้ว่าเชียนเย่จะแสดงความมั่นใจในฝีมือออกมา แต่ไป่หลี่ชิงหยานก็ยังจับได้ถึงความกังวลน้อยๆ ของเขา


นั่นมันทำให้นางสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก


สองร้อยปีมานี้นางได้รับการดูแลจากนิกายเป็นอย่างดี พลังฝีมือของนางเองก็พัฒนาไปได้อย่างก้าวกระโดดจนทิ้งใครไม่เห็นฝุ่น


หรือว่าแท้จริงแล้วเย่หยวนคนนี้กลับมีพลังฝีมือไม่น้อยไปกว่าตัวนาง?


เรื่องเช่นนั้น… มันเป็นไปได้?


เย่หยวนในตอนนี้เป็นเพียงแค่ราชันพระเจ้าเก้าดาวเท่านั้น!


“หึ! ไอ้เด็กคนนี้มันอยากหาเรื่องตายจริงๆ หรือ? แค่ราชันพระเจ้าเก้าดาวกลับท้าทายยอดฝีมือนภาสวรรค์? ช่างประเมินตัวเองสูงเกินจริง! ในสายตาของข้าแล้วมันไม่ต้องดวลใดๆ เรื่องที่เชียนเย่ว่ามามันไม่ผิด เจ้าเป็นคนร้ายและไม่มีสิทธิ์ใดๆ ทั้งสิ้น! ไป่หลี่น้อยเจ้าหลบไป!” ผู้อาวุโสเถาบอก


ไป่หลี่ชิงหยานหน้าถอดสีทันที “ไม่ไป! ต่อให้เย่หยวนจะทำผิดแต่มันก็เป็นหน้าที่ของโถงบังคับกฎต้องจัดการ! เย่หยวนตามข้ามายังโถงบังคับกฎด้วยกัน!”


ไป่หลี่ชิงหยานดึงตัวเย่หยวนและกำลังจะเดินจากไป


นั่นทำให้ทุกคนหน้าถอดสีทันที ด้วยตัวตนของไป่หลี่ชิงหยานในตอนนี้มันย่อมไม่มีใครกล้าลงมือใดๆ ต่อนาง


เครื่องรางคุ้มครองของเย่หยวนนี้มันช่างทรงพลัง!


“ไป่หลี่น้อย เจ้าคิดต่อต้าน?” ผู้อาวุโสเถาถามขึ้นด้วยใบหน้าสุดไม่พอใจ ตอนนี้เขาโดนขัดมาหลายต่อหลายครั้งจนแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว


เวลานั้นเองก็มีคลื่นพลังอันแสนดุดันกดทับลงมาจากท้องฟ้า


ร่างหนึ่งปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า


จู่ๆ เย่หยวนก็ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เขารู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบกำลังจะถล่มลงตรงหน้าเขา


ในวินาทีนั้นร่างของเขามันเต็มเปี่ยมไปด้วยเหงื่อเย็นเหยียบ!


เวลานี้มันเหมือนมีใครมายึดจับหัวใจของเขาไว้จนไม่อาจจะหายใจได้สะดวก


ยอดฝีมืออาณาจักรเทพถ่องแท้!


นั่นคือความคิดแรกที่ผ่านเข้ามาในสมองของเย่หยวน!


คนผู้นั้นหันชายตามามองเย่หยวนและค่อยๆ เปิดปากพูด “กฎของนิกาย ผู้ใดสังหารศิษย์ร่วมนิกายต้องถูกฆ่าอย่างไร้ปรานี! ตอนนี้เจ้าจงตายเสียเถอะ!”


พูดจบชายคนนั้นก็ชี้นิ้วมาหาเย่หยวนอย่างไม่คิดจะให้เย่หยวนได้มีโอกาสพูดจาใดๆ!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)