Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1790-1793

ตอนที่ 1790 ครั้งหน้าเจ้าไม่โชคดีเช่น...

 

ยอดฝีมือนภาสวรรค์


ชายหนุ่มในชุดฟ้าคนนี้คือยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ตัวจริงเสียงจริง!


เขาใช้สายตาเหมือนที่ชนชั้นสูงก้มลงมองดูพื้นล่างดินมองลงมาดูเย่หยวนอย่าสมเพช


เย่หยวนนั้นมีดวงตาที่เย็นชาและตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มที่เย็นเยือก “ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์กลับกล้าจะลงมือลอบโจมตีราชันพระเจ้าหกดาว ช่างเป็นคนที่สูงส่งดีแท้!”


การลอบโจมตีนี้ของเชียนเย่มันนับว่าเป็นการกระทำที่ไร้ยางอายอย่างมาก


การโจมตีจากยอดฝีมือนภาสวรรค์ มันจะรุนแรงถึงแค่ไหน?


ต่อให้สู้กันตรงๆ ราชันพระเจ้ามีหรือที่จะเทียบเคียงได้?


แต่เชียนเย่คนนี้กลับเลือกที่จะลอบโจมตีเย่หยวนในระหว่างที่จงฮันหลินและเย่หยวนต่อสู้กันอยู่ในจุดตัดสินเป็นตาย


เชียนเย่ตอบกลับมา “ฮันหลินนั้นคือยอดอัจฉริยะจากนิกายบุปผาเหินของเรา อนาคตของเขามีเส้นทางไม่จำกัด การเข้าเป็นศิษย์ในนิกายของเขานับได้ว่าเป็นเรื่องที่แน่นอน การที่เจ้าอยากสังหารเขาและข้าเข้ามาห้ามมันย่อมไม่เป็นปัญหา”


เย่หยวนได้แต่หัวเราะอยู่ในใจ “เรอะ? แต่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ออกมาห้ามปราบใดๆ นี่?”


เชียนเย่ยักคิ้วขึ้นทันที “ราชันพระเจ้าหกดาวหากตายก็ตายไป มีอะไรให้นิกายเสียหายกัน”


เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวออกมาผู้คนที่มองดูอยู่ต่างก็ได้แค่ทำหน้าตาเหยเกออกมา


ไม่เสียหาย?


อัจฉริยะที่สามารถผสานแนวคิดแห่งดาบกับแนวคิดแห่งห้วงมิติเข้าด้วยกันได้นี่นะตายไปไม่เสียหาย?


คำพูดเหล่านี้มันแสนจะหน้าไม่อาย!


“ห-หึๆ ไอ้ขยะอย่างเจ้ายังเข้านิกายได้ แต่ข้าดันเข้าไม่ได้?” เย่หยวนกัดฟันตอบสวนไป


เชียนเย่ขมวดคิ้วแน่น “เจ้าเรียกข้าว่าเป็นขยะ?”


เชียนเย่นั้นเป็นยอดคนในรุ่นเดียวกัน เขาได้เข้าไปเป็นศิษย์ชั้นในของนิกายและนับได้ว่าเป็นหนึ่งเสาหลักของขั้วอำนาจฝ่ายนิกายบุปผาเหิน


แต่ตอนนี้กลับมีใครที่ไหนไม่รู้มาเรียกเขาว่าขยะ


“ยอดฝีมือนภาสวรรค์ลอบโจมตีนักยุทธราชันพระเจ้าหกดาวแต่กลับไม่สามารถสังหารเขาลงได้ ข้าถามหน่อย แบบนี้ไม่เรียกขยะแล้วจะให้ข้าเรียกเจ้าว่าอะไรได้อีก?”


คำพูดอันเฉียบคมของเย่หยวนตอกสวนหน้าเชียนเย่ไป


เย่หยวนนั้นบรรลุแนวคิดแห่งห้วงมิติและสามารถสัมผัสได้ถึงความผิดแปลกของมิติดีกว่าคนอื่นๆ หลายเท่า


หากปกติใครอยากลอบทำร้ายเขา คนเหล่านั้นก็ต้องทำการซ่อนตัวไม่ให้มิติมีความบิดเบี้ยวเลยแม้แต่น้อย


เพียงแค่ว่าเมื่อสักครู่นี้เย่หยวนและจงฮันหลินกำลังสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย สมาธิทั้งหมอที่เขามีจึงพุ่งเป้าไปยังตัวจงฮันหลินแค่คนเดียว


ไม่เช่นนั้นต่อให้อีกฝ่ายจะอยากลอบโจมตี มันก็คงไม่มีทางทำได้แน่


แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น อีกฝ่ายก็ยังพลาด


เย่หยวนนั้นอ่อนไหวต่อความผิดปกติของมิติถึงระดับที่เขาไม่อาจคาดคิด


เชียนเย่นั้นแสดงใบหน้าไม่พอใจอย่างมากออกมา “ไอ้เด็กปากดีคนนี้ มันไม่เกี่ยวหรอกว่าเรื่องจะเป็นยังไง อีกไม่นานเจ้าก็คงไม่ได้หายใจแล้ว”


พูดจบเชียนเย่ก็ปล่อยพลังกดดันของอาณาจักรนภาสวรรค์ออกมาพร้อมลงมือสังหารเย่หยวนอย่างเต็มที่


ตอนนั้นเองที่มีเงาร่างหนึ่งพุ่งออกมาขวางหน้าเย่หยวนไว้


เชียนเย่ได้แต่ขมวดคิ้วและถามขึ้น “ไป่หลี่ชิงหยาน เจ้าอยากขวางข้า?”


ไป่หลี่ชิงหยานนั้นมีใบหน้าที่เรียบเฉย “ก่อนจะจบการทดสอบรอบแรกนี้เขาคือสมาชิกกลุ่มข้า ห้ามใครทำอันตรายเขาเด็ดขาด!”


เชียนเย่หน้าเปลี่ยนสีและหัวเราะเย้ยออกมา “ด้วยลำพังแค่เจ้า?”


เพราะตั้งแต่วินาทีที่เขาเห็นเย่หยวนสู้กับจงฮันหลินและต้วนชิงหง เขาก็ตัดสินใจไปแล้วว่าจะสังหารเย่หยวนลง


ตัวตนที่ทรงพลังขนาดนี้จะปล่อยให้มันเข้ามาทำลายสมดุลในนิกายเงาจันทร์ไม่ได้


ตอนนี้ยิ่งใกล้ชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่ มันยิ่งจะปล่อยให้เกิดเรื่องผิดพลาดใดๆ ไม่ได้


การทดสอบเข้าในครั้งนี้ เขาบังเอิญได้รับเลือกให้มาทำหน้าที่ดูแลควบคุมการสอบและปกป้องเหล่าศิษย์ทั้งหลายพอดิบพอดี


เขาไม่นึกไม่ฝันว่าตัวเองจะได้มาเจอเรื่องเช่นนี้


เพราะฉะนั้นเขาจึงเลือกที่จะลอบโจมตีเย่หยวน


ระหว่างที่คุยกันไป เชียนเย่ก็ยิ่งปล่อยพลังกดดันออกมาหนักหน่วงขึ้นจนไม่ว่าไป่หลี่ชิงหยานจะปล่อยพลังดันกลับออกมามากแค่ไหน มันก็ไม่มีทางเทียบเคียงกับเชียนเย่ได้เลย


เย่หยวนหน้าถอดสี คิดว่าตอนนี้คงต้องให้หวู่เฉินจัดการต่อเสียแล้ว


ผีร้ายตัวนั้นมันนับว่าเป็นไม้ตายของเย่หยวนในตอนนี้ ในบ้านเมืองที่เขาไม่รู้จักเช่นนี้เย่หยวนย่อมไม่คิดที่จะเปิดเผยไพ่ตายออกมาให้ใครเห็นได้ง่ายๆ จึงเลือกที่จะเก็บมันไว้ใช้ในยามจำเป็นจริงๆ


ตราบเท่าที่หวู่เฉินลงมือ กับแค่คนอย่างเชียนเย่มันย่อมจัดการง่ายเสียยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ


แต่ทำแบบนั้นมันก็จะเป็นการเปิดเผยไพ่ตายของเขาไป


นิกายบุปผาเหินและนิกายดาบเมฆาย่อมมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำกว่านี้เป็นแน่


หากอีกฝ่ายรู้ถึงไพ่ตายนี้แล้ว มันก็คงไม่เป็นการยากนักหากอีกฝ่ายคิดจะวางแผนร้ายใดๆ ต่อเขา


แต่สภาพในตอนนี้มันคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจัดการ


วินาทีนั้นที่เขากำลังกลั้นใจสั่งให้หวู่เฉินลงมืออีกครั้ง


“ไป่หลี่ไม่ได้ งั้นข้าล่ะ?”


หญิงคนหนึ่งในชุดนักสู้ปรากฏกายออกมาจากความว่างเปล่า ทำให้ใบหน้าของเชียนเย่ดำมืดลง


วินาทีที่นางคนนี้ปรากฏตัวออกมา เขาก็รู้ได้ทันทีว่าวันนี้คงหมดโอกาสสังหารเย่หยวน


แม้ว่าหน้าตาของนางนั้นจะไม่สามารถเทียบเคียงกับไป่หลี่ชิงหยานได้ แต่นางก็เป็นคนที่ดูแลตัวเองมาอย่างดี


ชุดนักรบนี้มันยิ่งทำให้นางดูยิ่งใหญ่กดดัน หากให้พูดถึงแค่ความน่าเกรงขามแล้วนางนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเชียนเย่เลย


“เจียงเชอเหยียน ข้าไม่ได้คิดที่จะแตะต้องทำร้ายใดๆ ไป่หลี่ชิงหยาน เจ้าถอยไป คนที่ข้าต้องการสังหารมีเพียงเด็กคนนี้เท่านั้น!” เชียนเย่ชี้หน้าเย่หยวนที่ยืนอยู่หลังไป่หลี่ชิงหยาน


เจียงเชอเหยียนหันไปมองดูเย่หยวนอย่างสงสัย “คนที่ไป่หลี่อยากปกป้องก็คือคนที่นิกายเหย้าอมตะเราต้องการปกป้อง หากเจ้าอยากสังหารเขาก็คงต้องผ่านข้าไปก่อน!”


“เจ้า! เจียงเชอเหยียนเจ้าคิดจะทำสงครามกับบุปผาเหินเรา?”


เจียงเชอเหยียนตอบกลับไปด้วยท่าทางไม่แยแส “สงครามแล้วทำไม? พูดอย่างกับว่านิกายเหย้าอมตะข้ากลัวเจ้านักแหละ!”


เชียนเย่นั้นโกรธจนควันแทบออกหู ใบหน้าของเขาแดงจัด นางคนนี้มันช่างเป็นตัวตนที่รับมือได้ยากไม่นึกไม่ฝันเลยว่านางจะปรากฏตัวออกมาเช่นนี้


แต่เรื่องของเรื่องก็คือไป่หลี่ชิงหยาน ไม่รู้ทำไมนางถึงได้อยากปกป้องเย่หยวนถึงขนาดนั้นกัน


น่าแค้นใจจริงๆ!


เจียงเชอเหยียนเห็นเชียนเย่เงียบไปเช่นนั้นนางจึงพูดเสริมขึ้นมา “เชียนเย่ อย่าได้ลืมตำแหน่งหน้าที่ของตนเสียล่ะ! นิกายบอกให้เจ้าออกมาดูความเรียบร้อยปกป้องผู้เข้าสอบ มิใช่มาสังหารพวกเขา! เจ้าคิดว่าหากข้ารายงานเรื่องนี้ไป ทางโถงบังคับกฎเขาจะว่าอย่างไรบ้างนะ?”


เชียนเย่หันไปจ้องมองเจียงเชอเหยียนพร้อมกัดฟันตอบ “จำเรื่องนี้ไว้ให้ดี! ไอ้เด็กเวร เจ้าก็จำไว้ว่าตัวเองโชคดีไปนะ วันหน้าเจ้าไม่โชคดีเช่นนี้แน่”


ภายในนิกายเงาจันทร์นั้นมันมีการต่อสู้แก่งแย่งอำนาจที่ดุเดือดมาก


แม้ว่าเย่หยวนจะเก่งกาจ แต่หากอยากสังหารเขามันก็ไม่ได้เป็นเรื่องยาก


พูดสั้นๆ ก็คือเขาไม่คิดจะปล่อยให้เย่หยวนได้มีโอกาสพัฒนาตัว


เย่หยวนไม่คิดจะยอมแพ้ต่อใครและกัดฟันตอบกลับมา “เจ้าเข้าใจผิดแบบกลับตาลปัตรแล้ว ครั้งหน้าเจ้าต่างหากที่จะไม่โชคดีเช่นนี้!”


เชียนเย่ได้แต่ผงะไปเมื่อได้ยินก่อนจะหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ ได้ ไว้ครั้งหน้า! ฮันหลินไปกัน!”


หลังจากเชียนเย่จากไป เจียงเชอเหยียนก็หันหน้าไปบอกคนที่เหลือ “จะยังมายืนนิ่งทำไมอีก? ทิ้งแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์ไว้แล้วไปให้พ้น!”


มีหรือที่คนจากนิกายคชสารอสูรจะยังกล้ายืนอยู่ต่อ? พวกเขาแต่ละคนต่างวิ่งหนีกันไปกระจัดกระจาย


หลังทุกคนจากไปแล้ว ไป่หลี่ชิงหยานก็แสดงท่าทางออกมาราวกับเด็กสาวตัวน้อยวิ่งเข้าสวมกอดเจียงเชอเหยียนไว้แน่น “ศิษย์พี่ท่านมาได้ทันเวลาพอดีเลย ไม่เช่นนั้นเจ้าหมอนี่คงได้ตายแน่”


แต่เจียงเชอเหยียนกลับตอบมาอย่างเย็นชา “นังเด็กคนนี้ กลับกล้าจะทิ้งชีวิตตัวเองเพื่อผู้ชายคนเดียว บ้ารึเปล่าเนี่ย?”


ไป่หลี่ชิงหยานนั้นปฏิเสธออกมาพร้อมใบหน้าสีแดงจัด “ศิษย์พี่ท่านว่ากล่าวอะไรออกมา? เขา… เขาแค่เพื่อนร่วมกลุ่มของข้าก็เท่านั้น”


เย่หยวนเองก็ยกมือขึ้นคารวะนาง “ศิษย์พี่เจียง ข้าต้องขอขอบคุณท่านอย่างมาก! แต่ศิษย์พี่ท่านเข้าใจผิดแล้วจริงๆ แม่นางไป่หลี่และข้านั้นแค่เพียงจับกลุ่มกันมาล่าสัตว์อสูร หาได้มีเรื่องราวอื่นไม่”


ได้ยินเช่นนั้นไป่หลี่ชิงหยานกลับรู้สึกไม่ค่อยพอใจขึ้นมา


ไอ้เจ้าหมอนี่มันไม่ได้เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงเลยจริงๆ


เจียงเชอเหยียนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่มีอะไรแหละดีแล้ว! เด็กน้อย นี่ถือว่าข้าเตือนเจ้าแล้วนะ อย่าได้มายุ่งกับไป่หลี่ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่ได้ตายดีแน่!”

 

 

 


ตอนที่ 1791 ประกาศผล

 

เย่หยวนคิ้วขมวดขึ้นทันที ภาพดีๆ ในตอนแรกที่เขามีต่อเจียงเชอเหยียนหายไปในพริบตา


เขาย่อมไม่มีความคิดจะตามตื้อใดๆ ไป่หลี่ชิงหยาน แต่เป็นตัวไป่หลี่ชิงหยานเองต่างหากที่มาขอร้องให้เขาร่วมกลุ่มด้วย


เย่หยวนเชื่อว่าด้วยพลังของนิกายเหย้าอมตะ พวกเขาย่อมไม่มีทางไม่รู้เรื่องราวนี้


แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังพูดว่าออกมา


เมื่อเจียงเชอเหยียนเห็นใบหน้านั้นของเย่หยวน นางก็พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มแสนเย็นชา “เจ้าคิดว่าตัวเองมีพรสวรรค์ดีแล้วเก่งกาจมากหรือ บางทีพรสวรรค์เองก็เป็นบาป! ไม่ว่าจะเป็นนิกายบุปผาเหิน นิกายดาบเมฆาหรือนิกายเหย้าอมตะ หากเราอยากสังหารเจ้านั้นมันย่อมง่ายเสียยิ่งกว่าขยี้มด! เหมือนเรื่องในครั้งนี้หากไม่ได้ชิงหยานออกมารับหน้าให้ เจ้าก็คงได้ตายลงไปแล้ว หากเจ้ายังหลบอยู่หลังผู้หญิงจะอวดอ้างตนแค่ไหนไปมันก็เปล่าประโยชน์”


เย่หยวนหรี่ตาลงทันที ตอนนี้ความขอบคุณซาบซึ้งใดๆ ที่เขาเคยมีต่อเจียงเชอเหยียนได้ปลิวหายไปกับสายลมแล้ว


คำพูดนี้มันช่างเฉียบคม


“เจ้ามั่นใจถือศักได้ขนาดนั้นเพราะมีคนใหญ่คนโตหนุนหลังหรือ? งั้นข้าคงต้องขอบอกเลยว่าเจ้านั้นมันน่าสมเพช ความยิ่งใหญ่ของเจ้ามันไม่มีค่าใดๆ ต่อหน้าข้าทั้งสิ้น! ที่สำคัญไม่ว่าแม่นางไป่หลี่และข้าจะเป็นอะไรกันมันก็มิใช่เรื่องของเจ้าเลย นางนั้นเป็นตัวตนของนางเอง!” เย่หยวนบอก


เว้นเสียแต่ว่าเจียงเชอเหยียนกลับไม่โกรธเคืองใดๆ และหัวเราะกลับมา “นี่หรือคือศักดิ์ศรีอันด้อยค่าของเจ้า? ไม่ต้องห่วงไป อีกไม่นานเจ้าจะได้รู้เองว่าความเป็นจริงมันโหดร้ายเพียงใด นิกายเงาจันทร์นั้นมิได้ขาดแคลนอัจฉริยะ ไป่หลี่ชิงหยาน ไปกัน”


“ศิษย์พี่! การสอบมันยังไม่จบเลยนะ!” แต่ไป่หลี่ชิงหยานกลับไม่ยอมที่จะไปและหาข้ออ้างขึ้นมาแทน


เจียงเชอเหยียนแสดงท่าทางไม่พอใจออกมา “แก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์ในมือของพวกเจ้าตอนนี้มันมากเกินพอที่จะผ่านการสอบได้แล้ว ไม่ต้องอยู่ต่อไปอีกแล้ว”


พูดจบเจียงเชอเหยียนก็ไม่คิดจะปล่อยให้ไป่หลี่ชิงหยานได้พูดอะไรอีกและลากตัวนางกลับไป


หลังจากทุกคนแยกย้ายไปแล้วเย่หยวนก็กระอักเลือดคำโตออกมาอีกครั้ง


“เชียนเย่สินะ? ความแค้นในวันนี้ข้าจะจดจำมันไว้อย่างดี!” เย่หยวนพูดขึ้นด้วยท่าทางแสนเย็นเยือก


การโจมตีของนภาสวรรค์หนึ่งดาวมันรุนแรงเพียงใด? นี่มันเป็นเพราะเขาคือเย่หยวน หากคนที่ถูกโจมตีเป็นคนอื่นพวกเขาคงตายไปอย่างไม่เหลือซากร่างให้กลบฝังแน่ๆ


ในวินาทีนั้นเย่หยวนได้ใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติออกมาเต็มแรงเพื่อตัดพลังส่วนมากออกไป นั่นทำให้เขาสามารถรอดพ้นความตายมาได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด


ความอันตรายของมันนั้นยากเกินกว่าจะอธิบายได้


อาณาจักรพระเจ้า แต่ละอาณาจักรจะมีการแบ่งแยกเป็นดาว


และพลังโลกที่แต่ละอาณาจักรพระเจ้าปล่อยออกมานั้นมันก็ย่อมไม่มีทางเท่าเทียมกัน


จากโลกใบเล็กแล้วก็กลายเป็นโลกสมบูรณ์ แล้วพัฒนาชีวิตหลากหลาย ก่อนจะได้กลายเป็นเจ้าโลกอย่างแท้จริง


ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์นั้นคือระยะที่โลกภายในของตนเริ่มให้กำเนิดชีวิตหลากหลาย!


ตอนที่โลกใบน้อยจะสมบูรณ์ได้จริงๆ ก็คือตอนที่ชีวิตต่างๆ เกิดขึ้นมาอย่างครบถ้วนแล้ว นั่นคือช่วงก่อนที่นักยุทธจะบรรลุสู่อาณาจักรเทพถ่องแท้


เพราะฉะนั้นสำหรับอาณาจักรนภาสวรรค์แล้ว แม้ว่าจะเป็นแค่นภาสวรรค์หนึ่งดาวพวกเขาก็แตกต่างจากราชันพระเจ้าอย่างมากมาย


การที่เย่หยวนหลบการโจมตีนี้มาได้นั้นมันเป็นเรื่องที่สุดแสนอันตรายแบบเส้นยาแดงผ่าแปดจริงๆ


เมื่อได้อยู่คนเดียวเย่หยวนก็หลบหาสถานที่เก็บตัวรักษาบาดแผล


หลังผ่านไปได้หลายวันก็ครบเวลาหนึ่งเดือน เย่หยวนจึงเดินกลับออกมาจากเทือกเขาเงาจันทร์



เมื่อกลับมาถึงประตูเข้าเทือกเขา เขาก็พบว่าจำนวนผู้เข้าสอบนั้นมันลดลงไปอย่างมาก


การสอบครั้งนี้มันไม่ได้ห้ามการฆ่าฟัน มีผู้เข้าสอบจำนวนมากที่ต้องตายลงด้วยคมเขี้ยวของเหล่าสัตว์อสูรหรือไม่ก็ตายลงด้วยน้ำมือของผู้เข้าสอบคนอื่น


คนที่รอดมาได้ในตอนนี้คือยอดฝีมือทั้งนั้น


แน่นอนว่าหากไม่ได้การช่วยเหลือจากเชียนเย่ จงฮันหลินยอดอัจฉริยะคนนั้นเองก็คงได้นอนฝังร่างในเทือกเขาเงาจันทร์ไปตลอดกาล


ชายแก่ที่ทำหน้าที่ดูแลการสอบเปิดปากพูดขึ้น “เอาล่ะ ส่งมอบแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่พวกเจ้าเก็บมาได้ หลังจากทำการตรวจสอบแล้วเราจะประกาศผลลำดับคะแนน”


แก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์ของไป่หลี่ชิงหยานและเย่หยวนสองคนนั้นอยู่ในการดูแลของเย่หยวนมาตลอด


ถึงตอนนี้เย่หยวนจึงเดินผ่านฝูงชนเข้าไปมอบแหวนที่เก็บพวกมันไว้ให้แก่ศิษย์ที่ทำหน้าที่จัดการเรื่องทั่วไปของนิกาย


เมื่อเห็นเย่หยวนเดินออกมา ก็เกิดเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นในหมู่ผู้คน


“ไอ้หมอนั่นคือคนที่ท่านพี่ไป่หลี่ช่วยร่วมกลุ่มนี่ มันโชคดีจริงๆ ผ่านเข้ารอบสองได้โดยไม่ต้องทำอะไรเลย”


“หึ แค่โชคดีครั้งคราวมันย่อมไม่มีประโยชน์ การสอบรอบสองต่างหากคือของจริง ด้วยพลังฝีมือของมันย่อมไม่มีทางผ่านเข้าไปได้”


“ชิๆ ได้ใช้เวลายามค่ำคืนกับท่านพี่ไป่หลี่บนเขาเช่นนั้น ข้าล่ะจะอิจฉามันตายแล้ว!”



ข่าวเรื่องการต่อสู้ของเย่หยวนและพวกต้วนชิงหงไม่ได้แพร่กระจายออกไปแม้แต่น้อย


เพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของนิกายบุปผาเหินและนิกายดาบเมฆา สองค่ายนิกายใหญ่ มีหรือที่ผู้คนจะเอาเรื่องนี้ออกมาพูดกันง่ายๆ?


แม้ว่านิกายคชสารมารนั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่หากเอาไปเทียบกับสามนิกายใหญ่แล้วมันก็ยังนับได้ว่าอ่อนแอไปมาก


ที่สำคัญเรื่องนี้มันก็เกี่ยวพันถึงชื่อเสียงของนิกายคชสารมารเองด้วย


นิกายมากเส้นสายสุดทรงพลังเช่นนั้นกลับถูกเย่หยวนคว่ำลงด้วยมือเดียว พวกเขาจะยังมีหน้าเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ผู้คนฟัง?


ตอนนี้ทางคชสารมารได้สั่งออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่าห้ามให้ผู้คนที่เข้าร่วมแพร่งพรายเรื่องที่เกิดขึ้นในป่าวันนั้นเด็ดขาด


ไป่หลี่ชิงหยานเองก็อยู่ในฝูงชนมองดูแผ่นหลังของเย่หยวนด้วยสีหน้าสุดซับซ้อน


สายตาของเชียนเย่ ต้วนชิงหงและพวกจงฮันหลินเองก็มองดูเย่หยวนอย่างไม่คลาดสายตา


วินาทีที่เย่หยวนเดินออกมา ก็เรียกได้ว่าเขากลายเป็นเป้าสายตาของทุกผู้คนทันที


ชายแก่คนนั้นหันมามองเย่หยวนด้วยสายตามึนงงสงสัย


ไอ้เด็กคนนี้มันไปทำอะไรไว้? ทำไมถึงได้มีคนสนใจมันมากมายขนาดนี้?


ไม่นานการส่งมอบแหวนก็สิ้นสุดลง


หลังจากตรวจสอบแล้วชายแก่ก็เรียกเชียนเย่เข้าไปหา “เชียนเย่ เจ้าไปประกาศผล”


เชียนเย่ก้มหัวรับ “ขอรับท่านผู้ดูแลหง!”


แต่เมื่อเขาเลื่อนสายตาไปมองยังแผ่นกระดาษ เขาก็อดไม่ได้ที่จะต้องทำหน้าเหยเกออกมา


เพราะอันดับหนึ่งนั้นมันคือคู่ของไป่หลี่ชิงหยานและเย่หยวน


เจ้าหมอนี่มันไปเอาแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์มาจากไหนมากมาย? เขาและไป่หลี่ชิงหยานนั้นตั้งกลุ่มกันแท้ๆ แต่คะแนนที่ได้จากการล่าแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์นั้นมันกลับมากกว่าคะแนนที่อันดับสองถึงห้าทำได้มารวมกัน! เชียนเย่แทบไม่อยากยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้า


เพราะยังไงด้วยกฎของการตั้งกลุ่ม มันไม่เพียงแค่ว่าการล่าแบบกลุ่มจะได้คะแนนจากแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์น้อยกว่าการล่าคนเดียวแล้ว พวกเขายังต้องเอาคะแนนที่น้อยนิดนั้นมาแบ่งเท่าๆ กันด้วย


เพราะฉะนั้นการล่าแบบกลุ่มมันจึงเป็นการยากมากที่จะได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่ง


โดยปกติแล้วการตั้งกลุ่มล่านั้นมันจะเกิดขึ้นกับเหล่าผู้เข้าสอบที่ไม่แข็งแกร่งมากมาย เพราะว่าพวกเขากลัวว่าจะไม่อาจรับอันตรายที่ต้องเผชิญได้


เหล่าผู้เข้าสอบที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงนั้นจะไม่คิดร่วมกลุ่มกับใครเด็ดขาด


“ทำไมรึ? มันมีปัญหาใด?” ผู้ดูแลหงถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเชียนเย่ไม่ยอมประกาศออกมาเสียที


เชียนเย่สะดุ้งตกใจขึ้นมาและรีบตอบปฏิเสธออกไป “ม-ไม่มีปัญหาครับ!”


เขาเริ่มตั้งสติและอ่านรายชื่อตามในประกาศออกมา “อันดับหนึ่งไป่หลี่ชิงหยานและเย่หยวน คะแนนแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์สองร้อยยี่สิบสามแต้ม! อันดับที่สองจงฮันหลิน คะแนนแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์แปดสิบสามแต้ม…”


“หา!”


เกิดเสียงร้องขึ้นมาพร้อมๆ กันจากคนโดยรอบ


ผู้ดูแลคนนั้นเองก็หันมามองเชียนเย่ด้วยท่าทางตื่นตกใจ ได้แต่คิดในใจว่าตัวเองหูฝาดไปหรือเปล่า


สองร้อยยี่สิบสามแต้มแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์ ที่สำคัญยังเป็นการล่าแบบกลุ่ม จำนวนขนาดนี้มันจะไม่มาไปหรือ


ที่สำคัญแต้มแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์นี้มันคือการนับจำนวนของแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ขั้นปลายเท่านั้น


การจะแลกหนึ่งแต้มแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์มันต้องใช้ถึงสิบแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ขั้นกลาง


หรือก็คือคนทั้งสองนี้ล่าสัตว์อสูรระดับสี่ไปอย่างน้อยๆ นับพันตัว


การทำเช่นนั้นได้ในเวลาแค่หนึ่งเดือนมันน่าเหลือเชื่อมาก


ในอดีตแล้วอันดับหนึ่งอย่างมากก็จะได้แค่แปดสิบถึงเก้าสิบแต้มเท่านั้น


ดวงตาคู่งามของไป่หลี่ชิงหยานจ้องมองดูเย่หยวนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา


จู่ๆ นางก็คิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จนตัวสั่นทั้งร่าง แก้วตาของนางหดเล็กลงโดยไม่สามารถหยุดยั้งตัวได้

 

 

 


ตอนที่ 1792 กระทำอย่างหน้าไม่อาย

 

“เจ้าหมอนี่มันคงไม่… ได้ไปที่หุบไหมเมฆามาใช่ไหม?”


หุบไหมเมฆานั้นคือสถานที่แสนอันตรายในนิกายเงาจันทร์ สำหรับนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าแล้วมันนับได้ว่าเป็นสถานที่ต้องห้ามเลยทีเดียว


เพราะสถานที่แห่งนั้นมันเต็มเปี่ยมไปด้วยซาลาแมนเดอร์น้ำดำนับพันๆ ตัว!


เจ้าซาลาแมนเดอร์น้ำดำนั้นอย่างอ่อนแอก็เป็นสัตว์อสูรระดับสาม แต่พวกที่ขึ้นมาถึงระดับสี่นั้นก็มีอยู่มากมายหลายพันตัว


แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือมันมีพวกที่แข็งแกร่งถึงระดับห้าอยู่ด้วย!


ไป่หลี่ชิงหยานจำขึ้นมาได้ทันทีว่าครั้งหนึ่งนางและเย่หยวนเคยผ่านทางเข้าหุบไหมเมฆาไป


ตอนนั้นเย่หยวนคิดอยากลองเข้าไปดูภายใน แต่ก็ถูกไป่หลี่ชิงหยานหยุดไว้เสียก่อน


เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว มันก็คงมีแค่สถานที่เดียวที่เย่หยวนจะล่าสัตว์อสูรจำนวนมากมายขนาดนั้นได้


หากอยากได้แก้วสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากๆ คนที่คิดจะล่าก็ต้องเข้ารังสัตว์อสูรเท่านั้น


ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้ล่าทั้งวันทั้งคืนไปนานเท่าใดมันก็ย่อมไม่มีทางได้แก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากขนาดนั้นมาได้


เว้นเสียแต่ว่าหากคนใดเข้าไปกลางรังสัตว์อสูรแล้วจะยังรอดกลับมาได้หรือ?


เย่หยวนล่าซาลาแมนเดอร์น้ำดำไปอย่างมากมาย มีหรือที่ราชันซาลาแมนเดอร์น้ำดำ สัตว์อสูรระดับห้าจะไม่รู้ตัว?


ในเวลานี้สมองของไป่หลี่ชิงหยานมันเปี่ยมไปด้วยคำถาม


“เดี๋ยวก่อนนะ!” ผู้ดูแลหงหน้าดำมืดลงทันที เขาตะโกนขึ้นมาหยุดเชียนเย่ไว้และบอก “มันจะมีมากขนาดนั้นได้อย่างไรกัน? มันผิดพลาดอะไรหรือเปล่า?”


เวลานี้เองศิษย์ที่ทำหน้าที่นับแต้มก็รีบเดินออกมาแก้ตัวด้วยท่าทางสั่นกลัวไม่น้อย “ขอคารวะผู้ดูแลหง ศิษย์นั้นไม่ได้นับผิดอย่างแน่นอน ด้านในแหวนวงนี้มันเปี่ยมไปด้วยแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ขั้นปลายถึงสามร้อยยี่สิบเอ็ดชิ้น แก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ขั้นกลางสองพันห้าสิบชิ้น เมื่อเทียบมันเป็นแต้มแล้วก็จะเท่ากับห้าร้อยยี่สิบหกแต้ม เมื่อมาหารระหว่างคนทั้งสองก็จะได้เท่ากับสองร้อยหกสิบสามแต้ม”


ผู้ดูแลหงรับแหวนที่เย่หยวนส่งให้ออกมา และด้านในมันก็มีแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่ครบจำนวนอย่างไม่ขาดไม่เกินจริง!


แต่ผลลัพธ์นี้มันทำให้เขาต้องตกตะลึง


จำนวนแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์มากมายขนาดนี้ มันเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในนิกายเงาจันทร์


เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปถามไป่หลี่ชิงหยานด้วยความสงสัย “ไป่หลี่น้อย เจ้าไปทำอะไรมากันแน่?”


ไป่หลี่ชิงหยานกำลังคิดจะตอบแต่เป็นเจียงเชอเหยียนที่พูดตัดขึ้นมาก่อน “ผู้ดูแลหง ชิงหยานนั้นได้ไปเจอกับฝูงสัตว์อสูรเข้าในเทือกเขาและนางก็สู้กับพวกมันนานเกือบครึ่งเดือนด้วยตัวคนเดียว การต่อสู้นี้ทำให้นางบรรลุขึ้นมาสู่ระดับที่เป็น ข้าคาดว่าไม่นานจากนี้นางคงสามารถขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวได้แล้ว”


เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวออกมาทุกคนก็ต้องหันหน้าไปมองไป่หลี่ชิงหยานเป็นตาเดียว


ส่วนเย่หยวนนั้นไม่มีใครคิดจะสนใจอีกต่อไป


ไม่มีใครคาดคิดอยู่แล้วว่าเขา แค่ราชันพระเจ้าหกดาวจะช่วยอะไรได้


แต่ว่าการกระทำอันไร้ยางอายของเจียงเชอเหยียนอันนี้ เย่หยวนกลับไม่ได้คิดมากมายใดๆ


อย่างแรกเลยคือไป่หลี่ชิงหยานนั้นได้ช่วยปกป้องเขาไว้หลายต่อหลายครั้ง ทำให้เขารอดออกมาจากเวลาช่วงวิกฤตได้


แม้ว่าการช่วยเหล่านั้นมันจะไม่จำเป็นต่อเย่หยวน แต่อย่างน้อยๆ มันก็คือการช่วยปกปิดไพ่ตายของเขาเอาไว้


สำหรับเย่หยวนที่แยกบุญคุณความแค้นอย่างแจ่มชัดนั้น เรื่องราวเช่นนี้เขาย่อมยอมรับไว้ได้!


อย่างที่สองคือเย่หยวนรู้ดีว่าคำพูดของเขามันไร้น้ำหนัก ต่อให้เขาพูดออกไปก็คงไม่มีใครคิดจะเชื่ออยู่ดี


แน่นอนว่าพวกเชียนเย่น่าจะพอคาดเดาเรื่องได้ แต่มีหรือที่พวกเขาจะช่วยเสริมเย่หยวน?


แน่นอนว่าไม่!


ส่วนเป้าหมายที่เจียงเชอเหยียนทำเช่นนี้ออกมา เย่หยวนก็ย่อมรู้ดีอยู่ในใจ


นางนั้นต้องการยืมเรื่องนี้เพื่อเพิ่มสร้างชื่อเสียงให้แก่ไป่หลี่ชิงหยานและกลบฝังอีกสองขั้วอำนาจ พร้อมๆ กับยกระดับของนิกายเหย้าอมตะขึ้น


แม้ว่าการทำเช่นนั้นมันจะไม่ได้ผิดแปลกใดๆ เลยในสายตาของเจียงเชอเหยียน แต่สุดท้ายแล้วมันก็ยังนับว่าเป็นการกระทำที่ไร้ยางอายอย่างมาก


การชุบมือเปิบชิงผลงานคนอื่นแบบนี้มันทำให้เย่หยวนอึดอัดใจไม่น้อย


แต่ว่าไป่หลี่ชิงหยานนั้นกังวลอย่างมากจนเกือบจะพูดขัดขึ้น แต่นางก็หันไปเห็นสายตาของเจียงเชอเหยียนที่มองเตือนมาก่อนนางจึงเลือกที่จะเงียบปากลงไป!


นางนั้นฉลาด ไป่หลี่ชิงหยานรู้ดีว่าเป้าหมายของเจียงเชอเหยียนคืออะไร


เพียงแค่ว่าวิธีการที่ทำออกมานี้มันช่างทำให้นางรู้สึกผิดอย่างแรง!


ไป่หลี่ชิงหยานอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเย่หยวนแลบะพบว่าตอนนี้เย่หยวนกำลังยืนนิ่งไม่ไหวติง ไม่แสดงท่าทีอาการใดๆ ออกมา ราวกับว่าเรื่องราวตรงหน้านี้มันไม่ได้เกี่ยวกับตัวเองใดๆ ทั้งสิ้น


แต่นางรู้ดีว่าเย่หยวนคงไม่พอใจ


มาเจอเรื่องแบบนี้ใครบ้างจะไม่โกรธ?


มันไม่ใช่แค่เรื่องชื่อเสียง แต่มันหมายถึงทรัพยากรที่จะได้ในวันหน้าด้วย


อัจฉริยะนั้นย่อมได้รับการปฏิบัติและทรัพยากรที่เหนือล้ำกว่า


การเสียโอกาสสร้างชื่อในครั้งนี้ไป หนทางในวันหน้าของเย่หยวนคงยากลำบากขึ้นแล้ว


ส่วนพวกเชียนเย่เองนั้นต่างมีสีหน้าแสนพึงพอใจเมื่อได้ยินเช่นนี้


เย่หยวนทำเรื่องราวใหญ่โตเล่นเอาพวกเขาตั้งรับแทบไม่ทัน


หากเย่หยวนถูกทางนิกายหลักจับตามองจริงๆ การที่พวกเขาจะลงมือทำอะไรมันก็คงยากเย็นแล้ว


แต่ฝั่งไป่หลี่ชิงหยานนั้นแม้นางจะมีพรสวรรค์ที่เหนือล้ำ แต่มันก็ยังไม่ถึงระดับเย่หยวน


พรสวรรค์ความสามารถที่เย่หยวนแสดงออกมามันทำให้พวกเขากดดันอย่างมาก


เมื่อต้องให้เลือกระหว่างข้อเสียสองข้อ การกระทำนี้ของเจียงเชอเหยียนย่อมทำให้พวกเขาพอใจเป็นอย่างมาก


ผู้ดูแลหงเหมือนจะเข้าใจเรื่องราวได้และบอกออกมา “เป็นเช่นนี้นี่เอง! ไม่นึกเลยว่าไป่หลี่น้อยจะเก่งกาจขนาดนั้น เรื่องคราวนี้ข้าคงต้องไปรายงานกับนิกายหน่อยแล้ว”


อย่างที่คาด ผู้ดูแลหงคิดจะรายงานเรื่องนี้กับนิกายจริงๆ


พูดจบเขาก็หันมามองเย่หยวนด้วยท่าทางดูถูก


เจ้าหมอนี่มันไร้ฝีมือแต่กลับเกาะไป่หลี่ชิงหยานและเข้ารอบมาง่ายๆ จนได้ตำแหน่งอันดับหนึ่งในการสอบของนิกายเงาจันทร์ ช่างเป็นไอ้คนโชคดีเสียจริงๆ


“เอาล่ะ มาประกาศผลต่อกัน!” ผู้ดูแลหงบอกต่อ


ตอนนี้เชียนเย่อารมณ์ดีขึ้นมาก แต่ความกังวลที่เขามีต่อเย่หยวนก็ไม่ได้ลดลงเลย


ราชันพระเจ้าหกดาวยังทำได้ขนาดนี้ หากวันหน้ามันเติบโตไปได้มันจะอันตรายแค่ไหน?


แต่เขาก็เชื่อว่าเย่หยวนคงอยู่ได้อีกไม่นาน


เขารู้ได้เลยว่าเจียงเชอเหยียนคงไม่ได้รู้ถึงเรื่องราวที่เย่หยวนเคยทำไว้


การกระทำนี้ของนางคงทำให้เย่หยวนไม่พอใจอย่างมาก


และด้วยนิสัยของเด็กคนนี้ เขาคงไม่เลือกที่จะเข้าข้างนิกายเหย้าอมตะแน่


นี่ก็เท่ากับว่าเย่หยวนได้ทำการหาเรื่องสามนิกายใหญ่พร้อมๆ กันตั้งแต่วันแรกที่เข้านิกายเงาจันทร์


รวมไปถึงนิกายคชสารมารด้วย


คชสารมารนั้นแข็งแกร่งไม่ได้อ่อนแอเลย


ผลที่เหลือเองมันก็ไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจใดๆ อีก ตอนนี้ทุกผู้คนต่างตกตะลึงในพลังฝีมือของไป่หลี่ชิงหยานและด่าว่าเย่หยวนเป็นไอ้คนโชคดี


“เอาล่ะทุกคน ไปพักสามวันจากนั้นมาเริ่มการทดสอบรอบที่สองกัน!” ผู้ดูแลหงประกาศบอก


เมื่อทุกอย่างจบลงไป่หลี่ชิงหยานก็ดึงตัวเจียงเชอเหยียนมาคุยด้วย “ศิษย์พี่ ท่านทำอย่างนั้นได้อย่างไร? นี่มันเท่ากับว่าข้าทำตัวหน้าด้านไม่รู้จักคุณคนเลยนะ!”


เจียงเชอเหยียนตอบกลับมาเมื่อได้ยิน “หน้าด้าน? คุณคน? ของพวกนั้นมันทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นได้ไหม? การชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่จะเริ่มขึ้นอยู่แล้วเจ้าต้องทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ต้องกดดันศัตรูอย่างให้มันได้ตอบโต้ แล้วการปรากฏตัวของเจ้าเด็กคนนี้มันก็ยิ่งทำให้ผลลัพธ์ยากจะคาดเดา หากมันไม่สามารถบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ได้ก็แล้วไป แต่หากมันสามารถบรรลุขึ้นมาได้ในเวลาสองร้อยปีนี้ล่ะ? เจ้าคิดว่าถึงตอนนั้นจะยังมีใครต้านทานมันได้? หากไม่เห็นแก่หน้าเจ้าข้าเองก็คงสังหารมันลงตั้งแต่อยู่ในเทือกเขาเงาจันทร์แล้ว!”


ไป่หลี่ชิงหยานนั้นแสดงความไม่พอใจออกมาเต็มใบหน้า แต่นางก็หวนนึกถึงบุญคุณที่อาจารย์มีต่อนางและความที่นางเป็นความหวังเดียวของนิกาย เรื่องเช่นนี้นางจึงตัดใจเลือกไม่ลงจริงๆ


นางคิดถึงหน้าเย่หยวนอีกครั้งด้วยความโศกเศร้าอยู่ในหัวใจ


ทำไมเขาคนนั้นถึงต้องยอมกลืนศักดิ์ศรีแล้วรับฟังไปด้วย ทำไมไม่คิดจะพูดอะไรออกมาบ้าง?


เจ้าหมอนั่นมันคิดอะไรอยู่กันแน่?


นางอยากจะไปขอโทษเย่หยวนจนแทบขาดใจ แต่เจียงเชอเหยียนก็ห้ามไว้ไม่ให้นางไปไหนได้

 

 

 


ตอนที่ 1793 คนที่คิดว่ายากไม่รู้ คนที...

 

หลังจากสามวันแห่งการพักผ่อนผ่านไปเหล่าศิษย์ที่มาเข้าร่วมการสอบในรอบที่สองต่างก็กลับมาพร้อมกับสภาพสมบูรณ์เต็มร้อยอีกครั้ง


ผู้ดูแลหงหันหน้าเข้าไปก้มคารวะทางนิกาย


“ศิษย์นิกายเงาจันทร์ หงเซียวขอเรียนเชิญยอดกลองจรัส!”


พูดไปผู้ดูแลหงก็หยิบธงผืนหนึ่งออกมาเดินพลังปราณเทวะลงไปราวกับว่ามันถูกดูดเข้าไปในหลุมมิติ


ตุบ!


เสียงหนึ่งดังขึ้นสนั่นฟ้า เป็นเสียงที่ดังดินต่ออย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพัก


ในหมู่คนที่มาเข้าสอบทั้งหลายนั้น ดวงตาอันแตกตื่นของทุกคนต่างจับจ้องมองไปที่กลองใหญ่ตัวหนึ่งที่กำลังค่อยๆ ปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า


“อ้า! หูข้า!”


“ข้า… ข้าไม่ไหวแล้ว!”


เสียงสั่นสะเทือนของเจ้ากลองยักษ์มันทำให้หลายผู้หลายคนเริ่มแสดงอาการเจ็บปวดออกมา


คนที่อ่อนแอมากๆ นั้นถึงขั้นต้องกระอักเลือดออกมาคำโต ดูท่าแรงสั่นนี้มันคงทำให้อวัยวะภายในของพวกเขาได้รับบาดเจ็บไปแล้ว


“นี่มัน…. ท่วงทำนองแห่งยอดเต๋า!”


เย่หยวนยักคิ้วสูงขึ้นด้วยความตื่นตกใจทันที


เพราะอาการแปลกๆ นี้เย่หยวนเองก็เคยรู้สึกรับมันมาแล้ว


ตอนนั้นที่เขากำลังศึกษาวิชาอยู่ที่เผ่าปีศาจ เขาเคยได้ทำให้ท่วงทำนองแห่งยอดเต๋าบรรเลงออกมาครั้งหนึ่ง และเสียงที่เจ้ายอดกลองจรัสนี้ส่งออกมามันก็ให้ความรู้สึกที่คล้ายคลึงกับเสียงนั้น


เพียงแค่ว่าท่วงทำนองยอดเต๋าที่เย่หยวนเคยทำให้ดังนั้นมันเป็นเต๋าแห่งโอสถ


ส่วนเจ้ายอดกลองจรัสตัวนี้มันเป็นยอดเต๋าที่แสนดุร้าย ดูท่าคงเป็นเต๋าสายโจมตีสักอย่างเป็นแน่


เย่หยวนนั้นตื่นตะลึง “ดูท่านิกายเงาจันทร์จะยิ่งใหญ่สมชื่อจริงๆ ยอดกลองจรัสนี้มันคงเป็นถึงสมบัติเทพถ่องแท้เลิศล้ำขั้นสูง เหนือล้ำจนถึงขั้นแค่ขยับหน้ากลองไม่มากก็กลับส่งเสียงทำลายล้างอันทรงพลังเช่นนี้ออกมาได้”


สำหรับท่วงทำนองแห่งยอดเต๋านั้น เย่หยวนย่อมสามารถรับมันไว้ได้ไม่ยาก


แต่พวกไป่หลี่ชิงหยานและคนอื่นๆ นั้นกลับต้องเดินปราณขึ้นมาปกป้องกันร่างของตนไว้


จนในที่สุดเสียงของกลองนั้นก็ค่อยๆ จางหายไป ทำให้ทุกคนต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา


ผู้ดูแลหงมองดูทุกผู้คนที่มาเข้าสอบครั้งหนึ่งแล้วบอก “คนที่กระอักเลือดกลับไปได้”


คนที่กระอักเลือดออกมานั้นล้วนแล้วแต่แสดงท่าทางสิ้นหวังออกมา แต่พวกเขาก็ได้แต่ต้องก้มหน้ายอมรับความจริง


“ข้าได้ยินมานานว่ายอดกลองจรัสนั้นมีพลังเหนือฟ้า แต่ไม่นึกไม่ฝันว่ามันจะน่ากลัวถึงขั้นนี้เลย!”


“หากมันถูกใช้งานจริงๆ ออกมาต่อให้เป็นยอดฝีมือนภาสวรรค์ก็คงถูกสังหารลงในพริบตาเลยใช่ไหม?”


พลังที่ยอดกลองจรัสแสดงออกมาในครั้งนี้ พวกเขาทั้งหลายต่างตกตะลึงอย่างมาก


หลังคนเหล่านั้นจากไปแล้วผู้ดูแลหงก็บอกออกมา “เอาล่ะมาเริ่มการทดสอบรอบที่สองกัน ไม่เกี่ยวว่าพวกเจ้าจะใช้วิธีการใด ขอแค่พวกเจ้าสามารถทำให้ยอดกลองจรัสนั้นส่งเสียงออกมาได้ ก็จะนับว่าเป็นการผ่าน คนที่ผ่านจะได้เข้าเป็นศิษย์แท้ของนิกายเงาจันทร์ คนที่ไม่ผ่านวันนี้จะได้เป็นศิษย์ดูแลช่วยงานทั่วไป หากเจ้าอยากเป็นศิษย์ทั่วไปแล้วพวกเจ้าก็สามารถถอนตัวได้ทันที แต่ว่าเฒ่าคนนี้ต้องขอเตือนก่อนเลยว่าจงประเมินตัวเองให้ดี! การโจมตีของพวกเจ้านั้นยอดกลองจรัสจะคืนสนองมันกลับมาหลายเท่าตัว บางทีมันอาจจะถึงขั้นทำให้พวกเจ้าต้องเสียชีวิตลงเลยก็ได้”


คำพูดนี้ของผู้ดูแลหงทำให้หลายๆ คนหน้าซีดเผือดลง


ยอดกลองจรัสนี้จะมีพลังที่เหนือล้ำจนเกินไปแล้ว


การตีกลองนี้มั่วๆ อย่างไม่ประเมินตัวเองมันเท่ากับการรนหาที่ตายดีๆ นี่เอง


“เอาล่ะตอนนี้พวกเจ้าจงออกมาทดสอบกันเรียงตามลำดับกลับด้านจากผลการสอบคราวก่อน” ผู้ดูแลหงบอก


นั่นทำให้คนแรกที่ได้ขึ้นสนามสอบคือคนที่ได้ที่โหล่ของการสอบรอบที่ผ่านมา เขาเป็นชายร่างผอมบางคนหนึ่ง


เมื่อเขาเดินขึ้นไปยืนอยู่กลางอากาศ คนทั้งหลายก็ได้เห็นว่าเขาหยิบแท่งเหล็กยาวขึ้นมาไว้ในมือ


“กระบองทิพย์ไร้จำกัด!”


ชายร่างผอมบางคนนี้ฟาดกระบองเหล็กลงไปยังยอดกลองจรัส


ปัง!


มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมา แต่กลับไม่มีเสียงของยอดกลองจรัสเลยแม้แต่น้อย แขนขวาของเขาคนนั้นแตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ ในวินาทีที่มันตีถูกกลอง


เมื่อต้วนชิงหงเห็นภาพนี้เขาก็พูดขึ้นมาด้วยท่าทางเย้ยหยัน “หึ ขยะจริงๆ! มันคิดว่ากำลังตีกลองที่บ้านมันอยู่หรือถึงได้เอาท่อนเหล็กไปฟาดเอาดื้อๆ แบบนั้น?”


เมื่อฮันยองเห็นภาพนี้สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันทีก่อนจะหันมาบอกเย่หยวนที่ยืนอยู่ข้างๆ “ไอ้เด็กคนเมื่อกี้มันไม่ได้อ่อนแอเลยแท้ๆ ทำไมมันถึงได้เสียท่าง่ายดายขนาดนั้น?”


เย่หยวนบอก “สิ่งที่เจ้ายอดกลองจรัสนี้ทดสอบหาใช่พละกำลังไม่ แต่เป็นการทดสอบความรู้ต่อเต๋าที่เรามี การใช้กำลังมีแต่จะส่งผลต่อกันข้าม ยิ่งใช้แรงมากเท่าไหร่มันก็จะยิ่งได้รับแรงสะท้อนกลับมากเท่านั้น แค่นี้ยังนับว่าเบาแล้ว หากท่านขึ้นไปร่างของท่านคงแตกสลายเป็นจุลแน่”


ฮันยองแทบสำลักเมื่อได้ยิน “ข้าไม่โง่อย่างมันหรอกน่า”


เย่หยวนหันไปมองฮันยองอีกครั้ง “เรื่องการผ่านของท่านมันย่อมไม่มีปัญหา แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะชนะเจ่าเจา”


คำพูดนั้นทำให้ฮันยองหน้าเปลี่ยนสีไปทันทีด้วยความไม่พอใจ


นิกายเมฆาสายฟ้าและนิกายคชสารมารของพวกเขาทั้งสองนั้นเป็นศัตรูกันมาแต่ไหนแต่ไร ฮันยองและเจ่าเจานั้นนับว่าเป็นคู่ปรับกันมานาน


เพียงแต่ว่าไม่ว่าฮันยองจะพยายามมากแค่ไหน เขาก็ไม่เคยจะเอาชนะเจ่าเจาได้สักครั้ง


เรื่องนี้มันเป็นปมในใจเขามานาน


“เย่หยวน เวลาต่อยคนอย่าต่อยหน้า เวลาด่าว่าอย่าสะกิดปม เจ้าพูดอย่างนี้มันทำเอาข้าเจ็บใจขึ้นมาเลยนะ!” ฮันยองบอกด้วยท่าทางหมองๆ


เย่หยวนยิ้มตอบ “ข้าจะสอนวิธีที่ทำให้ท่านชนะเจ่าเจาได้เอาไหม?”


ฮันยองเบิกตากว้างทันที “จริงเรอะ? เจ้าอย่าได้มาหลอกข้านะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่นับเจ้าเป็นพี่น้องด้วยแล้วนะ”


เย่หยวนยิ้มไป “จะหลอกเพื่อ? เรื่องแค่นี้มันง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือเท่านั้นแหละ”


เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวออกมา ตอนนี้มิใช่แค่ฮันยอง แต่แม้แต่หยางฝานก็เดินเข้ามาหาเย่หยวนด้วยท่าทางสงสัย


คนทั้งสองนั้นไม่ได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเย่หยวนในเทือกเขาเงาจันทร์ เพราะฉะนั้นพวกเขาย่อมไม่มีทางรู้ถึงฝีมือที่แท้จริงของเย่หยวนไปได้


“เย่หยวน คำพูดพวกนั้นมันจะไม่เกินไปหน่อยหรือ? ต่อให้เจ้าจะได้ที่หนึ่งของรอบก่อนมาแต่การสอบกับยอดกลองจรัสของรอบสองนี้ต่อให้เป็นเจ้าที่ได้ที่หนึ่งมาก่อนมันก็คงไม่ง่ายนักหรอกนะ” หยางฝานบอก


คำพูดนั้นมันถูกกล่าวออกมาอย่างอ้อมๆ แต่เย่หยวนย่อมเข้าใจเนื้อความได้ทันทีว่าแค่ชนะรอบแรกมาได้เพราะดวง มันไม่นับว่าเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง


พลังฝีมือของเจ้ามีแค่ไหน เจ้าไม่รู้อยู่แก่ใจหรือ?


มาอวดอ้างตัวเองตรงนี้ทำไมเจ้าไม่ลองตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวบ้าง?


เย่หยวนไม่คิดที่จะปฏิเสธ แต่หันไปบอกฮันยองด้วยรอยยิ้มแทน “หากท่านเชื่อข้าก็จะบอก หากท่านไม่เชื่อก็ช่างมัน นับว่าข้าไม่ได้พูดอะไรแล้วกัน”


ฮันยองสะท้านขึ้นมาในทันที เพราะให้พูดตรงๆ เขาเองก็ไม่ค่อยเชื่อเย่หยวนนัก


แต่การเอาชนะเจ่าเจานั้นเป็นความฝันที่เขามีมาตลอดชีวิต


จู่ๆ เขาก็ยิ้มขึ้นมาและบอก “น้องข้าบอกมาเถอะ ข้าเชื่อเจ้า!”


เย่หยวนพยักหน้ารับและกระซิบบอกวิธีการแก่ฮันยองไป


เมื่อฮันยองได้ยินเขาก็แสดงท่าทางสุดสงสัยออกมาในทันที “ง่ายเช่นนั้น? มันจะได้ผลหรือ?”


เย่หยวนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “คนที่คิดว่ายากไม่รู้ คนที่รู้คิดว่าไม่ยาก การทดสอบรอบนี้มันไม่ได้ยากเย็นอย่างที่ท่านคิดหรอก”


ฮันยองแสดงสีหน้าท่าทางแปลกๆ ออกมาและนั่งคิดอยู่กับตัวเองไปนาน


ระหว่างนั้นการทดสอบก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ อย่างราบรื่น


แต่จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีใครที่สามารถผ่านการสอบได้เลย


คนบางคนถึงขั้นไม่กล้าที่จะขึ้นไปรับการทดสอบเพราะภาพบาดแผลอันน่ากลัวของผู้เข้าสอบคนก่อนๆ


ตุบ!


ในที่สุดหลังผ่านไปได้กว่าสี่สิบคน ในที่สุดก็เกิดเสียงยอดกลองจรัสดังขึ้นมาได้


เพียงแค่ว่าเสียงนี้มันแสนแผ่วเบาราวยุงบิน จะนับว่ามันสร้างเสียงได้หรือไม่นั้นก็บอกยาก


“ติงหยวนระดับศูนย์! ผ่านการทดสอบ!” ตอนนั้นเองผู้ดูแลหงก็ประกาศออกมา


ดูท่าผู้ดูแลหงคงจะตัดสินระดับของผู้ที่ผ่านการทดสอบไปด้วยธงน้อยผืนนั้น


ระดับศูนย์นั้นเรียกได้ว่าแทบไร้ตัวตน


แต่แค่การได้ผ่านเข้าไป มันก็ไม่ได้ง่ายแล้ว


เมื่อการสอบมาจนถึงคนลำดับหลังๆ คนที่สามารถผ่านได้มันก็ยิ่งมีจำนวนมากขึ้นและมากขึ้น แต่ส่วนมากก็ยังอยู่ในระดับศูนย์และระดับหนึ่ง


จนมาถึงคนที่หนึ่งร้อย ที่ในที่สุดก็มีคนผ่านด้วยระดับสอง


…………………………

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)