Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1784-1789

 ตอนที่ 1784 ให้เจ้านั่งๆ นอนๆ ผ่าน

 

“จริงเรอะ? ไป่หลี่ชิงหยานคนนั้นกลับคิดที่จะไปชวนคนอื่นมาเข้าร่วมกลุ่ม?”


“ไอ้เด็กคนนั้นมันอ่อนแอจะตายไม่ใช่เรอะ?”


“ทำไมนางถึงไม่มาชวนข้าบ้าง? อิจฉาจะตายแล้ว!”



การกระทำนี้ของไป่หลี่ชิงหยานทำให้ทุกผู้คนตื่นตกใจ


ยอดคนสวรรค์ส่งระดับนี้กลับเลือกที่จะชวนราชันพระเจ้าห้าดาวหน้าใหม่คนหนึ่งมาร่วมกลุ่ม เรื่องนี้มันทำให้ทุกผู้คนต้องอ้าปากค้าง


โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้วนชิงหงและจงฮันหลิน คนทั้งสองนี้ต่างมองเย่หยวนด้วยสายตาราวกับต้องการฉีกเลือดฉีกเนื้อ


ไม่ใช่แค่พวกเขา แม้แต่ตัวเย่หยวนเองก็มึนงงจนไม่ทันตั้งตัว ได้แต่ยืนนิ่งไปนาน


แต่เมื่อเขากลับมาตั้งสติได้เขากลับพูดในสิ่งที่ทำให้ทุกคนตื่นตะลึงมากยิ่งกว่า


“ขอโทษที ข้าคิดจะขึ้นเขาไปด้วยตัวคนเดียว ขอแม่นางไป่หลี่ไปหาคนที่เก่งกาจกว่าข้าเถอะ” เย่หยวนตอบด้วยรอยยิ้มจางๆ


เกิดเสียงตะโกนร้องขึ้นโดยรอบ!


เมื่อสักครู่นี้ทุกคนต่างมองเย่หยวนมาด้วยความอิจฉาจนแทบอยากฆ่าเขาทิ้ง


แต่ตอนนี้ทุกคนกลับมองมาด้วยสายตาเหมือนเวลามองดูคนที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจแทน


ไอ้เจ้านี่สมองมันเพี้ยนหรือ?


มันไม่เห็นหรือว่าไป่หลี่ชิงหยานถึงขั้นปฏิเสธต้วนชิงหงและจงฮันหลิน?


การได้ใช้เวลาเป็นเดือนกับสาวงามเช่นนี้บนภูเขาป่าร้าง เรื่องราวเช่นนั้นมันเป็นฝันของชายหนุ่มแทบทุกผู้คน


ต่อให้ต้องตายมันก็คุ้มค่าพอ


แต่เจ้าโง่คนนี้มันกลับปฏิเสธ!


เรื่องนี้เองก็ทำให้ไป่หลี่ชิงหยานตื่นตะลึงไปไม่น้อย ก่อนที่ใบหน้าของนางจะปรากฏสีแดงจางๆ ขึ้นมา


เขา… เขากล้าปฏิเสธ!


เหตุผลที่ไป่หลี่ชิงหยานมาหาเย่หยวนเพื่อชวนเข้าร่วมกลุ่มก็เพราะว่านางมั่นใจเหลือเกินว่าเย่หยวนคงไม่ปฏิเสธ


เพราะในหัวของนาง นางไม่เคยคาดคิดเลยว่าเย่หยวนจะปฏิเสธนางได้ลง


แต่ตอนนี้นาง… กลับรู้สึกอับอายขึ้นมา!


หลังจากนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ไป่หลี่ชิงหยานก็พูดขึ้น “ข้าขอคุยกับเจ้าหน่อยได้ไหม?”


เพราะเมื่อเริ่มแล้วมันก็ถอยยาก ตอนนี้ไป่หลี่ชิงหยานต้องทำให้เรื่องมันจบลงให้ได้ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง


เย่หยวนพยักหน้ารับและเดินออกมายังลับตาคนพร้อมกับไป่หลี่ชิงหยาน


“ทำไมเจ้าถึงปฏิเสธ?”


ไป่หลี่ชิงหยานนั้นมีใบหน้ามึนงงสับสน คำพูดของนางแฝงไปด้วยความอับอายและเปี่ยมไปด้วยความไม่เข้าใจ


ในสายตาของนางแล้ว มันไม่มีทางเลยที่จะมีชายใดกล้าปฏิเสธเสน่ห์ของนาง


เย่หยวนนั้นมีสติที่แจ่มชัด เขายิ้มตอบกลับไป “แม่นางไป่หลี่ ข้าขอพูดอะไรตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อมนะ ท่านคิดว่าพลังฝีมือของข้านั้นอ่อนด้อยและคิดจะใช้ตัวข้าในการสลัดเจ้าสองคนที่ตามตื้อท่านอยู่ใช่หรือไม่? ท่านคงคิดว่าข้าจะหลงเสน่ห์ความงามท่านเข้าอย่างแรงจนยอมรับโดยไม่คิดอะไร หรือท่านอาจจะคิดว่าหากข้าตามท่านไปแล้วข้าคงผ่านการทดสอบรอบแรกได้ด้วยการช่วยเหลือของท่าน แต่ข้าต้องขอบอกเลยว่าท่านนั้นคำนวณพลาดแล้ว!”


หากเป็นคนอื่น พวกเขาคงเลือกจะยอมรับอย่างไม่ลังเล


แต่เย่หยวนนั้นไม่ใช่คนอื่น


การพึ่งพาไป่หลี่ชิงหยานนั้นมันไม่เคยมีอยู่ในหัวของเย่หยวนแม้แต่น้อย


เขาไม่ต้องการสาวงาม และยิ่งไม่ต้องการให้ใครมาปกป้องด้วย


เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาก็ย่อมไม่มีเหตุผลใดต้องยอมรับคำของนาง


แม้ว่าไป่หลี่ชิงหยานนั้นจะเป็นสาวงาม แต่เรื่องที่นางคิดในหัวนั้นมันกลับไม่ได้ถูกใจเย่หยวนมากนัก


เพราะฉะนั้นนางจึงคำนวณพลาด


ไป่หลี่ชิงหยานได้รู้ว่าเย่หยวนนั้นเป็นคนที่ความคิดเฉียบแหลมอย่างมาก


นางเข้าใจแล้วว่าเย่หยวนต้องการต่อรองกับนาง


“ด้วยพลังฝีมือของเจ้าหากซ่งถิงต้องการกำจัดเจ้าจริง เจ้าคงไม่มีทางรอดออกไปได้แน่ แต่หากเจ้าตามข้ามาข้าจะทำให้เจ้าผ่านการทดสอบรอบแรกได้โดยไม่ต้องทำอะไรแค่นั่งๆ นอนๆ ไปก็พอ”


ไป่หลี่ชิงหยานนั้นยังคงมึนงงไม่หาย เพราะถึงตอนนี้นางก็ยังคิดว่าเย่หยวนไม่น่าจะมีเหตุผลใดให้ปฏิเสธนางเลย


คำขู่ของซ่งถิงนั้น ไป่หลี่ชิงหยานย่อมเห็นอยู่กับตา


นางคิดว่าเย่หยวนน่าจะต้องการการปกป้องจากเธอเป็นแน่เมื่อต้องเจอคำข่มขู่เช่นนั้น


ที่สำคัญด้วยพลังฝีมือของเย่หยวนแล้ว หากนางตั้งกลุ่มกับเย่หยวนคนอื่นๆ ก็จะรู้ได้ทันทีว่านางแค่ต้องการสลัดพวกต้วนชิงหงทิ้งไม่ได้คิดอะไรจริงจัง


กับเย่หยวนแล้ว ข้อเสนอของนางนั้นมันจะช่วยให้เขาผ่านรอบแรกไปได้อย่างง่ายดาย


หรือก็คือตราบเท่าที่เขาตามนางมา เย่หยวนก็จะสามารถผ่านรอบแรกได้โดยไม่ต้องออกแรงใดๆ


มันจะทำให้การผ่านรอบแรกนั้นกลายเป็นเรื่องที่แสนง่ายดายทันที


แต่เย่หยวนกลับปฏิเสธ


เย่หยวนยิ้มบางๆ “ทั้งสิ้นนั้นล้วนเป็นเรื่องของข้า! ที่สำคัญแม่นางไป่หลี่จะมั่นใจในตัวเองเกินไปแล้ว การผ่านการทดสอบรอบแรกนี้มันไม่ได้ยากจนต้องให้ข้าไปยืมมือใครหรอก”


ไป่หลี่ชิงหยานได้หัวเราะอยู่ในใจ!


รอบแรกไม่ยาก?


คำพูดนี้ถูกพูดต่อหน้านาง ไป่หลี่ชิงหยาน!


ไป่หลี่ชิงหยานนั้นฉลาดมาก นางจึงพอเข้าใจความคิดของเย่หยวนได้ทันที


เย่หยวนนั้นมองทะลุความคิดของนางได้และคิดอยากจะบีบบังคับนาง ต้องการต่อรองให้ได้มากกว่าเก่า!


ไป่หลี่ชิงหยานหายใจเข้าลึกก่อนจะหันหน้ามาบอก “ข้าพูดออกไปแล้ว ตอนนี้จะคืนคำคงไม่ได้ พูดมาเถอะ ตราบเท่าที่เจ้ายอมร่วมกลุ่มกับข้า ข้าพร้อมรับข้อแม้ของเจ้า”


เย่หยวนนั้นพูดอะไรไม่ออก ไป่หลี่ชิงหยานนางนี้จะมั่นใจในตัวเองจนเกินไปแล้ว


เขานั้นแค่ไม่อยากร่วมกลุ่มกับนางก็เท่านั้น แต่ไป่หลี่ชิงหยานกลับคิดว่าเขาต้องการบีบบังคับนางเสียแทน


คิดมาได้ถึงตรงนี้เขาก็ได้แต่ถอนหายใจ “ข้าไม่มีข้อแม้ใด หากแม่นางไป่หลี่จะเอาข้าร่วมกลุ่มให้ได้ ทำไมท่านไม่ลองเล่นพิณเจ็ดสายช่วยปัดเป่าความเงียบเหงาในป่าให้ข้าฟังหน่อยเล่า”


สำหรับเย่หยวนแล้วจะมีหรือไม่มีไป่หลี่ชิงหยานก็ไม่ได้ส่งผลใดๆ เลย


แต่เมื่อสาวงามยอมถึงขั้นนี้แล้ว เขาเองก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธเช่นกัน


เพราะฉะนั้นเขาจึงได้ยอมรับข้อเสนอของไป่หลี่ชิงหยานด้วยข้อแม้ง่ายๆ นี้


เย่หยวนได้ยินมาจากฮันยองว่าไป่หลี่ชิงหยานนั้นมีทักษะการเล่นพิณเจ็ดสายที่เหนือล้ำ เพียงแค่ว่ามันมีโอกาสน้อยมากที่จะมีใครได้ยินเสียงพิณนั้นของนาง


เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงกล่าวออกไป


ไป่หลี่ชิงหยานนั้นสะดุ้งตกใจไปทันทีก่อนที่ใบหน้าของนางจะยิ่งแดงมากขึ้นและสุดท้ายนางก็จะโกนออกมาด้วยความอายปนความโกรธ “”เจ้า… คนต่ำช้า!”


เย่หยวนยกมือขึ้นมาตอบอย่างไม่คิดสนใจ “หากเรื่องแค่นี้ท่านยังทำให้ไม่ได้ ก็ลืมเรื่องใดๆ ที่คุยไปเถอะ”


ไป่หลี่ชิงหยานนั้นตอบกลับมาอย่างไม่มีทางเลือกด้วยท่าทางโกรธแค้น “ได้! ถือเสียว่าข้าพ่ายให้แก่เจ้า! เรื่องราวในวันนี้ไป่หลี่คนนี้จะขอจดจำมันไปชั่วชีวิต!”


เย่หยวนนั้นมึนงงอยู่ไม่น้อย แค่เล่นพิณมันจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไรขนาดนั้น?


เมื่อคนทั้งสองกลับมาสายตาทุกคู่ก็ต่างจับจ้องมองไปยังเย่หยวน


“ไอ้หมอนี่มันช่างหน้าไม่อาย สุดท้ายมันก็ตอบตกลง!”


“การกระทำเมื่อสักครู่คงเพื่อต่อรองใดๆ เพิ่มเป็นแน่ใช่ไหม?”


“ไอ้หมอนี่มันช่างชั่วร้ายหน้าไม่อาย!”



เย่หยวนยืนอยู่คู่กับไป่หลี่ชิงหยาน ทำให้ทุกๆ คนเข้าใจเรื่องราวได้ในทันที


กับการกระทำอัน ‘ชั่วร้ายหน้าไม่อาย’ ของเย่หยวนนี้ พวกเขากลับมีสีหน้าท่าทางเสียใจและขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อย


มันเหมือนกับดอกฟ้าที่โดนหมาวัดคาบไป


แม้ว่าพวกเขาจะรู้อยู่แก่ใจว่าไป่หลี่ชิงหยานแค่ต้องการใช้เย่หยวนเป็นทางหนีก็ตาม


ไม่นานนักก็มียอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์คนหนึ่งปรากฏตัวออกมาบนท้องฟ้า “พวกเจ้าทั้งหลายที่ต้องการเข้าร่วมนิกายเงาจันทร์เรา เจ้าต้องผ่านการทดสอบสองรอบด้วยกัน รอบแรกคือการล่าสัตว์อสูรในเทือกเขาเงาจันทร์นี้ ตอนนี้พวกเจ้าสามารถจับกลุ่มกันได้เต็มที่ เพียงแค่ว่าแต่ละกลุ่มต้องมีสมาชิกไม่เกินสามคน! สัตว์อสูรที่ถูกล่าแบบเป็นกลุ่มจะถูกหารคะแนน การล่าในครั้งนี้ไม่มีข้อห้ามฆ่าฟัน! หากพวกเจ้ามีความสามารถก็สามารถสังหารแย่งเหยื่อของผู้อื่นมาได้ เอาล่ะ ขอเริ่มการทดสอบรอบแรก ณ บัดนี้!”


สิ้นคำของยอดฝีมือคนนั้น เหล่านักยุทธที่รออยู่ก็พุ่งตัวเข้าเทือกเขาเงาจันทร์ไปพร้อมๆ กัน


เมื่อทุกคนเห็นว่าเย่หยวนได้เข้าไปกับไป่หลี่ชิงหยานจริงๆ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าท่าทางอิจฉาออกมา


ในหมู่คนนั้นมีซ่งถิงอยู่ด้วย เมื่อเขาเห็นภาพนี้ดวงตาของเขากลับแสดงความชั่วร้ายออกมา


“ไอ้เด็กนรก เจ้าคิดว่าแค่ไปหลบหลังผู้หญิงแล้วจะรอดจากความตายได้หรือ? หึๆ เจ้าคิดง่ายเกินไปแล้ว! ต่อให้เป็นยอดอัจฉริยะอย่างไป่หลี่ชิงหยานก็ไม่มีทางหยุดการล่าสังหารของนิกายคชสารมารของเราได้หรอก!”

 

 

 


ตอนที่ 1785 ขอร้องสิ

 

ลำแสงอันเย็นเยือกเคลื่อนผ่าน ผ่าร่างของสัตว์อสูรระดับสี่ขั้นปลายตัวหนึ่งด้วยคลื่นดาบอย่างไร้ปรานี


เย่หยวนยืนกอดอกมองดูอยู่ด้านหลังโดนไม่คิดจะลงมือใดๆ


“ไปเก็บแก้วอสูรศักดิ์สิทธามา!” ไป่หลี่ชิงหยานนั้นสั่งเย่หยวนออกมาอย่างเย็นชาราวน้ำแข็ง


เพราะดูท่าทางของเย่หยวนในตอนนี้แล้วมันไม่แปลกหรอกที่นางจะไม่พอใจ


เย่หยวนได้แต่กลั้นขำอยู่ใจใน นางคนนี้ยังคิดที่จะมาโกรธเคืองเขาอีก


ตั้งแต่ที่เข้าเทือกเขาเงาจันทร์มาไป่หลี่ชิงหยานนั้นยังไม่เคยแสดงท่าทางดีๆ ต่อหน้าเย่หยวนออกมาเลย


แต่เขานั้นไม่ได้ปฏิเสธ เดินเข้าไปยังร่างนั้นและเก็บแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์ออกมา


แก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์คือแก่นอสูรที่สัตว์อสูรเทวะพัฒนาขึ้นมาจนกลายเป็นแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์ ด้านในนั้นมันอัดแน่นเต็มไปเปี่ยมไปด้วยแก่นแท้ที่สัตว์อสูรตัวนั้นสะสมมาทั้งชีวิต


ระหว่างทางมา พวกเขาก็สังหารสัตว์อสูรระดับสี่ขั้นปลายลงไปได้ถึงสามตัวแล้ว


และดูเหมือนว่าไป่หลี่ชิงหยานจะคิดอยากแสดงพลังฝีมือออกมา นางจึงเลือกที่จะสังหารพวกมันลงด้วยการโจมตีดาบเดียวเสมอ


นางต้องการเห็นความตื่นตะลึงในสายตาของเย่หยวน แต่นางกลับได้แต่ต้องผิดหวัง


เพราะเย่หยวนนั้นกลับมีใบหน้าเรียบเฉยเย็นชา


แต่ท่าทางสบายๆ นี้มันกลับดูเหมือนเป็นการให้คนอื่นทำงานแล้วตัวเองรอแค่ตักตวงผลประโยชน์ในสายตาของนาง เป็นการรับผลงานไปอย่างไม่ต้องลงมือใดๆ


เรื่องนี้มันทำให้ไป่หลี่ชิงหยานไม่พอใจ!


ดูทำท่าทางเข้า คิดว่าข้าไม่สามารถลงมือจัดการเจ้าได้หรือ? ไป่หลี่ชิงหยานได้แต่บ่นอยู่ในใจ


วันต่อมาคนทั้งสองก็มาเจอกับสัตว์อสูรระดับสี่ขั้นปลายเข้าอีกตัว


เย่หยวนยังคงกอดอกอยู่ด้านหลัง เฝ้ามองดูการต่อสู้


ไป่หลี่ชิงหยานกล่าวขึ้น “ข้าเหนื่อยแล้ว เจ้าจัดการไป”


เจ้าสัตว์อสูรตัวนี้มันเพิ่งจะขึ้นระดับสี่ขั้นปลายมาได้ไม่นาน หากให้เทียบก็คงเท่ากับมนุษย์อาณาจักรราชันพระเจ้าเจ็ดดาว


หากไป่หลี่ชิงหยานต้องการสังหาร มันก็ลำบากเพียงแค่ขยับมือ


แต่ตอนนี้นางกลับคิดอยากจะสั่งสอนความยากลำบากให้แก่เย่หยวน


เย่หยวนยิ้มตอบ “หากเหนื่อยแล้วก็พักเถอะ เดี๋ยวข้ามา”


ไป่หลี่ชิงหยานนั้นดูถูกเย้ยหยันเย่หยวนอยู่ในใจ นางกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มแสนเย็นชา “อวดดี! ข้าอยากรู้เสียจริงว่าเจ้าจะอวดดีไปได้ถึงเมื่อไหร่! แม้ว่าเจ้าอสูรมังกรเมฆามันจะเพิ่งเข้าระดับสี่ขั้นปลายมาได้ไม่นานมันก็ยังเป็นสัตว์อสูรที่แม้แต่ราชันพระเจ้าแปดดาวยังจัดการลงได้ยาก อีกสักพักเดี๋ยวเจ้าต้องมาก้มหัวขอร้องข้าแน่!”


ฟุบ!


ดาบยกขึ้น ดาบฟันลง!


อสูรมังกรเมฆาตัวนั้นถูกเย่หยวนฟังลงด้วยดาบเดียวอย่างไม่มีทางขัดขืนได้


เมื่อไป่หลี่ชิงหยานเห็นภาพนี้นางก็หรี่ตาลงทันทีด้วยความตื่นตกใจ


“เจ้าหมอนี่มันเก่งกาจขนาดนี้?”


หากเป็นตัวไป่หลี่ชิงหยานเอง นางก็ย่อมทำได้ในระดับนี้


เพียงแต่ว่าเย่หยวนนั้นเป็นเพียงราชันพระเจ้าห้าดาวเท่านั้น!


เจ้าหมอนี่มันมีพลังฝีมือพอจะต่อสู้ข้ามระดับได้


เย่หยวนเก็บแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์มาก่อนจะเดินเข้ามาหาไป่หลี่ชิงหยานด้วยรอยยิ้ม “แม่นางไป่หลี่ พักพอรึยัง?”


ไป่หลี่ชิงหยานได้แต่ทำหน้าเหยเกออกมา “เจ้าเคยเห็นใครพักเหนื่อยหายเร็วขนาดนั้นไหมล่ะ? ไม่มี!”


เย่หยวนยิ้มตอบ “เอาเช่นนี้หรือ งั้นก็มาพักกันเสียหน่อยแล้วกัน”


ระหว่างที่พูดไปเย่หยวนก็ไปหาที่นั่งไม่ห่างจากไป่หลี่ชิงหยานมากนัก


ไป่หลี่ชิงหยานได้แต่ขมวดคิ้วและกล่าวออกมาอย่างไม่ค่อยพอใจ “มองหาอะไร?! ถ้ายังมองมาอีกข้าจะควักลูกตาเจ้าออกมาให้!”


เดิมทีแล้วไป่หลี่ชิงหยานนั้นไม่ได้เป็นคนเย็นชาโหดร้ายนัก


กลับกัน แท้จริงแล้วนางนั้นเป็นคนที่อบอุ่นนิสัยเป็นกันเองมาก


เพียงแค่ว่าในความอบอุ่นของนางนั้นมันก็ยังทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้ ทำให้ผู้คนยิ่งไม่กล้าจ้องมองนางตรงๆ


แต่ตอนนี้เมื่อนางต้องมาเจอเย่หยวน นางกลับไม่สามารถจะทำตัวตามปกติได้ และไม่สามารถที่จะแสดงศักดิ์ศรีความปกติออกมาได้เลย


กับคำขู่ของไป่หลี่ชิงหยานนี้ เย่หยวนกลับไม่คิดจะสนใจแม้แต่น้อยและยิ้มตอบกลับไป “แม่นางไป่หลี่ ข้าขอถามหน่อยได้ไหม? คนตั้งเยอะทำไมจึงมาเลือกข้ากัน?”


ไป่หลี่ชิงหยานหัวเราะขึ้น “ข้าคิดว่าเจ้านั้นมันกล้าไม่เบา จึงได้เลือกชวนเจ้า ไม่นึกไม่ฝันว่าแท้จริงแล้วเจ้าจะเป็นสัตว์ร้ายตัวฉกาจที่เอาเปรียบผู้คนเช่นนี้!”


เย่หยวนเข้าใจได้ทันทีหลังได้ยิน ดูท่าคำขู่ที่ซ่งถิงกล่าวนั้นไป่หลี่ชิงหยานเองก็คงได้ยิน และนั่นคงทำให้นางคิดเกิดสนใจขึ้นมา


“เอาเปรียบผู้คนเช่นนั้นหรือ? แม่นางไป่หลี่มาชวนข้าเองก็มิใช่เพื่อหาข้ออ้างสลัดการตามตื้อของคนเหล่านั้นหรือ? การกระทำของท่านมันทำให้ข้าต้องผิดใจกับยอดคนระดับนั้นพร้อมๆ กันถึงสองคน ท่านคิดว่านี่ข้ายังเอาเปรียบผู้คนอยู่อีก? หรือว่าแท้จริงแล้วเป็นท่านกันแน่ที่กระทำการออกมาอย่างร้ายกาจ? หรือว่าท่านคิดว่าด้วยเสน่ห์ของตยแล้ว ข้าจะไม่มีทางปฏิเสธได้เลย?” เย่หยวนยิ้มกลับไปอย่างเยือกเย็น


ไป่หลี่ชิงหยานหน้าถอดสีทันที นางไม่คิดเลยว่าเย่หยวนจะมองสถานการณ์ได้เฉียบขาดถึงเพียงนี้


แต่ถึงจะรู้เช่นนี้อยู่ดีแก่ใจว่าต้องพบเจอผลลัพธ์ใดๆ คนอื่นๆ ก็คงเลือกที่จะยอมรับอย่างไม่ปริปาก


แต่เย่หยวนนั้นไม่ เพราะฉะนั้นเขาจึงคิดที่จะปฏิเสธออกมาเช่นนั้น


“มีข้าอยู่ด้วยพวกมันย่อมไม่กล้าทำอะไรกับเจ้า” ไป่หลี่ชิงหยานพูดปกป้องตัวเอง


เย่หยวนยิ้มตอบ “คำพูดเช่นนี้แม่นางไป่หลี่เอาไปใช้หลอกเด็กสามขวบมันเถอะ ท่านทั้งสามมาจากสามนิกายใหญ่ หากคนทั้งสองนั้นคิดอยากสังหารข้าจริงพวกเขาย่อมไม่จำเป็นต้องลงมือเองเสียด้วยซ้ำ ที่สำคัญในสายตาของแม่นางไป่หลี่แล้วชีวิตความเป็นความตายของข้ามันคงไม่มีความสำคัญมากมายหรอกมั้ง?”


ไป่หลี่ชิงหยานมองดูเย่หยวนด้วยสายตาตื่นตระหนกไม่น้อย ตอนนี้นางได้รู้อย่างแท้จริงแล้วว่าเจ้าหนุ่มคนนี้มันแตกต่างจากคนอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง


แม้ว่าอายุของเย่หยวนจะไม่ได้แก่มาก แต่เขากลับรับมือทุกอย่างด้วยความเยือกเย็น ต่างจากคนปกติธรรมดาจริงๆ


แน่นอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้นางอาจจะปกป้อง แต่เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนี้นางย่อมไม่คิดจะสนใจความเป็นความตายของเย่หยวน


การที่พวกต้วนชิงหงจะไปสังหารเย่หยวนหลังจบการสอบนี้ แท้จริงนางก็คาดเดาไว้แล้วด้วยซ้ำ


“หึๆ ดูท่าไอ้เด็กคนนี้มันจะยังพอรู้ตัวอยู่บ้าง!”


ระหว่างที่สองคนกำลังคุยกันอยู่ พวกเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างชั่วร้ายดังออกมาพร้อมเงาร่างหนึ่ง


“จงฮันหลิน!” ไป่หลี่ชิงหยานขมวดคิ้วแน่นทันทีที่เห็นใบหน้านั้น


เมื่อเขาคนนี้คิดเข้ามาหา มันย่อมไม่มีเจตนาดีเป็นแน่


จงฮันหลินใช้สายตาชั่วร้ายมองดูไป่หลี่ชิงหยานด้วยรอยยิ้ม “น้องชิงหยานรอให้ข้าจัดการไอ้คางคกนี่ก่อนเถอะ แล้วข้าจะไปเล่นกับเจ้าด้วย”


พูดจบเขาก็หันหน้าไปหาเย่หยวน “ไอ้เด็กเวร เจ้าไม่ควรจะมาร่วมกลุ่มกับน้องชิงหยานตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อตอนที่เจ้าคิดตกลง เจ้าก็น่าจะรู้ถึงจุดจบได้นะ?”


เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็ได้แต่ยืนนิ่งไม่รู้จะตอบอะไร ก่อนที่จะพูดขึ้น “ข้าปฏิเสธไปแล้ว แต่เป็นนางต่างหากที่ตื้อจะดึงข้าเข้ากลุ่ม”


จงฮันหลินยิ้มเย้ย “เรื่องนั้นก็ผิดสมควรตาย! การชวนของน้องชิงหยานนั้นเจ้าควรจะปลาบปลื้มยินดี แต่เจ้ากลับทำให้นางไม่สามารถกลับคำได้ต่อหน้าผู้คนมากมาย เจ้าสมควรตายนับหมื่นครั้ง!”


เมื่อเย่หยวนได้ยิน เขาก็เงียบไปพักหนึ่ง “เจ้าหมายความว่าไม่ว่าอย่างไรข้าก็สมควรตาย?”


จงฮันหลินยิ้มและพยักหน้าออกมา “ใช่! วินาทีที่น้องชิงหยานชวนเจ้า เจ้าก็ได้ตายไปแล้ว! หากอยากโทษใครก็ไปโทษชะตาของเจ้าเองเถอะ”


จงฮันหลินนั้นมีท่าทางหยิ่งยโสโอหัง สั่งตายเย่หยวนออกมาอย่างไม่กลัวเกรง


เย่หยวนได้แต่หัวเราะอยู่ในใจ เพราะในสายตาของพวกอัจฉริยะเช่นนี้ชีวิตอื่นนั้นมันแสนไร้ค่า


ตราบเท่าที่พวกมันอยาก พวกมันก็คิดจะโทษความผิดที่ผู้คนไม่ได้ก่อและเข้าไปสังหารคนๆ นั้นเล่น


หากให้พูดแล้ว มันก็เพราะว่าพลังของเย่หยวนนั้นต่ำต้อยและง่ายแก่การรังแกเท่านั้น


หากคนที่อยู่เบื้องหน้าเขาเป็นต้วนชิงหง เขาคงไม่กล้าที่จะพูดจาอวดดีเช่นนี้ออกมา


เย่หยวนหันไปมองไป่หลี่ชิงหยาน “เจ้าคิดจะยืนมองดูเฉยๆ?”


ไป่หลี่ชิงหยานหน้าเปลี่ยนสีไปมาระหว่างแดงกับเขียว แต่สุดท้ายความโกรธแค้นต่อเย่หยวนก็ชนะจิตใจของนางไปได้


“ขอร้องข้าสิ! ตราบเท่าที่เจ้าพูดมันออกมาจากปาก ข้าจะลงมือช่วยให้!” ไป่หลี่ชิงหยานบอก

 

 

 


ตอนที่ 1786 ไปขอบคุณแม่นางไป่หลี่

 

คำพูดของไป่หลี่ชิงหยานมันทำให้จงฮันหลินมึนงงอย่างมาก


ทำไมคำพูดพวกนี้มันถึงได้ฟังดูเหมือนการงอนง้อของคู่รักจริง?


จงฮันหลินนั้นยิ่งอิจฉาและปล่อยจิตสังหารที่มีต่อเย่หยวนออกมามากกว่าเก่าหลายเท่าตัว


เย่หยวนได้แต่ยืนนิ่งก่อนจะหันไปบอกจงฮันหลิน “งั้นเจ้าลงมือเถอะ”


ต้องให้เขาไปขอร้องไป่หลี่ชิงหยาน เรื่องเช่นนั้นมันคงไม่มีทางเป็นไปได้


ผู้ชายมันต้องมีหลักยืน


ไป่หลี่ชิงหยานนั้นตื่นตะลึงและพูดขึ้นมาอย่างไม่รู้ต้องทำอย่างไรต่อ “เจ้าหมอนี่คิดอยากจะรักษาหน้าจนไม่ลืมหูลืมตา พลังฝีมือของจงฮันหลินมันมิใช่อะไรที่เจ้าจะสามารถคาดเดาได้หรอกนะ!”


นางคิดแค่ว่าตัวเองจะได้ทำให้เย่หยวนเป็นฝ่ายยอมก้มหัวบ้าง ไม่นึกว่าเย่หยวนกลับยอมตายเสียดีกว่าต้องก้มหัวให้นาง การกระทำเช่นนี้มันมีแต่ยิ่งทำให้นางเสียหน้าหนักกว่าเก่า


แต่เย่หยวนกลับตอบกลับไปโดยไม่คิดสนใจ “เรอะ? บางทีมันอาจจะไม่ได้เก่งกาจอย่างที่คิดก็ได้นะ”


คนทั้งสองนี้หนึ่งคนงอนหนึ่งคนพยายามตามให้มาง้อ มันทำให้จงฮันหลินรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวเกินที่ไม่มีใครสน


เรื่องนี้มันจึงยิ่งทำให้เขาโกรธแค้นขึ้นอย่างมาก


“ไอ้เจ้าโง่เง่าตาบอด ไปตายเสียเถอะ!”


จงฮันหลินนั้นตะโกนร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งพร้อมกระแทกฝ่ามือออกมา


พลังโลกของราชันพระเจ้าเก้าดาวนั้นมันพุ่งทะลายมายังจุดที่เย่หยวนยืนอยู่จากรอบด้าน


“ฝ่ามือตะวันเจิดฤกษ์!”


ปัง!


จุดที่เย่หยวนยืนอยู่เรียบกลายเป็นหน้ากลอง


จงฮันหลินมองดูภาพตรงหน้าด้วยความเหยียดหยาม “แค่กระบวนท่าเดียวก็ไม่มีปัญญารับ!”


ความโศกเศร้าน้อยๆ ปรากฏขึ้นมาในดวงตาของไป่หลี่ชิงหยาน นางเอกก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมตนเองจึงได้รู้สึกว่างเปล่าขึ้นมาเสียเฉยๆ อย่างนี้


“นี่หรือคือพลังของเจ้า? ไม่เห็นจะเท่าไหร่นี่”


เย่หยวนค่อยๆ เดินออกมาจากความว่างเปล่าด้วยร่างกายที่ไร้ซึ่งบาดแผล


จงฮันหลินนั้นหันไปมองเย่หยวนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “เป็นไปได้อย่างไรกัน?”


เย่หยวนตอบกลับมา “ข้าก็บอกแล้ว ว่าจริงๆ เจ้าอาจจะไม่ได้เก่งกาจอย่างที่ตัวคิด”


จงฮันหลินตอบกลับมาอย่างโกรธแค้น “ไอ้เด็กเวรนี่ อย่าเพิ่งได้ใจไปเมื่อสักครู่นี้ข้าแค่ยังไม่ได้ลงมือเต็มที่เท่านั้น! ตอนนี้ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสพลังฝีมือที่แท้จริงของข้าเอง!”


พูดจบจงฮันหลินก็หยิบหอกยาวของตัวเองออกมา มันเป็นถึงสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำ


คลื่นพลังจากร่างของเขาพุ่งทะยาน ร่างกายพุ่งออกมาพร้อมๆ กับหอกยาวนั้นด้วยความเร็วที่แสนน่ากลัว


เย่หยวนหรี่ตาลงมองด้วยความตื่นตกใจไม่น้อย


เจ้าจงฮันหลินคนนี้มีพลังฝีมือที่ไม่ธรรมดาจริงๆ


แค่เห็นถึงการโจมตีจากหอกนี้แล้ว เย่หยวนก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังที่กำลังพุ่งเข้ามาหาตรงหน้าทันที


ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ เย่หยวนยังไม่สามารถรับมือกับจงฮันหลินได้


แต่เย่หยวนไม่ได้กังวลเลย


เจ้าผีร้ายที่หวู่เฉินจับไว้ได้นั้นไม่กลัวแม้แต่ตัวตนอาณาจักรนภาสวรรค์หนึ่งดาว แค่จงฮันหลินคนนี้ย่อมไม่มีทางเทียบเคียงกับมันได้


ตอนที่เย่หยวนกำลังจะปล่อยเจ้าผีร้ายออกมาไป่หลี่ชิงหยานก็กลับลงมือเสียก่อน


“หอกเทวะเมฆาอ่อน!”


พูดจบพลังหอกอันรุนแรงของจงฮันหลินก็ถูกปล่อยออกมา


“ดาบหมอกคลื่นไร้เงา!”


คลื่นดาบของไป่หลี่ชิงหยานนั้นแสนจะรุนแรงมันวิ่งผ่านอากาศแทงเข้าใส่หอกสังหารนั้นของจงฮันหลินในทันที


เคร้ง!


ตอนนี้สองยอดอัจฉริยะกำลังเข้าปะทะกันอยู่


ปราณเทวะอันรุนแรงของพวกเขาทั้งสองมันทำให้ตอนนี้ทุกสิ่งอย่างที่อยู่ในระยะการปะทะหายไปจนสิ้น


จงฮันหลินและไป่หลี่ชิงหยานต่างถอยกลับไปคนละราวสิบก้าวก่อนจะกลับมาตั้งหลักยืนมั่นได้อีกครั้ง


ส่วนคนที่ดูอยู่ใกล้ๆ อย่างเย่หยวนเขาย่อมสามารถแยกแยะพลังฝีมือของคนทั้งสองออกได้


ต่อให้เมื่อสักครู่นี้คนทั้งสองดูเหมือนจะมีพลังฝีมือเท่ากัน แต่จงฮันหลินนั้นใช้หอกอันทรงพลังของตนออกมาแล้วแต่ก็ยังทำได้แค่เสมอกับไป่หลี่ชิงหยาน เรื่องนี้มันทำให้เขาด้อยกว่านางไปแล้ว


จงฮันหลินไม่คิดไม่ฝันว่าไป่หลี่ชิงหยานจะเข้ามาขัดขวางเช่นนี้ ตอนนี้เขาจึงมีสีหน้าที่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก “น้องชิงหยานกลับกล้าต่อสู้กับข้าเพื่อเจ้าขยะนี้?”


ไป่หลี่ชิงหยานบอก “เจ้าไปเสีย! ตอนนี้เขาเป็นสมาชิกกลุ่มของข้า ข้าไม่ยอมให้เจ้ามาสังหารเขาต่อหน้าแน่”


จงฮันหลินหน้าเปลี่ยนสีไปทันทีที่ได้ยิน “หรือว่าเจ้าจะคิดสนใจไอ้เด็กคนนี้มันจริงๆ?”


ไป่หลี่ชิงหยานตอบกลับไปด้วยสีหน้าท่าทางเย็นชา “เรื่องนั้นย่อมไม่เกี่ยวใดๆ กับเจ้า! หากยังไม่ไปอย่ามาหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”


จงฮันหลินนั้นโกรธจนต้องกระทืบเท้าออกมา เขาเดินยกหอกยาวของตนและหันมาชี้หน้าเย่หยวนที่ยืนอยู่หลังไป่หลี่ชิงหยาน “ไอ้เด็กเวร หากเจ้าเป็นชายก็จงเข้ามาประลองกับข้าอย่างเปิดเผย! เป็นผู้ชายประสาอะไรไปหลบอยู่หลังกระโปรงหญิงเช่นนี้?”


เย่หยวนไขว้มือทั้งสองข้างไว้ด้านหลัง “เจ้าต้องขอบคุณแม่นางไป่หลี่ต่างหาก ไม่เช่นนั้นตอนนี้เจ้าคงได้ตายไปแล้ว”


เมื่อไป่หลี่ชิงหยานได้ยินคำพูดนั้นนางก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตามอง


ทำไมคำพูดที่เจ้าหมอนี่พูดมันถึงได้มีแต่ฟังไม่เข้าหู?


ตอนนี้ข้ากำลังช่วยเจ้าอยู่นะ?


ไม่ขอบคุณไม่ว่า แต่ขออยากมาวางท่าเพิ่มอีกได้ไหม


แม้ว่านางจะตกตะลึงที่เย่หยวนหลบฝ่ามือของจงฮันหลินได้แต่นางก็ยังไม่คิดว่าเย่หยวนจะมีปัญญาใดๆ ไปตอบโต้กับจงฮันหลินได้ ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องสังหารเลย


หากจะอวดอ้างใดๆ ย่อมต้องมีขอบเขตเสียบ้างนะ?


เมื่อจงฮันหลินได้ยินเขาก็หัวเราะออกมา “เช่นนั้นหรือ? นี่ข้ายืนอยู่ตรงนี้ไง มาสังหารข้าสิหากเจ้ามีปัญญาจริง! ข้าล่ะอยากลองโดนเจ้าสังหารเสียจริง!”


ดวงตาของเย่หยวนปรากฏแววตาอันโหดเหี้ยมขึ้นมา “เจ้าอยากให้ข้าสังหาร?”


ไป่หลี่ชิงหยานนั้นไม่รู้ต้องทำอย่างไรนางจึงพูดขัดเย่หยวนขึ้นมา “เอาล่ะ จงฮันหลินเจ้าไปเสีย! ตอนนี้เขาและข้าเป็นเพื่อนร่วมกลุ่มกัน หากข้าพาเขากลับออกไปไม่ได้มันจะมีแต่ข้านี่แหละที่ต้องเสียหน้า ไม่ว่าพวกเจ้าจะมีเรื่องใดกันต่อก็ค่อยไปจัดการหลังจากนี้ ตอนนี้ไปเสีย!”


จงฮันหลินกัดฟันกรอดและชี้หน้าเย่หยวนขึ้นอีกครั้ง “ได้ วันนี้ข้าจะปล่อยไอ้เด็กคนนี้ไปก่อน! เดือนหน้าข้าจะมาเอาชีวิตเจ้าไปแน่!”


พูดจบจงฮันหลินก็เดินจากไป


ไป่หลี่ชิงหยานหันมาหาเย่หยวนด้วยท่าทางไม่พอใจอย่างมาก “ไม่อวดอ้างตัวเองสักหน่อยมันจะตายหรือ? ด้วยพลังฝีมือของเจ้าตอนนี้มีหรือที่จะสังหารเขาได้?”


เย่หยวนแค่ยิ้มรับและไม่ตอบกลับใดๆ ไป


แต่เรื่องนี้มันยิ่งทำให้ไป่หลี่ชิงหยานไม่พอใจขึ้นไปอีกนับเท่าตัว


เพราะเจ้าหมอนี่หลบหลังนางแท้ๆ ยังจะมาวางท่า


ระหว่างทางต่อมามันไม่มีคำพูดใดๆ อีก


ไป่หลี่ชิงหยานนั้นโกรธเย่หยวนมากและย่อมไม่คิดที่จะหาหัวข้อสนทนาใดๆ กับเขา


ส่วนเย่หยวนก็ย่อมไม่คิดที่จะหาเรื่องคุยใดๆ เขาจึงเงียบปากมาตลอดทาง


แม้แต่ตัวไป่หลี่ชิงหยานเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมตอนนั้นนางถึงได้คิดเข้าไปช่วยเย่หยวนกันแน่


ระหว่างทางจากนั้นเมื่อพวกเขาได้เจอสัตว์อสูรที่ทรงพลัง ก็จะเป็นไป่หลี่ชิงหยานที่ลงมือจัดการสังหารพวกมัน


แต่ไป่หลี่ชิงหยานนั้นมั่นใจมากว่าเย่หยวนนั้นมีพลังฝีมือพอที่จะต่อสู้ข้ามขั้นได้


หากเป็นสัตว์อสูรที่เพิ่งขึ้นระดับสี่ขั้นปลายมาใหม่ๆ เย่หยวนจะสามารถจัดการพวกมันได้ทั้งสิ้น


เรื่องนี้มันทำให้นางตื่นตะลึงอย่างมาก


เพราะด้วยพรสวรรค์ระดับไป่หลี่ชิงหยานนางเองก็ย่อมสามารถต่อสู้กับผู้มีพลังบ่มเพาะมากกว่าได้


แต่ตอนที่นางยังเป็นราชันพระเจ้าห้าดาว อย่างมากที่สุดนางก็แค่พอจะจัดการราชันพระเจ้าหกดาวได้


ราชันพระเจ้าเจ็ดดาวนั้นมันเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้เลย


แต่เย่หยวนนั้นมีพลังฝีมือนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้โอหังนัก


“เอ๋? มีถ้ำด้วย บางทีอาจจะมีสัตว์อสูรอยู่ภายในก็ได้!” ไป่หลี่ชิงหยานลืมตัวพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น


ระหว่างทางมาพวกเขาทั้งสองไม่ได้พบเจอกับสัตว์อสูรที่มากมายขนาดนั้น


การที่คนทั้งสองจับกลุ่มกันมันย่อมหมายความว่าพวกเขาต้องล่าแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์มากกว่าคนอื่นๆ เป็นเท่าตัว


เพราะฉะนั้นไป่หลี่ชิงหยานจึงดีใจมากเมื่อได้เห็นถ้ำที่อาจจะเป็นรังของสัตว์อสูร


ไม่ว่ายังไงเสียนางก็มีพลังฝีมือที่เหนือล้ำและไม่กลัวสัตว์อสูรใดๆ อยู่แล้ว


เย่หยวนพยักหน้ารับ “งั้นก็ลองเข้าไปดูกัน”


คนทั้งสองกำลังเดินไปก่อนจะพบเจ้าอสูรที่มีดวงตาสีทองๆ เหลืองๆ สามดวงปรากฏตัวขึ้น


โฮ่ก!


เสียงคำรามฟ้าสนั่นนี้มันทำให้หัวใจของคนทั้งสองแทบหยุดเต้น


ไป่หลี่ชิงหยานหน้าถอดสีทันที “นี่มันอสูรขนหนาหยกสามตา! ดูจากคลื่นพลังของมันแล้ว… มันใกล้จะบรรลุขึ้นระดับห้าแล้ว! รีบหนีเร็ว!”


พูดจบไป่หลี่ชิงหยานก็พุ่งร่างเข้าไปยังปากถ้ำทันที

 

 

 


ตอนที่ 1787 ใครช่วยใคร?

 

ในความมืดมิดนั้นร่างเงาสีดำพุ่งโฉบออกมาถึงทั้งสองคนอย่างรวดเร็วในพริบตา


ไป่หลี่ชิงหยานรู้ดีว่านางนั้นไม่อาจจะหนีได้อีกต่อไปจึงคิดหันหน้าเข้าสู้มันแทน


“เจ้ารีบหนีไป! ข้าจะจัดการมันเอง!” ไป่หลี่ชิงหยานร้องตะโกนบอก


เย่หยวนไม่ได้คิดจะหนีและมองดูไปยังไป่หลี่ชิงหยานอย่างตื่นตกใจ


นางคนนี้กลับคิดจะสละตัวเองเพื่อช่วยคนอื่นอย่างนั้นหรือ?


ตอนนี้ด้วยความเกลียดชังที่ไป่หลี่ชิงหยานมีต่อเขา นางน่าจะทิ้งเขาให้ตายแทนและใช้เวลานั้นหนีไปไม่ใช่หรือ?


ไป่หลี่ชิงหยานนั้นมีพลังฝีมือที่ไม่น้อย ดาบเกี่ยวพันของนางฟาดฟันออกมาจนทั่วถ้ำ


แต่เมื่อต้องมาเจออสูรขนหนาหยกสามตาแล้วมันก็ยังนับได้ว่าอ่อนแอไปขั้นหนึ่ง


เมื่อต้องพบเจอกับการโจมตีที่รุนแรงของสัตว์อสูรตัวนี้ วิชาของไป่หลี่ชิงหยานก็เริ่มปั่นป่วนขึ้นมาในไม่ช้า


จู่ๆ เจ้าอสูรขนหนาหยกสามตาก็เปิดตาออกและส่องลำแสงอันน่าขนลุกขนพองออกมา


ไป่หลี่ชิงหยานหน้าซีดเผือดลงทันที ตอนนี้มันสายเกินกว่าที่จะหลบได้ทันแล้ว


ไอ้เจ้านั่นมันน่าจะหนีไปแล้วใช่ไหม? สมองของข้าต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ ทำไมข้าถึงต้องมาสละตัวช่วยมันด้วย? นั่นคือความคิดสุดท้ายในหัวของไป่หลี่ชิงหยานก่อนที่นางจะหมดสติไป


ปัง!


แสงลำนั้นพุ่งเข้ามาปะทะไป่หลี่ชิงหยานจนร่างของนางปลิวลอยออกมาไกล เมื่อตกลงมาถึงพื้นดินนางก็สิ้นสติไปแล้ว


“โฮ่ก!”


เมื่อชนะไป่หลี่ชิงหยานได้เจ้าอสูรขนหนาหยกสามตาก็ร้องลั่นออกมาอีกครั้งหนึ่งเพื่อประกาศศักดาของตัวมัน


มันค่อยๆ เดินเข้ามาหาเย่หยวนอย่างช้าเชื่องด้วยคลื่นพลังที่แสนรุนแรงจนสามารถบดขยี้ร่างของเย่หยวนได้


เย่หยวนไม่คิดสนใจและเดินไปดูอาการของไป่หลี่ชิงหยานก่อนจะอุ้มตัวนางขึ้นและเดินออกมานอกถ้ำ


“โฮ่ก!”


เจ้าอสูรขนหนาหยกสามตานั้นไม่พอใจท่าทางนี้ของเย่หยวนอย่างมาก เพราะเจ้ามนุษย์ตัวจ้อยนี้ไม่สนใจตัวมันเลยสักนิด


มันยกกรงเล็บยักษ์ของตนขึ้นมาตบลงไปยังร่างของเย่หยวน


ในสายตาของมันแล้วเมื่อกรงเล็บนี้ฟาดลง เย่หยวนย่อมต้องถูกบดขยี้เป็นผุยผง


ตอนตอนนั้นเองกลับมีคลื่นพลังอันน่ากลัวหนึ่งพุ่งออกมาจากร่างของเย่หยวน


คลื่นพลังนี้มันรุนแรงจนแม้แต่ตัวมันเองก็ยังตื่นตกใจ


ปัง!


เจ้าอสูรขนหนาหยกสามตาถูกซัดจนลอยปลิวไป



ไป่หลี่ชิงหยานค่อยๆ ลืมตาคู่งามขึ้นมองดูภาพรอบกาย


“ข้า… ยังไม่ตาย?”


ไป่หลี่ชิงหยานมองดูรอบๆ และพบว่ามันไม่มีใคร แถมยังไม่มีเงาร่างของเจ้าอสูรขนหนาหยกสามตาด้วย


“ใครกันที่ช่วยข้าไว้? หรือว่า… จะมียอดฝีมือจากนิกายเงาจันทร์ผ่านทางมาพอดี? เอ๋… บาดแผลของข้าหายดีจนสิ้นแล้ว?” ไป่หลี่ชิงหยานนั้นมึนงงสงสัยอย่างมาก


นางจำได้อย่างแม่นยำว่านางถูกอสูรขนหนาหยกสามตาทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส


แต่ตอนนี้ไม่ใช่แค่นางจะรอดมาได้ แต่บาดแผลต่างๆ กลับหายดีไปด้วย


“คนที่ช่วยก็ย่อมต้องเป็นข้าอยู่แล้ว! เจ้าคงไม่คิดว่ามันจะมีพระเอกที่ไหนขี่ม้าขาวมาช่วยหรอกใช่ไหม?”


เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมๆ กับเย่หยวนที่เดินเข้ามาในถ้ำ


ไป่หลี่ชิงหยานนั้นนิ่งไปชั่วขณะ ไอ้เจ้าหมอนี่ไม่ได้หนีไป?


หรือหลังจากหนีไปแล้วมันย้อนกลับมา?


แน่นอนว่าเรื่องที่เย่หยวนพูดออกมานางย่อมไม่มีทางเชื่อ


“ด้วยแค่ตัวเจ้า? อสูรขนหนาหยกสามตานั้นมันสังหารเจ้าได้ด้วยกรงเล็บเดียว เจ้ายังจะกล้ามาบอกว่าตัวเองช่วยข้าไว้อีกหรือ?” ไป่หลี่ชิงหยานพูดด้วยความเหยียดหยาม


เย่หยวนแค่ยิ้มรับ “ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดว่าใครจะมาช่วยเล่า?”


ไป่หลี่ชิงหยานได้แต่ยิ้มออกมาอย่างเย็นเยือก “ก็ต้องเป็นยอดฝีมือจากนิกายเงาจันทร์อยู่แล้วสิ! เจ้ามาอ้างผลงานคนอื่นหวังให้ข้าติดหนี้ จะได้ทำให้ข้าปฏิบัติกับเจ้าดีขึ้นใช่ไหม? เจ้าจะคิดมากเกินไปแล้ว!”


เย่หยวนนั้นได้แต่ยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก เขาได้แค่คิดในใจว่าไป่หลี่ชิงหยานจะคิดมากเกินไปแล้ว


แต่เมื่อไป่หลี่ชิงหยานคิดไปเช่นนั้นแล้วเย่หยวนก็ไม่คิดที่จะเหนื่อยปากอธิบายอะไรอีก เขาแค่โยนผลไม้ลงตรงหน้าไป่หลี่ชิงหยาน


ไป่หลี่ชิงหยานแสดงท่าทางตื่นตกใจขึ้นมาทันที “นี่มัน… นี่มันผลส้มหยก?”


เย่หยวนตอบกลับไป “การที่มันมีอสูรขนหนาหยกสามตาปกป้องดูแลย่อมหมายความว่ามันเป็นของดี และเรานั้นก็เป็นเพื่อนร่วมกลุ่มกันผลนั้นจึงเป็นของเจ้า แล้วอย่ามาหาว่าข้าไม่แบ่งผลประโยชน์อีกล่ะ”


ไป่หลี่ชิงหยานหันไปมองดูเย่หยวนด้วยความตื่นตกใจเล็กน้อย “เจ้า… เจ้าบรรลุแล้ว?”


นางได้รับรู้ว่าตอนนี้คลื่นพลังจากร่างของเย่หยวนนั้นแข็งแกร่งขึ้นมาก ตอนนี้เขาได้บรรลุขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาวไปแล้วในระหว่างที่นางหมดสติไป


เย่หยวนนั้นมีพลังบ่มเพาะอยู่ที่ยอดอาณาจักรวายุพระเจ้าห้าดาวมานานแล้ว


เมื่อได้มาเจอผลส้มหยกครานี้เขาจึงสามารถบรรลุขึ้นมาได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆ


เพียงแต่ว่าในสายตาของไป่หลี่ชิงหยานนั้น การบรรลุนี้มันจะดูง่ายเกินไปหน่อย


เพราะต่อให้จะได้ผลส้มหยกมา คนทั่วไปก็ย่อมไม่สามารถเปลี่ยนให้มันกลายเป็นพลังบ่มเพาะได้ในทันที


ผลส้มหยกนั้นขึ้นชื่อว่าเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณ เรียกได้ว่ามันมีผลการเสริมพลังที่มากกว่าโอสถบางชนิดเสียอีก


หากกินมากเกินไป นักยุทธที่กินอาจจะไม่สามารถย่อมและดูดซับมันได้ทัน


ต่อให้คนๆ หนึ่งใกล้จะบรรลุอยู่แล้ว พวกเขาก็ยังต้องกินและทำการเข้าเก็บตัวค่อยดูดซับมันไป ก่อนที่จะทำให้มันกลายเป็นพลังบ่มเพาะของตนได้


แต่ช่วงเวลาที่นางหมดสติไปมันไม่น่าจะนานขนาดนั้นนี่?


แต่… การบรรลุแบบนี้?


นางไม่อาจรู้ได้เลยว่าหลังเย่หยวนได้รับผลส้มหยกมาแล้ว เขากลับหยิบมันมากินเหมือนผลไม้ทั่วๆ ไป


ด้วยพลังที่เหนือล้ำของบัญญัติเทพแห่งถงเทียนไม่ว่าจะเป็นพลังใดๆ มันย่อมสามารถหลอมดูดซับเข้าสู่วายุพระเจ้าได้


“ท่านหลอมผลส้มหยกก่อนเถอะ ทำเช่นนั้นมันน่าจะช่วยให้สามารถบรรลุขึ้นไปยอดอาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาวได้” เย่หยวนบอกออกมา


ไป่หลี่ชิงหยานรู้สึกสะท้านอยู่ในใจ ตอนที่พบเจอกับเจ้าอสูรขนหนาหยกสามตานางคิดไปแล้วว่าชีวิตของตนเองคงจบลงเท่านี้


ใครจะไปรู้ว่าไม่นานจากนั้นนอกจากนางจะไม่ตายแล้ว นางยังจะสามารถบรรลุขึ้นไปได้สูงกว่าเก่า


ไป่หลี่ชิงหยานเก็บงำความรู้สึกนั้นไว้และเริ่มทำการหลอมดูดซับผลส้มหยกทันที


หลังผ่านไปได้หลายวัน ในที่สุดไป่หลี่ชิงหยานก็ลืมตาขึ้นด้วยความตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด


เมื่อหลอมดูดผลส้มหยกได้จนสำเร็จแล้ว ตอนนี้นางจึงสามารถขึ้นมาเป็นยอดราชันพระเจ้าเก้าดาวได้


หากตอนนี้นางต้องเจอกับจงฮันหลินอีก ไป่หลี่ชิงหยานก็มั่นใจมากว่าตัวเองจะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้


“ชิๆ ช่างสมเป็นเด็กสาวอหังการสวรรค์ ผลที่ท่านได้จากการหลอมผลส้มหยกนั้นมันเหนือล้ำกว่าที่ข้าคาดเดาเสียอีก” เย่หยวนบอก


ไป่หลี่ชิงหยานนั้นมีพรสวรรค์ที่เทียบเคียงกับเล้งชิวหลิงได้จริงๆ


ในมิติอนัตตานี้นางคงเป็นยอดคนระดับหนึ่งแน่


ต่อให้เป็นพวกจงฮันหลินก็ไม่อาจเอามาเทียบเคียงกับไป่หลี่ชิงหยานได้


เพราะยังไงเสียคนพวกนั้นก็แก่กว่าไป่หลี่ชิงหยานมาก


ไป่หลี่ชิงหยานนั้นมีท่าทางหยิ่งผยองและตอบกลับมา “เรื่องนั้นมันแน่นอน! ตำแหน่งในวิหารศักดิ์สิทธิ์กอไผ่นั้นต้องเป็นของข้า!”


เย่หยวนยิ้ม “เช่นนั้นเมื่อถึงเวลาเราคงต้องเป็นคู่แข่งกันเสียแล้ว”


ไป่หลี่ชิงหยานมองดูเย่หยวนด้วยใบหน้าตื่นตกใจไม่น้อย “เจ้าเองก็คิดอยากเข้าร่วมชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่? ไม่ต้องมาเล่นมุกเลย แค่บรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาวมาได้เจ้าคิดว่าตัวเองจะเก่งเหนือฟ้าดินไร้ผู้ต้านทานหรือ?”


เย่หยวนยิ้มและส่ายหัวออกมา “พวกท่านทั้งหลายที่เรียกตัวเองว่าเป็นอัจฉริยะนี่ชอบดูถูกคนอื่นกันหมดเลยหรือ? เวลามันยังเหลืออีกตั้งสองร้อยปีก่อนจะถึงชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่ ใครจะชนะใครมันยังไม่รู้แน่หรอก!”


แต่ไป่หลี่ชิงหยานกลับตอบออกมา “อีกสองร้อยปีอย่างมากเจ้าก็คงเป็นได้แค่ราชันพระเจ้าเก้าดาวเท่านั้น ต่อให้เจ้าจะเก่งกาจมากพรสวรรค์แค่ไหนมันก็ไม่มีทางที่เจ้าจะขึ้นไปถึงอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าว”


เย่หยวนหัวเราะออกมา “พูดตอนนี้ไปก็เปลืองน้ำลายเปล่า มารอดูกันเอาเถอะ”


ไป่หลี่ชิงหยานเองก็ไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงใดๆ และหันไปเปลี่ยนเรื่องคุยแทน “ตอนนี้มันเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วในเดือนนี้ แก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่เรามีตอนนี้มันยังไม่นับว่ามากพอ ชักจะลำบากเสียแล้วสิ”


เย่หยวนยิ้มตอบ “เรื่องนั้นท่านไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวก็จะมีคนเอาแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์มาส่งให้เราถึงที่เอง”

 

 

 


ตอนที่ 1788 แค่มือเดียวยังไม่ไหว

 

“พวกเจ้าได้ยินกันไหม? ไอ้หมอนั่นที่มันตั้งกลุ่มกับท่านพี่ไป่หลี่โดนนางเตะออกกลุ่มแล้ว”


“ได้ยินมาสิ แล้วพวกเจ้าอยากจะไปหาตัวมันกันหรือ? ข้าได้ยินมาว่าใครที่ไปหามันล้วนแล้วแต่ถูกปล้นจนหมดตัวไม่เหลือแม้แต่กางเกงใส่กลับเลยนะ!”


“ไอหมอนี่มันจะโหดร้ายเกินไปแล้ว! ไม่นึกเลยว่าแท้จริงมันจะเก่งกาจขนาดนี้! แต่ไม่ว่ายังไงมันก็คงต่อสู้ข้ามขั้นไปได้อีกไม่นานนัก ข้าได้ยินว่าตอนนี้ต้วนชิงหงและจงฮันหลินก็เริ่มออกตามหาตัวมันกันแล้ว”



ไป่หลี่ชิงหยานนั้นมั่นใจในความเก่งกาจของตัวเองมากทำให้สถานที่ที่นางไปล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่เปี่ยมไปด้วยอันตราย ไม่เช่นนั้นนางก็คงไม่ได้ไปเจอสัตว์อสูรที่ทรงพลังอย่างเจ้าอสูรขนหนาหยกสามตาเข้า


สถานที่เช่นนั้นมันย่อมมีผู้เข้าสอบคนอื่นๆ เข้าไปน้อยมาก


เมื่อเย่หยวนแยกตัวจากไป่หลี่ชิงหยาน มันจึงเป็นการดึงดูดให้ผู้คนจำนวนมากรีบเข้ามาหาตัวเขากันในทันที


คนทั้งหลายต่างคิดว่าเขาอ่อนแอและจะมารังแกให้หายอิจฉา ใครจะไปคิดว่าแทนที่จะได้กินไก่ กลับเป็นตัวพวกเขาเองที่ถูกเย่หยวนปล้นกลับจนไม่เหลือแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์ติดตัวแม้สักชิ้น


ตอนนี้ในพื้นที่เปิดโล่งหนึ่ง เย่หยวนกำลังถูกกลุ่มคนมากมายรายล้อมไว้


คนทั้งหลายนั้นมีคลื่นพลังที่แข็งแกร่ง พวกเขานี้ต่างเป็นถึงราชันพระเจ้าไม่เจ็ดก็แปดดาวทั้งสิ้น


และในหมู่คนนั้นก็มีเจ่าเจาและเจ่าชูรวมอยู่ด้วย


“เย่หยวน ข้าอยากรู้เสียจริงว่าทีนี้เจ้าจะหนีไปที่ใด!” เจ่าชูบอกออกมาด้วยสีหน้าได้ใจหลังคิดว่าตัวเองต้นเย่หยวนจนมุมได้


เย่หยวนยิ้มตอบกลับมาอย่างเย็นเยือก “ข้าไปบอกตอนไหนว่าจะหนี? ข้าอยู่ตรงนี้รอพวกเจ้าเอาแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์มาส่งให้ต่างหากเล่า”


เจ่าเจาหัวเราะขึ้น “รอให้เราเอาแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์มามอบให้? ไอ้เจ้าคางคกปากเก่ง มันช่างเป็นคำพูดที่แสนอวดดีนัก! เจ้าคงไม่คิดจะอ้างว่าตัวเองมาดักรอเพื่อปล้นชิงเอาแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราไปหรอกใช่ไหม?”


เย่หยวนพยักหน้า “ดูท่าพวกเจ้าก็ไม่ได้โง่นัก”


เมื่อได้ยินคำของเย่หยวนคนทั้งหลายต่างก็แทบหัวเราะออกมา


ไอ้เจ้าหมอนี่สมองมันเพี้ยนหรือ?


เจ่าเจาได้แต่ส่ายหัวออกมาพร้อมหัวเราะไม่ขาดปาก “บรรลุขึ้นมาเป็นราชันพระเจ้าหกดาวแล้วเลยเก่งกล้าถึงขั้นนี้? เจ้าคงไม่คิดว่าการที่เจ้าบังเอิญชนะน้องสามข้าได้แล้วเจ้าจะมีปัญญามาชนะข้าด้วยหรอกนะ? ถ้าเจ้ายังคิดเช่นนั้นคงต้องบอกว่าอ่อนหัดนัก!”


เจ่าชูหัวเราะออกมาตามๆ กัน “ช่างเป็นไอ้โง่ไม่เจียมตัว! เจ้าลองคิดสิว่าทำไมฮันยองมันถึงกลัวพี่ใหญ่ข้านัก? มันเป็นเพราะพี่ข้าผสานแนวคิดแห่งน้ำและแนวคิดแห่งไฟได้ การผสานสองแนวคิดเข้าด้วยกันเช่นนี้มันคงหาศัตรูได้ยากแล้ว ที่สำคัญเรายังมีจำนวนมากมายแถมยังมีพลังบ่มเพาะเหนือกว่าเจ้า เจ้าจะต้องโง่เง่าแค่ไหนถึงได้มาอวดอ้างความเก่งกาจของตัวเองต่อหน้าพวกข้าเช่นนี้?”


เส้นสายของนิกายคชสารมารในนิกายเงาจันทร์นั้นมันแข็งแกร่งมาก ที่สำคัญพวกเขานั้นยังมีนิกายพันธมิตรอีกหลายพวก


คนเหล่านี้ทั้งหลายต่างล้วนเป็นยอดคนของฝั่งคชสารมาร


ในหมู่คนพวกนี้มีหลายคนทีเดียวที่เป็นถึงราชันพระเจ้าแปดดาว


เย่หยวนได้แต่ยักไหล่และกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส “เรอะ? งั้นพวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันได้เลย ข้าขอดูฝีมือของพวกเจ้าหน่อย ข้าจะใช้แค่มือข้างเดียวเท่านั้น หวังว่าพวกเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังมากนะ”


พูดจบเย่หยวนก็ไขว้มือซ้ายไว้ด้านหลังทันทีด้วยท่าทางแสนหยิ่งผยอง


เหล่าศิษย์นิกายคชสารมารต่างมึนงงสงสัย เจ้าหมอนี่มันบ้าไปแล้วแน่!


แค่มือเดียวกลับคิดต่อสู้กับคนมากมายเช่นนี้?


ต่อให้เป็นพวกต้วนชิงหงทั้งสามก็ยังไม่กล้าจะอวดเก่งได้ขนาดนี้เลยใช่ไหม?


“ฮ่าๆๆ ยอดอัจฉริยะเย่หยวนคิดอยากเห็นพลังฝีมือของมือใหม่อย่างพวกเราล่ะ ทุกคนโปรดอย่าออมมือและจัดการดูแลเขาให้ดี เขานั้นเก่งกาจเราต้องไม่ทำให้เขาผิดหวัง!” เจ่าเจาตะโกนบอกด้วยเสียงหัวเราะ


เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็หัวเราะออกมาตามๆ กัน


“ไอ้หมอนี่มันไม่ได้เก่งกาจมากมายแต่คำพูดของมันนั้นช่างยิ่งใหญ่ค้ำฟ้า!”


“นี่สินะที่เขาเรียกว่าศักดิ์ศรีท่วมหัวแต่ดันเอาตัวไม่รอด? ฮ่าๆ”


“ทุกคนอย่าได้ลงมือรุนแรง ไปนวดข้อต่อกระดูกให้มันหน่อยอย่าได้ปล่อยให้มันได้ตายง่ายนัก เช่นนั้นมันจะหมดสนุกกันพอดี”



เจ่าเจายกมือเป็นสัญญาณบอกให้เหล่าศิษย์นิกายคชสารมารพุ่งตัวเข้าหาเย่หยวนพร้อมๆ กันอย่างน่าเกรงกลัว


ฟุบ!


ฟุบ!


ฟุบ!


หลายต่อหลายร่างพุ่งมาถึงในเวลาเดียวกัน แสงเงาจากดาบของพวกเขานั้นล้อมเย่หยวนไว้ทุกทิศ


แต่ว่าเย่หยวนกลับยืนนิ่งราวผาชัน


จู่ๆ มือขวาของเย่หยวนก็ปล่อยงูวิญญาณออกมารัดร่างของศิษย์คนหนึ่งที่พุ่งเข้ามาด้านหน้าไว้


แกรก!


ข้อมือของศิษย์คนนั้นถูกเย่หยวนบิดหัดจนอาวุธในมือต้องร่วงลงสู่พื้นดิน


ส่วนคนอื่นๆ นั้นก็ยังโจมตีเย่หยวนอย่างดุดัน เพียงแค่ว่ามันไม่มีการโจมตีใดที่ถูกโดนตัวเย่หยวนเลย


ตุบ!


เย่หยวนสบัดหลังมือฟาดเข้าที่หน้าของศิษย์อีกคนจนร่างของเขาลอยลิ่วไปหลายพันเมตร


เย่หยวนในตอนนี้กำลังใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติออกมาอย่างเต็มที่


หากการโจมตีธรรมดาๆ พวกนี้อยากโดนตัวเขา มันคงยากเสียยิ่งกว่าการขึ้นไปจุติบนสวรรค์


หากอีกฝ่ายมีพลังบ่มเพาะที่เหนือล้ำกว่าเขามาก คนเหล่านั้นจะสามารถใช้พลังโลกกลบฝังพลังแนวคิดแห่งห้วงมิติของเขาไว้ได้


แต่หากไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ผลลัพธ์ที่ออกมามันก็มีแต่ต้องถูกโจมตีฝ่ายเดียว


เหล่าศิษย์นิกายคชสารมารนี้ส่วนมากต่างเป็นแค่ราชันพระเจ้าเจ็ดดาว หากให้พูดถึงพลังบ่มเพาะแล้วมันไม่ได้เหนือล้ำกว่าเย่หยวนมากมายเลย


แต่ความเข้มข้นของพลังปราณเทวะที่เย่หยวนมีนั้นมันเหนือล้ำกว่าที่เหล่าราชันพระเจ้าเจ็ดดาวจะมาเทียบเคียงได้


แนวคิดที่เหนือล้ำ วรยุทธบ่มเพาะสุดแกร่ง มันเป็นการต่อสู้ที่นับไม่ได้ว่าเป็นการต่อสู้เสียด้วยซ้ำ


เมื่อภาพอันน่าสมเพชปรากฏขึ้นตรงหน้ามันจึงทำให้เจ่าเจาและเจ่าชูต้องหน้าถอดสี


“แนวคิดแห่งห้วงมิติ! มิน่าล่ะมันถึงได้อวดเก่งมากมายนัก ที่แท้มันสำเร็จแนวคิดแห่งห้วงมิติได้!” เจ่าชูร้องบอก


เจ่าเจานั้นได้แต่ทำหน้าเหยเก เพราะฝีมือของเย่หยวนนั้นมันเหนือล้ำกว่าที่พวกเขาจินตนาการไปมาก


“โจมตีเข้าไปพร้อมกัน!”


เจ่าเจาสั่งบอก ก่อนจะพุ่งร่างตามออกไป


เจ่าชูสะดุ้งตกใจเล็กน้อย แต่ก็ยังตามพี่ใหญ่ของตัวเองออกไปทัน


“มังกรแฝดถล่มมุก!”


“เพลงดาบลมพลัน!”


ในหมู่คนทั้งหลายนั้นเจ่าเจาและเจ่าชูมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำกว่าใคร


การเพิ่มคนทั้งสองเข้ามามันทำให้กลุ่มคนนี้มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาก


แต่ว่าเย่หยวนกลับหัวเราะออกมา ตั้งท่าดาบด้วยมือเปล่าก่อนจะชี้ออกมาทำลายมังกรทั้งสองของเจ่าเจาที่ผสานแนวคิดแห่งน้ำและไฟจนแตกสลายลงทันที


จากนั้นเขาก็หุบนิ้วลงและจับรับดาบของเจ่าชูไว้ได้อย่างพอดี


เจ่าเจานั้นเหมือนถูกโจมตีเข้าอย่างแรงจนต้องกระอักเลือดออกมาคำโตร่างกายปลิวลอยไปด้านหลัง


ส่วนนิ้วของเย่หยวนนั้นมันหนักแน่นราวเสาเหล็กทำให้เจ่าชูไม่สามารถขยับดาบของตนได้แม้แต่น้อย


“นี่คือพลังของนิกายคชสารมารของพวกเจ้า? ช่างน่าผิดหวังจริง!” เย่หยวนส่ายหัวออกมา


เจ่าชูโกรธจนหน้าเขียวแดง แต่ไม่ว่าเขาจะใช้พลังไปมากมายแค่ไหนดาบของเขาก็ยังคงติดอยู่ระหว่างนิ้วของเย่หยวนอย่างไม่มีทีท่าว่าจะขยับ


ไม่ว่าจะยังไงมันก็ช่างเป็นเรื่องน่าอับอาย


ก่อนหน้านี้ซ่งถิงถึงขั้นบอกว่านิกายคชสารมารนั้นไม่ได้อ่อนแอจนให้ใครมาลูบหัวได้ แต่ตอนนี้แม้พวกเขาจะส่งคนออกมามากมาย มันกลับถูกเย่หยวนกำจัดลงด้วยมือข้างเดียว


เรื่องนี้มันทำให้ผู้คนเหงื่อแตกด้วยความอับอาย


“หึ! ช่างเป็นขยะเสียจริง! คนตั้งมากมายขนาดนี้กลับไม่สามารถจัดการราชันพระเจ้าหกดาวคนเดียวลงได้!”


ตอนนี้เองก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาด้วยท่าทางดูถูก


“เฮอะ ไอ้เด็กคนนี้มันสำเร็จแนวคิดแห่งห้วงมิติ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงได้อวดเก่งนัก! ด้วยพลังฝีมือของขยะพวกนี้มันไม่แปลกหรอกที่จะแพ้พ่าย” อีกเสียงดังขึ้น


สองร่างนี้หนึ่งเดินมาจากเหนือ หนึ่งเดินมาจากใต้ ค่อยๆ เผยร่างออกมาจากเงาป่า


เมื่อพวกเจ่าเจาได้เห็นคนทั้งสอง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทางดีใจออกมา


ต้วนชิงหง!


จงฮันหลิน!


เมื่อคนทั้งสองมาถึงแล้วเย่หยวนย่อมไม่มีทางรอดไปได้!


ต่อให้เย่หยวนจะสำเร็จแนวคิดแห่งห้วงมิติ ผลลัพธ์มันก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง


เมื่อมียอดคนพันธมิตรคชสารมารอันดับหนึ่งมาเช่นนี้ เย่หยวนมันย่อมอ่อนแอเกินไปที่จะยืนสู้ต่อหน้าเขา


จงฮันหลินมองดูเย่หยวนด้วยรอยยิ้มแสนเย็นเยือก “เด็กน้อย คราวก่อนเจ้ามีน้องไป่หลี่คอยปกป้องหรอกนะ คราวนี้อย่าหวังว่าจะได้โชคดีอีก!”

 

 

 


ตอนที่ 1789 เลิกพูดมากปากเหม็น โจมตีพ...

 

ต้วนชิงหงเบิกตากว้างหันมองดูจงฮันหลินทันที “จงฮันหลิน เจ้าว่ายังไงนะ?”


ด้วยพลังฝีมือของคนทั้งสองแล้ว พวกเขาย่อมไม่มีใครเกรงกลัวใคร


มีแต่ยอดหญิงนางสวรรค์อย่างไป่หลี่ชิงหยานเท่านั้นที่จะทำให้พวกเขาทั้งสองคนยอมร่วมกลุ่มจับมือกันได้


เพราะฉะนั้นต้วนชิงหงจึงไม่ได้รู้เลยว่าจงฮันหลินนั้นไปมีเรื่องใดๆ กับเย่หยวนมาก่อน


จงฮันหลินหัวเราะออกมาพร้อมบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้า ทำให้ใบหน้าของต้วนชิงหงดูมืดมนลง


“เจ้าไปไกลๆ เสีย! ไอเด็กคนนี้ข้าจะจัดการมันเอง!” ต้วนชิงหงกล่าวออกมา


จงฮันหลินตอบกลับไปอย่างไม่แยแส “เจ้าสิไปไกลๆ ไอ้เด็กคนนี้มันเหยื่อข้า! ห้ามใครมาแย่งมัน!”


ต้วนชิงหงตอบกลับมา “ทำไม? เจ้าจะเอาหรือ?”


“เอาก็เอาสิ คิดว่าข้ากลัวเรอะ?”


คนทั้งสองนั้นปล่อยคลื่นพลังของราชันพระเจ้าเก้าดาวออกมาข่มขู่อีกฝ่ายกันเต็มที่ทำให้ผู้คนที่มองดูเหตุการณ์ได้แต่ตกตะลึง


เมื่อคนทั้งสองปล่อยคลื่นพลังออกมากลางอากาศ มันกลับไม่มีใครเหนือเปรียบไปกว่าใครและกดดันกันได้อย่างเท่าเทียม


คนทั้งสองไม่คิดที่จะสนใจเย่หยวนแม้แต่น้อย ราวกับว่าหากแค่พวกเขาลงมือเย่หยวนย่อมจะไม่สามารถตอบโต้ใดๆ กลับมาได้


ศิษย์จากนิกายคชสารมานั้นได้แต่ยืนงง สงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?


เย่หยวนยังยืนหัวโด่อยู่ตรงนั้น แต่ทำไมคนทั้งสองนี้ถึงกลับคิดจะมาปะทะกันเองเสียก่อนแล้ว ไม่กลัวบ้างหรือว่าเย่หยวนจะใช้จังหวะนี้ถอยหนีหายไป?


แต่เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องราวจากปากจงฮันหลิน พวกเขาต่างก็รู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาในใจ


นางฟ้านางสวรรค์ระดับไป่หลี่ชิงหยานกลับต้องมาก้มหัวให้เย่หยวน มันเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้อย่างมาก


“เลิกบ่นมากปากเหม็นได้แล้ว พวกเจ้าโจมตีเข้ามาพร้อมกันเลย” ระหว่างที่ทั้งสองกำลังหาเรื่องกันนั้นเย่หยวนก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย


คนทั้งสองได้แต่หันหน้ามามองเย่หยวนพร้อมๆ กันด้วยจิตสังหารที่แรงกล้า


“ไอ้เด็กเวรนี่รนหาที่ตายแล้ว รู้ตัวไหม?” จงฮันหลินบอก


เย่หยวนตอบกลับไป “ไอ้ความมั่นใจผิดๆ ที่อัจฉริยะปลอมๆ อย่างพวกเจ้ามีนี่มันเหนือล้ำจริงๆ ข้าล่ะสงสัยเสียจริงว่าไปเอามันมาจากไหนมากมาย เจ้าถึงได้คิดว่าจะจัดการข้าลงได้ง่ายปานนั้น”


ต้วนชิงหงหัวเราะออกมา “ไม่นานเจ้าก็จะได้รู้แล้วล่ะว่าพวกข้าเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหน ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ตอนนี้ขอทำให้เจ้าสงบปากก่อนแล้วค่อยมาตกลงกับจงฮันหลินอีกที”


ฟุบ!


ร่างของต้วนชิงหงขยับเคลื่อนไหวอย่างแผ่วพลิ้วราวหงส์ที่โบยบิน จนมาถึงตรงหน้าของเย่หยวนในเวลาแค่พริบตา


ใบพัดที่เขาถืออยู่ในมือผสานมาด้วยพลังแนวคิด พุ่งเข้าโจมตีลำคอของเย่หยวนทันที


จงฮันหลินนั้นตื่นตกใจมาก ไม่คิดว่าตัวเองจะถูกนำหน้าไปก่อน


แต่ว่าเขาก็ได้แต่หัวเราะและไม่คิดจะลงมือใดๆ


คนระดับเขาแล้วย่อมไม่คิดที่จะรังแกใครด้วยจำนวน


ด้วยพลังฝีมือของเย่หยวนมันย่อมไม่มีทางที่จะต้องให้เขาและต้วนชิงหงลงมือพร้อมๆ กันเลย


แต่จู่ๆ ดวงตาของเขาก็ต้องเบิกกว้าง “ผสานแนวคิด! นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร?”


ตอนนี้มิใช่แค่เขา แต่ทุกผู้คนต่างมองดูเย่หยวนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา


ต้วนชิงหงนั้นรวดเร็วมาก แต่เย่หยวนกลับเร็วเสียยิ่งกว่า!


ดาบของเย่หยวนถูกชักออกมาราวสายรุ้งที่ส่องแสง คลื่นพลังดาบที่รุนแรงนั้นกลับเป็นฝ่ายพลักดันให้ต้วนชิงหงเสียกระบวนแทน


เมื่อคนทั้งสองปะทะกัน ต้วนชิงหงกลับถูกเย่หยวนกดดันได้ในพริบตา


มีหรือที่ต้วนชิงหงจะรู้ว่านอกจากเย่หยวนจะสำเร็จแนวคิดได้แล้ว เขายังสามารถจะผสานแนวคิดแห่งห้วงมิติและแนวคิดแห่งดาบเข้าด้วยกันได้?


ดาบแสงนั้นมันเหมือนเคียวในมือยมทูตที่ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความกลัวที่ออกมาจากจิตวิญญาณ


“เจ้าจะยืนนิ่งทำไมอีก? ยังไม่รีบเข้ามาช่วยกันกำจัดมันอีกหรือ?”


ต้วนชิงหงนั้นถูกกดดันอย่างหนักแต่กลับเห็นว่าจงฮันหลินได้แต่ยืนนิ่ง เขาจึงอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง


ถึงเวลานี้แล้วมันจะยังมีเวลามาวางท่ารักษาหน้าตาใดๆ อีก?


ตราบเท่าที่พวกเขาจัดการเย่หยวนลงได้ เรื่องสู้สองรุมหนึ่งใครจะไปสน?


จงฮันหลินได้ยินและสะดุ้งตัวตื่นขึ้นจากภวังค์ เขายกหอกยาวขึ้นและพุ่งเข้าแทงใส่เย่หยวนในทันที


คนทั้งสองนั้นมีพลังฝีมือที่ไม่ธรรมดา แต่สุดท้ายเมื่อได้สู้สองต่อหนึ่งกับเย่หยวนแล้วพวกเขากลับทำได้แค่ตีเสมอไม่ให้เย่หยวนชิงได้เปรียบไปกว่านี้


เจ่าเจาและพวกต่างหันมามองหน้ากันด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด


เป็นเวลานี้เองที่พวกเขาได้รู้ว่าตัวเองโง่เง่าแค่ไหน


เย่หยวนนั้นมีพลังฝีมือที่พวกเขาไม่อาจคาดเดาได้เลย


ตอนนั้นฮันยองบอกว่าจะปกป้องเย่หยวน และพวกเขาก็เลยไปข่มขู่เย่หยวนอย่างไม่ลืมหูลืมตา สมควรแล้วที่จะถูกหักแขนหักขากลับมาเช่นนั้น


เมื่อลองมองย้อนกลับไป เรื่องในตอนนั้นมันคือเรื่องตลกร้ายดีๆ นี่เอง


เย่หยวนไม่ไป มิใช่เพราะเขามั่นใจในการปกป้องของฮันยองและหยางฝาน แต่เป็นเพราะว่าเขานั้นไม่ได้กลัวเกรงพวกเขาสามพี่น้องเลยแม้แต่น้อย


ต้วนชิงหงและจงฮันหลินทั้งสองคนนั้นเป็นถึงราชันพระเจ้าเก้าดาวขั้นกลางแล้ว ความเข้าใจในแนวคิดของพวกเขายิ่งแข็งแกร่งจนเหนือล้ำผู้คน


ที่สำคัญอาวุธที่เขาทั้งสองถือยังเป็นถึงสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำ พลังของมันนั้นเหนือล้ำกว่าที่จะเอาสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำไปเทียบเคียงได้เลย


แต่ตอนนี้แม้จะเป็นศึกสองต่อหนึ่ง พวกเขากลับทำได้แค่ตีเสมอกับเย่หยวนที่ถือแค่สมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำเท่านั้น


พลังฝีมือของเย่หยวนนี้มันแข็งแกร่งจนน่ากลัว


ในพริบตาคนทั้งสามก็แลกกระบวนท่ากันไปนับพันแล้ว ต้วนชิงหงและจงฮันหลินกลับไม่สามารถจะชิงความได้เปรียบมาไว้ในมือเลยแม้แต่น้อย


ฟุบ!


จู่ๆ เย่หยวนก็มองเห็นถึงช่องว่างและแทงดาบออกมาอย่างรุนแรง


ต้วนชิงหงหน้าซีดเผือดลงทันที ถึงตอนนี้มันคงสายเกินกว่าที่จะหลบได้แล้ว


แต่ฝีมือการเคลื่อนไหวของเขานั้นก็ยังเหนือล้ำ สามารถหลบจุดตายออกมาได้


ดาบนี้ของเย่หยวนจึงทำได้แค่ฟันเข้าลึกที่แขนของเขาแทน


“อ้ากก!”


ต้วนชิงหงร้องออกมาก่อนจะล้มลง


แต่ว่าสิ่งที่ทุกคนไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นตามมา เพราะเมื่อเขาลุกได้เขากลับพุ่งร่างหนีหายไป


ไอ้หมอนี่… กล้าที่จะหนีหน้าด้านๆ อย่างนี้เลย!


เมื่อจงฮันหลินได้เห็นภาพนี้เขาก็หน้าซีดลงในทันที


หากต้องปะทะกับเย่หยวนด้วยตัวคนเดียว เขานั้นไม่มั่นใจเลยว่าจะรับมือได้


ต้วนชิงหง ไอ้คนขี้ขลาด! เจ้าไม่ได้ตายดีแน่!” จงฮันหลินตะโกนไล่หลังไป


เพียงแค่ว่าต้วนชิงหงนั้นไปไกลจนไม่อาจได้ยินคำพูดนั้นอีกแล้ว


เมื่อศัตรูลงลด ดาบของเย่หยวนก็ย่อมเฉียบคมขึ้น ตอนนี้จงฮันหลินได้แต่ปัดป้องไม่มีปัญญาใดๆ จะตอบโต้กลับได้เลย


เย่หยวนนั้นแฝงดาบวิญญาณลับเข้าไปในกระบวนท่า ทำให้แม้มันอาจจะไม่รุนแรงเท่าตอนที่ใช้ออกมาตรงๆ แต่ดาบของเขานี้มันก็ยังเป็นเหมือนแค่เงา ทำให้ผู้คนไม่สามารถจับทางที่ดาบจะเคลื่อนไปได้เลย


ไม่นานนักเย่หยวนก็เจอช่องว่างในกระบวนท่าของจงฮันหลินและใช้ดาบยาวนั้นพุ่งตรงออกไปยังลำคอของจงฮันหลินในทันที


หากดาบนี้ฟาดลง จงฮันหลินคงไม่เหลือชีวิตแล้ว


เพราะกับจงฮันหลินคนนี้ เย่หยวนไม่คิดที่จะปรานีเลยแม้แต่น้อย


จงฮันหลินนั้นแสดงเจตนาสังหารเขาออกมาอย่างแจ่มชัด ต่อให้วันหน้าได้เข้านิกายไปด้วยกันชายคนนี้ก็ย่อมไม่คิดจะปล่อยให้เขาได้อยู่สุขแน่


เพราะฉะนั้นเป้าหมายแต่แรกเริ่มของเย่หยวนก็คือการสังหาร!


คนรอบๆ ที่เห็นดาบนั้นต่างได้แต่ร้องออกมาอย่างตื่นตกใจ


เวลานี้เองที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น


คลื่นพลังอันน่าเกรงขามปะทุออกมาระหว่างคนทั้งสองอย่างไม่มีการบอกกล่าว


เรื่องนี้แม้แต่เย่หยวนก็คาดเดาไม่ถึง


แต่การตอบสนองของเขานั้นยังรวดเร็ว เย่หยวนใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติออกมาจนถึงขั้นสุดและหลบเลี่ยงการโจมตีนี้มาได้อย่างเฉียดฉิว


แต่ทว่าคลื่นพลังนี้มันแสนรุนแรง แถมยังเป็นการลอบโจมตี แม้เย่หยวนจะหลบมาได้ แต่เขาก็ยังได้รับผลกระทบจากมันมาอย่างแรง


“อ่อก!”


เย่หยวนต้องกระอักเลือดออกมาคำโต ร่างของเขาทรุดลงกับพื้นด้วยท่าทางบาดเจ็บสาหัส


ชายหนุ่มในชุดฟ้าคนหนึ่งเดินออกมาจากความว่างเปล่าและมองดูเย่หยวนด้วยความเหยียดหยาม


เมื่อจงฮันหลินเห็นชายคนนี้เขาก็ร้องขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นดีใจทันที


“ศิษย์พี่เชียนเย่!”


เชียนเย่พยักหน้ารับและหันไปมองเย่หยวนอีกครั้ง “เจ้านั้นช่างกล้ามากสินะถึงคิดจะมาสังหารศิษย์นิกายบุปผาเหินเรา? มีฝีมือจริง แต่น่าเสียดายเมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้าอาณาจักรนภาสวรรค์ ต่อให้เจ้าจะมีพลังแนวคิดที่สูงส่งเพียงใดมันก็เป็นได้แค่สวะ!”


เย่หยวนหันมองดูชายชุดฟ้าคนนี้และลุกขึ้นมาอย่างไม่ยอมแพ้


ถึงแม้ว่าตอนนี้แค่ลุกขึ้นยืนจะยังลำบากแล้วก็ตาม

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)