Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1734-1737
ตอนที่ 1734 วงล้อมฝูงแมลง
เมื่อมาถึงหุบร้ายวารีแล้วพวกเขาก็ได้พบกับพื้นที่แสนมืดทึบและอับชื้น
ที่แห่งนี้มันเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นจากแก๊สธรรมชาติ ทำให้ความมืดยิ่งหนาแน่นและส่งผลให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
“ที่นี่มันเขาร้างน้ำหลากชัดๆ มิน่าล่ะเขาถึงเรียกกันว่าหุบร้ายวารี พ่อเจ้าคนนี้โง่เขลาจริงๆ ที่หลงตามมาจนถึงที่นี่!” ลัวยองบอก
“ไม่มีใครบอกให้เจ้าตามมา! เจ้าเองต่างหากที่หน้าด้านตามผู้คน!” หยูจิงกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจนัก
เมื่อลัวยองได้ยินเขาก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ ออกมากลบเกลื่อน
เพราะเขานั้นทำตัวหน้าด้านตามคนอื่นมาจนถึงที่นี่
เพราะอย่างไรเสียผลภูติดินปีกเงินมันก็เป็นสมบัติล้ำค่า แต่ให้เป็นไปตามข้อตกลงเดิมมันก็ยังจะสร้างผลกำไรให้เขาอย่างมหาศาลอยู่ดี
ไม่เช่นนั้นด้วยพลังฝีมือของเขา เขาคงไม่ยอมตามหัวหน้าด้วนมาจนถึงที่นี่แน่
ด้วนเผิงบอก “แมลงต่างๆ ในที่แห่งนี้มันมีมากมาย ไม่มีทางที่เราจะป้องกันได้เลย ทุกคนจงระมัดระวังให้มาก”
แม้ไม่ต้องให้เขาบอกทุกๆ คนก็เริ่มปล่อยปราณเทวะออกมาคลุมร่างตัวเองก่อนแล้ว
หยูจิงบอกด้วยท่าทางกังวลไม่น้อย “นี่…นี่มันจะช่วยน้องชายข้าได้จริงๆ หรือ?”
เย่หยวนตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “สิ่งต่างๆ มากมายเกิดมาภายใต้สวรรค์ กลบลบทับฤทธิ์กันไป แม้ว่าพิษของแมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิงจะรุนแรงเพียงใด แต่มันก็ย่อมมีอะไรจะแก้ได้เสมอ”
ด้วนเผิงขมวดคิ้วแน่น “ที่นี่มันใหญ่นัก เราจะไปหาเจอได้อย่างไร?”
“ใช่! หากมันมียาแก้พิษจริงๆ อาจารย์ซ่งหยูท่านจะไม่รู้รึ? ข้าเองก็เคยได้ยินชื่อแมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิงมาก่อน และมันก็ไม่เคยมีใครรักษาได้หาย!” ลัวยองพูดด้วยรอยยิ้ม
เย่หยวนจึงสวนกลับไป “โลกหล้ามีสิ่งต่างๆ อย่างมากมาย เจ้าไม่รู้ ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มี! อย่าว่าแต่อาจารย์ซ่งหยูนี้เลย แม้แต่โอสถบรรพกาลก็คงไม่กล้าพูดออกมาเต็มปากว่าตัวเองรู้จักทุกสิ่งอย่างบนโลกหรอกใช่ไหม?”
ลัวยองหัวเราะเย้ยอยู่ในใจ “เจ้าพูดเช่นนี้ออกมามันก็หมายความว่าเจ้าเองก็ไม่รู้ถึงยาแก้พิษใช่ไหมล่ะ? เจ้าฝืนจะพาทุกผู้คนให้ตามมา แต่สุดท้ายตัวเองก็ไม่รู้ว่าต้องทำอะไร ช่างน่าหัวร่อจริงๆ!”
เย่หยวนยิ้มตอบ “ทุกผู้คน ที่เจ้าว่ามานี้ไม่ได้นับรวมตัวเจ้าด้วยนะ เจ้าหน้าด้านตามพวกเรามาเองแท้ๆ”
ลัวยองแทบสำลักเมื่อได้ยินเช่นนั้นจนเกือบจะปล่อยฝ่ามือออกมา แต่ด้วนเผิงก็พูดขึ้นมาก่อน “เอาล่ะเฒ่าลัว อย่าได้ทำให้เย่หยวนต้องลำบากไปมากกว่านี้เลย มาแล้วก็มาสิ เย่หยวนเราจะเอาอย่างไรกันต่อ?”
เย่หยวนนั้นได้เตรียมแผนการไว้ก่อนแล้วจึงบอก “แน่นอนว่าต้องเป็นการหาแมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิงให้เจอก่อน! เจ้าแมลงนี้มันแสนดุร้ายและน่าจะอาศัยอยู่ในสถานที่ ๆ ชื้นที่สุดและมีแก๊สหนาแน่นที่สุด! เราแค่ต้องเดินเข้าไปยังที่แบบนั้นเพื่อตามหามันก็พอ”
แมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิง ตัวเย่หยวนนั้นย่อมไม่เคยพบเจอมาก่อน ความรู้เหล่านี้ล้วนเป็นหวู่เฉินที่บอกเล่ามา
ส่วนเรื่องการแก้พิษ แม้แต่จอมเทพนิรันดร์ก็ไม่รู้วิธี
แต่ว่าเรื่องแค่นี้มันหยุดเย่หยวนไม่ได้
ตอนที่เขายังอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เขามักจะออกไปหาทางรักษาพิษที่ไม่เคยมีใครแก้ไขได้มาก่อน เพราะเขานั้นมีวิธีการของตัวเองอยู่
แม้ว่ามหาพิภพถงเทียนมันจะต่างจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่หลักการมันก็ยังเชื่อมโยง
กลุ่มนักล่าเดินเข้าไปหาที่ๆ มีแก๊สหนาแน่นที่สุด แต่ระหว่างทางพวกเขาก็ต้องเข้าปะทะกับแมลงพิษไม่น้อย
แต่กลุ่มนักล่านี้มีพลังที่แสนแกร่ง จึงไม่ต้องออกมาแรงใดๆ ให้มากเลย
เมื่อเห็นว่าแก๊สเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ แล้วพวกเขาก็รู้สึกได้ว่าความชื้นเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน มันสูงจนทำให้ผู้คนรู้สึกหายใจหายคอลำบากขึ้นมาทีเดียว
ด้วนเผิงขมวดคิ้วแน่น “นี่ที่มันประหลาดนัก กลิ่นพวกนี้ ความชื้น แก๊ส มันกลับกัดกร่อนปราณเทวะได้ เป็นเช่นนี้ต่อไปข้าเองก็คงทนได้ไม่นาน”
ตอนนี้แม้แต่ด้วนเผิง ยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาวยังออกปากว่าแทบไม่ไหว คนอื่นๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
หยูจิงมีสีหน้าที่ซีดเซียวมาก เหงื่อไหลลงมาบนหน้าผากนางและดูท่าเหมือนจะทนไปต่อไม่ไหวอีกแล้ว
ส่วนเย่หยวนนั้นยังมีปราณเทวะโกลาหลที่มั่นคงไม่ได้กลัวการกัดกร่อนเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย
สภาพของเขานั้นเรียกได้ว่าดีที่สุดในหมู่คนทั้งหก
“ไม่น่าจะไกลแล้ว ทั้งแก๊สและความชื้นต่างสูงมาก— ระวัง!”
เย่หยวนกำลังพูดไปแต่จู่ๆ เขาก็รีบไปดึงหยูจิงเข้ามาไว้ในอ้อมแขนและทิ่มดาบออกไปด้านหลังนางอย่างรวดเร็วและรุนแรง!
ในตอนแรกทุกคนยังไม่มีใครเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อหันไปมองดูดีๆ พวกเขาก็เห็นว่าที่ปลายดาบของเย่หยวนนั้นมีแมลงสีขาวกำลังถูกเสียบคาไว้และดิ้นไปมาอย่างไม่หยุด
ด้วนเผิงหน้าถอดสีทันที “แมลงนี้ช่างเก่งกาจนัก มันลอบเข้ามาใกล้พวกเราขนาดนี้โดยที่ไม่มีใครรู้ตัวเลย! เดี๋ยวนะ หรือว่า…”
เย่หยวนค่อยๆ พยักหน้ารับ “ใช่แล้ว เจ้านี่แหละ!”
ในกลุ่มมีคนหนึ่งตะโกนบอกขึ้นมา “ไม่ดีแล้ว พวกเจ้าดูรอบๆ!”
นั่นทำให้ทุกคนหันไปตามเสียงและพบว่าพื้นที่รอบกายนั้นเต็มไปด้วยแมลงมืดฟ้ามัวดิน แม้แต่ต้นไม้ก็เปี่ยมไปด้วยพวกมัน
เห็นแบบนั้นทุกคนต่างหน้าถอดสี แสดงท่าทางสิ้นหวังออกมา
ด้วนเผิงเองก็มีใบหน้าที่ซีดเซียวก่อนจะบอก “ให้ตายสิ เราเดินเข้ารังแมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิงมาเสียแล้ว! แบบนี้ต่อให้มีปีกก็คงหนีออกไปได้ยาก!”
ลัวยองตะโกนกลับมา “เย่หยวน เจ้า! หากไม่ใช่เพราะเจ้าเราย่อมไม่มีทางมาจบลงในที่แบบนี้!”
เย่หยวนกลอกตาถามกลับ “เลิกบ่นโวยวายเสียทีเถอะ ต่อให้ข้าจงใจพามาแล้วตอนนี้เจ้าจะยังหนีออกไปได้หรือ?”
ลัวยองแทบสำลัก ในใจรู้สึกถึงแต่ความเสียดาย
ใช่แล้ว เพราะในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้เขาสังหารเย่หยวนไปมันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย
หยูจิงเองก็มีใบหน้าที่ขาวซีด “เย่หยวน ข้าขอโทษ มันเป็นพี่จิงคนนี้เองที่พาเจ้ามาเจอหายนะ!”
เย่หยวนยิ้ม “จะทำหน้าเหมือนคนตายไปทำไม? มันยังไม่จบเสียหน่อย อยากบ่นก็ค่อยไปบ่นหลังเราออกไปกันแล้ว”
ลัวยองถามขึ้นอย่างโกรธแค้น “ออกไป? มาถึงขั้นนี้แล้วเจ้ายังมาเล่นมุกโง่ๆ อีกเรอะ! แมลงพวกนี้มันเป็นสัตว์อสูรระดับสี่ทั้งสิ้น ตอนนี้ทุกเส้นทางถูกพวกมันปิดไว้แล้วจะยังออกไปได้อย่างไร?”
เย่หยวนไม่คิดสนใจเขาและตอบเบาๆ “ข้าจะพาพวกเจ้าออกไปเอง อย่าได้ขัดขืน เข้าไปด้านในกัน! ที่นี่ยังมีแก๊สไม่หนาแน่นที่สุด สิ่งใดที่จะรักษาพิษได้มันต้องอยู่ลึกกว่านี้!”
พูดจบเย่หยวนก็ปล่อยปราณเทวะของตัวเองออกมาล้อมรอบคนทั้งห้าไว้ ตัดขาดมิติภายนอกและเดินผ่านฝูงแมลงไป
เมื่อทุกคนได้เห็นภาพที่ตัวเองเดินผ่านฝูงแมลงมาเฉยๆ อย่างนั้น พวกเขาทุกคนต่างก็ตื่นตกใจจนแทบลืมหายใจ
“แนวคิดแห่งห้วงมิติ! น้องเย่มีไม้เด็ดซ่อนไว้มากมายนัก!” ด้วนเผิงตะโกนบอก
ลัวยองนั้นได้แต่มองอย่างตกตะลึง ไม่คิดไม่ฝันว่าเย่หยวนจะสามารถสำเร็จแนวคิดที่แสนน่าเกรงขามเช่นนี้ได้
แต่เย่หยวนกลับยกมือขึ้นมาโบกปัด “หนีเข้าไปด้านในกันก่อน แต่อย่าทิ้งพวกฝูงแมลงไปล่ะ ปล่อยให้มันตามเรามา!”
ระยะที่เย่หยวนปิดกั้นมิตินั้นมันไม่กว้างมาก ตอนนี้เหล่าฝูงแมลงจึงบินตามมาอย่างโกรธเกรี้ยว
ทุกคนรู้สึกขนลุกตั้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เย่หยวนหัวเราะและยิงแสงดาบออกไปหลายครั้งด้วยหลังมือ ทำลายฝูงแมลงไปไม่น้อย
เท่านี้พวกแมลงก็จะยิ่งโกรธและบ้าคลั่งมากขึ้น บนมาหาเย่หยวนด้วยอาการพร้อมสู้อย่างเต็มที่
เย่หยวนยิ้มและเร่งความเร็วออกไป จนตามหยูจิงที่อยู่รั้งท้ายอย่างง่ายดาย
ระหว่างที่หยูจิงบินไปนางก็บอก “เย่หยวน ข้า…ข้าไม่รู้เลยว่าจะขอบคุณอย่างไรดี!”
เย่หยวนยิ้ม “หากอยากขอบคุณก็รอให้เราหายาแก้พิษเจอก่อนเถอะ ตอนนี้ข้าไม่มั่นใจเลยจริงๆ!”
เมื่อหยูจิงได้ยินเช่นนั้นนางก็เริ่มรู้สึกกังวลถึงผลที่จะออกมา “เราจะ…หายาแก้พิษเจอไหม?”
เย่หยวนบอก “โปรดวางใจ ไม่ว่าพิษนั้นจะร้ายแรงเพียงใด แต่ในระยะห้าสิบกิโลเมตรรอบๆ มันจะมียาแก้พิษอยู่เสมอ!”
ตอนที่ 1735 ปะทะราชาแมลง!
ยิ่งเข้าแหล่งศูนย์กลางไปเรื่อยๆ แก๊สที่กัดกร่อนมันก็ยิ่งรุนแรงขึ้นและเป็นภาระที่หนักหนาขึ้น
พลังของหยูจิงนั้นเริ่มเข้าสู่สภาวะยุ่งเหยิงและทำให้นางช้าลงกว่าคนอื่นๆ มาก จนตกลงไปอยู่ด้านหลังเย่หยวนในที่สุด
จู่ๆ เย่หยวนก็ดึงแขนของหยูจิงไปและส่งผ่านปราณเทวะโกลาหลให้
เมื่อรู้สึกว่ามือของตัวเองถูกจับเข้าหยูจิงก็ตกใจรีบดึงมือกลับด้วยสัญชาตญาณทันที
แต่ไม่นานจากนั้นนางก็พบว่าพลังและปราณเทวะของตัวเองกลับมาปกป้องร่างของนางได้อีกครั้ง ช่วยลดภาระที่ร่างกายนางต้องได้รับไปอย่างมาก
หยูจิงมองดูเย่หยวนด้วยความตื่นตกใจ ตอนนี้นางเพิ่งจะทันรู้ตัวว่าเย่หยวน ราชันพระเจ้าสามดาวคนนี้กลับมีท่าทีสบายๆ มาได้จนตอนนี้!
แถมตอนนี้เขายังมีแรงพอจะมาเสริมปราณเทวะให้นางอีก
เขาทำได้อย่างไรกัน?
ตอนนี้นางรู้สึกได้ว่าปราณเทวะที่ห่อหุ้มร่างอยู่นี้มันแข็งแกร่งกว่าปราณของนางเสียอีก ไม่แปลกใจเลยที่ว่าเย่หยวนจะสังหารตะขาบเพลิงคลั่งลงได้
เพราะชายคนนี้มันไม่ธรรมดา!
“ขอบคุณนะเย่หยวน!” หยูจิงบอกขอบคุณจากก้นบึ้งของหัวใจ
เย่หยวนยิ้มรับ “พี่จิง ท่านขอบคุณข้ามากี่ครั้งแล้วเนี่ย!”
หยูจิงหน้าแดงขึ้นมาด้วยความอายทันที “ข้า…นอกจากพูดขอบคุณแล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไร”
เย่หยวนยิ้มและกำลังคิดจะตอบกลับไป แต่จู่ๆ เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนรุนแรงที่อยู่ตรงหน้า
ปัง!
แมลงยักษ์ตัวสีขาวพุ่งขึ้นมาจากผืนดินและอ้าปากกว้างพุ่งเข้าหาเย่หยวนทันที
คนทั้งสี่ที่วิ่งอยู่ด้านหน้านั้นก็ตื่นตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไม่น้อยเช่นกัน
ด้วนเผิงหน้าถอดสีตะโกนบอก “แย่แล้ว ราชาแมลง! ดูท่าจะอยู่ยอดๆ ของระดับสี่ชั้นกลางเลยด้วย! พวกเขาทั้งสองแย่แล้ว!”
เพราะที่ๆ ราชาแมลงปรากฏตัวนั้นมันพอเหมาะพอเจาะอยู่ตรงกลางระหว่างคนทั้งสี่กับพวกเย่หยวนพอดิบพอดี
เมื่อลัวยองได้เห็นภาพนี้เขาก็ยิ้มออกมาอย่างดีอกดีใจ
เพราะแม้เมื่อสักครู่เย่หยวนจะช่วยเขาไว้ แต่เขาก็ยังคิดอยากให้เย่หยวนตายลง!
หยูจิงหน้าซีดเผือดและตะโกนบอก “เย่หยวนระวัง!”
เรื่องราวในตอนนี้มันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนทั้งสองไม่ทันตั้งตัว
แต่มันก็สายเกินกว่าจะหลบแล้ว
หยูจิงพยายามจะผลักเย่หยวนออกไปและรับการโจมตีจากเจ้าแมลงไว้เอง แต่นางกลับรู้สึกได้ถึงร่างกายที่ไม่สั่นไหวของเย่หยวน
ตอนนี้มือซ้ายของเย่หยวนกางกรงเล็บออกมาพร้อมเสียงคำรามของมังกรที่ดังลั่น
เทพมังกรเหยียบสวรรค์!
ปัง!
เสียงดังสะท้านดังขึ้นมา ร่างของทั้งเย่หยวนและราชาแมลงปลิวออกจากกัน
หยูจิงตื่นตกใจอย่างมาก นางไม่คิดว่าพลังฝีมือที่แท้จริงของเย่หยวนจะแข็งแกร่งปานนี้
ราชาแมลงนี้มันมีคลื่นพลังที่แข็งแกร่งกว่าตัวนางเองเสียอีก มันน่าจะอยู่ยอดของระดับสี่ชั้นกลางแล้ว
ส่วนเย่หยวนในวินาทีวิกฤต กลับสามารถปะทะกับมันได้ตรงๆ!
พวกด้วนเผิงเองก็มีสีหน้าตื่นตกใจไม่แพ้กัน เขาไม่คิดไม่ฝันว่าเย่หยวนจะรอดออกมาได้ครบสามสิบสองเช่นนี้
“ที่แท้เย่หยวนก็เป็นผู้ฝึกฝนร่างกาย ที่สำคัญเขายังมีร่างระดับสี่ชั้นกลางแล้วด้วย!” ด้วนเผิงกล่าวออกมาอย่างตื่นตะลึง
ลัวยองนั้นคิดแน่ๆ ว่าเย่หยวนต้องตาย ไม่มีทางใดเลยที่เขาจะคาดเดาได้ว่าเย่หยวนแท้จริงแล้วแข็งแกร่งขนาดนี้ เขาได้แต่หัวเราะ “หัวหน้าด้วน ข้าบอกแล้วว่าเจ้าเด็กนี้มันไม่น่าไว้ใจ! มันซ่อนฝีมือไว้ แฝงตัวทำเป็นหมูจะกินเสือ! มันต้องวางแผนร้ายไว้แน่ๆ แต่ท่านก็ยังไปหลงเชื่อคำมัน”
ด้วนเผิงมองดูออกไปตรงหน้าอย่างเหม่อลอยด้วยความไม่แน่ใจ และก็ไม่สามารถตัดสินใจว่าจะลงมืออย่างไรได้เสียที
เพราะในงานแบบนี้ ความเชื่อใจมันย่อมไม่มีจริง
ในเทือกเขาเทพอสูรนี้ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดหาใช่สัตว์ร้าย แต่เป็นผู้คนใจทราม!
เรื่องความขัดแย้งของลัวยองและเย่หยวนนั้น เขาตัดสินใจที่จะนั่งดูและไม่คิดเข้าไปยุ่งมาแต่แรก
ตราบเท่าที่มันไม่ส่งผลต่อการเดินทาง เขาก็ไม่สนใจหรอกว่าคนทั้งสองจะดุด่าว่ากันอย่างไร เพราะมันไม่ได้ทำให้เสียเรื่อง
แต่ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าเย่หยวนนั้นปิดซ่อนอะไรไว้มากมายเหลือเกิน
และสิ่งที่ด้วนเผิงคาดไม่ถึงมากที่สุดก็คือพลังฝีมือของเย่หยวน ว่ามันจะแข็งแกร่งปานนี้
เมื่อสักครู่นี้ราชาแมลงพุ่งเข้าโจมตีทีเผลอ หากเป็นเขา เขาก็คงต้องมีบาดเจ็บบ้างไม่น้อย แต่เย่หยวนกลับรอดมาได้อย่างไร้รอยขีดข่วน!
แค่นี้มันก็เห็นแล้วว่ากำลังของเย่หยวนนั้นไม่ด้อยไปกว่าตัวเขาแน่
ส่วนอีกด้าน ระหว่างที่เรื่องราวยังชักช้าอยู่ เย่หยวนและหยูจิงก็ถูกฝูงแมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิงเข้าล้อมอย่างรวดเร็ว
หยูจิงตะโกนบอก “หัวหน้าด้วน ช่วยพวกเราด้วย!”
ลัวยองหันมองดูหยูจิงด้วยใบหน้าท่าทางสงสาร แต่เขาก็ยังพูดออกมา “หัวหน้าด้วน ท่านต้องคิดให้ดี! การนำพาเด็กคนนี้ไปกับเราด้วยมันไม่รู้เลยว่าจะดีหรือร้ายกันแน่!”
เมื่อหยูจิงเห็นว่าคนตรงหน้าไม่คิดจะขยับตัว นางก็ยิ่งแตกตื่นไปใหญ่ “เย่หยวน เจ้าคนเดียวรอดออกไปได้แน่ๆ อย่าได้สนใจข้าเลย!”
เย่หยวนทำหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นทันที “เงียบไป! เราจะออกไปด้วยกัน! เกาะข้าไว้อย่าได้ปล่อยเชียว!”
เมื่อถูกเย่หยวนดุว่าเช่นนั้นหยูจิงก็ตื่นกลัวจนไม่กล้าพูดอะไรอีก นางได้แต่เกาะแขนของเย่หยวนไว้อย่างสุดแรงเกิด ไม่กล้าที่จะปล่อยแม้แต่น้อย
เย่หยวนขยับร่างออกไป พุ่งเข้าหาราชาแมลง
เทพมังกรเหยียบสวรรค์!
เย่หยวนใช้ท่าออกไปอีกครั้ง แลกพลังปะทะกับราชาแมลง!
หนึ่งคนหนึ่งแมลงจึงถอยหลังไปอีกก้าวใหญ่!
หากเป็นแค่เย่หยวนคนเดียว เขาย่อมไม่กลัวราชาแมลงใดๆ
หากไม่ใช่เพราะต้องหายาแก้พิษมัน เย่หยวนย่อมสามารถสังหารเจ้าราชาแมลงนี้ได้ด้วยดาบเดียว
แต่ตอนนี้เขาต้องการให้แมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิงพาเขาเข้าไปหายาแก้พิษ
หากเขาสังหารราชันของพวกมันลงเสีย แมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิงก็คงแตกรังหนีกระจัดกระจาย การจะหายาแก้พิษตอนนั้นมันคงยากมากแล้ว
ส่วนแนวคิดแห่งห้วงมิตินั้น เย่หยวนใช้มันออกมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้าราชาแมลง แต่เหมือนว่าอีกฝ่ายจะทะลุผ่านมันมาได้!
ดูท่าเจ้าราชาแมลงนี้เองก็คงพอเข้าใจในหลักแนวคิดแห่งห้วงมิติไม่น้อย
เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงได้แต่ต้องเข้าปะทะตรงๆ!
หลังจากถอยมาได้แล้วเย่หยวนก็ทนทานแรงสะท้อนและไม่คิดที่จะหยุดมือ พุ่งเข้าไปหาอีกครั้งหนึ่ง
เทพมังกรเหยียบสวรรค์อีกครั้ง!
ปัง!
แรงปะทะอันรุนแรงกระจายไปทั่วทิศ ส่งเหล่าแมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิงรอบๆ กระจายไปทั่วไม่สามารถที่จะเข้าไปยุ่งการต่อสู้นั้นได้เลย
จากนั้น ก็ครั้งที่สาม ครั้งที่สี่ ครั้งที่ห้า!
ราชาแมลงนั้นมีพลังฝีมือที่เก่งกาจไม่น้อย หากเป็นนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาวทั่วๆ ไปร่างกายของพวกเขาคงแหลกเละไปเพราะเทพมังกรเหยียบสวรรค์อันต่อเนื่องของเย่หยวนแล้ว
แต่เจ้าราชาแมลงนี้กลับสะท้อนมันกลับมาได้ทุกครั้งและแค่ถอยหลังไปไม่กี่ก้าว จากนั้นก็พร้อมรับการโจมตีของเย่หยวนอีกครา
ลายสีฟ้าปรากฏขึ้นบนร่างเย่หยวน พลังกายของเขาพุ่งสูงอย่างไร้เปรียบจนสามารถโจมตีเข้าไปได้ซ้ำๆ อีกหลายต่อหลายที
ไกลออกมา ด้วนเผิง ลัวยองและคนอื่นๆ ต่างมองภาพนั้นอย่างตกตะลึง
เพราะเสียงอันดังสะท้านนี้มันแสดงให้เห็นว่านี่คือการปะทะที่รุนแรงแค่ไหน
พลังระดับนี้มันมากพอจะบดขยี้พวกเขาทั้งหลายได้ง่ายๆ!
“แข็งแกร่ง! หรือว่าร่างกายของเจ้าหมอนี่มันจะตีขึ้นมาจากเหล็กกัน?”
“นี่มันสังหารแปดร้อยศัตรูและทหารหนึ่งพันชีวิตไม่ใช่หรือ! ไม่ว่าร่างของเขาจะแข็งแกร่งปานใดแต่การใช้วรยุทธที่รุนแรงขนาดนี้ออกมาติดๆ กันมันย่อมไม่มีทางต้านทานได้แน่!”
ลัวยองหัวเราะร่า “หึๆ มันยังคิดอยากเป็นพระเอกช่วยสาวอีก! ข้าว่ามันน่าจะใกล้ถึงขีดจำกัดแล้วล่ะมั้ง?”
ด้วนเผิงยังคงสับสนอย่างมาก เขายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะลงมือดีหรือไม่
เย่หยวนนั้นราวกับเป็นคนบ้า ปล่อยกรงเล็บโจมตีออกมาอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุด เข้าปะทะกับราชาแมลงอย่างลืมหายใจ
จู่ๆ ด้วนเผิงก็กัดฟันแน่นและพุ่งเข้าไปหาราชาแมลงบ้าง
แต่ว่าตอนนั้นเองที่เย่หยวนได้โจมตีเป็นครั้งที่สิบสามออกมา!
ตู้ม!
ร่างของราชาแมลงปลิวไปไกลด้วยกรงเล็บมังกรนี้!
ตอนนี้มันพยุงร่างของตัวเองให้ลุกขึ้นทันทีไม่ได้แล้ว
เมื่อเย่หยวนเห็นเช่นนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นดีใจ ขับมือของหยูจิงและพุ่งตัวออกมา
“ไป!” เย่หยวนตะโกนบอกด้วนเผิงที่กำลังมุ่งหน้ามาหาและเร่งความเร็ววิ่งออกไปทันที
ด้วนเผิงที่เห็นภาพนั้นก็ต้องตะลึงจนแทบลืมหายใจ
เจ้าหมอนี่ใช้วิชาที่รุนแรงปานนั้นออกมาติดๆ กันถึงสิบสามครั้ง แต่กลับยังมีแรงเหลือมากมายถึงขนาดนี้!
แต่ตัวเขาเองก็ไม่กล้าอยู่ต่อรีบวิ่งมุ่งหน้าหนีตามไป
หลังจากราชาแมลงตัวนั้นตกลงถึงพื้น มันก็ค่อยๆ ดีดตัวกลับขึ้นมาเงยหน้าขึ้นสู่ฟ้าและร้องออกมาลั่น
เหล่าแมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิงที่ได้ยินเสียงนั้นต่างมุ่งหน้าตามติดพวกเย่หยวนไปอีกครั้งหนึ่ง
ตอนที่ 1736 ดอกสุคนธรสดำยมโลก
“ถอยแล้ว! พวกมันถอยแล้ว!”
คนทั้งหลายต่างกำลังวิ่งหนีมาเรื่อยๆ จนจู่ๆ เหล่าแมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิงที่ตามมาราวกับคลื่นทะเลรวมไปถึงตัวราชาแมลงก็กลับหนีหายไป ไม่กล้าตามพวกเขาเข้ามาอีก
ได้เห็นแบบนั้นคนทั้งหลายก็ถอนหายใจยาวออกมาแทบจะพร้อมกัน
เพราะทะเลแมลงนั้นมันน่าสยดสยองมาก ทำให้พวกเขาทั้งหลายรู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยวนรกมาก็ไม่ปาน
“อ่อก!”
เมื่อหยุดเท้าลงในที่สุดอาการบาดเจ็บภายในของเย่หยวนก็แสดงออกมาจนเขาต้องกระอักเลือดออกมาคำโต
หยูจิงหน้าถอดสีทันทีที่เห็นและเข้าไปช่วยประคองเย่หยวนทันที “เย่หยวน เจ้าเป็นอะไรมากหรือไม่?”
เย่หยวนยกมือขึ้นมาโบกปัด “ข้าไม่เป็นไร ยังไม่ตายหรอก!”
หยูจิงนั้นมีท่าทางเศร้าเสียใจ นางรู้ดีแก่ใจว่าอาการบาดเจ็บของเย่หยวนนี้มันเกิดขึ้นเพราะเขาต้องการปกป้องตัวนาง
ไม่เช่นนั้นด้วยพลังฝีมือของเย่หยวน มีหรือที่ราชาแมลงนั้นจะหยุดเขาไว้ได้
“หึๆ พระเอกที่คิดช่วยสาวงามต้องสูญเสียอะไรไปเสมอ!” ลัวยองพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
เมื่อหยูจิงได้ยินนางจึงตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธแค้นทันที “ไอ้ลัว เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เมื่อกี้ข้าขอให้พวกเจ้าช่วยกลับไม่มีหมาไหนสักตัวกล้าขยับ ตอนนี้ยังมาซ้ำเติมกันอีก เจ้าจะหน้าไม่อายไปถึงไหนกัน?”
ลัวยองนั้นคิดชอบพอใจหยูจิงจริงๆ แต่ดูสภาพตอนนี้แล้วเขาย่อมรู้ตัวดีว่าไม่มีหวัง
เพราะฉะนั้นความชอบพอในทีแรกจึงกลายเป็นความเกลียดชัง
อย่างที่เขาว่า ความเกลียดชังนั้นเกิดมาจากความรัก
ลัวยองยิ้มตอบ “หยูจิง เจ้าอย่าได้ไปโดนไอ้เด็กคนนี้หลอกอีกเลย! มันปิดบังฝีมือตนไว้ แอบเข้ามาในกลุ่มเรา ใครจะรู้ว่าจริงๆ มันวางแผนอะไร? หากมันเป็นคนที่ทำตัวเปิดเผยแล้วเหตุใดมันจะไม่บอกเรามาตั้งแต่ก่อนหน้า?”
หยูจิงตอบกลับไปอย่างเย็นชา “เจ้าอย่าได้คิดว่าคนอื่นจะชั่วช้าเหมือนตัวเองสิ!”
เย่หยวนยกมือขึ้นมาโบกปัด “เลิกเถียงกันได้แล้ว ข้าขอนั่งรักษาตัวหน่อย!”
เขาหยิบเม็ดโอสถออกมาและกลืนกินมันลงไปก่อนจะนั่งลงทำสมาธิในทันที
ไม่นานเขาก็มีพลังกลับมาได้มากกว่าครึ่ง
เมื่อทุกคนได้เห็นภาพนี้พวกเขาต่างเบิกตาโพลงด้วยความตื่นตกใจ
โอสถนี้มันจะมีฤทธิ์ที่ดีเกินไปหน่อยหรือไม่?
“ที่นี่เป็นศูนย์กลางของแก๊สแล้ว หากข้าเดาไม่ผิด ยาต้านพิษใดๆ นั้นย่อมต้องอยู่ที่นี่แน่” เย่หยวนค่อยๆ ลุกขึ้นบอกทุกคน
ด้วนเผิงจึงถาม “แต่ว่านะ เราจะไปรู้ได้อย่างไรว่าของสิ่งไหนที่จะแก้พิษได้?”
เย่หยวนยิ้มและยื่นมือออกมา เมื่อเขาเปิดออกมันก็มีแมลงสีขาวปรากฏตัวอยู่บนฝ่ามือนั้น และแน่นอนว่ามันย่อมเป็นแมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิง
เจ้าแมลงอันดุร้ายนี้กำลังอ้าปากแสดงเขี้ยวกางกรงเล็บ แต่มันถูกกั้นไว้ในฝ่ามือของเย่หยวนและไม่มีทางจะหลุดออกมาด้านนอกได้เลย
“ใช้เจ้านี่!”
เมื่อหยูจิงเห็นเช่นนั้นนางก็ได้แต่ถามขึ้นอย่างตื่นตกใจ “ในสถานการณ์แบบนั้นเจ้ายังจะมีเวลาไปจับแมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิงมาได้อีกหรือ?”
เย่หยวนยิ้มตอบ “แค่จับง่ายๆ เจ้าพวกนี้มันอ่อนแอจะตาย”
ทุกคนถึงกับพูดไม่ออก!
อ่อนแอ? สัตว์อสูรระดับสี่นี่หรืออ่อนแอ!
เย่หยวนเปิดฝ่ามือและค่อยๆ เดินวนไปรอบๆ พื้นที่
จู่ๆ เจ้าแมลงในมือเย่หยวนก็เริ่มสั่นขยับตัวไปมา นั่นทำให้เย่หยวนเบิกตากว้างและเดินไปตามต้นทางที่มันเริ่มแสดงอาการนั้น
เมื่อทุกคนได้เห็นภาพนี้ พวกเขาต่างได้แต่ร้องออกมาในลำคออย่างประหลาดใจ
ที่แท้มันก็ยังมีวิธีการเช่นนี้ในการหายาแก้พิษอยู่ ช่างเป็นการเปิดหูเปิดตานัก
เย่หยวนค่อยๆ เดินไปยังเส้นทางนั้นเรื่อยๆ และเจ้าแมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิงก็ยิ่งอยู่ไม่นิ่งเข้าไปทุกที
ในที่สุดเขาก็ได้เห็นภาพของดอกไม้สีแดงดำปรากฏขึ้นตรงหน้า
แมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิงนั้นเริ่มแสดงอาการขยับตัวไปมาอย่างไม่มีหยุด พยายามดิ้นอยู่ในมิติปิดกั้นนั้นจนในที่สุดมันก็ไม่ขยับตัวอีกต่อไป
เมื่อทุกคนหันไปมองดู พวกเขาก็ได้พบว่าเจ้าแมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิงตัวนั้นได้ตายลงแล้ว!
หยูจิงพยายามกลั้นใจถามออกมาด้วยความหวังอย่างสูงสุด “เย่หยวน หรือว่าดอกไม้เหล่านี้…”
เย่หยวนพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว ไม่ผิดแน่!”
ด้วนเผิงและพวกต่างมีท่าทางไม่ค่อยอยากเชื่อ “ดอกอะไรกัน? ทำไมข้าไม่เห็นเคยได้ยินได้เห็นมาก่อน!”
ในสายงานอย่างพวกเขาทั้งหลายนี้ สมุนไพรต่างๆ นาๆ ย่อมเห็นผ่านตามามากมายไม่แพ้นักหลอมโอสถ สมุนไพรส่วนมากแล้วพวกเขาต่างมองออกได้ในปราดเดียว
แต่เจ้าดอกไม้สีแดงดำนี้ แม้จะมีพลังวิญญาณที่อัดแน่น ดูท่าคงไม่ใช่สมุนไพรระดับต่ำๆ แน่แต่พวกเขากลับไม่เคยได้ยินหรือได้เห็นมันมาก่อนเลย
เย่หยวนยิ้ม “ไม่ได้ยินมาก่อน ก็น่าจะไม่แปลก เพราะหากมันเป็นดอกที่ทุกผู้คนเคยได้ยินมีหรือที่จอมเทพโอสถห้าดาวจะหมดปัญญารักษาพิษแมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิง? เพราะอย่างไรเสียเจ้าแมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิงนี้มันก็หายากมากแล้ว สมุนไพรที่จะใช้รักษาพิษของมันย่อมต้องยิ่งหายากเสียยิ่งกว่า”
เมื่อคิดตามแบบนั้น ด้วนเผิงก็เชื่ออย่างสนิทใจ เพราะหากมันเป็นสมุนไพรที่ทุกคนรู้จัก พิษนี้ก็คงไม่ใช่พิษที่ร้ายแรงใดๆ แล้ว
เย่หยวนนั้นไม่รอช้ารีบเก็บดอกไม้เหล่านั้นในทันทีโดยไม่มีทางที่คิดหยุดพัก
แต่ลัวหยองกลับพูดขึ้นมาอย่างไม่ชอบใจนัก “เด็กน้อย เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? อย่างไรเสียนี่มันก็น่าจะเป็นถึงสมุนไพรระดับสี่ เจ้าคิดที่จะเก็บมันไว้คนเดียวหรือ?”
แต่เย่หยวนกลับพูดออกมาอย่างไม่คิดหยุดมือ “สมุนไพรที่ชื่อยังไม่รู้จัก เจ้าคิดจะเอามันออกไปขายหาเงินเรอะ? อย่าได้ทำเสียของเลยนะ? ของเช่นนี้หากเจ้าได้ไปมันก็เหมือนไก่ได้พลอย แต่หากมันอยู่ในมือข้ามันย่อมสามารถผลิตผลที่คาดไม่ถึงได้ ที่สำคัญเจ้ามีปัญญาจะมาต่อรองกับข้า? อย่าได้ลืมเชียวว่าขากลับเราก็ยังต้องผ่านเขตแดนของแมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิงกลับออกไปด้วย!”
ตอนนี้เย่หยวนเริ่มแสดงท่าทีไม่ยอมออกมาบ้าง ถึงขั้นปล่อยคำขู่ออกมาทำให้ลัวยองไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขาตรงๆ
เพราะเดิมทีเขาแค่ไม่อยากจะเสียเวลาไปต่อล้อต่อเถียงกับคนเช่นนี้
แต่เขาไม่คิดว่ายิ่งปล่อยไว้อีกฝ่ายมันกลับยิ่งได้ใจ จนตอนนี้ก็ยังไม่รู้สถานะของตัวเอง เย่หยวนจึงไม่คิดที่จะทนอีกต่อไป
คนเหล่านี้เป็นได้อย่างมากก็แค่คนนำทางให้เย่หยวน
ลัวยองหน้าชาไปในทันทีที่ได้ยิน เขานั้นตระหนกกับคลื่นพลังอันน่ากลัวของเย่หยวนและไม่กล้าที่จะมองตาเย่หยวนอีกต่อไปแล้วเสียด้วยซ้ำ
ตอนนี้ไม่ใช่แค่ลัวยอง แม้แต่ด้วนเผิงก็ยังทนทานไม่ไหวจนต้องเปิดปากพูดออกมาเพื่อไกล่เกลี่ยเรื่องราว “ฮ-ฮ่าๆ การเดินทางนี้ย่อมล้วนแต่เป็นผลงานน้องเย่ ของพวกนี้มันย่อมสมควรเป็นของน้องเย่อยู่แล้ว ที่สำคัญดอกไม้นี้มันมีประโยชน์แค่รักษาพิษแมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิง ความต้องการของมันคงมีไม่มาก ราคาเองก็คงไม่สูงนัก เฒ่าลัวเจ้าปล่อยไปเถอะ!”
เมื่อลัวยองได้ยินเช่นนั้นเขาก็ถือโอกาสถอยทันที พ่นลมออกมาหนึ่งครั้งและไม่คิดจะพูดอะไรอีก
เย่หยวนตอบกลับไป “รีบๆ เข้า เราจะอยู่ที่นี่นานไปคงไม่ดีนัก!”
“โฮ่ก!”
พูดยังไม่ทันขาดคำก็มีเสียงคำรามร้องดังมาแต่ไกล
นั่นทำให้ทุกคนหน้าเปลี่ยนสีและรีบออกวิ่งทันที!
เย่หยวนเองก็วิ่งตามพวกไปด้วยท่าทางที่ดูเยือกเย็น ในจริงๆ แล้วในใจของเขาแทบจะลุกขึ้นมาเต้นรำแล้ว
เพราะคนเหล่านี้ไม่รู้จักดอกไม้สีแดงดำนี้ แต่เย่หยวนรู้!
ดอกไม้น้อยนี้มีนามว่าดอกสุคนธรสดำยมโลก เป็นสมุนไพรระดับสี่ที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังวิญญาณมหาศาล
หากใช้มันทำโอสถเพื่อการบ่มเพาะ มันจะส่งผลให้โอสถนั้นมีฤทธิ์มากกว่าโอสถธรรมดาๆ ทั่วไปเป็นสิบเท่า
มันแค่ว่าดอกไม้นี้นั้นเป็นของหายาก แม้แต่จอมเทพนิรันดร์เองก็ยังแทบไม่เคยจะได้เห็นมัน
เขาไม่นึกไม่ฝันว่าจริงๆ แล้วเจ้าดอกไม้นี้มันจะมีฤทธิ์ช่วยต้านพิษแมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิงด้วย
หากนำออกไปขายแล้ว โอสถที่หลอมมาจากมันคงมีราคาอย่างน้อยๆ แสนล้าน!
และดอกสุคนธรสดำยมโลกจำนวนมากขนาดนี้ มันล้วนเป็นสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้เลย!
แต่อย่างที่เย่หยวนว่า สมุนไพรนี้มันจะมีค่าได้จริงๆ ก็ต่อเมื่อมันอยู่ในมือของเขาเท่านั้น
หากเอาไปให้คนอื่นแล้ว มันก็จะเป็นเหมือนไก่ได้พลอยจริงๆ
แต่ว่าโอสถที่เย่หยวนใช้บ่มเพาะช่วงนี้เองก็ใกล้หมดแล้ว มันจึงเป็นเวลาที่เหมาะสมมากที่เขาได้เก็บเกี่ยวพวกมันมาเพิ่ม
ตอนนี้หลังเจอดอกสุคนธรสดำยมโลกมากขนาดนี้แล้ว เขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการบ่มเพาะพลังไปอีกนานแสนนานเลย
สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ เย่หยวนย่อมไม่ปล่อยให้มันตกไปอยู่ในมือคนอื่นแน่ๆ
ตอนที่ 1737 ทรยศ
ขากลับออกมานั้นมันแสนง่ายดาย เพราะเย่หยวนนั้นถือดอกสุคนธรสดำยมโลกไว้ในมือเหล่าแมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิงจึงไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้พวกเขาเลยแม้แต่น้อย
ต่อให้เป็นราชาแมลงก็ไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้พวกเขา
แค่นี้มันก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าดอกสุคนธรสดำยมโลกนี้มันเป็นศัตรูตามธรรมชาติกับแมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิง
หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหลายก็มาหาทางไปเก็บผลภูติดินปีกเงินกันต่อ
และตอนนี้สถานะของเย่หยวนในกลุ่มก็สูงส่งขึ้นอย่างมาก
เดิมทีทุกคนต่างคิดว่าเขาไม่มีพลังฝีมือใดๆ และแค่คิดเข้ามาเกาะกลุ่มกินผลประโยชน์
แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งหลายต่างเห็นเย่หยวนเข้าปะทะกับราชาแมลง เขามีพลังมากพอที่จะยืนอยู่เหนือด้วนเผิงหรือลัวยองได้ง่ายๆ
ผ่านไปได้ครึ่งเดือน ด้วยการนำทางของด้วนเผิง ในที่สุดกลุ่มนักล่าก็เดินทางมาถึงหน้าถ้ำที่ว่า
ด้วนเผิงหน้าเปลี่ยนสีไปทันทีที่มาถึง “ไม่ดีแล้ว มีคนมาก่อนเรา!”
ในพุ่มหญ้าที่ด้านหน้านั้นมีรอยเท้าจางๆ อยู่ ดูท่ามันคงมีใครบางคนมาถึงก่อนแน่ๆ แล้ว
เย่หยวนบอก “ไม่ต้องกังวลไป จากที่ท่านว่ามาผลภูติดินปีกเงินนั้นมันน่าจะยังไม่โตเต็มที่ ต่อให้พวกเขาจะมาเจอก่อน พวกเขาเองก็คงต้องรอให้มันโต”
ด้วนเผิงวางใจลงได้เปราะหนึ่ง แต่ก็ยังรู้สึกกังวลอยู่ไม่น้อย
เพราะการมีคู่แข่งมาก มันไม่ใช่เรื่องดีเลย
ถึงตอนนี้พวกเขาคงได้แต่แสดงฝีมือเข้าปะทะกัน
ตอนนั้นเองที่เงาร่างเจ็ดแปดคนก็เดินออกมาจากป่าทึบ เข้ามาปิดทางพวกเขาไว้จนสิ้น
ชายที่นำกลุ่มมานั้นมีร่างกายกำยำ ถือดาบวงแหวนวงใหญ่ไว้ในมืออย่างน่าเกรงขาม
ด้วนเผิงถอนหน้าสีและตะโกนร้องออกมา “ฉีตงอี่! ที่แท้พวกเจ้านี่เอง!”
ฉีตงอี่หัวเราะ “เฮอะ ข้าก็สงสัยว่าใครมา ที่แท้ก็เป็นเจ้า! ด้วนเผิง เจ้าเองก็คงมาหาผลภูติดินปีกเงินใช่ไหม? ไสหัวไปเสีย ที่นี่พอเจ้าจองไว้แล้ว!”
อีกฝ่ายนั้นเป็นกลุ่มนักล่าจำนวนแปดคน แค่อาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาวก็มีแล้วสี่ เพราะฉะนั้นฉีตงอี่จึงไม่ได้คิดจะใส่ใจการมาของด้วนเผิงนี้เลย
ด้วนเผิงหน้าเสียและบอกออกมา “ฉีตงอี่ เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาประกาศเช่นนี้? ที่นี่มันถูกข้าพบมาก่อน!”
ฉีตงอี่หัวเราะลั่น “เจ้าหาเจอ? ฮ่าๆๆ ด้วนเผิง เจ้าคิดว่าข้าเบื่อมากจนต้องมาฟังมุกตลกของเจ้าหรือ? สิทธิ์อะไรน่ะหรือ? ก็สิทธิ์ที่ข้ามาถึงก่อนไง! หืม? นี่มันน้องลัวยองไม่ใช่เรอะ?”
ฉีตงอี่ทักขึ้นมาเมื่อเห็นลัวยองด้วยท่าทางตกใจไม่น้อย
เมื่อลัวยองเห็นว่าเป็นฉีตงอี่ เขาก็แสดงท่าทางตื่นเต้นดีใจออกมาทันที
ลัวยองหัวเราะขึ้น “พี่ฉี ข้าไม่นึกเลยว่าจะมาเจอท่านที่นี่! ให้ตายเถอะ ข้าไม่เอากับพวกมันแล้ว! พี่ฉีข้าขอเข้ากลุ่มท่านด้วยแล้วกัน!”
เมื่อพูดจบลัวยองก็เดินมุ่งหน้าออกไปในทันที
ด้วนเผิงหน้าแดงก่ำและตะโกนออกมา “ลัวยอง ทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”
ลัวยองเย้ย “หมายความว่าอย่างไร? หึๆ ระหว่างทางมาข้าเห็นความขลาดของพวกเจ้ามาจนพอแล้ว! พวกเจ้าปิดกั้นข้าทุกทางเพื่อเจ้าเด็กคนนี้ แล้วยังหวังให้ข้าช่วยอะไรอีก? หากไม่ใช่เพราะผลภูติดินปีกเงินข้าคงกลับไปนานแล้ว! เมื่อได้มาเจอพี่ฉีตรงนี้พ่อเจ้าย่อมต้องย้ายข้างเป็นธรรมดา!”
เมื่อหยูจิงได้ยินนางจึงตะโกนร้องออกมาอย่างโกรธแค้น “ลัวยอง เจ้าเป็นคนที่หาเรื่องเย่หยวนก่อนแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับมาโทษผู้คนได้รึ!”
ลัวยองยิ้ม “นางมารร้าย หุบปากไปเสียเถอะ! เจ้าย่อมรู้ดีว่าข้าสนใจเจ้า แต่ก็ยังไปทำท่าทางจู๋จี๋กับมัน! ที่ทำไปย่อมเจตนาทั้งสิ้นใช่ไหมเล่า?”
ด้วนเผิงพูดขึ้น “ลัวยอง เจ้ากล้าทรยศกลุ่มตัวเองเรอะ! เจ้ายังอยากจะทำงานในที่แห่งนี้ต่อไปอยู่หรือไม่?”
ฉีตงอี่ที่มองดูเรื่องราวมาได้สักพักก็พอจะเข้าใจแล้วว่าฝั่งด้วนเผิงมันมีเรื่องราวอะไรกันมา
เมื่อได้เห็นด้วนเผิงว่าเช่นนั้น เขาจึงพูดขึ้น “เจ้าวางใจเถอะ ไม่มีใครรู้แน่ พี่น้องของข้าเหล่านี้เป็นคนปากหนักที่ฉีคนนี้เชื่อใจ หากพวกเขาไม่ว่าก็ไม่มีใครจะรู้”
คำพูดนี้มันแฝงความหมายมาอย่างชัดเจนว่าฉีตงอี่พร้อมที่จะปิดปากพวกเขาแล้วอย่างเต็มที่
ได้ยินแบบนั้นด้วนเผิงก็หน้าถอดสีทันที แต่เป็นลัวยองที่หัวเราะลั่นขึ้นมาอย่างสะใจ “ฮ่าๆๆ ด้วนเผิง เห็นไหม? นี่แหละที่เขาเรียกว่าพี่น้อง! อยากโทษก็ไปโทษเจ้าเด็กคนนั้นเถอะ!”
ฉีตงอี่หันไปบอกลัวยอง “มาครั้งนี้เดิมทีข้าก็ว่าจะไปชวนเจ้ามาด้วยกัน แต่เห็นน้องข้าไม่กลับมาเสียทีพี่ใหญ่คนนี้จึงตัดสินใจออกมาก่อน ไม่นึกเลยว่าสุดท้ายจะได้มาเจอกันที่นี่”
คนทั้งสองนี้มีนิสัยที่เรียกว่าเลวร้ายไม่แพ้กัน พวกเขาจึงมีความสนิทชิดเชื้อที่เหนือกว่าใคร
ไม่เช่นนั้นลัวยองเองก็คงไม่คิดที่จะหักหลังทรยศผู้คนในวินาทีที่เห็นฉีตงอี่หรอก
ลัวยองหัวเราะลั่น “พี่ข้า การเดินทางนี้ลัวผู้นี้ไม่ต้องการอะไรเลย แค่สังหารเจ้าเด็กคนนี้ที! หวังว่าพี่ท่านจะช่วยข้าจัดการมันหน่อย!”
ฉีตงอี่หันไปมองเย่หยวนอย่างตกใจก่อนจะหัวเราะออกมา “น้องลัว กับแค่ราชันพระเจ้าสามดาวเจ้ายังอยากให้ข้าช่วยอีก? เจ้าคิดอะไรไว้?”
ลัวยองกล่าวออกมาอย่างมืดมน “พี่ท่านอย่าได้ประมาทมันเชียว มันนั้นมีพลังมากพอที่จะปะทะกับราชาแมลงยอดระดับสี่ได้และไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแม้แต่น้อย พลังฝีมือของมันย่อมไม่ด้อยไปกว่าท่านหรือข้าเลย!”
เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวออกมาสีหน้าของฉีตงอี่ก็เปลี่ยนไปทันควัน
ราชันพระเจ้าสามดาวกลับมีปัญญาปะทะกับราชาแมลงยอดระดับสี่ได้ เรื่องนี้มันคงล้อเล่นกันแล้วใช่ไหม?
แต่ว่าฉีตงอี่ก็รู้ดีว่าเวลาเช่นนี้แล้วลัวยองย่อมไม่คิดที่จะมาล้อเล่นใดๆ แน่ เขาจึงเลือกที่จะเชื่อมัน
“หวังเสี่ยว พวกเจ้าสามคนไปจัดการด้วนเผิง! เด็กคนนี้ข้ากับน้องลัวจะจัดการมันเอง นอกจากนังผู้หญิงคนนั้นแล้วสังหารมันให้หมด!” ฉีตงอี่สั่งการ
หยูจิงนั้นตื่นตระหนกอย่างมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น “เย่หยวนรีบไปเร็ว! ด้วยพลังฝีมือของเจ้า เจ้าย่อมหนีไปได้แน่!”
เพราะหลังจากลัวยองทรยศไป ตอนนี้มันจึงเป็นศึกห้าต่อเก้า
ที่สำคัญอีกฝ่ายในเก้าคนนั้นยังมีราชันพระเจ้าหกดาวอยู่ถึงห้าคน!
ต่อให้หยูจิงจะได้เห็นพลังฝีมือของเย่หยวนมาแล้วแต่นางก็ยังไม่คิดว่าเย่หยวนจะมีฝีมือเหนือสวรรค์ เอาชนะจำนวนมากมายขนาดนี้ได้
ฉีตงอี่หัวเราะลั่นเมื่อได้ยิน “หนี? สาวน้อย เจ้าคงไม่รู้ว่าความเร็วจิตของข้านั้นเหนือล้ำโลกหล้า? หากข้าคิดลงมือต่อให้มันมีปีกกางบินหนีมันก็ไม่มีปัญญาจะหนีหรอก!”
เย่หยวนที่เงียบมาตลอดยิ้มออกมาในที่สุด “หนี? ข้าไปบอกตอนไหนกันว่าจะหนี?”
ฉีตงอี่หัวเราะเมื่อได้ยิน “เด็กน้อย กล้ามาก! แต่ว่า…มันเปล่าประโยชน์! ยอมตายไปเสียเถอะ!”
เย่หยวนไม่คิดสนใจเขาและหันไปมองลัวยอง “ข้านั้นไม่ได้คิดสนใจเจ้าก่อนหน้านี้ แต่ไม่นึกเลยว่าแม้จะไม่สนใจเจ้าก็ยังเปลี่ยนจากเลวเป็นร้ายไปได้ จนถึงขั้นคิดที่จะสังหารเพื่อนร่วมกลุ่มล่าของตน คนเช่นเจ้าย่อมไม่สมควรมีชีวิตอยู่!”
ลัวยองหัวเราะลั่น “ข้าไม่สมควรมีชีวิตอยู่? ฮ่าๆๆ เย่หยวน นี่เป็นมุกที่ตลกที่สุดเท่าที่ข้าเคยได้ยินตั้งแต่เข้าเขามาเลย! พี่ฉี อย่าได้ไปเถียงกับมันอีกเลย มาทำให้มันได้รู้ว่าใครกันแน่ที่ไม่สมควรมีชีวิต!”
“ได้! ข้าจะขอลองปะทะกับมันหน่อย อยากรู้เหลือเกินว่ามันจะเก่งอย่างที่เจ้าว่าไหม!”
พูดจบฉีตงอี่ก็พุ่งดาบวงแหวนเข้ามาใส่ร่างเย่หยวนทันที
พร้อมๆ กันนั้นลัวยองเองก้ขยับเช่นกัน!
ด้วยการโจมตีจากสองยอดอาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาวเช่นนี้ ความรุนแรงของมันจึงเหนือล้ำมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉีตงอี่ที่มีความเร็วเหนือจินตนาการ
ดาบวงแหวนนั้นแทบจะเรียกได้ว่ามันมาถึงหน้าของเย่หยวนในแค่พริบตา
แต่เย่หยวนก็ยังคงมีสีหน้านิ่งเรียบ และค่อยๆ วางตราขึ้นมาด้วยฝ่ามือ!
ฟุบ!
เย่หยวนใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติหลบดาบของฉีตงอี่และใช้โอกาสที่ดาบยังไม่ทันดึงกลับปล่อยตราที่วาดไว้ออกมา
ตรานิพพาน!
ลัวยองรู้ดีว่าดาบของฉีตงอี่ย่อมไม่มีทางจัดการเย่หยวนได้ เขาจึงเลือกที่จะตามเข้าไปโจมตีอย่างต่อเนื่อง แต่กลับพบว่าตรงหน้ามีคลื่นพลังงานอันแสนรุนแรงพุ่งเข้ามาปะทะร่าง!
ปัง!
เสียงดังลั่น ร่างของลัวยองปลิวลอยกลับไป เลือดสาดไปทั่วพร้อมๆ กับพลังชีวิตที่ค่อยๆ ดับลง
“เหมือนเจ้าจะเข้าใจผิดนะ ที่ข้าไม่สังหารเจ้าเพราะเจ้ามันเป็นแค่ขยะ หาใช่เพราะตัวเจ้าแข็งแกร่งใดๆ” เย่หยวนบอกออกมา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น