Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1724-1727

 ตอนที่ 1724 ยืมพลัง

 

“หะ? ราชันพระเจ้าห้าดาวคนนั้นน่ะนะ? ชะตาสีม่วง?”


“บ้าบอ! เจ้าหมอนี่มันมีชะตาที่สูงส่งกว่าเจียงหนานและโม่เฟยอีกรึ?”


“ไม่เอาน่า เจ้าคิดว่าท่านเจ้าศาลาจะมาล้อเล่นกับเจ้ารึไง?”



ทุกคนต่างตกตะลึง!


ไม่มีใครคาดคิดว่าหนิงเทียนปิงจะกลายเป็นคนที่มีดวงชะตาเจิดจ้าเสียยิ่งกว่าใครๆ คนอื่น


เพราะชะตายิ่งใหญ่หรือไม่นั้น มันก็พอจะดูออกได้จากพลังฝีมือที่แสดงออกมา


โดยปกติแล้วผู้ที่แข็งแกร่งกว่าใครๆ ในรุ่นเดียวกันย่อมมีโชคชะตาที่เจิดจ้ากว่าใครๆ


แต่เรื่องนั้นมันไม่เสมอไป ทุกคนรู้ดี


มันเพียงแค่ว่า หนิงเทียนปิงนั้นดูธรรมดาจนเกินไป!


แม้ว่าเขาจะมีฝีมือที่ไม่น้อย แต่เมื่อเทียบมันกับเจียงหนานหรือโม่เฟย มันก็ยังห่างชั้นกันอย่างมาก


ทุกคนจึงไม่อยากจะเชื่อว่าคนเช่นนี้จะเป็นคนที่มีดวงชะตาแก่กล้าที่สุดในหมู่ผู้ชนะทั้งแปดคน


เจียงหนานและโม่เฟยเองก็หันไปมองหนิงเทียนปิงอย่างตื่นตะลึงเช่นกัน ดวงตาของพวกเขาทั้งสองนั้นมีแต่ความไม่อยากเชื่อ


“ข-ข้า? ชะตาสีม่วง?”


หนิงเทียนปิงเองก็ยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าตัวเองเช่นกัน


เจ็ดปีก่อนเจียนเจิ้นเทาได้ช่วยเขามองดูรัศมีมาก่อน และตอนนั้นเขายังมีรัศมีแค่สีฟ้าเท่านั้น


ใครจะไปรู้ว่าเวลาผ่านไปแค่เจ็ดปี เขากลับกลายเป็นว่ามีชะตาสีม่วงแทนแล้ว!


หลังอยู่ในเมืองจักรพรรดิเลิศประกายมาหลายปี มันทำให้หนิงเทียนปิงเริ่มเข้าใจความแตกต่างของสีชะตาต่างๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว


เขาจำได้ว่าก่อนที่จะมาติดตามนายใหญ่นั้นชะตาของเขาอย่างมากก็คงไม่เกินสีเหลือง


เวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา เขากลับสามารถมีชะตาสีม่วงแทนได้!


ชะตาสีม่วง หรือเรียกชื่อเต็มๆ ว่ารัศมียอดม่วง มันเป็นชะตาที่สูงส่งที่สุดเท่าที่คนธรรมดาๆ คนหนึ่งจะมีได้แล้ว


คนที่มีรัศมียอดม่วงนั้นจะมีโอกาสสูงมากที่จะบรรลุผ่านไปได้ถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้!


ในเมืองจักรพรรดินั้น คนแบบนี้หาได้ยากมาก


เพราะว่าวิชาต่างๆ ที่สืบทอดกันมาในเมืองจักรพรรดินั้นล้วนแล้วแต่เป็นของตกทอดจากยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ ยากมากที่จะมีสมบัติจากเทพถ่องแท้ตกถึงมือใคร


และต่อให้มี เหล่าคนที่จะไปถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้มันก็มีน้อยแค่หยิบมือ


เพราะฉะนั้นทุกผู้คนจึงต่างตกตะลึงอย่างถึงที่สุด


สังเวียนร้อยศึกนี้มีการจัดขึ้นมาหลายร้อยปีแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ยอดอัจฉริยะที่มีรัศมียอดม่วงนั้นมันก็มีน้อยจนนับได้ด้วยมือเดียว!


แค่นี้มันก็มากพอจะแสดงแล้วว่ารัศมียอดม่วงนั้นหายากมากแค่ไหน


แต่การที่เขามีถึงรัศมียอดม่วงได้ในวันนี้ เรื่องราวทั้งหลายย่อมเป็นเพราะนายใหญ่ของเขา!


เวลาไม่กี่ร้อยปีมานี้การที่คนมีชะตาสีเหลืองธรรมดาๆ จะกลายเป็นรัศมียอดม่วงที่หาได้ยากนั้นมันคงเรียกได้ว่าโชคเสียยิ่งกว่าโชค! เหมือนปลาคาร์ปที่ว่ายผ่านประตูมังกร!


“หึๆ เจ้าหนุ่มไม่เชื่อคำของเฒ่าคนนี้อย่างนั้นรึ?” เจียนหงเซียวถามด้วยรอยยิ้ม


“ไม่ๆ เด็กน้อยผู้นี้จะไปสงสัยท่านเจ้าศาลาได้อย่างไร? ข้าแค่…รู้สึกไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่ เพราะยังไงเด็กน้อยผู้นี้ก็เป็นแค่นักยุทธมาจากเมืองจักรพรรดิระดับต่ำบ้านนอกแห่งหนึ่ง รัศมียอดม่วงนั้น มันเป็นสิ่งที่ข้าไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนเลยในชีวิต!” หนิงเทียนปิงบอกอกมาอย่างติดๆ ขัดๆ


แต่ทว่าคำพูดเหล่านี้มันกลับเหมือนเป็นสายฟ้าที่ผ่าลงกลางหัวผู้คนที่ได้รับฟัง


“หะ? มัน…มันเป็นเพียงแค่นักยุทธจากเมืองจักรพรรดิระดับต่ำ!”


“เจ้าล้อกันเล่นใช่ไหม? เมืองจักรพรรดิระดับต่ำนั้นกลับมีรัศมียอดม่วงเกิดมาได้?”


“เจ้าหมอนี่มันคิดจะมากลบฝังผู้คนใช่ไหมเนี่ย? ข้าล่ะอยากมุดแผ่นดินหนีเสียจริงๆ แล้ว!”



เหล่ายอดอัจฉริยะทมั้งหลายต่างระเบิดอารมณ์ออกมาทันทีที่ได้ยินคำของหนิงเทียนปิง


เมืองจักรพรรดิระดับต่ำ มียอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์แค่สามถึงห้าคน สมบัติใดๆ ก็ย่อมอ่อนแอ มีทรัพยากรที่แสนร่อยหรอ


แล้วสถานที่แบบนั้นมันจะมีรัศมียอดม่วงเกิดขึ้นมาได้อย่างไร?


ไปเจอสมบัติเทพถ่องแท้เข้า?


หากเรื่องนั้นมันง่ายดาย โลกใบนี้มันก็คงเต็มเปี่ยมไปด้วยยอดคนไปแล้ว


เจียนหงเซียวยิ้มตอบ “ชะตาของคนเรามันไม่ได้มั่นคงแน่นอน การที่เจ้ามีชะตาอย่างที่เป็นได้ในทุกวันนี้ย่อมล้วนแล้วแต่เพราะเจ้าถูกอำนาจของชะตาผู้มีพระคุณของเจ้าเข้าเปลี่ยนแปลง อย่างที่ว่า เมื่อนายได้ตรัสรู้ หมูหมากาไก่ย่อมขึ้นสวรรค์ตาม มันเป็นไปตามนั้นแหละ”


นั่นช่วยทำให้หนิงเทียนปิงเข้าใจได้ทันทีและเขาก็ย่อมรู้ว่าผู้มีพระคุณของตนนั้นคือใคร เขารีบหันไปมองเย่ยหวนด้วยสีหน้าสุดตื้นตัน “นายใหญ่ ท-ท่านได้ยินไหม? ข้า…ข้ามีรัศมียอดม่วงล่ะ!”


เย่หยวนยิ้ม “ไม่เลวๆ! ความพยายามหลายปีมานี้ของเจ้ามันส่งผลแล้วจริงๆ!”


ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นคนอีกหกคนหรือเหล่าผู้คนบนที่นั่งชม พวกเขาต่างไม่เคยรู้ถึงสายสัมพันธ์ของเย่หยวนและหนิงเทียนปิงมาก่อน


เมื่อได้ยินหนิงเทียนปิงเรียกเย่หยวนว่า ‘นายใหญ่’ พวกเขาทั้งหลายต่างก็แสดงสีหน้าสุดตื่นตกใจออกมา


เป็นตอนนี้เองที่พวกเขาทั้งหลายได้สติขึ้น มันยังมีเย่หยวนอีกนี่นา!


หนึ่งชะตาม่วง สองชะตาฟ้า แล้วเย่หยวนเล่า?


เดิมทีพวกเขาต่างสงสัยว่าเย่หยวนที่ชนะเลิศจะมีชะตาที่ต่ำกว่าเจียงหนานและโม่เฟย หรือต่ำกว่ากระทั่งหนิงเทียนปิงเลยหรือ?


มันไม่แปลกหรอกที่พวกเขาจะคิดไว้ก่อนว่าต่ำกว่า เพราะรัศมีจักรพรรดินั้นมันเป็นแค่ตำนานที่ไม่เคยปรากฏออกมาในประวัติศาสตร์


ส่วนรัศมีผ่าจักรพรรดินั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง


เพราะพวกเขาไม่เคยกล้าที่จะคิดถึงมัน!


ตอนนี้เมื่อรัศมียอดม่วงเรียกเย่หยวนว่า ‘นายใหญ่’ เช่นนี้แล้ว มันก็หมายความว่าเขาคนนี้เป็นผู้ติดตามของเย่หยวน


และในเรื่องที่ท่านเจ้าศาลามายาล้ำว่ามานั้น หนิงเทียนปิงได้รับการเปลี่ยนแปลงจากรัศมีของผู้มีพระคุณ


งั้นดวงชะตาของเย่หยวนจะยิ่งใหญ่แค่ไหนกัน?


เจียนหงเซียวไม่ปล่อยให้พวกเขาเดานานนัก เขายิ้มออกมา “หึๆ ทุกคนเดาถูกแล้ว! เรื่องแรกที่เฒ่าคนนี้จะประกาศก็คือในที่สุดสังเวียนร้อยศึกเราก็มีรัศมีจักรพรรดิปรากฏกายขึ้นมา! เขาคือเย่หยวนคนนี้! ที่สำคัญชะตาของเขายังยิ่งใหญ่และจะได้กลายเป็นตัวตนที่แสนทรงพลัง!”


หินก้อนเดียวทำทะเลปั่นป่วน!


เหล่าผู้คนที่มานั่งดูต่างแตกตื่นฮือฮากันยกใหญ่


“รัศมีจักรพรรดิ! เป็นรัศมีจักรพรรดิในตำนานจริงๆ! ไม่น่าล่ะ…ไม่น่าล่ะเขาถึงกดดันเจียงหนานได้ขนาดนั้น!”


“พระเจ้าช่วย อายุยืนแล้วมันได้เห็นอะไรใหม่ๆ ตลอดจริงๆ! ชีวิตเฒ่าๆ นี้ได้มีโอกาสเห็นรัศมีจักรพรรดิด้วยตาตัวเองแล้ว!”


“ให้ตายสิ! ข้าอยากเป็นเพื่อนกับเขาจริงๆ! ไม่สิ เป็นผู้ติดตามก็ได้! ขอให้ข้าโดนจิตนิรันดร์นั้นด้วยเถอะ!”


“ท่านเย่หยวน ท่านขาดคนดูแลเตียงยามค่ำคืนหรือไม่? ข้าขออาสา!”


“ฮ่าๆ!”



เจียนหงเซียวไม่ได้บอกถึงรัศมีผ่าจักรพรรดิเพราะมันจะสร้างความแตกตื่นจนเกินไป


แต่แค่รัศมีจักรพรรดิธรรมดาๆ มันก็สร้างความแตกตื่นมากพอแล้ว!


บนที่นั่งชมนั้น ไม่มีใครเลยที่คิดอิจฉาในรัศมีจักรพรรดิของเย่หยวน


พวกเขาอิจฉาหนิงเทียนปิงแทน!


เพราะเขานั้นเป็นแค่อัจฉริยะน้อยๆ จากเมืองจักรพรรดิระดับต่ำ ที่เติบโตขึ้นมาได้เพราะติดตามเย่หยวนจนกลายเป็นว่ามีรัศมียอดม่วงไป


ชะตาแบบนี้มันจะไม่เหนือฟ้าดินไปหน่อยหรือ?


เมื่อได้เห็นหนิงเทียนปิง พวกเขาทั้งหลายต่างก็เข้าใจทันทีว่าเมื่อตามติดเย่ยหวนพวกเขาย่อมได้รับผลประโยชน์ไปด้วย!


เย่หยวนมองดูเจียนหงเซียวด้วยสีหน้าเหนื่อยแรง แต่เจียนหงเซียวก็ตอบกลับมาด้วยท่าทางรู้สึกผิด


เย่หยวนนั้นย่อมเข้าใจว่าเจียนหงเซียวนั้นยืมชะตาของเขาเพื่อโฆษณาชื่อของเมืองจักรพรรดิเลิศประกายให้กว้างไกลไปอีก


สังเวียนร้อยศึกให้กำเนิดรัศมีจักรพรรดิ เมื่อข่าวนี้กระจายออกไปมันย่อมสร้างผลกระทบต่างๆ ไม่น้อย


มันย่อมเป็นเรื่องดีต่อเมืองจักรพรรดิเลิศประกาย


แต่เย่หยวนนั้นชอบที่จะทำตัวเงียบๆ ไม่โด่งดังมากกว่า


แต่อีกฝ่ายนั้นคือเจียนหงเซียว เขาจะทำอย่างไรได้?


หากอยากยืมพลังและอำนาจ ก็ยืมไป


เพราะเจ้านั้นเก่งกาจ เจ้ามีสิทธิว่ากล่าวมากที่สุด!


ใครใช้ให้เจ้ามาขอความช่วยเหลือจากเรา?


จากนั้นเจียนหงเซียวเองก็ทำมือขึ้นมาห้ามให้ทุกคนเงียบเสียงลง


เมื่อทุกคนเงียบลงได้แล้วจริงๆ เจียนหงเซียวจึงค่อยๆ บอก “เรื่องราวอันแสนน่ายินดีเช่นนี้ย่อมไม่แปลกที่เฒ่าคนนี้จะออกมาด้วยตัวเอง แต่…เรื่องที่สองนั้น…สังเวียนร้อยศึกครั้งต่อไปคงต้องเลื่อนจัดไปอีกพันปี”

 

 

 


ตอนที่ 1725 ฝูงดาวล้อมดวงเดือน

 

“หะ?! เลื่อนไปหนึ่งพันปี?”


“เรื่องอะไรกันเนี่ย? งั้น…ข้าก็ไม่มีโอกาสจะเข้าร่วมแล้ว?”


“ข้าอุตส่าห์รอว่าจะมาร่วมงานรอบหน้า แต่อีกพันปีแบบนี้…ตอนนั้นข้าคงอายุเกินไปแล้วกันพอดี”



คำพูดของเจียนหงเซียวนั้นเหมือนระเบิดลูกใหญ่ที่เปลี่ยนบรรยากาศรอบๆ ไปจนสิ้น


เพราะด้วยเวลาแค่สามร้อยปี ยอดอัจฉริยะบางคนยังไม่เติบโตแข็งแกร่งพอที่จะเข้าร่วม แต่พวกเขาก็หวังว่าจะได้เข้าร่วมในอนาคต


แต่อีกพันปี ถึงตอนนั้นยอดอัจฉริยะในตอนนี้คงมีอายุเกินกว่าที่จะเข้าร่วมงานได้แล้ว


ถึงตอนนั้น พวกเขาจะสิ้นโอกาสไปอย่างสิ้นเชิง


ตอนนี้ชื่อเสียงของเมืองจักรพรรดิเลิศประกายนั้นโด่งดังไปทั่ว เหล่ายอดอัจฉริยะที่ได้รับการทำนายและยอมรับจากยอดผู้อาวุโสของเมืองจักรพรรดิเลิศประกายนั้นจะเหมือนได้รับการยอมรับจากเทพเจ้า สถานะของพวกเขาทั้งหลายจะเปลี่ยนไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ


เพราะว่ามีเรื่องราวแบบนี้มันจึงยิ่งทำให้ชื่อเสียงของเมืองจักรพรรดิเลิศประกายยิ่งโด่งดังไปกว้างไกลกว่าเก่า


แต่หนึ่งพันปีมันนาน!


ยอดอัจฉริยะหลายต่อหลายคนรอมันไม่ไหวแน่!


แต่ในสายตาของเจียนหงเซียว ต่อให้มีคนเป็นหมื่นมันก็เอามาเทียบกับเย่หยวนไม่ได้


การทำให้ยอดอัจฉริยะหนุ่มที่มีรัศมีผ่าจักรพรรดิติดค้างบุญคุณกับตัวเขานั้น  มันเป็นเรื่องที่เหนือล้ำกว่าการได้สร้างหนี้บุญคุณให้เหล่าผู้มีรัศมียอดม่วงนับหมื่น


เพราะรัศมีผ่าจักรพรรดินั้น มันคือตัวตนที่สามารถขึ้นไปได้ถึงอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์!


หนี้บุญคุณกับเทพถ่องแท้หมื่นคนหรือจะเทียบเท่าหนี้บุญคุณกับจักรพรรดิเทพสวรรค์คนเดียว?


เพื่อการนี้แล้วเขายังจะกลัวแรงสะท้อนจากยอดเต๋าอีก?


“เอาล่ะ แยกย้ายได้! พวกเจ้าทั้งแปดวันพรุ่งนี้จงมาที่ศาลามายาล้ำเพื่อรับคำชี้นำแบบตัวต่อตัว!” เจียนหงเซียวโบกมือสั่งและหายตัวไป


และสังเวียนร้อยศึกก็จบลงด้วยประการฉะนี้


บนที่นั่งคนดูนั้นมีสองสายตาที่โกรธแค้นมองมายังเย่หยวน


หนึ่งนั้นย่อมเป็นเจียนปิง ส่วนอีกคนนั้น…เป็นหญิงสาว


หญิงสาวคนนี้มองดูเย่หยวนด้วยไฟแห่งความโกรธแค้นจนกัดฟันแน่น “พี่หยุน ความแค้นนี้ข้าจะช่วยท่านสะสางมันให้ได้!”


พูดจบนางก็เดินลงจากที่นั่งไปพร้อมๆ กับฝูงชน


เจียนปิงมองดูเจียงเมิ่งชิงที่เดินจากไปในฝูงชนด้วยรอยยิ้มที่แสนชั่วร้ายเปี่ยมใบหน้า


“เย่หยวน ข้าทำอะไรเจ้าในเมืองจักรพรรดิเลิศประกายนี้ไม่ได้ แต่…เจ้าสังการเซียโหหยุน เจ้าจงรอรับการตามล่าที่จะตามมาได้เลย!”


เจียงเมิ่งชิงนั้นคือศิษย์น้องของเซียโหหยุนและยังเป็นคนรักของเขาด้วย


เหตุผลที่เซียโหหยุนไปสัญญากับเจียนปิงว่าจะช่วยสังหารเย่หยวนให้ทีแรกมันก็เป็นเพราะว่าเขาต้องการให้เจียนปิงไปช่วยพูดกับเจียนฉาวหนิง ให้เจียนฉาวหนิงมาช่วยดูรัศมีทำนายชะตาให้เจียงเมิ่งชิง


เดิมทีเซียโหหยุนคิดว่าการสังหารเย่หยวนนั้นมันคงง่ายแค่พลิกฝ่ามือ ใครจะไปคาดคิดว่าสุดท้ายจะเป็นเขาเองที่ต้องจบชีวิตลง


ที่ด้านล่าง ผู้ชนะทั้งแปดต่างเข้ามาแสดงความยินดีกับเย่หยวน


เพราะตอนนี้ในสายตาของผู้คนนั้นเย่หยวนแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง


ยอดอัจฉริยะเหล่านี้ล้วนมีนิสัยถือดีเป็นทุนเดิม โดยปกติแล้วพวกเขาชอบมองดูถูกคนอื่นไปทั่ว


แต่อัจฉริยะที่มีรัศมีจักรพรรดินั้นมันแตกต่างจากพวกเขาไปอย่างคนละโลก


ต่อให้พวกเขาจะแพ้ แต่พวกเขาก็แพ้ให้ยอดอัจฉริยะรัศมีจักรพรรดิที่จะบรรลุอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้ในวันหน้า


ส่วนเป้าหมายของตัวพวกเขาเองนั้นมันก็เป็นได้แค่ยอดของอาณาจักรนภาสวรรค์


เพราะฉะนั้นแม้เย่หยวนจะได้ที่หนึ่งไป มันจึงไม่มีใครคิดตะขิดตะขวงใจใดๆ


ที่สำคัญการได้สนิทกับเย่หยวนไว้มันอาจจะช่วยให้พวกเขาได้อาบจิตนิรันดร์ของเย่หยวนและพัฒนาดวงชะตาของตัวเองขึ้นไปได้อีกขั้นจนอาจถึงรัศมียอดม่วง


เพราะยังไงเสียพวกเขาก็มีหนิงเทียนปิงให้เห็นเป็นตัวอย่าง


การอิจฉาดวงชะตาคนอื่นนั้นไม่สร้างประโยชน์ใดๆ ให้ชีวิต ตรงกันข้ามหากพวกเขาได้เป็นสหายกับเย่หยวนขึ้นมามันอาจจะช่วยเสริมดวงชะตาของพวกเขาด้วย


จะเลือกอย่างไร ยอดอัจฉริยะเหล่านี้ย่อมไม่ใช่คนโง่และเข้าใจถึงทางออกที่ดีที่สุด


“ที่แท้สหายเย่นั้นมีรัศมีจักรพรรดินี่เอง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย โม่เฟยขอคารวะ!” โม่เฟยบอกออกมาจากก้นบึ้งของจิตใจ


เย่หยวนนั้นแสดงเมตตา โม่เฟยจึงรู้สึกขอบคุณเป็นทุนเดิม


เพราะในสถานการณ์แบบนั้น เย่หยวนสามารถสังหารเขาลงได้อย่างง่ายดายจริงๆ


เรื่องแบบนี้ เมื่อลงดาบไปแล้วการที่จะไม่สังหารมันย่อมยากกว่าการลงมือสังหารเสียจริงๆ ด้วยซ้ำ!


เย่หยวนยิ้มตอบ “เจ้าและข้าไม่ได้มีความแค้นใดกันมาก่อน จะสังหารเข้าไปทำไม? สุดท้ายมันก็แค่การประลองฝีมือ แค่ตัดสินว่าใครเหนือกว่าย่อมเป็นพอแล้ว แต่เซียโหหยุนนั้นมันต่างจากพวกเจ้า มันนั้นถูกผู้คนจ้างมาให้สังหารข้าบนสังเวียน หากมันอยากสังหารข้า มันก็ย่อมต้องเตรียมใจถูกข้าสังหารด้วย”


เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็รู้สึกราวกับว่าได้ตรัสรู้


ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเย่หยวนถึงได้ทำอะไรรุนแรงเช่นนั้นออกมา ที่แท้เป็นเซียโหหยุนที่คิดจะสังหารเขานี่เอง!


เซียโหหยุนนั้นน่าจะมีดวงชะตาสีฟ้าเช่นกัน น่าเสียดายที่เขาไปลบหลู่คนที่ไม่ควรยุ่งเข้า ถึงขั้นคิดอยากสังหารผู้มีรัศมีจักรพรรดิเช่นนี้ หากไม่เรียกว่ารนหาที่ตายก็คงไม่รู้จะเรียกอะไรแล้ว


เพียงแค่ว่าก่อนหน้านี้มันไม่มีใครคนไหนเลยที่คิดว่าสังเวียนร้อยศึกครานี้มันจะมียอดคนที่มีรัศมีจักรพรรดิปรากฏตัวขึ้นมาเช่นนี้


เจียงหนานบอกขึ้น “หากเป็นเช่นนั้นสหายเย่ต้องระวังตัวให้มาก พ่อของเซียโหหยุนนามเซียโหเหวินเจียนนั้นให้ค่ากับเซียโหหยุนมาก หากเขารู้ว่าเซียโหหยุนตายลงด้วยมือของสหายเย่เขาคงไม่ปล่อยเรื่องราวนี้ผ่านไปง่ายๆ แน่”


เย่หยวนตื่นตกใจเล็กน้อยและยกมือขึ้นมาคารวะ “ขอบคุณสหายเจียงหนานที่เตือน ข้ารับทราบแล้ว!”


เจียงหนานยิ้มตอบ “เจียงผู้นี้เติบใหญ่มาจากเมืองจักรพรรดิม่วงวารี หากวันหน้าสหายเย่มีเวลาข้าขอเชิญเจ้ามาที่เมืองจักรพรรดิม่วงวารีเรา เจียงผู้นี้จะขอต้อนรับเจ้าอย่างดีเลย!”


เย่หยวนยกมือขึ้นขอบคุณด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนๆ!”


จากนั้นเหล่าผู้คนทั้งหลายก็เข้ามารุมล้อมเย่หยวนเพื่อแสดงอัธยาศัยไมตรี


ตอนนี้แม้แต่หนิงเทียนปิงที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่มีใครคิดมองข้าม


เพราะยังไงเสียผู้มีรัศมียอดม่วง อนาคตของเขาเองก็คงไม่ต่ำต้อยเลย!


หนิงเทียนปิงไม่เคยคิดเคยฝันว่าตัวเองจะได้รับคำชมเยินยอจากผู้คนมากมายขนาดนี้ มันเป็นความรู้สึกที่แสนจะล่องลอย



วันต่อมาเย่หยวนก็มาที่ศาลามายาล้ำอีกครั้งเพื่อเข้าพบกับเจียนหงเซียวในห้องส่วนตัวของเขา


เมื่อเจียนหงเซียวเห็นเย่หยวนเขาก็หัวเราะลั่น “ฮ่าๆ สมแล้วที่มีรัศมีผ่าจักรพรรดิ สหายหนุ่มนั้นแสดงฝีมือได้เหนือล้ำกว่าที่เฒ่าคนนี้คาดคิดเสียเหลือเกิน! ชิๆ ผสานแนวคิดแห่งดาบกับแนวคิดแห่งห้วงมิติ ช่างเป็นดาบที่แสนเยี่ยมยอด! นอกจากนั้นเจ้ายังบ่มเพาะทั้งพลังปราณและฝึกฝนร่างกาย ช่างเปิดหูเปิดตาเฒ่าคนนี้นัก!”


ดูท่าแล้วเขาคงจับตามองดูการต่อสู้ของเย่หยวนอย่างจริงจัง


แต่ความตื่นตกใจที่เขามีต่อพลังฝีมือของเย่หยวนนั้นมันก็ไม่ได้น้อยไปกว่าคนอื่นๆ เลย


เพราะเย่หยวนนั้นมีอาณาจักรพลังบ่มเพาะที่เรียกว่าไม่ได้ดีนักในหมู่นักยุทธที่เข้าร่วม


แต่การบ่มเพาะปราณและฝึกร่างกาย ผสานแนวคิดแห่งดาบและแนวคิดแห่งห้วงมิติ เมื่อรวมๆ ของพวกนี้เข้าด้วยกันแล้วมันจึงไม่มีคำอื่นจะอธิบายได้นอกจากคำว่าสุดยอด


เย่หยวนยิ้ม “ท่านผู้อาวุโสก็ชมเกินไป เย่หยวนคนนี้แค่โชคดีเท่านั้น”


เจียนหงเซียวยิ้ม “สำหรับตระกูลเจียนแล้ว ทุกสิ่งและทุกอย่างย่อมผูกพันกับโชคชะตาของเจ้า โอกาสและโชคทั้งหลายเองก็ย่อมเป็นส่วนหนึ่งของโชคชะตา สหายหนุ่มเย่หยวน เฒ่าคนนี้ขอยืมใช้ชื่อและพลังของเจ้าโดยไม่ได้ขอก่อน หวังว่าเจ้าจะไม่โกรธเคืองกัน!”


เทียบกับครั้งก่อนแล้ว เจียนหงเซียวนั้นมีท่าทีอ่อนลงมาก


แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงนี้มันย่อมเกิดขึ้นมาจากสิ่งที่เย่หยวนแสดงในสังเวียนร้อยศึก


เพราะจริงๆ เขาเองก็ไม่ได้ใช้ศาสตร์การดูรัศมีกับเย่หยวน คำที่บอกว่าเย่หยวนมีรัศมีผ่าจักรพรรดินั้นเองก็เป็นเพียงแค่การคาดเดาจากประสบการณ์เท่านั้น


เพราะแม้ว่าเขาจะมีพลังที่สูงส่ง แต่เขาก็ยังไม่อยากจะใช้ศาสตร์มองดูรัศมีของเย่หยวนอย่างส่งเดช


เพราะหากถูกยอดเต๋าสะท้อนเข้า ร่างเฒ่าๆ นี้ของเขาคงจบสิ้นกันแน่


การที่บอกให้เย่หยวนไปร่วมสังเวียนร้อยศึกเอง ส่วนหนึ่งก็เพื่อที่จะปฏิเสธเย่หยวนไปอย่างอ้อมๆ


ส่วนอีกด้านก็เพื่อจะมองดูตัวตนที่ชื่อว่าเย่หยวนนี้อย่างจริงจัง


และดูท่าว่าพลังฝีมือที่เย่หยวนแสดงออกมามันจะเหนือล้ำกว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก!


และนี่มันยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าเย่หยวนนั้นมีรัศมีผ่าจักรพรรดิติดตัวจริงๆ


เมื่อได้พบเจอเย่หยวนอีกครั้ง สิ่งแรกที่เจียนหงเซียวทำจึงเป็นการขอโทษ

 

 

 


ตอนที่ 1726 สภาวะตรัสรู้

 

“อย่างที่ข้าน้อยเคยบอกไปว่าตราบเท่าที่ท่านผู้อาวุโสจะช่วยข้าตามหาผู้เป็นที่รัก ข้าน้อยย่อมยอมจ่ายทุกอย่าง เรื่องเล็กน้อยแค่นี้มีอะไรให้ต้องขอโทษกัน?” เย่หยวนตอบ


เจียนหงเซียวยิ้มตอบ “สหายหนุ่มเย่หยวนช่างเป็นผู้ถือมั่นในสายสัมพันธ์ หากเป็นเช่นนั้นแล้วก็มาเริ่มกันเถอะ! แต่…เฒ่าคนนี้เองก็คงดูได้ไม่แจ่มชัดนัก คงบอกได้แค่ว่าจะพยายามเท่านั้น”


ใบหน้าของเย่หยวนดูอ่อนแรงลงทันทีแต่ก็กลับกลายเปลี่ยนเป็นความกังวลตามมา “ผู้อาวุโสท่านแค่พยายามเท่าที่ทำได้เย่หยวนคนนี้ก็ซาบซึ้งอย่างถึงที่สุดแล้ว”


เย่หยวนรู้ดี ไม่ว่าเจียนหงเซียวจะทำสำเร็จหรือล้มเหลว เขาก็ต้องได้รับผลสะท้อนจากยอดเต๋าแน่นอน


แค่เรื่องนี้มันก็มากพอที่จะทำให้เขาติดหนี้บุญคุณเจียนหงเซียวแล้ว


เจียนหงเซียวพยักหน้ารับ “มาสิ”


พูดจบเจียนหงเซียวก็เดินมือไขว้หลังเข้าไปยังห้องด้านใน


เย่หยวนจึงรีบเดินตามเข้าไปทันที


เมื่อเข้ามาเย่หยวนก็ได้พบกับความรู้สึกเหมือนเดินเข้ามาในโลกใบใหม่อีกครั้ง


ด้านในนี้มันให้ความรู้สึกที่สั่นสะท้านไปถึงวิญญาณ


ที่ตรงกลางห้องนั้นมีตรายันต์แปดทิศวาดอยู่พร้อมด้วยสัญลักษณ์หยินหยางตรงกลาง


รอบๆ นั้นมีการกำหนดทิศเหนือ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทิศตะวันออก ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทิศใต้ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทิศตะวันตก ทิศตะวันตกเฉียงเหนืออยู่ครบด้าน


ตรายันต์แปดทิศนี้มันครบบรรจบตัวเอง สร้างแสงสว่างแปลกๆ ออกมาส่องสว่างทั่วบริเวณ


ราวกับว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากเจ้ายันต์ตัวนี้


ส่วนตัวเย่หยวนเองนั้นก็คุ้นเคยกับยันต์แปดทิศนี้ไม่น้อย


ตอนนั้นที่ยังอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เขาได้มีโอกาสหลอมโอสถด้วยยอดเต๋า มันเป็นการใช้ยันต์แปดทิศนี้นี่เอง


ยันต์แปดทิศนี้มันเป็นสิ่งที่แสนจะลึกลับซับซ้อน ความรู้สึกที่เย่หยวนรับรู้นั้นมันเป็นความรู้สึกที่ปั่นป่วน


การหลอมโอสถด้วยยอดเต๋าของเขานั้นมันกลั่นยันต์แปดทิศออกมา และการทำนายชะตาสวรรค์นี้เองมันก็มีการใช้ยันต์แปดทิศเช่นกัน


หรือว่าทั้งสองสิ่งนี้มันจะมีอะไรเกี่ยวข้องกัน?


ในเวลานี้สมองของเย่หยวนมันเปี่ยมไปด้วยความคิดเหล่านี้อย่างมากมายมหาศาลจนเริ่มคิดไปถึงต้นกำเนิดของยอดเต๋า


เพราะดูท่าแล้วมันต้องมีความเกี่ยวข้องอะไรสักอย่างระหว่างยันต์แปดทิศหยินหยางและยอดเต๋าแน่


ไม่นานเย่หยวนก็เข้าสู่สภาวะแปลกประหลาด


“สหายหนุ่ม เจ้าไปยืนทำอะไรอยู่หน้ายันต์แปดทิศกัน รีบ…”


เจียนหงเซียวพูดออกไปได้ยังไม่ทันขาดคำเขาก็พบว่าเย่หยวนกำลังเดินเข้าไปในวงยันต์แปดทิศแล้ว นั่นทำให้เขาตื่นตกใจอย่างมากมาย


เขาอยากจะรีบไปดึงตัวเย่หยวนกลับมา แต่มันก็สายไปแล้ว


“อย่าเข้า…”


เจียนหงเซียวพูดยังไม่ทันขาดคำอีกครั้งเขาก็ต้องเบิกตากว้าง ดูภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา


ยันต์แปดทิศนี้เป็นสิ่งที่เขาติดตั้งไว้ตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ และมันก็เปี่ยมไปด้วยความรู้ความเข้าใจในยอดเต๋าที่เขาสั่งสมมาทั้งชีวิต


ต่อให้เป็นนักยุทธอาณาจักรนภาสวรรค์ การเข้าไปด้านในมันก็คงส่งผลทำให้พวกเขาต้องบาดเจ็บกระอักเลือดคำโตด้วยแรงกดดันจากยอดเต๋า


แต่ทว่าเย่หยวนกลับเดินเข้าไปได้อย่างไม่มีท่าทางยากลำบากใดๆ


เย่หยวนยืนนิ่งอยู่กลางสัญลักษณ์หยินหยางด้วยดวงตาที่ปิดแน่น ราวกับว่าเขาได้ตัดขาดกับโลกภายนอกไปแล้ว


เจียนหงเซียวมองดูภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง “เด็กคนนี้…ตรัสรู้? ความเข้าใจในยอดเต๋าของเขามันมีมากถึงเพียงนี้เชียว?”


เจียนหงเซียวนั้นตื่นตะลึงอย่างเต็มหัวใจ เพราะตัวเขานั้นต้องใช้เวลากว่าล้านปีในการศึกษายอดเต๋าจนกว่าเขามาถึงจุดนี้ได้


แล้วเย่หยวนอายุเท่าไหร่?


จู่ๆ เย่หยวนก็เริ่มขยับ


ตอนนี้มือของเย่หยวนผายออกมาเป็นกำปั้นและก็เกิดยันต์แปดทิศปรากฏขึ้นมาตรงหน้าอย่างช้าๆ


จากนั้นเย่หยวนก็ค่อยๆ ขยับอย่างต่อเนื่องเป็นจังหวะ และภาพยันต์แปดทิศนั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนหมุนไปตาม


มันเป็นภาพและท่าทางที่คล้ายกับการหลอมโอสถด้วยยอดเต๋าในครานั้น


เจียนหงเซียวร่างสั่นสะท้านทันที “หลอมโอสถด้วยยอดเต๋า! เขากำลังทำความเข้าใจวิถีโอสถ! เด็กคนนี้…มีความรู้ด้านโอสถมากถึงขนาดนี้เลยเชียว ช่างน่าเหลือเชื่อนัก!”


เพราะการที่เจียนหงเซียวจะสร้างยันต์แปดทิศได้สมบูรณ์ขนาดนี้ มันย่อมแสดงออกมาว่าเขานั้นมีความรู้มากกว่าที่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์คนไหนๆ จะเทียบเคียงได้


แต่เย่หยวนกลับสามารถประดิษฐ์ยันต์แปดทิศขึ้นมาได้ด้วยวิธีที่แตกต่างแต่ได้ผลลัพธ์ที่คล้ายกัน


เพราะเส้นทางที่เย่หยวนเดินนั้นคือเส้นทางนักหลอมโอสถ ส่วนเขานั้นเดินในเส้นทางศาสตร์แห่งความลับ มันเป็นเส้นทางที่แสนแตกต่างแต่กลับพาพวกเขามาบรรจบลงที่เดียวกัน


วินาทีที่เย่หยวนได้เห็นยันต์แปดทิศนี้เขาก็รู้สึกได้ถึงเสียงสะท้อนจากวิถีโอสถของตนเองทำให้เข้าได้เข้าสู่สภาวะตรัสรู้ทันที


ตอนนั้นที่เย่หยวนหลอมโอสถด้วยยอดเต๋าได้ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาไม่คิดไม่ฝันว่าบนมหาพิภพถงเทียนนี้เขาจะสามารถใช้มันได้อีกครั้ง


เพราะดินแดนศักดิ์สิทธิ์และมหาพิภพถงเทียนนั้นมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง


หลังเย่หยวนมาถึงมหาพิภพถงเทียน แม้ว่าความรู้ด้านวิถีโอสถของเขาจะพัฒนาขึ้นได้อย่างก้าวกระโดดแต่มันก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะหลอมด้วยยอดเต๋าได้


แต่ตอนนี้เมื่อได้มาเห็นยันต์แปดทิศนี้เขาก็สามารถทำมันได้


เจียนหงเซียวนั้นตื่นตกใจอย่างถึงที่สุด เขารู้ดีว่านักหลอมโอสถที่สามารถใช้ยอดเต๋าหลอมโอสถได้นั้นบนมหาพิถงเทียนนี้มันมีเพียงแค่หนิบมือ


และคนเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนที่สร้างชื่อสะท้านมหาพิภพถงเทียน


แม้แต่จักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายก็ยังไม่กล้าจะไปทำอะไรเสียมารยาทกับคนเหล่านั้น


แต่แน่นอนว่าผู้คนเหล่านั้นเป็นสัตว์ประหลาดที่มีชีวิตยืนยาวอยู่มานานแสนนาน


ส่วนเด็กหนุ่มนามเย่หยวนคนนี้มีอายุแค่ไม่ถึงพันปี กลับสามารถเดินมาถึงจุดนี้ได้มันคงไม่มีทางที่เขาจะห้ามความตื่นตกใจไว้ได้


หลังหายตกใจแล้วเจียนหงเซียวก็ยิ่งรู้สึกอิ่มเอมใจ!


หลังจากเย่หยวนหักหมุนมันไปเรื่อยๆ ภาพยันต์แปดทิศนั้นก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นและยิ่งดูลึกลับมากขึ้นกว่าเก่า


ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่สุดท้ายเย่หยวนก็ได่ดึงมือกลับมาไว้และปล่อยให้ภาพของยันต์แปดทิศนั้นหายลับไปสู่ความว่างเปล่า


เขาค่อยๆ เปิดตาออกมาด้วยรอยยิ้มที่แสนอิ่มเอม


หลังจากอาณาจักรเต๋ามา วิถีโอสถของเขามันก็ไม่มีการบรรลุใดๆ เพิ่มอีกเลย


แต่ตอนนี้ในที่สุดเขาก็บรรลุความหวังนั้นได้


เขาหันไปมองดูเจียนหงเซียวและกล่าวอย่างรู้สึกผิด “ผู้อาวุโส ต้องขออภัยจริงๆ ข้าน้อยผู้นี้เดินเข้ามาในยันต์แปดทิศนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต”


เจียนหงเซียวยกมือขั้นมาโบกปัดและหัวเราะลั่น “ในที่สุดเฒ่าคนนี้ก็ได้รู้แล้วว่ารัศมีผ่าจักรพรรดิมันเหนือฟ้าดินแค่ไหน! ฮ่าๆๆ สายหนุ่มเย่หยวน เจ้าช่วยให้เฒ่าคนนี้ได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ! หลอมโอสถยอดเต๋า! เฒ่าคนนี้ก็อยู่มาจนเกือบถึงโลงแล้วแต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เห็นมัน! ช่างเยี่ยมยอดนัก!”


เย่หยวนค่อยๆ เดินออกมาจากยันต์แปดทิศและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “วิถีโอสถนั้นมันช่างลึกลับและสูงส่ง ข้าน้อยอยากหาทางบรรลุมันมานานปี ไม่นึกเลยว่าเรื่องนั้นจะมาเกิดขึ้นที่นี่ได้ จะว่าไปเรื่องนี้ผู้น้อยก็ติดค้างท่านผู้อาวุโสอีกเรื่องแล้ว”


เจียนหงเซียวลูบเครายาวของตนด้วยรอยยิ้มกว้าง “เฒ่าคนนี้ไม่ว่าหรอกหากจะทำให้เจ้าติดหนี้บุญคุณเพิ่มได้ ยิ่งมากสิยิ่งดี ฮ่าๆๆ เอาล่ะ ตอนนี้ไว้แค่นี้ก่อน มาเริ่มกันเถอะ! เจ้าไปนั่งบนเสื่อตรงนั้นและเขียนชื่อของผู้คนที่อยากตามหาบนโต๊ะ เฒ่าคนนี้จะดูให้เอง”


ที่ข้างๆ ยันต์แปดทิศนั้นมันมีเสื่อและโต๊ะวางอยู่


บนโต๊ะมีพู่กันและกระดาษวางอยู่หลายชิ้น


เย่หยวนเดินไปตามคำบอกและเขียนชื่อทั้งหลายลงไป เยวี่ยเมิ่งลี่ อิ้งหมัวหู่ ลู่เอ๋อและภูตเพลิง


เจียนหงเซียวค่อยๆ เดินเข้าไปในยันต์แปดทิศและนั่งลงขัดสมาธิตรงกลางก่อนจะเปิดปากพูดอีกครั้ง “ในไม่ช้าเฒ่าคนนี้จะค่อยๆ ทำนายไปทีละคน ใครก็ตามที่ชื่อมีแสงส่องออกมาเจ้าอ่านมันไว้ในใจด้วยล่ะ เข้าใจนะ?”


เย่หยวนพยักหน้ารับด้วยท่าทางที่ค่อยข้างกังวล “รับทราบ!”


ไม่ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขนาดไหนขึ้นมา เย่หยวนนั้นก็รักษาท่าทางมุ่งมั่นหนักแน่นมาได้เสมอ


แต่ตอนนี้เขากำลังกังวล


เขานั้นกังวลมาก หากว่าหนึ่งในสี่นี้มีใครไปเจอเรื่องราวไม่คาดฝันเข้า เขาจะรับมันไว้ได้อย่างไร?


เย่หยวนนั้นสามารถสังหารยอดศัตรูและยอมรับที่จะถูกสังหารได้ มีแค่กับคนรอบๆ ตัวเท่านั้นที่เขายากจะปล่อยมือไป


เจียนหงเซียวเองก็เหมือนจะมองเรื่องนี้ออกจึงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “หากไม่มีภัยก็เป็นพร หากเป็นภัยแล้ว มันก็เลี่ยงมิได้ ชะตาของเจ้านั้นสูงส่งคนรอบตัวเจ้าเองก็ย่อมจะได้รับแสงจากมันไปด้วย การที่พวกเขาจากเจ้าไปมันอาจจะไม่ได้เป็นเรื่องร้ายก็ได้”

 

 

 


ตอนที่ 1727 ชะตาที่ซับซ้อนและยุ่งเหยิง

 

เบื้องหน้าเย่หยวนนั้นชื่อเริ่มเรืองแสงขึ้นมาติดๆ กันจริงๆ


ยันต์แปดทิศส่องแสงสว่างวาบไปมา ผสานหยินหยางเปิดเผยชะตาแห่งยอดเต๋า


ชื่อของเยวี่ยเมิ่งลี่ลอยออกมาจากกระดาษที่เขียนและถูกดูดเข้าไปในห้วงแสงหมุนของยันต์แปดทิศ


สุดท้ายชื่อของเยวี่ยเมิ่งลี่ก็แตกออกและกลายเป็นก้อนแสงเล็กๆ กระจายรวมเข้ากับพายุแสงไป


“อ่อก!”


จู่ๆ เจียนหงเซียวก็รู้สึกได้ถึงรสหวานที่ลำคอและต้องกระอักเลือดออกมา คลื่นพลังจากตัวของเขาค่อยๆ เบาบางจางหายไปเรื่อยๆ


“ผู้อาวุโส!” เย่หยวนหน้าถอดสีและตะโกนขึ้นมา


แต่เจียนหงเซียวก็ยกมือขึ้นมาโบกปัด “ไม่เป็นไร ต่อไป!”


ตอนนี้เขาพยายามที่จะฝืนใช้วรยุทธวิญญาณลับโกลาหลเพื่อทำให้ยันต์แปดทิศนั้นเคลื่อนหมุนออกไปอีกครั้ง


เย่หยวนต้องเปลี่ยนสีหน้าไปมาหลายทีเมื่อได้เห็นภาพนี้ เขาสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะค่อยๆ หันไปอ่านชื่อที่เหลือในใจ


จากนั้นชื่อของคนที่เหลือก็มีสภาพคล้ายๆ กับชื่อของเยวี่ยเมิ่งลี่ มันลอยเข้าไปผสานกับยันต์แปดทิศ


และระหว่างนั้นเจียนหงเซียวก็กระอักเลือดออกมาหลายต่อหลายทีติดๆ กัน ดูท่าทางเหมือนจะแก่ลงไปหลายปีทีเดียว


เย่หยวนเห็นเช่นนั้นเขาย่อมรู้ได้ทันทีว่าเจียนหงเซียวกำลังรับผลสะท้อนจากยอดเต๋า อายุขัยของเขากำลังเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ


เย่หยวนคิดตั้งมั่นขึ้นในใจว่าวันข้างหน้าหากเขาได้ประสบความสำเร็จแล้วเขาจะต้องกลับมาช่วยรักษาเจียนหงเซียวให้กลับไปอยู่ในสภาพสมบูรณ์ให้ได้


เมื่อแสงจางหายไป การทำนายของเจียนหงเซียวก็จบลงในที่สุด


เย่หยวนรีบวิ่งไปประคองเขาและถามอย่าเป็นกังวล “ท่านผู้อาวุโส ท่าน…เป็นอะไรมากหรือไม่?”


เจียนหงเซียวพยายามฝืนกลืนจิตของตัวเองลงไปและกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร ข้ายังไม่ตายหรอก แต่แค่ทำนายชะตาคนไม่กี่ผู้กลับทำให้เฒ่าคนนี้เสียอายุขัยไปนับหมื่นๆ ปี หึๆ หากข้าไปทำนายดวงชะตาเจ้าเข้า เฒ่าคนนี้คงได้แต่กระอักเลือดตายแน่ รัศมีผ่าจักรพรรดิมันช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน!”


เจียนหงเซียวนั้นมีความรู้เข้าใจในศาสตร์ลึกลับอย่างมาก และเขาก็ยึดมั่นในความแข็งแกร่งนี้ของตัวเองมาตลอด


แต่เขาไม่เคยคิดเคยฝันว่าในวันนี้ แค่การทำนายหาที่อยู่ของคนสนิทเย่หยวนไม่กี่คน ตัวเขากลับต้องรับผลสะท้อนรุนแรงแบบนี้


การทำนายในครั้งนี้เขาถึงขั้นที่ปิดกั้นชะตาจากเย่หยวนและพยายามทำการทำนายจากมุมอื่นแทน แต่ผลลัพธ์ที่ออกมามันก็ยังน่าขนลุกไม่น้อย


เจียนหงเซียวคิดไม่ออกเลยว่าหากตัวเขาไปทำนายดวงชะตาของเย่หยวนเข้าตรงๆ มันจะเกิดอะไรขึ้นกันเขา


รัศมีผ่าจักรพรรดิ มันช่างเป็นดวงชะตาที่เหนือฟ้าดินเสียนี่กระไร!


เขาทนทานรับมันไว้ไม่ไหว!


เย่หยวนค่อยๆ ประคองตัวเจียนหงเซียวลุกขึ้นมานั่งบนฟูก เจียนหงเซียวเองก็เงยหน้าขึ้นไปมองดูเย่หยวนและบอก “เฒ่าคนนี้ล่ะสงสัยจริงๆ ว่าชะตาของสหายหนุ่มเย่หยวนจะเป็นอย่างไร แต่น่าเสียดายที่พลังฝีมือของข้ามันยังด้อยเกินไป! ดูท่าคนที่จะทำนายดวงชะตาให้เจ้าได้คงมีแต่ท่านบรรพบุรุษแล้ว!”


สำหรับคนตระกูลเจียนแล้ว การได้เห็นผู้มีดวงชะตาแข็งแกร่งเหมือนเย่หยวนนั้นมันเหมือนได้เห็นสมบัติโอสถล้ำค่าตรงหน้า


มันเป็นความอยากรู้อยากเห็นที่ยากจะกดไว้


ไม่เช่นนั้นเจียนปิงก็คงไม่พลาดไปมองดูเย่หยวนด้วยคำพูดช่วยสงสัยแค่ไม่กี่คำหรอก


แต่น่าเสียดายที่ชะตาของเย่หยวนนั้นมันช่างเจิดจ้าจนแม้แต่เจียนหงเซียวก็ยังไม่สามารถมองดูมันได้


การจะทำนายเรื่องใดๆ ให้เย่หยวนนั้นคนผู้ทำนายต้องเข้าหาทางอ้อมแทน


และความยากของมันนั้น มันยากจนเกินกว่าที่ผู้คนทั่วๆ ไปจะเข้าใจได้เลย


มีแต่เจียนหงเซียว ยอดคนระดับนี้เท่านั้นที่จะพอทำได้


เย่หยวนยิ้มตอบ “หวังว่าสักวัน ข้าจะได้รับการทำนายจากท่านจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้จริงๆ!”


เจียนหงเซียวยิ้มรับ “คำพูดนั้นของเจ้ามันอาจจะเป็นจริงเข้าสักวัน เฒ่าคนนี้เองก็ได้ดูดวงชะตาให้เจ้าแล้ว ชะตาของเจ้านั้นมันไม่ธรรมดา แม้แต่ในหมู่คนที่มีรัศมีผ่าจักรพรรดิ เจ้าก็ยังนับได้ว่าสูงส่ง!”


เย่หยวนพยักหน้าและถามอย่างกังวล “แล้วท่านผู้อาวุโส เรื่องนั้น…ผลออกมาเป็นอย่างไรบ้าง?”


เจียนหงเซียวมองดูเย่หยวนอย่างเหนื่อยอ่อน “มีผล แต่ก็ไม่นับได้ว่ามี เฒ่าคนนี้พยายามอย่างสุดความสามารถแล้วจริงๆ แต่ก็ยังเห็นมันแค่เล็กน้อยเท่านั้น”


เย่หยวนหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะก่อนจะถาม “ท่านผู้อาวุโสโปรดบอกมาเถิด”


เจียนหงเซียวยิ้ม “เจ้าอย่าได้กังวลไปนัก ดูจากสภาพตอนนี้แล้วอย่างน้อยๆ ทั้งสี่คนก็ยังไม่ตาย”


คำพูดนั้นมันเหมือนลมเป่าภูเขาออกจากอกเย่หยวนและทำให้เขาวางใจลงได้ระดับหนึ่ง


ตราบเท่าที่คนยังไม่ตาย เรื่องราวต่างๆ มันย่อมพูดคุยกันต่อได้


เพราะสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดก็คือเรื่องราวสุดเลวร้ายนั้นจะเกิดขึ้น


เย่หยวนจึงหายใจเข้าลึกและถาม “ท่านผู้อาวุโสโปรดชี้แนะ”


เจียนหงเซียวพยักหน้า “ดูจากที่การทำนายบอกมา สาวน้อยนามเยวี่ยเมิ่งลี่นั้นถูกป้องไว้โดยความลับสวรรค์ เฒ่าคนนี้มองอะไรไม่เห็นเลย”


เย่หยวนเปลี่ยนสีหน้าไปทันที “เรื่องนี้มันหมายความว่าอย่างไรท่านผู้อาวุโส?”


เจียนหงเซียวบอก “เฒ่าคนนี้คิดไว้หลายสถานการณ์ อย่างแรงคือนางได้พบเจอโอกาสทองและเปลี่ยนโชคชะตาของตัวเองไปให้เหนือฟ้าดิน ทำให้โชคชะตาของนางไม่เหมือนดังก่อนและถูกความลับสวรรค์ปกปิดไว้ ส่วนอย่างที่สอง…คือมีใครบางคนจงใจปิดปังชะตาของนางไว้ ทำให้เจ้าไม่สามารถหานางพบ แน่นอนว่าอย่างที่สามก็คือนางไปติดอยู่ในมิติวิเศษที่ไหนสักแห่ง ที่มิตินั้นมีความลับของสวรรค์ปกปิดครอบคลุมไว้”


เย่หยวนขมวดคิ้วแน่น หากเป็นอย่างแรกมันย่อมไม่มีปัญหา แต่หากเป็นอย่างที่สองหรือสาม มันคงเป็นเรื่องยากแล้ว


ปกปิดด้วยความลับสวรรค์ ต่อให้เจียนหงเซียวก็ทำอะไรกับมันไม่ได้


ต่อให้เย่หยวนจะอยากหา แต่เขาก็ไม่รู้ว่าต้องเริ่มที่ใด


จู่ๆ เย่หยวนก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาไม่น้อย


เพราะสถานการณ์ตอนนี้มันเหนือล้ำกว่าที่เขาคาดไปมาก


เดิมทีเรื่องราวต่างๆ ในอดีตเย่หยวนมักเข้าเผชิญกับมันอย่างมีแบบแผน แต่ตอนนี้เรื่องราวมันช่างเหลือเกินมือเขาจริงๆ


เมื่อได้เห็นใบหน้านั้นของเย่หยวน เจียนหงเซียวก็พูดต่อ “แม้ว่าเฒ่าคนนี้จะหาที่อยู่ของนางไม่ได้ แต่จากที่ดูเมื่อสักครู่นี้ชะตาของพวกเจ้าทั้งสองยังไม่ขาดจากกัน สักวันพวกเจ้าต้องได้เจอกันอีกแน่!”


ได้ยินแบบนั้นเย่หยวนก็ถอนหายใจยาวออกมา “ท่านผู้อาวุโส คนอื่นๆ เล่า?”


เจียนหงเซียวบอก “ภูติเพลิงตนนั้นเฒ่าคนนี้จับได้ว่าตอนนี้น่าจะอยู่ในดินแดนของเหล่าภูติเพลิง หากมองเช่นนี้มันคงเป็นประโยชน์กับเจ้าตัวไม่น้อย และเด็กสาวนามลู่เอ๋อนั้นก็ปลอดภัยดี แต่อิ้งหมัวหู่คนนี้ต่างหาก สถานการณ์ของเขานั้นไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่”


นั่นทำให้เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นทันที “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับอิ้งหมัวหู่กัน?”


เจียนหงเซียวส่ายหัว “ไม่ทราบได้ นี่มันก็เป็นขีดจำกัดของเฒ่าคนนี้แล้ว เฒ่าคนนี้ไม่สามารถจะทำนายหาข้อมูลใดๆ มาได้อีกเลย! แต่ว่าสิ่งที่เฒ่าคนนี้รู้ก็คือเขาน่าจะอยู่ในอาณาจักรเทพอสูร”


นั่นทำให้เย่หยวนเริ่มใจคอไม่ดี “เหมือนว่าข้าคงต้องเดินทางไปยังอาณาจักรเทพอสูรเสียแล้ว! ท่านผู้อาวุโส ท่านช่วยลงรายละเอียดอีกหน่อยได้หรือไม่?”


เจียนหงเซียวยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “เฒ่าคนนี้รู้ดีว่าอาณาจักรเทพอสูรมันยิ่งใหญ่ไพศาลแค่ไหน แต่นี่มันก็คือที่สุดที่เฒ่าคนนี้จะมองเห็นแล้วจริงๆ”


เย่หยวนหายใจเข้าลึก “ข้าทราบแล้ว!”


พูดจบเย่หยวนก็ค่อยๆ ลุกขึ้นและก้มหัวลงต่อหน้าเจียนหงเซียว “พระคุณนี้ของผู้อาวุโสเย่หยวนจะไม่มีทางลืมเลือน! ในวันหน้าข้าจะต้องตอบแทนมันอย่างงามแน่นอน!”


เจียนหงเซียวโบกมือปัดและตอบมาด้วยรอยยิ้มขื่นขม “ดูเหมือนว่า…เฒ่าคนนี้จะประเมินตัวเองสูงไปหน่อย! เรื่องที่ข้ามองเห็นนั้นมันน้อยกว่าที่คิดไว้มาก ดีแล้วที่เจ้าไม่ติดใจอะไร”


เย่หยวนบอก “ผู้น้อยจะยังไปติดใจอะไรได้? แค่การที่ท่านผู้อาวุโสช่วยทำนายให้นี้มันก็เป็นบุญคุณล้นพ้นกับผู้น้อยแล้ว อย่างน้อยๆ ตอนนี้ผู้น้อยก็ได้มีทิศทางที่จะไปแล้ว ที่สำคัญเย่หยวนคนนี้ยังรู้ด้วยว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับท่านผู้อาวุโสมันคงมากเกินกว่าที่พันปีจะรักษาหาย สังเวียนร้อยศึกรอบหน้าคงต้องเลื่อนออกไปอีกครั้งแล้ว!”


เจียนหงเซียวนั้นสูญเสียไปมากกว่าที่เขาคาดไว้นัก


ตอนนี้สภาพของเขาอ่อนแอมาก มากจนไม่มีทางที่จะหายได้ในระยะแค่พันปี


แค่เห็นแบบนี้ เขาก็รู้ได้เลยว่าเจียนหงเซียวต้องจ่ายไปมากแค่ไหนเพื่อช่วยเขาในครั้งนี้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)