Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1720-1723
ตอนที่ 1720 ดาบล่องหน
“เฮอะๆ เจ้าคนรนหาที่ตายมาแล้ว!”
“ชิๆ ข้าล่ะยอมความกล้าของมันจริงๆ ถึงขั้นไปขู่ฆ่าเซียโหหยุนเช่นนั้น!”
“เออ ไอ้หมอนี่…เหมือนมันจะบรรลุแล้ว!”
“จริงด้วย คลื่นพลังของมันรุนแรงกว่าก่อนมาก! แต่ว่า…มันก็เปล่าประโยชน์ ตัวมันนั้นพึ่งพากายเนื้อเป็นหลักบรรลุพลังบ่มเพาะไปจะช่วยเปลี่ยนแปลงผลอะไรได้มากมาย”
…
เมื่อเย่หยวนมาถึงสังเวียนที่หกเขาก็ได้รับการต้อนรับด้วยเสียงดูถูกทันที
หกรอบที่ผ่านมา ตอนนี้มันจึงเหลือนักยุทธผู้เข้าร่วมแค่แปดคนแล้ว
คนทั้งแปดนี้จะมาต่อสู้กันเพื่อหาผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว
ในสังเวียนร้อยศึกนี้อันดับสองมันไร้ความหมายใดๆ
มีแต่คนที่ชนะในแต่ละกลุ่มเท่านั้นที่จะได้รับการทำนายจากยอดผู้อาวุโสแห่งศาลามายาล้ำ
เมื่อเย่หยวนเดินผ่านเซียโหหยุนมา อีกฝ่ายก็ยิ้มเยาะทันที “นี่หรือคือความพยายามสุดท้ายของเจ้า? หึๆ แค่ราชันพระเจ้าสามดาวมันจะเปลี่ยนอะไรได้?”
เย่หยวนตอบไปสั้นๆ “ก็พอที่จะสังหารเจ้าได้!”
เซียโหหยุนหัวเราะลั่นทันที “ได้ งั้นนายน้อยคนนี้จะรอให้เจ้ามา…สังหารดู!”
รอบที่เจ็ด สี่คู่แปดคน ศัตรูของเย่หยวนเป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาว และเขาก็ชนะมาได้อย่างไม่ยากเย็น
แน่นอนว่าทางเซียโหหยุนเองก็ยิ่งสบายกว่า เพราะคู่ต่อสู้ของเขายอมแพ้ลงตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
เมื่อได้เห็นสภาพเกาชุนแล้วมันยังจะมีใครกล้าไปต่อสู้กับเขาอีก? เว้นเสียแต่ว่ามันคนนั้นจะเบื่อชีวิตแล้ว
รอบที่แปดเองก็จบลงอย่างง่ายดายเช่นกัน!
ตอนนี้เย่หยวนนั้นแข็งแกร่งที่สุดแล้วรองลงมาจากเซียโหหยุน ทางเมืองจักรพรรดิเลิศประกายจึงจัดให้ทั้งคู่จะได้สู้กันในรอบสุดท้าย
ในรอบที่เก้า ในที่สุดเซียโหหยุนและเย่หยวนก็ได้เผชิญหน้ากัน!
บนที่นั่งผู้ชมเจียนปิงนั้นตื่นเต้นจนใบหน้าแดงสด ตอนนี้หัวของเขามีภาพเย่หยวนถูกเซียโหหยุนซัดกระจายในหมัดเดียวลอยออกมาแล้ว
เมื่อขึ้นมาบนสังเวียน เซียโหหยุนก็ยิ้มออกมา “เด็กน้อย ข้าล่ะสงสัยจริงๆ ว่าเจ้าจะรับหมัดข้าอย่างไร!”
พูดจบเซียโหหยุนก็เริ่มตั้งท่าที่ใช้ต่อยเกาชุนจนตายในตอนนั้นขึ้นทันที
นั่นทำให้บรรยากาศข้างสนามนั้นเปลี่ยนไปทันที คลื่นพลังกดดันอันนี้มันทำให้ผู้คนหายใจแทบไม่ออก
ก่อนหน้านี้ คลื่นกระแทกที่พวกเขาได้รับจากหมัดนั้นมันยังฝังอยู่ในใจ
แต่สิ่งที่แตกต่างไปก็คือตอนนั้นเซียหยุนรอให้อีกฝ่ายโจมตีออกมาก่อนแล้วจึงค่อยเตรียมท่าลงมือทีหลัง
แต่ครานี้เป็นเขาที่คิดจะลงมือก่อน
เมื่อตั้งท่าเสร็จ สิ่งที่ตามมามันก็ย่อมเป็นพลังทำลายล้าง!
ตู้ม!
หมัดนั้นถูกต่อยออกมาทำให้มิติพื้นที่รอบๆ แทบจะแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆ
คลื่นที่มองไม่เห็นนั้นพุ่งออกมาหาเย่หยวนอย่างรุนแรงฟ้าถล่มดินทลาย ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าจะคาดเดาได้
ตู้ม!
ค่ายกลที่ด้านหลังเย่หยวนสั่นสะท้านอย่างรุนแรงจนทำให้ทั้งสนามสั่นคลอน
เซียโหหยุนตะโกนร้องออกมาอย่างตื่นตกใจ “แนวคิดแห่งห้วงมิติสามดาว!”
เย่หยวนนั้นไม่เคยจะใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติออกมาอย่างเต็มที่ต่อหน้าผู้คน
คนทั้งหลายจึงเชื่อว่าเย่หยวนแค่มีความรู้ในแนวคิดแห่งห้วงมิติบ้าง
แต่ในความเป็นจริง เย่หยวนบรรลุแนวคิดแห่งห้วงมิติมาจนถึงสามดาว
มันเป็นความสำเร็จที่เหนือล้ำใครๆ!
แม้ว่าแนวคิดแห่งการทำลายล้างนั้นมันจะรุนแรงแค่ไหน เมื่อมาเทียบกับแนวคิดแห่งห้วงมิติแล้วมันก็ยังด้อยกว่า
เหล่ายอดคนที่มองดูจากที่นั่งผู้ชมต่างอ้าปากค้างไปตามๆ กัน
“ห-หลบได้จริงๆ!”
“เป็น…เป็นไปได้อย่างไร?”
“ไม่น่าเชื่อเลย! นี่…นี่หรือคือพลังที่แท้จริงของแนวคิดแห่งห้วงมิติ?”
…
เย่หยวนนั้นมองดูเซียโหหยุน “แนวคิดแห่งการทำลายล้างมันก็เท่านี้เอง!”
เซียโหหยุนหรี่ตาลงทันทีด้วยความโกรธแค้นในหัวใจ
เขาโดนดูถูก!
ตั้งแต่ที่สำเร็จแนวคิดแห่งการทำลายล้างมา เขาก็เติบโตขึ้นมาท่ามกลางคำชมและสรรเสริญ
แต่วันนี้เขากลับถูกเด็กคนหนึ่งดูถูก!
เขากัดฟันแน่น “เลิกวางท่าเถอะ! เมื่อกี้มันแค่ของหวาน! ตอนนี้หลักของจริงแล้ว!”
เซียโหหยุนขยับร่างเข้าไปใส่เย่หยวนอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า!
บนที่นั่งผู้ชมมีคนตะโกนร้องออกมา “แนวคิดแห่งลม! เซียโหหยุนคนนี้บรรลุแนวคิดแห่งลมระดับสี่ได้! เป็นสัตว์ประหลาดโดยแท้!”
“แนวคิดแห่งลมใช้คู่กับแนวคิดแห่งการทำลายล้างนี้มันไม่มีทางแพ้เลย!”
“เย่หยวนอันตรายแล้ว! เขาไม่น่าไปท้าทายเซียโหหยุนแบบนั้นเลย!”
…
เซียโหหยุนนั้นรวดเร็วมากและต่อยหมัดรัวออกมาราวสายลมที่พัดผ่าน
เสียระเบิดดังขึ้นไม่หยุดพักในค่ายกลนั้น รุนแรงมิติพื้นที่รอบๆ แทบบิดเบี้ยว
ส่วนร่างของเย่หยวนก็จางหายไป
ทุกคนรู้ได้ว่าเย่หยวนนั้นใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติ!
แต่การโจมตีอันรุนแรงและต่อเนื่องของเซียโหหยุนนั้นมันทำให้ทุกผู้คนต้องหน้าถอดสีอย่างเลี่ยงไม่ได้
การโจมตีที่รุนแรงและต่อเนื่องขนาดนี้ มันมากกว่าสิ่งที่สังหารเกาชุนในตอนนั้นอย่างลิบลับ
ด้วยความช่วยเหลือจากแนวคิดแห่งลม เซียโหหยุนจึงโจมตีต่อเนื่องได้อย่างไม่มีช่องว่าง แรงทำลายล้างนั้นสาดลงทั่วทั้งสังเวียน
ในสายตาของทุกผู้คนนั้น เย่หยวนไม่มีที่ไหนจะให้หลบแล้ว!
จู่ๆ เซียโหหยุนก็หยุดมือลงและปล่อยให้สังเวียนกลับเข้าสู่สภาพปกติอีกครั้ง
เซียโหหยุนนั้นเหนื่อยหอบไม่น้อย เพราะการโจมตีที่รุนแรงและต่อเนื่องขนาดนั้นมันย่อมสร้างภาระให้ร่างกายเขาไม่น้อย
“หึ! แนวคิดแห่งห้วงมิติแล้วทำไม? ไหนขอดูหน่อยสิว่าจะยังไม่ตายไหม!” เซียโหหยุนตะโกน
บนสังเวียนนั้น ร่างของเย่หยวนได้หายไปแล้ว
“แน่นอนล่ะ เย่หยวนตายแล้ว!”
“ภายใต้การโจมตีที่รุนแรงปานนั้น มีหรือที่เขาจะยังรอดไปได้?”
“เซียโหหยุนช่างแข็งแกร่งนัก!”
…
ในสายตาของทุกผู้คนนั้นเย่หยวนคงกลายเป็นเศษฝุ่นไปนานแล้ว ด้วยการโจมตีต่อเนื่องเช่นนี้มันไม่มีทางใดเลยที่จะรอดไปได้
“น่าสนใจนี้ น่าเสียดายที่ยังอ่อนแอไปหน่อย!” เสียงหนึ่งดังขึ้นกลางอากาศ
เซียโหหยุนหน้าถอดสีทันที เจ้าของเสียงนี้จะเป็นใครไปได้นอกจากเย่หยวน?
เจ้าหมอนี่มันยังไม่ตาย!
ตอนนี้มีรอยแตกเกิดขึ้นกลางอากาศและเผยให้เห็นร่างของเย่หยวนค่อยๆ เดินออกมา
ผู้คนตื่นตระหนกกันทั้งสนาม!
ทำไมเขายังรอดมาได้อีก?
แนวคิดแห่งห้วงมิติมันแข็งแกร่งได้ขนาดนี้เลย?
เย่หยวนมองดูเซียโหหยุนและบอก “แนวคิดแห่งลมควบคู่กับแนวคิดแห่งการทำลายล้าง มันดีจริงๆ เสียดายที่เจ้าไม่สามารถผสานพวกมันทั้งสองได้!”
เซียโหหยุนหน้าแดงก่ำ “เลิกวางท่าเสียที! แนวคิดแห่งการทำลายล้างนั้นเป็นแนวคิดขั้นสูง มีหรือที่จะอยากผสานก็ผสานมันได้เช่นนั้น?”
การผสานรวมสองแนวคิดให้กลายเป็นหนึ่ง มันจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไปอย่างมาก
มีหรือที่เซียโหหยุนจะไม่เข้าใจจุดนี้ได้?
เขานั้นพยายามลองผสานแนวคิดทั้งสองเข้าด้วยกันมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ติดแค่ว่า…เขาไม่สามารถทำมันได้!
เย่หยวนบอก “มันยากขนาดนั้นเลย? ทำไมเจ้าไม่ยอมรับว่าเล่าว่าตัวเองโง๋น่ะ?”
เซียโหหยุนนั้นเย้ยกลับมา “ข้าเรอะโง่? เฮอะๆ นี่มันมุกตลกที่ตลกที่สุดเท่าที่ข้าเคยได้ยินเลย! คนกว่าสามพันคนนี้มีใครบ้างกล้าบอกว่าตัวเองมีพรสวรรค์เหนือล้ำข้า?”
เย่หยวนหันไปมองเขาด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีปัญญาจะผสานแนวคิด ไม่เรียกโง่อีกหรือ?”
เซียโหหยุนตะโกนกลับ “เลิกดูถูกเรื่องไร้สาระสักที เจ้าคิดว่าแค่ตัวเองบรรลุแนวคิดแห่งห้วงมิติได้แล้วก็จะดีเลิศกว่าคนอื่นเรอะ? หรือเจ้าคิดว่าข้ามีฝีมือเพียงเท่านี้?”
เย่หยวนตอบ “งั้นก็เข้ามาสิ! ครานี้ข้าจะตอบโต้ด้วย เจ้าเตรียมรับดีๆ ล่ะ”
เซียโหหยุนกล่าวอย่างไม่แยแส “ขยะที่ได้แต่ใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติหลบหนี เจ้าคิดว่านายน้อยคนนี้จะกลัวเจ้ารึ?”
พูดจบเซียโหหยุนก็หยิบถุงมือสีขาวขึ้นมาใส่ มันเป็นยอดสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำ!
หลังใส่มันเข้าไปคลื่นพลังของเซียโหหยุนก็รุนแรงขึ้นหลายเท่าตัว แรงกดดันที่หนักหนากว่าเก่าปรากฏขึ้นมาสู่สายตาผู้คน
“กำปั้นเทวาทำลายล้าง!”
เย่หยวนเองก็ค่อยๆ ชักดาบจักรพรรดิล้ำฟ้าและร่างของเขาก็เริ่มจาง และบางลง
“เดี๋ยวนะ ดาบของเย่หยวนไปไหนแล้ว?”
“อ่า เมื่อกี้ยังเห็นชักออกมาอยู่เลย ทำไม มันหายไปไหนแล้ว?”
“นี่มัน…พวกเจ้าคิดว่าร่างกายของเย่หยวนมันดูเบลอๆ ไหม?”
ตอนที่ 1721 ข้าขอยอมแพ้
เซียโหหยุนเปลี่ยนสีหน้าไปทันทีพร้อมๆ กับรู้สึกได้ถึงความอันตรายที่อยู่ตรงหน้า
แต่ธนูที่ง้างไปแล้วมันก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยิง!
“ตาย!”
พลังโลกรุนแรงผสานเข้ามากับหมัดที่หนักหน่วง ทำให้พื้นที่มิติรอบข้างต้องสั่นสะเทือนบิดเบี้ยว
ตอนนั้นเองที่เย่หยวนก็ขยับเช่นกัน
“เพลงดาบเมฆาลับแล…ดาบวิญญาณลับ!”
ดาบนี้มันคือกระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดด้วยการผสานแนวคิดแห่งห้วงมิติสามดาวเข้ากับแนวคิดแห่งดาบ
ที่ที่เย่หยวนยืนมันเหลือเพียงร่างเงาและตัวจริงของเขานั้นพุ่งเข้าไปหาเซียโหหยุนแล้ว!
ฉับ!
ไม่มีการปะทะที่รุนแรงใดๆ ผู้คนที่มองดูได้ยินเพียงแต่เสียงอะไรบางอย่างตัดขาด
การต่อสู้มันจบลงอย่างรวดเร็ว!
เร็วกว่าที่จะใช้คำพูดใดอธิบาย
เพราะจริงๆ แล้วมันก็จบลงในแค่พริบตา แค่พริบตาที่ทั้งสองผ่านหน้ากันไปเท่านั้น
เย่หยวนเก็บดาบลงและยืนนิ่งอยู่บนสังเวียน เป็นตอนนี้ที่ผู้คนได้เห็นดาบจักรพรรดิล้ำฟ้าของเขาอีกครา
“นี่มัน…ใครชนะกัน?”
“ไม่รู้สิ มันเร็วเกินจนข้ามองอะไรไม่ทันเลย!”
“เป็นการทะปะที่แปลกประหลาดจริง!”
…
ทุกคนต่างเฝ้ามองดูร่างที่ยืนนิ่งทั้งสองนั้นอย่างไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
กรรมการเองก็ตื่นตะลึงจนตั้งสติไม่ได้ไปพักใหญ่
เพราะดาบนั้นมันช่างเจิดจ้าเหลือเกิน!
เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายนั้นยังอ่อนแอ ไม่แปลกที่จะไม่สามารถมองตามดาบนั้นได้ทัน
แต่เขา นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าแปดดาวย่อมมองเห็นมันได้!
ความงามในดาบนั้นของเย่หยวนมันเหนือล้ำ
ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับสวยงามตรึงตา
แค่ดาบเดียวที่ใช้ออกมามันก็ทำลายพลังหมัดและสังหารเซียโหหยุนลง!
กรรมการบอกขึ้น “เย่หยวนชนะ เซียโหหยุนแพ้และเสียชีวิต!”
“หะ? เสียชีวิต?” คำพูดอันตื่นตะลึงนี้ดังลอยขึ้นมาจากทางที่นั่งผู้ชม
ตอนนั้นเองร่างของเซียโหหยุนก็แยกออกเป็นสองส่วนกลางร่างอย่างสวยงาม และส่วนร่างทั้งสองนั้นก็ค่อยๆ ตกลงไปกองกับพื้น
เซียโหหยุนนั้นถูกผ่าออกเป็นสองซีก แต่เพราะว่าดาบของเย่หยวนมันเร็วเกินไปจึงทำให้ร่างของเขายังติดอยู่ด้วยกันแม้จะถูกฟันไปนานแล้ว คนปกติธรรมดาย่อมมองมันไม่ออกเลย
ทุกคนมองดูภาพนี้อย่างตื่นตะลึง ราชันพระเจ้าหกดาว เซียโหหยุนผู้สำเร็จแนวคิดแห่งลมและแนวคิดแห่งการทำลายล้างกลับถูกเย่หยวนสังหารลงด้วยดาบเดียว!
พวกคนที่เคยเย้ยเย่หยวนว่าเย่หยวนประเมินตัวเองสูงเกินไปได้แต่อ้าปากค้าง
เป็นเวลานี้เองที่พวกเขาได้รู้ว่าเย่หยวนไม่ได้อวดอ้างใดๆ เขานั้นมีฝีมือจริง!
ราชันพระเจ้าสามดาวกลับสังหารราชันพระเจ้าหกดาวอย่างเซียโหหยุนลงได้ด้วยดาบเดียว ความสำเร็จนี้มันยิ่งใหญ่จนเกินใครจะรับ
ไม่ไกลออกมา สองเงาร่างก็บังเอิญเดินไปเจอหน้ากันพอดี
“เอ๋? เจ้าก็มาด้วย? ดูท่าเจ้าจะสนใจเซียโหหยุนไม่น้อยเลยนี่!” เจียงหนานมองดูโม่เฟยผู้ที่เดินมาจากสังเวียนที่สี่และถามออกมาด้วยท่าทางเฉื่อยชา
โม่เฟยนั้นคือยอดอัจฉริยะอาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาวอีกคนหนึ่ง
โม่เฟยหันไปมองเจียงหนานและตอบ “เจ้าเองก็เช่นกันไม่ใช่รึ?”
เจียงหนานยิ้มรับ “หึๆ เจ้ายังอ่อนไป สังเวียนร้อยศึกครั้งนี้ผู้ที่ทำให้ข้าสนใจได้มันก็มีแต่เซียโหหยุนเท่านั้น”
โม่เฟยเริ่มทำหน้าไม่พอใจออกมา เจียงหนานจึงหัวเราะลั่นและยกมือขึ้นมาโบกปัด “ฮ่าๆ หากเจ้าอยากรู้ถึงฝีมือข้า ก็รอให้ถึงเวลาบนสังเวียน ตอนนี้มาสู้กันไปมันก็ไม่มีความหมาย ไหนๆ ก็มาเจอกันแล้วไปด้วยกันหน่อยไหมล่ะ”
โม่เฟยหันไปมองเจียงหนานอีกครั้งก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแรงและเดินตรงไปยังสังเวียนที่หก
อ่าว? จบแล้ว? ดูท่าเซียโหหยุนเองก็คงไม่ได้เจอศัตรูที่แข็งแกร่งอัน…หืม?”
เจียงหนานพูดออกมายังไม่ทันขาดคำสีหน้าเฉื่อยชาของเขาก็เปลี่ยนไปเหมือนถูกถังน้ำสาดเข้าหน้าทันที
เพราะที่เขาเห็นตรงนั้นมันคือศพที่ถูกทีมงานจัดการลากลงมา
โม่เฟยเองก็สั่นสะท้านไปทั้งร่างและกล่าวอย่างไม่อยากเชื่อ “ต-ตาย? สังเวียนร้อยศึกนี้มีคนที่สังหารเซียโหหยุนลงได้ด้วย”
“หึๆ ดูท่าครานี้คงมียอดคนปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว!” เจียงหนานบอก
โม่เฟยหันไปมองดูเจียงหนานอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “หรือว่าจะมียอดฝีมือราชันพระเจ้าห้าดาวปรากฏตัวขึ้น? แต่ทำไมข้าถึงไม่ได้ยินข่าวใดๆ เลย!”
ถึงตอนนี้เจียงหนานที่สงบใจลงได้แล้วก็กลับมามีสีหน้าเฉื่อยชาเช่นเดิมก่อนจะตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม “เดี๋ยวพรุ่งนี้เราก็จะได้รู้กัน”
…
วันต่อมา ที่นั่งผู้ชมของสนามนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยผู้คนแน่นขนัด
เพราะหากเทียบกับรอบกลุ่มแล้ว วันนี้ต่างหากคือการต่อสู้ที่ผู้คนรอคอย
เพราะไม่ใช่แค่มันจะเป็นการต่อสู้ของเหล่ายอดคนในหมู่ยอดคน แต่ผู้ชนะจะได้รับการทำนายจากท่านเจ้าศาลามายาล้ำโดยตรงด้วย
ผู้ชนะทั้งแปดสังเวียนมารวมตัวกันที่สังเวียนหนึ่ง แต่สายตาของคนหกคนนั้นต้องจับจ้องมาที่ชายหนุ่มในตำแหน่งที่หก
มันยังมีอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้มีสีหน้าตื่นตกใจใดๆ ราวกับว่านี่เป็นเรื่องที่แสนธรรมดา และแน่นอนว่าคนๆ นั้นก็คือหนิงเทียนปิง
หนิงเทียนปิงนั้นฝ่าฟันอุปสรรคและสุดท้ายก็สามารถรับตำแหน่งผู้ชนะมาได้ในที่สุด
ตอนนี้เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นดีใจอย่างที่สุด!
เมื่อก่อนเขานั้นก็ถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะ แต่ว่าเขานั้นก็เป็นได้แค่อัจฉริยะระดับต่ำของเมืองจักรพรรดิคนหนึ่ง
แต่ตอนนี้เขากลับขึ้นมายืนเคียงบ่าเคียงไหลกับยอดอัจฉริยะในหมู่เมืองจักรพรรดินับร้อยได้และกลายมาเป็นผู้ชนะอีกด้วย
ส่วนเรื่องที่เย่หยวนจะได้รับชัยชนะมานั้น มันเป็นเรื่องที่สุดแสนจะแน่นอน
ราชันพระเจ้าหกดาวแล้วมันจะทำไม? มันไม่มีทางใดที่จะเทียบเคียงนายใหญ่ของเขาได้หรอก
แต่ในสายตาของคนอื่นมันกลับไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจียงหนานและโม่เฟย เมื่อพวกเขาได้เห็นเย่หยวนพวกเขาก็ตื่นตะลึงจนหุบปากไม่ลง
ราชันพระเจ้าสามดาว!
คนที่สังหารเซียโหหยุนลงคือราชันพระเจ้าสามดาว!
เมื่อวานพวกเขาทั้งสองต่างพยายามคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆ นาๆ แต่ก็ไม่ได้คิดไม่ได้ฝันเลยว่ามันจะเป็นราชันพระเจ้าสามดาว
หากเซียโหหยุนแค่แพ้มันก็อาจจะยังไม่ตกตะลึงมากขนาดนี้
แต่เซียโหหยุนนั้นตาย!
ในการต่อสู้ของยอดคน คำว่าแพ้กับคำว่าตายนั้นมันต่างกันราวฟ้ากับเหว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อสู้ในสังเวียนเช่นนี้ การจะสังหารอีกฝ่ายลงนั้นมันยิ่งยากแสนยาก
เพราะอีกฝ่ายมีทางเลือกที่จะยอมแพ้ได้
หากอยากสังหารอีกฝ่ายลง มันก็หมายความว่าต้องไม่ให้อีกฝ่ายได้มีเวลายอมแพ้เลยแม้แต่น้อย เหมือนที่เซียโหหยุนทำกับเกาชุนก่อนหน้านั้น
แต่การที่ราชันพระเจ้าสามดาวไม่เปิดโอกาสให้เซียโหหยุนยอมแพ้แบบนี้ มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจนเกินกว่าจะรับไหว
ตอนนี้ใบหน้าเฉื่อยชาของเจียงหนานนั้นหายไปจนสิ้น แทนที่มาด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
ในหมู่ยอดคนอย่างพวกเขานั้นมันมีศัตรูที่พอเข้าตาอยู่แค่ไม่กี่คน มีหรือที่พวกเขาจะไปมีเวลาสนใจไก่กาที่ไหน?
เพราะแม้เย่หยวนจะสร้างความฮือฮาในกลุ่มที่หกไว้มาก แต่ก่อนที่เขาจะขึ้นสู้กับเซียโหหยุนมันก็ยังไม่มีใครเชื่อว่าเย่หยวนจะชนะได้
เพราะฉะนั้นเจียงหนานจึงไม่ได้รับรู้ถึงตัวตนของเย่หยวนเลย
เวลานั้นเองที่ยอดผู้อาวุโสของศาลามายาล้ำก็ออกมาประกาศต่อคนทั้งแปด “สามวันจากนี้ให้พวกเจ้ามาที่ศาลามายาล้ำ จะมียอดผู้อาวุโสคอยทำนายดวงชะตาให้ ตอนนี้พวกเจ้าทั้งแปดจงต่อสู้กันและตัดสินผู้ชนะเลิศเสีย! ถึงตอนนั้นใครที่เป็นผู้ชนะก็จะได้รับการทำนายดวงชะตามองดูรัศมีโดยตรงจากท่านเจ้าศาลา”
ตอนนี้คนทั้งห้าต่างมีสีหน้าตื่นเต้นดีใจ แต่เจียงหนานและโม่เฟยกลับไม่รู้สึกดีใจเลยไม่ว่าจะได้ยินอะไร
พวกเขามาวันนี้ก็เพื่อรับการดูดวงชะตาจากท่านเจ้าศาลา
แต่ตอนนี้…ดูท่ามันจะไม่ง่ายเสียแล้ว!
คนทั้งสองหันไปมองเย่หยวนพร้อมๆ กันอย่างไม่ได้นัดหมายด้วยใบหน้าท่าทางสุดกังวล
และเรื่องสุดบังเอิญก็เกิดขึ้น ในรอบชิงนี้คู่ต่อสู้คนแรกของเย่หยวนกลับกลายเป็นหนิงเทียนปิง
คนทั้งสองยังไม่ทันได้ขึ้นสังเวียนหนิงเทียนปิงก็ขอยอมแพ้ไปทันที
ล้อกันเล่นแล้ว การขึ้นไปสู้กับนายใหญ่แบบนี้มันหาเรื่องใส่ตัวชัดๆ
เขานั้นถูกซ้อมมาอย่างหนักตั้งแต่เย่หยวนเป็นแค่ราชันพระเจ้าสองดาว ตอนนี้เขาบรรลุถึงสามดาวแล้ว มีพลังมากพอจะชนะราชันพระเจ้าห้าดาวได้ด้วยดาบเดียว
เวลาส่วนตัวเขาไม่สนใจหรอกว่าจะแพ้พ่ายแบบไหน มันไม่มีปัญหาเลย
แต่อยู่ต่อหน้าผู้คนเช่นนี้เขาย่อมอยากรักษาหน้าไว้บ้าง
นั่นทำให้เย่หยวนเข้ารอบสี่คนมาได้ และครานี้ศัตรูที่ต้องมาเจอกับเย่หยวนก็เป็นเจียงหนาน
บนที่นั่งผู้ชม เหล่าคนที่มาดูนั้นต่างตื่นเต้นดีใจเพราะว่าพวกเขาจะได้เห็นยอดการต่อสู้อีกครั้งแล้ว
เจียงหนานกลับมามีสีหน้าเฉื่อยชาเช่นเดิมและหันไปมองดูเย่หยวนพักใหญ่ ก่อนที่จู่ๆ จะเปิดปากพูดขึ้น “ข้าขอยอมแพ้”
ตอนที่ 1722 ปัญหาที่คิดไม่ตก!
“เจียงหนานว่าอะไรนะ? ยอมแพ้?”
“นี่ล้อเล่นกันรึไง? ตัวเต็งชนะเลิศกลับมายอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันสู้แบบนี้…”
“นี่มัน…ยอมแพ้แบบที่ยังไม่ทันได้สู้กันเลย ไอ้หมอนี่มันจะปอดแหกเกินไปแล้ว!”
…
ทุกผู้คนต่างคิดว่าตัวเองคงได้เห็นการต่อสู้ที่แสนดุเดือด ไม่มีใครคิดใครฝันว่าเจียงหนานคนนั้นจะยอมแพ้ตั้งแต่นาทีแรกที่ก้าวขึ้นสังเวียน เรื่องนี้มันทำให้หลายผู้คนต้องอ้าปากค้าง
ทุกคนต่างคิดว่าศึกรอบแปดคนสุดท้ายนี้มันจะต้องเป็นศึกที่สะเทือนฟ้าดินแม้แต่พระเจ้ายังต้องร่ำร้อง
ใครจะไปคิดว่ารอบแรกหนิงเทียนปิงยอมแพ้ไป ส่วนรอบที่สองเจียงหนานก็ยังมายอมแพ้อีก
มันเรื่องตลกใดกัน?
หากเป็นคนอื่นยังพอว่า แต่เจียงหนานนั้นคือตัวเต็งชนะเลิศ
แม้ว่าเซียโหหยุนนั้นจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าเจียงหนานจะอ่อนแอกว่าเลย เขาอาจจะดูแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำไป
แต่ตอนนี้เจียงหนานกลับเลือกที่จะยอมแพ้ออกมาโดยที่ยังไม่ทันได้สู้เสียด้วยซ้ำ
“เจ้าสังหารเซียโหหยุนได้ แต่ข้าทำไม่ได้…มันจึงไม่มีอะไรต้องสู้กันแล้ว เจ้าแกร่งกว่าข้าแน่นอน เรื่องแบบนี้มันมีแต่จะเสียแรงเปล่า ข้าขอไม่เอาด้วยดีกว่า” เจียงหนานยกมือขึ้นมาโบกปัดและเดินลงสังเวียนไปดื้อๆ
เย่หยวนเองก็มึนงงไม่แพ้คนดู เพราะเจ้าหมอนี่มันช่างพูดอะไรหน้าไม่อายนัก
การมาถึงระดับนี้แล้ว ต่อให้รู้ว่าจะไม่มีหวังเขาก็ต้องดิ้นรนให้ถึงที่สุด
แต่เจ้าหมอนี่กลับทำท่าทางเหมือนไม่ได้สนใจสิ่งใดๆ ในโลก
แต่การได้ชนะโดยไม่ต้องลงมือสู้ เย่หยวนย่อมไม่มีทางที่จะไปบ่นใดๆ ได้
ส่วนอีกด้าน โม่เฟยเองก็สามารถชนะคู่ต่อสู้มาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นั่นทำให้รอบชิงจะเป็นการต่อสู้ของเย่หยวนและโม่เฟย
ระหว่างพักโม่เฟยก็รีบมุ่งหน้าไปหาเจียงหนานด้วยสีหน้าท่าทางไม่พอใจทันที “เจ้ายังมียางอายบ้างไหม? ถึงขั้นไปยอมแพ้ตั้งแต่เริ่มเช่นนั้น!”
เจียงหนานจึงตอบกลับมาอย่างไม่แยแส “รู้ทั้งรู้ว่าไม่ชนะ จะไปเปลืองแรงสู้ทำเพื่อ? หากเขาตัดผ่าข้าเป็นสองซีกแล้วจะทำอย่างไร? สภาพการตายนั้นมันน่าอนาถจนเกินทน ข้าขอไม่กลายเป็นอย่างเซียโหหยุนจะดีกว่า”
โม่เฟยหน้าเปลี่ยนสีไปทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เขานึกถึงสภาพศพเซียโหหยุนขึ้นมาในหัว และนั่นทำให้เขาเสียวสันหลังวาบใหญ่
เจียงหนานพูดออกมาอย่างไม่แสดงท่าทาง แต่จริงๆ ตัวเขาเองก็กลัวไม่น้อย!
หากต้องปะทะกันแล้วจะอยู่หรือตายมันก็คงพูดยาก
ความแข็งแกร่งของเย่หยวนนั้น ไม่มีใครได้เห็นมันกับตา พวกเขาทั้งสองจึงไม่แน่ใจนัก
แต่ที่สำคัญคือหากเย่หยวนเป็นคนกระหายเลือดแล้ว ผลที่ตามมา…มันคงต้องถูกหั่นเป็นสองซีกแน่
คิดมาถึงตรงนี้ได้โม่เฟยเองก็ทำหน้าเหยเกและร้องขึ้นอย่างโกรธเคือง “เจียงหนาน เจ้าชั่วเอ้ย!”
เจียงหนานยักไหล่ตอบกลับไปและกล่าวด้วยท่าทางสบายๆ “เจ้าต่างหากที่ว่าร้ายคนดี ข้าแค่ไม่อยากเอาตัวเองไปสังเวยก็เท่านั้น”
โม่เฟยโกรธจนควันออกหู “เจ้าไม่อยากเห็นหรือว่ามันสังหารเซียโหหยุนลงได้อย่างไร?”
เจียงหนานยิ้มตอบอย่างสบายใจ “ข้าอยากเห็นสิ แต่ข้าไม่ขอเอาชีวิตตัวเองไปเป็นหนูทดลองดีกว่า!”
โม่เฟยกัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น “งั้นเจ้าก็เลือกที่จะยอมแพ้ไปและให้ข้าขึ้นไปทดสอบพลังของเขาแทน?”
เจียงหนานยิ้ม “เจ้าตัดสินใจเองสิว่าจะทดสอบเขาไหม ข้าไม่ได้บังคับเสียหน่อย”
“เจ้า!” โม่เฟยกัดฟันกรอดแต่ก็ไม่รู้ต้องตอบโต้ว่าอย่างไร
เพราะดูยังไงเจ้าหมอนี่มันก็สงสัยใคร่รู้ไม่น้อยไปกว่าเขา
เมื่อฝึกตนมาถึงระดับนี้แล้วมันย่อมเป็นการยากที่จะพบเจอคนในระดับเดียวกันได้อีก
แต่ตอนนี้กลับมีราชันพระเจ้าสามดาวสุดแกร่งปรากฏตัวออกมา กระโดดข้ามสามดาวและสังหารเซียโหหยุนลง มีหรือที่พวกเขาจะยังไม่คิดสงสัยใคร่รู้อีก?
แต่ความสงสัยมันเป็นเหตุเห็นความตาย!
บางครั้งบางทีการที่อยากรู้เรื่องใดมากจนเกินไป ผู้ที่ได้รู้ก็ต้องจ่ายด้วยชีวิต!
และมันเป็นโชคร้ายมากที่เจียงหนานได้ไปเจอเย่หยวนก่อนและขอยอมแพ้ไปอย่างหน้าไม่อาย
ตัวของเจียงหนานเองก็มองดูเย่หยวนอยู่บนสังเวียนไม่น้อยกว่าจะกว่าคำพูดนั้นออกมาได้ แค่นั้นมันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าจริงๆ ตัวเขาเองก็ลังเลมากแค่ไหน
สุดท้ายปัญหานี้มันจึงถูกโยนมาให้เขารับ
แล้วเขาจะยอมแพ้ไหม?
มันเป็นปัญหาที่คิดไม่ตก!
เพราะเรื่องนี้นี่เองที่ทำให้โม่เฟยด่าว่าเจียงหนานออกมาเช่นนั้น
โม่เฟยรู้สึกปวดหัวขึ้นมาไม่น้อย เขาแค่อยากจะเห็นเหลือเกินว่าเย่หยวนใช้ไม้ไหนสังหารเซียโหหยุนลง
แต่ทว่าหากผลลัพธ์ที่เขาต้องเจอมันกลับกลายเป็นดั่งเซียโหหยุน มันคงขำไม่ออก
“รอบชิงเริ่มได้ เย่หยวนปะทะโม่เฟย!”
เวลานี้เสียงของกรรมการที่ดังขึ้นมันยิ่งทำให้หัวใจของโม่เฟยบีบรัดแน่น
เย่หยวนค่อยๆ เดินขึ้นมาบนสังเวียน นั่นทำให้โม่เฟยหน้าเปลี่ยนสีกลับไปกลับมา แต่ขาของเขากลับไม่ขยับไปไหน
เจียงหนานเองก็เห็นว่าเขาไม่ยอมขยับตัวเสียที จึงบอกออกมา “นี่ ตาเจ้าแล้ว”
ตอนนี้โม่เฟยกำลังสับสนอยู่ในใจจนรู้สึกราวกับว่าเท้าของเขานั้นมีรากงอกออกมา
ตอนนี้สายตาของทุกผู้คนต่างจ้องมองมายังโม่เฟย
ภายใต้สายตาเหล่านั้น ในที่สุดโม่เฟยก็ขยับตัวและค่อยๆ ก้าวขาไปอย่างหนักหน่วง
เมื่อมาถึงสังเวียนและสบตาเข้ากับเย่หยวน โม่เฟยก็รู้สึกราวกับตัวเองได้ฝันไป
เพราะในสังเวียนร้อยศึกครั้งนี้ เขาไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าคู่ต่อสู้ในรอบชิงของเขาจะกลับกลายมาเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งเช่นนี้
เขาคิดมาตลอดว่าศัตรูสุดท้ายของเขาจะเป็นเซียโหหยุนหรือไม่ก็เจียงหนาน เขาคิดเผื่อไว้บ้างว่าอาจจะเป็นราชันพระเจ้าห้าดาวสุดแกร่งสักคน
แต่ราชันพระเจ้าสามดาวตรงหน้านี้ เขาไม่เคยคิดเคยฝันเลยจริงๆ
แรงกดดันที่ราชันพระเจ้าสามดาวคนนี้ปล่อยออกมามันเหนือล้ำกว่าสิ่งใดๆ
จะลองดาบนั้นด้วยชีวิตของตนหรือไม่?
“โม่เฟยเป็นอะไรไป? เมื่อกี้ยังไม่เป็นอย่างนี้เลย!”
“เรอะ? ปกติคลื่นพลังของเขากดทับผู้คนตลอดบนสังเวียน ใครจะรับไหว? แต่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?”
“มันคงไม่ได้คิดจะยอมแพ้ไปเฉยๆ เหมือนเจียงหนานหรอกใช่ไหม?”
…
บนที่นั่งผู้ชมเหล่าคนทั้งหลายนั้นยังไม่รู้ความจริง
เพราะแม้แต่ในศึกก่อนหน้านี้ โม่เฟยก็ยังมีคลื่นพลังและท่าทางของยอดฝีมือ เย็นชาและดุร้าย
แต่ตอนนี้ท่าทางของเขากลับเปลี่ยนไปหน้ามือเป็นหลังมือ ทำให้ผู้คนมากมายต้องมองดูภาพนั้นอย่างมึนงง
เย่หยวนเองก็มองดูโม่เฟยอย่างมึนๆ ไม่แพ้กัน
การสู้กับตัวเขามันเป็นภาระที่หนักหนาขนาดนั้นเลย?
สู้ได้ก็ชนะ สู้ไม่ได้ก็ยอมแพ้ มีอะไรให้ต้องคิดมากมาย!
เย่หยวนไม่ได้รู้เลยว่าการที่เขาสังหารเซียโหหยุนลงด้วยดาบเดียวนั้นมันส่งผลกระทบทางจิตใจแก่ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ มากมายแค่ไหน
โดยปกติแล้วเย่หยวนเองก็ไม่ฆ่าสังหารใครลงง่ายๆ เช่นนั้น
แต่ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้มีเรื่องใดกันมาก่อน แต่เซียโหหยุนกลับคิดอยากสังหารเขาลงในสังเวียน แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ทน
และเอาจริงๆ การสังหารเซียโหหยุนนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายกับเย่หยวนเลย
ท่าทางสบายๆ ของเขามันแค่เป็นสิ่งที่คนภายนอกเห็น
ตอนนั้นเองโม่เฟยก็ทำหน้าเหมือนตัดสินใจได้ครั้งใหญ่และหายใจเข้าลึก ก่อนจะหันมาบอกเย่หยวน “เย่หยวน ข้าอยากเห็นกระบวนท่าที่เจ้าใช้สังหารเซียโหหยุน!”
เย่หยวนขมวดคิ้วทันที ก่อนจะเข้าใจอะไรบางอย่างได้และพยักหน้ารับ “ได้!”
ที่ด้านล่างเมื่อเจียงหนานได้ยินคำของโม่เฟยเขาก็เผยรอยยิ้มแสนชั่วร้ายออกมาเหมือนว่าแผนการที่ตัวเองว่าไว้มันสำเร็จผล
บนสังเวยน โม่เฟยตั้งท่าเตรียมพร้อมรับการต่อสู้อย่างเต็มที่
เย่หยวนค่อยๆ ดึงดาบจักรพรรดิล้ำฟ้าออกมาก่อนที่คลื่นพลังรอบๆ ตัวจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างดุร้ายและรุนแรง
เหมือนคราก่อน ดาบของเย่หยวนจางหายไป!
เมื่อโม่เฟยและเจียงหนานได้เห็นเช่นนั้นสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปในทันที
“แนวคิดแห่งดาบผสานกับแนวคิดแห่งห้วงมิติ!” เจียงหนานพูดออกมาด้วยความตื่นตกใจ
การที่จะผสานแนวคิดขั้นสูงเข้าด้วยกันนั้นมันยากเสียยิ่งกว่าเดินขึ้นสวรรค์
ตอนนี้เอง พวกเขาได้เข้าใจแล้วว่าทำไมเซียโหหยุนถึงตายลง
ดาบนี้ จะมีใครบ้างที่ป้องกันได้?
เมื่อรู้สึกได้ถึงอันตรายอย่างเต็มหัวใจ โม่เฟยก็พยายามจะเปิดปากพูดยอมแพ้ออกมา
แต่ว่ามันสายไปแล้ว
ตอนนี้เย่หยวนเริ่มก้าวเดินออกมาแล้ว
คำพูดของโม่เฟยมันติดอยู่ที่ลำคอ
ฟุบ!
ร่างของเย่หยวนจางหายไป!
ตอนที่ 1723 ท่านเจ้าศาลาปรากฏตัว
เสียงโห่ร้องดังขึ้นมาจากรอบด้านเมื่อทั้งสองเข้าปะทะกัน
เมื่อเขาปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง เย่หยวนก็มาถึงตรงหน้าโม่เฟยแล้ว
เจียงหนานรีบกระโดดถอยหลังไปหลายก้าวราวกับว่าเป็นตัวเองที่โดนดาบนั้นเล็งเข้าใส่
“ข-แข็งแกร่ง! เซียโหหยุน…ตายลงเพราะดาบนี้? เช่นนั้นโม่เฟย…”
เจียนหนานเหงื่อไหลท่วมกาย เขาได้แต่ยินดีในหัวใจว่าตัวเองโชคดีจริงๆ ที่ไม่ได้เข้าไปลองดาบนั้นด้วยตัวเอง
ไม่เช่นนั้น…ผลที่ตามมามันคงเกินกว่าที่จะจินตนาการไหว!
แม้ว่าดาบนี้จะไม่ได้เล็งมายังเจียงหนาน แต่เขาก็รู้สึกราวกับว่ามันใช่
หากเป็นเขา เขาเองก็คงมีสภาพไม่ต่างจากโม่เฟยเท่าไหร่
ไม่แปลกใจเลยที่เซียโหหยุนจะตายลงภายใต้ดาบของเย่หยวน
เย่หยวนค่อยๆ เก็บดาบจักรพรรดิล้ำฟ้าลงและหันไปบอก “เรียบร้อย”
โม่เฟยรู้สึกเหมือนตัวเองโดนยาชาเข้าทั้งร่าง เมื่อได้ยินคำพูดของเย่หยวนสติของโม่เฟยจึงกลับมา
ตอนนี้ดวงตาของเขาเบิกกว้างราวกับได้เห็นสิ่งที่สุดแสนโหดร้ายตรงหน้า หายใจเข้าออกอย่างรุนแรง ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลออกมาอย่างเย็นเหยียบ
“ข-ขอบพระคุณที่มีเมตตา!” โม่เฟยบอกออกมาทั้งๆ ที่ยังหอบ
ตอนนี้โม่เฟยรู้สึกเหมือนตัวเองได้ไปเที่ยวถึงหน้าประตูนรกและกลับมายังร่างของตัวเอง
เขารู้ได้ว่าหากเย่หยวนไม่เมตตา ชะตาของเขาก็คงไม่ต่างจากเซียโหหยุน
เย่หยวนหัวเราะออกมา “ข้ากับเจ้าไม่ได้มีความแค้นใดกัน จะสังหารเจ้าให้ได้อะไรขึ้นมา?”
“ข้า…ข้าแพ้แล้ว!” โม่เฟยยอมแพ้ออกมา
เจียงหนานเองก็ยังตกใจไม่น้อยที่โม่เฟยไม่ตายลง
เขานั้นคิดว่าร่างของโม่เฟยคงแยกเป็นสองซีกไปแล้ว
เพราะดาบนั้นมันแปลกประหลาดได้ถึงขนาดนั้น เขาไม่สามารถเห็นความเป็นจริงของตัวดาบนั้นได้เลย
ดาบที่ผสานแนวคิดแห่งดาบและแนวคิดแห่งห้วงมิติมันช่างน่ากลัวจนเกินไป
“คนที่แข็งแกร่งขนาดโม่เฟยกลับไม่มีปัญญาจะต่อต้านใดๆ เลยเมื่อต้องมาเจอเขาคนนี้!”
“ไม่แปลกใจเลยที่เจียงหนานจะยอมแพ้ออกมา ดูท่า…เขาคงรู้ตัวดีว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่หยวน!”
“ข้าไม่นึกเลยว่าผู้ชนะเลิศของสังเวียนร้อยศึกในครั้งนี้มันจะเป็นราชันพระเจ้าสามดาวได้! นี่คงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เลยล่ะมั้ง?”
“ข้าล่ะสงสัยจริงๆ ว่าชะตาของเย่หยวนมันจะมีสีใดกันแน่?”
…
บนที่นั่งผู้ชมต่างโห่ร้องชื่นชมออกมาเป็นการใหญ่
ก่อนจะเริ่มงานสังเวียนร้อยศึกครั้งนี้มันไม่มีใครเลยคาดคิดว่าผู้ชนะเลิศจะกลายเป็นราชันพระเจ้าสามดาวไปได้
กรรมการคนนั้นมองดูเย่หยวนอย่างตกตะลึงก่อนจะประกาศออกมา “สังเวียนร้อยศึกครั้งนี้จบลงแล้ว ผู้ชนะคือ…เย่หยวน! ตอนนี้ขอให้ผู้แข่งขันทั้งแปดขึ้นมาบนสังเวียนด้วย!”
คนที่เหลือทั้งหกต่างมึนงงว่ามันหมายความว่าอย่างไร แต่สุดท้ายก็เดินขึ้นมาบนสังเวียนตามคำบอก
จู่ๆ ก็มีคลื่นพลังรุนแรงพุ่งตรงออกมาจากความว่างเปล่า ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นไม่น้อย
ร่างยอดฝีมือเจ็ดร่างปรากฏกายออกมา พวกเขาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์!
นั่นทำให้แม้แต่เย่หยวนก็หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
เพราะการที่มียอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์เจ็ดคนปรากฏตัวออกมาพร้อมๆ กันมันย่อมสร้างแรงกดดันได้ไม่น้อย
ที่สำคัญคือในหมู่คนทั้งเจ็ดนี้ แต่ละคนนั้นมีพลังที่ไม่ได้ต่ำด้อยไปกว่าเจียงยู่ถังเลย เย่หยวนไม่สามารถมองพลังที่พวกเขามีได้ออกเลย
เพราะเจียงยู่ถังนั้นเป็นถึงยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์สี่ดาว!
นี่คือพลังที่แท้จริงของเมืองจักรพรรดิเลิศประกาย!
เมืองจักรพรรดิเหมือนกัน แต่หากยอดผู้อาวุโสของเมืองจักรพรรดิเลิศประกายลงมือ พวกเขาก็สามารถกดเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ให้จมดินได้ง่ายๆ
แต่ว่ามันยังไม่จบแค่นั้น
หลังจากคนทั้งเจ็ดปรากฏตัว ก็มีอีกร่างหนึ่งเดินออกมาจากความว่างเปล่า
และจากนั้นยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ทั้งเจ็ดก็ค่อยๆ เดินไปหลบหลังชายแก่คนนี้ตามมารยาทและก้มหัวแสดงความคารวะออกมา
ผู้คนบนที่นั่งชม คนที่ฉลาดๆ หน่อยก็จะนึกออกได้ทันที
“นั่น…นั่นมันท่านเจ้าศาลามายาล้ำ ท่านเจียนหงเซียว!”
“พระเจ้า! ท่านเจ้าศาลามายาล้ำนั้นเป็นตัวตนที่ลึกลับและสูงส่ง ไม่มีใครเคยเห็นหน้าเขามาก่อนเสียด้วยซ้ำ ไม่นึกเลยว่าครานี้จะออกมาเอง!”
“ชิๆ ดูท่าสังเวียนร้อยศึกคราวนี้เมืองจักรพรรดิเลิศประกายคงตกปลาตัวใหญ่ได้จริงๆ ข้าล่ะสงสัยเหลือเกินว่าเย่หยวนคนนี้มันจะมีชะตาสีใดกันแน่!”
…
ที่ด้านล่างผู้คนต่างตื่นเต้นสงสัย แม้แต่เหล่ายอดอัจฉริยะบนสังเวียนทั้งเจ็ดเองก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เจอกับเจียนหงเซียว
พวกเขามาต่อสู้แข่งขัน เสี่ยงชีวิตกันก็เพื่อให้ได้รับการทำนายจากเจียนหงเซียวคนนี้นี่เอง
เขาคนนี้คือตัวตนที่ราวกับพระเจ้า!
เหล่าอัจฉริยะหนุ่มทั้งหลายที่ได้รับคำชี้นำจากเขาไปล้วนเติบโตมาเป็นยอดคนปกครองแผ่นดิน
การทำนายดวงชะตานั้นเป็นอะไรที่ล่องลอยและยากจะหยั่งถึง แม้ว่าพวกเขาทั้งหลายจะใช้ศาสตร์แห่งการดูรัศมีเหมือนๆ กันแต่ด้วยการฝึกฝนบ่มเพาะที่แตกต่าง ความเข้าใจในวิชาที่แตกต่าง มันก็ย่อมส่งผลลัพธ์ที่แตกต่าง
สีทั้งเจ็ดที่เห็นเหมือนๆ กัน แต่ศาสตร์แห่งการดูรัศมีนั้นมันไม่ใช่แค่การดูสีเท่านั้น
เหมือนเจียนปิง เขานั้นเห็นแค่สีเบลอๆ เมื่อมองดูเซียโหหยุน แต่หากเป็นอาจารย์ของเขา เจียนฉาวหนิง เขาคงจะสามารถทำนายทายทักได้ด้วยสีที่ชัดเจน
และยิ่งหากเป็นเจียนหงเซียว มันก็จะแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
ยิ่งแข็งแกร่ง ภาพที่เห็นก็จะยิ่งเด่นชัด คำทำนายการชี้แนะต่างๆ ก็จะยิ่งแม่นยำ
เหล่ายอดผู้อาวุโสนี้มีความรู้ความสามารถในศาสตร์ลึกลับอย่างถึงที่สุด แต่เมื่อเทียบกับเจียนหงเซียวแล้วมันก็ยังเรียกได้ว่าต่ำกว่าหลายระดับทีเดียว
เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่สังเวียนร้อยศึกจัดขึ้น เหล่ายอดอัจฉริยะก็จะมารวมตัวกันอย่างไม่ลังเล แม้จะรู้ว่าการเดินทางครั้งนี้มันเสี่ยงอันตรายมากแค่ไหนก็ตาม
แต่เย่หยวนกลับไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ออกมามากมาย
เพราะเขารู้ว่าเส้นทางชีวิตของเขา ต่อให้เป็นเจียนหงเซียวก็ยังมองเห็นมันได้ไม่ชัดเจน
ที่สำคัญเขายังเคยเจอเจียนหงเซียวมาก่อนแล้วด้วย เจียนหงเซียวนั้นจึงไม่ใช่ตัวตนที่ลึกลับต่อเขาอีกต่อไป
เจียนหงเซียวในสายตาของเย่หยวนนั้นมันก็เหมือนเป็นคุณปู่คลั่งชาคนหนึ่งที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรมากมาย
เพราะร่างของเขานั้นมันต่างจากยอดผู้อาวุโสทั้งเจ็ด คลื่นพลังที่ออกมาจากร่างของเจียนหงเซียวนั้นมันดูลึกลับและน่าพิกล เป็นอะไรที่แสนจะยากหยั่งถึง
บางทีมันคงเป็นความแตกต่างของอาณาจักร
เจียนหงเซียวยิ้มออกมาน้อยๆ “สังเวียนร้อยศึกครั้งนี้ดูเหมือนจะมียอดอัจฉริยะไม่น้อยทีเดียว! ไม่เลวเลยๆ! ในหมู่ผู้ชนะทั้งแปดนี้มีชะตาสีม่วงหนึ่งคน ชะตาสีฟ้าสองคน ดูท่ายุคสมัยใหม่จะเริ่มขึ้นแล้ว!”
“อะไรนะ? มีชะตาสีม่วง?! ใครกัน?”
“ไอ้โง่ จะยังมีใครสีม่วงไปได้อีก? ย่อมต้องเป็นเย่หยวนแน่แล้ว!”
“พระเจ้าช่วย ยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีจริงๆ หากโชคดีเขาคงขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์ไปได้ง่ายๆ เลย!”
…
คำพูดนั้นของเจียนหงเซียวทำให้ผู้คนแตกตื่นขึ้นทันที
เพราะเมื่อเป็นคำพูดของเขา ย่อมไม่มีใครสงสัยอีก
เจียนหงเซียวยิ้ม “พวกเจ้าทั้งหลาย อย่าได้ใช้ศาสตร์แห่งการดูรัศมีเชียว ไม่เช่นนั้นตาจะบอดเอาได้!”
คำพูดนี้ย่อมบอกกล่าวไปถึงยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา
เมื่อได้ยินคำของเจียนหงเซียว พวกเขาก็ยิ่งสงสัยและใคร่อยากจะมองดูรัศมี แต่ก็ต้องกลัวคำพูดนั้นของเจียนหงเซียวจนไม่กล้าทำอะไร
ที่ด้านล่าง คนทั้งหลายกำลังมึนงง
ใช้ศาสตร์แห่งการมองรัศมีแล้วตาบอด?
นี่มัน…ไม่เคยมีมาก่อน!
เจียนหงเซียวยิ้ม “ทุกคนคงสงสัยว่าทำไมครานี้เฒ่าคนนี้ถึงได้ปรากฏตัวออกมา”
ได้ยินแบบนั้นพวกเขาทั้งหลายก็พยักหน้าไปตามๆ กัน
เพราะโดยปกติแล้วเมืองสังเวียนร้อยศึกจบลง จะมียอดผู้อาวุโสออกมารับหน้าทำงานปิดงานและตัวของเจียนหงเซียวนั้นไม่เคยจะปรากฏกายออกมาก่อนเลย
แต่คราวนี้มันกลับไม่ใช่
เจียนหงเซียวบอกต่อ “เฒ่าคนนี้มาก็เพื่อจะประกาศสองอย่าง ทุกคนคงคิดว่าเย่หยวนนั้นมีชะตาสีม่วง แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่เขา แต่ผู้ที่มีชะตาสีม่วงเป็นเด็กหนุ่มนามหนิงเทียนปิง ส่วนสีฟ้าทั้งสองนั้นคือเจียงหนานและโม่เฟย”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น