Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1714-1719
ตอนที่ 1714 แนวคิดแห่งห้วงมิติสามดาว!
ในเมืองจักรพรรดิเลิศประกายจำนวนเหล่ายอดอัจฉริยะนั้นต่างเพิ่มมากขึ้น
ทั้งบนถนนและในตรอกซอกซอย โรงน้ำชาร้านเหล้า มีแต่คนหนุ่มสาวอยู่มากมายไปหมด
เหล่าอัจฉริยะหนุ่มสาวนี้ต่างมีที่มาที่แตกต่างหลากหลาย แต่ทุกคนล้วนแล้วแต่มีความทะนงของตัวเองอย่างที่ไม่สามารถปิดบังไว้ได้
“ได้ยินว่าตอนนี้มียอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาวมาลงชื่อเข้าร่วมงานสังเวียนร้อยศึกแล้ว!”
“เจ้าพวกนี้มันบ่มเพาะกันยังไง? ข้าเองก็ไม่เคยเกียจคร้านบ่มเพาะอย่างขันแข็งมาตลอด แต่จนถึงตอนนี้ข้าก็ยังอยู่ที่อาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาว”
“งั้นเรอะ? จริงๆ เรื่องพลังบ่มเพาะนั้นเรื่องรองนะ ที่น่ากลัวจริงๆ คือคนพวกนี้มันเข้าใจแนวคิดต่างๆ อย่างลึกซึ้ง! ข้าได้ยินว่าเจียงหนานผสานรวมสามแนวคิดไว้ด้วยกันได้ จึงมีพลังฝีมือการต่อสู้ที่เหนือล้ำผู้ใด!”
“ใช่แล้ว แล้วก็เจ้าบ้าเซียโหหยุนอีกคน ได้ยินว่ามันรู้แนวคิดแห่งการทำลายล้าง คนระดับเดียวกันไม่มีใครต้านทานมันได้เลย!”
…
ในเมืองนั้นมีการจับกลุ่มพูดคุยกันมาอย่างยาวนาน
เหล่ายอดคนมากฝีมือหลายๆ คนเริ่มถูกจับแยกขึ้นมาเป็นประเด็นที่ทำให้ผู้คนพูดคุยกันได้สนุกปาก
สังเวียนร้อยศึกนั้นมันจะแบ่งออกเป็นแปดกลุ่ม
ผู้ชนะของแต่ละกลุ่มจะได้รับการทำนายจากเจ็ดยอดผู้อาวุโสแห่งศาลามายาล้ำ
และสุดท้ายพวกเขาทั้งแปดก็จะมาห้ำหั่นกันเพื่อหาผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว มาเป็นผู้ชนะเลิศของสังเวียนร้อยศึกในรอบนี้!
ผู้ชนะเลิศนี้จะเป็นคนที่ได้รับการทำนายจากท่านเจ้าศาลามายาล้ำโดยตรง
มันเป็นเกียรติที่หาใดเปรียบมิได้ เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะได้รับตำแหน่งนั้นมา
แม้ว่าพวกเขาทั้งหลายจะมีศาสตร์แห่งการดูรัศมีเหมือนๆ กัน แต่ผลที่ได้ออกมามันย่อมแตกต่างกันไปตามแต่ผู้ใช้
เจ้าศาลามายาล้ำนั้นศึกษาความลับของดวงชะตาอยู่ทุกวี่วัน เหล่าอัจฉริยะที่เคยได้รับคำทำนายจากเขาล้วนแล้วแต่ได้กลายเป็นไปยอดคนชื่อดัง
เวลานี้เองที่ชั้นบนห้องส่วนตัวของร้านอาหารวิหคนิรันดร์ เจียนปิงก็กำลังยกแก้วชนกับชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่
เมื่อเขาได้ยินว่าเย่หยวนเองก็จะไปเข้าร่วมสังเวียนร้อยศึกด้วย เขาก็ดีใจจนแทบจะลุกขึ้นเต้น
เพราะเย่หยวนนั้นได้รับการต้อนรับจากท่านเจ้าศาลา เขาจึงไม่มีปัญญาจะทำอะไรตรงๆ กับเย่หยวนได้อีก
แต่หากเย่หยวนตายลงในสังเวียนร้อยศึกด้วยน้ำมือของผู้เข้าร่วมคนอื่น มันก็คงไม่มีใครจะมาโทษเขาได้
ความเป็นความตายนั้นเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ในสังเวียนร้อยศึก แม้ว่ามันจะมีกฎรับการยอมแพ้อยู่ก็ตาม
โดยปกติแล้ว ความตายนั้นไม่ได้มีมากมายในสังเวียนร้อยศึก
เพราะยังไงเสียเหล่ายอดอัจฉริยะที่มาร่วมสังเวียนร้อยศึกนั้นก็ล้วนแล้วต่างมียอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์คอยหนุนหลังทั้งสิ้น การสังหารกันลงจริงๆ มันคงทำให้เกิดเรื่องราวปัญญามากมายตามมาในวันข้างหน้า
แต่ทว่าในทุกๆ ครั้งที่มีการจัดสังเวียนร้อยศึกขึ้น มันก็ยังมีความสูญเสียเกิดขึ้นได้ไม่ขาด
ด้วยตำแหน่งของเจียนปิงมันไม่ยากเลยที่เขาจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มที่เย่หยวนจะได้ลง และเมื่อเขารู้ว่าเย่หยวนถูกจัดไว้ในกลุ่มเดียวกับเซียโหหยุน เขาก็ยิ่งตื่นเต้นดีใจไปยกใหญ่
การจัดกลุ่มเหล่านี้ทางเมืองจักรพรรดิเลิศประกายจะพยายามนึกคำนวนถึงฝีมือและพยายามไม่ให้ยอดคนไปเจอกันตั้งแต่รอบแรกๆ
และเซียโหหยุนคนนี้เองก็เป็นตัวเต็งของกลุ่มนี้
เมื่อเขาได้ยินว่าเย่หยวนเป็นเพียงนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาว เขาก็กล่าวออกมาอย่างไม่สนใจ “พี่เจียนปิงท่านดูถูกเซียโหหยุนคนนี้เกินไปแล้ว สังหารนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวนั้นมันยังต้องให้ข้าลงมือด้วย?”
เจียนปิงตอบกลับมา “น้องเซียโหอย่าได้ประมาทมัน ต่อให้มันจะมีพลังบ่มเพาะแค่อาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวแต่พลังต่อสู้ของมันนั้นสูงล้ำ ไม่ได้ด้อยไปกว่าข้าเลย!”
เมื่อเซียโหหยุนได้ยินเช่นนั้นเขาก็แสดงท่าทางตื่นตกใจออกมาไม่น้อย
แม้ว่าฝีมือของเจียนปิงจะไม่นับว่าแข็งแกร่งนัก แต่ยังไงเสียเขาก็มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาว
แต่ราชันพระเจ้าสองดาวกลับข้ามความห่างสามดาวขึ้นมาเทียบเคียงเขาได้?
เซียโหหยุนแสดงสีหน้าท่าทางสงสัยออกมาด้วยความตื่นเต้น “โอ้? ช่างเป็นศัตรูที่น่าสนใจยิ่ง เซียโหหยุนคงต้องขอเจอมันหน่อยแล้ว แต่ว่าเรื่องของน้องเมิ่งชิงคงต้องฝากท่านพี่เจียนปิงจัดการให้แล้ว”
เจียนปิงพยักหน้ารับและยกมือขึ้นมาตบอก “วางใจได้ ท่านอาจารย์นั้นยังดูแลข้าไม่ห่าง แค่คำขอร้องน้อยๆ ของศิษย์คนนี้มันย่อมไม่ยากเย็น”
เจียนปิงหัวเราะอยู่ในใจ เย่หยวนขอดูหน่อยเถอะว่าครานี้เจ้าจะตายไหม!
เซียโหหยุนนั้นมีพลังบ่มเพาะถึงอาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาว แถมยังมีแนวคิดแห่งการทำลายล้างที่ทรงพลัง ด้วยพลังฝีมือของเย่หยวนมันย่อมไม่มีทางต่อต้านได้เลย
…
ในมิติบ่มเพาะมรณา เย่หยวนกำลังต่อสู้กับร่างเงาของตนจนเหงื่อไหลท่วมกาย
ร่างเงานี้มันยังคงแข็งแกร่งเช่นเคย
น่าเสียดายที่เขาไม่เคยชนะได้เลยแม้แต่ครั้ง
เมื่อมองดูดีๆ คนทั้งสองตอนนี้กำลังปิดดวงตาแน่น
คนทั้งสองเข้าสู่สภาวะไร้ตัวตนพร้อมๆ กัน!
เวลาเจ็ดปีที่ผ่านมานี้ เย่หยวนได้ทำการฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง
เพราะศึกนี้มันต่างจากที่ผ่านๆ มา มันเป็นศึกที่เขาต้องชนะเลิศ!
เพราะฉะนั้นเขาจึงทุ่มแรงไปมากกว่าครั้งไหนๆ
เขานั้นฝึกฝนอย่างหนักหน่วง หนักจนคนธรรมดาทั่วๆ ไปไม่มีทางจินตนาการออกได้
เพราะแม้เขาจะพูดแบบนั้นไปต่อหน้าเจ้าศาลามายาล้ำ บอกไปอย่างหนักแน่นว่าตัวเองจะชนะเลิศได้อันดับหนึ่งมา แต่เขาเองก็ไม่ได้ดูถูกเหล่าอัจฉริยะที่จะมาในครั้งนี้เลย
หากตอนนี้เย่หยวนมีพลังบ่มเพาะที่อาณาจักรวายุพระเจ้าสี่ดาว เขาคงสามารถชนะเหล่าคนรุ่นเดียวกันได้จนสิ้นแน่
ไม่ว่าจะเป็นราชันพระเจ้าห้าดาวหรือหกดาว แค่เขายื่นมือออกไปคนเหล่านั้นก็คงถูกกำจัดสิ้นในทันที
แต่น่าเสียดายที่เขานั้นตอนนี้อยู่แค่อาณาจักรวายุพระเจ้าสองดาว
เพราะพลังวิญญาณที่เย่หยวนต้องการในการบรรลุแต่ละดาวนั้นมันช่างมากมายจนเรียกได้ว่าน่ากลัวเลยทีเดียว เขาย่อมไม่มีทางจะบรรลุไปได้ในระยะเวลาสั้นๆ แค่นี้
แต่ด้วยการฝึกฝนที่แสนหนักหน่วงและโอสถล้ำค่ามากมายช่วยหลายปีมานี้ มันทำให้ตอนนี้พลังบ่มเพาะของเขาอยู่ในยอดของอาณาจักรวายุพระเจ้าสองดาวแล้ว
เย่หยวนรู้ดีว่าศัตรูของเขาทั้งหลายในครานี้ย่อมแข็งแกร่ง แค่อาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาวก็มีให้เห็นหลายคนแล้ว ที่สำคัญฝีมือการต่อสู้ของพวกเขาทั้งหลายนั้นมันยังเหนือล้ำ
ในรุ่นเดียวกัน พวกเขาเหล่านี้ต่างไม่เคยพ่ายแพ้ใคร
ที่สำคัญในหมู่ราชันพระเจ้าห้าดาว เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะไม่มียอดอัจฉริยะมากฝีมือโพล่ออกมา
ด้วยคำเตือนที่เน้นย้ำของเจ้าศาลามายาล้ำ มันจึงแสดงให้เห็นว่าอัจฉริยะของหลายร้อยเมืองจักรพรรดิที่มาในครั้งนี้มันไม่มีทางเป็นอัจฉริยะธรรมดาๆ ไปได้เลย
ด้วยพลังในตอนนี้ของเย่หยวน การต่อสู้กับราชันพระเจ้าหกดาวนั้นมันยังเรียกได้ว่าลำบาก
เพราะฉะนั้นเขาจึงพยายามจะบรรลุพลังของแนวคิด
เวลาเจ็ดปีที่ผ่านมา เย่หยวนฝึกแนวคิดแห่งดาบไปจนถึงสี่ดาวขั้นสุดในศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ
แต่น่าเสียดายที่จนถึงตอนนี้แนวคิดแห่งห้วงมิติของเขาก็ยังไม่บรรลุขึ้นมาได้เสียที
แนวคิดแห่งห้วงมิติสามดาวนั้นมันช่างยิ่งใหญ่และลึกซึ้ง!
ต่อให้เป็นเย่หยวน เขาก็ยังไม่รู้ทางไปต่อแม้จะอยู่กับมันมาได้หลายร้อยปี
เพราะฉะนั้นเขาจึงได้เข้ามายังมิติบ่มเพาะมรณาครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อพยายามที่จะบรรลุ
“เฮอะๆ อยากบรรลุแนวคิดแห่งห้วงมิติเพิ่ม? ฝันไปเถอะ! วันนี้เจ้านั่นแหละต้องตาย…” ร่างเงานั้นหัวเราะออกมาแต่จู่ๆ ก็ต้องหยุดชะงักไป
ตอนนั้นเองที่คมดาบของเย่หยวนตัดผ่านการป้องกันของมันและสับร่างมันแยกออกมาเป็นสองซีก!
ร่างเงานั้นไม่อยากจะยอมรับภาพตรงหน้าและตายลงอีกครา “บ-บ้าน่า!”
หวู่เฉินบอกอย่างตื่นเต้น “สวรรค์ตอบแทนผู้พยายาม ในที่สุดเจ้าก็บรรลุแนวคิดแห่งห้วงมิติสามดาวได้!”
เย่หยวนหอบหายใจนิดหน่อยด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว มันช่างยากเสียเหลือเกิน! เหล่าผู้ที่เข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิตินี้ได้คงมีแต่ยอดคนโดยแท้!”
หวู่เฉินบอก “เรื่องนั้นแน่นอน! ตั้งแต่โบราณกาลมาเหล่าคนที่บรรลุแนวคิดแห่งห้วงมิติล้วนแล้วแต่เป็นคนที่สร้างชื่อสะท้านโลกา ชื่อเสียงของพวกเขาทั้งหลายโด่งดังไปทั่วฟ้า”
เย่หยวนตอบมาด้วยความยินดี “แนวคิดแห่งห้วงมิตินั้นช่างยิ่งใหญ่! บ่มเพาะไปจนถึงขั้นสุดของสามดาวคงทำให้ข้าตัดห้วงมิติได้เลยใช่ไหม? เมื่อรวมเพลงดาบเมฆาลับแลกับแนวคิดแห่งห้วงมิติสามดาวเข้าด้วยกัน ในด้านของพลังแล้วมันคงไม่ด้อยไปกว่าตรานิพพานเลย! ฮ่าๆ ข้าล่ะชักอยากรู้แล้วสิว่าในสังเวียนร้อยศึกครานี้มันจะมีคู่ต่อสู้ที่ทำให้ข้าต้องเอาจริงปรากฏตัวออกมาไหม!”
ตอนที่ 1715 ศึกแรก
ในสนามประลองสังเวียนขนาดใหญ่นั้นมันเต็มไปด้วยผู้คน
เมืองจักรพรรดิเลิศประกายนั้นได้สร้างสนามประลองขนาดใหญ่ไว้เพื่อรองรับงานสังเวียนร้อยศึกทุกๆ สามร้อยปี
ที่กลางสนามนั้นจะมีสังเวียนแยกออกเป็นแปดสังเวียนขนาดใหญ่
และในสังเวียนทั้งแปดก็จะมีแยกเป็นเวียนย่อยลงไปอีกสี่สังเวียน ตอนนี้เหล่าผู้เข้าร่วมต่างพร้อมจะทำการต่อสู้อย่างเต็มที่รอบๆ สังเวียนที่ว่านี้
คนที่เข้าสมัครร่วมสังเวียนร้อยศึกในครั้งนี้มีจำนวนมากกว่าสามพันหกร้อยคน
แบ่งออกเป็นแปดกลุ่ม แต่ละกลุ่มก็จะมีการแข่งขันของตัวเองไปแยกจากกัน
เย่หยวนนั้นอยู่กลุ่มหก ส่วนหนิงเทียนปิงนั้นอยู่กลุ่มแปด
เมื่อเย่หยวนเข้ามาถึงสนาม เขาก็เรียกเสียงเยาะเย้ยจากผู้คนได้ในทันที
“นี่ตาข้าฝาดไปเรอะ? เป็นแค่ราชันพระเจ้าสองดาวแต่กลับกล้ามาร่วมงานสังเวียนร้อยศึกด้วย?”
“ฮ่าๆ! มันคงเป็นอัจฉริยะแหละ! อัจฉริยะที่อยากให้ท่านเจ้าศาลายอมรับในตัวมัน”
“ช่างประเมินตัวเองสูงเกินไปแท้ๆ! ชิๆ หากข้าได้เจอมันในรอบแรก มันจะดีแค่ไหนกันนะ?”
…
ในสายตาของทุกผู้คนตอนนี้เย่หยวนเป็นได้แค่เหยื่ออันโอชะ
เพราะเรื่องที่ว่าพวกเขาจะผ่านเข้ารอบต่อไปหรือไม่นั้นมันก็ล้วนแล้วแต่ว่าพวกเขามีดวงพอจะไปเจอคนอ่อนๆ อย่างเย่หยวนหรือไม่
ในหมู่ยอดอัจฉริยะที่สมัครเข้ามาร่วมนั้นส่วนมากจะเป็นราชันพระเจ้าสามดาวไปจนถึงราชันพระเจ้าห้าดาว ราชันพระเจ้าสองดาวและหกดาวนั้นนับว่าหาได้ยากมาก
การได้เจอนักยุทธที่มีพลังบ่มเพาะแค่อาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวเช่นนี้มันก็เทียบเท่าได้กับว่าพวกเขาได้ตั๋วเข้ารอบต่อไปฟรีๆ
แน่นอนว่าคนที่คิดแบบนี้ส่วนมากแล้วเป็นนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวและสี่ดาว
พวกที่สามารถขึ้นไปอาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวได้นั้นไม่ชอบที่จะต้องกินหมูทำอะไรง่ายๆ ให้เสียชื่อตัวเองเช่นนั้น
“ไอ้เจ้าพวกนี้มันโง่เง่าตาไม่มีแววจริงๆ!” หนิงเทียนปิงยิ้มออกมาอย่างเย็นเยือก
เย่หยวนจึงยิ้มตอบ “หึๆ ไม่ต้องไปสนใจพวกเขาหรอก คนเหล่านี้ล้วนเป็นได้แค่ตัวประกอบฉากเท่านั้น เจ้าไปเถอะ พยายามและคว้าที่หนึ่งมาให้ได้ล่ะ”
หนิงเทียนปิงนั้นมีโชคดีกว่าคนอื่น เพราะในกลุ่มที่เขาอยู่มันไม่มียอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาวอยู่
หากหนิงเทียนปิงแสดงพลังฝีมือออกมาได้อย่างดีพอ เขาก็อาจจะขึ้นไปอยู่ในอันดับหนึ่งและกลายเป็นผู้ชนะของกลุ่มได้
เพราะยังไงเสียหนิงเทียนปิงก็ได้รับสืบทอดวิชาจากเทพถ่องแท้ ส่วนพวกอัจฉริยะคนอื่นๆ นั้นส่วนมากมันไม่มีใครจะไปได้รับสืบทอดใดๆ จากเทพถ่องแท้
หนิงเทียนปิงหัวเราะ “โดนนายใหญ่สั่งสอนมาทุกวี่วัน ข้าพ่ายแพ้จนแทบลืมความหมายของชีวิตไปแล้ว ไม่รู้เลยว่าครานี้ข้าจะสามารถต่อสู้ได้ถึงขนาดไหน”
เวลาหลายปีมานี้ คู่ต่อสู้เดียวที่หนิงเทียนปิงมีก็คือเย่หยวน
การต่อสู้กับเย่หยวนนั้นมันเป็นประสบการณ์ที่แสนขมขื่นสำหรับเขา
เพราะชายคนนี้คือตัวตนที่ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน ทำอย่างไรก็ไม่มีทางชนะได้เลย!
แต่มันก็เป็นเพราะว่าการฝึกกับเย่หยวนเช่นกันที่ทำให้หนิงเทียนปิงสามารถลงมืออย่างสุดกำลังได้ในทุกๆ ครั้งที่ประลอง
เรื่องนั่นมันทำให้เขาพัฒนาวิชายุทธและความเข้าใจแนวคิดไปได้อย่างมากมายจนน่าเหลือเชื่อ
ถึงขนาดที่ว่าตัวโม่ลี่เฟยยังต้องตื่นตกใจกับความเร็วการพัฒนาของศิษย์คนนี้
แต่ว่าเรื่องนี้มันก็ยิ่งทำให้เขาได้รับรู้ถึงพลังที่แท้จริงของเย่หยวนเข้าไปใหญ่
ไม่แปลกใจเลยที่เย่หยวนจะดูถูกสมบัติของเขา
ไม่นาน การต่อสู้รอบแรกก็เริ่มขึ้น
การต่อสู้ในรอบแรกนั้นส่วนใหญ่ผู้เข้าสมัครจะมีพลังฝีมือที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทำให้ผลการต่อสู้มักจะออกมาได้อย่างรวดเร็ว
ในกลุ่มของเย่หยวนนั้นมีคนกว่าสี่ร้อยคน นั่นหมายความว่าจะมีการต่อสู้กว่าสองร้อยคู่
แต่มันกลับดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว
บ้างก็ขึ้นไปได้ไม่ถึงอึดใจก็ถูกซัดร่วงลงมา
“ต่อไป เย่หยวนปะทะหลี่คุน!” กรรมการประกาศ
เมื่อเย่หยวนได้ยินชื่อตัวเองเขาก็กระโดดขึ้นไปบนสังเวียนทันที
“นั่นมันเจ้าราชันพระเจ้าสองดาวนี่นา! หลี่คุน เจ้ามันโชคดีเสียจริงๆ! ได้นอนเข้ารอบสองไปง่ายๆ เช่นนี้!”
“ไอ้หมาโชคดีเอ้ย! ทำไมข้าไม่โชคดีเหมือนมันบ้าง?”
“เมื่อคนเราโชคดี ต่อให้เป็นเซียนที่ไหนมาก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้! หลี่คุนในสายตาของข้าแล้วโชคชะตาของเจ้าคงกำลังเบ่งบาน!”
…
เหล่าผู้สมัครที่อยู่รอบๆ ต่างมองดูหลี่คุนด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความริษยา
หลี่คุนระเบิดเสียงหัวเราะขึ้น “ขอบคุณที่ให้ทาง! ขอบคุณจริงๆ ที่ให้ทางข้า!”
พูดจบเขาก็กระโดดขึ้นสังเวียนตามไป
หลี่คุนมองดูเย่หยวนและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เด็กน้อยเจ้านั้นมีพรสวรรค์ไม่เลว แต่…เจ้ามาเร็วเกินไป รอมาสังเวียนร้อยศึกรอบหน้าเถอะ ถึงตอนนั้นเจ้าอาจจะพอมีหวังบ้าง ตอนนี้ยอมแพ้เสีย เพราะหากข้าลงมือแล้วเจ้าคงเจ็บตัวไม่น้อย”
เย่หยวนนั้นช้ากว่าคนอื่นไปสามร้อยปี นั่นทำให้ความเร็วที่เขาบรรลุอาณาจักรวายุพระเจ้ามันตามหลังคนอื่นๆ ไปไม่น้อย
ตอนนี้หากมองด้วยตาเปล่าพลังบ่มเพาะของเขาคงดีกว่าคนธรรมดาหน่อย แต่ก็ไม่ได้นับว่าสุดยอดใดๆ
ในหมู่ยอดอัจฉริยะแล้วมันไม่มีค่าใดๆ เลยเสียด้วยซ้ำ
หลี่คุนนั้นเป็นนักยุทธที่อยู่บนยอดอาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาว อีกแค่ก้าวเดียวเขาก็จะสามารถขึ้นไปเป็นราชันพระเจ้าสี่ดาวได้แล้ว
แน่นอนว่าพลังของเขาเมื่อเทียบกับราชันพระเจ้าสองดาว มันคงเทียบกันไม่ติด
เย่หยวนยิ้ม “ไม่เคยลองสู้กันจะรู้ได้อย่างไร?”
หลี่คุนหัวเราะ “ดูเหมือนเจ้ามันเป็นพวกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ! ช่างเถอะ งั้นนายน้อยผู้นี้จะช่วยส่งเจ้าลงไปเอง! ดาบวายุเงาสนั่น!”
หลี่คุนใช้ดาบโจมตีอย่างรวดเร็วปานสายลม ทั้งร่างของเขาเหลือเพียงแค่ภาพติดตาพุ่งตัวเข้าหาเย่หยวนอย่างรวดเร็ว
“ช่างเร็วแท้!”
เสียงชื่นชมดังขึ้นจากด้านล่างสังเวียน ดูท่าพวกเขาทั้งหลายเองก็คงตื่นตะลึงกับความเร็วของหลี่คุนไม่น้อย
ที่ข้างสังเวียน เซียโหหยุนเองก็กำลังยืนดูด้วยมือไขว้หลังอยู่ด้วยท่าทางสบายๆ แต่สายตาของเขานั้นไม่เคยละจากตัวเย่หยวนเลย
เพราะเรื่องที่เจียนปิงเล่ามา เขานั้นไม่ค่อยอยากเชื่อนัก
นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวจะมีปัญญาสู้ข้ามสามดาวได้หรือ?
เพราะแต่ละดาวในอาณาจักรราชันพระเจ้านั้นก็ไม่ใช่ขยะสด จะมาข้ามกันได้ง่ายๆ อย่างไร
ที่สำคัญเขายังถูกแบ่งด้วยชั้นกลางและชั้นต้นด้วย!
แม้แต่ตัวเขาเองตอนที่ยังเป็นราชันพระเจ้าสองดาว อย่างมากสุดเขาก็แค่สู้กับราชันพระเจ้าสามดาวได้
ฟุบ!
ดาบนั้นพุ่งทะลุอกไป!
เสียงร้องดังขั้นรอบๆ ทันที แค่รอบแรกก็ตายกันเสียแล้วหรือ?
เย่หยวนคนนี้มันจะไม่อ่อนแอเกินไปหน่อยหรือ?
หลี่คุนเองก็ตื่นตกใจไม่แพ้กัน แต่ตอนที่ร่างของเขายังไม่ทันตั้งหลักดีเขาก็พบว่ามีมือของใครบางคนมาผลักเขาจากด้านหลัง
“ลงไป!”
หลี่คุนนั้นอยากจะตั้งหลักกลับมาอย่างสุดตัว แต่การผลักนั้นมันไม่ใช่การผลักธรรมดาๆ มันทำให้พลังในร่างของเขาหดหายไปทำให้ไม่มีแรงจะลุกขึ้นตั้งหลักเลยแม้แต่น้อย
ตุบ!
จากนั้นร่างของหลี่คุนก็ปลิวล่องลอยลงมาจากสังเวียนทันทีพร้อมกระแทกพื้นอย่างแรง
เซียโหหยุนหรี่ตาลงทันที “แนวคิดแห่งห้วงมิติ!”
แม้ว่ามันจะเป็นเวลาแค่ชั่วพริบตา แต่ประสาทสัมผัสของเขามันเหนือกว่าคนอื่นๆ มากและทันไปเห็นเข้าพอดี
“โอ้ย! เอวข้า!”
หลี่คุนเอามือประคองเอวและพยายามดันตัวลุก ก่อนจะพยายามตั้งใจมองดูเย่หยวนอีกครั้ง เย่หยวนผู้ที่ยังยืนอยู่บนสีงเวียนอย่างไม่มีร่องรอยบาดเจ็บใดๆ
เขาแพ้โดยที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแพ้อย่างไร!
เขาแทงเย่หยวนไปแล้วแท้ๆ แต่ทำไมคนที่ถูกดีดออกมากลับเป็นตัวเขาเอง?
กรรมการบอก “เย่หยวนชนะ หลี่คุนแพ้! เย่หยวนเข้ารอบสอง!”
เมื่อผลถูกประกาศออกมามันก็สร้างความโกลาหลไม่น้อย
“เกิดอะไรขึ้นกัน? ข้าเห็นหลี่คุนแทงเย่หยวนไปแท้ๆ ทำไมกลายเป็นเขาที่แพ้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้?”
“ไม่รู้สิ ข้าก็มองอะไรไม่ทันเหมือนกัน!”
นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวคนหนึ่งหัวเราะขึ้น “แนวคิดแห่งห้วงมิติ! เย่หยวนใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติหลบดาบของหลี่คุนและผลักเขาออกมานอกสังเวียน ฮ่าๆ น่าสนใจจริงๆ”
นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาว แน่นอนว่าทั้งพลังกายและพลังสายตาพวกเขาย่อมเหนือกว่าใครๆ และพอมองออกว่าเย่หยวนลงมือยังไงบ้าง
แต่เขาก็ไม่ได้กังวล
เพราะเขานั้นมีพลังบ่มเพาะเหนือกว่าเย่หยวนสามดาว ต่อให้เย่หยวนจะใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติมันก็คงเปลี่ยนผลลัพธ์ไปได้ไม่มาก
ตอนนี้พวกเขาแค่ไม่มองว่าเย่หยวนเป็นแค่นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวธรรมดาๆ อีกต่อไปแล้ว
ตอนที่ 1716 จิตต่อสู้ของเย่หยวน
“น-แนวคิดแห่งห้วงมิติ เย่หยวนคนนี้รู้แนวคิดแห่งห้วงมิติ!”
“พระเจ้าช่วย ไม่แปลกใจเลยที่มันจะกล้าขึ้นสังเวียน ที่แท้มันเองก็เป็นสัตว์ประหลาดเช่นกัน!”
“แน่นอนสิ คนที่กล้าจะมาร่วมสังเวียนร้อยศึกได้ย่อมต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว!”
“หลี่คุนเองก็ประมาทศัตรูเกินไป ไม่เช่นนั้นด้วยพลังฝีมือของมันมีหรือที่จะพ่ายแพ้ง่ายๆ เช่นนี้”
…
คำพูดเดียวของนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวคนนั้นเปลี่ยนคลื่นฝูงชนไปทันที
แนวคิดแห่งห้วงมิตินั้นเป็นยอดแนวคิดในตำนาน
จู่ๆ หากตำนานมาปรากฏตรงหน้า จะยังมีใครไม่ตื่นเต้นได้?
แต่ว่าพลังบ่มเพาะของเย่หยวนนั้นมันแสนจะชัดเจนต่อสายตาผู้คน ไม่ว่าแนวคิดแห่งห้วงมิติมันจะแข็งแกร่งปานใดแต่การจัดการหลี่คุนนั้นมันก็คงเรียกได้ว่าสุดที่จะทำแล้ว
ที่สำคัญพลังฝีมือของหลี่คุนเองก็ไม่ได้อ่อนแอ หากเขาคิดจะต่อสู้จริงๆ จังๆ มันย่อมไม่จบลงเช่นนี้แน่
สุดท้ายพวกเขาก็แค่เข้าใจว่าเย่หยวนใช้ประโยชน์จากความประมาทของศัตรูและบังเอิญเอาชนะมาได้
การต่อสู้ดำเนินต่อไป ตอนนี้เหล่าผู้เข้าสมัครในกลุ่มหกต่างก็ค่อยๆ แสดงพลังฝีมือของตัวเองออกมา
แต่การต่อสู้ในรอบแรกนั้นส่วนใหญ่มันเอามาใช้วัดพลังที่แท้จริงของใครไม่ได้นัก
เพราะแม้พวกเขาทั้งหลายจะนับว่าเป็นอัจฉริยะ แต่อัจฉริยะเองก็ยังมีระดับแตกต่างกันไป
แม้จะเป็นนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวเหมือนๆ กัน แค่หากมีพลังความเข้าใจในแนวคิดที่ต่างกัน มันก็ทำให้ความสามารถฝีมือแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง
“ข้ารู้สึกว่าเกาชุนนั้นแข็งแกร่งไม่น้อย! เขาใช้แค่กระบวนท่าเดียวก็จัดการคู่ต่อสู้ลงได้แล้ว”
“แล้วก็ซ่งเทียนเฉียงผู้นั้นยังไม่ทันได้ชักอาวุธและจัดการศัตรูได้ด้วยมือเดียวด้วย”
“เซียโหหยุนเองก็ยังไม่ได้ขึ้นสู้เลย ข้าล่ะสงสัยจริงๆ ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน!”
…
ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างออกรสชาติ คาดเดากันไปว่าใครแข็งแกร่งแค่ไหน ใครอ่อนแอกว่าใคร
แต่สิ่งที่การต่อสู้รอบแรกมันแสดงออกมานั้นช่างน้อยอย่างแสนน้อย พวกเขาจึงได้แต่พยายามคาดเดาเอาจากความเร็วของการต่อสู้ว่าใครจบได้เร็วกว่า
แต่เหล่ายอดคนที่แท้จริงนั้นแทบจะยังไม่ได้แสดงพลังใดๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย
“ต่อไป เซียโหหยุนปะทะจางเฟิง!”
ตอนนั้นเองที่ในที่สุดชื่อของเซียโหหยุนก็ถูกเรียก
ทุกคนเริ่มมีสีหน้าตื่นเต้นขึ้นทันที พวกเขาต่างมองไปยังร่างของเซียโหหยุนอย่างไม่ละสายตา
คนทั้งสองมาถึงสังเวียนและขึ้นไปพร้อมๆ กัน
จางเฟิงนั้นมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก เขาไม่คิดว่าตัวเองจะโชคร้ายจนต้องมาเจอเซียโหหยุนตั้งแต่รอบแรกเช่นนี้
เพราะมันไม่มีทางใดที่จะชนะเลย!
“ข้าให้เวลาเจ้าสามอึดใจ จงยอมแพ้ไป หากนายน้อยผู้นี้ลงมือเจ้าคงไม่เหลืออะไรให้ยอมแพ้แล้ว! หนึ่ง…”
เซียโหหยุนนั้นแสดงออกมาอย่างดุดัน เริ่มทำการนับถอยหลังทันที
จางเฟิงเองก็มีสีหน้าที่แย่สุดขีด เหงื่อเม็ดโตไหลย้อยลงมาจากหน้าผากของเขาเพราะรู้สึกได้ถึงความกดดันที่มหาศาลตรงหน้า
แต่เซียโหหยุนนั้นไม่ได้ปล่อยปราณเทวะของตัวเองออกมาเสียด้วยซ้ำ เขาแค่ยืนตรงนั้นเฉยๆ
“สอง…”
“ข้า…ข้ายอมแพ้!”
แม้จะไม่อยากยอมอย่างสุดใจ แต่ที่สุดจางเฟิงก็ต้องเลือกขอยอมแพ้ไป เขาไม่กล้าแม้แต่ที่จะโจมตีอีกฝ่ายเสียด้วยซ้ำ
ตัวตนอันดุดันของเซียโหหยุนนั้นมันทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกได้ถึงแรงกดทับโดยตรง
ทุกคนรู้ดีว่าเซียโหหยุนนั้นศึกษาแนวคิดแห่งการทำลายล้าง เขาจึงมีพลังต่อสู้ที่สุดแสนจะสูงส่ง
คนที่ไม่มั่นใจจริงๆ ยังจะมีใครกล้าไปลอง?
แค่หมัดเดียวมันก็ลบร่างกายของผู้คนให้หายไปได้อย่างไม่มีโอกาสให้ได้ยอมแพ้!
หากเป็นคนอื่นพูดแบบนั้นมันคงเหมือนเป็นแค่เรื่องตลก
แต่สำหรับเซียโหหยุนแล้ว เขามั่นใจถึงขนาดนั้น!
อาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาวผสานกับแนวคิดแห่งการทำลายล้าง แนวคิดที่แสนทรงพลังเช่นนี้ ใครจะยังกล้าไปท้าทายเขาอีก?
นี่แหละคือยอดฝีมือที่แท้จริง!
ตัวตนที่เหนือล้ำกว่าทุกผู้คน!
“เซียโหหยุนนั้นมีพลังที่รุนแรงเกินไป! ข้า…แม้แต่ข้าก็ยังรู้สึกได้ถึงแรงกดดัน แค่จางเฟิงไม่คุกเข่าลงมันก็เยี่ยมยอดพอแล้ว”
“อืม แข็งแกร่งจริงๆ! แค่คำพูดเดียวก็ทำลายจิตใจอีกฝ่ายลงได้ คนแบบนี้เราจะเอาอะไรไปสู้ได้!”
“ข้าสงสัยจริงๆ ว่าจะมีใครทำให้เขาลงมือไหม หรือว่าเขาจะชนะได้โดยไม่ต้องใช้อาวุธประจำกายแบบนี้ไปเรื่อยๆ?”
“เรื่องนี้…คงพูดยาก ข้าจำได้ว่ากลุ่มเรามีราชันพระเจ้าห้าดาวหลายคนที่อยากลองของอยู่ อย่างน้อยๆ มันก็น่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นบ้าง”
…
ตอนนั้นเองสีหน้าของเหล่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวทั้งหลายก็ซีดลงทันที
เพราะแรงกดดันที่ปล่อยออกมาจากตัวเซียโหหยุนนั้นมันแสนที่จะรุนแรง
แต่เย่หยวนกลับเบิกตากว้างอย่างตื่นเต้น ราวกับกำลังรอเหยื่ออยู่
ร่างของเซียโหหยุนคนนี้มันก็ส่งแรงกดดันใส่เขาไม่ต่างจากคนอื่นๆ
แต่ความกดดันนี้มันกลับทำให้เย่หยวนรู้สึกตื่นเต้นจนเลือดเดือดพล่านแทน
ตอนนั้นเองที่สายตาของเซียโหหยุนมองลบงมาเจอเย่หยวนพอดี
ดวงตาทั้งสองฝ่ายจ้องมองปะทะกัน ทีแรกเป็นเซียโหหยุนที่ตื่นตกใจไปก่อน จากนั้นเขาก็หัวเราะเยาะในใจ เด็กน้อยคนนี้มันกลับคิดจะสู้กับเขาจริงๆ ช่างไม่รู้จักรักชีวิต!
“เจ้าเด็กนี้มันท้าทายเซียโหหยุนเหรอ?”
“นี่ตาข้าไม่ได้ฝาดไปใช่ไหม?”
“มันคงไม่ได้ฝึกจนสมองเพี้ยนใช่ไหม? มันคิดว่าแค่มีแนวคิดแห่งห้วงมิติแล้วจะต้านสวรรค์ได้เหรอ?”
“ไปแล้วๆ เซียโหหยุนเดินไปหาเย่หยวนแล้ว! ฮ่าๆ ชักน่าสนุกแล้วสิ”
…
จิตต่อสู้ของเย่หยวนนั้นไม่มีท่าทียอมแพ้แม้แต่น้อย แต่เมื่อทุกคนได้เห็นภาพนั้นมันกลับเป็นได้แค่เรื่องตลก
นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวกลับกล้าท้าทายยอดคนอย่างนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาว ดูยังไงมันก็คือการเดินเข้าไปหาที่ตายชัดๆ
แนวคิดแห่วงห้วงมิติมันไม่สามารถช่วยกลบความต่างที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นได้หรอก
นี่เป็นสามัญสำนึก สิ่งที่ทุกคนต่างรู้กันดี
แต่ดูท่าเจ้าโง่นี่จะไม่รู้จักมัน
เซียโหหยุนค่อยๆ เดินเข้าไปหาเย่หยวนและกล่าวด้วยรอยยิ้มแสนดูถูก “เจ้าอยากท้าทายข้า?”
เย่หยวนไม่รู้ว่าเจียนปิงและเซียโหหยุนมีการตกลงใดๆ กันมาก่อน เขาแค่รู้สึกมาจากสัญชาตญาณว่าอยากสู้กับผู้แข็งแกร่ง
ได้ยินแบบนั้นเขาจึงยิ้มตอบไป “เจ้าแข็งแกร่ง! แต่ข้าคงต้องขอชนะเจ้า!”
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเก่งกาจแค่ไหน เย่หยวนก็ต้องชนะเท่านั้น!
แต่คนที่ได้ยินมันกลับรู้สึกเหมือนพวกตนได้ยินมุกตลกแห่งปีมาก็ไม่ปาน
“ฮ่าๆ ช่างเป็นเจ้าโง่ที่ไม่รู้จักประมาณตนเสียจริง!”
“เด็กน้อย เจ้ามันอวดเก่งเกินไปแล้ว! เจ้าคิดว่าแค่มีแนวคิดแห่งห้วงมิติแล้วเจ้าจะแข็งแกร่งไร้เทียมทานเรอะ?”
“เด็กน้อย เจ้าเคยได้ยินคำว่าเอาไข่ไปทุบหินไหม?”
…
ที่ด้านข้างเสียเยาะเย้ยต่างดังไปทั่ว
เพราะคำประกาศสงครามนี้มันช่างฟังดูอ่อนแอ!
เซียโหหยุนยิ้ม “หึๆ แนวคิดแห่งห้วงมิติ นายน้อยคนนี้อยากลองปะทะกับมันจริงๆ! อยากท้าทายข้าก็ไปชนะมาให้ถึงข้าก่อนเถอะ!”
เย่หยวนยิ้มสบายๆ “อย่าได้กังวล ข้าไปถึงแน่”
รอยยิ้มนั้นยังอยู่บนใบหน้า แต่เย่หยวนก็ตกใจไม่น้อย
เพราะเขาเคยฝึกสังหารยอดเจตนาแท้มาก่อน เขาจึงอ่อนไหวกับจิตสังหารมากๆ
และเซียโหหยุนผู้นี้ก็มีจิตสังหารต่อเขา!
แม้ว่าเซียโหหยุนจะเก็บซ่อนมันไว้อย่างดี แต่เย่หยวนก็ยังรับรู้ได้
มันเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกันแท้ๆ แต่ทำไมอีกฝ่ายถึงคิดสังหารเย่หยวน? หรือว่า…เจียนปิง? เย่หยวนนึกถึงหน้าเจียนปิงขึ้นมาในทันที
เพราะในเมืองจักรพรรดิเลิศประกายนี้ นอกเสียจากเจียนปิงแล้วเขาก็นึกไม่ออกเลยว่าตัวเองไปมีเรื่องกับใครไว้อีก
แม้ว่าเซียโหหยุนจะมีนิสัยเสียแค่ไหน การที่อยากสังหารเขาตั้งแต่เจอหน้ามันก็คงไม่มีทางเกิดขึ้นได้แน่
นั่นทำให้เหลือแค่ความเป็นไปได้เดียว เจียนปิงตกลงอะไรบางอย่างกับเซียโหหยุนไว้ก่อนหน้า!
เย่หยวนยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น เจียนปิงคนนี้มันช่างน่ารำคาญเหมือนผีไม่ยอมตาย!
ไม่นานรอบที่สองก็เริ่มขึ้น!
แน่นอนว่าผู้เข้ามาถึงรอบที่สองย่อมแข็งแกร่งกว่ารอบแรกมาก ทำให้การต่อสู้เองก็เริ่มดุเดือดขึ้น
แต่กับเย่หยวนแล้วมันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากมาย
เขายังคงจัดการศัตรูลงด้วยกระบวนท่าเดียวเช่นเดิม!
ตอนที่ 1717 ศึกอันดุเดือดกับซ่งเทียนเ...
คราวนี้คู่ต่อสู้ของเย่หยวนเป็นนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาว
แต่ว่าสุดท้ายอีกฝ่ายก็ยังถูกซัดปลิวไป
หลังจากนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวคนนั้นหน้าทิ่มดินไป เขาก็ลุกขึ้นมาด้วยสภาพมึนงงไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่
เย่หยวนนั้นฝึกฝนแนวคิดแห่งห้วงมิติมานานแสนนานและรู้ถึงวิธีการนำมันมาประยุกต์ใช้อย่างแยบยล
นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะรับมือเขาได้นานนักอยู่แล้ว
“เย่หยวนคนนี้แข็งแกร่งจริงๆ!”
“ไม่แปลกใจเลยที่มันจะกล้าไปท้าทายเซียโหหยุน! ดูท่ามันจะมีฝีมือไม่น้อยจริงๆ!”
“นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวกลับสามารถชนะนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นกลางได้แบบนี้ แนวคิดแห่งห้วงมิติมันช่างแข็งแกร่งอย่างแท้จริง!”
“แต่ไม่ว่ามันจะเก่งกาจแค่ไหน มันก็ไม่มีทางเทียบกับเซียโหหยุนได้หรอก”
…
การที่เย่หยวนนั้นสามารถเอาชนะนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวได้มันทำให้ทุกผู้คนต้องอ้าปากค้าง
เพราะจากอาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นต้นไปสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นกลางนั้นมันมีช่องว่างที่แสนยิ่งใหญ่อยู่ ต่อให้เป็นนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาว แต่หากไร้ความสามารถที่สะเทือนสวรรค์จริงๆ พวกเขาก็ไม่มีทางจะต่อสู้กับนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวได้เลย
แต่เย่หยวนคนนี้ผู้ที่มีพลังบ่มเพาะแค่อาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวกลับสามารถทำมันได้
เรื่องนี้มันทำให้ทุกผู้คนได้รับรู้เสียทีว่าเย่หยวนนั้นไม่ใช่แค่ขยะตัวประกอบข้างทาง!
แต่หากจะบอกว่าเย่หยวนสามารถเอาชนะเซียโหหยุนได้ พวกเขาทั้งหลายก็ยังไม่คิดจะเชื่อ
เพราะยังไงเสียเซียโหหยุนคนนั้นมันก็ช่างแข็งแกร่ง
รอบที่สองผ่านไปอย่างไม่มีเรื่องราวใดๆ เกิดขึ้นอีก ศัตรูของเขายังคงยอมแพ้ตั้งแต่ขึ้นสังเวียน
คลื่นพลังที่ออกมาจากร่างกายของเขานั้นมันช่างรุนแรง ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปปะทะกับเจ้าของคลื่นพลังกดดันนี้เลย
รอบที่สาม เย่หยวนเองก็ยังคงชนะได้ ล้มนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวอีกคนลง
คู่ต่อสู้ของเซียโหหยุนเองก็ยอมแพ้ออกมาอีกครา
รอบที่สามจบลงแล้ว แต่กลับยังไม่มีใครสามารถทำให้เซียโหหยุนลงมือได้เลย!
หลังจากจบรอบที่สามลงกรรมการก็ประกาศออกมา “การต่อสู้ของวันนี้จบลงเท่านี้ วันพรุ่งนี้จะเริ่มรอบที่สี่!”
การต่อสู้ติดกันสามศึก มันไม่แปลกเลยที่หลายๆ คนจะหมดแรงจนแทบสู้ไม่ไหวแล้ว
ได้ยินแบบนั้นพวกเขาทั้งหลายก็ถอนหายใจยาว
หลังจากแยกย้ายกันหนิงเทียนปิงก็เดินเข้ามาหาเย่หยวนและบอกด้วยสีหน้าท่าทางตื่นเต้น “นายใหญ่ ข้าผ่านรอบที่สามมาได้แล้ว!”
เย่หยวนได้แต่กลอกตา “หากเจ้าไม่ผ่านแม้แต่รอบที่สาม ข้านี่แหละจะเป็นคนเตะเจ้ากลับเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เอง”
หนิงเทียนปิงหัวเราะชอบใจ “นายใหญ่ ข้ารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝันไปเลย ได้มีโอกาสแลกกระบวนท่ากับยอดคนระดับนั้น! ที่สำคัญที่สุดเลยคือข้าชนะพวกเขาด้วย! ฮ่าๆ สุดยอดเสียจริง!”
หนิงเทียนปิงหัวเราะลั่นทำให้ผู้คนต้องหันหน้ามามองเขาด้วยสายตาไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่
เพราะคำพูดนั้นมันช่างอวดดี!
เย่หยวนยิ้ม “ตอนนี้ฝีมือของเจ้านั้นนับว่าเป็นระดับบนของเมืองจักรพรรดิแล้ว ระดับนี้ในวันข้างหน้าเจ้าจะยิ่งทิ้งห่างพวกเขาทั้งหลายไปเรื่อยๆ อย่างห่างไกลขึ้นอีก”
หนิงเทียนปิงกล่าวอย่างตื่นเต้น “หึๆ นายใหญ่เป็นผู้มีพระคุณต่อเทียนปิงโดยแท้ เปลี่ยนชีวิตข้าไปอย่างไม่รู้จบ!”
…
หลังพักไปหนึ่งวัน สังเวียนร้อยศึกก็เริ่มขึ้นต่อ
คราวนี้พลังฝีมือของแต่ละคนก็เริ่มเด่นชัดกว่าเก่าแล้ว
เพราะตั้งแต่รอบที่สามไป การต่อสู้มันจะดุเดือดมากขึ้นและมากขึ้น
แต่ละกลุ่มนั้นมีผู้เข้าร่วมกว่าสี่ร้อยคน หลังผ่านไปได้สามรอบ ตอนนี้มันจึงเหลือนักยุทธในแต่ละกลุ่มแค่ประมาณห้าสิบกว่าคน
คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นยอดของยอดคน
นอกจากเย่หยวนที่มีพลังบ่มเพาะอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาว คนที่เหลือต่างล้วนเป็นนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นกลางทั้งสิ้น
แต่ตอนนี้ไม่มีใครกล้าดูถูกเย่หยวนอีกแล้ว
กรรมการประกาศ “เริ่มรอบที่สี่ คู่แรก เย่หยวนปะทะซ่งเทียนเฉียง!”
เย่หยวนตกใจเล็กน้อยเพราะเขาไม่คิดว่าคู่แรกของรอบที่สี่มันจะเป็นตัวเขาเองที่ต้องขึ้นสังเวียน
การจัดคู่นั้นมันเป็นสิ่งที่ทางเมืองจักรพรรดิเลิศประกายกำหนด
และเมืองจักรพรรดิเลิศประกายนั้นก็มีประสบการณ์ในการจัดงานสังเวียนร้อยศึกมาหลายครั้งจนช่ำชอง
พวกเขาเหล่าผู้จัดงานนั้นจะทำการจับคู่ตามกำลังของนักยุทธ เก็บพวกที่แข็งแกร่งจริงๆ ไว้ท้ายๆ เพื่อสร้างความตื่นเต้นให้ผู้ชม
ดูท่าในสายตาของพวกเขานั้นการที่เย่หยวนชนะนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวมามันคงเป็นขีดจำกัดแล้ว
กับนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาว เย่หยวนต้องไม่มีทางชนะแน่ๆ นั่นจึงทำให้พวกเขาจับคู่แบบนี้ออกมา
“เย่หยวนปะทะซ่งเทียนเฉียง! ดูท่าจะสนุกแล้วสิ!”
“หึๆ เด็กคนนี้มันช่างอวดดีเสียเหลือเกิน ข้าอยากรู้เสียจริงว่าขีดจำกัดของมันอยู่ที่ใด!”
“ซ่งเทียนเฉียงนั้นมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำ เป็นยอดคนในหมู่ราชันพระเจ้าห้าดาวด้วยกัน ตำนานของเย่หยวนคงมาจบลงแค่นี้แล้ว!”
…
ทุกคนต่างไม่คาดคิดว่าคู่แรกที่เป็นที่น่าจับตานั้นจะกลายเป็นศึกของเย่หยวน
ตอนนี้พวกเขาอยากจะเห็นว่าขีดจำกัดของเย่หยวนคนนี้มันอยู่ที่ใดกันแน่
และดูท่าซ่งเทียนเฉียงจะเป็นตัวทนสอบขีดจำกัดที่เหมาะสม
ไม่มีใครคิดเลยว่าเย่หยวนจะยังชนะได้
เย่หยวนข้ามระดับชนะราชันพระเจ้าสามดาว พวกเขานั้นเข้าใจได้ไม่ยาก
เย่หยวนกระโดดขึ้นมาอีกชั้น จัดการราชันพระเจ้าสี่ดาว พวกเขาก็ยังพอทำใจรับ
แต่หากจะบอกว่าเย่หยวนชนะราชันพระเจ้าห้าดาวได้อีก เรื่องนี้มันคงเกินกว่าที่จะทำใจได้ไปหน่อย!
ซ่งเทียนเฉียงมองดูที่เย่หยวนและบอก “เจ้าเก่งนะ หากเจ้าบรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวมาได้ข้าคงไม่มีปัญญาชนะเจ้าได้เลยล่ะ แต่ตอนนี้เจ้าจงยอมแพ้เถอะ! เจ้าไม่มีหวังชนะแน่!”
เย่หยวนยิ้มรับ “ทำไมพวกเจ้ามาแนวเดียวกันหมดเลยนะ? นี่ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไรกันหน่อยเหรอ? ยังไม่ได้สู้เลยจะรู้ผลได้อย่างไร?”
ซ่งเทียนเฉียงหรี่ตามองและกล่าวออกมา “เมื่อเป็นเช่นนั้นนายน้อยผู้นี้ก็จะทำให้เจ้าได้รู้เองว่าแนวคิดแห่งห้วงมิติมันไม่ได้ไร้เทียมทานชนะได้ทุกสิ่ง!”
มันเป็นเรื่องที่เด่นชัดอยู่แล้วว่าเย่หยวนนั้นมีความสามารถการต่อสู้ในระดับราชันพระเจ้าสี่ดาว
แต่ระหว่างราชันพระเจ้าสี่ดาวและห้าดาวนั้นมันก็ยังมีช่องว่างที่แสนกว้างใหญ่อยู่
ที่สำคัญ ซ่งเทียนเฉียงยังเป็นยอดคนในหมู่ราชันพระเจ้าห้าดาวด้วยกัน!
“กำปั้นเทพเสนาะจันทร์!”
หมัดของซ่งเทียนเฉียงพุ่งตรงออกมาด้วยพลังโลกของราชันพระเจ้าห้าดาวจนสังเวียนสั่นสะท้าน
เมื่อทุกคนได้เห็นภาพนี้พวกเขาต่างเปลี่ยนสีหน้าไป
เพราะเดิมทีซ่งเทียนเฉียงก็จัดการศัตรูลงด้วยกระบวนท่าเดียวมาตลอด ไม่มีใครทำให้เขาต้องเอาจริงได้เลยสักครั้ง
ตอนนี้ในที่สุดพวกเขาทั้งหลายก็ได้เห็นพลังที่แท้จริงของซ่งเทียนเฉียง!
จู่ๆ พวกเขาก็หน้าเปลี่ยนสีไปอีกครั้งและมองดูเย่หยวนอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
“เขาคิดจะทำอะไร? จะรับมือกับซ่งเทียนเฉียงตรงๆ เรอะ?”
“พระเจ้าช่วย มันไม่คิดจะใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติหลบหมัดนั้นรึ?”
“บ้าน่า! หมอนี่มันฝึกฝนร่างกายด้วย กายทองคำอหัตถ์ระดับสี่ชั้นกลาง! ไอ้หมอนี่มันเก็บซ่อนพลังไว้มิดชิดนัก!”
…
ในหมู่ผู้คนที่มองดู มีเสียงตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก
เพราะตอนนี้พวกเขาได้รู้แล้วว่าเย่หยวนไม่ได้แค่ฝึกแนวคิดแห่งห้วงมิติมา แต่เขาเป็นผู้ฝึกกายทองคำอหัตถ์ระดับสี่ชั้นกลางด้วย!
กายทองคำอหัตถ์ระดับสี่ชั้นกลางนั้นมันเทียบเท่ากับราชันพระเจ้าสี่ดาวถึงหกดาว
เย่หยวนนั้นเพิ่งจะเข้าชั้นกลางมาได้ไม่นาน เขาจึงมีพลังกายเทียบเท่ากับราชันพระเจ้าสี่ดาว
คนทั้งหลายต่างคิดว่าเย่หยวนนั้นพึ่งพาแค่แนวคิดแห่งห้วงมิติ พวกเขาไม่คิดเลยว่ากายเนื้อของเย่หยวนเองก็จะแข็งแกร่งไม่แพ้พลังการต่อสู้ของเขา!
“กรงเล็บมังกรเอกภพ!”
ปัง!
เสียงปะทะดังสนั่นส่งร่างของคนทั้งสองถอยไปหลายเมตร
ซ่งเทียนเฉียงหน้าถอดสีทันที เขาในฐานะนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวกลับเสมอเย่หยวนที่เพิ่งสำเร็จกายทองคำอหัตถ์ระดับสี่ชั้นกลางมาใหม่ๆ
ความอับอายนี้เขาไม่มีทางทนรับมันไว้ได้!
ซ่งเทียนเฉียงขยับร่างอีกคราและต่อยอีกหมัดเข้าใส่เย่หยวน
เย่หยวนเองก็ไม่คิดที่จะถอยแม้แต่น้อย ใช้กรงเล็บมังกรเอกภพออกมารับการปะทะจากซ่งเทียนเฉียงเข้าเต็มแรง
แสงสีทองส่องสาดออกมาจากร่างของเย่หยวน คลื่นมังกรของเขาพุ่งพล่าน ตอนนี้เขาไม่ได้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย
ที่ด้านล่างเหล่าผู้คนต่างมองภาพนั้นอย่างตกตะลึง
ใครจะไปรู้ได้ว่าพลังฝีมือที่แท้จริงของเย่หยวนมันจะเหนือล้ำได้ขนาดนี้!
เดิมทีพวกเขานั้นดูถูกเย่หยวนเพราะพลังบ่มเพาะที่ต่ำ ดูยังไงก็เข้ามาให้ผู้คนเหยียบย่ำเล่น
แต่ตอนนี้พวกเขากลับได้รู้ตัวแล้วว่าคนที่จะถูกเหยียบมันคือตัวเอง
ลำพังพลังฝีมือของพวกเขามันไม่สามารถที่จะทำให้เย่หยวนเอาจริงได้เสียด้วยซ้ำ!
ตอนที่ 1718 เทพมังกรเหยียบสวรรค์
“เฮอะ นี่หรือคือฝีมือของเจ้า? หากมีปัญญาแค่นี้เจ้าได้ตายแน่!” ที่ด้านล่างเซียโหหยุนกำลังเยาะเย้ย
ในสายตาคนอื่น เย่หยวนนั้นมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำจนเกินบรรยาย
การที่เขาสามารถต่อสู้กับซ่งเทียนเฉียงมาได้ขนาดนี้ พลังฝีมือของเขามันก็เหนือล้ำกว่าที่ใครจะคาดเดาแล้ว
แต่ในสายตาของเซียโหหยุน มันยังไม่มากพอให้เขาสนใจ
“เย่หยวนคนนี้ช่างมีพลังการต่อสู้ที่เหนือล้ำ!”
“ใช่แล้ว ถึงสุดท้ายพลังของเขาจะต่ำกว่าหน่อยแต่ด้วยการปรับใช้แนวคิดที่แสนเชี่ยวชาญนั้นมันจึงทำให้เขาสู้กับซ่งเทียนเฉียงได้อย่างไม่ด้อยกว่าเลย!”
“ผู้ที่เพิ่งบรรลุกายทองคำอหัตถ์ระดับสี่ชั้นกลางกลับสู้ได้ถึงขั้นนี้ เรื่องเช่นนี้มันเกินกว่าที่จะเชื่อจริงๆ!”
…
ที่ล่างสังเวียนเหล่าผู้เข้าร่วมงานต่างมีสีหน้าไม่สู้ดี
เพราะพลังฝีมือของเย่หยวนนั้นมันเหนือล้ำกว่าที่พวกเขาคาดคิดไปมาก
ผู้ที่ดูน่าจะตายตกเป็นคนแรกกลับกลายมาเป็นม้ามืดที่แม้แต่ซ่งเทียนเฉียงผู้นั้นก็ยังไม่สามารถจัดการลงได้ง่ายๆ
บนสังเวียนซ่งเทียนเฉียงที่ต่อสู้แล้วได้แต่เสมอก็รู้สึกวิตกขึ้นมาในจิตใจเช่นกัน
“ศัตรูของข้าคือเซียโหหยุน จะมาแพ้ให้เด็กเช่นนี้ได้อย่างไร? ช่างมันเถอะ เดิมทีนี่เป็นท่าที่ข้าเก็บไว้ใช้กับเซียโหหยุน แต่คงต้องนำมันออกมาใช้เสียก่อนแล้ว!”
ซ่งเทียนเฉียงใช้จังหวะถอยจากการปะทะดีดตัวออกไปไกลจากเย่หยวน
จู่ๆ คลื่นพลังของซ่งเทียนเฉียงก็พุ่งสูงทะลุฟ้า ร่างกายของเขาแอ่นออกมาเหมือนคันธนูที่พร้อมยิง
นั่นทำให้ทุกคนหน้าถอดสี กระบวนท่าที่ซ่งเทียนเฉียงยังไม่ได้ใช้ออกมานี้ แต่มันกลับเริ่มรวบรวมแรงพุ่งเข้ามาไว้แล้ว
แค่มองก็รู้ได้เลยว่าการโจมตีต่อไปนี้คงเป็นอะไรที่รวดเร็วปานสายฟ้า!
“ช่างเป็นท่าโจมตีที่รุนแรง! รวดเร็วปานสายฟ้า หมัดนี้ช่างสุดยอด!”
“ดูแล้วมันคงเป็นท่าพิฆาตของซ่งเทียนเฉียง! เกรงว่า…เย่หยวนคงตกอยู่ในอันตรายแล้ว!”
“ท่านั้นของเย่หยวนที่ปะทะกับราชันพระเจ้าห้าดาวได้นั้น มันคงเป็นขีดจำกัดของเขาแล้วใช่หรือไม่? งั้นผู้ชนะก็คงตัดสินกันแน่แล้วทีนี้!”
…
ซ่งเทียนเฉียงนั้นยังไม่ทันต่อยหมัดออกมาแต่ทุกผู้คนก็รู้สึกได้ในทันทีว่ามันต้องเป็นการโจมตีที่รุนแรงกว่าครั้งก่อนๆ มากแน่นอน!
การโจมตีที่อยู่บนจุดสูงสุดของราชันพระเจ้าห้าดาว มันใกล้เคียงกับราชันพระเจ้าหกดาวมาก
ด้วยกำลังของเย่หยวนในตอนนี้ มันไม่มีทางใดเลยที่เขาจะรับไว้ได้
ส่วนในที่นั่งผู้ชม เจียนปิงที่เห็นภาพนั้นก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นมา
เขานั้นมองดูสังเวียนของกลุ่มที่หกมาทั้งวัน เมื่อได้เห็นว่ากำลังจะเกิดการโจมตีเช่นนี้ขึ้น เขาก็เริ่มจะมองเห็นแสงแห่งความหวังขึ้นมา
เพราะหากซ่งเทียนเฉียงช่วยสังหารเย่หยวนให้ มันคงเป็นเรื่องที่แสนวิเศษ
จัดการมัน!
สังหารมัน!
เจียนปิงตะโกนอยู่ในใจ!
“เย่หยวน เจ้าบังคับข้าเองนะ! ข้าขอดูหน่อยเถอะว่าเจ้าจะรับหมัดนี้ไว้ยังไง! กำปั้นดาวตกสวรรค์!”
ซ่งเทียนเฉียงตะโกนลั่นและปล่อยหมัดของตัวเองออกมาราวกับลูกปืนใหญ่
พลังโลกอันรุนแรงเปลี่ยนให้ร่างของเขากลายเป็นเส้นแสงสีขาวราวกับดวงดาวที่พุ่งตกลงมา!
ความรุนแรงของมันนั้นเหนือกว่าคำบรรยายใดๆ
แต่ตอนนั้นเองที่อีกด้านก็เกิดคลื่นพลังที่สะท้านฟ้าขึ้นด้วย!
ตอนนี้ร่างกายของเย่หยวนมีลายสีฟ้าปรากฏขึ้นมารอบๆ ตัว
เสียงคำรามมังกรเข้าปะทะกับกำปั้นดาวตกสวรรค์ของซ่งเทียนเฉียงเข้าตรงๆ
นั่นทำให้ทุกคนหน้าถอดสี ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว
“นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
“ช่างเป็นการโจมตีที่รุนแรง! ไม่แพ้ท่าของซ่งเทียนเฉียงเลย!”
“เด็กคนนี้มันยังมีไม้ตายเช่นนี้ซ่อนไว้อีกเรอะ! มันทำได้ยังไงกัน!”
…
แน่นอนว่าการโจมตีที่รุนแรงปานนั้นย่อมสร้างภาระให้ร่างกายผู้ฝึกตนมาก
หากให้พูดตามหลักการ สภาพร่างของเย่หยวนในตอนนี้มันยังไม่พอที่จะใช้ท่ารุนแรงขนาดนี้ออกมา
แต่ว่าเย่หยวนก็ทำได้!
พวกเขานั้นไม่รู้ถึงลายสีฟ้านี้ ลายสีฟ้านีที่ช่วยให้ร่างกายของเย่หยวนแข็งแกร่งกว่าที่เห็นจากภายนอกมากนัก
กรงเล็บมังกรเอกภพกระบวนที่สอง เทพมังกรเหยียบสวรรค์!
ทุกคนได้เห็นว่ามังกรสีฟ้าครามนั้นผสานตัวเข้ากับกรงเล็บมังกรและฟาดฟันลงสู่แสงสีขาวที่พุ่งเข้ามา
ปะทะตรงๆ!
ตู้ม!
เมื่อการโจมตีทั้งสองเข้าปะทะกัน ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมทำให้พื้นที่รอบๆ ต้องสั่นสะท้านอย่างหยุดไม่อยู่
ความรุนแรงนี้มันทำให้ผู้รับชมอยู่ต้องหน้าถอดสีไปตามๆ กัน
นั่นรวมไปถึงซ่งเทียนเฉียงเองด้วย เพราะตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมา!
คึก คึก…ตุบ!
ในที่สุดมังกรสีฟ้าครามก็ชนะได้อย่างขาดลอย กดทับร่างแสงสีขาวนั้นไว้จนสนั่นฟ้าดิน
มังกรสีฟ้าครามจางหายไป ปล่อยให้ร่างของซ่งเทียนเฉียงลอยลิ่วไปไกลจนลอยออกนอกสังเวียนอย่างไม่มีแรงจะต้านทานอีก
เย่หยวนชนะ!
เรื่องนี้มันทำให้ทุกผู้คนพูดอะไรไม่ออก เพราะผลลัพธ์นี้มันเหนือคาดกว่าที่พวกเขาจะรับได้นัก
ต่อให้เย่หยวนจะมีร่างกายทองคำอหัตถ์ระดับสี่ชั้นกลาง ซ่งเทียนเฉียงก็ยังเป็นถึงยอดราชันพระเจ้าห้าดาว
หากเจอกับราชันพระเจ้าสี่ดาว เขานั้นสามารถสังหารอีกฝ่ายลงได้ทันที
แต่ตัวตนที่แสนเก่งกาจอย่างซ่งเทียนเฉียงกลับแพ้ลง!
“นี่…ตาข้าไม่ได้ฝาดใช่ไหม?”
“ข้าก็นึกว่าในกลุ่มเรา คนที่จะพอท้าทายเซียโหหยุนได้จะมีแค่ซ่งเทียนเฉียงเสียอีก ไม่นึกเลย…ว่าเขาคนนั้นจะแพ้พ่ายลง!”
“ไม่แปลกใจเลย! ไม่แปลกใจเลยจริงๆ ว่าทำไมเย่หยวนมันถึงได้กล้าท้าทายเซียโหหยุน กลายเป็นว่า…มันเก่งจริง!”
…
ที่ด้านล่างสังเวียน เหล่าผู้เข้าร่วมงานต่างไม่มีใครอยากเชื่อสายตาตัวเอง
บนที่นั่งผู้ชม เจียนปิงเองก็มีสีหน้าไม่สู้ดีเช่นกัน เขาได้กัดฟันพูด “กลายเป็นว่ามันมีฝีมือถึงขนาดนี้!”
ขณะเดียวกันเหงื่อเย็นเหยียบก็หลั่งไหลลงบนแผ่นหลังของเขา
ในที่สุดเขาก็นึกออกถึงคำพูดที่เย่หยวนเคยบอกไว้ เย่หยวนบอกว่าหากเจียนปิงไม่ใช่คนศาลามายาล้ำเขาคงตายไปนานแล้ว
กลายเป็นว่าเย่หยวนไม่ได้ขู่เลย เพราะเขามีพลังที่จะทำได้จริง!
จากท่าเทพมังกรเหยียบสวรรค์เมื่อสักครู่นี้ มันก็มากพอแล้วที่เย่หยวนจะสังหารเขาลง!
ในสายตาของเซียโหหยุนมันมีประกายแห่งความตื่นตกใจอยู่
แต่มันก็แค่ความตกใจ
เพราะพลังฝีมือระดับนี้มันยังไม่พอจะทำอันตรายเขาได้
มุมปากของเซียโหหยุนยิ้มขึ้น “หึ น่าสนใจ! ดูเหมือนว่า…มันจะเก่งกว่าที่เจียนปิงว่าอีก! แต่แค่ระดับนี้มันยังไม่พอหรอก!”
ไม่มีใครคาดคิดว่าคู่ประเดิมรอบที่สี่มันจะกลายเป็นการต่อสู้ที่สุดแสนดุเดือดได้ขนาดนี้
จะเรียกคู่ของเย่หยวนและซ่งเทียนเฉียงว่าเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดที่สุดในกลุ่มหกตอนนี้ก็คงไม่ผิด
แน่นอนว่านั่นไม่นับเซียโหหยุน
หากเซียโหหยุนออกมา ใครกันจะต้านทานได้?
รอบนี้เองคู่ต่อสู้ของเขาก็ยังยอมแพ้ไปเช่นเดิม
ในรอบที่ห้า คู่ต่อสู้ของเขาก็ยังยอมแพ้!
ตัวตนของเซียโหหยุนนั้นมันทำให้ผู้คนสิ้นหวัง
ราชันพระเจ้าสี่ดาวนั้นได้แต่ยกธงขาวไม่กล้าที่จะลงมือต่อสู้ใดๆ เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าเขา
ส่วนราชันพระเจ้าห้าดาวที่มีไม่กี่คนนั้น เซียโหหยุนยังไม่ได้เจอกับพวกเขาเลย
ที่สังเวียนสองเองก็มีสภาพคล้ายๆ กัน
เจียงหนานเองก็ได้รับเสียงชื่นชมจากผู้คนอย่างมากล้นจนตอนนี้ก็ไม่มีใครกล้าที่จะลงมือต่อสู้กับเขาอีกแล้ว
แต่มันแตกต่างจากคลื่นความกดดันที่เซียโหหยุนปล่อยออกมา เพราะเจียงหนานคนนี้แค่ยืนอยู่เฉยๆ มันก็ทำให้ผู้พบเห็นต้องรู้สึกได้ถึงความมั่นคง
นักยุทธนั้นล้วนตัดสินแพ้ชนะกันด้วยการฉวยโอกาสที่ศัตรูพลาด
และทุกผู้คนนั้นต่างก็จะทำความผิดพลาดเปิดช่องว่างกันออกมาบ้างไม่มากก็น้อย
แต่พวกเขานั้นไม่พบเลยว่าตัวของเจียงหนานมีช่องว่างใดๆ!
ความแข็งแกร่งที่มั่นคงเช่นนี้ มันไม่ให้โอกาสผู้คนได้สวนกลับเลยแม้แต่น้อย
เจียงหนานมีสีหน้าท่าทางเบื่อหน่าย “น่าเบื่อจริงๆ เมื่อไหร่จะเริ่มรอบชิงนะ แต่สิ่งที่ทำให้ข้าตื่นเต้นได้ก็คงมีแค่เซียโหหยุนเท่านั้นล่ะมั้ง? แนวคิดแห่งการทำลายล้าง หึๆ อยากลองรับมือดูจริงๆ”
“รอบที่หกเริ่มได้ เซียโหหยุนปะทะเกาชุน!”
เสียงของกรรมการประกาศดังขึ้นทำให้ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
เกาชุนนั้นมีพลังฝีมือไม่ด้อยไปกว่าซ่งเทียนเฉียง หากจะมีใครทำให้เซียโหหยุนลงมือได้ มันก็คงไม่พ้นเป็นเขาคนนี้นี่เอง
แต่แน่นอนว่า…ตอนนี้เย่หยวนเองก็เป็นหนึ่งในนั้นแล้ว
เซียโหหยุนมีสีหน้าเรียบเฉยมองดูเกาชุนตรงหน้าและถาม “เจ้าอยากลงมือ?”
เกาชุนพยักหน้ารับ “ข้ารู้ดีว่าตัวเองเทียบเจ้าไม่ได้ แต่ก็ยังอยากขอคำแนะนำจากแนวคิดแห่งการทำลายล้างเสียหน่อย!”
ตอนที่ 1719 ฆาตกรย่อมถูกสังหารลงสักวัน
ริมฝีปากของเซียโหหยุนขยับยิ้มขึ้น เป็นรอยยิ้มที่แสนจะชั่วร้าย “งั้น…ก็เข้ามา!”
ไม่รู้ทำไมแต่จู่ๆ เกาชุนก็รู้สึกใจเสีย!
เขาเกิดกลัวในรอยยิ้มนั้น
ให้ตายเถอะ ตัวเขานั้นมีพลังบ่มเพาะต่ำกว่าแค่ดาวเดียว ที่สำคัญพลังฝีมือของเขายังเหนือล้ำกว่าใครๆ ในอาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวด้วยกัน จะบอกว่าเขาคนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะลงมืออย่างนั้นหรือ?
ไม่มีทาง! ไหนๆ ก็มาแล้ว จะกลับไปอย่างไม่ได้สู้เลยได้อย่างไร?
อย่างมากก็แค่ขอยอมแพ้!
เกาชุนสะบัดดาบยาวออกมาก่อนจะพุ่งร่างออกไป
“ดาบอัสนีเทพสวรรค์ยี่!”
เงาร่างของเกาชุนเลือนรางลง เพราะความเร็วการเคลื่อนที่ที่เหนือล้ำ
สายฟ้าปรากฏขึ้นมารอบตัวเขา ด้วยคลื่นพลังที่แสนรุนแรง
“แนวคิดแห่งดาบและแนวคิดแห่งสายฟ้า เกาหยุนคนนี้ช่างแข็งแกร่งแท้!”
“ดูท่าเขาคงลงมือเต็มที่เมื่ออยู่ต่อหน้าเซียโหหยุน! แค่ก้าวแรกที่ลงมือมันก็เป็นกระบวนท่าไม้ตาย!”
“ดูแล้วพลังฝีมือของเกาชุนเองก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าซ่งเทียนเฉียงเลย ต่อให้เขาจะชนะเซียโหหยุนไม่ได้ เขาก็น่าจะพอมีกำลังสู้ได้บ้าง!”
…
เมื่อได้เห็นกระบวนท่านี้ของเกาชุน ทุกผู้คนต่างก็ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
เพราะเดิมทีแล้วมันไม่มีใครทำให้เกาชุนเอาจริงได้เลยเช่นกัน
แค่นั้นมันก็แสดงได้ชัดเจนพอแล้วว่าเขามีฝีมือแค่ไหนในหมู่ราชันพระเจ้าห้าดาวด้วยกัน
ตอนนี้หลังจากเกาชุนพุ่งเข้ามาจนเกือบถึงตัวเซียโหหยุนแล้วเขาก็ยื่นดาบทิ่มแทงออกมาด้านหน้า
คลื่นดาบที่เปี่ยมไปด้วยสายฟ้า มันสร้างแรงกระแทกที่รุนแรงพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของเซียโหหยุนทันที
ที่มุมปากของเซียโหหยุนมีรอยยิ้มภภแสนดูถูกอยู่ เป็นตอนนี้ที่เขาค่อยๆ ขยับเปลี่ยนท่าร่างกายตัวเองเข้าสู่ท่าเตรียมต่อย แต่มันเป็นท่าทางที่แสนเฉื่อยชา
“เขาทำอะไร? นี่จะไม่ดูถูกกันเกินไปหน่อยหรือ?”
“เซียโหหยุนคนนี้มันดูถูกเกาชุนมากเกินไปมั้ง?”
“หมัดนี้จะสังหารผู้คนได้จริงหรือ?”
…
ท่าเตรียมนี้ของเซียโหหยุน แม้แต่คนธรรมดาชาวบ้านยังทำได้ ที่สำคัญรอบๆ ตัวเขายังไม่มีร่องรอยปราณเทวะหรือพลังโลกเลยแม้แต่นิด
มันเป็นเหมือนท่าต่อสู้ของคนธรรมดาจริงๆ
ตอนนั้นเองที่ทุกคนเกิดสงสัยในตัวเซียโหหยุนขึ้นมา
หรือว่าเจ้าหมอนี่จะไม่ได้เก่งเหมือนชื่อ?
งั้นคนที่ยอมแพ้ไปก่อนหน้าก็คงตกหลุมพรางจนเจ็บใจตายแล้ว?
แต่ที่ด้านล่างสังเวียน เย่หยวนกลับหรี่ตาลงมองในทันทีด้วยความรู้สึกที่แทบหายใจไม่ออก
“เจ้าหมอนี่มันแข็งแกร่งเกินไป! เกาชุนอยู่ในอันตรายแล้ว!” เย่หยวนตื่นตกใจ
ทุกคนนั้นคิดอยู่ได้ไม่นาน เพราะสุดท้ายเซียโหหยุนก็ต่อยหมัดนั้นออกมา!
เมื่อหมัดถูกปล่อย คลื่นพลังมันก็ทำให้ทุกคนหน้าถอดสี
หมัดนี้มันส่งคลื่นพลังอันแสนน่าหวาดหวัดที่ทำให้แม้แต่คนที่ดูอยู่ห่างๆ ยังต้องใจสั่นเต้นรัว
ตอนนี้ทุกผู้คนที่มองดูอยู่ข้างสังเวียนต่างรู้สึกเหมือนตัวเองหายใจไม่ออก สีหน้าซีดเผือดลงตามๆ กันไป
ปัง!
เสียงดังสนั่นทำลายการโจมตีของเกาชุนลงทันที
แต่ทว่าหมัดของเซียโหหยุนยังไม่หยุดลงเท่านั้น มันพุ่งตรงเข้าหาร่างของเกาชุนต่อทันที!
เกาชุนเบิกตากว้าง เขาอยากจะหลบ แต่มันก็ไม่ทันแล้ว!
อั่ก!”
เกาชุนกรีดร้องและแตกกระจายเป็นจุลไป!
เซียโหหยุนดึงหมัดกลับมาและยืนอยู่ที่เก่าก่อนจะพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “อ่อนแอเกินไป รับไม่ได้แม้แต่หมัดเดียว”
ที่ข้างสังเวียนตอนนี้ผู้คนต่างหลายต่างยืนนิ่งร่างแข็งทื่อ มองดูภาพตรงหน้าอย่างใจหายจนไม่ได้สติไปพักใหญ่
กรรมการเองก็มีสีหน้าไม่ดีเช่นกัน ก่อนจะประกาศ “เซียโหหยุนชนะ! เกาชุนแพ้และเสียชีวิต!”
“ข-แข็งแกร่ง! นี่หรือคือแนวคิดแห่งการทำลายล้าง?”
“แนวคิดแห่งการทำลายล้างนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นยอดแนวคิดสายโจมตี แต่นี่มันจะไม่รุนแรงจนเกินไปหน่อยหรือ?”
“เกาชุนไม่มีโอกาสแม้แต่จะยอมแพ้เสียด้วยซ้ำ!”
…
คนทั้งหลายต่างหน้าซีดเป็นไก่ต้ม พวกเขากลัวในหมัดของเซียโหหยุนอย่างถึงที่สุด
บ้างถึงขั้นตัวสั่น
เพราะแรงกระแทกที่หมัดนั้นสร้างมันรุนแรงเกินไป
หากเกาชุนเป็นนักยุทธไม่มีหัวนอนปลายเท้า เขาตายไปมันก็คงแค่ตาย
แต่เกาชุนนั้นเป็นยอดคนที่เก่งกาจโด่งดังในหมู่ราชันพระเจ้าห้าดาวมาก
จะบอกว่านอกจากเซียโหหยุนแล้ว เขาก็คงนับได้ว่าเป็นสามตัวเต็งที่เหลือ
แต่เขาคนนั้นกลับทำอะไรไม่ได้แม้แต่นิด
ตายในหมัดเดียว!
ส่วนบนที่นั่งเจียนปิงเองก็ตื่นเต้นดีใจจนแทบร้องตะโกนออกมา
เขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเซียโหหยุนจะเก่งกาจได้ขนาดนี้!
แต่ทว่าไม่นานสีหน้าของเขาก็ต้องพลันเปลี่ยนไปและกัดฟันแน่น “เด็กคนนี้มันขี้อวดเกินไป! เย่หยวนเห็นฝีมือของมันแล้วว่าแข็งแกร่งแค่ไหนมีหรือที่มันจะยังกล้ารับการปะทะเข้าตรงๆ อีก?”
เจียนปิงนั้นกลัวว่าเย่หยวนจะยอมแพ้เสียตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่ม เช่นนั้นแผนของเขาคงป่นปี้แล้ว
เซียโหหยุนเดินลงสังเวียนมาหาเย่หยวนและถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ ทีนี้เจ้ายังอยากจะท้าทายข้าอยู่ไหม?”
เย่หยวนไม่ตอบแต่กลับถามคำถามออกมาแทน “เจ้าอยากสังหารข้า?”
เซียโหหยุนนิ่งไปนิดหน่อยก่อนจะหัวเราะออกมา “น่าสนใจนี่! ดูเหมือนเจ้าจะกลัวนะ”
เย่หยวนถามอีก “เจียนปิงสินะ?”
คำพูดนั้นทำให้เซียโหหยุนนิ่งไปทันที ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกตื่นตกใจขึ้นมาแล้ว
เด็กคนนี้มันไปรู้มาจากไหน?
เย่หยวนมองดูที่เขาอีกครั้งและยิ้มออกมา “เดิมทีข้าแค่อยากลองสู้กับเจ้าดู แต่ตอนนี้…ข้าเปลี่ยนใจแล้ว”
เซียโหหยุนบอก “โอ้? หมายความว่าเจ้าคิดที่จะยอมแพ้แต่แรกแทน?”
เย่หยวนส่ายหัว “ฆาตกรต้องถูกสังหารเข้าสักวัน! เจ้าเตรียมตัวเถอะ!”
เมื่อเซียโหหยุนได้ยินเขาก็หัวเราะลั่น “ฮ่าๆ นี่เจ้าล้อข้าเล่น? เจ้าคิดว่าแค่ชนะขยะอย่างซ่งเทียนเฉียงได้แล้วเจ้าจะมีปัญญาสู้กับข้าได้? เจ้าไม่มีทางรู้ได้หรอกว่าช่องว่างระหว่างเจ้ากับข้ามันห่างไกลกันแค่ไหน!”
เย่หยวนหัวไปมองหน้าเขา “เจ้าประเมินตัวเองสูงไปแล้ว”
เซียโหหยุนยิ้ม “เด็กน้อย เจ้านี่ปากดีจริงๆ! ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าเจ้าจะใช้อะไรมาสังหารข้า! วันมะรืนข้าหวังว่าเจ้าจะไม่หนีไปก่อนนะ”
เย่หยวนบอก “วางใจเถอะ ต่อให้เป็นจักรพรรดิหยกก็สั่งให้ข้าไปไหนไม่ได้!”
คนทั้งสองต่างทำสงครามน้ำลายกันอย่างเผ็ดร้อนจนทำให้ผู้คนต้องตกตะลึง
เย่หยวนกลับกล้าประกาศว่าจะสังหารเซียโหหยุนลง!
“เด็กคนนี้มันคงบ้าแล้วใช่ไหม? มันไม่เห็นหมัดของเซียโหหยุนนั้นเหรอ?”
“มันแข็งแกร่งจริง แต่มันก็คงไม่ได้เก่งกาจไปกว่าซ่งเทียนเฉียงมากมายหรอกใช่ไหม?”
“บ้าบอจริงๆ! เซียโหหยุนสังหารเกาชุนด้วยหมัดเดียวแต่เด็กคนนี้กลับยังกล้าไปท้าทายอีก”
“ชิๆ ดูท่าวันมะรืนเราจะเสียยอดอัจฉริยะไปอีกคนแล้ว”
…
ท่าทางโอหังไม่กลัวฟ้าดินของเย่หยวนนั้นมันย่อมทำให้ทุกผู้คนต่างดูถูก
เพราะการต่อสู้กับซ่งเทียนเฉียงมันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเย่หยวนสู้จนสุดตัว
ส่วนเซียโหหยุนนั้นมีพลังฝีมือที่มากมายกว่าขีดจำกัดของเย่หยวนนัก
ตอนนี้คนที่จะท้าทายเซียโหหยุนได้ก็คงมีแต่เจียงหนานจากสังเวียนทีสอง
ด้วยกฎเดิม เมื่อจบครบสามรอบมันก็ถึงเวลาพักของวัน
ที่อีกด้านหนิงเทียนปิงนั้นชนะมาได้หกครั้งติดและขึ้นเป็นตัวเต็งชนะของกลุ่มไปแล้วเรียบร้อย
หลังจบศึกเจียนปิงก็รีบไปหาเซียโหหยุนทันทีและพูดขึ้นด้วยท่าทางไม่ค่อยพอใจ “เจ้าอวดอ้างตนเกินไปแล้ว! แบบนี้เย่หยวนมันคงไม่คิดที่จะยอมสู้กับเจ้าเป็นแน่!”
เซียโหหยุนยิ้มตอบกลับมา “พี่เจียนปิง เขานั้นรู้แล้ว”
เจียนปิงหน้าถอดสีทันที “ร-รู้เรื่องอะไรกัน?”
“รู้ทุกเรื่อง! เด็กคนนี้มันน่าสนใจ! ข้าไม่ได้ปล่อยจิตสังหารออกมาต่อหน้ามันเลยแท้ๆ แต่มันกลับตรวจจับได้ ที่สำคัญ…มันยังเดาถูกด้วยความท่านเป็นคนอยู่เบื้องหลัง” เซียโหหยุนบอก
เจียนปิงเบิกตากว้างและกล่าวออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ “เจ้า…เจ้าล้อข้าเล่น?”
เซียโหหยุนบอก “ใจเย็นพี่เจียนปิง ถึงมันจะรู้แต่มันก็ไม่ได้คิดหนีเลย มันถึงขั้นขู่จะสังหารข้าด้วยซ้ำ หึๆ นายน้อยคนนี้แทบอดทนรอไม่ไหวแล้ว!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น