Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1710-1713

 ตอนที่ 1710 รุนแรง

เมื่อเจียนปิงเห็นเย่หยวนเขาก็กล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เจ้านี่เอง! เฮอะๆ โลกมันช่างกลมเสียจริง!”


เจียนฮาวหนิงขมวดคิ้วแน่น “น้องข้า เจ้ารู้จักมัน?”


เจียนปิงยิ้มรับ “ยิ่งกว่ารู้อีก! หึๆ ตาข้าเกือบบอดก็เพราะเจ้าเด็กคนนี้นี่แหละ! พี่ใหญ่ไม่ว่าเด็กคนนี้มันจะมาเพื่ออะไร ขอจงอย่าได้ตอบตกลงกับมันเด็ดขาด!”


เจียนฮาวหนิงหัวเราะ “เรื่องนั้นมันแน่นอน มีหรือที่ยังต้องให้น้องข้ามาบอก?”


เย่หยวนมองดูใบหน้านั้นของเจียนปิงด้วยความเยือกเย็นอย่างจับกระดูก


เจ้าหมอนี่มันรนหาที่ตายอย่างไม่รู้จบ!


หากเขาสิ้นหวังที่จะได้รับข่าวพวกลี่เอ๋อไปแล้ว ต่อให้ต้องเป็นศัตรูกับเมืองจักรพรรดิเลิศประกายเขาก็จะต้องสังหารเจ้านี่ลงให้ได้


แม้จะถูกเย่หยวนมองแบบนั้น แต่เจียนปิงไม่ใช่แค่ไม่กลัวแต่กลับหันมายั่วเขาแทน “เด็กน้อย โกรธเรอะ? หึๆ นี่แหละคือผลลัพธ์ของการลบหลู่ข้าผู้นี้!”


เจียนเจิ้นเทาบอก “ถอยไป ข้าจะขอเข้าพบท่านเจ้าศาลา!”


เจียนฉาวหนิงหัวเราะออกมาเมื่อได้ยิน “เจียนเจิ้นเทา เจ้าอย่าได้ลืมฐานะของตนไปหน่อยเลย! เจ้านั้นมิใช่ผู้อาวุโสแห่งศาลามายาล้ำอีกแล้ว เจ้ายังมีสิทธิใดมาขอเข้าพบท่านเจ้าศาลากัน?”


เจียนเจิ้นเทาตอบกลับมา “แม้เฒ่าคนนี้จะไม่ได้เป็นผู้อาวุโสแล้ว แต่ข้าก็ยังไม่ได้ถอนตัวจากศาลามายาล้ำ! เจียนฉาวหนิง หากเจ้ากล้าขวางทางข้า ข้ากับเจ้าคงต้องได้ลงมือต่อกันแล้ววันนี้!”


เจียนฉาวหนิงหัวเราะลั่น “งั้นก็เข้ามา ข้ากลัวเจ้ารึ?”


เจียนปิงยิ้มเยาะ “เจียนเจิ้นเทา เจ้ามันเป็นได้แค่ศัตรูขี้แพ้ของพี่ชายข้า ไปนั่งปลูกดอกไม้ทำสวนมาสองร้อยกว่าปีแล้วแท้ๆ เจ้ายังคิดว่าตัวเองจะมีปัญญาทำอะไรได้อีกเรอะ?”


เจียนเจิ้นเทาไม่คิดสนใจคำพูดของเจียนปิงและหันไปถามเจียนฉาวหนิง “เจ้าจะหลบไปหรือไม่?”


“ไม่หลบแล้วเจ้าจะมีปัญญาทำอะไรข้าได้?” เจียนฉาวหนิงกล่าวด้วยสีหน้าไม่แยแส


เจียนเจิ้นเทาหัวเราะเย้ยและส่งฝ่ามือออกมาทันที


เจียนฉาวหนิงหัวเราะและรับมันไว้ ทั้งสองคนเริ่มเข้าปะทะกันทันที


“เฮอะ เร็วเกินไปแล้ว! ผู้อาวุโสเจียนเจิ้นเทาเพิ่งจะกลับมาก็เข้าปะทะกับเจียนฉาวหนิงเสียแล้ว”


“แต่ผู้อาวุโสเจิ้นเทาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้อาวุโสฉาวหนิงหรอก นี่มันมาหาเรื่องใส่ตัวชัดๆ!”


“เขาทำไปเพื่อเด็กคนนั้นใช่ไหม? มันเป็นใครกันนะถึงขั้นทำให้เขาต้องลุกขึ้นมาทำเรื่องเช่นนี้”



การต่อสู้ระหว่างสองผู้อาวุโสดึงดูดความสนใจของผู้คนมาได้อย่างมากมาย


แต่ทุกคนกลับไม่คิดว่าเจียนเจิ้นเทาจะมีชัยเลยแม้แต่น้อย เพราะทุกๆ ครั้งที่สองคนนี้ปะทะกันก็มักจะเป็นชัยของเจียนฮาวหนิงมากกว่าเจียนเจิ้นเทา


แต่ไม่นานทุกผู้คนก็ต้องรับรู้ว่ามีอะไรผิดแปลกไป


คลื่นพลังในร่างของเจียนเจิ้นเทากำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ!


เมื่อพวกเขาเริ่ม เจียนฉาวหนิงก็รับรู้ว่าเรื่องราวมันผิดแปลก


ดูท่าเจียนเจิ้นเทาในวันนี้จะแตกต่างจากตัวเขาในอดีตมาก!


ปัง!


จู่ๆ ด้วยฝ่ามือหนึ่งของเจียนเจิ้นเทา เจียนฉาวหนิงก็ถูกซัดลอยออกไปไกล


ทะเลศักดิ์สิทธิ์ของเจียนฉาวหนิงปั่นป่วนไปหมด เขาได้แต่มองดูที่เจียนเจิ้นเทาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “เจ้า…เจ้าสามารถแตะฐานได้แล้ว!”


เจียนเจิ้นเทาบอก “ข้าต้องขอบคุณเจ้าเลย! หากไม่ใช่เพราะเจ้าเตะข้าออกจากศาลามายาล้ำข้าก็คงยังเป็นได้แค่ราชันพระเจ้าเก้าดาวเท่านั้น แต่หากต้องขอบคุณใครก็คงเป็นสหายหนุ่มเย่หยวนคนนี้ เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นได้ก็เพราะเจ้า! คิดไปคิดมาโชคชะตาของสหายหนุ่มเย่หยวนนั้นช่างเจิดจ้า แค่มองแสงจากตัวเจ้าเฒ่าคนนี้ก็กลับได้รับประโยชน์เสียแล้ว!”


เย่หยวนยิ้ม “เรื่องทั้งหมดนั้นมันล้วนเป็นชะตาของผู้อาวุโส มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับเย่หยวนคนนี้กัน?”


เจียนเจิ้นเทาส่ายหัว “ตระกูลเจียนเรานั้นเชื่อเรื่องราวแห่งชะตากรรมเช่นนี้มาก แม้ฝีมือข้าจะยังมองมันไม่ออก แต่ก็พอที่จะใช้สมองคาดเดามันได้บ้าง เอาล่ะ ไปกันเถอะ”


สีหน้าของเจียนฉาวหนิงตอนนี้เปลี่ยนเป็นแดงก่ำ พร้อมตะโกนขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว “เจียนเจิ้นเทา! เจ้าอย่าได้!”


เจียนเจิ้นเทาพาเย่หยวนเดินขึ้นมาโดยที่ไม่สนใจแม้แต่จะหันไปมองเขาด้วยซ้ำ


แต่จู่ๆ ก็เกิดคลื่นพลังกดทับอันรุนแรงพุ่งลงมาจากท้องฟ้าอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย!


“อ่อก!”


พวกเย่หยวนทั้งสามคนนั้นรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางหัว กระอักเลือดออกมาพร้อมๆ กันในทันที


“ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์!” เย่หยวนหน้าถอดสีและฝืนใจกล่าวขึ้นมา


และดูท่ายอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์คนนี้จะไม่ได้เป็นมิตรด้วย


ที่ด้านหน้ามีเงาร่างหนึ่งค่อยๆ เดินออกมาด้วยสายตาที่ดุดันราวสายฟ้า


เมื่อเจียนฉาวหนิงและเจียนปิงเห็น พวกเขาก็ร้องตะโกนขึ้นอย่างดีอกดีใจ “ท่านอาจารย์!”


เจียนเจิ้นเทาเองก็หน้าถอดสีไปเช่นกัน “ยอดผู้อาวุโสเทียนหัว!”


เจียนเทียนหัวมองดูเจียนเจิ้นเทาอย่างดูแคลนและกล่าวขึ้น “เจิ้นเทา เจ้านับวันยิ่งป่าเถื่อนขึ้น! ในสายตาเจ้ายังเห็นหัวยอดผู้อาวุโสคนนี้อยู่ไหม?”


เจียนเจิ้นเทาหน้าถอดสีและกัดฟันแน่น “เจิ้นเทา…เจิ้นเทามิกล้า!”


ต่อหน้ายอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์เช่นนี้ เจียนเจิ้นเทาย่อมไม่มีความมั่นใจใดๆ ไปต่อต้าน


เจียนเทียนหัวนั้นหัวเราะเย้ยออกมา “เจ้าไม่กล้า? หากข้าไม่มาเจ้าคงทำลายศาลามายาล้ำเราลงแล้วกระมัง? หืม?”


พูดช้าๆ แต่คำพูดนั้นกลับแฝงมาด้วยพลังกดดันของอาณาจักรนภาสวรรค์ เจียนเจิ้นเทาต้องกระอักเลือดคำใหญ่ออกมาอีกครั้ง


“ต่อให้ตาเจ้าจะหายดีแล้วเจ้าก็ยังไม่ได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสกลับมา แต่เจ้ากลับกล้าโจมตีผู้อาวุโสแห่งศาลามายาล้ำรึ? ใครกันที่มันทำให้เจ้ากล้าได้ขนาดนี้? หืม?” เจียนเทียนหัวกล่าว


ที่ด้านข้างเหล่าคนดูต่างได้แต่ปิดปากเงียบเหมือนเป็นจักจั่นในเดือนธันวา


ส่วนด้านเจียนฉาวหนิงและเจียนปิงนั้นมีสีหน้าสุดตื่นเต้น เพราะเมื่อเจียนเทียนหัวออกมารับหน้าให้เช่นนี้พวกเขาก็โล่งใจได้ทันที


“ท่านอาจารย์ เจียนเจิ้นเทามันพาเด็กไม่รู้หัวนอนปลายเท้าพวกนี้มาหาท่านเจ้าศาลา ข้าคิดหยุดเขาไว้แต่กลับถูกโจมตีเข้า ช่างป่าเถื่อนไร้อารยธรรมเสียจริงๆ” เจียนฉาวหนิงฟ้องด้วยความโกรธ


เจียนเทียนหัวหันไปมองเย่หยวนและหัวเราะเย้ย “ท่านเจ้าศาลาศึกษาความลับสวรรค์ทุกวี่วัน มีหรือที่เขาจะมีเวลามาพบกับเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างเจ้า? เจิ้นเทา เจ้าเองก็บ้าบอขึ้นทุกวันแล้ว! พวกเจ้าทั้งหลายมาจับเจียนเจิ้นเทาไว้และเอามันไปขังคุกสามสิบปีเป็นการลงโทษ”


เย่หยวนหน้าถอดสีทันทีที่ได้ยิน เขาไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะมาถึงขั้นนี้ไปได้


ต่อหน้ายอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ เขาไม่มีทางใดที่จะขัดขืนต่อสู้ได้เลย


ดูท่าเจียนเทียนหัวคนนี้คงคิดจะลงโทษเจียนเจิ้นเทาเพื่อเป็นการปกป้องลูกศิษย์ของตัวเอง


แต่เขานั้นเป็นถึงยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ มันจะมีใครกล้าต่อว่าเขาไปได้!


“ผู้อาวุโส เรื่องนี้มันมิใช่ความผิดผู้อาวุโสเจิ้นเทา มันเป็นเย่ผู้นี้เองที่ขอร้องให้เขาพามาเจอกับท่านเจ้าศาลาเพื่อแลกกับการรักษาดวงตา! หากท่านผุ้อาวุโสอยากลงโทษก็ขอให้ลงโทษข้าเถอะ เรื่องนี้มันล้วนแต่เป็นความผิดเย่คนนี้!” เย่หยวนเดินขึ้นมาบังหน้าเจียนเจิ้นเทาไว้และกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ยอมรับ แต่ก็ไม่ต่อต้าน


หากไม่ใช่เพราะเขาต้องการเข้าพบท่านเจ้าศาลา เย่หยวนคงทำการแตกหักไปแล้ว


แต่เพื่อข่าวคราวของพวกลี่เอ๋อ เขาต้องทน!


หากตอนนี้เขาไปลบหลู่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์เข้า เขาคงไม่มีโอกาสใดๆ เหลืออีกแล้ว


เจียนเทียนหัวหันไปมองเย่หยวนอย่างเย็นเยือก “นี่คือเรื่องราวภายในศาลามายาล้ำของเรา! เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้มาแส่เรื่องของข้าผู้นี้? ที่สำคัญเจ้าบุกรุกเข้ามาในศาลามายาล้ำของเรา เจ้ายังคิดว่าตัวเองจะไม่ได้รับโทษอีกหรือ? วันนี้พวกเจ้าทั้งสามย่อมไม่มีใครจะได้กลับออกไป!”


พูดจบเจียนเทียนหัวก็ปล่อยคลื่นพลังโลกอันรุนแรงออกมาปะทะร่างเย่หยวนทันที


เย่หยวนหน้าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด!ห


นี่มันคือพลังโลกของยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์สามดาว มันจะรุนแรงได้ขนาดไหน?


ตอนนี้เย่หยวนพยายามเดินปราณเทวะโกลาหลขึ้นมาป้องกัน พยายามรับแรงกดดันที่สามารถพัดเขาทั้งลูกปลิวได้


เจียนเทียนหัวนั้นตื่นตกใจไม่น้อย เพราะเขาไม่คิดว่าแค่ราชันพระเจ้าสองดาวจะมีปัญญารับมือแรงกดดันนี้


เขาหัวเราะเย้ยในใจและกำลังคิดจะลงมือต่อเย่หยวน แต่เป็นเวลานั้นเองที่มีเสียงหนึ่งดังก้องกังวานไปทั่วทั้งศาลามายาล้ำ


“เทียนหัว ให้เขาขึ้นมา!”


เจียนเทียนหัวหน้าถอดสีทันที สายตาของเขาเต็มไปด้วยความงุนงงสงสัยแต่ก็ตอบกลับไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก “ขอรับท่านเจ้าศาลา!”


ตอนที่ 1711 รัศมีจักรพรรดิผ่าโลกา!

“ท่านเจ้าศาลา! เขาอยากจะพบเจ้าเด็กคนนี้จริงๆ เด็กคนนี้เป็นใครมาจากไหนกัน?”


“ท่านเจ้าศาลาคิดอยากพบกับนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาว นี่ข้าไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม?”


“นี่มัน…นี่มันการตบหน้ายอดผู้อาวุโสเทียนหัวต่อหน้าผู้คนชัดๆ! เด็กคนนี้มันเป็นใครมาจากไหนถึงกับทำให้ท่านเจ้าศาลาต้องลุกขึ้นมาปกป้องเองแบบนี้”



ยิ่งเวลาผ่านไปผู้คนก็ยิ่งมองดูเย่หยวนอย่างมึนงงสงสัย พยายามคาดเดาว่าเขาเป็นใครมาจากไหนกันแน่


เพาราะท่านเจ้าศาลานั้นไม่ใช่ว่าจะยอมพบกับทุกผู้คน


ต่อให้เป็นยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ หากอยากมาพบท่านเจ้าศาลามันก็ยังไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดาย อย่าไปพูดถึงราชันพระเจ้าสองดาวเลย


แต่วันนี้ เขากลับทำเรื่องเหนือคาด!


มันไม่มีทางเลยที่คนในศาลามายาล้ำทุกคนจะไม่สงสัย


โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจียนเทียนหัวผู้ที่มีสีหน้าสุดย่ำแย่คนนี้


ตัวเขาเองนั้นก็ไม่ได้โผล่หน้าออกมาพบผู้คนบ่อยนัก แต่วันนี้เขาเลือกที่จะออกมาห้ามเจียนเจิ้นเทา แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าจะเป็นเขาเองที่ถูกท่านเจ้าศาลาตบหน้าเองเช่นนี้


คนมากมายได้เห็นเรื่องราว นี่มันทำให้ยอดผู้อาวุโสอย่างเขาเสียหน้ามาก!


แต่ยังไงนี่ก็เป็นคำสั่งท่านเจ้าศาลา เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำตาม


เจียนฉาวหนิงและเจียนปิงสองพี่น้องเดิมทีมีท่าทางพึงพอใจมากจนไปได้ยินเสียงนั้นเขา เสียงของท่านเจ้าศาลาที่ทำให้พวกเขาถึงขั้นขี้หดตดหาย


เด็กคนนี้มันมีความสามารถใดกันถึงทำให้ท่านเจ้าศาลาต้องการพบตัวเขาเองเช่นนี้?


“ไม่นานศาลามายาล้ำของข้าจะได้มียอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์คนใหม่แล้ว คงได้ฉลองกันยกใหญ่ วันนี้ข้าขอตั้งเจิ้นเทาสู่ตำแหน่งยอดผู้อาวุโส เจ้าต้องพยายามให้มากและรีบบรรลุให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”


ตอนนี้ท่านเจ้าศาลาส่งเสียงประกาศออกมาอีกครั้งทำให้ทุกผู้คนตื่นตะลึงกันอย่างถึงที่สุด


“ไม่มีทางใช่ไหม? ผู้อาวุโสเจิ้นเทาจะขึ้นสู่ตำแหน่งยอดผู้อาวุโสแล้ว?”


“หมายความว่าเขากำลังจะบรรลุอย่างนั้นหรือ? ข้าก็นึกว่าชีวิตนี้ผู้อาวุโสเจิ้นเทาจะไม่มีทางบรรลุได้แล้วเสียอีก ไม่นึกเลยว่าเขาจะได้รับโอกาสชีวิตใหม่เช่นนี้!”


“บางครั้งโชคร้ายมันก็กลายเป็นดีได้ และดูท่าคำพูดนั้นจะไม่ผิดจริงๆ! ตาของเขามืดบอดไป ทุกคนคิดว่าเขาคงพิการไปชั่วชีวิต ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะรักษาดวงตาจนหายได้ แถมยังบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ได้อีก”


“ผู้อาวุโสฉาวหนิงสู้กับเขามาเกือบครึ่งชีวิต ใครจะไปคิดว่าผู้อาวุโสเจิ้นเทาจะเป็นคนที่บรรลุได้ก่อนกัน? เรื่องนี้มันช่างน่าขันนัก!”



เจียนฉาวหนิงนั้นมีใบหน้าที่ดูไม่ได้อย่างถึงที่สุด เพราะเรื่องราวมันพลิกกลับอย่างรวดเร็วจนเกินไป


เมื่อไม่กี่นาทีก่อน เขายังเป็นฝ่ายเหยียบเจียนเจิ้นเทาจมดินอยู่เลย


ใครจะไปคิดว่าในวินาทีต่อมา เจียนเจิ้นเทาจะได้โอกาสชีวิตใหม่และกลับเป็นฝ่ายเหยียบย่ำเขาจนจมดินแทน


หากท่านเจ้าศาลาว่ามาแบบนั้น มันก็เท่ากับว่าเขานั้นทำนายไว้ได้นานแล้ว!


ไม่มีใครสงสัยในคำพูดของท่านเจ้าศาลาแม้แต่น้อย หากเขาว่าเจียนเจิ้นเทาจะบรรลุ เขาก็ต้องบรรลุได้แน่ๆ


เมื่อขึ้นถึงอาณาจักรนภาสวรรค์แล้ว มันก็จะเหมือนได้ก้าวผ่านประตูมังกรพุ่งขึ้นสู่สวรรค์ในคราเดียว


เขาจะอยู่ต่างกันคนละโลกไป เพราะตัวเขายังเป็นแค่ราชันพระเจ้าเก้าดาว


คนที่ต่อสู้กันมานานกว่าครึ่งค่อนชีวิต ใครจะไปนึกไปฝันว่าวันหนึ่งจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น?


เจียนเจิ้นเทาเองก็ตื่นตกใจไม่น้อย เขาก้มหัวลงขอบคุณทันที “ขอบคุณท่านเจ้าศาลา เจิ้นเทาจะพยายามฝึกบ่มเพาะเพื่อทำการบรรลุให้เร็วที่สุด!”


แต่ทว่าท่านเจ้าศาลาก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรมาแล้ว


เย่หยวนยิ้ม “ยินดีด้วยท่านผู้อาวุโส!”


เจียนเจิ้นเทาตอบกลับมาอย่างรื่นเริง “สหายเย่หยวน เป็นเพราะเจ้าแท้ๆ! มาสิ ข้าจะพาเจ้าขึ้นไปหาท่านเจ้าศาลาเอง!”


เย่หยวนพยักหน้ารับและตามไป


เจียนเทียนหัวหน้าถอดสีและได้แต่หัวเราะพ่นลมก่อนจะจากไป


เจียนเจิ้นเทาพาเย่หยวนมาจนถึงหน้าบันไดขึ้นไปยังชั้นสาม


“ขึ้นไปจากนี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของท่านเจ้าศาลาแล้ว เจ้าขึ้นไปเองเถอะ เฒ่าคนนี้จะลงไปจัดการเทียนปิงแล้วรอเจ้าอยู่ด้านล่าง” เจียนเจิ้นเทาบอก


เย่หยวนพยักหน้ารับและเดินขึ้นบันไดไป


จู่ๆ เย่หยวนก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้เดินผ่านม่านอะไรสักอย่างเข้ามา มาถึงยังมิติอีกด้านหนึ่ง


มันเป็นห้องที่เรียบง่ายและลับเร้น แฝงไปด้วยกลิ่นอายที่แสนพิลึกพิกลไปทั่ว


ชายแก่ท่าทางสงบคนหนึ่งกำลังต้มชาวิญญาณอยู่ ให้กลิ่นที่หอมยั่วผู้คนนัก


ชายแก่คนนี้เปิดปากออกและหัวเราะ “ฮ่าๆ ไม่นึกเลยว่าวันหนึ่งในชีวิตของเฒ่าคนนี้จะได้มาเจอคนหนุ่มที่มีรัศมีผ่าจักรพรรดิ ช่างเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดจริงๆ!”


เย่หยวนมองดูยังชายแก่และได้เห็นว่าเหมือนอีกฝ่ายกำลังอยู่ในม่านหมอก ไม่สามารถมองทะลุผ่านไปได้เลย


เหมือนราวกับว่าชายแก่คนนี้เลือนหายเข้าไปกับพื้นหลังของห้อง


ทั้งๆ ที่อยู่ตรงหน้า แต่กลับรู้สึกเหมือนอยู่ห่างไกล


“รัศมีผ่าจักรพรรดิ?”


เย่หยวนนั้นมึนงงไม่น้อย หรือว่ารัศมีผ่าจักรพรรดินี้มันจะเป็นดวงชะตารูปแบบหนึ่งด้วย?


เว้นเสียแต่ว่า เจียนเจิ้นเทาบอกว่าเขาเป็นรัศมีจักรพรรดิมิใช่หรือ? ทำไมมันกลายเป็นรัศมีผ่าจักรพรรดิอะไรนี่ไปได้?


ชายแก่ทำท่าทางเชิญเย่หยวนนั่งลงตรงข้ามเขา ก่อนจะค่อยๆ เปิดปากพูดขึ้นอีกครั้ง “รัศมีจักรพรรดิ ผ่าโลกา นามรัศมีผ่าจักรพรรดิ! เหล่าผู้มีรัศมีผ่าจักรพรรดินั้นจะมีชะตาที่ส่องสว่าง หากไม่มีเรื่องราวเหตุร้ายใดพวกเขาเหล่านั้นจะไปถึงอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้ไม่ยาก!”


เย่หยวนนั่งลงตรงข้ามชายแก่และบอก “ดูเหมือนท่านเจ้าศาลายังไม่ได้ใช้ศาสตร์การดูรัศมีเลยใช่หรือไม่? ทำไมท่านถึงได้รู้กันเล่าว่าข้ามีรัศมีผ่าจักรพรรดิ?”


ชายแก่ยิ้ม “แม้ว่ารัศมีจักรพรรดินั้นจะรุนแรงแค่ไหน มีหรือที่มันจะทำให้คนตระกูลเจียนรับผลสะท้อนกลับที่รุนแรงได้ขนาดนั้น? มีแค่รัศมีผ่าจักรพรรดิเท่านั้นที่จะทำให้สมาชิกตระกูลเจียนได้รับผลร้ายแรงปานนี้ จริงๆ ตั้งแต่ที่เจิ้นเทากลับมาจากเมืองหลวงลาภสายน้ำ เฒ่าผู้นี้ก็รู้มาตลอดแล้ว ต่อให้เฒ่าคนนี้ไม่ต้องใช้ศาสตร์การดูรัศมีเฒ่าคนนี้ก็พอดูเรื่องราวออกบ้าง”


เย่หยวนนั้นตกตะลึงในหัวใจ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจียนเจิ้นเทาถึงได้ชื่นชมวิธีบ่มเพาะของเจ้าศาลาว่าลึกลับและเข้าใจดวงชะตาได้ดี


ดูเหมือนความสามารถของชายแก่คนนี้มันจะเหนือล้ำจินตนาการจริงๆ!


ได้เห็นแบบนั้นเย่หยวนก็เริ่มมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง


หากเป็นชายแก่คนนี้ที่ลงมือเอง มันก็ไม่แน่ว่าเขาอาจจะรู้ที่อยู่ของพวกลี่เอ๋อก็ได้


“หากท่านเจ้าศาลารู้มาก่อนหน้าแล้วทำไมท่านถึงยังปล่อยให้ผู้อาวุโสเจียนเจิ้นเทาได้เจอเรื่องราวเลวร้ายเช่นนั้นกัน? ต่อให้ตาเขาจะไม่เห็นแต่เขาก็เป็นถึงราชันพระเจ้าเก้าดาว มันไม่ควรปล่อยให้เขาไปนั่งปลูกดอกไม้ใบหญ้าหรอกใช่ไหม?” เย่หยวนถามอย่างสงสัย


ชายแก่ตอบกลับ “ความลับของสวรรค์นั้นมันลึกล้ำ ต่อให้คนตระกูลเจียนเราจะอ่านความลับสวรรค์นั้นออกเราก็ไปเปลี่ยนอะไรมันไม่ได้ การฝืนเข้าไปยุ่งคลื่นแห่งยอดเต๋ามีแต่จะทำให้เจอผลสะท้อนเท่านั้น หากเล็กน้อยก็ต้องบาดเจ็บหนักกระอักเลือด พลังการบ่มเพาะตกต่ำ หากร้ายแรงก็จะดับสูญวิญญาณไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้ คนตระกูลเจียนเราที่ตายไปเพราะเรื่องราวแบบนี้มันมีมากมายอย่างนับไม่ถ้วน! เพราะฉะนั้นต่อให้เราจะเห็นชะตาของผู้คนได้อย่างเด่นชัด เราก็ทำอะไรกับมันไม่ได้ เจิ้นเทานั้นถูกรัศมีผ่าจักรพรรดิของเจ้าเข้ามันจึงช่วยให้เขาบรรลุได้ในที่สุด เรื่องที่ยอดเต๋าเปลี่ยนแปลงชะตาเขานั้น หากไม่ได้รับความทุกข์ที่ว่ามานี้เขาเองก็จะไม่สามารถบรรลุขึ้นไปได้”


เย่หยวนฟังอยู่อย่างตื่นกลัวไม่น้อย เขาไม่คิดเลยว่าเรื่องราวธรรมดาๆ นั้นมันจะมีความลับหลบซ่อนอยู่มากมาย


เย่หยวนจึงถามออกไปอย่างสงสัย “ถ้าเช่นนั้น การที่ตระกูลเจียนทำนายดวงชะตาร้ายดีให้คนอื่นทุกวันนี้เองมันก็จะไม่โดนสวรรค์ลงทัณฑ์เข้าหรือ?”


ชายแก่ยิ้ม “นักยุทธทั่วๆ ไปนั้นไม่มีดวงชะตาที่แข็งแกร่งพอจะเปลี่ยนโลกหรอก ที่สำคัญคนตระกูลเจียนก็มีกฎในการทำนายอยู่ด้วย พวกเราจะบอกแค่ สองถึงสามจากสิบ ดูเหมือนใช่แต่ก็ไม่ ด้วยสภาพการณ์ปกติพวกเราจึงทำการได้อย่างไม่มีปัญหา แต่หากเมื่อใดที่พบเจอกับยอดคนที่ดวงชะตาแก่กล้า คนตระกูลเจียนก็จะไม่ยอมรับทำนายดวงชะตาให้คนผู้นั้นง่ายๆ เพราะหากฝึกฝนบ่มเพาะมาไม่ดีพอพวกเขาเองนั่นแหละที่จะโดนผลสะท้อนจากยอดเต๋าแทน”


เย่หยวนหน้าถอดสีทันที ตอนนี้เขาเหมือนได้ยินเรื่องราวสุดสิ้นหวังมา


เพราะเขานั้นมีรัศมีสุดรุนแรงอย่างรัศมีผ่าจักรพรรดิ หมายความว่า…ตัวเขาจะไม่มีทางได้รับการทำนายใดๆ เลย?


เย่หยวนถามออกมาอย่างตระหนก “ท่านผู้อาวุโส เรื่องนี้…”


แต่ชายแก่กลับยื่นถ้วยชามาให้เย่หยวนด้วยรอยยิ้มแทน “ดื่มชาก่อนสักถ้วย อย่าได้กังวลไป”


เย่หยวนจะไม่กังวลได้อย่างไร? สุดท้ายเขาจึงยกแก้วชาดื่มจนหมดในอึกเดียว


เย่หยวนยกมือขึ้นมาประสานและถาม “ท่านเจ้าศาลา คนรักของผู้น้อยไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร การมายังที่แห่งนี้ข้าแค่หวังว่าจะได้รู้ถึงสถานะของพวกเขาทั้งหลายนั้น หวังว่าท่านเจ้าศาลาจะเห็นใจช่วยข้าสักครั้ง! เรื่องนี้เย่หยวนพร้อมที่จะจ่ายทุกสิ่งอย่าง!”



 

 

 


ตอนที่ 1712 สังเวียนร้อยศึก

 

ชายแก่ยังคงดื่มชาอย่างใจเย็นและบอกต่อ “หึ การทำให้ผู้มีรัศมีผ่าจักรพรรดิเช่นเจ้าคิดหนี้เฒ่าคนนี้มันก็ไม่เลว เฒ่าคนนี้ย่อมอยากลงมือทำให้ แต่เสียดายที่เฒ่าคนนี้ยังมือไม่ถึงขั้นที่จะทำอะไรแบบนั้นได้!”


เย่หยวนนั้นมีท่าทางสิ้นหวังมาก เขาไม่อยากเชื่อว่าสุดท้ายผลมันก็จะออกมาเป็นเช่นนี้


“ท่านเจ้าศาลา หรือว่ามัน…จะไม่มีทางอื่นใดแล้ว?” เย่หยวนถามอย่างกังวล


ชายแก่ยื่นถ้วยน้ำชาให้มาอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม “ค่อยๆ ดื่ม อย่าได้รีบร้อนไป”


เย่หยวนหรี่ตาลงทันที ตอนนี้เขาเริ่มรู้ตัวแล้วว่าตัวเองอารมณ์ร้อนจนเกินไปหน่อย


“ขอบพระคุณท่านเจ้าศาลา!”


เขารับชามาและค่อยๆ ดื่มมันลงไป ความขมอันรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วช่องปากของเขาในทันที


แต่ไม่นานนักความหวานอ่อนๆ ก็เริ่มปรากฏออกมาท่ามกลางความขมนั้น และพุ่งไหลลงไปในช่องท้อง ก่อนจะค่อยๆ ไหลออกไปตามแขนขาและกระดูกของเขา


ตอนนี้เหมือนว่าปราณเทวะของเขาจะเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย


เย่หยวนเบิกตากว้างทันที “ชาดี! ยอดชา! ข้าน้อยนั้นรีบร้อนเกินไปจนไม่ได้สังเกต ขอท่านผู้อาวุโสโปรดอภัย!”


เพราะอึกแรกที่เขาดื่มลงไปนั้น เย่หยวนไม่สามารถจะรับรสชาติสุดเลิศล้ำของยอดชานี้ได้เลย


เมื่อตอนนี้เริ่มใจเย็นลง เขาก็สามารถสัมผัสถึงความเยี่ยมยอดของชานี้ได้ทันที


ดวงตาของชายแก่เปี่ยมไปด้วยความดีใจ เขาคิดในใจว่าสมแล้วจริงๆ ที่เป็นถึงผู้มีรัศมีผ่าจักรพรรดิ สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้เย็นลงได้อย่างง่ายดาย


ชายแก่ยิ้มออกมา “ชานี้มีนามว่าชาน้ำค้างจักจั่นเปล่า แค่ถ้วยเดียวมันก็พอเทียบกับโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่คุณภาพสูงได้แล้ว แต่เจ้ากลับดื่มไปถึงสองถ้วย! หากเป็นคนอื่นพวกเขาคงต้องเข้าเก็บตัวบ่มเพาะหลอมมันไปแล้ว แต่เจ้ากลับไม่แสดงท่าทางใดๆ ออกมาเลย สมเป็นผู้มีรัศมีผ่าจักรพรรดิจริงๆ!”


เย่หยวนนั้นตื่นตกใจไม่น้อยเช่นกัน เพราะเขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าชานี้จะเป็นของล้ำค่าแบบนั้น


เพราะสำหรับนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวนั้นการดื่มกินโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ลงไปมันก็ต้องใช้เวลาในการดูดซึมซับมันหลายวันทีเดียว


หากดื่มไปถึงสองถ้วย เส้นชีพจรทั่วร่างของพวกเขาคงปูดปวมจนทนทานไม่ไหว มันต้องมีความรู้สึกอึดอัดเกิดขึ้นในร่างกายบ้าง


แต่เย่หยวนที่ดื่มไปถึงสองถ้วยนี้กลับดูท่าทางสบายดี ไม่แปลกที่เจ้าศาลามายาล้ำจะประหลาดใจ


เพราะเขาไม่ได้รู้เลยว่าจริงๆ แล้วเย่หยวนกินโอสถศักดิ์สิทธิ์เหมือนเป็นขนมกินเล่น แค่พวกมันไม่กี่เม็ดไม่มีทางช่วยอะไรเย่หยวนได้มากมายนัก


เพราะเย่หยวนต้องใช้โอสถศักดิ์สิทธิ์ไม่รู้กี่เม็ดต่อกี่เม็ดกว่าจะขึ้นระดับมาได้สักดาว ตอนนี้ร่างกายของเขามันเหมือนเป็นหลุมที่ไร้ก้นดีๆ นี่เอง


อย่าว่าแต่ชาวิญญาณสองถ้วยใดๆ ต่อให้ดื่มเป็นสิบเขาก็คงไม่รู้สึกใดๆ แน่


แม้ชาทั้งสองจะเข้าท้องเขาไป เย่หยวนก็ไม่ได้รู้สึกว่าปราณเทวะโลกาหลของเขาจะพัฒนาขึ้นไปมากมายใดๆ


เย่หยวนกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นตกใจ “กลายเป็นว่านี่คือชาน้ำค้างจักจั่นเปล่า ไม่แปลกใจเลย! ไม่น่าแปลกใจเลยแม้แต่น้อย! มันแค่…น่าเสียดายไปหน่อย!”


ชายแก่จึงถามขึ้นอย่างสงสัย “โอ้? น่าเสียดาย?”


เพราะเจ้าชาน้ำค้างจักจั่นเปล่านี้เขาปลูกดูแลมันมาอย่างดี เขาต้องทุ่มแรงกายแรงใจไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่


ได้ยินคำของเย่หยวน เขาจึงเข้าใจทันทีว่ามันยังขาดอะไรไป!


เย่หยวนบอก “ชาน้ำค้างจักจั่นเปล่านั้นคือชาวิญญาณระดับห้า แต่ท่านเจ้าศาลากลับมาต้มได้แค่ระดับสี่ มันไม่น่าเสียดายไปหน่อยหรือ?”


ชายแก่ยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “ชาน้ำค้างจักจั่นเปล่ามันเป็นสิ่งที่บอบบางและหลอมได้ยากเย็น แค่ทำให้มันมาถึงยอดของระดับสี่ก็นับว่ายากมากแล้ว เฒ่าคนนี้ต้องใช้จ่ายไปตั้งไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่กว่าจะได้มาแค่นี้”


เย่หยวนยิ้ม “นั่นเพราะวิธีที่ท่านหลอมมันผิดยังไงล่ะ! ชาน้ำค้างจักจั่นเปล่านั้นยากเย็นที่สุดก็คือการทำให้มันคงพลังวิญญาณไว้ได้ แค่พลาดนิดเดียวพลังวิญญาณมันก็จะไหลออกทำให้ชาเสียคุณภาพลงทันที”


ชายแก่ตัวสั่นไปทั้งร่าง “เจ้ามีวิธีหลอมชาน้ำค้างจักจั่นเปล่าหรือ? น้ำค้างจักจั่นเปล่านั้นเป็นของหายาก การดูแลปลูกรักษามันก็ไม่ค่อยจะมีใครรู้นัก เฒ่าคนนี้พยายามมาอย่างมากมายแต่ก็ไม่สามารถหาวิธีการหลอมต้มที่ถูกต้องเสียที”


เพราะความแตกต่างระหว่างยอดระดับสี่กับระดับห้านั้น มันแตกต่างกันมากสำหรับชายแก่


ชาระดับสี่นั้นมันเป็นได้แค่น้ำชาดื่มเล่นเท่านั้นสำหรับเขา เป็นได้แค่เครื่องดื่ม


แต่ชาระดับห้านั้นมันจะช่วยในการบ่มเพาะของเขาได้ด้วย!


ที่สำคัญคุณประโยชน์ของชาวิญญาณนั้นมันยังไม่ได้ช่วยแค่การบ่มเพาะพลัง แต่รวมไปถึงการบำรุงร่างกายส่วนต่างๆ ด้วย


นั่นทำให้เขาพยายามเค้นสมองหาวิธีปลูกและหลอมต้มมันให้ได้


น่าเสียดายที่สุดท้ายมันกลับไม่ส่งผลใดๆ


เย่หยวนพยักหน้า “การปลูกดูแลน้ำค้างจักจั่นเปล่านั้นมันอยู่ที่คำว่า ‘น้ำค้าง’ นั่นแหละ! ทุกๆ เช้ามืดมันจะเป็นเวลาที่ชาวิญญาณนี้ดูดกลืนพลังวิญญาณไปมากที่สุด ช่วงเวลานี้เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะทำการใส่ปุ๋ยบำรุงใดๆ ส่วนเวลาอื่นก็ต้องลดหลั่นไปตามสมควร ที่สำคัญในฤดูทั้งสี่นั้นมันยังต้องใช้ปุ๋ยในจำนวนที่ไม่เท่ากันด้วย มันเป็นสิ่งที่ปลูกเลี้ยงดูยากจริงๆ การที่ท่านผู้อาวุโสทำให้มันมาถึงยอดระดับสี่ได้แบบนี้มันก็นับว่าสุดยอดมากๆ แล้ว”


เมื่อชายแก่ได้ยินคำบอกของเย่หยวน เขาก็รู้ถึงความจริงทันทีถามขึ้น “ไม่แปลกใจเลย! ไม่แปลกเลยจริงๆ! แบบนี้นี่เอง! สหายหนุ่มเย่หยวน นี่…วิธีดูแลน้ำค้างจักจั่นเปล่านี้จะขอ…เฒ่าคนนี้รับไว้ได้หรือไม่?”


ชาวิญญาณเองมันก็เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง การดูแลปลูกมันขึ้นมานั้นเป็นสิ่งที่ยุ่งยากไม่น้อย


เย่หยวนรู้ถึงมันได้เพราะว่าจอมเทพนิรันดร์นั้นสนใจในพิธีชงชา เขาเก็บเกี่ยวความรู้เรื่องการปลูกชาวิญญาณเหล่านี้ไว้ไม่น้อย


ชาน้ำค้างจักจั่นเปล่านี่เองก็เช่นกัน


เจ้าศาลามายาล้ำนั้นตื่นเต้นดีใจอย่างถึงที่สุด ตอนนี้ใบหน้าผู้ทรงปัญญาของเขาหายไปจนสิ้น เหลือเพียงใบหน้าที่มองมาทางเย่หยวนอย่างตื่นเต้น


เย่หยวนยิ้ม “เรื่องนั้นย่อมได้!”


พูดไปเย่หยวนก็ยื่นแผ่นหยกที่บันทึกวิธีดูแลชาน้ำค้างจักจั่นเปล่าไปให้แก่เจ้าศาลามายาล้ำ


เจ้าศาลามายาล้ำส่งจิตศักดิ์สิทธิ์เข้าไปตรวจดูทันทีและเบิกตากว้างขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าตัวเขาได้รับสมบัติแสนล้ำค่ามาไว้ในมือ


“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้! ที่แท้ก็ต้องทำแบบนั้น! ทำไมข้าคิดไม่ได้กันนะ?” ชายแก่เริ่มไม่คิดรักษาภาพลักษณ์และอยากลองวิชาใหม่อย่างถึงที่สุด


เย่หยวนเองก็ไม่ได้เร่งรีบนัก จึงนั่งรอไป


ด้วยสภาพเช่นนี้ เวลาก็ผ่านไปกว่าชั่วโมง


ชายแก่เก็บแผ่นหยกลงราวกับว่าเขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาและกล่าวด้วยท่าทางเขินอาย “ฮะๆ เหมือนว่าข้าจะทำให้สหายหนุ่มเย่หยวนต้องรอคอยแล้ว เจ้าไม่รู้หรอกว่าเฒ่าคนนี้ทุ่มเทกับชาน้ำค้างจักจั่นเปล่าไปมากแค่ไหน ตอนนี้ข้าจึงอยากรู้อยากลองวิธีใหม่ๆ จนลืมตัว สุดท้ายก็ง่วงอยู่กับมันจนลืมเวลาไปเสียจนได้”


เย่หยวนยิ้ม “ผู้น้อยเองก็เป็นนักหลอมโอสถ ย่อมเข้าใจอารมณ์นี้ของท่านเจ้าศาลาดี”


ชายแก่หัวเราะลั่น “พูดคุยเรื่องชากันมากว่าครึ่งวันแล้ว เกือบลืมไปเลยว่าเรามีธุระสำคัญ! สหายหนุ่มเย่หยวน เจ้านั้นมีรัศมีผ่าจักรพรรดิ การจะทำนายชะตาให้เจ้านั้นข้าคงต้องใช้อายุขัยไปไม่น้อยแน่! เฒ่าคนนี้จึงไม่สะดวกที่จะทำการเช่นนั้นบ่อยๆ นัก ฉะนั้นเฒ่าคนนี้จึงได้กำหนดไว้ว่าจะลงมือแค่ทุกสามร้อยปีครั้ง!”


เย่หยวนนั้นถอนหายใจยาวในใจ เขาไม่นึกว่าดวงชะตาที่แข็งแกร่งของเขาจะกลายมาเป็นอุปสรรคขวางกั้นตัวเขากับพวกลี่เอ๋อแทน


“ผู้อาวุโส ข้าสงสัยจริงๆ ว่าเมื่อไหร่จึงจะครบรอบสามร้อยปีที่ว่า?” เย่หยวนถาม


ชายแก่บอก “รอบสามร้อยปีนี้จะมาถึงในอีกเจ็ดปีข้างหน้า”


เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่หยวนก็เกิดดีใจขึ้นทันที “ผู้อาวุโส ข้าอยากให้ท่านช่วยทำนายเมื่อถึงเวลานั้น! ข้าพร้อมที่จะจ่ายทุกอย่างที่ท่านต้องการเลย!”


แต่ชายแก่กลับส่ายหัวออกมา “โอกาสนี้เจ้าต้องสู้เอามันมาเอง”


เย่หยวนถามขึ้นอย่างสงสัย “สู้เอามันมาเอง?”


เจ้าศาลามายาล้ำพยักหน้ารับ “หลังจากเจ็ดปีนี้ เมืองจักรพรรดิเลิศประกายจะจัดสังเวียนร้อยศึกขึ้น! ถึงตอนนั้นเหล่ายอดอัจฉริยะจากที่ต่างๆ ย่อมจะมารวมตัวกันเพื่อให้เฒ่าคนนี้ช่วยดูรัศมีและดวงชะตาให้ หากเจ้าอยากให้เฒ่าคนนี้ช่วยจริงๆ เจ้าก็ต้องไปชนะสังเวียนร้อยศึกมาให้ได้ก่อน!”


เย่หยวนสีหน้าแย่ลงทันที “นี่มัน…หากผู้น้อยไปเจอกับราชันพระเจ้าชั้นปลายเข้ามันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะชนะแล้ว?”


ก็จริงที่ว่าเย่หยวนนั้นแข็งแกร่ง แต่การจะไปปะทะราชันพระเจ้าชั้นปลายในตอนนี้มันยังไกลเกินเอื้อม


เจ้าศาลามายาล้ำยิ้มตอบ “เจ้าอย่าได้กังวลเรื่องนั้นไป กฎการเข้าร่วมนั้นคือต้องเป็นผู้มีอายุขัยต่ำกว่าสองพันปีจึงจะสามารถร่วมสังเวียนร้อยศึกได้ เพราะฉะนั้นคู่ต่อสู้ย่อมเป็นคนรุ่นเดียวกันกับเจ้าทั้งสิ้น!”



 

 

 


ตอนที่ 1713 ปลายดาบชี้สู่อันดับหนึ่ง

 

เย่หยวนนิ่งงันไปชั่วขณะ ก่อนจะเริ่มเข้าใจถึงมันได้


โอกาสที่จะได้ให้ท่านเจ้าศาลามายาล้ำดูรัศมีทำนายดวงชะตาให้นี้มันจะเป็นโอกาสที่หายากแค่ไหน?


เหล่าคนที่อายุเกินสองพันปีไปแล้วมีพลังฝีมือความสามารถที่เติบโตเต็มที่ ช่องทางใดๆ ที่จะพัฒนาตัวเองเพิ่มนั้นมันก็ช่างน้อยนิด


แล้วการเอาคนเช่นนั้นมารับการทำนายจากท่านเจ้าศาลามายาล้ำมันจะได้ประโยชน์ใด?


เหล่ายอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวมันจะยังมีอะไรให้ดูให้แนะนำได้?


ไม่ว่าจะมองจะดูไปเท่าไหร่ พวกเขาก็ไม่มีทางจะพัฒนาตัวเองจนถึงขั้นบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์ไปได้!


เมืองจักรพรรดิเลิศประกายนั้นจัดงานสังเวียนร้อยศึกขึ้นมาก็เพื่อที่จะหาเหล่ายอดอัจฉริยะมากพรสวรรค์และช่วยชุบเลี้ยงพวกเขาขึ้น


การทำแบบนี้มันจะช่วยให้เมืองจักรพรรดิเลิศประกายได้มีเส้นสายที่ยิ่งใหญ่ไปด้วย


เมื่อเหล่ายอดอัจฉริยะเหล่านั้นเติบโต พวกเขาก็จะต้องรู้สึกขอบคุณในเมืองจักรพรรดิเลิศประกายบ้าง


เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้เย่หยวนก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมในความเจ้าเล่ห์และมองการณ์ไกลของท่านเจ้าศาลามายาล้ำ


การกระทำเช่นนี้มันจะช่วยให้เมืองจักรพรรดิเลิศประกายได้สร้างหนี้บุญคุณให้ยอดคน ช่วยให้เมืองจักรพรรดิเลิศประกายได้มีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ช่างเป็นการกระทำที่เปี่ยมไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและประสบการณ์อย่างถึงที่สุด


ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตระกูลเจียนถึงได้มีชื่อเสียงและอำนาจมากมายปานนี้ เรื่องทั้งหมดมันไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ เลย


ระดับของยอดอัจฉริยะในเมืองจักรพรรดิที่อายุไม่เกินสองพันปีนั้นคงมีพลังฝีมือและการบ่มเพาะไม่เกินอาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นกลาง


พวกเขามีพลังฝีมือระดับหนิงเทียนปิง


นั่นมันก็หมายความว่าหนิงเทียนปิงนั้นกลายเป็นยอดอัจฉริยะในระดับเมืองจักรพรรดิไปอย่างไม่รู้ตัว


เพราะแม้เจียนปิงจะมีพลังบ่มเพาะระดับราชันพระเจ้าห้าดาวเช่นเดียวกัน แต่ว่าอายุขัยของเขานั้นมันก็เกินกว่าสองพันปีไปมากแล้ว ไม่สามารถเทียบเคียงกับหนิงเทียนปิงได้เลย


เพราะยังไงเสียเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์มันก็เป็นได้แค่เมืองจักรพรรดิระดับล่าง โอกาสที่จะเกิดยอดอัจฉริยะแบบนี้มันมีน้อย น้อยสุดๆ


“อย่างนี้นี่เอง เย่หยวนผู้นี้เข้าใจแล้ว! ท่านเจ้าศาลาโปรดวางใจเย่หยวนผู้นี้จะรับตำแหน่งนั้นมาให้ได้!” เย่หยวนบอกอย่างหนักแน่น


ไม่ว่าศัตรูของเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน เย่หยวนก็จะชนะและรับโอกาสนี้มาไว้ในมือให้ได้


เขาจะไม่มีทางยอมล้มเหลวเด็ดขาด!


แต่เจ้าศาลามายาล้ำกลับหัวเราะออกมา “หึๆ สหายหนุ่มเย่หยวนอย่างเพิ่งมั่นใจเกินไป! สังเวียนร้อยศึกนี้มันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิดหรอก เมื่อถึงเวลายอดอัจฉริยะจากเมืองต่างๆ นาๆ จะมารวมตัวกันที่นี่ หลายร้อยเมืองจักรพรรดิรอบๆ เมืองจักรพรรดิเลิศประกายเองก็คงไม่นิ่งเฉยกับเรื่องนี้แน่ และคนหนุ่มสาวหลายๆ คนจะมาที่นี่เพื่อสร้างชื่อเสียงด้วย จนถึงตอนนั้นหากมีราชันพระเจ้าหกดาวปรากฏตัวขึ้นมามันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกเลย คู่ต่อสู้ของเจ้านั้นแข็งแกร่ง!”


สังเวียนร้อยศึกนี้ถูกจัดขึ้นมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว


ตอนนี้ชื่อเสียงของมันโด่งดังอย่างกว้างขวางจนทำให้แม้แต่เมืองจักรพรรดิภายใต้จักรพรรดิเทพสวรรค์คนอื่นก็เริ่มหันมาสนใจและส่งคนมาอย่างไม่ลังเลแล้ว


และยิ่งพื้นที่มันกว้างขวางเท่าไหร่ โอกาสที่จะเกิดมียอดอัจฉริยะมาเข้าร่วมมันก็ยิ่งมากเท่านั้น


ที่สำคัญอัจฉริยะหลายๆ คนยังแค่อยากมาสร้างชื่อเสียงให้กลายเป็นที่ยอมรับจึงมาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย


นั่นมันทำให้ทุกผู้คนที่คิดว่าตัวเองเก่งย่อมจะมารวมที่เมืองจักรพรรดิเลิศประกายในตอนนั้น


ทุกๆ สามร้อยปี เมืองจักรพรรดิเลิศประกายจะกลายเป็นไฟ เป็นสถานที่ที่เหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายมาห้ำหั่นกัน


แต่ดวงตาของเย่หยวนก็ยังเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่คิดจะยอมแพ้และบอก “ผู้น้อยมีเหตุผลให้ต้องชนะ และจะไม่มีวันแพ้ด้วย!”


เจ้าศาลามายาล้ำหัวเราะออกมาอีกครา “หึๆ รัศมีผ่าจักรพรรดิ เฒ่าคนนี้ล่ะสงสัยจริงๆ ว่าเจ้าจะสามารถปีนป่ายไปได้ถึงจุดใด!”


เย่หยวนหันไปมองหน้าเจ้าศาลามายาล้ำอีกครั้งก่อนจะหรี่ตาลงแคบและถาม “ท่านเจ้าศาลา ที่ท่านต้องทำการทำนายทุกๆ สามร้อยปีนี้ หรือจะเป็นเพราะว่า…ท่านมีอาการบาดเจ็บใดมาก่อน?”


เจ้าศาลามายาล้ำเบิกตากว้างและตอบกลับมาอย่างตกใจไม่น้อย “เด็กน้อยเจ้าช่างมีตาที่เฉียบคม! หึๆ เฒ่าคนนี้เองก็เคยโดนทัณฑ์สวรรค์มาก่อน ทำให้ได้รับผลสะท้อนจากยอดเต๋าและระดับการบ่มเพาะตกต่ำ ถึงได้กลายมามีสภาพเช่นนี้ กว่าจะลงมือทำนายใดได้ก็ต้องรอสามร้อยปี ต้องทำแบบนี้เท่านั้นเฒ่าคนนี้ถึงจะพอรักษาพลังชีวิตไว้ได้ แต่ครานี้หากเจ้าสามารถชนะได้อันดับหนึ่งมาจริง สังเวียนร้อยศึกคราหน้าคงต้องมีการเลื่อนออกไปแล้ว”


เย่หยวนหน้าเปลี่ยนสีและยกมือขึ้นมาคารวะขอบคุณทันที “การที่ท่านเจ้าศาลายอมช่วยข้าในครานี้ บุญคุณนี้เย่หยวนจะไม่มีทางลืมเลือนเลย!”


เจ้าศาลามายาล้ำจึงบอกออกมาด้วยเสียงหัวเราะ “เฒ่าคนนี้บาดเจ็บไปบ้างเพื่อแลกกับหนี้บุญคุณของผู้มีรัศมีผ่าจักรพรรดิ มันช่างคุ้มค่านัก! แต่…อย่างที่ว่าไป ศัตรูของเจ้านั้นแข็งแกร่ง! เจ้าจะได้รับการทำนายจากข้าก็ต่อเมื่อเจ้าได้รับอันดับหนึ่งมาเท่านั้น”



“หะ? สุดท้ายเจ้าก็ยังต้องไปร่วมสังเวียนร้อยศึกอยู่ดี?”


เหตุผลที่เจียนเจิ้นเทาพาเย่หยวนมาหาท่านเจ้าศาลานั้นก็เพราะไม่อยากให้เย่หยวนต้องไปร่วมสังเวียนร้อยศึกนั่นเอง


เพราะในสายตาของเขา ด้วยพลังฝีมือของเย่หยวนในตอนนี้มันไม่มีทางใดเลยที่เย่หยวนจะชนะสังเวียนร้อยศึกไปได้


การปะทะกันที่หน้าประตูบ้านเขานั้น เจียนเจิ้นเทาเชื่อมาตลอดว่าคงเป็นหนิงเทียนปิงที่ลงมือ


เพราะการที่ราชันพระเจ้าสองดาวจะไปชนะยอดคนจากทั่วทุกสารทิศในงานสังเวียนร้อยศึกนั้น มันไม่มีทางใดเลยที่จะเกิดขึ้นได้


เย่หยวนพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว! ท่านเจ้าศาลาบอกว่าตราบเท่าที่ข้าได้อันดับหนึ่งมาครอง เขาก็จะทำนายให้ข้า!”


เจียนเจิ้นเทายกมือขึ้นมาโบกส่ายไปมาเมื่อได้ยิน “นั่นมันรางวัลที่ผู้ชนะควรได้อยู่แล้ว! หากเจ้าสามารถชนะได้จริงข้าจะลำบากพาเจ้ามาหาเขาทำไมกันเล่า?”


เย่หยวนส่ายหัว “ท่านเข้าใจผิดแล้ว! หากเป็นคนอื่นนั่นคือรางวัลที่ผู้ชนะควรได้ แต่สำหรับข้า เขาสามารถจะปฏิเสธได้!”


เจียนเจิ้นเทานิ่งไป “ทำไมล่ะ?”


เย่หยวนบอก “เพราะเขาบอกว่าข้ามีรัศมีผ่าจักรพรรดิ! ต่อให้เป็นตัวเขาการจะทำนายให้ข้านั้นมันก็จะสร้างความเสียหายให้เขาไม่น้อย!”


“ไอ้หยา!”


เจียนเจิ้นเทาเบิกตากว้างทันทีพร้อมสูดหายใจเข้าลึก ดวงตาของเขาในตอนนั้นมันราวกับว่าตรงหน้าของตนมียอดสัตว์ประหลาดยืนอยู่


“ร-รัศมีผ่าจักรพรรดิ!” ความตื่นตกใจของเจียนเจิ้นเทาในตอนนี้มันมากเกินกว่าจะบรรยายได้


อย่าว่าแต่เมืองจักรพรรดิเลิศประกาย แม้แต่ในมหาพิภพถงเทียนเองก็ยังไม่มีคนที่มีรัศมีเช่นนี้มากมายนัก


มันเป็นรัศมีที่จะเกิดขึ้นกับเหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ในรอบหลายล้านปี!


รัศมีผ่าจักรพรรดินั้นเป็นเพียงแค่ตำนานสำหรับเขา


แต่วันนี้เขากลับได้มาพบเจอมันเข้าจริงๆ!


เย่หยวนพยักหน้า “ท่านเจ้าศาลาบอกว่าหากข้าได้รับที่หนึ่งมาจริง สังเวียนร้อยศึกครั้งต่อไปเองก็คงต้องมีการเลื่อนออกไปด้วย แค่นี้มันก็แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่าการทำนายครั้งนี้มันส่งผลกระทบกับเขาหนักหนาแค่ไหน”


เจียนเจิ้นเท่านั้นรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่าลงกลางหัวหลังรับทราบเรื่องราวในครั้งนี้


รัศมีจักรพรรดินั้นเป็นอะไรที่เขาแค่เดาสุ่ม


แต่เขาไม่คิดเลยว่ารัศมีของเย่หยวนจะมิใช่แค่รัศมีจักรพรรดิ แต่เป็นถึงรัศมีผ่าจักรพรรดิ!


เขาเริ่มเข้าใจขึ้นมาแล้วว่าทำไมตัวเองถึงแตะฐานบรรลุได้


มันเป็นเพราะว่าตัวเขาไปถูกเข้ากับจิตนิรันดร์!


หลังจากผ่านเวลาไปนานแสนนานในที่สุดเจียนเจิ้นเทาก็เริ่มกลับมาตั้งสติได้และกล่าว “เย่หยวน เจ้าต้องเก็บเรื่องนี้ปิดเงียบไว้ อย่าได้แพร่งพรายให้ผู้คนรู้! ไม่เช่นนั้นเจ้าต้องพบเจอปัญหาไม่มีจบสิ้นแน่!”


เย่หยวนพยักหน้ารับ “ท่านผู้อาวุโสโปรดวางใจ เย่หยวนย่อมรู้เรื่องนั้นดี”


อนาคตจักรพรรดิเทพสวรรค์ เรื่องนี้มันแสนจะยิ่งใหญ่


มันเป็นการตื่นขึ้นของตัวตนที่จะสั่นโลก บางทีหากจักรพรรดิเทพสวรรค์คนอื่นได้ยินข่าวนี้พวกเขาอาจจะส่งคนมาจัดการสังหารเย่หยวนก็เป็นได้


เรื่องเช่นนี้ใช่ว่าจะไม่เคยมีมาก่อน


เจียนเจิ้นเทาพูดต่อ “แต่ข้าก็ยังไม่มั่นใจว่าเจ้าจะได้อันดับหนึ่งมาจริงๆ อยู่ดี!”


หนิงเทียนปิงที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ จึงยิ้มขึ้นมาแทน “ท่านผู้อาวุโสโปรดวางใจเถอะ พลังฝีมือของนายใหญ่นั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเหล่ายอดอัจฉริยะทั้งหลายหรอก อย่างน้อยๆ ก็ข้าคนหนึ่งล่ะที่ไม่พอมือนายใหญ่! แม้ว่าการชนะที่หนึ่งจะยากเย็นจริง แต่นายใหญ่ข้าจะไม่มีทางยอมแพ้แน่”


เจียนเจิ้นเทาหัวเราะ “เจ้าล้อข้าเล่นเรอะ? เจ้าเนี่ยนะไม่พอมือนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาว?”


หนิงเทียนปิงยิ้มตอบ “การต่อสู้ที่หน้าบ้านท่านผู้อาวุโสนั้นเป็นนายใหญ่ที่ลงมือเอง หากสู้กันตรงๆ นายใหญ่ข้าสามารถสังหารเจียนปิงผู้นั้นได้แน่นอน! แค่ว่านายใหญ่ท่านไม่อยากลบหลู่ศาลามายาล้ำนายใหญ่จึงไม่ได้ลงมือสังหารไป”


เจียนเจิ้นเทาหัวไปมองเย่หยวนอย่างไม่อยากเชื่อ เจ้าหมอนี่มันเป็นสัตว์ประหลาดเหรอ?

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)