Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 1706-1709
ตอนที่ 1706 แลกเปลี่ยน
“อ้าก! ตาข้า!”
เจียนปิงกรีดร้องพร้อมยกมือขึ้นปิดดวงตาไว้ ก่อนจะล้มตัวลงไปนอนกองกับพื้น
การเปลี่ยนแปลงอันกะทันหันนี้มันทำให้ทุกผู้คนได้แต่มองภาพนี้อย่างตกตะลึง
เจียนปิงมาถึงพร้อมท่าทางข่มขู่ แต่ใครจะไปคาดคิดว่าจู่ๆ จะเป็นตัวเขาเองที่เมื่อจ้องมองดูเย่หยวนแล้วต้องล้มลง
มันเรื่องบ้าอะไรกัน?
เดิมทีเจียนหยู่นั้นมีใบหน้าที่แสนพึงพอใจมาก แต่เมื่อเห็นเจียนปิงล้มลงเช่นนั้นตัวของเขาเองก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน
เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าคำพูดลอยๆ ของเขามันไปจะสะกิดความสงสัยของเจียนปิงเข้าอย่างแรง
แค่มองครั้งเดียวก็ตาบอด!
“ท-ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นกัน? อย่ามาแกล้งหลอกข้านะ!” เจียนหยู่พูดด้วยความตื่นตกใจ
“เจ็บ! ตาข้าเจ็บปวดเหลือเกิน!” เจียนปิงกรีดร้องอกมาอย่างไม่หยุด
เจียนหยู่นั้นได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองต้องทำอะไรต่อไป
คนรอบๆ เองก็มีสภาพไม่ต่างจากเขาไปนัก
“เกิดอะไรขึ้น? เมื่อกี้เจียนปิงได้ใช้ศาสตร์การดูรัศมีกับเด็กหนุ่มคนนี้ใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ว่าคลื่นพลังของเขาไม่ติดอันดับหรอกรึ? ทำไมเจียนปิงถึงกลายสภาพเป็นอย่างนี้ไปได้ด้วยการจ้องมองครั้งเดียวกัน?”
“ทำไมตอนเรามองมันไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยเล่า? เดี๋ยวนะ ข้าจำได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้บอกว่าศาสตร์การดูของเจียนหยู่มันต่ำต้อยเกินไป หรือว่า…”
“เขายังบอกมาด้วยว่าเพราะเจียนหยู่ยังตาไม่บอด! นี่มัน…”
…
คนรอบๆ เริ่มตื่นตัวรู้ถึงเรื่องราวขึ้นมาได้ ก่อนหน้านี้เย่หยวนบอกว่าเพราะตาของเจียนหยู่ยังไม่บอด มันจึงหมายความว่าศาสตร์การดูรัศมีของเขาต่ำต้อยเกินไป!
แต่ตอนนี้เจียนปิงกลับมองดูเย่หยวนแค่ครั้งเดียวและตาบอดไป!
หมายความว่าชะตาของเด็กหนุ่มคนนี้มันไม่ได้ต่ำจนไม่ติดอันดับ แต่มันอยู่สูงจนพวกเขามองไม่ถึงต่างหาก!
จะเป็นชะตาแบบไหนกันที่ยิ่งใหญ่ได้ขนาดนั้น?
อย่างน้อยๆ มัน… ต้องเป็นรัศมีจักรพรรดิ!
ทุกคนนั้นตื่นตระหนกขึ้นมาในจิตใจ จะบอกว่าชายหนุ่มคนนี้มีดวงชะตาในตำนานอย่างรัศมีจักรพรรดิอย่างนั้นหรือ?
เย่หยวนมองดูเจียนหยู่และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เหมือนว่าความสามารถของเขาจะเหนือล้ำกว่าเจ้านะ เขานั้น… ตาบอดไป แต่เจ้ากลับไม่มีปัญญาแม้แต่จะบอดเสียด้วยซ้ำ”
ร่างของเจียนหยู่สั่นสะท้าน ใบหน้าของเขายังดูท่าไม่อยากยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
ตอนนี้เขาได้เข้าใจแล้วว่าคำพูดของเย่หยวนนั้นมันหมายถึงอะไรกันแน่
และเขาก็ได้เข้าใจด้วยว่าทำไมพี่ชายของเขาถึงได้กลายสภาพเป็นแบบนี้ไปในพริบตา
“เจ้า… เจ้ากลับมีรัศมีในตำนานอย่างรัศมีจักรพรรดิ! นี่มัน… เป็นไปไม่ได้น่า!” เจียนหยู่ร้องร่ำออกมา
เย่หยวนยักไหล่ให้และบอกอย่างหมดแรงจะเถียง “ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นรัศมีจักรพรรดิหรืออะไรกันแน่ เพราะจนทุกวันนี้มันก็ยังไม่มีใครที่มองออกได้เลย”
ในเรื่องนี้เย่หยวนก็ไม่รู้เช่นกันว่าผลที่แท้จริงมันเป็นอย่างไร
เขาเองก็อยากจะรู้ว่าชะตากรรมของเขามันอยู่ในระดับใด แต่น่าเสียดายที่แม้แต่เจียนเจิ้นเทาผู้แข็งแกร่งปานนั้นก็ยังตาบอดไปหลังจากมองแค่ครั้งเดียว
รัศมีจักรพรรดิอะไรนี่เองก็เป็นแค่การคาดเดาของเจียนเจิ้นเทา
เจียนหยู่หน้าถอดสีทันที คำพูดเหล่านี้… มันจะโอหังเกินไปแล้ว!
แต่หากเขาเป็นถึงระดับรัศมีจักรพรรดิจริงๆ ศาลามายาล้ำจะต้องต้อนรับเขาอย่างทรงเกียรติแน่
งั้นก็หมายความว่าเขาจะทำอะไรชายคนไม่ได้แล้ว!
เพราะยังไงเสียเมื่อมีรัศมีวิญญาณถึงระดับจักรพรรดิ หากไม่เกิดเรื่องพลาดพลั้งใดไป วันข้างหน้าพวกเขาก็จะได้กลายเป็นยอดคนที่ปกครองทั้งดินแดน
คนระดับนี้ ต่อให้เป็นตระกูลเจียนก็อยากจะผูกสัมพันธ์ไว้เช่นกัน
เพราะยังไงเสียเมืองจักรพรรดิเลิศประกายนั้นก็เป็นแค่เมืองจักรพรรดิเมืองหนึ่ง ต่อให้มันจะถูกเรียกว่าเป็นดินแดนของตระกูลเจียน แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้ก็ยังเป็นแค่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์เท่านั้น
การสร้างสัมพันธ์กับยอดคนในวันหน้าไว้ นี่มันคือสาเหตุความทรงพลังที่ตระกูลเจียนมีในทุกวันนี้
เพราะว่าพวกเขามี ‘ดวงตาแห่งความรู้’ ที่คนอื่นๆ ไม่มีกัน พวกเขาจึงรู้ว่าใครควรผูกมิตรไว้บ้าง
แต่เรื่องนั้นมันก็ทำให้คนตระกูลเจียนเย่อหยิ่งไม่น้อย เพราะหากโชคชะตาไม่สูงส่ง พวกเขาทั้งหลายนี้ก็จะไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย
เย่หยวนค่อยๆ เดินไปหาเจียนปิงและนั้นทำให้เจียนหยู่หน้าถอดสีทันที “จ-เจ้าคิดจะทำอะไร? ข้าขอเตือนเลยนะว่าพี่ชายของข้าเป็นคนของศาลามายาล้ำอย่างแท้จริง หากเจ้ากล้าทำร้ายเขาแม้แต่ปลายเส้นผม เจ้าจะไม่มีทางรอดออกจากเมืองนี้ไปง่ายๆ แน่!”
เย่หยวนไม่ได้คิดที่จะสนใจเขาอีกต่อไปและคุกเข่าลงคุยกับเจียนปิงแทน “เจ้ามีนามว่าเจียนปิงใช่ไหม? เรามาทำข้อตกลงกันหน่อยไหม?”
หลังผ่านความเจ็บปวดแรกมา ตอนนี้เจียนปิงก็มีอาการที่ดีขึ้นมาก แต่ดวงตาของเขาก็ยังเปิดไม่ออก มีเลือดไหลลงมาเป็นสายเหมือนสภาพของเจียนเจิ้นเทาเมื่อตอนนั้น
มีหรือที่เขาจะยังไม่เข้าใจอีกว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าของเขานี้เป็นคนที่มีดวงชะตาสุดเลิศล้ำ!
แต่เจ้าหมอนี่มันทำให้เขาตาบอด!
ฟุบ!
จู่ๆ เจียนปิงก็ทำการโจมตีออกมา!
“ไปตายเสีย! อยากให้ข้าทำข้อตกลงด้วย?!” เจียนปิงพูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
ภาพนี้มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เร็วจนไม่มีใครทำอะไรได้ทัน
คนทั้งหลายรอบๆ ต่างกรีดร้องขึ้น
“นายท่านระวัง!”
จางห่าวเทียนและจางเสี่ยวหรานนั้นหน้าซีดเผือดเมื่อได้เห็น พวกเขาต้องรีบร้องตะโกนออกมา
ปัง!
พื้นดินแตกเป็นเสี่ยงๆ ส่งเศษหินเศษฝุ่นกระจายไปทั่วบริเวณ
การโจมตีอันรุนแรงจากยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาว มันจะเป็นความรุนแรงที่มากขนาดไหนกัน?
สิ่งนี้มันทำให้ทุกผู้คนใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม พวกเขาไม่คาดคิดว่าเจียนปิงจะกล้าทำอะไรแสนชั่วร้ายแบบนี้ ถึงขั้นกับปล่อยท่าสังหารออกมา
เย่หยวนและเจียนปิงนั้นอยู่ใกล้กันมาก ที่สำคัญพลังบ่มเพาะของทั้งสองยังต่างกันลิบ หากคิดที่จะหลบเลี่ยงใดๆ มันคงไม่มีทางเป็นไปได้
ด้วยหมัดนี้ มีหรือที่เย่หยวนจะยังมีชีวิตรอดได้?
“ฮ่าๆๆ รัศมีจักรพรรดิ? โดนหมัดเดียวมันก็ตายเหมือนกันไม่ใช่เรอะ?” เจียนปิงหัวเราะลั่น
เย่หยวนนั้นทำให้เขาตาบอด ทำให้เขาหมดอนาคต มีหรือที่เขาจะยังใจเย็นพูดคุยได้?
ที่สำคัญเจ้าหมอนี่ยังหักขาน้องชายเขา
คนแบบนี้ ต่อให้มีรัศมีจักรพรรดิมันก็คงไม่เป็นประโยชน์กับเขาแน่!
“เฮ้อ! น่าสงสารเจ้าหนุ่ม รัศมีจักรพรรดิแท้ๆ”
“เขาอยากจะช่วยพ่อลูกจาง แต่เขาก็ไม่ได้นึกถึงเลยว่าศาลามายาล้ำนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน”
“คนที่ประเมินตัวเองสูงจนเกินไป แค่นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวกลับเข้าไปใกล้อาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวแบบนั้น ไม่ใช่รนหาที่ตายแล้วจะยังเป็นอะไรไปได้อีก?”
…
ในฝูงชนที่มุงดู พวกเขาหลายคนเสียดาย และบ้างก็บ่นว่าเย่หยวนนั้นขาดประสบการณ์เกินไป
จางห่าวเทียนนั้นแข้งขาหมดแรงได้แต่ทรุดลงนั่ง
ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้มันทำเอาเขาไม่มีแรงจะยืนต่อ
“ตาของเจ้านั้นถูกยอดเต๋าสะท้อนกลับใส่ ต่อให้รักษากายภาพหาย มันก็คงกลับไปสู่จุดสูงสุดไม่ได้ เจ้า… ไม่อยากหายเหรอ?”
ตอนนั้นเอง ท่ามกลางฝุ่นควันที่ตลบอบอวลก็เกิดเสียงหนึ่งลอยออกมา
ทุกคนอ้าปากกว้าง เด็กคนนี้… ยังไม่ตาย?
เป็นไปได้ยังไง?
เจียนปิงนั้นกำลังหัวเราะลั่นอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด แต่เมื่อได้ยินเสียงนั้นใบหน้าของเขาก็แข็งค้างไปทันทีด้วยความตื่นตะลึงจนสุดชีวิต
“เจ้า… ทำไมเจ้าถึงยังไม่ตายกัน?” เจียนปิงถาม
เย่หยวนตอบกลับมาอย่างสบายๆ “หากคิดจะสังหารข้าเจ้านั้นยังอ่อนหัดไป ครานี้เจ้าควรขอบคุณความที่ตัวเองเป็นคนจากศาลามายาล้ำนะ ไม่เช่นนั้น… เจ้าคงตายแล้ว เออ ช่างเถอะ เรามาคุยเรื่องข้อตกลงกันดีกว่า ข้าจะช่วยรักษาดวงตาของเจ้าให้ แต่เจ้าพี่น้องต้องสาบานต่อหน้ายอดเต๋าว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับพ่อลูกจางอีกในวันข้างหน้า”
เจียนปิงร่างกายสั่นสะท้านทันที “เจ้า… เจ้ารักษาตาข้าได้?”
เย่หยวนตอบกลับไป “ได้แน่สิ! จริงๆ ที่ข้ามาเมืองจักรพรรดิเลิศประกายวันนี้ก็เพื่อจะช่วยรักษาดวงตาให้ท่านผู้อาวุโสเจียนเจิ้นเทา”
เจียนปิงสั่นสะท้านขึ้นมาอีกครั้งและถามอย่างไม่อยากเชื่อ “ดวงตาของท่านผู้อาวุโสเจียน หรือมันจะเป็นเพราะว่าเขาใช้ศาสตร์ดูกับเจ้า?”
เย่หยวนหยักหน้ารับ “ใช่แล้ว! ข้อเสนอนี้เจ้าว่าอย่างไร?”
เจียนปิงนั้นตื่นตะลึงในหัวใจจนสุดที่จะบรรยายออกมาได้
ผู้อาวุโสเจียนนั้นได้รับคำเชิญจากเมืองหลวงลาถสายน้ำเพื่อออกไปเป็นผู้จัดงานประมูล แต่เขากลับมาพร้อมกับดวงตาที่บอดดับ จนตอนนี้ก็ยังรักษาไม่หาย
แต่เจียนปิงไม่เคยคาดคิดเลยว่าผู้อาวุโสเจียนนั้นจะตาบอดลงเพราะใช้ศาสตร์การดูรัศมีกับเย่หยวนคนนี้!
ตอนที่ 1707 ข้อตกลงต่อไป
เจียนปิงนั้นย่อมไม่คิดปฏิเสธ!
แม้ว่าเจียนหยู่นั้นจะเจ็บแค้นมากแต่เขาก็รู้ดีว่าดวงตาของพี่ชายนั้นสำคัญมากแค่ไหน
เมื่อไม่มีทางเลือกเขาจึงได้แต่สาบานต่อยอดเต๋า
เมื่อได้เห็นดังนั้นจางห่าวเทียนก็ตื่นเต้นดีใจอย่างมาก เขาดึงตัวของจางเสี่ยวหรานเข้ามากราบคุกเข่าต่อหน้าเย่หยวนทันที
“เฒ่าคนนี้…เฒ่าคนนี้ขอขอบคุณนายท่านที่ช่วยมอบชีวิตใหม่ให้!”
เย่หยวนนั้นรีบเข้าไปประคองจางห่าวเทียนและลูกสาวขึ้นทันทีด้วยรอยยิ้ม “ท่านผู้เฒ่าก็ว่าเกินไป เสี่ยวหรานนั้นเป็นเด็กดีซื่อสัตย์กตัญญู ข้าคงทนปล่อยให้นางต้องเสียตัวให้วายร้ายมิได้หรอก เรื่องนี้มันแค่ต้องขยับมือนิดหน่อย อย่าได้เก็บไปใส่ใจเลยท่านผู้เฒ่า แต่ว่าการทำนายของท่านนี้ช่างแม่นยำนัก เรื่องที่ว่านั้นกลับมาเป็นจริงได้หมดจริงๆ”
จางห่าวเทียนนั้นได้แต่ก้มหน้าลงด้วยความอับอาย เขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่าปัญหาที่จะเจอทั้งหมดจะถูกเย่หยวนคนนี้ช่วยจัดการให้
จางห่าวเทียนนั้นเป็นสกุลนอกที่มีเชื้อสายตระกูลเจียนบ้าง แม้จะมีสายเลือดที่เบาบางแต่การทำนายของเขามันกลับช่างแม่นยำ
ส่วนเจียนหยู่ที่ฟังอยู่ข้างๆ ก็ได้แต่โกรธจนหน้าเขียว
ใครกันที่จะเสียตัวให้วายร้าย?
“นี่ เจ้ารู้ภาษาคนหรือไม่? ใครกันที่จะเสียตัวให้วายร้ายที่เจ้าว่านี้?” เจียนหยู่ตะโกนลั่นอย่างโกรธเคือง
เย่หยวนหันหน้ามองที่เขาด้วยรอยยิ้ม “ว่าเจ้าเป็นวายร้ายไง เจ้าคิดว่าจะมีใครค้าน?”
เจียนหยู่หน้าแดงจัดและหันไปมองดูคนรอบๆ ก่อนจะเห็นว่าพวกเขาทั้งหลายนั้นมีสีหน้าคล้อยตามเย่หยวนไปและได้แต่พูดออกมาอย่างโกรธแค้น “ดูอะไรกัน? ยังอยู่ดูอีกข้าจะควักตาของเจ้าออกมาให้สิ้น!”
ทุกคนที่มุงดูหน้าถอดสีทันทีและเริ่มแยกย้ายกันไป
“หึ!” จางเสี่ยวหรานอดทนกลั้นขำไว้ไม่ไหวจนสุดท้ายระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ยังจะบ่นอะไรมากมายอีก รีบรักษาตาให้ข้าได้แล้ว” เจียนปิงสั่งด้วยท่าทางรำคาญใจ
“ขาข้าด้วย!” เจียนหยู่บอก
หนิงเทียนปิงนั้นมือหนักไม่น้อย อาการของเขาจึงหนักเกินกว่าที่จะใช้แค่ปราณเทวะช่วยในการรักษา
เย่หยวนตอบกลับไป “ขาเจ้าไม่ได้อยู่ในข้อตกลง”
เจียงหยู่ตะโกนลั่น “เจ้า!”
เย่หยวนนั้นโบกมือขึ้น “ที่นี่คงไม่เหมาะนัก เจ้าพาข้าไปที่ศาลามายาล้ำก่อน ดีจริงๆ ข้าล่ะอยากไปเจอผู้อาวุโสเจียนด้วย”
เจียนปิงพ่นลมหายใจออกมาแรงและเดินหันหน้าจากไป
เย่หยวนจึงพาหนิงเทียนปิงตามไปติดๆ
ไม่นานนักพวกเขาทั้งหลายก็มาถึงปราสาทหลังใหญ่ที่มีตัวอักษร ‘ศาลามายาล้ำ’ เขียนติดไว้อยู่
“อาจารย์เจียน เกิดอะไรขึ้นกันรึท่าน?” เมื่อยามเห็นสภาพของเจียนปิงที่มีเลือดไหลจากดวงตาเป็นสายเขาก็รีบถามทันทีด้วยใบหน้าซีดๆ
เจียนปิงโบกมือปัดคำถามไป “ไม่มีอะไร เจ้าพาเราไปที่โถงหลัง มันผู้คนนี้จะรักษาตาให้ข้า!”
ยามคนนั้นรีบตอบรับและพาพวกเย่หยวนมายังโถงหลังทันที
เมื่อได้เดินเข้าไปเจียนปิงก็สั่ง “เจ้าไปกันคนไว้อย่างให้ใครเข้ามารบกวนเราได้!”
“ขอรับ!” ยามคนนั้นตอบรับทันทีและออกไปด้านนอก
“รีบลงมือเร็วเข้า! ข้าขอเตือนก่อนเลยนะ หากมันมีสิ่งชั่วร้ายใดแฝงในตาข้า ข้าจะไม่ให้เจ้าได้ตายดีแน่! อย่าลืมว่าที่นี่คือศาลามายาล้ำล่ะ!” เจียนปิงบอก
เย่หยวนจึงตอบไป “ไม่ต้องกังวล เย่ผู้นี้ไม่เคยลงมือพลาดมาก่อนเลย”
พูดจบเย่หยวนก็นำเข็มเงินออกมาและทิ่มมันเข้าไปในเบ้าตาของเจียนปิง
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่ในที่สุดเย่หยวนก็บอก “เปิดตาสิ!”
เจียนปิงขยับเปลือกตาและค่อยๆ เปิดตาทั้งสองข้างขึ้นอย่างกังวล
ตอนนี้เขาเห็นแล้วจริงๆ!
เขานั้นตื่นตะลึงในหัวใจ เด็กน้อยคนนี้มันมีฝีมือการรักษาที่ไม่ธรรมดาจริงๆ ถึงกับสามารถรักษาอาการบาดเจ็บจากยอดเต๋าได้
เพราะดวงตาของเจียนเจิ้นเทานั้นบอดมากว่าสองร้อยปีแล้วแต่ก็ยังไม่มีใครที่จะรักษามันได้
แต่เด็กคนนี้มันรักษาได้จริงๆ!
“ท่านพี่ ท่าน…เห็นแล้วรึ?” เจียงหยู่ถามอย่างกังวล
หากดวงตาของพี่ชายเขาบอดไปจริงๆ เขาก็ต้องเสียตำแหน่งอำนาจในศาลามายาล้ำนี้ไปแน่ๆ และเขาเองก็จะเสียที่พึ่งอันสำคัญไปด้วย
เจียนปิงพยักหน้า “เห็นแล้ว!”
พูดจบเขาก็ลองเดินวรยุทธวิญญาณลับโกลาหลและมองดูที่เจียงหยู่ดู ก่อนที่เขาจะเห็นแสงสีส้มจางๆ ลอยรอบๆ ตัวน้องชาย
แต่ตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะมองดูเย่หยวนอีกต่อไปแล้ว
เด็กคนนี้มันน่ากลัวเกินไป
แต่ว่าน้องชายของเขาคนนี้เองก็ไร้ประโยชน์เสียจริงๆ!
ทั้งๆ ที่ใช้ทรัพยากรไปมากมายแล้วแต่กลับเป็นได้แค่ราชันพระเจ้าหนึ่งดาว
สีส้ม มันหมายความว่าเขาคงไปได้ไม่ไกลกว่านี้แล้วในชีวิต
“เห็น!” เจียนปิงพยักหน้ารับอีกครั้ง
เจียนหยู่จึงพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “เห็นจริงๆ ด้วย! ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะมีความสามารถจริง!”
เจียนปิงหันไปมองเย่หยวนด้วยรอยยิ้มที่แสนเย็นเยือก “เขามีความสามารถแน่ แต่…พวกเจ้าเข้ามา!”
ปัง!
คนกลุ่มใหญ่บุกเข้ามาจากประตูทันทีพร้อมปิดทางหนีของเย่หยวนไว้จนสิ้น
คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นกลางทั้งสิ้น!
เจียนปิงมองดูเย่หยวนด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “เด็กน้อย เจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะปล่อยเข้าไปจริงๆ หรอกใช่หรือไม่? นายน้อยคนนี้จะไม่ไปหาเรื่องสองพ่อลูกนั่นก็ย่อมได้ แต่เจ้า…ต้องตาย!”
ดูเหมือนว่าก่อนจะเข้ามาเมื่อสักครู่เจียนปิงจะส่งสัญญาณบางอย่างบอกพวกยามให้ไปเรียกคนมา
เมื่อเจียนหยู่เห็นเช่นนี้เขาก็ตะโกนขึ้นอย่างดีใจ “ฮ่าๆ ท่านพี่ สังหารมัน! สังหารมันเลย! ไอ้เด็กคนนี้มันโอหังนัก! เด็กน้อย คราวนี้ต่อให้เจ้ามีปีก็คงหนีไม่พ้นแล้วใช่หรือไม่?”
เย่หยวนมองดูที่เจียนปิง “เจียนปิง หากเจ้าสังหารข้าลงครานี้ก็จะไม่มีใครรักษาผู้อาวุโสเจียนได้แล้วนะ”
เจียนปิงหัวเราะ “ผู้อาวุโสเจียน? ไอ้เฒ่าไร้ประโยชน์นั่นมันตาบอดไปแล้ว เจ้ายังคิดว่ามันจะมีอำนาจใดในศาลามายาล้ำอีกหรือ? ที่สำคัญ…หึๆ เจ้าคงไม่รู้หรอกว่าจริงๆ ไอ้เฒ่านั่นกับพี่ใหญ่ข้าก็ไม่กินเส้นกันมานาน ข้าล่ะรอไม่ไหวแล้วจริงๆ ที่จะไม่ให้ตาของมันหาย!”
เย่หยวนไม่คาดคิดว่าจริงๆ เจียนเจิ้นเทาจะเสียอำนาจที่เคยมีไปเพราะการมองครั้งนั้นแค่ครั้งเดียว
ที่สำคัญ เขายังไม่ถูกกับพี่ใหญ่ของเจียนปิงคนนี้อีกต่างหาก
ดูท่าการแก่งแย่งอำนาจนี้มันคงมีกันทุกที่จริงๆ!
เหมือนที่หอโอสถมีการแย่งอำนาจผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสที่สองเมื่อตอนนั้น เรื่องนั้นเองมันก็คงอยู่ขับเคี่ยวกันมานานนับหมื่นๆ ปี
ดูท่าศาลามายาล้ำแห่งนี้เองก็จะต้องไหลไปตามกระแสโลก ไม่สามารถแยกจากปัญหาที่แสนธรรมดานี้ไปได้
มากคนย่อมมากความ ตามที่เขาว่ากันจริงๆ
“ฮ่าๆ เด็กน้อย เจ้ารู้สึกสิ้นหวังรึยัง? ลองก้มหัวขอร้องข้าดูสิ บางที…ข้าอาจจะปล่อยให้เจ้ารอดไปก็ได้!” เจียนปิงหัวเราะลั่น
เพราะเมื่อสักครู่นี้สองพี่น้องเสียหน้าไปมาก ตอนนี้หากไม่เอาคืนเสียบ้างแล้วเขาจะยังเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้อีก?
หนิงเทียนปิงมีรอยยิ้มแสนดูถูกอยู่บนใบหน้าอย่างไม่คิดที่จะกังวลใดๆ เลย
เขารู้ดีว่านายใหญ่ของตัวเองไม่มีทางเดินเข้าดงศัตรูมาโดยไม่มีแผนใดเป็นแน่
และแน่นอนว่าเย่หยวนเองก็มองดูหน้าเจียนปิงอย่างใจเย็น “เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว ต่อไป มาเริ่มการแลกเปลี่ยนอันใหม่กัน”
เจียนปิงสะดุ้งไปนิดหน่อยแต่ก็หัวเราะออกมาในทันที “ยังจะมาแลกเปลี่ยนหาพ่อเจ้าอีกเรอะ? เจ้าโง่ขนาดนั้นเลย? ตอนนี้เจ้ายังจะมีอะไรมาแลกเปลี่ยนกับข้าได้อีก?”
เย่หยวนบอก “ข้าลืมบอกไป ก่อนที่จะมารักษาเจ้าข้าได้ไปรักษาจางห่าวเทียนด้วยเข็มชุดนี้มาก่อน และเขานั้น…ก็ติดพิษหมาป่าพิษราบมาเมื่อหลายปีก่อน จนวันนี้ก็ยังไม่สามารถหาวิธีรักษาได้ และเมื่อสักครู่นี้เองข้าก็รีบมาจนเกินไป จึงลืมที่จะล้างเข็มนั้น คือ…ไม่เป็นไรหรอก เจ้าไหวน่า ไม่ว่ายังไงพิษปลายเข็มมันก็ไม่ได้มากมายอยู่แล้ว เจ้าคงไม่ถึงตายหรอก อย่างมากก็คงแก่เร็วขึ้นเหมือนจางห่าวเทียนนั่นแหละ แล้วก็ดวงตาเจ้าตอนนี้มันอาจจะยังอยู่ดี แต่วันข้างหน้าข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันจะอยู่ดีแบบนี้ไปตลอดไหม”
เย่หยวนบอกออกมาอย่างใจเย็น แต่ใบหน้าของเจียนปิงนั้นหมดสภาพอย่างดูไม่ได้แล้ว
ตอนที่ 1708 ทำไมเจ้าถึงแข็งแกร่งนัก?
“หึ่ม! เจ้าคิดว่าจะข่มขู่ข้าได้ด้วยคำพูดไม่กี่คำนั้นเรอะ?” เจียนปิงนั้นพูดด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี
ไม่รู้ว่าทำไมตั้งแต่ที่เย่หยวนพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เขากลับรู้สึกคันที่ตาขึ้น ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะความคิดไปเองของเขาหรือเปล่า
เย่หยวนจึงแค่ยิ้มตอบไป “เจ้าไม่รู้รึว่าคนที่เจ้าไม่ควรท้าทายด้วยมากที่สุดนั้นคือนักหลอมโอสถ? ข้ารักษาเจ้าได้ แต่ก็ส่งเจ้าลงนรกได้เช่นกัน”
ที่ด้านข้าง เจียนหยู่จึงพูดขึ้นอย่างกังวลใจ “ท่านพี่ จางห่าวเทียนนั้นถูกพิษหมาป่าพิษราบเข้าจริงๆ และข้าก็เห็นด้วยว่าขาของมันกลับมาดีแล้ว! เรื่องนี้…เรื่องนี้มันอาจจะเป็นจริงได้!”
เจียนปิงหน้าถอดสีทันทีที่ได้ยิน ตอนนี้ยิ่งได้รู้ดวงตาของเขาก็ยิ่งคันยิกมากขึ้น จนอดไม่ได้ต้องยกมือขึ้นมาขยี้ไปหลายที
เย่หยวนยิ้มออกมาเมื่อเห็นสภาพนั้นก่อนจะบอก “เอาล่ะ เราจะมาตกลงกันได้หรือยัง?”
เจียนปิงหน้าเสียและถาม “เจ้าอยากได้อะไร?”
เย่หยวนตอบสั้นๆ “พาข้าไปหาผู้อาวุโสเจียน!”
เจียนปิงนั้นมีสีหน้าที่ไม่อยากยอมอย่างถึงที่สุด มันซีดจนเหมือนไก่ต้ม เด็กคนนี้มันทำให้คนแทบคลั่งได้จริงๆ
ทั้งๆ ที่ดูยังไงก็จนมุมแล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายกลับเป็นฝ่ายคนล้อมที่ถูกกัดเจียนตายแทน
สุดท้ายกลับเป็นเขาที่ต้องตกไปอยู่ในกำมือของเย่หยวนแทน!
การโต้กลับนี้มันทำให้ผู้คนปวดใจอย่างถึงที่สุด!
แต่เขานั้นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอดทนรับมันไว้
พิษจากหมาป่าพิษราบนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นพิษกัดกระดูก มันจะทำให้ผู้ติดพิษนี้ป่วยเป็นโรคแทรกซ้อนต่างๆ มากมาย เป็นพิษที่ทำให้ผู้คนทุกข์ทรมานอย่างถึงที่สุด และยังยากต่อการรักษาด้วย
ตอนนี้ดวงตาของเขาต้องพิษนี้ไปแล้ว ในวันข้างหน้ามันจึงมีโอกาสสูงมากที่เขาจะเกิดตาบอดลงอีกครั้ง!
เรื่องที่เย่หยวนขจัดพิษนี้ได้นั้น เขาไม่คิดที่จะสงสัยมันแม้แต่นิด
เพราะเขารักษาอาการสะท้อนจากยอดเต๋าได้ มีหรือที่พิษระดับนี้จะเป็นปัญหาไปได้
แต่การพาเขาไปหาเจียนเจิ้นเทานั้นมันเป็นเรื่องที่เขาไม่อยากยอมรับมากที่สุดแล้ว
มันช่างเป็นการตัดสินใจที่เจ็บปวดเสียจริงๆ!
สุดท้ายเจียนปิงก็กัดฟันแน่นและบอก “จำเรื่องนี้ไว้ให้ดีล่ะ!”
…
เจียนปิงนั้นนำทางเย่หยวนมายังบ้านหลังเล็กแห่งหนึ่งและบอก “ที่นี่แหละ!”
เย่หยวนมองดูบ้านน้อยๆ นั้นด้วยความรู้สึกมึนงงไม่น้อย
ยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาว สำหรับเมืองจักรพรรดิแล้วคนระดับนี้เรียกได้ว่าสูงส่ง
แต่ทว่า เจียนเจิ้นเทานั้นกลับได้มาอยู่ในบ้านเล็กๆ เช่นนี้ มันช่างทรุดโทรมจนเกินกว่าจะบรรยายได้!
ดูท่าหลายปีที่ผ่านๆ มาเจียนเจิ้นเทาจะได้เจอเรื่องราวมามากมายแน่
เย่หยวนเดินไปจนถึงหน้าประตูและเร่งปราณเทวะของตนก่อนจะตะโกนเข้าไป “ข้าน้อยเย่หยวนมาขอพบท่านผู้อาวุโสเจียนเจิ้นเทา”
ไม่นานนักก็มีเสียงชายแก่ดังขึ้นมาจากด้านใน “หึๆ ก็นึกว่าใคร ที่แท้เป็นสหายหนุ่มเย่หยวนนี่เอง เข้ามาก่อนสิ!”
ดูท่าแล้วเจียนเจิ้นเทาเองก็คงใช้เวลานึกไม่น้อยกว่าจะจำเย่หยวนขึ้นมาได้
แต่สิ่งที่ทำให้เย่หยวนตื่นตกใจมากที่สุดก็คือเจียนเจิ้นเทาไม่ได้มีท่าทางโกรธแค้นปนออกมาในน้ำเสียงเลยแม้แต่น้อย มันเป็นน้ำเสียงที่เหมือนเขาใช้พูดกับสหายสนิทที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี
เพราะยังไงเสียการที่เจียนเจิ้นเทาตาบอดลงมันก็เป็นเพราะว่าเย่หยวน
แม้ว่าเย่หยวนจะไม่ได้ทำอะไรจริงๆ แต่จะมีสักกี่คนในโลกที่มองมันได้ตามจริงและปล่อยไปแบบนั้น?
หากเป็นคนอื่น พวกเขาคงโทษเย่หยวนไปแล้วไม่มากก็น้อย
เย่หยวนไม่คิดเลยว่าเจียนเจิ้นเทาจะมีความคิดที่เปิดกว้างได้ขนาดนี้
“เอาล่ะ ทีนี้เจ้าจะเอายาถอนพิษมาให้ข้าได้รึยัง?” เจียนปิงถาม
เย่หยวนโยนขวดโอสถออกไปให้และบอก “เอาไปกินเสีย”
เจียนปิงที่ได้รับโอสถไปแล้วก็กล่าวขึ้น “แล้วข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร?”
เย่หยวนตอบ “เจ้าคิดว่าคนบนโลกหล้านั้นหน้าไม่อายเช่นเจ้ากันหมดรึ? หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองไปหาคนที่เก่งกาจกว่านี้ดูเอาเองเถอะ”
พูดจบเย่หยวนก็หันหน้ากลับไปเปิดประตู
ตอนนั้นเองที่เจียนปิงก็เปลี่ยนท่าทีและลงมือโจมตีทีเผลอออกมา!
เป็นการโจมตีทีเผลออีกครั้ง!
ฝ่ามือนั้นรวดเร็วปานสายฟ้า เทียนปิงใช้พลังออกมาเต็มที่หวังสังหารเย่หยวนลงด้วยการโจมตีเดียวนี้
“ตรานิพพาน!”
แต่สิ่งที่รอรับเขาอยู่กลับเป็นตราที่แสนทรงพลัง!
แผ่นหลังของเย่หยวนนั้นเหมือนมีตางอกออกมาและปล่อยตรากระแทกกลับออกมา
ตู้ม!
แรงสั่นสะเทือนสะท้านไปทั่วทิศ ส่งร่างของเจียนปิงคนนั้นลอยปลิวไปไกลพร้อมเลือดที่กระอักไหลออกมาเต็มปาก
เขามองดูเย่หยวนด้วยความตกตะลึง
แค่วรยุทธตราประทับจากนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวมันจะทำให้ร่างของเขาลอยกระเด็นได้อย่างไร?
หลังจากเวลาผ่านไปได้หลายต่อหลายปี แน่นอนว่าเย่หยวนต้องกินโอสถเข้าไปอย่างมากมายเช่นกันจนสามารถผลักดันตัวเองขึ้นมาสู่อาณาจักรวายุพระเจ้าสองดาวได้
ตอนนี้เขาสามารถปะทะกับยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวได้อย่างไม่มีเสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเย่หยวนในตอนนี้ใช้ตรานิพพานออกมา มันจะยังมีใครต้านทานได้!
เจียนปิงนั้นไม่ยอมรับอยู่ในใจ แล้วมีหรือที่เย่หยวนจะมองไม่ออก เขาจึงเตรียมตัวรับมือเจียนปิงมานานแสนนานแล้ว
ตรานิพพานปะทะฝ่ามือธรรมดาๆ ของเจียนปิง ผลคงไม่ต้องคาดเดากันให้ยาก
“บ้าน่า! เจ้า…ทำไมเจ้าถึงแข็งแกร่งนัก?” เจียนปิงบอกอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
เย่หยวนมองดูที่เจียนปิงและบอก “ข้าก็บอกแล้ว หากเจ้าไม่ใช่คนของศาลามายาล้ำเจ้าคงตายไปนานแล้ว! คิดว่าข้ามีความอดทนมากพอจะมาเล่นกับขยะอย่างเจ้ารึ? ไปให้พ้นหน้าข้า!”
เจียนปิงลากร่างของตัวเองเดินจากไปด้วยความโกรธแค้นที่ยิ่งสุมเต็มอก ก่อนจะหันมามองเย่หยวนและบอก “เด็กน้อย เจ้ารอก่อนเถอะ! กล้าต่อต้านข้า เจียนปิงผู้นี้ เจ้าจะได้รู้ถึงผลของมัน!”
พูดจบเจียนปิงก็กุมแผลและวิ่งจากไป
เมื่อเห็นสภาพนั้นเย่หยวนก็ขมวดคิ้วแน่น
หนิงเทียนปิงเองก็เช่นกัน “นายใหญ่ ดูท่าเจ้าเจียนปิงนี้คงมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา ข้าเกรงว่า…”
มีหรือที่เย่หยวนจะยังไม่รู้ว่าเจียนปิงคนนี้มีเบื้องหลังไม่น้อย? ไม่เช่นนั้นคนแบบนี้คงไม่พ้นตายลงด้วยน้ำมือของเย่หยวนไปนานแล้ว
แต่การเดินทางครั้งนี้พวกเขามาเพื่อขอความช่วยเหลือจากศาลามายาล้ำ หากไม่จนมุมจริงๆ ก็ไม่อยากจะไปสร้างความขัดแย้งที่เกินจำเป็นกับอีกฝ่าย
เย่หยวนส่ายหัวออกมา “ทหารมาก็ให้นายพลไปหยุด เมื่อน้ำขึ้นก็ต้องใช้ดินอุด เข้าไปกันก่อนเถอะ”
เมื่อเปิดประตูเข้ามา เขาก็ได้เห็นว่าบ้านหลังนี้ไม่ได้ยิ่งใหญ่นัก มันให้ความรู้สึกเหมือนเย่หยวนได้เดินเข้ามาในโรงนาเล็กๆ
ในโรงนานี้มีดอกไม้และพืชพรรณไม่น้อยถูกปลูกไปทั่ว ให้ความรู้สึกสดชื่นและสวยงามไม่น้อย
และมีชายแก่คนนี้กำลังถอนหญ้าให้พวกมันอยู่
ในสภาพความทรุดโทรมแบบนี้ ชายแก่คนนี้กลับมีท่าทางแสนสุขสบายเหมือนเป็นเมฆที่ล่องลอยอย่างไม่รู้ทุกข์
แน่นอนว่าเขาคนนี้คือเจียนเจิ้นเทานั่นเอง
“ไม่ได้เจอกันมากว่าสองร้อยปี สหายหนุ่มเย่หยวนคงสบายดี?” เจียนเจิ้นเทาวางจอบลงและหันมาทักทายเย่หยวนด้วยรอยยิ้ม
ติดแค่ว่าดวงตาทั้งสองข้างของเขานั้นมันปิดแน่น
จริงๆ แล้วตัวเขาเองก็ตื่นตระหนกอยู่ไม่น้อย เพราะคนหนึ่งเป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวแน่ๆ แต่อีกคน…เขากลับไม่สามารถมองออกได้
ราวกับว่า…ชายคนนี้เป็นแค่เพียงม่านหมอกที่ล่องลอย
ปราณเทวะที่ปล่อยออกมาด้านนอกเมื่อสักครู่นั้นเขาเองก็สัมผัสได้เช่นกัน
นั่นมันคือการปะทะของสองราชันพระเจ้าห้าดาวแน่ๆ ไม่ว่าเย่หยวนจะมีความสามารถที่สูงส่งพรสวรรค์ที่เหนือล้นแค่ไหน เขาก็คงไม่มีทางเป็นราชันพระเจ้าห้าดาวที่ปะทะกันเมื่อสักครู่แน่
เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจมันมากมาย
เย่หยวนยิ้มขึ้นถาม “ข้าน้อยไม่ค่อยสบายใจนัก ข้าจึงได้มาหาความช่วยเหลือจากท่านผู้อาวุโสนี่แหละ”
เจียนเจิ้นเทานั้นตื่นตกใจเล็กน้อย “โอ้? เรื่องอะไรรึ?”
เย่หยวนยิ้ม “เรื่องของข้ามันไม่ได้เร่งรีบนักหรอก แต่ชีวิตแสนสบายไม่สนโลกของท่านนี่ต่างหากที่ทำให้เย่หยวนคนนี้ตกใจไม่น้อย!”
เจียนเจิ้นเทานั้นยกมือขึ้นมาลูบหนวดยาวๆ นั้น “เจ้าคิดว่าเฒ่าคนนี้ต้องหมดแรงใจอยู่ในสภาพสุดน่าสมเพชได้แต่รอความตายรึ?”
เย่หยวนยิ้มออกมา “หึๆ เป็นเย่หยวนคนนี้เองที่คิดมองท่านผิดไป! ท่านผู้อาวุโสมีจิตใจกว้างขวาง ความคิดเปิดกว้าง เย่หยวนเลื่อมใสนัก!”
เจียนเจิ้นเทายิ้มตอบ “ที่เจ้าว่ามามันก็ไม่ผิดหรอก! ตาทั้งสองนี้มันมีความหมายมากต่อตระกูลเจียนเรา หากเสียมันไปก็เท่ากับว่าเสียอนาคตไปด้วย แต่จากนั้นมาเฒ่าคนนี้ก็ได้เริ่มคิดถึงเรื่องราวต่างๆ มากมายและลงท้ายด้วยการใช้ชีวิตสบายๆ เช่นนี้ ตอนนี้ข้าจึงเริ่มเข้าใจบางอย่างขึ้นมาแล้ว”
เย่หยวนขมวดคิ้วทันทีและกล่าวขึ้นอย่างตื่นตกใจ “ท่านผู้อาวุโสหรือว่า…ท่านแตะฐานของอาณาจักรนภาสวรรค์ได้แล้ว!”
เจียนเจิ้นเทานั้นพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “หลายปีมานี้ข้าได้รับรู้ถึงเรื่องราวมากมายในชีวิต แต่หากพูดถึงเรื่องการบรรลุมันคงยังต้องใช้เวลาอีกหน่อย”
ตอนที่ 1709 ปิดบังด้วยความลับแห่งสวรรค์
“โฮะๆ ดูเหมือนผู้น้อยจะมาทันเวลาพอดี โชคยังดีที่ท่านผู้อาวุโสไม่ได้บรรลุไปเสียก่อน ไม่เช่นนั้นผลกระทบจากยอดเต๋ามันคงหนักหนาจนเกินกว่าที่ข้าจะทำอะไรต่อมันได้” เย่หยวนยิ้มบอก
ร่างของเจียนเจิ้นเทานั้นสั่นสะท้านไปหมด “จ-เจ้าว่าอย่างไรนะ?”
เย่หยวนตอบ “ที่ข้ามาครั้งนี้หนึ่งก็คือเพื่อจะมาขอความช่วยเหลือจากท่านผู้อาวุโส สอง…ย่อมเป็นเพื่อมารักษาดวงตาของท่านด้วย”
เจียนเจิ้นเทากล่าวขึ้นอย่างตื่นตกใจ “หมายความว่า…ตาของเฒ่าคนนี้จะมีโอกาสกลับมามองเห็นอย่างนั้นรึ?”
ผลสะท้อนจากยอดเต๋านั้นคือบทลงทัณฑ์นักยุทธจากยอดเต๋า มันไม่ใช่เรื่องที่จะรักษาได้ง่ายๆ เลย
เจียนเจิ้นเทานั้นทิ้งความหวังไปนานแสนนานแล้ว เรื่องนี้มันจึงทำให้เขาเป็นคนที่มีความคิดเปิดกว้างได้ขนาดนี้
และก็เป็นเพราะเรื่องนี้ด้วยเช่นกันที่ทำให้ความคิดของเขาเกิดบรรลุไปเป็นความเข้าใจยอดเต๋าได้ในระดับหนึ่ง
เดิมทีด้วยพรสวรรค์ของเจียนเจิ้นเทา มันไม่มีทางใดเลยที่เขาจะสามารถบรรลุไปสู่อาณาจักรนภาสวรรค์ได้
แต่ตอนนี้เย่หยวนกลับมาบอกว่าดวงตานี้ของเขามีโอกาสหายกลับมาเป็นปกติ แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้มันต้องทำให้จิตใจที่สงบนิ่งของผู้ยอมแพ้นั้นกลับมาเต้นรัวอีกครั้ง
เย่หยวนยิ้ม “ครั้งก่อนที่เมืองหลวงลาภสายน้ำ เย่หยวนผู้นี้ไม่รู้ว่าตนเองจะสามารถบรรลุระดับสี่ได้หรือไม่ ไม่รู้ว่าปราณเทวะของตัวข้านั้นมันจะมีพอรักษาท่านผู้อาวุโสหรือไม่ จึงไม่ได้บอกกล่าวออกไป”
เจียนเจิ้นเทากล่าวอย่างตื่นเต้นดีใจ “เช่นนั้นเจ้าคงบรรลุแล้ว? ไม่แปลกใจเลย แค่ติดใจนิดหน่อยว่าทำไมคลื่นพลังที่เจ้าปล่อยออกมามันถึงผิดแปลกจากเดิมนัก ไม่นึกไม่ฝันเลยจริงๆ! ข้าไม่นึกไม่ฝันเลย! ว่าดวงตาของเฒ่าคนนี้จะได้กลับมาเห็นแสงตะวันอีกครั้ง!”
เจียนเจิ้นเทานั้นมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำกว่าเจียนปิงมาก นั่นทำให้อาการสะท้อนของเขายิ่งรุนแรงหนักกว่าเจียนปิงหลายเท่า
ต่อให้เป็นเย่หยวนเขาก็ยังต้องทำการรักษาอย่างยากลำบากกว่าที่จะทำให้ดวงตาของเจียนเจิ้นเทากลับมามองเห็นได้อีกครั้ง
เมื่อเจียนเจิ้นเทาลืมตาออกดู เขาก็บอกว่าดวงตาของตนกลับมาเห็นแสงสว่างได้อีกครั้งหนึ่งจริงๆ
ทุกสิ่งอย่างกลับเป็นดั่งก่อน!
เจียนเจิ้นเทาหันไปมองดูใบหน้าเย่หยวนอย่างซาบซึ้ง “สองร้อยปีมานี้ เฒ่าคนนี้ได้ยอมแพ้และทำให้รับมันอย่างสงบแล้ว ไม่นึกเลย…ว่าเมื่อวันนี้มาถึงเฒ่าคนนี้จะไม่สามารถสงบจิตใจได้ขนาดนี้! สหายหนุ่มเย่หยวน ขอบพระคุณ!”
เย่หยวนยิ้ม “ท่านผู้อาวุโสก็จริงจังเกินไป ตาของท่านนั้นเดิมทีก็เป็นเพราะข้าเอง มีหรือที่ข้ายังจะนิ่งนอนใจได้”
เจียนเจิ้นเทาส่ายหัวออกมา “เฒ่าคนนี้ใช้ศาสตร์การดูรัศมีกับเจ้าด้วยตัวเอง มันเป็นปัญหาที่ตัวข้าก่อ ยังจะไปโทษเจ้าได้อย่างไร? เรื่องแบบนั้นไม่มีหรอก! อ่า จริงด้วย เจ้ามาหาเฒ่าคนนี้เพื่อเรื่องอันใดกันนะ?”
พูดถึงเรื่องนี้เย่หยวนก็มีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
เย่หยวนค่อยๆ เล่าเป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้ให้แก่เจียนเจิ้นเทาฟัง แต่เจียนเจิ้นเทากลับต้องขมวดคิ้วแน่น
เมื่อเย่หยวนเห็นใบหน้านั้นของเจียนเจิ้นเทา เขาก็รู้สึกไม่ดีอยู่ในใจจนอดไม่ได้ที่ต้องถามออกมา “ท่านผู้อาวุโส มัน…มันมีปัญหาใดหรือ?”
เจียนเจิ้นเทายิ้มออกมาอย่างขื่นขม “มานี่สิ เฒ่าคนนี้จะทำนายให้เจ้าดู เจ้าจะได้เข้าใจ!”
เย่หยวนนั้นมีสีหน้ามึนงงสงสัย ก่อนที่จะเห็นว่าเจียนเจิ้นเทาค่อยๆ หยิบเหรียญทองแดงหลายเหรียญออกมา
แน่นอนว่าเหรียญทองแดงเหล่านี้มันมิใช่สิ่งของธรรมดาทั่วไป มันถูกสร้างขึ้นมาจากโลหะพิเศษ
เมื่อเย่หยวนลองตรวจดูเขาก็พบว่ามันเป็นชุดสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำ!
เจียนเจิ้นเทาค่อยๆ ใช้วรยุทธวิญญาณลับโกลาหลและปล่อยปราณเทวะของตัวเองลงใส่เหรียญทองแดงไป
ไม่นานนักก็เกิดควันหมอกหนาพวยพุ่งขึ้นมาจากมัน ทำให้บ้านน้อยๆ ทั้งหลังเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศสุดน่าพิกล
เย่หยวนนั้นตื่นตกใจไม่น้อย เพราะการลงมือแต่ละครั้งของเจียนเจิ้นเทานี่มันเหนือล้ำความคาดหมายไปจริงๆ
จางห่าวเทียนนั้นมีการทำนายที่แม่นยำไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับเจียนเจิ้นเทาแล้วมันก็เป็นได้แค่การละเล่นของเด็กๆ
เมื่อเย่หยวนเห็นสภาพตอนนี้เขาเองก็ตั้งหน้าตั้งตารอผลลัพธ์ของมันเช่นกัน หวังว่าเจียนเจิ้นเทาจะช่วยเขาหาข่าวพวกลี่เอ๋อได้
แต่ทว่าผลลัพธ์ที่ออกมามันกลับทรยศเขา
เคร้ง!
“อ่อก!”
เวลานั้นเองที่เกิดเสียงแตกดังกังวานขึ้น เหรียญทองแดงทั้งหลายนั้นแตกหักออกเป็นเสี่ยงๆ!
ส่วนตัวเจียนเจิ้นเทาเองก็กระอักเลือดออกมาคำโต ย้อมร่างจนเป็นสีแดงฉาน
เย่หยวนหน้าถอดสีทันทีและรีบวิ่งเข้าไปประคองร่างของเจียนเจิ้นเทา “ท่านผู้อาวุโส นี่มัน…เกิดอะไรขึ้นกัน?”
เจียนเจิ้นเทายกมือขึ้นมาโบกปัดเป็นสัญญาณว่าเขาไม่เป็นอะไรมาก และตอบมาด้วยรอยยิ้มขื่นขม “จริงๆ ด้วย อย่างที่ข้าคิดเลย!”
เย่หยวนนั้นมีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีอย่างเต็มทนและถามออกไป “ผู้อาวุโส นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
เจียนเจิ้นเทาบอก “ยิ่งคนเรามีดวงชะตาสูงส่งเท่าไหร่ ผู้ที่จะทำนายดวงชะตาให้ได้ก็ต้องมีความสามารถมากเท่านั้น! สหายหนุ่มเย่หยวน ดวงชะตาของเจ้ามันเจิดจ้าเกินไป ดูท่าคงเป็นรัศมีจักรพรรดิในตำนาน ทุกสิ่งอย่างที่เกี่ยวข้องกับเจ้านั้นมันเป็นความลับ! ชะตาของเจ้าถูกปิดบังไว้ด้วยความลับแห่งสวรรค์ ไม่มีทางใดที่จะเข้าไปมองดูมันได้เลย ไม่เช่นนั้น ตอนนั้นแค่ข้ามองครั้งเดียวยอดเต๋าก็คงไม่สะท้อนกลับมารุนแรงปานนี้ การทำนายที่เกิดขึ้นนี้มันก็ใช้พลังจากหลักการเดียวกันนั่นแหละ”
จิตใจของเย่หยวนตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
หากเป็นเช่นนี้แล้ว ในโลกหล้าอันกว้างใหญ่ เขาจะออกไปตามหาผู้คนได้ที่ใดกัน?
ความสิ้นหวังเริ่มค่อยๆ เข้ามากัดกินจิตใจเย่หยวนมากขึ้น
“ท่านผู้อาวุโส นี่…หรือว่ามันจะไม่มีทางอื่นแล้ว?” เย่หยวนถามอย่างไม่อยากเชื่อ
เจียนเจิ้นเทาบอก “ด้วยสถานการณ์ของเจ้าแล้ว มันคงมีแต่ต้องเชิญท่านเจ้าศาลามาจัดการเอง! มันแค่ว่า…”
เย่หยวนนั้นตื่นเต้นดีใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ผู้อาวุโส ท่านเจ้าศาลาจะทำนายได้ใช่หรือไม่?”
เจียนเจิ้นเทาพยักหน้ารับ “ท่านเจ้าศาลานั้นมีวิธีทำความเข้าใจดวงชะตาที่ลึกลับ ความรู้ความสามารถในการทำนายของเขานั้นสูงเกินกว่าที่ใครจะเทียบเคียง หากเขายอมที่จะลงมือ มันย่อมมีความหวัง”
เย่หยวนนั้นดีใจจนออกนอกหน้า “ตราบเท่าที่มันจะทำให้ท่านเจ้าศาลายอมทำนาย เย่หยวนคนนี้ก็พร้อมที่จะจ่ายทุกสิ่ง”
เจียนเจิ้นเทาพยักหน้ารับ “ช่างมันเถอะ ข้าจะลองไปดู”
เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะ “ขอบพระคุณท่านผู้อาวุโส! ก่อนอื่นขอข้ารักษาแผลของท่านก่อนเถอะ!”
ตอนนี้เย่หยวนนั้นรู้สึกขอบคุณเจียนเจิ้นเทาอยู่ในใจ
เพราะดูท่าเมื่อสักครู่เจียนเจิ้นเทาจะพอคาดเดาผลลัพธ์ได้มาก่อนแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธและช่วยทำการทำนายให้เย่หยวนจริงๆ
สุดท้ายเขาจึงต้องเสียสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำไป และยังบาดเจ็บไม่น้อย
เรื่องราวแบบนี้มันไม่มีทางเลยที่เย่หยวนจะมองข้ามผ่านไป
เมื่อรักษาเจียนเจิ้นเทาจนเสร็จดี เขาก็นำเย่หยวนมายังศาลามายาล้ำอีกครั้ง
เมื่อผู้คนได้เห็นเจียนเจิ้นเทา พวกเขาทั้งหลายก็ต่างแสดงสีหน้าสุดตื่นตะลึงขึ้น
“นี่มัน…ผู้อาวุโสเจียนเจิ้นเทาไม่ใช่รึ? ตาของเขาหายดีแล้ว!”
“เหลือเชื่อเสียจริงๆ! เขานั้นรับผลสะท้อนจากยอดเต๋าและกลายเป็นคนพิการไปแล้วแท้ๆ ใครกันที่เก่งกาจมากพอที่จะรักษาดวงตาให้เขาได้?”
“เฮอะๆ มีเรื่องสนุกๆ ให้ดูแล้วสิ! เมื่อผู้อาวุโสเจียนเจิ้นเทากลับมาอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้ ดูท่าศาลามายาล้ำเราจะมีเรื่องสนุกๆ เกิดขึ้นแน่แล้ว”
…
เพราะดวงตาที่มืดบอดของเจียนเจิ้นเทาเขาจึงถูกนับว่าเป็นคนพิการไร้ค่าไปแล้ว นั่นจึงทำให้เขาออกไปใช้ชีวิตเดียวดายตามลำพัง
เพราะการที่ใช้ศาสตร์การดูรัศมีไม่ได้ มันก็เท่ากับว่าเป็นคนพิการไร้ค่าไปแล้วในศาลามายาล้ำนี้
“เจียนเจิ้นเทา เจ้ามาที่ศาลามายาล้ำทำไม? หืม? ดวงตาของเจ้า…มองเห็นแล้ว?”
ตอนนี้เองที่จู่ๆ ก็มีชายแก่คนหนึ่งปรากฏตัวออกมาปิดทางคนทั้งสามไว้
แต่เมื่อเขาเห็นว่าดวงตาของเจียนเจิ้นเทาหายดีกลับมามองเห็น เขาก็มีสีหน้าตื่นตกใจไม่น้อย
เจียนเจิ้นเทามองผู้มาถึงคนนี้ด้วยรอยยิ้มแสนเย็นชา “ใช่แล้ว เจียนฉาวหนิง เจ้าคงผิดหวังมากล่ะสิ?”
ดูท่าคนทั้งสองคงไม่ค่อยถูกกันนัก
ตอนนั้นที่เจียนเจิ้นเทาตาบอดไป ก็เป็นเจียนฉาวหนิงคนนี้นี่เองที่พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะผลักและดันเขาออกจากที่นั่งผู้อาวุโส
ตอนนี้เมื่อเจียนเจิ้นเทากลับมาได้อย่างยิ่งใหญ่ มีหรือที่เขาจะยังใจเย็นได้?
เจียนฉาวหนิงเปลี่ยนสีหน้าและตอบกลับมา “เจ้าลืมกฎของศาลามายาล้ำเราไปแล้วรึ? นำพาคนแปลกหน้าสองคนมาด้วยเช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไร?”
“พี่ใหญ่!” เวลานั้นเองที่มีอีกเสียงแทรกขึ้น
เย่หยวนหันหน้าไปมองดู และมันจะเป็นใครไปได้นอกจากเจียนปิง?
โลกใบนี้มันช่างกลมเสียจริงๆ!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น